CHAPTER 20: The Journey of No Turning Back "มึงรู้สึกยังไงกับกู พชร"..
นัยย์ตาสีดำสนิทไม่ได้เปล่งประกายคมกล้าเช่นที่เคยเป็น..
หยาดน้ำตาที่ไหลพร่างพรูเบื้องหน้าทำให้ยอมจำนน พ่ายแพ้ต่อทุกความอดทนที่เพียรสร้าง
ความรู้สึกทุกอย่างแสดงออกมาทางดวงตาและมันก็พาให้ขายาวขยับเข้าใกล้ร่างเล็ก
ไม่มีคำพูดใดเป็นคำตอบ..
มีแต่สองมือที่โอบคนตรงหน้าเข้าหาลำตัวช้าๆ
ฝ่ามือทาบต้นคอให้แหงนขึ้น ค่อยๆ.. ก้มลงไปแนบสัมผัสริมฝีปากอิ่ม
ไม่ได้รุกรานเหมือนครั้งแรก.. ไม่ได้ฉาบฉวยเหมือนครั้งที่สอง.. ไม่ได้แผ่วเบาเหมือนครั้งที่สาม..
กลับอ่อนโยน ลึกซึ้ง อย่างที่ใจอยากทำมานานเหลือเกินหลังผ่านความรู้สึกมากมาย
อยากบอก.. อยากปลอบโยน.. อยากปลอบใจ.. อยากซับน้ำตาให้.. อยากขอโทษ.. ด้วยการกระทำ
พชรจูบม่อนแจ่ม จูบที่เชื่องช้า.. อ่อนเบา.. และบริสุทธิ์เหลือเกิน..
..Innocent and tenderly true.. “อือ..”
เสียงเล็กครางเครือในลำคอ ได้แต่ยืนนิ่ง นิ่ง.. อึ้ง..
อยากห้าม.. อยากโกรธ.. อยากดิ้น.. อยากไม่พอใจ..
พชรหายไปสามวัน สามวัน.. ไม่นึกถึงใจเขาบ้างว่าจะรู้สึกอย่างไร
เขาอุตส่าห์เดินไปหาที่คณะ เสียงเข้มยังพูดสิ่งร้ายกาจอย่าง ‘ไม่รู้จัก’ ออกมาได้ลงคอ
ม่อนแจ่มอยากจะเกลียดพชร.. เกลียดให้สมกับความเย็นชาที่ร่างสูงมีมาตลอด..
แต่..
ริมฝีปากหนาจูบย้ำๆ อ่อนโยน.. นุ่มละมุน..
แค่ทรงตัว ม่อนแจ่มยังจะทำไม่ไหว ไม่ต้องพูดเรื่องจะดิ้นเลย
พชรถอนริมฝีปากออกให้อีกฝ่ายผ่อนคลายหายใจหายคอและจูบซ้ำลงไปใหม่
มือสากที่ข้างหนึ่งแตะหลังคอ อีกข้างไล้ลำตัวเบาๆทำให้ร่างกายบอบบางสั่นสะท้าน และกิริยานั้นทำให้จูบนุ่มนวลค่อยๆเร่งเร้าขึ้น
ไม่..
ม่อนแจ่มอยากจะค้าน อยากผละออก อยากให้รู้ว่าโกรธ.. โกรธและเสียใจมากมายขนาดไหน
ทว่า ตอนนี้ พชรอยู่ตรงนี้ กำลังกอดเขา กำลังจูบเขา กำลัง.. ซับทุกหยดน้ำตาให้เขา
สองมือเรียวค่อยๆยกขึ้น ..กอดทาบไว้กับแผ่นหลังกำยำ สัมผัสอ่อนโยนทำให้ยอมจำนน พ่ายแพ้ตั้งแต่ไม่ได้เริ่มต่อสู้
พชรอยู่ตรงนี้แล้ว..
นั่นล่ะ.. คือสิ่งเดียวที่มีความหมาย
สัมผัสของฝ่ามือเล็กกดแนบแผ่นหลัง..
สัมผัสที่แสดงการตอบรับ.. โหยหา.. ทำให้แขนแข็งแรงรวบเอวบาง พาเอนลงบนเตียงล่าง ฝ่ามือทาบบังศีรษะเล็กกันไม่ให้ชนขอบเตียงบน ก่อนคร่อมตามลงไป ริมฝีปากย้ายไล้พรมจูบลำคอ ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้น
ม่อนแจ่มไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน หรือก็คือไม่ได้ตั้งใจต่อต้านมาแต่แรกนั่นแหละ สองแขนจึงห้อยตกบนเตียง ปล่อยให้มือแกร่งสัมผัสร่างกายตัวเองผ่านเชิ๊ตบาง
“อะ..” เสียงหวานหลุดคราง เมื่อฝ่ามือใหญ่แตะโดนจุดอ่อนไหวบริเวณหน้าอก
พชรกลั้นหายใจ หลับตาแน่น พยายามหยุดยั้งตัวเองไม่ให้พาร่างเบื้องล่างเดินทางไปไกลเกินกว่านี้
“บอกให้กูปล่อย..” เสียงเข้มพึมพำ ลมหายใจหอบรินรดซอกคอคนตรงหน้า ..ที่ได้แต่นิ่งมองตา
“บอก.. เดี๋ยว.. นี้..” พชรย้ำ
...
ม่อนแจ่มเพียงขบริมฝีปากสั่นระริก ..ปิดเปลือกตาลง
มือสองข้างค่อยๆยกขึ้นมาแตะเบาๆที่ไหล่หนา น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยคำเดียวที่อยู่ในหัว
“พชร”
ให้ห้าม ให้บอกว่าหยุด ให้บอกว่าปล่อย..
แล้วนี่หรือคือสิ่งที่ม่อนแจ่มทำ.. โอบไหล่กันแบบนี้.. พูดคำนี้ออกมา..
พูดว่า ‘พชร’
เรียกชื่อเขา
ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น..
มือแกร่งถอดแว่นแดงของอีกฝ่ายออก วางส่งๆไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ
กดปากลงไปจูบเปลือกตาเปื้อนหยาดน้ำ ซับมันออก.. ก่อนย้ายลงมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง เรียวลิ้นแทะเล็มความหอมหวานที่ปากทางแล้วเข้าไปตวัดดูดดึงภายใน.. ดวงตาสีเข้มหลับลง เช่นกันที่.. ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไป
“อือ..อ..”
ม่อนแจ่มร้องเบาๆในลำคอ แขนเรียวเปลี่ยนจากแตะไหล่เบาๆเป็นเกาะแน่น..
โดยเฉพาะเมื่อมือสากดึงเสื้อเชิ๊ตออกจากเข็มขัดและไล้เข้าไปสัมผัสผิวกายเปล่าเปลือย
“อ๊ะ..”
กระดุมเสื้อถูกปลดออก เผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียน
จมูกโด่งก้มลงซุกไซร้ ปลายลิ้นตวัดไล้เลียอีกฝ่ายที่แอ่นกายขึ้นเบาๆอย่างเย้ายวนโดยไม่รู้ตัว
มือแกร่งละมาปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก อยากให้ร่างกายเขาแนบชิดร่างเบื้องล่างให้มากขึ้น
เปลือกตาที่ปิดแน่นค่อยๆลืมขึ้น แม้จะเลือนราง ทว่า ก็มองเห็นแผ่นอกกำยำ ท่อนแขนเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ผิวสีค่อนข้างคล้ำแดดนั้นทำให้ใจสั่น ใบหน้าขึ้นสีจัดอย่างอับอาย ..แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายทาบลำตัวลงมาจนเบียดเสียดแน่นทั้งท่อนบนและท่อนล่าง
“อื้อ..อ..”
ครางเสียงแตกพร่าเมื่อส่วนที่แข็งขืนสัมผัสกัน ร่างกายเกร็งเขม็ง
พชรจับมือบางเอาไว้ข้างหนึ่ง แนบฝ่ามือลงไปประกบ สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของร่างเบื้องล่างที่ประหม่าและตื่นเต้น
เขาเองก็ไม่ได้แพ้กัน ทว่า ต้องเป็นเขา ..ที่ดูแล ..ปลอบประโลม ..ทำให้สบายใจ
ม่อนแจ่มหลับตาลงอีกครั้ง รับรู้ถึงสัมผัสที่ฝ่ามือ ขณะท่อนล่างยังบดเบียด และเขาก็แอ่นตอบสนองอย่างไร้เดียงสา กล้าๆกลัวๆ..
“ครั้งแรกใช่ไหม..”
..
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับกับคำถาม ก่อนที่จะได้ยินเสียงเข้มกระซิบหนักๆริมหู
“เหมือนกัน..”
ไม่รู้ทำไม.. คำถามนั้นทำให้คลายความเครียดเขม็ง ทำให้ผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
‘ครั้งแรกใช่ไหม’ มันเหมือนการปลอบโยน.. แสดงถึงการรับรู้ว่าเขาไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อน มันคือความรู้สึกว่าจะได้รับการทะนุถนอม
และไม่รู้ทำไม คำบอกเล่านั้นทำให้หัวใจเต็มตื้น..
‘เหมือนกัน’อาจเพราะมันคือการยอมรับ.. ยอมรับว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น เราสองคนจะเรียนรู้ไปด้วยกัน
ซิบกางเกงถูกปลดออก ส่วนกลางลำตัวถูกรูดรั้ง.. ปลุกเร้า..
ม่อนแจ่มกัดปากแน่น ไม่อยากให้เสียงดังออกไปข้างนอก
“อย่ากัดปาก..” พชรเตือนเสียงแหบพร่า โน้มใบหน้าลงมาประทับจูบเก็บเสียงให้หนักๆ
ม่อนแจ่มหายใจหอบ มือเรียวพยายามสัมผัสแตะต้องร่างกายอีกฝ่าย
ไม่อยากอยู่เฉย ไม่อยากแค่รับ อยากจะให้.. อยากตอบสนอง.. อยากให้รู้ว่า..
“อ๊ะ.. อื๊อ..”
กางเกงถูกดึงออกพ้นตัว รู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นโลมเลียช่องทางด้านหลัง
“พชร อะ.. อือ..”
เปลือกตาหลับพริ้ม ริมฝีปากขบแน่น ในลำคอครวญด้วยเสียงคราง
...
“ได้ไหม..”
เสียงเข้มกระซิบขออนุญาต และดวงหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงจัดทั่วใบหน้าและลำตัวก็พยักรับช้าๆ
ได้..
ต้องการ..
อยากให้สัมผัส..
อยากให้รู้จัก ..มากกว่านี้
เจ็บ.. เจ็บจนกระอัก
มือขาวกำยึดผ้าปูที่นอนแน่น..
เจ็บ.. ปวด.. ทรมาน..
ไม่อยากร้องโอดโอย แต่หยาดน้ำตาไหลลงมาจนได้อย่างไม่อาจทานทน
พชรยั้งตัวเอง ยั้งอย่างสุดความสามารถ เตรียมพร้อมให้ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอ
ม่อนแจ่มตัวเล็กเหลือเกิน อ่อนบางอย่างยิ่ง และเขากำยำเสียขนาดนี้
“กอดกูไว้..” พชรโน้มลงกระซิบริมหู ขบกัด โลมเลียเบาๆ
ม่อนแจ่มเชื่อตาม มือปล่อยผ้าปูที่นอน เปลี่ยนมาโอบไหล่อีกฝ่าย แม้จะโอบไม่รอบเพราะแขนเขาสั้นและพชรไหล่กว้าง
ร่างสูงนิ่งค้างอย่างอดทน รอให้คนตัวเล็กปรับตัว ลมหายใจหอบด้วยความต้องการ
ทิ้งระยะ.. ก่อนค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้า อ่อนเบา แม้จะจะถูกรัดรึงอย่างแทบกลั้นไม่อยู่
“อื้อ..อะ”
เสียงครางเล็ดลอดออกมาจนได้ มือเรียวพยายามจะละไปกำผ้าปูที่นอนอีกรอบ จนสองมือแกร่งต้องรั้งไว้
“กอดกู” เสียงเข้มย้ำ จ้องมองดวงตาที่หลับพริ้มสลับกับลืมขึ้นของอีกฝ่าย
“เจ็บก็จิกลงมา.. เจ็บมากเท่าไหร่ ก็จิกให้แน่นเท่านั้น นะ..”
ไม่ได้อยากให้เจ็บ ไม่เคยอยากให้เจ็บ แต่.. ถ้าม่อนแจ่มต้องเจ็บ พชรก็พร้อมจะเจ็บด้วย อยากรับรู้ว่าเจ็บแค่ไหน.. อยากแบ่งความเจ็บมารับไว้..
มือแกร่งข้างหนึ่งละมาปาดหยาดน้ำตาออก ก่อนจะย้ำอีกครั้ง “กอดกูไว้ ม่อน..”
..ม่อน..เสียงที่หลงใหล.. คำเรียกขานที่ใจรอคอย..
ม่อนแจ่มพยักหน้า โอบรั้งไหล่กว้างเอาไว้ อีกครั้งที่เชื่อตาม และ.. แทบทุกครั้งก็เชื่อตามผู้ชายคนนี้
“พชร..” เสียงหวานพึมพำ รู้สึกถึงส่วนของร่างกายอีกฝ่ายที่เคลื่อนไหวเนิบช้าอยู่ในตัว
เจ็บ..
จิก..
กด..
กอด..
เรียนรู้ความเจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน
แบ่งปันสัมผัสเหล่านี้ร่วมกัน
ทำความคุ้นเคยกันและกัน
จน.. ร่างกายที่ต่างขนาดทั้งสองรู้จักกัน
ความเจ็บปวดค่อยๆจางไป ..พร้อมๆกับความสุขสมที่ก่อตัวขึ้นมา
ความสุขสมที่ไม่เคยรู้จัก ที่เติมเต็ม ที่รุกเร้าลึกล้ำจนไม่อาจทนมอง
มองตากัน.. เพื่อจะหลับตาลง
หลับตาลง.. เพื่อเปิดใจซึมซับทุกรสสัมผัสของกันและกันให้มากยิ่งขึ้น
สัมผัส.. ที่สว่างไสวในความมืดมน
สัมผัส.. ที่เป็นสิ่งจริงแท้เพียงสิ่งเดียวท่ามกลางความสับสนวกวนทั้งหลายนี้
I close my eyes..
The moment I surrender to you
Let love be blind..
Innocent and tenderly true*
ปิดเปลือกตา.. เปิดหัวใจ..
เพราะเป็นเธอ จึงยอมแพ้พ่าย
ให้รัก.. นำทางเราไป
จริงใจ.. ไร้เดียงสา..
“พชร อะ.. พชร”
เรียกซ้ำๆ ..พอๆกับที่ร่างกำยำกระแทกกระทั้นเข้าหาซ้ำๆ
พชรกดจูบริมฝีปากอิ่มไว้ในนาทีสุดท้าย ..ไม่อยากให้ใครอื่นได้ยินเสียงนี้ ..เสียงที่อยากได้ยินเพียงคนเดียว
“อืม.. ม่อน..”
เสียงเข้มคำรามพึงใจ.. เสียงหวานอื้ออึงในลำคอ..
อ่อนไหว.. เย้ายวน.. จนไม่อาจทนต่อปลายทางปรารถนาได้
ทั้งสองเดินทางไปไกลแสนไกล
..ในแบบที่ไม่มีวันจะกลับมาที่เดิมได้อีก... . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ครั้งที่แล้วอัพได้สั้น ตอนนี้เลยขออนุญาตอัพเร็วหน่อยนะครับ ซึ่งก็.. ยังสั้นเหมือนกัน ฮ่ะๆ
เขียนตามความรู้สึกน่ะครับ ไปสุดที่ไหน มือก็หยุดตรงนั้น สั้นบ้างยาวบ้าง ขอโทษคนอ่านด้วยนะ ยังไงเก็บไว้หลายๆตอนค่อยอ่านทีก็ได้ครับ จะพยายามให้ดีขึ้นทุกๆตอน
ขอบคุณสำหรับการติดตามเหมือนเคยนะ (*Thanks to.. Every Time I Look At You - Il Divo)