ปี๊น ปี๊น เสียงแตรรถดังมาสองครั้งเรียกความสนใจของเราสองคนน้าหลานให้ส่งสายตาไปที่หน้าบ้าน ตุลย์รีบวิ่งออกไปที่หน้าประตูบ้านโดยที่ไม่ได้รอผมเลย ผมเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกจากบ้าน จัดการล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามหลานชายออกไป
แทนที่จะเห็นรถคันที่คุณภูใช้เป็นประจำวันนี้กลับเห็นรถเอสยูวีคันใหญ่จอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เดินไปเปิดประตูหลังเพื่อจะขึ้นไปกลับกลายเป็นว่ามีร่างน้อย ๆ ของน้องฟ้านั่งยิ้มแฉ่งรออยู่ก่อนแล้ว พอเห็นเท่านั้นแหล่ะไอ้อ้วนก็กระโดดขึ้นไปนั่งข้าง ๆ กัน ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากปิดประตูหลังแล้วเปิดประตูหน้าขึ้นไปนั่งแทน
“น้ากันต์จะซื้อต้นอะไรครับ ฟ้าถามคุณพ่อแล้วแต่คุณพ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้องฟ้ายื่นหน้ามาถามระหว่างช่องว่างของเบาะคนขับกับคนนั่งข้าง ๆ คือผม
“ก็คงจะซื้อต้นมะลิแหล่ะ เพราะตุลย์อยากได้เวลาออกดอกแล้วหอมดี อย่างอื่นก็ไม่รู้เดี๋ยวค่อยไปดูเอาว่าที่ร้านมีอะไรมั่ง”
“ฟ้าเลือกด้วยได้ไหม ฟ้าจะเอาไปปลูกที่บ้าน”
“อ้าว แล้วที่บ้านไม่มีดอกไม้หรอ บ้านออกจะกว้างนี่ครับ” ผมหันไปถามเด็กน้อยช่างพูด
“มีแต่ต้นไม้ครับ ดอกไม้ไม่เห็นจะมีเลย คุณพ่อให้คุณลุงที่ทำสวนปลูกดอกไม้ที่ฟ้าจะซื้อด้วยนะครับ” หันหน้ามาตอบผม แล้วก็หันไปหาคุณภูที่กำลังขับรถอยู่
“ครับ เดี๋ยวน้องฟ้าอยากได้ต้นอะไรก็ชี้เอาเลย เดี๋ยวพ่อให้ลุงสมมาช่วยหนูปลูกดีไหม” ตามองถนนแต่ก็ยังส่งเสียงตอบลูกชาย
“นี่ ๆ น้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์บอกให้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนสวย แล้วตุลย์จะไปช่วยปลูกให้ก็ยังได้เลย ตอนอยู่บ้านหลังเก่า ตุลย์ช่วยแม่ประจำ เนอะน้ากันต์เนอะ” ไอ้อ้วนของผมออกตัวล้อฟรีเลยงานนี้
“ครับ ๆ ตุลย์เก่ง” ผมตอบรับคำถามแล้วหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน
เสียงเด็กทั้งสองคนคุยกันดังอยู่ด้านหลังซึ่งตอนนี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง นานแล้วตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้เข้ากรุงเทพมาอีกเลย ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะมาเดินหาต้นไม้กันสองคนกับตุลย์ แต่ตอนนี้มีสมาชิกมาเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องขับรถให้เมื่อย
ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คุณภูขับรถไปจอดที่ลานจอดรถของตลาดจากนั้นเราจึงเดินมาดูร้านขายต้นไม้ที่มีอยู่ตลอดแนวถนน มีดอกไม้ ต้นไม้หลากหลายสายพันธ์รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการปลูก บำรุงรักษาต้นไม้ขายด้วย
คุณภูจูงมือน้องฟ้าเพราะน้องฟ้าไม่ยอมให้อุ้มซึ่งตอนแรกมันก็ทำให้คุณภูต้องคิ้วขมวดแต่เมื่อน้องฟ้ายืนยันว่าจะเดินเองก็ทำได้แค่จูงมือเล็ก ๆ นั้น ส่วนตุลย์นะเหรอ รายนั้นไม่ต้องห่วงเดินอยู่ข้าง ๆ น้องฟ้าเรียบร้อย แม้ว่ามือของน้องฟ้าจะมีมือใหญ่อีกมือจับจูงอยู่ก็ตาม
“นายจะซื้อต้นอะไรบ้าง คิดไว้หรือยัง” ร่างสูงของคุณภูหันมาถามผมที่เดินตามมาข้างหลัง
“ก็ต้นมะลิ อันดับแรก ส่วนอย่างอื่นก็เดี๋ยวเดินดูไปเรื่อย ๆ ครับ”
“งั้นเข้าไปหลาย ๆ ร้านแล้วกันเผื่อว่ามีต้นไม้ที่อยากได้”
“คุณภูกับน้องฟ้าทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ นี่ก็เที่ยงแล้วนะถ้ายังก็ไปทานกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวเด็ก ๆ จะหิว” ผมเอ่ยปากชวนร่างสูงไปทานข้าว
“ยัง น้องฟ้าหิวหรือยังครับ พ่อก็ลืมดูเวลาไปเลยว่านี่มันเลยเที่ยงแล้ว” พลางก้มลงไปถามลูกชาย
“เริ่มหิวเหมือนกันครับ แต่ได้ทานขนมไปที่บ้านน้ากันต์หน่อยนึงแล้ว”
“งั้นเราไปทานข้าวกันก่อนเนอะ” นิสัยผมอย่างนึงคือถ้าถึงเวลาอาหารต้องทานก่อนเพราะไม่อยากให้โรคกระเพาะถามหาเหมือนสมัยเรียนที่ไม่ค่อยได้ทานข้าวเป็นเวลา ยิ่งเดี๋ยวนี้อยู่กับตุลย์ยิ่งต้องเป็นเวลามากขึ้นเพื่อหลานได้ติดเป็นนิสัย
เราทานอาหารในร้านที่อยู่แถว ๆ นั้นเพื่อความสะดวก เด็ก ๆ ท่าทางตื่นเต้นที่ได้มาเดินตลาดนัดแบบนี้ ตุลย์นะไม่เคยมาแน่นอน แต่น้องฟ้านั่นพ่อคงหวงอีกตามเคยคงไม่ยอมให้ลูกชายมาเดินตากแดดแบบนี้หรอก แล้วนี่คิดยังไงถึงตามมาซื้อต้นไม้ท่ามกลางอากาศร้อนมหาโหดแบบนี้
“น้องฟ้าเคยมาที่นี่ไหมครับ” ลองถามสักหน่อยแต่คงไม่ผิดไปจากที่คาดไว้หรอก
“ไม่เคยหรอกครับน้ากันต์ คุณพ่อไม่ว่างพามาเที่ยวเท่าไรหรอกครับ นาน ๆจะได้ไปเดินห้างด้วยกัน เท่านั้นฟ้าก็ดีใจมากแล้วล่ะ”
“คุณพ่อเขากลัวน้องฟ้าจะไม่สบายไงครับ เพราะอากาศที่นี่มันร้อนมาก น้องฟ้าเป็นเด็กก็กลัวว่าจะไม่สบายง่ายกว่าผู้ใหญ่ไงครับ”
“คงอย่างนั้นแหล่ะ แต่ฟ้าก็อยากไปที่อื่นที่ไม่ใช่ห้างด้วยนี่นา” ทำแก้มป่องออกมาซะน่ารักเชียว
ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงในการทานอาหารกลางวันซึ่งทุกเมนูก็หมดเกลี้ยงไปด้วยเด็กน้อยสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทานกัน ส่วนร่างสูงของคุณภูแค่นั่งทานไปเงียบ ๆ คอยดูน้องฟ้าเป็นระยะเท่านั้นเอง
ผมเดินเข้าออกร้านขายต้นไม้เพื่อถามราคาและดูว่ามีพอจะให้เราปลูกหรือเปล่า โดยมีร่างสูงของคุณภูเดินข้าง ๆ แต่เด็กทั้งสองคนเดินไปดูดอกไม้อื่น ๆ ใกล้ ๆ กันแต่ก็ยังอยู่ในสายตาเราทั้งสองคนเสมอ
“มะลิพวกนี้มีเยอะไหมครับ ผมอยากได้สัก 50 ต้น” ผมหันไปถามจำนวนของต้นมะลิจากเจ้าของร่าง ซึ่งเป็นชายร่างท้วมดูท่าทางใจดี
“มีเยอะเลยละคุณ พอที่ต้องการอยู่ครับ แล้วอยากได้มะลิอย่างเดียวหรือครับ สนใจดูต้นอื่นด้วยไหม ร้านเรามีต้นไม้หลายพันธ์มากเลยนะ” เจ้าของร้านตอบกลับคำถามของผม แล้วแนะนำต้นไม้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในร้านไปด้วย
“ผมอยากได้พวกไม้ดอกกลิ่นหอมน่ะครับ พอจะมีอะไรบ้าง”
“ทางนี้มีพวก โมก ดอกแก้ว จำปี จำปา กุหลาบ ดอกปีบ ประมาณนี้แหล่ะครับแล้วแต่ชอบ”
“นายอยากได้พวกต้นเตี้ย ต้นสูงหรือไม้เลื้อยล่ะ” เสียงทุ้มของคุณภูหันมาถามผม ทำให้ผมคิดว่าผมจะปลูกแบบไหนดี เพราะมะลิก็เป็นพุ่มเตี้ย
“อืม เอาไหนดีล่ะครับ ช่วยคิดหน่อยสิ ผมนึกไม่ออกว่าจะทำแบบไหนดี”
“นายเนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดอะไรมาก่อนเลยรึไง แล้วถ้าออกมากันแค่สองคนน้าหลานจะทำยังไง ซื้อไปก่อนแล้วค่อยคิดเหรอ” เสียงบ่นดังออกมาจากปากของคุณภู
“ก็คนมันไม่มีความรู้ด้านนี้นี่นา ก็คิดว่ามาถามเอากับคนขายก็คงได้นี่ครับ”
“เฮ้อ ... เอาเหอะ ๆ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เอาต้นปีบไปสัก 3 ต้น ต้นมันก็ไม่ได้สูงมากหรอกแต่ดอกมันหอม ส่วนพวกต้นเตี้ย ๆ ก็เอาดอกแก้ว ต้นหอมเจ็ดชั้น ไปสักอย่างละ 10 ต้นก็น่าจะพอแล้ว บ้านยิ่งแคบ ๆ อยู่ด้วย”
“ดอกแก้วผมรู้จักแต่ หอมเจ็ดชั้นเนี่ยเป็นยังไงแล้วร้านเขาจะมีไหมล่ะ” ต้นไม้ที่ร่างสูงเอ่ยมาผมรู้จักหมดนะครับยกเว้นไอ้ต้นหอมเจ็ดชั้นเนี่ยแหล่ะ มันจะหอมไปไหนตั้งเจ็ดชั้น
“มันก็เป็นพวกไม้พุ่มนี่แหล่ะ แต่ดอกมันหอมอ่อน ๆ ดอกคล้าย ๆ ดอกเข็มสีขาว ตอนแรกดอกสีขาวแต่บานสัก 2 -3 วันจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง แล้วก็สีส้มจากนั้นก็โรย” คุณภูอธิบายเสียจนผมอยากเห็นแล้วล่ะครับ
“ที่นี่มีต้นหอมเจ็ดชั้นไหมครับ” พูดกับผมไม่ทันจบดีก็หันไปหาเจ้าของร้านทันทีเลย
“อ้อ มีครับแต่ไม่แน่ใจว่ามีอยู่เท่าไรเดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปนับมาให้สักครู่นะครับ เดินดูรอบ ๆ ร้านก่อนก็ได้” ว่าแล้วก็หายลับไปอีกด้าน ปล่อยให้พวกเรายืนอยู่กับที่
ผมก็เดินดูต้นไม้รอบ ๆ จนกระทั้งได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ดังขึ้นข้าง ๆ
“น้ากันต์ ๆ ปลูกคุณนายตื่นสายได้ไหม ดอกมันสวยมากกกกก”
“หือ ..คุณตุลย์ตื่นสายยังไม่พอหรอ ต้องให้คุณนายตื่นสายตามไปด้วยหรือตุลย์”
“ง่ะ น้ากันต์อ่า....นะ นะ นะ มันสวย แม่เคยปลูกตุลย์จำได้ น้องฟ้าก็บอกว่าสวยจะปลูกเหมือนกัน “ ตุลย์ยื่นถุงคุณนายตื่นสายมาตรงหน้า ผมมองสีสันในมือป้อม ๆ
“ก็ได้ แต่ตุลย์ปลูกเองนะ น้าไม่ช่วยหรอก ใครอยากปลูกต้องดูแล รักษา ให้ปุ๋ยให้น้ำกันเอาเองล่ะ เข้าใจไหม”
“ครับ งั้นเอาไปเยอะ ๆ ได้ไหมคุณนายจะได้มีเพื่อนอยู่ด้วยกัน”
“ได้แค่ 10 ถุงพอนะตุลย์เดี๋ยวไม่มีที่ปลูกอย่างอื่น บ้านเราที่น้อย”
“ 10 ก็ 10 ไปกันเถอะน้องฟ้าไปเลือกคุณนายตื่นสายกัน” แล้วก็จูงมือน้องฟ้าไปทางที่ต้นคุณนายตื่นสายเรียงรายกันเป็นแถว คุณภูเดินตามน้องฟ้าไปด้วยคงไปดูเด็ก ๆ ผมเลยเดินดูอย่างอื่นไปพลาง ๆ
“คุณพ่อ ฟ้าเอาไปได้กี่ต้นครับ”
“น้องฟ้าอยากได้เยอะไหมล่ะ แต่เดี๋ยวคุณนายก็ขยายออกมาเอง เอาไปแค่พอประมาณก็พอ ปลูกแปลงไม่ต้องใหญ่หรอก” คุณภูตอบคำถามน้องฟ้า พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายตัวน้อยเพื่อช่วยเลือกต้นคุณนายตื่นสาย
หลังจากที่เจ้าของร้านกลับออกมาเพื่อบอกจำนวนต้นไม้ที่เราต้องการว่ามีเพียงพอ ผมก็จัดการซื้อแล้วจ่ายเงินแต่ปัญหาคือจะขนกลับไปยังไงนี่สิ ลืมไปเลย
“ทางร้านมีบริการส่งใช่ไหมครับ” ร่างสูงถามออกมาอย่างกับจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
“ครับ ถ้าไม่ไกลเราส่งให้ฟรี แต่ไกลกว่านั้นก็ขอค่าน้ำมันนิดหน่อยพอครับ ว่าแต่จะให้ส่งที่ไหนครับ”
“แถวเกษตรตัดใหม่ครับ” ผมหันไปตอบแทนคุณภู
“อ้อ ถ้าแถวนั้นไม่ไกลเท่าไร ผมส่งให้ฟรีได้ครับ” โอ๊ะ....ไม่ต้องเสียเงินค่าส่งด้วยดีจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า เปล่างกนะแต่ว่าอะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดผมไม่ได้รวยนี่ครับ พนักงานกินเงินเดือนไม่กี่หมื่นเอง
เจ้าของร้านถามที่อยู่เพื่อที่จะไปส่งต้นไม้ ซึ่งคุณภูก็เป็นคนจัดการให้หมด ผมเลยไม่ต้องทำอะไรได้แต่ยืนเฉย ๆ ข้าง ๆ ร่างสูงนั่นเอง
“น้ากันต์ เสร็จแล้วกลับบ้านเลยหรอ ยังไม่ค่ำเลยอ่ะ” เสียงตุลย์ถามเหมือนจะอยากเดินเล่นต่อนะอ้วน
“แล้วตุลย์จะไปไหน ไปเดินเล่นในตลาดนัดไหมล่ะ แต่ร้อนนะทนไหวหรอ ดูน้องฟ้าสิ ตอนนี้หน้าแดงเหงื่อเต็มหน้าแล้ว” ผมหันไปมองหน้าเด็กชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของเจ้าตัว
“ฟ้าอยากไปเดินเล่นต่อ เราไปได้ไหมครับคุณพ่อ” ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อหันไปอ้อนพ่อขอให้พาไปเดินเล่นก่อนเพราะไม่อยากกลับแล้วก็ไม่เคยมาที่นี่
“งั้นก็ได้ครับ ไปก็ไป” เสียงทุ้มตอบตกลงจะที่จะพาลูกชายไปตะลุยตลาดนัดแล้ว ผมได้แต่นึกในใจจะไปรอดไหมเนี่ย เคยมาสมัยเรียนแต่ตอนนี้มันไม่ได้เหมือนสมัยยังวัยรุ่นนะครับคุณ
“เย้ๆ ได้ไปเที่ยวตลาดแล้ว” ยิ้มแก้มปริเชียวน้องฟ้า
“งั้นไปกันเลย” เสียงจากตุลย์ดังตามมาเป็นลูกคู่ด้วยคน จากนั้นขบวนหนุ่ม ๆ ก็เริ่มเดินออกไปทางตลาดที่มีผู้คนเดินอยู่อย่างคับคั่งสมกับที่เป็นวันหยุด
ร้านแรกที่เราเจออยู่ในโซนด้านหลังสวน ซึ่งมีบรรดาร้านขายของตกแต่งบ้าน ร้านหนังสือเก่า รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่นต่าง ๆ ผู้คนที่มาเดินส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น รวมถึงวัยทำงาน แต่ผมสังเกตว่าชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจกับสินค้าที่นี่เหมือนกัน อาจเพราะว่าราคาถูกและงานฝีมือต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ
“น้ากันต์ ๆ ร้านนี้มีเสื้อนกโกรธด้วย ซื้อให้ตุลย์หน่อยได้ไหมอ่า” เสียงที่สะกิดให้ผมสนใจคือเสียงของตุลย์ที่หยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งภายในร้านมีเสื้อกางเกง ลายการ์ตูนลิขสิทธิ์อยู่หลากหลาย
“อยากได้เหรอ ที่บ้านมีหลายตัวแล้วนะ”
“ครับ ก็พวกนั้นไม่มีลายนี้นี่นา นะ นะ นะ ซื้อให้ตุลย์หน่อยนะ อยากได้จริง ๆ”
“โอเค ๆ อยากได้ก็จะซื้อให้ ไหนมาดูสิว่าอยากได้ตัวไหน น้องฟ้าอยากได้ไหมครับ น้ากันต์ซื้อให้ไปเลือกกัน” ผมหันไปถามน้องฟ้าอีกคนเผื่อว่าน้องอยากได้
“อืม ฟ้าขอดูก่อนนะครับ ไม่รู้ว่ามีแบบที่อยากได้หรือเปล่า” น้องฟ้าทำท่าคิดแล้วเดินวนดูเสื้อ
“น้ากันต์ ตุลย์เอาตัวนี้นะ เสื้อกับกางเกง พอล่ะ เดี๋ยวเจอร้านอื่นอีก อิอิ”
“อ้าว ๆ จะซื้ออีกเหรอ มากไปไหมตุลย์ ให้ชุดเดียวพอแล้วมั้ง เนี่ยน้องฟ้ายังไม่ได้ของเลย ตัวเองคิดจะซื้อร้านอื่นซะล่ะ”
“โห ก็ถ้าเจอไง น้ากันต์ถ้าเจอไม่เจอก็แล้วไปสิ” แล้วดูพูดเข้าแต่ดีนะซื้อที่ตลาดนัดถ้าไปเจอในห้างแพงกว่านี้แน่นอน ซวยได้อีกไอ้กันต์
“คุณพ่อฟ้าซื้อตัวนี้ได้ไหมครับ” เสียงน้องฟ้าเรียกให้ผมมองมือเล็ก ๆ ที่ชี้ไปที่เสื้อยืดสีฟ้าตัวหนึ่งซึ่งเป็นลายหมีพูห์กับเสือทิกเกอร์
“ไหนครับขอพ่อดูเนื้อผ้าหน่อยนะ ว่าใส่สบายหรือเปล่า” หือ.....ละเอียดกว่าที่คิดนะเนี่ย
“อืม ได้ครับ เนื้อผ้าน่าจะใส่สบายงั้นน้องฟ้าเอาสีนี้นะ คิดเงินทั้งหมดรวมกันเลย” ใบหน้าเข้มที่พลิกเสื้อดูเนื้อผ้าอย่างตั้งใจ คิ้วที่ขมวดเวลาทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเรื่องของลูกชายแล้วคุณภูตั้งใจใส่ใจทุกรายละเอียด
“เดี๋ยวผมจ่ายให้เองคุณภู คุณอุตส่าห์พาผมมาซื้อต้นไม้” ผมแย้งขึ้นทันทีที่คุณภูให้คนขายคิดเงินรวมกันแล้วมือใหญ่ก็กำลังหยิบกระเป๋าเงินออกมา
“ไม่ต้องฉันจ่ายให้น้องฟ้ากับตุลย์ได้ นายเก็บเงินของนายไว้เถอะ” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเรียบ ๆ แล้วส่งเงินให้เจ้าของร้านซึ่งยินดีรับไปพร้อมกับส่งถุงใส่เสื้อผ้าให้สองใบ มือใหญ่ของคุณภูก็ยื่นไปรับมาถือไว้
“งั้นส่งมาให้ผม ผมถือให้” ผมพยายามยื่นมือไปเอาถุงทั้งสองมาถือไว้ แต่ไม่ทันมือใหญ่ที่วาดมือไปไว้ด้านหลังของตัวเอง
“ฉันถือได้ นายเดินไปได้แล้ว เดี๋ยวเด็กจะไปก่อน เดินดูเด็ก ๆ ด้วยล่ะ”
“ตามใจ อยากถือก็เชิญครับ” ผมยกหน้าที่เด็กถือของให้ร่างสูงไปเลยละกันดีล่ะ พ่อจะช็อปให้หนักเลย ถือแล้วอย่าบ่นนะ
“เด็ก ๆ อยากซื้ออะไรอีกบอกน้ากันต์เลยนะ น้ากันต์จะซื้อให้ เดินนำไปเลย” จากนั้นผมก็พาเด็ก ๆ เดินเข้าเดินออกร้านต่าง ๆ เป็นว่าเล่น ได้ของมาคนละถุงสองถุงเป็นทีสนุกสนาน แต่หันไปมองร่างสูงที่คงจะเริ่มไม่สนุกเท่าไรแล้วเพราะถุงในแต่ละมือมีไม่ต่ำกว่า 5 ใบ
“หนักไหมครับ ผมช่วยถือเอาเปล่า”
“ไม่ต้อง นายอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ ฉันถือได้เก็บแรงนายไว้เดินก็พอ” พูดดี ๆ งั้นจัดเต็มไปเลยละกัน
เราเดินกันประมาณเกือบสองชั่วโมงผมสังเกตว่าเด็ก ๆ เริ่มจะเมื่อยกันแล้ว และตอนนี้เวลาก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วกำลังจะชวนหาที่นั่งพักเพื่อให้เด็ก ๆ ได้ดื่มน้ำทานขนมรองท้องกันสักหน่อย
“ตุลย์ น้องฟ้า ไปนั่งร้านไอศกรีมกันก่อนนะครับ พักเหนื่อยกันก่อน” ผมมองเห็นร้านไอศกรีมข้างอยู่ข้างหน้าจึงได้ชวนเด็ก ๆ ให้เข้าไปในร้าน
ร่างสูงของคุณภูเดินตามมานั่งโต๊ะที่พวกผมนั่งจับจองกันไว้ มือใหญ่วางถุงทั้งหมดเลงบนโต๊ะ สายตาคมเข้มคู่นั้นมองหน้าพวกผมเป็นรายคนเลย เริ่มจากผม ตุลย์ แล้วไปจบที่น้องฟ้า จากนั้นถอนใจยาวออกมาเฮือกใหญ่
“หนักเหรอครับคุณ บอกว่าจะช่วยถือก็ไม่ยอมเป็นไงล่ะ” ผมยื่นขวดน้ำเปล่าที่เปิดฝาแล้วส่งไปให้คนตรงหน้า มือใหญ่ยื่นออกมารับแล้วยกขึ้นดูดเกือบครึ่งขวด
“ช็อปอย่างกับไม่เคยได้ซื้อของ อะไรมั่งก็ไม่รู้ซื้อไม่คิดหรือเปล่า”
“ก็เพิ่งได้มีโอกาสซื้อนี่แหล่ะ ตั้งแต่มากรุงเทพยังไม่ได้ซื้อของแบบนี้เลยนะครับ” ผมตอบกลับอย่างไม่รู้สึกอะไรกับการซื้อของอย่างบ้าดีเดือดของตัวเอง แค่ไม่กี่สิบถุงเองบ่นไปได้ ชิส์...
เราได้ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนกันคนละถ้วย กลิ่นกะทิหอมมากมาพร้อมกับเนื้อมะพร้าวอ่อน กำลังดีทำให้ผมชักจะติดใจเสียแล้ว กำลังจะสั่งเพิ่มแต่กลับมีมือใหญ่ที่ยื่นถ้วยไอศกรีมอีกหนึ่งถ้วยมาตรงหน้าผม มองดูจึงเห็นว่าเป็นของคุณภูที่ไอศกรีมมันเริ่มจะละลายแล้ว
“ถ้านายจะสั่งเพิ่ม เอาถ้วยนี้ไปทานฉันไม่ค่อยทานของหวาน”
“ไม่ลองสักหน่อยเหรอครับอร่อยนะไม่หวานมากหรอก ลองดูคำเดียวก็ได้อ่ะ” ผมใช้ช้อนตักไอศกรีมขึ้นมาคำนึงแล้วยื่นช้อนไปตรงปากของร่างสูง คุณภูชะงักนิดนึงแล้วมองหน้าผมนิ่ง
“อ้าว เร็วสิครับอ้าปากสิ คำเดียวเอง รับรองไม่หวานจริง ๆ แล้วอย่าติดใจขอถ้วยนี้คืนล่ะ” ผมเร่งให้ร่างสูงอ้าปากเพื่อรับไอศกรีมที่ผมยื่นส่งไปให้ คุณภูถอนใจเฮือกใหญ่แบบจำใจแล้วจึงได้ยื่นใบหน้าเข้มนั้นเข้ามาใกล้กับช้อนที่ผมส่งไปให้
“ดีมาก ๆ อร่อยป่ะล่ะ ผมบอกแล้วเห็นไหม เด็ก ๆ มีใครอยากสั่งเพิ่มไหมให้คนละลูกเท่านั้นนะ”
“โอย.....ลูกเดียวไม่พออ่ะน้ากันต์ ขอสองลูกได้ป่ะ เนอะน้องฟ้าเนอะ สองลูก” เสียงตุลย์ร้องโอดครวญออกมา
“ไม่ได้ทานเยอะมันเปลืองน้ากันต์หมดตัวแล้ว ลูกเดียวเท่านั้น” เสียงตุลย์ยังร้องโวยวายออกมา แต่ผมหัวเราะอย่างสะใจที่แกล้งหลาน ๆ ได้สำเร็จ หันไปสั่งมาให้อีกคนละสองลูกเล็ก ๆ
“อย่าทานเยอะเดี๋ยวปวดท้องกันหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่นแหล่ะ” แล้วก็มีเสียงเข้มส่งเข้ามาในวงสนทนาของพวกเราสามคน
“ลูกนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอกครับ คุณภูไม่ทานก็อยู่เฉย ๆ ไปเลย นั่งดื่มแต่น้ำเปล่าก็พอ ส่วนพวกผมขอทานของอร่อยก่อนแล้วกันนะ” จากนั้นเราสามคนก็ลงมือจัดการกับของที่สั่งมา หมดแล้วนั่งพักกันต่ออีกสิบนาทีเราก็เริ่มเดินดูของอย่างอื่นอีก
“ไปดูโซนของแต่งบ้านหน่อยได้ไหมครับ เผื่อมีของอยากได้” เสียงของผมเรียกให้อีกคนหันขวับมาเลยทีเดียว
“ยังจะซื้ออีกเหรอ เยอะไปแล้วมั้งวันหลังค่อยมากันใหม่ นี่ใกล้เย็นแล้วฝนก็ทำท่าจะตกแล้วด้วยกลับกันเลยดีกว่า ค่ำกว่านี้จะรถติด”
ผมมองดูของในมืออีกฝ่าย กลับก็ได้วันหลังมากับตุลย์ดีกว่าจะได้ไม่ต้องมีคนคอยเบรคให้หัวทิ่มเวลาจะซื้ออะไร มารขวางคอชะมัดเลย
“กลับก็ได้ครับ งั้นเรากลับกันดีกว่านะเด็ก ๆ วันหลังค่อยมาใหม่เนอะ”
เริ่มเดินมาได้ไม่ไกลเท่าไร เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างแล่ปไปทั่วบริเวณ ท่าทางฝนจะตกหนักแน่เลย เราได้แต่เร่งเดินให้ถึงที่ลานจอดรถให้ไวที่สุดแต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝนจะไม่เข้าข้างเราเท่าไรนัก เพราะฝนเริ่มลงเม็ดอย่างหนักจนเราต้องพยายามมองหาที่หลบฝนแต่คนก็เยอะ แถมที่หลบฝนก็มีน้อยถึงตอนนี้เราจะอยู่ในโครงการที่มีหลังคาก็เถอะ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากเพราะว่ามันรั่ว
ร่างสูงของคุณภูรวมของไว้ที่มือเดียวแล้วอีกมือก็คว้าเอาร่างของน้องฟ้าเข้ามาอุ้มไว้แล้วสั่งให้ผมเดินตามไปให้ไว ผมได้แต่จูงมือตุลย์แล้วเดินตามให้ไวที่สุด อุ้มไม่ได้หรอกครับเพราะน้ำหนักตุลย์เยอะเกินกว่าที่ผมจะอุ้มได้แล้ว
ลัดเลาะตามร้านค้ามาได้เราก็มาเจอชายคาเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาบังสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ที่สำคัญคือตรงนี้ยังไม่คนจับจองเพื่อที่จะหลบฝนอีกด้วย ร่างสูงของคุณภูจึงเดินมาหยุดตรงนี้ ผมดันตุลย์เข้าไปติดผนังด้านในแล้วเอาตัวเองบังสายฝนให้หลาน
“นายเข้าไปยืนข้างในติดผนังกับตุลย์” เสียงทุ้มสั่งให้ผมทำตาม ที่ก็มีอยู่นิดเดียวแค่นี้เองแล้วจะหลบกันหมดเหรอเนี่ย ยังไม่ทันสิ้นความคิด ร่างสูงของคุณภูที่ตอนนี้มีน้องฟ้าอยู่ในอ้อมแขน ดันให้ผมเข้าไปยืนชิดผนังให้มากที่สุดส่วนตัวของคุณภูก็ยืนหันหลังให้ภายนอกเหมือนจะยืนบังฝนให้พวกเรา
ผมจึงได้แต่เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้ซึ่งมีเพียงน้องฟ้าที่อยู่ในอ้อมแขนร่างสูงที่กั้นระหว่างเราสองคน ระยะห่างแค่นี้ทำให้ผมเกิดอาการชะงักนิ่งไปชั่วครู่ สายตาคมเข้มที่มองส่งมาสบตากับผมทำให้ไม่อาจจะละสายตาไปจากดวงตาคู่คมดวงนั้นได้เลย
“เอ่อ...ขะ ขยับมาใกล้มากเกินไปแล้วคุณภู เดี๋ยวน้องฟ้าอึดอัดนะครับ”เสียงที่ออกจากปากผมทำไมมันตะกุกตะกักไม่เป็นคำอย่างนี้ล่ะ
“ไม่ขยับเข้าไปใกล้ได้ยังไง ไม่งั้นฉันก็เปียกฝนนะสิ หรือนายจะปล่อยให้ฉันเปียกคนเดียว แล้วน้องฟ้าก็จะได้อุ่นด้วย ฝนตกอากาศเย็น” ทำไมเวลาพูดต้องอมยิ้มด้วยพูดเฉย ๆ เรียบ ๆ เหมือนทุกทีไม่ได้หรือไงเล่า
“น้องฟ้าอึดอัดไหมให้คุณพ่อขยับออกไปหน่อยดีไหมครับ” ในเมื่อบอกให้ขยับออกไปไม่ได้ผมก็มองหาตัวช่วยนั่นคือน้องฟ้านั่นเอง
“ไม่หรอกครับอย่างนี้ดีแล้วอุ่นดี แล้วเดี๋ยวถ้าถอยออกไปคุณพ่อจะเปียกแล้วไม่สบาย ขยับเข้ามาใกล้กว่านี้ก็ได้น้องฟ้าชอบ เร็วสิครับคุณพ่อขยับมาอีกหน่อยเดี๋ยวเปียกนะ” เสียงเล็ก ๆ เร่งให้คุณภูขยับเข้ามาอีกซึ่งร่างสูงก็ทำตามที่ลูกชายสั่งอย่างไม่บิดพริ้ว พร้อมมุมปากที่กระตุกยิ้มนิด ๆ ให้เป็นที่หมั่นไส้น้อย ๆ
“เห็นไหมน้องฟ้ายังให้ขยับอีกเลย นายก็อย่าบ่นนักเลย ไม่กลัวฉันโดนฝนแล้วไม่สบายรึไง”
“อย่างคุณภูโดนฝนแค่นี้ไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ หนาอย่างกับอะไรดี” บ่นออกไปเพราะว่าสั่งให้ร่างสูงทำตามคำสั่งไม่ได้แถมน้องฟ้ายังไม่ยอมเป็นพวกเสียอีกด้วย
“เอาน่าอยู่อย่างนี้รอให้ฝนซาก่อนแล้วกัน ทำไมนายไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ชอบอัดอัด” ผมตอบกลับไวกว่าที่คิดไว้แถมเสียงยังหงุดหงิดเสียอีกด้วยแต่ทำอะไรไม่ได้
“นายไม่ชอบแต่ว่าฉันว่าฉันชักจะชอบแล้วสิ” ใบหน้าหล่อก้มลงมากระซิบข้างหูพร้อมลมหายใจร้อนที่ออกมาจากร่างสูงทำให้ผมยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง
แต่ถ้าจะมีใครสักคนฉุกคิดขึ้นมาได้และมองลงไปข้าง ๆ ก็จะเห็นเด็กชายตัวอวบอ้วนคนนึงเงยหน้ามองผู้ใหญ่สองคนคุยกันโดยที่มีเด็กน้อยร่างเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในอ้อมระหว่างทั้งสองคน ใบหน้านั้นทำสีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมทั้งสายตาระอาส่งไปให้ นี่ลืมกันใช่ไหมว่ายังมีตุลย์ยืนอยู่ข้าง ๆ อีกคน
**************************************************************************
หายไปหลายวันเลยอย่าทิ้งกันนะคะ วันนี้มาลงเพิ่มความหวานลงไปนิดหน่อย
หวังว่าคงพอทดแทนกันได้ แล้วพบกันตอนหน้านะคะ ^_^
ฝากไลค์เพจ มารน้อย เจ้าสำนัก ด้วยนะคะ ติดตามทวงงานกันได้ หรือพูดคุยได้ทุกเรื่อง