CHAPTER 21: Fall For You “ฮื่อ..” พ่นลมหายใจหอบหนัก
ทุกความรู้สึก ทุกความเหน็ดเหนื่อยที่เลือนรางไปในห้วงเวลาปรารถนากลับมาเล่นงานม่อนแจ่มอีกครั้ง ภาพทุกอย่างพร่าเลือนยิ่งกว่าปกติ..
“พชร..” พึมพำเบาๆ อยากจะพูด.. อยากจะบอกอะไรสักอย่าง
“พชร.. ร..” ม่อนแจ่มหอบหายใจ พยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่พูดออกไปให้ได้
ทว่า.. ร่างกายเป็นอย่างไร ก็ได้เพียงเอ่ยไปด้วยความสัตย์
“ง่วง..”
ร่างหนาลงมานอนเคียงข้าง สอดแขนโอบร่างเล็กพลิกตะแคงมาซบอก ลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน
“นอนเถอะ..”
..
“พชร” เสียงเล็กพึมพำเรียกอีก พยายามละใบหน้าออกจากอก
“นอน บ..แบบนี้ อือ.. มึงจะเมื่อย เดี๋ยวกู..”
มือแกร่งกดศีรษะปรกด้วยเรือนผมนุ่มกลับลงไปที่เดิมเบาๆ “ไม่เมื่อย นอนเถอะ..”
การกระทำอ่อนโยนแบบนั้นมีแต่จะทำให้คนที่ได้รับลืมหายใจ ดวงตาค่อยๆปิดลงอย่างอ่อนเพลีย ทว่า หูก็ยังได้ยินเสียงที่หลงใหลกระซิบแผ่วๆ..
“หลับซะนะ ..ม่อน”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง.. หลับไปภายในชั่ววินาที ทว่า พชรลืมตาค้าง..
มือแกร่งลูบไล้ผิวกายเนียนละเอียดของคนที่เพิ่งผ่านความรู้สึกพิเศษสุดมาด้วยกัน
นาฬิกาข้อมือของคนในอ้อมแขนบอกเวลาเกือบหกโมงเย็น..
ม่อนแจ่มหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ ใต้ดวงตามีรอยคล้ำ หลักฐานของการไม่ได้พักผ่อน
พชรได้แต่มองด้วยความเอ็นดู ร่างกำยำค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น ระวังไม่ให้รบกวนร่างเล็ก
ชุดนักศึกษาสองขนาดหล่นอยู่บนพื้นกระเบื้อง พชรเก็บมันขึ้นมาใส่ลงตะกร้าแยกระหว่างของเขาและม่อนแจ่ม
เปิดตู้ หยิบเอาเสื้อยืดและกางเกงของตนเองมาสวม ละไปหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว ใช้ทิชชูเช็ดหน้าชุบน้ำหมาดๆ ก้าวมานั่งลงบนเตียง ค่อยๆเช็ดร่องรอยทั้งของตนเองและเจ้าตัวออกจากผิวขาวเนียนก่อนที่จะแห้งติดจนรู้สึกไม่สบาย
เช็ด.. ซับ.. พิจร่างเปล่าเปลือยที่พลิกตะแคงหันไปทางผนังซึ่งก่อนหน้าเป็นตัวเขาเองที่นอนฝั่งนั้น
ร่างสูงลุกขึ้นอีกครั้ง ไปเปิดตู้เสื้อผ้า หาชุดมาให้อีกฝ่ายใส่ เพราะหากเปลือยกายหลับไปจนค่ำ ประเดี๋ยวจะหนาวเกินไป
ไม่รู้จะหยิบชุดไหน พชรจึงเลือกเสื้อยืดลายเพนกวินสี่ตัวเขียนว่าอะไรมาดากัสการ์สักอย่างกับกางเกงขาสั้นขอบตัวตุ่นที่อยู่บนสุดขึ้นมา
เสื้อผ้าม่อนแจ่มมักเป็นลายสัตว์เล็กสัตว์น้อยหรือตัวการ์ตูนสัตว์เสมอ มากที่สุดคือหมีพูห์ ที่ดูจะชอบมากเป็นพิเศษ สังเกตได้จากหมอนข้าง ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน รวมถึงชุดนอนบางชุด
ทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อย มือแกร่งก็ได้แต่ลูบไล้อีกฝ่ายไปเรื่อยๆ..
นานเท่าไรไม่รู้ ..รู้เพียง ตั้งแต่ฟ้ายังสว่างยันฟ้ามืด
นาฬิกาบอกเวลาทุ่มกว่าแล้ว..
พชรลุกขึ้น ลูบหัวเล็กของคนบนเตียงเบาๆ ก้าวลงไปโรงอาหาร ..ม่อนแจ่มหลับตั้งแต่เย็น ตื่นมาหิวจัดแน่นอน
“ข้าวกะเพราหมูกรอบครับ”
พชรเดินมาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่ง และสั่งข้าวที่รู้ว่าม่อนแจ่มกินแน่ เพราะครั้งแรกและครั้งเดียวที่กินข้าวด้วยกัน เจ้าตัวสั่งเมนูนี้
ร่างสูงถือจานข้าวกลับขึ้นห้อง พร้อมขอชามครอบมาด้วยหนึ่งใบ วางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของเจ้าตัว
..ม่อนแจ่มยังหลับอยู่
พชรได้แต่ถอนใจ ละไปยืนริมระเบียง มองท้องฟ้าดำมืดภายนอก..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ตอนนี้.. เขาจะทำอย่างไรดี
พชรเดินจากไปไม่ได้อีกแล้ว ..ไม่ได้แล้ว ตั้งแต่ตัดสินใจเดินกลับเข้ามา
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“อืม..” ครางเบาๆ เมื่อรู้สึกตัว
ม่อนแจ่มลืมตาขึ้นอย่างงงๆ มองเห็นเพดานเตียงในความสลัวของห้อง
ไฟทางเดินส่องเข้ามาผ่านช่องกระจกด้านบน และสาดให้มองเห็นร่างสูงๆยืนอยู่ที่ระเบียงรางๆ
..พชร..
ม่อนแจ่มเบิ่งตาค้าง ร่างกายยังอาบอิ่มด้วยความรู้สึก ความทรงจำเมื่อก่อนหลับลงไม่เลือนหายไปง่ายๆ
สัมผัสที่เพิ่งเคยรู้จัก ..การให้และรับอย่างเต็มใจ..
มือเรียวควานไปบนโต๊ะข้างเตียงตามความเคยชินและก็พบแว่นตัวเองอยู่ตรงนั้นอย่างที่ควรจะเป็น
ภาพพร่าเลือนกลับมาคมชัดแม้ในความสลัว ร่างเล็กค่อยๆยันตัวลุกขึ้น เพ่งมองคนที่อยู่นอกห้อง
อยากจะยิ้ม.. ไม่เสียใจ ไม่เสียดาย
ทว่า ม่อนแจ่มยิ้มไม่ออก.. เพราะใบหน้าคมของคนที่อยากยิ้มให้นั้นเคร่งขรึมเหลือเกิน
มันแย่มากหรืออย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้น.. หรือมันดีไม่พอจะลบความเครียดเขม็งจากเรื่องอื่นๆที่อยู่ในใจพชร..
นอกจากไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น.. ดูเหมือนพชรจะแย่ลงด้วยซ้ำ..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ..
‘บอกให้กูปล่อย..’
‘บอก เดี๋ยว นี้’ พชรเตือนแล้ว เขาก็ยังรั้น เป็นคนเรียกร้อง โอบรั้งอีกฝ่ายเอง..
ความออดอ้อนยั่วเย้าที่จำได้ทำให้หน้าขาวขึ้นสีจัด ม่อนแจ่มอยากจะเขกหัวตัวเองเสียจริงๆ
“ตื่นแล้วหรือ?”
พชรเดินกลับเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงตะกุกตะกักของการขยับตัวลุก
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ ตามองตา.. แล้วจึงละไปเปิดไฟกลางห้องให้ส่องสว่าง
“เจ็บมากไหม..”
อย่า..
อย่ามาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย เพราะม่อนแจ่มจะยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“สบ๊าย”
น้ำเสียงนั้นร่าเริงเกินเหตุจนพชรเลิกคิ้ว “ลุกไหวหรือเปล่า..”
ม่อนแจ่มยักไหล่อีกครั้ง ก้าวขาลงจากเตียง “ชิว ชิว เฮ้ย!”
ทรุดฮวบ..
ขาเรียวทรุดฮวบทันทีที่พยายามจะรับน้ำหนักตัว
อย่างไรก็ตาม พชรนั้นรู้ทันอยู่แล้ว มือแกร่งรวบร่างคนที่ ‘ชิว ชิว’ เอาไว้ไม่ให้ลงไปกองกับพื้น
อะ.. ม..มัน มันจะ ‘เปลี้ย’ ขนาดนี้เลยเหรอวะ?ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายอย่างเขินอาย ลมหายใจอีกฝ่ายเป่ารดในระยะประชิด
“หิวไหม?”
...
ม่อนแจ่มเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องปากท้อง
“หิว” หน้าขาวพยักหงึกหงัก เหมือนใบหน้าคมสันนั้นจะยกยิ้มเล็กน้อยให้
“กินซะ อยู่บนโต๊ะน่ะ”
..อยู่บนโต๊ะ
ม่อนแจ่มค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ โดยที่มีมือของอีกคนประคองไว้
เปิดชามออกดูก็เห็นเพื่อนเก่านามว่า ‘ข้าวกะเพราหมูกรอบ’
คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ข้าวก็ซื้อไว้ให้.. เสื้อผ้านี่อีก ก็คงใส่ให้..
ร่างกายไม่รู้สึกเหนอะหนะ ..คงจะเป็นพชรอีกนั่นแหละที่ดูแล
ทำไมต้องทำขนาดนั้น ถ้าหากไม่..
แต่ถ้าหาก.. ทำไมถึงดูเครียดขนาดนี้..
“แล้วพชรกินอะไรหรือยัง?”
ม่อนแจ่มถามขณะตักข้าวกะเพราหมูกรอบ
อีกฝ่ายไม่ตอบ..
นับตั้งแต่เที่ยง พชรไม่ได้กินอะไรอีกเลย ไม่กินเพราะไม่หิว ..และไม่หิวเพราะไม่อยากกิน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“เดี๋ยวอยากไปอาบน้ำ บอกนะ”
พชรเข้ามาเก็บจานไปวางไว้บนโต๊ะพับ เมื่อร่างเล็กกินเสร็จเรียบร้อย พร้อมเอาขวดน้ำมาวางไว้ให้
การกระทำแบบนั้นทำให้ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจ
‘พชรเป็นคนมีน้ำใจนะ..’ หูได้ยินเสียงไอดิลอีกครั้ง และถึงแม้ไอดิลจะไม่พูด ม่อนแจ่มก็ตระหนักในข้อนั้นดีอยู่แล้ว
ไม่หรอก สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดพชรเลย พชรไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเครียดคนเดียว ..เราจะรับผิดชอบร่วมกัน..
“มึงไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ กูสบายๆ” ม่อนแจ่มฝืนเอ่ยเสียงหนัก
“ไม่ต้องเครียดเลย ผู้ชายเหมือนกัน กูไม่ท้อง แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”
ร่างเล็กพยายามหยัดตัวลุกขึ้น จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งให้รู้ว่าหมายความตามนั้น
“มันเป็นแค่อารมณ์ มึงต้องการ กูต้องการ เท่ากับ เซ็กส์ จบ! กูรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องมาดูแล”
“อะ..เอ่อ” ไอดิล.. ผู้ซึ่งซื้อดอกกุหลาบชมพู พร้อมการ์ด ‘Just Married’ เตรียมมาร่วมแสดงความยินดีชะงักกึก
ก่อนออกไปก็เอาหูแนบประตูแล้วนะ และก็ใช้ความฉลาดอันเปี่ยมล้นของตัวเองประเมินสถานการณ์แล้วว่า ‘ได้กันชัวร์’ จึงจัดแจงซื้อสองอย่างนี้มา
แล้วนี่คืออะไร? ร่องรอยความคุกกรุ่นนี้..
มันไม่.. แบบว่า.. แฮปปี้ เอ็นดิ้งเหรอวะ?
สายตาม่อนแจ่มและพชรที่หันมามองเขาเป็นตาเดียว เขา.. ที่มือข้างหนึ่งจับลูกบิดประตูและถือดอกกุหลาบกับการ์ดไว้ในมืออีกข้าง ..ทำให้ไอดิลรู้สึกว่าตัวเองมาผิดงาน
“เอ่อ.. หมอก กุหลาบกับการ์ดชอบมากเลย ขอบคุณที่ซื้อให้ จุ๊บ จุ๊บ!”
ไอดิลรีบปิดประตู กลับหลังหันอย่างไวว่อง มีไอหมอกเลิกคิ้วให้อย่างงงๆ
ไอดิลคล้อยหลังไปแล้ว สองคนในห้องจึงหันมามองกันเองอีกครั้งหนึ่ง
พชรมองคนตรงหน้าอย่างตัดสินใจ
ม่อนแจ่ม.. เขาจะเริ่มต้นอย่างไรดี..
เขาติดค้างอีกฝ่ายมากมายเหลือเกิน ..ติดค้างคำอธิบาย และตอนนี้.. ติดค้างความรับผิดชอบ
พชรครุ่นคิด และ.. ม่อนแจ่มก็รู้ว่าคนตรงหน้าครุ่นคิด
“มึงอย่าไปคิดอะไรมากมาย” ปากเรียวเม้มแน่น แล้วจึงเอ่ยหนักๆ พยายามให้ฟังดูเข้มแข็งสมชายชาตรี
“กูเสียใจด้วยที่มึงรู้สึกแย่ แต่มันก็ผ่านไปแล้วเปล่าวะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน”
“กูไม่ได้พูดว่ารู้สึกแย่เลยสักคำนะ”
ร่างเล็กยืนกอดอก
ปากบอกไม่แย่ แต่หน้ามึงไปแล้วเหอะ“ไม่แย่ก็ดี เพราะมันก็แค่.. เซ็กส์” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย “..เรื่องธรรมดา”
..
“คิดว่าเป็นแค่นั้นจริงหรือ?” พชรมองตา
“กู..” ม่อนแจ่มอึกอัก
ไม่.. ไม่ใช่แค่นั้น.. ที่ทำกับพชรไม่ใช่แค่นั้น และที่พชรทำกับเขา ..ก็ไม่ใช่แค่นั้น ..ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
ใบหน้าที่ขึ้นสีจัดก้มลงเล็กน้อย เสียงเล็กยอมรับแผ่วๆ
“ไม่ใช่..”
พชรเห็นด้วยว่าไม่ใช่
ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมมีอะไรกับผู้ชายอีกคนที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยอย่างดื่มด่ำขนาดนั้น
ร่างกายของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบยามถูกเขาสัมผัสและสนองกลับอย่างละเมียดละไมพอกัน
กอด.. จูบ.. สอดประสาน.. ยินยอมให้ทำทั้งหมดอย่างเต็มใจ.. และตอบรับทุกสัมผัสอย่างลึกซึ้ง
ซึ่งนั่น.. ไม่ใช่
แค่เซ็กส์
“ไปอาบน้ำได้แล้วไป”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ตัดบทสนทนาตรงหน้าให้หยุดลง แม้จะรู้ดีว่าหยุดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง
ขายาวก้าวไปหยิบผ้าขนหนูสีชมพูที่ตากอยู่ตรงระเบียงมาพาดไว้กับท่อนแขนและหยิบตะกร้าสีฟ้าลายหัวใจมาถือไว้
ถึงจะเช็ดทำความสะอาดแล้วก็เถอะ แต่มันไม่เหมือนการชำระร่างกาย ม่อนแจ่มคงยังไม่สบายตัวเท่าไรอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม คนถูกเชิญอาบน้ำไม่ได้รู้สึกยินดี
อันนี้คือเราพูดกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหมวะ? มึงถึงจะเปลี่ยนประเด็นให้กูไปอาบน้ำ ม่อนแจ่มยืนนิ่งไม่ขยับ
“ไปอาบน้ำ มาเร็ว”
ไอ้..พชร.. “กูยังไม่อยากอาบ มึงจะอาบ ก็ไปอาบก่อน”
“ก็ได้” พชรพยักหน้า “แต่.. กูเจอเพื่อนมึงด้วย ในห้องน้ำ” เสียงขรึมเอ่ยเสริมเรียบๆ
“ถ้าไปอาบตอนนี้ กูจะไปเป็นเพื่อน แต่ถ้าหลังจากนี้ ..ตัวใครตัวมันนะ”
อะ.. ไอ้.. ม่อนแจ่มอ้าปากพะงาบๆ
“บ..แบบเล็กๆหรือโตเต็มวัย”
..
“โตเต็มวัย”
หะ..“มึง.. มึงอย่ามาขู่กูนะ กูไม่..”
ม่อนแจ่มไม่กลัวหรอก แค่นึกภาพแล้วขาสั่น แค่นั้น..
พชรยักไหล่น้อยๆ วางตะกร้าสีฟ้าไว้ที่เดิมและตั้งท่าจะเดินเอาผ้าขนหนูกลับไปพาด
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มตะกุกตะกักขึ้นมา
“กู.. กูไปอาบตอนนี้ก็ได้ แค่.. แค่ไม่อยากให้มึงมาเซ้าซี้หรอกนะ”
พชรลอบยิ้มให้ความกลัวที่น่ารักที่สุดที่เคยพบ ผ้าขนหนูสีชมพูยังพาดบ่า มือข้างหนึ่งถือตะกร้าช่องหัวใจสีฟ้า อีกข้างจูงมืออีกฝ่าย
ให้ตายเถอะ.. ม่อนแจ่มอยากจะม้วนๆ แล้วกลิ้งไปห้องน้ำแทนที่จะเดิน
ท่อนล่างปวดหนึบเล็กน้อย แข้งขายังคล้ายจะไร้เรี่ยวแรง แต่เขาไม่สนใจมันแล้วในตอนนี้ มือแกร่งอบอุ่นที่กอบกุมมือตัวเองอยู่นี่ต่างหาก.. มือข้างเดียวกันกับที่ประกบลงกับฝ่ามือเขาเพื่อปลอบประโลมกายใจในตอนที่..
ใบหน้าขึ้นสีจัดได้แต่ก้มลง ไม่ยอมเงย
ไม่มีการพูดอะไรเมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำรวม..
มือแกร่งผลักประตูห้องที่ว่างอยู่ มองสำรวจภายใน แล้วพาดผ้าขนหนูกับวางตะกร้าไว้ให้ พยักพเยิดให้อีกฝ่ายเข้าไป
ม่อนแจ่มเองก็ไม่พูดบ้าง ได้แต่ก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ..
ร่างสูงยืนพิงผนัง ใกล้อ่างซักล้าง ตามองประตูห้องอาบน้ำฝั่งตรงข้าม หูเงี่ยฟังว่าคนข้างในโอเค ไม่เจ็บ ไม่ปวดมากจนยืนไม่อยู่
“อือ..”
ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ จากข้างใน ขายาวจึงรุดไปเคาะประตูห้อง
“เป็นอะไร เจ็บหรือไง?”
…
“เปล่า” เสียงเล็กพึมพำ “น้ำมันเย็น กูหนาวเฉยๆ”
พชรส่ายหน้าเอ็นดู กลับไปยืนรอที่เดิม
ไม่นานนัก ร่างเล็กก็ออกมา ตัวหอมฉุยแม้จะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาเปลี่ยนให้เมื่อตอนเย็น
หอมจนอยากคว้ามากอดแรงๆ แล้วซุกไซร้อีกรอบ ..ซึ่งก็ไม่น่าใช่ความคิดที่ดี
พชรถอนหายใจน้อยๆ เดินไปส่งอีกฝ่ายที่ห้อง พอดีกับที่ไอดิลและไอหมอกออกมาจากห้องสามสามหก พร้อมใบหน้าที่คิ้วเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เหมือนไม่รู้ว่าตกลงตัวเองมาถูกหรือผิดงานกันแน่
พชรพยักหน้าให้ทั้งสองเป็นการทักทาย ก่อนจะละออกมายืนริมระเบียงทางเดิน พยายามคิดให้ออกว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป.. หรือควรจะพูดอะไร.. และแค่ไหนดี..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“อะ..แฮ่ม”แน่นอนว่าไอดิลไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้แซวม่อนแจ่มให้ผ่านพ้นไป
“ปากไม่ค่อยพูดกัน แต่ความสัมพันธ์ แม่ง.. โคตรไกล”
..
“นี่กูพูดลอยๆนะ” ไอดิลรีบเสริมพร้อมหัวเราะล้อเลียนน้อย
“มึงนี่!” ม่อนแจ่มหน้างอ แม้จะขัดเขิน แต่ก็ปาหมอนใส่คู่ซี๊เบาๆ
“เออ ก็กูนี่ไง” ไอดิลรับหมอนอิงลายหมูพูห์กอดช่อดอกไม้มาไว้ในมือ “แล้วมึง อะไรของมึง? ไม่ทันไร ทำหน้าอย่างกับโดนผัวทิ้งซะแล้ว?”
“ไอ้ดิ้ล!” ม่อนแจ่มว้าก
ฮ่ะๆ! ไอดิลหัวเราะลั่นอีกครั้ง
“กูล้อเล่น กูล้อเล่น! มันไม่ได้ทิ้ง กูเห็นยืนทำหน้าคิดอะไรอยู่ที่ระเบียงทางเดินนู่น”
ม่อนแจ่มถอนหายใจ “ใช่.. พชรมีอะไรต้องคิดมากมาย..”
“มึงเองก็เหมือนกัน” ไอดิลเดินมาทรุดนั่งด้วยกันบนเตียงล่าง “คิดอะไรของมึงถึงได้ แบบว่า.. ปล่อยให้ไปไกลขนาดนั้น”
หงึ.. ม่อนแจ่มโคลงศีรษะอย่างไร้คำพูด “กู กูไม่รู้.. ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“โธ่ ไอ้ม่อน!”
“ก็.. กูไม่ได้คิดจริงๆ มึงไม่เข้าใจเหรอ ถ้า.. ถ้าเป็นหมอก มึงจะไม่.. เอ่อ.. ยอมเหรอ”
“ยอมสิ” ไอดิลยอมรับตรงๆ “กูก็พยายามยั่วยวนมันอยู่ทุกวันนี่ไง”
ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะน้อยๆกับถ้อยคำนั้น คนพูดเองก็หัวเราะเช่นกัน ทว่า ก็มองเพื่อนหนุ่มอย่างเอ็นดู
ถ้าเป็นไอหมอก ไอดิลก็จะยอม แน่นอน.. มันจะเป็นแบบนั้น แต่ไอหมอกกับเขานั้นคบหากันมานานพอสมควร รู้จัก รู้ใจ ครอบครัวก็รับรู้ความสัมพันธ์ดี แต่ในกรณีของม่อนแจ่มกับพชรนั้น.. ทั้งสองคนเพิ่งรู้จักกันเทอมกว่า ซ้ำรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายน้อยมากเหลือเกิน
ทว่า นั่นแหละนะ.. มันเกิดขึ้นไปแล้ว แม้จะเสี่ยงเหลือเกินในความรู้สึกไอดิล แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าม่อนแจ่มคงยอมเสี่ยงอย่างไม่หลีกเลี่ยง เพื่อนเขาดูเป็นคนตัวเล็ก ลูกคุณหนูขี้หวาดกลัวก็จริง แต่คบกันมาจนถึงเวลานี้ เรื่องซื่อสัตย์กับความรู้สึก ไอดิลยกให้ม่อนแจ่มจริงๆ
อะไรพาคนสองคนมาถึงจุดนี้เร็วขนาดนี้? ไอดิลคงไม่อาจตอบได้ เพราะก็มีแต่คนสองคนเท่านั้นแหละที่จะเป็นคนตัดสิน มันเป็นเรื่องสายใยของจิตใจ ซึ่งบางครั้ง.. อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่เคยรับรู้มา
“ไอ้ม่อน..”
..
“แล้วตกลงมึงสองคน.. คุยกันดีแล้วใช่ไหม?”
ไอดิลไต่ถามค่อยๆ เพราะคราแรกที่เปิดประตูห้องเข้ามานั้น รูมเมทสองคนทำท่าราวกับกำลังจะเซ็นใบหย่าอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่รู้สิ..” ม่อนแจ่มส่ายหน้า
พชรจูงมือเขาไปอาบน้ำ พชรพากลับมาส่งห้อง แต่เรื่องอื่นนั้น..
“พชรดูไม่สบายใจเลย แล้วก็.. เหมือนไม่ค่อยอยากพูดกับกูสักเท่าไหร่”
“เพราะมึงพูดไม่รู้เรื่องหรือเปล่า” ไอดิลล้อ พยายามช่วยให้บรรยากาศแช่มชื่นขึ้น
ม่อนแจ่มหน้างอ “แล้วมึงเป็นคนพูดรู้เรื่องนักสิ?”
ฮ่ะๆ! ไอดิลหัวเราะลงลูกคอ “กูก็พูดไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
“แล้วใครจะพูดรู้เรื่องล่ะ?”
ก๊อก ก็อก..ประตูห้องสามสามแปดถูกผลักเปิดออกในอึดใจต่อมา
“ดิ้ล.. เอ้า อมยิ้มที่ให้ซื้อฝาก”
ไอหมอกนั่นเอง มือใหญ่ยื่นซองกระดาษมาเบื้องหน้า “กินเสร็จแล้ว อย่าลืมแปรงฟันให้สะอาดล่ะ”
..
..ไร้การตอบรับจากภายใน
ดวงตาสองคู่จ้องไอหมอกเป็นตาเดียว คนถูกจ้องจึงเลิกคิ้วงงๆ “มองอะไร?”
..
แล้วสองร่างเล็กก็ประสานเสียงใส่ผู้มาใหม่
“มองคนพูดรู้เรื่อง!”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
การมองฟ้าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไร แต่ดวงตาสีเข้มก็ติดนิสัยที่จะมอง
อาจเพราะคุ้นเคยกับชีวิตในสวนที่พอเงยหน้าก็เห็นท้องฟ้ากว้างเสียแล้วกระมัง
ร่างสูงเลี่ยงมายืนริมระเบียงทางเดิน พชรไม่อยากอยู่ในห้องสามสามแปดขณะใช้ความคิด เพราะการอยู่ใกล้ม่อนแจ่มทำให้คิดอะไรไม่ออกเลย
การสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่พชรนึกว่าจะทำลงไป อยากจะกระทืบตัวเองให้จมฝีเท้านักที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ แม้จะปฏิเสธไม่ได้.. ว่าความรู้สึกให้และรับที่เกิดขึ้นนั้นมันพิเศษจนไม่มีคำบรรยาย แต่มันไม่ถูกต้อง..
“แม่เก็บไว้มานาน แต่ก็ไม่ได้อยากเก็บไว้อีกแล้ว”
..
“แม่ยกให้พชร.. อยากจะเก็บไว้ ทิ้งหรือเอาไปไหน ..ก็ตามแต่ใจพชร”พชรขบริมฝีปากแน่น
มารดาอุตส่าห์ยินยอมมอบเช็คอายุสิบเก้าปีนั้นให้แก่เขา แม้ขณะรู้แน่แก่ใจว่าเขาไม่อาจนำไปเปิดเผยต่อนายพจน์ได้ เธอยินยอมที่จะให้เขาคงสถานะม่อนแจ่มเอาไว้..
พชรเอาเช็คไปให้ระมิงค์ และมันควรจะจบตรงนั้น ก่อนเรื่องของเขาและม่อนแจ่มจะกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ค่อยๆจางไป ทว่า ตอนนี้.. เขาทำให้ตัวเองก้าวผ่านจุดนั้นอย่างไม่มีวันหวนกลับไปได้แล้ว
พชรต้องบอกม่อนแจ่ม..
ด้วยความสัมพันธ์นี้ ช้าหรือเร็ว มันก็ต้องนำไปสู่ความจริงจนได้
ถ้าเป็นเขาบอก มันจะดีกว่าไหม แล้ว.. ควรจะบอกว่า.. อะไรล่ะ..
ม่อน.. จำเพชรลดา เพชรหละปูนที่คุณพ่อม่อนถามถึงวันก่อนได้หรือเปล่า.. ท่านคือแม่ของกูเอง ..คือคุณน้านิภาที่ม่อนเรียกขานวันนั้น ..คืออดีตคนรักของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์และ.. กูก็คือลูกที่เกิดจากเขา..แต่ว่า.. เราไม่ใช่พี่น้องกันหรอกนะ
เพราะ..มือแกร่งเกาะขอบปูนแน่นเกินความจำเป็น ฟันบนและล่างกระทบกันกึกเพราะแรงกัด
ขมับปวดตุบเพราะไม่ได้พักผ่อนนานเกินไป
“พชร..”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ร่างกำยำริมระเบียงทางเดินสะดุ้งขึ้น ใบหน้าคมสันหันกลับไป
ถ้านับจากความถี่ในการขานชื่อ 'พชร' คนเรียกคงเป็นม่อนแจ่ม ทว่า คราวนี้ไม่ใช่ กลับเป็น ..ไอหมอก
“มีอะไรหรือ หมอก?” พชรทักกลับงงๆ “ใครเป็นอะไรหรือไง? ม่อน!”
พูดคำนั้นแล้วก็ตกใจขึ้นมา ตั้งท่าจะออกเดินกลับห้อง
ม่อนแจ่มเจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือล้ม หรือ..
“เปล่า เปล่า!” ไอหมอกรีบปฏิเสธ ก้าวมาหยุดยืนข้างๆ “ม่อนปกติดี แค่.. เป็นห่วงพชร”
เป็นห่วง.. “ช่วงนี้ พชรดูเครียดไปนะ” เสียงเข้มของอีกคนเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ แต่ก็แฝงด้วยความจริงจัง
“ม่อนน่ะ.. เป็นห่วงพชร ไอดิลก็ด้วย ถ้ามีอะไร พชรก็คุยได้นะ ถือว่าไอดิลกับม่อนเป็นเพื่อน”
ไอดิลนั้นเป็นเพื่อนแน่ละ แต่ก็ต้องพูดถึงทั้งคู่ในสถานะเดียวกัน แม้ไอหมอกออกจะแน่ใจว่าตอนนี้ม่อนแจ่มไม่ใช่เพื่อนของพชร และไม่มีประวัติว่าเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนหน้านี้ด้วย
พชรถอนหายใจน้อยๆ
รูมเมทของเขาแน่ๆล่ะที่รวมพลังส่งหนุ่มวิทยาฯเคมี ผู้ซึ่งดูดีมีเหตุผลคนนี้มา
“ขอบใจมากหมอก” เสียงเข้มตอบรับผู้มาใหม่ ก่อนจะเสริม “แต่เป็นเรื่องที่บ้านน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ไอหมอกพยักหน้า “ก็คือ.. ไม่มีอะไรที่เพื่อนช่วยพชรได้สินะ”
“อืม..” อีกฝ่ายตอบแบ่งรับแบ่งสู้ “เป็นเรื่องครอบครัวน่ะ..”
“ตอนที่กูถามว่า ช่วยพ่อแม่ทำสวนมาตั้งเด็กเลยหรือเปล่า พชรชะงักไปเลย ถ้าสิ่งที่กูพูดทำให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษทีนะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหมอก” พชรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนใจอย่างยอมรับ
“กูไม่ได้อยู่กับพ่อ จริง.. แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ใบหน้าคมพยายามยิ้ม “บอกไอดิลด้วยว่า ..ไม่ต้องห่วง”
ซึ่งไอดิลก็คงไปบอกม่อนแจ่มอีกทีนั่นแหละ
หรืออาจไม่จำเป็นต้องบอกอีกทีเลยก็ได้.. พชรขมวดคิ้วเมื่อเห็นเงาสองร่างอยู่บนพื้นเยื้องห้องที่อยู่ติดกันนี้
ครอบครัว.. เรื่องครอบครัวสินะที่พชรเครียด
ม่อนแจ่มยืนถัดจากไอดิล เสียมารยาทแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องติดกับระเบียงทางเดิน
นึกอยากให้ตัวเองเป็นไอหมอก ..เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ..รับฟังเรื่องราวของพชร
แต่เขาก็เข้าใจ ไอหมอกดูเป็นผู้ใหญ่และน่าคุยเรื่องที่เป็นสาระกว่ามาก เมื่อเทียบกับเขาหรือไอดิล
ม่อนแจ่มถอนหายใจบ้าง มิน่าเล่า.. พชรถึงดูเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อการสนทนาดำเนินไปถึงเรื่องพ่อ
ตอนที่ไอดิลพูดถึงพ่อๆของเจ้าตัวก็ทีหนึ่งแล้วที่พชรทำหนังสือหล่น ทั้งๆที่ตามปกติ พชรเป็นคนระมัดระวังและไม่ซุ่มซ่ามเลย
พชร..
ไม่ว่าคุณพ่อพชรจะเป็นใคร
ถ้าเขาได้รู้จักพชร ..เขาจะต้องดีใจแน่ที่รู้ว่าตัวเองมีลูกชายที่เอาการเอางาน เป็นสุภาพบุรุษและมากด้วยน้ำใจแบบนี้
คุณน้านิภาเองก็แสนสะสวยและใจดีเหลือเกิน ทำไมพ่อพชรถึงไม่อยู่กับเธอและพชรนะ.. ม่อนแจ่มพลอยเสียใจไปด้วยจริงๆ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .