SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 327593 ครั้ง)

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #990 เมื่อ15-01-2017 08:19:20 »

คู่แว่น แว่นใหญ่กะแว่นเล็ก น่าร๊ากกกก

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #991 เมื่อ15-01-2017 09:56:11 »

ขอท้วงกับคำผิดหน่อยค่ะ
คลอบ (ครอบ)ไว้กับกระจก
จะอย่างไรต่อก็แน่ใจ (แน่ใจนี่ถูกแล้วใช่ไหมคะ (ถ้าใช่เราว่าท่อนนี้แปลก ๆ นะ) ไม่ใช่ "ไม่แน่ใจ" ใช่ไหม หรือยังไง)เหมือนกัน
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้มีหลายอารมณ์ทั้งยิ้ม ทั้งน้ำตาซึม

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #992 เมื่อ15-01-2017 10:40:48 »

งืออออออ อบอุ่นเนอะ บรรยากาศดีจัง ความเป็น "ม่อน"  ทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเบาได้เสมอ  //  ชอบตอนพชรตะโกนเรียกม่อนลงมาจากต้นไม้ หลุดบุคลิกคนขรึมไปเลยพชร 555555

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #993 เมื่อ15-01-2017 11:00:47 »

คุณพชร !

 :laugh:

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #994 เมื่อ15-01-2017 11:24:54 »

ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารักมากกกกกกกก  คนอยู่ใกล้ยิ้มมมม

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #995 เมื่อ15-01-2017 12:12:48 »

ชอบตอนพชรเข้มใส่ม่อนแจ่มแฮะ น่ารักดี

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #996 เมื่อ15-01-2017 12:58:39 »

อบอุ่นหัวใจ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #997 เมื่อ15-01-2017 14:55:20 »

 o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #998 เมื่อ15-01-2017 15:06:26 »

อ่านแล้วมีความสุข   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พชร ม่อน  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #999 เมื่อ15-01-2017 20:58:01 »

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
« ตอบ #999 เมื่อ: 15-01-2017 20:58:01 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1000 เมื่อ15-01-2017 22:57:58 »

ม่อนแจ่มน่ารักเหลือเกิน น่ารักน่าเอ็นดู อ่านทีไรก็ได้ปลื้มกับคสามน่ารักของนายเอกเรา
กับพ่อก็คุยเจื้อยแจ้วน่ารักเลยนะม่อน ลุงแสงน่ารักมากด้วย สองแว่น ตอนเขาปกป้องกันและกันคือดีงาม ปลื้ม
พชรห่วงม่อนมาก ห่วงจนดุ ฮาอีตรงเรียกคุณด้วย แฟนมาเรียกคุณ พชรเครียดค่ะ น่ารักดี
รอพ่อลูกเขากอดกัน อิ่มใจระดับหนึ่งแล้วค่ะตอนนี้

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1001 เมื่อ15-01-2017 23:13:18 »

ม่อนน่ารักเสมอ สองแว่น พ่อลูก ขอให้ลุงแสงมีความสุข สงสารลุงแสง

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1002 เมื่อ15-01-2017 23:25:00 »

อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นใจมากๆเลย สองพ่อลูกเค้าได้เจอกันแล้ว ดูท่าจะเข้ากันได้มากซะด้วย  :katai2-1:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1003 เมื่อ15-01-2017 23:47:17 »

ชอบตอนนี้มากกกก

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1004 เมื่อ16-01-2017 14:29:25 »

ชอบเรื่องนี้จังเลยยย 
้เป็นอะไรที่ดีต่อใจจริงๆ  :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1005 เมื่อ16-01-2017 21:29:31 »

ม่อนแจ่มน่ารักน่าเอ็นดูมาก

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1006 เมื่อ17-01-2017 08:51:22 »

 :hao5:  พ่อกับลูกเจอกันแล้ว
มันรู้สึกดีจริงนะกับตอนนี้ไม่รู้สึกถึงความริษยา อาฆาต มันดูมีแต่ความรักความเอาใจใส่ความพอเพียง ไม่มีความเห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1007 เมื่อ17-01-2017 20:51:43 »

มาเต้นรอ เปลี่ยนหัวเรื่องแล้ว  :katai2-1:
 :110011: :z7:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1008 เมื่อ17-01-2017 20:53:35 »

อ้าวไม่ใช่ ดูผิด
อายจัง  :katai5:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1009 เมื่อ17-01-2017 22:23:29 »

ชอบน้องม่อนน้องมีเหตุผลน้องน่ารัก :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
« ตอบ #1009 เมื่อ: 17-01-2017 22:23:29 »





ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1010 เมื่อ17-01-2017 23:18:48 »

ที่ถูกคือมาลงตอนใหม่แล้วเมื่อวันอาทิตย์แต่ก็ดูผิดแล้วผิดอีก จนกว่าจะได้อ่านก็วันนี้
เลยได้รู้ความน่ารักของสองแว่นช้าไป
ม่อนน่ารักมากมาย ใครอยู่ใกล้ก็หลงรัก
แล้วก็ได้เห็นมุมพชรห่วงม่อนออกนอกหน้า อย่างน่ารักเลย
ได้อ่านแล้วมีความสุขจัง
 :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1011 เมื่อ19-01-2017 01:28:54 »

ว้ายยยย ก้าวหน้า พอชัดเจนแล้วมีหวงหนักมากนะพชร
ม่อนแจ่มน่ารัก ทะเล้นมาก ขี้อ้อนด้วย ยอมใจเลยเนาะพชร

เรื่องคลี่คลายแล้ว ผู้ใหญ่เข้าใจกันแล้ว เริ่มเข้าที่เข้าทาง
แต่ทางของพชร ม่อนแจ่ม สะดวกมาก บอกเลย 5555

ม่อนแจ่มเจอพ่อแล้ว ตอนนี้อาจจะยังไม่เรียกได้สนิทปาก แต่เริ่มสนิทใจแล้ว
ถ้าก่อนกลับ หันมาลา แล้วเรียกพ่อ คือมีน้ำตาแน่

ฮาไอดิล คือจะโลกสดใสไปไหน กวนจริงๆ 5555 แต่หมอกเอาอยู่เนาะ

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1012 เมื่อ22-01-2017 17:15:15 »

มารอพชรกะม่อน :call:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #1013 เมื่อ22-01-2017 20:47:42 »

อ่านตอนนี้แล้วเพลินมากๆ ครับ
อยากมีสวนผลไม้เองบ้างเลย ฮ่าๆๆ

รอ part III นะครับ

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1014 เมื่อ23-01-2017 22:24:49 »

CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part III)
   
           ตะวันคล้อยลงลับเหลี่ยมเขาไปแล้วเมื่อม่อนแจ่มเดินมาใกล้ถึงตัวคนคุ้นเคย..
เจ้าของสวนหนุ่มสั่งความบางอย่างกับคนงานคนหนึ่งที่เขาจำหน้าได้แต่ยังไม่รู้จักชื่อ ก่อนจะก้าวยาวๆมาหา สัมผัสมือกร้านแตะลงบนบ่า เสียงเข้มส่งมาถามอย่างห่วงใย
“เหนื่อยหรือเปล่า..”

ม่อนแจ่มส่ายหน้า
ที่จริง.. เขาเริ่มจะปวดขาเพราะเดินไกลประกอบกับยืนทำงานมาทั้งวัน แต่ม่อนแจ่มไม่อยากบอกเลยว่า ‘เหนื่อย’
เพราะทุกคนก็ทำงานแบบนี้กันทั้งนั้น ไม่มีใครมีเวลามาสังเกตว่าตัวเองเหนื่อยหรือเปล่าด้วยซ้ำไป เพราะงั้น.. ม่อนแจ่มจึงฉีกยิ้ม ตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เหนื่อยครับ คุณพชร”

หน้าคมส่ายน้อยๆกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียก มือแกร่งยกขึ้นกระตุกเงื่อนปลดด้ายรัดคางและดึงหมวกออกจากศีรษะเล็กเพราะไม่มีแดดแล้ว ใส่ไว้จะอึดอัดเสียมากกว่า

“เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว” พชรสั่ง
“น่า คุณพชร..” ม่อนแจ่มต่อรอง “ให้แว่นแดงเรียกเถอะครับ มันเท่ดี เครื่องกลชอบ!”

เฮ้ย อะไร!
พชรขมวดคิ้ว หน้าตาเริ่มจะตื่นกับสรรพนามเดิมที่ตัวเองเคยใช้ กระทั่งม่อนแจ่มหัวเราะคิกคักและทำหน้าล้อเลียนนั่นแหละ จึงตระหนักได้ว่านี่มันคงเป็น ‘การแก้แค้น’ เล็กๆน้อยๆจากรูมเมทที่ในอดีตนั้น เขาไม่ยอมเรียกชื่อ
พชรอดไม่ได้ที่จะทาบฝ่ามือใหญ่ ประทับน้ำหนักลงบนศีรษะเล็กอย่างมันเขี้ยว ..จำได้ว่าเคยทำแบบนี้แล้วครั้งหนึ่งในห้องสามสามแปด..

          “กับมึง ..กูไม่ถือ”

และนั่นก็คือปฏิกิริยาตอบกลับ..

ม่อนแจ่มยังคงยิ้มร่า แต่พชรกลืนน้ำลาย ใบหน้าคมโน้มลง อยากสัมผัสริมฝีปากอิ่มที่วันนี้ซีดเซียวลงเพราะขาดน้ำแทบขาดใจ แต่ก็ต้องชะงัก ยับยั้งไว้ ด้วยรู้ตัวว่าไม่ใช่สถานที่ที่ควร..
พชรละใบหน้าออกในตอนท้าย หันหลังและเดินนำไปโดยไม่ยอมหันมองอีก หูเพียงฟังว่ามีเสียงฝีเท้าเดินตามเขามา

          “คุณลดากลับก่อนแล้วครับ”
แสงรวีเอ่ยกับเจ้านายหนุ่มและยิ้มกว้างให้ม่อนแจ่มที่ก้าวตามมาข้างหลัง
พชรพยักหน้ารับ ไม่ได้แปลกใจ เพราะมารดามักจะออกจากสวนก่อนเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นเป็นประจำอยู่แล้ว
“งั้นผมกลับกับลุงแสงเลยครับ”

ม่อนแจ่มได้ยินดังนั้นก็รีบสาวเท้าขยับนำหน้า สวมบทผู้ใต้บังคับบัญชา เปิดประตูรถกระบะคันเก่าให้เจ้านายและผายมือเชื้อเชิญขึ้นนั่ง
ที่จริง.. เจ้านายควรจะนั่งเบาะหลัง แต่ม่อนแจ่มคิดว่าเบาะหน้ามันนั่งสบายกว่า เดี๋ยวลูกน้องนั่งหลังเองแล้วกัน

“ไปนั่งข้างหน้าเถอะไป”
พชรสั่งตามเคย ทว่า ลูกน้องส่ายหน้าดิกไม่ทำตาม กลับเปิด cab หลัง ขึ้นไปนั่งก่อนเจ้านายเสียเรียบร้อย

อืม..
เอายังไงก็เอา.. เพราะพชรไม่อยากอุ้มม่อนแจ่มออกมา แล้ววางร่างเล็กนั้นไว้เบาะหน้าดังที่ใจอยากทำต่อหน้าลุงแสง
เขาจึงขึ้นนั่งคู่คนขับด้วยเสียงถอนหายใจที่บอกได้ว่าไม่สบอารมณ์นัก ..ก็รู้อยู่เต็มอกว่ากระบะตอนครึ่งนี้ ข้างหลังไม่ได้มีเบาะให้นั่งได้อย่างสบายเลย

ตาคมสบกับดวงตาใสในกรอบแว่นแดงผ่านกระจกมองหลังเพียงชั่วลมหายใจ ก่อนจะละไปมองลิ้นจี่ที่ยืนต้นเรียงรายทางฝั่งซ้ายมือ แม้ใจยังคงตรึงอยู่กับคนข้างหลัง
ม่อนแจ่ม..  ดูเพียงรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยผิวเผินคงไม่รู้ ว่าเด็กหนุ่มชาวเมืองคนนี้มีน้ำอดน้ำทนขนาดไหน..

           แสงรวีขึ้นประจำการหลังพวงมาลัย ลอบหัวเราะในลำคอกับสถานการณ์ตรงหน้า
กระจกหลังส่องให้เห็นม่อนแจ่มที่มองเขาอยู่ผ่านกระจกเช่นกัน คิ้วเรียวยักส่งมาจึ๊กๆ พยักพเยิดยิ้มๆไปทาง ‘เจ้านาย’ ของทั้งคู่บนเบาะข้างเคียง
หัวหน้าคนงานแห่งสวนเพชรหละปูนต้องยอมรับว่า.. ไม่เคยมีใครทำให้คุณพชรที่เขาเห็นมาตั้งแต่ครั้งเป็นเด็กน้อยตะโกนเต็มเสียงได้อย่างวันนี้ คราที่บอกให้ม่อนแจ่มลงมาจากต้นลิ้นจี่
ความห่วงใย.. ความหวั่นไหว.. และความหวาดกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่ที่แสงรวีมักจะเห็นเพียงสองอย่าง คือหนึ่ง.. ความเด็ดเดี่ยวกับงาน และสอง.. ความว่างเปล่า ด้วยปราศจากอารมณ์ลึกซึ้งใดๆ
แต่ผู้มาใหม่คนนี้.. กลับทำให้ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไป

หนุ่มใหญ่มองถนนขรุขระสูงๆต่ำๆเบื้องหน้าซึ่งนำออกจากบริเวณสวนลิ้นจี่ 
ก็ใช่.. ที่แสงรวีคิดว่ารู้อยู่แล้วในความรู้สึกที่เด็กหนุ่มทั้งสองมีต่อกัน อย่างไรก็ตาม.. ในวันนี้ เขาได้เห็นชัดเจนกับตา

'ความรัก'.. แสงรวีอดจะคิดถึงความรู้สึกนี้ไม่ได้ และมันก็พาเขาไปสู่สตรีผู้ยังคงดำรงอยู่ในความรู้สึกนั้นของตนเองจนได้
ดวงตาในกรอบแว่นดำมองสบกับดวงตาในกรอบแว่นแดงเบื้องหลังอีกครั้ง ..และเห็นความคล้ายคลึงบางประการโดดออกมาผ่านเลนส์

          “ขอบคุณครับ ลุงแสง”
พชรเอ่ยเมื่อกระบะชะลอจอดหน้าบ้านยกพื้นสูง ดึงมือจับเปิดประตูฝั่งตนเอง ก่อนเปิด cab หลังให้ม่อนแจ่มลงมา ทว่า คนข้างหลังยังไม่ลง กลับชะโงกหน้าผ่านช่องว่างระหว่างเบาะไปถามคนขับ
“เอ้อ.. แล้วบ้านลุงแสงอยู่ไหน อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว ต้องขับรถไกลหรือเปล่าอ่ะครับ?”

แสงรวียิ้มนิดหนึ่ง นึกขอบคุณในความห่วงใยที่แสดงออกมา
“ใกล้นิดเดียว ไม่ทันมืดหรอก”

อ่าม.. ม่อนแจ่มพยักหน้าช้าๆอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่แสงรวียังคงยิ้ม
“ว่าแต่ม่อนเถอะ วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ” คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ มิวายสงสัย “แล้วลุงแสงกินข้าวที่ไหนอ่ะครับเนี่ย”
“ก็กินที่บ้านนั่นล่ะ” แสงรวีหัวเราะ “ถึงบ้านแล้วก็ทำ แป๊ปเดียว ได้กิน”

ลุงแสงจะถึกไปไหน.. ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะคิด
ทำงานในสวนมาทั้งวัน เย็นย่ำต้องขับรถกลับบ้าน แล้วยังไปทำกับข้าวกินเองอีกหรือ
ปากอิ่มอ้าจะชวนกินข้าวด้วยกัน ทว่าก็ไม่กล้า เกรงใจเจ้าของบ้านซึ่งยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

พชรเพียงยกมือไหว้ลา ม่อนแจ่มทำตามอย่างลังเล
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มสดใสของลุงแสงที่ส่งมาให้เขาเป็นเสมือนคำย้ำว่า ‘ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง’ ซึ่งอีกเดี๋ยวเดียว.. ม่อนแจ่มก็รู้ว่าทำไม
ก็รถกระบะของลุงแสงนั้นชะลอจอดที่หน้าบ้านไม้หลังเล็กห่างจากจุดที่ม่อนแจ่มยืนไปเพียงสักราวๆร้อยเมตรเท่านั้นเอง ซ้ำบุรุษร่างเล็กยังลงมาโบกไม้โบกมือให้เห็นชัดเจนแม้มองจากตรงนี้

“พชร บ้านลุงแสงอยู่ตรงนั้นเองเหรอ!” ม่อนแจ่มหัวเราะออกมาอย่างดีใจ
“อืม..” พชรครางรับ
แม้จะไม่ใช่บ้านเดิม แต่ตอนนี้ ทุกๆวันลุงแสงอยู่ที่นั่น ที่ซึ่งมารดาให้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์มานานนับสิบปี จะบอกว่าเป็นบ้านลุงแสงก็ไม่ผิดความจริงแต่อย่างใด

         “ม่อน”
สตรีเจ้าของบ้านทักทายทันทีที่เห็นเจ้าของชื่อโผล่พ้นประตูหน้าเข้ามา “ไง เหนื่อยหรือเปล่า?”
..
“ไม่ครับ” ม่อนแจ่มส่ายหน้าหงึกหงักทั้งรอยยิ้ม ..สังเกตว่าคุณน้าลดาถามคำถามเดียวกันนี้เป็นคนที่สาม
เขาคิดว่าคนถามทั้งสามคนรู้ว่าเขาเหนื่อย แต่มันเป็นการถามที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบจริงจัง แทบจะไม่ใช่ ‘คำถาม’ เสียทีเดียวด้วยซ้ำ ..ม่อนแจ่มเรียนรู้ว่ามันเป็นการแสดงความห่วงใย ..จากคนที่รักและหวังดีกับเขา

“ม่อนไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะ จะได้มากินข้าว” เพชรลดาเอ่ยกับคนตัวเตี้ย ก่อนจะหันมามองคนตัวสูง
“พชร เดี๋ยวพาม่อนไปห้องน้ำ แล้วออกมา เอาแกงไปให้ลุงแสงเสียก่อนนะ”

เอาแกงไปให้ลุงแสงหรือ?
ดวงตาในกรอบแว่นมองเข้าไปในครัว ที่ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วบ้าน
“เอาแกงไปให้ลุงแสงหรือครับ คุณน้าลดา?” ม่อนแจ่มถามซ้ำ
“จ้ะ.. น้าแกงเผื่อทุกวันอยู่แล้ว นอกจากลุงแสง ก็เอาไปให้บ้านลุงเอิบด้วย อยู่ถัดกันไม่ไกล”
“อะ.. งั้น ..งั้นม่อนเอาไปให้เองได้ไหมครับ?” ม่อนแจ่มถามพลางเงยมองพชรเป็นเชิงขออนุญาต

เพชรลดามองม่อนแจ่ม..
ไม่แปลกใจนักหรอกกับการขันอาสา เมื่อตัดสินจากสายสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างสองแว่นสองวัยที่เห็นได้ตลอดบ่ายวันนี้

ปกติที่พชรเป็นคนถือไป เด็กหนุ่มไม่เคยใช้ถาด อย่างไรก็ตาม นี่เป็นม่อนแจ่ม เพชรลดาจึงหยิบถาดไม้ ยกถ้วยแกงทั้งสองวางลงไปก่อนส่งให้
“แล้วม่อนจะรีบกลับมาครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ออกปากไว้ด้วยไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องคอยทานข้าวนาน

“เดี๋ยวมานะ พชร”
ม่อนแจ่มสบตา หันหลังเดินออกผ่านประตูบ้าน ..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพชรขยับเดินตามโดยอัตโนมัติ
“ของลุงเอิบ เอาไว้กับลุงแสงนั่นแหละนะ เดี๋ยวลุงแสงเอาไปเอง” เสียงเข้มบอกไล่หลัง
ม่อนแจ่มหันกลับไปพยักหน้าให้ ทว่า เมื่อดวงตาคมกล้าคู่นั้นยังคงมองมาอย่างห่วงใย เขาจึงคลี่ยิ้ม
“อย่าห่วงเลยน่า ตรงนี้เอง มึงก็เห็นกูอยู่”
พชรเม้มริมฝีปากไว้ ไม่อยากหลุดเผยอยิ้มเพราะเก้อเขินที่ม่อนแจ่มเข้าใจอาการของเขา หน้าคมพยัก ดวงตามองตามหลัง
ร่างสูงยืนกอดอกอยู่ ณ ชานบ้าน ขณะคนคุ้นเคยค่อยๆเดินลงบันไดไป

             แสงสีทองหม่นสาดสะท้อนทั่วบริเวณ ..แสงสุดท้ายของวันนี้แล้ว วันที่ยาวนานสำหรับม่อนแจ่ม แล้วก็เป็นวันที่มีค่ามากๆด้วย
บ้านไม้หลังเล็กนั้นอยู่ไม่ไกล กลิ่นแกงอ่อมหอมยวนใจอยู่ใต้จมูก ม่อนแจ่มนึกถึงน้ำใจของคุณน้าลดาที่มีต่อคนรอบตัว
เขาดีใจนักที่ลุงแสงอยู่ที่นี่.. ในสวนเพชรหละปูน.. ใกล้คุณน้าลดา ใกล้พชร และอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานทั้งหลายที่ตัวท่านเป็นที่รักดังที่ม่อนแจ่มเห็นมาตลอดทั้งวันนี้

ขาเรียวมาหยุดหน้าบ้านในที่สุด ..รถกระบะที่โดยสารไป-กลับสวนลิ้นจี่จอดนิ่งอยู่ข้างบ้านราวกับหยุดพักผ่อนหลังจากปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนี้เป็นประจำทุกๆวัน ม่อนแจ่มสังเกตจากหญ้าที่ลู่ติดพื้นดินตามรอยล้อรถ
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่หันมองแล้วเห็นว่าเป็นดอกแก้วส่งออกมารวยระริน ม่อนแจ่มสูดเข้าไปเต็มปอด พอผสมกับกลิ่นแกงอ่อมของคุณน้าลดามันก็แปลกๆดี

บ้านลุงแสงแม้หลังเล็ก แต่น่าอยู่ บนระแนงมีกล้วยไม้แขวนหลายกระถาง ไม้ใบที่ม่อนแจ่มไม่รู้จักชื่อห้อยลงมาเป็นพวงระย้าสวยงาม หน้าบ้านลาดคอนกรีตขัดมันเป็นชานยื่นออกมาราวเมตรครึ่ง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางอยู่ใกล้ประตูมุ้งลวดที่มีแสงไฟลอดออกมาจากภายใน
ม่อนแจ่มเงยมองป้ายไม้ที่ผนึกสะดุดตาบนผนังเหนือกรอบประตู ..บ่งบอกชื่อเสียงเรียงนามเจ้าของบ้าน

‘นายแสงรวี ศรีแม่ทา
๒ ม.๕ ต.ทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน’

แสงรวี ศรีแม่ทา ..ม่อนแจ่มทวนชื่อนั้นในใจ
แสงรวี..
แสง..

             ‘ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ’

น่าแปลก.. หรืออาจจะไม่แปลกที่ม่อนแจ่มได้ยินเสียงมารดาร้องเพลงท่อนนั้นทวนอยู่ในความทรงจำ
ร่างเล็กยืนนิ่งเงียบในความคำนึงอยู่หลายนาที ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหากยืนแบบนี้ต่อ แกงอ่อมคงเย็นชืดเสียหมด เขาจึงตะโกนเรียกไม่ดังมากนักผ่านประตู
“ลุงแสงครับ”
..
..
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ม่อนแจ่มจึงเรียกดังขึ้นอีก “ลุงแสงครับ!”
อย่างไรก็ตาม เสียงที่ตอบกลับไม่ใช่เสียงคน แต่เป็นเสียงสิ่งของกระทบกัน

เกร้ง!

เฮ้ย!
ม่อนแจ่มอุทานตกใจ เขาขยับเข้าใกล้ประตู ชะโงกมองผ่านประตูมุ้งลวดหาต้นเสียง
เสียงอะไร? ลุงแสงเป็นอะไรหรือเปล่า..

“ลุงแสง ขออนุญาตเข้าไปนะครับ ม่อนเอง!”
มือเรียววางถ้วยแกงไว้บนโต๊ะไม้หน้าบ้าน แล้วจึงผลักประตูเข้าไปอย่างตื่นๆ

         ภายในบ้านเล็กโปร่งสบาย แม้ข้าวของไม่เป็นระเบียบมากเหมือนบนบ้านพชร แต่ก็ไม่ถือว่ารกอะไรนัก
ม่อนแจ่มมองเร็วๆ หาพิกัดของลุงแสง แล้วเมื่อเขาโผล่หน้าผ่านส่วนนั่งเล่นเข้าไปเจอครัว ..นั่นแหละ จึงเห็นลุงแสงก้มหยิบอะไรคล้ายๆจะเป็นกะละมังอลูมิเนียม ปากอ้าร้องคลอเสียงรัวกลองของเพลงร็อคจากวิทยุแบบใส่แผ่นได้ ..นี่เองทำให้ลุงแสงไม่ได้ยินเสียงเขาเรียก

"Welcome to a new kind of tension
All across the alienation
Where everything isn't meant to be okay

Television dreams of tomorrow
We're not the ones who're meant to follow
For that's enough to argue..."*


ห๊ะ?
เพลงนี้มัน..
ลุงแสงฟัง Green Day วงร็อคอเมริกันเก๋ากึ๊กนี่นะ ..ม่อนแจ่มยอมเลย
นึกว่าจะฟังแบบ.. ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย ดอกเอื้องสามปอยบ่เกยเบ่งบานบนลานพื้นดิน ไม้ใหญ่ ไพรสูง นกยูงมาอยู่กิน เสียงซึงสะล้อจ๊อยซอเสียงพิณ** ..อะไรทำนองนั้นเสียอีก

          “ม่อน?”
แสงรวีที่อยู่ในท่าก้ม มือหนึ่งคว่ำกะละมังพิงผนัง อีกข้างกำช่อผักหวานหลุดอุทานออกมา

“อะ..เอ่อ ม่อนขอโทษที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาครับ” ม่อนแจ่มรีบออกตัว รู้ว่าเสียมารยาท
แสงรวีพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้มาเยือนสื่อสาร แต่ดูเหมือนเขาจะเปิดเพลงดังไปนะนี่ บุรุษร่างเล็กจึงขยับกาย มือกร้านเอื้อมหรี่เสียงวิทยุให้เบาลง

‘Well maybe I'm the faggot America.
I'm not a part of a redneck agenda.
Now everybody do the propaganda.
And sing along to the age of paranoia.’


“เพลงมันส์มากครับ”
ม่อนแจ่มมองวิทยุยิ้มๆ อดจะทักไม่ได้ ชอบใจในความแตกต่างสุดขั้วระหว่างบ้านสวนลำพูนกับเพลงร็อคเสียดสีอเมริกัน
“แบบว่าเข้ากับบรรยากาศมาก ก ก”

“ฮ่ะๆ” เจ้าของบ้านหลุดหัวเราะ
“ชอบฟังเพลงน่ะ ฟังทุกแนว วันนี้ถึงคิวกรีนเดย์พอดี เมื่อวานยังฟังคุณจรัล มโนเพ็ชรอยู่เลย”
ม่อนแจ่มขำก๊าก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้
“เอ้อ.. คุณน้าลดาให้เอาแกงมาให้ลุงแสง คือม่อนวางไว้ข้างนอก เพราะได้ยินเสียง..”
ว่าพลาง ดวงตาเขาก็กวาดมองพลางว่าลุงแสงประสบอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า
“อ๋อ” แสงรวีก้มมองกะละมัง หัวเราะหึหึอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“ไม่เป็นไร เดินชนทุกวัน ก็จำไม่ได้สักทีว่ามันอยู่ตรงนี้”

เอ่อม.. ชนทุกวัน..
ม่อนแจ่มตะหงิดๆกับอุปนิสัยชนนู่นชนนี่เช่นนี้เหลือเกิน

“เดี๋ยวม่อนรีบไปเอาแกงมาให้นะครับ” ว่าแล้วร่างเล็กก็หันหลังก้าวยาวๆแทบจะวิ่งไปเอามา
..
“ของลุงเอิบด้วยสิ” แสงรวีพยักหน้า มองแกงอ่อมกระดูกหมูอ่อนสองถ้วยในถาดไม้ “ม่อนไว้นี่เลย เดี๋ยวลุงเอาไปให้เอง”
“ครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ พชรบอกเขาแบบเดียวกันนี้แล้ว
“แล้วนั่น.. ลุงแสงจะทำอะไรหรือครับ?”
“จะยำผักหวานน่ะ รีบไปเก็บมาก่อน เดี๋ยวหมดแสง”

อ่อ.. ม่อนแจ่มพิจมองผักหวานใบสีเขียวเข้มที่เหมือนจะเก็บมาสดๆ
“ลุงแสงปลูกผักด้วยหรือครับ?”
“อื้ม” แสงรวีตอบรับ เดินนำมาที่ประตูหลังซึ่งเปิดออกสู่สวนครัวเล็กๆของตัวเอง

“โห ผักเยอะจัง!” ม่อนแจ่มอุทาน มองผ่านแสงสลัวออกไป
แสงรวีหัวเราะอีกครั้ง “นี่น้อยเดียวเอง ธรรมดาชาวบ้านก็ปลูกผักไว้กินทั้งนั้นแหละ คุณพชรก็ปลูก อยู่หลังบ้าน ม่อนอาจจะยังไม่เห็น”
ม่อนแจ่มยังไม่เห็นจริงๆนั่นแหละ เพราะวันนี้ลงจากบ้านก็เข้าสวนตั้งแต่เช้าจนเพิ่งกลับมาตอนเย็นนี่เอง

“ฝากขอบคุณคุณลดาด้วยนะม่อน” แสงรวียิ้ม ดึงประตูมุ้งลวดหลังบ้านปิดกันยุง
“ครับ” ม่อนแจ่มรับคำ กวาดตามองครัวเล็กๆ ตลอดจนรอบๆภายในบ้าน
ลุงแสงอยู่คนเดียว.. ทำอาหารกินเอง.. ดูแลตัวเอง.. มีวิทยุคู่ใจ.. และบนม้านั่งไม้สักยาว ม่อนแจ่มเห็นกีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลระบุยี่ห้อ Paramont วางอยู่ มันสะอาดและไม่มีฝุ่นจับเลยราวกับว่าถูกหยิบมาเล่นเป็นประจำ

“ลุงแสงเล่นกีต้าร์ด้วยหรือครับเนี่ย?”
แสงรวีคลี่ยิ้ม เอ่ยทีเล่นทีจริง “ลุงติสท์แตกน่ะ”

ฮ่ะๆ!
ม่อนแจ่มหัวเราะชอบใจ มองกลับไปที่ครัวอีกครั้ง
“แล้ว.. นี่ม่อนช่วยอะไรลุงแสงได้บ้างครับ ช่วยเด็ดผักหวานดีไหม”
ม่อนแจ่มคิดว่ามันไม่เกินกำลัง จะช่วยยำก็ดูท่าจะไม่รอด เขาเพิ่งเคยทำแกงจืดหม้อเดียวเท่านั้นเอง แถมด้วยความช่วยเหลือจากป้าเพ็ญและร่วมงานกับคุณพ่อพจน์ด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก ม่อนรีบกลับดีกว่า” แสงรวีมองผ่านหน้าต่างเห็นความมืดที่โรยตัวด้านนอก “จะมืดสนิทแล้ว แถมคุณลดาคงรอกินข้าวอยู่นะ”
..
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ..รู้สึกอยากอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนลุงแสงอย่างช่วยไม่ได้ ..เห็นใจที่ลุงแสงจะต้องกินข้าวเพียงลำพัง
แสงรวีมองดวงตาที่หรุบลงต่ำอย่างนึกเอ็นดู
“ลุงแน่ใจว่าม่อนคงมาที่นี่อีกหลายครั้ง ..เวลามีออกเยอะไป”

ม่อนแจ่มเงยขึ้นมอง..
ลุงแสงพูดอะไรทำนองอีกแล้ว อะไรที่ไม่ได้เกริ่นนำ ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน แต่ลุงแสงรู้ ..และท่านคงรู้ว่าม่อนแจ่มเองก็.. รู้

“งั้น.. ม่อนหุงข้าวให้นะครับ ม่อนหุงเป็น ..แป๊ปเดียว”
ขาสั้นพยายามก้าวยาวที่สุดไปหยิบหม้อที่คว่ำอยู่บนชั้น มองหาข้าวสาร ..อยู่ในถังพลาสติกใสตรงนั้นเอง
เขาตักออกมากระป๋องหนึ่ง คงพอสำหรับลุงแสง ..เขาหุงเป็นนะ วันนั้นป้าเพ็ญสอนแล้ว
ม่อนแจ่มล้างมือ เปิดน้ำใส่หม้อ ขยำๆ แล้วตั้งท่าจะเทน้ำซาวข้าวทิ้ง
“ท.. เทใส่กะละมังไว้ก่อน ม่อน” แสงรวีเอ่ยบอกไม่ค่อยเต็มเสียง ทั้งยังตะกุกตะกักเล็กน้อย “ลุงเอาไว้รดน้ำผัก น่ะ..”
“อ..อ๋อ ..ครับ” ม่อนแจ่มรับคำ ทำตามนั้น “ม่อนขอโทษครับ ม่อนไม่รู้”
“ไม่เป็นไร” แสงรวีรีบส่ายหน้าให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ “น้ำสะอาดในขวดตรงนั้น ม่อนก็.. ใช้หุงได้เลย”
“ครับ..” ม่อนแจ่มรับคำอีกครั้ง เทน้ำลงในหม้อ กะว่าประมาณครึ่งข้อนิ้วตามที่ป้าเพ็ญเคยบอก
“ลุงแสงชอบข้าวสวยแบบเรียงเม็ด ..หรือข้าวค่อนข้างนุ่มครับ”
“แบบหลัง..”

โอเค.. งั้นม่อนแจ่มใส่น้ำเพิ่มอีกหน่อย
ไม่รู้ทำไมมือขาวจึงสั่น.. เขาแค่.. แค่อยาก.. หุงข้าวให้ลุงแสงรับประทาน ก็เท่านั้น..

           แสงรวีเบือนหน้าไปทางอื่นขณะที่ม่อนแจ่มกดไฟหุงข้าว
ถามตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวันว่ามันฝันหรือจริง..
ม่อนแจ่ม.. ที่ลำพูนนี้..
ยิ่งกว่านั้น ที่ในบ้าน ในครัวของเขา ..แล้วตอนนี้ เด็กหนุ่มกำลังหุงข้าวให้เขากิน

“ม่อนกลับก่อนนะครับ วันหลัง.. ม่อนคงได้มากินข้าวกับลุงแสงบ้าง”
ม่อนแจ่มพยายามยิ้ม ..ไม่ใช่ไม่อยากยิ้ม แต่มันรู้สึกเหมือนจะร้องไห้จนยิ้มไม่ออก แสงรวีเองก็เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเดินผ่านโต๊ะกินข้าวไป ม่อนแจ่มมองเห็นบางอย่างที่คุ้นตา
“นี่มัน..”
..
ที่กำลังมองอยู่คือกระดานไม้ติดผนัง ..และที่ปักหมุดไว้บนนั้นคือแผ่นกระดาษใบเล็ก ..ลายเส้นดินสอที่คุ้นเคยวาดเป็นรูปการ์ตูนผู้หญิงผูกผมหางม้า หิ้วตะกร้าผลไม้

‘ขอบคุณครับ เป็นลำไยที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยทาน’

ใต้ภาพถูกเขียนไว้ว่าอย่างนั้น.. และม่อนแจ่มก็จำมันได้ดี..
“ม่อนวาดให้คุณน้าลดา..” ม่อนแจ่มงุนงง ..ทำไมถึงมาอยู่ที่ลุงแสงล่ะ?
“นั่น..” แสงรวีอึกอัก มองดวงตาใสที่เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เข้าใจจึงรีบอธิบาย
“ม่อนอย่าเข้าใจผิดนะ ไม่ใช่คุณลดาไม่อยากเก็บไว้ ไม่ใช่มันไม่สวยหรืออะไร”

เปล่า..
ม่อนแจ่มไม่ทันได้คิดอะไรแบบนั้นเลย เขาแค่เพียงนึกไม่ออกว่าทำไมมันมาอยู่ตรงนี้ได้
“ทำไมถึงมาอยู่ที่ลุงแสงล่ะครับ..”

เอาล่ะ..
มันก็เป็นเพียงคำถามธรรมดาๆ ทว่า เป็นคำถามที่คำตอบจะนำไปสู่คำตอบในเรื่องอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“คุณลดาให้ลุงน่ะ”แสงรวีกลืนน้ำลาย “เพราะ..”
..
“เพราะ..” ม่อนแจ่มย้ำคำ อยากจะฟังเหตุผล
แสงรวีหยุดชะงักอย่างใคร่ครวญ ..เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กับความรู้สึก ไม่เคยนึกอยากโกหกอะไร

           “นี่คือ..?”
           ..
           “นี่รูปคุณลดาใช่ไหมครับ ..ถือตะกร้าผลไม้ด้วย คงเป็นลำไย”
           “รูมเมทพชรวาดให้ฉัน ตอบแทนที่เอาลำไยไปฝาก”
           “โอ้! ฮ่ะๆ น่ารักจริงๆครับ”
           “ฉันให้พี่แสง”
           ..
           “ให้ผมทำไมครับ?”
           “ฉันไม่ได้ให้รูปฉัน ..แต่ฉันให้ลายเซ็นของคนวาดนะ พี่เก็บเอาไว้เถอะ”
           ..
           “รูมเมทพชรคนนี้เรียนวิศวกรรมเครื่องกล เขาชื่อ.. ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์”


“เพราะ.. คุณลดาอยากให้ลุงเก็บลายเซ็นคนวาดเอาไว้” แสงรวีเอ่ยตอบในที่สุด

..ลายเซ็นคนวาด
ม่อนแจ่มมองแผ่นกระดาษอีกครั้ง ..มุมขวาล่างกำกับตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างที่คุ้นตา ..อย่างที่คุ้นมือ
‘Mon Cham of Mechanical Engineering’

“ทำไมครับ..”
ม่อนแจ่มถามโง่ๆ ทั้งที่รู้.. เขารู้อยู่แล้ว..
และบ้าจริง.. เขารู้ตัวด้วยว่ากำลังจะร้องไห้..
เขาวาดรูปนี้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน.. แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมานี้..

“เพราะมันมีความหมายกับลุง ..มาก”
แสงรวีกัดริมฝีปาก อยากจะพูดให้เต็มปากเต็มคำ แต่มันไม่ไหว เขาพูดได้แค่นั้น..

“วันนี้ ไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะนะ” บุรุษแว่นกรอบดำเอ่ยอย่างอาทร ขยับเข้าไปยืนตรงหน้าหนุ่มน้อย มือยกขึ้นบีบไหล่
“..ม่อนเหนื่อยเกินไปแล้ว”

ม่อนแจ่มไม่อยากจะดื้อ หน้าเรียวพยักรับง่ายๆ ขณะหัวใจเอ่อล้นด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบายจนกลายเป็นหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอดวงตา ..แสงรวีเองก็เหมือนกัน
“กลับไปกินข้าวก่อน ม่อน ..ไปกินข้าวซะ”
“ครับ.. ครับลุงแสง ..ม่อนไปเดี๋ยวนี้”

          ม่อนแจ่มยกมือไหว้ลา ร่างเล็กหันหลัง พร้อมๆกับที่น้ำหยดนั้นและอีกหลายๆหยดไหลพร่างพรูออกมา
เขาไม่อยากให้ลุงแสงเห็น ..และไม่แน่ใจว่าอยากเห็นของลุงแสง
จากก้าวยาวๆออกจากบ้าน ม่อนแจ่มวิ่ง วิ่ง ..และวิ่งทั้งสะอื้นฮัก
ท่ามกลางเงาตะคุ่มทั่วบริเวณ แสงไฟที่ส่องสว่างจากบ้านไม้ยกพื้นทำให้มองแจ่มมองเห็นร่างสูงที่ไม่มีทางจำผิดยืนคอยอยู่ ณ ชานบ้าน ..ที่เดียวและท่าเดียวกันกับตอนที่เขาหันหลังเดินจากมาเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน  ..พชร..

           ดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำเห็นชัดเจนเข้ามาเรื่อยๆในรัศมีแสงไฟนีออน ..เสียงหอบปนสะอื้นดังมาให้ได้ยินขณะร่างเล็กวิ่งขึ้นบันได
พชรขมวดคิ้วมอง มือที่กอดอกอยู่ก่อนหน้าละออก เพ่งมองม่อนแจ่ม เสียงเข้มเอ่ยถามทันที
“ม่อน ..เป็นอะไรไป?”

ทว่า คำตอบคือร่างกาย..
ร่างเล็กโผเข้าหาเขาทั้งตัว พชรชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีอย่างไม่เข้าใจ ทว่า มันไม่ต้องอาศัยความเข้าใจอะไรในการที่อ้อมแขนใหญ่จะโอบเอวให้ร่างกายอีกฝ่ายแนบชิดกับของตัวเอง
ฝ่ามือแกร่งลูบแผ่นหลังปราดเปรียวเบาๆ ..ไม่ถามอะไรอีก แค่ให้เวลา แล้วม่อนแจ่มก็จะพูดออกมาเอง

“ก..กูเคยวาดรูปการ์ตูนให้คุณน้าลดา ตอนท่านเอาลำไยไปให้ที่หอ..”
..
“รูปนั้นอยู่กับลุงแสง ..กูเห็นเมื่อกี๊”
..
“ลุงแสงบอกว่าคุณน้าลดาให้ เพราะว่าลายเซ็น ..ลายเซ็นคนวาดมีความหมายกับลุงแสง”

พชรรับฟังเสียงสั่นพร่าที่ดังมาจากในอกอย่างเข้าใจ อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับยิ่งขึ้น

“กูหุงข้าวให้ลุงแสง ล..ลุงแสงบอกให้กูกลับมากินข้าว..”
..
“กูอยู่นี่ ..แล้วลุงแสง ..มีแค่ลายเซ็นที่กูเคยให้คุณน้าลดา”

คำพูดไม่ได้ปะติดปะต่อนัก แต่พชรไม่สับสน ..เขาเข้าใจ รับรู้ และรับฟัง
พักใหญ่.. ที่เพียงโอบกอดม่อนแจ่มเอาไว้อย่างนั้น ปลอบโยนให้คลายความหวั่นไหว
ก่อนค่อยๆผละออกมาเมื่อร่างเล็กหยุดสะอื้น นิ้วโป้งใหญ่ทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกรอบแว่นแดง ปาดหยาดน้ำตาที่ยังคั่งค้างอยู่ออก

“แล้ว.. ม่อนจะเอากระดาษกับดินสอไหม?” พชรเอ่ยถามเสียงหนัก
ม่อนแจ่มสูดน้ำมูก ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วนิ่งไป ..ทบทวนสิ่งที่พชรหมายถึง

“เดี๋ยวกูหยิบให้นะ ..กระดาษกับดินสอน่ะ”

กระดาษ
กับ..
ดินสอ


พชร..
ม่อนแจ่มปล่อยโฮอีกรอบและสอดแขนกอดเอวหนานั้นไว้แน่น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1015 เมื่อ23-01-2017 22:57:19 »

            ม่อนแจ่มนั่งทานข้าวทั้งตัวมอมแมมและหยาดน้ำเปรอะใบหน้า แต่เพชรลดาไม่ได้ถามอะไร เพียงมองอย่างเข้าใจ ..แม้ทานเสร็จแล้วจะบอกให้รีบไปอาบน้ำ แต่เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่ก็ยังยืนยันจะเป็นคนเก็บทุกอย่างล้าง
จนแล้วเสร็จนั่นแหละ จึงยอมไปจัดการตัวเอง
 
พชรให้ม่อนแจ่มอาบน้ำก่อน..
กระทั่ง คนตัวเล็กใส่ชุดนอนลายหมีพูห์ (คงจะหนึ่งในสิบชุดที่มี) ออกมาจากห้องน้ำ พชรจึงผลัดไปอาบบ้าง
ม่อนแจ่มเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่พชรให้ไว้ก่อนหน้ายีผมเปียกลู่ของตนเองให้หมาดขึ้นพลางมองสำรวจ
ห้องพชรค่อนข้างโล่งและเหมือนที่ม่อนแจ่มคาดได้ คือ.. สะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ
มีประตูเปิดออกสู่ระเบียงหลังคล้ายที่หอสามชาย แต่กว้างขวางกว่า ม่อนแจ่มเดินไปแหวกม่านมองออกไป เห็นทิวไม้เรียงรายจนสุดจะมองเห็นที่สิ้นสุดเพราะข้อจำกัดจากความมืดภายนอก ..เป็นต้นอะไร ม่อนแจ่มก็สารภาพจริงๆว่าไม่รู้ ..เอาไว้เขาจะถามพชรก็แล้วกัน

เสียงน้ำจากห้องน้ำไหลซู่..
ม่อนแจ่มมองประตูห้องน้ำแล้วละมองประตูห้องนอน ..ไม่รู้คุณน้าลดาเข้าห้องหรือยัง จะมีอะไรให้เขาช่วยทำอีกไหม
ประตูหน้าบ้านยังคงเปิดหรือไม่ ..เผื่อบางที ม่อนแจ่มอาจจะได้มองไปที่บ้านลุงแสง ดูว่าไฟปิดหรือยัง

“พชร” ม่อนแจ่มเคาะประตูห้องน้ำ
“หืม?” พชรส่งเสียงตอบภายหลังเสียงน้ำไหลหยุดไป
“กูออกไปที่ชานหน้าบ้านได้ไหมอะ”
“ครับ” พชรอนุญาต “ไปเถอะ”
ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มค้างกับประตูห้องน้ำอยู่อีกหลายนาที ..พชรเป็นคนสุภาพ แล้วคนสุภาพมันก็ดีต่อใจ จริงๆนะ..

            ขาเรียวค่อยๆก้าวออกมาภายนอกห้อง ..ไฟในครัวดับมืดลงแล้ว แต่ตรงส่วนที่นั่งเล่นยังสว่างอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเห็นประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ ม่านครึ่งริมหน้าต่างปลิวไสวน้อยๆจากแรงลม ..และ ณ ชานบ้าน ใต้แสงไฟและหิ่งห้อยที่บินอยู่ไกลๆ คุณน้าลดากำลังนั่งปักผ้า..
ม่อนแจ่มหยุดยืนมอง หวนระลึกถึงคำพูดของป้าเพ็ญครานั้น

         “คุณเพชรลดา ..เป็นคนน่ารักใช่ไหมครับ”
         “เธอเป็นสวยค่ะ และใช่.. น่ารัก วันนั้นที่เธอมา ป้าปักผ้าค้างอยู่ เธอยังช่วยทำต่อจนเสร็จ ฝีมือดีเชียวค่ะ ทั้งๆที่ก็บอกว่าบ้านที่ลำพูนน่ะทำสวนผลไม้”


เช่นกันที่นั่นทำให้ม่อนแจ่มสังเกตลายผ้าม่าน ผ้าที่ใช้คลุมทีวี ตลอดจนผ้าปูโต๊ะ..
ส่วนใหญ่เป็นรูปดอกไม้ แต่ไม่น้อยที่เป็นเพียงอักษรสี่ตัวเรียงกัน

P.. P.. P.. P..

ม่อนแจ่มแตะมือลงบนผ้าม่านที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด..
อักษร P สี่ตัวเช่นนี้ ม่อนแจ่มเคยเห็นมาก่อนแล้ว
พวงกุญแจโลหะที่ล็อคลิ้นชักโต๊ะทำงานของประธาน PP Group นั่นอย่างไร

พจน์ ประดิษฐาพงศ์.. เพชรลดา เพชรหละปูน..
ไม่ต้องบอก ..ม่อนแจ่มก็ตระหนักในความหมาย

เขานึกถึงคุณพ่อ.. ป่านนี้ท่านจะทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่ามีสตรีผู้หนึ่งคิดถึงท่านตลอดมา
คงรู้สินะ.. เพราะบางที เมื่อตอนเย็น ท่านอาจจะเพิ่งนั่งใต้ต้นสัก ต้นลำไย และคิดถึงสตรีผู้เดียวกันนั้นก็เป็นได้

          “อ้าว ม่อน?”
เพชรลดาละจากผ้า มองเข้ามาในบ้านพอดีด้วยคิดว่าถึงเวลาต้องเข้าข้างใน
ม่อนแจ่มยิ้มเจื่อนๆ ขยับเข้าใกล้ประตู เดินช้าๆผ่านออกมา “คุณน้าลดาปักผ้าหรือครับ”
“งานอดิเรกน่ะ” เพชรลดาบอกยิ้มๆ
“เก่งจังครับ งานสวนก็เก่ง งานแบบนี้ยังเก่งอีก แถมทำกับข้าวอร่อยด้วย”
เพชรลดาหัวเราะ “ชมขนาดนั้น เดี๋ยวน้าก็ลอยหรอก”
“พูดจริงๆครับ เปล่าชม” ม่อนแจ่มเอ่ยอย่างจริงใจ
“นั่นถือว่าเป็นข้อดีก็แล้วกัน” เพชรลดารับมา “แต่ทุกคนก็มีข้อดี มีความสามารถไปคนละแบบทั้งนั้นล่ะนะ”
ม่อนแจ่มยิ้ม ขณะสมองก็ประมวลผล ควานหาข้อดีหรือความสามารถอะไรสักอย่างของตนเอง
“ทำตัวตามสบายเถอะ” เพชรลดาบอกให้ผ่อนคลาย “มาดูดาวก็ได้ คืนนี้คืนแรม ฟ้าเปิดด้วย เห็นดาวชัดเชียวล่ะ”

ม่อนแจ่มเดินออกมา กวาดสายตามองไปด้านนอกจนหยุดที่บ้านไม้หลังเล็กของลุงแสงที่มองเห็นไกลๆและยังมีแสงไฟลอดออกมา ..เขาหวังว่าลุงแสงจะหลับฝันดี..

ไฟที่ชานบ้านไม่ได้สว่างนัก อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้เห็นจุดเล็กๆที่สว่างอยู่บนฟ้าชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้จะเป็นสวน แต่รอบบ้านโล่ง อากาศเย็น ซ้ำมีลมโบกพัดจึงไม่ค่อยมียุง ทำให้สามารถยืนชมบรรยากาศได้อย่างสบายๆ

ม่อนแจ่มยืนอยู่อย่างนั้น มองเวิ้งฟ้าที่ดารดาษด้วยดวงดาว ปล่อยใจไปกับความสงบยามราตรีของบ้านสวนอันอบอุ่น กระทั่งรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง
..
“ดาวสวยมาก เต็มฟ้าเลย พชรมาดู” ม่อนแจ่มส่งยิ้ม กวักมือชี้ชวน ลืมไปว่านั่นคือเจ้าของบ้านซึ่งคงจะเห็นอยู่เป็นปกติ

พชรยกยิ้มน้อยๆ พยายามลืมไปเหมือนกันว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านและเห็นอยู่เป็นประจำ ..สำหรับเขา ดวงตาเป็นประกายเบื้องล่างนี้ต่างหากที่สุกใสสวยงามกว่าแสงดาวบนฟ้าตั้งมากมาย

“นึกถึงเพลงดาวเลย” ม่อนแจ่มพึมพำ
“ดาวหรือ?” พชรก้าวมายืนเคียง มองดวงตาคนพูดบ่อยกว่าดาวบนฟ้า
“ใช่ ดาว” ม่อนแจ่มยืนยัน ปากอิ่มอ้าออก ร้องให้ฟังเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ..บทเพลงที่คุ้นเคย เพลงที่มารดาใช้กล่อมนอน
ในคืนนี้มีดาว เป็นล้านดวง แต่ใจฉันมีเธอ แค่เพียงดวงเดียว ..พชรเคยฟังไหม?”

เคยฟังไหมหรือ..
พชรอ้าปากค้าง ..ถามว่าเคยฟังกี่ครั้งดีกว่า
ตาคมละมองม้านั่งยาวบนเนินหญ้าด้านล่างที่เห็นจากตรงนี้ นึกสงสัยว่าอีกไม่นานคงมีคนมานั่งตรงนั้นพร้อมเครื่องดนตรีคู่ใจ
คืนที่ฟ้าเปิด ดวงดาวเปล่งประกายเช่นนี้ พชรมักจะได้ยินเสียงเพลง และคืนนี้ก็คงจะไม่ต่าง

แล้วนั่นอย่างไร.. ที่เดินดุ่มๆ ฝ่าหิ่งห้อยมาพร้อมกีต้าร์ ประจำการบนเนินหญ้า ตรงที่เห็นดาวชัดที่สุด เห็นท้องฟ้าทุกทิศทาง
ท่ามกลางความเงียบที่ไม่สงัดด้วยมีเสียงจักจั่นเรไรหรีดริ่งร้อง เสียงดนตรีที่คลอเคล้ามาด้วยในคืนแรมไม่ใช่เรื่องแปลก

“ลุงแสงนี่!” ม่อนแจ่มร้อง เมื่อมองเห็นบุรุษร่างเล็กสวมแว่นอยู่เบื้องล่าง ไม่ไกลออกไปนัก
ลุงแสงเอากีต้าร์มาด้วย ท่าว่าท่านคง ‘ติสท์แตก’ อย่างที่บอกไว้จริงๆนะนี่
ม่อนแจ่มยิ้มมอง ..รอฟังเพลงที่ผู้ใหญ่ท่านนั้นจะบรรเลง

ในไม่กี่อึดใจ เสียงกีต้าร์โปร่งก็ดังมาตามสายลม ได้ยินถนัดชัดเจน
ไม่มีคำร้อง มีเพียงเสียงกีต้าร์โซโลในท่วงทำนองน่ารื่นรมย์
อย่างไรก็ตาม พชรสบตากับมารดา ..ไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่ง ทั้งสองรู้.. มีเพลงที่แสงรวีเล่นเป็นประจำ
แล้วความรู้ใหม่ของพชรกับเพชรลดาก็คือ.. มันคงเป็นเพลงที่ม่อนแจ่มรู้จักดี

..
“ในคืนนี้มีดาว.. เป็นล้านดวง
แต่ใจฉันมีเธอ ..แค่เพียงดวงเดียว
สอดประสานสบตา.. เคียงข้างกัน
อยากจะขอจูบดาว ..ใต้เงาดวงจันทร์”


รอยยิ้มม่อนแจ่มจางลงไป แต่ริมฝีปากเผยอค้าง
เขา.. ไม่คิดว่า..

“อยู่ไหน.. บอกเธอที่มา ซบลงไออุ่นหัวใจ
และเธอ.. บอกเธอที่ไป ฝันคงสดใส
รัก.. อยู่ไม่ไกลจากเธอ
ร้อง.. บอกหัวใจ ..มีเธอ”


เหมือนถูกสะกดด้วยเสียงนั้น..
ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้ราวไม้มากขึ้นอีก เพ่งมองผ่านความมืดให้เห็นคนข้างล่างชัดเจนยิ่งขึ้น
หรือเพลงนี้.. สำหรับมารดา.. มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดาวบนฟ้าเลย.. หรือมันมีความหมายต่อท่านในประการอื่น

“หากคืนนี้มีเราเพียงสองคน ..อยากจะขออยู่จนแสงดาวจางไป
เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี ..แสงแห่งใด สวยดังใจเธอ”


ม่อนแจ่มได้แต่มองเบื้องล่าง แม้บทเพลงจะกล่าวถึงเบื้องบน
เสียงคนร้องช่างไพเราะ แต่ในความรู้สึกม่อนแจ่ม มันไม่ได้มีแค่เสียงผู้ชาย ทว่า คลอมาด้วยเสียงผู้หญิงที่จำได้ในมโนสำนึก

นี่มันหนักแน่น.. ชัดเจนยิ่งกว่าอะไร..
เข้าใจได้แจ่มแจ้งราวกับบุรุษเบื้องล่างตะโกนขึ้นมาบอกว่าเป็นบิดา..
หัวใจที่เต้นระรัวในอกหวั่นไหวอีกครั้ง ก่อนม่อนแจ่มจะรู้สึกถึงสัมผัสมือใหญ่ของพชรที่วางลงบนไหล่ ..และต่อมา ก็เป็นมือเล็กกว่าของคุณน้าลดาที่พาดผ่านบั้นเอว

พชรกับคุณน้าลดาอยู่ตรงนี้ เคียงข้างม่อนแจ่มอย่างไม่จำเป็นเลย
ช่างถูกรัก..
ช่างสัมผัสหัวใจ..
ช่างเหมือนกับว่า.. ม่อนแจ่มเป็นคนในครอบครัว..

“เปรียบเธอนั้นดังหมู่ดาว ..สวยเกินกว่า
รักที่มี ที่ตัวฉันให้เธอไว้ ..ชั่วนิรันดร์”***


“ม่อนขออนุญาตลงไปได้ไหมครับ..”
ม่อนแจ่มเสียงพร่า และก็มีเพียงสัมผัสจากมือที่บีบกระชับทั้งสองเป็นการตอบรับ

           “หากคืนนี้มีเรา เพียงสองคน อยากจะขออยู่จน แสงดาวจางไป”
..
เพลงวนมาซ้ำท่อนนี้อีกครั้ง มือกร้านชำนาญบนเส้นลวด เสียงนั้นมั่นคงในคำร้อง

“เก็บความรู้สึกดี ที่ยิ่งใหญ่ ไม่มี ‘แสง’ แห่งใด สวยดังใจเธอ”

แสงรวีชะงัก..
ประโยคหลังไม่ได้ออกจากปากเขา ดวงตาในกรอบแว่นหันมองผู้มาใหม่ ..ม่อนแจ่ม..

“ม่อนจะมาบอกว่าลุงแสงร้องเพลงเพราะมากครับ”
แสงรวีค่อยๆคลี่ยิ้ม “ก็ร้องให้เข้ากับบรรยากาศน่ะ..”
“แค่นั้นหรือครับ..” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้
“..ก็ไม่เชิง” คนเป็นผู้ใหญ่ยอมรับ
“เป็นเพลงพิเศษใช่ไหมครับ..”
..
..
“ใช่”
จนถึงขนาดนี้แล้ว แสงรวีไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไม
“เคยเล่นครั้งแรกที่ที่หนึ่ง จากวันนั้น.. ลุงก็ชอบเล่นเพลงนี้มาตลอด”
“ครั้งแรกนั่น ..เล่นที่ไหนหรือครับ”
ม่อนแจ่มไม่รู้และไม่คาดเดา แค่สานต่อบทสนทนาให้มันยืดยาวไปเรื่อยๆ ..ให้สมกับที่ไม่เคยพบกัน

แสงรวีกลืนน้ำลาย หันมามองคนข้างๆ เอ่ยเบาๆ
“ม่อนแจ่ม..”

ม่อนแจ่มงุนงง ..ไม่รู้ว่าลุงแสงเรียกชื่อจริงเขาทำไม
ทว่าก็เพียงอึดใจเดียว.. ก่อนที่จะตระหนักว่านั่นคือคำตอบของคำถาม ..ม่อนแจ่มเป็นชื่อสถานที่..

ลุงแสงเล่นเพลงดาวครั้งแรกที่ม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่มเป็นสถานที่เที่ยวเดียวที่มารดาเคยพาเขาไป
เพลงดาวเป็นเพลงที่ท่านใช้กล่อมเขานอน
และม่อนแจ่ม ..เป็นชื่อจริงของม่อนแจ่ม


เขาไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าลุงแสงเลย แต่มันไม่ไหว..
นี่เองคือ.. ‘สายสัมพันธ์’ ที่ไอดิลเคยพูดถึง ..สายสัมพันธ์ของคนที่รักกัน
และแม้ม่อนแจ่มไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยคนสองคนที่รักกัน ..แต่เขาแน่ใจว่าตัวเองเกิดมาจากความรักแน่นอน
 
“ม่อนอย่าร้องไห้..” แสงรวีเอ่ยหนักแน่นแม้น้ำตาคลอ “ไม่มีอะไรต้องเสียใจเลย”

ใช่.. ที่แสงรวีเคยเสียใจ แต่เขามีชีวิตอยู่มาได้เพราะความรัก
ใช่.. ที่แสงรวีอยู่ลำพัง ไร้คนรักเคียงกาย ทว่า ชื่อลูกชาย ..ชื่อลูกชายเป็นสิ่งเดียวที่เป็นหลักฐานว่าเขายังคง ‘ถูกรัก’
และสิ่งนั้นมันมีพลังมากพอให้เขามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งมาตลอดสิบเก้าปี

แสงรวีไม่โทษใคร เขาเองยอมรับในเหตุผลของการแยกทาง
การปล่อยให้คนรักเดินจากไป ..และการที่ตัวเขาเดินจากมา
ทุกคนต่างมีการตัดสินใจในชีวิตและต้องดำรงอยู่เพื่อรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนั้น
 
แสงรวีเคยเสียใจ แต่ตอนนี้ไม่ ..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกชายอยู่ตรงนี้ เขาไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกเลย
“สิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีวันอยากเห็นคือลูกตัวเองต้องเป็นทุกข์ ..แล้วลุงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”

คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีวันอยากเห็นลูกตัวเองเป็นทุกข์
คนเป็นพ่อ..


“พ่..”
คำนั้นแผ่วเบาจนขาดหายกลับเข้าไปในลำคอ ..ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่น้ำตามันเอ่อไหลออกมาแทนจนม่อนแจ่มไม่อาจเอ่ยได้เต็มเสียง

มือขาวถอดแว่นแดงออก ใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะสวมกลับเข้าไปใหม่ สูดน้ำมูก สูดลมหายใจ ..เพ่งมองบุรุษตรงหน้า เอ่ยขออนุญาตให้เต็มประโยค
“ม่อนไม่เรียกลุงแสงแล้วได้ไหมครับ..”

แสงรวีนิ่ง..
คำเรียกไม่ได้มีความหมายมากเท่าน้ำใจของลูกชาย
เขาไม่เคยรอคอย.. ไม่เคยคาดหวังจะได้ฟังคำใด..
เขาเป็นคนยินยอมจากมา เขาไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้เป็นคนอุ้มชูฟูมฟักลูกตัวเอง เพราะฉะนั้น แสงรวีจึงไม่เคยนึกฝันว่าจะมีวันที่ม่อนแจ่มมาหา ..หรือแม้แต่รับรู้ว่าเขาเป็นพ่อตัว

แสงรวีรู้สึกเป็นเกียรติ..
มัน.. เป็น.. เกียรติ.. ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะถูกเด็กหนุ่มอีกคนเรียกขานด้วยคำเฉพาะบางคำ
เขาทำได้เพียงพยักหน้า ..ก่อนจะได้ยินคำนั้นเปล่งออกมา ..ชัดเจน ..เต็มเสียงเล็กของม่อนแจ่ม

“พ่อ..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 :L2:
ขอจบบทนี้ที่ Part IV ในครั้งหน้านะครับ
ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณสำหรับการชี้แจงคำผิดด้วยเน้อ พอดีเขียนหลายวัน ไม่ได้ต่อกัน อ่านซ้ำไม่ดีอาจมีคำขาดคำเกินไปบ้าง เจอตรงไหนแหม่งๆก็บอกกล่าวกันได้ครับ

*American Ediot-Green Day
**ล่องแม่ปิง-สุนทรี เวชานนท์
***ดาว-Paradox
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2017 23:09:07 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1016 เมื่อ23-01-2017 23:15:21 »

ซาบซึ้ง อิ่มเอม ถ้อยคำสวยงามแล้วก็ทำให้เรามีน้ำตา
 :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1017 เมื่อ23-01-2017 23:18:59 »

เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกดีมากเลย
ม่อนแจ่มน่ารัก พออยู่กับลุงแสงเลยกลายเป็นสองแว่นผู้น่ารักเลย ฮา

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1018 เมื่อ23-01-2017 23:28:12 »

ร้องไห้ตามม่อนแจ่มเรียบร้อย
ร้องด้วยความสุข ดีใจแทนม่อนและลุงแสง
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1019 เมื่อ23-01-2017 23:34:39 »

น้ำตาฉันไหลด้วยความซาบซึ้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด