ยกที่ ๑๕
I knew I was in trouble from the moment I laid eyes on you
[ กูรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตากับมึงและ
...ว่ามึงน่ะมันตัวปัญหา ! ]
(Too Young Too Die – Lindsey Lohan : แปลเพลงเป็นเวอร์ชัน หาญศักดิ์ในเรื่อง ‘METAL TERMINAL พยัคฆ์คว่ำกวาง' โดยเจค)
:::METAL TERMINAL:::
วี้หว่อ~ วี้หว่อ~ วี้หว่อ~
“เสี่ยพิชิตครับ ฉิบหายแล้ว! ตำรวจมา!!”
“เชี่ยเอ๊ย!!!!”
ไม่ทันได้ยิงกระสุนเสียงไซเรนมรณะก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับที่ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนอย่างหวาดกลัว ชายวัยกลางคนสบถอย่างฉุนเฉียว ขืนลั่นปืนออกไปตอนนี้พวกตำรวจต้องตามมารวบตัวเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ที่เก็บเสียงปืนก็ไม่มี ลูกน้องที่คอยชักสายลูกกรงควบคุมรีบนำลูกกรงขึ้นอย่างรู้งานและรวดเร็ว
ผัวะ!!
“โอ้ก!!”
เสี่ยพิชิตปล่อยหมัดหนักๆ ใส่หน้าเจ้าพ่อเงินกู้อีกทีจนหาญศักดิ์เลือดออกหนักกว่าเดิม คราบเลือดเก่าแห้งเกรอะกรังติดตามใบหน้าหล่อหวาน สภาพของเสี่ยหนุ่มไม่มีชิ้นดี
“ฝากไว้ก่อนนะเสี่ยหาน! โชคดีไปพ่อมึงมาได้จังหวะพอดี” เขาเอ่ยเยาะ ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “เฮ้ยพวกลื้อทุกคน เก็บของเก็บเงินให้หมด หนีเว้ย!!! อย่าให้หมาต๋าตามมาได้แม้แต่ตัวเดียว!”
ทุกคนรีบขนของและเงินอย่างรวดเร็วปล่อยให้หาญศักดิ์นอนพะงาบอยู่ที่พื้นสกปรก วิสัยทัศน์การมองเห็นของหาญศักดิ์พร่าเบลอทีละน้อย เขาอ้าปากโกยอากาศหายใจ พยายามกะพริบตาของตัวเองถี่ๆ
“เก็บของหมดแล้วครับเสี่ย แล้วไอ้นี่จะให้จัดการกับมันยังไงครับ”
ลูกน้องคนหนึ่งพยัพเพยิดมาทางหาญศักดิ์ ทุกคนต่างลุกลี้ลุกลนไม่เป็นสุขเพราะตำรวจ เสี่ยพิชิตรีบร้อนเป็นอย่างมาก
“ไม่มีเวลาแล้ว! ปล่อยมันนอนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ รีบหนีโว้ย!”
เขาได้ยินเสียงโครมครามกุกกักก่อนจะเป็นเสียงฝีเท้าประมาณสิบกว่าเสียงวิ่งหนีออกไปจากห้อง หาญศักดิ์หายใจกระตุก เขาสำลักรสคาวเลือดที่คละคลุ้งในโพรงปาก ในที่สุดนัยน์ตาของเขาก็มัวจนไม่สามารถจับภาพออะไรได้อีกต่อไป
“หยุด! นี่ตำรวจ! ยอมมอบตัวเดี๋ยวนี้!”
หาญศักดิ์รู้สึกตัวหนักจนแม้กระทั่งหายใจยังยากลำบาก เขาเห็นภาพเบลอๆ ของชายในเครื่องแบบสีกากีหลายคนเข้ามาใกล้ ก่อนภาพทุกอย่างจะดำมืดลงอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นอะไรอีก
เจ้าพ่อเงินกู้สลบแน่นิ่งไปในที่สุด
:::METAL TERMINAL:::
เฮือก!
“โอ๊ยยย!!!”
คนที่เพิ่งรู้สึกตัวลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงก่อนจะต้องร้องดังลั่นเพราะความเจ็บปวดทางกายภาพ ร่างสูงร่างหนึ่งรีบรุดมาดูทันที
“เสี่ยหาน! มึงเป็นไงบ้าง! มึงไหวไหม”
“...ไอ้...เหี้ย...” หาญศักดิ์ยกมือขึ้นคลำใบหน้าของตัวเองทีละจุด “เจ็บฉิบหาย...”
“มึง ดื่มน้ำก่อนเว้ย.... เอ้า” เสี่ยชานรีบรินน้ำจากขวดใส่แก้วให้เพื่อน หาญศักดิ์รับแก้วน้ำมา แต่ทันทีที่ขอบแก้วจรดริมฝีปากก็ต้องร้องโอยออกมาอีกครั้ง เสี่ยชานรีบกุลีกุจอหยิบหลอดที่วางไว้คู่กับแก้วน้ำที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้มาเสียบให้เพื่อน
“ค่อยๆ ดูดเว้ย”
“เออ...”
เสี่ยหานดูดน้ำจากหลอดเป็นพักๆ ก่อนจะส่งแก้วคืนให้เพื่อน ชาญชัยพึมพำไม่ขาดปาก
“เซนส์กูนี่แรงจริงๆ กูว่าแล้วว่ารู้สึกแปลกๆ ทั้งวัน มีเรื่องจนได้”
หาญศักดิ์ยกมือขึ้นสัมผัสไปทั่วศีรษะและใบหน้าของตัวเองเมื่อดื่มเสร็จ
“แม่ง...กูปวดหัวจังว่ะ...”
“ก็มึงหัวโน ดีนะยังหัวไม่แตก” เสี่ยหนุ่มร่างสูงมีสีหน้าเคร่งเครียด “แต่ปากมึงฉีก บวมฉึ่งอย่างกับอึ่งอ่างเลย คิ้วซ้ายแตก แก้มก็เขียวช้ำ คางแตกอีกต่างหาก” ชาญชัยขบกราม อาการของหาญศักดิ์รุนแรงร้ายกาจอยู่เอาเรื่องทีเดียว “ดีนะดั้งไม่หักไปด้วย”
ร่างสูงขบกรามแน่น
“ไอ้เสี่ยพิชิต... มันหยามพวกเรามาก”
ปัง!!
ยิ่งคิดชาญชัยก็ยิ่งรู้สึกโกรธตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้เป็นต้นเหตุจนต้องตบตู้ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อระบายอารมณ์ พอได้รับแจ้งข่าวเขาก็รีบตามมาที่โรงพยาบาล และจัดการจ่ายค่ารักษาทั้งหมด อีกทั้งยังกำชับให้โรงพยาบาลดูแลเสี่ยคนดังผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด แพทย์เอกซเรย์แล้วว่าเจ้าพ่อเงินกู้เพื่อนรักของเขาปลอดภัยดี แต่ยังอยากให้อยู่ดูอาการสักคืนว่าจะมีความเจ็บปวดอย่างอื่น หรือสัญญาณอันตรายเกิดขึ้นไหม เพราะโดนซ้อมหนักขนาดนี้อาจจะกระทบกระเทือนสมองเอาได้
“เมื่อก่อนพวกเราก็เคยโดนซ้อมแบบนี้...”
“ไม่ต้องเมื่อกงเมื่อก่อนหรอกเสี่ยหาน เมื่อไม่นานมานี้กูเพิ่งถูกผัวมึงยำเละเป็นโจ๊กเลย เข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน แต่ไม่หนักเท่ามึงในวันนี้เท่านั้นเอง เพราะโซดามันคงออมมืออยู่” เสี่ยชานเปิดเสื้อแล้วชี้ไปยังร่องรอยแผลบนตัวที่โซดาฝากเอาไว้เมื่อคราวก่อนโน้น คนเจ็บหนักมองแบบผ่านๆ
“อือ...คิดถึงวันเก่าๆ ว่ะ” จู่ๆ หาญศักดิ์ก็เปรยขึ้นมาลอยๆ ถึงวันคืนที่พวกเขาร่วมกันก่อร่างสร้างตัวในอดีต ชาญชัยหน้าเคร่ง
“มันไม่เหมือนกันโว้ยเสี่ยหาน เราไม่สมควรต้องถูกอัดแบบนี้แล้ว เรามาไกลกว่าจุดนั้นมาก”
หาญศักดิ์พยักหน้ารับแกนๆ ก่อนจะตื่นตัวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกอะไรได้ “แล้วไอ้เสี่ยพิชิตล่ะ? มันเป็นยังไงวะ มันถูกจับได้ใช่ไหม?”
ชาญชัยถอนใจยาวเหยียด “พวกหมาต๋าคงรวบลูกน้องตัวเล็กๆ ของเสี่ยพิชิตได้บ้าง แต่พวกตัวใหญ่ๆ หนีรอดกันหมด ...ไอ้เหี้ยเอ๊ย! เจ็บใจนัก!”
หาญศักดิ์ทิ้งศีรษะลงบนหมอนของโรงพยาบาลอย่างเคร่งเครียด ตราบใดที่เสี่ยพิชิตยังไม่ถูกจับเขาจะไม่มีวันสบายใจได้เลย และในเมื่อเป้าประสงค์ที่แท้จริงของมันคือการสังหารชีวิตเขา ฉะนั้น ตอนนี้หัวสมองของหาญศักดิ์จึงทำงานหนักดุจเครื่องจักรรถไฟเลยทีเดียว
“โอย...!” พอใช้สมองคิดหนัก หาญศักดิ์ก็รู้สึกปวดหัวจนต้องร้องอุทานออกมาจนได้
“เฮ้ย มึงยังไม่ต้องคิดมากเว้ย พักไปก่อน เดี๋ยวกูจัดการเอง ไหวเมื่อไหร่ก็ค่อยไปสน. ก็ต้องไปเป็นพิธีน่ะ กูเอาเงินไปอุดไว้หมดแล้ว ไม่มีใครกล้าทำอะไรมึงแน่”
“แล้วลูกน้องพวกเราล่ะ? พวกมันทุกคนเป็นยังไงบ้าง”
“ทุกคนรอดชีวิต มีบาดเจ็บสาหัสอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครตาย ไม่มีใครที่มีแนวโน้มจะพิกลพิการด้วย”
หาญศักดิ์รู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
“แม่งเอ๊ย... กูนึกว่าจะตายแล้วมึงรู้ไหมเสี่ยชาน ปืนจ่อหัวกูอยู่ตรงนี้” หาญศักดิ์จิ้มกลางหน้าผากตัวเอง “ปลายกระบอกแม่งเย็นเฉียบเลย...เย็นจนถึงหัวใจกูเลยมึงเอ๊ย”
“คิดถึงวันคืนเก่าๆ เลยสิมึง แค่ฟังกูยังนึกถึงเลยแฮะ”
“เออ ไม่ได้โดนเอาปืนจ่อกบาลแบบนั้นนานล่ะ หนาวดี” ไม่นับตอนโซดาในม่านรูดนะ
“กูก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่เดาเอาจากรูปการณ์...ถ้ามึงพอจะเล่าไหวก็ลองเล่ามาได้ไหมล่ะ”
“ได้... ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษที่กูประมาทเองด้วยแหละ”
หาญศักดิ์เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยเสียงแหบๆ ให้เสี่ยชานฟังอย่างไม่ปิดบัง ต้องเว้นวรรคบ้างเพราะแผลบนใบหน้าทำให้เจ็บจนเล่ารวดเดียวไม่ได้
“อะไรนะ!? ไอ้แก่นั่นมีวิชารึ?” เสี่ยชานเลิกคิ้วเมื่อหาญศักดิ์เล่ามาจนถึงตอนโดนซ้อม
“ใช่ มันซัดกูจนมอบ เทคนิคเหลือร้ายมาก ไม่งั้นกูไม่มีทางแพ้แรงคนแก่หรอกมึงก็รู้”
“...บรรลัยแล้วไง”
“ใช่ กูก็คิดแบบนั้น” หาญศักดิ์ขมวดคิ้ว แล้วก็ต้องยกมือแตะหางคิ้วซ้ายเพราะปวดแผล “กูกับมึงเดี่ยวกับนักเลงด้วยกันมาทั้งชีวิตไม่เคยแพ้ ...มึงรู้ฝีมือกูดีกว่าใคร”
เสี่ยชานพยักหน้า “ไม่นับไอ้ห่าโซดาเพราะไอ้นั่นเป็นนักมวย... กูก็ว่ามึงไม่น่าจะแพ้จริงๆ นั่นแหละเสี่ยหาน ที่แท้ไอ้แก่นั่นก็มีวิชาแต่ทำหงิมๆ ตอนมาขอกู้ตังค์”
“เออสิวะ”
ก๊อกๆ ...ครืด~
“ขออนุญาตค่ะ”
นางพยาบาลสาวเลื่อนบานประตูห้องคนไข้ออกแล้วนำถาดอาหารมาให้ สองหนุ่มเงียบความลับทางธุรกิจทันควัน สาวสวยร่างระหงทำเอาหาญศักดิ์ลืมเจ็บชั่วขณะ เขามองใบหน้าหวานๆ ที่กำลังจัดถาดอาหารให้ ยีนส์เจ้าชู้ในร่างกายของสองเสี่ยทำงานทันที ชาญชัยลอบมองเรียวขาสวยที่โผล่พ้นกระโปรงทรงสอบสีขาวของเครื่องแบบพยาบาล ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองสะโพกงามงอน
“แหม... อาหารโรงพยาบาลนี้นี่น่าทานจังเลยนะครับ”
หาญศักดิ์ป้อยอ พยาบาลสาวยิ้มหวานให้คนไข้ตามหน้าที่
“คุณชาญชัยได้กำชับให้เราเตรียมอาหารให้คุณหาญศักดิ์ให้ดีที่สุดค่ะ” ชาญชัยยิ้มรับทันทีที่พยาบาลเอ่ยถึงตน “จะเป็นแบบที่ย่อยง่ายทานง่าย แล้วก็สารอาหารครบห้าหมู่...”
“อ้าวเหรอครับ ผมนึกว่าเป็นเพราะคนที่เอาสำรับมาให้เสียอีก คนเอามาสวย...อาหารก็เลยดูน่าทานไปด้วย”
พยาบาลสาวออกอาการขวยเขินเมื่อถูกหนุ่มคนไข้ส่งสายตาสัพยอกให้อย่างออกหน้าออกตา ชาญชัยที่นั่งอยู่กอดอกมองเพื่อนด้วยสายตาอิดหนาระอาใจ เขาไม่ใช่พวกปากไวแบบหาญศักดิ์ แล้วเขาก็จะไม่มีวันยิงมุกเสี่ยวหรือเล่นอะไรแพลงๆ แบบที่หาญศักดิ์ทำอยู่แน่ๆ
เขาถนัดอยู่นิ่งๆ ส่งสายตานำไปก่อน แล้วรุกอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า ก่อนจะรวบหัวรวบหางเหมือนสายลม
...ก็ไม่เคยมีสาวคนไหนต้านทานเสี่ยชานได้แล้วกัน
ชาญชัยไม่ชอบการผูกมัด และไม่มีความคิดที่จะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดจะหว่านเสน่ห์ป้อยอใครให้มีภาระพันผูก สำหรับเขาแล้วแค่ความสัมพันธ์ทางกายก็เพียงพอ
พยาบาลสาวหันไปมองใบหน้าของคนเฝ้าไข้อย่างชาญชัยเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบเพียงสายตานิ่งๆ หมายสั่นใจเปี่ยมไปด้วยความนัยน์ที่มองกลับมาเท่านั้น
...พอกันทั้งคู่...
“เอ่อ ยังไงดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” พยาบาลสาวรีบเอ่ยเมื่อทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกถูกคุกคามทางเพศจากสองเสี่ยหนุ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น สาวสวยหมุนตัวหันหลังจ้ำเท้าพรวดทันที
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรไปคะคนไข้! เจ็บตรงไหนหรือคะ!”
เธอรีบหันหลังกลับมาเมื่อได้ยินคนไข้ร้อง เสี่ยชานวิ่งไปเกาะขอบเตียงที่เป็นกรงเหล็กทันที ชายร่างสูงใหญ่เอ่ยถามเพื่อนอย่างร้อนรน
“มึงเป็นอะไรเสี่ยหาน!? มึงปวดหัวเหรอ? หรือมึงเจ็บแผลตรงไหน?”
“...เปล่าครับ” เสี่ยหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงลืมตาแป๋วแหวว ส่งสายตาคมซึ้งไปที่สาวสวยเพียงคนเดียวในห้อง “แต่ผมปวดใจที่คุณพยาบาลไม่สนใจผม”
“...”
เสี่ยชานเบ้ปากแรงมากกับความน้ำเน่าเจ้าชู้ของเพื่อน พยาบาลสาวสะดุ้งเฮือกหน้าเหลอเมื่อหาญศักดิ์ค่อยๆ เอื้อมมือมาจับมือเธอแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว เธอพยายามกระตุกมือออกแต่ก็ถูกยึดไว้
“ไม่ทราบว่าคุณพยาบาลพอจะป้อนอาหารมื้อนี้ให้ผมได้ไหมครับ...” เขาใช้นิ้วโป้งเขี่ยหลังมือของเธออย่างถือวิสาสะ ดวงตาชายหนุ่มวิบวับ “แขนผมไม่ค่อยมีแรง จะให้เพื่อนผมป้อน...ก็จะดูไม่เหมาะ”
“...เอ่อ แต่ เอ่อ...”
“นะครับ...” หาญศักดิ์ออดอ้อนต่อ เอาให้รู้กันไปว่าเสี่ยหานสุดหล่อและสุดรวยจะเกี้ยวพยาบาลไม่ติด เขารู้ว่าไอ้เสี่ยชานก็เล็งเธอคนนี้อยู่ ดูสายตามันก็รู้แล้ว... ถ้าสาวเจ้าออกไปนอกห้องเมื่อไหร่ เสี่ยชานต้องรีบรุดไปทำคะแนนนำหน้าเขาแน่
กูยอมไม่ได้โว้ย
“ถ้าเกิดว่าเลยเวลาทานยา...เดี๋ยวผมจะไม่หายได้นะครับ เนี่ย...ผมเริ่มระบมแผลแล้วด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
กึก!
เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตู โทนเสียงที่สุดแสนจะธรรมดาและคุ้นเคยนั่นทำเอาหาญศักดิ์ตัวแข็งทื่อ เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้เตียงเรื่อยๆ ทำเอาชายหญิงทั้งสามคนต้องหันไปจ้องผู้มาใหม่เป็นตาเดียว
“ถ้าพี่ชานป้อนแล้วมันจะดูแปลก...”
บริเวณบานประตูเผยให้เห็นร่างสูงโปร่งที่สะพายเป้กำลังก้าวเข้ามาช้าๆ รอยยิ้มพิฆาตบนใบหน้าหล่อๆ นั่นทำเอาหาญศักดิ์ขนลุกซู่ คิ้วเข้มข้างขวาของคนพูดเลิกขึ้นพร้อมๆ กับที่ขยับริมฝีปาก
“เดี๋ยวผมป้อนให้เองก็ได้ครับพี่”
เอื๊อกก!
เอาแล้วไงกู...
ผัวมาว่ะ!!!
:::METAL TERMINAL:::
“อ้าวเฮ้ยเสี่ยหาน... กูว่ามึงคงไม่ต้องให้คุณพยาบาลเขาป้อนให้แล้วหรอกว่ะ” เสี่ยชานเอ่ยขึ้นท่ามกลางสีหน้าที่ช็อกจัดของเพื่อนรัก เขายิ้มล้อเลียนแบบสะใจสุดขีด “เดี๋ยวกูให้โซดาดูแลมึงนะ คืนนี้โซดาจะมานอนเฝ้ามึงด้วย กูจะกลับล่ะ คุณพยาบาล... เราออกไปพร้อมกันเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้...”
“เอ่อ ค่ะ”
เจ้าพ่อกาสิโนเอ่ยเสียงนุ่ม ส่งสายตาแพรวพราวให้พยาบาลสาวแล้วเดินไปเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษ มิวายเดินตามสาวเจ้าออกไปนอกห้องอีกต่างหาก ก่อนปิดประตูชาญชัยหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้คนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียง หาญศักดิ์ยิงฟันใส่เพื่อน
ไอ้เลว! ถือโอกาส! ไอ้กร๊วก!!
ทิ้งกูให้อยู่กับไอ้ผัวมหาประลัยสองต่อสองอีก โอ๊ยยยยยย แงงงงงง
บรรยากาศในห้องวังเวงทันที หาญศักดิ์ที่นอนลืมตาดุ๊กดุ๋ยมองไปที่โซดาแบบหวาดๆ เด็กหนุ่มทิ้งเป้ที่สะพายเอาข้าวของสำหรับนอนเฝ้าคนเจ็บคืนนี้ลงบนโซฟา ยิ้มในหน้าก่อนจะลากเก้าอี้ตัวที่เสี่ยชานเคยนั่งให้มาติดกับริมเตียง เขาทรุดตัวนั่งลง
“นี่ถ้าไม่เจ็บอยู่นะครับ ผมบอกเลยโดน”
“แฮะ...แฮะ...”
“สภาพดูไม่ได้ยังจะหน้าหม้อใส่สาว”
“...มะ...ไม่ได้หม้อนะจ๊ะ” หาญศักดิ์พูดเสียงแผ่วๆ ...เจ็บขนาดนี้ต้องใช้ไม้อ่อนเท่านั้นครับ เกิดถูกซ้อมซ้ำอีกชีวิตจะหาไม่เอาได้ “เพียงแต่ว่าเจ็บอยู่อ่ะ มันกินเองไม่สะดวก”
“เหรอ~?” โซดาลากหรี่ตาเสียงถามพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ฮ่า...ใช่สิ”
เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ มุมปากกระตุก “เอาไปหลอกควายมันยังส่ายกบาลหนี ก่อนจะทำเจ้าชู้ไก่แจ้ผมถามหน่อยครับพี่เห็นสภาพตัวเองรึยัง”
“ยังอ่ะ”
“เอ้า เอาไป” เด็กหนุ่มเปิดลิ้นชักของโรงพยาบาลแล้วล้วงกระจกบานขนาดกลางออกมา “ส่องดูหนังหน้าตัวเองตามสะดวกเลยครับพี่”
หาญศักดิ์รับกระจกมาแล้วตวัดสายตามอง เชื่อขนมกินเหอะว่าไอ้เด็กนี่มันโอเวอร์ สภาพเขาไม่มีทางจะแย่อย่างที่มันสาธยายหรอก...
“อีช่อ!”
หากทันทีที่เห็นสภาพตัวเองเต็มสองตาเสี่ยหนุ่มก็ตื่นตัวเต็มที่ สิ่งที่เสี่ยชานอธิบายกับโซดาผสมโรงด่ายังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ปากของเขาฉีกเป็นทางยาว ระบมบวมจนพองลมเหมือนลูกโป่งอัดก๊าซที่ใกล้แตกเต็มที่ หางคิ้วซ้ายถูกเย็บด้วยไหม ไหนจะยังคางที่บวมดุจลูกมะอึก เบ้าตาของเขาช้ำเขียวช้ำม่วงเป็นวงทั้งสองข้าง ตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นสีแดงตามสภาพเวลา... ไม่นับรวมแผลที่จุดอื่นๆ ตามใบหน้าและลำคอ สภาพเขายิ่งกว่าเดอะฮัลค์ที่กลายร่างเป็นตัวเขียวๆ อีก
หาญศักดิ์เผลออ้าปากค้างโดยอัตโนมัติจนเจ็บแผลที่ปาก
“โอ๊ย!”
โซดาเดินมาฉวยเอากระจกออกไปจากมือของเสี่ยหนุ่มแล้วเก็บที่เดิม เขายืนข้างเตียงยกมือขึ้นกอดอกพูดปาวๆ
“ผมบอกแล้วพี่แล้ว พยาบาลคนเมื่อกี้คงจะกลัวสัตว์ประหลาดอย่างพี่น่าดู เห็นไหมครับ เธอรีบแจ้นหนีไปเลย”
“โอย...หุบปากเถอะพ่อคู้น มึงมาเพื่อซ้ำเติมกูรึไงวะ” หาญศักดิ์เอามือแตะแผลบนริมฝีปากเบาๆ “พูดแบบนี้มึงมาทางไหนไปทางนั้นเลย ทำให้กูปวดแผลเปล่าๆ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง โน่น ประตู”
พูดจบก็หันหลังไปอีกด้านแบบไม่สบอารมณ์เต็มที่ มาถึงโซดาก็ว่าเขาฉอดๆ แถมหนักสุด...มาหาว่ากูหน้าอุบาทว์เป็นสัตว์ประหลาดอีก เป็นใครจะไม่โกรธวะ
แก๊ง... ยวบ~
จู่ๆ กรงเหล็กอีกด้านก็ถูกปลดออกลงไปห้อยอยู่ข้างล่าง ตามด้วยความรู้สึกที่ว่าฟูกที่ตัวเองกำลังนอนอยู่ยุบตัวลงไป หาญศักดิ์สะดุ้งเล็กๆ เมื่อมืออุ่นๆ ของใครคนหนึ่งทาบลงบนลำคอของเขาแผ่วเบา
“ผมเป็นห่วงพี่มาก... พอรู้ข่าวจากพี่เฉินก็รีบมาเยี่ยม... อย่าไล่ผมเลยนะครับ...”
“...”
แววตาของคนพูดอ่อนลงจนหม่นแสง เขาเอื้อนเอ่ยคำพูดต่อ
“นะครับ...ให้ผมอยู่นะครับ... พี่...”
หาญศักดิ์ได้แต่กัดริมฝีปากกับน้ำเสียงออดอ้อนนั่น จะกลิ้งเกลือกหน้าหลบลงกับหมอนเป็นนางเอกนิยายก็ไม่ได้เพราะเจ็บแผล เขาข่มเสียงงุบงิบในลำคอออกมา
“เออ... ตามใจ”
โซดายิ้มจนดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว เขาพลิกร่างเสี่ยหนุ่มให้หันมานอนหงายพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นประกาย มันสุกสกาวเหมือนหมู่ดาวในคืนที่มืดสนิท ดึงดูดให้คนที่มองกลับต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่ร่ำไป...
แล้วโซดาก็หล่อมาก... หล่อมากจริงๆ...
ทุกครั้งที่ได้เห็นหาญศักดิ์ก็ยังรู้สึกว่าลูกชายของลูกหนี้เขาหล่อมากเสมอ ทั้งเส้นผมสีดำสนิท...ไปจนถึงใบหน้าคมคายราวจิตรกรเอกเสกสรรค์...ยิ่งกอปรกับรูปร่างสูงโปร่งที่สมชายชาตรีนั่นแล้ว บางทีหาญศักดิ์ก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มดูโตเกินอายุไปมาก... ทั้งการกระทำทุกอย่าง และการพูดการจา ...อาจเพราะด้วยภาระหนักอึ้งอันเป็นหนี้ร้อยล้านของพ่อตัวเองที่ต้องแบกรับไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้โซดาดูจะฉลาดทั้งความคิดและการกระทำเหลือเกิน
หาญศักดิ์รู้สึกกระสับกระส่ายกับสายตานั่นจนต้องตะโกนออกมา
“อะไรมึง จะเยาะเย้ยแผลบนใบหน้ากูรึไง เจ็บโคตรๆ...กูจะบอกไว้เลย”
โซดาค่อยๆ เลื่อนไล่สายตาสำรวจดูแผลแต่ละรอยตามใบหน้าและลำตัวทันที หาญศักดิ์ยิ่งรู้สึกพลาดกว่าเดิม คนเจ็บที่นอนบนเตียงตัวสั่นสะท้านเมื่อสายตาของโซดามองราวกับเขาเปลือยเปล่าไปทั้งกาย มันชวนให้วูบวาบจนหาญศักดิ์ต้องรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมทับร่างตัวเอง
ดวงตาคมโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอีกครั้งกับท่าทางของคนตรงหน้า
“ถ้าผมไปด้วย... ไม่มีทางที่พี่จะเจ็บแบบนี้แน่...” มือหนาเลื่อนไปเลิกผ้าห่มลง แล้วแตะตรงบริเวณซอกคอของคนที่นอนอยู่
“อาคมผมนี่ไม่ขลังเลยเนอะ...”
สุ้มเสียงนั่นทำให้คนฟังต้องเกร็งตัวหันหน้าหลบ หาญศักดิ์ตัวแข็งเมื่อโซดาโน้มหน้าลงมาเป่าลมเบาๆ ที่รอยจูบนั่น ขนทั่วร่างของเขาลุกเกรียว
“มันคุ้มครองพี่ไม่ได้เลย...”
เด็กหนุ่มเผลอเอื้อมมือไปลูบเรือนผมของหาญศักดิ์อย่างอ่อนโยนแผ่วเบา
“แต่แผลแค่นี้...เดี๋ยวก็หายสนิท...ไม่ตายหรอกครับพี่...”
หาญศักดิ์ตาโต หดคอหลบวืดทันที โซดาเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าทำไม่เหมาะสมเกินเหตุกับการเล่นหัวผู้สูงอายุกว่าจึงรีบชักมือกลับมาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วยักไหล่ ก่อนจะพูดเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมเคยโดนหนักกว่านี้อีกตอนขึ้นชกไทยไฟต์ โดนนักมวยปากีฯ อัดเกือบตาย แพ้เลยเวทีนั้น” น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันกลายเป็นน้ำเสียงบอกเล่าแบบสบายๆ แทน
“เออเนอะ...กูก็ลืมไปว่าอย่างมึงคงเจ็บตัวเจ็บหน้าจนชิน...”
หาญศักดิ์เองก็พยายามทำลายบรรยากาศแปลกๆ ที่คละคลุ้งอยู่ในห้องให้หายไปเช่นกัน
“ปากผมงี้ฉีกเป็นทางยาวกว่าพี่อีก” โซดาพยักหน้าแล้วทำท่าประกอบการเล่า “หน้าบวม... ช้ำเขียวช้ำเหลือง มึนมากครับ ผมเดินไม่ตรงไปเลยตั้งสองอาทิตย์”
“ไหนมึงบอกชกมาร้อยเวทีไม่เคยแพ้ใครไง”
โซดาทำหน้ามั่นใจแล้วกระดกคิ้วตอบ “ผมแพ้น้อยครับ น้อยมากก็แล้วกันไปเปิดประวัติดูในอินเทอร์เน็ตได้ อีกอย่าง นั่นมันก็สมัยหลายปีก่อนแล้ว”
หาญศักดิ์เบ้ปาก “เออ”
“ไม่เคยแพ้น็อกด้วยนะครับ แพ้แต้มอย่างเดียว”
“จ้ะๆ พ่อคนเก่ง...”
หาญศักดิ์ขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืด มวยก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ... ไม่แปลกที่สันติจะอยากให้โซดาเพลาลง
บรรยากาศประหลาดๆ เมื่อกี้ถูกขจัดไปอย่างง่ายดายเมื่อมีบทสนทนาเข้ามาคั่น หากแต่หาญศักดิ์รู้ดีว่ามันคงจะติดอยู่หัวเขาไปอีกหลายวันแน่ๆ
เขาเป็นอะไรไปนะตอนนั้น... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...
“พี่ครับ...กินข้าวนะครับ ยังอุ่นๆ อยู่เลย รอนานกว่านี้เดี๋ยวจะเย็น... พี่ต้องกินยาต่อด้วย”
หาญศักดิ์พยักหน้าเมื่อโซดาพูดแทรกความคิด เขาเกือบลืมไปแล้วว่าต้องรับประทานอาหารเพื่อรับประทานยาต่อ เด็กหนุ่มเดินไปเลื่อนโต๊ะเข้าข้างเตียงที่ตั้งสำรับอาหารโรงพยาบาลมาให้ หาญศักดิ์เอื้อมมือไปหยิบช้อนในถาด
“เอาไปทำไม กูจะกินข้าว!!”
เขาโวยวายทันทีที่โซดาฉวยช้อนไปต่อหน้าต่อตาแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน
“ก็เมื่อกี้พี่บอกไม่ใช่เหรอครับว่าอยากให้พยาบาลป้อน... กินเองไม่ไหว”
โซดาเอียงศีรษะพูด บนใบหน้าเคลือบไปด้วยรอยยิ้มกว้าง มันจ่อแทบติดใบหน้าของเสี่ยหนุ่มทำเอาหาญศักดิ์ได้แต่เงียบกริบ
“...”
“...มาครับพี่ เดี๋ยวผมป้อนเอง”
คือกูแค่เต๊าะสาวเว้ยยยย TT_TT กูไม่ได้ต้องการให้มึงป้อนกูววววววว
“ไม่ต้อง! กูกินเองได้น่า... ไม่ต้องลำบากมึงหรอก”
หาญศักดิ์พยายามปฏิเสธโดยเอาความหวังดีมาบังหน้า หากแต่โซดาก็ส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกครับพี่ ถ้าเกิดมีคนเห็น เขาจะนินทาลับหลังได้ว่าผมเป็นผัวที่ไม่ดี...”
“เงียบนะ!!” หาญศักดิ์ตะโกนก้อง รีบเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อดูว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม ความลับราชการนะมึงห้ามเผยแพร่... พูดออกมาในที่สาธารณะได้ยังง๊ายยย ภาพพจน์กู๊วววว
โซดาแกะพลาสติกที่คลุมบรรดาถ้วยอาหารออกแล้วพูดไปด้วย
“ไม่มีคนอยู่หรอกครับ มีแค่เราสองผัวเมีย...”
“หุบปาก!!”
เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกสนุกกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางตื่นๆ ของคนตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นจับจดใบหน้าที่มีรอยแผลไม่วางตา
...ทำไมพี่เขาน่ารักอย่างนี้นะ...
น่ารัก... น่ารักแบบที่เป็นธรรมชาติมากๆ...
...แล้วโซดาก็รู้ ว่าพี่หานต้องไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน...
“พี่ครับ...กินข้าวนะ...”
เด็กหนุ่มจ้วงช้อนตักข้าวต้มหมูสับขึ้นมาแล้วจ่อไปที่ริมฝีปากของคนเจ็บ หาญศักดิ์กลืนคำพูดทุกอย่างลงท้องเมื่อรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอีกแล้วกับสายตาที่ทรงพลังนั่น... เขาตัดสินใจหลับหูหลับตาอ้าปากรับข้าวต้มช้อนนั้นไปแต่โดยดีเพื่อตัดปัญหา
“โอ๊ย! ร้อน!! แค่กก!”
หาญศักดิ์พ่นข้าวต้มพรวดออกมาทันทีจนเลอะเสื้อโซดาแล้วแลบลิ้นออกมานอกปาก ร่างสูงทิ้งช้อนทันใด รีบกุลีกุจอวิ่งไปรินน้ำเสียบหลอดแล้วนำมาให้หาญศักดิ์อย่างรวดเร็ว
“พี่หาน น้ำครับ”
หาญศักดิ์คว้าน้ำไปดูดสองสามอึกใหญ่จนเกือบหมดแก้วแล้ววางลงบนโต๊ะเข้าข้างเตียง พอหายร้อนแล้วเสี่ยหนุ่มก็มองไปที่เสื้อโซดาอย่างเสียใจ
“เอ่อ...กูขอโทษ”
“ช่างมันเถอะครับ เรื่องเล็กน้อย”
“...ตะ แต่”
“พี่...ลองกินคำนี้นะครับ ไม่ร้อนแน่นอนผมรับประกัน...”
โซดาเป่าลมบนช้อนอยู่อึดใจหนึ่งจนแน่ใจว่ามันหายร้อนแล้วจ่อไปที่ริมฝีปากของหาญศักดิ์อีกครั้ง หาญศักดิ์นิ่งอึ้ง... มองหน้าโซดาด้วยความรู้สึกประหลาดที่ตีกันเข้าเต็มร่าง
“...กินสิครับพี่”
“อะ...อือ”
หาญศักดิ์รับข้าวต้มนั่นเข้าปาก มันไม่ร้อนจริงๆ ด้วย...และยังอุ่นกำลังพอเหมาะ
“ยังร้อนไหมครับ?”
หาญศักดิ์ที่กลืนข้าวต้มอยู่ส่ายหน้า โซดายิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง ดวงตาของเด็กหนุ่มระยิบระยับ
“...ดีจัง”
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!
หาญศักดิ์สะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นจับหน้าอกตัวเองโดยอัตโนมัติ
บ้าน่า... เขากำลังใจเต้นงั้นหรือ...
ใจเต้นกับไอ้เด็กมากอภินิหารที่เคยซ้อมเขาเช้าเย็นคนนี้เนี่ยนะ...?
หาญศักดิ์จ้องมองไปที่โซดาที่กำลังตั้งอกตั้งใจเป่าข้าวต้มช้อนต่อไปให้แล้วกะพริบตาตัวเองถี่ๆ
บ้า... เป็นไปไม่ได้... เขาเป็นผู้ชายเต็มร้อย...อันที่จริงเกินร้อยเปอร์เซนต์เลยด้วย แถมเคยมีเมียเป็นผู้หญิงมานับไม่ถ้วน
แล้วจะมาเสียดุลการค้าให้กับเกย์ได้ยังไง
...โอ้วโน้ววว!!
แต่ทำไม... ทำไมโซดามันดีกับกูจังวะ... ทำเสื้อเลอะก็ไม่โกรธ...แถมหน้าตามันก็หล่อมากอีกด้วย... ดวงตามันก็สวย...
ยิ่งหุ่น ไม่ต้องพูดถึง...โคตรจะแฮ่ก
...เอาแล้วไงไอ้หาน...
...อ๊อต๊อเค๊!!!???
---------------------------------
50% METAL TERMINAL
ขำเสียหาน5555555555555555
เอาน้องโซดามาเสริฟให้แล้วนะคะ