[จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] ▲△ (ผม)จีบหมอ Beside you ▼▽.: [25: ผมรักหมอ 100%] 27/01/60 หน้า8  (อ่าน 150007 ครั้ง)

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


(ผม)จีบหมอ
Beside you


-คนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพรมลิขิตอย่างผมเหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้งให้ได้พบกับบุพเพสันนิวาส
จู่ๆผมก็ดันไปเจอคนๆหนึ่งที่ขึ้นแจ้งเตือนเพื่อนแนะนำในหน้าแรกของ face book
และสาบานได้ว่าตอนแรกผมไม่ได้นึกสนใจอะไรสักนิด...แต่พอดูไปดูมา แม่งน่ารักว่ะ
หนึ่งปีกับการที่เคยเจอเขาแต่ในโลกออนไลน์ ถ้าปล่อยเวลาให้นานกว่านี้เห็นทีจะไม่ได้การ
ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล-

"ผม นายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ คณะเกษตรศาสตร์
รหัส 8590001021 กำลังสนใจ หมอครับ!"

                                                                                                                                                   perlina เขียน
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2019 14:09:45 โดย perlina »

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
(ก่อน)จีบหมอ

   อีกสิบห้านาที…


   ตึก ตึก ตึก
   เสียงฝีเท้าดังขึ้นท่ามกลางสนามบินที่มีผู้คนพลุกพล่าน รองเท้าแตะราคาถูกหลุดออกตามแรงวิ่งที่เร็วขึ้น เขาหันกลับไปมองรองเท้าของตัวเองก่อนจะคิดในใจว่า เออเดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บ สิ่งตรงหน้าทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนั้น สัญญาณเตือนขึ้นเครื่องดังขึ้นอีกครั้งทำให้หัวใจที่เต้นผิดจังหวะเต้นแรงขึ้นอีกเท่าตัว


   ต้องทันสิวะ…


   เขาหยุดลงหน้าทางเข้าเกทพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กดดูโทรศัพท์มือถือทุกๆห้าวินาที ทันทีที่เธอเห็นเขาขาทั้งสองข้างก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างอัตโนมัติ น้ำตาที่เอ่อล้นรินไหลออกมาไม่ขาดสายราวกับสั่งได้ เสียงหอบหายใจทำให้เธอรู้ว่าคนตรงหน้ารีบมามากแค่ไหน มือหนาค่อยๆเอื้อมมือเช็ดน้ำตาผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะระบายยิ้ม


   “เกือบไม่ทัน”

   “อื้อ” เธอตอบรับสั้นๆก่อนจะกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ เวลาเร่งรัดทำให้เธอต้องรีบพูดกับเขาก่อนที่เธอจะขึ้นเครื่องไม่ทัน

   “หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไปเรียนต่อนะ”

   “ฉันคิดถึงนายนิ” มือเรียวค่อยๆปาดน้ำตาก่อนจะพูดต่อ “คิดว่านายจะไม่มาซะแล้ว”

   “บ้าหรอ ยังไงก็ต้องมาอยู่แล้ว” เขาพูดพร้อมกับก้มลงมองรองเท้าของตัวเองที่เหลือเพียงข้างเดียว


   อีกข้างหล่นที่ไหนวะ…


   “ไม่มีเวลาแล้ว แพรต้องไปแล้ว” เธอพูดเสียงสั่น มือเรียวกุมมือคนตรงหน้าไว้แน่นราวกลับมันเป็นครั้งสุดท้าย


   ใช่…ครั้งสุดท้าย


   “ไปเถอะ” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพราะระยะทางที่เขาวิ่งมาไม่ใกล้และเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจะออกจากสนามบินนี้อย่างไร “มาเพราะคิดว่าเธอต้องรอ”

   “ต้องรออยู่แล้ว…แฟนทั้งคนนะ” เธอพูดพร้อมกับยื่นกล่องเล็กๆที่ถือไว้ในมือให้คนตรงหน้า “แพรทำไว้ให้บุ๋นเผื่อคิดถึงแพร”

   “ไม่เห็นต้องทำเลย” เขาดันมือกลับ “ไปเรียนไม่ได้ไปถาวรซะหน่อย”

   “แต่แพรทำ…”

   “ไม่เอา แพรเก็บไว้เถอะ”

   “แต่…”

   “เอาก็ได้ สบายใจกว่าใช่ไหม” เขารับของจากแฟนสาวอย่างจำยอมแม้ว่าจะไม่ได้นึกดีใจกับของที่เธอตั้งใจทำให้

   “บุ๋น…แพรต้องไปแล้วนะ” เธอเรียกชื่อคนรักเสียงสั่น น้ำตาที่หยุดไหลเริ่มคลอที่ดวงตาทั้งสองข้างอีกครั้ง

   ไม่อยากไป…อยากอยู่ตรงนี้

   “อืม โชคดีนะ”

   “สัญญานะว่าจะไม่เปลี่ยนไป” มือเรียวบีบมือคนตรงหน้าแน่น


   แค่สี่ปี…


   “เปลี่ยนไปแน่นอน” เขาตอบกลับมาทันควัน “เธอมีคนใหม่ได้เลย”


   “บุ๋น…นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาพูดเล่นนะ”


   “เปล่า ไม่ได้พูดเล่น” สีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ทำเอาหญิงสาวถึงกับเดาทางไม่ออก “ที่รีบมาเพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก”


   “ว่ามาสิ” เธอกดดูเวลาในโทรศัพท์อีกครั้ง


   ขอแค่อีกสองนาทีเท่านั้น…


   “เราเลิกกันเถอะ”


   “อะ…อะไรนะ” เธอถามอย่างไม่เชื่อหู


   เขาบ้าไปแล้ว


   “ไม่ต้องถามซ้ำหรอก เรารู้ว่าเธอได้ยินชัดแล้วว่าเราจะมาบอกเลิก” เขาทำหน้าเหมือนเรื่องที่พูดมาเป็นเรื่องธรรมดาที่พูดออกมาง่ายๆ

   แพรมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ มีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถามคนรักเพียงแต่เวลาเริ่มบีบทำให้เธอไม่สามารถที่จะถามอะไรต่อได้


   “คงมีคำถามสินะ” เขาพูดอย่างรู้ทัน


   “อืม”


   “สรุปง่ายๆเธอจะได้ไม่ตกเครื่อง คือสี่ปีนี้เรารู้ตัวเองว่าเปลี่ยนไปแน่นอน เข้ามหาลัยใหม่อะไรๆมันก็ต้องเปลี่ยน”

   ถึงจะรู้ว่าคำพูดเหล่านี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่แต่นั่นก็เป็นทางที่ชัดเจนกับเขาและเธอมากที่สุด

   “เธอเองก็ไปเจอสังคมใหม่ การที่เราจะให้สัญญากันว่าจะไม่เปลี่ยนไปหรือรอจนกว่าเธอจะกลับมา บอกเลยเราทำไม่ได้” เขาสรุปให้เธอฟังเสร็จสรรพ

   “บุ๋น…ที่ผ่านมามันคืออะไร”

   แม้ระยะเวลาที่เขาและเธอคบกันเป็นเพียงเวลาสั้นๆแต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกรักผู้ชายตรงหน้า รักแม้ว่าเขาแทบจะไม่เคยทำอะไรให้เธอเลย

   “มันก็คือความรู้สึกดีๆแหละแพร เราไม่ใช่พระเอกในนิยายว่ะที่จะบอกว่า เราจะไม่เปลี่ยนไปเราจะเหมือนเดิม เรามีชีวิตจิตใจ รอขนาดนั้นไม่ไหวหรอก”

   “บุ๋นพูดแบบนี้ได้ยังไง” นิ้วเรียวกำหมัดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว “แพรรักบุ๋นมากนะ”

   “รู้ว่ารัก แต่สี่ปีนี้อย่าทรมานตัวเองโดยการคิดถึงเราเลยเพราะเรารู้ว่ามันแย่กว่าการที่เราเลิกกัน”

   “ง่ายกว่างั้นหรอ…”

   “แบบนี้ดีที่สุดแล้วแพร”

   “บุ๋นพูดง่ายเนอะ”

   “เอาน่า เจ็บไม่กี่วันเดี๋ยวแพรก็หาย อีกอย่างฝรั่งหล่อกว่าเราตั้งเยอะไม่เห็นต้องเศร้านาน ใช้ชีวิตให้คุ้ม…”


   เพี๊ยะ!!!


   มือเรียวสะบัดลงบนแก้มซ้ายอย่างแรง แรงเหวี่ยงที่มือทำให้คนตรงหน้าถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง เขาหันมามองหน้าเธอช้าๆพร้อมความรู้สึกเจ็บที่แก้มซ้าย


   ชา


   เสียงเตือนครั้งสุดท้ายดังขึ้น เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจหนักๆ ดวงตาคมกริบมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาไม่โกรธที่เธอทำแบบนี้ กลับดีซะอีกที่ทุกอย่างมันจะได้จบแบบไม่ต้องมีอะไรติดใจกันอีก

   “มีคนใหม่ได้เลย…เพราะเราก็จะมีเหมือนกัน”

   “…”


   “โชคดี ตั้งใจเรียนล่ะ”


.

   คุณมีหนึ่งการแจ้งเตือน



   เสียงแจ้งเตือนจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ดังขึ้นดึงสมาธิของคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือการ์ตูน บุ๋นละสายตาจากหนังสือที่เปิดอ่านแล้วหันไปสนใจกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีเสียงแจ้งเตือนพร้อมกับหน้าต่างเล็กๆเด้งขึ้นมา เกือบสองชั่วโมงแล้วที่เขาเปิดคอมทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับมันนอกจากเปิดไว้ให้เสียงเพลงคลอไปกับบรรยากาศการอ่านหนังสือการ์ตูนในช่วงปิดเทอมใหญ่

   
   Thanthup titrirat ได้โพสต์รูปภาพใหม่

   จากตาที่เริ่มจะปิดลงทุกทีกลับสว่างขึ้นอีกครั้งเพราะชื่อของคนตรงหน้า มือรีบเลื่อนเมาส์เข้าไปดูในแจ้งเตือนที่ตั้งค่าไว้ให้เขาเป็นคนพิเศษ บุ๋นสามารถติดตามทุกอย่างที่เขาอัพเดทได้โดยไม่มีทางพลาดเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขา
   เขา…คนที่บุ๋นเชื่อว่าเป็นรักแรกพบ


   1 นาทีที่แล้ว
   Thanthup titrirat : อ่านหนังสือว่ายากแล้ว อ่านใจเธอนั้นยากกว่า




   “แคปชั่นอะไรวะ” รอยยิ้มบางๆหลุดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ มือค่อยๆเลื่อนดูคอมเม้นท์ที่ขึ้นมาไวประหนึ่งว่าคนๆนี้เป็นเน็ตไอดอล



   Kinnnn : โอ้โห้ไอ้หมอ เดี๋ยวนี้มึงเสี่ยวขึ้นนะเพื่อนนน
   PPong : ไอ้คินมันแกล้งมึง กูเปล่าฟ้อง แต่กูเห็น *แนบรูปที่คินถือโทรศัพท์ของเจ้าตัวเอาไว้แล้วยิ้มคิกคัก*
   Nannie : ว้าวว คุณหมอฐานทัพหล่อจังเลยค่ะ ขนาดหลับยังหล่อเลย




   อีกสองสามคอมเม้นท์ที่ออกไปทางเด็กมอต้นกรี๊ดคนหล่อ ขออ่านข้ามๆไปแล้วกัน อ่านไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับตัวเท่าไหร่



   Save as…


   รูปภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่ฟุบหลับคาหนังสือเล่มหนาที่เขาอ่านมาได้เกือบครึ่งกับภาพเบื้องหลังทำให้บุ๋นเดาไม่ยากว่าตอนนี้เจ้าตัวเขาอยู่ที่ไหน
   เวลานี้ยังอยู่ที่หอสมุดอยู่อีกหรอ…คุณหมอ


   
   มนุษย์ล่องหน ถูกใจรูปภาพของ Thanthup titrirat


   ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หัวใจของเขาคนนี้เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อมองภาพตรงหน้า แม้ว่าในความเป็นจริงเขาเองจะไม่เคยเจอคนๆนี้เลยสักครั้ง มาถึงตรงนี้คงมองว่าเขาเป็นโรคจิต ไม่แปลกที่หลายๆคนละคิดแบบนั้นมีเพียงแต่ตัวเขาเองที่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มาจากภาวะการบ่งพร่องทางสมอง


   แต่ว่า…มันเป็น…


   รักแรกพบ


   ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีก่อน

   ‘บุ๋น’ ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งในรั้วโรงเรียนที่มีแต่เด็กหัวกะทิอยู่รวมกันและเขาก็เหมือนกับเด็กนอกคอกที่ไม่เคยได้เศษเสี้ยวความฉลาดจากผู้คนรอบข้าง กระดาษแผ่นสีขาวสะอาดที่อาจารย์แจกให้เขียนชื่อสถาบันที่อยากจะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยยังคงว่างเปล่าไม่มีร่องรอยของการขีดเขียนอะไรลงไป

   อยากเรียนอะไร…เขายังไม่รู้เลย

   “เป็นอะไรวะไอ้สี่” เพื่อนสนิทเรียกชื่อที่มีแต่พวกเขาสี่คนที่รู้กันเอง

   “ว่างเปล่า” เขาตอบพร้อมกับชูกระดาษที่ขาวสะอาดกว่าใบหน้าของเพื่อนตัวเองไปตรงหน้าเพื่อนสนิททั้งสามคน

   “ละไมไม่เขียนวะ”


   ‘หนึ่ง’ เพื่อนที่เปรียบเสมือนหัวสมองของกลุ่มเอ่ยขึ้น มือกระตุกขาแว่นเล็กน้อยก่อนจะมองบุ๋นด้วยความเป็นห่วงหรือสมเพชเจ้าตัวก็ยังแยกไม่ออก แม้ว่าจะคบกันมานานแล้วแต่หนึ่งเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วไอ้สี่เพื่อนของเขาอยากจะเรียนอะไรกันแน่


   “ถ้าคิดได้กูก็เขียนไปนานแล้ว”

   “ไปจิตวิทยากับกูไหม”

   ‘สอง’ เพื่อนที่แทบจะเอาหลักการของจิตวิทยาทุกอย่างมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ทุกครั้งที่มีปัญหาเขาเปรียบเสมือนพี่อ้อยพี่ฉอดที่จะคอยบรรเทาทุกข์ให้แก่เพื่อนๆถึงแม้หน้าตามันจะเหมือนกับพึ่งออกจากคุกมาก็ตาม


   “หน้ากูดูให้คำปรึกษาคนได้ว่างั้น” เขาถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ คะแนนถึงอันไหนก็เลือกไป”

   “อนาคตมึงนะไอ้สัด” มือที่เปื้อนไปด้วยดินสอตบหัวเพื่อนตัวเองเสียงดัง


   ‘สาม’ เพื่อนที่ทุ่มเททั้งกายและใจให้กับการวาดรูป เป็นคนที่มีจุดยืนที่ชัดเจนมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายและก็เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ต้องคิดมากเรื่องมหาลัยเพราะผลงานที่ผ่านมาทำให้สามารถเข้าเรียนได้ในรอบรับตรง


   “ตบซะความรู้กูสะเทือนเลย”


   เขามองเพื่อนทั้งสามคนที่ดูจะเครียดเรื่องการเลือกคณะเรียนของเขามากกว่าของตัวพวกมันเอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดแต่เขาคิดมาหลายวันติดแต่ก็ไม่ได้คำตอบสักทีว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆของเขาคืออะไร


   หนึ่ง สอง สาม สี่ คือชื่อที่พวกเขาใช้เรียกกันแทนชื่อจริงๆโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าเรียกทำไม ถึงช่วงแรกๆจะฟังดูแปลกๆแต่พอหลังๆมันก็กลายเป็นชื่อที่สองของพวกเขาที่ใช้เรียกกันแทนชื่อจริงๆ


   “เดี๋ยวก็คงคิดได้เองแหละ” ในเมื่อยังคิดไม่ออกก็ปล่อยให้มันว่างต่อไป อีกไม่นานเขาก็คงจะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาอยากจะเรียนอะไรกันแน่

   “เออยังไงก็รีบคิด” สองตบบ่าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ไปเถอะ คาบอาจารย์สมรถ้าสายเจ๊แกสวดยาวแน่ กูขี้เกียจฟัง”


   “เออไปดิ”


   คาบที่ห้าของวันเริ่มต้นขึ้นกับน้ำเสียงของอาจารย์ที่ชวนนอนทุกๆห้านาที อยากจะถามคนจัดตารางเรียนว่าเอาวิชาพระพุทธศาสนามาไว้ตอนบ่ายได้อย่างไร เกือบครึ่งห้องแทบจะเข้าเฝ้าพระอินทร์เพราะน้ำเสียงที่ยานยิ่งกว่าเทปรุ่นเก่า


   “กูนอนนะ เลิกละบอกด้วย” สองที่นั่งอยู่ข้างๆสะกิดบอก ไม่รอให้เพื่อนตอบรับเขาก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะทันที

   “เออ” บุ๋นรับคำสั้นๆก่อนจะหันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่การกระทำต่างกันโดยสิ้นเชิง

   หนึ่งแทบจะจดทุกคำพูดที่อาจารย์สอน ถ้ามันวาดรูปเป็นการ์ตูนได้มันคงวาดทุกท่าทางของอาจารย์ไว้หมด ส่วนสามก็ก้มหน้าวาดรูปเรื่อยเปื่อยเหมือนทุกครั้งเวลาที่มันเบื่อเนื้อหาที่ต้องเรียน


   ใช่สิ…มึงมีที่เรียนแล้วนิ


   รอบที่สามของวันเห็นจะได้ที่เขาถอนหายใจทิ้งไปกับความคิดที่วิ่งแล่นอยู่ในหัว มือข้างหนึ่งเลื่อนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยหน้าเฟสบุ๊คของตัวเอง อย่างน้อยมันก็น่าเบื่อน้อยกว่าการฟังเสียอาจารย์


   นิ้วของเขาเลื่อนไปเรื่อยๆไม่ได้หยุดสนใจอะไรเป็นพิเศษ หลายคนที่อัพโหลดรูปภาพพร้อมชื่อของตัวเองที่ติดรับตรงของมหาลัยต่างๆ เห็นแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้แต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่กดถูกใจและแสดงความยินดีกับเขา


   เฮ้อ…
   
   เพื่อนแนะนำ

   เขาหยุดตรงแถบที่มีใบหน้าที่คุ้นเคยของเพื่อนสมัยเด็ก มือเลื่อนไปดูรายชื่อเผื่อได้เจอกับเพื่อนเก่าที่ห่างหายกันไปนาน


   นี่ก็รุ่นน้องที่ย้ายไปอีกโรงเรียน


   นี่ก็เพื่อนสมัยอนุบาล


   นี่ก็แฟนเก่า…


   เอ่อ…คนสุดท้ายไม่แอดคงจะดีกว่า


   เกือบสามนาทีที่เขาจดจ่ออยู่กับแถบรายชื่อตรงหน้า รายชื่อถูกเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่ชื่อของคนๆหนึ่งกับรูปภาพที่ดึงความสนใจของเขาไปมากพอสมควร


   ผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อกราวด์ ใบหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก แต่กลับทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เบื้องหลังเป็นเพื่อนอีกสองคนที่เบลอหน้าไว้เห็นเพียงแต่การแต่งกายที่เหมือนกับคนข้างหน้าไม่มีผิด


   เหมือนเวลาหยุดหมุน…


   ตึกตัก ตึกตัก



   หัวใจของบุ๋นเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เหมือนร่างกายไร้การควบคุม นิ้วมือกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ที่มีคนกดไลค์เกือบห้าร้อยพร้อมกับค่อยๆเลื่อนดูภาพเขาไปเรื่อยๆ แม้เขาจะไม่ได้อัพเดทอะไรในเฟสบุ๊คของเขาแต่บุ๋นกลับรู้สึกสนใจเขาอย่างไม่มีเหตุผล


   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ…


   “ทำอะไร” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังเลื่อนดูรูปภาพไปเรื่อยๆถึงกับสะดุ้งสุดตัว โทรศัพท์มือถือตกลงกับพื้นพร้อมกับอาจารย์ที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขา


   “เปล่าครับ” เขาตอบกลับไปพร้อมๆกับสะกิดสองให้ตื่น


   “อย่าเล่นโทรศัพท์เวลาเรียน ถ้าเห็นอีกครูจะยึด” อาจารย์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปสอนเนื้อหาหน้าห้องต่อ


   “เชี่ย” เขาอุทานออกมาเบาๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา



   เครื่องดับ…



   “โถ่เว้ย!!!” จู่ๆก็อุทานออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะรีบกดเปิดเครื่อง ในใจหวังให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม


   ไม่มีทาง…

   แอพเฟสบุ๊คเปิดขึ้นพร้อมกับข่าวสารหน้าแรกของเขาแทนที่จะเป็นชื่อของคุณหมอที่เขาพึ่งไล่ดูรูปเมื่อครู่ เขาอยากจะทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดแต่ทำได้แค่เลื่อนหาแถบเพื่อนแนะนำ

   หายไปไหนวะ


   หายไปไหน!!!!!


   “เป็นอะไรมึง ทำหน้าทำตาอย่างกับมีใครเป็นอะไร” สองที่ตื่นขึ้นมาเพราะถูกปลุกหันมามองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจ


   “ไม่มีอะไร”


   กูไม่เป็นไร


   กูโอเค…


   โอเคก็เหี้ยละ…หายไปไหนวะ!!!!




-----------------------------
100%
ขอฝากเนื้อฝากตัว ฝากบุ๋นและหมอไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ ขอกำลังใจเยอะๆนะคะ ^^
แล้วจะมาอัพต่อจ้า ไว้เจอกันใหม่~

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 น่าสนุก ชอบบบ:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
รอออ  :katai3:

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารัก ว่าแต่เขาจะได้เจอกันเมื่อไหร่เนี่ย  :bye2:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

(ก่อน)จีบหมอ


   เสียงออดหมดเวลาดังขึ้นเมื่อเข็มสั้นชี้เลขสี่ คนที่หมกมุ่นอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์รีบเด้งตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงทำเอาคนอื่นๆที่กำลังเก็บของอยู่หันมามองด้วยความสงสัย


   เป็นอะไรของมันวะ


   “เชี่ย แบตหมด!!!” เสียงสบถดังขึ้นพร้อมกับท่าทางที่หงุดหงิดมากกว่าช่วงบ่าย


   อีกนิดเดียวจะหาเจอแล้วแท้ๆ…


   “เป็นอะไรของมึงวะไอ้สี่” สามที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมาถามด้วยความสงสัย ปกติไอ้สี่ไม่ได้เป็นคนขี้หงุดหงิดง่ายขนาดนี้


   เหมือนมีอะไรบางอย่าง


   “เปล่า…ไม่มีอะไร” น้ำเสียงที่พยายามปกปิดความจริงของบุ๋นทำให้เพื่อนทั้งสามได้แต่มองหน้ากันเองแล้วแกล้งทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่เจ้าตัวดูมีพิรุธจนทุกคนดูออก

   “เออวันนี้ไปหาไรกินกันปะ ต้นเดือนพอดี” หนึ่งเอ่ยปากชวน มือข้างหนึ่งยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย มืออีกข้างเอื้อมไปตบบ่าไอ้สี่ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

   “วันนี้กูไม่ว่าง” บุ๋นที่ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองตอบกลับมาทันที “กูต้องไปหา…เอ้ย ไปคิดว่าจะเรียนอะไร” เขาแกล้งทำสีหน้าเคร่งเครียดให้เพื่อนๆไม่จับพิรุธที่เขาพยายามปกปิด


   จะให้พวกมันรู้ไม่ได้เด็ดขาด


   “อ่อหรอ จริงจังขนาดนั้นเลยหรอ” สองที่สังเกตเพื่อนมาพักใหญ่ถึงกับถามด้วยน้ำเสียงกวน “จะไปคิดหรือไปทำอะไรกันแน่ไอ้สี่”


   “เรื่องของกู”

   บอกไปพวกมันได้ล้อยันลูกบวชแน่ๆ


   “เออก็แล้วแต่ กำลังจะให้ยืมสายชาจ” สองเห็นท่าทางน่าแกล้งของเพื่อนตัวเองก็ทำทีหยิบสายชาจโทรศัพท์ขึ้นมาแกว่งลอยหน้าลอยตาคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


   ยังไงวันนี้เขาก็ต้องหาหมอคนนั้นให้เจอ…แค่นี้จิตใจของเขาก็ว้าวุ่นมากเกินไปแล้ว

   “เอามา” บุ๋นรีบพุ่งตัวไปที่สายชาจแต่สองรีบชักมือกลับแล้วยักคิ้วกวน “ไอ้สอง กูไม่เล่น เอามายืมก่อน”

   “กูก็ไม่ได้เล่น แค่อยากรู้ว่าทำไมต้องร้อนรนขนาดนี้”

   “กู…กลัวที่บ้านติดต่อไม่ได้”

   “ถ้าจะโกหกช่วยโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อยได้ไหมวะ” สองหัวเราะออกมา

   “กู…”

   “ถ้าจะโกหกอีกกูจะเก็บสาย” เขาขู่ออกมาเพราะต้องการแกล้งคนที่ทำหน้าอย่างกับไม่ได้ถ่ายมาหลายวัน ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเพื่อนของตัวเองเป็นแบบนี้

   “ไม่ต้องไปถามมันหรอกไอ้สอง มันไม่อยากบอกก็ปล่อยมันไป” สามเดินมาตบบ่าบุ๋นสองที “แต่รู้ไว้นะไอ้สี่ พวกกูไม่เคยปิดบังอะไรมึง”


   เกือบจะดีละครับ!!!!


   “ไม่สบายใจก็ไม่ต้องพูด พวกกูไม่สำคัญอะไรที่จะต้องรู้หรอก” หนึ่งพูดเสริม


   ฉึก!


   ถ้าจะขนาดนี้พวกมึงก็เอามีดมาแทงกูเถอะ


   “เออๆๆๆ กูบอกแล้ว” เขาพูดอย่างจำยอม


   ต้องบอกจริงๆหรอวะ


   “ถ้าคิดจะโกหกอีกก็เลิกคิดซะ มึงโกหกไม่เนียนยิ่งกว่าเด็กอนุบาลสองอีกรู้ไว้ซะ” สองพูดดักทางไว้ก่อนที่เพื่อนของเขาจะสารภาพออกมา   


   ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือทักษะการโกหกของไอ้สี่อยู่ในระดับศูนย์ไปจนถึงติดลบ เวลาที่มันเริ่มโกหกเหงื่อจะเริ่มออก น้ำเสียงจะเริ่มเปลี่ยน ดวงตาจะเริ่มหลุกหลิกไม่อยู่กับที่และที่สำคัญ ไอ้สี่จะโกหกอะไรที่ไกลความจริงเสมอ


   “กูหาคนๆหนึ่งอยู่” บุ๋นยอมพูดออกมาเพราะรู้ว่าโกหกไปทุกคนก็คงจับได้อยู่ดี “ไม่รู้ทำไมต้องหา แต่กูไม่หาไม่ได้”


   “…”


   “มันคาใจแปลกๆ”


   และอาจจะมากกว่าคาใจ…เพราะหัวใจมันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงใบหน้าได้รูปของเขา   


   “ใครวะ” สามถามออกมาพร้อมกับมองหน้าบุ๋นที่แทบจะไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว


   เป็นเอามากจริงๆ


   “ไม่รู้ว่ะ…ไม่รู้จักมาก่อน” เขาเอนหลังพิงกับเก้าอี้ไม้ ดวงตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง “รู้แค่ว่ากูต้องหาเขาให้เจอ”

   “แล้วถ้ากูหาเจอมึงจะให้อะไร” หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขากระตุกขาแว่นก่อนจะมองมาทางเพื่อนของเขาที่กำโทรศัพท์แน่น

   “ไม่ต้องหาให้กูหรอก กูอยากหาด้วยตัวกูเอง”

   “เอางั้นหรอ”

   “มึงแค่บอกวิธีเข้าไปในหน้าเพื่อนแนะนำให้กูก็พอแล้ว”


   นอกนั้นกูจัดการเอง

.

   นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งครึ่ง เสียงแป้นพิมพ์ยังคงดังขึ้นไม่ขาดช่วง ใบหน้าที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบสี่ชั่วโมงหลังจากกลับมาถึงบ้านยังคงไม่ละสายตากับสิ่งตรงหน้า แว่นตาที่สะท้อนภาพหน้าแรกของเฟสบุ๊คกับชื่อที่เขาสุ่มพิมพ์ไปเกือบๆร้อยชื่อ


   ทำไมยังไม่เจอวะ!!!


   ไอ้หนึ่งนะไอ้หนึ่ง ตอนแรกก็บอกจะช่วยดิบดีแต่พอเขาบอกว่าจะจัดการเองมันก็เลยสรุปเสร็จสรรพว่า


   ‘ถ้ามึงจะจัดการเองนั่นหมายถึงมึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง…โชคดีเพื่อน’


   แม่งเอ้ย ไม่น่าทำเท่เลยกู!


   “อยู่ไหนวะ” น้ำเสียงที่ดูมุ่งมั่นมากกว่าการเรียนดังขึ้นพร้อมกับนิ้วที่ยังคงรัวไปเรื่อยๆ


   หน้าจอการค้นหาต่างๆเด้งขึ้นมาไม่ต่ำกว่าสิบหน้า ตั้งแต่ที่บุ๋นกลับมาเขาก็ตรงดิ่งมานั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อสะสางสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ยังไงเขาก็ต้องเจอให้ได้


   ไม่เจอก็ไม่นอนวะ!


   มันไม่มีจริงหรอกคำว่าพรมลิขิตหรือคำว่าถ้าเราจะเจอมันก็ต้องเจอ ถ้าไม่หามันจะเจอได้ยังไงวะ คิดแล้วก็หุดหงิด ถ้าตอนนั้นไม่ตกใจจนทำโทรศัพท์ตกคงไม่ต้องมานั่งวุ่นขนาดนี้


   ทำไปก็คิดไปว่าทำไมเขาต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้


   เออทำไปทำไมวะ


   “โว้ยยยยยยยย!!!!!”


        ตึงตึงตึง!!


   มือหนักๆทุบแป้นพิมพ์อย่างหมดความอดทน ทำไมหายากหาเย็นแบบนี้วะทั้งๆที่ตอนบ่ายก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนี้


   โทรศัพท์ที่ชาจแบตจนเต็มสว่างขึ้นเพราะแจ้งเตือนไลน์กลุ่มห้อง การบ้านต่างๆที่เพื่อนๆช่วยกันตอบในตอนนี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขามากมาย มือข้างที่ว่างอยู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปในเฟสบุ๊คของตัวเองก่อนจะเลื่อนไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย


   ทำไมไม่เจอวะ


   ทำไม


   ทำไมไม่…



   เจอ!!!!



   “เห้ยยย!!”



   เพื่อนแนะนำ
   


   มือของบุ๋นสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นท่ามกลางห้องที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบ นิ้วโป้งค่อยๆกดเลื่อนดูรายชื่อเรียงคน ผ่านไปทีละชื่อช้าๆ


   ขอให้เจอ



   ตึกตัก ตึกตัก


   “…!!!!!”



   Thanthup titrirat



   “วะฮู้วววววว ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะมาพร้อมกับความดีใจ ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องอย่างกับประกาศผลเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย



   “เจอแล้วโว้ยยยยยยยย ฮ่าๆ”


   สี่ชั่วโมงที่เสียไปไม่ศูนย์เปล่า ครั้งนี้จะไม่ซ้ำรอยเดิมเหมือนตอนบ่าย เขารีบกดคำร้องขอเป็นเพื่อนทันทีก่อนจะแคปหน้าจอไว้กันหาไม่เจอ ไม่มีทางที่จะกลับมานั่งหาอย่างกับคนบ้าเหมือนวันนี้อีกแล้ว


   พอเจออีกครั้งมันก็ยิ่งชัดเจนมากกว่าเดิม



   ทำไมหัวใจ


   เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา…



   ตือดึ้ง~

   เสียงแจ้งเตือนจากแชทเฟสบุ๊คเรียกสติของคนที่นั่งย้อนคิดถึงอดีตให้กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง กล่องแชทสีเหลี่ยมมุมขวาปรากฏชื่อของคนที่เขาไม่คุ้นเคย


   Cangcacoa : สวัสดีบุ๋น พี่โกโก้ จำพี่ได้ไหม



   “โกโก้…” บุ๋นทวนชื่อของคนในแชทก่อนที่ความทรงจำเก่าๆจะไหลเข้ามาในหัวอย่างกับรอคอยให้รื้อฟื้นมัน
   พี่โกโก้หรือฉายาที่เพื่อนๆในห้องตั้งให้ว่าเจ้าแม่ขี้แย คนที่เวลาร้องไห้ทีทำเพื่อนเดือดร้อนกันทั้งห้อง คนที่ร้องไห้ง่ายยิ่งกว่าหัวเราะ โกโก้…ความทรงจำเริ่มปะติดปะต่ออีกครั้ง ภาพเล็กๆของผู้หญิงร่างอวบในชุดนักศึกษาของมหาลัยชื่อดังทำให้เขาเริ่มมั่นใจว่าคนที่ทักมาคือใคร



   มนุษย์ล่องหน : จำได้สิ พี่โกโก้ห้อง 6/1 ใช่ไหม



   รู้สึกว่าหนังสือตรงการ์ตูนหน้าไม่สำคัญขึ้นมาทันทีที่ได้เริ่มพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนจบไปสองปีแล้ว  พี่โกโก้เล่าเรื่องราวความเป็นไปหลังจากที่พวกเขาขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่ช่วงมอต้น แต่ถึงอย่างนั้นบุ๋นก็มักจะเห็นเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพี่โกโก้บนหน้าเฟสบุ๊คเป็นครั้งคราว



   Cangcacoa : ดีใจจังเลยที่บุ๋นยังจำพี่ได้ ตอนนี้รอแอดมิชชั่นใช่ไหม
   มนุษย์ล่องหน : ใช่ครับ กำลังจะเข้ามหาลัยแล้ว
   Cangcacoa : ไวเหมือนกันเนอะ พี่ยังรู้สึกเหมือนพึ่งเรียนจบจากโรงเรียนมาเอง
   มนุษย์ล่องหน : แล้วพี่โก้เป็นยังไงบ้าง
   Cangcacoa : พี่เรียนพยาบาล
   มนุษย์ล่องหน : โห ต้องเป็นพยาบาลที่ใจดีมากแน่ๆ



   เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงคุยกับพี่โกโก้ พูดคุยเรื่องราวของรุ่นพี่อีกหลายคนที่ขาดการติดต่อไป รวมไปถึงเพื่อนสนิทของบุ๋นที่หายหน้าหายตาไปนาน ก็ได้พี่โกโก้ที่เป็นคนเอาเฟสบุ๊คของเพื่อนมาให้เขา
   ช่วงมัธยมต้นบุ๋นเคยสนิทกับพี่โกโก้อยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่จะเริ่มห่างออกมาตอนใกล้จะเรียนจบมอสาม พอกลับไปคิดดูแล้วคิดถึงวัยเด็กชะมัด วัยที่อยากจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรเยอะแยะให้ปวดหัว
   


   มนุษย์ล่องหน : กำลังพิมพ์…


   ตาของเขาใกล้จะปิดลงทุกทีหลังจากที่คุยกันมานานพอสมควร ถึงเวลาที่จะต้องหยุดไว้เท่านี้ก่อนที่เขาจะไม่ได้บอกลาอีกฝั่ง
   กลัวจะหลับคาคอมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา



   Cangcacoa : บุ๋นเราขอถามอะไรหน่อยดิ



   นั่นไง…พอเขาจะไปต้องมีคำถามแบบนี้มากระตุ้นต่อมทุกที เชื่อว่าคนเกือบร้อยละเก้าสิบเป็นเหมือนกันคือ คำว่า ถามอะไรหน่อยดิ เป็นคำพูดง่ายๆที่ใช้พลังงานไม่เยอะในการเปล่งเสียงออกมาหรือพิมพ์แล้วกดส่ง แต่มันเป็นคำที่ทำให้ผู้รับและผู้ฟังรู้สึกอยากรู้แม้จะปวดขี้อยู่ก็ตาม



   Cangcacoa : พี่อยากรู้ว่าสองเขาเป็นคนยังไงหรอ?
   มนุษย์ล่องหน : ไอ้สองเพื่อนผมหรอ?
   Cangcacoa : ใช่จ้ะ
   มนุษย์ล่องหน : อ่อ…



   ตาที่แทบจะปิดกลับมาสว่างอีกครั้ง เขาเริ่มพูดคุยกับเธอเรื่องของไอ้สองเพื่อนสนิทในกลุ่มและสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าพี่โกโก้กับไอ้สองกำลังคุยกันอยู่ ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไรเพราะทั้งคู่ก็เคยได้เจอกันสมัยเรียนมาบ้าง แต่ทำไมเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยวะ ไหนมันบอกว่าไม่เคยมีความลับต่อกันไง


   
   Cangcacoa : ขอบคุณมากนะบุ๋น
   มนุษย์ล่องหน : ไม่เป็นไรครับ มีอะไรก็ถามผมได้
   Cangcacoa : ขอบคุณนะ พี่ไม่กวนแล้ว
   มนุษย์ล่องหน : ได้งั้น…
   


   ยังไม่ทันที่จะกดส่งไปความคิดบางอย่างก็แล่นขึ้นมาในหัวประหนึ่งกระแสไฟฟ้าลัดวงจร บุ๋นรีบกดเข้าไปในเฟสบุ๊คของพี่โกโก้ก่อนจะหาเพื่อนที่มีร่วมกัน



   Cangcacoa เป็นเพื่อนกับ Thanthup titrirat



   ชัดเจน!!!!



   มนุษย์ล่องหน : เห้ยพี่โก้เดี๋ยวๆๆๆๆๆ



   เงียบ…



   มนุษย์ล่องหน : เห้ยพี่เดี๋ยว อย่าพึ่งไป ตอบผมก่อน มีเรื่องด่วน
   มนุษย์ล่องหน : ผมมีเรื่องด่วนจริงๆนะ
   มนุษย์ล่องหน : พี่ตอบผมก่อนนนนน
   Cangcacoa : ว่าไง? ขอโทษพี่ไปเข้าห้องน้ำมา
   มนุษย์ล่องหน : พี่รู้จักรุ่นพี่คนนี้รึเปล่า *แนบลิ้งเฟสบุ๊ค*
   Cangcacoa : อ่อ ฐานทัพ รู้จักดิ มีอะไรรึเปล่า
   มนุษย์ล่องหน : รู้จักจริงดิ



   มือของเขาสั่นอย่างไร้การควบคุม ร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ มือเย็นและชา ใบหน้าเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า


   โลกกลมเกินไปแล้ว…



   มนุษย์ล่องหน : คือเพื่อนผมมันแอบชอบมานานแล้ว
   Cangcacoa : ใครหรอ?
   มนุษย์ล่องหน : บอกไม่ได้ มันขี้อาย



   ไม่ใช่เพื่อนที่ชอบ…เขานี่แหละชอบ



   มนุษย์ล่องหน : เขาเป็นคนยังไง
   Cangcacoa : เอาจริงๆคำถามนี้ตอบยากแฮะ จากที่พี่เคยเจอเขาเป็นคนเงียบๆนะ นิ่งมากกกก ตัวจริงสูงมากอย่างกับเสาไฟฟ้า หล่อมากด้วยนะ >////<



   น้อยๆหน่อยพี่โก้…



   มนุษย์ล่องหน : แล้วเขามีแฟนรึเปล่า แฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
   Cangcacoa : ถามแปลกๆแฮะ 555555 แต่เท่าที่รู้มาไม่เคยเห็นว่าเขามีแฟนนะ ปกติเจอทีไรก็เอาแต่อ่านหนังสือตลอด
   มนุษย์ล่องหน : เขาไม่ค่อยสนใจอย่างอื่นหรอ เช่นพวกเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์
   Cangcacoa : อืม…ปกติฐานทัพไม่ค่อยสนใจโลกโซเซียลเท่าไหร่นะ
   มนุษย์ล่องหน : แล้วผม…*ลบ*
   มนุษย์ล่องหน : แล้วเพื่อนผมจะติดต่อเขาได้ทางไหน
   Cangcacoa : เบอร์โทรศัพท์ไหม?
   มนุษย์ล่องหน : บ้าหรอ ไม่เอา



   ถึงมีก็ไม่กล้าโทรไป



   Cangcacoa : อ่าว
   มนุษย์ล่องหน : ขอไลน์ได้ไหม? ฝากพี่ไปขอไลน์แล้วบอกเขาว่าเพื่อนอยากคุยด้วย ถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาให้ก็เอา
   Cangcacoa : ร่ายมาซะยาวขนาดนี้ใครจะไม่ทำให้ล่ะ งั้นรอแปปนะ
   มนุษย์ล่องหน : ตอนนี้เลยหรอ
   Cangcacoa : อื้ม แต่ไม่รู้เจ้าตัวจะตอบไหมนะ
      


   ตึกตัก ตึกตัก



   หัวใจเจ้ากรรมดันเต้นผิดจังหวะเมื่อเห็นว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ภาวนาให้คำตอบที่ได้รับเป็นสิ่งที่เขาหวังไว้ด้วยเถิด


   หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปนานเกินไปแล้ว


   ถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง


   ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป…




   Cangcacoa : *ส่งรูปภาพ*





   หลังจากที่เงียบหายไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เขาพยายามถ่างตาตัวเองไว้ไม่ให้ปิดลงเพื่อหวังแค่เสียงเตือนจากแชทเฟสบุ๊ค พอเห็นว่าเป็นแจ้งเตือนของพี่โกโก้ มือก็สั่นระรัวขึ้นมาทันที บุ๋นคลิกเข้าไปดูรูปภาพที่อีกฝ่ายส่งให้อย่างตื่นเต้น ภาพแชทสนทนาสั้นๆปรากฏขึ้นพร้อมกับชื่อเฟสบุ๊คที่เจ้าตัวจำได้ขึ้นใจ



   เขาจริงๆ



   Cangcacoa : ฐานทัพๆ คือพอดีน้องเราเขาฝากมาขอไลน์
   Thanthup titrirat : ไม่ค่อยเล่น
   Cangcacoa : แล้วให้ได้ป่าว?
   Thanthup titrirat : อืม
   Thanthup titrirat : thanthuptitri
   Cangcacoa : ขอบคุณมากกกกก
   


   Thanthuptitri!!!!
   Thanthuptitri!!!!!
   Thanthuptitri!!!!!!!





   “เยสสสสสส” เสียงแห่งความดีใจดังทั่วทั้งห้อง มือที่สั่นระรัวรีบพิมพ์กลับไปขอบคุณอีกฝ่ายยกใหญ่



   ทำไมไม่ทักมาให้เร็วกว่านี้สักครึ่งปีวะพี่ ทำไมไอ้สองกับพี่โก้ไม่คุยกันเร็วกว่านี้สักครึ่งปีไม่ก็ปีหนึ่ง ทำไมเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้



   ทำไมถึงปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานถึงหนึ่งปี


   ได้แต่ถามว่าทำไม



   ไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ นิ้วรีบกดตัวอักษรลงในช่องค้นหาไอดีไลน์ตามที่เขาส่งชื่อมาให้ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะตกลงให้ง่ายดายขนาดนี้



   ทำไมพึ่งคิดได้วะไอ้บุ๋นเอ้ยยยย!!!!


   ติ๊ง~


   ยังไม่ทันที่จะพิมพ์ตัวอักษรครบชื่อของกลุ่มเพื่อนสนิทก็เด้งขึ้นมาพร้อมกับข้อความที่เขาเผลอกดเข้าไปอ่าน กลุ่มที่มีสมาชิกเพียงแค่สี่คนกับชื่อกลุ่มที่ดูขัดตาทุกคนที่ได้เห็นมากที่สุด



   F4 เมืองไทย



   3 : วันนี้เป็นวันอับโชค ไม่ควรพบปะเจอะเจอทำความรู้จักกับผู้คนแปลกหน้า ท่านใดที่กำลังจะสารภาพรักควรหลีกเลี่ยงวันนี้



   ข้อความลูกโซ่ป่าววะ…



   วันอับโชคอย่างนั้นหรอ



   เขามองหน้าจอโทรศัพท์ที่เหลืออีกสองตัวอักษรก็จะครบตามที่เจ้าตัวให้มาก่อนจะกดลบทิ้งทั้งหมดแล้วปิดโทรศัพท์ลง



   ไม่ได้เป็นคนถือเรื่องโชคลาง ไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ



   แต่ทักไปวันพรุ่งนี้ก็ไม่เสียหาย…
   




------------
100%
ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะคะ
ชอบก็คอมเม้นท์บอกกันหน่อยน้าาาาาาา
หวังว่าจะมีความสุขกับความรักของบุ๋นจ้า :)

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หืออออ ใช่หรือสี่ ใช่แน่หรือ ไม่เชื่อจริงหรืออออ  :hao7:

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียน ชอบๆ รอตอนต่อไปจร้า

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่หนึ่ง


   หลงรักคนยืนข้างซ้ายตรงที่เก้านาฬิกา…


   เสียงเพลงดังก้องไปทั่วห้างที่มีผู้คนพลุกพล่าน บุ๋นค่อยๆหันหน้าไปตามเสียงเพลงที่บรรเลงไปเรื่อยๆอย่างเพลินหู


   ซ้าย…เก้านาฬิกา…


   ไอ้หนึ่ง


   เออ…ไม่ควรจะมาทำตอนที่พวกมันเสนอหน้าอยู่ตรงนี้


   “ไอ้คุณสามเมื่อไหร่จะมาวะ” สองพูดไปกดโทรศัพท์ไป เวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ วันสำคัญในชีวิตของพวกเขาทั้งสามคนไม่รวมสามที่ผ่านจุดนี้ไปแล้ว


   วันประกาศผลแอดมิชชั่น


   “มึงจะรีบอะไรวะ มันประกาศตั้งหกโมงเย็น นี่ยังสิบโมงเช้าอยู่เลย” หนึ่งที่เงียบฟังอยู่พักนึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรายตามองคนขี้บ่น


   “กูตื่นเต้นนี่วะ ใช่ปะไอ้สี่”


   “ฮะ…อะไรวะ เออใช่ๆ” คนที่พะวงกับหน้าจอโทรศัพท์อยู่สะดุ้งสุดตัวเมื่อโดนเรียกชื่อ มือที่กำโทรศัพท์แน่นรีบเอาซ่อนไว้ข้างหลังกลัวเพื่อนเห็นว่าตัวเองกำลังกังวลกับรายชื่อตรงหน้า


   กูจะทักไปยังไงดีวะ…




   สวัสดีครับ อยากรู้จักครับ
   อันนี้ดูจู่โจมมากไปหน่อย…



   สวัสดีครับ ผมแอบติดตามพี่มานานแล้ว
   โรคจิตสุดๆ…   



   นี่ใครครับ พอดีเห็นแอดมา
   หน้าด้านเรียกพ่อ แอดเขาไปก่อนแท้ๆ



   บุ๋นอยากจะวิ่งออกไปตะโกนดังๆเพื่อระบายอารมณ์แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือยิ้มให้เพื่อนที่เริ่มจะทำตัวเป็นนักสืบโคนันเป็นรอบที่ล้านตั้งแต่คบกันมา เขาจะบอกเรื่องพวกนี้ไม่ได้ พวกมันรู้แค่ว่าเขาเคยบอกว่าชอบคนๆหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าเขาชอบมานานเป็นปีขนาดนี้


   ยิ่งคนที่ชอบเป็นผู้ชาย…ยิ่งบอกไม่ได้


   “มีอะไรจะบอกพวกกูไหมสี่” มือหนักๆของหนึ่งที่วางลงบนบ่าทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ รังสีที่แผ่ซ่านมาทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนกดดันทางอ้อม


   “มีอะไร…คนอย่างกู…จะมีอะไร๊”



   เสียงสูง ไม่มีพิรุธเลยไอ้บุ๋น



   “กูถามอีกครั้ง” แววตาที่เต็มไปด้วยสายตาจับผิดทำให้คนที่ถูกต้อนจนมุมเสมองไปอีกฝั่งอย่างห้ามไม่ได้


   ไอ้สาม…


   มาทันเวลาพอดีเลยนะมึง


   “มีอะไรกันวะ” คำถามแรกที่เจอหน้ากันของสามทำเอาคนที่ถูกจ้องมองไม่วางตาถึงกับยิ่งกดดัน การที่โกหกพวกมันทั้งสามคนก็เหมือนเด็กอนุบาลสามโกหกว่าไม่ได้ฉี่รดที่นอน



   “ไอ้สี่มีความลับ”



   ตึก!



   “ความลับอะไรวะ” มือหนักของสามวางลงบนบ่าทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าจากหนึ่ง



   กูต้องแพ้พวกมึงอีกแล้วใช่ไหม



   “กูเปล่า…”


   “ไอ้สี่!!!” เสียงเรียกที่พร้อมเพรียงราวกับนัดกันไว้ทำเอาคนที่ถูกเรียกถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ถ้าตอนนี้เปรียบเสมือนลานประลองเขาก็เหมือนกับมนุษย์ที่โบกผ้าแดงสู้กับกระทิง



   “กู…”



   “…”



   มองตาก็รู้ใจ…



   “กูกำลังจะทักไปจีบคนๆหนึ่ง” เขาพูดออกมาอย่างจำยอม เสียงถอนหายใจแห่งความกดดันถูกพ่นออกมาก่อนจะมองหน้าเพื่อนที่ล้อมเข้าอยู่ทั้งสามคน



   “ใครวะ” หนึ่งถามต่อ



   “ไม่บอกได้ปะวะ”



   “ทำไม”



   “คือกู…”


   “เราไม่เคยมีความลับต่อกัน แต่ถ้ามึงอยากมีกูก็เข้าใจเพื่อน” สองตัดพ้อพร้อมกับตบบ่าคนตรงหน้าสองทีแล้วทำท่าจะเดินออกไป



   “หมอ”



   “อะไรนะ” ทั้งสามประสานเสียง



   “กูจีบหมอ” สุดท้ายก็ต้องบอกออกไปอยู่ดี “พอใจพวกมึงรึยัง กูจีบหมอโว้ยยยยย” เขาพูดกรอกหูเพื่อนเสียงดังพร้อมกับมองหน้าเพื่อนรายคน



   แต่ละคนทำหน้าแตกต่างกันออกไป ไอ้หนึ่งยังไม่แสดงสีหน้าอะไรมากอาจจะเพราะกำลังอึ้งในความหวังสูงของเขา ไอ้สองทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ไอ้สามพยักหน้าเข้าใจทั้งๆที่ในใจก็เตรียมหาผ้าเช็ดหน้ามาให้บุ๋น



   เออกูหวังสูง…กูรู้



   “ไหนๆก็ไหนๆ กูถามอะไรหน่อย” ในเมื่อถูกต้อนจนรู้ทุกอย่างก็ขอปรึกษาเลยก็แล้วกัน นอกจากเพื่อนสามคนเขาก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครแล้ว



   “ว่ามา” สองยืดอกเตรียมพร้อมเหมือนจะลืมจุดประสงค์จริงๆไปว่าวันนี้มารอทำอะไรกัน



   “กูจะทักเขาไปว่าไง”



   “ง่ายๆเพื่อน ทักไปเลยว่าชอบ…ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายตรงๆ” สองตอบออกมาอย่างมั่นใจ



   แต่คนที่กูชอบเขาเป็นผู้ชาย…



   “แต่เดี๋ยว มึงไม่ได้คบกับแพรอยู่หรอวะ” สามที่ยืนฟังอยู่พักใหญ่หันมาถามอย่างไม่รู้ “หรือว่ามึง…”



   “เลิกแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอก”



   “ว่าไงนะ” สามพูดออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เรื่องใหญ่แบบนี้มึงไม่ได้บอกพวกกูคืออะไรวะ” อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปแต่สำหรับพวกเขาทั้งสี่คนมันไม่ทั่วไป



   มีอะไรต้องบอก เกิดอะไรขึ้นต้องเล่า


   ทันที



   “กูคิดว่ามันไม่สำคัญอะไร” คนที่กำลังกังวลเรื่องอีกคนพูดออกมาหน้าตาย น้ำเสียงไม่บ่งบอกความรู้สึก “อีกอย่างเราจากกันด้วยดี”




   แค่โดนตบเอง



   “ไอ้สี่เอ้ยยยย” แขนยาวๆของเพื่อนทั้งสามคนดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดปลอบเหมือนเจ้าตัวเป็นเด็กปอสี่ ทุกคนคงคิดว่าเขารู้สึกแย่ แต่เปล่าเลย



   ยังไงเขาก็ไม่คิดจะคบแพรนานอยู่แล้ว…ตัวจริงของเขาคือคนนี้



   คนที่เขากำลังจะทัก




   “กูไม่ได้รู้สึกอะไร กลับมาเรื่องทักต่อเถอะ” เขารีบดึงให้กลับมาเรื่องเดิมก่อนจะหันไปมองหนึ่งที่มีความรู้มากที่สุด



   “คงไม่ทักว่ะ ถ้ากูจะจีบใครสักคนกูคงไปเจอเขาเลย ลงทุนหน่อยสิวะ”


   เจอ…



   ไม่กล้าว่ะ



   “แล้วมึงคิดว่าไง” เขาหันไปถามความเห็นจากสาม ความหวังสุดท้าย




   “กูคงจะทักไปชวนคุยธรรมดา ค่อยๆเป็นค่อยๆไป”



   ค่อยๆเป็นค่อยๆไป…



   “เห้ย! ขอบคุณว่ะ” บุ๋นดึงสามที่ยืนข้างๆมากอดแน่น “กูจะลองทำวิธีมึงดูนะ” เขาพูดด้วยหัวใจที่เริ่มพองโต


   จริงอยู่


   เขาควรจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป



   “เดี๋ยวกูไปทักเขาก่อน จะกินร้านไหนไปก่อนเลย เดี๋ยวโทรหา” บุ๋นพูดด้วยท่าทีรีบร้อนก่อนจะวิ่งออกมาจากจุดที่ยืนอยู่



   “ไปไหนวะมึง”



   “ไปทักหมอ” น้ำเสียงร่าเริงตอบกลับมาผิดกับตอนที่พูดถึงชื่อของแฟนเก่า



   “แล้วจะไปทักถึงไหนวะ” สองพึมพำอยู่กับตัวเองแล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปชวนเพื่อนอีกสองคนที่เหลือไปหาร้านนั่งสิงสถิต



   วันนี้อยู่จนประกาศผลละวะ!!   



   บุ๋นที่วิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นดาดฟ้าของห้างรีบพุ่งตรงออกไปตรงลานที่ผู้คนชอบขึ้นมาชมวิวบรรยากาศด้านนอก ลมเย็นๆพัดเข้าประทบใบหน้าที่ยิ้มแก้มปริอย่างกับคนบ้าพึ่งได้ออกจากโรงพยาบาลศรีธัญญา เขาเอาโทรศัพท์มือถือไว้ในมือทั้งสองข้างก่อนจะพนมมือขึ้นแล้วหันไปทางพระอาทิตย์



   “คุณพระอาทิตย์ครับ ช่วยดลบันดาลให้ผมมีแต่แสงสว่างเจอหนทางในการจีบหมอฐานทัพด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะพนมมือยกขึ้นเหนือหัว



   ช่วยให้ผมไม่มีอุปสรรคอะไรด้วยนะครับ



   แม้ว่าคนรอบข้างจะมองด้วยสายตาแปลกประหลาดแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านอะไรในเมื่อคนพวกนี้ไม่ได้มีผลต่อชีวิตของเขา คนในโทรศัพท์ต่างหากที่มีผลกับชีวิตของเขาตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้วจนถึงวันนี้


   เขาที่ทำให้บุ๋นรู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงคืออะไรและบุ๋นจะไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปมากกว่านี้


   
   Thanthuptitri



   ตัวอักษรแต่ละตัวถูกคนที่ถืออยู่บรรจงพิมพ์ลงไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว มือสั่นๆกดที่ค้นหาพร้อมกับบุคคลที่ปรากฏขึ้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรงกว่าเดิม



   ภาพของผู้ชายในชุดกราวด์ที่คุ้นเคยกับเพื่อนอีกสองคนที่กอดคอเขาอยู่ทำให้บุ๋นมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่นอน นิ้วเคลื่อนไปที่ปุ่มสีเขียนด้วยความสั่นเทา เสียงหัวใจดังพอๆกับเสียงเพลงที่ดังออกมาจากข้างใน



   ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี


   เขากลั้นใจกดปุ่มสีเขียวด้วยหัวใจที่เต้นผิวจังหวะไปหลายห้องก่อนที่จะรีบกดแชทของหมอทันทีอย่างกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป



   ค่อยๆเป็นค่อยๆไป…



   อย่ารีบร้อน…



   B : สวัสดีครับ
   B : *สติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลกระโปรงฟ้าเต้นอยู่ริมทะเล*

   


   ตึกตัก ตึกตัก

   ผมขอให้พี่เห็น…แล้วตอบผม


.


   
   ติ๊ง!

   เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้องนอนของนักศึกษาแพทย์ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมเปิดเทอม เมื่อเสียงโทรศัพท์ไม่ได้เป็นของคนที่นั่งใกล้ที่สุดนั่นก็หมายความว่าเป็นของอีกคนที่อยู่ในห้อง



   “ฐานทัพ มีคนทักมา”



   “…” ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมามีเพียงสายตานิ่งๆของคนที่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือปึกหนาพร้อมกับพยักหน้านิดๆแล้วสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ



   “เอ้า ไม่ตอบหรอวะ”




   ‘ปกป้อง’ เจ้าของห้องหันมาถามเพื่อนของตัวเองด้วยความสงสัย เขาเป็นเพื่อนสนิทของหมอฐานทัพที่นิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าถามถึงหน้าตาก็พอสูสีกันแต่ถ้าเรื่องเรียนต้องยกให้หมอฐานทัพเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม



   “ไม่ว่าง” คุณหมอตอบกลับมาทันทีเหมือนรู้ว่าเพื่อนกำลังจะถามอะไรต่อ



   “แต่เขา…”



   “อ่านหนังสือ” สายตาเย็นชาจ้องมองไปที่เพื่อนสนิททำเอาป้องไม่กล้าพูดอะไรต่อเพียงแค่พยักหน้าเข้าใจแล้วหันกลับหยิบโทรศัพท์โยนไปข้างๆเพื่อนของเขา



   ว่างแล้วค่อยตอบ



   “เดี๋ยวกูลงไปรับไอ้คินก่อน” ป้องลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานกว่าสองชั่วโมง เขารู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมดอย่างกับนั่งมาทั้งวัน



   ขี้เกียจอ่าน…แต่ก็ต้องอ่าน




   “อืม” ฐานทัพตอบกลับสั้นๆพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง



   เขาถอดแว่นตาที่ใส่อยู่ออกก่อนจะหลับตาทั้งสองข้างลง อ่านหนังสือนานๆมันทำให้ตาเริ่มเบลอมองอะไรไม่ชัด พักก่อนดีกว่า รอให้พวกนั้นกลับมาแล้วค่อยอ่านต่อ คนที่เริ่มเพลียไม่ต่างจากเพื่อนที่พึ่งออกไปค่อยๆล้มตัวลงนอนราบกับเตียงแต่ดันนอนทับโทรศัพท์ตัวเอง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะวางไว้ข้างตัว



   ใครทักมา




   โทรศัพท์ที่แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ในแต่ละวันปรากฏชื่อของคนที่เขาไม่คุ้นเคยพร้อมกับคำทักทายปกติที่เขามักจะเจอบ่อยจนนึกอยากจะลบแอปพลิเคชั่นออกไป ถ้าไม่ติดว่าต้องติดต่อกับเพื่อนเขาคงลบออกไปทันที
   


   B : สวัสดีครับ
   B : *สติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลกระโปรงฟ้าเต้นอยู่ริมทะเล*





   คนที่อ่านข้อความขมวดคิ้วงง รูปที่ปรากฏเป็นรูปหมาสีขาวนอนทำหน้าตาน่ารักๆกับชื่อแค่ตัวอักษรเดียวและมั่นใจว่าไม่ใช่คนที่เขารู้จักแน่นอนแต่ในเมื่อกดอ่านไปแล้วเขาก็ควรที่จะตอบกลับ



   ตามมารยาท
   


   Thanthup : ครับ




   แอปพลิเคชั่นปิดลงพร้อมกับเขาที่ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ความอ่อนล้าจากการอ่านหนังสือติดต่อกันทั้งที่ควรจะชินแต่เขากลับไม่ชินเลยสักครั้ง อยากจะนอนโง่ๆอยู่ในห้องก็ทำได้แค่คิด



   ในชีวิตจริงทำไม่ได้เลยสักวัน



.



   “เห้ย!!!!” เสียงของบุ๋นดังขึ้นท่ามกลางร้านอาหารที่มีผู้คนอยู่เต็มร้าน เพื่อนทั้งสามคนหันมามองเป็นตาเดียวกับพฤติกรรมที่ไม่ปกติของสี่




   เป็นอะไรของมันอีกวะ…




   “เขาตอบกูแล้ว เขาตอบกู” พูดไปหัวใจก็เต้นเร็วอย่างกับวิ่งสี่คูณร้อย เขารู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าทั้งๆที่คำตอบโคตรจะสั้นและตัดสนทนาอย่างไร้เยื่อใย





   ไม่เป็นไร…เขาคงไม่รู้จะตอบว่าอะไร




   “ไหนเอามาดู” สามทำท่าจะดึงโทรศัพท์จากสี่แต่ดูเหมือนเขาจะช้ากว่าเพื่อนไปนิดเดียว




   “ไม่ให้ดู” สี่รีบเก็บโทรศัพท์ลงกางเกงก่อนจะพูดต่อ “กูหวง”



   เออ…หวงจริงๆ



   “อะไรของมึงวะ” สามบ่นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ



   “แล้วมึงจะตอบกลับไปว่าไง” หนึ่งที่นั่งข้างๆสามถาม



   “เออน่า” บุ๋นยิ้มแก้มปริ ท่าทางของเขาทำให้เพื่อนทั้งสามคนหันมามองหน้ากันด้วยสายตาประหลาดใจ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นเพื่อนของเขาดูมีความสุขมากขนาดนี้



   “ขอให้จีบติด” สองตบบ่าเพื่อนสนิท “กูเอาใจช่วย”



   “เออ…ขอบใจว่ะ”



   ต้องติดสิ คนอย่างเขาถ้าจีบใครสักคนแล้วไม่มีทางพลาด



   มั้ง…



   
   B : ผมชื่อบุ๋นครับ
   B : น้องพี่โกโก้





   ตอบไปแบบนี้จะดีรึเปล่าวะ…



   แต่อย่างน้อยทางฝั่งนู้นก็จะได้รู้ว่าเขาคือใคร



   “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับมีที่เรียนแล้ว” พอเห็นท่าทางน่าหมั่นไส้ของสี่ก็อดที่จะแขวะไม่ได้ สองเบ้ปากไปทางคนข้างๆที่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย




   “ติดอันดับไหนกูก็เรียนหมด”



   เพราะเลือกมหาลัยเดียวทั้งสี่อันดับ



   มหาลัยที่หมออยู่



   วันนี้เป็นวันที่สำคัญและเป็นวันที่นาฬิกาเดินช้ากว่าปกติ เขาพึ่งรู้ว่าการรออะไรสักอย่างมันทรมานมากมายขนาดนี้โทรศัพท์ที่ถือไว้ตลอดไม่ยอมให้ห่างตัวไม่มีอะไรเด้งขึ้นมาทั้งๆที่เขากดดูหน้าจอทุกๆห้านาที



   สงสัยหมอยุ่งอยู่



   ไม่เป็นไร…รอได้



   
   17.45 น.




   ตึกตัก ตึกตัก…




   “เห้ยมึงผลออกแล้วว่ะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับโทรศัพท์ในมือที่เปิดทวิตเตอร์ตามติดทุกวินาที



   “จริงอะ!” สองเด้งตัวขึ้นเต็มแรง สีหน้าที่หวั่นวิตกไม่แพ้กันมองหน้าหนึ่งก่อนจะพยักหน้า “กูพร้อมแล้ว”



   คนที่จ้องแต่โทรศัพท์รออีกฝั่งตอบกลับถึงกับละสายตาจากสิ่งตรงหน้าหันไปมองเพื่อนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน แม้ว่าตอนแรกจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากแต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆหัวใจมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา



   “กูขอดูคนสุดท้าย” บุ๋นวางโทรศัพท์ตัวเองลงก่อนจะรีบขยับเข้าไปใกล้สองที่เปิดโน๊ตบุ๊คของตัวเองที่เตรียมมาพร้อมเพื่อการนี้



   หัวใจของทั้งสามคนเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ มือเย็นเฉียบ สีหน้าของแต่ละคนดูไม่สู้ดีนัก สามเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนๆ ถึงจะติดแล้วแต่เขาก็หวังให้ทุกคนติดในคณะที่อยากเรียนและอยากให้ติดมหาวิทยาลัยเดียวกันหมด



   หวังให้เป็นแบบนั้น




   “พร้อมไหมวะ” สองหันไปถามอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา



   ตอนนี้บุ๋นและหนึ่งนั่งติดขนาบข้างของสองจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน สามรีบเดินอ้อมมายืนอยู่ข้างหลังสองคอยให้กำลังใจเพื่อนๆ



   ติดไปด้วยกันนะพวกมึง



   ตึกตัก ตึกตัก…



   “มึงก่อนเลยไอ้หนึ่ง” โน๊ตบุ๊คถูกยกหันไปทางคนที่โดนเรียกชื่อ หนึ่งดูตื่นเต้นไม่แพ้กันถึงแม้ว่าคะแนนของเขาจะเกินจากคะแนนต่ำสุดมามากก็ตาม



   “อืม..” เขารับคำสั้นๆก่อนจะกรอกเลขประจำตัวลงไป มือของเขาสั่นจนแทบที่จะบังคับทิศทางเม้าส์ไม่ถูก



   คลิ๊ก!




   เพียงเสี้ยวนาทีที่กดลงไปหน้าจอปรากฏรายชื่อของเขาพร้อมอันดับหนึ่งที่ขึ้นว่าผ่านการคัดเลือก หนึ่งดึงคนข้างๆมากอดเต็มแรงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาทันที



   “กูทำได้แล้วมึง ทำได้แล้ว” เขาย้ำคำพูดเดิมกับสองที่ดีใจกับเพื่อนและหวั่นใจกับตัวเอง



   หนึ่ง…คณะสัตวแพทย์ศาสตร์



   “ทุกอย่างจะโอเค” บุ๋นวางมือลงบนบ่าสองช้าๆ เขามั่นใจว่าสองต้องทำได้ ถึงแม้ว่าสองจะเลือกจิตวิทยาทั้งสี่อันดับแต่เขาก็หวังกับอันดับแรกไว้มากที่สุด




   อยากจะอยู่กับพวกมึง…เหมือนเดิม




   “กูเชื่อว่ามึงทำได้” สามพูดเสริมพร้อมกับวางมือลงบนบ่าอีกข้าง   



   มึงต้องผ่านไปได้ด้วยดี




   “อืม กูขอให้เป็นอย่างนั้น”




   คลิ๊ก!



   “เชี่ยยยยย!!!!” เขาเด้งตัวขึ้นทันทีที่รายชื่อปรากฏขึ้นบนหน้าจอ



   สอง…คณะจิตวิทยา



   “เชี่ย แม่งเชี่ยยยยยย” เขายังคงอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้า มือสั่นๆเอื้อมไปกุมมือบุ๋นที่ดูเครียดที่สุดในหมู่เพื่อนตอนนี้




   หนึ่งและสองติดอันดับหนึ่งทั้งคู่…เขาหวังเพียงให้สี่ติดอันดับหนึ่งไปด้วยกัน



   แม้คะแนนของบุ๋นจะติดลบอยู่หลายร้อยก็ตาม



   “เห้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ” คนที่ยังไม่รู้ผลหันไปยิ้มให้เพื่อน แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่ตัวเขาเองก็อดที่จะเครียดไม่ได้



   อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแหละวะ!!!!



   “ไม่ว่ากูจะติดอันดับไหนพวกมึงก็ควรดีใจ…เพราะกูเลือกมหาลัยเดียวกันกับพวกมึงทั้งสี่อันดับ” เขาร่ายยาวก่อนจะยิ้มให้เพื่อนสนิททั้งสามคน



   อยากเจอหมออาจจะเป็นเรื่องใหญ่…แต่อยากอยู่กับพวกมึงเป็นเรื่องใหญ่กว่า



   เขาค่อยๆพิมพ์ตัวเลขลงไปในกล่องสีขาวเล็กๆด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ หวังเพียงแค่ไม่หลุดถึงอันดับสี่เขาก็พอใจแล้ว



   ตึกตัก…ตึกตัก



   คลิ๊ก!



   “…!!!!!!” ไม่มีเสียงใดๆหลุดออกมาจากปากของเขา ภาพตรงหน้าบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เพื่อนของเขาเองก็เงียบกันไปตามๆกัน



   ไม่เคยมีใครรู้ว่าสี่เลือกคณะอะไรลงไปบ้าง



   เขา…ติดอันดับสาม




   “เกษตรศาสตร์…” บุ๋นพูดออกมาอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก




   คณะที่เขาเคยบอกตัวเองไว้ตลอดว่าไม่มีทางที่จะเรียน คณะที่เขาพยายามผลักไสมาตลอดทั้งชีวิต ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบแต่เพราะเขาไม่อยากเดินตามรอยธุรกิจของครอบครัว จนถึงวันที่เขาได้เห็นว่าที่บ้านเกิดปัญหาขึ้นมากมาย แม้ว่าพ่อกับแม่จะไม่เคยบังคับแต่เขาก็อยากทำเพื่อให้พ่อแม่ดีใจที่จะมีคนมาสานต่อธุรกิจ




   ลงไว้เพราะคิดว่าไม่น่าจะติดแน่ๆ



   “กูคงหนีไม่พ้นจริงๆ” เขาหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆที่ดูไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าตัวพูด “อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะ…กูดีใจที่ติด”





   “แต่มึงเคยบอกว่ามึงไม่ชอบ” หนึ่งขมวดคิ้วงง ภายใต้กรอบแว่นหนามีความห่วงใยปรากฏให้คนตรงหน้าเห็น




   ใช่…เขาไม่ชอบ




   “บางทีกูก็ทำอะไรที่กูชอบไปหมดทุกอย่างไม่ได้”




   “…”




   “ครอบครัวกูตอนนี้…มันไม่ได้มีทางเลือกมาก”




   “ไอ้สี่…”




   “ตอนนั้นกูอาจจะเคยต่อต้าน…แต่พอลองช่วยพ่อทำสวนดูมันก็ไม่แย่ กูอาจจะชอบมากกว่าเรียนสายสุขภาพเสียอีก” เขาหัวเราะออกมา




   พ่อแม่คงดีใจ



   “เดี๋ยวกูจะปลูกผักปลอดสารพิษมาให้พวกมึงกินทุกวันเลยเป็นไง” เขาพูดติดตลกก่อนจะหันไปกอดเพื่อนทั้งสามคน



   “กูเชื่อว่ามึงทำได้ ไอ้สี่” สองพูดพร้อมกับขยับแขนเพื่อกอดคนตรงหน้าแน่นขึ้น



   “อืม…อย่างน้อยมันก็ไม่แย่ไปทุกอย่าง”



   “…”



   “เพราะมีพวกมึงอยู่กับกู”



   “เออ อย่าทำซึ้ง เดี๋ยวไอ้หมอหมาร้องไห้” สามพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าหนึ่งที่ดูเหมือนจะร้องไห้ออกมา



   “กูเปล่า…เปล่าโว้ยยยยย” คนที่โดนพาดพิงถึงกับโวยออกมา



   เสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางความดีใจของทั้งสี่คน แม้ว่าอาจจะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่องแต่มันก็มีเรื่องดีในเรื่องร้ายๆอยู่เสมอ บุ๋นมองโทรศัพท์ที่ไม่มีอะไรปรากฏขึ้นก่อนจะถอนหายใจ



   คงไม่ว่างจริงๆสินะหมอ…


   
   B : วันนี้ประกาศผลแอดมิชชั่น ผมติดคณะเกษตรศาสตร์
   B : : )



   คนที่กำลังตอบข้อความเพื่อนในกลุ่มถึงกับขมวดคิ้วกับข้อความที่เด้งขึ้นมาตรงแถบแจ้งเตือน มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจำเป็นต้องรู้




   บอกทำไม




   ฐานทัพมองข้อความที่คนชื่อแปลกส่งมาก่อนจะกดออกโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ฝั่งนั้นคงแค่บอกแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขา



   “ทำอะไรวะไอ้หมอ” คินที่กำลังเล่นคอมพิวเตอร์อยู่หันมาถามเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ปลายเตียงมาพักใหญ่




   “เปล่า” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับก่อนที่เขาจะโยนโทรศัพท์ไปอีกฝั่งแล้วทิ้งตัวลงนอน “ง่วง”




   “เอ้า มึงก็นอนสิครับเพื่อน”



   “อืม”



   ตาทั้งสองข้างของเขาหนักอึ้งจนแทบจะปิดลง ความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือมาทั้งวันทำให้เขาเลือกที่จะหยุดการอ่านไว้ก่อนที่สมองจะระเบิดออกมา



   ติ๊ง~



   อะไรอีก



   เขาตั้งคำถามอยู่ในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป โทรศัพท์ที่ถูกโยนไปกลางเตียงกลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้งพร้อมกับข้อความของคนเดิมที่เขาไม่ได้ตอบกลับไป



   B : ดึกแล้ว พักผ่อนเยอะๆ อย่าหักโหมนะ
   B : ฝันดีครับ




   หืม…อย่าหักโหม



   อะไรของคนๆนี้ แปลก



   
   Thanthup : ครับ





   ตอบกลับไปเพราะคิดว่าอีกฝั่งคงรอคำตอบ ก็เขาเล่นอ่านไม่ตอบมาสองรอบแล้วถ้าทำอีกเป็นรอบที่สามก็ดูจะเสียมารยาทไปหน่อย



   ช่างเถอะ…คงไม่ทักมาแล้ว



   B : ขอบคุณที่ตอบนะครับ
   B : *หมีสีน้ำตาลบิดตัวเขิน*

   



   “…” เขาค้างอยู่ที่หน้าต่างไลน์ตรงหน้านานเกือบหนึ่งนาทีก่อนจะปิดโทรศัพท์มือถือลงอีกครั้งแล้วโยนออกไปไกลว่าเดิม



   ง่วงนอน
   
.


   สมุดบันทึกเล็กๆที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อถูกเปิดออกพร้อมกับปากกาที่บรรจงเขียนตัวหนังสือที่คิดว่าอ่านง่ายที่สุดลงไปทีละข้อ



   วิธีจีบหมอ




   บุ๋นดูตั้งใจกว่าการรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยเสียอีก เขาเขียนตัวเลขข้อลงไปเรื่อยๆก่อนจะคิดไปถึงเรื่องที่สองพูดก่อนที่จะจากกัน
   



   วิธีที่หนึ่ง…ทฤษฏีเจ็ด




   “จะได้ผลไหมวะ” เขาพึมพำกับตัวเองแต่ก็ไม่วายเขียนลงไปในข้อหนึ่งที่ยังว่างเปล่า



   ตอนนี้เขาคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไป วิธีที่สองแนะนำก็ดูจะเข้าข่ายมากที่สุดที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ ยังไงก็คงต้องลองทำไปก่อน



   เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว





---------------
จบกันไปอีกตอนนะคะ  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจทุกคนเลยนะคะ
พึ่งลงเล้าเป็ด ยังไงก็ฝากติดตามหมอของบุ๋นด้วยนะคะ ^^
คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันเยอะๆน้าาาา แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เชียร์ให้บุ๋นจีบติดเร็วๆ
เดี๋ยว!! เขายังไม่ได้เจอกันเลย  555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หมอเหมือนพวกขี้เบื่อเลย บุ๋นจีบให้ติดไวๆนะ

ปอลิง.คนเขียนสู้ๆนะ  o13

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เป็นกำลังใจให้นะบุ๋น
จีบหมอให้ได้

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่สอง


   ‘ทฤษฏีเจ็ดก็คือทฤษฏีที่กูคิดขึ้นมาเอง’ คนพูดยืดอกมั่นใจก่อนจะพูดต่อ


   ‘เรียกง่ายๆก็คือการวางเงื่อนไข มึงต้องทำอะไรซ้ำๆเดิมๆทุกวันเป็นเวลาเจ็ดวันเพื่อวางเงื่อนไขกับเขาว่าทุกๆวันเวลานี้มันเป็นเวลาของมึงและเขาจะจดจำและคุ้นเคยว่ามึงต้องมาเวลานี้ มันใช้ได้ผลนะเว้ย ติดมาหลายคนแล้ว’


   ‘เหมือนกูเคยอ่านที่ให้ทักไปยี่สิบเอ็ดวันปะวะ’


   ‘เออเหมือนกัน แต่ถ้าคนเขาจะสนใจ แค่เจ็ดวันก็รู้ผลแล้ว’


   ‘เออ กูจะลองดู’



.

   ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด


   ครืดดดดดดดดด!!!


   ตื้อดึง ตื้อดึงงงง!!!


   เสียงนาฬิกาปลุกสองตัวกับเสียงโทรศัพท์ทำให้คนที่นอนหลับสบายถึงกับเด้งตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดในห้อง จอดิจิตัลบอกเวลาตีห้าห้าสิบ เขาขยี้ตาก่อนจะเปิดแอปพลิเคชั่นที่ใช้คุยกับคนๆหนึ่งขึ้นมาแล้วรอเวลาให้เข็มยาวชี้เลขสิบสอง


   ทฤษฏีเจ็ด…วันแรก

   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :



   เขามองหน้ามองโทรศัพท์ที่กดส่งไปแล้วก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ เวลาหกโมงเช้าไม่ใช่เวลาปกติในการตื่นนอนของเขา
   หวังว่าหมอจะตอบ



   
   ยังไม่ทันที่จะได้ยินเสียงปลุกจากโทรศัพท์ร่างสูงก็เด้งตัวลุกขึ้นมาก่อนเหมือนทุกๆวัน ฐานทัพขยี้ตาไล่ความง่วงก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนไปแปรงฟันทำกิจวรรคประจำวันยามเช้าเหมือนทุกๆวัน วันนี้เป็นอีกวันที่เขาได้นอนน้อยกว่าปกติ เมื่อคืนเขาอ่านหนังสือยาวจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตอนตีสามที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา




   เพื่อนอีกสองคนที่สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนก่อนจะอ้าปากหาวออกมา แม้ว่าจะอยากนอนต่อแต่พอเพื่อนคนนึงตื่นคนอื่นๆก็ต้องตื่นด้วยเพราะเป็นวันที่เขาต้องเข้ามหาลัยเพื่อไปเตรียมงานรับน้องที่จะเกิดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า




   “ตื่นก่อนเวลาทุกทีเลยนะมึง” คินพูดพร้อมกับหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงแล้วยื่นอีกแปรงให้ปกป้อง


   “ชินแล้ว” ฐานทัพตอบสั้นๆก่อนจะเดินแปรงฟันออกไปนอกห้องเพื่อไปกดปิดนาฬิกามือถือ



   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :



   “อีกแล้ว” เขาพึมพำเบาๆก่อนจะกดอ่านข้อความของคนที่ส่งมา รูปภาพแปลกๆที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขารู้สึกงงมากขึ้นไปอีก


   หลุดมาจากยุคไหน



   จะให้ตอบกลับไปว่ายังไง


   “มึงจะอาบน้ำก่อนไหมไอ้หมอ” คนที่แปรงฟันเสร็จแล้วเดินออกมาถามเพื่อนที่ยังถือแปรงฟันคาไว้ในปากอยู่



   “อืม” เขาหยักหน้าแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนเตียงเหมือนเดิม



   วันนี้มีนัดไปที่มหาลัยแต่เช้า



   ง่วง

   10.30 น.



   อ่าน…



   แต่ไม่ตอบ



   ไม่ตอบคืออะไรวะ!!!!!



   “อะไรวะเนี่ย” บุ๋นอยากจะทึ้งหัวตัวเองทันทีที่เห็นว่าสถานะทางฝั่งนั้นขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีอะไรตอบกลับมา



   ทำอะไรผิดไปรึเปล่าวะ…



   ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นจากที่นอนไปแปรงฟันแจ้งเตือนเฟสบุ๊คก็เด้งขึ้นมาพร้อมกับชื่อของคนที่เขาคุ้นเคย บุ๋นขยี้ตาตัวเองก่อนจะปรับสายตาให้มองสิ่งตรงหน้าชัดขึ้น



   
   1 นาทีที่แล้ว
   Kinnnn : งานเช้า โคตรง่วง *แท็ก Thanthup titrirat และ PPong* เช็คอิน มหาลัยวิทยาลัย
   



   หนึ่งนาทีที่แล้ว


   มหาวิทยาลัย



   หมายความว่า…



   “แม่ วันนี้บุ๋นออกไปดูหอกับไอ้หนึ่งสองสามนะ” เขาตะโกนลั่นห้องก่อนจะเด้งตัวจากที่นอนอย่างรวดเร็ว



   ไม่ถึงห้านาทีในการอาบน้ำหรือจะเรียกว่าวิ่งผ่านน้ำก็ได้ เขารีบออกมาแต่งตัวก่อนจะกดโทรหาเพื่อทั้งสามคนแล้วกดประชุมสาย



   “อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่มหาลัย ไปจองหอกัน” เขาสรุปให้เพื่อนทั้งสามคนฟังเสร็จสรรพ



   ( อะไรของมึงวะ รีบไปไหน ) หนึ่ง



   “กูกลัวหอในเต็ม ไม่อยากอยู่หอนอก รีบๆเตรียมตัว กูใกล้เสร็จละ”



   ( เดี๋ยว… ) สองและสาม



   ติ๊ด!



   เขากดวางสายก่อนจะวิ่งลงมาจากบ้านด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน วันนี้อาจจะเป็นวันดีของเขาก็ได้



   มหาลัยที่ว่ากว้างไม่ยากเกินไปสำหรับคนอย่างเขา



   ยังไงก็ต้องเจอ



   ต้องเจอให้ได้!!!!



   ถ้าเป็นวันนัดปกติคงจะเป็นเขาที่ไปสายสุดแต่ในวันพิเศษอย่างเช่นวันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้มายืนรอเพื่อนอยู่หน้ามหาวิทยาลัยกับยามหน้าประตูที่อยู่ใกล้กันแต่เหมือนอยู่คนละโลก ในโลกของเขาตอนนี้มีแต่หน้าของคนที่อยากเจอล่องลอยเข้ามาอยู่เรื่อยๆผิดกับลุงยามที่ทำตาปรือพร้อมจะหลับทุกๆห้านาที




   “ช้าจังวะ” เขาบ่นก่อนจะกดเล่นดูหน้าฟีดแรกของเฟสบุ๊คเรื่อยๆฆ่าเวลา



   ขอให้ยังอยู่



   ขอให้เจอ




   B : อย่าลืมทานข้าวนะครับ




   อดไม่ได้ที่จะทักไปอีกครั้งถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตอบก็ตาม ช่างเถอะ อย่างน้อยแค่ฝั่งนั้นอ่านเขาก็พอใจแล้ว ดีกว่าไม่อ่าน



   หรอ…



   “นัดซะอย่างกับพวกกูบ้านอยู่หน้ามหาลัย” คนที่เดินมาพร้อมกับผมไม่ที่ไม่ได้เซทพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือจัดผมให้อยู่ทรง




   “กูกลัวหอเต็ม” บุ๋นตอบเพื่อนหน้าตายก่อนจะเดินไปดึงแขนสอง “อีกสองคนค่อยให้มันตามมา ไปดูหอกันก่อนเถอะ”



   “มึงจะรีบอะไรวะ”




   “เดี๋ยวเขากลับ”



   “อะไรนะ”




   “เอ่อ…เดี๋ยวหอเต็มไง”



   “ไม่มีพิรุธเลยครับ” สองพูดประชด ความจริงก็พอดูออกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆแต่แค่ไม่อยากถามออกไป บางเรื่องแกล้งไม่รู้บ้างก็น่าจะดี



   ไอ้สี่นะไอ้สี่ เนียนกว่านี้ไม่ได้หรอวะ



   “ทางนี้ๆ” คนที่เห็นป้ายคณะแพทย์ศาสตร์ชี้นิ้วไปตามทางที่ลูกศรชี้ทำเอาคนที่เคยมาเดินในมหาลัยหลายรอบถึงกับขมวดคิ้ว



   อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงป้ายรอรถของมหาลัยแล้ว จะเดินอ้อมทำไม



   “ไมไม่รอรถวะ” สองถามอย่างไม่เข้าใจ



   “กูอยากเดิน กลัววันมอบตัวหลง” บุ๋นตอบตามสิ่งที่คิดไว้ว่าเพื่อนจะถาม ขาทั้งสองข้างก้าวไปตามทางด้วยอารมณ์สดใสเบิกบานเป็นพิเศษ



   “ไม่ใช่ว่าอยากไปเจอใครหรอ”   



   “เจอใคร เจออะไร เปล๊า~”



   เออ กูเชื่อว่าเปล่าจริงๆ



   วันนี้เป็นวันที่มหาลัยมีผู้คนพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ เป็นช่วงของการเตรียมตัวรับน้องที่รุ่นพี่ทุกคณะจะมาจัดแจงงานและแบ่งฝ่ายกัน จากที่เขาดูข้อมูลมาคณะของเขาอยู่คนละฝั่งกับคณะแพทย์เลย คณะเกษตรจะใกล้จิตวิทยาส่วนคณะแพทย์จะใกล้กับพวกสายสุขภาพ




   อิจฉาไอ้หนึ่ง




   “มึงจะยืดคอหาอะไรนักหนาวะ” สองที่เห็นท่าทางผิดปกติของเพื่อนถึงกับถามออกมาอย่างทนไม่ไหว ท่าทางประหลาดๆแบบนั้นทำเอาไอ้สี่เสน่ห์หายหมด



   ทำตัวอย่างกับพวกถ้ำมอง



   “ปวดคอ”



   “หรอ”




   “เออออออออ”



   “ไปนั่งรอที่คณะเลยไหมล่ะ”



   “ไป!!!!” สี่ตอบกลับมาทันควัน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง หวังที่จะได้เจอ




   อยากเจอมาตลอดหนึ่งปี



   “กูล้อเล่น”



   “ไอ้สอง ไอ้สอง มึงมันนนนน!!!!” เขาเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งไล่เพื่อนสนิทที่วิ่งนำออกไปไกล



.

   
   เสียงที่ดังขึ้นแว่วๆเรียกความสนใจจากคนตรงหน้าที่กำลังนั่งระบายสีให้เงยหน้าขึ้นไปมองภาพของผู้ชายสองคนที่วิ่งไล่กันอยู่ไม่ไกลจากคณะมากนัก



   เล่นอะไรกัน



   “ไอ้ฐาน กูจะไปเซเว่นไปปะ”



   “อืม…ไปดิ” เขาตอบปกป้องโดยที่สายตายังมองคนที่เริ่มวิ่งออกไปไกลเรื่อยๆ



   “มองอะไรวะ”



   “เปล่า…ไม่มีอะไร”



   
   B : อย่าลืมทานข้าวนะครับ
   


   อืม...

   
   Thanthup : กำลังจะไปเซเว่น




   ติ๊ง!



   เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้บุ๋นต้องหยุดวิ่งไล่สองก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งบริเวณตึกเรียนรวมพร้อมกับสองที่ทิ้งตัวนั่งลงหอบข้างๆ



   “สงสัยไอ้หนึ่งกับสามถึงแล้ว” เขาพูดพร้อมกับเปิดหน้าจอ




   Thanthup : กำลังจะไปเซเว่น




   “เชี่ย!” บุ๋นเด้งขึ้นสุดตัว ความรู้สึกเหนื่อยหายไปในพริบตาเมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะตอบดันตอบข้อความของเขา



   และคำตอบของเขาเป็นประโยชน์กับบุ๋นด้วยสิ



   “เป็นอะไรวะ” สองที่ยังไม่หายเหนื่อยหันไปถามคนที่ทำตัวแปลกๆ



   “กูรู้สึกหิวน้ำ”


   “นั่นไง ไปซื้อดิ” สองชี้นิ้วไปที่ร้านน้ำข้างล่างตึกเรียนรวม



   “ไม่ กูไม่กินน้ำที่นี่”



   “อะไรมึงวะ”



   “หิวน้ำเซเว่น…กูหิวน้ำที่เซเว่น”




   ร่างกายของเขาควบคุมไม่ได้อีกต่อไป ขาทั้งสองข้างเปลี่ยนจากเดินปกติเป็นเดินเร็วก่อนที่จะกลายเป็นวิ่งในที่สุด บุ๋นไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีปฏิกิริยาแปลกๆแบบนี้เกิดขึ้น



   และมันจะเป็นทุกครั้งที่เกี่ยวกับหมอ



   “มึงจะรีบวิ่งไปไหนวะ” เสียงสองตะโกนถามพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งตามมาติดๆ



   “กูหิวน้ำ” เขาตอบกลับไปทั้งๆที่ในกระเป๋ามีน้ำดื่มที่ยังไม่ได้เปิดขวดอยู่




   ในมอมีกี่เซเว่นวะ!!



   ตื้อดือ…



   เสียงต้อนรับหน้าประตูเซเว่นแรกดังขึ้น เขารีบวิ่งเข้าไปดูทุกล็อกก่อนจะวิ่งออกมา แล้วหันไปมองหน้าสองที่หยุดวิ่งเพื่อสูดลมหายใจเข้าท้อง



   “เอ้า ไม่ซื้อน้ำวะ” สองถามไปหอบไป



   “กูต้องดื่มน้ำแร่จากเทือกเขาทางตอนเหนือเท่านั้น”



   สมองเริ่มประมวลความจำตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยมาจนถึงตอนนี้ เขาจำไม่ได้ว่าเซเว่นตั้งอยู่ตรงไหนในมหาลัยแห่งนี้บ้างและถ้าไปถามยามแถวนี้ก็คงจะสายเกินกว่าที่จะได้เจอกัน



   เอาไงดีวะ…



   ติ๊ง!



   เหมือนเสียงเตือนจากสวรรค์ เส้นผมบังภูเขาชัดๆ



   “ไอ้สอง ในมอมีเซเว่นกี่ที่วะ”



   “สี่ ทำไมวะ”




   “อีกสามที่อยู่ที่ไหนบ้าง เร็ว!!” บุ๋นเร่งเพื่อนอย่างลืมตัว พอคิดว่าจะได้เจอหมอจริงๆเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้



   หัวใจเต้นแรง…



   “อยู่ตรงคณะมึง แล้วก็…” ยังไม่ทันที่จะพูดจบโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดบทสนทนา สองเงียบไปก่อนจะกดรับโทรศัพท์ที่มีชื่อเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงโทรเข้า



   โถเว้ย…



   “งั้นมึงอยู่รอพวกมันแถวนี้นะ เดี๋ยวกูมา” เขาทิ้งท้ายไว้อย่างเร่งรีบก่อนจะรีบวิ่งออกไปหาวินมอเตอร์ไซค์ที่ใกล้ที่สุด



   ต้องเจอ เขาต้องเจอให้ได้!


.


   ตื้อดือ…



   แอร์เย็นฉ่ำกระทบเข้าที่ใบหน้าของคนที่ตาใกล้จะปิดเต็มทน ฐานทัพเดินเข้ามาในเซเว่นพร้อมกับเพื่อนสนิท เขาตรงดิ่งไปยังโซนกาแฟที่ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไม่แตะสักพักใหญ่แต่ขืนปล่อยไว้อย่างนี้เขาคงทำงานช่วยคนอื่นต่อไม่ได้แน่ๆ



   คิดถึงงานก็ง่วงขึ้นมาทันที



   “เชี่ย…กูลืมเอากระเป๋าตังมา” เสียงของปกป้องดังขึ้นข้างตัว



   “ยืมก่อนก็ได้”



   “มึงมีตังเท่าไหร่”



   “หนึ่งร้อย” เขาหยิบแบงค์สีแดงที่ถือติดมือมาแค่ใบเดียวก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนที่พอจะเดาออกว่าคงไม่พอสำหรับการซื้อของ



   ก็ทุกคนเล่นฝากซื้อกันอย่างกับเขาสองคนเป็นมินิมาทเคลื่อนที่




   “ไม่พอว่ะ เดี๋ยวกูกลับไปเอาเงินก่อน มึงจะไปด้วยกันหรือรอนี่”



   “รอนี่ก็ได้”



   “เออ งั้นเดี๋ยวรีบมา”



   ฐานทัพหันกลับไปสนใจกาแฟตรงหน้าต่อหลังจากที่เพื่อนออกจากเซเว่นไปแล้ว ปกป้องกลับมาเขาก็คงดื่มกาแฟหมดพอดี



   ง่วง



   สายตาของเขาพลันไปเห็นผ้าปิดปากที่มักจะซื้อเก็บไว้ใส่ตลอดทุกครั้งที่ทำกิจกรรมและเจอฝุ่นเยอะๆ วันนี้เขาเองก็เจอทั้งฝุ่นทั้งกลิ่นสี เริ่มปนกันจนเวียนหัวแล้วเหมือนกัน




   ซื้อไปก็ดี



   เขาจ่ายตังก่อนจะเดินออกมานั่งรอเพื่อนที่เก้าอี้หน้าเซเว่น กาแฟกระป๋องในมือถือเป็นสิ่งที่ติดตัวเขามาเหมือนเพื่อนสนิทคนที่สามตั้งแต่เริ่มขึ้นปีสอง ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาติดจนลืมโทษของมันไป




   ป็อก!




   กาแฟกระป๋องถูกยกดื่มหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เขาโยนกระป๋องลงถังขยะก่อนจะแกะผ้าปิดปากออกมาใส่เพราะขี้เกียจที่จะถืออะไรกลับไปแล้วหาที่ทิ้ง ไหนๆถังขยะก็อยู่นี่แล้ว



   “นี่ที่สุดท้ายแล้วใช่ปะพี่ ขอบคุณมาก ไม่ต้องทอน” เสียงกระหืดกระหอบของคนๆหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว




   รีบไปไหน




   เขาใส่ผ้าปิดปากเสร็จเสียงแจ้งเตือนในกลุ่มก็ดังขึ้น ถึงจะไม่อยากอ่านแต่ก็ต้องอ่านอยู่ดี เขาเลื่อนอ่านข้อความที่หาสาระอะไรไม่ได้ก่อนจะกดปิดลง




   เสียเวลาชะมัด




   “อยู่ไหนวะเนี่ย” เสียงของคนๆเดิมดังขึ้นพร้อมกับประตูเซเว่นที่เปิดออก เสียงหอบหายใจของเขาดังพอที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ได้ยิน




   ฐานทัพหันไปมองหน้าคนที่ยืนหอบแว๊บหนึ่งก่อนจะเขยิบตัวชิดริมเก้าอี้เพื่อให้คนที่กำลังยืนเหนื่อยอยู่สามารถนั่งได้และเหมือนคนที่ยืนจะรู้ตัว พอถูกขยับเขาก็รีบนั่งลงทันที



   “ขอบคุณมากพี่” บุ๋นหันไปขอบคุณคนใจดีข้างตัว เหงื่อของเขาเปียกเต็มหลังเพราะวิ่งเข้าวิ่งออกเซเว่นจนครบ



   สุดท้ายเขาก็ไม่เจอ




   “ผมมาตามหาคนๆหนึ่งน่ะ…แต่ไม่เจอ” อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจว่าคนข้างๆอยากจะฟังรึเปล่า “รู้ปะ ผมอยากเจอเขามาตลอดหนึ่งปี”




   “…” ฐานทัพขมวดคิ้วงงกับคำพูดของคนข้างๆ




   บอกเขาทำไม




   “พอรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ผมก็รีบวิ่งตามหา แต่แม่ง…ไม่เจอไง” บุ๋นหัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะมองตรงไปอย่างไร้จุดหมาย




   “…”




   “อยากเจอเขาในชีวิตจริง ไม่อยากเจอในโลกออนไลน์”



   “…”



   “ทำไมไม่เจอวะ” เขาบ่นกับตัวเอง




   ฐานทัพไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่นั่งเงียบๆฟังคนข้างๆปรับทุกข์ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้อยากจะฟังสักเท่าไหร่ แต่เขาต้องรอเพื่อนอยู่ตรงนี้




   จะไปนั่งที่อื่นก็ดูเสียมารยาท




   “พี่รู้จักคนที่เรียนหมอมั่งปะ” ถามคนข้างๆแต่สายตาของเขายังคงทอดมองไปไกล



   “…”



   รู้จักสิ



   “คงไม่หรอกเนอะ พี่คงเรียนเกษตรเหมือนผม” บุ๋นสรุปเองเสร็จสรรพในเมื่อเซเว่นที่เขานั่งอยู่มันอยู่ตรงตึกของคณะเกษตร



   หมอคงไม่มาซื้อไกลขนาดนี้



   ฐานทัพอยากจะปฏิเสธแต่เมื่อคนข้างๆสรุปแบบนั้นเขาก็ไม่อยากจะแย้ง บอกไปก็แค่นั้น อีกอย่างเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องความรักของใครทั้งนั้น



   “ผมชอบเขามากว่ะพี่ เขาเป็นหมอ”



   “…”



   “หมอที่ดูใจดีกับทุกคน” ฐานทัพหันไปมองหน้าคนที่พูดถึงคนที่แอบชอบด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเลยสักครั้ง



   บุ๋นพูดไปยิ้มไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคนที่เขากำลังพูดถึง…นั่งอยู่ข้างๆ



   “พูดอะไรวะเนี่ย ผมขอโทษด้วยนะพี่ที่พูดอะไรก็ไม่รู้”



   อืม…



   “หายเหนื่อยแล้ว ผมไปนะครับ ไว้เจอกันวันรับน้องครับรุ่นพี่” บุ๋นลุกขึ้นก่อนจะยกมือไหว้คนตรงหน้าแล้วเดินออกไปโดยไม่ได้หันกลับมามองคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม




   อะไรของเขา



   ฐานทัพได้แต่คิดในใจ สายตายังคงจดจ้องไปที่ผู้ชายที่พึ่งมานั่งข้างๆเขาแล้วก็บ่นในเรื่องที่เขาไม่อยากรู้แล้วก็เดินจากไปโดยที่เข้าใจว่าเขาเป็นรุ่นพี่คณะเกษตร




   อืม…เต็มที่



   คงไม่ได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง




   “มีอะไรรึเปล่าวะ” ปกป้องเดินเข้ามาถามหลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว




   “ไม่มีอะไร” ฐานทัพตอบก่อนจะมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา




   B : ผมก็พึ่งไปมาเหมือนกัน




   เขาไม่ได้เปิดอ่านเพียงแค่รับรู้ว่าอีกฝ่ายตอบมา ฐานทัพเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงกระเป๋าก่อนจะเดินตามปกป้องเข้าไปช่วยถือของ



   วันนี้ยังทำงานอีกยาว


.


   คนที่ผิดหวังเดินคอตกมาเรื่อยๆจนถึงที่ๆนัดหมายกับเพื่อนอีกสามคนไว้ เขาอยากจะตะโกนออกมาดังๆแต่ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ทั้งๆที่คิดว่าทันแล้วแท้ๆแต่กลับไม่เจอ




   โชคชะตาเล่นตลก



   “โถ่เว้ยยยยย!!!!” บุ๋นทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดทำเอาเพื่อนที่กำลังนั่งกินมาม่ากันอยู่ถึงกับหยุดกินแล้วมองเขาเป็นตาเดียว



   เป็นอะไรของมันอีกวะ…



   “กูคิดว่าจะเจอ แต่กูไม่เจอ” บุ๋นพูดโดยที่ไม่รอให้ใครถาม “ทำไมกูไม่เจอหมอวะ” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะแย่งมาม่าในมือของสามมากิน



   “เอ้า ของกู” สามบ่นแต่ก็ไม่ได้แย่งของจากสี่



   เอาเถอะ…เพื่อนคงเครียดอยู่



   “ไปจองหอกัน แม่งเซ็ง” บุ๋นพยายามคิดในแง่ดีว่าวันนี้อาจไม่ใช่วันของเขา



   แล้วเมื่อไหร่จะเป็นวันของกูวะ!!!



   เอาน่า…นี่พึ่งวันแรกของทฤษฏีเจ็ด อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ไม่แน่วันที่ห้าของทฤษฏีเขาอาจจะได้เจอหมอก็ได้




   หวังว่า…




   ทฤษฏีเจ็ด…วันที่สอง



   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :




   ทันทีที่ส่งเสร็จบุ๋นก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้งเหมือนวันแรก ไม่น่าทักเช้าขนาดนี้เลย เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ปาไปตีสาม ง่วงชิบหาย


   บ่ายๆหมอก็คงตอบ



   บ่าย…

   บ่ายจนจะสี่โมงแล้วทำไมไม่ตอบวะ!!!!

   อ่าน


   แต่ไม่ตอบ…


   มันคืออะไรรรรรรรร!!!!!!!




   ทฤษฏีเจ็ด…วันที่สาม



   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :




   เมื่อวานคงแค่ลืมตอบ วันนี้แหละเขาต้องตอบกลับมาพร้อมกับขอโทษที่เมื่อวานอ่านแล้วไม่ตอบแน่ๆ แต่ก่อนที่จะรอถึงตอนนั้น



        ง่วง...



   คร่อกก


.



   ครืดด!



   โทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้ดังขึ้นข้างตัวคนที่พึ่งลุกจากที่นอน ฐานทัพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่เขาได้รับเป็นวันที่สามก่อนจจะวางลงข้างตัวเหมือนเดิม



   ออโต้ไลน์หรือไง



   ทักมาเหมือนเดิมทุกวัน


.
   
   “อะไรวะ…” น้ำเสียงของคนพึ่งตื่นตอนบ่ายสองเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ยังลืมไม่สนิท เขาหรี่ตามองหน้าจอแอปพลิเคชั่นบนมือถือก่อนจะถอนหายใจ “อ่าน…ไม่ตอบ”



   อีกแล้วหรอวะ!!!!



   ไม่เป็นไร…พรุ่งนี้เอาใหม่



   ทฤษฏีเจ็ด…วันที่สี่




   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :




   ครืดดด!



   อีกแล้วหรอ…



   ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัว ฐานทัพไม่จำเป็นต้องเปิดดูก็รู้ว่าใครเป็นคนทักมา นี่คงเป็นวันที่สี่ของข้อความซ้ำๆเดิมๆกับรูปภาพที่เปลี่ยนสีไปตามวัน



   หลุดมาจากยุคไหน




   ทฤษฏีเจ็ด…วันที่ห้า



   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :



   “ถ้าไม่ตอบอีกก็ใจร้ายเกินไปแล้ว” คนที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปลุกจากนาฬิกาบนหัวเตียงบ่นงึมงำก่อนจะกำโทรศัพท์ไว้แน่น



   ตอบเถอะ



   ไม่อยากแป๊ก
   



   อืม…



   อ่านเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือไม่ตอบ(อีกแล้ว)



   อะไรวะหมอ!!!!





   ทฤษฏีเจ็ด…วันที่หก




   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :
   
.

   ครืดดด!



   อะไรของเขา



   ฐานทักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจครั้งแรกของวัน อยากจะถามคนๆนี้เหลือเกินว่ามีปัญหาอะไรกับเขารึเปล่า ทักมาทุกวันด้วยข้อความเดิมๆ รูปภาพแปลกๆกับเวลาหกโมงของทุกเช้า



   จะขายประกันหรือไง



   ช่างเถอะ…




   ทฤษฏีเจ็ด…วันสุดท้าย(แล้วนะ)



   (06.00) B : สวัสดียามเช้าครับ
   (06.00) B :




   คนที่ไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายเลยถึงกับตีหน้าเครียด นี่ก็วันสุดท้ายตามทฤษฏีที่ไอ้สองบอกแล้ว ถ้าวันนี้อีกฝ่ายยังไม่ตอบนั่นก็หมายความว่าเขาทำไม่สำเร็จ




   ผิดพลาดตรงไหนวะ…




   แม้จะอยากพิมพ์ถามไปมากกว่านี้แต่ก็กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญ



   แต่…ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่วะ!!




   B : อ่านแล้วไม่ตอบ
   B : แป้นพิมพ์เสียหรอครับ?



   ถ้าวันนี้ไม่ตอบอีก ก็คง…


   หาวิธีใหม่!!!!



   จะให้ท้อตอนนี้มันง่ายเกินไปโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย




   B : แป้นพิมพ์เสียหรอครับ?


   
   คนที่เลื่อนอ่านมาจนถึงประโยคจบถึงกับขมวดคิ้ว การที่เขาอ่านแล้วไม่ตอบก็น่าจะตอบคำถามทุกอย่างได้ดีหมดแล้วว่าเขาไม่อยากคุย



   แต่นี่ก็วันที่เจ็ดแล้วที่เขาไม่ยอมตอบข้อความของคนๆนี้



   อืม…ตอบก็ได้



   
   Thanthup : ไม่ค่อยได้เล่นไลน์




   มันคือความจริง




   เขาไม่ค่อยได้เข้ามาดูบ่อยเท่าไหร่ยกเว้นกลุ่มใหญ่ที่เปิดดูเวลามีเรื่องราวจากอาจารย์ฝากบอกหรือคุยกลุ่มงาน น้อยครั้งมากที่จะเห็นเขาพิมพ์ตอบลงไปในไลน์กลุ่มใหญ่



   อ่านแล้วไม่ตอบมันคือเรื่องปกติสำหรับเขา




   “เชี่ยยยยย!!!!” คนที่กำโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาที่ออกมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง




   จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง



   หมอตอบ!!!




   “เขาตอบกูแล้วว่ะ เขาตอบกูแล้ว” บุ๋นกระโดดดีใจอย่างกับเด็กประถมสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดติด




   “เออแล้วยังไง” สามคนที่เหลือถึงกับทำหน้างง




   “เขาไม่ตอบกูมาหลายวันนะเว้ย แล้วมาตอบเอาวันสุดท้าย”




   “แล้ว?” สองยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่สี่ต้องการจะสื่ออยู่ดี




   “เขาต้องเริ่มชอบกูแล้วแน่ๆเลยว่ะ” บุ๋นพูดออกมาเต็มปากด้วยความมั่นใจ




   “หา” คำตอบของเพื่อนยิ่งทำให้สองงงเข้าไปใหญ่ “ชอบยังไงวะ”




   “ก็เขาตอบกู แสดงว่าเขาแคร์กู”




   “…”




   ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ




   “เชี่ยเอ้ยยย กูจะสมหวังแล้วมึง สมหวังแน่ๆ” บุ๋นพูดซ้ำไปซ้ำมา รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งเครียดมาทั้งวันทำให้เพื่อนไม่ได้พูดอะไรต่อ




   เอาที่มันสบายใจ




   เพราะที่พวกกูสามคนเห็น…เขาไม่ได้แคร์อะไรมึงเลย




   เขาเรียกว่าตอบตามมารยาทโว้ยไอ้ฟายยยยยยยยยยยย!!!!!!!








------------------------------- 100%
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ กลับมาอัพปกติแล้ว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทุกคนนะคะ
พึ่งเข้ามาเล่นเลยไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ผิดพลาดตรงไหนไปก็ขออภัยด้วยนะคะ
คอมเม้นท์กันเยอะๆน้าาา >_____________<
ขอบคุณมากค่าาาา #จีบหมอ #perlina

Fan page : Perlina.

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สู้ต่อไปค่ะบุ๋น
คนเเอบชอบกับงานมโนเป็นของคู่กัน55555555

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
555. ทฤษฎี7วัน สำเร็จละ

ตามต่อไปทาเคชิ.

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
พรุ่งนี้มาอัพเดทต่อนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ^^

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
 :m20: ทำไปได้ ทำไมส่งสวัสดีรูปเหมือนคนทำงานขนาดนั้น ครั้งหน้าเอาอีโมน่ารักๆนะหนู

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รออ่านต่อค่า จะรอดไหม จีบแบบนี้  :laugh:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หมอดูง่วงๆเนือยๆ เขาจะมาสนใจอะไรแกนังบุ๋นนน 555555555555555555  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่สาม

   ตึกตึกตึก!!



   ฝีเท้าหนักๆดังขึ้นท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในมหาลัยชื่อดัง วันแรกพบของทุกคณะที่ถูกรวมไว้ให้พบปะกันในวันนี้เพียงวันเดียว บุ๋นเร่งฝีเท้าสุดชีวิตกับเวลาที่เริ่มสายขึ้นทุกที



   ตื่นสาย!!!!



   ถ้าไอ้หนึ่งไม่โทรมาเขาก็คงยังไม่ตื่น เมื่อคืนมัวแต่ตื่นเต้นกับวันแรกพบกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสาม นาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ก็ไม่ได้ยิน



   เจริญ…   




   เสียงเจี้ยวจ้าวในสนามกีฬาที่เป็นจุดนัดลงทะเบียนของทุกคณะกับเสียงพิธีกรที่กำลังจะเริ่มเปิดงานทำให้เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม


 
   บุ๋นหยุดลงตรงป้ายที่เขียนให้เห็นเด่นชัดว่า ‘มาสาย’ พร้อมกับผู้คนที่ต่อแถวกันอยู่ประมาณหกถึงเจ็ดคน เขาหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินไปตามป้ายที่เห็น



   สุดท้ายก็ไม่ทัน



   โถ่เว้ยไอ้บุ๋น…




   “ลงชื่อตรงนี้ค่ะ” น้ำเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบบริเวณนั้น บุ๋นมองหน้าเธอแว๊บหนึ่งก่อนจะเดินไปเขียนชื่อลงทะเบียนพร้อมกับใส่คณะต่อท้ายตรงหมายเหตุ



   ถ้ารู้ว่าจะโดนเข้าแถวตรงนี้ ไม่วิ่งมาก็ดี



   เหนื่อยชิบหาย



   “ไปต่อแถวรอ เดี๋ยวจบช่วงเปิดงานจะมีรุ่นพี่พาเข้าไปตามคณะค่ะ”



   “ครับ” บุ๋นรับคำสั้นๆก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆกลุ่มคนที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อทดแทนอากาศที่ขาดหายไป




   ถือว่าออกกำลังกายตอนเช้า




   เขาทอดมองเข้าไปผ่านลูกกรงที่ล้อมรอบสนามกีฬาไว้ ทุกคนในสนามใส่เสื้อสีดำมีเพียงแต่ข้อมือที่แยกคณะตามสีประจำคณะ มองจากตรงนี้ยังหาคณะตัวเองไม่เจอ



   พอเริ่มเข้าช่วงพิธีเปิดที่มีคณะบดีมากล่าวทักทายเขาก็ละสายตาจากตรงนั้นกลับมามองโทรศัพท์มือถือที่มีข้อความของเพื่อนๆเด้งขึ้นมาเต็ม หากแต่ไม่มีข้อความของคนที่เขาอยากคุยด้วย



   นี่ก็เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ได้ทักไปหาหมออีกหลังจากจบทฤษฏีเจ็ดของไอ้สอง ตอนแรกก็คิดว่าหมอจะทักกลับมาแต่กลับไม่มีเลยแม้แต่ข้อความเดียว เขายังคงทักไปต่อหลังจากวันนั้นอีกสองสามวันแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือไม่ตอบเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือไม่อ่าน



   คงต้องเจอตัวจริงๆ


.


   
   เป็นรอบที่สามของเช้าวันนี้ที่ฐานทัพแอบปิดปากหาว เสียงของคณะบดีทำให้เขารู้สึกง่วงเหมือนฟังพระเทศน์ จะแอบไปงีบก็ไม่ได้เพราะต้องอยู่คอยคุมเด็กปีหนึ่งที่เยอะกว่ารุ่นของเขาเกือบครึ่ง เพราะเหตุนี้เขาเลยจำเป็นต้องลงมาช่วยคุมเด็กปีหนึ่งควบคู่กับปีสองตามคำขอร้องจากน้องๆ ทั้งๆที่ความจริงเขาควรจะได้นอนพักผ่อนอยู่ที่หอรอเปิดเทอม



   ไม่เป็นไร…อย่างน้อยก็มีคนง่วงเป็นเพื่อน



   ฐานทัพหันไปมองคินที่หลบมุมไปเฝ้าอยู่แถวหลังสุดแทนแถมแกล้งเนียนนั่งลงไปกับเด็กปีหนึ่งแล้วฟุบหน้าลงไปกับตักของตัวเอง ถึงเขาจะอยากทำแต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะหน้าที่ของเขาตอนนี้คือถือป้ายให้ทุกคนเห็นว่าจุดนี้คือโซนของคณะแพทย์ให้รุ่นน้องที่มาสายหรือมาทีหลังหาคณะเจอ



   ปวดแขนชะมัด



   “ให้กูถือแทนก่อนปะ” ปกป้องที่กำลังเก็บภาพบรรยากาศของรุ่นน้องหันมาถามเพื่อนที่ทำหน้าตาไม่บ่งบอกอารมณ์



   “ไม่เป็นไร ถือได้”



   “ไม่ไหวยังไงก็บอก เดี๋ยวไปเรียกไอ้คินให้”



   “ปล่อยให้มันนอนไป”




   เห็นตั้งใจหลับซะขนาดนั้น ไม่รบกวนจะดีกว่า




   หลังจากที่คณะบดีพูดจนเกือบสิบนาทีก็ส่งไม้ต่อให้พิธีกรดำเนินรายการต่อไป ฐานทัพถือป้ายให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากที่เห็นน้องกลุ่มที่มาสายเริ่มเดินเข้าพร้อมกับกวาดสายตาหาคณะของตัวเอง




   “เราจะให้คนมาสายเข้าไปง่ายๆก็ดูจะใจดีไป” พิธีกรชายพูดขึ้น



   “แล้วเราจะทำยังไงกับคนมาสายดีน้า” พิธีกรหญิงพูดสมทบ




   “เราให้น้องๆแนะนำตัวเองพร้อมบอกคณะดีไหมครับ”



   “ดีเลยค่ะ งั้นขอให้น้องๆที่มาสายทุกคนมายืนเรียงหน้ากระดานนะคะ”



.
   


   เวร…



   บุ๋นได้แต่คิดในใจไม่ได้พูดออกไป นี่มันเรื่องบ้าอะไร แค่มาสายทำไมเขาจะต้องแนะนำตัวให้คนทั้งมหาลัยรู้จักด้วย ปล่อยให้เข้าไปธรรมดาก็ได้ จะทำให้ยุ่งยากทำไมวะ




   โว้ยยยยย!!!



   เสียงแนะนำตัวของคนแรกดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเก้ๆกังๆ เขาหันไปมองพักหนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปมองอย่างอื่นแทนเพราะตัวเองอยู่ในลำดับที่แปด กว่าจะมาถึงเขาก็คงหลับพอดี



   หาคณะตัวเองไปพลางๆดีกว่า…



   ซ้ายสุด…พยาบาล



   ข้างๆ…จิตวิทยา




   นั่นไอ้สองนิ…ทำหน้าระรื่นเชียวนะมึง




   ข้างๆ…อุตสาหกรรมเกษตร




   คณะเกษตรศาสตร์อยู่ไหนครับผม




   ยังไม่ทันที่จะกวาดสายตาครบเขาก็ต้องหยุดลงที่ป้ายคณะแพทย์ศาสตร์ที่เด่นหราราวกับรอให้เขาสนใจ เหมือนเวลาหยุดหมุนเมื่อป้ายที่ถืออยู่ลดลงเพราะความเมื่อยของคนที่ถือป้ายเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยที่สุดในชีวิตของบุ๋น




   เชี่ย…




   ตึกตัก ตึกตัก





   หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้นมาอย่างกับรอคอยเวลานี้มานานแสนนาน ดวงตาทั้งสองจับจ้องไปที่ผู้ถือป้ายของคณะแพทย์ศาสตร์ ไม่ผิดแน่ๆ…เขามั่นใจ




   หมอ…ฐานทัพ




   เหมือนเวลาหยุดหมุนจริงๆเหมือนในสนามกีฬานี้มีเพียงเขาและคนตรงหน้า คนที่เขาเฝ้ามองผ่านทางโลกออนไลน์มาตลอดหนึ่งปี คนที่เขาเฝ้าฝันว่าอยากจะเจอตัวเป็นๆสักครั้ง




   เขาได้เจอแล้ว!!




   สมองมันขาวโพลนไปหมดแม้เสียงรอบข้างจะดังแค่ไหนก็ไม่สะทกสะท้านกับคนที่ยืนจ้องคุณหมอนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์




   เคยได้ยินเพลงนี้ไหมครับ…รักแรกพบ




   แต่วันหนึ่งฉันผ่านมาพบเธอตรงนั้น…ดวงใจเป็นเดือดเป็นร้อนช่างทรมาน
   



   บทจะเจอ…ก็เจอง่ายราวกับร่ายมนตร์



   ตัวจริงดูดีกว่าในรูปเป็นล้านๆเท่า



   เชี่ยเอ้ย…





   อย่ามองมาทางนี้สิโว้ยยยยยยยย!!!




   หลงจนจะเป็นบ้าตายแล้วหมอ ผมกำลังจะหัวใจวายแล้วหมอ!!!




   “นายๆ นาย” ก่อนที่ความคิดจะกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้แรงสะกิดจากคนข้างๆทำให้เขารู้ว่าถึงเวลาที่เขาต้องแนะนำตัว




   ต้องพูดอะไรบ้างวะ




   “ผม…” บุ๋นสัมผัสได้ว่าตอนนี้ตัวเองประหม่ามากแค่ไหน มือของเขาเย็นและสั่นเทา




   อย่าตื่นเต้น เขากำลังมองอยู่




   มึงต้องเท่!




   “ผม นายกิตติกร เกรียงไกรรักษ์ คณะเกษตรศาสตร์ รหัส 8590001021” พูดจบเขาก็ยื่นไมค์ส่งให้อีกคนเป็นเวลาเดียวกันกับคนที่เขาจ้องมองอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี


   
   ราวกับโดนมนตร์แม่มดสะกดพลัน





   “กำลังสนใจ หมอครับ!!”





   นาทีนั้น ฉันรักเธอทันใด




   สิ้นเสียงประกาศกร้าวทั่วทั้งงานเงียบสนิทโดยมิได้นัดหมาย บุ๋นเริ่มรู้สึกถึงความชิบหายที่ค่อยๆคลืบคลานเข้ามาหาเขาทีละนิด





   เวรเอ้ย…พูดอะไรออกไปวะเนี่ย





   “หมอชื่ออะไร” ดันมีคนบ้าจี้ตะโกนออกมาจากโซนของคณะแพทย์ทำเอาคนที่ยื่นไมค์ไปให้อีกคนถูกส่งไมค์กลับมาที่ตัวเอง





   หมอที่ยืนถือป้ายอยู่นั่นไง!!!




   อยากจะตอบออกไปแบบนั้นแต่ก็ทำได้แค่คิด




   “ไม่บอกครับ”




   “…”




   “หวง เดี๋ยวคนจีบเยอะ”




   อึ้ง…อึ้งหนักกว่าเดิมก็งานนี้ บุ๋นรู้สึกอยากจะมุดหน้าลงไปกับดินตรงหน้า พูดอะไรออกไปวะเนี่ย ความตื่นเต้นมันทำให้สติของเขากระเจิดกระจิงหายไปหมด




   เด่นตั้งแต่วันแรก




   หลังจากที่ตอบออกไปแบบนั้นก็ไม่ได้มีการคาดคั้นอะไรเกิดขึ้นอีก บุ๋นเดินตามรุ่นพี่ของคณะที่เดินออกมารับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแปลกๆ




   คงได้ยินทั้งคณะแล้วสินะ




   ไม่สิ…ทั้งปีหนึ่งเลยมากกว่า




.


   
   ฐานทัพยกป้ายที่ถืออยู่ให้ขึ้นสูงกว่าเดิมหลังจากที่ได้ยินคำพูดแปลกๆจากปีหนึ่งคณะเกษตรศาสตร์ ทำไมเขารู้สึกเหมือนคนๆนั้นจ้องมองมาที่เขา ตอนแรกก็คิดว่าบังเอิญแต่เอาเข้าจริงๆคนๆนั้นจ้องมองเขาตลอดเวลาที่พูดแทบจะไม่กระพริบตา





   คิดมากไปมั้ง…





   “ไปพักเถอะไอ้หมอ เดี๋ยวกูถือแทน” คินที่ไม่รู้ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เดินมาตบบ่าเพื่อนหลังจากที่แอบงีบหลับไปพักหนึ่ง





   “อืม โอเค” ฐานทัพตอบรับสั้นๆก่อนจะยื่นป้ายให้เพื่อนแทนแล้วเดินไปด้านหลังแถวที่มีปกป้องยืนถ่ายรูปอยู่





   ทำไมรู้สึกเหมือนมีสายตาใครสักคนคอยจับจ้องเขาอยู่ทุกฝีก้าว




   แปลกๆ




   “ไง ปวดแขนหรอ” ปกป้องลดกล้องถ่ายรูปลงพร้อมยิ้มให้คนที่กำลังเดินมาหา




   “อืม ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ”




   “เออรีบไป เดี๋ยวเขาจะย้ายไปตามจุดแล้ว”




   “โอเค เดี๋ยวมา” ฐานทัพเดินเลี่ยงออกมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่อยู่มากนักแต่กลับต้องเดินเลี่ยงไปอีกทางเพราะแถวต่อห้องน้ำชายยาวผิดปกติ





   เดินเลี่ยงไปอีกทางโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนกำลังเดินตามเขามา




   “คนต่อแถวยาวมากเลย เดี๋ยวผมไปอีกทางนึง พี่ไม่ต้องห่วงนะ” บุ๋นหันไปบอกรุ่นพี่ที่เดินมาส่งเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันที่รุ่นพี่จะพูดอะไรขายาวๆก็รีบวิ่งไปตามร่างของคุณหมอที่เลี้ยวหายไป





   เขาจะไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปมากกว่านี้อีกแล้ว




   ฐานทัพเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ทำธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จ ยังไม่ทันที่ขาทั้งสองข้างจะก้าวออกจากห้องน้ำเขาก็ต้องหยุดลงเมื่อมีร่างของใครอีกคนมายืนขวางหน้าเขาไว้




   “…” เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร




   “สะ…สะ…สวัสดี…คะ…คือ” บุ๋นรู้สึกเหมือนตัวเองถูกช็อตไฟฟ้าด้วยสายตาของคนตรงหน้า เขารู้สึกเหมือนคำพูดที่เตรียมมาหายไปหมดเหลือเพียงสมองที่ว่างเปล่า





   หายไปหมดเลย…





   “ครับ?” ฐานทัพถามออกมาสั้นๆ ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าดูประหม่าเหมือนกับกังวลอะไรบางอย่าง





   “ผม…ผม…”





   “…?”





   “ผม…จะ…เข้าห้องน้ำ!!” ไม่รู้ว่าสมองส่วนไหนที่กลั่นกรองคำพูดประหลาดๆนี้ออกมาทั้งๆที่เขายืนอยู่หน้าห้องน้ำ




   ไอ้บุ๋นเอ้ยยย!!!




   ฐานทัพไม่พูดอะไรเพียงแต่ก้าวไปทางขวาเพื่อให้อีกคนเดินผ่านเข้าไปได้แต่คนที่บอกอยากเข้าห้องน้ำกลับยืนอยู่ที่เดิม




   “เดี๋ยว…เดี๋ยวครับ” บุ๋นรีบเรียกคนที่กำลังจะเดินออกไปให้หยุดฝีเท้าลง




   “…?” ฐานทัพเริ่มงงกับคนตรงหน้า เขาต้องการอะไร




   “บุ๋นครับ”




   “ครับ?”





   “ผมชื่อบุ๋นครับ!!” คนตรงหน้าพูดจบก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูดังปังทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างนอกยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




   บุ๋น…บอกทำไม




   บอกเขาทำไม





   ฐานทัพยืนประมวลผลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินออกมาในเมื่อชื่อนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับตัวเขา ถึงเขาจะเห็นว่าคนๆนี้มองเขาตอนแนะนำตัวก็ตาม





   คงเห็นว่าเขาอยู่คณะแพทย์




   กำลังสนใจหมอ




   อืม…



.




   ตึกตัก ตึกตัก




   กิตติกร กิตติกร ใจเย็นๆ…




   ใจเย็น…




   เย็น





   เย็นไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยย!!!!





   “เยสสสสสสสส!!! กูได้เจอหมอแล้ว วู้ฮู้ววววววววว” เขาตะโกนสุดเสียงอยู่ในห้องน้ำของสนามกีฬา





   หัวใจจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว น้ำเสียงของหมอที่เขาได้ยินครั้งแรก แววตาของหมอที่ได้จ้องมอง ท่าทางและกิริยาที่หมอแสดงออกมา




   ทุกอย่างที่เป็นตัวหมอ




   มันดีต่อใจเขามากๆ…มากจนเขาแทบจะคลั่งตาย





   พ่อครับแม่ครับ บุ๋นอยากได้หมอ บุ๋นจะเอาหมอ บุ๋นอยากสู่ขอหมอ!!!!!





   ปังปังปัง!!!





   ก่อนที่ความคิดของเขาจะไปไกลกว่านี้เสียงทุบประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงคุ้นหูของเพื่อนสนิทของเขาที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างนอก




   “ไอ้สี่ มึงออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้” เสียงของสามตัดทุกจินตนาการที่แล่นอยู่ในหัวของเขา





   ให้กูมีความสุขสักห้านาทีไม่ได้หรือไงวะ





   “อะไร” บุ๋นพยายามทำสีหน้าเคร่งเครียดทั้งๆที่ปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว ไม่เคยรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เท่าวันนี้




   “แมนนะมึงบอกจีบสาวทั่วมอขนาดนี้” สามยิ้มเหยียด “นี่ถ้ากูไม่รีบตามมึงมาป่านนี้มึงคงจับหมอทำเมียแล้วมั้ง”





   “มึงก็พูดไป ยังไม่ถึงขั้นนั้น!!!” ปากปฏิเสธแต่ใจนี้คิดไปไกลถึงแต่งงาน




   “ขั้นไหนกูไม่รู้ แต่มึงต้องไปเข้าแถวแล้ว”




   “เออรู้แล้วน่า”





   “ไปพร้อมกูเดี๋ยวนี้”





   “เอออออออ ไปก็ไป” เขาลากเสียงพร้อมกับวางแขนหนักๆไว้บนไหล่ของเพื่อนสนิทอย่างมีความสุข




   วันนี้ทั้งวันจะให้เขาไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนเขาก็พร้อมจะทำ ให้วิ่งขึ้นดอยลงดอยสิบรอบเขายังทำได้





   แค่ได้เห็นหน้าหมอ




   พอเดินกลับมาถึงโซนคณะก็ถึงเวลาที่เขาต้องแยกย้ายไปตามจุด บุ๋นรับป้ายชื่อจากรุ่นพี่มาห้อยไว้ที่คอแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจกับชื่อที่รุ่นพี่เขียนให้เท่าไหร่




   ‘บุ๋นจีบหมอ’




   “พี่ มันชัดเจนไปรึเปล่า” เขาพูดพร้อมกับชูป้ายชื่อตัวเองที่คำว่าจีบหมอเด่นกว่าชื่อเล่นของเขา




   “ไม่ชัดเจนหรอก มึงประกาศออกไมค์ขนาดนั้น” รุ่นพี่ที่ห้อยป้ายปีสามยิ้มเยาะ “ว่าแต่มึงจีบหมอปีไหน ปีหนึ่งหรอ”





   “ไม่อะ ปีสาม”




   เชี่ย…หลุดปาก




   “เฮ้ย ไอ้เด็กนี่มันปีนเกลียวว่ะ” รุ่นพี่หันไปสะกิดรุ่นพี่อีกคนก่อนจะชี้มาที่บุ๋นอย่างกับเป็นเรื่องตลก




   “ปีนเกลียวมันสูงมากไหมครับ…ถ้าไม่มาก เดี๋ยวผมปีนขึ้นไปหา” เขาพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร





   ปีนเกลียวไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา




   “กูจะอินถ้ากูเป็นผู้หญิงนะไอ้น้อง” รุ่นพี่อึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะตบบ่าบุ๋นหนักๆ “สู้ๆว่ะ เด็กเกษตรอย่างเราหนักเอาเบาสู้!!!”





   “แน่นอนพี่ สู้อยู่แล้ว”




   ไม่สู้ได้ไง…ตัวจริงทำใจสั่นขนาดนี้




   ไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆหรอก







------------
50%
รู้สึกตกหลุมรักรึยังคะ -/////////-
เกลียดความออกตัวแรงของบุ๋นน
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมา ไม่ควรเอาไปทำตามเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ
แต่ใครชอบวิธีจีบหมอเจ็ดวันของบุ๋นจะลองเอาไปทำตามก็ไม่ห้ามน้าาา >_<
ปล. คอมเม้นท์แทนกำลังใจ ขอบคุณมากๆนะคะ
ตามไปพูดคุยกันได้ทางFan page : perlina. หรือทวิตเตอร์ @perlinjun อยากบอกอะไรติดแฮชแท็กได้เลย

#ผมจีบหมอ

จะตามอ่านน้า ^_____________^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2016 18:55:40 โดย perlina »

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
.


   ปีหนึ่งเริ่มทยอยเปลี่ยนฐานตามเสียงสัญญาณ บุ๋นที่นั่งเบื่อตั้งแต่ฐานแรกเริ่มหาวออกมาหลังจากที่โดนมาเข้าฐานของคณะตัวเอง ความจริงสำหรับคนอื่นมันน่าสนุกแต่สำหรับเขาความสนุกมันดันอยู่ฐานอื่น




   หวังว่าจะได้ไปฐานของคณะแพทย์




   “ฐานต่อไปฐานอะไรพี่” บุ๋นหันไปถามรุ่นพี่ที่คอยประกบเขาทุกฝีก้าวราวกับต้องการอะไรบางอย่าง




   “ไม่บอก แต่รับรองสนุก” หญิงสาวหน้าตาน่ารักตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “น้อง…บุ๋น?”




   “ครับ บุ๋น” ตอบกลับไปโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนข้างๆ




   อยากเจอหมอแล้ว อยากใกล้มากกว่านี้




   คณะของเขาเริ่มเคลื่อนตัวออกไปตามเส้นทางของฐานต่อไป รุ่นพี่ประจำฐานเดินมาดักรอหน้าทางเข้าพร้อมกับแจกผ้าปิดตาให้คนละผืนเพื่อใส่ก่อนเดินเข้าฐาน




   บุ๋นรับผ้าสีดำสนิทมาใส่ไว้ แม้ความตั้งใจของรุ่นพี่จะต้องการให้มองไม่เห็นแต่เขากลับมองเห็นทุกอย่างผ่านผ้าสีดำบางๆที่ไม่ได้หนาเพียงพอที่จะทำให้มองอะไรไม่เห็น




   แกล้งหลับตาก็ได้วะ…




   “ระวังนะ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นไม่ไกลจากตัวเขา สัมผัสอุ่นๆจากมือของคนที่จับเขาทำให้บุ๋นรู้สึกดีแปลกๆ มือนั้นจับแขนบุ๋นหลวมๆให้เดินไปตามทาง





   “นี่ฐานอะไรครับ” เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป




   อยากถึงฐานของหมอเร็วๆ





   “เดี๋ยวก็รู้” คนข้างตัวตอบกลับมาพร้อมกับหยุดเดินทำให้เขาต้องหยุดเดินตามไปด้วย





   ของเย็นๆถูกป้ายลงบนหน้าตั้งแต่หน้าผากถึงแก้ม ถึงจะเดาออกว่ามันคืออะไรแต่สิ่งเดียวที่อยากจะถามคือทำไปเพื่ออะไร





   “เยอะไปละมั้งพี่” คนที่หลับตาอยู่ถามคนตรงหน้าที่ดูจะสนุกกับการป้ายสีลงบนหน้าเขา





   ใครวะ…





   ความอยากรู้ทำให้บุ๋นค่อยๆลืมตาขึ้นมามองใบหน้าของคนที่กำลังละเลงใบหน้าเขาอยู่ ผ้าสีดำที่โปร่งแสงจนมองเห็นอีกฝ่ายทำให้เขาชะงักตัวลงทันที





   บ้าไปแล้ว





   เล่นตลกชัดๆ…






   นี่มัน…






   หมอฐานทัพ!






   หมับ!!





   มือของบุ๋นไปไวกว่าความคิดเสมอ เขาจับแขนของคนตรงหน้าไว้แน่นโดยที่ไม่รู้ตัวเองว่าทำไปทำไม รู้ตัวอีกทีก็จับไปแล้ว





   “หืม?” คนตรงหน้าดูงงกับปฏิกิริยาของเขา





   “อะ…เอ่อ…ผม…”





   ผมอะไรดีวะ





   “ผม…ผมชอบ…”





   ชอบหมอ!!







   ก็เหี้ยละ…




   “ชอบให้มีสีอยู่บนหน้าเยอะๆ ทาลงมาเลยครับ ทามาเลย!!!!”





   เวรเอ้ย…พูดอะไรออกไปวะเนี่ย





   “อ่อ…ครับ” ฐานทัพดูไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามที่เขาบอก เวลาที่หมอทำหน้างงๆนี่มันใจเต้นฉิบหายเลยว่ะ คนอะไรดูดีทุกอิริยบทขนาดนี้





   เสียงของรุ่นพี่บอกให้ปล่อยน้องเข้ามาในฐานทำให้เวลาแห่งความสุขของบุ๋นจบลง เขาอยากจะถอดผ้าปิดตาเพื่อมองใบหน้าของคุณหมอให้ชัดๆแต่ก็ทำได้เพียงยกมือไหว้ขอบคุณเท่านั้น






   พอเรียงแถวเสร็จเสียงประกาศให้ถอดผ้าปิดตาก็ดังขึ้น บุ๋นรีบถอดผ้าปิดตาออกโดยที่เขารู้อยู่แล้วว่าตอนนี้อยู่ที่ฐานของคณะแพทย์





   ชุ่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก





   “ถ้าน้องๆอยากรู้สาเหตุของการเขียนหน้าให้น้องลองไปถามรุ่นพี่ที่เขียนหน้าให้น้องดูนะครับ” เสียงของพิธีกรดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของปีหนึ่ง






   “แล้วจะรู้ได้ยังไงคะว่าใครเป็นคนเขียน” เสียงแจ๋วๆของคนที่นั่งข้างบุ๋นถามกลับ





   “ชื่อรุ่นพี่เขียนอยู่บนหน้าผากน้องๆ อยากรู้คนไหนก็ดูตามป้ายชื่อห้อยคอเลยครับ”





   หน้าผาก…





   งั้นหมายความว่า…





   “เธอมีกระจกปะ” บุ๋นรีบหันไปสะกิดคนข้างๆที่กำลังทำท่าเหมือนควานหาอะไรบางอย่าง





   “ไม่มี แต่เราอ่านให้นายฟังได้นะ”





   “งั้นอ่านเลย” บุ๋นก้มหน้าลงเพื่อให้เธออ่านได้ง่ายขึ้น




   “ฐานทัพ”




   “ของเธอพี่โสภา ขอบใจมาก” บุ๋นตบไหล่เธอสองทีก่อนจะลุกขึ้นตามคนอื่นๆที่เริ่มลุกเดินไปหารุ่นพี่ตามรายชื่อที่เขียนอยู่บนหน้าผาก





   ไม่รอให้หมอคอยนานในเมื่อเขามองปราดเดียวก็รู้ว่าคุณหมอยืนอยู่จุดไหน ก็เด่นซะขนาดนั้นเขาจะไม่เห็นได้ยังไง ขาทั้งสองข้างรีบก้าวเข้าไปหาราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป





   “สวัสดีครับ” เขาทักทายคนที่ยืนทำหน้านิ่งๆด้วยรอยยิ้มสดใส





   ทำหน้าแบบไหนก็น่ามอง





   “ครับ” ฐานทัพตอบรับก่อนจะมองใบหน้าของบุ๋นแล้วพูดต่อ “บุ๋น”





   “ครับ บุ๋น จำได้หรอครับ” หัวใจของบุ๋นพองโตขึ้นมาทันทีที่คนตรงหน้าเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรก จากชื่อที่โคตรธรรมดาพอหมอเรียกมันทำให้ชื่อเขาดูมีค่าขึ้นมาทันที





   “ป้ายชื่อ” ฐานทัพพูดพร้อมกับชี้ป้ายชื่อที่มีตัวอักษรใหญ่ๆเขียนทำต่อท้ายชื่อไว้





   “อ่อ…ครับ” ไปต่อไม่เป็น หัวใจห่อเหี่ยวลงทันที “พี่…เอ่อ เป็นคนเขียนนี่ใช่ไหม” บุ๋นพูดพร้อมกับชี้หน้าผากของตัวเองอย่างมั่นใจ





   ฐานทัพคณะแพทย์ศาสตร์มีแค่คนที่ยืนตรงหน้าเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!!!




   “รู้ได้ยังไง”




   “ก็ป้าย…อ่าว” เขาถึงกับเหวอเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้ห้อยป้ายชื่อเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ บุ๋นลดมือที่กำลังจะชี้เปลี่ยนเป็นเกาหัว





   “รู้ได้ยังไง” ฐานทัพยังคงย้ำถามคำเดิม




   “ผม…”






   “…” เหมือนคนตรงหน้าจะรอฟังคำตอบซะจนคนที่เตรียมตัวจะแถเริ่มไปไม่เป็น






   “ผมเก่ง”





   เออ…เขาคงเชื่อ





   “หรอ” ฐานทัพยกยิ้ม “สาเหตุที่เขียนหน้าก็เพราะอยากให้รุ่นน้องรู้จักพี่ต่างคณะ เลยให้หารุ่นพี่จากชื่อที่เขียนบนหน้าผาก”





   เขายอมรับเลยว่าสิ่งที่คุณหมออธิบายมาไม่ได้เข้าสู่โสตประสาทของเขาเลยแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเหมือนโดนมนตร์สะกดให้จับจ้องจนลืมสนใจสิ่งรอบข้าง





   “เข้าใจไหม”





   “…”





   “เข้าใจไหม” ฐานทัพย้ำถามคนตรงหน้าที่จ้องมองเขาไม่กระพริบตา





   “ครับ…เข้าใจ” บุ๋นตอบกลับไปแม้ว่าจะจับใจความไม่ได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว ขืนมองหมออยู่แบบนี้เขาไม่เป็นอันทำอะไรแน่ๆ




   “งั้นพูดให้ฟังอีกรอบ”





   “หะ..หา”





   “เมื่อกี้พูดว่าไงบ้าง”





   “เอ่อ…” โถ่เว้ย พูดอะไรบ้างใครจะไปจำได้วะ ก็เขาเล่นมองหน้าหมอจนไม่ได้ฟังอะไรเลยสักอย่าง จะให้บอกความจริงก็ดูจะโรคจิตเกินไป





   “จะเรียกรวมแล้ว”




   “เอ่อ…”





   “ว่าไง” ฐานทัพถามเสียงเข้ม เขารู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาอธิบายเลย ก็แค่อยากจะต้อนให้จนมุมแล้วสารภาพความจริงออกมา





   “โอเค…ผมไม่ได้ฟัง” เขาถอนหายใจออกมา สุดท้ายก็ต้องยอมรับออกไปตรงๆ





   “ทำไมไม่ฟัง”





   “ถามต่ออีกหรอ” บุ๋นกลืนน้ำลายลงคอ




   โหดจังหมอ





   “ทำไมไม่ฟัง”





   “ผม…” เขาหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสู้หน้าคนตรงหน้าที่จ้องเขาไม่วางตา “ผม…”






   “เรียกรวมแล้ว”





   “ผม…ผมชื่อบุ๋น!!”






   “อะไร” ฐานทัพขมวดคิ้ว “เกี่ยวอะไร”






   “ผมบอกว่าผมชื่อบุ๋น”






   “แล้ว?”





   “ผมชื่อบุ๋น ไปก่อนนะ เรียกรวมแล้ว” เขาแอบยิ้มก่อนจะรีบวิ่งออกมาหนีที่จะตอบคำถามของหมอฐานทัพ





   จะให้บอกได้ยังไงว่าจ้องหมอจนไม่ได้ฟัง






   ดูโรคจิตยังไงไม่รู้





   กิจกรรมฐานคณะแพทย์ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้รุ่นน้องได้รู้จักรุ่นพี่กันไปแล้ว กิจกรรมของฐานนี้เกี่ยวกับความจำซึ่งบุ๋นได้แต่นั่งมองเพื่อนๆเล่นกันเพราะเขาไม่ถนัดที่จะเล่นเกมส์แนวนี้สักเท่าไหร่ ทำให้เวลาส่วนมากของเขาหมดไปกับการจ้องมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนของเขา





   พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน…






   เสียงเตือนบอกเหลือเวลาห้านาทีดังขึ้นเหมือนเสียงนาฬิกาที่ปลุกให้เขาตื่นจากความฝัน พิธีกรบอกให้ทุกคนเรียงแถวเหมือนเดิมอีกครั้งก่อนจะสรุปข้อคิดของเกมส์ให้ฟัง






   “เอาล่ะครับ เหลือเวลาอีกสองนาทีมีใครอยากจะพูดอะไรไหม”





   “…”





   เงียบ…






   “ผมครับ” จู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ พอรุ่นพี่เห็นว่าเป็นเขาก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วบอกให้ลุกขึ้น







   “น้องบุ๋นจีบหมอ ว่าไงครับ”





   ก็ว่า…ยิ้มอะไรกัน ที่แท้ก็ยิ้มป้ายชื่อของเขา







   “ผมอยากจะขอเขียนหน้ารุ่นพี่กลับครับ” พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงทำเอาคนที่ยืนทำหน้านิ่งๆถึงกับขมวดคิ้ว






   “เขียนคนไหนครับ คนที่บุ๋นจะจีบหรอ” พอพิธีกรพูดจบเสียงแซวก็ดังขึ้นยกใหญ่ ใจมันก็อยากจะตอบไปตรงๆว่าใช่แต่ติดตรงที่ไม่กล้า






   ปอดแหก






   “เขียนคนที่เขียนผมครับ” บุ๋นหันไปมองหน้าหมอที่จ้องมองมาที่เขา “ผมรู้จักรุ่นพี่แล้วก็อยากให้รุ่นพี่รู้จักผมบ้าง”






   “อ่ออออ…งั้นเชิญเลยครับ~” พิธีกรผายมือเชิญพร้อมกับเสียงกลองที่ดังขึ้นเป็นจังหวะ






   บุ๋นเดินแหวกผู้คนตรงไปทางคุณหมอที่ดูจะไม่สนุกด้วยเท่าไหร่แต่เขาไม่สนใจในเมื่อสถานการณ์ตอนนี้เขาได้เปรียบ อีกอย่าง…โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ







   “ผมชื่อบุ๋นครับ” บุ๋นย้ำอีกครั้งหลังจากที่มายืนอยู่ตรงหน้าหมอฐานทัพแล้ว





   เขารับแก้วสีมาไว้ในมือก่อนที่จะยกมือไหว้รุ่นพี่ด้วยความเคารพก่อนจะจรดพู่กันลงบนหน้าผากเนียนที่ไม่มีแม้แต่สิวสักเม็ด






   “ขอเขียนนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ถึงแม้จะเห็นว่าหน้าของหมอดูไม่เต็มใจเท่าไหร่แต่บรรยากาศรอบข้างทำให้หมอต้องจำยอมเปิดผมที่ปรกหน้าขึ้นเพื่อให้เขาเขียน






   บุ๋นค่อยๆเขียนลงไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว ใกล้กันเกินไปแล้ว…





   “เยอะไป” ฐานทัพท้วงเมื่อรู้สึกว่ารุ่นน้องจะเขียนหน้าผากเขาจนเละเทะ




   “อีกนิดเดียว จะเสร็จแล้ว” บุ๋นบอกพร้อมกับรอยยิ้มที่เริ่มกว้างขึ้นทุกที




   เสร็จแล้ว…




   “อย่าล้างนะพี่…ผมก็จะไม่ล้างเหมือนกัน” บุ๋นวางแก้วสีไว้บนโต๊ะก่อนจะมองตัวอักษรที่ตัวเองเป็นคนเขียนบนหน้าผากของหมอ





   “เขียนว่าอะไร” ฐานทัพหันไปถามเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ





   “บุ๋น” คนเขียนตอบแทนเพื่อนที่กำลังจะอ้าปากพูด




   “บุ๋น?” ฐานทัพขมวดคิ้วมากกว่าเดิม




   จะเขียนชื่อของตัวเองไว้บนหน้าผากเขาทำไม





   “หน้าผากผมมีชื่อพี่ หน้าผากพี่มีชื่อผม”





   “…”





   “จะได้รู้จักกันไงครับ”






------------- 100%
ขอโทษที่ต้องแบ่งอัพเป็นสองรอบนะคะ พอดีตัวอักษรเกิน งื้อออ T^T
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ รออ่านต่อตอนไปด้วยน้าาาาา
รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังงงงงง ฝากบุ๋นกับหมอฐานทัพไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ค่า เม้นๆกันด้วยน้าาาา -A-

ทักทายพูดคุยกันได้ทาง Fan page : Perlina. หรือทวิตเตอร์ @perlinjun

#ผมจีบหมอ

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เย็นๆเจอกันนะคะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยยย ตายยยๆๆๆ น่ารักกกกก บุ๋นนนน  :ling1:
ใครเคะ ใครเมะเนี่ยย เชียร์ บุ๋นเป็นเคะได้ม๊ายยยย :hao7:

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
จีบหมอครั้งที่สี่

   บุ๋น เกษตร



   ฐานทัพมองกระจกตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจกับชื่อตัวใหญ่ที่เขียนอยู่บนหน้าผาก ลำพังแค่ชื่อเอาผมลงมาปิดก็ไม่เห็นแล้ว แต่คำว่าเกษตรที่แก้มของเขามันเด่นหราซะจนรุ่นน้องที่เข้ามาในฐานต่างหันมามองอย่างสนใจ บ้างก็คิดว่าเขาเรียนเกษตร บ้างก็คิดว่าเขาเป็นแฟนเด็กเกษตร



   อยากจะลบ



   “อย่าเชียวนะไอ้หมอ น้องเขาบอกว่าไง” หนึ่งในคนคุ้มกันไม่ให้ล้างหน้าเอ่ยเสียงดัง ปกป้องเดินเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะยิ้มนิดๆ “ขำๆ อย่าทำหน้าซีเรียสดิวะ”



   “กูไม่ชอบ”



   “เออกูรู้ แต่นานๆทีจะได้ทำอะไรแบบนี้ ปล่อยไปสักวันเถอะ” ปกป้องตบบ่าเพื่อนตัวเองแม้ในใจจะเริ่มรู้สึกตะหงิดๆกับสายตาของรุ่นน้องที่เขียนหน้าเพื่อนของเขา




   สายตาแบบนั้นมันคือสายตาของผู้ชายเวลามองกันหรอวะ…



   “เดี๋ยวจะเรียกรวมที่สนามอีกรอบแล้ว มึงจะอยู่ยันเลิกปะ”



   “อยู่ก็ได้”




   “ดีครับเพื่อน เป็นคำตอบที่ดี” ปกป้องหัวเราะก่อนจะกอดคอเพื่อนที่ทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เดินออกมาจากห้องน้ำ




   “ทำหน้าเป็นตูดเลยนะไอ้หมอ” คินที่เก็บอุปกรณ์อยู่หันมาแซวคนที่กำลังเดินเข้ามา




   “มันเซ็งที่ไม่ได้ล้างหน้า” ปกป้องตอบแทนก่อนจะเดินไปช่วยเพื่อนเก็บของอีกแรง




   “ตามนั้น” ฐานทัพไม่มีอะไรจะพูดต่อ เขาเดินไปช่วยเพื่อนเก็บของก่อนจะเคลียร์สถานที่ให้สะอาดเหมือนปกติ



   ไม่ล้างก็ไม่ล้าง


.


   เสียงประกาศเรียกรวมดังขึ้นทั่วมหาวิทยาลัย ปีหนึ่งจากคณะต่างๆเริ่มทยอยกันเรียงแถวกลับเข้ามาในสนามกีฬาอีกครั้งเพื่อร่วมกันปิดงานวันแรกพบ บรรยากาศช่างเอื้อเฟื้อจากตอนกลางวันที่แดดสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศในตอนนี้กลายเป็นลมเย็นๆที่พัดมาเป็นระลอกให้คนที่อยู่ภายในสนามกีฬารู้สึกผ่อนคลาย



   บุ๋นเดินนำแถวเข้ามาในสนามกีฬาโดยมีรุ่นพี่เดินตามมาติดๆ สายตาของเขากวาดหาป้ายชื่อของคณะตัวเองโดยไม่ลืมที่จะมองหาป้ายของอีกคณะ



   นั่นไงเกษตรศาสตร์!




   เขาเดินตรงดิ่งไปที่ป้ายชื่อคณะที่มีคนถือป้ายไว้ให้เป็นระเบียบก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับป้ายคณะแพทย์ที่ถูกคณะสัตวแพทย์คั่นกลางคณะของเขา




   จะคั่นไว้ทำไมวะ




   ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นมาในหัวทันทีที่เขาใกล้จะถึงป้ายคณะของตัวเอง บุ๋นเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกสองคณะยังไม่ได้เดินเข้ามาในสนามกีฬา




   เสร็จบุ๋น!!!




   “พี่ครับๆ” บุ๋นเดินตรงเข้าไปหารุ่นพี่ที่ถือป้ายคณะของตัวเองด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สต๊าฟกลางบอกว่าคณะเรากับคณะสัตวแพทย์ต้องสลับที่กันครับ”




   “หืม? ทำไมวะ” รุ่นพี่ที่ยืนถือป้ายอยู่โดดเดี่ยวถามกลับมาก่อนจะก้มลงมองป้ายชื่อของบุ๋นที่เขียนตัวอักษรไว้เด่นหรา “คนที่บอกคือตัวมึงเองรึเปล่า”




   “รู้ทัน” บุ๋นยิ้มรับ “ช่วยหน่อยดิพี่ หลังจากงานนี้ก็ไม่รู้จะมีงานไหนได้เจอกันแบบนี้อีก”




   รุ่นพี่คิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันไปมองคนถือป้ายคณะสัตวแพทย์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปสะกิดคนที่ยืนทำ
หน้าตาซื่อๆ




   “มึง เปลี่ยนที่กับกูดิ้”



   “คะ…ครับ?”



   “เออมึงไม่ต้องงง เปลี่ยนที่กัน”



   “แต่ผม…”



   “มึงไม่ต้องแต่ กูบอกเปลี่ยนก็เปลี่ยนดิ”



   “เอ่อ…ครับ”



   “แล้วห้ามบอกใครว่าแอบเปลี่ยนที่ ไม่งั้นมึงเจอ” เขาชี้หน้าคาดโทษคนที่ดูไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่ก่อนจะย้ายไปยืนอยู่ที่จุดของคณะสัตวแพทย์แทน




   “ขอบคุณพี่ แต่ว่าพูดแบบนั้นจะไม่เป็นไรหรอ” บุ๋นเดินไปอยู่ที่จุดใหม่ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆที่พึ่งเดินตามมา



   “ว่าที่เมีย ไม่ต้องกลัว” รุ่นพี่ยักคิ้วก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกคนที่มองมาพอดี



   “อ่อ อย่างนี้นี่เอง” เขาพึ่งเข้าใจก็ตอนนี้ ก็งงว่าทำไมคนเจอกันครั้งแรกถึงพูดเหมือนสนิทกันมานาน ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง




   คงเป็นเพราะบุ๋นหันไปมองทำให้เจ้าตัวที่มองมาถึงกับหลบสายตามองไปอีกฝั่งทันที




   “หวังสูงก็ขอให้ได้ตามที่หวัง” รุ่นพี่ตบบ่าก่อนจะพูดต่อ “หมอเดินมานู่นแล้ว”




   “ครับ”




   บุ๋นรีบหันไปตามที่รุ่นพี่บอก แถวของคณะแพทย์เริ่มเดินเรียงกันเข้ามาพร้อมกับรุ่นพี่ที่คอยประกบราวกับกลัวว่าน้องๆจะเป็นอันตราย เขาค่อยๆไล่สายตาตามระยะทางที่ค่อนข้างไกล มองจากตรงนี้ยังไม่เห็นเลยว่าหมออยู่ไหน




   หรือว่ากลับไปก่อน




   ไม่ได้นะ!!! เขาไม่ได้ขอเปลี่ยนที่เพื่อที่จะพลาดโอกาสหรอกนะ




   ต้องอยู่สิวะ…




   “มองขนาดนั้นมึงไม่ถอดจิตไปเลยล่ะ” รุ่นพี่อดไม่ได้ที่จะแขวะท่าทางของบุ๋นที่ดูสนใจคณะแพทย์จนออกนอกหน้า




   “ทำได้ทำแล้ว” ตอบกลับแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าคู่สนทนา




   อยู่ไหนวะหมอ




   ปีหนึ่งเริ่มเข้ามาจนเกือบครบทุกคณะ เขายังคงมองคณะแพทย์ที่เดินเข้ามานั่งข้างๆเขาแต่ก็ยังไม่เห็นใครนอกจากรุ่นเดียวกัน




   “อยู่ไหนวะ” บุ๋นพูดขึ้นท่ามกลางเสียงพิธีกรที่เริ่มกิจกรรมยามเย็น




   “เลิกมองแล้วนั่งหลังตรง” เสียงของรุ่นพี่อีกคนดังขึ้นทำเอาคนที่เหลียวหลังจนคอแทบเคล็ดถึงกับรีบหันหน้ากลับมาตามคำสั่ง




   เสียงพิธีกรไม่ได้ทำให้บุ๋นรู้สึกสนุกไปกับกิจกรรม ตลอดเวลาเขาพยายามหันมองซ้ายขวาเท่าที่ตัวเองจะทำได้แม้จะโดนเพ่งเล็งจากสายตารุ่นพี่บางคนก็ตาม



   ไม่เจอจริงๆหรอวะ…



   “วันนี้กิจกรรมเป็นยังไงบ้างครับ” ไมค์โครโฟนถูกจ่อมาตรงหน้าคนที่กำลังเหลียวหลัง บุ๋นถูกสะกิดให้หันกลับมาพร้อมกับสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่เขา



   อะไรกับกูนักหนาวะเนี่ยยยย!!!



   “อะไรนะครับ ขอคำถามอีกรอบ” ถึงจะไม่ชอบที่โดนถามแต่ก็ต้องยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา




   “วันนี้กิจกรรมเป็นยังไงบ้างครับ ชอบฐานไหนเป็นพิเศษ”




   “อ่อ…สนุกดีครับ ได้รู้จักเพื่อนๆเยอะดี” เขายิ้มนิดๆก่อนจะพูดต่อ “ชอบฐาน(ทัพ)คณะแพทย์ครับ” อยากจะพูดออกไปว่าจริงๆชอบอะไรแต่ก็ทำได้แค่ตอบอ้อมๆ




   ยังไม่กล้าพอ




   “อ่อ ชอบฐานคณะแพทย์หรอครับ” พิธีกรพูดพร้อมกับมองป้ายของเขา “ที่ชอบเพราะคนที่ชอบอยู่คณะแพทย์รึเปล่าครับ”




   เสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจบคำถามของพิธีกร บุ๋นได้รับความสนใจมากกว่าเดิมจนเขาเองเริ่มรู้สึกเกร็งกับสถานการณ์




   “ครับ ใช่” ตอบกลับไปแมนๆ




   จะแก้ตัวอะไรได้อีก ป้ายชื่อบอกซะขนาดนี้ ไม่ต้องรู้จักแค่เห็นป้ายก็รู้ว่าเขาชอบคณะอะไร




   “เอาใจช่วยนะครับ” พิธีกรพูดพร้อมทำท่าจะเดินไปที่คณะอื่นแต่ก็ชะงักตัวลง สายตาทอดมองไปยังฝั่งคณะแพทย์ก่อนจะพูดขึ้น “ข้างหลังมีอะไรรึเปล่าครับ”



   ข้างหลัง…




   บุ๋นค่อยๆหันหลังกลับไปพร้อมกับหลายๆคน




   หมอ

.


   “คิน!!” ฐานทัพเรียกชื่อเพื่อนเสียงดุเมื่อคินกระโดดเรียกร้องความสนใจจากพิธีกรแล้วชี้นิ้วมาที่เขาอย่างสนุกสนาน



   “มันคู่กันครับ” คินพูดไปหัวเราะไปก่อนจะเอื้อมมือมาเปิดผมที่ปรกตรงหน้าผากของฐานทัพให้ทุกคนเห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่




   ไอ้คิน…



   ฐานทัพพร้อมที่จะพ่นคำด่าออกมาสารพัดแต่เขาได้แค่คิดเมื่อจู่ๆพิธีกรก็เดินตรงมาที่เขาพร้อมกับพูดออกไมค์เสียงดัง



   อืม…งานเข้า



   “มีสีเขียนที่หน้าเหมือนกันเลยนะครับ” พิธีกรพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



   “ครับ” ฐานทัพตอบกลับนิ่งๆ



   รีบๆไปเถอะ




   “เอ…หรือว่าจะเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ครับ!!!!”




   เสียงวี้ดวิ้วดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่แซวของพวกเพื่อนๆเขาที่ดูสนุกกับท่าทางของฐานทัพที่ดูจะไม่ตลกด้วยสักเท่าไหร่ เขาถอนหายใจหนักๆก่อนจะมองตรงไปยังคนนั่งหน้าสุดที่หันมายิ้มอย่างกับเป็นเรื่องดี




   “อยากรู้ต้องเชิญเขาขึ้นมาถามครับ” คินใส่ไฟเพิ่ม




   “ถ้าอย่างนั้น…โอ้ ลุกขึ้นมาแล้วครับ” พิธีกรบ้าจี้ตามคำพูดของคนที่กำลังสนุก




   ไม่รอให้พิธีกรพูดจบบุ๋นเด้งตัวลุกขึ้นอย่างกับรู้ว่าต้องทำอะไร ขาทั้งสองข้างก้าวตรงไปหาคุณหมอที่เริ่มขมวดคิ้วใส่เขา บุ๋นไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่



   เหมือนร่างกายมันขยับไปเอง



   “ชื่อบนหน้าผากหมายความว่ายังไงครับ” พิธีกรยิงคำถามใส่ทันทีที่เขามายืนขนาบข้างหมอที่มองหาตั้งแต่เข้าสนาม



   “ก็ชื่อครับ” บุ๋นตอบแทนเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากตอบ



   ถึงสถานการณ์ตอนนี้เขาเองจะไม่ชอบสักเท่าไหร่แต่มันก็ดีที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับหมอฐานทัพมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ที่ทุกคนหันมามองเขาทั้งสองเป็นตาเดียวเหมือนกับงานแต่งงานที่มีบาทหลวงกำลังอ่านคำมั่นสัญญา


   
   ‘คุณจะรับนายฐานทัพ ฐิไตรรัตน์ เป็นคู่ชีวิต จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขหรือไม่’



   ‘รับครับ’



   
   “บุ๋น” เสียงของหมอทำให้เขาดึงสติกลับมาก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้เปิดผมขึ้นเผยให้เห็นชื่อเขาเด่นหรา




   ไม่ลบจริงๆด้วย…ขอบคุณครับ




   “ครับ?”




   “ถ่ายรูป” ฐานทัพพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กล้องตัวใหญ่ของตากล้องที่มาเก็บภาพบรรยากาศในงานวันแรกพบ




   “ได้ครับ” เขารีบตอบรับทันที




   เข้าทาง!




   บุ๋นขยับเข้าไปใกล้คุณหมอที่เขยิบออกห่างเพื่อให้ได้รูปที่สวยงามตามความต้องการของตากล้องและของเขาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา




   “ไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่”




   “อะไร”




   “เซลฟี่กัน” เขายิ้มกว้าง ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลงเขาก็กดเปิดกล้อง “มองกล้องนะ”




   “…”



   ฐานทัพตกอยู่ในสถานะจำยอมอีกครั้ง เขามองกล้องของคนที่ยืนยิ้มจนแก้มจะปริด้วยสีหน้านิ่งๆพร้อมกับเสียงกล้องที่ดังขึ้น



   แชะ!



   “ทำไมทำหน้าบึ้งอะพี่…อีกรูปนะ” บุ๋นพูดด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น




   “ไม่ถ่าย แค่นั้นพอ” ฐานทัพตอบก่อนจะดันโทรศัพท์ของบุ๋นออก “กลับไปนั่งที่”




   “โห่…” เขาพึ่งรู้ตัวว่าพิธีกรเดินออกไปแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้อีกทีก็ตอนที่มองไปรอบๆ ตอนนี้เขายืนอยู่ในโซนของคณะแพทย์โดยที่มีรุ่นพี่คณะเขากวักมือเรียกให้กลับไปนั่งที่



   “ไว้เจอกันใหม่นะครับ” บุ๋นทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง




   เขาโชคดีที่ทุกอย่างเป็นใจราวกับจัดวางไว้



   โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาถูกเพ่งเล็งจากรุ่นพี่คณะเกษตร…



.




   กิจกรรมจบลงหลังจากที่ประธานกล่าวขอบคุณ ปีหนึ่งจากทุกคณะถูกปล่อยออกจากสนามในเวลาพร้อมกันทำให้คนเดินไปออกันที่ประตูเป็นจำนวนมาก บุ๋นยืนรอเพื่อนทั้งสามคนอยู่ที่กลางสนามเพื่อรอที่จะกลับหอพักของมหาวิทยาลัยที่พึ่งย้ายเข้ามาเมื่อไม่กี่วัน



   “ไงมึง” หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนักๆที่เอื้อมมาผลักหน้าผากคนที่ยืนยิ้ม




   หมั่นไส้สี่




   “ยิ้มร่าเลยนะ” หนึ่งอดไม่ได้ที่จะแขวะท่าทางของเพื่อนสนิท “รู้กันทั้งมอแล้วว่าจะจีบหมอ”



   “เออ เซ็ง” บุ๋นตอบกลับก่อนจะยกมือโบกเรียกเพื่อนอีกสองคนที่กำลังมองหาเขาอยู่



   สองกับสามเดินมาสมทบด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มที เขาทั้งสี่ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นรอให้ผู้คนในสนามทยอยออกไปจนเกือบหมดเพราะไม่อยากจะเข้าไปเบียด




   เหนื่อยมาทั้งวัน



   “กลับหอไปกูอาบน้ำคนแรกนะ” สองพูดขึ้นพร้อมกับถอดป้ายชื่อที่คล้องคอออกวางไว้ข้างตัว




   “กูคนที่สอง” สามพูดต่อ




   “กูคนสุดท้ายก็ได้” บุ๋นตบท้าย




   “เออ กูมันคนนอก” หนึ่งหันมามองทั้งสามคนก่อนจะถอนหายใจ




   ทุกคนได้อยู่ด้วยกันหมดยกเว้นเขาเพราะคณะของเขามีหอพักนักศึกษาสัตวแพทย์แยกอีกฝั่งหนึ่งอยู่ห่างจากหอในของเพื่อนอยู่มากพอสมควร ทิศเหนือกับทิศใต้ ทั้งๆที่อยากจะไปอยู่ด้วยกันแต่เพราะกฏของปีหนึ่งที่ต้องอยู่หอในมหาวิทยาลัยทุกคนทำให้เขาต้องยอมรับกับกฏที่มีมานาน



   “เออไอ้สี่” เสียงของสองเรียกความสนใจจากคนที่เงยหน้ามองท้องฟ้าให้กลับมามองหน้าเขา “วันนี้กูว่ามึงแสดงออกเยอะไป”



   “ยังไงวะ”



   “มึงเป็นปีหนึ่ง ที่มึงออกตัวแรงเรื่องจีบหมอ” สองหันมามองหน้าเพื่อนสีหน้าจริงจัง “บางคนอาจจะเห็นเป็นเรื่องสนุกแต่กับบางคนอาจจะไม่”



   “หรอวะ…” บุ๋นลากเสียงอย่างไม่เข้าใจนัก



   “การเป็นจุดสนใจมันไม่ดีไปทุกอย่างหรอก กูเตือนด้วยความหวังดี”



   “อืม กูก็เห็นด้วย” หนึ่งพูดเสริม “กูว่ามึงควรออกตัวน้อยกว่านี้หน่อย”




   “กูไม่ได้อยากทำ…แต่ เฮ้อ” บุ๋นถอนหายใจยาว ถ้าเขาไม่หลุดปากพูดว่ากำลังสนใจหมอก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคงไม่มีใครรู้ว่าเขารู้สึกอะไรกับใคร




   แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาได้ใกล้ชิดหมอมากขึ้น




   “กูเข้าใจ…แต่มึงต้องระวังมากกว่านี้” หนึ่งตบบ่าคนข้างๆ “การโดนเพ่งเล็งตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมมันไม่สนุกเลยว่ะ”




   “อืม กูก็คิดงั้น”




   “…”




   “แต่ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ…กูพร้อมจะรับผิดชอบ”




   หลังจากนี้ต่อไปคงต้องระวังมากกว่านี้




   มากกว่านี้…



.


   ตุ้บ!!




   ถุงขยะถุงสุดท้ายถูกโยนกองรวมกันหลังจากที่เคลียร์ลานกิจกรรมรวมทั้งขยะในสนามกีฬาหมด ฐานทัพจอดรถจักรยานลงก่อนจะ
ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนที่ห่างออกมาจากที่ทิ้งขยะอยู่หลายเมตร รอบสุดท้ายที่เขาปั่นเอาขยะออกมาทิ้งและตอนนี้งานทุกอย่างจบลง


   เหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าทำให้สีที่เขียนอยู่เลือนลางจนดูไม่ออกว่าเขียนคำว่าอะไร เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ขึ้นมาเช็ดพร้อมกับถูสีที่อยู่บนใบหน้าออกให้หมด ความเหนื่อยล้าทั้งวันทำให้เขาอยากจะนอนลงไปตรงนี้ ไม่มีแรงที่จะปั่นจักรยานกลับหอนักศึกษาแพทย์



   มันคงจะดีกว่านี้ถ้าตอนนี้เขาอยู่กับคินไม่ก็ปกป้องแต่เพื่อนทั้งสองคนกลับไปก่อนเขาเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วเพราะมีนัดไปฉลองต่อส่วนฐานทัพเองเลือกที่จะกลับหอเพราะเขาไม่ชอบไปเที่ยวกลางคืนสักเท่าไหร่และพลังงานในร่างกายของเขาเหลือน้อยเกินกว่าที่จะคิดไปไหนต่อ



   อยากกลับไปที่ห้องไวๆ



   เขาหยิบผ้าปิดปากขึ้นมาสวมอีกครั้งเมื่อเห็นว่ารถขยะกำลังขับมาใกล้กับจุดที่เขาทิ้งขยะ ยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็ต้องรีบลุกขึ้นคร่อมจักรยานแล้วปั่นออกไปเพื่อเลี่ยงกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์



   อดทนอีกนิดเดียวก็จะถึงหอพักแล้ว



   ฐานทัพปั่นจักรยานไปตามทางผ่านรุ่นน้องที่เดินกลับหอกันเป็นกลุ่มก็นึกถึงตัวเองเมื่อสองปีก่อนตอนที่เขาเป็นปึหนึ่งใหม่ๆ ช่วงนั้นเขาแทบจะไม่รู้จักใครเลยเพราะไม่ได้เป็นคนช่างพูดแต่โชคดีที่มีคินกับปกป้องเข้ามาคุยด้วยจนสนิทกันถึงปัจจุบัน คิดแล้วก็อดเสียดายที่ปีหน้าเขาจะต้องย้ายไปอยู่หอพักในโรงพยาบาลและคงไม่ได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศมหาวิทยาลัยเหมือนตอนนี้




   “พี่ๆ เห้ยพี่!!!” เสียงๆหนึ่งตะโกนดังลั่นทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับเบรกแทบไม่ทัน ฐานทัพหันไปขมวดคิ้วใส่เจ้าของเสียงและยิ่งต้องขมวดคิ้วมากกว่าเดิมเมื่อคนที่เรียกเขาคือปีหนึ่งที่กวนเขาตอนฐานคณะ




   “ใช่พี่จริงๆด้วย…จำผมได้ปะ” บุ๋นรีบเดินเข้าไปหา “เราเจอกันหน้าเซเว่นไงพี่ ผมว่าแล้วผมจำพี่ได้” เขารู้สึกดีใจอย่างกับถูกหวย




   ฐานทัพมองคนตรงหน้าที่ยังไม่เช็ดชื่อของเขาออกก่อนจะมองคนๆนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า คนอะไรถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่า




   “ผมขอกลับด้วยดิพี่…พี่จะไปหอในชายใช่ปะ”




   หืม…ไปทำไมหอในชาย




   “พอดีผมเดินมาส่งเพื่อนน่ะมันเดินมาคนเดียวแล้วรูมเมทผมมันก็กลับหอกันไปแล้ว” บุ๋นพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “แต่ถ้ารบกวนไม่เป็นไรนะพี่”




   เขาไม่อยากจะบังคับหรือขอร้องให้ใครทำอะไรที่ไม่อยากทำ



   “อืม” ฐานทัพตอบสั้นๆแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้บุ๋นขึ้นมาซ้อนท้ายจักรยานของเขา




   “ได้หรอพี่!” เขาพูดเสียงดัง รอยยิ้มของบุ๋นเวลาดีใจดูมีเสน่ห์จนทำให้ฐานทัพหยุดมองไปพักหนึ่ง




   “…” ฐานทัพพยักหน้าอีกครั้ง เขาเหยียดขาทั้งสองข้างลงให้คนที่ขึ้นมาซ้อนท้ายนั่งได้สะดวกก่อนจะค่อยๆปั่นออกไป




   “ขอบคุณมากนะพี่ ถ้าผมไม่คุ้นพี่ผมคงเดินเท้าเปล่าแบบนี้กลับหอแน่ๆ”




   ฐานทัพอยากจะถามกลับถึงเรื่องรองเท้าแต่เขาก็หยุดความคิดไว้เท่านั้น ถามไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้คิดสนใจ




   “ผมโดนรองเท้ากัด เจ็บมาก” พอเห็นว่าคนปั่นเงียบคนซ้อนเลยพูดต่อเพื่อให้บรรยากาศไม่อึดอัดจนเกินไป




   ลมเย็นๆกระทบใบหน้าของเขาทั้งสองคนท่ามกลางไฟสีส้มของมหาวิทยาลัยในตอนกลางคืนที่สว่างทอดยาวไปจนสุดสายตา บุ๋นยกมือที่ว่างขึ้นมาจับชายเสื้อของฐานทัพเบาๆเพื่อทรงตัวก่อนจะมองบรรยากาศรอบข้าง




   “วันนี้ผมไม่เจอพี่เลย พี่ไม่ได้อยู่คณะเกษตรเหมือนผมหรอ”




   “เปล่า” ฐานทัพตอบกลับ




   “อ่าวหรอ” บุ๋นเอ่ยเสียงอ่อน “ผมก็นึกว่าพี่อยู่เกษตรเหมือนผม ตอนนั้นเห็นพี่ที่เซเว่นหน้าคณะ”




   “เปล่า” ฐานทัพตอบกลับอีกครั้งก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ไวกว่าเดิม




   แทนที่เขาจะได้กลับไปอาบน้ำนอนเขาต้องมาปั่นจักรยานอ้อมมหาลัยเพื่อไปส่งปีหนึ่งที่เขาเองก็ไม่ได้อยากรู้จักและอยากพูดคุย




   “วันนี้ผมเจอทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี” บุ๋นยังคงพูดต่อ “ว่าแต่พี่ชื่ออะไร?”




   “…” ฐานทัพเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ




   “ผมชื่อบุ๋นนะ เวลาเรียกต้องปรือปากเรียก บุ๋นนนน~” เขาทำเสียงตลก “ไม่ตลกหรอพี่”




   “ไม่” ฐานทัพตอบกลับมานิ่งๆแต่ภายใต้ผ้าปิดปากกลับมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น




   แม้จะไม่เข้าใจในตัวเองแต่ขาทั้งสองข้างมันก็ปั่นพาเขาทั้งสองมาจนถึงหอพักชายตามที่คนซ้อนเข้าใจว่าอยู่หอใกล้กัน




   “ขอบคุณมากนะพี่” บุ๋นรีบลงจากรถทันทีที่ถึงหน้าหอพัก เขาปวดระบมเท้าไปหมดทั้งๆที่ตอนร่วมกิจกรรมไม่ได้รู้สึกปวดขนาดนี้แท้ๆ




   “แช่น้ำอุ่นจะดีขึ้น” ฐานทัพพูดพร้อมกับก้มลงมองเท้าของบุ๋นที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นดินตามข้างทาง



   “ขอบคุณครับ” บุ๋นวางรองเท้าลงก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้า เขาเตรียมตัวจะวกรถกลับแต่เสียงของบุ๋นขัดขึ้นก่อน




   “อ่าว…พี่ไม่ได้อยู่หอข้างผมหรอ”




   “เปล่า”



   “แล้วอยู่ไหน…เออ ตกลงพี่ชื่ออะไร”



   “ดึกแล้ว ไปละ” ฐานทัพเลี่ยงที่จะตอบคำถามก่อนจะปั่นจักรยานออกจากหอในชายอย่างรวดเร็ว



   สิ่งเดียวที่เขาสงสัยคือ…คนๆนี้จำไม่ได้จริงๆว่าเขาคือใครหรือแกล้งจำไม่ได้ทั้งๆที่ตอนฐานคณะพูดกับเขาตั้งหลายประโยค




   อืม…แปลก






----------- 50%
ขอโทษที่ต้องแบ่งลงนะคะ เนื้อหาเยอะมากจริงๆ T_T
ใครยังติดตามอยู่คอมเม้นท์บอกกันหน่อยได้ไหมมมม
รู้สึกเหมือนคุยคนเดียวทุกวันเลย55555555

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ รอดูกันต่อไปว่าจะเป็นยังไง
ลุ้นเนอะะ : )

ติดตามพูดคุยกันได้ทางFan page : Perlina. หรือทวิตเตอร์ @perlinjun

#ผมจีบหมอ  เข้าไปส่งกันได้น้าาาาาา

ฝากติดตามด้วยนะคะ >______<

ออฟไลน์ mmdzcg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำไมรู้สึกหมอหล่อ

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1


   ฟ้ายังไม่สว่างเสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น บุ๋นพลิกตัวกลับมาปิดเสียงก่อนจะยันตัวขึ้นอย่างจำใจตื่น วันนี้เป็นวันแรกพบคณะเกษตรศาสตร์ซึ่งรุ่นพี่นัดรวมที่คณะก่อนเจ็ดโมง หลังจากที่ได้พักเหนื่อยจากงานแรกพบมหาลัยไปหนึ่งวันเต็ม



   บุ๋นลงจากที่นอนชั้นสองที่มีสองนอนอยู่ชั้นล่างกับสามที่เอาหัวเตียงหันมาชนกับเตียงของเขา วันนี้เป็นอีกวันที่เพื่อนทั้งสองคนไม่ต้องไปร่วมกิจกรรมมีก็แต่เขาที่โดนนัดแต่เช้า



   ขี้เกียจ



   ทางเดินไปห้องอาบน้ำเงียบสนิทราวกับว่าทั้งหอมีแค่เขาคนเดียวที่อยู่คณะเกษตร บุ๋นเดินตรงไปที่ห้องน้ำก่อนจะจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง



   “กูไปก่อนนะ” เขาพูดเสียงเบา ทั้งๆที่รู้ว่าอีกสองคนยังไม่ตื่นแต่เขาก็ต้องบอกเหมือนติดเป็นนิสัยตั้งแต่เข้าหอในมา


   ง่วง



   บุ๋นเดินลงมาจากหอเหมือนโดนถอดวิญญาณ เขายังรู้สึกปวดเท้าไม่หายหลังจากวันแรกพบมหาลัย ถึงจะเอาเท้าแช่น้ำอุ่นแต่มันก็ดีขึ้นนิดเดียวเพราะเขาต้องมาร่วมกิจกรรมต่อ



   ถ้าหนีบแตะได้หนีบแล้ว



   ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นตามเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ บุ๋นเดินมาตามทางไปคณะพร้อมกับอ้าปากหาวไม่หยุด เขาง่วงนอนเกินกว่าที่จะร่าเริงได้



   เมื่อคืนไม่น่านอนดึก



   มาถึงคณะก็พบกับเพื่อนที่อยู่ในชุดเดียวกับที่เขาใส่ เสื้อยืดสีดำสกรีนลายคณะเกษตรกับกางเกงยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีดำสนิท บุ๋นเดินไปที่จุดลงทะเบียนก่อนจะเซ็นชื่อพร้อมกับบอกชื่อเพื่อเขียนป้ายชื่อ



   “ขอบคุณครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆพร้อมรับป้ายชื่อขึ้นมาห้อยคอแล้วเดินเลี่ยงออกไปยังจุดที่มีเพื่อนนั่งรวมกันอยู่



   “สวัสดี” น้ำเสียงเข้มของผู้ชายร่างใหญ่เอ่ยทัก ใบหน้าไม่ได้มีรอยยิ้มปรากฏแต่ดูเป็นมิตร “นั่งดิ” เขาพูดพร้อมกับขยับที่ว่างข้างๆให้คนที่ใกล้จะตาปิดได้นั่ง



   “ขอบคุณ” บุ๋นตอบรับก่อนจะสอดตัวลงไปนั่งข้างๆ



   “กูชื่อเดช มึงชื่ออะไร” คนตัวใหญ่หันมาถามอย่างสนใจ



   “บุ๋น” เขาพูดพร้อมกับชูป้ายชื่อก่อนจะหาวออกมาอีกครั้ง



   “เออยินดีที่ได้รู้จัก”



   “เหมือนกัน” บุ๋นตบบ่าคนข้างๆก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะยาว “ของีบสักสิบห้านาทีนะ”




   “อย่าหลับ เดี๋ยวรุ่นพี่มาเห็น” เดชพูดพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างของบุ๋นไว้ไม่ให้เจ้าตัวฟุบลงไป




   “เห็นแล้วไงวะ” บุ๋นถามอย่างไม่เข้าใจ



   “มึงไม่รู้หรือไงว่าคณะเรารับน้องยังไง”



   “ไม่”



   “SOTUS” เดชเน้นคำหนักๆก่อนจะหันไปมองฝั่งที่มีรุ่นพี่ยืนอยู่เป็นกลุ่ม “ถ้าไม่อยากซวยตั้งแต่วันแรกก็อย่าหลับ”



   “เออ…ก็ได้” เขาเอ่ยเสียงยาน



   หลับในก็ได้วะ…



   “ปีหนึ่ง ตั้งแถว!!!” เสียงประกาศกร้าวดังขึ้นพร้อมกับรุ่นพี่ในชุดช้อปสีเขียวเข้มเดินเรียงกันเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ



   “เฮ้ออออ” คนที่ตั้งใจจะหลับในถอนหายใจเบาๆก่อนจะลุกขึ้นไปเรียงแถวตามที่รุ่นพี่บอก



   แม้จะยังไม่ถึงเวลานัดแต่จำนวนของปีหนึ่งที่มาก็เยอะจนเป็นที่น่าพอใจสำหรับรุ่นพี่ หนึ่งในพี่ว๊ากเดินไปรอบๆแถวของปีหนึ่งช้าๆก่อนที่สายตาจะสะดุดกับคนๆหนึ่งที่เขาเล็งไว้เป็นพิเศษ



   “แถวสามตอนหก ลุกขึ้น!!!” น้ำเสียงดุดันเอ่ยพร้อมกับนิ้วที่ชี้ตรงมาที่บุ๋น



   “ครับ?” บุ๋นชี้ตัวเองอย่างงงๆ จากที่ง่วงนอนพอโดนชี้ตัวกลับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง



   อะไรอีกวะ




   บุ๋นได้แต่คิดในใจก่อนจะดันตัวลุกขึ้นตามคำสั่งของรุ่นพี่ว๊าก เขายืนตรงก่อนจะมองไปที่คนเรียกเหมือนต้องการถามเป็นเชิงว่ามีอะไรกับเขา



   “บอกชื่อ นามสกุล รหัสนักศึกษา” เสียงเข้มสั่งต่อเมื่อเห็นว่าคนที่ชี้ตัวลุกขึ้นตามที่เขาบอก



   “ผมนายกิติกร เกรียงไกรรักษ์ รหัส 8590001021 ครับ!!” เขาเอ่ยด้วยถ้อยคำชัดเจนราวกับท่องบทมา



   “จุดประสงค์ที่คุณเข้ามหาลัยคืออะไร”



   “หาความรู้ครับ!” เขารู้สึกงงกับคำถามของรุ่นพี่ ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ต้องตอบ



   “หาความรู้…คุณบอกว่าหาความรู้แล้วทำไมวันแรกพบถึงประกาศว่าจะจีบหมอ!!!”



   “…” คนถูกตะคอกเสียงดังเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ บุ๋นถอนหายใจแรงๆก่อนจะจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่ยอม



   เขาผิดจริงที่บอกว่าจีบหมอ…เขาผิด



   “ผมถามทำไมไม่ตอบ!!!”



   “ผมขอโทษครับ”




   “ผมไม่ต้องการคำขอโทษของคุณ ผมต้องการคำตอบ”




   “ไม่มีครับ” จะให้เขาตอบอะไรกลับไปในเมื่อตอนนั้นเขาเองก็ไม่มีสติพอที่จะบังคับตัวเองได้ อธิบายไปก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี




   “อยากเด่นผมไม่ว่า แต่อย่าทำให้ภาพลักษณ์ของคณะดูแย่” พี่ว๊ากพูดต่อก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ “คุณมาเรียนไม่ได้มาหาแฟน”



   “ครับ” บุ๋นถอนหายใจยาวอีกครั้ง



   เขาอยากจะเถียงกลับไปใจจะขาดกับคำพูดของพี่ว๊ากแต่ก็ทำได้เพียงตอบรับแล้วเบนสายตาไปอีกฝั่ง ไม่อยากจะมีปัญหากับรุ่นพี่ตั้งแต่วันแรก



   “หวังว่าผมจะไม่ได้ยินอะไรแบบนั้นอีก นั่งลง!!!”



   “…” บุ๋นจ้องหน้าคนที่ตะเบ็งเสียงจนแทบจะไม่มีเสียงพูดตั้งแต่เช้าก่อนจะนั่งลงตามคำสั่ง



   “คุณมองผมทำไมครับ มีอะไรกับผมรึเปล่า” เหมือนทางพี่ว๊ากยังไม่จบกับเขาเมื่อเห็นเขามองตัวเองตาไม่กระพริบ



   “เปล่าครับ” บุ๋นตอบ “ผมกลัวลืมหน้าพี่”




   “คุณยังได้เจอผมอีกนาน”




   “ครับ” บุ๋นยกยิ้ม “ผมจะเอาพี่เป็นเยี่ยงอย่าง”




   “อะไร!”




   “มาเรียนไม่ได้มาหาแฟน” บุ๋นพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ “ขอบคุณที่สอนผมนะครับ ผมจะจำไว้”




   จำว่าใครจะกลืนน้ำลายตัวเองก่อนกัน



   หึ…



.


   “ฝากซื้ออะไรอีกไหม” เสียงของคินถามทุกคนที่มารวมตัวกันอยู่ที่คณะทำงานกิจกรรมรับน้องปีหนึ่งในวันพรุ่งนี้



   “ไปด้วย” ฐานทัพพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอาสาไปช่วยเพื่อนถือของ



   “เออ ไปดิ” คินพูดพร้อมกับเดินออกมาเมื่อไม่มีใครฝากซื้ออะไรต่อ เขาควบรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนในคณะก่อนจะหันไปหาฐานทัพ “ขึ้นสิครับเพื่อน”




   “เดี๋ยวปั่นจักรยานตามไป จะไปเติมลม”   




   “อ่อ…งั้นเจอกันร้านป้าเหนียวนะ”




   “อืม”




   ร้านป้าเหนียวคือร้านขายของอเนกประสงค์ที่ไม่ว่าจะอยากได้อะไรร้านป้ามีหมดแต่ติดตรงที่ราคาของจะแพงกว่าปกติจึงได้ฉายาป้าเหนียวที่นักศึกษาของมหาลัยเกือบทุกคนได้เข้าไปเยี่ยมเยียนร้านของป้าเพราะสะดวกที่สุดในการซื้อของทำงาน




   ฐานทัพปั่นจักรยานออกมาตามทางพร้อมกับเสียงของคณะต่างๆที่เริ่มรับน้องกันตั้งแต่วันนี้ ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของกิจกรรมที่เขาสามารถจะทำได้เพราะตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปเขาก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกจากเรียนและคนไข้




   อากาศดี



   อากาศช่วงเช้าสดชื่นจนเขาชะลอความเร็วลงเพื่อสูดอากาศที่สดชื่นของวัน ไม่มากนักที่กรุงเทพจะอากาศเย็นสบายไม่ร้อนตั้งแต่เช้า เขาปั่นจักรยานไปเรื่อยๆตามทางที่มีผู้คนเดินผ่านเป็นช่วงๆ



   กึก!



   จักรยานของเขาหยุดลงพร้อมกับเสียงแปลกๆที่ขาของเขา ฐานทัพยันขาลงกับพื้นก่อนจะลงมาดูจักรยานที่มีเสียงแปลกๆ




   โซ่ที่เปื้อนไปด้วยน้ำมันหลุดออกจากตัวปั่น เขายกรถจักรยานขึ้นมาบนฟุตบาทเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางคนอื่นก่อนจะมองหาของที่พอจะช่วยจับโซ่เพื่อไม่ให้มือเขาเปื้อนน้ำมัน




   “โซ่จักรยานหลุดหรอครับ เดี๋ยวผมดูให้” เสียงหอบของคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อวิ่งตรงมาที่จักรยานของเขาโดยที่ไม่รอให้เขาตอบอะไรกลับ




   เจออีกแล้ว…




   ฐานทัพได้แต่คิดในใจ เขาไม่ได้พูดอะไรออกไปเพียงแค่ยืนมองคนตรงหน้าที่ยังไม่รู้ตัวว่าคนข้างหลังคือใคร บุ๋นเอามือจับที่โซ่อย่างเชี่ยวชาญราวกับทำมาเป็นสิบๆปีแล้วใส่เข้าที่ให้เหมือนเดิมโดยไม่มีท่าทีรังเกียจทั้งๆที่ไม่ใช่จักรยานของเขา




   “เสร็จแล้วครับ” บุ๋นลุกขึ้นพร้อมกับหันมายิ้มให้เจ้าของจักรยานก่อนที่เขาจะชะงัก “อ่าว…”




   “…” ฐานทัพเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเหมือนจะพูดอะไรต่อ




   “ผม…ผมไม่รู้…ไม่รู้ว่าเป็นพี่” เขาตอบเสียงสั่น บุ๋นรู้สึกไม่เป็นตัวเองอีกครั้ง เขารู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ “ไปเติมลมหน่อยก็ดีนะครับ เดี๋ยวยางแบน”




   ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อพูดพร้อมกับใช้แขนของตัวเองเช็ดเหงื่อบนใบหน้า บุ๋นฉีกยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นไปทั้งหัวใจ เขาไม่รู้ว่าคนที่เขาเข้ามาช่วยคือหมอฐานทัพ




   บังเอิญเกินไปแล้ว…




   “ขอบคุณ” ฐานทัพพูดพร้อมกับจูงรถจักรยานลงฟุตบาท หางตาของเขามองมือที่เปื้อนไปด้วยน้ำมันจากโซ่จักรยานของเขา




   “ครับ”




   “จะไปไหน” พอเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยเหงื่อฐานทัพก็อดที่จะถามไม่ได้ เขาไปทำอะไรมา




   “อ่อ วิ่งรอบมหาลัยน่ะครับ…พอดีไปกวนรุ่นพี่ว๊ากนิดหน่อย” บุ๋นยิ้มเจื่อน “ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะโดนไปด้วย” ถ้ารุ่นพี่มาเห็นตอนนี้มันคงไม่ดีแน่




   “อืม” ถึงเข้าจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ




   “ไว้เจอกันครับ” บุ๋นยิ้มอีกครั้ง




   “เดี๋ยว” ถึงอยากจะปล่อยผ่านไปแต่เขาก็ทำไม่ได้ “หิวน้ำไหม”




   “ครับ?”




   “เดี๋ยวไปซื้อน้ำมาให้”




   “…!!!” บุ๋นเหมือนถูกสตั้นเมื่อหมอพูดออกมาแบบนั้น เขาอึกอักอยู่พักหนึ่งจนหมอทำท่าจะปั่นจักรยานออกไป “เอาครับ!!!”




   “อืม”




   “ผมจะรอนะ”




   “รู้แล้ว” ฐานทัพตอบ “รอแถวนี้ เดี๋ยวกลับมา”




   เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะปั่นจักรยานออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้หันหลังกลับไปดูว่าท่าทางของอีกคนในตอนนี้เป็นยังไง บุ๋นกระโดดดีใจราวกับได้เกียรตินิยมก่อนจะหันมองจักรยานของฐานทัพที่ปั่นออกไปไกลเรื่อยๆ




   ขอบคุณครับ…คุณหมอ




   ฐานทัพจอดรถจักรยานลงหน้าร้านของป้าเหนียวแล้วเดินตามคินเข้าไปหลังจากที่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับมาจอดอยู่หน้าร้าน วันนี้คนในร้านดูคึกคักเป็นพิเศษ ถ้าให้เดาก็คงเหมือนพวกเขาที่ต้องมาซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการจัดงานรับน้อง




   “เดี๋ยวถือให้” ฐานทัพดึงตะกร้าที่ใส่ของอยู่เต็มจากมือคินมาถือไว้




   “กูนึกว่ามึงหลง” คินหันมาหัวเราะก่อนจะหยิบของใส่ต่อตามลิสรายการที่เขียนมา




   “มีปัญหานิดหน่อย” เขาตอบกลับก่อนจะเดินไปหยิบน้ำเปล่าตามที่ได้บอกคนๆหนึ่งไว้




   ไม่ได้ลืม




   “หิวน้ำหรอวะ กลับไปที่คณะเราก็ได้”




   “เปล่า ไม่ได้หิวน้ำ”




   “เอ้า แล้วซื้อไปทำไมวะ”




   “ถามมาก” ฐานทัพพูดก่อนจะวางตะกร้าที่ถือไว้ข้างตัวเพื่อน “จะอยู่อีกนานไหม”




   “สักพักแหละ ทำไมวะ”




   “เดี๋ยวกลับมา รอนี่” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะหยิบขวดน้ำเปล่าไปจ่ายตังแล้วตรงออกจากร้านกลับไปที่ๆบอกคนๆนั้นไว้




   หวังว่าจะยังรออยู่



   ฐานทัพปั่นจักรยานมาตามทางเดิมพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าตัวที่เขาบอกว่าจะซื้อน้ำมาให้ สายตาเขาหยุดลงกับร่างสูงที่ยืนโบกมือให้เขาอย่างร่าเริง ใบหน้าที่ดูคมเข้มเวลายิ้มเหมือนคนละบุคลิกราวกับเป็นคนละคน



   “ผมนึกว่าพี่จะไม่มา” บุ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคุณหมอปั่นจักรยานตรงมาทางเขา ถึงจะกลัวรุ่นพี่มาเห็นก็ตาม




   “บอกไว้แล้ว” ฐานทัพพูดพร้อมยื่นน้ำเปล่าให้คนตรงหน้า




   “ขอบคุณครับ” บุ๋นยิ้มกว้างก่อนจะรับขวดน้ำจากมือของหมอ




   มือทั้งสองคนสัมผัสกับชั่วครู่ ฐานทัพรู้สึกได้ว่ามือของคนตรงหน้าเย็นเฉียบผิดกับเหงื่อบนใบหน้าที่ผุดขึ้นมา เขาล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วยื่นให้คนที่กำลังดื่มน้ำอย่างกับขาดน้ำมาหลายชั่วโมง




   “ไม่เป็นไรครับ” บุ๋นรีบปฏิเสธ “วันนี้ผมต้องทำกิจกรรมทั้งวัน ยังไงก็ต้องสกปรกอยู่ดี”




   “อ่อ อืม” เขาพยักหน้าพร้อมเก็บผ้าเช็ดหน้าลง




   “ขอบคุณมากๆนะครับ น้ำอร่อยมากเลย”




   “อร่อย?” ฐานทัพเลิกคิ้วขึ้น “น้ำเปล่า?”




   “อะ…เอ่อ...” บุ๋นชะงักก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เก้อ “ผมว่าน้ำเปล่ายี่ห้อนี้อร่อย อร่อยมากๆเลย” เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ




   “อ่อ” ฐานทัพหัวเราะออกมา “อร่อยก็ดื่มให้หมด”




   “ถ้าดื่มหมดผมจะได้ขวดใหม่รึเปล่า” บุ๋นมองขวดที่ถืออยู่ในมือก่อนจะเงยหน้ามองคนตรงหน้า “เอ่อ…ผมหมายถึง…คือ…”




   “ไปละ”




   “เดี๋ยวครับ!!!” บุ๋นเรียกเจ้าตัวเมื่อเห็นว่าฐานทัพกำลังจะปั่นออกไป



   “…?” เขาหันกลับมามองด้วยความสงสัย ในตอนนี้คนที่ยืนถือขวดน้ำอยู่สภาพร่างกายดูเหนื่อยและอ่อนแรงเกินกว่าที่จะไปทำกิจกรรมต่อไหว




   แต่นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย จะสนใจทำไมกัน



   “ขอบคุณสำหรับน้ำขวดนี้นะครับ” บุ๋นกำขวดน้ำในมือไว้แน่นเหมือนกลัวว่ามันจะสลายหายไป




   “ไม่เป็นไร”




   “ถ้าคราวหน้าโซ่พี่หลุดอีก เรียกใช้ผมได้ตลอดเลยนะครับ” บุ๋นยิ้มก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นคุณหมอกำลังจะอ้าปากตอบ “ไม่ต้องเกรงใจ ผมเต็มใจ ไม่ต้องบอกว่าไม่เป็นไร เพราะผมอยากทำ”




   “อืม” เขารับคำสั้นๆในเมื่อพูดดักทางเขาไว้หมดขนาดนี้ก็คงทำได้แค่รับปาก




   “อีกอย่างก่อนพี่จะไป…”




   “อะไร”




   “ผมชื่ออะไร พี่จำได้ไหม” บุ๋นยืนยิ้มร่าด้วยความหวังเต็มหัวใจ




   หวังว่าหมอจะจำเขาได้




   “อืม จำได้” ฐานทัพตอบกลับไปตามความจริง จะให้เขาจำไม่ได้ได้ยังไงในเมื่อคนๆนี้คอยย้ำชื่อตัวเองให้เขาฟังเสมอ




   “ยิ้มอะไร” เขาถามต่อเมื่อเห็นบุ๋นยืนยิ้มไม่หุบ




   “รอพี่เรียกชื่อผมไง”




   “…” เขาเงียบไปพักใหญ่ ไม่ใช่เพราะจำไม่ได้แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องจำและพูดออกมาในเมื่อคนๆนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของเขา




   “พี่ฐานทัพ” บุ๋นเรียกชื่อคุณหมอเต็มเสียง หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ยินและได้เอ่ยชื่อนี้ออกมา




   “บุ๋น”




   ตึกตัก ตึกตัก…




   เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นจนแทบจะระเบิดออกมา หมอไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากที่เรียกชื่อเขา จักรยานของหมอฐานทัพปั่นออกไปไกลเรื่อยๆแต่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเขาและหมอใกล้กันมากกว่าเดิม




   ตอนนี้เวลานี้…แค่พี่จำชื่อผมได้ผมก็พอใจแล้ว


   
   ‘บุ๋น’



   ไม่เคยมีใครเรียกชื่อตัวเองแล้วรู้สึกเหมือนบินได้เท่าคนนี้เลย




   ผมคง…หลงรักพี่ขึ้นมาจริงๆแล้วว่ะ





   หมอฐานทัพ




-------------------------
จบ 100% แล้วววววววววววว
แอบมีความรู้สึกเหมือนไม่มีใครอ่าน T___________T
ใครอ่านอยู่บ้าง แสดงตัวให้มีกำลังใจอัพต่อหน่อยยยย
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ tungz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บุ๋นเอ้ยยย 5555555
มีคนอ่านอยู่น้าา หนุกมากเลยค่าา

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
โง้ยยยชอบบบ
ยังรอติดตามอยู่เสมอค่าไม่เหงาน้าคนเขียนน5555555

ออฟไลน์ perlina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
 
จีบหมอครั้งที่ห้า



   กิจกรรมแรกพบคณะเกษตรผ่านไปด้วยความสนุกสนานและเหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆกัน ปีหนึ่งค่อยๆทยอยเดินออกมาจากคณะด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยขี้ดินและขี้โคลนที่เปื้อนขึ้นมาถึงเสื้อ กางเกงยีนส์ที่ดูดีในตอนเช้าตอนนี้กลับดูเหมือนไปบุกป่าผ่าดงจนสภาพดูไม่ได้และเริ่มมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์




   บุ๋นบอกลาเพื่อนๆในคณะก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้หินอ่อนในคณะเพราะถูกเรียกตัวไว้ก่อน เขาก็พอรู้ว่ารุ่นพี่ไม่ค่อยชอบในกิริยาท่าทางของเขาเท่าไหร่ ดูจากที่ให้วิ่งรอบมหาลัยสองรอบเขาก็พอจะเดาออก แต่มันดันมีเรื่องดีเกิดขึ้นเขาเลยไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรกับสิ่งที่รุ่นพี่ทำ ถึงไม่อยากจะทำในตอนแรกแต่พอเจอเหตุการณ์นั้น ให้วิ่งอีกสักสิบรอบเขาก็ทำได้ถ้าได้เจอกับเขาคนนั้น



   “ยิ้มอะไร คุณคิดว่าพวกผมเรียกคุณไว้มันเป็นเรื่องดีหรือไง!!!!” เสียงของรุ่นพี่ว๊ากดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งสุดตัว




   “ขอโทษครับ” บุ๋นก้มหน้าลงเพื่อแสดงว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ



   เหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังจะมาเรียกเขาเพื่อที่จะว๊ากส่วนตัวอีกหรือไง บางทีเขาก็รู้สึกว่ารุ่นพี่ไม่มีเหตุผลเกินไป แต่คิดแบบนั้นก็คงไม่ดีแน่ ในเมื่อเขาเป็นปีหนึ่งหน้าที่ก็คือรับฟังคำสั่งของรุ่นพี่




   “คำพูดของคุณในวันนี้ผมจะถือว่าผมไม่เคยได้ยินมัน แต่ถ้าครั้งหน้าคุณยังทำอีก…” รุ่นพี่เว้นช่วงให้หายใจ “คุณไม่ได้รุ่น!!!”




   “ครับ” บุ๋นรับคำสั้นๆแม้ว่าจะไม่ได้มีความรู้สึกอยากได้รุ่นอะไรที่รุ่นพี่บอกมากมายแต่เขาไม่อยากเป็นเป้าสายตามากไปกว่านี้




   อะไรที่ทนได้ก็จะทน




   “ผมหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกนะปีหนึ่ง”




   “ครับ”




   “อีกเรื่องที่เรียกตัวคุณมาผมอยากจะให้คุณลงประกวดดาวเดือนของคณะเรา”




   “ผมไม่ชอบประกวด” เขาถอนหายใจยาว ถึงจะเห็นว่ารุ่นพี่อีกคนทำท่าจะอธิบายแต่เขาก็เลือกที่จะหันหน้าหนี




   เขาไม่ชอบการประกวด




   “ผมไม่ได้ขอ แต่ผมบังคับคุณ”




   “…” บุ๋นเงยหน้ามองรุ่นพี่ว๊ากอย่างไม่เข้าใจ “คนอื่นก็มีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นผม”




   “เพราะพวกผมเลือกคุณ”




   “ครับ?” บุ๋นเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ถึงอยากจะถามต่อก็ไม่ได้ใช้สิทธินั้นเมื่อรุ่นพี่อีกคนเข้ามาอธิบายให้เขาฟังเสร็จสรรพโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก




   การประกวดดาวเดือนของคณะปีหนึ่งจะถูกส่งตัวแทนโดยรุ่นพี่แต่ละฝ่ายเข้าประกวด ซึ่งมีฝ่ายสโมสรนักศึกษา ฝ่ายเชียร์ ฝ่ายพี่ระเบียบ และฝ่ายยิบย่อยที่จะเลือกคนที่คิดว่าเหมาะสมเข้ามาประกวดดาวเดือนของคณะ ซึ่งเขาดันถูกเลือกจากฝ่ายพี่ระเบียบ




   “มีแบบนี้ด้วยหรอ” บุ๋นถามด้วยความสงสัย ไม่เห็นเคยได้ยินว่าเขาเลือกดาวเดือนกันแบบนี้




   “มีที่คณะเราและคุณต้องลงประกวด”



   “ผม…”




   “ผมหวังว่าคุณจะทำได้”




   “ผมทำไม่ได้”




   “ต้องได้…แล้วเจอกันที่ห้องเชียร์ กลับไปได้” รุ่นพี่ไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ พอจบสิ่งที่ต้องการพูดก็เดินออกไปปล่อยให้เขานั่งทำหน้างง




   “อะไรวะ…แม่ง” บุ๋นสบถออกมาก่อนจะมองสภาพตัวเองที่ดูเลอะเทอะสิ้นดี




   กลิ่นโคลนที่ไปคลุกมาวันนี้แตะจมูกจนเขาต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้ ถ้าไอ้สองกับไอ้สามเห็นสภาพนี้พวกนั้นคงไม่เข้าใกล้เขาแน่ๆเพราะขนาดตัวเขาเองยังรับตัวเองตอนนี้ไม่ได้




   รีบกลับไปอาบน้ำดีกว่า…




   บุ๋นคิดได้พร้อมกับถอดรองเท้าที่เลอะเทอะจนดูไม่ได้ออก อาการปวดเท้าของเขากำเริบขึ้นอีกครั้งเมื่อโดนสั่งวิ่งตอนเช้า เมื่อไหร่เขาจะได้รถมอเตอร์ไซค์สักที ถึงตอนนั้นเขาคงไม่ลำบากเดินกลับหอแบบนี้




   ทำไมปวดขนาดนี้วะ!!




   เขาเดินออกมาจากคณะได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดฝีเท้าลงเหมือนลืมอะไรสักอย่าง ไม่ต้องคิดให้นานขาทั้งสองข้างก็รีบวิ่งกลับเข้าคณะอย่างกับลืมความเจ็บปวดก่อนหน้านี้




   ขวดน้ำที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดวางอยู่ที่เดิม เจ้าตัวรีบวิ่งไปหยิบขึ้นมาเพราะกลัวแม่บ้านจะเก็บไปทิ้งก่อนจะเดินกลับออกไปอีกครั้ง ถึงจะดื่มน้ำจนเกือบหมดเขาก็ไม่คิดที่จะทิ้งขวดน้ำขวดแรกที่ได้จากคนที่เขาสนใจ




   บุ๋นเดินมาตามทางที่แทบจะไม่เหลือคนในคณะอยู่ทั้งๆที่ออกมาจากคณะช้ากว่าไม่เกินสิบห้านาที แต่ก็พอจะเดาออกว่าทุกคนคงรีบกลับไปล้างเนื้อล้างตัวที่หอเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว เขาเองก็อยากจะทำแบบนั้นแต่ระยะทางกลับหอไม่ได้ใกล้ขนาดสามสี่ก้าวถึงเลย อีกอย่างรถโดยสายก็แทบไม่ผ่านมาสักคันในเวลาเกือบสองทุ่มแบบนี้




   เฮ้อ…   




   ขาทั้งสองข้างเหมือนจะเริ่มเดินต่อไปไม่ไหว บุ๋นมองหาที่นั่งพักก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้บนฟุตบาท เขาไม่ได้พกโทรศัพท์มาเพราะรุ่นพี่บอกไม่ได้เอามาเดี๋ยวเปียก ก็จริง ถ้าเอามาป่านนี้คงพังไปแล้ว





   “เหนื่อยจังโว้ยยยย!!” บุ๋นตะโกนออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าแถวนั้นมีใครอีกคนที่มองเขาอยู่ไกลๆ





   ฐานทัพที่นั่งถัดจากเก้าอี้บุ๋นไปสามตัวหันไปมองตามเสียงก่อนจะหยิบผ้าปิดปากขึ้นมาใส่ไว้เพราะกลัวว่าเขาจะจำได้ว่าเป็นตัวเอง ฐานทัพที่แอบมานั่งพักเหนื่อยค่อยๆลุกขึ้นเดินกลับไปทางคณะของตัวเองอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้คนที่นั่งอยู่อีกคนรู้ตัว




   “พี่…จะรีบไปไหนหรอ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียทักทายเขาพร้อมกับกลิ่นตุๆที่ลอยมากระทบจมูกของฐานทัพถึงแม้จะใส่ผ้าปิดปากไว้




   ไปทำอะไรมา



   “หืม?” ฐานทัพเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันกลับไปเมื่อบริเวณนั้นมีแค่ตัวเขาและคนที่กำลังเดินมา




   “เจอกันอีกแล้ว” บุ๋นเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จัก “เจอทีไรพี่ใส่ผ้าปิดปากตลอดเลย พี่เป็นไข้หวัดหรอ” เขาแซวคนตรงหน้าแต่ดูเหมือนฐานทัพจะไม่รับมุก




   “ไปล่ะ”




   “เห้ยเดี๋ยวดิพี่ อยู่ด้วยกันก่อน” บุ๋นทำท่าจะคว้าแขนคนตรงหน้าแต่ฐานทัพรีบดึงแขนขึ้นก่อน




   ไม่ได้รังเกียจ แต่เหม็น




   “ขอโทษ ผมลืมตัว” บุ๋นพูดพร้อมก้มมองตัวเองที่สภาพไม่น่าดูเท่าไหร่ “พอดีผมเจ็บเท้าก็เลยนั่งพักรอให้มันเบาลงกว่านี้ เห็นพี่อยู่ไกลๆก็เลยจะชวนมานั่งคุยด้วย”




   “อืม” ฐานทัพรับคำสั้นๆก่อนจะก้มลงมองเนื้อตัวของคนตรงหน้า




   เพราะเหตุผลนี้เลยไม่ยอมรับผ้าเช็ดหน้าที่เขาให้สินะ ฐานทัพมองไปเรื่อยๆจนสายตาไปหยุดลงที่ขวดน้ำที่คนตรงหน้าถืออยู่ ขวดน้ำที่เขาซื้อให้ช่วงเช้าตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือน้ำอยู่แล้ว




   “ขยะ” ฐานทัพชี้นิ้วไปที่ถังขยะที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว




   “หืม? ผมตัวเหม็นถึงขนาดต้องเอาไปทิ้งเลยหรอ” บุ๋นแกล้งทำเสียงน้อยใจ




   “เปล่า ขวดน้ำ” ฐานทัพพูดต่อพร้อมกับชี้ไปที่ขวดน้ำที่บุ๋นถือไว้แน่น




   “อ่อออออออออออออ” คนที่เข้าใจผิดร้องเสียงดัง “ไม่ทิ้งหรอกครับ”




   “…”




   “มีคนให้ผมมา” บุ๋นพูดด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มหัวใจ คิดถึงตอนนั้นเขายังเขินไม่หายที่จู่ๆหมอก็ซื้อน้ำมาให้เขาจริงๆ




   “แล้ว?”




   “คนๆนั้นเป็นคนสำคัญสำหรับผม” บุ๋นพูดพร้อมกับสบตาฐานทัพ “ทิ้งไม่ลงหรอก”




   “…” ฐานทัพเงียบลง เขามองคนตรงหน้ากลับด้วยคำถามที่แล่นอยู่ภายใน เขาจำได้ดีว่าขวดน้ำขวดนั้นเขาเป็นคนซื้อให้




   แต่…เขาเป็นคนสำคัญสำหรับคนๆนี้ได้ยังไง




   “ทำไมพี่ต้องอึ้งขนาดนั้น คำพูดผมมันเลี่ยนหรอ” บุ๋นยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมทำเอาคนที่กำลังใช้ความคิดถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว




   “เปล่า” ถึงจะอยากถามต่อแต่เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรถามเพราะตัวเขาเองไม่ได้สนิทกับคนตรงหน้ามากขนาดที่จะถามถึงเรื่องส่วนตัว




   “พี่จะกลับแล้วหรอ”




   “อืม”





   “อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนไม่ได้หรอ แค่ห้านาทีก็ได้” บุ๋นรั้งคนตรงหน้าไว้เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่คนเดียว แถวนี้มันเริ่มวังเวงแปลกๆ




   “อืม เอาดิ” ฐานทัพตอบกลับอย่างว่าง่าย เขาเองก็ยังไม่อยากกลับไปที่คณะเหมือนกัน




   “งั้นพี่นั่งตรงนี้ เดี๋ยวผมนั่งตรงนั้น” บุ๋นชี้ไปที่เก้าอี้ยาวสองตัวที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร “จะได้ไม่เหม็นผม”




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าก่อนจะนั่งลงตามที่คนเลอะเทอะบอก




   “ผมชื่อบุ๋นนะ อยู่คณะเกษตร พี่จำผมได้ใช่ไหม”




   “จำได้”




   “แล้วพี่ชื่ออะไรอยู่คณะอะไร ผมยังไม่เคยรู้เลย”




   “ไม่บอก” ฐานทัพหันมาสบตานิ่งๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้รับน้องมาหรอ”




   “ครับ แอบโดนพี่ว๊ากดุด้วย ผมโดนสั่งให้วิ่งรอบมหาลัยสองรอบ เหนื่อยมากเลย” บุ๋นเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้คนที่นั่งเก้าอี้ถัดจากเขาฟัง




   “อืม…”




   “แต่ในเรื่องร้ายๆก็มีเรื่อยดีๆอยู่นะ” เขาเงียบลงก่อนจะก้มมองขวดน้ำที่อยู่ในมือ “เรื่องดีๆก็คงจะเป็นเจ้าของขวดน้ำขวดนี้”




   “…” ฐานทัพหันไปมองคนข้างๆที่ยิ้มกว้างเมื่อพูดถึงขวดน้ำราคาไม่กี่บาทที่เขาซื้อให้แทนคำขอบคุณที่ซ่อมจักรยานให้




   ทำไมมันถึงมีความหมายมากขนาดนั้น




   “ผมน่ะ…ดีใจมากเลยนะ” บุ๋นยิ้มไม่หุบ เขาไม่รู้เลยว่าท่าทางและสีหน้าที่เขาแสดงออกมามันดูมีความสุขมากแค่ไหน




   สุขจนทำเอาคนข้างๆถึงกับหยุดมองไปพักใหญ่




   “แล้ว…” ฐานทัพกำลังจะพูดต่อแต่เมื่อเห็นคนๆหนึ่งที่กำลังเดินมาถึงกับเงียบไปก่อนจะจ้องมองดีๆแล้วรีบเอานิ้วชี้แตะที่ปากเป็นเชิงให้เงียบๆ




   “ไอ้หม…” คินที่กำลังจะเรียกเพื่อนเสียงดังถึงกับเงียบลงก่อนจะรีบวิ่งไปหลบยังจุดใกล้ๆเพื่อไม่ให้คู่สนทนาของเพื่อนเห็น




   ไอ้ฐานทัพคุยกับใครอยู่วะ…




   “ไปล่ะ” เขาลุกขึ้นโดยที่ปล่อยให้คำถามที่ค้างคาใจหยุดลงแค่นั้น ไม่อยากรู้อะไรไปมากกว่านี้ ฐานทัพหันไปมองหน้าคนที่ยังมองขวดน้ำตรงหน้าประหนึ่งเป็นของมีค่าก่อนจะพูดต่อ “กลับไปก็เอาเท้าแช่น้ำอุ่น”




   “อ่าว พี่จะไปแล้วหรอ”




   “อืม”




   “งั้น…ไว้เจอกันใหม่นะครับ” บุ๋นยิ้มให้กับคนตรงหน้า “ผมจะรีบกลับไปเอาเท้าแช่น้ำอุ่นตามที่พี่บอก ขอบคุณมากครับ”




   “อืม” ฐานทัพเดินออกมาก่อนจะชะงักลงแล้วหันกลับไปพูดคำที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องพูดออกมา “ฝันดี”




   “ครับ…ฝันดี” บุ๋นยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นโบกมือแล้วเดินกลับไปที่หอหลังจากที่เห็นว่ารุ่นพี่เดินออกไปแล้ว




   คงต้องรีบกลับไปเอาเท้าแช่น้ำอุ่นจริงๆ…ปวดฉิบหาย



   บุ๋นค่อยๆเดินกลับไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหยุดยืนมองอยู่ไกลๆกับคินที่พร้อมจะพ่นคำถามออกมามากมายกับสิ่งที่เขาสงสัย



   “เด็กนั่นคุ้นๆว่ะ” คินพูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนที่ใส่ผ้าปิดปากไว้ก่อนจะมองร่างที่เดินออกไปไกลเรื่อยๆ




   “อืม” ฐานทัพพยักหน้าก่อนจะถอดผ้าปิดปากออก “ไปเถอะ”




   “ไอ้หมอ มึงมีอะไรปิดบังกูรึเปล่าวะ” คินคาดคั้นเพื่อนที่เดินนำกลับไปที่คณะ




   “ไม่มี” ไม่มีอะไรทั้งนั้น




   “แน่ใจหรอวะ”




   “เออ” ฐานทัพตอบกลับอย่างปัดรำคาญ “มึง”




   “ว่าไง”




   “เวลาใส่ผ้าปิดปากมึงจำได้ไหมว่าเป็นใคร” ฐานทัพพูดพร้อมกับหยิบผ้าปิดปากขึ้นมาใส่อีกครั้ง “แบบนี้”




   “จำได้สิวะ มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว” คินตอบกลับมาทันที




   “แล้วถ้าพึ่งรู้จักกัน” ฐานทัพเงียบไปพักหนึ่ง “ช่างเถอะ”




   เขาไม่ควรจะเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้กลับมาคิดถึงแม้ว่าจะอดสงสัยไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรจะใส่ใจ




   ไม่เป็นตัวเอง



.


   26/07/59
   ขอบคุณสำหรับน้ำขวดแรกที่ซื้อให้ผมนะครับ ขอบคุณจริงๆ  :)




   บุ๋นปิดสมุดบันทึกลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เท้าทั้งสองข้างหลังจากที่ผ่านการแช่น้ำอุ่นก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากกว่าตอนเดินกลับหอ ส่วนเพื่อนอีกสองคนที่ออกไปหาอะไรกินอยู่ข้างนอกป่านนี้ยังไม่กลับเข้าหอทั้งๆที่เวลาผ่านไปเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว บุ๋นเก็บสมุดบันทึกลงใต้หมอนก่อนจะหยิบขวดน้ำมาเขียนวันที่ติดขวด




   ทุกอย่างที่เกี่ยวกับหมอ…สำคัญสำหรับเขาเสมอ





   B : ฝันดีครับ




   กดส่งไปแม้ปลายทางไม่อ่านข้อความของเขาก็ตาม อย่างน้อยเขาก็มีความสุขมากแล้วในตอนนี้ ตอนที่หมอจำชื่อของเขาได้ ตอนที่ได้พูดคุยกับหมอจริงๆและได้รู้ว่าความรู้สึกของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ




   “ดีว่ะ” เขาหลุดพูดกับตัวเองก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนขวดน้ำเบาๆราวกับว่าขวดน้ำคือคนที่เขากำลังคิดถึง




   ถึงแม้บางครั้งเขาจะขนลุกกับพฤติกรรมของตัวเองที่ดูประหลาดไปบ้างแต่มันก็จะมาพร้อมความสุขเสมอ จากคนที่ไม่เคยจีบใคร จากคนที่ไม่เคยพยายามเพื่อใคร จากคนที่ไม่เคยเขียนบันทึกเรื่องของใคร จากคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต




   เขาเปลี่ยนไปเพราะคนๆนี้





   ถ้าถามถึงเหตุผลเขาเองก็คงตอบไม่ได้ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดกับความรู้สึกล้วนๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำก็ไม่เป็นไร




   แค่เขาที่เข้าใจก็พอ





   “ฝันดีครับ…หมอ” บุ๋นพูดกับขวดน้ำที่วางไว้ข้างหมอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน





   คืนนี้ถ้าฝันถึงหมอก็คงดี…



.


   วันแห่งการพักผ่อนของบุ๋นมาพร้อมกับเพื่อนๆอีกสองคนที่หายตัวไปทำกิจกรรมรับน้องของคณะตัวเอง เขาเดินลงมาข้างล่างหอพักก่อนจะทำการยืมจักรยานปั่นไปซื้อของเข้าหอหลังจากที่ดูแล้วว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องซื้อเข้ามาไว้ในห้อง




   ถึงจะแอบเอาของเพื่อนอีกสองคนมายืนใช้บ่อยๆก็ตาม…




   “ขอบคุณครับ” เขารับกุญแจไขโซ่จักรยานมาพร้อมกับเดินไปไขกุญแจแล้วปั่นออกไปอย่างรวดเร็ว





   วันนี้ที่มหาลัยดูครึกครื้นเป็นพิเศษเพราะเป็นวันที่คณะส่วนมากจะนัดน้องมารับน้องตามคณะต่างๆแต่คณะของเขานัดไปแล้วเลยทำให้จักรยานที่ปกติยืมไม่เคยทันกลายเป็นไม่มีใครยืม





   คณะแพทย์รับน้องวันนี้…ปั่นไปดูหน่อยก็ได้ ยังไงก็ทางผ่าน





   ผ่านก็เหี้ยละ…คนละทาง!!!





   บุ๋นทะเลาะกับตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะปั่นจักรยานไปทางคณะแพทย์ตามเสียงเรียกร้องของตัวเอง เสียงกลองกับเสียงร้องเพลงสันทนาการดังขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางที่เริ่มใกล้ขึ้น เขาเริ่มชะลอความเร็วลงเมื่อใกล้จะถึงคณะก่อนจะหยุดลงที่ต้นไม้สูงใหญ่ที่พอจะบังตัวเขาไม่ให้คนในคณะเห็นแต่เขาสามารถมองเห็นกิจกรรมการรับน้องได้จากตรงนี้




   รุ่นพี่สันทนาการร้องเพลงพร้อมกับเต้นประกอบทำให้เขามองเพลินจนลืมหาคุณหมอฐานทัพที่ตั้งใจจะมาแอบส่อง กิจกรรมสันทนาการยาวเป็นพิเศษสำหรับช่วงเช้าของวัน บุ๋นหยุดดูอยู่พักใหญ่ก่อนจะปั่นจักรยานออกไปเมื่อไม่เห็นวี่แววของคนที่เขาตามหา




   หรือว่าจะไม่มา…




   “เฮ้อ…” เขาถอนหายใจระหว่างทางปั่นไปร้านขายของข้างมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าเมื่อวันก่อนจะเจอกันไปแล้วแต่เขาอยากเจออีก





   เหมือนสิ่งเสพติดที่มีความต้องการมากขึ้นทุกวัน




   ร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากคณะเรียกความสนใจจากบุ๋นได้มากเมื่อคนๆนั้นหันหน้ามามองรถที่ขับไปมาเพื่อข้ามถนนไปอีกฝั่งของทางเดิน




   กริ๊ง กริ๊ง!




   บุ๋นกดกระดิ่งจักรยานก่อนจะรีบปั่นให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วหยุดลงหน้าผู้ชายที่ทำหน้างงกับเขา แม้ว่าจะคุ้นหน้าอยู่นิดๆก็ตาม





   “สวัสดีครับพี่” บุ๋นยิ้มสดใสให้คนตรงหน้าก่อนจะแนะนำตัวต่อ “ผมบุ๋นไงครับ คนที่เขียนหน้าผากพี่ฐานทัพ”




   “อ่ออ” คินพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ “คนๆนั้น”




   “ครับ?” บุ๋นเลิกคิ้วขึ้น “คนไหน”




   “อ่อ เปล่า” คินส่ายหน้า “แล้วมีอะไรรึเปล่า”      




   “ไม่มีครับ” บุ๋นตอบกลับมาทันที “แล้วพี่จะไปไหนหรอครับ?”




   “แน่ใจหรอว่าถามพี่” คินยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไมทำท่าเหมือนมองหาใคร” คินพูดเหมือนรู้ใจคนตรงหน้าทำเอาบุ๋นที่กำลังมองหาหมอออกนอกหน้าถึงกับหยุดหา





   “เปล่าครับ ผมก็ถามพี่ไง”





   “อ่อ นึกว่าถามหาไอ้หมอฐาน…”





   “อยู่ไหนครับ!!” ปากเขาไวกว่าความคิดเสมอ พอหลุดคำถามออกไปโดยที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบก็เรียกรอยยิ้มจากคินได้อีกครั้ง




   “ไวนะมึง”




   “เอ่อ…คือผม…”





   “ไม่ได้ว่าอะไร แซวเล่น” คินหัวเราะ “ไอ้หมอมันเดินไปซุปเปอร์หน้ามอ ไปซื้อของทำกิจกรรมตอนบ่าย”




   “อ่อ”




   หน้ามอ…เดินไปงั้นหรอ




   “ถ้าว่างก็ไปช่วยมันดิ มันพึ่งออกไปเมื่อกี้ น่าจะยังไปไม่ไกล”




   “ครับ ได้ครับ” บุ๋นแอบยิ้มในใจ แม้จะอยากยิ้มออกมาแต่ก็ไม่กล้าทำตัวให้เพื่อนของหมอรู้มาก ถึงบางพฤติกรรมเขาจะปิดไม่อยู่ก็ตาม “พี่จะไปด้วยรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมปั่นไปส่ง”




   “ไม่เป็นไร ไปเถอะ”




   “อ่อ…งั้นผมไปก่อนนะ”





   “เออไปๆ” คินโบกมือเป็นเชิงให้อีกฝ่ายปั่นออกไป เมื่อบุ๋นเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มให้คินอีกครั้งก่อนจะรีบปั่นออกไปให้ทันอีกฝ่าย




   คินมองคนที่ปั่นออกไปก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ ถึงแม้ตอนแรกจะแค่สงสัยแต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ทั้งการกระทำ สีหน้า แววตา



   เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ…




------------------ 50%
ต้องแบ่งจริงๆเพราะเนื้อที่ไม่พอ ก๊ากกกก T_______T
เป็นยังไงกันบ้างงงง เราก็ลงมาตอนที่ห้าแล้ววว
อีกไม่นานเราก็จะพูดกับตัวเอง ตอบตัวเอง5555555
ฝากพี่บุ๋นน้องหมอไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ

ปล. คอมเม้นท์กันหน่อยน้าาาาT3T

ปล2. พูดคุยกันได้ทาง fan page: Perlina. หรือทวิตเตอร์ @perlinjun

#ผมจีบหมอ <<< ตามไปส่องกันโล้ดดดดด

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ :heaven :heaven


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด