ตอน 23 เริ่มแผนของอีกบ้าน
เช้าวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่ผมคิดจะเริ่มแผนการในการจีบกันตพิชย์ ผมไปส่งน้องฟ้าตามปกติแต่ว่ากว่าผมกับลูกชายจะออกไปจากบ้านกัน ผมจอดรถรอให้กันตพิชย์ขับรถออกจากบ้านตัวเองเพื่อไปส่งหลานชายก่อนครับ เพราะว่าเมื่อชายหนุ่มส่งตุลย์เสร็จแล้วไปทำงาน ผมจะเข้าไปเจรจากับตุลย์ ไม่รู้ว่าตุลย์จะยอมช่วยหรือเปล่าแต่งานนี้ไม่ลองไม่รู้
เมื่อร่างโปร่งของกันตพิชย์ขับรถออกจากโรงเรียนหลังส่งหลานชายแล้ว ผมจึงเปิดประตูรถเพื่อจะพาน้องฟ้าไปห้องเรียนบ้าง ที่ห้องเรียนเห็นตุลย์นั่งอยู่ที่ประจำของตัวเองแล้วจึงเดินส่งน้องฟ้า ลูกชายผมเดินไปวางกระเป๋าพร้อมกับส่งเสียงทัก อีกฝ่ายก็หันมายิ้มรับ แล้วยกมือไหว้ผม
“อรุณสวัสดิ์ตุลย์”
“อรุณสวัสดิ์น้องฟ้า สวัสดีครับคุณลุง”
“สวัสดีตุลย์ ไงเรามาเช้าเชียวนะ” ผมส่งเสียงทักร่างอวบของเด็กชายออกไป
“ก็น้ากันต์ปลุกแต่เช้ามากครับ ตุลย์เลยต้องมาแต่เช้า นี่ยังง่วงอยู่เลย” พูดจบก็ปิดปากหาวไปด้วย
“คือว่าลุงมีเรื่องจะถามตุลย์สักหน่อย ตุลย์ออกไปคุยกับลุงข้างนอกก่อนได้ไหม” ผมเปิดประเด็นทันที ร่างอวบส่งสายตางงมาให้แต่ก็พยักหน้าให้ผมเป็นการตกลง ผมจึงได้เดินนำน้องฟ้าและตุลย์ออกมาข้างนอกที่มองหาโต๊ะที่ว่างพอจะนั่งคุยกันได้
“น้ากันต์ของตุลย์ตอนนี้คบกับใครอยู่หรือเปล่า” ตรงเกินไปไหมที่จะถามเด็กแบบนี้ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าถ้าเราอ้อมค้อมแล้วเราจะได้อะไร เอาแบบนี้แหล่ะ
“อืม....ไม่น่าจะมีนะครับ หรืออาจจะมีแต่ตุลย์ไม่รู้ คุณลุงถามทำไมเหรอ” ตุลย์ทำท่านึกอยู่สักครู่พลางมองหน้าผมแล้วตอบคำถามที่ผมถามออกไปกลับมา
“อ้าว ยังไงล่ะตุลย์ แล้วตุลย์เคยเห็นน้ากันต์ไปไหนกับใครหรือเปล่า หรือคุยโทรศัพท์นาน ๆ แบบอารมณ์ดี ยิ้มไปด้วยทำนองนี้อ่ะ”
“ถ้าเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ค่อยมีนะ อ้อ เคยมีคนโทรมาหาแล้วน้ากันต์คุยไปด้วยยิ้มกับหัวเราะออกมาด้วย แต่ตุลย์ไม่รู้หรอกนะว่าใครโทรหาไม่ได้ถามครับ แต่ถ้าเวลาที่น้ากันต์ทำงานตุลย์ไม่รู้หรอกนะ เพราะตุลย์มาโรงเรียน” เอาล่ะสิ แล้วกันตพิชย์คุยกับใคร แต่จะคุยกับใครก็ช่างสิ ผมว่าถ้าผมจะลองจีบชายหนุ่มดูผมก็น่าจะทำได้นะ ผมเริ่มคิดว่าจะเริ่มต้นคุยกับตุลย์ยังไงดีจึงได้แต่หันไปมองน้องฟ้าที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ ลูกชายจะไม่ช่วยพ่อสักหน่อยหรือไงครับ
“แล้วน้ากันต์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า”
“ไม่เคยมีหรอก น้ากันต์อยู่ช่วยงานที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปไหนแล้วน้ากันต์ไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไรครับ แต่ตุลย์ก็ไม่เคยเห็นน้ากันต์จีบผู้หญิงที่ไหนด้วยนะ”
“งั้นถ้าลุงจีบน้ากันต์ของตุลย์ล่ะ ตุลย์จะว่ายังไง” ผมส่งคำถามเด็ดไปทันที่ที่ตุลย์พูดจบ ดวงกลมโตของตุลย์เบิกกว้างจ้องผมตาไม่กระพริบเลย แถมอ้าปากค้างด้วย
“อะ ...อะไรนะ คุณลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ โอ มายก็อด” อ้าวไอ้เด็กอ้วนนี่ ตกใจอะไรแค่ผมบอกว่าจะจีบน้าชานตัวเองเท่านั้น
“ใช่ ลุงบอกว่าจะจีบน้ากันต์ของตุลย์ ฟังไม่ผิดหรอก แล้วลุงก็อยากให้ตุลย์ช่วยลุงด้วยได้หรือเปล่าครับ” ผมทวนคำถามให้ตุลย์ฟังอีกครั้ง ช้า ๆ ชัด ๆ คงฟังทันล่ะคราวนี้ ตาโต ๆ ยังไม่หายเบิกกว้าง เออ เด็กนี่หน้ากลมไม่พอยังทำท่าทางตลก ๆ ออกมาอีกด้วย
“จะดีเหรอคุณลุง น้ากันต์ดูจะไม่สนใจที่จะมีแฟนเลยนะครับ”
“เอาอย่างนี้ลุงถามตุลย์ว่า คิดยังไงกับลุง” ผมลองถามอีกคำถามให้ตุลย์คิดเกี่ยวกับผม แล้วผมก็นั่งกอดอกรอฟังคำตอบจากตุลย์
“หือ...คุณลุงนะเหรอ ตอนเจอกันแรก ๆ ตุลย์กลัวคุณลุงนะ ก็คุณลุงทำหน้าดุมาก ไม่ยอมให้ตุลย์เป็นเพื่อนกับน้องฟ้าด้วย” อ้าวผมเป็นแบบนั้นในสายตาเด็ก ๆ เหรอ ผมว่าผมก็ทำหน้าปกตินะไม่ได้ดุสักหน่อย
“ดุขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะเป็นยังไง”
“ตอนนี้ค่อยดีขึ้นหน่อยแล้ว ตุลย์ค่อยกล้าคุยด้วยนิดนึง คุณลุงทำไมจะจีบน้ากันต์ละครับ ชอบน้ากันต์เหรอ” ตุลย์ตอบมาพร้อมจบด้วยคำถามที่ถามผม
“ใช่ครับ ลุงว่าลุงเริ่มชอบน้ากันย์ของตุลย์ ลุงเลยอยากให้ตุลย์ช่วยลุงไง”
“ตุลย์รักน้ากันต์มากนะคุณลุงรู้ไหม เพราะว่าตุลย์ไม่มีใครแล้ว ตุลย์อยากให้น้ากันต์มีความสุขไม่อยากให้น้ากันต์ร้องไห้หรือเสียใจนะ”
“ลุงรู้ครับ แล้วลุงก็สัญญาว่าลุงจะรักน้ากันต์ไม่ให้น้อยไปว่าที่ตุลย์รักเลย” ผมยิ้มให้กับตุลย์ ตุลย์นั่งนิ่งไปสักพักใหญ่ ซึ่งนานทีเดียวกว่าที่ ตุลย์จะยื่นนิ้วก้อยป้อม ๆ มาให้ผม ผมมองดูแล้วก็ยื่นนิ้วของตัวเองไปเกี่ยวรัดกับนิ้วเล็ก ๆ นั้น รอยยิ้มของตุลย์ทำให้ผมยินดีว่าอย่างน้อยร่างเล็ก ๆ ชองหลานชายกันตพิชย์ก็ไม่ได้กีดกันผม
“แต่ตุลย์มีเงื่อนไข 3 ข้อนะครับ” เด็กตัวแค่นี้ยังจะมีเงื่อนไขอีก ไอ้ผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากฟังเงื่อนไขของอีกฝ่าย
“ว่ามาได้เลยตุลย์”
“ข้อ 1 ต้องพาตุลย์ไปทานไอศกรีมทุกวันอาทิตย์ ข้อ 2 ให้ตุลย์ไปหาน้องฟ้าได้ตลอดเวลา และข้อ 3 อย่าทำน้ากันต์เสียใจ” เงื่อนไขไม่ได้ยากเกินความสามารถของผมเลยสักนิด แต่มีข้อ 2 เท่านั้นที่คิ้วผมกระตุกเล็กน้อย สมองของนักบริหารอย่างผมทำงานอย่างรวดเร็วในการจะตกลงกับตุลย์
“ข้อ 1 ได้แต่ถ้าอาทิตย์ไหนลุงติดงาน ยกยอดไปวันอื่นนะ ข้อ 2 ไปเล่นด้วยกันได้แต่ต้องให้น้ากันต์ไปด้วย และข้อ 3 มันจะไม่มีวันนั้นเลยตุลย์ เป็นอันว่าเราตกลงเป็นหุ้นส่วนกันแล้วนะ”
พอตุลย์ได้ฟังทุกข้อเสนอที่ตนเองบอกมาให้ผมพร้อมกับที่ผมมีต่อท้ายอีกเล็กน้อย ร่างอ้วนก็นิ่งไปก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม ผมจึงหันไปมองน้องฟ้าก็เห็นน้องฟ้าที่ส่งยิ้มมาให้ผม
“งั้นอย่างแรกเลยนะ ลุงอยากให้ตุลย์คอยดูว่าน้ากันต์มีใครโทรมาหาหรือเข้ามาจีบ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ตุลย์ต้องมาบอกลุงให้หมดแล้วเรื่องอื่น ๆ ค่อยเป็นหน้าที่ของลุงเอง” ผมบอกตุลย์ไปไม่อยากใช้งานเด็กมากครับแค่คอยเป็นหูเป็นตาให้ผมก็พอเพราะผมไม่ได้อยู่กับกันตพิชย์ตลอดเวลาไม่รู้หรอกว่ามีคนโทรหาหรือคุยกับใครบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าตุลย์ช่วยสืบมาให้ ผมจะได้วางแผนต่อไปถูกว่าจะต้องทำยังไง
“ได้ครับแล้วตุลย์จะคอยดูให้” ตุลย์รับปากอย่างขันแข็งแต่ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องแบบไหนนะคงต้องรอดูกันไปก่อนสักเรื่องนั่นแหล่ะ
“งั้นเราสองคนเข้าห้องเรียนไปได้แล้วครับ เดี๋ยวพ่อเดินไปส่ง” ผมลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วจูงมือน้องฟ้าให้เดินไปทางห้องเรียน หลังจากส่งเด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินมาที่รถเพื่อจะขับไปทำงานต่อ ระหว่างที่เดินไปก็คิดไปพลางว่าอย่างน้อยตอนนี้ก็มีตุลย์เป็นพวก ส่วนเรื่องจะเดินหน้าจีบกันตพิชย์นั้นผมคงต้องคิดล่ะว่าจะเริ่มยังไงดี
ผมมาถึงที่ทำงานช้ากว่าปกติเล็กน้อยแต่ไม่ได้สายนะครับ เป็นเจ้านายถ้าจะมาสายก็คงไม่มีใครว่าหรอกแต่เพราะเป็นเจ้านายนี่แหล่ะเลยต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีนัดที่ไหนผมจะไม่มาสายเป็นอันขาด ระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะทำงานของกันตพิชย์ชายหนุ่มเงยหน้ามองผมนิดนึงก่อนจะก้มลงทำงานของตัวเองต่อโดยไม่สนใจผมไปมากกว่านั้น นี่ผมเป็นเจ้านายนะจะทักทายสักคำก็ไม่มี ผมเลยได้แต่เดินเลยเข้าห้องทำงาน
เช้าวันนี้ผมจำได้ว่าไม่มีนัดที่ไหนเลยต้องนั่งอยู่ที่บริษัทตั้งแต่เช้าจนเลิกงาน พอได้เวลาทำงานทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดเคร่งเครียดอีกครั้ง
RRRRRRR…. เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปรับ นริศราแจ้งว่าทีมทนายได้ส่งแฟ้มเอกสารเรื่องที่ดินที่จังหวัดน่านมาให้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะนำเข้ามาให้แล้วก็วางสายไป
เสียงเคาะประตูไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไรนักคงมีใครนำเอกสารมาให้นั่นแหล่ะ พอเสียงเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมจึงได้เงยหน้ามองพบว่ากันตพิชย์หอบแฟ้มสองสามเล่มมาให้มือเรียววางลงในตำแหน่งที่ยังว่างแต่ต้องขยับแฟ้มอีกกองให้ชิดกันเพื่อให้มีพื้นที่วางแฟ้มในมือของเจ้าตัวลงแทนที่
“นี่แฟ้มเอกสารซื้อขายที่ดินที่น่านครับ” ร่างโปร่งบอกออกมาก
“อืม ขอบใจมาก แล้วตอนบ่ายนายช่วยเรียกหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมกับฝ่ายออกแบบมาประชุมด้วยนะ บอกว่าโปรเจ็คด่วน” ผมสั่งงานร่างโปร่งอีกฝ่ายก็ได้แต่รับคำแล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อซึ่งผมก็ไม่ได้รั้งตัวเอาไว้ เพราะงานผมเต็มโต๊ะขนาดนี้ยังไม่มีเวลาที่จะจีบอีกฝ่ายหรอกนะครับ
เมื่อได้เวลาประชุมช่วงบ่ายผมก็เรียกกันตพิชย์เข้ามานำเอกสารไปที่ห้องประชุมเล็ก ร่างโปร่งเดินตามผมเข้าไปให้ห้องประชุม เมื่อเปิดเข้าไปก็พบหัวหน้าแผนกที่ผมเรียกให้เข้าประชุม พร้อมกับผู้ช่วยของแต่ละแผนกนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมจึงได้แต่เดินไปนั่งที่ตำแหน่งหัวโต๊ะด้านหน้า ส่วนกันตพิชย์นั่งอยู่ทางด้านขวามือของผม
“ที่ผมเรียกพวกคุณมา เพราะว่าผมมีโปรเจ็คใหม่ที่ค่อนข้างเร่ง เป็นโครงการรีสอร์ทที่จังหวัดน่าน ซึ่งผมได้ที่ดินผืนที่ต้องการมาแล้ว เดี๋ยวจะให้กันตพิชย์แจกเอกสารให้อ่าน นี่เป็นแค่เอกสารคร่าว ๆ โครงการนี้จะผมต้องการให้ออกแบบให้กลืนกับธรรมชาติมาที่สุด ไม่ทำลายต้นไม้ ถ้าจำเป็นให้ทำการย้ายต้นไม้แทนที่จะตัด ตัวโครงสร้างหลักจะมีอาคารหลักหลังใหญ่ แล้วก็มีบ้านพักหลังเล็กแต่ละหลังต้องห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว แล้วที่นี่ด้านหลังผมจะสร้างบ้านพักของผมหลังนึง บ้านหลังนี้รายละเอียดค่อยมาคุยกับผมทีหลังว่าผมต้องการแบบไหน”
“คุณภูมีเวลาให้พวกผมออกแบบนานเท่าไรครับ” หัวหน้าฝ่ายออกแบบถามขึ้นมาหลังจากที่ผมพูดจบ
“ทั้งหมดของโครงการผมให้เวลาพวกคุณออกแบบแค่ 5 เดือน รวมถึงการแก้ไขให้แล้วเสร็จด้วย จะให้คนเท่าไรก็โยกย้ายกันเอาเอง รายละเอียดของโครงการก็ตามที่เลขาผมแจกให้ไปนั่นแหล่ะ”
เสียงโอดครวญดังขึ้นมาทันทีที่ผมบอกระยะเวลาให้ทั้งสองทีม แต่ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ศักยภาพในการทำงานของลูกน้องผมว่ามีความสามารถ ไม่งั้นผมไม่กำหนดเวลาให้แบบนี้หรอก
“โห ... เวลากระชั้นมากเลยนะครับ พวกผมกินนอนอยู่ที่ออฟฟิศแน่แบบนี้” รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบซึ่งทำงานที่นี่มานานพูดขึ้นมา ระดับหัวหน้ากับรองหัวหน้าแผนกที่นี่มีประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ได้ตามความต้องการของผมแต่ผมรู้ว่าขอให้ได้บ่นสักหน่อยก็พอ
“แค่นี้พวกคุณทำได้อยู่แล้ว ตอนนี้มีไซท์งานที่กำลังจะเสร็จแล้วพวกคุณโยกคนมาช่วยงานได้นี่นา ทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้เลย แล้วมีปัญหาอะไรมาบอกผมได้เสมอ งานจะได้เดินหน้าไว ๆ ไม่สะดุด”
“งั้นผมจะค่อย ๆ ถอนคนจากโครงการบางโครงการให้เข้ามาช่วยที่ออฟฟิศแล้วกันนะครับ จะได้มีคนช่วยดูหลาย ๆ คนเพราะว่ามีหลายส่วนด้วยกัน” หัวหน้าแผนกวิศวกรรมเอ่ยออกมาบ้าง
“ได้ แล้วแต่พวกคุณเลย ถ้ามีอะไรก็ฝากเรื่องไว้ที่กันตพิชย์เดี๋ยวเขาจะช่วยเรื่องการประสานงานต่าง ๆ ให้พวกคุณทั้งหมด” ผมบอกรายละเอียดเรื่องคนประสานงานโครงการนี้โดยให้กันตพิชย์ทำหน้าที่หลัก
จากนั้นก็เป็นการพูดคุยในรายละเอียดที่ผมต้องการสำหรับโครงการใหม่แห่งนี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงการประชุมก็จบพร้อมกับทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคนต่อ ส่วนผมก็เดินกลับมายังห้องทำงานพร้อมกับกันตพิชย์ที่เดินตามมาด้วยเนื่องจากผมจะให้เจ้าตัวเป็นคนประสานงานโครงงานนี้เป็นหลัก
“เดี๋ยวโครงการนี้ฉันจะให้นายเป็นคนประสานงานทุกอย่างนะ มีความคืบหน้าก็ให้มารายงานฉัน รายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการนายเอาไปศึกษาให้ละเอียดนะ มีอะไรจะได้รู้เรื่อง”
“ครับ คุณภูมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมจะกลับไปทำงานที่เหลือต่อแล้ว” กันตพิชย์รับคำสั่งที่ผมบอกไปแล้วหอบเอาแฟ้มเอกสารที่เกี่ยวกับโครงการนี้มาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
“อ้อ เย็นนี้เดี๋ยวนายไปรับตุลย์แล้วแวะไปทานข้าวเย็นที่บ้านนะ น้องฟ้าชวนตุลย์ไว้แล้ว” ตัดปัญหาที่ปากบางกำลังจะอ้าปากปฏิเสธผม ใช้น้องฟ้ามาอ้างก็หมดปัญหาแล้ว
“ไม่ไปครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว แต่ผมจะให้ตุลย์ไปทานมือเย็นที่บ้านคุณภูเป็นเพื่อนน้องฟ้าแล้วกัน” กันตพิชย์บอกปัดไปอย่างไม่เหลือเยื่อใยแต่ยังจะส่งหลานชายไปที่บ้านผมคนเดียว
“ไปไหน กับใคร” ผมถามเสียงขุ่นเลยครับ รู้ว่าหน้าตาตอนนี้ของผมคงบึ้งตึง
“แล้วผมจะไปไหนเวลาหลังเลิกงาน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะครับ ไม่เกี่ยวกับคุณภู”
“ชั้นแค่เป็นห่วงมืด ๆ ค่ำ ๆ จะออกไปข้างนอกทำไมกัน”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้ แล้วตอนเย็นผมจะไปส่งตุลย์นะครับ ขอตัวไปทำงานก่อน” จบประโยคกันตพิชย์ก็หันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของผมโดยที่ผมห้ามไม่ได้ จะไปห้ามอะไรได้ไม่เคยฟังผมหรอกเรื่องดื้อ เรื่องเถียงเนี่ย เขาแหล่ะ
ตอนเย็นเสียงออดดังขึ้นพร้อมกับรถยนต์ของกันตพิชย์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อประตูเปิดออกรถยนต์คันนั้นก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมเดินตามหลังน้องฟ้าที่วิ่งไปรับตุลย์เรียบร้อยแล้ว รถจอดสนิทประตูด้านข้างคนขับก็เปิดออกพร้อมร่างอวบของตุลย์เดินลงมา ส่วนอีกด้านของคนขับร่างโปร่งของกันตพิชย์ก็โผล่ออกมาเหมือนกัน
“สวัสดีครับน้ากันต์ ทำไมน้ากันต์ไม่อยู่ทานข้าวกับฟ้าล่ะครับวันนี้” น้องฟ้าวิ่งไปหากันตพิชย์พร้อมเงยหน้าออดอ้อน ทำดีมากลูกชายอ้อนให้เยอะเผื่อจะเปลี่ยนใจอยู่ทานข้าวกับเรา
“สวัสดีครับน้องฟ้า ไหนมาหอมแก้มสิ ฟอด อืมหอมชื่นใจ น้ากันต์มีธุระครับ เอาไว้วันหลังเนอะ วันนี้ไม่ได้จริง ๆ น้ากันต์นัดไว้แล้ว” ร่างโปร่งของกันตพิชย์ย่อตัวลงมาหอมแก้มยุ้ย ๆ ของน้องฟ้า
“น้ากันต์สัญญาแล้วนะครับ ว่าจะมาทานข้าวกับฟ้าอีก”
“ครับ ๆ น้ากันต์สัญญา แต่วันนี้น้ากันต์ไปก่อนนะครับเดี๋ยวจะเลยเวลานัด” มือเรียวของกันตพิชย์ยื่นไปลูบแก้มน้องฟ้าเบา ๆ พร้อมกับลุกขึ้นแล้วดันร่างของน้องฟ้าให้มาหาผมที่ยืนรออยู่
“น้องฟ้ากับตุลย์เข้าไปในบ้านก่อนนะครับเดี๋ยวพ่อตามเข้าไปนะ” ผมหันไปบอกให้เด็ก ๆ เข้าไปข้างในบ้านแล้วก็หันมาหาร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์คันเล็ก กันตพิชย์ยืนมองมาทางผมที่เดินเข้าไปหา
“คุณภูมีอะไรครับ ผมจะรีบเดี๋ยวไปสายมันไม่ดี”
“นายจะไปที่ไหน บอกฉันให้รู้สักนิดไม่ได้หรือไง”
“ก็ไปทานอาหารธรรมดา ๆ แถวเลียบทางด่วนนี่แหล่ะ นัดกับรุ่นพี่ไว้ คงไม่กลับดึกหรอกครับ รบกวนฝากตุลย์ไว้หน่อยนะ เดี๋ยวผมกลับมารับน่าจะไม่เกิน 3 หรือ 4 ทุ่ม” กันตพิชย์ยอมบอกออกมาว่านัดกันไปที่ไหน
“ไปกับนายคนนั้นอีกแล้วเหรอ” เมื่อรู้ว่าไปกับใครผมก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ทำไมต้องไปกับหมอนั่นด้วย หรือมาคิดดูอีกทีกับใครก็ไม่อยากให้ไปทั้งนันแหล่ะ
“ก็รุ่นพี่ผมนัดทานข้าวก่อน คุณภูไม่บอกล่วงหน้านี่ครับ ไปก่อนนะเดี๋ยวรถติด” กันตพิชย์หันไปเปิดประตูรถยนต์ของตัวเอง
“ถ้าฉันบอกก่อนแล้วนายจะไม่รับนัดคนอื่นใช่ไหม” ผมรีบยื่นมือไปดันประตูที่อีกฝ่ายเปิดออกมาให้ปิดลงอีกครั้งทำให้ร่างโปร่งหันกลับมามองหน้าผม ผมจึงได้ขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ก้มลงสบตากลมแล้วถามอย่างที่ใจนึก
“เฮ้อ..ถ้าเรานัดกันก่อนผมก็ไม่รับนัดคนอื่นหรอกนะครับ”
“งั้นรีบไปรีบกลับนะฉันจะรอนาย แล้วอย่าเถลไถลออกนอกทางล่ะรู้ไหม ค่ำมืดมันอันตราย ขับรถระวัง ๆด้วย ฉันเป็นห่วง” แล้วผมก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มเบา ๆ
“เฮ้ย.. เอาอีกแล้วนะคุณภู ทำอะไรเนี่ย นี่มันนอกบ้านนะ เดี๋ยวคนอื่นจะมาเห็นมันไม่ดี” กันตพิชย์ยกมือตัวเองขึ้นมาถูแก้มตัวเองบริเวณที่ผมขโมยหอมแก้มลงไปนั่นแหล่ะ ยิ่งถูยิ่งแดงจะถูทำไมกัน ผมจึงยื่นมือไปจับข้อมือเรียวเอาไว้ไม่ให้ถูแก้มตัวเองอีก
“งั้นถ้าเป็นในบ้านแล้วไม่มีคนอื่นฉันทำได้ใช่ไหม แล้วนี่อย่าถูมันเป็นรอยแดงเดี๋ยวนายจะเจ็บ” ผมยิ้มใส่ตาของคนตรงหน้าแล้วดึงมือเรียวที่จับไว้มากดจูบลงไปเบา ๆ
“ตรงไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหล่ะ แล้วก็ปล่อยได้แล้วผมจะไปแล้วเสียเวลามากแล้วนะ” กันตพิชย์ใช้แรงดึงมือตัวเองกลับซึ่งผมก็ไม่ยื้อไว้อีกเดี๋ยวจะเลยเวลานัดของอีกฝ่าย ถอยห่างออกมาให้อีกฝ่ายเปิดประตูรถแล้วขับออกไปจากบ้านของผม ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อนแล้วกันแต่อย่าหวังว่าจะมีครั้งต่อไปเลย
พอรถยนต์ของกันตพิชย์ลับสายตาผมก็เดินเข้าไปหาเด็ก ๆ ในห้องทานอาหาร น้องฟ้ากับตุลย์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทำให้ผมต้องเดินไปนั่งที่ประจำพร้อมกับบอกให้ตักข้าวเพื่อที่เราจะได้ทานข้าวกันได้แล้ว
เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จเราก็ย้ายมานั่งย่อยอาหารกันที่หน้าทีวีห้องนั่งเล่น โดยที่น้องฟ้ากับตุลย์นั่งอยู่กับพรมท่ามกลางกองหมอนมากมาย ทั้งสองคนนั่งวาดรูประบายสีจนหัวจะชนกันอยู่แล้ว ส่วนผมก็นั่งดูข่าวไปเรื่อย ๆ เพื่อรอเวลาที่กันตพิชย์จะกลับ ตอนแรกก็มีเสียงเด็ก ๆ คุยกันอยู่หรอก แต่พอผ่านไปสักชั่วโมงผมมองมาก็พบว่าทั้งสองคนนอนหลับคาสมุดวาดรูปของแต่ละคนเรียบร้อยไปแล้ว นอนท่านี้จะเมื่อยเอาได้นะครับลูก
เอื้อมมือไปหยิบรีโมทมาเพื่อปิดทีวีแล้วชั่งใจว่าจะอุ้มใครไปนอนที่ห้องก่อนดี มองดูหน้าลูกที่หลับตาพริ้มอย่งสบายอารมณ์ ก็ต้องช้อนตัวน้องฟ้าขึ้นมาแบนอก ปล่อยให้ตุลย์นอนอยู่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยลงมาจัดการกับอีกคน
ร่างเล็ก ๆ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อผมสอดแขนเข้าไปอุ้มเจ้าตัว
“ชู่ว์ ๆๆ นอนครับลูก” ผมส่งเสียงเบา ๆ เป็นสัญญาณให้น้องฟ้านอนต่อในอ้อมแขนของผมพลางโยกเบา ๆ เพื่อกล่อมไม่ให้น้องตื่นขึ้นมา จากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังห้องนอนน้องฟ้าชั้นบน เดินไปที่เตียงกว้างของลูกชายแล้ววางน้องฟ้าลงบนที่นอนเบา ๆ ไม่อยากให้น้องตื่นพลางหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างน้อย ๆ พร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเล็ก ๆ นั่น
“ฝันดีครับลูกพ่อ”จากนั้นก็เดินลงมาเพื่ออุ้มอีกคนขึ้นไปนอน ตุลย์หนักกว่าน้องฟ้าแต่ผมก็ยังอุ้มได้แต่ถ้าเป็นกันตพิชย์ชายหนุ่มคงหนักน่าดู ผมจัดการวางร่างอวบลงข้าง ๆ ร่างน้อยของน้องฟ้าแล้วห่มผ้าให้ตุลย์ จากนั้นก้มลงจูบหน้าผากตุลย์เหมือนกับที่ทำกับน้องฟ้า ปิดไฟแล้วจึงเดินเข้าห้องตัวเองไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกันตพิชย์กลับมาจากข้างนอก
นอนอ่านหนังสือเล่นไปพลาง ๆ ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าก็ดิยินเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้านจึงวางหนังสือแล้วเดินลงไปข้างล่างพบว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ นึกว่าจะกลับดึกว่านี้ซะอีก” ผมทักกันตพิชย์พลางมองดูนาฬิกา 3 ทุ่มครึ่ง ก็ยังไม่ดึกเท่าไรแต่กลับมาเร็วก็ดีแล้วล่ะครับ
“ครับ ไม่อยากอยู่ดึกมาก กลัวว่าตุลย์จะรบกวนคุณภู แล้วนี่ตุลย์อยู่ไหนครับ” กันตพิชย์มองหาหลานชายร่างอวบของตนแต่จะคงไม่เห็นเลยถามหา
“เด็ก ๆ หลับกันหมดแล้วอยู่ข้างบนห้อง อย่าไปกวนเลยให้นอนที่นี่แหล่ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” กันตพิชย์ดูจะนิ่งไปกับคำตอบของผม
“ก็ได้ครับ งั้นผมกลับบ้านก่อนดีกว่าพรุ่งนี้จะมารับตุลย์แต่เช้าแล้วกัน” พูดจบก็หันหลังจะเดินออกไปทำให้ผมรีบเอื้อมมือไปฉุดแขนร่างโปร่งเอาไว้ กันตพิชย์หันมามองพลางทำหน้าสงสัย
“นอนนี่ได้ไหม ไม่ต้องกลับหรอกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ต้องตื่นแต่เช้ามารับตุลย์ วุ่นวายออก นอนนี่แหล่ะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า”
“จะนอนได้ยังไงครับ เสื้อผ้าผมก็ไม่มีเปลี่ยน ไปนอนที่บ้านแหล่ะดีแล้ว ตื่นเช้าไม่ลำบากหรอก” ยังไม่เลิกดื้อครับคนนี้
“เสื้อผ้าฉันเยอะแยะ เอาไปใส่ฉันไม่ว่าหรอก มานี่” ว่าแล้วก็จับแขนร่างโปร่งแน่นพลางเดินนำหน้ากึ่งลากกึ่งจูงขึ้นไปยังห้องนอนของผม กันตพิชย์ขืนตัวเอาไว้เล็กน้อย แต่สู้แรงผมไม่ได้หรอก ผมเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องนอนของตัวเอง กันตพิชย์ขืนตัวไว้สุดตัวเมื่อผมเปิดประตูแล้วมืออีกข้างของร่างโปร่งกลับไปเกี่ยวเอาขอบประตูไว้แน่น
“คุณภูปล่อยผม ผมจะกลับไปนอนบ้าน ที่บ้านไม่มีคนอยู่” กันตพิชย์พยายามอย่างยิ่งที่จะคว้าขอบประตูเอาไว้ ซึ่งผมไม่ยอมอยู่แล้วหันกลับมาใช้มือแกะนิ้วทั้ง 5 ของชายหนุ่มออก
“อย่าเสียงดังสิลูกนอนอยู่ เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาหรอก” ผมขู่ร่างโปร่งแล้วรวบตัวกันตพิชย์มาไว้ในอ้อมกอดแล้วปิดประตูห้องนอน ปากที่ตั้งท่าจะร้องปิดสนิทลงทันที
“ปล่อยก่อนสิครับ นอนนี่ก็ได้แต่ปล่อยผมก่อน” กันตพิชย์พูดเสียงเบาลงหน่อยคงกลัวเด็ก ๆ จะตื่นกันกลางดึก พอกันตพิชย์ไม่ได้ดิ้นผมก็เลยคลายอ้อมแขนแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูกับชุดนอนออกมา ชุดไหนก็เหมือนกันแหล่ะครับก็มันมีแต่ขนาดของผมใส่ทั้งนั้น ยังไงถ้าชายหนุ่มใส่มันก็ต้องหลวมอยู่แล้ว
“ไปอาบน้ำก่อน นี่ชุด แปรงสีฟันอันใหม่มีอยู่ในตู้ข้างกระจก” ยื่นทั้งหมดให้แล้วก็ดันร่างโปร่งให้เดินเข้าห้องน้ำไปส่วนผมเดินมานั่งอมยิ้มที่เตียง อารมณ์ดีขึ้นแล้วเพราะว่าหลอกล่อให้ชายหนุ่มนอนที่บ้านผมได้ แต่ก็ดื้อกว่าจะยอมต้องให้ใช้กำลังไม่น้อยนั่งรออยู่พักใหญ่กว่าที่กันตพิชย์จะออกมาจากห้องน้ำ ผมหันไปมองแล้วยิ้มเพราะดูชุดที่ใส่สิเหมือนเด็กเอาชุดพ่อมาใส่เลย
“ยิ้มอะไรครับ ตลกตรงไหน”
“หึหึ ..เปล่าตลกสักหน่อย นายใส่ชุดนี้ก็น่ารักดี ถึงกับต้องพับขากางเกงเลยเหรอ” ผมเลื่อนสายตาไปมองชายกางเกงที่โดนพับไว้
“ก็มันยาว คนบ้าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ใครใส่ก็ต้องพับกันทั้งนั้นแหล่ะ”
“มานอนได้แล้วดึกแล้ว” ได้ยินเสียงถอนหายใจจากร่างโปร่งแต่ก็เดินมาที่เตียงนอนที่ผมนั่งพิงหัวเตียงรออยู่ หือ...เข้ามาใกล้ ๆ ได้กลิ่นครีมอาบน้ำหอม ๆ จากกันตพิชย์ลอยมาแตะจมูกจนผมเผลอสูดเข้าปอดไปเอือกใหญ่
“ทำไมหอมกว่าปกติ เวลาฉันใช้ครีมอาบน้ำไม่เห็นจะหอมแบบนี้เลย”
“ขวดเดียวกันมันก็ต้องหอมเหมือนกันนั่นแหล่ะ ผมใช้มันจะไปหอมกว่าคุณภูใช้ได้ยังไงกันล่ะ”
“ไม่เหมือนจริง ๆ นะ ไหนมาพิสูจน์ใกล้ ๆ สิ” ว่าแล้วก็ดึงแขนเรียว ๆ เข้ามาใกล้ กันตพิชย์ไม่ทันระวังตัวเลยถลามาตามแรงดึงของผม
“โอ้ย!!! เล่นอะไรเนี่ยเจ็บนะครับเกิดพลาดไปแขนหักทำยังไง” หันมาถลึงตาใส่ผมพร้อมกับเสียงบ่นออกมาจากปากบางนั่น ผู้ชายอะไรบ่นดีจังวะ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกก้มลงไปดมใกล้ ๆ ซอกคอของกันตพิชย์
“หอมกว่าจริง ๆ ด้วย” พอผมก้มลงไปร่างโปร่งเกิดอาการตัวแข็งทันทีคงกลัวว่าถ้าดิ้นหรือขยับเพียงสักนิดเดียวจมูกของผมคงจะโดนตรงไหนของร่างกายตัวเองสักแห่งแน่นอน ซึ่งก็ทำให้ผมอมยิ้ม ก้มอยู่ท่านั้นนานทีเดียว ผมรู้สึกว่าที่บ่าผมมีสัมผัสจากมือบางอยู่แต่คงไม่กล้าผลักผมออกไปแค่ยั้ง ๆ ไม่ให้ผมได้ใกล้กว่านี้
“ไม่เล่นแบบนี้ครับถอยออกไปเลย ผมง่วงแล้วจะนอน” เสียงแหวดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผมนิ่งอยู่นาน
“โอเค ๆ นอนก็ได้” ผมเอื้อมมือไปปิดไฟที่โต๊ะข้าง ๆ หัวเตียง ร่างโปร่งล้มตัวลงนอนพลางดึงผ้าห่มมาถึงคอแล้วนอนหันหลังให้ผม ขยับหนีไปจนชิดขอบเตียงอีกฝั่ง จะตกไหมล่ะนั่น ตอนนี้ปล่อยให้เขานอนแบบนั้นไปก่อนครับเดียวหลับสนิทผมจะดึงให้มานอนซบผมนี่แหล่ะ ถ้าดึงมาตอนนี้นะมีหวังได้ตีกันตายก่อนจะได้นอน ก็เล่นดื้อขนาดนี้ดูก็รู้แล้วว่าไม่ยอมตามใจผมง่าย ๆ หรอกขอให้ได้เถียงไว้ก่อน
ผ่านไปไม่นานเกินรอ ผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอจากร่างโปร่งของกันตพิชย์ ทำให้ผมขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วพาดแขนข้างหนึ่งลงไปกับหมอนแล้วใช้ทั้งสองมือกอดพร้อมดึงร่างโปร่ง เข้ามาในอ้อมแขนเบา ๆ กันตพิชย์ขยับตัวเล็กน้อยคงเมื่อยนั่นแหล่ะ แต่พอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผมเต็มตัวก็พลิกตัวหันหน้าซุกเข้ามาหาอกผม หน้าผากขาวเนียนอยู่ในตำแหน่งปลายคางผมพอดี ผมได้แต่ก้มมองใบหน้าเนียนใกล้ ๆ ขยับใบหน้าออกห่างนิดหน่อยแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้วางให้หนุนเชยคางใบหน้าเนียนขึ้นมา ก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนกดแช่อยู่นานพร้อมสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ฝันดีครับน้ากันต์ของพี่” บอกกับร่างโปร่งพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ผมว่าวันนี้เป็นวันที่ผมคงนอนฝันดีในรอบหลายปีที่ผ่านมาแน่นอน พลางกระชับอ้อมแขนให้ชายหนุ่มเข้ามาให้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และรับรู้ถึงวงแขนของอีกคนที่วาดมาที่เอวของผม จึงได้แต่ก้มลงไปหอมกลุ่มผมของกันตพิชย์อีกรอบแล้วหลับตาลงพร้อมกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในหัวใจ
*********************************************************
กลับมาแล้วค่ะหลังจากงดอัพนิยาย เพราะแสดงความไว้อาลัย จากนี้ไปก้อขอฝากตัวอีกครั้งนะคะ