มนุษย์แฟนเด็ก
14
มีความเครียดอ่อน ๆ
“จริงใจ!!!”
“เหี้ย!!!” จริงใจอุทานเสียงหลงพร้อมกับรีบจับผ้าเช็ดตัวที่พันเอวไว้มันมันจะร่วงหลุดไป ตาคมจ้องพี่ชายเขม็ง คนเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะขออนุญาตยิ้มแห้งก่อนจะเดินต้วมเตี้ยมนั่งบนเตียงของน้องชาย จริงใจเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ให้น้องไปแต่งตัวก่อนก็ได้ เราไม่อยากเห็นจริงใจโป๊ ; __ ;
“มาทำไม?” ถามพี่ชายที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงของตนหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ
“จริงใจ เบสท์บอกว่าพี่ชอบทิวา...”
“ว่าไงนะ!!”
“เบสท์บอกว่าพี่ชอบทิวา...” แทบจะเอาผ้าเช็ดผมอุดปากตัวเอง... จริงใจจ้องมองพี่ชายนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่พอเห็นหน้าหมา ๆ ของพี่แล้วก็ถอนหายใจออกมา พี่เบสท์นะพี่เบสท์ คนอุตส่าห์พูดกรอกหูจันทร์เจ้าอยู่ทุกวัน ยังจะมากรอกข้อมูลใหม่ให้เจ้าหมูอีก แม่งเอ๊ย!
“พี่เบสท์บอกแล้วเชื่อไหม?”
“เชื่อ...”
“แน่ใจหรอว่าชอบจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเขวเพราะพี่เบสท์บอก” ลูกหมูเงยหน้ามองน้องชายที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแถมยังทำหน้าเครียดจนคนมองเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“เบสท์บอกว่าใช่”
“แล้วก็เชื่อเหรอ? ถามตัวเองหรือยังว่าชอบไอ้ทิวากาลอะไรนั่นจริง ๆ หรือเปล่า”
“ทิวาแก่กว่าจริงใจตั้งหลายปีนะ อย่าเรียกไอ้สิ”
จริงใจกลอกตาขึ้นฟ้าพร้อมยกมือกอดอกแล้วจ้องหน้าพี่ชาย “ไปถามตัวเองให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกมาจันทร์เจ้า ชอบจริง ๆ หรือชอบเพราะมีคนพูดให้คิดว่าชอบ”
แอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อพี่ชายก้มหน้าลงต่ำ จันทร์เจ้ายังอ่อนด๋อยเกินไปที่จะมีความรัก หัวสมองมึน ๆ แบบนี้จะไปตามผู้ชายร้ายกาจแบบนั้นทันได้ยังไง มือหนายื่นไปวางบนศีรษะพี่ชายแล้วขยี้เบา ๆ จันทร์เจ้าเงยหน้ามองน้องชาย จริงใจแอบกัดปากตัวเองเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตของพี่ชายหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งใบหน้าที่หงอยไปถนัดตา ไม่ได้ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่จะปล่อยไปได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน
“ถ้าเกิดพี่ชอบทิวาจริง ๆ ล่ะ?”
“ไปถามพี่ฟ้าสิ” “จริงใจน่ะ!”
“คิดว่ามันชอบพี่หรือไง?”
“ทำไมจริงใจใจร้าย...”
“ถ้าชอบก็คงจะเอาไปเป็นแค่ของเล่นคร่าเวลา ไม่คิดจริงจังหรอก พอเบื่อก็เขี่ยทิ้ง แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่านิสัยเป็นยังไง!!”
“ฮึก” ลูกหมูสะอื้นน้ำตาร่วงเผาะล้นขอบตาเมื่อโดนน้องตวาดใส่ จริงใจเองก็ชะงักไปเมื่อเห็นว่าพี่ชายร้องไห้ เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ร้องไห้
“ร้องทำไม”
“ไม่รู้ จู่ ๆ มันก็ไหลออกมาเอง ฮือ”
ลูกหมูปากคว่ำและคอตกทันที จริงใจแสยะยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือเล็กที่กำลังจะขยี้ตาไว้แล้วเช็ดน้ำตาให้พี่แทน เมื่อลูกหมูหยุดร้องไห้ เขาจึงเดินไปนั่งประจำที่กลองชุดของตัวเอง ก่อนจะหยิบไม้กลองออกมาแล้วเริ่มเล่นให้เป็นเพลง โดยพยายามใจแข็งไม่สนใจหมูหงอยบนเตียง สงสารก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่มันน่าเป็นห่วงเกินไป ใช่ว่าจันทร์เจ้าจะไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง พี่เขาซื่อเหมือนไม่ทันคนก็จริง แต่จันทร์เจ้าไม่ได้โง่ การที่ถูกเขาและเพลิงฟ้าพูดกรอกหูว่ามันไม่ใช่นั้นไปขัดแย้งกับที่เพื่อนอย่างเบสท์บอกว่าใช่ เจ้าตัวคงจะสับสน
น่าสงสาร แต่จริงใจไม่เห็นด้วย และหากเจ้าหมูจะไปถามพี่ฟ้าจริง ๆ ล่ะก็... คำตอบก็คงไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเพลิงฟ้าหวงจันทร์เจ้ามากแค่ไหน และยิ่งรู้ว่าคนที่เจเจชอบเคยทำให้ลูกหมูต้องเสียน้ำตา เพลิงฟ้าก็เมินหน้าหนีและให้คะแนนติดลบไปแล้วด้วยซ้ำ
งานหยาบเลยล่ะ หึหึ
“พี่จันทร์เจ้าไปไหนคะ หนูยังไม่เจอเลยตั้งแต่ตื่น” จ๋าจ้าเอ่ยถามไม่เจาะจง วันอาทิตย์อย่างนี้เป็นวันหยุดที่ครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกัน เด็กสาวถามหาพี่ชายคนโตที่ยังไม่เจอหน้าตั้งแต่เริ่มวันใหม่ นี่มันก็สายแล้ว พี่ยังไม่ตื่นก็ไม่น่าจะใช่...
“ไปบ้านคุณย่าเขาตั้งแต่เช้าแล้ว” คุณแม่ตอบคำถามลูกสาว “เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเห็นบอกว่าจะไปนอนบ้านคุณย่าสักหนึ่งอาทิตย์ ไม่รู้เป็นอะไร ตาก็ช้ำ ๆ เหมือนนอนไม่พอ ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่รู้ใครไปทำอะไรให้” จอมจิตตรีหรี่ตามองอย่างจับผิด คนที่มีพิรุธที่สุดก็จริงใจนั่นแหละ ทะเลาะอะไรกันมาหรือเปล่าพี่น้องคู่นี้
“พี่จริงใจหรือเปล่า?!”
“อะไรล่ะ” จริงใจปัดมือน้องสาวที่ชี้หน้าอยู่ออก คิ้วเข้มยังคงขมวดมุ่นตั้งแต่ที่แม่บอกว่าจันทร์เจ้าไปบ้านคุณย่า งอนเขาเหรอวะ
“ก็เมื่อคืนพี่จันทร์เจ้าไปหาพี่ที่ห้องไม่ใช่เหรอ แกล้งอะไรให้พี่เขาโกรธล่ะ”
“ทำอะไรพี่งั้นเหรอจริงใจ?” จอมจิตตรีกดเสียงต่ำถามลูกชาย จริงใจตีหน้านิ่งแม้ในใจจะอยากงอแง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับสายตากดดันจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ไหนจะคุณตากับคุณยายรวมทั้งจ๋าจ้าด้วย ถ้ามีน้าเจ้ากับพี่ฟ้ามาอีกคน จริงใจคงเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ! จอมจิตตรีตีแขนลูกชายทันทีที่จริงใจเล่าเรื่องทั้งหมดจบ รวมถึงเรื่องของทิวากาลด้วย ฮึม! เจ้าเด็กคนนี้นี่ แกล้งพี่จนได้เรื่อง ดูสิ! งอนจนเก็บกระเป๋าหนีไปบ้านคุณย่าแล้ว
“โอ๊ย แม่ครับ เจ็บ”
“เจ็บสิดี คุณแม่ขา ตีอีกค่ะ” จริงใจถลึงตาใส่น้องสาวก่อนจะจับมือของแม่ที่กำลังจะตีเขาอีกครั้งมาจูบแล้วจึงเข้าไปกอดเอวมารดาก่อนซบไหล่อย่างออดอ้อน
“ผมไม่ได้ตั้งใจให้ร้องไห้สักหน่อย”
“แล้วเป็นไงล่ะ แม่ไม่ช่วยง้อนะ”
“โธ่... ผมแค่เตือนเฉย ๆ เอง ร้องไห้ไร้สาระ โอ๊ย!” เด็กหนุ่มลูบแขนตัวเองที่โดนตีพร้อมกับหน้าบึ้ง ทำไมทุกคนถึงได้เข้าข้างไอ้หมูนั่นกันหมด ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะเห็นด้วยแท้ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องปรึกษาพี่ฟ้าแล้ว!
“เรื่องนี้ปล่อยให้พี่ตัดสินใจเองไปก่อน อย่าเพิ่งเข้าไปยุ่งเข้าใจไหม จริงใจ”
ก็แย่ละ “สวัสดีเด็ก ๆ ขอพวกพี่นั่งด้วยนะจ๊ะ” เหลือบมองคนที่เข้ามาทักแล้วยกมือสวัสดีก่อนจะฟุบกับโต๊ะแล้วหมุนรูบิคไปมา
“น้องชับบี้เป็นไรอ่ะ?”
“เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะพี่ชมพู่” ชมพู่พยักหน้ารับสิ่งที่รุ่นน้องบอกก่อนจะนั่งลงม้านั่งตัวเดียวกับลูกหมูที่ฟุบหน้ากับแขนตัวเองอยู่
“ชับบี้” เรียกพร้อมยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มกลม “เป็นอะไรคะ?”
“เปล่าครับ... อย่าเพิ่งมายุ่งกับเรานะครับ...” คนฟังหน้าเหวอ แต่ก็พยักหน้าเข้าใจ น้องชับบี้คงอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ดี แม้จะอยากเล่นด้วยแต่อย่าเพิ่งจะดีกว่า
“หมู! ข้อความมึงเข้าอ่ะ” เบสท์ว่าพร้อมดันโทรศัพท์มือถือของจันทร์เจ้าที่เพิ่งสั่นครืดไปให้เจ้าของ ลูกหมูหยิบขึ้นมาดู และไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา
10:43
พี่มีนคนดีของเราเอง น้องจิ๋วว่างไหมครับ? พี่อยากไปหา
10:43
นี่จันทร์เจ้าเอง ว่างคับ
10:43
นี่จันทร์เจ้าเอง พี่มีนรีบมานะ เราอยู่ที่สวนข้างคณะ
10:43
นี่จันทร์เจ้าเอง 
“ทำไมทำหน้าเศร้าจังล่ะน้องชับบี้” ชมพู่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงที่เห็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดีกำลังทำหน้าหงอย ลูกหมูครางหงิงแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามให้ใครหายข้องใจ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างก็มองหน้ากัน ไม่ได้ซักถามเซ้าซี้อะไรอีก
“พวกพี่ไม่มีเรียนหรอคะ?” ฟินน์ถามด้วยความสงสัย เล่นมาอยู่กับครบทีมแบบนี้ จะขาดก็แต่ทิวากาลคนเดียวที่ไม่ได้มาด้วย
“ไม่มีแล้ว นี่ก็รอเที่ยงจะได้ไปหาอะไรกิน แล้วพวกหนูละลูก?”
“อาจารย์ยกเลิกคลาสครับ ว่างถึงบ่ายสองครึ่งเลย รอเวลาไปกินข้าวเหมือนกันครับ” เบสท์ตอบบ้าง ปกติพูดเรื่องกินข้าวไอ้หมูมันมักจะระริกระรี้พูดจ้อนี่หว่า ทำไมคราวนี้ถึงได้เงียบจัง
“อ๋อ...”
“แล้วนี่พี่กาลไปไหนหรอครับ?”
“ถามหามันทำไม!?” ยังไม่ทันที่ชมพูดจะอ้าปากตอบคำถามเบสท์ มิคก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน เบสท์จิกตามองรุ่นพี่ไร้มารยาทแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น ยี๋! คนเขาไม่ได้พูดด้วยยังจะหน้าด้านมาตอบอีก! ส่วนมิคที่โดนเมินก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างทำอะไรไม่ได้ ถ้าอยู่กันสองคนเขาจะฟาดปากแดง ๆ นั่นสักที
“ไอ้กาลมันคุยกับหญ้าแห้งเกิร์ลของมันอยู่ เดี๋ยวก็คงจะมาละ” ชมพู่บอกไขข้อสงสัย รุ่นน้องทั้งสองพยักหน้ารับรู้ ลูกหมูที่กำลังจะยกหัวขึ้นจากการฟุบกับโต๊ะเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากพี่ชมพู่ก็กลับไปฟุบแบบเดิมและก็หยิบรูบิคมาหมุนเล่นไปด้วย
งื่อ... ทิวาคุยกับใคร หญ้าแห้งเกิร์ลคือใคร...
“ใครวะหญ้าแห้งเกิร์ล?”
“ฟางไงไอ้โง่!” รถถังตบหัวต้นดังผัวะให้หายโง่ คนโดนทำร้ายร่างกายก็จัดการเอาคืนด้วยแรงสองเท่า เล่นกันเป็นเด็กไปได้ไอ้พวกนี้
“พี่กาลกับพี่ฟางเขาเป็นอะไรกันหรอคะ?”
“โอ๊ยยยย จะเป็นอะไรกันล่ะลูก ก็แค่คู่ควงชั่วคราวนั่นแหละ ไอ้กาลมันยังไม่จริงจังกับใครหรอก พอเบื่อมันก็เขี่ยทิ้ง นี่ก็ใกล้แล้วมั้ง น้องนีนางก็เยอะสิ่ง ลำไย!”
จันทร์เจ้าสะอึก คำพูดของชมพู่ยิ่งเสริมว่าสิ่งที่จริงใจบอกเขาเมื่อคืนวันเสาร์มันถูกต้อง ความคิดข้างในตีกันยุ่งเหยิงจนปวดหัว กระบอกตาก็ร้อนผ่าวจนอยากจะบ้า อย่าร้องนะ อย่าร้อง ห้ามร้องนะ!!
“จันทร์เจ้าไม่สบายหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ” สะดุ้งเฮือกเมื่อโดนทัก แล้วจึงส่ายหน้าช้า ๆ ต้นหรี่ตาจับผิด อาการของรุ่นน้องตัวนิ่มมันออกตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มพูดเรื่องทิวากาล ควรจะดีใจกับเพื่อนไหมเนี่ยว่าน้องมีปฏิกิริยากับเรื่องมัน ต้นผ่อนลมหายใจ เมื่อวานก่อนทิวากาลก็โทรมาโวยวายกับเขาว่าอกหักเพราะเห็นลูกหมูน้อยไปนั่งกินข้าวกับคนอื่นอย่างสนิทสนม เขาถึงกับต้องกินยาแก้ปวดหัวไปสองเม็ด หนักใจแทนพวกนี้จริง ๆ
“สีหน้ามึงไม่ค่อยดีอย่างที่พี่ต้นว่าจริง ๆ นะหมูอ้วน”
“เราปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
“ถ้าเป็นอะไรก็บอกนะเว้ย ขี้เกียจเก็บศพ ภาระพวกกู”
“โธ่ ไม่อยากให้เราเป็นอะไรเพราะเป็นห่วงก็บอกมาสิ เบสท์เขินอะไร”
“รำค้าญญญญญญญญ”
“ไอ้กาลมานู่นละ” เสียงหัวเราะของลูกหมูค่อย ๆ ลดลง ทุกคนหันไปมองคนมาใหม่หลังจากที่รถถังทักออกไป
จันทร์เจ้าสบตากับทิวากาลชั่ววินาทีก่อนที่จะเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน ไม่รู่ทำไมถึงไม่กล้ามองหน้าทิวา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะมีอะไร... เมื่อละสายตาจากทิวากาลไปแล้ว ลูกหมูก็มองไปเห็นมีนณนนท์และรามินทร์กำลังเดินมาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำ ดวงตากลมเริ่มมีน้ำเอ่อคลอ ลูกหมูลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหาพี่มีน และอาจเป็นลุกเร็วเกินไปจึงทำให้หน้ามืด เพียงก้าวไม่กี่ก้าวก็เกือบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น และโชคดีที่ทิวากาลมองจันทร์เจ้าอยู่ตลอดเขาจึงสามารถเขาไปรับร่างนุ่มนิ่มได้ทันก่อนจะล้มไปจริง ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า!?” ทิวากาลถามอย่างร้อนรน เขาพยุงจันทร์เจ้าให้ยืนตรง ลูกหมูยังคงหลับตานิ่งด้วยยังไม่หายหน้ามืดทั้งปวดหัวตุบ ๆ จึงเกาะแขนของทิวากาลเป็นหลักยึด
“เตี้ย ได้ยินกูไหม!?”
“อือ... เรา .. ไม่เป็นไร” ตอบเสียงแผ่วพร้อมกับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น “ขอบคุณครับ...”
ทิวากาลถอนหายใจโล่งอกเมื่ออีกคนไม่เป็นอะไร จากทีแรกตั้งใจว่าจะไม่สนใจ กลายเป็นว่าต้องโยนความตั้งใจแรกทิ้งไปเพราะเห็นเด็กแก้มกลมกำลังจะล้ม โดนมันหักอกแล้วยังจะห่วงมันอีก
“น้องจิ๋ว!!!”
“พี่มีน ฮึก ... พี่มีน ฮือ” ผละออกจากทิวากาลก็โผกอดพี่มีนแน่นพร้อมกับปล่อยน้ำตาออกมา มีนนนท์พอเห็นว่าเพื่อนจะทรุดไปก็รีบวิ่งมาหา มีนกอดลูกหมูตอบพร้อมกับลูบหลังปลอบประโลม โชคดีจริง ๆ ที่มิลค์บอยของน้องจิ๋วรับไม่ทัน
“เป็นอะไรครับ น้องจิ๋วเป็นอะไร”
“ปวด .. หัว ฮือ เราปวดหัว” มีนทำอะไรไม่ถูก ขอบตาร้อนผ่าวจะร้องไห้ตามเพื่อน ร่างเล็กมองหน้าคนรัก รามินทร์ยิ้มบางแล้วจึงยื่นมือไปวางบนศีรษะเพื่อนตัวจิ๋ว ระหว่างที่สามเพื่อนสนิทกำลังปลอบกัน คนอื่น ๆ ก็ได้แต่มองเงียบ ๆ เพราะไม่รู้จะแทรกตรงไหน ใจทิวากาลร้อนรุ่ม อยากจะเข้าไปดึงเด็กแก้มกลมมากอดปลอบเองด้วยซ้ำ
“ปวดหัวก็อย่าร้อง ยิ่งร้องจะยิ่งปวดนะ” รามินทร์บอกเสียงนุ่ม
“ฮึก ฮือ ..”
“เป็นเด็กใจแตกที่ขี้แงจริง ๆ”
“เราไม่ได้ใจแตก รามินทร์อย่าว่าเรานะ! อึก..”
“เหรอ ๆ แล้วใครที่หนีออกจากบ้าน”
“ไม่ได้หนี เราบอกหม่ามะแล้ว ฮือ”
“ใจแต---”
“หยุดได้แล้วรามินทร์! เลิกแหย่น้องจิ๋วสักที”
“แบร่ โดนพี่มีนดุเลย”
“น้องจิ๋วก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“แบร่” รามินทร์แลบลิ้นล้อเลียนจันทร์เจ้า เมื่อเจ้าหมูเองก็โดนมีนาของเขาดุเหมือนกัน ลูกหมูเบะปาก ซุกหน้ากับอกพี่มีนเป็นการออดอ้อน เล่นเอาคนมองอยากจะกระชากออก แต่ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ เขาโดนมีนด่าแน่ ๆ ที่ไปทำแบบนั้นกับน้องจิ๋วที่รัก แหวะ!
“นั่งไหม?” มีนถาม ลูกหมูผละออกจากอกพี่มีนก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะที่เคยนั่ง
“ที่เต็ม...”
“ไม่เต็มแล้ว ไปนั่งเร็ว” พูดพร้อมกับดันจันทร์เจ้าไปนั่งที่ม้านั่งหลังจากทิวากาลลุกออกไป ลูกหมูช้อนตามองพี่มีนคนดี
มีนนั่งคุกเข่าและจับมือเล็กเอาไว้หนึ่งข้าง และมีรามินทร์ยืนกอดอกมองอยู่ข้างหลัง
“น้องจิ๋วบอกพี่มีนได้ไหมครับว่าเป็นอะไร จู่ ๆ ก็ร้องไห้แบบนี้พี่เป็นห่วงนะ”
“เราไม่รู้...”
“แล้วอะไรทำให้ใจแตกจนต้องหนีออกจากบ้าน” รามินทร์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ และไม่ได้สนใจว่าคนฟังจะตกใจมากน้อยแค่ไหนกับคำว่าใจแตกและหนีออกจากบ้าน
“นี่มึงหนีออกจากบ้านเหรอ!!” เบสท์ถามเสียงดังพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่จันทร์เจ้า ลูกหมูครางฮือ ส่ายหน้าทั้งเบะปาก
“เราไม่ได้หนีออกจากบ้านนะ! แล้วก็ไม่ได้ใจแตกด้วย ตัวหุบปากไปเลย!”
“เหรอ ๆ”
“รามินทร์รู้ด้วยหรอ?” รามินทร์ไหวไหล่และยกยิ้มกวนประสาทเป็นคำตอบ ด้วยความหมั่นไส้มีนนนท์จึงคว้าก้อนหินแถวนั้นปาใส่คนรัก
“ให้เจ้าของเรื่องมันเล่าดีกว่ามีนา ฟังจากนี่เดี๋ยวก็ไม่โดนยำมั่วหรอก” ยักคิ้วหนึ่งครั้งเป็นการปิดท้าย
“โอเค! แล้วน้องจิ๋วจะบอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น และ! ทำไมถึงได้หนีออกจากบ้าน”
“ต้องให้เราบอกกี่ครั้ง อึก.. ว่าไม่ได้หนีออกจากบ้าน ... เราไปนอนบ้านคุณย่า ฮึก”
“อ่า... ใจเย็น ๆ ครับ ทะเลาะกับน้องหรือเปล่า?”
“อือ .. เราทะเลาะ ฮึก กับจริงใจ แล้วไม่อยากเห็นหน้าเด็กปีศาจนั่นเลยไปบ้านคุณย่า เราบอก ฮือ หม่ามะแล้วด้วย ไม่ได้ อึก ใจแตกเหมือนที่รามินทร์ว่าด้วย”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คืน .. วันเสาร์”
“เลิกร้องไห้ยัง รำคาญ” รามินทร์พูด ท่าทางก็แสดงออกว่ารำคาญจริง ๆ มีนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเพลีย ๆ ไม่อยากให้น้องจิ๋วร้องไห้ก็บอกสิวะ!
“ยุ่งอะระ--- อื้อ!” พูดยังไม่ทันจบก็โดนรามินทร์ยัดช็อกโกแลตบาร์เข้าปาก จันทร์เจ้าเบะปากกลืนขนมรสหวานลงคอ ยกมือปาดน้ำตาบนแก้มออกและเงยหน้ามองรามินทร์ที่ทำหน้าเฉย ๆ กินช็อกโกแลตส่วนที่เหลืออย่างไม่ทุกข์ร้อน
“รามินทร์เลิกแกล้งน้องจิ๋วสักทีจะได้ไหม!”
“ขอโทษนะมีนา ที่ต้องบอกว่าไม่ได้” ยกยิ้มหวานเชื่อมให้แฟนก่อนตวัดตามองเพื่อนแก้มกลมตาขวาง “มองอะไร ตัวมีปัญหาหรอ”
“เปล่า ไม่มองก็ได้”
“แล้วมีเรื่องอะไรนอกจากทะเลาะกับจริงใจไหมครับ?” มีนถามพร้อมกับลูบผมและแก้มยุ้ยไปด้วย
“ไม่ .. มีแล้ว”
“แต่จันทร์เจ้าของพี่มีนหน้าตาไม่สดใสเลย มีเรื่องเครียดหรือเปล่า?”
“อือ... เราเครียด ฮึก ที่จริงใจพูด ฮือ แล้วก็นอน ไม่หลับเลย ฮือ” จากน้ำตาที่หายไปแล้วก็กลับมาอีกครั้งเมื่อต้องพูดถึงน้อง คำพูดของจริงใจก็ลอยวนซ้ำ ๆ ตั้งแต่คืนวันเสาร์ลูกหมูก็นอนไม่ค่อยหลับ พอจะหลับไปเสียงของเด็กปีศาจก็ดังขึ้นมาซ้ำ ๆ
“สองคืนแล้วใช่ไหม?”
“คับ... เราไม่ได้ไม่อยากนอน ต แต่มันนอนไม่ได้ ฮึก เด็กปีศาจนั่นทำอะไรกับเราไม่รู้ ฮือ”
“เครียดแบบนี้ก็ไม่ได้ค่อยกินข้าวอ่ะดิ” รามินทร์พูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่ยืนเงียบ ๆ อยู่นาน จันทร์เจ้าก็แบบนี้ พอมีเรื่องให้คิด มีเรื่องกวนใจ จากเป็นคนกินเก่งก็จะกลายเป็นเบื่ออาหารไปเลย ที่หน้ามืดไปเมื่อสักครู่ไม่ใช่เพราะลุกเร็วเกินไปอย่างเดียว คงจะเพราะไม่ได้ทานข้าวเช้ามาด้วย ... มีนนนท์และรามินทร์ถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันทีเมื่อลูกหมูพยักหน้ารับสิ่งที่รามินทร์พูด ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“น้องจิ๋วคุยกับจริงใจเรื่องอะไรหรอครับ?”
“เรื่อง...” จันทร์เจ้ามองหน้าพี่มีนพร้อมกับเบะปากก่อนจะสั่นหัว
“เรื่องของเล่น” ทุกคนหันขวับไปมองคนพูด รามินทร์ทำเพียงแค่ไหวไหล่ไม่แยแส
“ร รามินทร์รู้ได้ยังไง”
“เด็กนั่นโทรมาฟ้องเมื่อวาน”
“ทำไมนี่ไม่รู้ล่ะ?”
“ตอนนั้นมีนทำการบ้านอยู่ นี่ออกไปคุยที่ระเบียง”
“ฮึก... ตัวจะว่าเราเหมือนจริงใจหรือเปล่า?”
“เล่นคร่าเวลาน่ะเหรอ? ไม่รู้สิ”
“ของเล่นอะไรกัน พูดให้เคลียร์ซิ”
“ไม่เอา ไม่ให้พูด ฮือ ที่นี่...” รามินทร์กลอกตารำคาญเพื่อนตัวกลมที่ร้องไห้อีกแล้ว เขาล้วงเอาช็อกโกแลตบาร์ในกระเป๋ากางเกงออกมาก่อนจะฉีกซองออกแล้วยื่นไปให้จันทร์เจ้า ลูกหมูรับขนมหวานของโปรดไปทั้งที่ยังเบะปาก พอของหวานเข้าปากน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก็ค่อย ๆ แห้งเหือดหายไปราวกับน้ำได้ปิดก๊อก
รู้ว่าให้ขนมแล้วจะเลิกร้องไห้เขาให้ไปตั้งนานแล้ว!
“เดี๋ยวค่อยคุยกับครับ” รามินทร์บอกพร้อมกับวางมือบนหัวของคนรัก มีนพยักหน้ารับแล้วจึงหันไปหาจันทร์เจ้าแทนที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากรามินทร์
“รามินทร์...” ลูกหมูเรียกชื่อเพื่อนเสียงอ่อยพร้อมกับช้อนตามอง
“ที่จริงใจพูดก็อาจจะถูก แต่ก็อาจจะผิดก็ได้ แต่ทางที่ดี... ตัวควรตัดเรื่องนี้ไปดีกว่า อย่าเพิ่งมีเลย”
“ทำไมล่ะ”
“ไร้สาระ” จันทร์เจ้ากัดริมฝีปากขณะที่มองเพื่อนตัวสูงด้วยดวงตาแดงก่ำ ลูกหมูลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินเข้าไปหารามินทร์ ร่างสูงก้าวถอยหลังเล็กน้อยเมื่อจันทร์เจ้าเข้ามาใกล้เกินไป ไม่ได้กลัวนะ จริง ๆ แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงโดนมันฟาดปาก
“เรายังไม่ได้ลองเลย...”
รามินทร์แสยะยิ้มก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูจันทร์เจ้าให้ได้ยินกันแค่สองคน และเหลือบสายตามองทิวากาลเล็กน้อย “ถ้าอยากจะเป็นของเล่นคร่าเวลาให้เขาก็เชิญ ตอนโดนเขี่ยทิ้งก็อย่าร้องไห้ล่ะ ตัวก็รู้ไม่ใช่หรอว่าเขาเป็นคนยังไง?”
“ฮึก ทำไม... ถึงใจร้ายจังเลย แล้วทำไมพอเป็นเรามันถึงได้ดูยากจัง อีกคนบอกว่าใช่ แต่อีกคนก็บอกว่าไม่ใช่ เราสับสนจนจะบ้าแล้ว ความคิดตีกันยุ่งเหยิงจนเราเครียดไปเลย!” จันทร์เจ้าปาดน้ำตาหยดสุดท้ายบนแก้มออกแล้วสบตากับรามินทร์ด้วยสายตาเรียบนิ่ง “รามินทร์ก็ใจร้ายเหมือนจริงใจนั่นแหละ จะไปไหนก็ไปเลย!!”
“บ้าอะไรวะ คนเขาเป็นห่วงยังจะมาพูดแบบนี้ แล้วทำไมไม่ไปเองเล่า!!!”
“ก็ได้... เราไปก็ได้” จันทร์เจ้าพูดช้า ๆ พร้อมพยักหน้าไปด้วย ลูกหมูเดินไปหยิบกระเป๋ามาถือแล้วหันหลังให้ทุกคน รามินทร์และมีนนนท์คว้าข้อมือของลูกหมูไว้พร้อมกันแต่รามินทร์กลับโดนสะบัดออก ในขณะที่จันทร์เจ้าแกะมือของมีนเบา ๆ
“อย่าตามเรานะ! ถ้าใครตามเรามาเราจะโป้งทุกคนเลย!!” เรียวขาชะงักกึกกับคำประกาศจากจันทร์เจ้า เมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งไปคนตัวขาวก็เดินเร็ว ๆ ไปจากตรงนั้น
ตุบ!!!
มีนทุบกำปั้นกับอกของคนรัก “มินทร์พูดอะไร! พูดอะไรกับน้องจิ๋ว!!”
“ก็... ใครจะคิดว่าจะไปจริง ๆ ล่ะ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย! คุยอะไรกัน ทำไมน้องจิ๋วถึงได้ตะคอกใส่มินทร์แบบนั้น บอกนี่มานะรามินทร์!”
“ตรงนี้ไม่ได้ บอกตรงนี้ไม่ได้”
ในระหว่างที่รามินทร์และมีนนท์กำลังเถียงกันอยู่นั้น ทิวากาลที่เริ่มทนไม่ไหวก็ลุกขึ้น ใจของเขามันตามเด็กแก้มกลมนั่นไปตั้งนานแล้ว แต่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ต้องหยุดขาและหันไปมองเจ้าของเสียงร้องบอกแกมสั่งจากมีนนนท์
“พี่จะไปตามจันทร์เจ้าหรอครับ? ไม่ต้องไปครับ เดี๋ยวรามินทร์จะไปตามเอง”
“ทำไมต้องฟัง?”
“ไม่มีเหตุผลที่พี่ต้องไปนี่ครับ หรือว่ามี?” ทิวากาลจิปากไม่สบอารมณ์ เขาเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาแล้ว ลำพังแค่คำพูดจากเด็กที่เด็กแก้มกลมเรียกว่าพี่มีนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กับสายตาจากเพื่อนอีกคนของเด็กแก้มกลมที่ใช้มองเขานี่สิ... จะเอายังไงว่ามาเลยดีกว่า
“เขาจะไปก็อย่าไปห้ามสิ” รามินทร์บอก ไปเลย ไปสิ ไปให้โดนหนูจันทร์โป้ง จะได้ไม่ต้องได้คุยกันอีก เขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อย
“หุบปากไปเลย! มินทร์นั่นแหละต้องไปตามน้องจิ๋ว ทำน้องจิ๋วงอนจนหนีไปยังจะไม่สำนึกอีก!”
“มีนา!”
“ไม่ต้องมาเรียก เอ้อ เอาเถอะ แล้วแต่ก็ได้ ตามใจเลย แต่ถ้ามินทร์ไม่ไปตามง้อให้จันทร์เจ้ากลับมา ก็ไม่ต้องมาคุยกับนี่”
เหี้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ทำไมถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ รามินทร์มองลูกแมวน้อยของเขาอย่างเว้าวอน แต่มีนาหาได้สนใจไม่ เด็กหนุ่มตัวสูงถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมทำในสิ่งที่คนรักบอก ตามก็ได้วะ ยังไงเขาก็เป็นคนทำให้ไอ้อ้วนหนีไป หนูจันทร์นะหนูจันทร์ เจอตัวเมื่อไหร่จะจับบล็อกโคลี่ยัดปากทั้งแปลงเลยคอยดู!
TBC.................................. (วิ่งเข้าบ้านปิดประตูล็อกกลอนอย่างดี)
enjoy reading นะคะ...
ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะ.... เฮ้อ งง ๆ นะ ; __ ;
รามินทร์กับมีน สองนางนี้มาจาก เรื่อง
【d o u b l e M】 นะคะ คนไม่รู้จักอาจจะงง พวกเขาเป็นเพื่อนลูกหมูค่ะ
เครียดเลย ไม่รู้จะเพ้ออะไร ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจ
♥
cr. sticker line : TuaGom : Mhee Noom By Tora Jung