ตอนที่๒๘
การจากไปของราชาแห่งวูธนั้นส่งผลให้ทุกอย่งที่วางแผนมาแล้วคลาดเคลื่อน ร่างไร้วิญญาณชองชายชรานั้นนอนนิ่งสงบใบหน้าที่เคย น่าเกรงขามนิ่งสนิทซีดเสียวและไร้สีเลือด
“หมอหลวงว่าทำไมอยู่ดีๆกษัตริย์วูธถึงตาย” วิรัลถามคาเซนิ่งๆสายตาคมมองศพตรงหน้านิ่ง
“ไม่ทราบสาเหตุกระหม่อม” คาเซตอบ “ตอนนี้พวกทหารของวูธกำลังระส่ำระสายหม่อมฉันกลัวว่าจะมีการลุกฮือหากทางเราไม่ชี้แจงเหตุผลที่น่าพอใจกระหม่อม”
“ราชาของเขาตายมีเหตุผลอะไรที่น่าพอใจบ้างล่ะคาเซ” วิรัลถามออกไปก่อนถอนหายใจ คำถามของวิรัลนั้นเงียบสนิทไร้ซึ่งคำตอบ
“แจ้งกองทัพของวูธว่าเธราพระสนมผู้มาจากมาลันเคีย จะทำการทำนายว่าฆาตกรคือใครในคือนนี้ตอนพระจันทร์ตรงหัว” วิรัลออกคำสั่งก่อนหันหลังเดินจากไปไม่ฟังคำทักท้วงของคาเซ
“พระสนมไม่มีญาณจะทำนายได้อย่างไรกระหม่อมแล้วอีกอย่างญาณของมาลันเคียทำนายได้แต่อนาคตไม่สามารถทำนายอดีตได้นะกระหม่อม” คาเซเอ่ยถามทั้งที่ยังคงเร่งฝีเท้าตามองค์วิรัลใบหน้าแสนสวยมีแววเคร่งเครียด
“ทำตามคำสั่งข้าตาเซ” วิรัลบอกง่ายๆโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของมหาดเล็กคนสนิท
“พระองค์ทรงคิดจะทำอะไรกระหม่อม องค์วิรัล ท่านรัล!” คาเซหลุดสรรพพนามที่ห่างหายจากปากมานานออกมา ตั้งแต่วิรัลขึ้นครองราชย์
“พารัมฟื้นแล้วตอนนี้กำลังรักษาตัว เธราบอกว่าพารัมน่าจะเห็นว่าชู้รักของรารีคือใครข้าคิดว่าถ้าเราจับตัวได้น่าจะช่วยให้สืบต่อได้ไม่ยาก” ร่างสูงใหญ่บอกแผนการแก่คาเซทั้งที่ยังคงก้าวเดิน
“พารัมรู้ว่าใครทำร้ายหรือกระหม่อม”
วิรัลชะงักฝีเท้าเพียงครู่ก่อนก้าวเดินต่อ ใบหน้าคมพยักตอบคำถามของคาเซก่อนยกมือขึ้นสะบัดเบาๆ เป็นเชิงให้คาเซไปทำหน้าที่ของตนเองได้แล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ------------------------------------------------------------------------------------------------
เอรันนั่งจัดดอกไม้กับพารัมอยู่ในห้องที่ถูกจัดการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เธอนั่งมองสาวน้อยตรงหน้าที่ดูคล่องแคล่วมือบางจับดอกไม้อย่างถนอม พลางจัดตกแต่งอย่างสวยงาม
“เก่งจริงพารัม ดอกไม้ที่เจ้าจัดสวยมาก” เอรันเอ่ยชม
“ท่านป้าสอนมาน่ะ” พารัมบอกก่อนหันมามองเอรัน
“ที่เมืองแห่งเวทมีการจัดดอกไหม”
“มีสิพวกเราก็เหมือนมนุษย์นั่นล่ะ เพียงแต่เรามีพลังแห่งเวทที่มากกว่าเท่านั้น” เอรันตอบ
“พ่อแม่ของเจ้าเป็นมนุษย์งั้นรึ”
พารัมพยักหน้าทั้งที่มือยังคงหยิบจับดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว
เอรันได้แต่ยิ้มบางๆใบหน้าสวยงามทอดมองพารัมอย่างอ่อนโยน เธอมีลูกชายและมีสามีที่รักเธอมากคอยช่วยเหลือดูแลเด็กน้อย แต่ตอนนี้ทารกน้อยนั้นอยู่ห่างสายตาออกไปเธอยังมีใจเป็นห่วงอยู่เนืองๆ สาวน้อยตรงหน้าต้องห่างบ้านมาใกลเพียงนี้พ่อกับแม่จะเป็นห่วงขนาดไหนกันนะ
“ท่านคาเซมาขอเยี่ยมท่าพารัมขอรับ” ทหารยามหน้าประตูตะโกนเข้ามาบอก
หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันทันทีพารัมลุกขึ้นพลางก้าวไปยังเตียงนอน แทรกตัวลงไปใต้ผ้าห่มหน้าก่อนแทรงหลับตา
เอรันเดินตามไปก่อนจะเป่าลมเบาๆลงไปที่พารัม ใบหน้าที่เปล่งปลังพลันซีดเซียวทันที พารัมหรี่ตาขึ้นมามองเอรันอย่างงงๆ แต่เอรันกลับยกนิ้วขึ้นมาแตะปากเบาๆเหมือนเป็นการบอกให้พารัมเงียบไว้ก่อนลูบหัวคนแกล้งป่วยเบาๆ
“ท่านเอรัน” คาเซกล่าวทักทายเอรัน ก่อนเหลือบมองพารัมที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงใบหน้าซีดเซียวดูน่าสงสาร
“ยังไม่ได้สติเลยรึ” คาเซพูดออกมาลอยๆก่อนเดินเข้าไปหาพารัมใกล้ๆ มือเรียวสวยราวสตรีแตะลงบนหน้าผากของพารัมเบาๆ คนแกล้งป่วยปรือตามองคาเซก่อนทำเสียงอือออเบาๆในคอ
“เมื่อเช้าได้สติบ้างแล้ว สงสัยจะหลับเพราะฤทธิ์ยา” เอรันบอกคาเซก่อนนั่งลงจัดดอกไม้ต่อ ดวงตางดงามเหลือบมองคาเซที่ดูเป็นห่วงพารัมไม่น้อย
“ทำไมพารัมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ถ้าเจ็บหนักขนานี้ทำไมถึงไม่ไปรักษาตัวที่ตำหนักของท่านเจเนสกัน” คาเซพูดเหมือนบ่นสายตากวาดมองคนป่วยจนทั่ว
“เธราอยากดูแลพารัมเองน่ะ แต่ตอนนี้เธราต้องตามองค์วิรัลออกไปดูเหล่าทหารจากเมืองต่างๆเลยวานข้ามาช่วยดูแลแทน” เอรันตอบทั้งทั้งที่มือยังคงจัดดอกไม้
“ข้าเอาสมุนไพรมาฝาก ให้เอรันดื่มหลังจากได้สติอีกครั้งจะช่วยเรื่องอาการบอบช้ำได้ดีพอดูขอรับ” คาเซบอกกับเอรันก่อนเรียกนางกำนัลที่รออยู่หน้าห้องให้ตกหม้อยาและเตาอั้งโล่ขนาดเล็กเข้ามา “ต้มยาทิ้งไว้พารัมตื่นน่าจะได้ที่พอดี” คาเซจัดการสั่งนางกำนัลให้จัดแจงต้มยาไว้ก่อนยกไปใกล้ๆเตียงนอนคนป่วยเรียบร้อยก็จากไป
หลังจากคาเซออกจากห้องไป เอรันก็ลุกขึ้นหาพารัมที่ดูเหมือนจะหลับไปจริงๆเสียแล้ว เธอตัดสินใจก้มลงไปแตะที่แขนพารัมก่อนเข่าเบาๆ แต่แล้วก้ต้องขมวดคิ้วเมื่อเด็กสาวดุจะหลับลึกจนน่าเป็นห่วง
“พารัมๆ” เอรันเรียกชื่อคนแกล้งป่วยแต่ดูเหมือนพารัมจะยังคงไม่รับรู้ เธอนั่งลงข้างๆเด็กสาวก่อนตบลงที่แก้มเบาๆ ท่าทางผิดปกติที่ทำเอาเริ่มกังวลร่างสมส่วนลุกขึ้นใจหวังจะออกไปตามองค์วิรัลเธราหรือย่างน้อยออกไปบอกทรีสให้ทราบ แต่ทันทีที่ยืนขึ้น ภาพของห้งตรงหน้าก็หมุนคว้าง สายตาที่พร่าเลือนฉับพลันทำเอาเอรันต้องนั่งลงก่อนสติจะเลือนหายไปในที่สุด
ทันทีที่เอรันหมดสติบรรยากาศในห้องก็กลับอึมครึมลง แสงสว่างที่เคยลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาหดหายไปราวโดนราหูกลืนกิน ร่างนิ่งสนิทไร้สติของหญิงสาวทั้งสองยังคงไม่ใหวติง เสียงบางอย่างฟาดพื้นดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ก่อนบานประตูจะเปิดขึ้นร่างของทหารเฝ้ายามนอนหมดสติอยู่ด้านหน้า
ร่างสมส่วนเดินเข้ามาในห้องช้าๆราวไม่ได้หวั่นเกรงว่าที่นี่คือตำหนักของราชาแห่งนันทานคร ใบหน้าสวยงามใต้ผ้าที่คาดปิดไว้นิ่งสนิททอดมองร่างไร้สติด้วยแววตายากหยั่งถึง
ร่างของผู้มาเยือนตรงมายังพารัมที่นอนไม่ได้สติ สายตาเหล่มองไปยังหมอต้มยาที่กำลังเดือนได้ที่กลิ่นของมันคือยาสลบชั้นดีเขายกมือขึ้นขยับผ้าที่ชุบสมุนไพรแก้พิษยาสลบไว้ให้เข้าที่ก่อนก้มลงช้อนร่างของเด็กสาว
“จะพาพารัมไปไหน ท่านคาเซ” เอรันที่แกล้งหมดสติยันตัวลุกขึ้นก่อนกระชากเอาผ้าที่ปิดหน้าของผู้มาเยือนออก ร่างสมส่วนรั้งเอาร่างของพารัมมาไว้ในอ้อมกอด พลางยกมือขึ้นสุงริมฝีปากขยับไปมาเบาๆ บรรยากาศที่อึมครึมพลันสว่างดังเดิม มือเรียวยกขึ้นทำท่าปัดอากศหม้อมยาสบลก็ลอยกระเด็นออกไปทางหน้าตาง
“ทรีส ทรีส” เอรันเรียกชื่อสามีตนทันที สิ้นเสียงของเอรันก็มีเสียงของม้าร้องรับราวสัตว์เลี้ยง ฝีเท้าที่ดังกึกก้องตรงมายังที่เกิดเหตุ เพียงพริบตาก็ปรากฏร่างของมนุษย์ม้า ทรีสอยู่ในร่างอมุษย์เต็มตัว ใบหน้าน่าเกรงขามกู่ร้องออกมาเป้นเสียงร้องของม้าดังเสียดหู
“อ่านท่านมหาเล็ก” ทรีสเอ่ยเรียกคาเซที่ระวังตัวเต็มที่ใบหน้าสวยงามมีแววตกใจ แต่ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ เอรันเป่าลมลงไปที่พารัมอีกครั้งร่างในอ้อมแขนที่หมดสติก็ฟื้นขึ้นมา เอรันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อดูท่าทางเด็กสาวตรงหน้าจะแข็งแรงกว่าคนทั่วไป แม้เธอจะเป่ามนต์ปกป้องไว้แต่ฤทธิ์ของยาของคาเซนั้นไม่ใช่ยาธรรมดา เอรันเองก็เกือนเสียทีหากเธอไม่ชุกคิดได้ คาเซเอ่ยถึงอาการบอบช้ำทั้งที่ไม่ทราบว่าพารัมโดนทำร้ายอย่างไรมา ถ้าเธอไม่เอะใจคงเสียทีไปแล้ว
“มหาดเล็กคนสนิทผู้มศักดิ์เป็นน้องชายของราชาแห่งนันทานครทำไมถึงมียาของพวกปีศาจกัน” เอรันถามออกไปพารัมที่เริ่มเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้นขยับตัวหลบหลังเอรันอย่างนึกกลัว แค่เอ่ยคำว่าปีศาจพารัมก็แทบจะร้องไห้แล้ว
“คาเซ” เสียงเรียกชื้อที่คุ้นหูนั้นทำเอาทุกคนหันไปมอง วิรัล ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท หากแววตานั้นสั่นระริก เธราที่ตามมาติดๆเมื่อเห็นว่าคนที่จะทำร้ายพารัมนั้นเป็นใครก็ได้แต่หันไปมองสหัสที่ตามมาราวขอคำปรึกษา แม้โชบุกับชุนเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าคือคนร้าย
ดวงตาแสนสวยของคาเซทอดมองมายังวิรัล แววเจ็บปวดที่ฉายชัดยิ่งทำให้เธราไม่เข้าใจคาเซดูไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่ทำแล้วเขาทำไปทำไมกัน
“จับตัวเขาไว้” วิรัลสั่งการด้วยน้ำเสี่ยงราบเรียบ “เอาไปไว้คุกใต้ดินข้าจะสอบสวนเอง”
---------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------
“เป็นท่านคาเซจริงๆเหรอวะ” คุชบ่นกับธันขณะเข้าเวรเฝ้านักโทษคนสำคัญเพราะคาเซนั้นคือกุญแจใขทุกอย่าง คุชกับธันจึงได้รับหน้าที่ดูแลหรือเฝ้าอย่างใกล้ชิด ให้แม่ทัพฝ่ายขวาและหัวหน้ากองอื่นๆดูแลทหารที่กำลังเตรียมพร้อมรบไปก่อน
“เห็นว่าจับได้ตอนกำลังจะลักพาตัวพารัมน่ะ” ธันตอบออกมาเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าคนที่เขานับถือรองจากองค์วิรัลจะทรยศนันทานครได้
“อย่างท่านคาเซเป็นคนทรยศแล้วจะไว้ใจใครได้วะ” คุชบ่นกระปอดกระแปด เขาเป็นออกรบตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อแม้ไม่ว่าเมื่อไรเขาเองก็ไม่เคยหวั่น ความคิดที่จะทรยศต่อแผ่นดินที่เอาเลือดเนื้อแลกมาไม่มีอยู่ในความคิด
ธันไม่ได้ตอบเพื่อสนิทของตนใบ พลางหวลนึกไปถึงตอนที่ตัวเองโดนกาฝากเผยความในหลอกล่อให้แสดงสิ่งที่ไม่สมควรออกมา แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังคงหลงรักท่านเธราอย่างยากจะถอนตัวแต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำสิ่งที่ล่วงเกินท่านเธราอย่างที่เคยทเพราะตอนนี้เขามีความยับยั้งชั่งใจมากพอ
“รอองค์วิรัลสืบสวนก่อนเถอะข้าเองก็จนปัญญา” ธันบอกพลางถอนหายใจอย่างจนปัญญา
------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------
เธรานั่งมองแผ่นหลังของวิรัลมาเป็นพักโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ร่างสุงใหญ่ของราชาแห่งนันทานครยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงห้องมาได้สักพักแล้ว ไม่มีการใหวติงนิ่งสนิมราวรูปปั้น
สุดท้ายแล้วเธราก็เป็นฝ่าทนไม่ใหว ตัดสินใจเดินตัวลีบไปหาวิรัลอย่างกล้าๆกลัว และถ้าวิรัลไม่พอใจเขา
จะรีบกลับมานั่งที่เดิมทันที
“เออ...” เธราส่งเสียงออกไปก่อน เขาพาตัวเองมายืนข้างๆร่างสูงใหญ่ขององ์วิรัลอย่าเงอะงะ
วิรัลหันมามองคนที่มายืนข้างๆท่าทางเกร็งๆนั้นดุน่าตลกเธราส่ายตาไปมาราวไม่รูจะมองอะไรก่อนเงยหน้ามองเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เป็นอะไร หืม” วิรัลยกมือขึ้นลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ ก่อนดึงเธราให้มายืนซ้อนด้านหน้าแล้วดึงให้แผ่นหลังของคนขี้เกรงใจให้มาแนบกับอกตนเอง
เธราเกร็งตัวเล็กน้อยก่อนเริ่มผ่อนคลายเมื่อไม่เห็นว่าวิรัลจะทำอะไรมากกว่าการกระชับอ้อมกอดและเอาคางมาเกยเบาๆไว้ที่หัวของเขา
“คือ...คา...” เราพยายามหาคำปลอบใจคนที่กอดเขาอยู่อย่างจนหนทาง
“คาเซเองก็มีหลายอย่าง...ให้สงสัย” วิรัลเอ่ยออกมาน้ำเสียงเรียบนิ่งจนเธราเดาอารมณ์ไม่ถูก “แต่ข้าก็พยายามหาเหตุผลมาหักล้างเสมอ เขาไม่ใช่แค่มหาดเล็กคนสนิทเขาเป็นน้องชายเพียงคนเดียวที่เชื่อในตัวข้าและอยู่เคียงข้างเสมอมา มีคนเตือนข้าหลายครั้งว่าข้ามอบอำนาจให้เขามากเกินไป แต่ข้ากลับไม่เคยใส่ใจฟังเพราะคิดเสมอว่าคาเซคือคนสุดท้ายในโลกนี้ที่จะหักหลังข้า” คำพูดยืดยาวที่เหมือนอัดอั้นของคนข้างหลังนั้นเธราจับได้ถึงความเสียใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงเป็นอย่างดี คนที่เข้มแข็งและเป็นหลักยึดเหนี่ยวให้กับทุกคนอย่างองค์วิรัลนั้นหากยามใดที่อ่อนแอขึ้นมาบ้างคนคนนี้จะพึ่งพิงใครได้เล่า
“ยังไงเราก็ต้องสอบสวนก่อนนะกระหม่อม” เธราบอกออกมาอย่างมีความหวัง “คาเซอาจโดนบังคับก็ได้ เราต้องฟังจากปากคาเซให้กระจ่างเสียก่อน”
วิรัลได้แต่ยิ้มโยกตัวไปมาเบาๆราวกล่อมเด็กน้อย ร่างในอ้อมกอดโอนอ่อนผ่อนตามไม่ได้มีท่าทีแข็งขืนเหมือนทุกที เขารู้ว่าเธราต้องการปลอบใจเพราะรู้ว่าเขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ใช่เขาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเพราะอย่างไรเสียคาเซก็คือคนที่เขาไว้ใจ น้องชายผู้มีสายเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนกัน คนที่เคยออกรับคมดาบแทนเขาอย่างไม่นึกห่วงชีวิตของตน
“ข้ากับคาเซเราโตมาด้วยกันแม่ของข้าจากไปตั้งแต่ข้ายังเล็กนักข้าเติบโตมาด้วยการดูแลของท่านแม่ของคาเซ เขาร่างกายอ่อนแอแต่ฉลาดหลักแหลม ท่านพ่อจึงมักเรียกไปใช้สอยสอนงานอยู่เสมอ ต่อให้นันทานครไม่เกิดกบฏ อย่างไรเสียคาเซก็คงมีตำแหน่งใหญ่โตตามความสามารถเป็นแน่” วิรัลเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เธราฟังเรื่อยๆ ราวเล่านิทานให้เด็กน้อยฟังก่อนนอน “ผิดกับข้าที่เกกมะเหรกเกเรไปวันๆ ท้าตีท้าต่อยไปทั่วแม่ของคาเซปวดหัวกับข้าไม่เว้นวัน แต่ท่านก็ยังเมตตาชุบเลี้ยงข้ามาจนโต” เธราขยับตัวหันไปมองวิรัลที่ดูเหมือนจะอยากเล่าเรื่องเก่าๆเสียหนักหนา เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดพยายามจะหันมามองก็วิรัลก็คลายอ้อมกอดออก และเมื่อเธราหันมาเผชิญหน้าตรงๆเขาก็ยกร่างของคนตรงหน้าขึ้นไปนั่งที่ขอบระเบียง โดยไม่สนใจท่าทางตกใจของเจ้าตัววิรัลเท้ามือลงที่ขอบระเบียงข้างหนึ่งอีกข้างประคองเอวของเธราไว้เบาๆให้คนตรงหน้าอุ่นใจว่าคงไม่ร่วงลงไปจากชั้นสองแน่นอน
“คาเซเคยเอาตัวเองบังคมดาบจากพวกกบฏให้ข้า แผลบาดลึกลงไปจนเขาแทบสิ้นชีวิต หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยให้คาเซออกไปที่สนามรบอีกเลย เขาเป็นคนที่ข้าปรารถนาจะให้ดูแลนันทานครแทนเมื่อนันทานครแข็งแรงเป็นปึกแผ่นมั่นคง” วิรัลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “คืนที่ข้าโดนพิษจนไม่ได้สติหลังจากลงมาจากภูเขา คาเซสับเปลี่ยนเวรยาม ที่พักของกษัตย์แห่งวูธและพระธิดาแทบไม่มีเวรยามของนันทานครเลย คุชกับธันที่เป็นนายทหารชั้นสูง ถูกโยกย้ายให้มาอยู่ด้วยกันทั้งที่น่าจะแยกให้ช่วยกันดูแลเพราะทั้งสองเป็นนายทหารที่มีฝีมือและไว้ใจได้ในคืนที่ข้าไม่ได้สติกองกำลังเวรยามถูกสับเปลี่ยนทั้งหมด”
เธราเงยหน้ามองคนที่ประคองเอวเขาไว้หลวมๆ จากมุมนี้เขาเห็นเพียงริมฝีปากของวิรัลเท่านั้น แต่ท้ายประโยคที่เล่ามาเสียยืดยาวนั้นกลับสั่นเบาๆ อยากคนที่พยายามกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
วิรัลมองวิวตรงหน้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยแสงคบไฟ ของเหล่าทหารเวรที่เดินไปมา การวางเวรยามแน่นหนามากขึ้นกว่าเดิมสองเท่า ใบหน้าคมก้มลงมองคนตรงหน้าเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงลูบเบาๆที่ต้นแขนราวปลอบใจ
เมื่อดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนสบกลับมาก็ราวกับมีมนต์สะกด ดวงตาที่เคยมีแต่ความหนักแน่นมั่นคงเธราไม่เคยเห็นองค์วิรัลมีความหวั่นไหวแม้สักครั้ง หากครั้งนี้แววตาที่ทอดกลับมานั้นมาแวววูบไหวสะท้อนให้เห็นว่าความรู้สึกข้างในคงเจ็บปวดไม่น้อย คนตรงหน้าที่เป็นราวต้นไม้ใหญ่ที่เป็นหลักพักพิงให้แก้สัตว์น้อยใหญ่โอบอุ้มเอาความหวังทั้งหมดของคนในนันทาเอาไว้ หากวันนี้ต้นไม้ต้นนี้กำลังสับสนและเจ็บปวด ใครจะสามารถปลอบประโลมให้คลายทุกข์ได้กันล่ะ
อาจเป็นเพราะลมเบาๆที่หอบเอากลิ่นหอมของดอกไม้กลางคืนมา หรือดวงตาสีดำสนิทที่มีแววเจ็บปวดนั่น หรือเพราะเขาอยากจะปลอบโยนคนตรงหน้าให้คลายความเจ็บปวดในหัวใจกันแน่ หากไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรเธราก็ยืดตัวขึ้นมือเรียวจับคอเสื้อขององค์วิรัลไว้เบาๆก่อนแตะริมฝีปากของตนเองกับองค์วิรัลนิ่ง แผ่วเบาราวต้องการยืนยันว่าไม่ว่าอย่างไรเธราคนนี้จะไม่มีทางหักหลังราชาแห่งนันทานครเป็นอันขาด
คนที่อยู่ดีๆถูกดึงไปจูบตกใจเพียงครู่วิรัลประคองเอวของคนที่ยืดตัวขึ้นมาจูบเขาให้แน่นขึ้น ปล่อยให้คนใจกล้าแตะริมฝีปากเบาๆอยู่เพียงครู่ ก่อนจะกดริมฝีปากลงไปให้แน่บแน่นยิ่งขึ้น เขารู้ว่าเธราตอนนี้กำลังเป็นห่วงเขาคนตรงหน้ามีจิตใจที่อ่อนโยนเขารู้ดีกว่าใคร เพราะฉะนั้นเขาก็ขอรับการปลอบโยนนี้อย่างเต็มใจก็แล้วกัน
ความรู้สึกหมือนต้องมนต์ทำเอาเธราแทบจะไม่มีสติเมื่อการสัมผัสกันนั้นลึกซึ้งมากขึ้น สติสตังที่ฟุ้ซ่านหายไปกลับมาอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่ม และทันทีที่เธราขยับตัววิรัลก็ทาบทับลงมาทันทีพร้อมกับริมฝีปากที่ตามลงมาประกบแทบจะไม่ให้เขาได้ตั้งตัว แม้จะรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งใหนและหน้าที่นี้ก็คงจะหนีไม่พ้น แต่ความกังวลมากมายก็ยังคงหมุนเวียนอยูในสมอง เขาไม่เคยถูกรักและเขาเองก็ไม่เคยรักใคร หากทุกอย่างถลำลึกไปมากกว่านี้ หากวันใหนวันหนึ่งองค์วิรัลต้องมีรัชทายาท ต้องรับหญิงสาวมาเป็นราชินีเขาจะทำอย่างไรเขาจะทนเห็นองค์วิรัลมีคนอื่นดวยความรู้สึกแบบไหน แค่คิดว่าสัมผัสลึกซึ้งแบบนี้องค์วิรัลจะมองให้ใครอื่นนอกจากตน แค่นี้น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาแทบจะทันที
“กลัวรึ” วิรัลถามคนที่มีน้ำตาเบามือหน้ายกขึ้นแตะเบาที่แก้มของเธรา ดวงตาสีดำสนิทไล้มองไปยังใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ ค่ำคืนทีมือดสนิทไม่มีแสงจันทร์นั้น มีเพียงแสงสลัวจากตะเกียงดวงน้อยที่หัวเตียง เงาวับแวมที่พลิ้วใหลส่องให้เห็นท่าทีสับสนปนเขินอายของคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
“หากพระองค์จะมีราชินีคู่บัลลังค์เมื่อไรก็ได้ แต่ได้โปรด...ให้หม่อมฉันเป็นสนมเพียงคนเดียวได้หรือไม่” เธราเอ่ยคำขอน่าอายออกไป น้ำตายังคงใหลออกมาไม่หยุดแม้วิรัลจะเพียรเช็ดให้ก็ตาม “หม่อมฉันมีลูกให้พระองค์ไม่ได้...หม่อมฉันรู้ตัวดี...แต่นอกจากราชินีที่คู่ควรแล้วพระองค์ได้โปรด...อย่ามีคนอื่นอีกได้ใหม” คำขอที่ยิ่งขอเหมือนจะยิ่งเรียกรอยน้ำตาเราเริ่มสะอื้นเบาๆมือเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าขององค์วิรัลเบา “ข้ารักท่าน ข้าไม่รู้ว่าจะทนเห็นคนที่ตนรักกอดหญิงอื่นได้มากเท่าไหร่ หากเป็นราชินีข้าคงพอทนไ.....” ยังไม่บประโยคเธราก็ต้องหยุดลงเมื่อริมฝีปากถูกครอบครองจากวิรัล ก่อนผละออกมือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้คนคิดมากอีกครั้ง ริมฝีปากหนาแย้มยิ้มราวสมใจกับคำสารภาพของเธรา
รอยยิ้มที่เลยไปถึงดวงตาขององค์วิรัลนั้นทำเอาเธราอดที่ยกมือขึ้นแตะไม่ได้
“ข้าจะไม่มีใครนอกจากเจ้า เธรา” คำสัญญาออกมาจากปากของวิรัลอย่างง่ายๆ “หากการที่ข้ามีใครคนอื่นจะทำให้เจ้าเจ็บปวด ชาตินี้ทั้งชาติข้าจะมีเจ้าคนเดียวนี่คือคำสัตย์ของราชาแห่งนันทาที่ให้กับพระสนมของเขา” คำสัญญาที่ทำเอาเธราหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง
“ขี้แยจริง” วิรัลเอ่ยติดตลก ก่อนก้มลงใช้ริมฝีปากจูบซับน้ำตาให้คนเจ้าน้ำตาช้าๆ เธราไม่ได้มีกลิ่นหอมเหมือนสาวๆ ผิวเนื้อก็ออกจะกระด้างแดดเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าจะกดจูบลงไปที่ใดวิรัลกลับหลงไหลราวต้องมนต์หรือคนตรงหน้าจะทำเสน่ห์เขากัน มือหนาสอดเข้าไปในเสื้อของคนด้านล่างลูบไล้แผ่นหลังเบาๆหากเน้นย้ำจนเธราเกร็งตัว
“อ๊ะ...” เธราอุทานเบาๆเมื่อรู้สึกว่าเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างลมเย็นๆที่พักผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่ฌชยเขามานั้นบาดผิวไม่น้อยหากวิรัลกลับไม่ปล่อยให้เธราได้รู้สึกหนาวนานนัก
“ข้ารักเจ้า” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึนที่ข้างหูนั้นช่วยให้เธราผ่อนคลายจากความไม่คุ้นชินได้ไม่น้อย ความรูสึกแปลกๆที่เพิ่งรู้จักทำเอาเขาทำตัวไม่ถูก มือเรียวกำลงไปบนผ้าปูแน่นจนเจ็บ ริมฝีปากขององค์วิรัลที่แนบชิดลงมาไม่ว่าจะเป็นที่ลำคอหรือแผ่นอกนั้นร้อนรุ่มราวเหล็กเผาไฟ และวินาทีที่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตรงหน้าน้ำตาที่เหมือนจะแห้งหายไปก็กลับล้นทะลักออกมาอีกครั้ง มือเรียวผวาโอบกอดร่างสูงใหญ่ของวิรัลแน่นราวกับจะประกาศให้ดลกรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเขาว่าเมื่อไหร่เขาก็อยู่เคียงข้างคนๆนี้ตลอดไป องค์วิรัลแห่งนันทานครเป็นผู้ชายของเธรา
-----------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------
เธรารู้สึกตัวมาสักพักแล้วแต่เขายังไม่กล้าลืมตา แขนแกร่งที่พาดอยู่ที่เอวราวแสดงความเป็นเจ้าของนั้นทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง เขาไม่กล้าแสดงตัวว่าตื่นแล้วเขากลัวว่าพอขยับตัวองคืวิรัลจะตื่น และตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพระสวามีตามพฤตินัยเท่าไหร่
“จะตื่นได้รึยังเธรา” วรัลทักคนในอ้อมกอดที่นอนยุกยิกมาได้สักพัก
เธราจำใจต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าแสนธรรมดาขึ้นสีอย่างหนักเมื่อพบว่าองค์วิรัลนั้นนอนจ้องมองมาก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์พระสนมของข้า” วิรัลทักทายคนที่ซุกตัวลงไปในผ้าห่ม มือหนาพยายามยื้มผ้าห้มแกล้งคนขี้อายอย่างหมั่นเขี้ยว เธราตอนนี้น่าแกล้งไม่น้อย เธราที่พยายามยื้อผ้าหมไว้แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยเริ่มโมโห
“อย่าแกล้ง!” เธราตวาดคนขี้แกล้งทั้งที่แก้มยังคงขึ้นสี ส่วนวิรัลกลับนึกสนุกแม้คนตรงหน้าจะพูดจาไม่มีหางเสียงใส่แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เหมือนเวลาแห่งความสุขนั้นจะน้อยนักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขั้น พร้อมกับการแจ้งว่าถึงเวลาที่องค์วิรัลจะต้องลงไปสอบสวนคาเซด้วยตนเองแล้ว
ใบหน้าคมเรียบนิ่งทันที วิรัลก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเธราก่อนลุกขึ้นไปเตรียมตัวทันที
“หม่อมฉันไปด้วย” เธรารีบลุกขึ้นแต่ด้วยร่างกายที่ไม่พร้อมนักทำให้เขาช้ากว่าปกติ วิรัลหันมามองคนที่พยายามแต่งตัวอย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวข้าให้นางกำนัลมาช่วยแล้วกัน ไม่ต้องรีบข้าต้องออกไปคุยกับพวกคนของวูธก่อนแต่งตัวสร็จก็ตามลงไปเจอข้าที่คุกใต้ดินแล้วกัน” วิรัลบอกเธราก่อนจะเดินมานั่งข้างๆพระสนมตนแล้วกดจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธราเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่วายหันไปสั่งให้นางกำนัลที่รออยู่หน้าห้องเข้ามาช่วยเธราแต่งตัว
เธรามองตามแผ่นหลังที่พ้นประตูไปเงียบก่อนจะขยับตัวให้นางกำนัลช่วยแต่งตัวถนัดขึ้น ปัญหามากมายยังต้องสะสาง เรื่องราวมากมายยังไม่คลี่คลายแต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้พบคนที่รักเขาและเขาก็รักด้วยดวงใจทั้งหมดแล้ว เธราคิดพลางยิ้มเบาๆ

มาแล้วค่าาา เย้ ไปอ่านกันนนน
ฝาก #วิรัลลืมเมีย ด้วยน้า