<@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59  (อ่าน 26666 ครั้ง)

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
คุณภู๊ นี่ขนาดแอบลวนลามแล้วนะ 555

เดินหน้าเต็มกำลังเลย น้ากันต์เตรียมตั้งรับนะ กำลังมีใส้ศึกในบ้าน 555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ลูกไฟเขียวขนาดนี้ก็ลุยเลยเถอะ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เราขอ งดอัพนิยายไปจนสิ้นเดือนนะคะ

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :3123: :3123:
ไม่เป็นไรจ๊ะ รอได้น้าา ขออย่างเดียวอย่าหายไปเลย
คนอ่านต้องแดดิ้น รวดร้าวหัวใจแน่นอน

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หายไปนานแว้วน้า  มาต่อได้แว้ว  เก๊ารออยู่

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน

เช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่ผมคิดจะเริ่มแผนการในการจีบกันตพิชย์ ผมไปส่งน้องฟ้าตามปกติแต่ว่ากว่าผมกับลูกชายจะออกไปจากบ้านกัน ผมจอดรถรอให้กันตพิชย์ขับรถออกจากบ้านตัวเองเพื่อไปส่งหลานชายก่อนครับ เพราะว่าเมื่อชายหนุ่มส่งตุลย์เสร็จแล้วไปทำงาน ผมจะเข้าไปเจรจากับตุลย์ ไม่รู้ว่าตุลย์จะยอมช่วยหรือเปล่าแต่งานนี้ไม่ลองไม่รู้

เมื่อร่างโปร่งของกันตพิชย์ขับรถออกจากโรงเรียนหลังส่งหลานชายแล้ว ผมจึงเปิดประตูรถเพื่อจะพาน้องฟ้าไปห้องเรียนบ้าง ที่ห้องเรียนเห็นตุลย์นั่งอยู่ที่ประจำของตัวเองแล้วจึงเดินส่งน้องฟ้า ลูกชายผมเดินไปวางกระเป๋าพร้อมกับส่งเสียงทัก อีกฝ่ายก็หันมายิ้มรับ แล้วยกมือไหว้ผม

“อรุณสวัสดิ์ตุลย์”

“อรุณสวัสดิ์น้องฟ้า สวัสดีครับคุณลุง”

“สวัสดีตุลย์ ไงเรามาเช้าเชียวนะ” ผมส่งเสียงทักร่างอวบของเด็กชายออกไป

“ก็น้ากันต์ปลุกแต่เช้ามากครับ ตุลย์เลยต้องมาแต่เช้า นี่ยังง่วงอยู่เลย” พูดจบก็ปิดปากหาวไปด้วย

“คือว่าลุงมีเรื่องจะถามตุลย์สักหน่อย ตุลย์ออกไปคุยกับลุงข้างนอกก่อนได้ไหม” ผมเปิดประเด็นทันที ร่างอวบส่งสายตางงมาให้แต่ก็พยักหน้าให้ผมเป็นการตกลง ผมจึงได้เดินนำน้องฟ้าและตุลย์ออกมาข้างนอกที่มองหาโต๊ะที่ว่างพอจะนั่งคุยกันได้

“น้ากันต์ของตุลย์ตอนนี้คบกับใครอยู่หรือเปล่า” ตรงเกินไปไหมที่จะถามเด็กแบบนี้ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าถ้าเราอ้อมค้อมแล้วเราจะได้อะไร เอาแบบนี้แหล่ะ

“อืม....ไม่น่าจะมีนะครับ หรืออาจจะมีแต่ตุลย์ไม่รู้ คุณลุงถามทำไมเหรอ” ตุลย์ทำท่านึกอยู่สักครู่พลางมองหน้าผมแล้วตอบคำถามที่ผมถามออกไปกลับมา

“อ้าว ยังไงล่ะตุลย์ แล้วตุลย์เคยเห็นน้ากันต์ไปไหนกับใครหรือเปล่า หรือคุยโทรศัพท์นาน ๆ แบบอารมณ์ดี ยิ้มไปด้วยทำนองนี้อ่ะ”

“ถ้าเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ค่อยมีนะ อ้อ เคยมีคนโทรมาหาแล้วน้ากันต์คุยไปด้วยยิ้มกับหัวเราะออกมาด้วย แต่ตุลย์ไม่รู้หรอกนะว่าใครโทรหาไม่ได้ถามครับ แต่ถ้าเวลาที่น้ากันต์ทำงานตุลย์ไม่รู้หรอกนะ เพราะตุลย์มาโรงเรียน” เอาล่ะสิ แล้วกันตพิชย์คุยกับใคร แต่จะคุยกับใครก็ช่างสิ ผมว่าถ้าผมจะลองจีบชายหนุ่มดูผมก็น่าจะทำได้นะ ผมเริ่มคิดว่าจะเริ่มต้นคุยกับตุลย์ยังไงดีจึงได้แต่หันไปมองน้องฟ้าที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ ลูกชายจะไม่ช่วยพ่อสักหน่อยหรือไงครับ

“แล้วน้ากันต์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”

“ไม่เคยมีหรอก น้ากันต์อยู่ช่วยงานที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหนแล้วน้ากันต์ไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไรครับ แต่ตุลย์ก็ไม่เคยเห็นน้ากันต์จีบผู้หญิงที่ไหนด้วยนะ”

“งั้นถ้าลุงจีบน้ากันต์ของตุลย์ล่ะ ตุลย์จะว่ายังไง” ผมส่งคำถามเด็ดไปทันที่ที่ตุลย์พูดจบ ดวงกลมโตของตุลย์เบิกกว้างจ้องผมตาไม่กระพริบเลย แถมอ้าปากค้างด้วย

“อะ ...อะไรนะ คุณลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ โอ มายก็อด” อ้าวไอ้เด็กอ้วนนี่ ตกใจอะไรแค่ผมบอกว่าจะจีบน้าชานตัวเองเท่านั้น

“ใช่ ลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ของตุลย์ ฟังไม่ผิดหรอก แล้วลุงก็อยากให้ตุลย์ช่วยลุงด้วยได้หรือเปล่าครับ” ผมทวนคำถามให้ตุลย์ฟังอีกครั้ง ช้า ๆ ชัด ๆ คงฟังทันล่ะคราวนี้ ตาโต ๆ ยังไม่หายเบิกกว้าง เออ เด็กนี่หน้ากลมไม่พอยังทำท่าทางตลก ๆ ออกมาอีกด้วย

“จะดีเหรอคุณลุง น้ากันต์ดูจะไม่สนใจที่จะมีแฟนเลยนะครับ”

“เอาอย่างนี้ลุงถามตุลย์ว่า คิดยังไงกับลุง” ผมลองถามอีกคำถามให้ตุลย์คิดเกี่ยวกับผม แล้วผมก็นั่งกอดอกรอฟังคำตอบจากตุลย์

“หือ...คุณลุงนะเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ ตุลย์กลัวคุณลุงนะ ก็คุณลุงทำหน้าดุมาก ไม่ยอมให้ตุลย์เป็นเพื่อนกับน้องฟ้าด้วย” อ้าวผมเป็นแบบนั้นในสายตาเด็ก ๆ เหรอ ผมว่าผมก็ทำหน้าปกตินะไม่ได้ดุสักหน่อย

“ดุขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะเป็นยังไง”

“ตอนนี้ค่อยดีขึ้นหน่อยแล้ว ตุลย์ค่อยกล้าคุยด้วยนิดนึง คุณลุงทำไมจะจีบน้ากันต์ละครับ ชอบน้ากันต์เหรอ” ตุลย์ตอบมาพร้อมจบด้วยคำถามที่ถามผม

“ใช่ครับ ลุงว่าลุงเริ่มชอบน้ากันย์ของตุลย์ ลุงเลยอยากให้ตุลย์ช่วยลุงไง”

“ตุลย์รักน้ากันต์มากนะคุณลุงรู้ไหม เพราะว่าตุลย์ไม่มีใครแล้ว ตุลย์อยากให้น้ากันต์มีความสุขไม่อยากให้น้ากันต์ร้องไห้หรือเสียใจนะ”

“ลุงรู้ครับ แล้วลุงก็สัญญาว่าลุงจะรักน้ากันต์ไม่ให้น้อยไปว่าที่ตุลย์รักเลย” ผมยิ้มให้กับตุลย์ ตุลย์นั่งนิ่งไปสักพักใหญ่ ซึ่งนานทีเดียวกว่าที่  ตุลย์จะยื่นนิ้วก้อยป้อม ๆ มาให้ผม ผมมองดูแล้วก็ยื่นนิ้วของตัวเองไปเกี่ยวรัดกับนิ้วเล็ก ๆ นั้น รอยยิ้มของตุลย์ทำให้ผมยินดีว่าอย่างน้อยร่างเล็ก ๆ ชองหลานชายกันตพิชย์ก็ไม่ได้กีดกันผม

“แต่ตุลย์มีเงื่อนไข 3 ข้อนะครับ” เด็กตัวแค่นี้ยังจะมีเงื่อนไขอีก ไอ้ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากฟังเงื่อนไขของอีกฝ่าย

“ว่ามาได้เลยตุลย์”

“ข้อ 1 ต้องพาตุลย์ไปทานไอศกรีมทุกวันอาทิตย์ ข้อ 2 ให้ตุลย์ไปหาน้องฟ้าได้ตลอดเวลา และข้อ 3 อย่าทำน้ากันต์เสียใจ” เงื่อนไขไม่ได้ยากเกินความสามารถของผมเลยสักนิด แต่มีข้อ 2 เท่านั้นที่คิ้วผมกระตุกเล็กน้อย สมองของนักบริหารอย่างผมทำงานอย่างรวดเร็วในการจะตกลงกับตุลย์

“ข้อ 1 ได้แต่ถ้าอาทิตย์ไหนลุงติดงาน ยกยอดไปวันอื่นนะ ข้อ 2 ไปเล่นด้วยกันได้แต่ต้องให้น้ากันต์ไปด้วย และข้อ 3 มันจะไม่มีวันนั้นเลยตุลย์ เป็นอันว่าเราตกลงเป็นหุ้นส่วนกันแล้วนะ”

พอตุลย์ได้ฟังทุกข้อเสนอที่ตนเองบอกมาให้ผมพร้อมกับที่ผมมีต่อท้ายอีกเล็กน้อย ร่างอ้วนก็นิ่งไปก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ผมจึงหันไปมองน้องฟ้าก็เห็นน้องฟ้าที่ส่งยิ้มมาให้ผม

“งั้นอย่างแรกเลยนะ ลุงอยากให้ตุลย์คอยดูว่าน้ากันต์มีใครโทรมาหาหรือเข้ามาจีบ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ตุลย์ต้องมาบอกลุงให้หมดแล้วเรื่องอื่น ๆ ค่อยเป็นหน้าที่ของลุงเอง” ผมบอกตุลย์ไปไม่อยากใช้งานเด็กมากครับแค่คอยเป็นหูเป็นตาให้ผมก็พอเพราะผมไม่ได้อยู่กับกันตพิชย์ตลอดเวลาไม่รู้หรอกว่ามีคนโทรหาหรือคุยกับใครบ้าง  แต่อย่างน้อยถ้าตุลย์ช่วยสืบมาให้ ผมจะได้วางแผนต่อไปถูกว่าจะต้องทำยังไง

“ได้ครับแล้วตุลย์จะคอยดูให้” ตุลย์รับปากอย่างขันแข็งแต่ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องแบบไหนนะคงต้องรอดูกันไปก่อนสักเรื่องนั่นแหล่ะ

“งั้นเราสองคนเข้าห้องเรียนไปได้แล้วครับ เดี๋ยวพ่อเดินไปส่ง” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจูงมือน้องฟ้าให้เดินไปทางห้องเรียน  หลังจากส่งเด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินมาที่รถเพื่อจะขับไปทำงานต่อ ระหว่างที่เดินไปก็คิดไปพลางว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็มีตุลย์เป็นพวก ส่วนเรื่องจะเดินหน้าจีบกันตพิชย์นั้นผมคงต้องคิดล่ะว่าจะเริ่มยังไงดี

 

ผมมาถึงที่ทำงานช้ากว่าปกติเล็กน้อยแต่ไม่ได้สายนะครับ เป็นเจ้านายถ้าจะมาสายก็คงไม่มีใครว่าหรอกแต่เพราะเป็นเจ้านายนี่แหล่ะเลยต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีนัดที่ไหนผมจะไม่มาสายเป็นอันขาด ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงานของกันตพิชย์ชายหนุ่มเงยหน้ามองผมนิดนึงก่อนจะก้มลงทำงานของตัวเองต่อโดยไม่สนใจผมไปมากกว่านั้น นี่ผมเป็นเจ้านายนะจะทักทายสักคำก็ไม่มี ผมเลยได้แต่เดินเลยเข้าห้องทำงาน

เช้าวันนี้ผมจำได้ว่าไม่มีนัดที่ไหนเลยต้องนั่งอยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้าจนเลิกงาน  พอได้เวลาทำงานทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดเคร่งเครียดอีกครั้ง

RRRRRRR…. เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปรับ นริศราแจ้งว่าทีมทนายได้ส่งแฟ้มเอกสารเรื่องที่ดินที่จังหวัดน่านมาให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะนำเข้ามาให้แล้วก็วางสายไป

เสียงเคาะประตูไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไรนักคงมีใครนำเอกสารมาให้นั่นแหล่ะ พอเสียงเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมจึงได้เงยหน้ามองพบว่ากันตพิชย์หอบแฟ้มสองสามเล่มมาให้มือเรียววางลงในตำแหน่งที่ยังว่างแต่ต้องขยับแฟ้มอีกกองให้ชิดกันเพื่อให้มีพื้นที่วางแฟ้มในมือของเจ้าตัวลงแทนที่

“นี่แฟ้มเอกสารซื้อขายที่ดินที่น่านครับ” ร่างโปร่งบอกออกมาก

“อืม ขอบใจมาก แล้วตอนบ่ายนายช่วยเรียกหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมกับฝ่ายออกแบบมาประชุมด้วยนะ บอกว่าโปรเจ็คด่วน” ผมสั่งงานร่างโปร่งอีกฝ่ายก็ได้แต่รับคำแล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อซึ่งผมก็ไม่ได้รั้งตัวเอาไว้ เพราะงานผมเต็มโต๊ะขนาดนี้ยังไม่มีเวลาที่จะจีบอีกฝ่ายหรอกนะครับ

เมื่อได้เวลาประชุมช่วงบ่ายผมก็เรียกกันตพิชย์เข้ามานำเอกสารไปที่ห้องประชุมเล็ก ร่างโปร่งเดินตามผมเข้าไปให้ห้องประชุม เมื่อเปิดเข้าไปก็พบหัวหน้าแผนกที่ผมเรียกให้เข้าประชุม พร้อมกับผู้ช่วยของแต่ละแผนกนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมจึงได้แต่เดินไปนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะด้านหน้า ส่วนกันตพิชย์นั่งอยู่ทางด้านขวามือของผม

“ที่ผมเรียกพวกคุณมา เพราะว่าผมมีโปรเจ็คใหม่ที่ค่อนข้างเร่ง เป็นโครงการรีสอร์ทที่จังหวัดน่าน ซึ่งผมได้ที่ดินผืนที่ต้องการมาแล้ว เดี๋ยวจะให้กันตพิชย์แจกเอกสารให้อ่าน นี่เป็นแค่เอกสารคร่าว ๆ โครงการนี้จะผมต้องการให้ออกแบบให้กลืนกับธรรมชาติมาที่สุด ไม่ทำลายต้นไม้ ถ้าจำเป็นให้ทำการย้ายต้นไม้แทนที่จะตัด ตัวโครงสร้างหลักจะมีอาคารหลักหลังใหญ่ แล้วก็มีบ้านพักหลังเล็กแต่ละหลังต้องห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว แล้วที่นี่ด้านหลังผมจะสร้างบ้านพักของผมหลังนึง บ้านหลังนี้รายละเอียดค่อยมาคุยกับผมทีหลังว่าผมต้องการแบบไหน”

“คุณภูมีเวลาให้พวกผมออกแบบนานเท่าไรครับ” หัวหน้าฝ่ายออกแบบถามขึ้นมาหลังจากที่ผมพูดจบ

“ทั้งหมดของโครงการผมให้เวลาพวกคุณออกแบบแค่ 5 เดือน รวมถึงการแก้ไขให้แล้วเสร็จด้วย จะให้คนเท่าไรก็โยกย้ายกันเอาเอง รายละเอียดของโครงการก็ตามที่เลขาผมแจกให้ไปนั่นแหล่ะ”

เสียงโอดครวญดังขึ้นมาทันทีที่ผมบอกระยะเวลาให้ทั้งสองทีม แต่ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ศักยภาพในการทำงานของลูกน้องผมว่ามีความสามารถ ไม่งั้นผมไม่กำหนดเวลาให้แบบนี้หรอก

“โห ... เวลากระชั้นมากเลยนะครับ พวกผมกินนอนอยู่ที่ออฟฟิศแน่แบบนี้” รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบซึ่งทำงานที่นี่มานานพูดขึ้นมา ระดับหัวหน้ากับรองหัวหน้าแผนกที่นี่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ได้ตามความต้องการของผมแต่ผมรู้ว่าขอให้ได้บ่นสักหน่อยก็พอ

“แค่นี้พวกคุณทำได้อยู่แล้ว ตอนนี้มีไซท์งานที่กำลังจะเสร็จแล้วพวกคุณโยกคนมาช่วยงานได้นี่นา ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้เลย แล้วมีปัญหาอะไรมาบอกผมได้เสมอ งานจะได้เดินหน้าไว ๆ ไม่สะดุด”

“งั้นผมจะค่อย ๆ ถอนคนจากโครงการบางโครงการให้เข้ามาช่วยที่ออฟฟิศแล้วกันนะครับ จะได้มีคนช่วยดูหลาย ๆ คนเพราะว่ามีหลายส่วนด้วยกัน” หัวหน้าแผนกวิศวกรรมเอ่ยออกมาบ้าง

“ได้ แล้วแต่พวกคุณเลย ถ้ามีอะไรก็ฝากเรื่องไว้ที่กันตพิชย์เดี๋ยวเขาจะช่วยเรื่องการประสานงานต่าง ๆ ให้พวกคุณทั้งหมด” ผมบอกรายละเอียดเรื่องคนประสานงานโครงการนี้โดยให้กันตพิชย์ทำหน้าที่หลัก

จากนั้นก็เป็นการพูดคุยในรายละเอียดที่ผมต้องการสำหรับโครงการใหม่แห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงการประชุมก็จบพร้อมกับทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคนต่อ ส่วนผมก็เดินกลับมายังห้องทำงานพร้อมกับกันตพิชย์ที่เดินตามมาด้วยเนื่องจากผมจะให้เจ้าตัวเป็นคนประสานงานโครงงานนี้เป็นหลัก

“เดี๋ยวโครงการนี้ฉันจะให้นายเป็นคนประสานงานทุกอย่างนะ มีความคืบหน้าก็ให้มารายงานฉัน รายละเอียดต่าง  ๆ ของโครงการนายเอาไปศึกษาให้ละเอียดนะ มีอะไรจะได้รู้เรื่อง”

“ครับ คุณภูมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะกลับไปทำงานที่เหลือต่อแล้ว” กันตพิชย์รับคำสั่งที่ผมบอกไปแล้วหอบเอาแฟ้มเอกสารที่เกี่ยวกับโครงการนี้มาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

“อ้อ เย็นนี้เดี๋ยวนายไปรับตุลย์แล้วแวะไปทานข้าวเย็นที่บ้านนะ น้องฟ้าชวนตุลย์ไว้แล้ว” ตัดปัญหาที่ปากบางกำลังจะอ้าปากปฏิเสธผม ใช้น้องฟ้ามาอ้างก็หมดปัญหาแล้ว

“ไม่ไปครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว แต่ผมจะให้ตุลย์ไปทานมือเย็นที่บ้านคุณภูเป็นเพื่อนน้องฟ้าแล้วกัน”  กันตพิชย์บอกปัดไปอย่างไม่เหลือเยื่อใยแต่ยังจะส่งหลานชายไปที่บ้านผมคนเดียว

“ไปไหน กับใคร” ผมถามเสียงขุ่นเลยครับ รู้ว่าหน้าตาตอนนี้ของผมคงบึ้งตึง

“แล้วผมจะไปไหนเวลาหลังเลิกงาน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณภู”

“ชั้นแค่เป็นห่วงมืด ๆ ค่ำ ๆ จะออกไปข้างนอกทำไมกัน”

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้ แล้วตอนเย็นผมจะไปส่งตุลย์นะครับ ขอตัวไปทำงานก่อน” จบประโยคกันตพิชย์ก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของผมโดยที่ผมห้ามไม่ได้ จะไปห้ามอะไรได้ไม่เคยฟังผมหรอกเรื่องดื้อ เรื่องเถียงเนี่ย เขาแหล่ะ
 

ตอนเย็นเสียงออดดังขึ้นพร้อมกับรถยนต์ของกันตพิชย์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกรถยนต์คันนั้นก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมเดินตามหลังน้องฟ้าที่วิ่งไปรับตุลย์เรียบร้อยแล้ว รถจอดสนิทประตูด้านข้างคนขับก็เปิดออกพร้อมร่างอวบของตุลย์เดินลงมา ส่วนอีกด้านของคนขับร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็โผล่ออกมาเหมือนกัน

“สวัสดีครับน้ากันต์ ทำไมน้ากันต์ไม่อยู่ทานข้าวกับฟ้าล่ะครับวันนี้” น้องฟ้าวิ่งไปหากันตพิชย์พร้อมเงยหน้าออดอ้อน ทำดีมากลูกชายอ้อนให้เยอะเผื่อจะเปลี่ยนใจอยู่ทานข้าวกับเรา

“สวัสดีครับน้องฟ้า ไหนมาหอมแก้มสิ ฟอด อืมหอมชื่นใจ  น้ากันต์มีธุระครับ เอาไว้วันหลังเนอะ วันนี้ไม่ได้จริง ๆ น้ากันต์นัดไว้แล้ว” ร่างโปร่งของกันตพิชย์ย่อตัวลงมาหอมแก้มยุ้ย ๆ ของน้องฟ้า

“น้ากันต์สัญญาแล้วนะครับ ว่าจะมาทานข้าวกับฟ้าอีก”

“ครับ ๆ น้ากันต์สัญญา แต่วันนี้น้ากันต์ไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะเลยเวลานัด” มือเรียวของกันตพิชย์ยื่นไปลูบแก้มน้องฟ้าเบา ๆ พร้อมกับลุกขึ้นแล้วดันร่างของน้องฟ้าให้มาหาผมที่ยืนรออยู่

“น้องฟ้ากับตุลย์เข้าไปในบ้านก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อตามเข้าไปนะ” ผมหันไปบอกให้เด็ก ๆ เข้าไปข้างในบ้านแล้วก็หันมาหาร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันเล็ก กันตพิชย์ยืนมองมาทางผมที่เดินเข้าไปหา

“คุณภูมีอะไรครับ ผมจะรีบเดี๋ยวไปสายมันไม่ดี”

“นายจะไปที่ไหน บอกฉันให้รู้สักนิดไม่ได้หรือไง”

“ก็ไปทานอาหารธรรมดา ๆ แถวเลียบทางด่วนนี่แหล่ะ นัดกับรุ่นพี่ไว้ คงไม่กลับดึกหรอกครับ รบกวนฝากตุลย์ไว้หน่อยนะ เดี๋ยวผมกลับมารับน่าจะไม่เกิน 3 หรือ 4 ทุ่ม” กันตพิชย์ยอมบอกออกมาว่านัดกันไปที่ไหน

“ไปกับนายคนนั้นอีกแล้วเหรอ” เมื่อรู้ว่าไปกับใครผมก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที  ทำไมต้องไปกับหมอนั่นด้วย หรือมาคิดดูอีกทีกับใครก็ไม่อยากให้ไปทั้งนันแหล่ะ

“ก็รุ่นพี่ผมนัดทานข้าวก่อน คุณภูไม่บอกล่วงหน้านี่ครับ ไปก่อนนะเดี๋ยวรถติด” กันตพิชย์หันไปเปิดประตูรถยนต์ของตัวเอง

“ถ้าฉันบอกก่อนแล้วนายจะไม่รับนัดคนอื่นใช่ไหม” ผมรีบยื่นมือไปดันประตูที่อีกฝ่ายเปิดออกมาให้ปิดลงอีกครั้งทำให้ร่างโปร่งหันกลับมามองหน้าผม ผมจึงได้ขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ก้มลงสบตากลมแล้วถามอย่างที่ใจนึก

“เฮ้อ..ถ้าเรานัดกันก่อนผมก็ไม่รับนัดคนอื่นหรอกนะครับ”

“งั้นรีบไปรีบกลับนะฉันจะรอนาย แล้วอย่าเถลไถลออกนอกทางล่ะรู้ไหม ค่ำมืดมันอันตราย ขับรถระวัง ๆด้วย ฉันเป็นห่วง” แล้วผมก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มเบา ๆ

“เฮ้ย.. เอาอีกแล้วนะคุณภู ทำอะไรเนี่ย นี่มันนอกบ้านนะ เดี๋ยวคนอื่นจะมาเห็นมันไม่ดี” กันตพิชย์ยกมือตัวเองขึ้นมาถูแก้มตัวเองบริเวณที่ผมขโมยหอมแก้มลงไปนั่นแหล่ะ ยิ่งถูยิ่งแดงจะถูทำไมกัน ผมจึงยื่นมือไปจับข้อมือเรียวเอาไว้ไม่ให้ถูแก้มตัวเองอีก

“งั้นถ้าเป็นในบ้านแล้วไม่มีคนอื่นฉันทำได้ใช่ไหม แล้วนี่อย่าถูมันเป็นรอยแดงเดี๋ยวนายจะเจ็บ” ผมยิ้มใส่ตาของคนตรงหน้าแล้วดึงมือเรียวที่จับไว้มากดจูบลงไปเบา ๆ

“ตรงไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหล่ะ แล้วก็ปล่อยได้แล้วผมจะไปแล้วเสียเวลามากแล้วนะ” กันตพิชย์ใช้แรงดึงมือตัวเองกลับซึ่งผมก็ไม่ยื้อไว้อีกเดี๋ยวจะเลยเวลานัดของอีกฝ่าย ถอยห่างออกมาให้อีกฝ่ายเปิดประตูรถแล้วขับออกไปจากบ้านของผม ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนแล้วกันแต่อย่าหวังว่าจะมีครั้งต่อไปเลย

พอรถยนต์ของกันตพิชย์ลับสายตาผมก็เดินเข้าไปหาเด็ก ๆ ในห้องทานอาหาร น้องฟ้ากับตุลย์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทำให้ผมต้องเดินไปนั่งที่ประจำพร้อมกับบอกให้ตักข้าวเพื่อที่เราจะได้ทานข้าวกันได้แล้ว

เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จเราก็ย้ายมานั่งย่อยอาหารกันที่หน้าทีวีห้องนั่งเล่น โดยที่น้องฟ้ากับตุลย์นั่งอยู่กับพรมท่ามกลางกองหมอนมากมาย ทั้งสองคนนั่งวาดรูประบายสีจนหัวจะชนกันอยู่แล้ว ส่วนผมก็นั่งดูข่าวไปเรื่อย ๆ เพื่อรอเวลาที่กันตพิชย์จะกลับ ตอนแรกก็มีเสียงเด็ก ๆ คุยกันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักชั่วโมงผมมองมาก็พบว่าทั้งสองคนนอนหลับคาสมุดวาดรูปของแต่ละคนเรียบร้อยไปแล้ว นอนท่านี้จะเมื่อยเอาได้นะครับลูก

เอื้อมมือไปหยิบรีโมทมาเพื่อปิดทีวีแล้วชั่งใจว่าจะอุ้มใครไปนอนที่ห้องก่อนดี มองดูหน้าลูกที่หลับตาพริ้มอย่งสบายอารมณ์ ก็ต้องช้อนตัวน้องฟ้าขึ้นมาแบนอก ปล่อยให้ตุลย์นอนอยู่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยลงมาจัดการกับอีกคน

ร่างเล็ก ๆ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อผมสอดแขนเข้าไปอุ้มเจ้าตัว

“ชู่ว์ ๆๆ นอนครับลูก” ผมส่งเสียงเบา ๆ เป็นสัญญาณให้น้องฟ้านอนต่อในอ้อมแขนของผมพลางโยกเบา ๆ เพื่อกล่อมไม่ให้น้องตื่นขึ้นมา จากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังห้องนอนน้องฟ้าชั้นบน เดินไปที่เตียงกว้างของลูกชายแล้ววางน้องฟ้าลงบนที่นอนเบา ๆ ไม่อยากให้น้องตื่นพลางหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างน้อย ๆ พร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเล็ก ๆ นั่น

“ฝันดีครับลูกพ่อ”จากนั้นก็เดินลงมาเพื่ออุ้มอีกคนขึ้นไปนอน ตุลย์หนักกว่าน้องฟ้าแต่ผมก็ยังอุ้มได้แต่ถ้าเป็นกันตพิชย์ชายหนุ่มคงหนักน่าดู ผมจัดการวางร่างอวบลงข้าง ๆ ร่างน้อยของน้องฟ้าแล้วห่มผ้าให้ตุลย์ จากนั้นก้มลงจูบหน้าผากตุลย์เหมือนกับที่ทำกับน้องฟ้า ปิดไฟแล้วจึงเดินเข้าห้องตัวเองไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกันตพิชย์กลับมาจากข้างนอก

นอนอ่านหนังสือเล่นไปพลาง ๆ ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าก็ดิยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้านจึงวางหนังสือแล้วเดินลงไปข้างล่างพบว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว

“กลับมาแล้วเหรอ  นึกว่าจะกลับดึกว่านี้ซะอีก” ผมทักกันตพิชย์พลางมองดูนาฬิกา 3 ทุ่มครึ่ง ก็ยังไม่ดึกเท่าไรแต่กลับมาเร็วก็ดีแล้วล่ะครับ

“ครับ ไม่อยากอยู่ดึกมาก กลัวว่าตุลย์จะรบกวนคุณภู แล้วนี่ตุลย์อยู่ไหนครับ” กันตพิชย์มองหาหลานชายร่างอวบของตนแต่จะคงไม่เห็นเลยถามหา

“เด็ก ๆ หลับกันหมดแล้วอยู่ข้างบนห้อง อย่าไปกวนเลยให้นอนที่นี่แหล่ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” กันตพิชย์ดูจะนิ่งไปกับคำตอบของผม

“ก็ได้ครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนดีกว่าพรุ่งนี้จะมารับตุลย์แต่เช้าแล้วกัน” พูดจบก็หันหลังจะเดินออกไปทำให้ผมรีบเอื้อมมือไปฉุดแขนร่างโปร่งเอาไว้ กันตพิชย์หันมามองพลางทำหน้าสงสัย

“นอนนี่ได้ไหม ไม่ต้องกลับหรอกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ต้องตื่นแต่เช้ามารับตุลย์ วุ่นวายออก นอนนี่แหล่ะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า”

“จะนอนได้ยังไงครับ เสื้อผ้าผมก็ไม่มีเปลี่ยน ไปนอนที่บ้านแหล่ะดีแล้ว ตื่นเช้าไม่ลำบากหรอก” ยังไม่เลิกดื้อครับคนนี้

“เสื้อผ้าฉันเยอะแยะ เอาไปใส่ฉันไม่ว่าหรอก มานี่” ว่าแล้วก็จับแขนร่างโปร่งแน่นพลางเดินนำหน้ากึ่งลากกึ่งจูงขึ้นไปยังห้องนอนของผม กันตพิชย์ขืนตัวเอาไว้เล็กน้อย แต่สู้แรงผมไม่ได้หรอก ผมเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องนอนของตัวเอง กันตพิชย์ขืนตัวไว้สุดตัวเมื่อผมเปิดประตูแล้วมืออีกข้างของร่างโปร่งกลับไปเกี่ยวเอาขอบประตูไว้แน่น

“คุณภูปล่อยผม ผมจะกลับไปนอนบ้าน ที่บ้านไม่มีคนอยู่” กันตพิชย์พยายามอย่างยิ่งที่จะคว้าขอบประตูเอาไว้ ซึ่งผมไม่ยอมอยู่แล้วหันกลับมาใช้มือแกะนิ้วทั้ง 5 ของชายหนุ่มออก

“อย่าเสียงดังสิลูกนอนอยู่ เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาหรอก” ผมขู่ร่างโปร่งแล้วรวบตัวกันตพิชย์มาไว้ในอ้อมกอดแล้วปิดประตูห้องนอน ปากที่ตั้งท่าจะร้องปิดสนิทลงทันที

“ปล่อยก่อนสิครับ นอนนี่ก็ได้แต่ปล่อยผมก่อน” กันตพิชย์พูดเสียงเบาลงหน่อยคงกลัวเด็ก ๆ จะตื่นกันกลางดึก พอกันตพิชย์ไม่ได้ดิ้นผมก็เลยคลายอ้อมแขนแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูกับชุดนอนออกมา ชุดไหนก็เหมือนกันแหล่ะครับก็มันมีแต่ขนาดของผมใส่ทั้งนั้น ยังไงถ้าชายหนุ่มใส่มันก็ต้องหลวมอยู่แล้ว

“ไปอาบน้ำก่อน นี่ชุด แปรงสีฟันอันใหม่มีอยู่ในตู้ข้างกระจก” ยื่นทั้งหมดให้แล้วก็ดันร่างโปร่งให้เดินเข้าห้องน้ำไปส่วนผมเดินมานั่งอมยิ้มที่เตียง อารมณ์ดีขึ้นแล้วเพราะว่าหลอกล่อให้ชายหนุ่มนอนที่บ้านผมได้ แต่ก็ดื้อกว่าจะยอมต้องให้ใช้กำลังไม่น้อยนั่งรออยู่พักใหญ่กว่าที่กันตพิชย์จะออกมาจากห้องน้ำ ผมหันไปมองแล้วยิ้มเพราะดูชุดที่ใส่สิเหมือนเด็กเอาชุดพ่อมาใส่เลย

“ยิ้มอะไรครับ ตลกตรงไหน”

“หึหึ ..เปล่าตลกสักหน่อย นายใส่ชุดนี้ก็น่ารักดี ถึงกับต้องพับขากางเกงเลยเหรอ” ผมเลื่อนสายตาไปมองชายกางเกงที่โดนพับไว้

“ก็มันยาว คนบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ใครใส่ก็ต้องพับกันทั้งนั้นแหล่ะ”

“มานอนได้แล้วดึกแล้ว” ได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างโปร่งแต่ก็เดินมาที่เตียงนอนที่ผมนั่งพิงหัวเตียงรออยู่    หือ...เข้ามาใกล้ ๆ ได้กลิ่นครีมอาบน้ำหอม ๆ จากกันตพิชย์ลอยมาแตะจมูกจนผมเผลอสูดเข้าปอดไปเอือกใหญ่

“ทำไมหอมกว่าปกติ เวลาฉันใช้ครีมอาบน้ำไม่เห็นจะหอมแบบนี้เลย”

“ขวดเดียวกันมันก็ต้องหอมเหมือนกันนั่นแหล่ะ ผมใช้มันจะไปหอมกว่าคุณภูใช้ได้ยังไงกันล่ะ”

“ไม่เหมือนจริง ๆ นะ ไหนมาพิสูจน์ใกล้ ๆ สิ” ว่าแล้วก็ดึงแขนเรียว ๆ เข้ามาใกล้ กันตพิชย์ไม่ทันระวังตัวเลยถลามาตามแรงดึงของผม

“โอ้ย!!! เล่นอะไรเนี่ยเจ็บนะครับเกิดพลาดไปแขนหักทำยังไง” หันมาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับเสียงบ่นออกมาจากปากบางนั่น ผู้ชายอะไรบ่นดีจังวะ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกก้มลงไปดมใกล้ ๆ ซอกคอของกันตพิชย์

“หอมกว่าจริง ๆ ด้วย” พอผมก้มลงไปร่างโปร่งเกิดอาการตัวแข็งทันทีคงกลัวว่าถ้าดิ้นหรือขยับเพียงสักนิดเดียวจมูกของผมคงจะโดนตรงไหนของร่างกายตัวเองสักแห่งแน่นอน ซึ่งก็ทำให้ผมอมยิ้ม ก้มอยู่ท่านั้นนานทีเดียว ผมรู้สึกว่าที่บ่าผมมีสัมผัสจากมือบางอยู่แต่คงไม่กล้าผลักผมออกไปแค่ยั้ง ๆ ไม่ให้ผมได้ใกล้กว่านี้

“ไม่เล่นแบบนี้ครับถอยออกไปเลย ผมง่วงแล้วจะนอน” เสียงแหวดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผมนิ่งอยู่นาน

“โอเค ๆ นอนก็ได้” ผมเอื้อมมือไปปิดไฟที่โต๊ะข้าง ๆ หัวเตียง ร่างโปร่งล้มตัวลงนอนพลางดึงผ้าห่มมาถึงคอแล้วนอนหันหลังให้ผม ขยับหนีไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง จะตกไหมล่ะนั่น ตอนนี้ปล่อยให้เขานอนแบบนั้นไปก่อนครับเดียวหลับสนิทผมจะดึงให้มานอนซบผมนี่แหล่ะ ถ้าดึงมาตอนนี้นะมีหวังได้ตีกันตายก่อนจะได้นอน ก็เล่นดื้อขนาดนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่ยอมตามใจผมง่าย ๆ หรอกขอให้ได้เถียงไว้ก่อน

ผ่านไปไม่นานเกินรอ ผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอจากร่างโปร่งของกันตพิชย์ ทำให้ผมขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วพาดแขนข้างหนึ่งลงไปกับหมอนแล้วใช้ทั้งสองมือกอดพร้อมดึงร่างโปร่ง เข้ามาในอ้อมแขนเบา ๆ กันตพิชย์ขยับตัวเล็กน้อยคงเมื่อยนั่นแหล่ะ แต่พอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมเต็มตัวก็พลิกตัวหันหน้าซุกเข้ามาหาอกผม หน้าผากขาวเนียนอยู่ในตำแหน่งปลายคางผมพอดี ผมได้แต่ก้มมองใบหน้าเนียนใกล้ ๆ ขยับใบหน้าออกห่างนิดหน่อยแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้วางให้หนุนเชยคางใบหน้าเนียนขึ้นมา ก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนกดแช่อยู่นานพร้อมสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“ฝันดีครับน้ากันต์ของพี่” บอกกับร่างโปร่งพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ผมว่าวันนี้เป็นวันที่ผมคงนอนฝันดีในรอบหลายปีที่ผ่านมาแน่นอน พลางกระชับอ้อมแขนให้ชายหนุ่มเข้ามาให้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรับรู้ถึงวงแขนของอีกคนที่วาดมาที่เอวของผม จึงได้แต่ก้มลงไปหอมกลุ่มผมของกันตพิชย์อีกรอบแล้วหลับตาลงพร้อมกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในหัวใจ


*********************************************************

กลับมาแล้วค่ะหลังจากงดอัพนิยาย เพราะแสดงความไว้อาลัย จากนี้ไปก้อขอฝากตัวอีกครั้งนะคะ

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ดูอบอุ่นจัง ว่าแต่คุณภู ปรึกษาเด็กอนุบาลนี่นะ
ชอบมาก จึงทำอย่างไรก็ได็งั้นเหรอ อิอิอิ
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอน 24 เช้าแรกในบ้านคนอื่น

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งเข้ามายังห้องนอนในบ้านหลังใหญ่ ห้องที่มีร่างของผู้ชายสองคนนอนอยู่บนเตียงกว้าง ร่างโปร่งที่เล็กกว่าซุกหน้าลงกับซอกคอของร่างสูง โดยที่มีสายตาของร่างสูงมองด้วยดวงตาอ่อนโยน นิ้วมือเรียวไล่เกลี่ยเส้นผมที่ปกอยู่ตรงหน้าผากให้ออกไปเพื่อที่จะได้มองหน้าอีกคนให้ชัด ๆ รอยยิ้มปรากฏอยู่ไม่จางหาย

แพรขนตาของผมกระพริบเล็กน้อยเหมือนเริ่มรู้สึกตัวแต่ยังลืมตาไม่ขึ้น เพียงแต่ได้ยินเสียงคนคุยกันดังเข้ามาใสโสตประสาท

“เบา ๆ ลูกเดี๋ยวน้ากันต์ตื่น ปล่อยให้น้ากันต์นอนต่ออีกหน่อยนะ”

“คิก คิก น้ากันต์นอนน่ารักจังครับคุณพ่อ”

“กอดน้ากันต์อุ่นไหมครับคุณลุง” ทำไมเสียงพวกนี้คุ้นหูผมจัง แล้วทำไมต้องมาคุยกันตรงนี้ด้วยคนจะนอนยังไม่อยากตื่น ไปคุยกันที่อื่นไม่ได้หรือยังไงเล่า

“อือออ จะนอนไปคุยกันที่อื่นก่อนนะตุลย์”  แล้วผมก็ซุกตัวเข้าหาไออุ่นอีกครั้ง หมอนข้างวันนี้ทำไมอุ่นดีจังแฮะ แต่เอื้อมมือไปกอดกลับรู้สึกผิดปกติเหมือนมีอะไรมากอดเอวผม พอลืมตากลับพบปลายคางและซอกคอของใครคนนึง ใครกัน พร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนบ้านตัวเองนี่ว่า งั้นนี่ก็แสดงว่านอนอยู่บนเตียงคุณภู

“เฮ้ย!!!” ใบหน้าหล่อคมเข้ม ก้มลงมามองผมพร้อมกับยิ้มให้ เสียงเด็กหัวเราะดังมาข้าง ๆ ก็เจอกับน้องฟ้าที่นั่งเอามือปิดปาก ส่วนตุลย์ยิ้มกว้างนั่งชิดกับน้องฟ้า

“ขยับไปก่อนคุณภู ผมตื่นแล้ว” จัดการลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าเอาตัวน้องฟ้ามากอดแล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง

“อรุณสวัสดิ์ครับน้องฟ้า”

“อรุณสวัสดิ์ครับน้ากันต์ ตื่นแล้วเหรอครับฟ้ามารอตั้งนานเห็นนอนสบายฟ้าจะปลุกแต่คุณพ่อไม่ให้ปลุก” ผมเลื่อนสายตาไปมองร่างสูงที่ตอนนี้ขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง

“ปลุกได้ครับ น้ากันต์ไม่อยากนอนตื่นสายในบ้านคนอื่น”

“น้องฟ้ากับตุลย์ลงไปข้างล่างก่อนครับ เดี๋ยวพ่อกับน้ากันต์ตามลงไป”

“นายไปอาบน้ำก่อน จะได้ลงไปทานข้าวเช้ากัน ว่าแต่เมื่อคืนหลับสบายไหม” คุณภูถามหน้านิ่ง ๆ แต่แววตาไม่ได้นิ่งตามไปด้วยมันดูพราวระยับแปลก ๆ

“ก็ดีครับ” ผมเลื่อนตัวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้าคงต้องชุดเก่าไปก่อนแล้วค่อยไปเปลี่ยนที่บ้านเอาแล้วกัน
เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าร่างสูงนั่งอยู่ปลายเตียงพร้อมมองมาทางผมก่อนจะลุกขึ้นเดินมาเพื่อเข้าห้องน้ำแต่ระหว่างที่กำลังจะผ่านผมไป ใบหน้าของร่างสูงก็ก้มลงมาหอมแก้มผมด้วยความเร็วก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูทำให้ผมได้แต่ยืนหน้าร้อนอยู่คนเดียว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นแบบนี้ เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวบ่อยไปแล้วนะ ยังไม่เคยมีใครเข้าใกล้ผมแบบนี้มาก่อนเลย

“จะหอมอะไรนักหนา แก้มผู้ชายมันนิ่มเหมือนผู้หญิงทีไหนกัน” ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ

เดินลงไปข้างล่างเห็นสองหนุ่มน้อยของผมนั่งดูการ์ตูนอยู่พร้อมกับมีแก้วนมคนละแก้วอยู่ตรงหน้า ผมนั่งลงที่โซฟาอีกตัวมองน้องฟ้ากับตุลย์ที่นั่งจ้องทีวีตาไม่กระพริบ

“เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลยนะตุลย์” ผมบอกตุลย์ ทำให้หลานชายหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้ารับคำ

ร่างสูงของคุณภูเดินลงบันได เดินมาทางน้องฟ้าที่นัน่งดูการ์ตูนพร้อมก้มลงหอมแก้มลูกชายตัวเองดังฟอดใหญ่ แต่ยกมือขึ้นยีหัวตุลย์เบาๆ พร้อมโยกไปมา

“หิวกันหรือยังครับ ไปทานข้าวเช้ากันได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาดูกันต่อ” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบรีโมทมาปิดทีวีพร้อมกับสั่งให้พวกเราไปทานข้าวเช้า เด็ก ๆ สองคนลุกขึ้นเดินไปยังห้องอาหาร เมื่อนั่งประจำที่กันทุกคนแล้ว เด็กในบ้านก็ยกถ้วยข้าวต้มมาให้ทุกคน

“เดี๋ยวผมกับตุลย์กลับบ้านหลังทานมื้อเช้านะครับคุณภู”

“จะรีบไปไหนอยู่เป็นเพื่อนก่อนไม่ได้เหรอ”

“อ้าวจะอยู่เป็นเพื่อนทำไมล่ะครับ ปกติวันหยุดคุณทำอะไรวันนี้ก็ทำอย่างนั้นแหล่ะ ผมก็มีธุระต้องจัดการมั่งสิ จะให้มาอยู่บ้านคุณภูอย่างนี้ทั้งวันไม่เอาหรอกนะครับ” ผมว่าให้ร่างสูงก่อนจะดื่มน้ำเมื่อข้าวต้มในถ้วยหมดไปแล้ว

“น้องฟ้าเหงา อยากมีเพื่อนจริงไหมครับลูก” นั่นมีหันไปหาน้องฟ้าอีก แนวร่วมแบบนี้ผมไม่ชอบครับ เพราะผมกลัวว่าผมจะใจอ่อน

“ครับ ฟ้าเหงาคุณพ่อเดี๋ยวก็ต้องทำงานไม่งั้นก็ออกไปข้างนอก ทิ้งฟ้าไว้คนเดียวอยู่ดี”

“แต่น้ากันต์ก็มีธุระครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะ” ผมพยายามใจแข็งบอกปฎิเสธน้องฟ้าไป ใบหน้าน่ารักหงอยเชียวครับเมื่อได้ยินคำพูดของผม

“ไม่เป็นไรครับ ฟ้าอยู่ได้ ปกติฟ้าก็อยู่คนเดียว เหงาบ้างไม่เป็นไร” หือออ ทำเอารู้สึกผิดเลย

“น้ากันต์ขอโทษนะครับ”
 
“ไปกันได้แล้วตุลย์ รบกวนคุณภูมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมกลับเลยนะครับคุณภู” ผมหันไปบอกลาร่างสูงพร้อมกับพยักหน้าให้ตุลย์ ตุลย์ไหว้ลาก่อนจะเดินตามผมออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่โรงจอดรถ แล้วขับออกไปเพื่อกลับบ้าน

“ตุลย์ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาตะกร้าผ้าลงมาให้น้าที่ข้างล่างนะ” ผมร้องบอกตุลย์ที่เปิดประตูรถได้ก็วิ่งเข้าบ้านด้วยความรวดเร็ว คาดว่าคงไปเปิดทีวีแน่นอน

“คร้าบบบบบ” ได้ยินเสียงตะโกนรับคำออกมาแล้วก็หายไป ผมจึงเดินขึ้นห้องของตัวเองบ้างเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเตรียมตัวลงมาทำงานบ้านในวันหยุดอย่างนี้ ผ้าเต็มตะกร้าเลย ปกติผมจะซักอาทิตย์ละครั้งเท่านั้นครับเพราะว่าไม่มีเวลาแค่เวลาทำงานกับดูแลตุลย์ก็หมดไปทั้งวันแล้ว
เดินถือตะกร้าลงไปห้องซักล้างข้างหลังบ้าน สายตามองออกไปสนามหญ้า หญ้าเริ่มยาวอีกแล้วเฮ้อ ตัดหญ้ามันเหนื่อยจริง ๆ นะครับ จัดการยัดผ้าที่แยกไว้ลงไปในเครื่องซักผ้า กดปุ่มให้เครื่องทำงาน เห็นตุลย์เดินยกตะกร้าผ้าตัวเองเดินเอียงเข้ามา

“อ่ะ นี่ผ้าตุลย์ ตะกร้าหนักมากอ่ะน้ากันต์” บ่นครับไอ้อ้วนบ่น ทีเวลากินไม่ยักบ่น

“แค่นี้เองไม่เห็นจะหนัก ตัวก็ใหญ่ยกของนิดเดียวยังบ่นได้อีกนะ”

“ไม่บ่นก็ได้ แต่ว่าวันนี้เราต้องทำงานบ้านทั้งวันเลยเหรอน้ากันต์  ไม่ออกไปไหนเหรอ”

“ไม่ล่ะน้าขี้เกียจ เหนื่อย อยากพักอยู่บ้านเฉย ๆ ทำงานบ้านเสร็จแล้วจะนอนอ่านหนังสือ แล้วตุลย์จะไปไหน” ผมลองถามตุลย์ดูเผื่อว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

“ไม่ได้อยากไปไหน ถามดูแค่นั้นแหล่ะครับ”

“อืม งั้นตุลย์ไปรดน้ำต้นไม้ก่อนนะ เดี๋ยวน้าไปทำความสะอาดบ้านข้างใน” ผมยกงานรดน้ำต้นไม้ให้ตุลย์ งานง่าย ๆ แค่นี้ตุลย์ทำได้เพราะผมพยายามสอนให้ตุลย์ทำอะไรด้วยตัวเองหลาย ๆ อย่าง

“โอเค ตุลย์ทำให้ เสร็จแล้วตุลย์ดูทีวีนะ”

“ตามใจแล้วถ้ามีการบ้านอย่าลืมเอามาทำก่อนล่ะ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยดูทีวี”

“การบ้านเสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวานที่บ้านน้องฟ้า นั่งทำกันสองคน คุณลุงช่วยสอนการบ้านด้วย”  หือ คุณภูเนี่ยนะ สอนการบ้านเด็ก นึกว่าจะนั่งทำงานเสียอีก

ผมเดินเข้าไปทำความสะอาดบ้านปล่อยให้ตุลย์รดน้ำต้นไม้ไปคนเดียว ทุกวันนี้อะไรก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ความเหงาที่เรามีกันแค่สองคนก็เริ่มรู้สึกชินกับมัน คิดไปทางที่ดีก็เหมือนว่าผมต้องเข้มแข็งขึ้น เพื่อหลานชาย
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงงานบ้านทั้งหมดก็เสร็จลงพร้อมกับแรงที่หมดไป ผมนั่งทิ้งตัวหมดแรงบนโซฟา ข้างตุลย์ที่เข้ามานั่งดูทีวีตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว

“เฮ้อ...เหนื่อย หมดแรง น้าขอน้ำเย็นสักแก้วสิตุลย์”

“ครับรอแป๊บ” ร่างอ้วนลุกขึ้นวิ่งไปในครัว รอไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมแก้วน้ำเย็น ๆ แต่อีกมือมีถังไอศกรีมติดมาด้วย จะไปหาของกินล่ะสิไวมากอ้วน

“อ่ะ น้ำของน้ากันต์ ส่วนไอติมของตุลย์นะ” ยื่นแก้วน้ำให้ แล้วนั่งลงเปิดฝาถังไอศกรีมกินทันที

“อย่ากินเยอะเดี๋ยวกินข้าวเที่ยงไม่ได้กันพอดี ตอนเที่ยงตุลย์อยากกินอะไรน้ากันต์จะได้ทำให้กิน แต่ไม่รู้ว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือมั่งนะ เดี๋ยวขอพักก่อนแล้วจะไปเปิดดูว่ามีอะไรมั่ง”

“ราดหน้าทะเลได้ไหม ตุลย์อยากกินกุ้งตัวโต” ใบหน้าอ้วนกลมที่ตอนนี้แก้มป่องเพราะนั่งกินไอติมหันมาบอกความต้องการของตัวเอง

“น่าจะได้นะ เพราะจำได้ว่ากุ้งที่ซื้อมายังไม่ได้ทำอะไรกินกันเลย” หันไปมองนาฬิกา ตอนนี้เที่ยงแล้วแต่ยังไม่อยากทำ มันยังไม่หายเหนื่อยขออีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วกัน

“ตุลย์หิวหรือยัง ขอพักครึ่งชั่วโมงนะ เหนื่อยมาก”

“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร น้ากันต์พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวตุลย์กินไอติมรองท้อง” ไอติมมันรองท้องกันได้ด้วยเหรอเนี่ยไม่ยักรู้

นั่งดูทีวีกับตุลย์ไปเรื่อย ๆ พอได้เวลาเลยลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว เพื่อทำอาหารเที่ยงกินกันสองคน เปิดตู้เย็นหยิบของที่ต้องใช้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ พลางสำรวจว่าอะไรหมดไปบ้างพรุ่งนี้จะได้ออกไปซื้อมาใส่ไว้ เตรียมของครบแล้วก็เริ่มผัดเส้นไว้ก่อน กินกันสองคนกะเอาแค่คนละจาน กำลังยืนทำน้ำราดหน้าเพลิน ๆ ถึงกับต้องสะดุ้งกับเสียงดังข้างหู

“ทำอะไรทาน หอมจัง” เสียงทุ้มพร้อมความรู้สึกว่ามีคนมายืนข้างหลัง ทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างตกใจ แก้มเฉียดปลายจมูกโด่งเป็นสันไปนิดเดียว แต่รับรู้ได้ถึงความร้อนที่วิ่งขึ้นมาบนหน้าของตัวเอง

“เฮ้ย!!! คุณภู มาได้ยังไง ตกใจหมดเลย”
 
“ก็เข้ามาทางประตูบ้านเนี่ยแหล่ะ แล้วยังไม่ตอบเลยว่าทำอะไร” ร่างสูงถอยออกไปนิดนึงพร้อมกอดอกมองกะทะที่ผมกำลังทำน้ำราดหน้าอยู่

“ราดหน้าทะเลครับ ตุลย์อยากกิน”

“ฉันทานด้วยได้ไหม เนี่ยยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลย”

“มันเที่ยงกว่าแล้วล่ะครับ ทำไมไม่ให้แม่บ้านที่บ้านทำให้ทาน ป่านนี้น้องฟ้าหิวจนปวดท้องไปแล้วมั้ง คุณนี่นิสัยไม่ดีเลยทำไมถึงปล่อยให้ลูกหิว” ผมหันไปดุคนตัวโตกว่าอย่างขัดใจ

“ก็ว่าจะมาขออาศัยข้าวเที่ยงด้วยนี่แหล่ะ แต่ว่าติดคุยงานนิดหน่อย เลยเกินเวลาเที่ยง แต่ดีนะที่นายยังไม่ได้ทานก่อน”

“นั่งรอเลยแต่ว่ายังไม่ได้ทานตอนนี้หรอกนะ ผมทำไว้แค่สองจาน เอาชุดนี้ไปให้เด็ก ๆ ก่อน ส่วนคุณภูรอรอหน้าแล้วกัน”

“รอนานแค่ไหนก็ได้ ถ้าได้ทานฝีมือนาย” หยอดมาครับ แล้วเวลาพูดไม่ต้องทำตาวิบวับก็ได้  ผมตักน้ำราดหน้าราดไปยังเส้นใหญ่ที่ผัดไว้รอเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปสั่งให้ร่างสูงยกไปให้เด็ก ๆ ทานกันที่หน้าทีวี

“คุณภูยกไปให้เด็ก ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะทำให้ใหม่อันนี้ของเราสองคน”

“ได้ เดี๋ยวฉันมานะ” ร่างสูงของคุณภูเดินยกจานราดหน้าสองจาน ไปยังห้องนั่งเล่น ได้ยินเสียงร้องให้ลงมานั่งทานที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวี เสียงตุลย์กับน้องฟ้าดังขึ้น ผมได้แค่ต้องทำราดหน้าอีกรอบ

“ให้ฉันช่วยอะไรไหม”

“ไม่ต้องครับ ทางที่ด๊คุณภูนั่งอยู่เฉย ๆ ดีกว่า อย่ามาเดินเกะกะตรงนี้ผมไม่ถนัด”

“ฉันอยากดูใกล้ ๆ นี่ว่านายทำยังไง เผื่อว่าวันหลังจะได้หัดทำมั่ง”

“จะหัดทำไปทำไมครับอยากทานอะไรก็ให้แม่บ้านทำให้ทานก็สิ้นเรื่อง” คนระดับนี้อยากทานอะไรแค่สั่งก็ได้แล้วจะมาทำเองให้ยุ่งยากทำไมกัน
“ก็เผื่ออยากทำให้นายทานไง จะได้รู้ว่าฉันตั้งใจแค่ไหน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอีกทีข้างหู ทำให้ผมไม่หันไปมองเพราะรู้ดีว่าอีกคนอยู่ใกล้แค่ไหน เดี๋ยวจะเสียเปรียบอีกรอบ ทำไมช่วงนี้ชอบเข้าใกล้ผมแบบแปลก ๆ ตลอดเลย แถมยังถึงเนื้อถึงตัวที่มีโอกาศด้วย

“ใครจะไปอยากกินฝีมือคุณภูกันล่ะ ผมทำกินเองได้”

“มันก็อาจจะมีวันที่ฉันทำกับข้าวให้นายทานสักวันล่ะน่า สอนแค่นี้เองมันจะเป็นไรไป”

“งั้นก็ขยับมาตรงนี้ครับ ทำเองเลยนะผมจะบอกว่าทำยังไง เผื่อวันไหนเกิดนึกสนุกอยากทำอะไรทานเองจะได้ทำได้ ไม่เผาครัวที่บ้านตัวเองไปก่อน” ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังกับท่าทางที่อยากทำอาหารมากของคนตัวสูงข้างหลังพลางขยับหลบถอยไปด้านข้างให้อีกคนขยับมาอยู่หน้าเตาแทน

“ได้ นายบอกนะว่าต้องทำยังไงบ้าง รอทานฝีมือฉันได้เลย” ไอ้ท่าทางแบบนี้คืออะไร เมื่อก่อนปั้นหน้ายักษ์ใส่กันจะตายแล้วตอนนี้ทำไมหน้าตามันช่างต่างกับช่วงแรกยังกะฟ้ากับเหว

“ก่อนอื่นเอากะทะตั้งไฟ รอให้กะทะร้อน ใส่น้ำมันไปนิดหน่อย อ้อ อย่าลืมเปิดไฟที่เตาด้วย” ร่างสูงหันไปหยิบกะทะใบย่อมที่ผมเตรียมไว้แล้วมาตั้งบนเตาไฟ ใบหน้าหล่อเหลา ก้ม ๆ เงย ๆ ที่ปุ่มเปิดแก๊ส ผมเห็นแล้วก็ส่ายหัวพร้อมยิ้ม ขำ ๆ จะรอดไหมครับ เปิดแก๊สยังไม่เป็น

“ตรงนี้ครับแล้วหมุนแบบนี้” ผมเอื้อมมือไปทับมือใหญ่ที่จับอยู่ที่ปุ่มเปิดก่อนแล้ว แล้วหมุนปุ่มที่เตาให้ติด แล้วหันไปมองหน้าคุณภู  ดวงตาเข้มของคุณภูจ้องมาที่หน้าผมแบบอึ้ง ๆ จ้องทำไมล่ะ

“มองอะไรครับ ทำต่อไปสิตามที่บอกอ่ะ” ผมมองตามสายตาของร่างสูงที่มองมือตัวเองที่ยังไม่ปล่อยจากปุ่มเปิดแก๊ส เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อกี้ทำอะไรไปไอ้กันต์ ไปจับมือคุณภูเปิดแก๊สได้ไงวะ พอนึกขึ้นมาได้ เลือดลมสูบฉีดขึ้นมาทันที ร้อนไปทั้งหน้าเลยครับคุณ  เหลือบมองร่างสูงก็เห็นว่ากำลังยิ้มที่มุมปากเล็ก ๆ แต่ตาเนี่ยเป็นประกายเชียว

“เอ่อ.. กะทะร้อนแล้วครับ ใส่น้ำมันได้แล้วเดี๋ยวกะทะไหม้” หันหน้าหนีเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น

มือใหญ่เลยคว้าเอาขวดน้ำมันพืชมาเทใส่กะทะ ท่าทางตั้งอกตั้งใจทำตามที่ผมบอกทุกอย่างเนี่ยดู ๆ ไปก็น่ารักดีนะครับ ที่ผู้ชายตัวใหญ่มาใส่ผ้ากันเปื้อนทำอาหารแบบนี้  ไม่นานน้ำราดหน้าทะเลก็เสร็จด้วยความทุลักทุเลของร่างสูง

“คุณภูตักมาราดเส้นในจานเลยครับ”

“เสร็จแล้ว เป็นไงบ้างฝีมือฉัน ไปทานกันดีกว่า” ท่าทางกระตือรือร้นชะมัดกะอีแค่ทำราดหน้าครั้งแรกก็ตื่นเต้นแล้วเนี่ยคนเรา
ผมเดินหยิบจานราดหน้าทั้งสองจานมาวางที่โต๊ะกินข้าว ร่างสูงนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง ผมเลยต้องหยิบช้อนขึ้นมาตักราดหน้าจานนั้นเข้าปากเพื่อชิม

“เป็นไงมั่ง” คำถามสั้นแต่จ้องอะไรขนาดนั้นเล่า  ถ้าบอกไปว่าไม่อร่อยจะโกรธกันไหมวะ

“อืม ก็อร่อยดีครับคุณภูลองชิมดูสิ” พอได้ยินก็ยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วตักราดหน้าที่ตัวเองทำเข้าปาก

“นี่นายเรียกอร่อยดีงั้นหรอ อย่างนี้เขาเรียกว่าอร่อยมากต่างหากล่ะ” เหอะชมตัวเองก็ได้เนอะคนเรา

“มันเพราะผมเตรียมของไว้แล้วและบอกให้คุณภูทำตามแค่นั้นแหล่ะครับ ถ้าคุณภูทำเองหมดตั้งแต่แรกมันจะรสชาติแบบนี้ป่ะล่ะ อย่าหลงตัวเองให้มากนักเลย”

“ก็ฉันเพิ่งหัดทำครั้งแรกนี่นา ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้วต่อไปสอนอย่างอื่นอีกนะ เดี๋ยวจะมาที่นี่ทุกวันหยุด”

“เฮ้ย!!! ไม่เอา ไม่สอน ใครจะอยากให้มาบ้านทุกวันหยุดกันล่ะ ผมไม่ได้ทำอาหารกินทุกวันหยุดหรอกนะ มีขี้เกียจบ้างไรบ้างสิ ถ้าอยากทำให้แม่บ้านที่บ้านคุณสอนเหอะ”

“ไม่ ฉันอยากให้นายสอนคนเดียว คนอื่นฉันไม่ต้องการ เพราะงั้นตามใจฉันด้วย” สั่งเอาแต่ใจได้อีกนะ คนอะไรนิสัยไม่ดี

“เอาไว้วันไหนว่าง ๆ แล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้รีบทานเข้าไปได้แล้ว” ได้ยินเสียงเดินเข้ามาในห้องครัวหันไปก็พบกับตุลย์และน้องฟ้าเดินถือจานมาคนละใบ คงกินกันหมดแล้ว

“น้ากันต์จานเอาวางไว้ที่ไหนครับ” เสียงน้องฟ้าร้องถาม

“เอาไว้ในซิงค์เลยครับเดี๋ยวน้ากันต์จัดการเอง แล้วเป็นไง อิ่มไหมครับ”

“อิ่มมากครับ แล้วก็อร่อยมากด้วย ขอบคุณครับน้ากันต์” น้องฟ้าเดินเอาจานไปวางแล้วหันมายิ้มขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ น่ารักได้อีกลูกใครวะเนี่ย ไม่เห็นจะเหมือนตัวพ่อสักนิด เสร็จแล้วเด็กทั้งสองคนก็เดินไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม

“คุณภูทานหมดแล้วก็เอาจานไปวางไว้ในซิงค์นะครับ เดี๋ยวผมล้างเอง” ผมบอกร่างสูงเมื่อเห็นว่าราดหน้าในจานหมดไปแล้ว ส่วนของผมยังเหลืออีกนิดหน่อย กินให้หมดครับเดี๋ยวคนทำเสียกำลังใจ

“ขยับออกไปเลย เห็นไหมเนี่ยผมล้างจานอยู่ เดี๋ยวก็เปียกกันหมดพอดี” ผมบ่นพลางใช้ศอกดัน ๆ อีกคนให้ถอยห่างออกไป มาเกะกะอยู่ได้คนจะทำงาน

“ไม่เห็นจะเกะกะเลย นายก็ล้างจานไปสิ ฉันแค่ยืนเฉย ๆ” ไม่ถอยแถมยังจะขยับเข้ามาอีก อะไรหนักหนาเนี่ย

“อยากล้างหรือไง งั้นมาล้างเลย” ผมชักจะหงุดหงิดร่างสูงขึ้นมาบ้างแล้ว ใกล้ ๆ แบบนี้ไม่ดีต่อใจครับ พักนี้เป็นอะไรไม่รู้ถ้าร่างสูงมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยกล้าสบตาแล้วก็หน้าร้อนเป็นประจำ  แต่อย่าหวังว่าอีกคนจะทำตามนะครับ

“กันต์” เสียงทุ้มเรียกเบา ๆ ข้างหู

“กันต์”

“กันต์” 

“เรียกอะไรกันครับ เรียกแล้วไม่พูดเนี่ย” ผมล้างจานใบสุดท้ายเสร็จแล้วเช็ดมือกับผ้าจึงได้หันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงที่ยืนพิงตู้เย็นอยู่

“ก็นายไม่สนใจฉันเลย เรียกก็ไม่ขาน” เอ้ากลายเป็นว่าผมผิดอีก อะไรล่ะเนี่ย

“เรียกแล้วอยากพูดอะไรก็พูดออกมาสิครับ” ผมยืนพิงเคาน์เตอร์กอดอก หน้ามุ่ยมองอีกคนที่ตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไรออกมานอกจากเรียกชื่อ

“น้องฟ้าน่ารักไหม” คำถามอะไรเนี่ย

“น่ารักสิครับ”

“แล้วชอบไหม” มามุกไหนอีกล่ะ

“ก็ชอบสิครับ”

ร่างสูงของคุณภูก้าวมาชิดกับผมที่ยืนอยู่ แล้วใช้สองมือท้าวไปที่เคาน์เตอร์ ทำให้ผมต้องยื่นมือออกไปดันบ่ากว้างเอาไว้  ใบหน้าหล่อเหลา ก้มลงต่ำมาจนกระทั่งสายตาของคุณภูอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของผม ปลายจมูกเราห่างกันนิดเดียว แค่นิดเดียวจริง ๆ ครับ

“คะ... คุณภู จะทำอะไรครับถอยออกไปเลยนะเดี๋ยวเด็ก ๆ จะเข้ามาเห็น” ผมเริ่มพูดไม่เป็นคำแล้วล่ะครับตอนนี้แถมสายตาคมเข้มที่จับจ้องมาที่ดวงตาผม มันเหมือนกับเสือจ้องจับเหยื่อยังไงยังงั้นเลย

“ไม่มีใครเข้ามาหรอก เด็ก ๆ ดูทีวีกัน”

“แล้วจะขยับมาทำไมครับคุยกันห่าง ๆ ก็ได้ยินนี่” ผมเริ่มหลบสายตาที่จ้องมองมาหันหน้าหนีแล้วครับไม่ไหว ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นแรง กลัวว่าถ้าคุณภูเข้ามาใกล้กว่านี้คงจะได้ยินแน่เลย

มือใหญ่ละจากเคาน์เตอร์มาจับปลายคางผมให้หันกลับมาจ้องตาเหมือนเดิม ผมเลยต้องกลับมาสบตาร่างสูงอีกครั้งและมันทำให้ผมมองเห็นแววตาที่อ่อนโยนเป็นครั้งแรกของคุณภู

“ขอบใจสำหรับอาหารมื้อนี้นะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ทานฝีมือนาย”  พูดเฉย ๆ พอครับอย่าก้มมามากกว่านี้หัวใจจะวาย

จบประโยคจมูกโด่งเป็นสันก็เลื่อนเข้ามาใกล้ที่ข้างแก้มด้านขวา พร้อมกับสัมผัสบางเบาลากไล้ลงมาจนถึงมุมปาก ลมหายใจร้อนที่มากระทบทำให้ผมตัวแข็งรับรู้ได้เพียงแค่ริมฝีปากได้รูปขบเม้มอยู่ริมฝีปากล่างของผม มือได้แต่กำเสื้อแน่นอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีใครได้เข้าใกล้แบบนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าคนแรกที่ทำแบบนี้จะเป็นผู้ชาย ที่สำคัญคือผมก็ไม่รังเกียจเสียด้วย

สัมผัสสุดท้ายที่รับรู้คือแรงดูดปากผมเบา ๆ แล้วใบหน้าคมเข้มก็ถอยห่างไปแค่นิดเดียวพร้อมรอยยิ้มมุมปากอีกแล้ว

*************************************************************

มาต่ออีกตอนแล้วนะคะ ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ

เริ่มรู้สึกว่าคุณภูจะพยายามหาทางลวนลามน้ากันต์มากขึ้นทุกทีแล้ว



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รุกหนักเลย

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีตบของหวานด้วย
ร้ายจริงนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักกกกกก
คุณภูนี่เนียนนนะ
เผลอแปปเดียวทั้งหอมทั้งจูบไปกี่รอบไม่รู้แล้ว
มีหน่วยสนับสนุนคุณภาพดีอีก2คน555
เส้ยชัยอยู่ไม่ไกลเพราะ กันต์เขินแรงมาก ไม่ขัดขืนเลยค่ะ
รอค่าา

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เพิ่งเข้ามาอ่าน  สนุกมากกกกกกกกก
คุณภูเจ้าเล่ห์มากอ่ะ แต่ควรบอกกันต์ให้เตรียมสักนิดนะ ดูนางยังงงๆกับคุณภู

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
คุณภูรีบรวบหัวรัวบหางน้ากันต์เลย ก่อนที่จะมีอีกหนุ่มโปรไฟล์ดี มาจีบน้ากันต์มาเป็นคู่แข่งคุณภูนะ  :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอน 25 พบเจอ (ทศ xทาย)

วันนี้เป็นวันที่ผมโดนเรียกตัวให้เข้ามาที่ตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท แต่กว่าจะออกมาได้ก็ต้องเคลียร์งานให้ลูกน้องที่ไซท์ให้เสร็จก่อนจึงทำให้เสียเวลาช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงทีเดียว แถมที่ตั้งของบริษัทยังเป็นย่านที่รถติดเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพ กว่าจะมาถึงแล้วยังต้องวนหาที่จอดรถเพราะมาตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าที่จอดรถหายากมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวอาคารมีที่จอดหลายชั้นมากแต่ก็ไม่เพียงพอกับบุคคลากรหรือพนักงานในตึกนี้

ขับวนหาที่จอดสำหรับพนักงานไปทุกชั้นแล้ว สรุปว่าเต็มครับมันน่าโมโหนัก ที่เหลือเป็นที่จอดรถของผู้ที่มาติดต่อ เอาวะ จอดมันนี่แหล่ะวนหาที่สำหรับผู้มาติดต่อโดยที่นึกในใจว่ากูก็มาติดต่อนะ เพราะโดนเรียกตัวเข้ามาไม่ผิด ๆ สอดส่ายสายตามองหาช่องที่ยังว่างอยู่ก็ไม่ค่อยจะมี

“ใครมาติดต่อที่บริษัทนักหนาวะ ที่จอดรถแม่งหายากยิ่งกว่าหาแฟนอีก” ผมได้แต่บ่นกับตัวเองพอดีกับสายตามองเห็นไกล ๆ ว่ามีช่องว่างเลยรีบที่จะเลี้ยวไปอีกล็อคเพื่อจอด แต่พอเลี้ยวไปกลับเห็นรถคันหนึ่งกำลังถอยเข้าช่องที่เขาเล็งเอาไว้

“เฮ้ย!! ไรวะคนอุตส่าห์มองเห็นที่ว่างแล้วเชียว แล้วไอ้คันนี้มันมาจากไหนอยู่ดี ๆ มาแย่งที่จอดรถกูเฉยเลย”

บ่นพลางกัดฟันเข่นเขี้ยวแช่งชักหักกระดูก ถ้าเป็นผู้หญิงผมจะให้อภัยแต่ถ้าเป็นผู้ชายนะจะแช่งให้มันเสียตัวให้ผู้ชายเลยคอยดู แค้นหนักมากมาย

สายตาแค้นเคืองถูกส่งไปให้รถยนต์คันหรูที่ดันแย่งที่จอดรถของเขา ได้แต่จำใจวนขึ้นไปอีกล็อคหนึ่ง ดีนะที่เจอเหลือช่องสุดท้ายไม่งั้นได้ขึ้นไปอีกชั้นแน่นอน เหนื่อยจริง ๆ กับการหาที่จอดรถในกรุงเทพเนี่ย ดับเครื่องลงจากรถได้ก็เดินไปทางเข้าอาคารแต่ทางที่เดินผ่านไม่วายต้องผ่านไอ้รถคันนี้อีกแล้ว รถสปอร์ตหรูเสียด้วย เลขทะเบียนนี้จะจำให้ขึ้นใจเลยคอยดูสิ
ขึ้นลิฟท์ไปยังแผนกวิศวกรรม ผ่านเลขาสาวสวยของแผนกที่ยิ้มรับตั้งแต่เห็นหน้าผมผลักประตูเดินเข้ามาข้างใน

“อ้าว พี่ทายมาแล้วเหรอคะ  พลอยว่าจะโทรตามแล้วนะคะเนี่ย พี่พลบ่นหลายรอบแล้วว่าเมื่อไรพี่จะมา”  หญิงสาวที่เป็นหน้าเป็นตาของแผนกทักทายพร้อมกับบ่นเล็กน้อย

“โห..นี่กว่าพี่จะสั่งงานลูกน้องครบ แล้วไหนจะฝ่ารถติดมาอีก แทบจะฝ่าไฟแดงมาทุกไฟแดงเลยนะครับน้องพลอย ว่าแต่มีเรื่องอะไรถึงได้เร่งให้พี่เข้าออฟฟิศได้ล่ะวันนี้”

“น่าจะเป็นโครงการใหม่ที่น่านค่ะพี่ทาย พลอยว่าพี่เข้าไปหาพี่พลข้างในดีกว่าเดี๋ยวพลอยโทรตามอีก 3 คนที่ยังมาไม่ถึง”

“อ้าว ยังมีคนมาไม่ถึงแล้วจะมาบ่นพี่ทำไมครับคนสวย” หยอดไว้ก่อนครับ น้องเขาน่ารัก นิสัยดี แฟนไม่มีแต่พี่ชายหวงมาก ไม่ใช่คนอื่นคนไกลด้วย พี่ชายก็พี่กองพลที่เป็นหัวหน้าแผนกวิศกรรมที่นี่แหล่ะครับ

“ไอ้ทายมาแล้วอย่ามัวแต่คุยเล่นกับพลอย เข้ามาหากูเลยห้องประชุมเล็ก เดี๋ยวรอพวกนั้นอีกแป๊บเดียว มันว่าใกล้ถึงกันแล้ว พวกมึงเนี่ยช้าชะมัดปล่อยให้กูหัวหมุนอยู่ได้คนเดียว” พี่พลเปิดประตูห้องทำงานออกมา แล้วตามมาเสียงตะโกนข้ามโต๊ะหลายตัวส่งมายังผมที่ยังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานน้องสาวเจ้าตัว

“โห ... พี่ ผมก็ยังไม่ได้คุยนานสักหน่อย เพิ่งมาเองทักทายน้องพลอยนิดเดียว พี่ก็เปิดประตูมาด่าผมเนี่ยแหล่ะ ทีคนอื่นยังมาไม่ถึง ก็ไม่ด่าพวกมัน ไม่น่ามาก่อนเลยกู” ประโยคสุดท้ายผมบ่นเบา ๆ

“มึงอย่าบ่น กูได้ยิน ตามมาเร็ว ๆ” จากนั้นผมก็เดินตามร่างสูงของพี่พลเข้าไปในห้องประชุมเล็กของแผนก มันเป็นห้องที่มีโต๊ะตัวยาวต่อเป็นรูปตัวยู เก้าอี้ประมาณ 15 ตัว ในมือของพี่พลหอบเอาแฟ้มหลายเล่มมาด้วย

“เออ ลืมไป มึงเดินไปหยิบแบบในห้องทำงานกูมาหน่อยสิ ที่วางอยู่บนสุดเขียนว่าโครงการรีสอร์ทน่านนะ” อ้าวแล้วทำไมเมื่อกี้ไม่สั่งให้เรียบร้อย นี่เดินจะนั่งอยู่แล้วนะ แต่จะให้เถียงออกไปเดี๋ยวโดนด่าครับ จึงต้องหันหลังกลับไปในห้องทำงานเพื่อไปหอบแบบที่ว่ามาให้

เดินกลับมาพร้อมแบบแผ่นใหญ่หลายสิบใบ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาโฉดจำนวน 6คนนั่งคุยกันเสียงดัง

“อ่ะ นี่ครับพี่พล วางตรงนี้นะ” ผมวางกองแบบทั้งหมดพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่หันไปยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“มึงก็โดนเรียกมาเหรอทาย” หนุ่มร่างสูง ผิวเข้ม หนึ่งในนั้นถามผมพร้อมพยักหน้าส่งมาให้เป็นการทักทาย

“เออ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เป็นไงมึงไซท์ที่ทำใกล้เสร็จเหมือนกันล่ะสิ”

“ใกล้แล้ว ถึงได้โดนเรียกมาทำงานใหม่นี่ไง ให้ว่างสบาย ๆ สักเดือนก็ไม่ได้โหดชะมัดพี่พลเนี่ย” เสียงบ่นดังขึ้นแกล้งให้เจ้าของชื่อได้ยิน

“พวกมึงเงียบ จะบ่นกันไปทำไมแล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน มาคุยเรื่องงานกันก่อนไอ้พวกนี้นี่ เจอหน้ากันไม่ได้เลยนะทำยังกะว่ากูได้หยุด นี่ก็เตรียมงานล่วงหน้าไว้ให้พวกคุณมึงทั้งหลายนี่แหล่ะ เอาไปอ่านดู” พี่พลยื่นเอกสารมาให้คนละปึก ผมเปิดดูแล้วไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ มันเป็นโครงการรีสอร์ทแห่งใหม่ที่อยู่จังหวัดน่าน 

“คุณภูบอกว่างานนี้ให้ช่วยเร่งให้ท่านหน่อย แต่งานต้องดีที่สุดเพราะโครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกที่เราจะเปิดตัวในภาคเหนือ ฝ่ายออกแบบร่างแบบมาให้แล้วและจะทยอยตามมาอีกภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่เตรียมแบบให้พร้อมคุณภูให้เวลาทั้งหมด 5 เดือนว่ะ” สิ้นประโยคที่กำหนดเวลาทำเอาพวกผมโอดครวญกันใหญ่ 5 เดือนกับงานแบบนี้ถือว่าน้อยมากที่จะทำมิน่าถึงได้เรียกกันมาหลายคน

“โอย....พี่พล  5 เดือน น้อยไปไหม ใครมันจะไปเสร็จ คุณภูนะคุณภู อะไรจะเร่งปานนั้น” เสียงวิศวกรอีกคนที่เป็นรุ่นพี่ผม

“ทันไม่ทันก็ต้องทัน เนี่ยพี่ก็เร่งทำจนกลับบ้านดึกมาหลายอาทิตย์แล้ว พวกมึงก็อย่าบ่นกันนักเลย มาอยู่ดึกเป็นเพื่อนกูซะดี ๆ หึหึ “

“แล้วงานที่ไซท์ล่ะพี่ ถ้าพวกผมมาแล้วใครจะดู” ไอ้ต้นมันถามพี่พลให้แน่ใจซึ่งถ้าพวกผมมาช่วยตรงนี้แล้วส่วนที่แต่ละคนดูอยู่จะส่งให้ใครไปดูแลแทน

“เออ เดี๋ยวเรื่องนั้นพี่จัดการแทน ที่เรียกพวกมึงมาก็มีแต่คนงานใกล้จะเสร็จกันทั้งนั้น คงไม่มีผลกระทบมากนักหรอกฝากไอ้พวกที่อยู่ช่วยกันไปก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไร”

“เดี๋ยวพี่แบ่งงานให้พวกมึงเลยแล้วกัน ไอ้ทายไอ้ต้น ดูงานโครงสร้างอาคารหลัก เป็นตึกห้องพักมี 5 ชั้น ไม่สูงแล้วก็ห้องพักไม่เยอะ  ไอ้เก่งไอ้เอกมึงดูบังกะโลทุกหลัง ไอ้หินมึงดูงานแลนสเคปทั้งหมด ส่วนน้องกฤษนั่งให้กำลังพี่ก็พอครับ” จบประโยคนั้นพวกผมพร้อมใจกันโห่พี่พลกันทั้งห้องเลยครับ

“อะไร ๆ พี่พล สองมาตรฐานว่ะ ทำไมให้พวกผมทำงานกันทุกคนแต่ให้ไอ้กฤษมันนั่งเฉย ๆ เอาเปรียบกันชัด ๆ พวกผมไม่ยอมนะ” ไอ้หินมันพูดออกมาพร้อมกับเสียงพวกผมที่ช่วยกันสนับสนุน ส่วนไอ้กฤษนั่งหัวเราะชอบใจอยู่คนเดียว ทำไมพี่พลถึงสั่งแบบนี้นะเหรอก็เพราะว่า น้องกฤษของพี่พลหรือ ไอ้กฤษของพวกผมน่ะ ชื่อจริงมันชื่อกฤษกร เป็นวิศวกรรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยของพี่พลนั่นแหล่ะ แต่เป็นรุ่นหลานที่ไกลหลายปีแสง แต่ไม่รู้ยังไงพี่พลถึงได้เรียกมันอย่างนิ่มนวลว่าน้องกฤษทั้ง ๆ ที่ รูปร่างก็ไม่เล็ก ไม่บอบบางให้เหมาะสมกับการที่ต้องเรียกมันว่าน้องสักนิด เพียงแต่มันหน้าตาดูอ่อนกว่าอายุจริง ตัวบางผิวค่อนข้างขาวเพราะมันเป็นคนเหนือ และที่บอกว่ามันไม่เหมาะกับคำว่าน้องนำหน้าชื่อเพราะว่ามันเป็นคนที่กวนอวัยวะเบื้องล่างมาก

“อ้าว พี่หิน มาว่าผมไม่ได้นะ ผมไม่ได้ไปสั่งพี่พลให้งานพวกพี่สักหน่อย พี่พลเขาสั่งเองต่างหาก” มันว่าพลางลอยหน้าลอยตาพูด ยักคิ้วหลิ่วตาให้น่าหมั่นไส้ขึ้นมา ไอ้เอกที่อยู่ใกล้ ๆ เลยสงเคราะห์ยื่นมือไปตบหัวมันเบา ๆ ทีนึงเป็นการหยอกล้อ ทำเอามันหน้าคว่ำไปเพราะไม่ทันตั้งตัว

“โอ้ย พี่เอกตบหัวผมทำไมเนี่ย เจ็ยนะโว้ย” มันเอามือลูบหัวมันแล้วหันไปโวยวายจะกระโจนเข้าหาไอ้เอก แต่โดนไอ้หินเอามือดึงคอเสื้อไว้ก่อนที่จะถึงตัวไอ้เอก มึงไม่ดูขนาดตัวมึงเลยนะกฤษ ขืนโผเข้าไป ไอ้เอกจับล็อคมึงตายแน่ ก็ไอ้เอกมันเป็นคนร่างสูงแถมยังเป็นนักมวยในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วย 

“หยุด!!!! พวกมึงนี่ยังไง หยุดกัดกันได้แล้ว กูพูดเล่น คิดจริงจังไปได้ น้องกฤษไปช่วยไอ้หินดูงานนะครับ แต่กูดูภาพรวมเหมือนเดิม ใครมีปัญหาอะไรโทรหาได้ 24 ชม. ไม่เว้นเวลาราชการ เพราะกูบอกแล้วว่างานเร่ง พวกมึงจะทำข้ามวันข้ามคืนกูก็ไม่มีปัญหา เข้าใจไหมครับ” พี่พลส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมไปรอบ ๆ

“พี่พล แล้วพวกเราต้องไปน่านกันด้วยไหมเนี่ย” ผมถามเพื่อความแน่ใจครับ เพราะว่าส่วนมากถ้างานอยู่ในมือใครที่รับผิดชอบคนนั้นต้องดูงานที่ไซท์ด้วยเพราะถือว่ารู้เรื่องงานมาตั้งแต่ครั้งแรก

“พี่ว่าต้องไปว่ะ พวกมึงก็เตรียมตัวเตรียมใจกันตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วกัน ใครมีแฟนก็ร่ำลากันซะให้พอใจ เดี๋ยวถ้าพวกมึงได้ขึ้นไปน่าน คงไม่ค่อยได้ลงมากรุงเทพจนกว่าโครงการจะจบ” พี่พลตอบคำถามผมออกมาให้กระจ่างกันทุกคน สรุปเคลียร์ครับต้องไปน่าน ไปหาสาวเหนือแถวนั้นเอาก็ได้โว้ย ก็สาวเมืองกรุงเขาทิ้งไปแล้วนี่

“แฟนผมด่าตายเลย แค่กลับบ้านดึกยังคอยแต่จะไล่ออกมานอนนอกห้อง นี่ไปเป็นปี จะกลับทีละเดือนคงยาก” ไอ้เก่งมันถอนใจพร้อมแนบหน้าลงกับโต๊ะ

“คนไม่มีแฟนแบบมึงสบายไปเลยสิ ค่อยไปหาสาวเอาข้างหน้ายังได้เลย” ไอ้ต้นมันหันมาแซวผม ซึ่งผมก็ยักคิ้วแถมยิ้มมุมปากให้มันไปด้วย

“เที่ยงแล้ว ลงไปกินข้าวกันได้แล้ว บ่ายพวกมึงค่อยขึ้นมาเอาเอกสารทั้งหมดกับแบบไปศึกษาดูรายละเอียด แล้วจันทร์หน้าค่อยเข้าออฟฟิศมาประจำที่นี่”

พวกผมพากันลุกขึ้นเดินออกนอกห้องประชุมพร้อมเสียงคุยกันดังสนั่น นาน ๆ ได้เจอกันทีนี่ครับ พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานถึงแม้ว่าทุกคนจะอายุไม่มากแต่ประสบการณ์การทำงานของแต่ละคนก็ถือว่ามีมากพอ และแต่ละคนก็เป็นหัวกะทิของแต่ละมหาวิทยาลัยกันทั้งนั้น

“กูไปหารุ่นน้องอีกคนที่ชั้นบนก่อนนะ จะชวนมากินข้าวด้วยกัน พวกมึงไปจองโต๊ะที่แคนทีนก่อนได้เลยเดี๋ยวกูตามไปหา” ผมหันไปบอกพวกมันที่กอดคอกันเดินออกไปยืนรอลิฟท์ ผมยื่นมือไปกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปขั้นบนสุดที่เป็นชั้นที่กันต์ทำงานอยู่

“มึงจะไปหาใครข้างบน มีสาวหรือไงไอ้ทาย”เสียงพี่พลหันมาถาม

“สาวที่ไหนกันพี่ รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้มันเป็นเลขาคุณภู” พวกมันหันมามองหน้าผมกันทุกคนเลย มองทำไมวะ

“อ้อ คุณกันต์ พี่เคยเจอว่ะ ตอนไปหาคุณภู เพิ่งรู้นะว่าเป็นรุ่นน้องมึง หน้าตาดี นิสัยดี ไม่น่ามาคบมึงได้นะทาย”

“อ้าว พี่ผมเป็นยังไง สูงหล่อหน้าที่การงานดี มีรถขับ โทรศัพท์ถ่ายรูปได้นะคร้าบบบ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้ทายกล้ายกหางตัวเองนะมึง หล่อมากถึงโดนสาวทิ้ง”

“เจ็บปวดมากพี่พล อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น ผมขอร้องมันปวดใจ แผลยังสดใหม่เลือดยังซึมอยู่” ผมทำหน้าตาเจ็บปวดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอก แอ็คติ้งผ่านไหมครับ

ลิฟท์มาพอดีผมเลยเดินเข้าลิฟท์ไปแล้วกดไปชั้นที่กันตพิชย์ทำงานอยู่  ไม่นานลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้นบนสุด เดินออกมามองเห็นกันตพิชย์นั่งก้มหน้าที่โต๊ะทำงานของเจ้าตัว ผมเลยเดินไปหยุดข้างหน้าแล้วเอามือเคาะโต๊ะอีกฝ่ายถึงได้เงยหน้ามามอง

“อ้าวพี่ทาย มาได้ไงครับ” กันตพิชย์ส่งเสียงทักทายแล้ววางมือจากปากกาที่กำลังจดงานเอกสารอะไรอยู่อย่างขมักเขม้น

“โดนเรียกให้เข้ามารับงานใหม่ เที่ยงแล้วเลยแวะมาชวนกันต์ไปกินข้าว เพื่อน ๆ ที่รออยู่แคนทีนให้พวกมันจองโต๊ะไว้ให้ ไปด้วยกันนะ”

“ได้ครับรอผมเก็บของแป๊บนึงนะ” กันตพิชย์ปิดแฟ้มที่ทำค้างอยู่เก็บเครื่องเขียนใส่กล่องแล้วเปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าเงินออกมาใส่กระเป๋ากางเกง กำลังจะเดินอ้อมออกมา ประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาพร้อมด้วยร่างสูงของคุณภูพร้อมชายหนุ่มอีกคนนึงดูแล้วไม่น่าจะใช่ไทยแท้เดินคู่กันออกมา ทั้งสองคนเดินมาทางผมกับกันต์ยืนอยู่ สายตาดุเข้มส่งมาทางพวกผมทำเอาผมเสียวสันหลังเลยทีเดียว แต่ท่าทางของกันต์จะไม่เกรงกลัวสักนิด ส่วนอีกคนที่เดินออกมาพร้อมกับคุณภูก็กอดอกยืนเฉย ๆ อยู่ข้าง ๆ
 
“นายจะไปไหน ฉันว่าจะให้นายไปทานข้าวเที่ยงเป็นเพื่อน” เสียงทุ้มดังออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบได้รูปก่อนจะมองหน้าผม

“สวัสดีครับคุณภู ผมมาชวนกันต์ไปทานข้าวเที่ยงที่แคนทีนด้วยกันน่ะครับ” ร่างสูงของคุณภูเพียงแค่พยักหน้ารับคำทักทายของผมเท่านั้นแล้วก็เบือนสายตาไปจ้องกันต์อีกรอบ

“ผมจะลงไปข้างล่างกับพี่ทาย คุณภูไปทานกับคุณทศแล้วกันนะครับ”

“ฉันจะไปด้วย แกไปกินที่แคนทีนได้ไหมทศ”

“ได้ ไม่มีปัญหา ฉันกินที่ไหนก็ได้ไม่ยากอยู่แล้ว” หนุ่มลูกครึ่งแต่พูดไทยชัดถ้อยชัดคำตอบรับคำถามของคุณภู จากนั้นร่างสูงของคุณภูก็เดินเลยมากดลิฟท์

“คุณภูจะไปทำไม พี่ทายเขามาชวนผมไปทานข้าว ที่แคนทีนนะครับคุณภูจะลงไปทานที่นั่นเหรอ ให้ผมซื้อขึ้นมาให้ดีกว่าไหม คุณภูกับคุณทศจะได้ไม่ต้องลำบากไปเบียดกับคนเยอะ”

“ทำไม ถ้าฉันจะลงไปด้วยนี่มันมีปัญหามากนักหรือไง หรือว่าฉันไปไม่ได้” เสียงเข้มเริ่มจะส่อแววว่าอารมณ์ไม่ดีแล้วเอาไงดีละครับทีนี้
“ผมกินได้ไม่เป็นไรกันต์ไปกันเหอะ เดี๋ยวคนแถวนี้มันจะโมโหเส้นเลือดในสมองแตกก่อนที่ลูกชายจะโต” ชายหนุ่มที่ชื่อทศพูดออกมาทำให้ผมนึกสงสัยอยู่ในที

“เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณภูกับเพื่อนคุณภูไปทานด้วยกันก็ได้ครับ มีพี่พลกับพวกเพื่อนผมที่แผนกไม่กี่คน” ผมตัดปัญหาชวนคุณภูไปด้วยก่อนที่จะมีศึกท่านประธานกับเลขาฆ่ากันตายในออฟฟิศใหญ่กลางกรุง แล้วผมก็เดินตามร่างสูงของท่านประธานเข้าไปในลิฟท์ที่จอดรอโดยที่กันต์ทำหน้าบูดแล้วเดินตามเข้าไปด้วยอีกคน

“ไตรทศ เพื่อนสนิทฉัน” คุณภูแนะนำร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งให้รู้จัก

“เพทายครับ เป็นวิศวกรที่นี่” ผมแนะนำตัวเองบ้าง แต่อีกคนแค่พยักหน้าให้เท่านั้น จะเก็กไปไหนวะ ถือว่าหน้าตาดีหล่อ สูง อาจจะรวยด้วย แค่นั้นเองแล้วหยิ่งมากเรอะไอ้ลูกครึ่งนี่

เมื่อเดินมาถึงแคนทีนคุณภูหันมาบอกให้ผมเดินนำหน้าไปที่โต๊ะที่จองไว้ พอพนักงานหันมาเจอร่างสูงของคุณภูเสียงคุยที่ยังดังอยู่ค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ จนเกือบจะเงียบสนิท ทำเอาผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่

“อ้าว คุณภู มาทานข้าวด้วยเหรอครับ” พี่พลทักเจ้านายใหญ่พร้อมกับลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง

“อืม วันนี้ขอมานั่งทานด้วยคนคงไม่ว่าอะไรนะ”

“ใครจะกล้าว่าคุณภูกันล่ะครับ คุณภูจะทานอะไรเดี๋ยวผมให้พวกนี้ไปซื้อมาให้ กับข้าวที่นี่อร่อยทั้งนั้นครับ” พี่พลทำหน้าที่ทัพหน้าเจรจาได้อย่างดียิ่ง

“พวกคุณไม่ต้องลำบากเดี๋ยวผมให้เลขาผมไปซื้อมาให้ ตามสบายไม่ต้องเกรงใจผม” จบประโยคก็หันไปทางกันตพิชย์เพื่อบอกให้รุ่นน้องผมไปซื้อข้าวมาให้ทาน กันต์มันก็หน้าบูดแต่ยังไงก็ต้องเดินไปซื้อมาให้เจ้านายอยู่ดี แล้วจะลงมาทานข้างล่างให้พนักงานเกร็งกันทำไมวะ สั่งเลขาซื้อไปให้ข้างบนก็ได้นี่

เพื่อนตัวสูงนี่ก็เหมือนกันมานั่งเป็นพระราชาให้คนอื่นเขาเดือนร้อนหามาประเคนให้อยู่ได้ ถ้าไม่ถือว่าเป็นเพื่อนเจ้านายผมแขวะใส่ไปแล้ว ช่างเหอะไปซื้อข้าวดีกว่า

พวกผมเลยเดินไปซื้อข้าวกันทุกคนปล่อยให้ท่านประธานนั่งเฝ้าโต๊ะกับเพื่อนสนิท เป็นที่น่าสนใจของเหล่าพนักงานที่เข้ามาในแคนทีน ใครจะไม่อยากมองหนุ่มหล่อเจ้าของบริษัทกับเพื่อนอีกคนที่หล่อไม่แพ้กัน มานั่งให้เป็นอาหารตาของเหล่าสาว ๆ ที่นี่กันล่ะ

ตอนที่เดินกลับมายังโต๊ะสายตาผมก็พบกับคนสองคนนั่งเถียงกันโดยมีร่างสูงของคุณภูตักกับข้าวบางอย่างใส่จานข้าวของกันต์ แล้วกันต์ก็ใช้ช้อนเขี่ยมันไว้ที่ขอบจานข้าว ใกล้จนได้ยินเสียงบ่นงึมงำของหนุ่มรุ่นน้องประมาณว่าก็รู้ว่าไม่กินแครอทยังจะตักมาใส่จานทำไม เอ่อนี่ท่านประธานตักกับข้าวให้เลขา มันผิดคอนเซ็ปไปนิดหน่อยหรือเปล่าครับ ที่ถูกมันน่าจะเป็นเลขาคอยบริการเจ้านายไม่ใช่เหรอ
 
แต่สายตาของอีกคนนี่สิมองกันต์แล้วยิ้มน้อย ๆ ตลอดเวลา นี่อย่าบอกนะว่าคิดอะไรไม่ซื่อกับรุ่นน้องผม กันต์มันไม่ใช่เกย์นะโว้ย
ทุกคนเดินมาถึงพร้อมกัน ตลอดมื้อนี้ทุกคนคุยกันอย่างสุภาพผิดกับทุกครั้งที่ออกจะเสียงดังแล้วยังหลุดภาษาพ่อขุนออกมาตลอด คุณภูก็คุยเรื่องโครงการที่น่านกับพี่พลเป็นระยะจนทุกคนทานข้าวเสร็จ เราก็ลุกเดินออกจากแคนทีนเพื่อนที่จะไปทำงานต่อในภาคบ่าย

“กันต์พี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะโทรหา ยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ใช่ไหม” ผมหันไปทวงสัญญาว่าจะไปหาพร้อมกับชวนทั้งน้าหลานไปออกกำลังกาย

“จำได้ครับพี่ทายไม่ลืมหรอกน่า แล้วอย่าลืมโทรมานะ ผมจะรอ” แต่ผมรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผมคุยกับกันต์สายตาดุดันของคุณภูดูจะจ้องผมไม่วางตา จ้องแบบไม่ชอบใจเสียด้วย รีบไปดีกว่าดูท่าทางอากาศแถวนี้จะไม่ค่อยดีหายใจลำบาก แต่พอมองไปเห็นร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งก็ทำให้ผมมองตามสายตาที่มองไปที่กันต์ ทีนี้ชักจะแน่ใจแล้วว่าร่างสูงนี้คิดอะไรกับรุ่นน้องผมแน่นอน

หลังจากลงมาทำงานในช่วงบ่าย เลิกงานแล้วพวกผมก็นัดเจอกันอีกครั้งที่ผับประจำของกลุ่ม มันก็ต้องมีหาเรื่องกินเหล้ากันล่ะครับ นาน ๆ เจอกันแบบนี้ ร่ำลากันพอเป็นพิธีผมก็เดินเรื่อย ๆ มายังลิฟท์เพื่อไปยังที่จอดรถ

กลับคอนโดไปอาบน้ำเดี๋ยวเวลานัดค่อยออกมาเจอพวกมันใหม่ โสดมันก็ดีอย่างนี้แหล่ะ ไปไหนไม่ต้องรายงานใคร ไม่ต้องเอาใจใคร บางทีการตามง้อก็ทำให้ผมเบื่อเหมือนกัน เพราะงั้นโสดแต่เหงาเราทนได้

 
**************************************************************

ต่อข้างล่างค่ะ




ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ต่อจากข้างบน....

เสียงเพลงดังอึกทึกเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปด้านใน พวกมันโทรมาตามตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะผมออกมาช้าเผลอหลับไปนิดเดียวเอง มองหาตำแหน่งที่พวกมันนั่งกันอยู่เมื่อเห็นแล้วจึงก้าวเท้ายาว ๆ ผ่านกลุ่มมากมายที่ยืนเต้น ยืนคุยกัน ตลอดทางมีคนหันมาส่งยิ้มให้พร้อมสายตาเชิญชวน แต่ผมก็แค่ยิ้มตอบยังคิดจะสานต่อใครตอนนี้ เพิ่งมาถึงเองครับยังมีตัวเลือกอีกเยอะอย่าได้รีบ

“มึงมาช้าไอ้ทาย พวกกูจะเมากันอยู่แล้วเนี่ย” พี่พลตะโดนทักพร้อมกับยื่นแก้วเหล้าส่งมาให้ทันทีที่ผมนั่งลงกับโซฟา

“ให้ผมนั่งก่อนก็ได้พี่ค่อยส่งแก้วเหล้ามาให้ ไม่ต้องรีบ ๆ” แต่ก็ยื่นมือไปรับแก้วมาดื่มก่อนวางลงบนโต๊ะข้างหน้า หันไปมองพวกมันก็เห็นว่ามีผู้หญิงมานั่งอยู่ด้วยคงจะหาได้แถว ๆ นี้แหล่ะ ไวไปป่ะวะ นี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง  พวกเราคุยกันไปหลายเรื่องรวมถึงเรื่องโครงการใหม่ครั้งนี้ด้วย พวกมันก็สลับกันเดินหายไป กลับมาอีกทีก็มีสาวสวยหุ่นดี มายืนเบียดอยู่ข้าง ๆ ส่วนผมนะเหรอ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะเดินออกไปหาเพื่อนนอนหรอกครับ ช่วงนี้ยังติดเบื่อ ๆ อยู่ปล่อยให้พวกมันลั่นล้าไปดีแล้ว

เหล้าก็ดื่มไปไม่เยอะแต่ทำไมวันนี้รู้สึกว่ามึน ๆ วะ ไปห้องน้ำก่อนดีกว่า คิดได้ก็ลุกขึ้นจากโซฟา ไอ้ต้น มองเห็นผมลุกจากที่นั่งจึงส่งเสียงถามออกมา

“มึงจะไปไหนไอ้ทาย”

“ไปห้องน้ำมึงจะไปกับกูป่ะล่ะ”

“ไม่ เชิญมึงไปคนเดียว” มันว่าแล้วส่ายหัวให้เชิงปฏิเสธ ผมเลยเดินมาตามทางแคบ ๆ ที่ไปห้องน้ำ ระหว่างทางก็มีนักเที่ยวทั้งหญิงชายอยู่เต็มทางเดิน บางคนใจกล้าหน่อยก็ยื่นมือมาลูบแขน ลูบอกระหว่างที่ผมเดินผ่านแล้วส่งสายตาเชิญชวนให้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดตอบรับคำเชิญนั้น เพียงแต่เดินตรงไปยังห้องน้ำตามเดิม

ก่อนถึงห้องน้ำเจอกับชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันได้ที่โดยที่ฝ่ายชายยืนพิงผนังหน้าห้องน้ำก้มหน้าซบอยู่กับซอกคอของหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งชุดเดรสสั้นรัดรูปสีน้ำเงิน โดยมีแขนเรียวขาวของหญิงสาวคล้องคอชายหนุ่มร่างสูงไว้ เรื่องอย่างนี้เห็นจนชินตาสำหรับสถานที่แบบนี้ จึงไม่ได้สนใจที่จะมองเป็นพิเศษแค่มองผ่านตาเท่านั้น ก็เล่นมายืนชิดประตูห้องน้ำแบบนี้เป็นใครใครก็มองทั้งนั้นแหล่ะ

กำลังจะเดินผ่านใบหน้าของร่างสูงก็เงยขึ้นมา สายตาคมเข้มหันมาสบกับตาผมพอดี เราจ้องตากันอยู่ชั่วครู่แล้วก็เป็นผมที่ละสายตาไปก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป จึงไม่ได้รับรู้ถึงสายตาที่จ้องมาเมื่อกี้มองตามร่างผมไปจนสุดสายตา

เปิดห้องน้ำมาถึงกับชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูงของผู้ชายมายืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่ผมเข้าไปทำธุระ

“ขอโทษครับขอทางให้ผมออกไปหน่อย”

“ไง ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่” อีกฝ่ายไม่ได้ถอยหนีตามคำขอร้องของผม แต่กลับทักออกมาอีกประโยคที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ยิน
ผมเลยมองหน้าคนตรงหน้า ว่าเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าพลางทำหน้านึกอยู่นานจะว่าไปผมไม่เคยรู้จักกับพวกลูกครึ่งสักคน แล้วนี่เขาเข้ามาทักเหมือนกับรู้จักผมยังงั้นแหล่ะ

“จำฉันไม่ได้เหรอ อะไรกันเพิ่งเจอกันลืมกันเสียแล้ว” ไปเจอกันตอนไหนวะ หน้าอย่างนี้ไม่รู้จัก

“ผมจำได้ว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ขอทางผมด้วยครับจะรีบไป” ผมบอกปัดแล้วก้าวไปเพื่อให้ชายหนุ่มเปิดทางให้แต่อีกคนกลับยืนปักหลักอยู่กับที่จนผมต้องชะงักเท้าแล้วเลี่ยงไปทางซ้าย กำลังจะพ้นกลับรู้สึกถึงข้อศอกที่มีแรงดึงเอาไว้

“จะรีบไปไหน เพิ่งเจอกันที่บริษัทไอ้ภูเมื่อตอนบ่ายเอง ไม่น่าความจำสั้นนะ” พอได้ยินประโยครื้อฟื้นความจำผมจึงได้ย้อนคิดไปถึงเพื่อนของคุณภูที่มาทานข้าวเที่ยงด้วย  ที่สำคัญผมจำแววตาที่มองรุ่นน้องผมได้ว่าเป็นประกายอย่างไร

“อ้อ ครับ จำได้แต่กรุณาปล่อยผมด้วย เพื่อนผมรออยู่”  ผมว่าแล้วยื่นมืออีกข้างไปแกะเอามือที่ยึดข้อศอกผมไว้ให้ปล่อยสักที
“จะรีบไปไหนกันล่ะ ฉันมีเรื่องอยากถามนาย”

“เฮ้ย คุณปล่อยผมเลยนะ ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณหรือตอบคำถามคุณหรอก” ผมรีบปลดมืออีกคนโดยใช้แรงเพิ่มขึ้น เมื่อหลุดจากการเกาะกุมแล้วรีบเดินหนีร่างสูง  แต่อีกคนคงไม่ยอมให้ผมหลุดไปง่าย ๆ กลับกระชากผมอีกรอบแล้วเปิดประตูห้องน้ำลากผมที่โวยวายเสียงดัง มือผมก็ทั้งแกะทั้งตี แต่มือหนาก็แน่นเหลือเกิน

“หยุดดิ้นแล้วเดินมาดี ๆ อย่าโวยวายนักเลย ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” ร่างสูงเดินเร็ว ๆ ไปอีกทางผมก็พบว่ามีประตูเล็ก ๆ สำหรับออกไปข้างหลังร้าน

“แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องตามคุณมาด้วย”

“อ้าว เงียบได้แล้ว” ร่างสูงกระชากให้ผมหันหลังติดผนังแต่ยังจับข้อมือผมไว้ไม่ปล่อย ส่วนอีกมือท้าวลงที่ผนัง ทำให้ผมได้แต่ใช้มืออีกข้างกันเอาไว้ไม่ให้ร่างสูงเข้ามาใกล้มากกว่านี้

“มาขึ้นขั้นนี้แล้ว คุณมีอะไรก็ว่ามาเลย ผมจะได้รีบเข้าไปข้างใน แล้วถอยออกไปห่าง ๆ เลย” ผมเริ่มมีโมโหแล้วครับไม่อยากพูดดีด้วยถ้าไม่เห็นว่านี่คือเพื่อนสนิทของคุณภูนะ

“นายรู้จักกับกันตพิชย์มานานหรือยัง” ถามถึงกันต์ทำไมอย่าบอกนะว่าที่ผมคิดว่าอีกฝ่ายสนใจรุ่นน้องผมเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อกี้ยังเห็นคลุกวงในกับผู้หญิงอยู่เลยนี่

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม รุ่นน้องผมเป็นผู้ชาย อ้อ แล้วอีกอย่างผมว่าคุณอย่าไปยุ่งกับกันต์ดีกว่า”

“ฉันรู้ว่ากันตพิชย์เป็นผู้ชาย เพราะงั้นฉันถึงได้ถามไง นายบอกที่ฉันถามมาก่อนสิ”

“เรื่องอะไรผมจะบอกคุณแล้วเลิกยุ่งกับผมกับกันต์ได้แล้ว” ผมรู้สึกว่าแรงที่จับข้อมือผมจะน้อยลงเลยถือโอกาสกระชากให้หลุดจากการจับกุมแล้วใช้มือทั้งสองผลักให้ร่างสูงของคนตรงหน้าหลีกไปให้พ้นทาง  ร่างสูงที่ไม่ทันระวังตัวเลยเสียจังหวะ ผมรีบเดินแกมวิ่งอ้อมไปทางด้านหน้าทันที หลังจากหลุดพ้นจากร่างสูงมาได้ผมก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง พอไปถึงโต๊ะก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้ววางลงเสียงดัง ทำให้พวกเพื่อน ๆ มันหันมามองหน้า

“มึงไปเข้าห้องน้ำแล้วทำไมเดินกลับมาทางนี้” พี่พลถามพลางทำหน้าสงสัย

“ไม่มีอะไรพี่ เห็นว่ามีทางออกด้านหลังเลยออกไปสูดอากาศข้างนอกเฉย ๆ”

พูดจบก็คว้าเอาเหล้าแก้วใหม่มาดื่มอีก แล้วเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้พี่แกมาสนใจอะไรนัก แต่สายตาดันไปมองเห็นร่างสูงของไตรทศอีกด้านหนึ่งของโซนวีไอพี กำลังมองมาทางนี้เหมือนกันทั้ง ๆ ที่ข้างกายชายหนุ่มก็มีหญิงสาวที่ผมคาดว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ยืนกอดกันหน้าห้องน้ำเมื่อกี้นั่งอยู่จนแทบจะนั่งตักกัน

“มองอะไรวะ ไหน ๆ หือ..มองสาวโต๊ะนั้นเหรอไอ้ทาย สวยดีนี่หว่าแต่เขามีเจ้าของแล้วนะโว้ย ดูท่าจะเสร็จคนที่นั่งเกยกันอยู่นั่นแหล่ะ แต่ว่าทำไมผู้ชายถึงได้หน้าคุ้น ๆ วะ” ไอ้เอกมันมองตามสายตาผมแล้วไปหยุดอยู่ที่โต๊ะอีกฝั่ง ผมเห็นมันมองเลยเลิกสนใจแต่มันยังไม่ยอมหันกลับมาทำให้ทุกคนต้องให้ความสนใจกับโต๊ะนั้นอีกรอบ

“ไหนใครหน้าคุ้น ๆ  อ้าว..นั่นมันคุณไตรทศเพื่อนคุณภูไม่ใช่เหรอวะ โห สาวแจ่มฉิบเลยมึง มึงดู ๆ นมเป็นนม เอวเป็นเอว แต่อย่างว่าแหล่ะ นั่นหนุ่มหล่อ บ้านรวย  จะควงสาวสวยขนาดไหนก็คงมีมาให้เลือกเยอะแยะ” ไอ้เก่งพูดออกมาพลางจ้องไปที่ผู้หญิงตาแทบถลน

“อย่างพวกเราหาอีกกี่ชาติวะจะได้สาวสวยแบบนั้นมานอนข้าง” ไอ้เอกบ่นโดยที่ลืมมองว่ามือมันนะโอบเอวผู้หญิงที่มันไปคว้าเอามาได้จากโต๊ะข้าง ๆ โดนหญิงสาวมองค้อนพร้อมหยิกไปที่มือครั้งหนึ่งเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมาทันที ผมได้แต่ส่ายหน้าระอาใจกับพวกมัน
“แล้วมึงว่าตอนนี้คุณทศมองมาทางโต๊ะเราป่ะวะ” เสียงพี่พลดังขึ้นทำเอาพวกมันถึงกับเอะใจขึ้นมาอีกรอบ

“ผมก็มีความรู้สึกว่าเขามองมาเหมือนกันนะพี่ เขาจำพวกเราได้หรือเปล่า” ไอ้หินตอบพี่พลพลางพยักหน้าขึ้นลงหงึก ๆ

“เลิกมองแล้วหันมากันได้แล้ว เดี๋ยวเขาก็ว่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเขาหรอก” ผมว่าเสียงหงุดหงิดแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีกรอบ พวกมันเลยเลิกสนใจชายหนุ่มแล้วกลับมาคุยกันโวยวายเหมือนเดิม ซึ่งหางตาผมก็แค่เหลือบไปมองว่าอีกคนเลิกจ้องมาทางโต๊ะของผมหรือยัง แต่ผมยังรู้สึกได้ว่ายังคงมีสายตาคมเข้มจ้องมาตลอดเวลาแม้ว่าจะได้เวลาที่พวกผมจะกลับกันแล้วก็ตาม[/size]

******************************************************************

พักเบรคกัน มาติดตามชีวิตของอีกคู่กันดีกว่าเนอะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด