[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 100053 ครั้ง)

ออฟไลน์ onewanneverdie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมาต่อคับ พี่รู้ไหม ฉันเข้ามารออ่านทุกวันเลยนะ  :katai5:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ เป็นอะไรที่ชอบมากแนวนี้ อ่านไปหน่วงไป

วุ่นวายไปหมด ต้องตามมม!!

รีบมาต่อน้า

ออฟไลน์ onewanneverdie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอๆ เข้ามาดูทุกวัน อยากอ่านต่อแล้วิ :ling1: :ling1: คนเขียนไปไหนนนน 

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไอ่แว่น#ทำอะไรอยู่เหรอ#กลับไปแดกของเก่าไม่ต้องอาย#เล่ามาซะดีดี

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 11
ความเมา


Sharp’s Part
“เมายัง”เสียงกระซิบที่ข้างหู ที่ดูจะเรียกว่าเสียงตะโกนเสียมากกว่า ตอนนี้ผมกับกลิ้งอยู่ที่ผับแห่งนึง โดยกลิ้งเป็นคนเลือก ก็ไม่รู้ว่าจะมาเบียดเสียดแออัดกันทำไมในนี้ แถมคุยกันก็ไม่ได้ยิน ต้องตะโกนใส่หูกันไปกันมา และแน่นอนว่าผมเริ่มไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่แล้ว ตอนแรกที่ตัดสินใจมาดื่มต่อกับเค้าก็คิดว่าคงไปนั่งดื่มสบายๆ แต่เค้ากลับบอกว่าถ้าจะนั่งแบบนั้นก็นั่งร้านเดิม ไม่เห็นต้องย้ายเลย และสุดท้ายเค้าก็เลือกร้านนี้ เพื่อจะได้ครึกครื้นหน่อย

“เดี๋ยวออกไปสูบบุหรี่แปปนะ”ผมเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆ เค้าพร้อมตะโกนบอก แล้วก็เดินเบียดผู้คนที่กำลังขยับตามจังหวะเสียงเพลง ดูแต่ละคนที่มาที่นี่จะกำลังสนุกที่ได้ปลดปล่อยกับการดื่มจนเมาแล้วเต้นบ้าๆ บอ โดยไม่ต้องคิดอะไรอีก ด้วยความที่คนแน่นมากกว่าผมจะเบียดออกมาได้นี่แทบจะหายเมาเลยทีเดียว แต่จริงๆ ผมก็ยังไม่ได้เมาอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ทีแรก เข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำ เพราะเด็กเสิร์ฟบอกกับผมว่าสูบในห้องน้ำได้ พอเข้าไปจริงๆ นี่โอ้โห คือต่างคนต่างเข้ามาสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ควันบุหรี่ กลิ่นบุหรี่ที่ไม่มีทางจะระบายออก ก็ตลบอบอวลอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละครับ ถ้าใครไม่ชอบบุหรี่นี่คงเข้าห้องน้ำที่นี่ไม่ไหวแน่ๆ ขนาดผมเองเป็นคนสูบบุหรี่ เข้าไปยังแทบจะอ๊วกเพราะเมากลิ่นบุหรี่เลยครับ

“ฟู่”ผมพ่นลมหายใจออกอย่างโล่งอกหลังจากได้สูดอากาศข้างนอก จนเต็มปอด ผมเดินมาหยุดอยู่ที่บริเวณที่สูบบุหรี่ จุดบุหรี่ขึ้นสูบ แล้วก็เริ่มคิดว่านี่ผมมาทำอะไรที่นี่กันนะ นี่ถ้าผมชิ่งกลับก่อน จะดูเป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่า ผมมาเพราะแค่อยากมาดื่มกับเพื่อนเก่า หรือที่ผมมานี่เพื่อหวังอะไรบางอย่าง คำพูดของกลิ้ง ที่ชวนผมมานี่แม้จะไม่ได้บอกออกมาตรงๆ มันก็พอจะเดาออกว่าจะสื่อความหมายยังไง แล้วนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ แล้วอย่างนั้นหรือ

ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูโซเชี่ยลมีเดียว่าเพื่อนๆ ที่ผมรู้จักมีการอัพเดทอะไรกันบ้าง จริงๆ ก็เพื่อที่จะฆ่าเวลาเท่านั้น เพราะยังไม่อยากกลับเข้าไปเบียดเสียดกับคนข้างในนั้นอีก ผมกดเข้า facebook และเข้า timeline ของใครคนนึงด้วยความเคยชิน แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหว ใหม่ๆ อะไร แต่ผมก็ยังคงเลื่อนดูรูปของเค้า ซ้ำไปซ้ำมา ตอนแรกที่ผมรู้จักเค้า เค้าเป็นคนที่อัพเดทอะไรบ่อยพอสมควร แต่หลังๆ มานี้ดูเค้าไม่ค่อยจะโพสต์อะไรมากนัก ไม่รู้ว่าเพราะเค้ามีความสุขในชีวิตจริงจนไม่มีเวลาจะมาอัพเดทโลกโซเชียล หรือว่าเริ่มไม่อยากให้คนอื่นรับรู้เรื่องส่วนตัวกันแน่ คนอื่นนี่ก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ คงหมายถึงผมนี่แหละ

“ชาร์ป”เสียงของกลิ้งทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ ก่อนจะรีบปิดหน้าจอ เพราะกลิ้งเหมือนจะกำลังจ้องมองที่หน้าจอมือถือผม ว่าผมกำลังดูอะไรอยู่

“ตะกี้ดูอะไรอยู่อ่ะ”เค้าถามยิ้มๆ เหมือนกำลังจับผิดบางอย่างอยู่

“เปล่า”ผมไม่รู้ว่าเค้าทันได้มองเห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอมือถือของผมชัดขนาดไหน แต่ผมเลือกที่จะปฏิเสธไว้ก่อน เพราะไม่คิดจะให้เค้ารับรู้ถึงเรื่องราวของปาร์ตี้เท่าไหร่นัก

“หายมานานขนาดนี้นึกว่าหนีกลับไปแล้วเสียอีก”เค้าบอกสบายๆ พร้อมเดินเข้ามาขอบุหรี่จากผม จุดขึ้นสูบ สายตาเค้ายังคงจ้องมองผมโดยที่แววตาของเค้า มันบ่งบอกชัดเจนเหลือเกินว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่ แต่ผมยังคงแสร้งทำเหมือนไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าสื่อออกมามันคืออะไร

“ข้างในคนแน่น หายใจไม่ค่อยออกเลยออกมาพักข้างนอกนี่แหละ กำลังว่าจะเข้าไปพอดีเลย”แม้ใจจริงผมจะไม่อยากอยู่ต่อแล้ว แต่มันก็คงจะเสียมารยาทมากไปถ้าผมจะชิ่งกลับก่อนตอนนี้ เพราะงั้นเลยคิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเค้าอีกสักพักแล้วกัน กลิ้งเหมือนคิดนิดนึงก่อนจะคัดสินใจ

“กลับไหมล่ะ ดูชาร์ปไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่”สงสัยผมจะแสดงสีหน้าชัดเจนเกินไปว่าไม่ค่อยชอบที่นี่ แต่ก็ดีครับ เพราะจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากเข้าไปอยู่แล้ว ว่าแต่นี่ผมกับเค้าจะแยกย้ายกันแค่นี้งั้นเหรอ จากสายตาที่เค้าส่งมาอย่างไม่ปกปิดนั่น คืนนี้มันไม่น่าจะจบแค่นี้นี่นา แต่ความสงสัยของผมก็อยู่แค่ไม่นานเค้าเอ่ยประโยคถัดมา

“หรือไปกินต่อที่ห้องเราดี”รอยยิ้ม น้ำเสียง แววตา ทุกอย่างที่ส่งมา เค้าไม่มีการปกปิดเลยว่าต้องการอะไร จริงๆ ตั้งแต่ผมตัดสินใจมาดื่มต่อกับเค้า ผมก็รู้อยู่แล้วแหละครับ ว่าคืนนี้มันจะไปจบที่ไหน เพียงแต่ตอนนี้ ผมยังต้องการอย่างนั้นอยู่ไหม ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมเริ่มลังเล

“เอาดิ”ทั้งความเหงา และฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ผมเลือกที่จะตอบรับคำเชิญชวนนั้น กลิ้งยิ้มอย่างพึงพอใจ เพราะการตอบรับของผมมันก็คงทำให้เค้าตีความได้ว่ามันไม่ได้หมายถึงแค่การไปดื่มต่อที่ห้องพักของเค้า แต่มันทีความนัยแฝงมากกว่านั้น เราทั้งคู่ออกจากผับ และตรงไปยังโรงแรมที่เค้าพัก โดยไม่ลืมที่จะแวะซื้อเครื่องดื่มติดมาด้วย

พอถึงห้องพัก ผมสังเกตว่าห้องของเค้าน่าจะไม่ได้พักคนเดียว ซึ่งก็คงไม่แปลกเพราะเห็นเค้าก็มากับกลุ่มเพื่อน แต่ตอนนี้เพื่อนคนที่พักห้องนี้กับกลิ้ง คงโดนจัดแจงไปนอนห้องอื่นเรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเลือกนั่งลงที่โซฟาซึ่งวางอยู่มุมนึงของห้อง  แก้วเหล้าเพียวๆ 2 ใบที่เพิ่งรินเสร็จถูกยื่นให้ผมหนึ่งแก้ว และเค้าถือไว้อีกแก้ว เราต่างคนต่างยื่นแก้วมากระทบกันก่อนจะยกดื่มรวดเดียว

“ถามไรหน่อยดิ”เค้าเอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ผม พร้อมยื่นแก้วเหล้าให้ผมอีกรอบ มือข้างที่ไม่ได้ถือแก้วของเค้าวางลงที่ต้นขาของผม และเริ่มลูบไปมาเบาๆ เมื่อเห็นผมไม่ได้ปฏิเสธการสัมผัสจากเค้า รอยยิ้มของเค้าก็ยิ่งเพิ่มความพึงพอใจมากขึ้นไปอีก

“คุณหอมแดงกับ คนในรูปที่ชาร์ปดูที่หน้าผับนั่น คนเดียวกันใช่ไหม”ผมไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่เค้าเดาถูก แต่ผมก็ไม่ได้ยอมรับตรงๆ ผมเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย การไม่ปฏิเสธของผมก็คงทำให้อีกฝ่ายเข้าใจไปแล้วแหละว่าคนคนนั้นคือใคร

“และคงเป็นคนที่มีส่วนทำให้ชาร์ปต้องถอนหมั้นด้วยถูกไหม”เหมือนเป็นคำถามที่ไม่ได้จะต้องการคำตอบ เพราะพอจบประโยค เค้าก็ก้าวขึ้นมานั่งที่ตักของผม ใบหน้าของเค้าโน้มเค้ามาหาผมชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของทั้งผมและเค้า กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากลมหายใจของเราทั้งคู่ ส่งกลิ่นให้ได้รับรู้และกระตุ้นอารมณ์ที่อยู่ภายใน

นิ้วเรียวของเค้าถูกยกขึ้นมาเกลี่ยไปกับใบหน้าผม แว่นผมค่อยๆ ถูกถอดออกไปวางไว้ด้านข้าง ใบหน้าผมเงยขึ้นเล็กน้อยตามแรงมือของเค้าที่สอดดึงไปตามแนวไรผม ของผม ริมฝีปากของเค้าค่อยๆ เลื่อนลงมาหาผมที่ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเค้า ผมเปิดปากแล้วจูบตอบเค้าอย่างไม่ยอมแพ้ จะด้วยความเมา หรือความเหงาความเปล่าเปลี่ยนก็ไม่ทราบได้ มันทำให้ผมไม่ได้ปฏิเสธเค้า ทั้งที่ในใจยังคงมีความรู้สึกลังเลอยู่บ้าง

กระดุมเสื้อผมเริ่มถูกปลดทีละเม็ด ทีละเม็ด การไม่ได้เจอกันนานเวลามันทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปมากจริงๆ กลิ้งที่เมื่อก่อนจะเขินอายในการเป็นฝ่ายเริ่มอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้เค้ากลับดูช่ำชองเปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้ว เค้าผละจากตัวผมเพื่อถอดเสื้อของตัวเค้าเอง ก่อนจะกลับมาแลกลิ้นกับผมอีกครั้ง

ผมยอมรับว่ามันเป็นความรู้สึกหวาบหวามที่ผมห่างหายมานาน แต่ผมกลับไม่ได้นึกถึงคนตรงหน้านี่เลย ภาพของใครอีกคนซ้อนทับเข้ามา จนผมเริ่มรู้สึกลังเลที่จะให้เรื่องนี้ดำเนินต่อ ผมเริ่มนิ่งพยายามตั้งสติเพราะอารมณ์ของผมตอนนี้มันก็เริ่มจะกระเจิงไปแล้วเหมือนกัน ผมเริ่มขืนตัวและผลักอีกคนออกเบาๆ

“พอเถอะ”และผมก็พูดออกไปในที่สุด ผมทำไม่ได้ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเซกส์สำหรับผมมันคงแค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป แต่ตอนนี้ทั้งที่ผมก็ห่างหายมานาน และมีความต้องการเช่นกัน แต่ความรู้สึกของผมกลับต่อต้านกันเองอยู่ภายใน

“ทำไมล่ะในเมื่อ...”สายตาเค้าที่มองผม เหมือนไม่เชื่อในการปฏิเสธของผม มือของเค้ายังคงวนเวียนอยู่ที่แผงอกของผม และค่อยๆ ลากต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าท้อง จนผมต้องรีบดึงมือนั้นไว้ก่อนทุกอย่างมันจะถลำไปมากกว่านี้ กลิ้งจ้องมองผมด้วยแววตาไม่เข้าใจ

“เราเป็นเพื่อนกัน มันก็ไม่ควรจะเกินเลยไปมากกว่านี้”นี่คือสิ่งที่ผมควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ควรคิดตั้งแต่ก่อนที่จะเลยเถิดกับปาร์ตี้เสียด้วยซ้ำ ถ้าผมไม่ปล่อยให้อารมณ์กับความใคร่อยู่เหนือเหตุผล เรื่องทุกอย่างอาจจะไม่ได้ เลยมาถึงจุดนี้ ระหว่างผมกับปาร์ตี้เราก็คงยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่

“เมื่อก่อนเราก็เป็นเพื่อนกันเราก็ยังทำแบบนี้กันได้ ไม่เห็นชาร์ปจะมีปัญหาอะไรนิ”

“ตอนนี้ความคิด มุมมองของเรามันอาจจะเปลี่ยนไปมั้ง เมื่อก่อนเราอาจจะเคยคิดว่าเซกส์มันก็แค่คนสองคนที่มีความต้องการ หาความสุขร่วมกัน แต่พอเวลาผ่านไป เราก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า ถ้ามันเป็นเซกส์กับคนที่เราชอบ คนที่เราคบเป็นแฟน มันเป็นอะไรที่แตกต่าง และมันดีกว่ามาก”ถ้าจะเอาให้ชัดผมคงต้องบอกว่าการมีอะไรกับคนที่เรารัก มันต้องมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว ผมน่าจะเอะใจให้ได้ตั้งแต่ตอนที่มีความสัมพันธ์กับปาร์ตี้ ไม่งั้นป่านนี้ ผมก็ไม่ต้องมาเสียใจแบบนี้

“งั้นเรามาคบกันไหมละ”นี่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ผิดไป

“เราขอตัวกลับก่อนน่าจะดีกว่า”ผมไม่ได้ตอบอะไรเค้า หากแต่ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าอย่างลวกๆ เพื่อออกจากห้องนี้ก่อนที่เรื่องราวมันจะยุ่งยากไปมากกว่านี้ กลิ้งพยายามจะรั้งผมไว้ เค้าดูไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ แน่นอนว่าการที่ผมยอมมากับเค้าในคืนนี้มันก็เหมือนเป็นการตอบตกลงไปแล้วว่าคืนนี้มันจะต้องจบลงที่เตียงนอน แต่แล้วผมกลับมาปฏิเสธเอาในตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม

“ขอโทษนะ แต่เราทำไม่ได้จริงๆ”ผมกล่าวกับเค้าอีกครั้ง ก่อนจะหยิบแว่นที่ถูกถอดออกมาสวมและ ออกจากห้อง กลิ้งไม่ได้ตามมายื้อหรืออะไรผมอีก หวังว่าเค้าคงจะเข้าใจผม หรือถ้าเค้าจะโกรธ เกลียดผมอีกครั้ง ผมก็คงไปห้ามเค้าไม่ได้ ผมกดลิฟต์ลงจากชั้นที่อยู่ ตรงไปยังรถที่จอดอยู่ ผมสตาร์ทรถ หากแต่ยังไม่ได้ขับออกไป

ความว้าวุ่นในใจทำให้ผมยังนั่งจ้องมองโทรศัพท์อย่างตัดสินใจ เวลาที่ปรากฏบนหน้าจอตอนนี้เกือบจะตี 1 แล้ว ผมค่อยๆ เลื่อนหน้าจอเพื่อเปิดโปรแกรมแชทขึ้นมา เลื่อนหาชื่อคนที่ผมกำลังรู้สึกอยากคุยกับเค้า ใจจริงอยากจะโทรไปเสียด้วยซ้ำ แต่ดูเวลาแล้วไม่รู้ป่านนี้เค้านอนไปรึยัง หรือจะไปรบกวนเวลาของเค้ากับแฟนด้วยก็อาจเป็นไปได้อีก ขนาดข้อความที่จะพิมพ์หาเค้าผมยังพิมพ์แล้วลบ อยู่หลายรอบ ด้วยความไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นประโยคคุยกับเค้ายังไง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เค้าจะตอบหรือคุยกับผมหรือเปล่า

“นอนยัง”เป็นข้อความที่ผมว่าพอจะเปิดประเด็นได้ดีที่สุดในเวลานี้ ผมตัดสินใจส่งไปด้วยความหวังว่าเค้าจะยังไม่นอนและตอบกลับผม นี่ถ้าเวลาปกติผมคงไม่กล้าที่จะติดต่อเค้าแบบนี้ แต่นี่ผมเมา และผมถือว่ามันคงเป็นข้ออ้างที่เพียงพอที่จะทักทายเค้าด้วยข้อความ คนเมาสามารถทำอะไรในสิ่งที่คนปกติไม่ทำ และถ้ามีผลอะไรตามมาก็ใช้ความเมานี่แหละในการบอกว่าทำไปด้วยความขาดสติ ผมรู้ว่ามันฟังดูแย่ ดูนิสัยไม่ดี แต่ผมคิดถึงเค้า และผมยินดีที่จะลองเสี่ยงรับกับผลที่จะตามมา

ผมยิ้มกว้างเมื่อข้อความที่ผมส่งไป แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอ่านแล้ว แต่ไม่นานผมก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อเห็นว่าไม่มีวี่แววว่าข้อความจากอีกฝั่งจะตอบกลับมา ถ้าเค้าอ่านแสดงว่าคงยังไม่นอน คนที่นอนแล้วคงไม่ตื่นเพียงเพราะเสียงแจ้งเตือนจากข้อความแชทแน่นอน ผมตัดสินใจกดหาเบอร์โทรของเค้าก่อนจะกดโทรออก ถือว่าโชคดีที่แม้เค้าเหมือนจะไม่ได้อยากติดต่อกับผมตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่เค้าก็ไม่ได้ถึงขนาดบล็อคเบอร์หรือช่องทางการติดต่ออื่นๆ จากผม แม้จะคิดไว้ว่าเค้าอาจจะไม่รับสายจากผม แต่ในใจลึกๆ ก็ยังหวังว่าเค้าจะรับสายจากผม เสียงรอสายที่ดังในแต่ละวินาทีมันทำให้ผมลุ้นเสียยิ่งกว่าอะไร ภาวนาอย่าให้เค้ากดตัดสาย หรือสัญญาณตัดไปเฉยๆ

“มีอะไรหรือเปล่า”เค้ารับ เค้ายอมรับสายผม แถมฟังจากน้ำเสียงแล้วเค้าน่าจะยังไม่นอน แต่น้ำเสียงของเค้านิ่งเสียจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูกว่าตอนนี้เค้ารู้สึกยังไง แล้วประโยคทีเค้าถามผมนี่เหมือนบอกว่าถ้าไม่มีอะไรสำคัญโทรมาดึกขนาดนี้ผมอาจคอขาดได้

“ฮัลโหล ชาร์ป ได้ยินหรือเปล่า”ผมมัวแต่ตื่นเต้นที่เค้ายอมรับสาย จนพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น

“ได้ยินๆ เราโทรมารบกวนหรือเปล่า”ผมรีบบอกก่อนที่เค้าจะวางสายไปเสียก่อน

“ถ้าคิดว่ารบกวนแล้วจะโทรมาทำไม หรือถ้าเราบอกว่ารบกวนนี่จะวางไหมละ”โอ้โห สงสัยจะไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่แล้วมั้งเนี่ย แม้จะเผื่อใจมาแล้วนะครับว่าเค้าอาจจะไม่ได้อยากคุยกับผม เหมือนที่ผมอยากคุยกับเค้า แต่พอมาเจอสถานการณ์จริง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บเบาเบาครับ

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งวาง แล้วนี่ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอ”ผมยังคงพยายามคุยกับเค้าด้วยน้ำเสียงปกติ ทำเป็นไม่สนใจว่าเค้าไม่ได้อยากคุยกับผม แค่เค้ายอมรับสายผมนี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว ไม่รู้ว่าเค้ากลัวผมไปทำลายความสัมพันธ์ของเค้ากับแฟนหรือเปล่า แต่ถึงเค้าจะคิดแบบนั้นก็คงไม่แปลก เพราะคงไอ้ที่ผมทำอยู่ตอนนี้ เพื่อนที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน เค้าคงไม่ทำกัน

“ถ้านอนแล้วจะคุยได้ไหมละ”คงเป็นผมที่บ้าอยู่ฝ่ายเดียวแหละครับ ตอนนี้น้ำเสียงของเค้ามันเหมือนรำคาญผมเสียเต็มประดาเสียแล้ว แต่มีหรือที่คนเมาอย่างผมจะยอมละความพยายาม บอกแล้วครับว่าคนเมาทำได้ทุกอย่างแหละ ที่คนปกติเค้าไม่ทำกัน

“โห ถามแค่นี้ทำไมต้องทำเสียงดุด้วย แล้วนี่...แฟนตี้นอนหรือยัง”ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงขับรถไปบ้านเค้าแล้ว ไม่ต้องมาถามถึงคนอื่นแบบนี้ แต่ตอนนี้ต่อให้ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็คงไปหาเค้าไม่ได้ เพราะเค้าไม่ใช่คนโสดเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

“ไปเลี้ยงลูกค้า ยังไม่กลับเลย ตกลงโทรมาดึกขนาดนี้ มีอะไรหรือเปล่า”เค้าคงเริ่มรู้สึกแล้วว่าผมไม่ได้มีเรื่องราวสำคัญอะไรในการโทรมาหาเค้าตอนนี้ แต่ถ้าจะเอาคำตอบจริงๆ จากผม ผมก็พอจะมีให้นะครับ ว่าผมโทรหาเค้าทำไม

“คือเรา...เราแค่...”ผมอ้ำอึ้งเพราะรู้ว่ามันไม่สมควรพูดออกไป

“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ เราวางสายนะ”และเค้าคงจะหมดความอดทน ในการคุยกับผมแล้ว

“เราแค่คิดถึงตี้”คงต้องโทษความเมาที่ทำให้ผมพูดออกไปในที่สุด ผมรู้ว่ามันผิด รู้ว่าตอนนี้มันสายเกินไปที่จะทำแบบนี้ แต่ผมขอแค่วันนี้ ตอนนี้ให้ผมได้ทำในสิ่งที่ อาจไม่ได้ถูกต้องกับการที่มาคิดถึงคนมีเจ้าของแบบนี้

“ชาร์ป...เราบอกแล้วไง ว่าถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกันก็อย่าล้ำเส้นเราอีก”คงมีแค่คนเมาอย่างผมนี่แหละครับที่จะคิดหรือพูดในสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกไป ส่วนคนที่ยังมีสติดีอย่างปาร์ตี้ในตอนนี้ ที่จริงเค้าอาจไม่ได้คิดเรื่องถูกหรือผิด เพียงแต่เค้าคงไม่ได้รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกก็เท่านั้นเอง

“เราก็แค่คิดถึง แบบเพื่อน โทรหาแบบเพื่อน...ไม่ได้เหรอ”ผมยังคงตีมึนแถไปอย่างข้างๆ คูๆ ไม่เคยคิดว่าวันนึงผมจะกลายมาเป็นคนทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ คิดๆแล้ว ผมตอนนี้ก็คงไม่ได้ต่างจากคนที่พยายามเป็นชู้กับแฟนคนอื่น มันก็ตลกดีนะครับ ที่คนเคยโดนสวมเขาอย่างผม จากที่เคยโดนชะเอมทำไว้กับผม แล้วผมเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองโดนหลอก แต่สิ่งที่ผมทำตอนนี้มันแทบไม่ต่างกันเลยก็ว่าได้ ต่างก็เพียงอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยกับผม

“อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ ถือว่าเราขอร้อง”ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ เพราะอีกฝ่ายชิงวางสายไปแล้วเรียบร้อย ผมถอนหายใจอย่างนึกสมเพชตัวเอง จะโทรไปอีกครั้งก็คงไม่เหมาะแล้ว ผมเลยเลิกที่จะพิมพ์ข้อความส่งไปขอโทษเค้าแทน

“เราขอโทษ อย่าถือสาเลยนะ วันนี้เราคงดื่มหนักไปหน่อย”หลังจากส่งข้อความไปและคิดว่าเค้าคงไม่ตอบอะไรผมกลับมา ผมก็ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง กะว่าขอพักสายตาสักนิดแล้วค่อยขับรถกลับ

“ก๊อกๆ”เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นหลังจากที่ผมหลับตาลงแค่ไม่นาน และพอลืมตาขึ้นมาก็ต้องแปลกใจ กับสิ่งที่เห็น กลิ้งในชุดนอนที่สวมเสื้อคลุมทับอีกที ยืนรอให้ผมเลื่อนเปิดกระจกอยู่ข้างๆ รถ

“ทำไมยังอยู่นี่ละ”




TBC


ขอโต๊ดที่หายไปหลายวันนะคร๊าบบบ

แอบหนีไปเที่ยว แถมภารกิจก็เยอะคร๊าบช่วงนี้

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามนะคร๊าบบบ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เชื่อล่ะ
กลิ้ง..มันอยากโดนเยะจริงๆ

พี่แว่นจัดให้ซักดอกสองดอก
คิดซะว่าได้บุญ

#บุญเพิ่มคือความมันส์
 o13
ก๊ากกกกกกกก

ออฟไลน์ onewanneverdie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิกลิ้งยังลงมาตามอีก ชาร์ปจะเปลี่ยนใจขึ้นไปอีกมั๊ยเนี่ย :katai1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :เฮ้อ: ชาร์ปเอ๊ย.....จะขับรถไปก่อนแล้ว โทร ก็ได้  :เฮ้อ:
กลิ้ง ยิ่งอยากมีอะไรกับชาร์ป อยู่
อ่อยหนัก ขนาดขึ้นนั่งตักแล้ว
คราวนี้ติดหนึบ ไม่ปล่อยไปง่ายๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2016 03:54:34 โดย ทฟเืนสรฟ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
สนุกดี

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆ ชาร์ปโทรไปหาตี้ ตี้ก็คงจะคิดถึงชาร์ปบ้างล่ะ
รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 12
ตัดไม่ขาด



Sharp’s Part
“ชาร์ป...ชาร์ป...ลูก ทำไมมานอนตรงนี้”ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ พยายามปรับสายตาอย่างงงๆ ตอนนี้ผมนอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกที่บ้าน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง ขวดเหล้าและแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะถัดออกไป ทำให้ไม่ต้องสืบว่าสภาพที่เป็นอยู่ของผม มันเกิดจากอะไร

“เมาจนหลับตรงนี้สิเนี่ย มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านแม่ไม่เคยเห็นว่าเราดื่มหนักขนาดนี้นิ”แม่นั่งลงข้างๆ ผม มองมาที่ผมอย่างห่วงใย นี่ผมคงเป็นลูกที่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ อายุขนาดนี้แล้วยังต้องทำให้แม่เป็นห่วงอยู่อีก

“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะครับจะได้ออกไปดูงานด้วย”ถึงจะรู้ว่าผมโกหกแม่ไม่ได้ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธออกไปว่าไม่มีอะไร เพราะแม่ผมก็เป็นคนที่จะไม่เซ้าซี้อะไรมากมาย แม่จะรอให้ผมเป็นฝ่ายมาเล่าเองเสียมากกว่า ถึงจะเป็นห่วงผมแต่แม่เคยบอกว่าอยากให้ผมลองได้ตัดสินใจเองก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ อยากคุยอยากปรึกษา ค่อยมาคุยกับแม่อีกที

“ถ้าไม่ไหว ก็พักก่อนก็ได้นะ แม่เป็นห่วง งานนะมันเข้าที่เข้าทางแล้ว ปล่อยเด็กๆ ดูกันเองก็ได้ ส่วนเรานะเอาเวลาไปหาลูกสะใภ้ให้แม่จะดีกว่า”สุดท้ายก็วกกลับมาเรื่องนี้อีกจนได้ครับ ผมเลยต้องรีบลุกก่อนที่จะโดนลากไปเจอลูกสาวเพื่อนๆ แม่อีก แต่ผมคงหนีแบบนี้ได้อีกไม่นานแน่ๆ เพราะนี่เป็นเรื่องเดียวที่แม่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ผม และผมคงต้องหาจังหวะเปิดใจคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที

ผมกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง แต่ยังไม่ได้คิดจะอาบน้ำอย่างที่บอกกับแม่ ผมล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยทั้งกายและใจ การดื่มหนักมากจนเกินไปเมื่อคืนทำให้ตอนนี้ร่างกายผมเพิ่งฟื้นตัวไม่น่าจะเกิน 25% ผมว่าผมคงหลับไปยังไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ผมล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง เพื่อดูเวลา แต่สิ่งที่โชว์ที่หน้าจอ ทำให้ผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายที่ไม่ได้รับจากกลิ้ง 2 สาย โทรมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า ซึ่งคงเป็นช่วงที่ผมเพิ่งหลับไปไม่นาน นอกจากสายที่ไม่ได้รับแล้วก็ยังมีข้อความที่ส่งมาถึงผมอีกด้วย

“อย่าลืมคิดทบทวน เรื่องที่เราบอกเมื่อคืนนะ”ผมถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งนี่ผมไม่น่าให้เบอร์เค้าไปเลย ไม่ใช่ว่าจะไม่อยากติดต่ออะไรกันอีกนะครับ ในฐานะเพื่อนผมยังให้เค้าได้เสมอ แต่ในฐานะอื่นผมว่าผมก็บอกเค้าไปชัดเจนแล้ว ถึงอย่างนั้นจะไปโทษเค้าฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ในเมื่อผมเองก็ปล่อยให้อะไรมันเกิดขึ้นจนกลิ้งเองรู้สึกว่าน่าจะมีความหวังกับผม แม้เมื่อคืนเราสองคนไม่ได้เลยเถิดถึงขั้นมีอะไรกัน แต่ผมก็ยังจูบกับเค้าแม้จะปฏิเสธในตอนหลัง มันก็ยังพอมีน้ำหนักให้ตัวเค้าคิด

“ลงมาตั้งนาน แต่ยังอยู่ตรงนี้ชาร์ปจะให้เราตีความว่ายังไงดีเนี่ย”เหตุการณ์จากเมื่อคืนเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง หลังจากที่ผมลงมาจากห้องเค้า และวางสายจากปาร์ตี้กะจะพักสายตาสักหน่อยก่อนกลับ จู่ๆเค้าก็มาเคาะกระจกรถผม แล้วก็เดินอ้อมมาที่ประตูรถอีกฝั่งข้างคนขับ เปิดขึ้นมานั่งโดยไม่ได้รอคำอนุญาตใดๆ จากผม แต่ก็นั่นแหละครับผมพลาดเองที่ไม่ได้ล็อครถ

“กลับขึ้นไปพักที่ห้องเราก่อนไหม ดูแล้วชาร์ปจะขับรถกลับไม่ไหว”ผมหันมองหน้าเค้าที่จ้องผมพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม สายตาที่เค้ามองมาทำให้รู้ว่าเค้าไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ผมปฏิเสธก่อนที่จะออกมาจากห้องของเค้า ผมเหลือบตามองที่หน้าขาตัวเองทันทีที่รู้สึกได้ว่ามือของเค้ากำลังลูบเบาๆ ที่ขาของผม

“กลิ้ง”ผมเรียกชื่อเค้าเสียงเรียบ และจับข้อมือของเค้าไว้ให้หยุดในสิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ แต่เค้ากลับหัวเราะเบาๆ และส่งยิ้มมาให้ผมอย่างท้าทาย

“อย่าเพิ่งปฏิเสธเรา”นิ้วเรียวของเค้าถูกยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากผม เพื่อห้ามไม่ให้ผมพูดต่อ เหมือนจะรู้ได้ว่าผมกำลังจะบอกอะไรกับเค้า เค้าบอกกับผมต่อ ว่าก่อนที่จะปฏิเสธเค้า ขอให้เค้าได้พูดอะไรก่อนแล้วค่อยทบทวนดูอีกครั้ง ใจจริงผมอยากจะบอกเค้าว่า เค้าพูดอะไรมาก็คงไม่เปลี่ยนความตั้งใจผมแน่นอน แต่เพื่อเห็นแก่ความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีให้กันในตอนเด็ก ผมเลยปล่อยให้เค้าได้พูดในสิ่งที่เค้าต้องการก่อน

“วันนี้ จริงๆ เราดีใจมากนะที่ได้มาเจอชาร์ป แล้วก็ดีใจมากด้วยที่ชาร์ปตกลงมาดื่มต่อกับเรา”เค้าเริ่มพูดด้วยท่าทีที่ผมรู้สึกว่า กลิ้งคนเดิมในวัยเด็ก คนที่ผมเคยรู้จักได้กลับมาอีกครั้ง ผมนั่งเงียบรอฟังในสิ่งที่เค้าอยากจะบอก

“แล้วยิ่งรู้ว่าตอนนี้ชาร์ปไม่ได้มีใคร มันยิ่งสร้างความหวังบางอย่างให้กับเรา สิ่งที่เราจะพูดมันอาจจะดูน่าสมเพชนะ แต่เราก็ไม่สนหรอก ถ้ามันจะทำให้เราได้มีความสุข”คำพูดของเค้าสร้างความแปลกใจให้ผมอยู่ไม่น้อย เราไม่เจอกันมานานมาก แต่เค้าพูดเหมือนกับว่าเค้ายังมีความรู้สึกพิเศษให้กับผมอยู่ ทีแรกที่ผมเข้าใจคือเค้าต้องการมีความสัมพันธ์ทางกายกับผมเฉยๆ แค่นั้น ไม่ได้นึกว่าจะมีอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น

“เราเคยคบใครต่อหลายคน แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ยืนยาวอะไร เพราะเราไม่เคยลืม เรื่องระหว่าง เราสองคนได้เลย ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ เราคิดมาตลอดว่ามันคงไม่มีทางเป็น อย่างที่ตัวเองหวังได้ แต่พอมาเจอชาร์ปวันนี้ เราก็คิดนะว่าต่อให้เป็นแค่ คู่ขา
คู่นอน หรืออะไรก็ได้ที่ชาร์ปจะให้เราได้ เรายินดีทั้งนั้น วันนี้เราถึงได้แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นออกไป ว่าต้องการมีอะไรกับชาร์ป เผื่อว่าความสัมพันธ์ทางกายของเราที่เกิดขึ้น จะช่วยให้เราไปอยู่ในจุดที่ใกล้กับชาร์ปมากขึ้น”น้ำเสียงสั่นๆ ของเค้า ทำให้ผมเอื้อมมือไปบีบเบาๆ ที่ไหล่ของเค้า นี่การกระทำที่ไม่ทันคิดอะไรของผม ในตอนนั้น มันส่งผลต่อคนๆ นึงมากขนาดนี้ ผมเองแค่พอรู้สึกว่าไม่โอเคกับความสัมพันธ์ก็แค่หยุดไว้ แต่นี่อีกคนกลับฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้

“ฟังดูบ้าดีเนอะ”เค้าพูดพร้อมหัวเราะออกมา แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ดูไม่ได้มีความสุขเอาเสียเลย

“เราขอโทษ ถ้าเป็นเราคือสาเหตุให้กลิ้งต้องรู้สึกแบบนี้”ผมคงทำอะไร หรือพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผมไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรที่ผมพอจะทำได้เพื่อให้เค้าหลุดพ้นจากสิ่งที่เค้ายังฝังใจอยู่

“ถ้าอยากขอโทษเราจริงๆ ชาร์ปมาคบกับเราได้ไหมล่ะ”คำขอของเค้าคงเป็นสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน หากแต่ผมจะพูดยังไงให้เค้าเข้าใจ และไม่ทำให้เค้ารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป เสียงหัวเราะที่แสดงความเย้ยหยันในตัวเองของเค้าก็ดังขึ้น

“ไม่ได้สินะ ถ้าการคบเป็นแฟนมันสร้างความลำบากใจให้ชาร์ปมากเกินไป เราขอเป็นแค่ Sex friends ได้ไหมล่ะ”ผมนึกขำในโชคชะตา สิ่งที่กลิ้งเสนอมามันทำให้ผมนึกถึงปาร์ตี้ ที่เราเคยตกลงสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ท้ายที่สุดถ้าความสัมพันธ์แบบนี้จบลง มันอาจจะมีสักคนที่ต้องเจ็บ จากการที่คิดเกินเลย ผมกับกลิ้งในวัยเด็กก็ชัดเจนแล้วว่า กลิ้งยังฝังใจกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ถ้าเราจะมาสร้างความสัมพันธ์แบบเดิม มันก็คงจบไม่ต่างจากครั้งแรกของเราทั้งคู่ หรืออย่างจุดจบความสัมพันธ์ของผมกับปาร์ตี้ สุดท้ายมันก็ไม่ได้สวยงาม และผมเองก็ยังต้องอยู่กับความรู้สึกที่ดันคิดเกินเลยกับเค้า

“เราว่า...อย่าทำแบ...”คำพูดผมถูกห้ามโดยมือของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาปิดปากผม

“ถ้าชาร์ปไม่ได้มีใคร ก็อย่าเพิ่งปิดความหวังของเราเลย ลองเก็บเอาไปคิดดูอีกที”กลิ้งหันมายิ้มให้พร้อมก่อนจะเปิดประรถ ออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ผมอยากจะพูดออกไปตรงๆ ว่าผมคงให้เค้าเป๋นอย่างอื่นนอกเหนือจากเพื่อนไม่ได้แน่ๆ แต่ตอนนี้เค้าคงจะไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่ผมพูด นี่นอกจากปัญหาเดิมของผมแล้ว วันนี้ผมยังมาสร้างเรื่องราวให้กับคนอื่นอีกหรือเปล่าเนี่ย

ผมวางโทรศัพท์ลง และค่อยๆ ปิดเปลือกตา ไม่อยากที่จะคิดอะไรอีก ถ้าคนเราหลับไปแล้วตื่นมาสามารถเลือกได้ว่าไม่อยากจะจำอะไรก็คงจะดี หรือแต่ละวันเราสามารถตื่นมาเจอชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องสนใจเรื่องก่อนหน้านั้นก็คงจะดี ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น หากแต่ผมไม่ได้สนใจปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น จนเงียบเสียงไปเอง แต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่ละความพยายาม จนผมต้องควานมือหาโทรศัพท์ เพื่อหยิบมาดูว่าใครที่ต้องการติดต่อผม

“ไอ้เหมา”ผมขมวดคิ้ว แปลกใจกับชื่อคนที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ เพราะถึงแม้เราจะติดต่อพูดคุยกันเป็นประจำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผมที่เป็นคนโทรไปถามข่าวคราวของตี้เสียมากกว่า ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ไอ้เหมามักจะไม่ค่อยโทรมาหาผมสักเท่าไหร่ อีกอย่าง ในไลน์ เราก็มีการพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว

“รับช้าจังวะ ทำไรอยู่เนี่ยมึง”ทันทีที่ผมกดรับสาย ไอ้เหมาก็ส่งเสียงไม่พอใจมาตามสาย นี่มันไปหงุดหงิดอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย

“กูนอนอยู่เนี่ย มีอะไรก็ว่ามา”ผมตอบออกไปด้วยเสียงงัวเงีย ให้มันรับรู้ว่ากำลังรบกวนการพักผ่อนของผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้จริงจังหรอกนะครับ ดีเหมือนกันที่ไอ้เหมาโทรมาตอนนี้ ผมจะได้ระบายสิ่งที่กำลังกังวลอยู่ให้มันร่วมกังวลด้วย

“กูมีเรื่องอึดอัดใจวะ”

“หยุด มึงไม่ต้องพูดต่อ กูไม่อยากรับรู้ แค่เรื่องของกูเองก็เกินจะแก้ไขแล้ว มึงอย่าหาเรื่องให้กูต้องเครียดเพิ่มเลย”ผมแกล้งทำเสียงจริงจัง เหมือนจะไม่ยอมรับฟังมัน แต่จริงๆ ก็แค่อยากอำมันนั่นแหละครับ นานๆ ทีไอ้เหมาจะมีเรื่องให้เครียด นี่ตั้งแต่รู้จักมันมาก็เพิ่งเห็นเรื่องแพทนั่นแหละมั้งครับ ที่พอจะทำให้มันเครียดขึ้นมาบ้าง

“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้กูเล่า เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับไอ้ตี้”แหม ตั้งแต่รู้ความรู้สึกผมเนี่ย ดูไอ้เหมาทำตัวเป็นต่อ ถือไพ่เหนือผมตลอดเลยครับ

“ถ้าไม่ใช่เรื่องเค้าจะเลิกกับแฟนก็ไม่ต้องมาเล่า กูไม่อยากรู้”ผมแกล้งทำเสียงเรียบเหมือนไม่ได้สนใจ ทั้งที่จริงๆ ก็อยากรู้แหละครับว่ามีอะไรเกี่ยวกับปาร์ตี้ แต่เมื่อคืนที่ผมโทรไปหาเค้า ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่นา นอกจากที่เค้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากคุยกับผม

“เมื่อคืนกูเจอคุณอรรถเค้าไปดื่มกับแฟนเก่า ทีนี้จะฟังต่อไหม”สิ่งที่ได้ยินทำเอาผมหูผึ่ง เพราะเมื่อคืนที่ผมโทรไป เค้าบอกกับผมว่าแฟนเค้าไปเลี้ยงลูกค้านี่นา หรือว่าแฟนเก่าเค้าคือลูกค้า หรือว่าแฟนตี้มีเรื่องปิดบัง

“รีบว่ามาสิมึง”ผมเอ่ยปากเร่งอีกฝ่ายเมื่อเห็นมันยังเงียบไม่ยอมเล่าต่อว่าตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ไอ้เหมาเริ่มเล่าว่าตอนนี้ แฟนเก่าของคุณอรรถเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของตี้กับอรรถ เริ่มจากเข้ามาขออยู่ในบ้านด้วย จนตี้กับแฟนต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านตี้กันชั่วคราว แต่เห็นว่าตี้เองก็เป็นคนที่มีส่วนยินยอมให้แฟนเก่าคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้าน เพราะไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา

“แล้วมึงแน่ใจได้ยังไงว่า ตี้ยังไม่รู้เรื่องนี้”สิ่งที่ไอ้เหมาอึดอัดคือ อยากจะบอกเรื่องที่คุณอรรถไปดื่มกับแฟนเก่า ถึงแม้จริงๆ เค้าอาจจะแค่ไปดื่มกันไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่คุณอรรถทำไมต้องปิดปาร์ตี้ แน่นอนจากเมื่อคืนที่ผมโทรไปหาเค้า เค้าบอกว่าแฟนไปเลี้ยงลูกค้า แปลว่าแฟนเค้าโกหก แต่ในเมื่อแฟนเค้าเจอกับไอ้เหมาแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรที่จะไม่รีบบอกกับปาร์ตี้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

“กูลองเลียบๆ เคียงๆ ดูแล้วมันยังไม่รู้เว้ย กูยังแปลกใจว่าแฟนมันคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่บอก เพราะยังไงตี้ก็อาจจะรู้จากกูอยู่แล้ว”ไม่ว่าแฟนของตี้จะมีเหตุผลอะไร แต่เรื่องนี้ถ้าถามผมจากประสบการณ์โดยตรงของผมจากเรื่องชะเอม เรื่องนี้ไอ้เหมาควรบอกให้ตี้ได้รับรู้ ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะครับว่า ในส่วนลึกด้านมืดของจิตใจ ผมก็มีบางแวปที่อยากให้เค้าเลิกกัน เผื่อผมจะมีโอกาสขึ้นมาบ้าง แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ตี้เค้าต้องเสียใจจากการเลิกราใดๆ

“มึงจำที่มึงเคยพูดได้ไหม ว่าระหว่างเราสามคน จะไม่มีเรื่องปิดบังกัน นั่นแหละคำตอบที่มึงถามว่าควรเล่าให้ตี้ฟังไหม”ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ถ้าถามผม ผมว่าควรต้องบอกตี้ให้รับรู้เอาไว้ ถ้ามันมีอะไรจริงๆ ตี้จะได้รู้ทัน แต่ถ้ามันไม่ได้มีอะไรพอเคลียร์กันจบเค้าสองคนก็ยังคบกันต่อได้ตามปกติ ส่วนเรื่องจะกังวลว่าตี้จะหาว่าพวกผมใส่ร้ายแฟนเค้าไหมนี่ ผมว่าตี้ต้องเข้าใจสถานการณ์นี้อยู่แล้วเพราะระหว่าง ผม ไอ้เหมา และตี้ ผ่านสถานการณ์แบบนี้กันมา 2 รอบแล้ว เค้าน่าจะเข้าใจเจตนาของผมและไอ้เหมาดี

“แหมทำเป็นมายกคำพูดกู งั้นกูบอกมันด้วยเลยไหมว่ากูรู้แล้วว่ามึงสองคนเคยได้กัน”ผมชะงักไปนิดหน่อยกับสิ่งที่ไอ้เหมาพูดมา แม้มันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่ระหว่างผมกับเค้าเราเคยตกลงกันไว้แล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ถ้าเค้ารู้ว่าผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ไอ้เหมาฟัง เค้าคงไม่พอใจเป็นแน่

“อย่าเลย ไม่อยากให้เค้าลำบากใจมากไปกว่านี้”อีกอย่างถ้าเค้ารู้ว่าไอ้เหมามันรู้ทุกอย่าง ผมว่ามันคงมีความกระอักกระอ่วนกันไม่น้อยเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากัน เพราะงั้นผมว่าปล่อยให้เค้าเข้าใจว่าไอ้เหมายังไม่รู้นี่แหละครับน่าจะดีที่สุดแล้ว

“เออๆ กูแค่พูดไปงั้นแหละ ไม่ได้อยากจะให้ตี้มันเขว”คำว่าเขวของไอ้เหมานี่คือมันต้องการจะสื่อว่าอะไร หมายถึงถ้าไอ้เหมาไปบอกกับเค้าว่ารู้เรื่องที่เราเคยมีอะไรกัน และบอกความรู้สึกของผมที่มีต่อเค้าให้เค้าฟัง แล้วเค้าจะเกิดหวั่นไหวกับสิ่งที่ได้รับรู้อย่างงั้นเหรอ ผมว่ามันคงไม่ใช่เพราะการแสดงออกของเค้าก็ชัดเจนออกปานนั้นว่าเค้าก็รักแฟนเค้า และไม่ต้องการให้ผมไปใกล้เค้าเสียด้วยซ้ำ

“แต่เมื่อคืนกูโทรหาเค้า”ผมหลุดปากบอกออกไปเพราะก็อยากระบายเรื่องนี้กับใครสักคนเช่นกัน แล้วเรื่องระหว่างผมกับปาร์ตี้เนี่ย ผมแทบจะคุยกับใครไม่ได้เลย ที่พอจะมีให้เล่าพูดคุยได้ก็แค่ไอ้เหมากับแพทนี่แหละครับ

“อ้าว เชี่ยโทรไปทำไมวะ”น้ำเสียงไอ้เหมาเจือไปด้วยทั้งความแปลกใจ และเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่ได้รับฟังจากผม พอมันเป็นคนที่ผมสามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ มันเลยกลายเป็นว่าต้องทนฟังผม เวลาที่อยากระบายเรื่องนี้ตลอด แต่ทุกครั้งก็จะมีแต่คำสมเพช และสมน้ำหน้าให้กับผมเสมอ ถึงมันจะเป็นเพื่อนผมมันก็ไม่ได้เข้าข้างผมเลย  แต่มันกลับย้ำกับผมเสมอว่าคุณอรรถเหมาะกับปาร์ตี้มากกว่าผมในทุกด้าน

“กูก็แค่...คิดถึงเค้า”จริงๆ ต้องบอกว่าเพราะผมเมามากกว่า เรื่องคิดถึงนี่ผมก็คิดถึงเค้าตลอดแหละครับ เพียงแต่ว่าผมรู้ตัวว่าเค้ามีแฟน เลยไม่ได้วุ่นวายกับชีวิตของเค้า แต่พอสติสัมปชัญญะ มันหายไปความกล้าที่จะทำอะไรที่ไม่ควรทำมันก็จะมากขึ้น อย่างเช่นการโทรไปหาเค้าเนี่ยแหละครับ

“มึงนี่นา ไอ้แว่นเอ้ย”




TBC
มาช้าอีกแล้ว

ยังไงอย่าเพิ่งหายกันน้า

อยู่ด้วยกันก่อน

และก็ขอบคุณทุกคนที่ยังรอติดตามให้กำลังใจนะคร๊าบบ
 :bye2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยย แต่ละคน
เม้นไม่ถูกเลย ฮ่าาาาาา

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ฟังเพื่อนไม่จริงอยู่ มันโคตรเข้ากัน :katai2-1:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ตี้เลิกกับอรรถไวๆนะ มาหาแว่น เเว่นก็บอกแม่เร็วๆนะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชาร์ป คิดถึงแต่ตี้
แถมกลิ้งยังตามพัวพัน :katai1: :katai1: :katai1:
ที่แน่ๆ แก้ปัญหาเรื่องกลิ้งก่อน
ที่จะตามไปสานต่อกับตี้
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ชาร์ปกว่าจะรู้ใจตัวเองก็ผ่านไปเป็นปี
อรรถถ้าจะรีเทริ์นก็รีบเลย ตี้จะได้เป็นอิสระเสียที

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ผิดที่ใจโลเล

ปัจจุบัน อนาคต
ก็ยังเชื่อใจยาก

เสี่ยงสูงที่จะถูกเปลี่ยนใจ
กลับไปกลับมา
หุหุ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 13
วันครบรอบ




Aut’s Part
“เพื่อนตี้เล่าให้ฟังแล้วใช่ไหม”ผมเอ่ยถามถึงเหตุการณ์จากคืนก่อนที่เพื่อนของเค้าไปเจอผมกับหนุ่ยไปนั่งดื่มด้วยกัน แน่นอนว่าแม้ผมจะบอกว่าเป็นการไปดื่มตามประสาคนรู้จัก แต่ทีท่าของเพื่อนเค้าก็ยังมีความสงสัยและไม่เชื่อคำพูดของผมสักเท่าไหร่ แถมสิ่งที่ผมบอกกับตี้ไว้ในทีแรกก็เป็นการบอกว่าผมนั้นไปเลี้ยงลูกค้า ที่ผมเลือกจะโกหกเพราะไม่อยากจะต้องให้มีเรื่องมารบกวนความรู้สึกของเรามากขึ้นไปอีก แค่ที่มีอยู่ตอนนี้มันก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว

หลังจากที่ดื่มกับหนุ่ยจนลืมเวลา เพราะจากที่ร้านก็นั่งกันจนเกือบตี 2 พอออกจากร้านผมก็ขับรถมาส่งหนุ่ย ด้วยความที่ยังไม่อยากกลับเลยนั่งดื่มกันต่ออีกนิดหน่อย กว่าจะตัดสินใจกลับก็ปาเข้าไปตี 3 กว่าๆ แล้ว

“กลับดึกขนาดนี้ ก็อธิบายให้เค้าเข้าใจดีๆ ละ ยิ่งเพื่อนเค้าไปเจอเราไปกันสองต่อสองอีก เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่”หนุ่ยที่เดินออกมาส่งผม บอกกำชับอย่างเป็นห่วง ซึ่งจริงๆ ถึงแม้เค้าไม่พูดผมก็ตั้งใจว่าจะบอกอยู่แล้ว แต่สุดท้ายกว่าผมจะกลับถึงบ้าน ทั้งง่วงทั้งเพลีย ทั้งเมาอีกด้วย จะให้ผมปลุกเค้าขึ้นมาฟังสิ่งที่ผมอยากบอกก็คงไม่ใช่เวลา ผมเลยเลือกที่จะล้มตัวลงนอนข้างๆ เค้า แล้วเค้าเองก็เพียงงัวเงียรับรู้ว่าผมกลับมาแล้ว แค่นั้น พอตอนเช้า เค้าก็ออกจากบ้านไปก่อนที่ผมจะตื่น มันเลยทำให้ผมยังไม่ได้เล่าให้เค้าฟัง และผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเค้ารู้เรื่องนี้จากคนอื่นมาก่อน เค้าจะรู้สึกยังไง

จนถึงตอนนี้ เรามาอยู่กันที่ร้านเดิม ร้านที่ผมกับเค้าได้เป็นแฟนกันอย่างแท้จริง เมื่อปีก่อนผมมานั่งรอเค้าที่นี่จนร้านปิด และวันนี้ก็คือวันครบรอบ 1 ปีของเราสองคน แม้ผมจะยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างที่วันก่อนได้ยินเค้าหลุดปากเรียกชื่อคนอื่น แต่ผมก็ยังอยากให้วันนี้ของเรามันยังมีความพิเศษ ยังไงผมก็คือคนที่เค้าเลือก และเราก็อยู่ด้วยกันมาจนครบปีแล้ว สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในเวลากระชั้นชิดแบบนี้เลยได้เพียงจองโต๊ะร้านนี้กับซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าเท่านั้น ก็ได้แต่หวังว่าเค้าจะชอบและ ให้ผมมีพื้นที่ในใจเค้ามากขึ้น

“อรรถอยากเล่าไหม”เค้าพยักหน้าตอบรับในคำถามของผม ก่อนจะย้อนกลับมาด้วยคำถาม ผมไม่รู้ว่าเพื่อนเค้าเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนไหน วันนี้ทั้งวันเราก็เพิ่งจะมาเจอกัน ก่อนมาเค้าก็ยังพูดคุยทางโทรศัพท์กับผมตามปกติ จนถึงตอนนี้น้ำเสียง สีหน้าของเค้าก็ดูไม่ได้แสดงอะไรผิดสังเกตออกมา นี่ผมยังไม่รู้เลยว่า ถ้าผมไม่เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เค้าจะเอ่ยถามผมตรงๆ ไหม จะมีสักนิดหรือเปล่าที่เค้าจะหึงผมกับหนุ่ยที่เป็นแฟนเก่า

“ก็น่าจะไม่ได้ต่างจากที่เพื่อนของตี้เล่า อรรถไปนั่งดื่มกับหนุ่ยมา ตี้โกรธอรรถรึเปล่าล่ะ”ผมถามกลับไปเรียบๆ เช่นกัน วันครบรอบของเราทั้งทีกลับเริ่มต้นการฉลองด้วยเรื่องที่ดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศสักเท่าไหร่ อีกอย่างนี่เค้าก็คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนี้มีความพิเศษอะไร แต่เรื่องครบรอบผมไม่ค่อยซีเรียสที่เค้าจำไม่ได้สักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะปกติเค้าก็ไม่ค่อยจะจำวันพิเศษอะไรเลยสักอย่างอยู่แล้ว

“ไม่โกรธหรอก อรรถจะไปกับใครยังไง เราก็ยังมั่นใจว่าเชื่อใจอรรถได้ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดเราไม่บอกตรงๆ เราสองคนคบกันอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ มีเรื่องอะไรก็บอกกับเราตรงๆ ได้”ฟังจากน้ำเสียงที่พูดครั้งนี้ดูเหมือนเค้าก็คงมีความไม่พอใจอยู่บ้าง ถ้าให้ตีความจากสิ่งที่เค้าบอกแสดงว่าเค้าไม่ติดใจเรื่องที่ผมไปกับหนุ่ยแต่น่าจะเคืองในส่วนที่ผมไม่บอกเค้าตรงๆ นี่ผมควรเปิดใจคุยกับเค้าไปตรงๆ เลยดีไหมว่าผมกำลังน้อยใจอะไรเค้าอยู่ ถ้าผมพูดอะไรออกไป สิ่งที่ตั้งใจจะเซอร์ไพร์สเค้าในวันนี้ มันจะกร่อยไหม

“อรรถแค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”ตอนนี้ภายในใจผมเหมือนกำลังเลือกว่าจะพูดกับเค้าตรงๆ หรือปล่อยไว้อย่างนี้ กับเรื่องที่ผมรู้สึกว่าเค้ายังมีคุณแว่นอยู่ในใจ แม้ผมเองพอจะมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าถามออกไปมันอาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงชัดขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งผลมันก็อาจจะออกมาได้ทั้งดีและไม่ดี

“มันเป็นเรื่องที่เล่าให้เราฟังไม่ได้เหรอ”แม้จะไม่ได้เป็นคำถามที่คาดคั้น แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าเค้าเองก็คงรู้สึกนิดๆ แหละว่าทำไมผมถึงไม่บอกเค้า

“มันก็ไม่เชิงหรอก”ผมเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะคุยเรื่องนี้กับเค้าไหม ผลดีผลเสียจากการถามเรื่องนี้อะไรมันมีมากกว่ากัน หรือนี่มันจะเป็นจุดหักเหของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเค้า เราต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยสายตาที่ต่างมีคำถาม คำถามที่คงต้องมีสักคนที่ต้องตัดสินใจถามออกมาก่อน

“รู้ไหมทำไมวันนี้อรรถนัดมาที่นี่”แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเค้าคงจำไม่ได้ แต่ผมเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน ที่เอ่ยถามเค้านี่ก็แค่เกริ่นนำเข้าเรื่องเพียงเท่านั้นแหละครับ เค้าส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด

“เราสองคนตกลงคบกันที่ร้านนี้ จำได้ใช่ไหม”พอผมบอกออกไป เค้าเองก็เหมือนจะเริ่มนึกออกแล้วละครับว่าวันนี้มีอะไรพิเศษ การที่ผมยกประเด็นนี้ขี้นมาอาจจะช่วยกลบสิ่งที่เป็นคำถามของเราทั้งคู่ลงไปได้ แต่คงแค่ชั่วคราว

“วัน...ครบรอบเหรอ”น้ำเสียงและสีหน้าของเค้าฉายแววรู้สึกผิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมเลือกที่จะยิ้มกลับไปให้เค้ารับรู้ว่าไม่เป็นไรที่เค้าจำไม่ได้ ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปกุมมือเค้า บอกย้ำกับเค้าอีกครั้งว่าไม่เป็นไรที่เค้าจำไม่ได้ เพราะผมเองก็เพิ่งนึกได้เช่นกัน กล่องเล็กๆ ที่ผมซ่อนไว้ถูกหยิบขึ้นมาวางตรงหน้าเค้า

“สุขสันต์วันครบรอบนะ”ถึงแม้มันจะดูไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิดไว้ แต่ระยะเวลา 1 ปีมันก็อาจจะเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น การที่เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า มันคงต้องเจอกับอุปสรรคอีกมากเลยทีเดียว จากที่ตั้งแต่คบกันมาผมคิดมาตลอดว่าคู่ของเราก็มีความสุขกันดี แทบไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เพียงระยะเวลาไม่นานในช่วงนี้ บททดสอบกลับพร้อมใจกันพุ่งเข้าหาความสัมพันธ์ของเราสองคนจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน

“ขอโทษ”เค้ารับกล่องของขวัญไปอย่างรู้สึกผิด นี่การเซอร์ไพรส์เค้าอาจจะไม่ใช่วิธีที่เหมาะสักเท่าไหร่เสียแล้ว หรือที่วันนี้ของเราสองคนออกมาเหมือนไม่ได้เป็นวันพิเศษที่มีความสุข นี่เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของเราทั้งคู่ ผมเองก็ยอมรับแหละครับว่ามีบางแวปก็แอบคิดไปถึงขั้นว่าท้ายที่สุดแล้ว ระหว่างผมกับเค้ามันจะยืนยาวไปตลอดกรือเปล่า

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เปิดดูสิ ชอบรึเปล่า”ยังไงเสียผมก็คงยังไม่ถอดใจ คงทำให้ดีที่สุดในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ตี้เป็นคนแรกที่ผมคาดหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าจริงๆ คนอื่นๆ ที่ผมเคยคบผมก็จริงใจ เต็มที่กับทุกคนนะครับ เพียงแต่ทุกๆ ครั้งผมก็ยังเผื่อใจไว้ว่ามันอาจมีวันที่จบลง แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่ได้คิดเหมือนทุกครั้ง

“ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทั้งของขวัญ แล้วก็ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด 1 ปีนี้ ขอโทษอีกทีที่ไม่ได้มีอะไรมาให้”เค้าเปิดกล่อง ก่อนจะหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมาใส่โชว์ผม ที่ผมเลือกนาฬิกาเป็นของขวัญวันครบรอบให้เค้าก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ อย่างแรกคือเวลากระชั้นชิด และนี่ก็เป็นสิ่งที่เค้าชอบอยู่แล้ว ก็เลยได้นาฬิกามาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

“บอกแล้วไง ว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากหรอก”ดูจากสีหน้าแล้ว เค้าเองก็คงยังรู้สึกแย่อยู่บ้างที่กลายเป็นผมฝ่ายเดียวที่ทำอะไรให้เค้าแบบนี้ ผมเลยต้องย้ำกับเค้าอีกครั้ง เพื่อไม่อยากให้เค้าต้องกังวล แล้วก็พยายามเปลี่ยนประเด็นให้เค้าสนใจกับอาหารตรงหน้าที่เพิ่งมาเสิร์ฟจะดีกว่า เพราะตอนนี้อาหารที่เราสองคนสั่งไปก็เริ่มทยอยออกมาเรียงรายที่โต๊ะ เกือบครบแล้ว อาหารแต่ละอย่างก็เป็นของโปรดเค้าแทบทั้งนั้นแหละครับ วันพิเศษทั้งทีก็อยากเห็นเค้ามีความสุข ทานอะไรที่เค้าชอบ ส่วนผมเองแค่เห็นเค้าชอบผมก็มีความสุขแล้วครับ นี่สินะที่เคยมีคนบอก ว่าการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขตามไปด้วย

“ไม่ได้หรอก เอางี้อรรถอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวเราจัดให้”ผมนั่งยิ้ม มองเค้า ความรู้สึกกังวล น้อยใจที่เคยเกิดขึ้นค่อยๆ จางหายไป แบบนี้มันก็ดีอยู่แล้วแหละ ผมเคยมีความสุขที่ได้มีเค้าเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่ได้รู้จัก ได้จีบเค้า จนเค้าปฏิเสธและรับรู้ว่าเค้ามีคนอื่นในใจ แต่มันก็เป็นผมเองที่เลือกจะยังอยู่ข้างๆ เค้า จนสุดท้ายเค้าเลือกที่จะมาอยู่เคียงข้างผม มันก็ควรเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ

“ตี้ให้อะไรมา อรรถก็ชอบหมดแหละ”ผมฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม อดีตที่อยู่ในใจเค้าจะให้มันลบหายไปจนหมดอาจต้องใช้เวลา แล้วถ้าเวลาที่เค้าต้องใช้ในการลืมอดีต มันจะยาวนานแต่เค้าเลือกที่จะให้ผมรอไปข้างๆ เค้า มันก็อาจจะเพียงพอแล้วก็เป็นได้

“อรรถ ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาสำหรับเราอรรถเป็นแฟนที่ดีมาก แต่ไม่รู้ว่าสำหรับอรรถเราดีพอหรือยัง”ผมส่ายหน้ายิ้มๆ คือผมเองก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรนักหรอกครับ และสำหรับผม เค้าเองตั้งแต่คบกันมาเค้าก็ดีกับผมเช่นกันนั่นแหละ มันก็มีบ้างเล็กๆ น้อยที่เราต่างอาจเห็นไม่ตรงกัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ทานข้าวดีกว่าจะได้รีบกลับไปฉลองต่อที่บ้าน”ผมส่งสายตายที่แฝงความนัยไปให้เค้า จนเค้าต้องเอื้อมมือมาตีมือผม เบาๆ ก่อนเราจะขำออกมาเบาๆ ด้วยกันทั้งคู่ แบบนี้สิค่อยเหมาะกับบรรยากาศฉลองวันครบรอบของเราสองคนหน่อย เราต่างฝ่ายต่างแย่งกันตักอาหารใส่จานของอีกฝ่าย บรรยากาศกำลังดี จนผมเองเกือบจะลืมเรื่องที่คลางแคลงใจไปแล้ว ถ้าเกิดว่าอยู่ๆ เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมสนทนาของเค้า ดังขึ้นมา

ด้วยความที่โทรศัพท์มือถือของเค้า วางอยู่ด้านข้างเค้าบนโต๊ะที่เรานั่ง สายตาผมดันมองไปที่หน้าจอพอดี แม้ผมจะไม่สามารถอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาได้ เพราะมองจากฝั่งผมมันเป็นการมองหน้าจอแบบกลับหัว หากแต่ว่าผมกับเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชื่อของคนที่ส่งข้อความถึงเค้าคือใคร

“Sharp” นั่นคือชื่อที่ผมเห็นโชว์อยู่บนหน้าจอของเค้า
 
ผมเงยหน้ามองเค้า และก็เห็นว่าเค้าก็หันมองผมอยู่เช่นกัน แน่นอนว่าเค้าคงเห็นแล้วว่าผมลากสายตามาจากไหน ผมเพียงส่งยิ้มบางๆ ให้กับเค้าโดยไม่ได้พูดอะไร จากที่ผมแทบจะไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว แต่ทำไมผมยังต้องมารับรู้อะไรเพิ่มอีก การที่ได้ยินเค้าหลุดเรียกชื่ออีกคน แม้ผมจะไม่ได้รู้สึกดี แต่ก็ยังพยายามทำใจได้ว่า มันก็แค่อดีต แต่ครั้งนี้จะไม่ให้ผมคิดอะไรเลยมันก็คงไม่ใช่ นี่มันวันครบรอบของเรา แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง เค้ายังติดต่อกันอยู่งั้นเหรอ แล้วในฐานะอะไรล่ะ เพื่อนงั้นเหรอ

โอเคมันอาจจะเป็นไปได้ที่คนสองคน เคยมีความสัมพันธ์กัน และจากกันไปแล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ หรืออย่างผมเองกับหนุ่ยเราเคยเป็นแฟนกัน เลิกรากันไป แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่ระหว่างตี้กับคุณแว่น สำหรับคุณแว่นนั่นผมคงไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไร ยังไงกับตี้ แต่ตี้เองการที่ผมเพิ่งได้ยินเค้าหลุดเรียกชื่อคุณแว่นออกมา เมื่อไม่กี่วันนี่เอง จะให้ผมเชื่อว่าเค้าจะคุยกันแบบเพื่อนได้อย่างสนิทใจ
มันคงทำใจให้เชื่อได้ยากอยู่เหมือนกัน

“คือ...”เค้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็อ้ำอึ้งแล้วก็เงียบไป ไม่รู้ว่าเค้าคิดว่าผมเห็นชื่อคนที่ส่งข้อความมาแล้วหรือยัง แถมตอนนี้เหมือนข้อความจะเด้งเข้ามาอีก 2-3 ครั้ง เค้าทำหน้าลำบากใจ พร้อมกับกดปิดหน้าจอโดยไม่ได้เปิดอ่านหรือมีทีท่าว่าจะตอบกลับข้อความนั่น ใจนึงผมก็อยากเอ่ยถามไปตรงๆ ว่าเค้ากับคุณแว่นมีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน

“มีอะไร...ที่อยากจะบอกกับอรรถหรือเปล่า”ผมยังบอกกับเค้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม แต่มันอาจจะเป็นยิ้มที่ดูฝืนๆ ถ้าผมยังเป็นคนที่เค้าเลือกก็ขอแค่ให้เค้าพูดออกมา พูดอะไรก็ได้ให้ผมเข้าใจว่าผมยังเป็นคนที่เค้ายังอยากจะเดินเคียงข้าง ต่อให้มันจะเป็นคำโกหกผมก็อาจจะยังยินดี เพราะพอมาถึงตอนนี้ถ้าเค้าเลือกการยุติความสัมพันธ์กับผม มันก็คงเป็นผมเองนี่แหละที่จะยอมรับไม่ได้ ทำไมผมถึงกลายมาเป็นคนคิดมากกังวลอะไรได้ขนาดนี้ ใจนึงก็อยากคุยกับเค้าตรงๆ ให้มันชัดเจน แต่อีกใจผมก็อ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับได้ หากว่าผลมันไม่ได้ออกมาอย่างที่ผมหวัง สายตาที่เค้ามองมา เค้าเองก็คงจับสังเกตได้ว่าผมมีความคลางแคลงใจบางอย่าง เค้าเองเหมือนหยุดคิดบางอย่าง ก่อนจะพูดกับผมด้วยท่าทางจริงจัง

“อรรถฟังเรานะ เราอาจจะไม่ใช่แฟนที่ดี เรารู้ว่าเรามีข้อเสียอยู่เยอะ แต่ก็อยากให้อรรถรู้ว่าอรรถคือคนที่เราเลือก และอยากจะใช้ชีวิตไปด้วยกัน ถ้ามีอะไรที่มันทำให้อรรถรู้สึกไม่มั่นใจ หรือกังวลในตัวเรา เราอยากให้อรรถเลิกคิดมันไปได้เลย เพราะเราก็ยังยืนยันคำเดิม เหมือนกับ 1 ปีก่อน”สิ่งที่เค้าพูดตรงหน้าผมตอนนี้ มันดังสลับตัดภาพไปมา กับวันที่เค้านอนบนโซฟา แล้วหลุดเรียกชื่ออีกคนออกมา ทั้งที่คิดว่าถ้าเค้าพูดอย่างที่เพิ่งจะจบไป ผมจะสบายใจขึ้น แต่มันเปล่าเลย พอเรามีจุดขัดแย้งในใจเกิดขึ้นมาแล้ว มันเลยทำให้เป็นการยากที่จะให้ใจมันยอมรับได้แบบเดิม

“อยากให้อรรถมั่นใจ ไม่ว่ายังไงอรรถก็คือคนที่เราเลือกนะ”ท่าทีที่จริงจังของเค้า ทำให้ผมเชื่อได้ไม่ยากครับ ว่าผมคือคนที่เค้าเลือกจริงๆ นั่นแหละ ผมคงไม่ค้านเค้าในจุดนี้เพราะมันก็ชัดเจนมาเป็นปีแล้ว เค้าเอื้อมมือมากุมมือผม ผมก้มมองสองมือของเค้าที่จับมือผมอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเค้า เค้ายิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่เหมือนทุกๆ ครั้ง ซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าเค้ายังเหมือนเดิม เหมือนเดิมไม่ได้ต่างจาก 1 ปีก่อนเลย ผมค่อยๆ ละสายตาจากเค้า เบนสายตามองไปยังโทรศัพท์มือถือของเค้า

“อรรถเป็นคนที่ตี้เลือก...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอรรถจะเป็นคนที่ตี้รักใช่ไหม?”




TBC
มาต่อแว้วววว

เรื่องราวก็ยังดูไม่คลี่คลายไปทางไหนเลย

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคร๊าบบบ

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
คำถามแลงมากกกก ไม่นะไม่เลิกนะม่ายยยยย :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เป็นประเด็นต่ออีก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
"อรรถเป็นคนที่ตี้เลือก แต่ไม่ใช่คนที่ตี้รัก"
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
เรื่องนี้ในช่วงแรกมีการดำเนินเรื่องที่ธรรมดานะครับ แต่มันมาน่าสนใจเอามากๆในช่วงหลัง(Part 2) เนี่ยแหละครับ

นึกไม่ออกจะพูดอะไร เพราะทุกอย่างมันละเอียดอ่อนและตรรกะใกล้เคียงความจริงมาก โครงสร้างความสัมพันธ์ดั้งเดิมของปาร์ตี้กับชาร์ปเองก็อ่อนแออยู่แล้ว ดังนั้นการที่เมื่อเค้าหยุดความสัมพันธ์แล้วตัดสินใจมาเริ่มต้นกับอรรถ มันเป็นอะไรที่ผมประทับใจมากนะ ย้ำว่ามาก เพราะการ overlook sexual need ที่เกี่ยวพันกับ deep inner (นิยาม : การลดละหรือยกเลิกความสัมพันธ์ที่มีการข้องเกี่ยวกันด้วยกิจกรรมทางเพศ และทำให้เกิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน เช่น ความรัก) มันเป็นอะไรที่ยากมากในความเป็นจริง แต่ปาร์ตี้ตัดสินใจที่จะทำ มันทำให้ผมมองว่าพฤติกรรมคุณอรรถนี่น่านับถือครับ แล้วเค้าก็ไม่ผิดที่จะข้องใจในตอนนี้ เพราะมันปีนึงแล้วแหละ มันถึงเวลาที่เราอยากมองคุณให้ลึกลงไปสุดใจ ว่าสุดท้ายแล้วคุณเองพร้อมรึเปล่า และเวลา ‘ช่วย’ คุณไหมในเรื่องนี้

ความชอบที่หนักแน่นมาก บางทีมันฝังรากลึก ลึกจนทำให้มนุษย์เกิดสิ่งที่เรียกว่า False Hope ครับ ยกตัวอย่างเช่น คนที่เราแอบรักยังไม่มีแฟน ถึงเราจะหยุดยุ่งกับเค้าสักพักจริงๆ แต่เราก็มักหวังเสมอว่าจะมี ‘เหตุการณ์’ ที่บังเอิญทำให้เราได้มารักกัน นี่เป็นสิ่งที่ถือว่า ‘อันตราย’ ไม่ว่าจะในทางทฤษฏี หรือในทางปฏิบัติครับ มันล็อกคุณไม่ให้เปิดสัมพันธ์คนใหม่ๆ แต่ในส่วนของคุณชาร์ป ผมว่าเค้าไม่ควรมาหยิบปาร์ตี้ออกไปจากอรรถนะ ชาร์ปต้องการคนที่จะสามารถ ‘เปลี่ยน’ ทัศนคติของเขาในด้านความรักได้

ชาร์ปต้องการที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ปัญหาคือคำว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ มันละเอียดอ่อน และแตกต่างกันตามแต่ดุลยพินิจส่วนบุคคลครับ ถ้าคิดว่าครอบครัวที่สมบูรณ์คือมีภรรยา มีลูกที่เรารักและทะนุถนอม การจะไปเปลี่ยนมุมมองของเค้าว่าการมีแฟนเป็นผู้ชายมันก็ได้เหมือนกัน ได้ครอบครัวสมบูรณ์เหมือนกัน มันเป็นไปไม่ได้ และไม่ควรจะทำครับ เพราะนิยามความรักและความสุขของแต่ละคนมันแตกต่างกัน ถ้าเราจะทำให้ชาร์ปมองเรื่องครอบครัวที่สมบูรณ์ต่างจากเดิม อาจต้องใช้ตัวละครอื่นเข้ามาแทนที่ปาร์ตี้ เพราะผมมองปาร์ตี้คุณสมบัติไม่พอที่จะทำให้ชาร์ปมองโลกเปลี่ยนไปจากเดิมนะ ชาร์ปแค่ชอบปาร์ตี้ แต่การ ‘ชอบ’ มันไม่ช่วยอะไรในการ ‘มอง’ โลกของมนุษย์ครับ ผมเลยรู้สึกว่าไลน์เรื่องชาร์ปน่าสนใจในแง่อนาคต แต่ไลน์เรื่องของปาร์ตี้น่าสนใจในแง่บุคลิกและมิติของความรู้สึก โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีนะครับ น่าติดตามเลย

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อยากให้ชีวิตของตี้และอรรถเดินหน้าต่อไป ส่วนอดีตทิ้งไปเถอะ
ไม่เช่นนั้นมันจะอยู่ในวังวนของความทุกข์ไม่จบสิ้น

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด