Just you and I ตอนพิเศษ : คนละวัน [1]
วันหยุดที่แสนน่าเบื่อ พอไม่ได้ไปเรียนมันก็ว่าง กินๆ นอนๆ แค่นั้น กลับบ้านไปหาแม่มาก็แล้ว ไปเที่ยวมาก็แล้วมันก็เบื่ออยู่ดี แล้วพี่โชดันไปดูงานกับพ่อที่เมืองนอก ไอ้กลอยเลยกร่อยเลย รู้ตอนแรกก็ดี๊ด๊าดีหรอกพอไปจริงก็เหงา
“มึงจะถอนหายทำใจทำไมวะ” ไอ้ต๋องตบหัวผมเต็มมือ โคตรเจ็บ
“กูเบื่อ” ผมบอก
ตอนนี้มานั่งแกร่วกับไอ้พวกนี้หน้าคณะครับ อีกอย่าง ต้องมาหาโลเคชั่นในการวาดรูปชิ้นโบว์แดงเพราะคะแนนมากกว่าการสอบอีก
“ผัวไม่อยู่ก็เงี้ย” ฆ่าไอ้ทูด้วยสายตารอบที่ล้าน วันนี้มันพูดแบบนี้เป็นสิบรอบ
“เอาน่ามึง พี่เขากลับมามึงค่อยกกทั้งคืน ช่วงนี้ก็เหี่ยวรอไปก่อน” ไอ้สักพูดปนขำ
“อะไรเหี่ยววะ” ถามเหมือนไม่รู้ แต่หน้าไอ้เคแม่งโคตรกรุ้มกริ่ม
“อารมณ์ไงสัด” แล้วพวกมันก็หัวเราะ
เดินหนีพวกมันเพราะรำคาญ อีกอย่างท้องก็เริ่มร้องทั้งที่ตอนเช้ากินข้าวไข่เจียวมาตั้งเยอะ ลัดเลาะไปที่โรงอาหารกลาง เพราะใต้ตึกปิด นักศึกษาหลายคณะบางคนก็มาทำงาน บางคนก็มานั่งเล่นนอนเล่นเหมือนพวกผม
ซื้อขนมปังเต็มถุง แกะกินระหว่างทางก็อร่อยดี ผมเดินกลับคณะ มีคนทักทายบ้างเพราะความหน้าตาดีแต่มันจะไม่ดีตรงมีคนมาขวางทางนี่แหละ ผมจ้องหน้ามันเช่นเดียวกับถูกจ้องหน้า สายตาสามคู่จ้องด้วยความตัดพ้อ เหมือนผมไปทำผิดกับพวกมัน
“มองหน้ากูทำไม” ถามออกไป ได้เห็นท่าทางฟึดฟัดจากไอ้เม่น
“พี่ทำผิดกับพวกผมมากนะ” ขมวดคิ้วหลังจากถูกพวกมันกล่าวหา
“กูไปทำอะไรผิดกับพวกมึงวะ”
“ทิ้งพวกผมไง” ไอ้เบียร์พูดใบหน้าจริงจังจนผมอยากทึ้งผมตัวเอง
“พี่ไม่สนใจความรู้สึกของพวกผมเลย” ไอ้ไม้ว่า
“พวกผมทำอะไรผิด ถึงไม่มีสิทธิ์ในตัวพี่เหมือนพี่คนนั้น” ไอ้เบียร์เสริม
“แม้พวกเราจะมาช้ากว่าพี่คนนั้น แต่พวกผมก็จริงใจไม่แพ้กัน” ไอ้เม่นที่ดูจริงจังกว่าเพื่อนเดินมาซะจนชิด ผมต้องรีบเอนตัวหนี
“อะไรของมึง”
“ให้โอกาสพวกผมบ้าง”
“พวกมึงจริงจังจนกูพูดไม่ออก” กัดขนมปังแก้เครียด “เอางี้นะ” พูดไปเคี้ยวไป
“ผมว่า ไปหาที่คุยเถอะ พี่กินโคตรอุบาท” ชูนิ้วกลางใส่ไอ้เบียร์ไป มันกลับขำ
ผมถูกพวกมันเดินขนาบซ้ายขวาหนีบมาม้าหินอ่อนข้างตึกวิศวะ ถูกกดดันให้นั่งลงโดยที่พวกมันสามคนยืนค้ำหัวผมอยู่ ทั้งๆ ที่พวกมันอายุน้อยกว่า แต่ทำไมผมรู้สึกกลัว จ้องหน้าพวกมันปากก็งับถุงขนมปังที่ยังไม่ได้แกะ
“พี่จะเอายังไง” มองตาขวาง ไอ้เด็กพวกนี้มันต้องการอะไรจากผมวะ
“พวกมึงนั่นแหละ จะเอายังไง”
“ให้โอกาสพวกผมสิ” มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที
“ถามจริงๆ ชอบอะไรกูนักหนาวะ กูกวนตีนขนาดนี้ ปากหมาก็มาก ไม่ได้น่ารักโนเนะอะไรเลย ยังมีพวกน่ารักกว่ากูอีกเยอะ ทำไมพวกมึงไม่ไปชอบวะ” เริ่มโมโหกับการคุกคามจากคำพูดและสายตา
“พี่ให้โอกาสพวกผมก่อนถึงจะบอก” ไอ้เม่นพูดขึ้น อีกสองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย
เม้มปากแน่น ช่วงนี้พี่โชไม่อยู่ผมว่า ถ้าจะทำอะไรตอนนี้ทางคงสะดวกไม่น้อย ต้องรีบทำก่อนที่ปีศาจจะกลับ ผมมองหน้าไอ้เด็กสามคนพลางใช้ความคิด โอกาสเหรอ...
“เอางี้” พวกมันจ้องหน้าผมเหมือนกำลังลุ้นหวย “กูให้โอกาสพวกมึง”
“จริงดิ่”
“จริงเหรอ”
“พูดจริงเหรอพี่”
“เดี๋ยวๆ” รีบยกมือห้ามพวกที่ทำท่าดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง “กูให้โอกาสพวกมึงแค่คนละวัน จากนั้นคือจบทุกอย่าง โอเค๊?”
“ไม่โอเค” ตะโกนพร้อมกันสามเสียงจนผมตกใจ
“พี่ขี้โกง ให้พวกผมแค่วันเดียว ทีพี่คนนั้นเขายังได้ทุกวัน” เงยหน้ามองกับคำว่าได้ทุกวัน คำพูดโคตรกำกวมว่ะ “กูให้ได้แค่นี้ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา” จะลุกหนีแต่ถูกมือสามคู่กดให้นั่งลง พวกมันหันหน้าไปปรึกษากันก่อนจะหันกลับมามองผมนิ่ง
“ก็ได้” ไอ้ไม้รับคนแรก
“แต่หนึ่งวันพี่ต้องทำเหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ โอเคป่ะ” ไอ้เบียร์รับคนที่สอง
“ไม่มีข้อห้ามทุกอย่าง ต้องเป็นแฟนกันจริงๆ พวกผมถึงจะตกลง” ไอ้เม่นพูดคนสุดท้าย ผมมองหน้าพวกมันอย่างระแวง
“หวังว่าพวกมึงจะยอมจบในวันเดียวนะ” กำชับ พวกมันก็รีบพยักหน้าตกลง ค่อยเบาใจหน่อย อย่างน้อยก็ได้เคลียร์ปัญหาที่พี่โชยังค่อนแคะอยู่ตลอด บ่นร่ำๆ จะมาต่อยไอ้พวกนี้ซะให้ได้
“เริ่มพรุ่งนี้เลยนะ” พวกมันตาเป็นประกาย พอผมพยักหน้าพวกมันดูดีใจจนเกินเหตุ “งั้นผมเป็นคนแรก” ไอ้เบียร์ยิ้มแป้นแล้น แต่เพื่อนมันหน้าบูดเหมือนนมหมดอายุ
“พวกมึงไปตกลงกันก่อนแล้วค่อยบอกกู” ผมว่าแล้วเดินหนี
หวังว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่คิด
...คิดว่างั้น เชี่ย ผมถูกไอ้เบียร์แว้นบิ๊กไบค์คันใหญ่มารับที่คอนโดพี่โช มันแต่งตัวเต็มมาก ตอนนี้มันยื่นหมวกกันน็อกใบใหญ่มาให้ผม เห็นแล้วอยากจะขอกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุด ก็ผมใส่กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีเหลืองสะพายเป้สีดำเหมือนแด็กอนุบาล ตอนแรกที่ไอ้เบียร์เห็นมันหัวเราะผมใหญ่ ไอ้เชี่ยนี่กล้าหัวเราะรุ่นพี่
สวมหมวกแล้วยิ่งเหมือนเด็กหัวเห็ด ขนาดลุงยามยังหัวเราะ ผมเกาะไหล่ไอ้เบียร์แล้วขึ้นนั่ง รถมันก็สูงเว่อร์ไม่เห็นใจคนขาสั้นแบบผมสักนิด
“กอดเอวผมแน่นๆ นะพี่ ไม่งั้นจะตกนะ” ไอ้เบียร์พูดพร้อมกับออกตัวอย่างแรงจนผมแทบหงายหลังคว้าเอวมันแน่น เชี่ยเอ้ย
นรกอยู่ตรงหน้าผมแล้ว พยายามสวดมนต์จนครบร้อยรอบ แม้จะเคยนั่งรถยนต์ที่เหยียบนรกมาแต่มันไม่น่ากลัวเท่านี้ แรงลมโต้ซะเหมือนจะปลิว ถ้าผมไม่กอดเอวไอ้คนขี่แน่น ผมคงปลิวตกลงไปแล้ว ไอ้กลอยสาบานเลยว่าจะไม่ซ้อนไอ้รถแบบนี้อีก
หลับตาตลอดทางจนไม่รู้มันพามาที่ไหน ตอนออกคอนโดประมาณหกโมงเช้า ตอนนี้กี่โมงช่างมันขอชีวิตไม่ลงนรกเป็นพอ ไอ้กลอยเอ้ยมึงไม่น่าเกิดมาหล่อแบบนี้เลย
“พี่กอดผมแน่นขนาดนี้ รักผมมากเลยเหรอ” เสียงพูดดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ ผมหรี่ตาขึ้นทีละข้าง กลัวตอนนี้ร่างจะนอนกองที่ถนน แต่ไม่ใช่ ตอนนี้ผมกำลังเห็นทะเล
ทะเล! ถูกพาไกลขนาดนี้แบบไม่รู้ตัว
“มึงมาทำไมที่ทะเลวะ” ผมถามเสียงสั่น ขนาดรถจอดนิ่งแล้วแต่เสียงยังสั่น
“ก็ผมฝันไว้ ถ้ามีแฟนอยากพามาเที่ยวทะเล” ไอ้เบียร์มองไปที่ผืนทะเลกว้าง
“มึงไม่เคยมีแฟนเหรอวะ” ถามหลังจากไต่ลงจากรถคันใหญ่ ไอ้เบียร์ส่ายหน้า แล้วหันมามองผม
“พี่เป็นคนแรก แม้จะแค่วันเดียวก็เถอะ” เหมือนตัวเองโคตรใจร้ายเลย นี่ผมทำถูกหรือผิดวะ
ไอ้เบียร์จอดรถที่ลานหน้าชายหาด ตอนนี้น่าจะเกือบๆ สิบโมงกว่า ขนาดยังไม่เที่ยงแต่แดดนี่แรงจนผิวแทบไหม้ ไม่ได้ทาครีมกันแดดมาด้วยแถมเสื้อยืดแบบนี้ แขนผมคงไหม้ก่อนเพื่อน
“หิวข้าวป่ะ” ไอ้เบียร์ถาม ผมก็พยักหน้าก่อนเบิกตาโตมองไอ้คนถาม เพราะมันเอามือผมไปจับ พยายามสะบัดออกก็ไม่หลุดอีก “เป็นแฟนก็ต้องจับมือสิ” ทำใจให้นิ่งไว้ไอ้กลอย เพื่ออนาคตของตัวเองและเด็กตาดำๆ อนาคตของชาติ
เดินจับมือกันไปตามหาด มีคนมองกันตรึม ผมพยายามก้มซ่อนใบหน้า เราสองคนมานั่งที่เก้อี้ผ้าใบสีรุ้ง พนักงานเดินหน้ายิ้มแย้มมารับรายการ เห็นจ้องผมกับไอ้เบียร์สลับไปมาแล้วก็หัวเราะคิกคักเหมือนคนบ้า ท่าทางอาการหนัก
“พี่กินส้มตำมั้ย” ไอ้เบียร์ถามหลังจากทำหน้ายู่มองเมนู ผมก็พยักหน้าไป “เอาส้มตำสามรส ไก่ย่าง ข้าวเหนียว แล้วก็น้ำเปล่าครับ” สั่งพร้อมรอยยิ้มหล่อของมัน
“เอากุ้งด้วย” ผมบอก ไอ้เด็กปีหนึ่งมันขำ คนที่ยืนจดรายการก็ขำด้วย “ขำไม” ยื่นหน้าถามไอ้คนที่นั่งตรงข้าม
“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูงสุดๆ
“งั้นรอสักครู่นะคะ ว่าแต่ น้องชายน่ารักมากเลยค่ะ” ไอ้กลอยเงยหน้ามองทันที เขาชมผมหน้าเด็กหรือไอ้เบียร์หน้าแก่วะ
“แฟนครับ” ไอ้เบียร์หน้ายู่ทันทีที่ผมขำ “แล้วนั่นก็รุ่นพี่ผมครับไม่ใช่น้อง”
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” สาวเจ้ายิ้มแหยๆ แล้วรีบเดินกลับร้าน ผมก็ยังขำจนถูกมือใหญ่ยื่นมาดีดหน้าผาก
“กูรุ่นพี่มึงนะ” ด่ามันไป แต่มันกลับลอยหน้าลอยตา ไอ้นี่ปีนเกลียวตลอด
ระหว่างรออาหารที่สั่ง ผมก็นั่งจ้องไอ้เบียร์จนมันยิ้มหวานให้
“พี่หลงเสน่ห์ผมเหรอ จ้องจัง” ดูปากมัน
“มึงทำไมถึงชอบกูวะ” เข้าประเด็น
“โคตรตรงว่ะ” ไอ้เบียร์มันขำ “ผมก็ไม่รู้ว่ะ”
“อ่าวไอ้ห่า ไม่รู้แล้วมาตามจิกกูทำไม”
“รู้แค่ว่า เวลาคุยกับพี่แล้วจ้องตา เหมือนเห็นลูกแก้วสีใสอยู่ในนั้น”
“กูต้องอ้วกมั้ย”
“โธ่พี่ ผมพูดจริง” มิน่ามันชอบจ้องตาผมเวลาพูด
“แล้วอะไรอีก”
“อยู่กับพี่แล้วสบายใจ”
“มึงไม่เคยมีแฟนเพราะมัวแต่อ่อยเขาไปทั่วล่ะสิ” ด่ามันตอนไก่ย่างกับข้าวเหนียวมาเสิร์ฟพอดี ไอ้เบียร์เริ่มจกข้าวเหนียวกิน ผมก็ยังมองหน้ามันอยู่ “มึงนิสัยดีนะ ถ้าเปิดใจจริงๆ คงมีสาวๆ รุมตอมหึ่งเชียวล่ะ”
“ชมว่าผมเหมือนขี้หรือเปล่าวะ” มันกัดขาไก่ย่างยั่วความหิวของผม
“มึงตามติดกูแจแบบนี้จะมีใครหน้าไหนกล้าเข้ามา แล้วมึงแน่ใจเหรอว่าชอบผู้ชายด้วยกันเอง”
“คิดว่า” อยากตบหัวให้ข้าวเหนียวพุ่งออกจากปาก มันดูไม่สนใจผมเลย
พอส้มตำมาผมก็หยุดพูด ขอกินก่อนครับ ไอ้ปีหนึ่งมันกินน่าอร่อยจริงๆ แต่ผมแอบเห็นมันมองตามสาวนุ่งชุดว่ายน้ำที่เดินผ่านด้วย มันคงชอบผู้หญิงแต่คงกำลังหลงผิดอยู่แน่นอนไอ้กลอยยืนยัน เพราะจิตสัมผัสแม่นเว่อร์ของผมบอก
กินเสร็จก็นอนเหยียด ผมว่า ถ้าเป็นไปตามที่ผมสังเกต ผมพอมีวิธีให้ไอ้เด็กคนนี้เลิกยุ่งกับผมแล้วล่ะ หวังว่ามันคงจะได้ผล
“ไปเดินย่อยกัน” ผมชวน ไอ้เบียร์กวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน
ไม่น่าเชื่อ กับข้าวแค่นี้หมดไปเกือบสามพัน ส้มตำปูม้านี่ไปจับที่นาในอวกาศหรือเปล่า จานละสี่ร้อยห้าสิบ ไอ้กลอยจะเป็นลม ไก่ย่างตัวละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท คงเลี้ยงด้วยอาหารเสริมสินะ ข้าวเหนียวสองถุงห้าสิบบาท อยากขย่อนคืนมาก
“พี่ทำหน้าบูดทำไม” ไอ้เบียร์มันหัวเราะผม
“มึงดูราคาอาหารสิ แพงเหี้ย” บ่นครับ แม้จะไม่ได้ออกเงินสักบาทแต่มันก็น่าบ่นอยู่ดี
“เอาน่า นานๆ กินที ไม่เป็นไรหรอก” ถูกไอ้เบียร์จับมืออีกรอบ ความรู้สึกเหมือนถูกน้องจับ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
เดินเล่นสักพักก็ต้องหาที่หลบเพราะแดดตอนเที่ยงมันแรงจริงๆ แรงจนอยากจะร้องไห้ แสบหน้าไปหมด ไอ้เบียร์ขำที่เห็นผมลูบหน้าตัวเอง มันปลดเป้ที่สะพายลงแล้วค้นของในกระเป๋า
“ทำไร” เอนหน้าหนีเมื่อถูกมือที่มีครีมสีขาวยื่นมา
“ทาครีมกันแดดไง หน้าพี่จะได้ไม่ไหม้”
“กูทาเอง” หยิบมาทาเอง แค่นี้ผมยังรู้สึกแปลกๆ ถ้าเกิดทำแบบที่คิดละก็... มองซ้ายมองขวาไม่มีคนเดิน “มึงเคยจูบกับผู้หญิงหรือเปล่าวะ” ลองถาม ไอ้คนถูกถามหัวเราะร่วน
“ต้องเคยสิ ผมก็ไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกขนาดนั้น”
“แล้วมึงเคยจูบกับผู้ชายมั้ย” ไอ้เบียร์ส่ายหน้ารัวๆ ได้ทีผมรีบพุ่งตัวไปคร่อมมันบนเก้าอี้ผ้าใบใต้ต้นมะพร้าว โชคดีแถวนี้ไม่มีคนอาจเพราะเที่ยงด้วย คนส่วนใหญ่ก็ไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารไกลๆ นั่น
พอผมคร่อมได้ ไอ้เบียร็รีบเบิกตากว้างใช้แขนกับมือยันหน้าผมจนหงาย แต่ผมยังดึงดันเอาหัวมุดแขนจนมันโวยวาย
“พี่ทำไรวะ เฮ้ย” โดนมันถีบครับ จุกเหี้ย จุกจนร้องไม่ออก
“ไอ้...อูย” กุมท้องตัวเองบนพื้นทรายเพราะถูกถีบตกลงจากเก้าอี้ผ้าใบ
“พี่เป็นไงบ้าง ผมขอโทษ” ถูกมันดึงแขนให้กลับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง “พี่เล่นจู่โจมผมก็ตกใจสิวะ”
“มึงถีบกูเต็มแรงไอ้สัด” บ่นมันไป
“พี่ไม่บอกผมก่อนนี่หว่า”
“มึงไม่ได้ชอบผู้ชาย มึงแค่หลงตามเพื่อนมึงอีกสองคน” ผมว่า
“รู้ได้ไง”
“เพราะถ้ามึงชอบผู้ชาย มึงไม่ถีบกูจนหงายหลังแบบนั้นหรอกไอ้สัด ยิ่งมึงบอกว่าชอบกูด้วย ถ้ากูพุ่งเข้าใส่ มึงต้องปล้ำกูแล้ว” พูดตามความจริงที่เคยเจอ เห็นแบบนี้ผมก็เคยกดพี่โชนะครับ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ไม่รู้พี่โชเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนดันผมจนเป็นผมจมเตียงทุกที
ไอ้เบียร์เงียบแล้วเหม่อมองไปที่ทะเล
“อาจจะจริง ผมฟังไอ้เม่นกับไอ้ไม้พูดถึงพี่แล้วก็คิดตามพวกมัน”
“นั่นแหละไอ้น้อง” ผมเริ่มยิ้มกว้างตบบ่ารุ่นน้องไป
“ขอโทษนะที่ทำให้พี่ปวดหัว” เรียบร้อยไปหนึ่งครับ
“ไม่เป็นไร ยังไงมึงก็รุ่นน้องกู”
รอบ่ายนิดๆ ผมกับไอ้เบียร์ก็กลับครับ พอถึงคอนโดไอ้เบียร์ก็โบกมือลาแล้วขี่ออกไป...เหลืออีกสองสินะ หวังว่าจะง่ายแบบนี้
..... TBC Part2ตอนพิเศษนี้แบ่งคนละพาร์ทเลยนะคะ น่าจะมีสามพาร์ท
แล้วพบกันพาร์ท 2 ค่า
Ps. (อาจมีคู่ใหม่เกิดขึ้น O_O) <<< สปอยสุดฤทธิ์ ฮ่าๆๆๆ