ตอนที่๒๗
การปรากฏการของราซีนนั้นเรียกความประหลาดใจได้ไม่น้อย แม้คุชจะบอกว่าการที่ราซีนมาที่นันทานครถูกปิดเป็นความลับ แต่ตอนนี้เวลานี้ทุกอย่างล้วนต้องระวังตัว เธรามองราซีนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองที่ตำหนักหยาดหมอกอย่างสบายๆ
“ท่าน...” วิรัลอ้าปากจะถามแต่ก้ต้องหยุดเมื่อคนตรงหน้าชิงพูดออกมาก่อน
“ทำไมอยู่ดีๆถึงจะทำศึกกับกองทัพเลือด” ราชีนถามย้อนออกมา
“ท่านมาทำอะไร” วิรัลไม่ตอบแต่ถามย้อนกลับไป
“ข้าทิ้งทุกอย่างไปเพราะคิดว่าเจ้าเหมาะสมกว่าข้า ข้าไม่คิดว่าอยู่ดีๆเจ้าอย่างจะทำสงครามกับกองทัพเลือดหรอกนะวิรัล” ราซีนเอ่ยออกมาเป็นครั้งแรกที่เธราเห็นแววจริงจังในดวงตาคู่นั้น
วิรัลถอนหายใจราซีนคือหนึ่งในคนที่เขามั่นใจว่าจะไม่มีวันทำร้ายนันทานคร แม้คนตรงหน้าจะละทิ้งทุกอย่างไปราวคนเห็นแก่ตัวก็ตาม แต่วิรัลเชื่อว่าสายเลือดราชาแห่งนันทานครนั้นเข้มข้นเสมอ
เรื่องราวถูกเล่าให้ราซีนฟังอย่างละเอียด ร่างของอดีตรัชทายาทนั่งฟังนิ่งๆใบหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์จนเมื่อเรื่องราวจบลง เธราแอบคิดว่าได้ยินราซีนถอนหายใจ
“วิรัลเจ้าไม่สงสัยใครบ้างรึ คนที่อย่างได้บัลลังค์นันทานครคนที่มีความสามารถพอที่จะปั่นหัวคนไปมาแบบนี้ได้” ราซีนหันไปถามวิรัลอย่างกังวล วิรัลเก่งกาจนั้นเขาไม่เถียงแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ วิรัลไว้ใจคนรอบกายที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกันเสมอ
วิรัลนิ่งไปอย่างครุ่นคิด ทุกคนรอบตัวเขาคือคนที่ร่วมกอบกู้นันทานครมาด้วยกันเขาไม่อยากจะมีใจสงสัยใครสักนิด
“รันตราอาจทำทุกอย่างก็ได้” เธราเอ่ยออกมา เรียกความสนใจของราซีนได้ไม่น้อย
“พระสนมท่านนี่มีอะไรให้ข้าแปลกใจเสมอเชียว ปีศาจมันจะเข้ามาถึงในห้องนอนราชาได้เยี่ยงไรหากไม่มีคนในคอยช่วยเหลือ จะพูดให้วิรัลสบายใจก็คำนึงถึงความจริงหน่อยเถอะ” ราซีนหันมาตำหนิเธราตรงๆ ก่อนถอนหายใจอีกรอบ “นี่กำลังเล่นเกมส์อะไรกัน เกมส์คนดีงั้นรึทำไมไม่จับเอาคนที่มีสิทธิ์สั่งการทหารดูแลเวรยามทหารในวังได้มาสอบเอาความจริงกัน ใครบ้างล่ะที่ทำได้ คาเซ แม่ทัพฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา มีใครอีกบ้าง ทำไมไม่เรียกมาสอบสวน” ราซีนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวสั่งสอน ใบหน้างดงามมีแววตำหนิ
“แม่ทัพฝั่งขวาประจำการอยู่ที่ชายแดนเมืองเวทย์ข้าเพิ่งเรียกเข้ามา ส่วนแม่ทัพฝ่านซ้าย(คุช)วันเกิดเหตุประจำการคู่กับหัวหน้าหน่วยทหารม้ามีพยานว่าประจำเวรยามตามหน้าที่ไม่ได้ไปใหน” วิรัลบอกออกมาก่อนนิ่งไป
“แล้วคาเซล่ะ” ราซีนถามออกมา เขารู้จักทั้งคาเซและวิรัลมาตั้งแต่เด็ก ในสายตาของพี่ใหญ่นิสัยของเหล่าบรรดาน้องชายทั้งหลายก็พอจะรู้มาบ้าง และไม่แปลกใจที่ทำไมเหล่าเสนาอำมาตย์ถึงเลือกวิรัลแทนที่จะเป็นคาเซ
“คาเซดูแลข้าเพราะข้าได้รับบาทเจ็บจากการทำพิธีบูชาบรรพบุรุษ” วิรัลบอกจริงๆคืนนั้นหลังจากลงจากเขาเขาก็ไม่ได้สติอีกเลย
“แล้วเจ้าคิดว่ามีใครอีกที่ เอามีดไปให้กษัตย์แห่งวูธฆ่าตัวเองได้ คนที่หลอกล่อรารีให้เอามีดมาให้และฉลาดพอที่จะสร้างสถานะการณ์ที่เกือบทำให้วูธกับนันทานครต้องรบกัน” ราซีนถามย้ำ การตั้งคำถามที่เหมือนจะต้อนให้วิรัลพูดชื่อคนที่ราชาแห่งนันทานครสงสัยแต่ไม่เคยเอ่ยออกมา “ข้าไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าจะไม่มีใครที่เจ้าสงสัยอยู่ในใจ”
“คาเซไม่มีทางหักหลังหม่อมฉัน” สุดท้ายแล้วริมฝีปากได้รูปก็เอ่ยชื่อของคนที่ตนสงสัยออกมา คำตอบที่ทำให้เธราเห็นว่าแววตาสีรัตติกาลมีสับสนปวดฉายชัด
ราซีนเลิกคิ้ว ก่อนแย้มยิ้มราวเย้ยหยัน “เจ้าซื่อตรงต่อใคร ไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องซื่อสัตย์ต่อเจ้าหรอกวิรัล การเกิดกบฎของนันทานครเมื่อครั้งก่อนเป็นข้อพิสูจน์
ที่เจ้ารู้ดี” อดีตรัชทายาทเอ่ยออกมา ช้าๆใบหน้าฉายแววเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนกลับไปยังอดีต
เธราที่นั่งฟังอยู่เงียบๆนั้นแสนอึกอัด การถูกทรยศมันร้ายกาจจนทำให้ชายที่เข้มแข็งทั้งสองดูเจ็บปวดได้ขนาดนี้เชียวหรือ
“แล้วทำไมคาเซถึงต้องเอามีดปลอมให้กษัตย์แห่งวูธฆ่าลูกสาวตัวเองด้วยล่ะ ถ้าวูธกับนันทานครรบกันแล้วคาเซจะได้อะไร” เธราถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจเพราะยังไงเขาก็ยังไม่อยากปักใจ คาเซคือคนที่วิรัลไว้ใจมากที่สุดถ้าเป็นคาเซที่ร่วมมือกับรันตราคนที่เจ็บปวดที่สุดย่อมเป็นวิรัลอย่างแน่นอน
ราซีนหัวเราะกับคำถามที่พยายามจะรักษาความรู้สึกวิรัลไว้ โดยการปกป้องคาเซ “ได้นันทานครไงล่ะ หากเกิดการรบกันแล้ววิรัลตายไปซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนวิรัลคงไม่รอดแน่ๆ วูธจะเข้ามาปกครองนันทานคร และคนที่ให้ความร่วมมือมาตั้งแต่แรกย่อมได้ผลประโยชน์ตรงนี้อย่างเต็มที่” ราซีนพูดออกมาเรื่อยๆ “ทีนี้เจ้ารู้รึยังล่ะว่าคาเซทำไปทำไม”
“แต่ถึงยังไงเราก็ยังไม่มีหลักฐานอาจไม่ใช่คาเซก็ได้” เธรายังคงเถียงใบหน้าราบเรียบมีแววรั้น เหมือนเช่นครั้งถูกจับเป็นทาส ทำเอาราซีนอดหัวเราะไม่ได้ ร่างของอดีตรัชทายาทแห่งนันทานครเดินเข้ามาใกล้เธราก่อนจะวางแขนลงไปบนไหล่อย่างหยอกล้อใบหน้างดงามโน้มลงไปใกล้ก่อนใช้นิ้วจิ้มลงไปที่ริมฝีปากของคนช่างเถียง
“เถียงเก่งแบบนี้วิรัลมันจะเบื่อเอานะ” ท่าทางประหลาดๆของราซีนทำเอาเธราสะดุ้ง ร่างสูงโปร่งผงะหนีก่อนถอยหลัง แต่ยังไม่ทันจะได้พุดอะไรก็รู้สึกถึงแรงดึงที่แขนเบา วิรัลเดินมาดึงเธราออกจากราซีนทั้งที่ใบหน้าได้รูปยังคงมีแววเคร่งเครียด
“อย่างแกล้งเขา” วิรัลบอกก่อนดึงเธรามาไว้ใกล้ตัว แขนแกร่งโอบเอวไว้หลวมๆราวแสดงความเป็นเจ้าของ
“หวง?” ราซีนถามพลางเลิกคิ้ว
“รัก...ต่างหาก” คำตอบง่ายๆแต่หนักแน่นของวิรัลเรียกปฎิกิริยาที่แตกต่างจากคนฟังทั้งสองได้เป็นอย่างดี ราซีนระเบิดหัวเราะจนดังลั่น ส่วนเธรานั้นได้แต่ยืนนิ่งใบหน้าซับเลือดจดอดยกเอาผ้ามาปิดไว้ไม่ได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------
วันนี้หลังจากคุยกับราซีนเสร็จ เธราก็ต้องตามวิรัลออกไปพบเหล่าบรรดาแม่ทัพจากเมืองต่างๆ การพูดคุยที่ดูเป็นการเป็นงานแบบนี้ทำเอาเขาเกร็งจนเหนื่อยไปหมด ร่างสุงโปร่งเดินโผเผเข้าไปยังห้องอาบน้ำ เขาตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จจะแวะไปดูพารัมที่ถูกให้แสดงบทคนป่วยเสียหน่อยไม่รู้ป่านนี้สหัสที่รับหน้าที่ดูแลจะหัวหมุนกับพารัมไปขนาดไหนแล้ว เสื้อผ้าถูกถอดออกพลางหยิบเอาผ้าที่ถูกจัดเตรียมไว้มาพันช่วงล่างอย่างง่ายๆ เธราเลือกหย่อนตัวลงไปในสระน้ำก่อนพิงตัวที่ริมสระอย่างเหนื่อยอ่อน สระน้ำใหญ่ถูกขุดขึ้นมาโดยดึงน้ำจากแม่น้ำเข้ามาในสระห้องถูกตกแต่งอย่างสวยงามพร้อมกับสร้างอาคารครอบไว้สำหรับเป็นที่อาบน้ำ ปกติเธราไม่ได้ใช้ห้องอาบน้ำแบบนี้มากนักเพราะตำหนักท้ายบึงนั้นแยกออกไปเสียใกลเขาจึงเลือกที่จะอาบน้ำง่ายๆที่ตำหนักตัวเองเสียมากกว่าเพิ่งมาได้ใช้ก็ตอนถูกให้อยู่ที่ตำหนักหยาดหมอกแห่งนี้เท่านั้น เธราผ่อนลมหายใจช้าๆกลิ่นหอมของบรรดาเครื่องหอมที่ถูกจัดวางไว้นั้นคลายความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียว ห้องอาบน้ำนี้ปกติแล้วเหล่าแม่ทัพอำมาตย์ต่างๆมักจะมีส่วนตัวที่บ้านของตนอยู่แล้ว นับว่าเป็นสถานที่ผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เธรารู้มาว่าแม่ทัพบางคนเรียกวงดนตรีเข้าไปบรรเลงในห้องอาบน้ำเสียด้วยซ้ำ เธราปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนค่อยๆเลื่อตัวลงไปใต้น้ำอย่างนึกสนุก เธรากดตัวเองให้ลงไปอยู่ใต้น้ำเย็นๆเสียเป็นพัก เมื่อสุดลมหายใจเขาจึงพาตัวเองขึ้นมาพลางหัวเราะเบาๆอย่างผ่อนคลาย ก่อนเอามือลูบหน้าลูบตาตัวเอง สายตาที่ยังคงพร่ามัวเพราะเพิ่งขึ้นมาจากน้ำนั้นยังคงจับภาพอะไรไม่ชัดเจนแต่ภาพตรงหน้านั้นทำเอาเธราอุทานลั่น
“เฮ้ย!” สิ้นเสียงอุทานเธราก็ผงะตัวหนีอย่างตกใจ
“ข้านึกว่าจะไม่โผล่ขึ้นมาเสียแล้ว” วิรัลบอกอย่างติดตลก จริงๆแล้วเขาตั้งใจจะมาอาบน้ำเท่านั้นแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพระสนมของตนกำลังดำน้ำอยู่ในสระราวเด็กน้อยเล่นสนุก ร่างสูงใหญ่ใจเย็นยืนดูอยู่เป็นพักจนเริ่มเป็นห่วงจึงตัดสินใจลงมาในสระเพื่อที่จะดึงคนซนขึ้นจากน้ำแต่เจ้าตัวกลับพุ่งขึ้นมาจากน้ำเสียก่อนใบหน้าเหรอหรานั้นดูตลกไม่น้อย
“ท...ท่านเข้ามาได้ยังไง” เธราละล่ำละลักถาม ถ้าเป็นปกติเขาก็คงไม่รู้สึกแปลกหรอกหากผู้ชายสองคนจะอาบน้ำด้วยกัน แต่นี่กับองค์วิรัลที่เพิ่งบอกรักเขาอย่างหน้าไม่อายไปหยกๆจะไม่ให้เขากระอักกระอ่วนได้ยังไง ตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็พอทนได้แต่ตอนนี้มีกันแค่สองคนในสภาพแบบนี้ เราอยากจะดำน้ำให้หายไปเลยด้วยซ้ำ
“ข้าจะไปที่ใหนก็ได้นะเธรา จริงๆห้องอาบน้ำนี้ก็เป็นห้องอาบน้ำของข้า” วิรัลบอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูจะทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเขา
“ง...งั้นหม่อมฉันออกไปก่อนนะกระหม่อม” เธราบอกก่อนทำท่าจะลุกขึ้น
“ไปพร้อมกันสิ จะไปหาสหัสกับพารัมใช่ใหม ข้าบอกให้ทุกคนไปเจอกันที่นั่นแล้วเราจะได้คุยกันเรื่องกองทัพเลือดด้วย” วิรัลชวนคุยถึงเรื่องสำคัญ เธราพยักหน้ารับรู้ก่อนทิ้งตัวลงที่เดิมอย่างง่ายๆเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่จะคุยกับทุกคนจนลืมตัวไปว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน
วิรัลเหลือบมองคนที่นั่งลงอย่างง่ายๆ เธรายังคงเป็นเธราคนเดิมผิวในร่มผ้าที่ขาวเนียนนั้นตัดกับช่วงแขนแขนและใบหน้าที่คล้ำแดดเพราะอยู่นอกร่มผ้า คนตรงหน้าดูจะมีความสุขง่ายๆกับขนมหรือการได้อาบน้ำ และมักจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าดื้อรั้นตอนเถียงกับราซีนเรื่องคาเซเพราะต้องการรักษาน้ำใขเขานั้นทำเอาอยากจะดึงคนตรงหน้ามากอด เร็วเท่าความคิดแขนแกร่งยื่นออกไปก่อนสอดรัดที่เอวของเธราและดึงเข้ามากอดทันที
เธราที่อยู่ดีๆก็โดนดึงไปกอดสะดุ้งทันทีมือเรียวกำผ้าที่พันช่วงล่างตังเองแน่น สภาพแบบนี้ไม่ปลอดภัยจริงๆ
“ป...ปล่อยหม่อมฉันก่อน” เธราบอกพลางฝืนตัวเองออกจากอ้อมกอด มือหนึ่งกำผ้าเอาไว้มือหนึ่งผลักไหล่คนตรงหน้า ยิ่งทำก็ดูเหมือนจะยิ่งเปลืองตัวเมื่อคนที่กอดไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย
“อย่าดิ้นสิ” วิรัลเอ่ยเหมือนห้ามปรามแต่ปลายเสียงที่เจอแววขบขันไว้นั้นทำเอาเธราเริ่มโมโห นี่คงหัวเราะเยาะเขาสินะ
“พระองค์ก็อย่ากอดสิ” เธราหยุดดิ้นก่อนหันมาบอกวิรัลตรงๆ ใบหน้าที่เคยมีแต่รอยยิ้มฉายแววดื้อดึง
วิรัลมองคนตรงหน้าที่ดูจะไม่พอใจเอาเสียมากมาย ใบหน้าที่แสนธรรมดานั้นทำเอาเขาละสายตาไปใหนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความสวยงามที่ทำให้อยากครอบครองแต่เป็นเพราะคนตรงหน้ามักจะวิ่งชนทุกอย่างเสมอหากละสายตาเพียงนิดก็จะหายไปราวสายลม ความเป็นอิสระของเธราทำเอาเขาอยากจะขังคนตรงหน้าเอาไว้บนหอคอยเสียให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อเธราพยายามขยับตัวลุกหนีเขาเลยอาศัยจังหวะการขยับตัวของคนขี้โมโหหดึงเธรามานั่งบนตัก พลางเอาคางเกยไว้บนไหล่เบาๆ
“เธรา สัญญาได้ใหมว่าถ้าเกิดอันตรายอะไรขึ้นให้รักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาดเข้าใจไหม” วิรัลพูดพลางกระชับอ้อมแขนให้แผ่นหลังของเราแนบชิดกับอกของตนมากขึ้น
คนที่ถูกรั้งให้นั่งอยู่บนตักแม้จะทั้งโมโหทั้งอายแต่ก็ยอมพยักหน้าแต่โดยดี เธรารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากน้ำเสียงของวิรัล
ท่าทางโอนอ่อนของเธรานั้นเหมือนจะทำให้วิรัลเริ่มได้ใจ แขนแกร่งกระชับอ้อมแขนให้มากขึ้นก่อนกดริมฝีปากลงบนแผ่นหลังของเธราเบาๆ ปลายนิ้วแกร่งกดลงไปบนหน้าท้องของเธราก่อนลูบไล้ไปมา
เธราเกร็งตัวทันทีเมื่อวิรัลเริ่มจะเกินเลยกว่าทุกที มือเรียวกำแน่นริมฝีปากที่เคยแย้มยิ้มเม้มสนิท เขาไม่ได้รังเกียจวิรัล แล้วไม่ว่าจะมองมุมใหนเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอยู่แล้ว เธราเริ่มมองไปรอบๆราวหาคนช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้ามาในเวลานี้เป้นแน่ หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเมื่อวิรัลเลื่อนมือลงต่ำกว่าเดิม ไม่พร้อมเธรายังไม่พร้อม อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ไม่ใช่ในห้องอาบน้ำ!
“รันตรา” เธราตะโกนเสียงดังก่อนชี้มือไปข้างหน้า พลางทำตาโตหน้าตาตื่นให้สมจริงที่สุด เรียกสติของวิรัลที่ดูเหมือนกำลังมัวเมาให้ได้สติ ใบหน้าคมเงยมองตามมือของเธรา แขนแกร่งก็พลอยคลายออกเธราฉวยโอกาศนี้ผละตัวออกจากอ้อมกอดของวิรัลร่างสูงโปร่งก้าวขึ้นมายังขอบสระทันที
“จะ...เจอกันที่ห้องพักพารัมนะกระหม่อม” เธราละล่ำละลักแล้วกึ่เดินกึ่งวิ่งหนีออกไปทันที ปล่อยให้วิรัลที่ถูกหลอกนั่งทำหน้าไม่ถูกอยู่คนเดียว ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้ ดวงตาสีดำสนิทมองตามแผ่นหลังของเราที่มีรอยจางๆที่เขาฝากไว้ จนลับสายตา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“พี่เธราข้าเบื่อ” ทันทีที่เธราเข้ามาในห้องที่ให้พารัมพักรักษาตัวปลอมๆนั้น พารัมก็ลุกขึ้นโผเข้ามาหาทันที “ข้าต้องนอนนิ่งๆแกล้งไม่ได้สติทั้งวัน ไม่เห็นจะมีใครมาเยี่ยมเลย” พารัมยังคงจีบปากจีบคอบอกเรา ใบหน้าน่ารักงอง้ำ
“ทนหน่อยนะพารัมถ้าเรารู้ตัวคนที่ทำร้ายเจ้า เราจะได้รู้ไงว่าใครเป็นคนร้าย” เธราพูดปลอบอย่างใจเย็น
“องค์วิรัลล่ะ” โชบุถามขึ้นเมื่อเห็นเธราเดินมาคนเดียว”
“อ่อ...เดี๋ยวก็ตามมา” วิรัลตอบพลางเฉหน้าไปทางอื่น ในห้องที่ใช้สำหรับพักรักษาตัวของพารัม ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากคนล่ะที่จนแทบไม่นึกว่าจะมารวมกันได้ การพูดคุยต่างๆล้วนมีแต่ความตึงเครียด เธรานั้นได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เรื่องราวดูใหญ่โตจนเธรากังวล
“กษัตย์แห่งวูธฆ่าลูกสาวตัวเองเพื่อโยนความผิดให้เธรา เพราะถ้าหากนันทานครปกป้องเธราย่อมเกิดสงครามตามมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ผิดแผนเพราะวิรัลกลับตัดสินใจส่งตัวเธราให้วูธ และตลบหลังโดยการให้พวกลูกครึ่งไปลักพาตัวหนี ทางพวกนั้นคงคิดไม่ถึงว่าวิรัลจะทำแบบนี้” ราซีนสรุป แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
“แต่...อาร์ที่เป็นคนรักขององค์หญิงโยนา ได้รับการแจ้งข่าวว่าข้าหนีไปจากวูธแทบจะทันทีที่ องค์หญิงโยนาถูกฆ่าเลยนะท่าน” เธราบอกออกมา เขาจำได้ว่าอาร์บอกว่าได้รับข่าวในวันเดียวกับที่องค์หญิงโยนาตาย และคนส่งข่าวเป็นรันตรา “แปลว่า...รันตรารู้ทันองค์วิรัลว่าจะให้โชบุกับชุนพาข้าหนีไป ถึงได้ไปแจ้งข่าวให้อาร์รู้เพื่อที่จะยืมมืออาร์ฆ่าข้า” เธราค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราวทีละอย่าง “และคนรักของรารีก็ต้องร่วมมือกับรันตราเพื่อที่จะเอามีดปลอมให้กษัตย์แห่งวูธเป็นอาวุธเพื่อที่จะปรักปรำข้า” เธราพูดออกมาเบาๆ ทีล่ะเรื่องๆใบหน้ามีแววเคร่งเครียด
“โอ๊ย...ไอ้ปีศาจนั่นมันจะทำให้ซับซ้อนขนาดนี้ไปทำไมกัน” โชบุโวยวายออกมาอย่างสุดทน
“ดวงใจที่ปวดร้าวทั้งสาม” สหัสที่นั่งฟังมาตั้งแต่ต้นเอ่ยขึ้น เรียกความสนใจของคนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี
“หมายความว่ายังไง” เอรันถามขึ้นทันที ใบหน้าสวยงามฉายแววตื่นตระหนกออกมาเพียงครู่ แม้จะรู้เรื่องราวว่าปีศาจรันตราต้องการฆ่าเธราเพื่อหัวใจของพารัม แต่ดวงใจที่ปวดร้าวทั้งสามนั้นอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเอรัน
“ที่รันตราต้องการฆ่าท่านเรา เพราะต้องการดวงใจของพารัม หัวใจของหญิงสาวพรมจรรย์ที่ถือกำเหนิดในวันจันทร์ดับและเป็นหม้าย” สหัสบอกออกมา “แต่หัวใจของพารัมอาจใช้ปลุกชีพผู้ที่หลับใหลได้เท่านั้น แต่ถ้าผู้หลับใหลนั้นเป็นชนชั้นสูงไม่ใช้พวกนอกรีตหรือปีศาจธรรมดา จึงจำเป็นต้องใช้ดวงใจที่ปวดร้าวทั้งสาม” สหัสอธิบายอย่างช้าๆ
“รอบรู้สมเป็นท่านจริงๆ ท่านสหัส” ทรีสเอ่ยออกมาก่อนยิ้มมุมปาก หากสหัสกลับตวัดตามองอย่างไม่พอใจ
“ดวงใจที่ปวดร้าวทั้งสาม ข้าก็เคยอ่านเจอในตำรานิทานพื้นบ้านประจำเมืองนันทา” เธราเอ่ยออกมา “มันมีจริงเหรอสหัส”
“มีสิ” เป็นเอรันที่เอ่ยขัดขึ้นมา
“แล้วมันมีอะไรบ้างล่ะ นอกจากหัวใจของหญิงสาวพรมจรรย์ที่ถือกำเนิดในวันจันทร์ดับและเป็นหม้าย น่ะ โอ๊ยแต่ล่ะอย่างเรียกก็ยาก แถมกว่าจะได้มาหัวใจของหญิงหม้ายอะไรยังเป็นสาวพรมจรรย์” โชบุบ่นเสียงดัง
“หญิงสาวที่แต่งงานแล้วยังไม่ได้เข้าหอแต่ต้องเป็นหม้ายเจ้าคิดว่าจะปวดร้าวสักแค่ไหนกัน ท่านลูกครึ่งอสรพิษ” เอรันเอ่ยออกมาใบหน้ามีแววเศร้าสร้อย “ดวงใจที่ปวดร้าวจนเจียนขาดใจ”
“แล้วอีกสองล่ะมีอะไรบ้าง” ชุนถามออกมา
“หัวใจของกบฏผู้สำนึกผิดและหัวใจของผู้ที่ฆ่าดวงใจตนเอง” เอรันบอกออกมา คำตอบที่ไม่ได้คลายกังวลสักเท่าไร
“แล้วที่ให้สาวน้อยมาแกล้งนอนเจ็บอยู่แบบนี้ จะได้ผลเหรอคนร้ายมันจะกลับมาดูงั้นรึท่าทางมันคงฉลาดพอตัว จะมาหลงกลกับหลุมพรางง่ายๆแบบนี้รึ” ราซีนเอ่ยถามออกมา เมื่อฟังเรื่องราวต่างๆเพิ่มเติม
“หากเราปล่อยข่าวว่าพารัมฟื้นขึ้นมาแล้ว ข้าคิดว่าคนร้ายน่าจะขยับทำอะไรบ้างเพราะมันเองก็คงไม่แน่ใจว่าพารัมเห็นอะไรมากน้อยแค่ไหน ” ” วิรัลบอกถึงสิ่งที่วางแผนไว้ก่อนเริ่มสั่งการบางอย่าง “สหัสไม่ต้องเฝ้าพารัมแล้ว เอรันข้าอยากจะขอรบกวนท่านมาดูพารัมให้ก่อนได้หรือไม่ ถ้าหากปล่อยข่าวว่าพารัมฟื้นแล้วจะต้องมีคนมาเยี่ยมเยียนแน่นอน พารัมเป้นหญิงให้คนอื่นเห็นมามีอมนุษย์ที่เป็นชายมาเฝ้าคงไม่ดีนัก” เอรันพยักหน้ารับอย่างไม่เกี่ยงงอน
“ราซีน ข้าอยากให้ท่านอยู่เงียบๆอย่าเพิ่งให้ใครเห็นท่าน สหัส โชบุชุน พวกเจ้าอยู่กับเธราเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีทำนายที่จะถึง” วิรัลออกคำสั่ง
“งั้นข้าเลี้ยงลูกแล้วกัน...เนอะตัวเล็กเนอะอย่างอแงนะลูกเดี๋ยวยักษ์เดี๋ยวยักษ์กินตับเอา” ทรีสเอ่ยติดตลกเพราะอยากให้ทุกคนคลายกังวลลงไปบ้าง ก่อนขยับร่างน้อยในอ้อมแขน
หากยังไม่ทันได้แยกย้ายคุชกับธันก็เข้ามารายงานข่าวบางอย่าง ผิวขาวซีดของคุชดูจะซีดหนักกว่าเดิมธันเองก็ดูเคร่งเครียดจนน่าเป็นห่วงสุดท้ายเป็นคุชที่เอ่ยรายงานข่าวที่เพิ่งได้รับรู้มา
“ราชาแห่งวูธสิ้นพระชนต์แล้วกระหม่อม” สิ้นคำรายงานข่าวร้ายที่ทำให้ทุกอย่างดูแย่ลงไปกว่าเดิม เอรันกูพูดบางอย่างออกมา
“หัวใจของผู้ที่ฆ่าดวงใจตนเองสินะ”
“หมายความว่ายังไงเอรัน” เธราถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
เอรันถอนหายใจหนักหน่วงก่อนเอ่ยออกมาช้าๆ “ลูกคือดวงใจของพ่อแม่ พ่อที่ฆ่าลูกของตนเอง ก็เปรียบดั่งฆ่าดวงใขของตนความเจ็บปวดคงยากเกินบรรยาย ได้ไปแล้ว ปีศาจได้หัวใจที่ปวดร้าวไปแล้วหนึ่งดวง”

มาแล้วค่าาาา
ฝาก #วิรัลลืมเมีย ด้วยค่า