พระลักษณ์
Writer : Tan-Yung0209
File : ทศกัณฐ์ลักพาตัวพระลักษณ์
ประกาศ…อ่านด้วยนะคะ
สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อหนังสือพระลักษณ์ ท่านยุ่งจะจัดการรวมเล่มและจัดพิมพ์ตอนพิเศษ คิดว่าสิ้นเดือนนี้เสร็จ
ในระหว่างนี้ก็จะจัดหน้าหนังสือไปด้วย อีกทั้งต้องใช้เวลาในการทำปกและรูปประกอบ รูปโปสการ์ดของแถม การ์ตูนจิบิอีกด้วย
คิดว่าสิ้นเดือนพอเขียนตอนพิเศษเสร็จ รวมหน้าเสร็จก็จะสามารถประเมินราคาเล่มได้ ดังนั้น สิ้นเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม ก็จะทราบราคาหนังสือ
ท่านยุ่งก็จะเปิดโอนทันที ใครพร้อมโอนเงินมาเลยค่ะ เพราะท่านยุ่งไม่อยากให้มีหนังสือตกค้าง
ยังไงอย่าทิ้งกันไปนะคะ หนังสือทำแน่คะ แต่ต้องใช้เวลาเพราะตอนนี้ท่านยุ่งก็ทำงานหลักเช่นกัน
รักนะ …
ป.ล. ท่านยุ่งจะแจ้งรายละเอียด อัพเดทความเคลื่อนไหวในเพจเฟสบุ๊กและในเวปนิยายธันวลัยกับเล้าเป็ด ถ้าให้ชัวร์ ติดตามเพจเฟสบุ๊คนะคะ
https://www.facebook.com/gingerale0209/"ลักษณ์อ่านอะไรอยู่หืม?" ทศกัณฐ์ที่เพิ่งกลับมาจากร้านเหล้าก็เอ่ยถามพระลักษณ์ที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
"อ่านรามเกียรติ์อยู่ครับ" ร่างโปร่งละสายตาจากหนังสือที่อ่านฆ่าเวลาแล้วตอบคำถามคนรักที่ตอนนี้ได้นั่งลงอยู่ใกล้ๆตนเองแล้ว
"แล้วลักษณ์อ่านถึงไหนแล้วครับ?" ทศกัณฐ์ถาม ก่อนจะกอดเอวเล็กหลวมๆ
"อ่านถึงนางสำมนักขาบอกทศกัณฐ์ให้จับตัวสีดาครับ" พระลักษณ์ตอบ ตาสวยมองไปที่คนรักที่เอาคางมาเกยบ่า
"ปิดหนังสือเลยเดี๋ยวพี่จะเล่ารามเกียรติ์ตอนนี้ให้ฟังเอง รับรองว่าสนุกกว่าในหนังสืออีก" ทศกัณฐ์บอกกับพระลักษณ์พร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนพระลักษณ์หรี่ตามองเพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากล
"ไม่ใช่จะเล่าเรื่องทะลึ่งๆให้ลักษณ์ฟังนะ" พระลักษณ์พูดดักคอคนหื่นเอาไว้
"ลักษณ์ครับ พี่ไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นเสียหน่อย" ทศกัณฐ์แกล้งทำหน้ามุ่ยซึ่งไม่เข้ากับหน้าเข้มๆของเขาเลยสักนิด
"อย่างอนลักษณ์สิครับ ก็ได้...ลักษณ์จะฟังเรื่องที่พี่ทศเล่านะครับ หายงอนนะๆ" ลักษณ์ที่ปกติจะเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยแสดงออก กลับกลายเป็นกวางน้อยที่ล้มตัวลงนอนตักเสือตัวร้ายที่คอยมองและลอบยิ้มมุมปาก
"ไม่งอนแล้วครับ ถ้าลักษณ์อยากฟังพี่จะเล่าให้ฟัง"
☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆
ทศกัณฐ์มองสำมนักขานั่งร้องห่มร้องไห้ มือท้วมก็กุมแผลที่ปลายจมูกและใบหูที่ตัดแหว่งจนไม่เหลือเค้าโครงความงาม
"ใครทำเจ้าเยี่ยงนี้ น้องข้าจงบอกพี่มาโดยไว" ทศกัณฐ์ซักถาม พญายักษ์รู้สึกโมโหที่น้องสาวนั้นถูกทำร้าย
"พวกของนางสีดาเพคะ ทำร้ายน้อง" สำนักขาร่ำไห้ ก่อนจะกุเรื่องว่าตัวเองเที่ยวป่าไปเจอดอกไม้พอจะเด็ดมาเชยชมก็ถูกนางสีดาเข้ามาแย่งและเกิดการวิวาทกัน
"นางสีดานี่มันร้ายนัก กล้าให้คนมาทำร้ายเจ้า" ทศกัณฐ์ขบเขี้ยวข่มอารมณ์โกรธ การมาหยามน้องสาวของตนก็เท่ากับหยามเจ้ากรุงลงกาอย่างเขาเช่นกัน
"ใช่เพคะ นางสีดาร้ายกาจมาก คงเห็นว่าตนทั้งสาวทั้งสวยเลยถือตัวเหนือกว่าผู้อื่น" สำมนักขาใส่ไฟให้ลุกโชน หวังให้ทศกัณฐ์จัดการสีดาแล้วพระรามจะได้กลายเป็นของตน
"สวยอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปดูให้เห็นกับตา"
พอตกเย็นทศกัณฐ์ สำมนักขา พร้อมด้วยมารีศที่ทศกัณฐ์ใช้ให้มาแปลงกายเป็นกวางทองเพื่อใช้ล่อนางสีดาให้สนใจ บัดนี้ทั้งสามตนก็ได้ซุ่มอยู่ใกล้กับอาศรมของพระราม
"นั่นไงเพคะท่านพี่ นางสีดาที่น้องพูดถึง" สำมนักขาเอ่ย นิ้วก็ชี้ไปที่สีดาที่ยืนอยู่หน้าอาศรมพร้อมผู้ชายหน้าตางดงามราวกับเทพบุตรอีกสองคน คนหนึ่งผิวกายเขียวมรกต อีกคนผิวกายดั่งทองทาที่เห็นแล้วทำให้ทศกัณฐ์ใจสั่นจนน่าประหลาด
"นางสีดางามใช่ไหมเพคะท่านพี่" สำมนักขาถามพี่ชายที่ยืนมองเป้าหมายนิ่ง
"ใช่..งามจริงๆ" ทศกัณฐ์เอ่ย เขาไม่หมายถึงสีดาแต่เขาหมายถึงผู้ชายเนื้อทองที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"มารีศ" ทศกัณฐ์เอ่ยนามยักษ์หนุ่ม
"พะยะค่ะ"
"แปลงร่างเป็นกวางทองไปให้คนพวกนั้นเห็นแล้วล่อให้พวกนั้นวิ่งไปที่ป่าอีกด้าน"
"พะยะค่ะ" มารีศรับคำสั่ง จากนั้นก็แปลงกายเป็นกวางทองให้สีดาได้เห็น
"สำมนักขา เจ้ากลับไปที่วังรอผลได้เลย" ทศกัณฐ์ นางยักษ์ร่างท้วมจึงเหาะกลับไปยังกรุงลงกา
"เจ้าพี่เพคะ กวางทอง" น้ำเสียงหวานใสบอกให้ผู้เป็นพระสวามีมาดูกวางทองที่อยู่ตรงหน้า พอพระรามเดินเข้ามาดู กวางทองก็วิ่งหนี
"เจ้าพี่!! ตามจับกวางทองให้หม่อมฉันหน่อย หม่อมฉันอยากได้" สีดาร้องขอมีหรือที่พระรามจะไม่ทำตาม
"พระลักษณ์ น้องดูแลสีดาอยู่ที่นี่ ส่วนพี่จะไปจับกวางทอง" พระรามบอกกับน้องชาย พระลักษณ์ก็พยักหน้ารับคำ จากนั้นผู้เป็นพี่ก็วิ่งไปจับกวางทองโดยไม่รู้ว่าถ้าเขากลับมาที่อาศรมอีกครั้ง เขาจะสูญเสียคนที่รักไป
"พอมองใกล้ๆแล้วงามจริงๆ...สีดา" เสียงคนมาใหม่ดังขึ้น ทำให้สีดาและพระลักษณ์หันไปมองก็พบกับชายร่างใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม พระลักษณ์รีบมายืนด้านหน้าสีดาพี่สะใภ้ของตน
"พี่สีดาหลบหลังลักษณ์ก่อน" พระลักษณ์กระซิบบอกสีดา ก่อนจะมองผู้มาใหม่อย่างไม่เป็นมิตร
"ท่านคือใคร?" พระลักษณ์ถาม ดวงตาสวยก็มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
"ข้าว่าเจ้าน่าจะรู้นะ...พ่อหนุ่มเนื้อทอง" ทศกัณฐ์เอ่ย ตอนนี้ความสนใจของเจ้ากรุงลงกาไม่ได้อยู่ที่สตรีรูปงามอย่างสีดาแต่กลับมุ่งไปที่ผู้ชายท่าทางพยศที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"เป็นยักษ์อีกล่ะสิ คงอยากจะโดนศรของเราปักอกอีกตนสิท่า" พระลักษณ์พูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัว มือที่ว่างเปล่าก็ปรากฏศรสีทองออกมา
"เจอกันเจ้าจะยิงศรใส่ข้าเลยหรือ ช้าขอเดาเจ้าคือคนที่ตัดจมูกและติ่งหูน้องของข้าใช่หรือไม่?" ทศกัณฐ์เอ่ย พระลักษณ์ก็เข้าใจทันทีว่านางสำมนักขาคงจะส่งพี่ชายมาแก้แค้นพวกตน ถ้าอย่างนั้นกวางทองเมื่อครู่ก็....
"ท่านส่งกวางทองมาล่อลวงให้พี่ชายเราตามจับ ท่านต้องการจะฆ่าพวกเราสินะ" พระลักษณ์เสกคันธนูขึ้นมา ในระหว่างนั้นเองทศกัณฐ์ก็จับพระลักษณ์มาอุ้มพาดบ่าแล้วเหาะขึ้นไปสู่ท้องนภา
"พระลักษณ์!!!!" สีดาร้องเรียกด้วยความตกใจที่พระลักษณ์ถูกทศกัณฐ์พาตัวไป
ทศกัณฐ์พาตัวพระลักษณ์เหาะผ่านป่าเขียวขจี ตลอดทางก็ถูกกำปั้นเล็กๆทุบตีแผ่นหลังเป็นระยะ ซึ่งไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขาแต่อย่างใด
"ปล่อยเราเดี๋ยวนี้!!!...เราบอกให้ปล่อย!!!" พระลักษณ์ตะคอกใส่ทศกัณฐ์ มือที่ทั้งทุบทั้งตีก็ไม่สามารถทำอะไรคนที่อุ้มตัวเองได้ อีกทั้งพอจะดิ้นรนขัดขืน ร่างกายก็ขยับสู้แรงยักษ์ไม่ได้
"เฮ้ย!!!!!" พระลักษณ์ร้องอุทาน ร่างที่ถูกทศกัณฐ์อุ้มอยู่เมื่อครู่ก็ถูกร่างสูงปล่อยให้เขาร่วงตกลงมาแหวกอากาศ เห็นทียักษ์ตนนี้คงอยากให้เขาตายด้วยวิธีนี้ พระลักษณ์คิดใจใจ
"อ๊ะ!!" พระลักษณ์ร้องออกมาอีกครั้งด้วยความตกใจ ครั้งนี้ทศกัณฐ์ได้เข้ามาช้อนตัวอุ้มร่างโปร่งอีกครั้ง
"ตกใจล่ะสิท่า เจ้าผิดเองที่บอกให้เราปล่อย" ทศกัณฐ์บอกกับคนในอ้อมแขนที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ปากสีสดก็เม้มแน่นเสียจนอยากจะใช้เขี้ยวขบกัด พอเห็นว่าพระลักษณ์ไม่ขัดขืน ทศกัณฐ์จึงเหาะลงสู่พื้นพสุธา
"โอ๊ย!!!" พระลักษณ์ล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อทศกัณฐ์จงใจโยนร่างสีทองลงบนพื้นดิน
"แค่นี้ทำเป็นร้องโอดโอย ทีก่อนหน้านี้เจ้ายังปากเก่งอวดดีอยู่เลย" ทศกัณฐ์เย้ยหยัน
"เราไม่ได้อวดดี หากท่านต้องการที่จะสู้กับเราตัวต่อตัวเราก็ยินดี" พระลักษณ์ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับพญายักษ์อย่างไม่เกรงกลัว
"ข้าสู้กับเจ้าแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้"
"กลัวจะแพ้เราหรือไรท่านยักษ์เขี้ยวงอ" พระลักษณ์พูดหวังจะปั่นหัวให้อีกฝ่ายโมโห
"เจ้าว่าใครเป็นยักษ์เขี้ยวงอ" ทศกัณฐ์กระชากพระลักษณ์เข้ามาใกล้ แขนแกร่งก็โอบกอดเอวบางเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
"มีกันอยู่แค่นี้ เราเป็นมนุษย์ดังนั้นยักษ์เขี้ยวงอก็จะต้องเป็นท่านอยู่แล้ว" แทนที่จะสงบปากสงบคำ พระลักษณ์ก็ยังปลุกอารมณ์ขุ่นของทศกัณฐ์
"เขี้ยวของข้าไม่ได้งอ บางทีข้าว่าเจ้าน่าจะลองโดนข้ากัดกินเจ้าดู" ทศกัณฐ์โน้มหน้าลงกระซิบข้างหูเล่นเอาพระลักษณ์ขนลุกซู่จนคนกอดรู้สึกได้
"เอาเป็นว่าพอฟ้าเริ่มมืดข้าจะจับเจ้ากินเป็นอาหารเย็น ส่วนตอนนี้เจ้าก็เป็นกวางทองที่ข้าจับมาเป็นเหยื่อเสียก่อน" มือหนาเสกเชือกอาคมมามัดรวบข้อมือทั้งสองของพระลักษณ์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเว้นความยาวของเชือกให้พอได้ชักจูง
"ท่านมามัดเราแบบนี้ไม่ได้" พระลักษณ์พอรู้ตัวว่าโดนมัดก็รีบแก้เชือกที่ข้อมมือออก
"พระลักษณ์ หากเจ้ายิ่งแก้มัดเชือกก็จะยิ่งรัดเจ้าแน่น" ทศกัณฐ์บอกกับคนที่พยายามแก้เชือก พระลักษณ์เองพอได้ยินดังนั้นก็หยุดขัดขืนยืนนิ่งทันที
"เดี๋ยวสิ เมื่อครู่ท่านเรียกเราว่าพระลักษณ์ ท่านรู้ชื่อของเราได้อย่างไรกัน" พระลักษณ์ถามด้วยความแปลกใจ
"ตอนที่ข้าพาตัวเจ้ามา สตรีที่อยู่กับเจ้าเรียกชื่อของเจ้าดังขนาดนั้น ข้าไม่ใช่ยักษ์หูตึงที่ไม่ได้ยินว่านางเรียกชื่อเจ้าว่าอะไร" ทศกัณฐ์ตอบแล้วกระตุกเชือกลากพระลักษณ์ให้เดินตามไปข้างหน้า
"นี่ท่าน!!! จะเดินทำไมไม่บอกเราบ้าง" พระลักษณ์โวยวาย
"ไม่จำเป็น" ทศกัณฐ์เอ่ย มือก็ดึงเชือกลากพาเหยื่อเดินตามหลัง
"แล้วท่านจะไม่บอกชื่อให้เรารู้เลยหรือ?" พระลักษณ์ถามชื่อคนที่ลักพาตัวเขามาเพราะหากหลุดพ้นไปได้ ตนนั้นจะได้เผาพริกเผาเกลือแช่งถูกคน
"จะรู้ชื่อข้าไปทำไม?" ทศกัณฐ์ถามกลับ พระลักษณ์ก็นิ่งคิด...'จริงรู้ไปก็เท่านั้นเดี๋ยวเราก็ตายแล้ว'
"โอ๊ย!!" ด้วยความที่ไม่ทันระวังเพราะมัวแต่คิดเหม่อลอย พระลักษณ์ก็สะดุดรากไม้จนล้มลงไป
"เจ้านี่ซุ่มซ่ามเสียจริง" ทศกัณฐ์พูดออกมาด้วยความขบขัน ผิดกับพระลักษณ์ที่รู้สึกเสียหน้าที่มาหกล้มต่อหน้าอีกคน
"อย่ามัวแต่หน้านิ่วรีบลุกขึ้นได้แล้ว" ทศกัณฐ์เอ่ย
"จะ...เจ็บ!!" พอจะลุกขึ้นยืน ความเจ็บก็โลดเล่นผ่านข้อเท้าจนพระลักษณ์ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
"ขี่หลังข้า" ทศกัณฐ์เดินเข้าไปหาพระลักษณ์พร้อมหันหลังแล้วย่อตัวลง จนพระลักษณ์รู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าทศกัณฐ์จะยอมให้ขี่หลัง
"เร็วๆเข้าสิ จะได้เดินทางต่อ" ทศกัณฐ์เร่งอีกฝ่าย พระลักษณ์จึงรีบเกาะบ่าทศกัณฐ์เอาไว้ จากนั้นทศกัณฐ์ก็แบกพระลักษณ์เดินทางต่อ
ร่างโปร่งพอได้ขี่หลังทศกัณฐ์ก็รู้สึกสบายกายและมีโอกาสได้ชมบรรยากาศโดยรอบซึ่งมีสัตว์และพืชพรรณมากมายหลายชนิดจนเผลอหลับไป ศีรษะก็ซบลงตรงบ่าของทศกัณฐ์
"พระลักษณ์..." ทศกัณฐ์ลองเรียกคนที่ขี่หลังดู
"อื้ม.." พระลักษณ์ครางอือออกมาเบาๆ ปลายจมูกรั้นก็ซุกและหายใจเบาๆที่ข้างคอของทศกัณฐ์จนต้องขบเขี้ยวข่มอารมณ์ไม่ให้กลืนกินกวางที่หลับไหล
☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆-☆
"พระลักษณ์...ตื่นได้แล้ว" เสียงทุ้มนุ่มช่วยปลุกให้คนนอนหลับตื่นขึ้นมา ทศกัณฐ์ที่วางพระลักษณ์ให้นอนพิงกับต้นไม้ใหญ่ก็กำลังมัดปลายเชือกกับข้อมือตัวเองเพียงข้างเดียว ส่วนพระลักษณ์พอตื่นขึ้นมาก็พยายามปรับสายตามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำ
"ลุกขึ้นมา ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำ" ทศกัณฐ์เอ่ยกับคนที่ยังคงสะลึมสะลือ
"อาบน้ำอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อท่านจะกินเราเป็นอาหารมื้อเย็น ท่านจะให้เราอาบน้ำชำระร่างกายไปทำไม" พระลักษณ์เอ่ยถาม
"ข้าอยากกินอาหารที่สะอาด ถึงกายเจ้าจะหอมแต่ข้าก็อยากให้เจ้าอาบน้ำอยู่ดี" ทศกัณฐ์เอ่ยพร้อมกับออกแรงดึงให้พระลักษณ์ยืนขึ้นมา
"เจ็บไหม? ข้าจะช่วยประคอง" ทศกัณฐ์เห็นพระลักษณ์แสดงสีหน้าเจ็บปวดก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังเจ็บข้อเท้าอยู่
"ท่านไม่ต้องเมตตากับเหยื่อของท่านหรอก เราเดินเองได้" ถึงแม้ข้อเท้าจะเริ่มบวมแดง พระลักษณ์ก็ปัดความช่วยเหลือจากทศกัณฐ์เพราะความที่เป็นถึงลูกกษัตริย์ พระลักษณ์จึงถือตนไม่ขอรับความหวังดีจากศัตรู
"ตามใจเจ้าก็แล้วกัน" ทศกัณฐ์ก็ไม่เซ้าซี้ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังลำธานที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ลำธารใสที่มีดอกบัวสีชมพูอ่อนมากมาย ยามที่แสงจันทร์มากระทบดอกบัวก็เปล่งแสงออกมาชวนให้บรรยากาศดูน่าหลงไหลและบัดนี้พระลักษณ์ก็ตกอยู่ในภวังค์ ร่างโปร่งเดินลงไปในลำธารอย่างไม่รู้ตัว สิ่งที่พระลักษณ์คิดอยู่ตอนนี้คือการชื่นชมดอกบัวที่อยู่รอบกาย
ทศกัณฐ์เองก็ถอดผ้านุ่งและเครื่องประดับออก ก่อนจะรู้สึกว่าเชื่อกที่มัดกับข้อมือนั้นกระตุกจึงได้กันไปดูพระลักษณ์ที่อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่อง แสงสีชมพูจากดอกบัวเองก็ช่วยขับให้ผิวสีทองให้ดูงดงามยิ่งขึ้น ทศกัณฐ์ยิ้มมุมปากแล้วพาร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไปประชิดทางด้านหลังของอีกคน ซึ่งมัวแต่ชื่นชมดอกบัวจนไม่สนใจว่าพญายักษ์ยืนอยู่ด้านหลัง
"เจ้านี่งามเสียจริง ข้าคิดไม่ผิดที่จับตัวเจ้ามา" ทศกัณฐ์กอดเอวคอดเอาไว้ พระลักษณ์จึงได้รู้ตัวว่าตัวเองถูกกอดเอาไว้
"ท่านพูดอะไรของท่าน ที่สำคัญมากอดเราทำไม?" เนื่องจากทศกัณฐ์ไม่ได้กอดรัดแน่น พระลักษณ์จึงสามารถขยับตัวหันไปเผชิญหน้ากับทศกัณฐ์แต่ก็ต้องตกใจกับร่างเปลือยที่แสดงถึงร่างกายกำยำได้รูปและสิ่งเปี่ยมไปด้วยความเป็นบุรุษของทศกัณฐ์ที่อยู่ใต้น้ำ ถึงแม้ตอนนี้จะมืดค่ำ หากแสงจันทร์สาดทอกับผิวน้ำใสก็ทำให้พระลักษณ์เห็นทศกัณฐ์ได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับทศกัณฐ์ที่เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีบนแก้มนิ่ม
"ตกใจอะไรพระลักษณ์ เราเป็นชายเหมือนกันไม่เห็นต้องอาย" ทศกัณฐ์เอ่ย พร้อมกับกระชับกอดจนร่างกายของพระลักษณ์แนบชิดกับของตน
"ถึงจะเป็นชายเหมือนกัน แต่เราก็ไม่ใคร่จะเปล่าเปลือยให้ชายใดได้เห็นเหมือนกับท่าน หรือว่า...พวกยักษ์จะชอบเปลือยกายให้คนอื่นดู" พระลักษณ์พูดจาเหน็บแนมทิ้งท้ายยักษ์หน้าไม่อาย
"ข้าชอบเปลือยกายให้คนที่ข้าสนใจดู ส่วนเจ้าหากไม่เคยเปลือยกายให้ชายใดเห็น ข้าก็จะเป็นคนแรกให้กับเจ้า" ทศกัณฐ์พูดน้ำเสียงกระเส่า มือก็คว้าข้อมือของพระลักษณ์มาโอบคอตัวเองไว้ กลายเป็นว่าพระลักษณ์กำลังยืนคล้องคอเขาอยู่
"ท่านจะทำอะไร!!" พระลักษณ์โวยวาย ผ้าที่ปกปิดร่างกายก็ถูกมือหนาจับกระชากออกไป
"อาบน้ำให้เจ้าอย่างไรล่ะ" ทศกัณฐ์ตอบสายตาเจ้าเล่ห์ก็ฉายแววออกมาอย่างเห็นได้ชัด พระลักษณ์รู้ดีว่าทศกัณฐ์คงไม่ได้อาบน้ำตนเป็นแน่
"เราอาบเองได้ ปล่อยเราเดี๋ยวนี้!!" พระลักษณ์บอกพร้อมกับกระชากแขนตัวเอง ทำให้ท้ายทอยของทศกัณฐ์ถูกรั้งลงมา ใบหน้าของทั้งสองจึงอยู่ในระยะประชิด
"หากเจ้าเป็นสตรีข้าคงคิดว่าเจ้ายั่วยวนข้า" ทศกัณฐ์เอ่ย
"เราไม่ได้ยั่วยวนท่าน" พระลักษณ์รีบพูดแก้ต่าง
"ช่างเถอะ เจ้าจะยั่วยวนข้าหรือไม่ ข้าก็จะ...."
ทศกัณฐ์ไม่พูดต่อ กลับใช้การกระทำแทนคำพูด ริมฝีปากหนาประกบกับริมฝีปากสีสดที่เขาคิดปรารถนาที่จะกัดตั้งแต่ได้พบเห็น พระลักษณ์เม้มปากแน่นไม่ให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามา ทศกัณฐ์จึงขบกัดริมฝีปากล่างจนพระลักษณ์เผลอเผยอปากออก ผู้มากประสบการณ์จึงใช้จังหวะนี้สอดลิ้นเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากแล้วตวัดลิ้นเล็กที่คอยหลบหลีกมาสอนให้รู้งาน มือที่ว่างก็ลูบไล้ปลุกอารมณ์ที่แผ่นหลังขาว ไม่นานพระลักษณ์ก็ถูกชักจูงตามแรงอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจนจูบตอบอีกฝ่าย
"ฮืม.ม..."ทศกัณฐ์ครางในลำคอด้วยความพึงพอใจเมื่อลิ้นเล็กตวัดตอบรับมา ก่อนที่จะถอนจูบช้าๆแล้วขบเบาๆที่ปลายคางด้วยความหมั่นเขี้ยว
"เจ้าคือเนื้อกวางที่หวานที่สุดเท่าที่ข้าได้ลิ้มรสมา" ทศกัณฐ์กระซิบข้างหูเสียงแหบพร่า ใบหน้าคมเลื่อนลงต่ำแล้วจุมพิตประทับรอยตามซอกคอ
"หยุด...เราเป็นบุรุษท่านจะมาทำแบบนี้ไม่ได้" พระลักษณ์ร้องห้าม ถึงแม้เวลานี้จะมีอารมณ์ร่วมไปแล้วก็ตาม
"ทำได้สิ...ในเมื่อข้าต้องการและข้ารู้ว่าเจ้าก็ต้องการเหมือนกัน" ทศกัณฐ์เอ่ย มือที่ว่างก็รวบกลางกายของตนและอีกฝ่ายมาไว้ด้วยกัน มือที่เคยลูบแผ่นหลังก็เลื่อนต่ำลงมานวดเค้นบั้นท้าย
"ท่านหยุดเถอะ..ได้โปรด..อ่า.า...อืม.ม.."
"แน่ใจเหรอ..อ่า.า..ว่าให้หยุด" ทศกัณฐ์ถามแล้วเงยหน้ามองดวงตาฉ่ำเยิ้ม แล้วลดตัวลงเล็กน้อยให้ปากได้ดูดดุนยอดอก
"พะ...พอ...อย่าทำแบบนี้" เสียงหวานยังคงร้องห้ามในขณะเดียวกันทศกัณฐ์ก็ทั้งใช้ปากเล่นส่วนยอดอกสีสวย มือก็ขยับรูดแก่นกายทั้งสองรวมถึงบั้นท้ายนิ่มพร้อมกัน จนพระลักษณ์ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้ยืนตัวขาสั่นจนแทบทรุดลงไปใต้น้ำ
พอเล่นกับแผ่นอกทั้งสองข้างของพระลักษณ์จนพอใจ ทศกัณฐ์ก็ดูดเม้มจากกลางอกลงมาที่หน้าท้องเนียนทและฝากรอยแดงเอาไว้ พระลักษณ์ทำได้เพียงยืนครางเท่านั้น
"เสียว...ว...เราเสียวในท้อง..ท่านทรมานเหยื่อก่อนกินอย่างนี้เหรอ" พระลักษณ์รู้สึกทรมาณที่ร่างกายถูกจู่โจม โดยเฉพาะแก่นกายที่ปวดหนึบจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
"เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้าหายทรมานเอง" ทศกัณฐ์ยิ้มร้าย แล้วใช้นิ้วกรีดไปตามร่องก้นของพระลักษณ์ พร้อมกับหยุดขยับมืออีกข้างที่กอบกุมแก่นกาย
"อ๊ะ...อัก...จะ..เจ็บ..เราเจ็บ" พระลักษณ์ร้องออกมา คิดว่าตนคงจะต้องตายเป็นแน่เพราะอีกฝ่ายกำลังใช้นิ้วชำแหละเข้ามาในกาย นี่คือความหมายของการทำให้หายทรมานที่อีกคนบอกสินะ....มันคงเป็นความตาย
"เดี๋ยวก็หายเจ็บ" ทศกัณฐ์ดันตัวพระลักษณ์ให้ชิดโขดหิน แล้วจับขาเรียวข้างหนึ่งของพระลักษณ์ให้ยกขึ้น พลางขยับนิ้วเป็นจังหวะที่เร็วขึ้นแล้วเพิ่มนิ้วเป็นสองและสามตามลำดับ
"อึดอัด..เราอึดอัด..อ่ะ..อ่า.." ในความอึดอัดของพระลักษณ์ก็มีความเสียวซ่านเกิดขึ้นด้วย
"ข้าเองก็อึดอัด...ข้าขอฝังเขี้ยวไว้ในตัวเจ้าเลยก็แล้วกัน" ทศกัณฐ์ขยับแท่งร้อนตัวเองกดแทรกเข้าไปในช่องทางสีหวานที่ได้เบิกทางไปก่อนหน้านี้
"อ่า..า...แน่นจริงๆ" ทศกัณฐ์สบถ เอวหนาก็ขยับสวนช้าๆ ให้คนตรงหน้าได้ปรับตัว
"เจ็บ...เราเจ็บ..อ่า...อ่า..อ่ะ" นิ้วสวยจิกไปที่ท้ายทอยของคนที่ฝังร่างในตัวเพื่อระบายความเสียวซ่าน ใบหน้าที่งดงามราวกับนางอัปสรก็มีน้ำตาคลอเพราะความรู้สึกเจ็บ...ที่มีความเสียวปนอยู่
"เดี๋ยวเจ้าก็หาย..อ่า.า....ข้างในเจ้ามันบีบรัดข้า" ทศกัณฐ์พูดปลอบพร้อมกับจูบซับน้ำตาเบาๆ
"อ่า..อ่ะ..อ๊ะ...อื้อ..อ..." ไม่นานร่างกายของพระลักษณ์ปรับตัวได้ จากที่เจ็บก็กลายเป็นความรู้สึกดี เสียงที่ร้องออกมาก็กลายเป็นเสียงคราง
'แฉะ..แฉะ..แฉะ'
พอได้ยินเสียงครางของกวางเนื้อทอง ทศกัณฐ์ก็เร่งจังหวะกระแทกจนน้ำกระเซ็นเป็นบริเวณกว้าง
"อืม..ม....ซี๊ด..ด...."
"อ๊า.า....อ่ะ..อ๊ะ..อะ...อ๊า.า..ง......"
เสียงครางระงมดังก้องลำธาร กลบเสียงแมลงจนหมดสิ้น ทสกัณฐ์คลายมนต์ที่เชือกให้หายไปพร้อมถอนกายออก จากนั้นก็จับพระลักษณ์ให้หันหน้าไม่ที่โขดหินและตรึงมือเล็กให้ยึดเกาะพิ้นหินให้แน่น ตามด้วยรั้งเอวมาด้านหลังทำให้บั้นท้ายของพระลักษณ์เด่นชัด
"อั๊ก..อ๊า..า..า....." พระลักษณ์ครางลั่น เมื่อช่องทางถูกแก่นกายกดทีเดียวจนสุด
"อืม.ม..พระลักษณ์.." ทศกัณฐ์ขยับกายอีกรอบ ปากก็เอื้อนเอ่ยชื่ออีกคนจนเจ้าของชื่อใจสั่นระรัว
"อือ..ทะ...ท่าน....ตรงนั้น...อ่า.า.." ร่างสีทองสั่นสะท้านเมื่อถึงทศกัณฐ์กระแทกกระทั้นโดนจุดกระสัน
"ข้าชื่อ..ทศกัณฐ์..อ่า..เรียกชื่อข้าสิ"
"อึก..ทศกัณฐ์...อื้ม.ม..ทศกัณฐ์..เรา..ไม่ไหวแล้ว.." พระลักษณ์พูดไปพลางครางไปพลาง ตอนนี้ส่วนแข็งขืนนั้นมีทีท่าว่าจะปลดปล่อย ทศกัณฐ์เองพอได้ยินพระลักษณ์เรีบกชื่อของตนก็ยิ่งเร่งจังหวะและกระแทกหนักๆยิ่งกว่าเดิม
"อ๊า.า..โอว..อ่า.า...อ่ะ..อ๊า..า"
"อืม...ซี๊ด.ด..."
ไม่นานพระลักษณ์ก็ปลดปล่อยออกมาเช่นเดียวกับทศกัณฐ์ที่ปล่อยน้ำรักเข้าไปในกายของร่างโปรงเกิดความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง ทศกัณฐ์ก็รั้งเอวบางมาสวมกอดโดยพระลักษณ์ก็ยืนพิงอกกว้างอย่างหมดแรง
"พี่ทศ!!!!! นี่มันรามเกียรติ์อะไรของพี่ พี่เล่าอะไรให้ลักษณ์ฟัง" พระลักษณ์โวยวายเมื่อฟังรามเกียรติ์ที่คนรักเล่า
"รามเกียรติ์ เวอร์ชั่นทศลักษณ์ไง" ทศกัณฐ์ตอบพลางนึกขำ จะไม่เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อพระลักษณ์หน้าแดงเถือกเพราะความอาย
"รามเกียรติ์หื่นล่ะสิไม่ว่า คนเล่าโคตรหื่น" พระลักษณ์เอ่ย มือก็หยิกบ่าทศกัณฐ์ด้วยความหมั่นไส้
"หื่นก็ผัวลักษณ์นะ...จะว่าไปอยากหื่นใส่เมียจัง" ทศกัณฐ์ไม่ใช่แค่พูด เขาดันพระลักษณ์ให้นอนกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมร่างโปร่ง
"หยุดเลยนะ..พี่ทศ!!!!!"