Just you and I ตอนพิเศษ : งานเข้า
งานมหาลัยที่ผมไม่ค่อยชอบเพราะต้องทำงานหนัก ยิ่งมีผู้คุมที่กำหนดเวลากลับด้วยยิ่งลำบาก บางทีมันต้องทำงานดึกเกินกว่ากำหนด มือถือของผมก็จะสั่นอยู่ตลอดเวลา นานเข้าปีศาจจะก็มาเยือนถึงถิ่นพร้อมใบหน้าที่พร้อมจะเขมือบทุกคน ดังนั้นผมเลยได้อภิสิทธิ์กลับก่อนตลอด
อย่างวันนี้ แม้พรุ่งนี้จะมีงานแล้วแต่ผมก็ได้กลับก่อนหนึ่งทุ่ม สายตาหลายคู่ต่างมองเหมือนผมเป็นขยะเพราะกินแรง แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ
“มึงสบายเกินไปแล้วไอ้เชี่ยกลอย” ไอ้เคบ่น มือมันก็ตอกไม้เตรียมทำกรอบรูป
“หรือมึงจะให้พี่โชมาเฝ้ากู” ผมบอกพลางสะพายเป้เตรียมตัวรอคนมารับ
“ให้มันกลับเถอะ กูยังไม่อยากถูกฆ่าด้วยสายตาไอ้สัด” ไอ้สักกำลังเคร่งเครียดในการประกอบไม้เป็นกรอบรูป
“กูเห็นด้วย” ไอ้ทูรีบพยักหน้าจนผมขำ
มือถือสั่นผมบอกลาเพื่อนแล้วรีบเดินออกไปหน้าตึก ขากำลังจะก้าวลงบันไดชักกลับแทบไม่ทันเมื่อเจอไอ้เด็กหน้าละอ่อนสามคนเดินมาขวางจนผมตกใจ
“พวกมึงทำเหี้ยไรวะเนี่ย” ผมตะคอก เกือบตกบันไดแล้วไอ้กลอย
“ทำไมพี่ไม่อยู่ช่วยคนอื่นๆ ทำงานล่ะ กลับก่อนตลอด” ไอ้เม่นมันทำตาขวาง แอบเห็นเหล่ไปที่รถที่จอดอยู่หน้าตึก “มารับทุกวันเลยนะ” ไอ้เบียร์ทำหน้ามุ่ยมองผม
“กินแรงเพื่อนทุกวันไม่ดีนะครับ” สุดท้ายก็ไอ้ไม้มันแขวะ
จ้องหน้าไอ้เด็กปีหนึ่งที่กล้าปีนเกลียวผม เพื่อนผมแม้มันจะด่าจะแขวะแต่มันคือเพื่อนของผมไง แต่ไอ้เด็กพวกนี้ยังอยู่แค่ปีหนึ่งกล้าว่าปีสามแบบผมขนาดนี้
“เพื่อนกูยังไม่ว่ากูสักคำ” บอกไปงั้น ที่จริงโดนกระหน่ำทุกวัน
“พี่เขาไม่กล้าว่าต่อหน้ามากกว่า” พวกมันกำลังไซโคผม
“เรื่องของกู พวกมึงอยู่แค่ปีหนึ่งอย่ามายุ่งเรื่องของปีสาม รีบไปทำงานก่อนกูจะให้เพื่อนกูซ่อมพวกมึง” บอกเสียงนิ่ง แต่ดูไอ้เด็กพวกนี้ไม่กลัวเพราะยังไม่ยอมขยับไปไหน ผมเห็นพี่โชเปิดประตูออกมา ใบหน้าบึ้งตึง “รีบๆ ไปเลยพวกมึงน่ะ” สั่งก่อนรีบวิ่งแหวกไปหาพี่โช ถ้าปล่อยให้มาถึงตัวละก็ มีเรื่องแน่
วิ่งมาถึงพี่โชไม่ได้มองผมแต่จ้องหน้าไอ้เด็กสามคนที่ยืนอยู่ที่บันได ขนาดผมไล่พวกมันยังไม่ยอมไป สายตาสามคู่จ้องพี่โชอย่างไม่กลัวเกรง ขนาดเพื่อนผมยังกลัว แต่ไอ้เด็กพวกนี้ทำเหมือนจ้องสายตาคนทั่วๆ ไป
“รีบกลับเถอะนะ ผมหิวข้าวแล้ว” ดึงแขนพี่โชแล้วผลักให้เข้าไปในรถ ผมอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง พี่โชยังหันไปมองก่อนจะออกรถไป
เกือบไปแล้ว เกือบมีเรื่องแล้ว
บรรยากาศในรถโคตรอึมครึมไม่สดใส ยื่นมือไปเปิดเพลงเผื่อมันจะดีขึ้น แต่คนขับรถยังนิ่ง
“เอ่อ ผมอยากกิน...”
“ไอ้เด็กพวกนั้นมันยังมายุ่งอีกเหรอ” เสียงโคตรนิ่งจนขนแขนเกือบลุก ช่วงก่อนพี่โชให้พวกอีเข็มคอยกันท่าก็หายไปสักพัก ตอนนี้พวกมันคัมแบ็คอีกแล้วก็เลยเป็นแบบนี้
“หา เด็กไหน”
“ไอ้เด็กสามคนเมื่อกี้” สายตาดุตวัดมองผมเลยยิ้มแห้งๆ พยักหน้า “มันน่าจับไปกระทืบให้นอนโรงพยาบาลสักเดือน” พี่โชสบถยาวเหยียดคล้ายกับปลุกความปีศาจในตัวเอง
“พวกมันก็แค่กวนตีนผมเฉยๆ ไม่ได้จริงจังหรอก” รีบแก้ตัวให้พวกมัน ก่อนจะโดนอำนาจปีศาจอุ้มหายไป
“เข้าข้างพวกมัน?”
“เปล่าเลย” รีบส่ายหัว “พี่อย่าไปใส่ใจพวกมันเลยนะ คิดว่าพวกมันเป็นแฟนคลับผมก็ได้ แบบผมเป็นนักร้องเกาหลีที่ดังมากพวกมันเลยคลั่งแบบนี้น่ะ”
“หึๆ” ในที่สุดปีศาจก็หัวเราะ ตั้งแต่พี่โชทำงานก็ดูสุขุมขึ้นมาก แต่ความเป็นปีศาจยังคงเดิม
กับข้าวมื้อค่ำตัดสินใจทำกินเองครับ ขี้เกียจไปเบียดรถติด ทำกับข้าวแบบง่ายๆ สองสามอย่าง พี่โชชอบกินทุกอย่างที่ผมทำและหมดจานทุกครั้ง มันเหมือนเป็นกำลังใจให้คนทำ จนผมวางแผนการล่วงหน้าไว้แล้ว ถ้าเรียนจบจะไปรับช่วงร้านอาหารต่อจากแม่ ไอ้กลอยต้องรวยแน่นอน
วันนี้เวรที่โชล้างจาน ผมเลยมานั่งแชทหาไอ้ทูที่มันยังอยู่ที่มหาลัย เล่าให้มันฟังว่าตอนหัวค่ำก่อนจะกลับผมเจออะไรบ้าง ไอ้ทูมันส่งหมีหัวเราะมาเกือบสิบอันเลยส่งเสียงด่ามันไป
“คุยกับใครน่ะ” พี่โชเดินเช็ดมือมานั่งข้างผม หน้าหล่อยื่นมาดูแชทที่ผมกำลังพิมพ์อยู่ ผมวางมือถือลงแล้วหันหน้าไปจ้อง “อะไร”
“ทำไมพี่ไม่ให้ผมทำงานกับเพื่อนอ่ะ ผมโดนพวกมันด่าทั้งวัน บอกว่ากินแรง” พวกที่สนิทก็คุยง่ายหน่อย แต่พวกไม่สนิทคงมองผมเป็นหลุมดำแน่
“ก็พี่เป็นห่วง กลับดึกมันอันตราย แล้วงานพี่ก็เยอะ ไปรับดึกๆ คงไม่ไหว”
“ผมให้ไอ้ทูมาส่งก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องไปรับ แล้วอีกอย่าง ผมเป็นผู้ชายด้วย ไม่มีใครฉุดหรอกนะ” (ทำตาปิ๊งๆ)
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย พรุ่งนี้มีงานแล้ว จะได้ไม่ต้องกลับค่ำอีก”
“โหย” หน้างอสิครับ พรุ่งนี้กะว่าเลิกงานแล้วจะไปดื่มกับพวกเพื่อนๆ สักหน่อย ไอ้กลอยอดอีกแล้ว
พี่โชยื่นหน้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนลุกเข้าห้องทำงานไป ผมก็แชทคุยกับไอ้ทูต่อ พวกมันก็กำลังพัก แล้วถ่ายขวดเขียวมีฟองโชว์ด้วย ยั่วกันชัดๆ
ตีสี่ผมย่องออกจากห้องเพราะไอ้ทูมารออยู่ด้านล่างแล้ว วันนี้วันงานพวกผมต้องไปเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนงานจะเปิด ไอ้ทูทำหน้ามึนปากคาบขนมปังร้านสะดวกซื้อ
“กูเพิ่งได้นอนแม่งโคตรง่วง” ไอ้ทูว่า ผมก็ตาเหลือกสิครับ เกิดมันหลับในขึ้นมา ตายคู่เลยนะ
“แล้วมึงก็ยังขับรถ ไอ้เชี่ยทู” โวยวาย มันก็หัวเราะ
“เออน่า กูไม่พามึงไปตายหรอก กูกลัวพี่โชตามไปฆ่ากูในนรก” แล้วเราก็พากันหัวเราะลั่นรถ
มาถึงมหาลัยก็เจอพวกที่มาก่อนไม่กี่คน ผมช่วยยกกรอบรูปออกไปตั้งโชว์ตามจุดที่ถูกกำหนดไว้ จัดนั่นจัดนี่ไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง กว่าจะเปิดงานพวกผมก็แทบหาที่หลับ เหนื่อยมาก มิน่าผมถึงโดนด่ากระหน่ำ งานมันหนักและเหนื่อยแต่ผมดันสบายอยู่คนเดียว
“ผัวมึงจะมามั้ยวะ” ไอ้เคถามผมขณะกำลังยัดหมูปิ้งเข้าปาก
“ไม่รู้ว่ะ แต่กูชวนแล้วนะ บอกขอดูงานก่อน” เอาแน่เอานอนไม่ได้ครับ บางทีบอกว่างมาก แต่ไม่กี่นาทีงานก็เข้า “แล้วเปิดงานกี่โมงว่ะ กูจะได้หาที่งีบ”
“แหม ไอ้คุณชาย ทำงานก็น้อยกว่าเพื่อน ยังกระแดะจะหลับนะมึง” โดนครับ ไอ้กลอยโดนอีเข็มเตะหลังแล้วแขวะ ผมหันไปมองตาเขียว อยากจะด่าคืนแต่ด่าไม่ออก “ไม่ต้องจ้องกูค่ะ กูไม่อยากท้องลมกับมึง”
“ท้องลมหรืออ้วนวะ” ไอ้สักเอาไม้ที่ไม่มีหมูปาใส่หน้าอีเข็มจนมันโวยวาย
“กูอ้วนแต่กูก็สวยค่ะ แล้วมึงทิ้งแล้วต้องเก็บนะคะ ไม่งั้นกูจะฟ้องป๋า” แล้วมันก็เดินเฉิดฉายไปที่อื่น แต่งหน้าจัดเต็มคงกะหาหนุ่มสินะ
ผมส่ายหน้าแล้วเอนตัวลงนอนราบกับพื้นปูน ก่อนมือถือจะสั่นนิดๆ เปิดดูก็เป็นข้อความที่ขอร้องให้ทำบางอย่าง เบอร์นี้ที่พี่โชเคยลบไปแล้วผมจำได้
‘ช่วยอะไรพี่อย่างได้มั้ยครับ’ ‘อะไรเหรอครับ บอกไว้ก่อน ถ้าผมทำได้ก็จะทำ’ ต้องรีบดักคอไว้ก่อนครับ กลัว ประสบการณ์มันเคยเกิดมาแล้ว ดังนั้นเราต้องรู้จักเอาตัวรอดก่อน พี่ฟลอยด์ส่งรูปหัวหอมหัวเราะมา
‘เรื่องต้อมน่ะ’ ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นข้อความ
‘ช่วยพาต้อมมาดูดนตรีที่คณะวิศวะตอนเที่ยงที’ ขมวดคิ้วมองแล้วอ่านข้อความซ้ำไปมา
‘ทำไมต้องพามันไปตอนเที่ยง?’ ‘พี่มีอะไรจะให้ต้อม ได้มั้ยครับ?’ ส่งรูปเด็กพยักหน้าไป
‘ขอบใจนะน้องกลอย’ “ยิ้มอะไรวะ” โดนไอ้ต๋องตบหัวจนต้องถลึงตาใส่
“เรื่องของกู”
“เออ เรื่องของมึง”
พวกผมหาที่เงียบๆ งีบหลับ ก่อนจะถูกปลุกเมื่อถึงพิธีเปิดงาน ไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินออกมาประจำโซน เพราะผมต้องประสานงานเลยต้องมาอยู่หน้างานด้วย ส่วนมากคนที่เข้ามาดูก็จะเป็นเด็กมัธยมซะส่วนใหญ่ และมักจะถามคำถามซ้ำๆ เรื่องการเรียนบ้าง ต้องทำอะไรบ้างคณะนี้ หรือจะวาดรูปแบบนี้ต้องเรียนยังไง อยากออกแบบบ้านต้องเรียนคณะไหน แต่ผมว่า ไอ้คำถามสุดท้ายต้องไปคณะสถาปัตย์หรือเปล่า เพราะพวกผมไม่ได้ออกแบบบ้าน
ยืนยิ้มเฉยๆ บ้าง ยืนให้ถ่ายรูปบ้าง ด้วยความที่ผมก็หน้าตาดีเลยมีสาวๆ มารุมถ่ายรูป แต่ถูกดับความฝันเมื่ออีเข็มบอกน้องเขาเป็นสมาชิกเพจของมัน พอเห็นผมทำหน้ามุ่ยมันก็หัวเราะดังนางมารร้าย
“เอ่ออีกลอย เห็นเพจเอฟทีไอซ์แลนด์ประกาศว่า วันนี้พี่ฟลอยด์ของกูจะร้องเพลงเว้ย” อีเข็มทำหน้าเพ้อฝันมาก
“ของมึง? แน่ใจเหรอวะ” โดนมันตีแขนไปที “แล้วเพจเอฟทีไอซ์แลนด์อะไรนี่คือเพจใครวะ”
“ก็เพื่อนมึงไง ต้อมอะ เอฟย่อมาจากชื่อพี่ฟลอยด์ ส่วนทีก็มาจากต้อม” เพื่อนผมอธิบายซะยาวเหยียด ผมก็พยักหน้ารับรู้ไป ใครเป็นคนตั้งวะ ผมว่าของผมเท่แล้วนะ
ซีเคแอเรีย เดี๋ยวนะ พี่ฟลอยด์จะร้องเพลงแล้วมาขอให้ผมพาไอ้ต้อมไปหาตอนเที่ยง หรือว่าจะร้องเพลงให้ไอ้ต้อม ต้องใช่แน่ ผมสัมผัสได้ แบบนี้ชักสนุกแล้วสิ หึๆ
“มึงทำหน้าได้อุบาทมาก” อีเข็มว่าทิ้งท้ายแล้วมันก็เดินไป
เงยหน้าดูนาฬิกาเป็นสิบรอบก็ไม่เที่ยงสักที ผมวางแผนไว้แล้วว่าใกล้ๆ เที่ยงผมจะไปหาไอ้ต้อมแล้วชวนมันไปเที่ยว ก่อนจะพามันไปคณะวิศวะ แต่เอาเข้าจริง ผมเห็นคนที่วางแผนไว้มาหาเสียก่อน ไอ้ต้อมมันแทบจะเอาหัวมุดไปในรูปของรุ่นพี่ปีสี่ที่วาดอารมณ์ความรู้สึกภายในใจของมนุษย์ยามมีความสุข ชื่อภาพยาวไปหน่อยแต่ผมว่ามันได้ความหมายดีนะครับ
“มึงจ้องจนจะสิงรูปอยู่แล้ว” ผมเดินไปหาไอ้คนที่แทบจะเอาหน้าผากเคาะรูป หรือสายตามันสั้นวะ
“ก็กูดูไม่รู้เรื่อง” ไอ้ต้อมขมวดคิ้ว ผมเลยเดินอ้อมไปหลังรูปแล้วยื่นหน้าไปดูเพื่ออธิบายได้ถนัดๆ
“เพราะมึงยังไม่เข้าถึงหัวใจของศิลปะไง การดูรูปต้องใช้ใจดูเว้ย ใช้ตาดูไม่ได้” ผมว่าแล้วชี้นิ้วไปที่รูป ไอ้ต้อมมันกระพริบตาปริบๆ เหมือนไม่เข้าใจ ผมเลยต้องอธิบายต่อ “มึงดูรูปนี้ พี่เขาบ่งบอกว่า ตอนที่วาด ในใจพี่เขากำลังอารมณ์ดีสุดๆ ดูจากสีสันที่ใช้ สีสด เข้ม ทำให้ดูสะดุดตา คล้ายกับ...ไอ้เชี่ยต้อม” อ้าปากค้างเพราะพูดคนเดียวมานาน ไอ้เชี่ยต้อมมันเดินไปไกลแล้วครับ เห็นเด็กที่ยืนไม่ไกลหัวเราะผมด้วย อายเหี้ยๆ
รีบก้มหน้าก้มตาเดินไปหาไอ้คนที่มันปล่อยให้ผมบ้าพูดอยู่คนเดียว
“ทิ้งกูให้พูดอยู่คนเดียวไอ้สัด” โวยวายแต่ไอ้ต้อมกลับขำผมซะงั้น มันเดินถามรูปที่ตั้งโชว์ ผมก็อธิบายไปเรื่อยๆ มันเหมือนจะฟังบ้างไม่ฟังบ้างแต่ผมอยากพูดแล้วก็นึกออก “เอ่อ แล้วมึงไม่ไปดูดนตรีเหรอวะ เห็นเพื่อนกูบอกว่าพี่ฟลอยด์จะเล่นดนตรีให้มึงฟัง” ลองถามมันครับ ไอ้ต้อมตาโตมองผม
“เชี่ย เอาข่าวมาจากไหน” ทำตาหลอกแหลกจนผมเกือบขำ
“จากเพจคู่มึงไง อีเข็มเพื่อนกูวี๊ดว๊ายเป็นปลาไหลถูกขี้เรื่อยตั้งแต่เช้า” พูดไปก็จ้องท่าทีเพื่อนไป ไอ้ต้อมมันขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ผมเลยชวนมันไปเดินเที่ยวแทน เพราะคณะผมก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว
ผมกับไอ้ต้อมเดินไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนน่าสนุกก็เข้าไปแจม อย่างคณะบริหารที่แม่งมีเกมส์ให้เล่น มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ใช่เกมส์ลับสมองประลองปัญญา ผมไม่ค่อยมีปัญญากับมันสมองเลยส่งไอ้ต้อมไปชิง สรุป ไม่ได้รางวัลอะไรเลย ได้แต่ไลน์มาแทน เชี่ยเอ้ย พี่เขาเห็นลูกกระเดือกผมหรือเปล่าวะ ไม่เข้าใจ
เดินหน้างอออกจากหน้าตึกบริหาร ไอ้ต้อมก็หัวเราะเยาะผม มันขู่ว่าจะบอกพี่โชจนผมวิ่งไล่เตะมัน ตั้งแต่สนิทกันนี่ผมโคตรหวาดกลัวเลยครับ แค่พวกสปายอย่างอีเข็มก็น่ากลัวพออยู่แล้ว นี่มีไอ้ต้อมอีก คงเอาไว้สืบตอนผมแอบไปกินเหล้าแน่
เวลาใกล้เที่ยงเต็มแก่ ผมรีบชวนไอ้ต้อมไปคณะวิศวะ แต่ดูมันไม่ค่อยอยากไป
“หิวมึงก็หาอะไรกินสิวะ จะไปทำไมคณะนั้น” ไอ้ต้อมพูด ผมจ้องหน้ามันนิ่ง
“คณะนั้นก็มีข้าวไข่เจียวขาย อีเข็มอัพรูปเมื่อกี้ แล้วก็บอกดนตรีเริ่มแล้ว” ผมว่า เมื่อกี้เอามือถือมาดูเวลาเห็นอีเข็มอัพรูปพอดี มันไปกรี๊ดนักร้องนำวงอะไรไม่รู้หน้าเวทีและบอกพี่ฟลอยด์ยังไม่ได้ขึ้นร้อง ข้อความที่พี่ฟลอยด์ส่งมาบอกให้ผมพาไอ้ต้อมไปตอนเที่ยง แปลว่าพี่เขาต้องเล่นตอนเที่ยงแน่
เดินนำไอ้ต้อมไปแม้มันดูอยากจะกลับแต่ผมดึงแขนมันให้เดินต่อ ได้ยินมันบ่นกับตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร หน้าคณะที่มีคนเยอะมากกว่าคณะอื่นๆ ส่วนมากเป็นเด็กผู้หญิงครับ ดูดสาวๆ นี่หว่าคณะนี้ ผมกับไอ้ต้อมเดินเข้าไปด้านในที่จัดงาน ลานกว้างถูกแปลเปลี่ยนเป็นสถานที่จัดดนตรี ด้านข้างมีร้านขายข้าวไข่เจียว ทาโกยากิ กับน้ำแข็งไส แอบเล็งไว้ทุกร้านแต่ดนตรีที่เล่นก็น่าดู นักร้องที่ร้องหน้าตางั้นๆ (แปลว่าหล่อ) สาวๆ ที่มาดูต่างพากันกรี๊ดบ้าง ร้องตามบ้าง แต่เสียงเพราะจริงๆ
ผมเดินไปลากแขนไอ้ต้อมจากร้านขายข้าวเพื่อมาดูคนที่กำลังเดินขึ้นไปบนเวที เสียงกรี๊ดดังยิ่งกว่าเดิมจนต้องยกมืออุดหู ไอ้ต้อมหน้าบูดนิดๆ คงแสบแก้วหูเหมือนผม ข้างๆ ไอ้ต้อมมีเพื่อนร่วมคณะมันมายืน ไอ้ป่านยิ้มหล่อให้ผมเลยต้องยิ้มให้
นักร้องนำบนเวทีเริ่มแนะนำตัวคนในวงก่อนจะผายมือไปที่พี่ฟลอยด์ รุ่นพี่บริหารเดินมายืนตรงกลาง รอยยิ้มอบอุ่นกับเสียงพูดนุ่มๆ ทำเอาผู้คนเคลิ้มเป็นแถวๆ สายตาพราวจ้องมาที่คนข้างๆ ของผม
“เชี่ย พูดซะกูขนลุก” ผมว่า ไอ้ต้อมมันขำนิดๆ
พี่ฟลอยด์พูดซะดูโคตรหล่อ ไอ้ต้อมมันโชคดีแล้วที่มัดใจพี่เขาได้
“ห้ามเดินหนีพี่นะ” ประโยคทิ้งท้ายทำเอาผมโห่ร้องตามไปด้วย แม่งโคตรเขินแทน
เพลงที่ได้ยินเป็นเพลงที่พี่โชเคยร้องง้อตอนผมโกรธแล้วไม่คุยด้วยเกือบอาทิตย์ เพลงมันคงเป็นความรัก เพลงที่ผมโคตรชอบ พี่ฟลอยด์ก็คงอยากร้องให้ไอ้ต้อม พี่เขาอาจจะทำเรื่องบางอย่างให้ไอ้ต้อมมันเสียใจอยู่ก็เป็นไปได้ กลอยประเกรียนคนนี้สัมผัสได้
“หวานมาก” ผมบอก ยิ่งเห็นพี่ฟลอยด์จ้องมาทางไอ้ต้อมยิ่งเขินแทนมัน แม้ไม่เกี่ยวก็เถอะ “ซึ้งมาก” เคลิ้มหนักก่อนพี่ฟลอยด์จะชี้นิ้วมาทางไอ้ต้อมตรงๆ ชัดเจนเหี้ยๆ
ช่วงโซโล่ดนตรี ผมรีบดันหลังไอ้ต้อมไปหน้าเวที พยายามก้มหน้าเพราะกล้องมือถือโคตรเยอะ เสียงกรี๊ดก็แยะ ไปถึงหน้าเวทีเจออีเข็มที่ดีดดิ้นเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า เลยด่ามันไป ระหว่างที่เดินมา ผมขอดอกกุหลาบเด็กมัธยมที่คงเตรียมมาให้ใครสักคน
สะกิดให้ไอ้ต้อมยื่นดอกกุหลาบให้คนที่ยืนยิ้มอยู่บนเวที พอพี่ฟลอยด์รับก็ส่งตาหวานให้ผมนิดหนึ่งจนผมต้องรีบถอยหลังไปยืนกับอีเข็ม คนร้องเพลงเพราะกระโดดลงมาจากเวทีแล้วคุกเข่ามอบดอกไม้ให้เพื่อนผม แม่งโรแมนติกสุดๆ
“ไอ้เหี้ยกลอย เอามีดมาแทงกูที กูตายตาหลับแล้ว” อีเข็มทรุดจนผมต้องรีบประคอง มันทำหน้าเพ้อมาก
เมื่อทุกอย่างจบลง ไอ้ต้อมก็ถูกจูงมือเข้าไปหลังเวที ผมเดินตามหลังมันไปกับไอ้ป่านเด็กเกษตร เห็นอีกคนที่เดินตาม ตัวโคตรขาวแต่หน้าบึ้งเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติ ผมยิ้มให้พี่แกก็เหล่ตามองแล้วยกยิ้มนิดๆ ที่จริงยิ้มแล้วดูดีกว่าทำหน้าบึ้งอีก
มาหลังเวทีก็มีคนเยอะมาก ผมไม่รู้จักใครนอกจากไอ้ต้อมที่กำลังล็อกคอผม ผมก็รีบโยนขี้ไปให้พี่ฟลอยด์ พี่แกก็หัวเราะอย่างเดียว พอหลุดมาได้ผมก็ต้องจัดเสื้อใหม่ อยู่ๆ ก็เหมือนมีการทะเลาะกัน ไอ้ป่านมันไปกวนพี่ตัวขาวนั่นจนเกือบถูกต่อย ผมก็ตกใจเพราะถ้าไอ้ป่านโดนต่อย ผมก็อาจโดนลูกหลงเพราะยืนข้างมันเลย
มือถือในกระเป๋าสั่นรัวจนต้องหยิบออกมาดู ปีศาจ (เมมชื่อนี้) โทรมา
(อยู่ไหน) เสียงโคตรนิ่ง
“อยู่มหาลัยสิครับ”
(ตรงไหนล่ะ ทำไมพี่ไม่เห็น)
“พี่มาที่คณะเหรอ” ตาโตสิครับ
(อืม กำลังเดินขึ้นตึก...มาหาพี่กลอยเหรอครับ) เสียงแรกของพี่โช แต่อีกเสียงที่ลอดออกมาอีกเสียงไม่ใช่แน่...หรือว่า
“พี่รอแปบนะ เดี๋ยวผมรีบไปหา” ซวยแล้วไอ้กลอย
รีบบอกไอ้ต้อม หน้าตามันดูเป็นห่วงแต่ไม่มีเวลาใส่ใจมากเพราะปีศาจรออยู่ คาดว่ากำลังเผชิญหน้ากับไอ้สามหน่อปีหนึ่งแน่
ตอนนี้มีกำลังเท่าไหร่ใส่พลังวิ่งอย่างเดียวครับ เหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็ต้องวิ่ง รีบโทรหาไอ้ทูระหว่างวิ่งแต่มันดันไม่ยอมรับสาย เพื่อนผมไม่รับสายสักคน กว่าจะมาถึงผมก็แทบไม่มีแรงขึ้นบันได
“จะรีบไปตายหรือไงวะ” เสียงไอ้เคที่เดินกินไอศกรีมอย่างใจเย็น ผมกอดเสาหอบแฮ่กเถียงไม่ออก “เอาๆ” มันยื่นไอศกรีมมาผมก็อ้าปากรับ
“เชี่ยเอ้ย โทรหาพวกมึงไม่รับสักคน” ผมว่าหลังเริ่มหาเสียงเจอ
“อ่าว พวกไอ้ทูมันก็อยู่ในงาน หรือมันไม่เอามือถือติดตัว”
เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้ผมต้องรีบขึ้นตึกก่อน ไม่รู้พี่โชทำไรไปบ้างหรือยัง จะฆ่าไอ้เด็กปีนเกลียวพวกนั้นหรือยัง
ดึงแขนไอ้เคเข้าตึกจนมันโวยวายแต่พอบอกมันก็ตาเหลือกทิ้งของกินในมือแล้ววิ่งตาม มองเห็นร่างที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสแล็คสีดำยืนจ้องหน้าเด็กชุดนักศึกษาสามคนหน้าโซนรูปวาดโชว์
“เชี่ย” ไอ้เคมันสบถ คงเห็นเหมือนผมนั่นแหละครับ
ไอ้ทูยืนอยู่ข้างพี่โช ส่วนพี่สักกับไอ้ต๋องก็ยืนอยู่ไม่ไกล ผมรีบเดินเข้าไปหา พี่โชมองผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปจ้องหน้าทางเดิม
“เอ่อพี่โช ไปดูงานกัน” รีบชวนแต่คนโดนชวนไม่ยอมขยับ “มีเรื่องอะไรกันวะ” กระซิบถามไอ้ทูครับ มันหน้าเสียแล้วยื่นมากระซิบตอบ
“เมื่อกี้เกือบต่อยกันไอ้สัด ดีที่กูห้ามทัน”
“จริงเหรอวะ”
“เออสิ ไอ้เด็กสามคนนี่ไม่กลัวเลยนะเว้ย” ไอ้ทูว่าต่อ
“ก็สามคนกับคนเดียวมันได้เปรียบกว่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้เคยื่นหน้ามากระซิบด้วย
“แต่คนเดียวโหดกว่าแน่นอน สามคนมันเอาไม่อยู่หรอก” ไอ้ทูตอบกลับ
“สรุปพวกมึงพูดถึงคนหรือหมาวะ” ผมขัดขึ้น “พี่โช” เรียกคนที่ยืนนิ่ง
“อย่าให้กูเห็นพวกมึงมายุ่งกับแฟนกูอีก” พี่โชชี้หน้าเด็กปีหนึ่ง พวกมันดูไม่กลัว
“ทำไมต้องทำตามด้วย” ไอ้เม่นมันถามกลับ พี่โชแทบพุ่งไปหาดีที่ผมกับไอ้เคช่วยกันดึงไว้ แต่ก็เกือบจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน
“พวกมึงจะไปยุ่งกับไอ้กลอยทำไมวะ เห็นๆ อยู่ว่ามันมีแฟนแล้ว” ไอ้เคมันว่า
“ถึงมันไม่มีแฟน อย่างพวกมึงก็ไม่ใช่สเป็กมันหรอก” ไอ้ทูเสริม
“ยังไม่เคยคบจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่สเป็ก” ตาโตมองคนที่เถียง ไอ้ไม้ทำหน้าตากวนบาทามาก ขนาดผมยังอยากต่อยหน้ามัน
“มึง!” พี่โชสะบัดจนเกือบจะหลุด ผมรีบกอดเอวไว้แน่น
“ห้ามมีเรื่อง ผมขอล่ะ นะๆ” พี่โชดูสงบลงผมเลยตวาดไอ้เด็กบ้าพวกนี้ “พวกมึงก็ด้วย ชอบมีเรื่องหรือไง หรืออยากถูกไล่ออก พ่อแม่มึงคงภูมิใจที่ลูกมีเรื่องเพราะแย่งผู้ชายไอ้สัด”
“แต่พวกผมชอบพี่จริงๆ” เสียงยืนยันหนักแน่นจนน่าปวดหัว
“มึงดูปากกูนะ กูไม่ได้ชอบพวกมึง ถ้าไม่ใช่น้องในคณะกูจะไม่สนใจด้วยซ้ำ ดังนั้นอย่ามายุ่งกับกู แล้วกูก็มีแฟนแล้ว แม้จะเป็นปีศาจแต่กูก็รักมาก เข้าใจหรือยังวะ” หอบหนักเพราะพูดไม่หยุด ดูไอ้เด็กสามคนนั้นจะนิ่งไป “พวกมึงกำลังทำให้กูเดือดร้อน รักกูแล้วทำกับกูแบบนี้เหรอวะ” ไซโคไปจนพวกมันก้มหน้า
“ขอโทษครับ” เสียงอ่อนลงทันที ก่อนไปเห็นจ้องพี่โชแปบหนึ่ง
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจ เกือบไม่รอด แต่พอเงยหน้ามองคนข้างๆ ก็เจอสายตาดุจ้องนิ่ง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ” พี่โชบอก ไอ้กลอยอยากจะร้องไห้จริงๆ แต่ผมควรทำให้พี่โชอารมณ์ดีก่อนกลับ ไม่งั้นโดนหนักแน่
“หิวอ่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผมดึงแขนพี่โช พวกไอ้ทูรีบทำมือไล่
“อย่าให้มันเข้าใกล้” เสียงเข้มสั่งจนผมต้องพยักหน้า
“รู้แล้วๆ”
ผมพาพี่โชเดินหลายคณะ แวะซื้อผักปลอดสารพิษที่คณะเกษตรถุงใหญ่ เจอไอ้ดอยตักไอศกรีมผมก็รีบเข้าไปหา เพราะความสนิททำให้ไอ้เยอะกว่าคนอื่นๆ
“เสน่ห์แรงจริงนะ” พี่โชแขวะเบาๆ ก่อนอ้าปากกินไอศกรีมที่ผมป้อน
“มันมีเมียแล้ว อย่าหวงเว่อร์ได้ป่ะ”
“เออ อย่าทำตัวน่ารักให้มากด้วย แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
“กินยามั้ย” พี่โชขำออกมา “อารมณ์ดีแล้ว”
“ใครบอก” หน้าบึ้งเฉย “มีเมียน่ารักยังไงก็ต้องหวง”
“หล่อต่างหาก พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ”
“นี่หล่อแล้วเหรอ” พูดปนขำจนผมทำหน้าบึ้ง
“ด่าผมว่าอุบาทยังง่ายกว่า”
“หึๆ”
พี่โชยกแขนพาดคอผมเดินไปทั่ว หลายครั้งมีคนขอถ่ายรูป แปลกที่พี่โชยิ้มแย้มให้ถ่ายจนผมแปลกใจ แบบนี้ผมไม่ต้องถูกลงโทษแล้วสินะ
“คืนนี้ผมขอไปกินเหล้านะ” ลองขอ พี่โชหน้าบึ้งทันที
“คืนนี้เรายังต้องคุยกันอีกยาว” เสียงของปีศาจโคตรเหี้ยม “ชอบตีเนียนตลอดนะ”
“พี่โชก็ เป็นเทวดาหล่อๆ สักวันไม่ได้เหรอ เป็นปีศาจหน้ายักษ์ทุกวันไม่เบื่อเหรอวะ”
“ก็มีแต่คนเล็งเมียตัวเองจะให้ปั้นหน้ายิ้มทำไม่ได้หรอก”
“เลยต้องทำหน้ายักษ์แทนเหรอ” พี่โชพยักหน้าก่อนฉีกยิ้ม
“ยักษ์หล่อขนาดนี้ยังไม่พอใจเหรอครับ” ลอยหน้าลอยตาพูดจนผมหันหน้าไปอ้วก “เดี๋ยวจะโดน”
“คืนนี้พวกเพื่อนมันนัดกัน ผมขอไปนะ นะๆๆๆ” ออกลูกอ้อนเต็มที่ พี่โชทำหน้านิ่ง
“ก็ได้ แต่พรุ่งนี้...” ปีศาจจ้องหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ “ทั้งคืน” ชิบหาย
“งั้นไม่ไปแล้วเว้ย” โวยวายแล้วรีบเดินหนี พูดกับปีศาจหื่นๆ ก็มักจะได้ยินแต่พวกเรื่องบนเตียงตลอดๆ
“กลอยครับ รอพี่ด้วย”
“ไม่รอเว้ย”
ได้ยินเสียงหัวเราะดั่งปีศาจตามมาจากด้านหลัง แต่ถึงจะเป็นปีศาจแต่ผมก็ยังรักนั่นแหละ
“เมียจ๋า รอด้วย”
“ห้ามเรียกแบบนั้นนอกห้องเว้ย”
“เมียจ๋า”
“ไอ้ปีศาจ” เอามืออุดหูแล้วเดินหนี สุดท้ายก็ถูกกอดไหล่เดินรอบมหาลัย พี่โชก็ยังเป็นพี่โช โหดยังไงแต่ก็ใจดีกับผมเสมอ (เวลาที่ไม่โมโหผมนะ)
...
ตอนพิเศษมาแบบเรียบๆ ตามสไตล์ปีศาจค่า >w<