ตอนที่ 3 ♥2 : แมวกับหมา“เย็นนี้ผมจะทำผัดพริกสดกุ้งกับต้มจืดเต้าหู้หมูสับนะครับ สองอย่างพอไหม หมอวินทานได้หรือเปล่า”
ผมเตรียมพร้อมอยู่ในห้องครัว แต่ต้องถามคุณชายหมอให้เข้าใจตรงกันก่อน ยิ่งเอาใจยากๆ อยู่
“พอ ทานได้” หมอวินตอบก่อนเดินหายเข้าไปในห้อง ซึ่งผมเดาว่าเป็นห้องนอน ผมเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบ
และพบว่าด้านในเต็มไปด้วยของสดมากมายผิดจากที่ผมเคยเห็นที่เน้นอาหารแห้งเสียเป็นส่วนใหญ่
ผมหยิบทุกอย่างที่ต้องการออกมาก่อนเริ่มลงมือทำ
คุณชายหมอกลับออกมาอีกครั้ง คราวนี้อยู่ในกางเกงขายาวสีเทาเนื้อนิ่มกับเสือยืดสีดำ วางหนังสือตั้งใหญ่ลงบน
โต๊ะอาหารก่อนเริ่มอ่านอย่างจริงจัง
ผมบอกแล้วคุณชายหมอขี้เหงาแต่ทำเป็นเก๊กไม่ยอมรับ โซฟานุ่มๆ มีไม่ไปนั่ง ต้องมานั่งตรงนี้
“เอาอะไรรองท้องก่อนไหมครับ” ผมเห็นในตู้เย็นมีพวกผลไม้กับของหวานอยู่หลายอย่าง
“ไม่”
“น้ำผลไม้ไหมครับ”
“ไม่”
“ผมทำผัดพริกสดไม่เผ็ดมากนะครับ ต้มจืดไม่โรยผักชี” ผมรู้รสนิยมการกินของคุณชายพอสมควรเพราะไปเฝ้าที่โรงอาหารบ่อย
“ผมหุงข้าวนะครับวันนี้เห็นมีอยู่ถุงหนึ่ง จะได้ทานอร่อยๆ”
คราวนี้เสียงตอบรับจากหมอวินคือเสียงถอนใจยาวราวกับเจ้าตัวกำลังหมดความอดทน
“ไม่เข้าใจคำว่าอ่านหนังสือใช่ไหม”
“..............”
ถ้าผมตอบเดี๋ยวหาว่าไม่เข้าใจครับ เงียบก็ได้ คนอ่านหนังสือต้องการความเงียบและสมาธิผมรู้น่า
“ทำไมไม่ตอบ”
“ก็หมอวินอยากให้ผมเงียบไม่ใช่เหรอครับ ผมก็เงียบให้อยู่นี่ไง แล้วก็มาขอให้พูด หลายใจ” ผมส่งค้อนวงเบ้อเริ่มให้คนเอาใจยาก
“หมานิว”
“เข้าใจครับ” ไม่ได้ดั่งใจที่ไรผมกลายเป็นหมาทุกที
“มาแล้ว” ผมวางกับข้าวลงบนโต๊ะ ก่อนกลับไปตักข้าวมาสองจาน ไม่ถามหรอกครับว่าให้ผมทานด้วยไหม
ทำขนาดนี้ไม่ให้ทานก็ใจร้ายเกินไปแล้ว
“ทานได้แล้วครับหยุดอ่านหนังสือก่อน” ผมบอกคนที่เอาแต่สนใจหนังสือตรงหน้า
“อีกเดี๋ยว”
“งั้นผมทานก่อน เหลือแต่พริกไม่เหลือกุ้งห้ามโทษผม” ผมหยิบช้อนเริ่มตักอาหารใส่ปาก โตๆ กันแล้วไม่บังคับ
แต่สงสัยคุณชายไม่อยากทานแต่พริก รีบวางหนังสือลงอย่างไว เหอะหวงกุ้งก็ไม่บอก
“เดี๋ยวเสร็จแล้วผมกลับเลยนะครับ ไม่รู้ต้องต่อรถเมล์กี่สาย...” ผมยังพูดไม่จบดี เมื่อคุณชายหมอล้วงอะไรบางอย่าง
ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนเลื่อนมาวางตรงหน้าผม
“กุญแจรถ” ผมมองงงๆ จะใช้ผมไปไหนอีก ไม่ไปแล้วนะครับ ผมอยากกลับวัดไปพักผ่อนบ้าง
“เอาไป”
“เอาไปไหนครับ”
“จะเอาไปไหนก็เอาไป” ผมมองกุญแจรถ มันไม่ใช่ยี่ห้อเดียวกับที่ผมขับให้คุณชายวันนั้น
“ให้ผมขับกลับวัดเหรอครับ” ผมเดาเอาเองเพราะคุณชายหมอไม่ยอมพูดอะไรเลย
“ไม่เป็นไรครับหมอวิน ผมกลับรถเมล์ดีกว่าจะได้ไม่ต้องขับมาคืนอีก”
“อย่าเถียงสักเรื่องได้ไหม เอาไปถ้าจะเอาคืนเมื่อไหร่จะบอก” ง่ายๆ คล้ายกับของราคาบาทสองบาท หลายทีแล้วนะครับ
ที่ผมได้ยินหมอวินพูดราวกับไม่เห็นค่าของเงิน มันไม่ดีเลย
“ไม่ดีกว่าครับ ผมกลัวทำหาย” เกิดขับไปแล้วมีคนขโมยรถขึ้นมาผมจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืน ไม่ต้องขายนาของที่บ้าน
มาชดใช้หรือครับ
“รถมีประกันหาย มีประกันชั้นหนึ่งครอบคลุมทุกอย่างนายอยากขับไปชนอะไรก็ตามใจ” อื้อหือ หนักเข้าไปอีก
“บอกได้ไหมครับว่าทำไมผมต้องเอาไป” เผื่อมีเหตุผลดีๆ น่าสนใจสักข้อที่ผมพอฟังขึ้น
“เพราะฉันบอก” เงียบง่ายคือคุณชายหมอ เหตุผลไม่ต้องเอาแต่ใจล้วนๆ
“แต่..”
“แค่อยากให้กลับสบายๆ มันจะอะไรนักหนา”
ผมส่งยิ้มให้คนขี้หงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย ในที่สุดหมอวินก็มีเหตุผลดีๆ มาบอกผมข้อหนึ่ง
“ขอบคุณมากครับ งั้นเอาเป็นว่าผมจะนั่งแท็กซี่กลับแล้วหักเงินจากสามพันแทนนะครับ สบายกว่าด้วยไม่ต้องขับเอง”
ผมคิดว่าผมหักเงินได้เพราะผมมาทำอาหารให้หมอวินถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
“ตามใจ เงินนั่นทำอะไรก็หักๆ ไปเถอะ หมดแล้วมาบอก”
“หมอวินครับ”
“อะไร”
“คนอยากเอาใจหมอวินมีตั้งเยอะ ทำไมต้องเป็นผมครับ” ผมถามในสิ่งที่คาใจมาตั้งแต่วันแรกที่หมอวินไม่ไล่ผมกลับ
เมื่อผมไปตามนัดแทนคุณพู่
“นายพูดถูก คนอยากเอาใจฉันมีเยอะแต่หมามีตัวเดียว และเผอิญฉันชอบความซื่อของหมามากกว่าคน ”
คนดังมากรวยมากลำบากแบบนี้นี่เอง ต้องระแวงความจริงใจของคนที่เข้าหา ผมไม่รู้ว่าหมอวินเคยเจอคนแบบไหนมาบ้าง
แต่ถ้าให้เดาคงไม่ดีนัก
“ฉันไม่เคยอกหักไม่เคยถูกผู้หญิงหรือเพื่อนหลอกถ้ากำลังคิดแบบนั้นอยู่ ฉันแค่รำคาญ”
“อ่า..ครับ” เปลี่ยนประเด็นใหม่ ไม่ใช่ระแวงแค่เบื่อคนตามเอาใจ คุณชายหมอไม่ชอบให้คนเอาใจแต่เชอบเอาแต่ใจ
ความซับซ้อนที่ชีวิตนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับผม
“นิว”
“ครับ” นานๆ คุณชายหมอถึงจะเรียกผมด้วยชื่อคำเดียวให้ได้ยิน
“นายมาทำงานให้ฉัน”
“ทำงานให้หมอวินเหรอครับ ผมยังไม่จบ อีกอย่างผมเรียนเกษตรนะครับ” ผมรู้ว่าที่บ้านหมอวินมีธุรกิจแต่ยังไงมันก็ไม่มี
ทางตรงกับสิ่งที่ผมเรียนมา ไม่เหมือนคุณพู่ รายนั้นพ่อทำบริษัทเกี่ยวกับเกษตรภัณฑ์จึงถูกส่งมาเรียนสาขานี้โดยตรง
“คิดไปไกลถึงไหน ฉันหมายถึงทำเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ หรืออยากถูกใช้ฟรีๆ”
“อ๋อ จ้างเป็นคนใช้” ผมเพิ่งเข้าใจความหมาย
“อย่าเรียกตัวเองแบบนั้น” จะเรียกอะไรก็เรียกเถอะครับ คิดๆ ดูแล้วก็น่าสนใจดี ผมเองเคยคิดจะหางานพิเศษทำ
เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายทางบ้านอยู่เหมือนกัน แต่ติดเรื่องของเวลา
“ให้ผมทำอะไรบ้างครับ” ผมต้องขอดูก่อนว่าผมมีเวลาหรือเปล่า
“ทำอาหาร ซื้อของ ขับรถ”
“แต่ผมทำงานทุกวันไม่ได้นะครับ” เพราะบางวันผมต้องดูแลแปลงทดลองดูแลสัตว์ ทำรายงานหัวยุ่งไม่สามารถไปไหนได้
“วันไหนนายติดธุระก็บอกฉัน”
“อืม..”
“หมื่นนึงไม่รวมค่าเดินทาง”
“ตกลงครับ” ทำงานวันละนิดหน่อย ได้อยู่ใกล้คุณชายหมอ ได้เงินแบ่งเบาพ่อแม่ ต่อให้เรียกว่าคนใช้ผมยังยินดีทำ
“ดี นายเก็บรถไว้ด้วย mazda3 ทะเบียน xx xxx จอดอยู่ชั้น 5G ไปไหนมาไหนจะได้เร็วขึ้น อย่าให้ฉันต้องรอ”
“ครับ”
ผมชักไม่แน่ใจว่าคุณชายจ้างผมเพราะอยากให้ผมทำงาน หรือจ้างผมเพราะอยากให้ผมเอารถไป แต่ตอนนี้ยังไง
ก็ต้องรับครับ มันเป็นเรื่องของงาน
“ผมทำความสะอาดห้องให้ด้วยไหมครับ” ไหนๆ ก็รับงานแล้วผมก็อยากทำให้คุ้มค่าจ้างเสียหน่อย
“ไม่ต้อง คุณแม่ฉันให้แม่บ้านที่บ้านมาทำให้วันเว้นวันอยู่แล้ว นายต้องการของสดอะไรก็เขียนไว้ แม่บ้านจะซื้อมาใส่ไว้ให้
อันไหนเสียหมดอายุเขาจะจัดการทิ้งให้เอง
โอ้ ไม่ต้องทำอะไรเองแม้แต่อย่างเดียว ของในตู้เย็นยังมีคนมาตรวจให้ ทิ้งให้ มิน่าคนรวยถึงป่วยง่าย เล่นไม่ทำอะไรเลย
จะแข็งแรงได้ยังไง
“50347 รหัสประตู”
“ครับ” ผมทวนรหัสสองสามรอบในใจเพื่อให้จำได้
“ให้ผมเริ่มพรุ่งนี้เลยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้องพรุ่งนี้ฉันมีนัด ไม่ได้กลับมาทานข้าว”
ผมลืมไปได้ยังไงว่านี่คือคุณชายหมอ หนุ่มสุดฮอตของคณะแพทย์ ความหวังจะได้เจอกันทุกวันเป็นอันหดหาย
“งั้นถ้าวันไหนผมไม่ต้องเข้ามา หมอวินบอกผมด้วยนะครับ”
“อืม ฉันอิ่มแล้ว” หมอวินรวบช้อน ดื่มน้ำ และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ตัดขาดกับโลกภายนอกอีกครั้ง
ผมยังกินต่ออีกครู่ใหญ๋เพราะเสียดายของไม่อยากทิ้ง เสร็จแล้วจึงเก็บจานช้ามไปล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ก่อนกลับวัดด้วยรถเสภาพใหม่เอี่ยม ที่ผมยังคิดไม่ออกว่าจะบอกหลวงลุงยังไง

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**ไม่ได้เขียนสั้นนะคะ มันเป็นครึ่งตอนหลัง
**ยังไม่รัก ยังไม่หวาน รออีกนิดขอปูเรื่องก่อนค่ะ ( เรื่องนี้ไม่ขำเน้นแค่ยิ้มๆ )
**คำถาม คิดว่าคุณชายหมอเป็นแมวจริงไหม ^^
Darin ♥ FANPAGE