L&P 5♥1 : ยิ้มหวานของลิงเปี๊ยก“ทำอะไรเปี๊ยก” ผมเดินเช็ดผมออกมาจากห้องนอน ตั้งใจจะออกมาเตือนลิงเปี๊ยกให้รีบเข้านอนอย่ามัวแต่เล่นเกม
จนไม่ยอมพัก แต่กลับออกมาเห็นลิงเปี๊ยกนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ท่ามกลางกองเสื้อผ้าที่ผมซื้อให้
ตอนเย็นลิงเปี๊ยกไปหาผมที่บริษัท นั่งรออยู่กับฝ้ายเลขาของผมเหมือนเดิม คู่นี้สนิทกันเร็วมากทั้งที่เพิ่งเจอกันได้แค่สองครั้ง
ผมพาลิงเปี๊ยกไปทานข้าวที่ห้างและพาไปซื้อเสื้อผ้า ผมดักคอลิงเปี๊ยกไว้ตั้งแต่แรกว่าจำเป็นต้องซื้อเพราะผมไม่สามารถ
ปล่อยให้ลิงเปี๊ยกไปด้วยเสื้อผ้าที่มีอยู่ได้ เจ้าตัวไม่เถียงดูเหมือนจะเข้าใจดี
ผมซื้อสูทที่ดูเหมาะสมกับวัยให้ลิงเปี๊ยกสองชุดต่างสีกัน เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลคอย่างละสองตัว กางเกงยีนส์สองตัว
เสื้อเสเวตเตอร์เนื้อสองตัว เสือยืดสองตัว เข็มขัด รองเท้าและกระเป๋าสตางค์
ผมปล่อยให้ลิงเปี๊ยกถือของเองโดยไม่ช่วยเพื่อให้เจ้าตัวรู้สึกว่ากำลังทำงานอยู่ จะได้ไม่เอาแต่บ่นผมจนหูชาเรื่องการใช้เงิน
จะซื้ออะไรสักตัวต้องยืนอธิบายว่าซื้อทำไมเอาไปใช้ตอนไหน ต้องผ่านการอนุมัติจากลิงเปี๊ยกผมถึงจะซื้อได้ ทั้งชีวิตผมไม่
เคยซื้อของให้ใครยากเย็นเท่าลิงเปี๊ยกมาก่อนเลย
“ผมกำลังวาดรูปชุดที่ซื้อมากับทำตารางครับ” เปี๊ยกหันสมุดที่เขียนอยู่มาให้ผมดู ลิงเปี๊ยกยึดเอาพรมผืนนุ่มหน้าโซฟาเป็น
ทั้งที่นั่งเล่นเกม ทำการบ้าน และนอน ผมเดินไปนั่งที่โซฟาหยิบสมุดจากมือเปี๊ยกมาดูใกล้ๆ
“ทำไปทำไม” เนื่องจากตารางยังโล่งผมจึงดูไม่ออกว่าเปี๊ยกต้องการทำอะไร
“ผมจะจดไว้ว่าชุดไหนใส่ไปเจอใครมาบ้าง ลุงมีผู้หญิงหลายคนใส่ซ้ำกันได้ อย่างนี้จะได้ไม่ต้องซื้อชุดใหม่ทุกครั้ง อีกอย่าง
จดไว้แบบนี้จะได้ไม่เผลอใส่ซ้ำด้วยจะได้รู้ว่าเคยใส่ชุดไหนไปเจอคนไหน ถ้าไปเจอคนเดิมแค่สลับเสื้อสลับกางเกงก็เหมือน
ใส่ตัวใหม่แล้ว ลุงจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน”
ผมทึ่งมากกับความคิดของเปี๊ยกและรู้สึกละอายใจไปด้วยพร้อมกัน เมื่อคิดถึงเสื้อผ้าที่ไม่เคยหยิบมาใส่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
มันมีมากแค่ไหน
“ลุงลงทุนครั้งเดียวรับรองได้ครบทุกงาน” ลิงเปี๊ยกสำทับอีกครั้ง ก่อนยื่นมือมาหยิบสมุดคืนไปจากผม ตั้งหน้าตั้งตาเขียน
ตารางต่อ
“นายอายุ17จริงหรือเปล่าเปี๊ยก” ความคิดความอ่านของเปี๊ยกบางมุมเกินอายุอย่างเห็นได้ชัดจนผมอดถามไม่ได้
“จริงสิลุง ทำไมเหรอครับ” ลิงเปี๊ยกเงยหน้าขึ้นมองผมสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าความคิดนายเหมือนคนอายุมากกว่านี้”
“ ผมว่าเราใช้ชีวิตต่างกันลุงเลยคิดเอาเองว่าเด็กอายุ17จะคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ผมต้องบริหารเงินให้ดีไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่
รอด พ่อกับแม่ผมมีพอส่งเรียนไหวแต่ค่าใช้จ่ายในกรุงเทพฯมันแพง ทุกเดือนผมก็ต้องมานั่งคิด อะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น
อะไรรอได้ หรืออะไรตัดออกได้ แต่ผมก็เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละลุงอยากได้โน่นอยากได้นี่บางทีก็อดใจไม่ไหว
เรื่องกินก็อีกอย่างเห็นเพื่อนกินบางทีก็อยากกิน เผลอไปบ้างก็มี ก็ต้องมานั่งคำนวณใหม่ว่าจะอยู่ยังไงให้รอดเดือน ดีที่อยู่
วัดกินข้าววัด หลวงลุงให้เงินที่ช่วยทำงานให้วัดบ้างก็พออยู่ได้”
ความรู้สึกเอ็นดูมันพุ่งขึ้นมาเต็มอกนึกอยากดึงลูกลิงเข้ามากอด ถ้านิวแฟนเจ้าวินเป็นหมาวัดเปี๊ยกก็คงเป็นลิงวัด
ผมเข้าใจความรู้สึกของวินบ้างแล้วว่าทำไมถึงเอ็นดูนิวเป็นพิเศษ ผมฟังแค่นี้ยังนึกอยากเก็บลูกลิงหลงทางมาเลี้ยงไว้เอง
“เดือนไหนไม่พอใช้ก็บอก จะช่วย” ผมพูดไปตามความรู้สึกโดยไม่ได้คิดอะไร
“หืม?” ลิงเปี๊ยกหยุดมือวางสมุดลงกับตัก หันมายิ้มล้อเลียนให้กับผม
“แด๊ดดี้ลมจะเลี้ยงผมหรือครับ” จากความรู้สึกเอ็นดูอยากกอดปลอบผมเปลี่ยนมาเป็นอยากเขกหัวเจ้าตัวดีแทนทันที
เมื่อเข้าใจความหมายที่ลิงเปี๊ยกพูดถึง ไอ้เด็กบ้านี่คนบริสุทธิ์ใจพูดเสียกลายเป็นตาแก่ตัณหากลับ
“ใช่จะเลี้ยง เลี้ยงเหมือนเลี้ยงลูกหมาน่ะเข้าใจไหม” ผมแก้ความเข้าใจผิดให้เสียใหม่ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายพูดเล่นก็เถอะ แต่
ฟังแล้วมันแสลงใจ
“เหอะ เดี๋ยวก็ลูกหมาเดี๋ยวก็ลูกลิงเอาไงแน่ลุง” น้ำเสียงหวานๆ เปลี่ยนเป็นเสียงขึ้นจมูกแทน แถมยังตวัดตามามองผม
ให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ
“ตอนนี้น่าจะลูกหมานะหน้าบื้อเชียว” ผมหัวเราะชอบใจ ยิ่งลิงเปี๊ยกทำหน้าเชิดจนปากกจะติดจมูกผมยิ่งอารมณ์ดีเข้าไป
ใหญ่ สนุกที่ได้แกล้งให้งอนหนักกว่าเก่า
“หมาหน้าบื้อมันก็กัดเป็นนะลุง” ลิงเปี๊ยกสมเป็นลิงเพราะไวอย่างกับจรวด พุ่งขึ้นมาโถมทับผมจนล้มตัวนอนไปกับโซฟา
ก่อนจะขึ้นนั่งทับหน้าท้องจับแขนผมยกขึ้นไปกัด
“โอ๊ย!!” ผมร้องอุทานออกมาเจ็บไม่ใช่เล่น ลิงบ้านี่กัดลงมาเสียเต็มที่ไม่มียั้ง
“จะปล่อยไม่ปล่อย” ผมให้โอกาสแต่ลิงเปี๊ยกยังกัดไม่เลิก ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับสะโพกออกแรงตวัดดึงลิงเปี๊ยกลงไปนอน
กับโซฟาส่วนผมขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ข้างบนแทน
ผมจับบริเวณกรามลิงเปี๊ยกบีบให้คลายปากออก เห็นแขนตัวเองมีรอยฟันแทบจะครบ 32ซี่ มิน่าถึงได้เจ็บ
“อ่อยอิ” ลิงเปี๊ยกพยายามบอกให้ผมปล่อยมือออกแต่ไม่มีทางเสียหรอก
“อิอุงอิอัยอั่ยอี” อะไรนะ ผมแกล้งก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ ทำหน้าเหมือนฟังไม่เข้าใจ
“อิอุงอิอัยอั่ยอี” ลิงเปี๊ยกยังพยายามพูดทั้งที่ยังมีมือผมบีบอยู่ที่ปาก สองมือของลิงเปี๊ยกจับอยู่บนข้อมือของผมพยายาม
ดันให้หลุดออก
“อ๋อ อีลุงนิสัยไม่ดี เรียกว่าอีเหรอลิงเปี๊ยกกล้ามาก” ผมใช้มืออีกข้างจี้เข้าที่เอว ทำไปอย่างนั้นเองกะจะให้สะดุ้งเล่นแต่กลับ
ได้ผลดีเกินคาด ลิงเปี๊ยกดิ้นเร่าๆ ท่าทางจะบ้าจี้หนัก
ผมปล่อยมือออกจากปากหันมาโจมตีเอวทั้งสองข้างแทน ลิงเปี๊ยกหนีไปไหนไม่ได้เพราะผมนั่งคร่อมอยู่ได้แต่ยกมือขึ้นฟาด
มือผมบ้างขาผมบ้าง แต่แรงลิงเปี๊ยกหรือจะสู้แรงผมได้
“ฮ่าๆ พอ..พอแล้ว ฮ่า..” ผมแกล้งต่ออีกสักพักจึงยอมเลิก เมื่อเห็นว่าลิงเปี๊ยกเริ่มหอบเหมือนหายใจไม่ทัน
“จะกัดอีกไหม” ผมจิ้มลงไปอีกครั้งเพื่อกระตุ้นให้รู้ว่าถ้ากัดอีกจะเจอกับอะไร
“ไม่..ไม่แล้วครับ ยอมแล้ว ยอมแล้ว” ลิงเปี๊ยกพูดปนหอบ หน้าแดงเหงื่อซึมออกมาตามไรผม
ผมยอมละมือออกแต่ยังนั่งทับลิงเปี๊ยกไว้เหมือนเดิม ยกแขนตัวเองขึ้นมาดู นอกจากรอยฟันแล้วยังมีคราบน้ำลายของลิง
เปี๊ยกติดอยู่อีกด้วย
“โอ๊ะ! ลุงทำอะไร” ลิงเปี๊ยกโวยวาย เมื่อผมดึงชายเสื้อยืดที่ใส่อยู่ขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบ
“เช็ดน้ำลายนายน่ะสิลิงเปี๊ยก สกปรกชะมัด” ผมใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำลายออกจนหมด
“ฉันต้องไปฉีดยาแก้บาดทะยักไหม เป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า”
“ลุงสิเป็น หมาบ้าชัดๆ “
“ยังกล้า อยากโดนอีบรอบเหรอ” ผมขู่ด้วยสายตา ลิงเปี๊ยกถึงกับเม้มปากสนิทไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
“ทำไมผอมแบบนี้” หลังจากจัดการกับคราบน้ำลายเรียบร้อย ผมถึงมีเวลาสังเกตหุ่นของลิงเปี๊ยกที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีขาว
ตัวโคร่งที่ผมดึงขึ้นมา ลิงเปี๊ยกผิวขาวละเอียด หน้าท้องแบนราบและมีเอวที่เว้ากว่าผู้ชายปกติ
“ผอมที่ไหนกัน เด็กกำลังโตก็หุ่นแบบนี้แหละ ลุงลุกได้หรือยัง หนัก” ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าลิงเปี๊ยกหน้าแดง
หน้าแดงเพราะผมมองอกเปลือยอย่างนั้นหรือ เด็กน้อยเอ๊ย คงไม่เคยโชว์รูปร่างให้ใครเห็น
ด้วยนิสัยของผมยิ่งลิงเปี๊ยกทำหน้าแบบนี้ผมยิ่งอยากแกล้ง ผมจึงวางมือลงบนหน้าท้องแบนราบลูบมือขึ้นช้าๆจนไปแตะ
อยู่ตรงกลางอก
“ผอมมาก กล้ามเนื้อนายแทบไม่มี”
“ยะ..อย่ายุ่งน่าผมชอบของผมแบบนี้” หน้าของลิงเปี๊ยกเหมือนมีใครเอาซอสมะเขือเทศเทราดลงไป มันแดงไปทั้งหน้า
ลามลงไปถึงคอ
“หุ่นแบบนี้กอดใครไม่ได้หรอกรู้ไหมสาวๆ เขาชอบกล้ามเนื้อแน่นๆ กอดแล้วอุ่น”
“เรื่องของผม”
“หึหึ” ผมขยับตัวออกดึงลิงเปี๊ยกให้ลุกขึ้นนั่ง อยากแกล้งต่อแต่เห็นแล้วสงสาร ขืนผมยังไม่หยุดอีกสักพักคงกลายเป็น
กุ้งต้มทั้งตัว
“เรายังไม่เคยมีแฟนใช่ไหม” ผมถามเพราะจากท่าทางของลิงเปี๊ยกผมเดาได้ทันทีว่าต้องไม่เคยมี
“มีสิ” ลิงเปี๊ยกขึ้นเสียงดังทำหน้าไม่พอใจที่ผมดูถูก
“ไหนนิวบอกว่าอยู่วัดถือศีลโกหกไม่ได้ไง”
“ไม่มีก็ได้” เอากับลิงเปี๊ยกสิครับ กลับคำกันง่ายๆ แบบนี้เลย
“เซ็กส์ก็ยังไม่เคยมีใช่ไหม?”
“ลุง! มันใช่เรื่องมาคุยกันไหม” ตอบแบบนี้ไม่ต้องถามซ้ำให้เสียเวลา ไม่เคยแน่นอน
“มอห้าฉันชำนาญไปถึงไหนๆ แล้ว เด็กไม่เอาไหน” ลิงเปี๊ยกอ้าปากพะงาบๆ เหมือนอยากด่าผมแต่ไม่กล้า
“ลุงกลับเข้าห้องไปเลยรบกวนเวลาผมทำงาน ไหนบอกพรุ่งนี้ให้ตื่นเช้าลงไปรับหน้าคุณป้าลุงไง ไปๆ เข้าห้อง”
ลิงเปี๊ยกลุกจากโซฟาจับแขนผมดึงให้ลุกขึ้นแล้วออกแรงลากต่อไปจนถึงประตูห้องนอน ผมแกล้งทำตัวแข็งอยู่หน้าประตู
ไม่ยอมเดินเข้าไปง่าย ลิงเปี๊ยกต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีทั้งผลักทั้งดันหลังผมแทน
“ราตรีสวัสดิ์ลุง หลับสนิทไปเลยนะไม่ต้องออกมากวนชาวบ้าน” ดูคำบอกราตรีสวัสดิ์ของลิงเปี๊ยกครับฟังแล้วอยากเริ่ม
แกล้งใหม่ แต่คิดอีกทีแค่นี้ก็น่าสงสารแล้วผมเลยยอมเข้าห้องนอนแต่โดยดี
ผมออกมาจากห้องน้ำหลังจากเข้าไปแปรงฟัน เสียงภายนอกห้องเงียบลงแล้ว ผมเดาว่าเจ้าตัวดีคงไปนั่งทำตารางเสื้อผ้าต่อ
มีลิงเปี๊ยกอยู่ด้วยให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปไม่เหมือนอยู่กับเฟิงและวิน พูดตรงๆ สองคนนั่นน่ารักไม่ได้ครึ่งของลิงเปี๊ยก
ด้วยซ้ำ เลี้ยงน้องให้สนุกมันต้องแบบนี้สิ มีน้องที่แกล้งไม่ได้จะสนุกตรงไหน
ว่าแต่ผิวลิงเปี๊ยกนี่มันลื่นมือดีจริงๆ หุ่นก็ผอมเหลือเกิน แบบนี้คงไม่มีใครอยากให้กอด อืม..น่าจะถูกกอดเองเสียมากกว่า
เด็กบ้าอะไรตัวจะพอดีมือขนาดนั้น
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**ไปไม่ถึงยิ้มหวาน เอาครึ่งตอนแรกมาให้อ่านกันก่อน ค่อยมาต่อยิ้มหวานให้ครึ่งหลังนะคะ
** กติกาเดิมค่า มีพิมพ์ว่า"สั้น" คนเขียนจะมโนว่า..แปลว่าชอบสั้นๆ คราวหน้าสั้นกว่านี้อีกเอ้า ^^
Darin ♥ FANPAGE