2.2ผมพยายามเคลียร์สมองให้โล่ง สูดลมหายใจเข้าให้ลึก และปรับระดับอารมณ์ของตัวเองให้ลดลงกว่าที่เป็นอยู่ก่อนหน้า เพราะยอมรับเลยว่าบรรยากาศของสวนในโซนบ้านผมนั้นช่วยสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ต่างจากสวนของบ้านพี่เบลที่จะอัดแน่นไปด้วยสมุนไพรวิเศษต่างๆ ซึ่งถูกปลูกและดูแลโดยพ่อมดคู่พันธะสัญญาของเธอ
อันที่จริงหลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมพี่เบลกับไรเกอร์ถึงเข้าออกบ้านผมได้ง่ายดายนัก? คืองี้ครับ ด้วยความที่อลิชาเป็นตระกูลใหญ่ คุณปู่และคุณย่ามีลูกด้วยกันถึงแปดคน (พ่อผมเป็นคนสุดท้อง) แล้วลุงๆ ป้าๆ ก็แตกหน่อไปอีก มันเลยยากต่อการจัดการให้เป็นระบบระเบียบ โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นครอบครัวที่มีความลับในแบบที่ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้ เพราะฉะนั้นคุณปู่ถึงได้สร้างอาณาจักรของอลิชาขึ้น โดยที่ในหนึ่งรั้วนี้มีบ้านด้วยกันทั้งหมดเก้าหลัง เป็นของลุงๆ ป้าๆ รวมถึงบ้านของพ่อผมรวมกันแปดหลัง ส่วนหลังที่เก้าเราจะเรียกว่า 'บ้านใหญ่' เป็นของคุณปู่คุณย่าและที่รวมญาติอย่างเป็นทางการ
ด้วยความที่ถึงจะอยู่กันคนละบ้าน แต่รั้วเดียวกัน จึงสามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างง่ายดาย และแต่ละบ้านก็จะมีวัฒนธรรมการอยู่การกินที่แตกต่างออกไปตามสไตล์ความชื่นชอบ
สวนนี่ก็เช่นกัน มันถูกออกแบบมาเพื่อความผ่อนคลายในแบบที่พ่อแม่และผมชื่นชอบโดยแท้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะคุยเรื่องจริงๆ จังๆ แบบไม่ให้เกิดความเครียด ผมก็มักจะเดินออกมาคุยกันในสวนเนี่ยแหละ
ซึ่งถึงผมจะไม่ได้โกรธอะไรมาก แต่ก็ยอมรับว่าอารมณ์มันแกว่งๆ นิดหน่อยนะ ที่จู่ๆ เหล้ารัมก็เดินเข้ามา แล้วพ่อแม่ก็สั่งผมให้ไปอยู่กับเขา ทั้งๆ ที่เป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แบบนี้มันไม่แฟร์อะ!
นั่นไง พอพูดแล้วขึ้นเลยเห็นมะ
ฟืดดดดดด~ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ วาฬ ใจเย็นไว้~
"คุณมีอะไรจะคุยกับผมหรอวาฬ"
"ยังจะมาถามอีก" ผมรีบหันกลับไปสวนเขาทันที ซึ่งอีกฝ่ายกลับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้อย่างเปิดเผย ราวกับจงใจจะยั่วโมโหผมอย่างงั้นแหละ มะ..มันน่านัก! "ก็มันเรื่องอะไรกันล่ะ จู่ๆ คุณก็เข้าไปคุยกับพ่อแม่ผมเป็นการส่วนตัว แล้วพวกท่านก็สั่งให้ผมย้ายไปอยู่กับคุณที่คอนโดแบบเนี้ย มันเรื่องอะไรกันแน่"
เป็นอีกครั้งที่ผมกอดอก มันเป็นภาษากายที่ผมชอบทำมากเวลาต้องการคำตอบอย่างจริงจัง
ทว่า..
"ใจเย็นสิครับ" เขากลับพูดจานุ่มนวลอ่อนหวาน แล้วเดินเข้ามาแกะมือผมออกจากกัน ทั้งๆ ที่ปกติผมควรจะต้องสะบัดมือหนี แต่พอเป็นเขาทำ มันกลับดูเป็นอะไรที่น่าโอนอ่อนผ่อนตามชะมัด!
"งะ..งั้นก็พูดมาสิ" ยิ่งลองเสียงสั่นแบบนี้ อีกฝ่ายต้องรู้แน่ว่าผมหวั่นไหวน่ะ อะไรกันวะวาฬ นอกจากจะแพ้ทางความหล่อเหลาลูกครึ่งของพ่อมดคนนี้แล้ว ยังแพ้ทางการกระทำของเขาอีกหรอเนี่ย!?
ไม่สตรองเลย!
"ที่พ่อกับแม่คุณให้คุณย้ายไปอยู่กับผม เพราะผมบอกพวกท่านไปว่าเราสองคนจะทำพันธะสัญญาครั้งที่สองร่วมกัน"
ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เพราะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาพูดถึงคืออะไร พันธะสัญญาที่สองอะไรกัน แล้วจะทำไปเพื่อ
อะไร ยังไงกันฟะ!?
"หมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ"
ผมรู้เลยว่าตัวเองสับสนมาก เพราะสมองที่เคยโล่งกลับเต็มไปด้วยคำถาม ในขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนมือจากช่วงแขนลงมากุมมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น "คุณฟังผมนะวาฬ ในโลกเวทมนตร์ของเราจะมีการทำพันธะสัญญาเวทมนตร์ด้วยกันทั้งหมดสามครั้ง"
"สะ..สามครั้งเลยหรอ?" แล้วทำไมพอตอนที่ตระกูลผมทำเรื่องขอให้ราชวงศ์ช่วยหาพ่อมดแม่มดมาทำคู่พันธะสัญญากับผมอีกครั้ง พวกเขาถึงเงียบไปล่ะ แม้แต่พอถามเอาความจากพ่อมดแม่มดที่เข้ามาเป็นคู่พันธะสัญญากับหลานคนอื่นๆ ในตระกูก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่เหล้ารัมกลับบอกว่าทำได้ถึงสามครั้งเนี่ยนะ?
"ใช่ ทำได้ทั้งหมดสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะมีความแตกต่างกันออกไป"
"ยังไงครับ"
"ก็พันธะสัญญาครั้งแรก คุณจะต้องทำตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เป็นพันธะสัญญาที่บริสุทธิ์ที่สุด"
ผมพยักหน้ารับฟังโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรออกไป ถึงจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพันธะสัญญาครั้งที่หนึ่งดีอยู่แล้วก็ตาม แต่รู้สึกว่าไม่อยากขัดสิ่งที่เหล้ารัมกำลังอธิบายอยู่
"ส่วนพันธะสัญญาครั้งที่สอง เป็นพันธะสัญญาที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำมันร่วมกับคุณ เป็นพันธะสัญญาที่เกิดจากความสัมพันธ์ของคู่พันธะสัญญาทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น พ่อแม่คุณถึงอนุญาตให้คุณไปอยู่กับผมที่คอนโดไง : )"
"ทำไมล่ะ มันเกี่ยวกับการไปอยู่คอนโดด้วยหรอ" ทีแรกผมก็ว่าจะไม่ขัดนะ แต่พอฟังสิ่งที่เขาพูดออกมา บวกกับรอยยิ้มหวานๆ ทว่าแฝงความเจ้าเล่ห์นิดๆ มันเลยทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
ว่านี่น่ะ มันเป็นการมาไม้ไหนกันแน่!?
"เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว" เหล้ารัมกระชับความห่างให้ใกล้กันมาขึ้นกว่าเดิม พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เหมือนพวกพระเอกซีรี่ส์เกาหลี จนตอนนี้สายตาของผมเลยโฟกัสแค่นัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายของเขาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น "ในเมื่อพันธะสัญญาครั้งที่สองจะสำเร็จได้ด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างมีความรักให้แก่กัน เพราะฉะนั้นการที่เราสองคนไปอยู่ด้วยกันที่คอนโด ก็จะยิ่งทำให้สามารถสานสัมพันธ์กันได้มากขึ้น พอถึงจุดที่เรารักกันแล้ว พันธะสัญญาก็จะสำเร็จลุล่วง แล้วคุณเองก็จะได้มีชีวิตต่อไปไง : )"
"..."
ตึกตัก ตึกตักคำว่า 'มีชีวิตต่อไป' ทำให้ผมปิดปากเงียบ.. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่คำว่า 'มีชีวิต' มันดูน่าฟังและมีผลกับใจผมมากๆ เมื่อออกมาจากปากคนตรงหน้า
แต่พอจินตนาการว่าเราจะต้องไปสานสัมพันธ์กันที่คอนโดให้ก่อเกิดเป็นความรัก พันธะสัญญาถึงจะสำเร็จลุล่วง ภาพเหล่านั้นกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนขึ้นมาทันทีที่สองข้างแก้ม ขนาดว่าต้องรีบหลบสายตา แล้วผละตัวเองออกมาจากความเนียนในการประชิดตัวของอีกฝ่าย
พะ..เพราะแต่ละภาพ...มันชวนหวิวสุดๆ ไปเลยน่ะสิ!
"ละ..แล้วคุณไม่คิดจะถามผมสักนิดเลยหรอว่าผมอยากไปอยู่กับคุณมั้ย คิดเองเออได้ที่ไหนกันเรื่องแบบนี้น่ะ!" ผมแกล้งโวย เพื่อไม่ให้เขาเห็นอาการผิดปกติจากตัวผม ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะสลัดภาพเหล่านั้นออกไปจากหัวด้วย
แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้ตัวเองเดือดร้อนกว่าเดิม เมื่อเจอสิ่งที่เหล้ารัมตอบกลับมา!
"ไม่ถามหรอก เพราะผมรู้ดีว่าคุณอยากไปอยู่กับผม"
"ระ..รู้ได้ไง ใครบอกไม่ทราบ!"
"ก็ตาคุณมันฟ้อง : )"
"..."
วินาทีนั้น...ผมเหมือนโดนคู่ต่อสู้ชกเข้าที่แก้มด้านซ้าย!
หาคำที่จะเถียงนายพ่อมดผมบลอนด์นี่ไม่ออกเลย... เพราะมันก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่า คือ... ผมถูกใจเหล้ารัมนะ ยอมรับตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลย ถูกใจตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ ยิ่งตอนที่เขาเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว มันเหมือน...มีบางอย่างในใจที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขามากขึ้น
ยิ่งการยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าผมกำลังจะตาย ผมก็ยิ่งรู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปใหญ่ ถึงจะไม่ได้พูดออกไปก็เถอะ แต่ใจผมมันก็บอกกับตัวเองแบบนั้นจริงๆ ว่าเขาเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึก
พิเศษมากๆ
นอกจากนี้ เหล้ารัมก็เหมือนเข้ามาได้จังหวะเวลาพอดิบพอดี เพราะมันเป็นช่วงสี่เดือนสุดท้ายที่ผมรู้สึกว่าชีวิตมันหมดหวังและไร้เรื่องราวความน่าสนใจไปแล้ว เหมือนอยู่รอความตายไปวันๆ แต่พอมีเขาเข้ามา ความรู้สึกของผมกลับเปลี่ยนแปลงไป คือผม..มีความหวัง แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่ผมก็ยังมีความหวัง..ว่าผมจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
ราวกับว่า..
แค่เหล้ารัมมา หมอกร้ายก็จางหายไป"แล้ว..คุณจะมั่นใจได้ยังไง ว่าเราสองคนจะรักกันได้ในเวลาสี่เดือนที่เหลือ" พอเริ่มคิดว่าใจจริงผมก็อยากจะไปอยู่เพื่อทำพันธะสัญญากับเหล้ารัม ผมก็ดูจะเสียงอ่อนลงอย่างคนยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่วายหาเงื่อนไขขึ้นมาถามอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่กล้าที่จะสบตา...
"ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมมั่นใจนะ แต่คิดว่ามันคงดีกว่าหากไม่ลงมือทำอะไรเลย แล้วปล่อยให้คนที่ผมชอบตายไปแบบนี้"
แล้วก็เป็นอีกครั้ง..ที่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคู่ต่อสู้ปล่อยหมัดใส่แก้มด้านซ้าย!
ผมลากสายตากลับมามองเหล้ารัม พยายามหาบางสิ่งบางอย่างจากนัยน์ตาคู่นั้น บางสิ่งบางอย่าง..ที่อาจจะทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังบิดเบือนสิ่งที่ตัวเองพูด
แต่มันไม่มีเลยสักนิด.. ตรงกันข้าม สายตาที่มองมาของนายพ่อมดนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจในแบบที่ผมสัมผัสได้ หรือต่อให้เป็นเพียงการแสดง เขาก็คงเป็นถึงระดับนักแสดงชั้นยอด
"ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงต้องดีกับผมขนาดนี้ด้วย ทั้งที่แค่เจอกันวันเดียว คุณก็ชอบผมซะแล้ว" ผมส่ายหน้าไปมา ไม่ได้ต้องการคำตอบในสิ่งที่ถาม มันเป็นการเปรยไปเฉยๆ เท่านั้น อยากให้เขารู้ว่าผมยอมแพ้ต่อเหตุผลของเขาจริงๆ
"อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก พ่อมดอย่างผมที่เกิดมาไม่เคยชอบใครเลย จู่ๆ ได้มาใจเต้นแรงเพราะคุณ แถมยังละสายตาจากคุณไม่ได้ ผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน" แต่กลายเป็นว่าเหล้ารัมกลับมีคำตอบที่มาพร้อมกับนวมล่องหนที่ชกเข้าบริเวณกลางท้องของผมเต็มแรง!
"แต่ถ้าไม่สำเร็จ คุณจะไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลยนะ นอกจากความเสียใจที่เห็นผมตายน่ะ" ผมก็เลยต้องถือโอกาสนี้สวนหมัดกลับไปบ้าง
ทว่า...
"ใครว่าไม่ได้" เหล้ารัมเว้นจังหวะเล็กน้อย พลางขยับเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะเกลี่ยเส้นผมที่ข้างแก้มออกให้ด้วยสัมผัสอันอ่อนโยน หากแต่ฝากร่องรอยความร้อนไว้ที่บริเวณนั้น "ก็ผมได้มีคุณอยู่ในชีวิตนับจากนี้สี่เดือนไง : )"
"..."
...ผมถูกหมัดล่องหนชกเสยปลายคางในวินาทีต่อจากนั้น
ถ้าจะให้บรรยายภาพตอนนี้ ผมคงไม่ต่างอะไรกับนักมวยที่ถูกฝ่ายตรงข้ามอัดจนน่วม นอนรอกรรมการนับถอยหลังและปรับแพ้ไปในที่สุด
เพราะฉะนั้นผมคงไม่มีคำตอบอื่นอีกแล้ว นอกจาก...
"โอเค ผมยอมแพ้ ผมจะย้ายไปอยู่กับคุณครับเหล้ารัม"
จบตอนที่ 2
#แฮมสเตอร์
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นท์กันนะครับ
ดีใจมากจริงๆ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก
ยอมรับว่าช่วงที่แต่งไม่มีความั่นใจเลยครับ กลัวว่าตัวเองจะชอบอยู่คนเดียว ฮ่าๆๆๆๆ
ส่วนตอนที่ 3 นั้น
ผมต้องขอแจ้งว่าอาจจะต้องเว้นช่วงไปสักหนึ่งอาทิตย์นะครับ
ด้วยเหตุที่ว่าผมมีสอบต่อโทในวันที่ 17 ครับ
ยังไงก็อย่าเพิ่งลืมกันนะครับ
ทันทีที่เสร็จสิ้นภารกิจ จะเอาบท 3 มาเสิร์ฟให้ทันทีเลยนะครับ
ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
ผมไม่รู้จะบอกทุกคนที่อ่านยังไงดี นอกจากคำว่าขอบคุณจากใจจริงครับ
ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ
my page :
https://www.facebook.com/hamsterisanauthor/ 