ตอนที่ 43
หลังจากได้รู้ผลการตรวจ ผมโล่งใจที่ไม่ได้รับเชื้อ กลับมานั่งทบทวนอยู่ที่ห้อง ว่าควรเอาไงต่อไปกับชีวิต พี่เบสท์ยื่นโทรศัพท์ให้ผมอ่านข้อความไลน์ที่ส่งมาจากพี่ก่อ พี่ก่อพิมพ์ข้อความมายาวหลายบรรทัด เขียนไว้ประมาณว่า
‘มึงรู้แล้วใช่ไม๊ว่ากูเป็นอะไร ไม่รู้ว่ามึงจะรังเกียจกูไหม กูขอโทษนะที่ทำแบบนี้ กูพลาดเอง มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่ต้องห่วงกูนะ ตอนนี้กูได้ยาต้านไวรัสกินแล้ว คงไม่เป็นอะไรหรอก มึงตั้งใจเรียนนะ อย่าเอากับใครไปเรื่อยนะ อยู่กับไอ้เบสท์นะคิม กูจะได้รู้ว่ามึงปลอดภัยและมีความสุขดี กูรู้ว่าไอ้เบสท์จะดูแลมึงได้ กูยังรักมึงเสมอนะ’
น้ำตาผมไหลนองหน้า พี่เบสท์ตาแดงกล่ำ ในใจผมโกรธมันไม่ลง ที่มันไปมั่วมา หวังว่านี่คงเป็นบทเรียนให้มัน ผมเสียดาย ยอมรับว่าเสียดาย รูปร่าง หน้าตาดีๆของมัน มันควรจะได้มีอนาคตดีๆกับผม เราน่าจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่น่ามีเรื่องแบบนี้ ความไม่รู้จักพอ รักสนุกของคนเรา มันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง
ก่อนหน้านี้ผมวาดภาพอนาคตของเราไว้ซะดิบดี ผมกับพี่ก่อคงจะได้อยู่ด้วยกันจนเราทำงาน มากไปกว่านั้นคือ บอกพ่อกับแม่ผมว่าเราคบกัน มีบ้านอยู่ด้วยกัน รับแม่พี่ก่อมาอยู่ด้วย อยากมีไซบีเรียนสักตัวพี่ก่อเคยบอก มันจะเก็บตังซื้อตอนเรียนจบ เปิดธุรกิจส่วนตัวด้วยกัน ชีวิตเราต้องมีความสุขมากแน่ๆ แต่ตอนนี้ มันไม่มีแล้ว มันจบแล้ว.......
ผมถอนใจเฮือกใหญ่ในห้องเงียบๆ ชีวิตช่วงนั้นหดหู่มาก กินข้าวไม่ลง น้ำหนักผมลดเหมือนคนติดยา สมองหยุดคิดเรื่องพีก่อไม่ได้ ยังลืมเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะกว่าเราจะคบกันได้ มันไม่ง่ายเลย ผมไม่เคยลืมว่าผมต้องเจ็บตัวกี่ครั้ง ผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไรกันมาบ้าง อดก็เคยอดด้วยกัน มีกินก็กินด้วยกัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน จนคิดไม่ออกว่าวันนึงถ้าไม่มีกันแล้วจะเป็นยังไง พี่ก่อเคยให้สัญญาอะไรไว้ตั้งหลายอย่าง เคยบอกว่าจะพาไปกินร้านนั้น ร้านนี้ เคยบอกว่าจะพาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ แต่เรายังไม่ได้ทำมันเลย ทำไมล่ะ ผมจะอยู่กับพี่ก่อต่อไปไม่ได้เลยหรอ แค่มันติดเชื้อมาก็แย่พออยู่แล้ว จะให้ผมหนีจากมันไป ไม่ยิ่งซ้ำเติมชีวิตมันให้แย่ลงไปอีกหรอ
ผมคิดได้อย่างนั้น ก็รีบกลับไปหอพี่ก่อ พร้อมพี่เบสท์ พี่เบสท์เคาะห้องพี่ก่อ โดยมีผมยืนหลบอยู่ข้างหลัง มันต้องเศร้ามากแน่ๆ ห้องคงรก ไม่มีใครเก็บ กลัวเปิดเข้าไปละเจอพี่ก่อคิดสั้นฆ่าตัวตายอยู่ในห้อง ผมร้อนใจมาก จับเสื้อพี่เบสท์ไว้แน่น ซักพัก ประตูเปิดออก พี่ก่อโผล่หัวออกมาแค่ลูกกะตา พอเห็นผม มันก็ผลุบหัวเข้าไปในห้อง พี่เบสท์รั้งประตูไว้ละเดินเข้าไปในห้อง
ในห้องนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม หมอนใบเก่าผมก็ยังอยู่ รูปผม หลายๆอย่างที่ผมทิ้งไว้ มันยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แต่แปลกใจที่ผมยังเห็นหุ่นเหล็กที่พี่ก่อเคยให้ นึกว่าพี่เบสท์จะเอามันทิ้งไปแล้วซะอีก น้ำตาผมเริ่มคลอ พี่ก่อยืนอยู่มุมห้องเงียบๆ สภาพเปลือยท่อนบน ผอมลงมาก กล้ามหน้าอกที่ผมชอบจับ มันก็เหมือนจะหายไป มันไม่กล้าสบตาผม กลิ่นบุหรี่ยังคลุ้งเต็มห้อง
“คนเป็นโรคนี้ ห้ามกินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่รู้หรอ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ
“อือ” พี่ก่อส่งเสียงมาเบาๆ
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ผมเคยนั่ง ในห้องเงียบกริบ พี่เบสท์ก็ยืนนิ่ง ทำตัวไม่ถูก พี่ก่อเดินไปตรงระเบียง สักพัก ก็ได้ยินเสียงมันร้องไห้ สะอื้นเบาๆ ผมกับพี่เบสท์มองหน้ากัน
“กูไปรอข้างล่างนะ” พี่เบสท์พูด
“กินข้าวยัง” ผมถามมันจากในห้อง แต่มันไม่ตอบ มันเดินเข้ามา ทรุดนั่งลงบนพื้นห้อง กอดเข่า กุมหัว ท่าประจำของมันเวลาเครียด หรือ เสียใจ ผมข่มน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ข่มไม่ไหว มันไหลออกมาเอง ใจผมสั่นไปหมด ความรู้สึกเก่าๆ ความรู้สึกดีๆ มันกลับมาอีกแล้ว ผมจะทิ้งมันลงได้ไง ผมเดินไป ละวางมือบนหัวพี่ก่อ ลูบหัวมันอย่างที่เคยทำ พี่ก่อตัวสั่นระริก สะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวๆ แห้งๆของมันเอื้อมมาจับมือผม ละดึงผมไปกอด แล้วก็ปล่อยโฮออกมาสุดเสียง พูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ จับได้แต่คำว่า ‘กูขอโทษๆ’ ‘ กูไม่อยากเสียมึงไป’
รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆที่หยดลงบนบ่าผม ใจพี่ก่อเต้นแรงมาก ผมพูดอะไรไม่ออก พี่ก่อกอดผมอยู่นาน แล้วมันก็ปล่อยผม นั่งก้มหน้า ไม่กล้าสบตาผมเหมือนเดิม
“กูสกปรก มึงไม่กลัวติดกูหรอ มึงรังเกียจกูไม๊” พี่ก่อถาม
“เอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆนะ”
“มึงดูแลตัวเองดีๆนะ กินข้าวเยอะๆ ออกกำลังกายเยอะๆ มึงอย่าปล่อยให้ตัวเองผอมนะ”
พี่ก่อพยักหน้า ละผมก็ถามมันว่า ไปรับเชื้อมาจากใคร มันอ้ำอึ้งอยู่นานกว่าจะตอบ มันบอกว่านัดเจอคนจากแอพ แล้วก็มีอะไรกัน ผมถามว่าหลายคนใช่ไม๊ มันบอกว่าคนเดียว แต่ผมไม่เชื่อหรอก
“มึงสาบานกับกูได้ไม๊ ว่ามึงจะไม่ทำอีก”
“กูไม่ทำแล้วคิม ไม่เอาแล้ว” มันตอบเสียงสั่น
“กูไปละนะ มึงกินข้าว กินยาให้ตรงเวลานะ”
ผมกำลังจะเดินออกไป มันมองผมตาละห้อย ผมแพ้สายตาแบบนี้ทุกที
“อะไรอีก มองกูแบบนี้ มึงจะเอาอะไร”
“กูคิดถึงมึงอ่ะคิม” มันพูด ละก็ร้องไห้เป็นเด็กอีกรอบ
“เหงาก็มาหากูหอพี่เบสท์ก็ได้”
“อืม ไอ้เบสท์ แฟน…มึง” พี่ก่อพูด ผมได้แต่ถอนหายใจ
มันคงทรมานมาก ที่ต้องอยู่กับที่เดิมๆ ห้องเดิมๆที่ๆเคยมีผมกับมันอยู่ด้วยกัน ผมว่ามันก็คงเจ็บไม่ต่างจากผม ผมออกมาจากห้องพี่ก่อ เดินลงมาชั้นล่างเจอพี่เบสท์นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
“เป็นไง สบายใจขึ้นไม๊” พี่เบสท์ถาม ผมได้แต่ส่ายหน้า มันไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นเลย ยิ่งกวนใจให้ผมห่วงมันมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
“พี่เป็นแฟนผมหรอวะพี่เบสท์” ผมถามอะไรแปลกๆออกไป
“ทำไมวะ” พี่เบสท์ถาม
“ก็พี่ก่อบอกพี่เป็นแฟนผม ผมไม่ยักรู้สึกว่าพี่กับผมเป็นแฟนกัน”
“มึงก็เหมือนน้องกูคนนึง เห็นมึงมาตั้งแต่มึงเข้าปีหนึ่ง บางทีกูก็อายนะที่เอาแฟนเพื่อนมาเป็นแฟนตัว ไม่กล้าเรียกมึงว่าแฟนเต็มปากว่ะ
“งั้น สรุปตอนนี้ กูโสด ไม่มีแฟน ใช่ไม๊” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“มึงอย่ายึดติดกับคำว่าแฟนดิคิม มึงรู้แค่ว่าวันนี้กูอยู่กับมึง ดูแลมึง ทำทุกอย่างแทนไอ้ก่อได้ มึงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ ไม่ต้องหาคำอะไรมาเรียกสถานะมึงกับกูหรอก”
ผมได้แต่หน้าแดงกับคำตอบมัน ยิ้มกรุ้มกริ่ม จนพี่เบสท์แซวว่าเขินหรอ แต่ในใจก็ยังแอบหวั่นๆใจว่ามันจะอยู่กับผมไปได้นานแค่ไหนกัน มันเจ้าชู้จะตาย …..
______________________________________________________________________________
ตัดภาพมาที่การฝึกงานของผม ผมเริ่มงานช้ากว่าเพื่อนคนอื่นที่มาจากมหาลัยเดียวกันและต่างมหาลัยพี่หญิง(นามสมมติ) เอชอาร์ของที่ฝึกงาน เข้ามาถามถึงผลตรวจเชื้อ ถามว่าผมโอเคแล้วใช่ไม๊ พร้อมแล้วใช่ไม๊ แกก็ส่งผมไปอยู่กับแผนกหนึ่ง พี่หญิงเดินมาส่งผมที่แผนก
ส่วนงานที่ผมไปฝึกเป็นงานธุรการ เป็นห้องเล็กๆ มีพี่เขานั่งอยู่ในห้องคนเดียว สมมติว่าชื่อเต้ ช่วยสอนงานให้ พี่หญิงเปิดประตูเข้าไป
“ฝากน้องด้วยน้า เต้”
“คร้าบ”
ผมเดินเข้าไปเก้ๆกังๆ พี่เต้ส่งยิ้มให้ ทำผมใจเต้นตุบๆ หน้าร้อนผ่าว หล่อขนาดนี้ จะมีกะใจทำงานไม๊เนี่ย
“อ๋อ คนนี้หรอน้องคิม โอเคละนะ ไหวใช่ไม๊ อยู่กับพี่ ชิวๆ ไม่ต้องซีเรียส”
พี่เต้ สอนงานผม ก็งานธรรมดา ไม่มีอะไรยาก ผมก็นั่งพิมพ์งานของผมไป โต๊ะทำงานผมอยู่ด้านหน้าโต๊ะพี่เต้ จู่ๆแกก็เอามือมาวางบนบ่าผมละโน้มตัวลงมา ดูที่ผมลงรายการในคอม หน้าแทบจะชิดกับหน้าผม อาจจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ผมก็ระทวยและอึ้งไปอยู่นาน ในใจก็แอบยิ้ม พูดกับตัวเองว่า อย่างนี้สิ ค่อยมีแรงมาฝึกงานหน่อย ฮ่าๆ