PART II บทที่ 22
อ้อมกอด
Sharp’s Part
“ก็กะว่าอีกวันสองวันก็คงกลับแหละครับแม่ ยังไงฝากงานอีกนิดนะครับแม่”จากตอนแรกที่กะว่าจะอยู่กรุงเทพฯ แค่สักระยะ เต็มที่อาจจะสักอาทิตย์นึง แต่นี่ก็กินเวลาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว และทีแรกก็ว่าจะกลับวันนี้แหละครับ แต่ไอ้เหมาโทรมานัดเสียก่อน ว่าปาร์ตี้ชวนไปดื่ม พูดถึงปาร์ตี้ผมก็ไม่ได้เจอหรือโทรไปถามไถ่ เค้าอีกเลยตั้งแต่วันที่ผมไปเยี่ยมแฟนเค้าที่โรงพยาบาลวันนั้น วันที่เกิดเรื่องราว จนส่งผลให้ผมอยู่กรุงเทพฯ หลายวันขนาดนี้
“เมื่อคืนมันยอดเยี่ยมมากเลยว่าไหม”ภาพในวันนั้นแวปเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง หลังจากที่กลิ้งบอกว่าผมและเค้ามีอะไรกัน เค้าก็เดินมานั่งลงที่ข้างๆ เตียงของผม ผมกำลังงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากจะยอมรับว่ามันคือเรื่องจริง เพราะผมจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ภาพถุงยางอนามัยใช้แล้ว ที่อยู่ก้นถังขยะพร้อมน้ำขาวขุ่นในนั้นที่ผมเหลือบเห็น มันคงยากที่จะปฏิเสธ จะว่ามันคือของกลิ้ง ผมก็ยังรู้สึกปกติที่ด้านหลังอยู่
“เราจำอะไรไม่ได้เลย”ผมบอกออกไปตามตรง และขยับตัวออกห่างจากเค้า ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง อยากจะคิดว่ามันก็แค่เซกส์ เซกส์ที่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทำไมในใจผมมันกลับรู้สึกแย่ไปหมดแบบนี้
“ถ้าชาร์ปจำไม่ได้ เราก็ลองใหม่อีกสักรอบไหมละ”ผมใช้มือดันตัวเค้าที่กำลังจะขยับเข้ามาหาผมเอาไว้ เพราะสภาพเราทั้งคู่ตอนนี้มันล่อแหลมเหลือเกิน แค่เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ตั้งใจผมก็รู้สึกแย่มากอยู่แล้ว ถ้าตอนนี้จะมีอะไรเลยเถิดอีก ผมคงยิ่งแย่กว่าเดิมเป็นแน่
“กลิ้งกลับไปก่อนได้ไหม”เค้าตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ผมย้ำอีกครั้ง ถึงจะเป็นคำพูดขอร้องแต่น้ำเสียงที่พูดออกไป ผมก็ไม่ได้กะว่าจะขอความเห็นจากเค้าหรอกนะครับ เค้าลุกไปใส่เสื้อผ้าแต่งตัวอย่างไม่ได้เต็มใจนัก ส่วนผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ผมไม่ได้หันไปมองกลิ้งหรือพูดคุยอะไรกับเค้าอีก ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าเค้ารู้สึกยังไง ขนาดตอนเค้าบอกว่าจะออกไปแล้วผมยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นพูดอะไรกับเค้า ผมเพียงโบกมือให้เห็นว่าให้เค้าออกไปเลย
ผมรู้ว่าดูเสียมารยาทแต่สภาพจิตใจผมตอนนี้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นผมคงโทษคนอื่นไม่ได้เพราะตัวผมเองที่ดื่มจนเมามายไม่ได้สติ ต่อให้เป็นใครก็ตามมาส่งผม มันคงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นถ้าผมไม่เมาขนาดนั้น และที่แย่ไปกว่านั้น ผมดันรู้สึกว่าผมกำลังนอกใจ แต่นอกใจใครล่ะในเมื่อผมเองก็ไม่ได้มีใคร หรือคบใครอยู่ มันอาจจะฟังดูตลก แต่ผมดันมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ มันเหมือนเราทำผิดต่อคนที่ตัวเองรัก จนเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“มึงยังมีชีวิตอยู่ไหมแว่น กูเนี่ยปวดหัวชิบ”ผมกดรับสายจากไอ้เหมาที่โทรเข้าพอดี ทีแรกว่าจะไม่รับแล้ว แต่ผมว่าถ้าจะปรึกษาใครเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ไอ้เหมาน่าจะเป็นคนที่รับฟังผมได้มากที่สุด
“ก็ยังไม่ตาย ว่าแต่เมื่อคืนทำไมกูกลับมากะเพื่อนได้ว่ะ”ผมลองหยั่งเชิงถามดู เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มบ้าง แต่คิดว่ากลิ้งคงกะไปรับผมตามที่ตกลงไว้ว่าจะไปกินข้าวนั่นแหละ ซึ่งก็จริงครับ แพทเล่าให้ไอ้เหมาฟังว่าเจอกลิ้งที่น่าบ้านพอดี และกลิ้งบอกว่านัดทานข้าวกับผมไว้ แต่พอเห็นสภาพผมกับไอ้เหมา กลิ้งเลยอาสาพาผมมาส่งบ้าน แพทเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่ากลิ้งบอกว่าเป็นเพื่อนที่ภูเก็ตของผม
“เย็นนี้มึงว่างไหม มาหากูที่บ้านหน่อยสิ”อธิบายทางโทรศัพท์อาจจะยังไม่เห็นภาพ และไม่เข้าใจความรู้สึกของผมทั้งหมดผมเลยเลือกที่จะขอให้ไอ้เหมามาหาที่บ้าน โดยมีข้อเสนอว่าจะเลี้ยงอาหาร เครื่องดื่ม ทั้งมันและแพท อยากกินอะไรจัดมาเลยแล้วค่อยมาเก็บตังค์ที่ผม หลังวางสายจากไอ้เหมา ด้วยความเพลียจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เลยทำให้ผมผลอยหลับไปอีกรอบ จริงๆ ส่วนหนึ่งก็ตั้งใจหลับด้วยแหละครับ เพราะไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว ผมหลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายครั้งจนใกล้เวลานัดกับไอ้เหมาผมถึงลุกอาบน้ำอาบท่า
ส่วนกลิ้งก็ยังคงโทรมา ทักผมมาทุกช่องทาง แต่ผมเลือกที่จะส่งข้อความถึงเค้าว่าขอเวลาผมสักพัก ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมคุยจริงๆ แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเพราะเค้าก็ยังจะพยายามติดต่อผมเหมือนเดิม ผมเลยวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนห้องนอน ปิดเสียงปิดสั่นทุกอย่างไว้
“สรุปมีเรื่องอะไรครับไอ้คุณแว่น”ทันทีที่ไอ้เหมามาถึงก็เปิดปากถามด้วยความสงสัยโดยไม่รอช้า แต่โดนแพทปรามๆ ไว้เลยได้แค่เข้ามากระซิบกระซาบผมด้วยความอยากรู้
“งั้นเดี๋ยวแพทเอาอาหารไปจัดใส่จานให้เรียบร้อยก่อนละกัน สองหนุ่มก็จิบเบียร์คุยกันไปก่อนนะ”เหมือนแพทจะอยากปล่อยให้ผมได้คุยกับไอ้เหมาสองคน ที่จริงผมก็ไม่ได้จะปิดแพทหรอกนะครับ เพราะนี่กลับบ้านไปเดี๋ยวไอ้เหมาก็คงเล่าให้แพทฟังอยู่ดี แต่บางเรื่องให้ผมเล่าต่อหน้าแพทมันก็ยังไงๆ อยู่แหละครับ ซึ่งจุดนี้แพทก็คงคิดคล้ายๆ ผมนั่นแหละ ถึงได้ขอปลีกตัวออกไป
ผมกับไอ้เหมาหยิบกระติกน้ำแข็ง แก้วเบียร์ เดินออกมานั่งที่ศาลาหน้าบ้าน ก่อนผมจะเริ่มเกริ่นอ้อมโลก เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดเรื่องนี้ที่ตรงจุดไหน
“มึงจะเริ่มได้ยังไอ้แว่น นี่มึงพูดอ้อมโลกขนาดนี้ เดี๋ยวแพทยกอาหารออกมา มึงก็จะไม่เล่าอีก หรือนี่แค่อยากเลี้ยงข้าวกูเฉยๆ”และไอ้เหมาคงสังเกตได้แหละครับ ว่าผมไม่ยอมพูดตรงๆ สักที
“กูพลาดมีอะไรกับคนที่รับกูมาส่งบ้านเมื่อคืน”ไอ้เหมาย่นคิ้วเข้าหากันทันทีที่ผมบอก
“เมาขนาดนั้น มึงยังบ๊ะ โอ บ๊ะ บะ ได้ด้วยเหรอว่ะ หรือเค้ารุกมึง”ผมง้างเท้าเตรียมถีบมันทันที พร้อมปฏิเสธว่าผมไม่ได้โดนใครรุกมาทั้งนั้นแหละ
“กูจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”ผมยกแก้วเบียร์กระดกก่อนจะเริ่มเล่าต่อว่าผมตื่นมาในสภาพไหน ยังไง ตามด้วยคำพูดของกลิ้งที่บอกกับผม รวมถึงความสัมพันธ์ของผมกับกลิ้งที่เคยเกิดขึ้นด้วย ว่าเป็นมายังไง
“นี่เค้ากะปล่อยท้องแล้วรวบหัวรวบหางมึงหรือเปล่าว่ะ”ไอ้นี่ก็เอาแต่พูดเล่นอยู่ได้ครับ
“แต่ที่ฟังมาเนี่ยกูว่าเค้าหลอกมึง มึงเมาขนาดนั้น จะไปทำไรใครได้ว่ะ อีกอย่างถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ มึงต้องจำได้สักนิดสักหน่อยสิวะ หรือตั้งแต่เกิดมาเนี่ยมึงเคยมีเซกส์ครั้งไหนที่จำอะไรไม่ได้เลยแบบครั้งนี้ไหม”มันก็จริงของไอ้เหมาอยู่นะครับ แต่มันดันมีหลักฐานคาตาผมนี่แหละครับ อีกอย่างอะไรที่เรายังไม่เคยเจอก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้
“มันมีหลักฐานในที่เกิดเหตุนี่สิมึง”ดูสิว่าถ้ามีถุงยางใช้แล้วอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยแบบนี้ อาจารย์เหมาของผมจะตีความไปทางไหนอีก
“แล้วมึงแน่ใจได้ยังไงว่าในถุงยางนั่นคือของจริง หรือของมึงหรือเปล่า มึงได้ตรวจสอบดูไหม นี่ยังอยู่หรือเปล่า”ใครจะไปบ้าทำอย่างที่มันพูดกันละครับ นี่ผมก็เก็บไปทิ้งเรียบร้อยแล้วด้วย
“โอเค สมมติว่ามึงได้กับเค้าแล้วจริงๆ ปัญหาหนักอกหนักใจของมึงคืออะไร ไหนเล่ามาสิ ว่าไอ้ขนาดลงทุนเลี้ยงข้าวเลี้ยงเบียร์กูขนาดนี้มันจะเครียดขนาดไหนกัน”ไอ้เหมาพูดมาซะขนาดนี้ ถ้าผมบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไปนี่มันต้องว่าผมปัญญาอ่อนแน่ๆ เลย
“ขอกูลองเดาหน่อยสิ จากที่เล่ามา กลัวโรคคงไม่ใช่เพราะมีถุงยาง ท้องก็ไม่ท้องแน่ๆ เสียใจที่โดนเปิดซิงก็คงไม่ใช่ หรือเค้าตื้อมึงให้รับผิดชอบ”ไอ้เหมาดีดนิ้ว เหมือนถูกรางวัลที่คิดออก แต่แล้วมันก็ว่าไม่ใช่อีกเพราะถ้าโดนตื้อผมไม่น่าจะเครียดอะไรขนาดนั้น
“เรื่องตื้อเค้าก็ตื้อแหละ แต่กูก็กะว่าคงต้องเคลียร์กับเค้าจริงๆ จังๆ อยู่เหมือนกัน ส่วนที่กูรู้สึกอยู่ตอนนี้คือรู้สึกผิด ผิดที่ไปมีอะไรกับคนอื่น”ผมไม่รู้จะใช้คำไหนอธิบายกับไอ้เหมาดีครับ
“มีอะไรกับคนอื่น มึงใช้คำว่าคนอื่น มึงมีแฟนเหรอแว่น พูดยังกะรู้สึกผิดที่นอกใจแฟน”ผมค่อยๆ พยักหน้า ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับแต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมดันรู้สึกแบบนั้น ไอ่เหมาแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผมอย่างชัดเจน
“กูจะด่ามึงว่าอะไรดี ไอ้บ้า ไอ้เพี้ยน ไอ้มโน กูคงไม่ต้องเดาใช่ไหมว่าแฟนมโนของมึงนี่ใคร”หลังจากวันนั้นผมแทบจะอยู่บ้านไอ้เหมาตลอดเลย เพราะกลิ้งดูจะไม่ฟังการปฏิเสธของผมเลย ว่าเรื่องระหว่างผมกับเค้ามันไปต่อไม่ได้ ผมว่าผมก็บอกชัดเจนไปแล้ว แต่พอเค้าไม่ฟังผมเลย มันเลยทำให้ผมเลือกหลบหน้าเค้า ซึ่งไม่ได้จะหลบไปตลอดนะครับ แค่เว้นระยะให้เค้าได้คิดทบทวนสักหน่อย ว่าสิ่งที่เค้ากำลังทำ เค้ามีความสุขแล้วเหรอ
จากทีแรกที่ว่าจะมาเก็บของที่บ้านแล้วบินกลับภูเก็ต พอไอ้เหมาบอกว่าปาร์ตี้ชวนดื่ม แผนเลยเปลี่ยน ผมมาถึงร้านเป็นคนแรก ร้านเดิมที่เคยเป็นร้านประจำของพวกเรา ที่แรกที่ผมได้ทำความรู้จักปาร์ตี้อย่างเป็นทางการ บรรยากาศเก่าๆ ฉายซ้ำเข้ามาเรียกรอยยิ้มจากผม เวลาผ่านไป ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปหมดจริงๆ จากครั้งนั้นผมเป็นแฟนกับชะเอม จนเลิกรา และผมเกินเลยกับปาร์ตี้ จนตอนนี้ เหมือนผมเหลือแค่ความว่างเปล่า
“มาเร็วเชียวนะมึง”ไอ้เหมาที่เดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับผมทักทายด้วยน้ำเสียงจงใจแซวหน่อยๆ ผมไม่ได้ตอบอะไรมันเพียงแค่พยักหน้าให้มันนิดนึง ไม่ค่อยมีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับมันสักเท่าไหร่ครับ
“แล้วนี่แฟนมโนมึงยังไม่มาอีกเหรอ”ไอ้นี่ก็ยังจะเล่นอีกนะครับเนี่ย ผมยังไม่ตอบอะไรมันเช่นเดิม แค่ส่ายหน้าหน่ายๆ ให้มัน ซึ่งดูไอ้เหมาเองก็ไม่ได้ใส่ใจผมสักเท่าไหร่หรอกครับ ดูมันจะสนใจการสั่งอาหารและเครื่องดื่มเสียมากกว่า
“นี่ก็ไม่พูดไม่จา เอางี้มาพนันกันดีกว่า”ผมเงยหน้ามองไอ้เหมา แต่สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวผมคือ การพนันระหว่างผมกับปาร์ตี้มากกว่า แถมมันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่นี่เสียด้วยนี่สิ
“ว่าไป”ผมบอกเป็นเชิงรับคำท้าจากไอ้เหมา แม้รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะมีดวงด้านนี้ แต่ไอ้การท้าพนันแบบนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเสีย มากมายหรอกครับ อย่างมากก็ต้องกลายเป็นเจ้าภาพมื้อนี้แค่นั้นแหละครับ สิ่งที่ไอ้เหมาจะพนันกับผม ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมเคยเล่นกับปาร์ตี้สักเท่าไหร่ เพราะมันแค่ให้เลือกว่า คนมาทีหลังอย่างปาร์ตี้จะเลือกนั่งข้างใคร โดยทำการโยนเหรียญหัวก้อยว่าใครจะได้เลือกก่อน จริงๆ ถ้าพนันแบบนี้ไม่ต้องเดาก็ตอบได้ครับ ว่ายังไงตี้เค้าก็เลือกนั่งข้างไอ้เหมาอยู่แล้ว เพราะแพทไม่ได้มาด้วย ผลการโยนหัวก้อย ไอ้เหมามีสิทธิ์เลือกก่อน
“จริงๆ แค่โยนหัวก้อยก็ตัดสินเลยไหม ยังไงเค้าก็นั่งข้างมึงอยู่ดี”ผมบอกกับไอ้เหมาอย่างเซ็งๆ เพราะคงแพ้พนันครั้งนี้แน่ๆ
“งั้นกูเลือกว่ามันจะนั่งข้างมึงก็ได้ไอ้แว่น ตกลงไหม”แม้จะรู้สึกว่ามันต้องเล่นตุกติกอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ผมก็เอาตามนั้นแหละครับ ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนิ แถมถ้าผมแพ้ก็หมายความว่าตี้ต้องเลือกนั่งข้างผม ถ้าชนะตามข้อตกลงก็ไม่ต้องจ่ายตังค์ในวันนี้
หลังเราตกลงกันไม่นานตี้ก็เดินเข้ามาในร้าน เค้ามองหาผมสองคนอยู่ครู่นึงก่อนจะเดินตรงมาที่พวกผมอยู่ และผมก็ต้องแปลกใจที่เค้านั่งลงข้างผม อย่างไม่ได้ลังเลอะไรเลย ไอ้เหมาหันมายักคิ้วให้ผม อย่างผู้มีชัย แต่ผมมั่นใจว่ามันเล่นไม่ซื่อแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรครับ ยังไงเสียผมก็ได้นั่งข้างๆ ปาร์ตี้
“มาด้วยกันแบบนี้คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ นี่นานแค่ไหนแล้วที่เรา 3 คนไม่ได้มาดื่มด้วยกันที่นี่”สิ่งที่ไอ้เหมาพูดขึ้นทำให้ทั้งผมและตี้หันมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ามีอาการประดักประเดิดเกิดขึ้นนิดหน่อย แน่ละครับมันคงไม่ใช่แค่ผมที่ดันนึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ได้ ตี้รีบรับแก้วเบียร์จากเด็กเสิร์ฟอย่างรวดเร็วก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด ดูเป็นการเริ่มต้นสังสรรค์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ผมยื่นเท้าลอดโต๊ะแอบยันไอ้ตัวต้นเหตุที่นั่งตรงข้ามอย่างเหลืออด คือผมเคยขอไอ้เหมาไว้แล้วว่ามันจะล้อจะประชดประชันผมเรื่องตี้ยังไงก็ได้ แต่กับตี้ขอให้มันพยายามเลี่ยงพูดอะไรที่ทำให้เค้านึกถึงเรื่องนี้ให้น้อยที่สุด
“กูจะรู้ไหมว่าประโยคธรรมดาแค่นี้จะไปจี้จุดมัน”นี่คือสิ่งที่ผมอ่านได้จากสายตาของไอ้เหมา ซึ่งจะว่าไปก็คงจริง ดูๆ แล้วหรือว่าตี้จะมีเรื่องอย่างอื่นในใจถึงได้รีบดื่มขนาดนี้
“งั้นเรามาเล่นเกมเหมือนเมื่อก่อนไหม”เป็นผมที่เสนอความเห็น เพราะเกมที่ว่าตี้มักเป็นคนชนะเสมอ เค้ารู้ชื่อเพลงมากมาย มากกว่าผมและไอ้เหมา และคนแพ้เกมจะเป็นคนที่ต้องดื่มหมดแก้ว ซึ่งนั่นแปลว่าเค้าจะไม่ได้โอกาสในการทำเหมือนแก้วรั่วแบบนี้อีกแล้ว
“มึงฝีมือตกไปนะเนี่ยไอ้ตี้”เหมือนผมจะคิดผิด เพราะต่อให้เค้าตอบชื่อเพลงได้ แต่เค้าเลือกที่จะไม่ตอบ หรือแกล้งตอบได้นิดหน่อย จริงๆ ผมควรจะเข้าใจตั้งแต่รู้ว่าเค้าชวนผมกับไอ้เหมามาดื่มแล้ว ว่ามันต้องมีเรื่องรบกวนจิตใจเค้า และมันคงเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย เค้าถึงยอมเลือกให้ผมมาด้วยแบบนี้ ทั้งที่ปกติแทบไม่อยากเจอผมเลย
“มีปัญหากับคุณอรรถเหรอ”ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาสักเท่าไหร่ เค้าถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกแล้ว
“ถ้ามึงอยากเล่า พวกกูสองคนก็พร้อมจะฟัง แต่ถ้ามึงแค่อยากเมา เรา 3 คนก็จะเมาหัวทิ่มไปด้วยกัน”คำพูดของไอ้เหมากูฟังดูไม่เลวเท่าไหร่ครับ แล้วตี้ก็เริ่มเล่า เค้าค่อนข้างจะมีหลายอย่างที่อยากระบาย และหนักที่สุดคือแฟนของเค้าขอแยกกันอยู่ เค้าเล่าไปฝืนยิ้มไป ผมรู้ว่ามันคงเป็นช่วงเวลาที่แย่สำหรับเค้ามากๆ
“เชื่อเราสิ ว่าคุณอรรถเค้าต้องจำตี้ได้”ผมคงทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นคำพูดผม คำพูดไอ้เหมา หรือใครก็ตามเถอะ ให้มาพูดกับเค้าตอนนี้เค้าก็คงไม่รู้สึกดีขึ้นมาหรอก แต่จริงๆ พอมาเจอเรื่องเค้าแบบนี้ไอ้เรื่องของผม ที่กังวลอยู่ เรื่องของหนุ่ยนั่นแหละครับ พอมาเทียบปัญหากับตี้ เรื่องผมดูจะจิ๊บจ๊อยไปเลย
“อืม...แล้วนี่แพทไม่มาแล้วเหรอ”เค้าดูจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองอยู่ แต่เรื่องที่เค้าเอามากลบนี่ทำให้ผมได้รู้ว่าทำไมเค้าเลือกนั่งลงข้างผมในวันนี้ เพราะไอ้คนยิ้มแหยๆ ตรงข้ามผมคงหลอกเค้าว่าวันนี้แพทจะมาด้วย แต่ช่างเถอะครับนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญแล้ว
ผมกับไอ้เหมาดูจะเป็นผู้ปลอบที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เป็นเพื่อนดื่มที่ค่อนข้างดี และนับว่าโชคดีที่วันนี้ไม่มีใครขับรถมาเองเลย ร้านใกล้ปิดเต็มทีและตอนนี้เราทั้ง 3 ก็เมาค่อนข้างหนักทีเดียว ผมรีบเคลียร์ค่าใช้จ่ายก่อนลากอีก 2 คนที่เหลือออกจากร้านมาเรียกแทกซี่ นับว่ายังมีดวงอยู่บ้างที่ไม่โดนแทกซี่ปฏิเสธ
ถ้าต้องรอนานมากไปกว่านี้คงไม่ดีแน่ ทีแรกก็กะว่าต่างคนต่างเรียกแทกซี่กลับ แต่ดูจากสภาพตอนนี้ ผมว่าคงต้องกลับคันเดียวกัน แถมพอขึ้นรถได้ไอ้เหมาก็เฝ้าพระอินทร์เป็นคนแรก พี่แทกซี่คงกำลังคิดในใจว่าพลาดแล้วที่รับพวกผม ไอ้เหมาที่ถูกจับยัดไว้เบาะหน้าหลับไปและเริ่มส่งเสียงคำราม ส่วนตี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างผมอาการก็ดูไม่สู้ดีนัก เหมือนพร้อมจ่ายค่าล้างอ้วกในรถให้พี่แทกซี่ตลอดเวลา ผมบอกทางไปบ้านตี้เป็นคนแรก ส่วนผมกะว่าคงต้องกลับไปค้างบ้านไอ้เหมาอีกรอบ
“ไหวหรือเปล่า”ผมปลุกเค้าเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านของเค้าแล้ว เค้างัวเงียลืมตาขึ้นอย่างงงๆ และขยับหัวออกจากไหล่ของผม ผมบอกกับพี่แทกซี่ว่าให้รอเดี๋ยวก่อนจะลงรถเดินตามตี้ที่กำลัง ยุ่งกับการหากุญแจบ้าน
“ให้ช่วยไหม”ความมีน้ำใจของผมถูกปฏิเสธกลับด้วยการชูกุญแจบ้านพร้อมยิ้มให้ผมดู
“ตี้”ผมเดินเข้าไปชิดเค้าอีกหน่อย และเค้าเองก็หยุดหันมามองผมด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวพอมันผ่านไป แล้วทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”ผมไม่รู้ว่าเค้าต้องการไหม แต่ผมอยากให้ ให้อ้อมกอดของผมส่งความห่วงใย และเป็นกำลังใจให้เค้า เค้ายืนนิ่งโดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าเค้ากำลังรู้สึกยังไง แต่สองแขนของผมก็ยังคงกอดเค้าไว้แน่นก่อนจะตบเบาๆ ที่ไหล่ของเค้าแล้วคลายอ้อมกอดนั้นออก
TBC
ขอบคุณที่ติดตามกันเช่นเคยนะคร๊าบ
มาลองเดาดูนะฮ่ะว่าจะจบยังไง