- ดื่มครั้งที่ 20 -
บรรยากาศภายในรถช่างเป็นอะไรที่อึดอัดเกินกว่าจะขยับตัว ไม่ใช่เพราะว่าเบียดเสียดอะไร แต่เพราะคำพูดของซารังก่อนหน้านี้ทำให้ผมนั่งตัวลีบติดเบาะรถมานานแล้ว
'พี่คิสรู้ป่ะ.. เบาะข้างคนขับไม่มีใครเคยได้นั่งเลยนะ คนในบ้านก็ไม่เคย เพราะพี่จีบไม่ชอบให้ใครนั่งข้างๆ แต่พี่เป็นคนแรกที่ได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถ'
ผมถึงกับหน้าร้อนวูบวาบมือไม้อ่อนจนเกือบเผลอทำโทรศัพท์ในมือตกเมื่อได้ฟังประโยคยืดยาวนั้นจบ.. ซารังยิ้มจนแก้มจะแตก ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปตามจังหวะเพลงที่เปิดคลอเบาๆ สรุปที่ผ่านมาคือผมโง่อยู่คนเดียวใช่ป่ะวะ โดนไอ้พี่จีบหลอกซ้ำซากแถมยังถวายตัวเองเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้มันโดยไม่รู้ตัวอีก หลงรักคนเจ้าเล่ห์นี่มันหายนะชัดๆ
"ถึงกับช็อค"
พี่จีบพูดเสียงทะเล้นจนผมต้องหันขวับไปมองตาขวาง ไม่ให้ช็อคได้ยังไงล่ะวะ นั่งตรงนี้มาตั้งหลายเดือน ก็คิดว่าแม่งปกติของคนทั่วไปไงที่ต้องนั่งเบาะคู่กัน ถ้ามีคนหนึ่งขับแล้วคนหนึ่งนั่งเบาะหลังมันก็เหมือนคนขับรถไม่ใช่เหรอวะ ไม่เคยคิดเลยว่าสำหรับพี่จีบมันจะเป็นที่พิเศษสำหรับคนพิเศษ คิดได้แบบนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวขึ้นมาจนเผลอยกมือขึ้นกุมหน้าอก
"อย่ามาล้อเลียน"
ผมเบนหน้าหนีมองทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อยๆทั้งที่มีแต่รถทั้งนั้น ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยด้วยซ้ำ
"เขินล่ะสิ"
พี่จีบเอื้อมมือมาจิ้มแก้มกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อผมยกมือขึ้นปัดป้องแบบมั่วซั่วสุดๆ ดวงตากลมหลับลงปิดแน่นเพราะไม่อยากมองใบหน้าหล่อของเขา
"ซารังแลกที่กันหน่อย รำคาญพี่จีบ!"
ผมหันไปขอร้องซารังก่อนจะหันไปตะคอกใส่คนด้านข้าง แต่แทนที่เขาจะทำหน้าสลดกลับกลายเป็นง่ายักคิ้วกวนตีนแล้วยกยิ้มมุมปากอีกด้วย ผมแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะต่อยลงที่ต้นแขนแกร่งด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรกวนตีนฉิบหาย
"โนๆ ผมเป็นแค่น้องชาย ตำแหน่งสูงไม่พอจะแลกที่กัน"
ซารังกระดิกนิ้วชี้ส่ายไปมา ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความทะเล้น ส่วนผมเอ๋อแดกไปแล้วเพราะสมองเออเร่อไม่สามารถประมวลผลประโยคเมื่อคู่ให้ตัวเองเข้าใจได้ ปากอ้ากว้างดวงตากลมกระพริบปริบๆด้วยความงงงวยจนพี่จีบต้องใช้ปลายนิ้วเย็นๆดันปากผมให้ประกบกัน สงสัยจะกลัวแมลงวันบินเข้าปากผมแน่ๆ...
"ซารัง.. ดูเหมือนไอ้คิสจะเครื่องเออเร่อแล้วว่ะ"
พี่จีบเหลือบสายตามามองกันก่อนรอยยิ้มขำๆจะถูกประดับบนใบหน้า ผมยังคงไม่ตอบโต้อะไรกลับไปแล้วเอี้ยวคอมองซารังอย่างต้องการคำตอบ
"ที่นั่งข้างพี่จีบมีไว้สำหรับสะใภ้ของบ้านน่ะครับ"
คำตอบของซารังทำให้ผมอ้าปากหวออีกครั้ง หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง แก้มเห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกเหมือนจะระเบิด อะไรคือกูมานั่งเขินกับคำว่าสะใภ้วะเนี่ย ฮือ ความแมนที่มั่นใจนักมั่นใจหนามันหายไปไหน ใครก็ได้ช่วยออกตามหาเป็นเพื่อนผมที
"โอ้ย ง่วงจัง นอนดีกว่า"
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี เลยแกล้งทำเป็นง่วงแล้วหลับตาหนีปัญหาซะอย่างนั้น ได้ยินเสียงไอ้พี่จีบหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข โอย หมั่นไส้มาก อย่าให้ถึงคราวผมเอาคืนนะ จะทำให้แม่งเขินจนตัวแดงเลยคอยดู!
ผมตื่นอีกครั้งเมื่อพี่จีบแวะร้านอาหาร สายตาของซารังมองมาที่ผมแปลกๆเหมือนอยากบอกอะไรสักอย่างแต่โดนห้ามไว้ประมาณนั้น... ทำไมพี่น้องคู่นี้ชอบมีลับลมคมในกันจังวะ คิดถูกหรือคิดผิดที่หลวมตัวมากับพวกนี้เนี่ย โบกรถกลับกรุงเทพฯตอนนี้ทันไหม
"นี่ๆ"
อยู่ๆซารังก็เดินมากระแซะผมช่วงที่พี่จีบเดินไปห้องน้ำ เสียงทุ้มติดหวานมาพร้อมกับใบหน้าน่ารักถ้าไม่ติดว่าผมโดนพี่ชายเขาจีบผมคงจีบซารังไปแล้ว.. อย่าเพิ่งขว้างขวดใส่นะ ผมล้อเล่นเว้ย ก็ว่าที่คุณหมอน่ารักนี่หว่า
"มีอะไรเหรอ"
ผมถามออกไปเสียงไม่ดังนักพลางมองหาโต๊ะว่างนั่ง ซารังกรอกตาไปมาเหมือนกำลังระวังพี่จีบอยู่ ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปอีก ไม่ใช่ทำให้ตื่นเต้นแล้วบอกว่าตัวเองปวดอึอะไรแบบนั้นนะ ถ้าเป็นอย่างที่คิดผมถีบซารังกระเด็นแน่ ข้อหากวนตีน
"มีความลับจะบอก คึคึ"
ซารังหัวเราะแบบนั้นทำให้ผมแอบขนลุกซู่ สายตาล้อเลียนส่งมาให้กันแบบไม่ปิดบัง ผมว่ามันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่จีบแน่ๆเลยเถอะ ผมเหล่มองคนตัวเล็กก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะว่างๆ ซารังนั่งลงข้างๆผม สรุปว่าจะเป็นปาท่องโก๋ตัวติดกันใช่ไหมเนี่ย แต่ก็ดีว่ะไม่ต้องนั่งข้างพี่จีบ
"ความลับอะไรเหรอ"
"เมื่อกี้...พี่คิสโดนลักหลับล่ะ คึคึ"
ซารังยักคิ้วหลิ่วตาให้กัน ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รู้สึกว่าร่างกายมันร้อนวูบวาบแปลกๆถึงจะยังไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่ต้องโดนไอ้พี่จีบลวนลามอะไรสักอย่างแน่ๆ ผมกำลังจะอ้าปากถามน้องกลับไปแต่ไอ้ตัวต้นเหตุเดินตรงลิ่วๆมาดึงคอเสื้อซารังให้ขยับเปลี่ยนไปนั่งฝั่งตรงข้ามแทน แล้วพี่จีบก็นั่งลงข้างผม ไอ้มารเอ้ย ขัดขวางการรู้ความลับจริงๆเลย!
"โหย อะไรเนี่ย กับน้องกับนุ่งจำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้ไหม!"
ซารังโวยวายไม่จริงจังนัก ใบหน้าหวานๆงอง้ำลงจนผมอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มน้อง เป็นเด็กผู้ชายที่โคตรน่าทะนุถนอมจริงๆเลยให้ตายสิ แต่มันติดตรงพี่จีบนั่งคุมเชิงอยู่นี่ดิ เซ็ง
"มากระซิบกระซาบอะไรกับไอ้คิสล่ะ"
พี่จีบจ้องเขม็งมาที่ผมสลับกับซารังอย่างคาดคั้น เจ้าน้องชายตัวดีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
"ถามพี่คิสดิ ผมไปเข้าห้องน้ำดีกว่า"
ซารังหันมาขยิบตาให้ผมก่อนจะโบกมือให้กัน ผมได้แต่อ้าปากด่าน้องมันตามหลังอย่างทำอะไรไม่ได้ พี่จีบจิ๊ปากเบาๆก่อนจะเปลี่ยนโฟกัสมาจ้องผมแทน แถมยังขยับหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆกลิ่นมิ้นท์ สติเหมือนจะร่องลอยไปไกลยามเมื่อริมฝีปากสีอ่อนถามคำถาม
"เหลือมึงคนเดียวแล้ว ตอบกูมา"
"ตะ ตอบอะไร วู้ สั่งอาหารยัง หิวแล้วเนี่ย"
ผมเฉไฉก่อนจะเบี่ยงหน้าหลบแล้วยกมือขึ้นลูบท้องตัวเองแบบเก้ๆกังๆ ไอ้พี่จีบมันไม่ยอมแพ้เพราะมือหนาบังคับให้ผมหันไปสบตากับเขา ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกนิด อีกนิด และอีกนิด จนปลายจมูกของเราชนกัน ผมแทบจะโวยวายลั่นแต่ยั้งตัวเองไว้ได้ นี่มันกลางร้านอาหารนะเว้ยช่วยเกรงใจคนอื่นหน่อยได้ไหม ฮือ ซารังกลับมาสักทีสิวะท้องเสียเหรอ หรือแอบไปพี้กัญชา!
"ถอยออกไปนะเว้ยพี่จีบ"
ผมละล่ำลักลักพูดกรอกตาไปมาอย่างกังวล คนอื่นๆเริ่มมองมาที่เรากันแล้ว ผมใช้มือดันหน้าอกของเขาให้ออกห่าง พี่จีบยกยิ้มมุมปากก่อนจะยอมปล่อยกันดีๆทำให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"จะตอบได้หรือยัง ถ้าไม่ตอบกูจับจูบกลางร้านแน่"
ผมหันขวับไปจ้องหน้าคนพูดเขม็ง ปากบางเบะลงอย่างไม่พอใจ อะไรๆก็ขู่กันตลอด กล้าทำเหรอ คนเยอะแยะขนาดนี้ คนอย่างพี่จีบคงไม่หน้าด้านล่ะมั้ง.. หวังว่านะ
"กล้าเหรอๆ คนเยอะแยะ"
ผมพูดก่อนจะทำหน้าตากวนตีนใส่กัน พี่จีบมองซ้ายมองขวาก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของผมทั้งสองข้าง คราวนี้กลายเป็นผมที่ต้องตกใจแทน
"ลองดูไหมล่ะ กูทำได้มากกว่าที่มึงคิดนะ"
พี่จีบตบท้ายประโยคด้วยเสียงหัวเราะโรคจิต ผมรีบผละออกจากมันแล้วขยับเก้าอี้หนีทันที หัวใจจะวายตายวันละหลายๆรอบ ทำไมพี่มันดูหื่นกามขึ้นวะ... ไปเชียงรายผมจะรอดไหมล่ะแบบนี้
"พี่จีบแม่ง บ้าบอว่ะ"
"ตอบได้หรือยัง"
"เออๆ ซารังบอกว่าพี่ลักหลับผม"
ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม.. จะว่ากระดากปากก็คงใช่ จะว่าเขินก็คงใช่ แต่ที่ใช่ที่สุดคือเกลียดตัวเองว่ะ ทำไมต้องก้มหน้ากลั้นยิ้มเหมือนสาวน้อยแรกแย้มด้วยวะ โอยย รำคาญตัวเอง
"อ๋อ"
พี่มันพูดแค่นั้นแล้วเอาแต่นั่งยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว ในตอนแรกที่ผมเขินอยู่กลับกลายเป็นต้องสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป ความอยากรู้ส่งผลให้ผมกล้าถามในสิ่งที่ไม่คิดจะถามมาก่อน
"พี่จีบแอบจูบผมเหรอวะ"
ผมโผลงถามออกไปก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พี่จีบหันมามองกันตาโตก่อนไหล่หนาจะสั่นกึกๆแล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นสุดชีวิต.. มีอะไรน่าขำวะ
"ขำอะไรวะพี่จีบ หยุดเลยนะ"
ผมแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะกำหมัดต่อยลงที่อกของพี่จีบไม่แรงมากนัก มือหนาคว้าจับข้อมือของผมเอาไว้ก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนมามองกัน.. หึ ไม่เคยจะหวานหรอกครับ จีบได้แป็ปๆกวนตีนต่อตลอดคนเรา
"ทำไมคิดว่ากูแอบจูบวะ อาจจะทำอย่างอื่นก็ได้นะ"
พี่จีบยักคิ้วกวนๆให้กันแต่ไม่ยอมปล่อยมือผม แถมยังเลื่อนมากุมไว้แบบเต็มมืออีกต่างหาก ผมเบนสายตาหนีไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้รับความอายครั้งยิ่งใหญ่
"มะ ไม่รู้ ก็เดา พี่แม่งหื่นจะตาย"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะพยายามดึงมือออกแต่พี่จีบจับไว้แน่นเกินไป.. ฮือ ซารังกลับมาช่วยพี่ทีเถอะ จะละลายเพราะไอ้พี่จีบอยู่แล้วเนี่ย ถึงในร้านอาหารจะติดแอร์แต่ผมเหงื่อแตกอ่ะคิดดู
"แค่จูบหน้าผาก ถ้าจูบปากอยากจูบตอนมึงมีสติมากกว่า อย่างเช่น...ตอนนี้"
เดี๋ยวนะ ตอนนี้บ้าอะไรของพี่มันวะเนี่ย ไม่เอาเว้ย คนเยอะแยะ เอ้ย ไม่ใช่ จูบไม่ได้เว้ย ไม่ได้ โอย
"ฮยอง! จะทำอะไรครับนั่น"
ผมกับพี่จีบชะงักค้างเพราะเสียงตะโกนของซารังทำให้โต๊ะอื่นๆหันมามองเป็นตาเดียว เราผละออกจากกันอย่างรวดเร็วแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนซารังยิ้มทะเล้นแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม หัวใจเต้นตึกตักเหมือนตอนแม่จับได้ว่าแอบกินลูกอมเลยว่ะ ฮือ เกือบไปแล้วไหมล่ะ เกือบเสียจูบแรก... จูบแรกตอนมีสติไปแล้วเว้ย
"แหม... อดใจรอให้ถึงเชียงรายก่อนก็ไม่ได้นะ ฮยองนี่ใจร้อนจริงๆเลย"
ฮยองนี่เหมือนหมูหยองป่ะวะ? คิสงงครับ ช่วยพูดภาษาไทยที โฮก แล้วอะไรคืออดใจรอให้ถึงเชียงราย นี่พวกมึงสองพี่น้องวางแผนจะฆ่ากูเหรอ
"เงียบๆไปซารังเดี๋ยวไก่ตื่น"
พี่จีบพูดจบอาหารที่พี่มันไปแอบสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟพอดีเราเลยไม่รอช้าที่จะจัดการมัน ไอ้ผมอยากจะเถียงกลับไปว่า... ไก่ที่มึงกลัวจะตื่นน่ะ ตอนนี้มันพร้อมจะตีปีกหนีแล้วเว้ย เล่นมาพูดกันต่อหน้าแบบนี้ใครไม่รู้เรื่องก็โง่แล้ว!
พวกเราเริ่มเดินทางกันต่อในเวลาเกือบบ่ายโมง ก่อนจะขึ้นรถเลยแวะเข้ามาร์ทหมายเลขเจ็ดสิบเอ็ดได้พวกขนมขบเคี้ยวและน้ำอัดลมไว้เป็นเสบียงระหว่างทาง เพลงสากลถูกเปิดคลอเบาๆทำให้บรรยากาศในรถไม่เงียบจนเกินไป มีเสียงฮัมเพลงจากคนหน้าหวานดังมาเป็นระยะๆ ส่วนคนด้านข้างก็มีสมาธิกับการขับรถทางไกลไปเรื่อย
"จะกินขนมตอนไหนบอกนะ ผมจะแกะให้"
ผมบอกคนด้านข้างก่อนจะส่งยิ้มให้พี่จีบพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอื้อมมือมาโยกหัวกันเล่น ขับรถอยู่ยังจะมีกะจิตกะใจแต๊ะอั๋งคนอื่นอีกนะคนเรา แต่ผมไม่ปัดป้องหรอกถือว่าเป็นค่าเหนื่อยที่ต้องขับรถให้ผมนั่งสบายๆแล้วกัน จริงๆผมก็ถามแล้วนะว่าผลัดกันขับไหม พี่จีบบอกไม่เป็นไรหรอก กูบริการว่าที่แฟนดีอยู่แล้ว เขินสิครับรออะไร เปิดประตูรถแล้วสอดตัวเข้ามานั่งเงียบอย่างไวเลยล่ะ
"ถ้าป้อนด้วยจะดีมาก"
อื้อหือ คนเรานี่ได้คืบจะเอาศอกจริงๆอ่ะครับ ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะปัดมือหนานั่นทิ้ง.. เอาจริงๆยอมรับว่าเคลิ้มทุกทีที่โดนพี่จีบเล่นหัวแบบนี้ มันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่เขาส่งมาให้
"เป็นง่อยเหรอ"
ผมถามออกไป พี่จีบหัวเราะก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมใจกระตุก
"ถ้าเป็นง่อยแล้วมีมึงเป็นคนดูแลกูก็ยอมว่ะคิส"
น้ำเสียงนุ่มๆทำให้หัวใจของผมเต้นถี่รัว มือไม้ชื้นเหงื่อไปหมด อยากจะฟาดไอ้คนขี้หยอดให้เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว แต่ติดตรงที่เขาขับรถและน้องเขานั่งจ้องผมตาเป็นมันอยู่ด้านหลัง ก็เลยทำได้แค่นั่งบีบมือตัวเองเล่นไปเพื่อระบายความเขิน
"พี่จีบไม่สงสารพี่คิสเหรอ หยอดเอาๆขนาดนี้หัวใจเต้นแรงจนจะพังแล้วม้าง"
ซารังขึ้นเสียงสูงท้ายประโยคซึ่งมันให้ความกวนตีนเป็นอย่างมาก และเมื่อผมหันไปแยกเขี้ยวใส่น้องกลับได้รอยยิ้มทะเล้นและการยกคิ้วกวนมาให้กันอีก จิตใจคนบ้านนี้เขาทำด้วยอะไรครับทำไมชอบแกล้งคนอื่นเขาแบบนี้ ไม่รู้หรือยังไงว่าหัวใจผมอ่อนแอเมื่อเจอคนชื่อจีบเนี่ย
"มึงก็อย่าไปแซวมันมาก เดี๋ยวมันงอนจะเรื่องใหญ่ ลำบากกูง้ออีก"
ผมหันขวับไปมองไอ้พี่จีบ รายนั้นเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนจะถามว่าตัวเองพูดอะไรผิด
"อุย... ผมง่วงอ่ะ นอนนะ"
ซารังหลับคอพับคออ่อนทันทีที่พูดจบไม่เปิดโอกาสให้ใครแย้งการกระทำปัญญาอ่อนของตัวเองได้เลย
"มองอะไรหืม หลงความหล่อของกูแล้วอ่ะดิ"
ผมที่ยังคงมองพี่จีบอยู่รีบหันกลับไปมองทางด้านหน้าทันทีเมื่อโดนแซว ผมย่นจมูกให้กับความหลงตัวเองของเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลั้นยิ้ม ก็ที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง หลงความหล่อ หลงนิสัยกวนตีน หลงความอบอุ่น หลงความขี้แกล้ง ไม่รู้จะหลงอะไรของพี่จีบนักหนา เอาเป็นสรุปง่ายๆเลยนะว่าผม 'หลงรัก' พี่จีบเข้าเต็มๆเลยล่ะตอนนี้
"คนอะไรหลงตัวเอง ผมหล่อกว่าตั้งเยอะ"
ผมพูดเสียงเบาราวกับบ่นกับตัวเองแต่เหมือนพี่จีบจะได้ยินเพราะเจ้าตัวเขาเอาแต่หัวเราะเบาๆออกมา ผมไม่อยากกวนสมาธิการขับรถของเขามากนักเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเกมยอดนิยมขณะนี้แทน
"ทำอะไร"
เสียงพี่จีบถามขึ้นพร้อมกับเลื่อนหน้าหล่อชะโงกมาดูหน้าจอสี่เหลี่ยม ผมขยับเครื่องมือสื่อสารนิดหน่อยเพื่อให้อีกคนมองได้ถนัด.. ตอนนี้กำลังถึงช่วงสำคัญของชีวิตเลยครับ ขว้างบอลธรรมดาใส่โปเกม่อนตัวแอดวานซ์เนี่ย ถ้าดวงดีหน่อยก็จับได้ถ้าว่าไปตามเนื้อผ้าก็บอลแตกยับเยิน
"จับยากว่ะพี่"
ผมบ่นกระปอดกระแปดเมื่อเจ้าตัวอ้วนกลมน่ารักๆสีฟ้าทำบอลแตกไปหลายครั้งโดยไม่ทันระวังคนข้างตัวที่ฝังจมูกลงบนแก้มผมอย่างรวดเร็วแล้วผละตัวกลับไปนั่งปกติ ผมอ้าปากหวอปล่อยโทรศัพท์มือถือลงบนตัก มือเรียวยกขึ้นมาปิดแก้มตัวเองทันทีเพราะรับรู้ได้ว่าแก้มตัวเองต้องแดงมากแน่ๆ ใจนึงอยากจะด่าคนฉวยโอกาสแต่อีกใจนึงกลับชอบไปซะอย่างนั้น ฮือ ไอ้คิสกลายเป็นคนใจง่ายไปแล้วครับพี่น้อง
"แก้มนุ่มว่ะ ชอบ"
คนทำผิดยิ้มน่าระรื่น รถยังคงไม่ขยับจากจุดเดิมสักเท่าไหร่ ผมภาวนาเหลือเกินว่ารถจะไม่ติดแบบนี้ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่จะทำให้ผมโดนลวนลามอย่างยากจะหนีไปไหน
"ไอ้พี่จีบ ฉวยโอกาสตลอดเลยนะ"
ผมว่าด้วยน้ำเสียงติดงอนๆ ตอนแรกๆที่เนียนมาจีบไม่เห็นจะรุกหนักขนาดนี้เลยนี่หว่า ทำไมพอสารภาพว่าชอบพี่เขาไปแล้วโดนรุกจนเกือบถูกกดแล้วเนี่ย จะไวไฟไปไหนครับคุณ ขอผมเป็นแฟนก่อนเถอะอย่าเพิ่งรีบข้ามขั้นขยับความสัมพันธ์เป็นผัวเมียกันก่อนเลย ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พี่เตะลูกโทษเข้าประตูหลังนะเว้ย
"หรือจะให้กูฉวยโอกาสกับคนอื่น"
พี่จีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่คิ้วขมวดเข้าหากัน ผมเผลอเบะปากเพราะเป็นคำถามที่โคตรทำร้ายจิตใจ จะไปทำเรื่องแบบนี้กับคนอื่นแทนที่จะเป็นผมเนี่ยนะ ใครยอมก็บ้าแล้ว แต่ไม่อยากพูดออกไปไง... เขิน
"ก็ตามใจดิ"
พูดจบก็ยกแขนขึ้นกอดอกตัวเอง เบนหน้ามองไปทางกระจกด้านข้าง ไม่ได้แสดงอาการงอนเลยนะเว้ย นี่ทำตัวปกติสุดๆแล้วนะ
"โอเค งั้นถึงเชียงรายกูจะฉวยโอกาสกับสาวๆสักคนสองคน สวยๆขาวๆ สเป็คกูเลย"
"กวนตีนนะ ห้ามฉวยโอกาสกับคนอื่น ไม่ชอบ!"
กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย ฝ่ามือยกขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความอาย ไอ้นิสัยโมโหแล้วชอบโผลงพูดสิ่งที่ตัวเองคิดมันแก้ไม่หายสักที ความลงความลับของหัวใจก็แม่งเอาไปบอกเขาหมด ฮือ ฮือออ
"มีความหวงแรงว่ะ"
ไม่ว่าเปล่ายังส่งนิ้วมาจิ้มมือกันจึกๆ ผมปัดนิ้วเย็นๆนั่นทิ้งก่อนจะจิ๊ปากแล้วมุ่ยหน้าด้วยความหงุดหงิด ทำให้ผมอารมณ์เสียไม่พอยังจะมากวนตีนกันอีก ฮึ่ย เดี๋ยวก็ไม่รักซะเลยนี่
"ใครหวง เงียบไปครับ"
ผมว่าก่อนจะส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้ สักวันผมจะเอาคืนพี่จีบให้สาสมเลยคอยดู หึ
ต่อด้านล่างเนอะ