- ดื่มครั้งที่ 21 -
ความอึดอัดช่วงอกและช่วงลำตัวทำให้ผมหายใจติดขัด ดวงตาปิดสนิทไม่กล้าเปิดมองอะไรก็ตามที่นั่งทับกันอยู่ เหงื่อกาฬแตกพลั่กเมื่อสติทบทวนทุกอย่างเป็นอย่างดีแล้วได้คำตอบว่า ไอ้ความอึดอัดที่มีจนขยับตัวไม่ได้คือโดน 'ผีอำ' ไม่ผิดแน่ๆ ฮึก นอนคืนแรกก็เจอดีเลยเหรอวะกู... เขามาหลอกผมเพราะหวงไอ้พี่จีบหรือเปล่าวะ
ผมพยายามขยับแขนปัดป่ายที่นอนด้านข้างเผื่อจะเจอความอุ่นใจขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลย ไอ้พี่จีบมันลุกไปไหนของมันวะเนี่ย ปล่อยให้ผมโดนผีอำตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ ฮือ แล้วผีเชียงรายมันหน้าตาน่ากลัวขนาดไหนวะไม่เคยเจอมาก่อนซะด้วยสิ
"พี่จีบ ฮือ ช่วยด้วย"
ผมร้องเรียกเสียงไม่ดังนักด้วยเสียงสั่นเครือ ไม่กล้าขยับตัวมากมายกลัวว่าผีที่กำลังอำกันอยู่จะทำการใหญ่อย่างลุกขึ้นมาบีบคอกัน
"ช่วยอะไร"
ผมได้ยินเสียงคนที่ต้องการดังอยู่ไกลๆ เขาดูไม่ทุกข์ร้อนหรือมีแววหวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น จนเผลอคิดไปว่าไอ้ผีตัวนี้มันหลอกผมคนเดียวแน่ๆ ปากที่เคยเม้มสนิทกลับเบะลงเตรียมตัวร้องไห้เต็มที่
"ผีอำ ช่วยที ฮือ"
ผมยังคงส่งเสียงครวญครางอยู่จนรู้สึกได้ถึงที่นอนข้างตัวยวบลง ถ้าให้เดาพี่จีบคงเดินมานั่งบนเตียงแล้ว
"ลืมตา"
"ไม่เอา กลัว ฮือ"
"กูบอกให้ลืมตาไอ้คิส ผีเผออะไรของมึงเนี่ย"
"พี่แม่งไม่เห็นมันหรอก ผีหลอกผมคนเดียว แง"
ผมยังคร่ำครวญไปเรื่อยๆเมื่อความอึดอัดยังไม่จางลง ได้ยินเสียงพี่จีบขำออกมาเบาๆ มีอะไรน่าขำคนโดนผีอำ!
"เออ หลอกมึงคนเดียว ขึ้นไปนอนทับมึงทั้งตัวเลยเนี่ย มีขนด้วยนะ"
"อ๊ากก เห็นด้วยเหรอ ฮือ ไล่ผีออกไปที แง"
"กูไม่ใช่หมอผีว่ะ ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก"
พี่จีบพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงอะไรที่ชื้นแฉะบนใบหน้า... ฮึก ผีเลียหน้า ไม่นะ ไม่!
"ฮึก มันเลียหน้า!"
คราวนี้ผมทนไม่ไหวเลยกลั้นใจสะบัดตัวหนี ไอ้ผีบ้าบนตัวก็ไม่ยอมขยับไปไหน แถมยังส่งเสียง 'บู้ววว' ออกมาด้วย แต่เดี๋ยวนะ... ผมลืมตาโพลงเพราะอยากเห็นว่าผีหน้าตาแบบไหนหอนเหมือนหมา แล้วก็ได้คำตอบที่ทำให้หน้าแตกละเอียด เมื่อไอ้ก้อนขนสีดำขาวอายุราวๆสามสี่เดือนกำลังนอนทับบนอกผมและใช้ดวงตาสีฟ้าสดใสจ้องมองกัน
"หมา!!"
ผมตะโกนเสียงดังลั่นห้องก่อนจะหันขวับไปหาคนที่เปลือยท่อนบนแล้วนั่งหัวเราะจนตัวงออยู่ข้างๆ ไอ้พี่จีบขี้แกล้ง แม่ง!
"เออ ก็หมาไง ไอ้ข้าวเหนียวมันคงเข้ามาตอนกูแง้มประตูทิ้งไว้"
ยัง...ยังจะขำอีก หน้าดำหน้าแดงขนาดนี้ตลกมากไหมครับคุณ ผมนี่หน้าง้ำจนปากจะติดจมูกอยู่แล้ว ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำท่ากระฟัดกระเฟียด ไอ้ข้าวเหนียวนี่ก็ไม่ยอมหนีไปไหนจริงๆนะ แทนที่จะกลัวผมโวยวาย มันกลับขยับไปนอนข้างๆแล้วเอาหัวเกยท้องผมแทน อ๊าก กวนตีนเหมือนเจ้าของไม่มีผิด จับปั้นจิ้มน้ำพริกใส่ปากแม่ง
"พี่จีบแกล้งผม!"
ผมตะโกนเสียงไม่ดังนักก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงโดยไม่สนว่าไอ้ข้าวเหนียวจะกลิ้งลุนๆไปทางไหน เพราะพ่อมันต้องรอรับอยู่แล้ว
"กูบอกให้มึงลืมตาแล้วไง นี่กูผิดเหรอวะ"
คำถามไม่ได้คล้องจองกับการกระทำเลย เพราะในเมื่อพี่จีบมันยังนั่งหัวเราะเอิ้กอ้ากสนุกสนานไปเรื่อย ส่วนผมเอาแต่มุ่ยหน้าอยู่ใต้ผ้าห่ม ที่จริงไม่ใช่เพราะโมโหอะไรหรอก แต่สายตาดันไปปะทะกับซิกแพคและอกแน่นๆของมัน ใจพาลเต้นตึกตักจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกมาจากอก
"ไปใส่เสื้อผ้าไป!"
ผมเหวอีกรอบแล้วขยับยุกยิกหันหลังให้มันก่อนจะออกจากผ้าห่ม แต่ไม่ทันระวังตัวให้ดีไอ้พี่จีบก็โน้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกชนเข้ากับแก้มผมแบบจงใจ หน้าเห่อร้อนขึ้นแทบจะทันที ร่างกายแข็งทื่อยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าผีอำเป็นไหนๆ จะจู่โจมกันหนักเกินไปแล้วนะเว้ย ไม่เกรงใจกูก็เกรงใจไอ้ข้าวเหนียวที่ข้ามฝั่งมานอนมองหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บ้างก็ได้
"เขินเหรอหืม"
พี่จีบยกยิ้มมุมปากก่อนจะใช้จมูกโด่งคลอเคลียกับแก้ม ผมปัดป่ายมือพัลวันจนโดนพี่จีบรวบแขนไว้
"อื้อ อย่ามาลวนลามนะเว้ย"
ผมดิ้นขลุกขลักจนถีบผ้าห่มและหมอนข้างตกลงพื้น ดีหน่อยที่ไม่เผลอไปถีบไอ้ข้าวเหนียวเข้า ไม่อย่างนั้นผมคงโดนพี่จีบกระทืบตายแน่
"อย่าดิ้นสิวะ เสื้อมึงเปิดจะถึงคออยู่แล้ว ยั่วหรือไง"
ผมชะงักกึกกับประโยคที่พี่จีบพูดขึ้น พอมองสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าหน้าท้องขาวแบนราบของตัวเองปรากฏสู่สายตาของร่างสูงแบบจังๆ จะไม่รีบลนลานดึงเสื้อปิดเลยถ้าพี่จีบมันไม่ได้คิดอกุศลกับผมแบบนี้
"ใครยั่ว ไม่ได้ยั่วเว้ย ไปแต่งตัวเลย ผมจะไปอาบน้ำแล้ว"
ผมดึงข้อมือออกจากการเกาะกุมของพี่จีบก่อนจะดึงเสื้อปิดหน้าท้องอย่างรวดเร็วแล้วกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงในเวลาต่อมา ครั้นจะลุกพรวดออกไปเลยก็ไม่ได้เพราะไอ้ข้าวเหนียวนอนมองตาวาวอยู่
"เออๆ ไล่จังวะ หุ่นกูไม่น่ามองหรือไง"
เสียงพี่จีบดังขึ้นด้านหลังก่อนจะรู้สึกถึงแรงขยับตัวลุกขึ้นของเขา ผมเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบอะไรออกไป เพราะถ้าบอกไปไอ้คนหื่นกามมันคงดีใจจนเนื้อเต้น... ก็หุ่นไอ้พี่จีบแม่งโคตรเซ็กซี่ เอาง่ายๆแซ่บลืมอ่ะครับ ฮือ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอน้ำลายไหลไปบ้างหรือเปล่า
"เงียบอีก.. ไปอาบน้ำไป จะสายแล้ว"
"ครับๆ"
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่จีบก็พาผมลงมาชั้นล่างของบ้าน เจ้าหมาไซบีเรียนฮัสกี้สี่ตัวรีบพุ่งเข้ามาคลอเคลียทันที ไม่เว้นแม้แต่ผมก็ยังโดนไปด้วย เพิ่งเห็นว่าตัวสีขาวที่ชื่อข้าวแช่ตัวเล็กพอๆกับไอ้ข้าวเหนียวที่มาแกล้งผมเลย
"พี่จีบๆ ดูไอ้ข้าวเหนียวดิ ปีนขาผมใหญ่เลย"
ผมชี้ชวนให้พี่จีบที่กำลังลูบหัวข้าวปั้นเล่นอยู่มองข้าวเหนียวที่พยายามยืนแล้วปีนขาผมอยู่
"สงสัยจะติดใจมึงแล้วมั้ง ใช่ไหมข้าวเหนียว มาหาพ่อมา"
พี่จีบตบมือลงบนขาเบาๆเรียกข้าวเหนียวให้เข้าไปหา มันมองตาวาวก่อนจะรีบวิ่งไปหาพ่อ ดูมีความสุขทั้งคนทั้งหมาจังวะ... ทำไมรู้สึกอิจฉาตะหงิดๆ หรือผมจะแพ้หมา
"ติดใจอะไรวะพี่ ผมไม่ได้เล่นอะไรกับมันเลยนะ"
ผมว่าก่อนจะเดินตามคนที่อุ้มข้าวเหนียวไปนั่งบนโซฟา ไอ้สามหน่อที่เหลือก็แยกย้ายกันเดินเล่นไปมาบริเวณใกล้ๆ ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกันก่อนจะถือวิสาสะลูบหัวไอ้หมาเด็กเล่น ขนนุ่มดีว่ะ ถ้าได้กอดรับรองจะไม่ปล่อย หึหึ
"ปกติข้าวเหนียวไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้าเท่าไหร่ แต่กับมึงนี่.. รีบวิ่งไปนอนทับเลย"
พูดจบก็ขำเอิ้กอ้ากขึ้นมาอีกรอบ สงสัยว่าเจ้าตัวคงเห็นตั้งแต่มันขึ้นมานอนทับผมแน่ๆแต่ไม่ยอมไล่ ฮึก ปล่อยให้ผมโวยวายเป็นคนบ้าอยู่ได้ พี่จีบคงรักผมมากสินะ!
"จะฆ่าผมให้ตายเพราะหวงพ่อมันป่ะ"
ผมว่าก่อนจะมุ่ยหน้าใส่ข้าวเหนียวที่ปีนขึ้นมานอนบนตักผมหน้าตาเฉย ทำมาอ้อนออเซาะนะ ทีเมื่อเช้าร่วมมือกันกับพ่อมึงแกล้งกูอยู่เลย
"หมาที่ไหนจะฆ่าแม่ตัวเองได้ลงวะ ตลกละมึง"
พี่จีบมองผมก่อนจะยักคิ้วกวนให้กัน ผมเบิกตาค้างอ้าปากพะงาบๆ ไม่ได้ตกใจที่โดนหาว่าเป็นแม่หมา แต่พ่อหมาแม่หมาเป็นเป็นของคู่กันนี่ดิ อยู่ๆแก้มก็ร้อนวูบวาบขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
"แม่อะไรวะ ไม่คุยด้วยแล้ว หิวข้าว!"
ผมลุกพรวดแล้วเดินดุ่มๆไปที่ห้องครัวทันที แต่...ห้องครัวมันอยู่ส่วนไหนของบ้านยังไม่รู้เลย ตามทางก็เจอเข้ากับข้าวแช่ตัวสีขาวสะอาดกำลังนอนเกลือกกลิ้งบนพื้น ผมนั่งยองๆก่อนจะลูบหัวมันเล่น ชอบนะกับน้องหมาเนี่ย แต่ไม่มีปัญญาจะเลี้ยง เพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่ จะลำบากให้แม่บ้านเลี้ยงก็ยังไงอยู่ เกรงใจเขา
"ไหนบอกหิว จะกินไอ้ข้าวแช่แทนหรือไง"
พี่จีบยืนค้ำหัวกันก่อนจะยักคิ้วกวนส่งมาให้ ผมเบ้ปากแล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
"หาครัวไม่เจออ่ะ แล้วนี่แม่กับซารังไปไหนกันหมด"
ผมหันซ้ายหันขวาก็ไม่พบทั้งสองคน เจอแต่แม่บ้านยิ้มหวานส่งให้อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน
"มึงนี่นะ แม่กับซารังออกไปไร่แล้ว เราค่อยตามไปทีหลัง"
พี่จีบพูดก่อนจะถือวิสาสะคว้าข้อมือผมให้เดินตามกันไปที่โต๊ะอาหารซึ่งอยู่อีกฟากของบ้าน โต๊ะกลมหมุนสวยงามขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเก้าอี้สีครีมอีกหกตัว อาหารเช้าสไตล์ยุโรปถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย
"ไปล้างมือก่อนไป"
พี่จีบดันหลังผมให้เดินไปที่ห้องครัวใกล้ๆ ส่วนเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะ ผมจัดการล้างมือและเช็ดจนแห้งก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆกัน ไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน แฮม ขนมปังปิ้งทาเนยทำให้น้ำย่อยของผมทำงานแทบจะในทันทีที่เห็น
"กินซะ"
พี่จีบว่าก่อนจะส่งขวดซอสมะเขือเทศมาให้กัน ผมรับมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณร่างสูง แล้วตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของตัวเองไป
ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่บนรถที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นดอยไปไร่กาแฟของครอบครัวพี่จีบ หนทางออกจะลำบากเล็กน้อยแต่ผมก็ไม่หวั่น แต่ที่หน้าหนักใจคือไอ้สองตัวที่ยึดตักผมเป็นที่นอนอยู่เนี่ยสิ.. จะตามมาทำไมวะเนี่ย
"เอาข้าวเหนียวกับข้าวแช่ไปด้วยจะดีเหรอพี่"
ผมถามในขณะที่หมาทั้งสองตัวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตักของผม มือเรียวยกขึ้นลูบตั้งแต่หัวจรดหางด้วยความเพลิดเพลิน พี่จีบเหลือบมามองกันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"มันชอบออกมาเที่ยว... ตอนเดือนสองเดือนกูชอบพามันออกไปนั่งรถเล่นบ่อยน่ะ เลยนิสัยเสียแบบนี้"
พี่จีบอธิบายส่วนผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
"เอ้อ แล้วแม่พี่อยู่เชียงรายตลอดเลยเหรอ"
อันนี้ผมสงสัยมานานแล้ว เพราะลูกทั้งสามคนรวมถึงพ่ออยู่บ้านในกรุงเทพฯแล้วทำไมแม่มาโผล่อยู่ที่เชียงรายซะได้
"แม่มาเชียงรายปีละครั้งช่วงพวกกูปิดเทอมนี่ล่ะ พอหมดปิดเทอมแม่ก็กระเตงลูกรักสี่ตัวกลับกรุงเทพฯ"
"อ๋อ..."
หลังจากนั้นบทสนทนาของเราก็จบลงเพราะไอ้ข้าวเหนียวดันตื่นขึ้นมาแล้วนอนกลิ้งจนเผลอไปทับไอ้ข้าวแช่ คราวนี้งานใหญ่เลยครับเพราะมันตื่นมาจะเล่นกัน ลำบากผมต้องขยับขยายตัวเองไปนั่งเบาะหลังแล้วคุมมันสองตัวเอาไว้ไม่ให้รบกวนพี่จีบขับรถจนไปถึงไร่นั่นล่ะ ผมนี่แทบจะคลานลงจากรถเพราะใช้พลังงานเล่นกับหมาสองตัวเยอะมาก
ผมอุ้มไอ้ข้าวเหนียวที่ติดผมแจลงจากรถ ส่วนไอ้ข้าวแช่โดนพ่อหมาอุ้มไปเรียบร้อย เราเดินลัดเลาะไปตามต้นกาแฟที่สูงเทียมไหล่ไปเรื่อยๆจนเจอแม่และซารังที่ยืนโบกมืออยู่ไม่ไกล ถึงจะมีแดดแต่ไม่ได้ร้อนเพราะอากาศบนดอยบวกกับอากาศช่วงปลายปี
"ไม่เอาลูกผมมาด้วยอ่ะ"
ซารังยิ้มแฉ่งก่อนจะคว้าไอ้ข้าวแช่ไปจากมือพี่จีบที่ส่งให้กัน ผมแทบอยากตะโกนใส่หน้าว่า 'แค่ไอ้สองตัวเนี่ยกูก็จะตายแล้ว ถ้าเอาลูกมึงมาด้วยกูคงตายตั้งแต่ขึ้นรถ'
"แค่สองตัวนี้ก็ซนแล้ว ลูกมึงมาด้วยกูคงตกเขาตาย"
พี่จีบพูดก่อนจะผลักหัวน้องเบาๆ ซารังมุ่ยหน้าก่อนจะพาไอ้ข้าวแช่ไปเดินเล่นซะอย่างนั้น ส่วนไอ้ข้าวเหนียวพ่อเห็นแม่ก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กๆจะไปหาทันที ผมเลยส่งเจ้าตัวน้อยให้แม่อุ้มแทน
"ข้าวเหนียวดูท่าทางจะติดแม่มากเลยนะครับ"
ผมพูดก่อนจะยิ้มให้ แม่พี่จีบยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบคำถาม
"แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ข้าวเหนียวกับข้าวแช่นอนกับแม่ทุกคืนเลยนะ"
ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเบิกตากว้างเพราะคิดอะไรบ้างอย่างขึ้นได้ ไอ้พี่จีบบอกว่าข้าวเหนียวกับข้าวแช่ยึดห้องนอนแขกไม่ใช่หรือไง แล้วทำไม.... อ๊าก ไอ้พี่จีบ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ หลอกให้ผมไปนอนด้วยกันนี่หว่า ทำไมเป็นคนร้ายกาจแบบนี้นะ!
"ไอ้พี่จีบ!"
ผมเผลอตะโกนใส่แล้วกำหมัดทุบลงบนอกคนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างๆ ใบหน้าหล่อเบ้ทันทีที่รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด แม่มองผมสลับกับพี่จีบก่อนจะขอตัวไปเดินเล่นซะดื้อๆ ดีครับ ผมจะกระทืบไอ้พี่จีบ แม่ไม่อยู่ดูน่ะดีแล้วครับ
"อะไรวะ ทุบกูทำไมเนี่ย"
"ก็เมื่อคืนหลอกผมให้ไปนอนด้วยทำไมเล่า!"
ผมเหวเสียงดังแต่ไม่ยอมสบตาคนตรงหน้าที่เพิ่งคิดได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปเมื่อคืน พี่จีบขยับตัวเข้ามาชิดก่อนจะวาดแขนกอดรอบเอวผมจากทางด้านหลังอย่างหน้าตาเฉย อยากดิ้นอยู่หรอกนะแต่มันหนาวอ่ะ กอดไว้แบบนี้มันก็อุ่นดี
"ถ้าไม่หลอก มึงจะยอมไปนอนกับกูหรือไง"
เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นชิดใบหูจนผมต้องย่นคอหนีเพราะรู้สึกหวิวๆยังไงไม่รู้ ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพราะกำลังเค้นสมองตามหาคำตอบของคำถามนั้น.. นั่นสิถ้าไม่หลอกกันผมจะยอมนอนกับเขาเหรอ
"บอกดีๆก็ได้ ไม่ต้องหลอก"
ผมว่าเสียงอ่อย เอาจริงๆแล้วคำตอบของคำถามพี่จีบมันโคตรง่ายเลยนะ แต่ผมไม่อยากตอบให้อีกคนดีใจหรอก ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พี่มันก็ทำให้ผมเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว ถ้าบอกไปอาจจะโดนจู่โจมจากเขาจนผมหัวใจวายตายไปก่อนจะได้คบกันก็ได้
"ถ้าบอกแล้วจะยอมเหรอ"
"ถ้าผมไม่ยอมพี่ก็อ้อนสิครับ ไม่เห็นยากเลย"
งานแกล้งก็มา.. เอาจริงๆผมอยากเจอพี่จีบโหมดอ้อนอีกสักครั้ง ตอนเขาทำตัวน่ารักๆผมนี่แทบละลายไปกองกับพื้น ถึงมันจะเป็นการทำร้ายตัวเองแต่ผมก็ยอมนะ
"ให้กูอ้อนเนี่ยนะ ไม่เอาด้วยหรอก กระดากปาก"
พี่มันว่าก่อนจะแกล้งกดคางลงบนไหล่ก่อนจะออกแรงขยับหมุนวนจนรู้สึกจั๊กจี้ ผมขยับตัวดิ้นเบาๆเพื่อหนีจากคางมน แต่พี่จีบรัดรอบเอวผมไว้แน่นเกินกว่าจะหนี
"งะ งั้นคืนนี้ผมไม่นอนกับพี่แล้ว"
ผมพูดเสียงตะกุกตะกักแต่กดให้มันต่ำลงเหมือนจะจริงจัง แต่เปล่าเลยครับ แค่กำลังตัวรุมๆ เขินๆยังไงไม่รู้ อยู่ใกล้กับพี่จีบนานๆแล้วหัวใจมันทำงานหนัก
"ไม่เอาดิวะ จะทิ้งกูหรือไง มาด้วยกันก็นอนด้วยกันดิ"
พี่จีบเริ่มเข้าโหมดเด็กน้อยงอแงพร้อมกระชับวงแขนกอดผมแน่นขึ้น จมูกโด่งกดย้ำลงบนไหล่คล้ายกำลังอ้อนวอน ผมเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้มกับการกระทำของคนตัวโต ไม่ไหวว่ะ รีเควสเองจะตายเองแบบนี้ ไม่โอเค
"มาด้วยกันสามคนนะ ก็ต้องนอนด้วยกันสามคนไหม"
ผมพูดออกไปเมื่อคิดตามพี่จีบแล้วได้คำถามเชิงกวนตีนแบบนั้น นี่สาบานเลยนะว่าไม่ได้กวนตีน จริงๆนะ เชื่อผมสิ เชื่อนะ หึหึ
"คิสครับ นอนกับพี่เถอะนะ นะครับนะ คนดีของพี่จีบ ~"
พี่จีบลากเสียงยาวท้ายประโยค น้ำเสียงออดอ้อนจนผมเผลอใจสั่นแรง แก้มเห่อร้อนลามไปถึงใบหูอย่างควบคุมไม่ได้ ความรู้สึกแปลกประหลาดกำลังถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ผมกำลังอยากขย้ำพี่จีบ ทำไมถึงอ้อนได้น่ารักขนาดนี้วะ นี่แค่คำพูดนะยังไม่เห็นสีหน้าเลย
"ไหน...ไหนบอกว่าจะไม่อ้อนไง กระดากปากไม่ใช่เหรอครับ"
ผมถามก่อนจะพยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายแล้วถึงจะเม้มปากแน่นจนเจ็บไปหมดก็ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลยยกมือขึ้นมาปิดปากแทน โอย ลำบากอะไรขนาดนี้วะคนเรา แล้วอะไรมายืนอ้อนกันกลางไร่กาแฟวะ ดีนะที่คนงานเขาไม่เดินมาแถวนี้ไม่อย่างนั้นคงได้อายแน่ๆ
"ยอมว่ะ ถ้าอ้อนแล้วมึง 'นอน' ด้วยกัน"
เสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบ ทำไมพี่จีบต้องเน้นคำว่านอนด้วยวะ ชักจะแปลกๆเกินไปแล้วนะ
"ทำไมเน้นจังคำว่า 'นอน' เนี่ย"
ผมถามก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมอง พี่จีบเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะตอบกลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับตัวเองไม่ได้คิดเรื่องอกุศลอะไร
"ก็หมายความว่านอนเฉยๆ หรือมึงคิดลึก"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาจนผมต้องหลบสายตา เปลี่ยนโพกัสใหม่อย่างเร่งรีบ ผมบ่นพึมพำงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวก่อนจะตอบกลับไป
"พี่นั่นล่ะ ชอบชวนให้ผมคิดลึก"
"กูชวนให้มึงสมยอมต่างหาก"
ผมเบิกตากว้างก่อนจะรัวมือลงบนแขนแกร่ง พี่จีบรีบคลายอ้อมกอดออกทันทีก่อนจะเบ้หน้า
"รุนแรงนะมึง"
"พี่ชอบแกล้งผมอ่ะ สมน้ำหน้า!"
"กูไม่ได้แกล้ง จริงจังอยู่นะ"
สายตาที่พี่จีบใช้มองกันไม่มีแววของความขี้เล่นเลยสักนิด จนผมเผลอถอยหลังหนีเขา.. นี่มันจริงจังจะปล้ำผมขนาดนั้นเลยเหรอวะ
"จะ จริงจังเรื่องจะปล้ำผมเนี่ยนะ"
ผมพูดตะกุกตะกักไม่ยอมมองหน้าพี่จีบ ได้ยินคนตรงหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่จนน่าแปลกใจเลยลองเหลือบตามอง สีหน้าเขาเหมือนกำลังเหนื่อย
"เปล่า แค่มึงสมยอมมาเป็นแฟนกูให้ได้ก่อนเถอะ คนอะไรจีบยากฉิบหาย"
พี่มันว่าก่อนจะยกมือขึ้นโยกหัวผมไปมาแล้วระบายยิ้มออกมาบางๆ ผมได้แต่แอบมองเขาอยู่แบบนั้น ผมจีบยากเหรอ...เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่ะ
"ไปเก็บเมล็ดกาแฟกัน"
พี่จีบลดมือลงมากอดคอกันแล้วออกแรงดันให้ผมเดินไปข้างหน้า ไม่มีการขัดขืนหรืองอแงใดๆหลังจากนั้น
ผมกับพี่จีบเดินผ่านต้นกาแฟมากมาย ผลกาแฟยังคงมีสีเขียวหรือเขียวปนแดง เขาบอกว่าผลสีแดงล้วนทั้งเมล็ดเท่านั้นถึงจะเก็บได้
"เก็บตรงนี้ล่ะ"
พี่จีบหยุดเดินแล้วลดมือลงจากบ่า ผมมองต้นกาแฟตรงหน้าที่สูงเทียมหัว บนต้นมีผลกาแฟสีแดงเต็มไปหมดจนน่าเขย่ามันลงมา
"เก็บทีละเม็ดนะเว้ย ห้ามรูดจากก้าน มันจะเสีย"
ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรับตะกร้าสานใบโตมาถือไว้ ผมเริ่มเลือกเมล็ดสีแดงๆแล้วค่อยเด็ดมันออกจาต้นอย่างระมัดระวัง
"แบบนี้ป่ะพี่"
ผมยื่นเมล็ดกาแฟที่ตัวเองเก็บไปตรงหน้าของเขา ดวงตากลมจับจ้องก่อนจะส่ายหน้าไปมา
"เก็บลูกแดงๆ สีแดงเสมอกันทั้งลูก"
ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเก็บเมล็ดกาแฟเมื่อครู่ลงกระเป๋าเสื้อแทน เพราะมันมีสีเขียวแซมอยู่เล็กน้อย ผมเอื้อมือไปเก็บลูกใหม่แล้วส่งให้พี่จีบดูอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้าหล่อระบายยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มเก็บต่ออย่างสนุกสนานจนเริ่มเที่ยงเลยเลิกเก็บกันไปโดยปริยาย
"จีบ"
เสียงคุณแม่ยังสาวเรียกลูกชายตัวเองที่พยายามยัดเมล็ดกาแฟดิบใส่ปากผม เจ้าตัวดีชะงักกึกก่อนจะปล่อยผมให้เป็นอิสระ
"ครับแม่"
พี่จีบขานรับอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เกรงกลัวเลยว่าแม่ของตนจะด่าว่าเรื่องแกล้งผม
"แกล้งน้องแบบนั้นระวังเถอะ น้องจะไม่รักเรานะ"
พี่จีบมุ่ยหน้าแล้วหันขวับมามองกันอย่างเอาเรื่อง ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะอุ้มไอ้ข้าวเหนียวขึ้นมากอดไว้ ตอนนี้เรากลับมาที่บ้านกันแล้วครับ ผมกับพี่จีบนั่งอยู่บนพรม ส่วนแม่นั่งอยู่บนโซฟา ซารังกำลังทำขนมอยู่ในครัวเตรียมเพื่อพรุ่งนี้เราจะขึ้นดอยภูชี้ฟ้า
"แม่อย่าแช่งผม.. ตอนนี้มันก็ยังไม่รักผมเลย"
พี่จีบมองมาด้วยสายตาเศร้าสร้อยจนผมเผลอหลุดปากบอก แต่ไม่ได้ครับ บอกไปตอนนี้มันไม่ได้บรรยากาศสักเท่าไหร่ แถมมีแม่นั่งอยู่ด้วย ความด้านของหน้ายังมีไม่มากพอจะทำอะไรแบบนั้น
"พยายามเข้าค่ะลูกชาย อะไรที่ได้มายากๆ แม่เชื่อว่าลูกจะรักษามันเท่าชีวิต"
พี่จีบพยักหน้ารับหงึกหงัก ส่วนผมได้แต่แอบยิ้มทั้งๆที่ก้มหน้าลูบขนไอ้ข้าวเหนียวอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งครอบครัวเขาออกตัวแรงกันมากจนผมแทบลาตาย ไม่ไหวจริงๆ ใครๆก็รุมอ้อนให้ผมยอมเป็นแฟนกับพี่จีบเหลือเกิน
"แม่ครับ พรุ่งนี้ไปภูชี้ฟ้าด้วยกันหรือเปล่า"
"ไม่ค่ะ ลูกไปกับน้องๆเถอะ แก๊ปกันคินก็จะไปสมทบใช่ไหม"
ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาแม่สลับกับพี่จีบทันที ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่แก๊ปกับพี่คินจะตามขึ้นดอยด้วย แล้วไปกันแบบเราสี่ห้าคน คือก็ไม่อยากคิดอะไรมาก แต่พี่แก๊ปกับพี่คิน ผมกับไอ้พี่จีบ มันก็เป็นคู่ๆไม่ใช่เหรอวะ แล้วซารังล่ะ...
"ใช่ครับ เดี๋ยวน้องตินเพื่อนซารังจะตามไปด้วย"
ผมถึงบางอ้อกับคำตอบของพี่จีบ ที่แท้เพื่อนของซารังก็จะตามไปด้วยนี่เอง
"โอเค ดูแลน้องๆกับเพื่อนๆดีๆนะคะ"
"ครับผม"
ตกเย็นผมก็โดนพี่จีบลากออกไปถนนคนเดินเชียงราย หรือที่เขาเรียกกันว่า 'กาดเจียงฮายรำลึก' ยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกันที่คนเยอะขนาดนี้ แทบจะไหลไปตามผู้คนโดยไม่ต้องขยับขาเดินเลนด้วยซ้ำ จะแวะซื้ออะไรครั้งหนึ่งต้องหลบแล้วหลบอีกให้พ้นทางเดิน พี่จีบบอกว่าถนนคนเดินเชียงใหม่คนเยอะกว่านี้อีก ผมถึงกับร้องเสียงหลงเลยทีเดียว
"หิวหรือยัง"
เสียงทุ้มดังมาจากคนที่เดินอยู่เคียงข้างกัน ดวงตาคมมองผมตลอดเวลาที่ยังไม่ได้คำตอบไป
"นิดหน่อยครับ"
ผมตอบก่อนจะไล่สายตาดูร้านค้ามากมาย ของฝากพื้นเมืองเยอะแยะละลานตาไปหมด
"อยากกินอะไรบอกได้นะ"
พี่จีบว่าก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือกันเบาๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วมอง
"เดี๋ยวหลงกัน คนเยอะ"
คำตอบที่ตรงกับคำถามในใจของผมดังขึ้น ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาว่า คนเริ่มเยอะถ้าไม่จับกันเอาไว้อีกคนอาจจะไหลไปตามกระแสชนได้อย่างง่ายดาย
"อื้อ อยากกินขนมจีนน้ำเงี้ยวอ่ะ พี่เคยกินป่ะ"
ผมนึกเมนูอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอตัว ขนมจีนน้ำเงี้ยวที่มีน้ำแกงสีส้มอมแดง ใส่เลือดไก่ หมูสับ กระดูกหมู หรือแม้แต่ตีนไก่... พูดแล้วน้ำลายไหลอ่ะ ต้องอร่อยมากแน่ๆ
"เคยกินนะ"
ร่างสูงตอบก่อนจะสอดส่ายสายตาหาอะไรบ้างอย่างก่อนจะชี้มือไปทางด้านหน้า
"นั่นไงร้านขายขนมจีนน้ำเงี้ยว ไปกินกัน"
พี่จีบกึ่งลากกึ่งจูงผมเข้าไปที่ร้าน เขามีโต๊ะเล็กๆให้สำหรับนั่งกิน พี่จีบอาสาสั่งให้ผมเรียบร้อย ส่วนตัวเองสั่งแค่น้ำอัดลมกิน
"ทำไมพี่ไม่สั่งด้วยอ่ะ ไม่หิวเหรอครับ"
ผมเอียงคอถามด้วยความสงสัย ให้ผมนั่งกินคนเดียวแล้วพี่มันนั่งเฝ้าอาจจะดูแปลกๆไปป่ะวะ
"มันเผ็ด กูกินแล้วปากเจ่อทุกที"
พี่จีบเบ้ปากใส่กัน ผมหลุดขำออกมาเล็กน้อยเพราะเพิ่งคิดได้ว่าพี่เขาไม่กินเผ็ด มีครั้งหนึ่งไปกินข้าวด้วยกัน พี่มันดันกัดใส่เม็ดพริก คายแทบไม่ทัน วุ่นวายเติมน้ำใส่แก้วให้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเจ้าตัวอิ่มน้ำแทนข้าวไปโดยปริยาย
"หัวเราะอะไรวะ ลูกครึ่งกินเผ็ดไม่ได้ไม่เห็นจะแปลก"
ลูกครึ่งไทยเกาหลีหน้างอง้ำเหมือนเด็กน้อยขี้งอน ผมรีบเม้มปากกลั้นขำทันทีเพราะกลัวคนตรงหน้าโกรธ
"แต่พริกเกาหลีก็เผ็ดนะพี่ ซี๊ดซ๊าดมากอ่ะ"
ผมเคยกินแกงกิมจิสูตรเผ็ดจัดอยู่ครั้งหนึ่ง ซูดน้ำเข้าไปคำแรกสำลักน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลไอจนแสบคอไปหมด ก็เดือดร้อนพี่จีบรินน้ำใส่แก้วไปอีก
"หึ มันเผ็ดไม่เหมือนกัน เอ้า กินได้แล้วจะได้เดินต่อ"
พี่จีบเลื่อนจานขนมจีนมาตรงหน้ากันหลังจากที่แม่ค้านำมาเสิร์ฟ ผมหยิบช้อนส้อมขึ้นมาจับให้มั่นแต่แล้วก็ต้องเบรกเมื่อเจอก้านอะไรแข็งๆสีน้ำตาลเข้มในจาน ผมใช้ช้อนตักมันขึ้นมาก่อนจะถามคนตรงหน้า
"นี่อะไรอ่ะ"
"ดอกงิ้ว แดกไม่ได้หรอก ไม่รู้จะใส่มาทำไม"
พี่จีบกระซิบกระซาบก่อนจะเหลือบตามองแม่ค้าวัยป้า
"พี่นี่ เดี๋ยวป้าเขาก็ไล่เราออกจากร้านหรอก"
ผมว่าก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เขา พี่จีบเลิกคิ้วก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงบอกว่าไม่แคร์ ผมส่ายหน้าแล้วตักขนมจีนกินไปเรื่อยๆ อร่อยเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าปีหน้าได้มาอีกจะกลับมากินอีกนะ
หลังจากกินอิ่มเรียบร้อยพี่จีบก็จูงมือผมเดินไปดูพวกของฝาก เป็นของแฮนด์เมดทำมือกระจุกกระจิก ไม้แกะสลักเอย ที่เสียบปากกาเอย พวงกุญแจเอย.. เลือกซื้อไม่ถูกเลยครับ ได้แค่ขนมกลับมาเต็มไม้เต็มมือ ถึงเราจะเดินเล่นที่ถนนคนเดินนานแค่ไหนแต่มือเราทั้งคู่ไม่เคยจะปล่อยออกจากกัน ต่างคนต่างเป็นห่วงกันและคอยดูแลกันและกันอยู่เสมอ ผมมีความสุขนะ มีความสุขที่ตัดสินใจมาเชียงรายกับพี่จีบ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้กัน
----------------------------------------
Q & A กับจีบ
Q : พาน้องไปภูชี้ฟ้านี่มีแผนการอะไรหรือเปล่า?
A : ไม่บอกครับ ความลับ ^^
พี่จีบเข้าพาน้องขึ้นไปสอย เอ้ย ไปเที่ยวภูชี้ฟ้าด้วยนะ บรรยากาศโรแมนติกแน่ๆ อู้วว
ไอ้พี่จีบมันร้ายนะอย่าลืม บางทีอาจจะมีแผนการอะไรอยู่ก็ได้ หึหึ รอติดตามกันเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่ชอบพี่จีบ น้องคิส และทุกๆคนในเรื่องน้า ~
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเลย ทั้งคอมเม้นท์และไม่คอมเม้นท์ (เราไม่ได้อะไรกับเรื่องคอมเม้นท์นะ แต่เราเป็นคนชอบอ่านคอมเม้นท์อ่ะ 555555 มันแบบ... ได้รู้ว่าคนอ่านรู้สึกยังไงกับนิยายของเรา)
เราอยากรวมเล่มนะ... มีใครเห็นด้วยบ้าง 5555
(แต่งจบอาจจะลองส่งสำนักพิมพ์ที่ไหนสักที่ ถ้าดวงดีอาจจะได้เห็นเป็นรูปเล่ม)