ตอนที่ 43
ศตคุณเป็นคนร่างกายแข็งแรง ได้พักเต็มๆ ถึงสองวันก็หายดีแล้ว หมายถึงอาการไข้นะ ไอ้ส่วนที่มันเจ็บๆ น่ะ มันก็ยังรู้สึกเคืองๆ อยู่ แต่ก็ไม่เจ็บมากเท่าไหร่แล้ว เดินเหินไปไหนมาไหนได้อย่างสบายแล้ว...
และตอนนี้เขาก็ยังอยู่ที่ไร่ศักดินนท์ไม่ไปไหน ช่วยงานพ่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ ไม่งั้นจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ ที่หยุดเรียนทั้งอาทิตย์แล้วไม่ยอมทำอะไรเลย...
“ส่งรายละเอียดมาในอีเมล์เลยนะครับคุณเมือง” ศตคุณคุยโทรศัพท์กับผู้จัดการไร่ภูถึงดาวที่โทรรายงานปัญหาของไร่ให้ศตคุณทราบ
(ได้ครับคุณหมู...แล้วคุณหมูจะเข้ามาที่ไร่ได้วันไหนครับ)
“อ่า...คงจะเป็นทุกวันเสาร์น่ะครับ ผมไปได้แค่วันนั้นวันเดียวจริง แต่มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดเวลาครับ”
(ครับ...ผมจะได้แจ้งพวกคนงานถูก พอดีพวกเขาอยากเจอกับคุณหมูน่ะครับ)
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
(ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ คนงานคงจะอยากทำความรู้จักน่ะครับ เพราะตอนนี้คุณหมูกับคนงานไม่ค่อยได้คุยเป็นจริงเป็นจังกันเลย พวกเขาเลยหวั่นๆ น่ะครับ)
“นั่นสินะครับ...ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน ถ้าผมจะไปเดี๋ยวจะแจ้งอีกทีนะครับคุณเมือง ต้องปรึกษากับพ่อเลี้ยงก่อน ช่วงนี้มันค่อนข้างจะมีปัญหาเยอะหน่อย” ศตคุณพูดบอกปลายสายไป
(ผมทราบจากพ่อเลี้ยงแล้วล่ะครับ ถ้ายังไงอย่าลืมโทรแจ้งด้วยนะครับ ผมจะได้บอกพวกคนงานไว้)
“ได้ครับ ยังไงก็ฝากคุณเมืองด้วยนะครับ”
(ยินดีครับ)
ร่างบางวางสายจากผู้จัดการไร่ภูถึงดาวแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เฮ้อ...แล้วแบบนี้จะรอดไหมเนี่ยเรา”
ทำไมพ่อเลี้ยงต้องให้งานยากๆ กับเราด้วยนะ
“ถอนหายใจอะไร ดังไปถึงท้ายไร่เลย” เสียงทักของคนเข้ามาใหม่ถามขึ้น ร่างบางไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร กวนตีนแบบนี้มีอยู่คนเดียว
“ไหนพ่อเลี้ยงบอกว่ามึงจะไปค้างที่เขตตะวันกับไร่สตรอเบอร์รี่ไง กลับมาทำไม?”
เป็นคณินนั่นเองที่เข้ามาในห้องทำงานของพ่อเลี้ยงที่มีศตคุณนั่งเฝ้าและทำงานอยู่ในห้อง ส่วนเจ้าของห้องก็ออกไปคุยงานกับลูกค้าที่มาที่ไร่
“มาไม่ได้หรือไง ก็นี่บ้านกู?”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมถึงมา อย่าหาเรื่องว่ะเขต กูขี้เกียจเถียงมึงแล้ว เบื่อ!!!” ศตคุณโมโหใส่เพื่อน
คณินที่เห็นความหงุดหงิดนั้นก็ขมวดคิ้วสงสัย เพราะศตคุณไม่ค่อยจะมีเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดออกมาแบบนี้ได้
“เป็นอะไร...”
“เปล่าเป็น”
“มึงกำลังเป็น”
“เอ๊ะ! อย่าทำเป็นรู้ดีกว่าตัวกูเองจะได้ไหม บอกว่าไม่ก็คือไม่!!”
“เนี่ย!! มึงกำลังโมโห มึงกำลังหงุดหงิด บอกกูมาเลยว่าเป็นอะไร” คณินยังไม่หยุดคาดคั้นเพื่อน เดินมาอยู่ตรงหน้าของศตคุณทันทีแล้วจ้องอย่างกดดัน
“ไม่ได้เป็น”
“อย่าให้กูต้องเรียกพ่อมานะ”
“มึงก็เอาพ่อมาขู่กูตลอดเลย”
“ก็มึงปิดบังอ่ะ ไม่สบายใจอะไร บอกกูได้นะเว้ย กูเป็นเพื่อนมึงนะหมู” คณินพูดจริงจัง
ศตคุณแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ทุกคนเหนื่อยกันหมด ยกเว้นเขา...แม้ว่าจะได้ดูแลในส่วนของภูถึงดาวทั้งหมด แต่ที่นี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็มีเมืองคำเป็นผู้จัดการอยู่แล้วด้วย
เขาแทบจะไม่ได้มีความจำเป็นเท่าไหร่นัก...
“ช่างมันเถอะ...ก็แค่เรื่องไร้สาระ ว่าแต่มึงกลับมาบ้านทำไม?” ร่างบางถามเพื่อนกลับไปเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่ให้ตนเองถูกซักไซ้ไปมากกว่านี้
“กลับมาเอาของ”
“อือ”
“ไม่เป็นไรแน่นะ”
“อือ...จะกลับตอนไหนอ่ะ”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว มาเอาเอกสารที่พ่อเซ็นแล้วเฉยๆ”
“งานเยอะไหมวะ”
“ก็เยอะนะ...เหนื่อยสุดๆ ช่วงเก็บเกี่ยวก็แบบนี้แหละ” คณินตอบพลางหาเอกสารบนโต๊ะทำงานของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไปด้วย โดยไม่ทันได้เห็นสีหน้าของศตคุณเลยสักนิด
“คงจะลำบากน่าดูเลย”
“ก็ไม่หรอก...ว่าแต่ทางมึงเป็นยังไงบ้าง” คณินถามกลับ
“ไม่มีปัญหาอะไรนี่ ภูถึงดาวก็เรียบร้อยดี คุณเมืองเขาก็จัดการเองได้”
“อ๋อ...อ่ะ เจอแล้ว” คณินร้องเมื่อเจอเอกสารแล้ว “งั้นกูไปก่อนนะ...เมฆรออยู่บนรถว่ะ”
“อ่า...รีบไปเถอะงั้น”
“เจอกันวันจันทร์นะหมู”
“อือ...”
ศตคุณมองเพื่อนสนิทเดินออกจากห้องทำงานของพ่อเลี้ยงไปแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง ที่เห็นเพื่อนตนเองก็ยุ่งไม่แพ้คนพ่อเท่าไหร่นัก...
เขาเองก็อยากจะจะช่วยได้บ้าง ไม่ใช่มานั่งตรวจสอบเอกสารอยู่แบบนี้...
แม้ว่าเขาอยากจะทำงานอย่างอื่นมากขนาดไหน แต่สิ่งที่เขาได้รับมอบหมายมานั้นศตคุณก็ตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ที่สุดเหมือนกัน
ฟุบ!!
“เป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่รู้ตัวว่าฉันเข้ามา” มือแกร่งวางบนศีรษะเล็กของร่างบางที่นั่งทำงานอยู่แบบไม่สนใจเลยว่าจะมีใครเข้ามาในห้อง
ศตคุณสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนมาใหม่
“คุยเสร็จแล้วเหรอครับ”
“อืม...จะมาพาหมูไปกินข้าว”
“อ่า...บ่ายโมงกว่าแล้วเหรอครับ” ศตคุณถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว นี่ทำงานจนลืมเวลาทานข้าวเที่ยงกันเลยหรือ...
“ใช่ จะไปกินข้าวเลยไหม”
“ไปก็ได้ครับ”
อาทิตย์รอคนรักเก็บของบนโต๊ะให้เสร็จก่อน แล้วจึงพากันเดินกลับบ้านเพื่อไปทานอาหารกลางวันที่ย่าจันทน์ผาได้เตรียมรอเอาไว้...ระหว่างที่ทานอยู่นั้น อาทิตย์ก็สังเกตได้ถึงความเงียบแบบผิดปกติจากศตคุณที่วันนี้เอาแต่ก้มก้มตาทานข้าวอย่างเงียบๆ ไม่มองหน้า ไม่พูดไม่จา
เหมือนมีอะไรที่ต้องคิด...
“หมู...เป็นอะไรหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงอาทิตย์ถามขึ้น
“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไข้กลับหรือเปล่า...ไม่ไหวก็พักได้นะ”
ได้ยินแบบนั้นคนสวยก็เม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ...คิดไปไกลเลยว่าตนไม่มีความสามารถที่จะช่วยงานพ่อเลี้ยงได้มากพอ ถ้าเขาจะเป็นอะไรไปหรือไม่เป็นอะไร ก็ไม่ทำให้งานคืบหน้า
ศตคุณรู้สึกแบบนั้น...
“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ อย่าได้กังวลนักเลย”
“หือ...เอาเถอะ ถ้านายบอกว่าไม่เป็นฉันก็จะเชื่อ...จริงสิ กินข้าวเสร็จแล้วฉันจะไปข้างนอก ไปด้วยกันไหมหมู?”
“ไม่ไปดีกว่าครับ ไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้”
“ก็ไม่ต้องไปช่วยอะไร ไปเป็นเพื่อนฉันก็พอ”
ยิ่งพ่อเลี้ยงพูดแบบนี้ ศตคุณก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ ไหนบอกว่าเขาเป็นคนรักของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไง...ไหนบอกว่าเขาเก่ง เหมาะสมกับพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไง
แต่ทำไม...เขาถึงทำอะไรให้กับพ่อเลี้ยงและไร่ศักดินนท์ไม่ได้เลย...
“ไม่ล่ะครับ”
“โอเคๆ ฉันไม่บังคับนายหรอก จริงๆ นายไม่ไปก็ดี จะได้ไม่ต้องนั่งเบื่อฟังผู้ใหญ่เขาพูดคุยกัน”
ประโยคนี้จะบอกว่าเขาเป็นเด็กหรืออย่างไรกัน...
“ครับ”
ศตคุณตัดสินใจแล้ว
เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างที่สามารถช่วยศักดินนท์ได้มากกว่านี้
...
...
...
“คุณเมืองครับ ผมจะเข้าไปวันนี้แหละครับ คงถึงช่วงบ่ายสามโมง ยังไงจะโทรบอกอีกทีถ้าใกล้ถึงนะครับ” ศตคุณตัดสินใจโทรกลับไปหาเมืองคำเพื่อบอกว่าตนเองจะไปที่ไร่...
และเขาก็จะไปคนเดียวตามลำพังด้วย...
(ได้ครับ ยังไงผมจะเตรียมเอกสารไว้ให้คุณหมูตรวจสอบนะครับ)
“ครับ ขอบคุณครับ”
ร่างบางเดินออกไปยังโรงจอดรถ บอกกับคนดูแลว่าจะขอรถออกไปใช้สักคัน ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นคนรักของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ ศตคุณจึงได้กุยแจรถมาอย่างง่ายดาย เขาก็เลยขับออกจากไร่ไปทันที...
แม้ว่าจะรู้ว่ากำลังอยู่บนความเสี่ยง แต่ศตคุณก็อยากจะมีประโยชน์
อย่างน้อยๆ ก็สามารถแบ่งเบาภาระของพ่อเลี้ยงอาทิตย์ได้สักเศษเสี้ยวก็ยังดี...
ขณะที่เขากำลังจะผ่านไร่สมรชัยไป ก็มีกลุ่มจนจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบมาตัดหน้าขวางทางเอาไว้จนศตคุณต้องรีบเหยียบเบรกกลัวว่าจะเหยียบใครสักคนเข้า...
เอี๊ยด!!!
“ให้ตายสิ...เจอดีเข้าให้แล้วหมู”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
หนึ่งในสิบคนนั้นเดินเข้ามาเคาะกระจกรถยนต์ที่ศตคุณขับ ก่อนที่ร่างบางจะเลื่อนกระจกลงอย่างไม่คิดจะหนี...เขารับมือกับสถานการณ์นี้ด้วยความใจเย็นและเยือกเย็น
“ครับ?”
“พ่อเลี้ยงมนัสต้องการคุยกับคุณหมูครับ”
“แต่ผมว่าทำแบบนี้ดูจะเป็นการบังคับมากจนเกินไปนะครับ ถ้าอยากจะคุยทำไมไม่นัดคิวให้มันดีๆ ล่ะครับ แล้วตอนนี้ผมมีธุระต้องไปทำด้วย”
“รบกวนเวลาไม่นานหรอกครับ”
“ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะได้ออกมา”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณหมูเองล่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากบอกพ่อเลี้ยงมนัสด้วยว่า ถ้าอยากคุยกับผมให้ติดต่อมานัดคิวกันก่อน หลีกทางให้ด้วยครับ” ศตคุณว่าก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นเหมือนเดิม
เพราะคิดศตคุณจะอยู่ในไร่ตลอดเวลา ช่วงที่ร่าบางยังคงหยุดเรียนอยู่นี้ จึงไม่มีตำรวจมาคอยคุ้มกันอยู่ห่างๆ นั่นจึงทำให้พวกผู้ชายชุดดำเหล่านี้กล้าที่จะมาสกัดหน้ารถของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
“จริงสิ...” ศตคุณทำหน้าเหมือนคิดอะไรออก เขามองไปยังชายชุดดำพวกนั้นที่ยังไม่ยอมหลบออกไปจากหน้ารถเขา...
พ่อเลี้ยงต้องการที่จะรื้อคดีของพ่อไอ้เขต...แต่ไม่มีหลักฐานจะเอาผิดอะไรได้ สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องไปหาหลักฐานในแหล่งที่กบดานของผู้ต้องสงสัย...
“ถ้าอยากได้ลูกเสือ...ก็ต้องเข้าถ้ำเสือใช่ไหม”
ร่างบางทำใจกล้า รวบรวมสมาธิของตนแล้วมองไปยังไร่สมรชัยที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากศักดินนท์ ศตคุณคิดว่า ถ้าตนใช้ความสนใจของพ่อเลี้ยงที่มีต่อเขา...เขาจะสามารถล้วงเอาหลักฐานมาได้
ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องถูกคนรักโกรธ เพื่อนสนิทโกรธ...แต่มันก็เป็นความเสี่ยงที่คุ้มนะ
“เอาวะ!!!”
อย่างน้อยก็ขอทำตัวมีประโยชน์หน่อยเถอะ
ครืด...
เขาเลื่อนกระจกลงอีกครั้ง
“สรุปจะไม่หลบใช่ไหมครับ”
“ครับ จนกว่าคุณหมูจะยอมไปพบกับพ่อเลี้ยงมนัส”
“เฮ้อ...งั้นก็ได้ คุณเปิดประตูสิ ผมจะเข้าไป” ร่างบางถอนหายใจทำท่าเหมือนจะไม่เต็มใจเข้าไปนักเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ลูกน้องของพ่อเลี้ยงมนัสยิ้มอย่างดีใจก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูเข้าไร่ให้กับเขา ศตคุณเองก็ตบไฟเลี้ยงเลี้ยวเข้าไปในสมรชัยทันที...
เขาไปจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งก็มีลูกน้องของพ่อเลี้ยงมาต้อนรับเขาถึงที่
“ผมได้รับแจ้งมาว่าคุณจะมาพบพ่อเลี้ยง เชิญด้านในห้องรับแขกครับ”
“ครับ”
ร่างบอบบางเดินตามชายชุดดำคนนั้นเข้าไปในบ้าน ร่างกายขาวเย็นยะเยือก หัวใจเต้นเร็วอย่างกังวลและหวาดกลัว แต่ก้ตีสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้
จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าตนกำลังกลัว
“สวัสดี...ไม่คิดว่าจะยอมมา” ชายวัยสี่สิบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ มองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เล่นทำเอาขนอ่อนๆ ลุกชันไปทั่วทั้งตัว
แค่สายตาก็ทำให้รู้สึกรังเกียจได้ขนาดนี้เชียวหรือ...
“ก็เล่นให้ลูกน้องดักหน้ารถผมไว้ไม่ยอมปล่อยแบบนั้นนี่ครับ ผมเลยจำยอมต้องมา”
“เชิญนั่งสิ”
“ขอบคุณครับ...” ร่างบางเดินเข้ามานั่งที่โซฟารับแขกก่อนที่พ่อเลี้ยงมนัสจะพยักหน้าให้ลูกน้องออกจากห้องไป จนเหลือเราเพียงสองคน
ใบหน้าสวยพยายามเรียบนิ่ง...แม้ว่ากำลังกลัวอยู่ก็ตามที
“ฉันมีเรื่องอยากจะเสนอ” เข้าเรื่องเลยทันทีไม่ให้เสียเวลา
“ครับ?”
“ไอ้อาทิตย์มันเลี้ยงดูนายเท่าไหร่?” เป็นคำถามที่ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เพราะมันเหมือนจะดูถูกกันกลายๆ ว่าศตคุณเป็นพวกเด็กเสี่ย โดยที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์เป็นคนเลี้ยงดู...
“ห๊ะ!!”
ให้ตายสิ...
“ฉันชอบนายนะ”
ไหนๆ ก็มาแบบนี้แล้ว...ก็ไปตามนั้นก็ได้วะ
“พ่อเลี้ยงจะไหวเหรอครับ? พ่อเลี้ยงอาทิตย์เขาให้ผมเดือนละห้าแสนนะครับ ไม่รวมข้าวของ เครื่องใช้ เสื้อผ้าอีก...ไหนจะไร่ภูถึงดาวอีก”
“ฉันจะให้นายมากกว่ามัน เดือนละล้านเป็นไง...เสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ ที่นายอยากได้ ถ้าต้องการฉันจะให้นายต่างหาก ไม่ต้องทำงานเลย แค่อยู่ข้างๆ กับฉัน เป็นเมียฉันก็พอ แบบนี้ตกลงไหม”
ศตคุณเกือบเผลอทำหน้ารังเกียจและขยะแขยงออกไป...ก่อนจะยิ้มหวานให้พ่อเลี้ยงมนัสลมหายใจสะดุดเล่น
“นับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจนะครับ”
“ให้ตายสิ...สวยจริงๆ เลยนะ” พ่อเลี้ยงมนัสเข้าใจเลยว่าทำไมพ่อเลี้ยงอาทิตย์ถึงได้หวงและหลงศตคุณได้มากขนาดนั้น ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วล่ะ
“แต่ผมมีพ่อเลี้ยงอาทิตย์อยู่แล้วนี่สิ”
“ก็แค่ทิ้งมันมา...มาอยู่กับฉัน”
“หึหึ...แล้ววันไหนเกิดพ่อเลี้ยงมนัสทิ้งผมขึ้นมาล่ะครับ ผมก็กลับไปหาพ่อเลี้ยงอาทิตย์ไม่ได้อีกแล้วสิ”
“ฉันจะแต่งนายเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายเลย ถ้าจะต้องหย่ากัน ทรัพย์สมบัติของฉันก็ตกเป็นของนายครึ่งหนึ่ง...”
“ผมคิดดูก่อนก็แล้วกัน”
“หวังว่าคงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับไอ้อาทิตย์เพื่อเพิ่มค่าตัวจากมันหรอกนะ” พ่อเลี้ยงมนัสหรี่ตาจับผิด จนร่างบางต้องยิ้มหวานไปให้
ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปนั่งชิดกับพ่อเลี้ยงมนัสแล้วทำใจกล้าไล้นิ้วมือไปตามลาดไหล่กว้างอย่างยั่วยวน เล่นทำเอาพ่อเลี้ยงตาแก่ตัณหากลับถึงกับเคลิ้ม ก้มลงจะจูบร่างบาง...แต่ศตคุณก็แสร้งทำเป็นหลบให้ดูเหมือนเล่นตัวเป็นพิธี
ถ้าไม่ทำแบบนี้...พ่อเลี้ยงมนัสจะไม่เชื่อว่าศตคุณเป็นคนแบบที่เขายัดเยียดให้เป็นน่ะสิ
“ไม่ได้ครับ...ผมยังไม่รับข้อเสนอเลยน้า”
“ฉันให้เวลานายคิด...ได้คำตอบยังไงโทรมาหาฉันนะ แล้วก็หวังว่าจะไม่หลอกให้ฉัน เพราะถ้าฉันรู้ว่าโดนหลอก...ได้เห็นดีกันแน่”
“ให้ผมรับจ๊อบสองทางไม่ได้เหรอครับ...ผมจะเอาเรื่องที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์คิดจะทำมาบอกคุณ แต่ผมก็ยังอยู่ที่นั่นโดยที่พ่อเลี้ยงอาทิตย์จะไม่รู้เลยว่าผมเป็นสายให้กับคุณ”
ด้วยความแค้นที่มีอยู่ในใจบวกกับความปรารถนาในกายหนุ่มน้อย ทำให้พ่อเลี้ยงมนัสไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน จกหลุมพรางของศตคุณเข้าเต็มเปา
“แล้วหลังจากที่คุณทำลายศักดินนท์ได้ ผมจะมาอยู่กับคุณ...โอเคไหมครับ” ประโยคสุดท้ายเขาถามเสียงเบาที่คิดว่ามันจะเซ็กซี่ที่สุด
รู้สึกจั๊กจี้ตัวเอง...ไม่คิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้
“ต้องแบบนี้สิที่รัก...ฉันอดใจรอวันนั้นไม่ได้เลยล่ะ”
ศตคุณเอนซบไหล่หนาวของพ่อเลี้ยงมนัสอยากออดอ้อนเอาใจ ทำตัวเหมือนเด็กอย่างว่าเพื่อให้อีกคนเชื่อและตายใจ...แล้วมันก็เหมือนจะสำเร็จด้วย
กลับไปสงสัยต้องล้างตัวหลายรอบแน่ๆ ขยะแขยงชะมัด...

สวัสดีค่า ตอนนี้ยูกิเริ่มจะลงนิยายไม่ตรงกับวันที่บอกไว้แล้วนะคะ นั่นหมายความว่าวันอาทิตย์ พ่อเลี้ยงก็คงจะไม่ได้ลง รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย เพราะใกล้ปลายภาคแล้วค่ะ ยูกิต้องเร่งทำเล่มสัมมนา ออกชุมชน แล้วก็เตรียมอะไรหลายๆ อย่าง ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้กัน ไม่ว่าจะติ ชิม มันคือกำลังใจทั้งหมดค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนะคะ
ตอบช้าแต่ก็ตอบน้า มีอะไรไปที่แฟนเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki/