สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ  (อ่าน 21393 ครั้ง)

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #60 เมื่อ05-07-2016 19:43:22 »

13

สามีภรรยา

 

            ถ้าให้ถามความรู้สึกของริวในตอนนี้ หากถามว่าโกรธไหมก็โกรธ เคืองไหมก็เคือง เกลียดไหมก็เกลียด ที่รู้สึกมากที่สุด คงอยากจะบีบคอเจ้าสาวคนสวยให้ตายคามือ เขาพยายามทำใจสงบ แต่เหมือนความโกรธมันทำให้เขาแผดเสียงไปจนเหนื่อยหอบ ริวมองลูซด้วยสายตาที่อาฆาต

                “ริวจังอย่าโกรธสิ มันพุ่งไปเองนะ ลูซไม่ได้ตั้งใจ”

                “อ๋อเหรอ! แน่ใจนะว่านายไม่ได้ตั้งใจยิงมาให้โดนหน้าฉัน!”

                ริวตวาดกลับอย่างไม่พอใจ ลูซยู่ปาก เขายื่นมือไปเช็ดน้ำที่เปื้อนแก้ม

                “ลูซเช็ดให้น้า”

                “ไม่ต้องเลย!”

                ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเปื้อน เพราะมือของลูซก็เต็มไปด้วยคราบน้ำที่ริวคิดว่ามันน่ารังเกียจ ริวพยายามหายใจให้เป็นปกติ

                “ฉันดูนายเสร็จแล้ว ก็แก้มัดฉันสักที”

                อารมณ์ที่ครุกรุ่นในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น เพราะความโกรธและความรับไม่ได้มันเข้ามาแทนที่ ลูซเห็นท่าทางที่หัวเสียพร้อมจะทำลายทุกสิ่งของริวแล้วก็เลยยอมเข้ามาแก้มัดให้

                ทันทีที่เป็นอิสระ ริวก็รีบลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที มือเขาก็เปื้อนน้ำที่ลูซปล่อยออกมา แต่ที่ช้ำใจมากที่สุดก็คงเป็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่กลับเปรอะไปด้วยน้ำที่ไม่ควรเปื้อน

                เคยปล่อยใส่หน้าสาวๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่พอมาโดนผู้ชายด้วยกันปล่อยใส่ มันไม่ได้รู้สึกดีเลย

                “ริวจัง อย่าโกรธลูซสิ”

                เขาอยากจะกลับไปต่อยหน้าของลูซแรงๆ ตอนนี้จะปิดประตูห้องน้ำก็ไม่ได้ เพราะประตูพังไปเรียบร้อยแล้ว ริวรีบล้างหน้าแล้วเดินออกจากห้องน้ำ

                “ฉันต้องอยู่ในห้องนี้อีกนานแค่ไหน”

                ยิ่งเห็นลูซในชุดเจ้าสาวเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ลูซเองก็ได้แต่ยิ้มตอบ แล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือของตัวเอง

                “ริวจังหิวแล้วเหรอ”

                “ก็ไม่เชิงว่าหิว แต่ไม่อยากอยู่ในนี้กับนาย”

                “ริวจังอย่าพูดแบบนั้นสิ เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะ”

                “นายก็รู้ว่าฉันไม่เต็มใจแต่งงาน”

                เขาคิดว่าปฏิกิริยาที่ลูซตอบกลับมาคือรอยยิ้ม ไม่ก็คงเป็นท่าทางที่ไม่ยอมรับรู้และไม่สนใจ แต่เขาคิดผิด เพราะลูซเงียบไป

                “นั่นสินะ”

                ริวพยายามจะไม่สนใจ ทำไมเขาจะต้องไปเห็นใจผู้ชายคนนี้ ถึงลูซจะเป็นเกย์และรักผู้ชายด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องไปตอบรับรักกับลูซ เพียงเพราะว่าเขาเห็นใจ

                “นายไปเปลี่ยนชุดไป”

                “ริวจังไม่ชอบชุดที่ลูซใส่เหรอ”

                “จะไปชอบได้ยังไง นายไม่คิดว่ามันทุเรศบ้างเหรอที่แต่งตัวแบบนี้ นายไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”

                “แต่ลูซเป็นเจ้าสาวของริวจัง”

                “ฉันไม่เคยยอมรับนายเป็นเจ้าสาว”

                “แต่ริวจังก็สวมแหวนให้ลูซแล้วนะ”

                ลูซลุกขึ้น ริวขยับตัวถอยหนี เพราะเขาไม่รู้ว่าลูซจะมาไม้ไหน แล้วคิดจะทำอะไรอีกบ้าง กายสูงเข้ามาโอบกอดริว  เจ้าบ่าวตัวเล็กดิ้นสุดแรง

                “ปล่อย!!”

                “ไม่เอา ลูซอยากกอดริวจัง ริวจังอย่าไล่ลูซเลยนะ ลูซรักริวจัง”

                “แต่ว่าฉันไม่ได้…”

                เขาจะบอกว่าไม่ได้รัก แต่ลูซก็ยกมือมาปิดปากเขา แล้วส่งยิ้มหวานให้

                “ไม่เอา อย่าพูดนะ ถ้าจะพูด ต้องพูดว่ารักลูซเท่านั้น”

                “นายจะบ้าหรือไง”

                ชายหนุ่มจับมือของลูซออก มองตาขวาง แต่ลูซทำเป็นไม่รับรู้ เขาวางแก้มแนบไปกับไหล่เล็ก

                “ไม่รู้ล่ะ ริวจังเป็นของลูซนี่นา”

                “นายมันน่ารำคาญจริงๆ”

                ไม่มีการตอบโต้ใดๆ ลูซยอมผละออกพร้อมกับรอยยิ้ม เขายืนมองหน้าเจ้าบ่าว

                “ริวจังจะอาบน้ำไหม”

                “จะให้อาบยังไง ดูประตูห้องน้ำสิ”

                “ก็อาบได้นะ อาบด้วยกันไง”

                “ฝันไปเถอะ”

                เรื่องอะไรเขาจะต้องไปอาบน้ำกับเจ้าคนโรคจิต ริวส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ยังไม่ได้แย่มากนัก เพราะลูซรักษาสัญญาที่จะไม่ทำอะไรเขา

                “แต่ดูเหมือนริวจังอยากอาบน้ำ”

                “ใช่ ฉันอยากอาบน้ำ แต่เพราะมีนายอยู่ในห้อง ฉันจะอาบได้ยังไง เดี๋ยวนายก็คงแอบดูฉันอาบน้ำแน่ๆ”

                “ริวจังนี่รู้ใจลูซที่สุดเลย”

                ลูซฉีกยิ้มกว้าง ริวไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีสักนิด เขาได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ แต่นั่นก็ไม่มีทางอื่นที่จะดีกว่านี้อีกแล้ว

                “ฉันไม่อาบหรอก อยู่กับนายมันไม่ปลอดภัย”

                “ถ้าริวจังไม่อยากให้ลูซมอง ลูซไม่มองก็ได้น้า”

                พอได้ยินแบบนั้น ริวก็หรี่ตามองทันที ลูซรีบยกมือปิดตา แต่เขาก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าถึงจะบอกแบบนั้น แต่ก็มีโอกาสที่ลูซจะพุ่งตัวเข้ามาในห้องน้ำ

                “เดี๋ยวริวจัง จะพาลูซไปไหน”

                คนตัวสูงโวยวาย เมื่อโดนริวดึงแกมฉุดกระชากมาที่เตียง เขามองหาเชือกที่เคยผูกมือของเขาเอาไว้ แล้วจัดการผูกลูซไว้กับเตียงแทน

                “ริวจัง จะจับลูซมัดทำไม”

                “ฉันไม่ไว้ใจนาย”

                “ไม่ไว้ใจลูซได้ยังไง ลูซเป็นภรรยาของริวจังนะ”

                คนฟังได้แต่เบ้หน้า เขาไม่เคยไปรับลูซเป็นภรรยา แต่เรื่องนั้นเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดต่อไปอีก เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก็เจอชุดที่เปลี่ยนสวมใส่แบบสบาย แล้วหยิบมันเข้าไปในห้องน้ำ

                “ริวจังงงงง”

                คนบนเตียงยังคงร้องเรียกด้วยความคิดถึง ริวหลับตาลง ข่มใจไม่ให้โกรธเคือง พยายามไม่คิดถึงเรื่องของลูซ ไม่อย่างนั้นอารมณ์เขาคงพลุ่งพล่านแล้วอยากจะเข้าไปกระชากเจ้าตัวมากระทืบไม่ยั้ง

                “ริวจัง ให้ลูซช่วยขัดหลังไหม”

                ดวงตาระยิบระยับนั้นส่งมา ริวลืมคิดไปเสียสนิทว่าประตูมันพังมาแล้ว ทำให้ลูซเห็นทุกอย่างเต็มๆ ยังดีที่เขาแค่ถอดเสื้อสูทที่สวมข้างนอกออกเท่านั้น ร่างกายยังไม่ได้เปล่าเปลือย

                “ฉันพลาดเอง”

                “เอ๋!”

                ริวหยิบเสื้อสูทของตัวเอง เขาไม่รู้จะใช้อะไรมัดปิดตาเจ้าสาวโรคจิต นอกจากเสื้อที่เขาใส่อยู่

                “ริวจัง ปิดตาลูซทำไม ลูซมองไม่เห็น”

                “ก็ดีแล้ว ถ้ามองเห็น ฉันคงต้องบ้าตาย”

                “ริวจังงงง ให้ลูซไปอาบน้ำด้วยน้า น้า น้า”

                “ไม่!”

                การตอบรับนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน ลูซรู้สึกเสียใจแต่ก็ไม่นาน เพราะเขาได้ของดีไว้กับตัวเสียแล้ว ทางด้านริวก็คิดว่าเรื่องวุ่นวายคงจะจบลงสักที

                “อ๊า…กลิ่นของริวจัง ฟี๊ดดด”

                เสียงสูดดมดังจนริวรู้สึกได้ เขาหันขวับไปมองที่เตียง ก็เห็นว่าลูซกำลังเอาหน้าแนบกับพื้นเตียง แล้วซุกไซ้เสื้อของเขา

                …อะ ไอ้โรคจิต…

                พอเจอแบบนี้แล้วริวถึงกับไปไม่เป็น เขายกมือกุมขมับ ตอนนี้เขาจะออกไปก็ไม่ได้ เพราะเปลือยและเต็มไปด้วยครีมอาบน้ำ ขืนออกไปคงได้เป็นกำไรสายตาของเจ้าสาวหื่นกามกันพอดี

                การอาบน้ำสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ริวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาแกะเสื้อที่ปิดหน้าปิดตาของลูซออกตามมาด้วยเชือกที่มัดตัวลูซเอาไว้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากให้เขาแกะออกเสียแล้ว

                “ลูซชอบกลิ่นตัวริวจัง”

                “เป็นหมาหรือไง”

                “ไม่รู้สิ แต่เวลาริวจังอาบน้ำเสร็จแล้วเนี่ย หอมจังเลย”

                ลูซพุ่งเข้ากอดเอวเล็ก ริวเหลือบตามองเพดานด้วยความรู้สึกค่อนข้างเซ็ง เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

                “นายไปอาบน้ำไป”

                “ริวจังอาบให้ลูซได้ไหม”

                สายตาคู่สวยช้อนมองอย่างออดอ้อน ริวยันใบหน้านั้นออก กลัวว่าจะเผลอใจยอมเพียงเพราะสายตาคู่นั้น

                “ฉันอาบน้ำแล้ว จะไปอาบอีกทำไม”

                พอได้ยินคำตอบแบบนั้น ลูซก็ยู่ปากทันที เขารู้สึกว่ามันช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน แต่ก็แค่เพียงครู่เท่านั้น

                “ไปสิ”

                โดนไล่อีกรอบ เจ้าสาวตัวใหญ่จึงได้ยอมผละออก แต่ก็ไม่วายฉวยโอกาสยอมแก้มของเจ้าบ่าว ริวขมวดคิ้ว จะหันไปต่อว่าแต่ลูซก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว

                “คุณสามีริวจัง อยากจะช่วยลูซอาบน้ำไหม”

                ไม่เพียงแค่ถาม แต่ยังขยิบตาเป็นการเชิญชวน ริวปวดประสาท อยากจะหยิบอะไรสักอย่างฟาดใส่เจ้าคนทะลึ่ง

                “จะอาบก็อาบไปเลยเจ้าบ้า!”

                “จะแอบดูลูซก็ได้น้า ลูซจะเปิดเผยให้เห็นให้หมดเลย”

                ริวรีบหันหลัง เขาขนลุกขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสิ่งใหญ่โต ที่เพิ่งได้เห็นมาเมื่อไม่นานมานี้

                “รีบๆอาบไปเลยเจ้าบ้า!”

                ริวไม่แม้แต่จะหันไปมองเรือนร่างที่อยู่ในห้องน้ำ เขานั่งสงบจิตใจอยู่บนเตียง เขาต้องหาทางสักทางเพื่อจะได้หลุดพ้นไปให้ได้

                พอเดินไปเขย่าประตูก็พบว่ามันยังล็อกอยู่เหมือนเดิม พอเห็นเป็นแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกแย่สุดๆ

                …นี่กะจะขังเขาไปถึงเมื่อไหร่…

                ถ้าในความเป็นจริงของการเข้าห้องหอ คงได้ทำภารกิจสานต่อร่างกายจนทั้งคู่หมดแรง และไม่มีความอยากจะไปไหน นอกจากนอน แต่ในความเป็นจริงของการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่อย่างนั้น

                เขาไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วจะให้ไปมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไง ถึงผู้ชายที่เขาพูดถึงจะหน้าสวยโดนใจเขาแค่ไหน  แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้ชาย แถมไอ้ตรงนั้นยังใหญ่โตจนเขารู้สึกเกลียดปนอิจฉาขึ้นมา

                “ริวจัง ลูซอาบน้ำเสร็จแล้วน้า”

                ร่างกายเปียกชื้นแนบไปกับแผ่นหลังเล็ก ริวสะดุ้งเฮือก เขาหันมอง พยายามออกแรงต่อต้านดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่าง

                “นะ นี่ไม่ได้เสื้อผ้าหรือไงฮะ!”

                “ก็ลูซอยากให้ริวแต่งให้นี่นา”

                คนตัวสูงยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี ฉวยโอกาสหอมแก้มอย่างเอาแต่ใจ ริวมองตาขวาง พลางดิ้นอย่างรุนแรง

                …เรื่องอะไรจะยอมให้ลวนลาม…

                “ปล่อย ไปแต่งตัวเลยไป ฉันหิวข้าวแล้ว”

                “ริวจังแต่งตัวให้ลูซหน่อยน้า”

                “นายไม่ใช่เด็กๆ แล้วถึงนายเป็นเด็ก ฉันก็ไม่แต่งให้!”

                ออกแรงสะบัดตัวอย่างแรง จนหลุดออกจากอ้อมกอดของลูซ ชายหนุ่มรีบเดินหนี เขาไม่อยากหันไปมองภาพอุจาดตา ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะมอง

                …อก เอว ไม่ได้มีความงดงามอ่อนช้อยแบบผู้หญิงเลยสักนิด…   

                เผลอเหลือบตาไปมองเพียงครู่ก็เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยที่หน้าท้องแกร่ง ถ้ามองแค่ช่วงล่างจากคอลงมา ก็คือกายแข็งแกร่งสมชาย แม้ไม่ได้มีกล้ามใหญ่มากนัก แต่ดูแข็งแรงไม่ต่างกับนายแบบ

                “แต่ลูซอยากให้ริวจังแต่งตัวให้นี่นา”

                “ถ้าไม่หยุดเข้ามา ฉันจะเอาแจกันฟาดหัวให้แตกเลย”

                ริวคว้าหมับเข้าที่แจกันตกแต่งห้อง คนตัวสูงได้แต่ยู่ปาก ไม่คิดว่าริวจะทำกับเขาแบบนี้ได้ลงคอ

                “ใจร้าย”

                “ใช่ ฉันใจร้าย งั้นนายก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ”

                “ไม่ได้หรอก เพราะถึงใจร้าย ลูซก็รักริวจัง”

                ตึก ตึก ตึก

                หัวใจเจ้ากรรมอยู่ๆ ก็เต้นผิดจังหวะ ริวหลับตาลง สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เขาไม่ควรหวั่นไหว…ไม่ควรจะหวั่นไหว

                ชายหนุ่มพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่มีทางไปหวั่นไหวกับผู้ชายตัวใหญ่ ที่มีดีแค่หน้าเหมือนผู้หญิงแน่ๆ ถ้าเป็นผู้ชายตัวเล็กก็ว่าไปอย่าง

                เดี๋ยวนะ!!!จะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มันก็คือผู้ชาย ยังไงเขาก็รับไม่ได้!!!

                “งั้นรอลูซแปปนึงน้า ริวจังนอนเล่นบนเตียงไปก่อนก็ได้”

                “อืม”

                เขารับคำ แล้วไปนั่งบนเตียง แต่ทว่า พอหันไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็เห็นก้นขาวเด่น นี่เจ้าสาวของเขามันไม่คิดจะพันผ้าขนหนูรอบเอวสักนิดเลยหรือไง

                ริวได้พ่นลมหายใจด้วยความเอือมระอา ละสายตาที่มันบังเอิญไปมองช่วงล่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                แผ่นหลังกว้างนั้นดูแข็งแรง ไม่ได้ผอมแห้งจนเห็นกระดูก ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงอยากจะวิ่งเข้าไปซบ แต่นั่นก็แค่ความคิด เขาเป็นผู้ชายไม่ได้คิดอยากจะซบสักนิด เพียงแต่อิจฉาในร่างกายอันสมบูรณ์แบบของลูซก็เท่านั้น

                เขานอนตะแคงหันหลังให้ ขืนมองไปมากกว่านี้ มีหวังจิตใจคงได้ฟุ้งซ่าน คิดอะไรแปลกๆอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด

               

-------+++++-------

               

                “ทำไมถึงได้ลงกันมาเร็วนักล่ะลูก”

                น้ำเพชรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่กันหมาดๆ นั้นเดินลงมาจากห้องหอเสียแล้ว

                ริวเหลือบตามองเจ้าสาวตัวโตที่กำลังควงแขนเขา ความลับของการได้ออกจากห้องคือการที่ลูซโทรหามารดาของเขาเพื่อให้แม่บ้านขึ้นมาปลดกุญแจจากด้านนอก

                …มารดาของเขาช่างร้ายจริงๆ…

                “ก็ริวจังหิวมากเลย ริวจังบอกว่าเหนื่อย หมดแรง”

                ชายตัวเล็กกว่าหันขวับไปมองภรรยาในนาม ลูซคลี่ยิ้มหวาน ในขณะที่ริวยิ้มไม่ออก ใครจะไปอยากรับเจ้ากะเทยตัวใหญ่นี่เป็นภรรยา

                “ปล่อยฉันได้แล้ว”

                แม้พยายามจะขยับกายให้ออกห่าง แต่ลูซก็เกาะติดเสียยิ่งกว่าปลิง สะบัดอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดได้ง่ายๆ นั่นทำให้ริวค่อนข้างไม่สบอารมณ์

                “แหมๆ แต่งงานวันแรกก็แบบนี้ล่ะน้า เหนื่อยเป็นธรรมดา คิคิ ใช่ไหมคะคุณ”

                ราตรีหันไปเอ่ยกับสามี ทั้งคู่กระหนุงกระหนิงจนริวแทบอยากจะกุมขมัย คำพูดของมารดาดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุข แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงที่สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ป่านนี้ทุกคนคงคิดว่าเขาและลูซได้เสียเป็นเมียผัวกันไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ แต่ถ้าเกิดโต้กลับไปว่ายังไม่ได้มีอะไรกัน เขาก็กลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมา

                “งั้นเดี๋ยวให้แม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารเลยก็แล้วกันนะจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ”

                ริวได้แต่ตอบรับอย่างขัดไม่ได้ เขายังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อกับเรื่องในอนาคต แต่ที่แน่ๆ เขาต้องเลิกรากับเจ้ากะเทยโรคจิตให้เด็ดขาดจนไม่ต้องมีโอกาสมาเจอหน้ากันอีกครั้ง

                “หลังแต่งแล้ว คิดออกหรือยังล่ะจ๊ะ ว่าจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน”

                น้ำเพชรเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ ที่จริงเรื่องเดินทางไปฮันนีมูนหลังแต่งงาน ก็เคยได้ไถ่ถามลูซและริวเอาไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ริวบอกปัดไปก่อนว่าหลังแต่งงานค่อยคิด

                “เอ่อ ผมยังคิดไม่ออกครับ”

                ริวตอบเสียงไม่ดังมากนัก ไม่ใช่ว่าเขาคิดไม่ออก แต่เขาไม่เคยจะคิดเลยต่างหาก ขณะนี้ทุกคนที่เป็นครอบครัวทั้งทางฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างอยู่กับพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ในบ้านของเจ้าสาวเอง

                “แต่ลูซคิดไว้หลายที่เลย ไปฮันนีมูนกับริวจังรอบเลยโลกเลยดีไหมน้า”

                คำกล่าวนั้นทำให้ริวต้องหันขวับไปมอง ดูเอาเถอะ ทำไมเขาต้องมาแต่งกับคนสุดขั้ว แถมทำอะไรไม่ได้มีความพอดีเอาเสียเลย ชายหนุ่มคิดเพียงแต่อยากจะยกมือมากุมขมับ แล้วนวดซ้ำๆให้หายเครียด

                “มันไม่มากไปหน่อยหรือไงฮะ”

                ริวหันไปเอ็ดภรรยาตัวโต ลูซยิ้มหวานแล้วเอนศีรษะซบไหล่เล็ก

                “ก็ลูซอยากสร้างประสบการณ์ระหว่างเราให้ลึกซึ้ง ให้มันเป็นความทรงจำที่แสนงดงาม”

                แค่ฟังแล้วก็แทบจะทนไม่ได้ เขาไม่คิดว่าตัวเองอยากจะมีความทรงจำอันงดงามกับเจ้ากะเทยตัวใหญ่แม้แต่น้อย ยิ่งความทรงจำล่าสุด ก็เหมือนจะเป็นความทรงจำอันเลวร้ายมากกว่า มีอย่างที่ไหน เจ้าสาวตัวใหญ่ถกกระโปรงแล้วช่วยตัวเองต่อหน้าเจ้าบ่าว แค่คิด ริวก็ขนลุกซู่แล้วความกลัวจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายอีกรอบ นี่ขนาดเพิ่งแต่งยังไม่ทันจะข้ามคืน เขาก็ต้องมาพานพบกับเหตุการณ์ที่แสนช้ำใจเสียแล้ว

                …ใครก็ได้ พาเขาออกไปจากนรกขุมนี้ที…

                “ผมว่าเรื่องฮันนีมูน เราเอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่าครับ”

                เขาไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อ วันนี้ก็ทรมานหัวใจเขาเต็มทนแล้ว

                “นั่นสิคะ เราคุยเรื่องอื่นกันเถอะค่ะ”

                ริวอยากจะเข้าไปกอดพี่สาวเอาไว้เสียให้เต็มแรงเกิด ดีใจที่รินเข้าใจเขาและพยายามช่วย

                “อีกแค่สองสัปดาห์ เธอก็จะกลับแล้วต่างประเทศแล้วสินะ”ราตรีเอ่ยขึ้น

                “ใช่ค่ะ เดี๋ยวน้องก็ต้องกลับไป ยังไงก็ต้องขอฝากลูซด้วยนะคะ เอ็นดูลูกของน้องด้วย”

                “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลยนี่นา ตอนนี้ลูซเองก็เป็นสะใภ้ของพี่ ยังไงพี่ก็รักและเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆอยู่แล้วล่ะจ้า”

                “ถ้าลูซทำเรื่องอะไรผิดพลาด ก็ต้องให้อภัยแกด้วยนะคะ แกยังเด็ก”

                …เด็ก…เด็กตรงไหนวะ!...

                นั่นคือประโยคที่เกิดขึ้นในสมองของริว เพราะร่างกายที่เติบใหญ่จนเขานึกหมั่นไส้นั่น ทำให้เขาถามในสมองซ้ำไปมาว่าเจ้าลูซจอมหื่นกามมันเป็นเด็กตรงไหน แต่พอนึกได้ ก็คงจะเป็นที่สมอง ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นเด็กบ้า!

                “ริวจ๊ะ”

                ริวสะดุ้งหลุดออกมาจากความคิด เมื่อน้ำเพชรเรียกเขา ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

                “ครับ คุณน้า”

                “เรียกน้าอะไรกัน แต่งกับลูกของน้าแล้ว เรียกแม่สิจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ คุณแม่”

                “น้าต้องฝากริวช่วยดูแลลูซด้วยนะจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ”

                “แม่ว่าจะให้ลูซอยู่ที่นี่กับลูกสักอาทิตย์หนึ่ง จากนั้นก็ไปฮันนีมูน แล้วก็พาน้องกลับบ้านเรา”

                “เอ่อ จะให้เจ้า…เอ่อ จะให้ลูซไปอยู่กับเราที่บ้านเหรอครับ”

                “ตาริวนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ แต่งกันแล้ว ก็ต้องไปอยู่บ้านเดียวกันสิจ๊ะ ลูกสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”

                ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ในขณะที่ลูซยิ้มหวานอย่างมีความสุข เขาหอมแก้มริวไปฟอดใหญ่

                “ก็เราเป็นสามีภรรยากันแล้วเนอะริวจัง คิคิ”

                เกือบทุกคนบนโต๊ะอาหารแสดงอารมณ์แห่งความสุขอย่างเต็มที่ที่เห็นคู่สามีภรรยาหวานกันขนาดนี้ มีเพียงแต่รินที่สงสารน้องชาย ส่วนริวเองก็อยากจะหลั่งน้ำตาให้ไหลพรากกับความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้น

                …เขาไม่ได้อยากมีภรรยาเป็นผู้ชายและตัวใหญ่แบบนี้…

                “ริวจังกินน้อยจังเลย เดี๋ยวไม่มีแรงน้า”

                ลูซตักกับข้าวใส่ในจานของริว ชายหนุ่มอยากจะปัดมือนั้นออก แล้วบอกกลับไปเสียงดังเลยว่า เขาไม่ได้อยากมีแรงสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นคำพูดของลูซก็เรียกเสียงแซว จากมารดาว่ามีแรงแล้วจะไปทำอะไรกัน

                “โถ่คุณแม่”

                ริวได้แต่ตัดพ้อ เขาไม่ได้อยากโดนแซว ในเรื่องที่เขาอับอายจนไม่อยากจะพูดถึง แต่เจ้าสาวข้างๆเขาก็อายเช่นกัน แต่ไม่ได้อายเพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

                “คุณแม่ก็…ริวจังต้องมีแรงเยอะๆ ไว้สำหรับความรักของเราสองคน คิคิ”

                เจ้าบ่าวตัวเล็กได้แต่กรอกตาไปมา ปล่อยให้ภรรยาตัวใหญ่หัวเราะอย่างเขินอาย โดยที่ตัวเองนั่งบื้อเพราะสมองตีบตันจนคิดอะไรไม่ออก นอกจากความคับแค้นใจ คิดในใจแค่ว่า

                …หัวเราะเข้าไปเถอะเจ้ากะเทยโรคจิต อย่าให้ถึงเวลาเอาคืนของฉันบ้างแล้วกัน จะทำให้หัวเราะไม่ออกเลย คอยดู!…

           

100%



ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2016 19:46:04 โดย Akikoneko17 »

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #61 เมื่อ05-07-2016 20:21:49 »

ทำใจเถอะค่ะริวจัง หนีเจ๊(?)ลูซไม่พ้นหรอก 55555555555  :laugh:  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #62 เมื่อ05-07-2016 21:20:10 »

ค้างๆ :jul1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #63 เมื่อ05-07-2016 21:55:55 »

ริวไม่ยอมรับลูซซักที สงสารลูซ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #64 เมื่อ08-07-2016 14:35:23 »

ลูซสู้ๆ :hao5:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
«ตอบ #65 เมื่อ08-07-2016 20:26:41 »

สงสารลูซแล้วนะ  ริวจังเป็นคนขอแต่งเองนะ พอลูซไม่เปลี่ยนไปละทำเป็นเปลี่ยนใจ  ชิชิชิ


งอแงฟิลลิ่งลูซ 555

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #66 เมื่อ14-07-2016 19:50:27 »

 

14

รักษาสัญญา

 

                ห้องหอที่ควรจะใช้ร่วมหลับนอนสำหรับริวและลูซได้มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากริวทนไม่ได้ หากเขาต้องใช้ห้องน้ำโดยที่ประตูห้องน้ำนั้นพังไม่เป็นท่า ใครจะไปยอมให้เจ้ากะเทยโรคจิตได้กำไรสายตาอยู่ร่ำไป

                แต่ถึงกระนั้น ริวก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า หนทางที่เขาเลือกนั้น เป็นเส้นที่ดีจริงหรือว่ากำลังตัวเองไปตกนรกในขุมที่ลึกกว่าเดิม

                ห้องหอที่ใช้หลับนอนเปลี่ยนแปลงเป็นห้องของลูซ แน่นอนว่ามันดูเหมือนเป็นฝันร้ายมากกว่าเก่า เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังหลุดมาอยู่ในโลกที่เหมือนมีตัวเองนับสิบรายล้อมอยู่เต็มห้อง

                “นั่นมันอะไร”

                แม้รู้อยู่แก่ใจ แต่ริวก็ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น ในขณะที่ลูซยิ้มหวานหน้าระรื่น เดินไปที่มุมห้องแล้วเข้าไปโอบกอดหุ่นสแตนดี้ที่ทำด้วยพลาสติกอย่างดี บุคคลที่เป็นแบบของสแตนดี้คือตัวของเขาเอง

                …รู้สึกสยองพิลึกเมื่อเห็นว่าตัวเองทั้งตัวเปลี่ยนไปอยู่ในรูปสแตนดี้ที่มีรูปร่างเทียบเท่ากับตัวจริง…

                รู้สึกสยองพิลึก

                “ชอบไหมริวจัง ถ้าริวจังชอบ ลูซยกตัวนี้ให้ได้ก็ได้น้า แต่ลูซอยากได้ภาพที่ริวจังใส่กางเกงในตัวเดียว”

                ใครจะมีความคิดทุเรศเกินนี้คงไม่มี ริวเมินหน้าหนี แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เขาก็เห็นข้าวของที่มีหน้าตาเขาแปะเต็มไปหมด

                ดูเอาเถอะ ขนาดลายผ้าปูเตียง กับหมอนที่นอนหนุน ยังเป็นหน้าของเขาเลย นี่เขากำลังหลงมาในดินแดนริวแลนด์หรือไง ควรจะรู้สึกอย่างไรดี ที่มีคนคลั่งไคล้เขามากขนาดนี้

                ที่สำคัญก็คือ  เขาไม่ใช่พวกนักร้อง ดารา ที่ควรให้คลั่ง

                หมอนข้างแทบจะเป็นตัวเขาทั้งตัว โชคดีที่มันยังใส่เสื้อผ้าครบ

                “อุบาทว์”

                ไม่มีคำไหนที่ริวจะคิดออกไปได้มากกว่านี้

                “เมื่อกี้ริวจังว่าอะไรเหรอ”

                ลูซเดินไปหยิบ ตุ๊กตาตัวเล็กที่เปลี่ยนไปเป็นรูปของริว เขายื่นมันให้กับเจ้าบ่าวที่แสนรัก ริวเบ้หน้าใส่

                “เอาไปไกลๆ”

                แค่เห็นก็ใจจะวายแล้ว ใครจะไปอยากยอมรับ ขยะแขยง

                ไม่เคยคิดว่าจะต้องมารู้สึกเกลียดตัวเองมากขนาดนี้

                ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูซ มันคือความหลงใหล หรือว่าความบ้า ริวไม่อยากทำความเข้าใจ รู้แค่อยากไปอยู่ไกลๆ กับสิ่งพวกนี้

                “ฉันอยากไปนอนห้องอื่น”

                “ไม่มีแล้วริวจัง  ริวจังนอนกับลูซที่นี่เถอะน้า”

                ใครจะไปยอม เขายังไม่อยากถูกจองจำในริวแลนด์ ถึงเป็นหน้าของเขาเอง แต่เขาก็เริ่มจะทนไม่ได้ขึ้นมา

                “นี่มันก็มืดแล้วน้าริวจัง ริวจังต้องการพักผ่อน”

                เขาจะนอนหลับลงได้อย่างไร เมื่อข้างๆกายมีเจ้าโรคจิตที่ได้ชื่อว่าลูซ

                “นอนเถอะนะริวจัง พอมืดแล้ว ก็ดีขึ้นเอง”

                มันก็อาจจะจริงอย่างที่ลูซปลอบโยน พอเข้าสู่ความมืด เขาก็จะไม่รับรู้และไม่เห็นว่าภายในห้องนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้ใจเขาแทบคลั่ง

                “ก็ได้”

                เขาเองก็เหนื่อยที่จะเถียงกับเจ้ากะเทยปัญญาอ่อน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วอย่างที่ลูซได้บอกไว้

                “แต่นายต้องรักษาสัญญา”

                “สัญญาอะไรเหรอ”

                ริวแทบจะกระโจนเข้าไปกัดคอเจ้าสาวหน้าสวย แต่ตัวใหญ่โต

                “ก็สัญญาที่นายจะไม่ทำอะไรฉัน”

                “อ๋ออ ลูซเป็นคนรักษาสัญญาแน่นอน ริวจังสบายใจได้น้า”

                ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อดีไหม แต่เหมือนริวเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เมื่อเห็นลูซจะเข้ามาใกล้ เขาก็สวนทันที

                “ไปไกลๆ”

                “ไล่ลูซทำไมง่า”

                “ที่นอนของนายคือโซฟา”

                “ทำไมลูซต้องนอนที่โซฟาด้วย”

                ใบหน้าสวยง้ำงอ ไม่พอเท่านั้น ยังยู่ปากจนดูน่ารัก ริวเบือนหน้าหนีพยายามไม่มอง

                “ถ้านายทำผิดสัญญาขึ้นมาจะทำยังไง”

                “ให้ลูซนอนด้วยน้า น้าๆ ลูซไม่ทำอะไร”

                “ไม่!”

                พอเห็นท่าทางจริงจังของริว ลูซก็เงียบไป พยักหน้าหงึกๆ อย่างจำยอม ดูเหมือนว่าลูซจะไม่ใช่คนชอบผิดสัญญาสักเท่าไหร่นัก เขาเองก็ไม่อยากจะขัดใจสามี เพราะแค่ได้แต่งงานกับ ริวไม่หนีงานแต่ง ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีมากแล้วในวันแต่งงาน

                “โอเค ฉันจะกลับไปนั่งที่เตียง แล้วนายก็ปิดไฟ นอนตรงนั้น”

                “อื้อ”

                เมื่อริวมาถึงเตียง เขาก็หย่อนกายนั่งลง ไม่ยอมนอนง่ายๆ เขายังคงระแวง และมองลูซเดินไปปิดไฟห้องเสียก่อน

                จนกระทั่งทุกอย่างตกในความมืดริวจึงเอนกายนอนลงบนเตียง แต่ยังไม่ทันได้หลับตา เขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นบางอย่างบนเพดาน

                มันเป็นรูปของเขาเรืองแสงในความมืด

                อ๊ากกกก เขาอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดใจตายเสียตรงนี้จริงเชียว

                นี่กลายเป็นว่า ถ้าลืมตาขึ้นมาก็จะเห็นภาพตัวเองที่แปะตรงเพดาน แม้ในยามมืดก็ยังเรืองแสงให้เห็นได้

                มันจะมากเกินไปแล้วเจ้ากะเทยโรคจิต

                ริวหันขวับไปจะด่าลูซ แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้เขาเงียบไปน่าจะปลอดภัยกว่า

                ลูซเป็นผู้ชายโรคจิต สิ่งที่ทำไม่ปกติ เรียกว่าคลั่งไคล้จนเกินเหตุ ถ้าเขาขืนใช้ความรุนแรงด่าทอ แล้วทำให้ลูซโมโหขึ้นมา เจ้าบ้านั่นอาจจะฉีกสัญญาที่ให้ไว้กับเขาก็ได้ ตอนนี้เป็นยามวิกาล  และเขาเองก็อยู่ในห้องนอนของลูซ ไม่มีอะไรรับรองความปลอดภัย

                ริวคิดว่าเขาสู้แรงเจ้ากะเทยถึกนั่นไม่ได้อย่างแน่นอน

                สงบใจไว้ริว

                ยังไงแกก็ต้องผ่านพื้นคืนนี้ไปได้อย่างแน่นอน…

                อดทนไว้…

                นั่นคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยเขาได้ โดยการที่เจ้าตัวพยายามย้ำคิดกับตัวเอง ริวปิดเปลือกตา พยายามพาตัวเองเข้าสู่นิทรา อย่างน้อยรีบหลับๆ ไปเสีย ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเอง

                “งื้งง งิ้งงง งื้อ”

                เสียงครางในลำคอดังขึ้นกลางดึกสงัด ริวหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้หลับสนิท เขารู้สึกรำคาญเสียงรบกวนนั้น

                ชายหนุ่มขยับกายลุกนั่งพิงหัวเตียง มือปัดป่ายไปมา จนเจอโคมไฟ เขาเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วจึงเห็นที่มาของเสียง

                ชายตัวใหญ่กำลังนอนขดบนโซฟา คนคนนั้นไม่ใช่ใคร ก็คือภรรยาตัวดีของเขา ผ้าห่มที่เคยโอบหุ้มร่างกายนั้น ร่วงหล่นไปอยู่กับพื้น

                ริวชั่งใจ เขาคิดจะเลื่อนมือไปปิดโคมไฟแล้วนอนต่อ ปล่อยให้เจ้าคนโรคจิตหนาวตายไปเลยน่าจะดีกว่า เพราะจะได้ถือว่าเป็นบทลงโทษจากเขา

                โคมไฟปิดลงแล้ว แต่ริวก็ข่มตาหลับตาไม่ได้ เพราะเสียงครางในลำคอนั้นยังประท้วงราวกับสัตว์ตัวใหญ่ที่ทรมาน

                “โถ่เว้ย”

                เขาได้แต่คำรามในลำคอ เปิดโคมไฟอันเล็กอีกครั้ง แล้วขยับกายลงจากเตียง เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของลูซ กายใหญ่นั่นสั่นน้อยๆ สองแขนยาวโอบกอดร่างกายตัวเอง ราวกับต้องการแผ่ความอบอุ่น

                “เฮ้อ”

                ริวได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา มันไม่ได้ดังมากจนกระทั่งทำให้ลูซตื่น เขาบอกว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ก็เพียงแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับภรรยาขายาวตัวใหญ่แม้แต่น้อย

                “แล้วก็อย่าทำร่วงอีกล่ะ”

                หลังจากที่ห่มผ้าจนถึงคอให้กับลูซเสร็จ ริวก็กำชับเหมือนระอา ชายหนุ่มหมุนกายเดินกลับไปที่เตียงนอน เขาควรจะหลับพักผ่อนได้เสียที

                โคมไฟดับสนิท ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ริวปิดตานอน ไม่มีเสียงครางงิ้งๆ ของลูซ มีเพียงรอยยิ้มสวยแห่งความดีใจที่ริมฝีปากของเจ้าสาวตัวใหญ่ท่ามกลางความมืดมิด

 

-------+++++-------

 

 

                แม้จะแต่งงานกับลูซแล้ว แต่ใช่ว่าหน้าที่ทุกอย่างในชีวิตต้องจบสิ้นลง ริวยังคิดจะออกไปทำงานเหมือนดังปกติ

                นึกขอบคุณลูซอยู่ในใจ ที่เจ้าตัวรักษาคำพูด ไม่ล่วงเกินเขา ในคืนที่เขานอนห้องของลูซ เขาไม่ได้โดนลวนลามหรือล่วงเกิน ลูซเว้นระยะห่างไว้

                ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ริวคงอยู่ด้วยได้โดยไม่รู้สึกแย่มากนัก

                แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ริวต้องการ เขาไม่มีวันรู้ว่าสัตว์ร้ายในตัวของลูซจะโผล่ออกมาอีกเมื่อไหร่

                “คืนนี้ก็ย้ายไปนอนที่ห้องหอได้แล้วนะจ๊ะ”

                ประตูห้องน้ำที่ถูกทำลายได้ซ่อมจนเสร็จแล้ว  น้ำเพชรจึงแจ้งข่าวเรื่องนี้ แน่นอนว่าทำให้ริวค่อนข้างจะดีใจเป็นอย่างมาก

                “แต่ถ้าริวจังอยากนอนห้องของลูซก็ได้น้า”

                เพียงคิดถึงห้องนอนนั้น เขาก็หัวใจแทบวาย ตอนเช้าตื่นขึ้นมา พออยู่ในความสว่างออกมานอกห้อง ถึงได้บอกให้เจ้าของห้อง ให้นำข้าวของทุกอย่างนั้นไปทำลายทิ้งเสีย โดยเฉพาะรูปภาพเขาที่มันเรืองแสงในตอนกลางคืน แถมยังแปะไว้พอดิบพอดีกับตำแหน่งเตียงนอน กะจะให้หลอกหลอนกันได้ตลอดทั้งคืนหรืออย่างไร       

                “ไม่เอาหรอก ของพวกนั้น ลูซสั่งทำเชียวนะ ลูซทิ้งริวจังไม่ได้หรอก”

                ถ้าเป็นคนรักกันแบบปกติ ริวคิดว่าคนที่ได้ฟังคงจะเคลิ้มและดีใจ แต่มันไม่ใช่กับเขา ในเมื่อเจ้ากะเทยมันโรคจิตขนาดนี้ ใครจะไปทนรับไหว

                “เอ่อ งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”

                “เมื่อกี้แม่ราตรีโทรไปหาแม่นะจ๊ะ บอกว่าวันนี้ลูกไม่ต้องไปทำงาน”

                เขาแทบจะเบิกตาถลน ทำไมมารดาผู้ที่ชอบให้เขาเป็นงานเป็นการ ถึงได้ให้เขาหยุดงานเสียได้

                “วันนี้ก็พาน้องไปเที่ยวเล่นหน่อยนะลูก เพิ่งแต่งงานกัน แล้วก็คิดสถานที่ที่จะไปฮันนี่มูนไปพลางๆ”

                “เอ่อ แต่ว่า”

ริวจะค้าน แต่ลูซก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ทำให้เขาต้องเก็บทุกอย่างลงคอ

                “ลูซ เย็นนี้พ่อกับแม่จะไปทำธุระนิดหน่อยนะลูก กลับพรุ่งนี้เย็นๆนะจ๊ะ”

                “รับทราบฮะ”

                ท่าทางระริกระรี้นั้นทำให้ริวใจคอไม่ค่อยดี หวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเขา

                ความตั้งใจที่จะออกไปทำงานในวันนี้ต้องสูญเปล่า แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นสารถีขับรถพาภรรยาตัวโตเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าเลือกซื้อของเสียอย่างนั้น

                “ริวจัง คิดว่าเราจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันดี”

                ลูซควงแขนสามี ในขณะที่ริวพยายามสะบัดชายหนุ่มให้ออกห่าง

                “จะไปรู้หรือไง”

                “ลูซอยากไปรอบโลก”

                “ถ้าอยากไปก็ไปคนเดียวเถอะ!”

                ริวสะบัดตัวออก เขาทนไม่ได้กับสายตาหลายคู่ที่มองมา ลูซหัวเราะคิกคัก เขาแต่งงานกับริวจังแล้ว ทำไมต้องไปใส่ใจคนอื่นด้วย ยังไงริวจังก็เป็นของเขา

                ชายตัวสูงวิ่งตามสามี เข้าไปกอดแขนอีกครั้ง

                “อย่าเดินหนีลูซสิริวจัง”

                “นายก็อย่ามากอดแขนฉันสิวะ”

                “ทำไมจะกอดไม่ได้ล่ะ ก็เราเป็นสามีภรรยากันนี่นา”

                ริวเงียบไป เพราเถียงไม่ออก ถึงแม้จะไม่ใช่ทางพฤตินัย แต่พวกเขาสองคนก็แต่งงานกันแล้ว

                “นายหัดมียางอายซะบ้างสิ ไม่เห็นหรือไงว่าทุกคนมอง”

                “โถริวจัง นี่มันยุคไหนแล้ว ผู้ชายรักกันเยอะแยะน้า”

                ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าให้สามีดูคู่รักเกย์หลายคู่ที่เดินจับมือกันในห้าง ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

                แต่เขาไม่ใช่เกย์!

                “ฉันไม่ใช่เกย์”

                ริวกัดฟันกรอดๆ ลูซยกมือป้องปากในขณะที่หัวเราะร่วน เขายักไหล่เพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จูงมือริวให้เดินตาม

                “นี่ริวจัง เราไปดูหนังกันไหม ถ้าริวจังเบื่อ”

                คำว่าดูหนัง ย้อนถึงประสบการณ์ที่เลวร้าย ถึงตอนนี้มันเป็นกลางวันแสกๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าลูซ จะไม่กล้าทำเรื่องบัดสีในโรงหนัง

                “ไม่!”

                เขาปฏิเสธเสียงแข็ง ลูซร้องหว่า ออกมาอย่างเสียใจ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้เศร้าโศกโศกามากมายนัก

                “งั้นเราไปซื้อเสื้อผ้ากันนะริวจัง”

                “จะซื้อไปทำไม”

                “ก็ซื้อสำหรับเวลาไปฮันนีมูนไง เดี๋ยวเราต้องไปฮันนีมูนกันนะริวจัง”

                “ไม่ไปได้ไหม”

                “ถ้าไม่ไป งั้นสัญญาที่ตกลงไว้ ลูซขอยกเลิกน้า เรามาเป็นของกันและกัน คืนนี้เลย”

                ลูซก้มลงมากระซิบ หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ริวได้แต่ขนลุกซู่ ใจเต้นแรงรัว

                มันทำแน่…มันทำจริงแน่ๆ

                ดูเหมือนว่ามันจะรอโอกาสนี้มานานแล้วด้วย!

                สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในสมองของริวอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่าลูซจะโกหก

                “เอ…เอาเข้าร้านไหนดีน้า”

                ปลายนิ้วยาวจิ้มเข้าที่ปลายคาง ใบหน้าสวยนั้นขบคิด ในขณะที่ริวนั้นเหงื่อตก

                “หรือว่าไม่ต้องไปแล้ว แล้วเรากลับบ้านกันเลย”

                น้ำเสียงมีเลศนัยดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองมาทางริว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

                “ไปสิ อยากไปฮันนีมูนไม่ใช่เหรอ ฉันจะไปกับนาย”

                พอได้ยินคำตอบแบบนั้น ลูซก็ยิ้มร่า โผเข้ามาหอมแก้มของสามีอยู่สองสามที จนริวหลบหนีไม่ทัน

                “แต่ไม่ไปรอบโลกนะ”

                ริวไม่ได้กลัวจนขาดสติขนาดนั้น การให้เดินทางไปกับลูซสองคนตั้งรอบโลก มันมากเกินที่เขาจะรับไหว

                “งั้นเราไปโซนยุโรปกันดีไหมริวจัง”

                “ไม่เอา ฉันไม่อยากไปไกลขนาดนั้น”

                “งั้นก็ไปญี่ปุ่นกันดีไหมริวจัง”

                “ไม่”

                พอโดนปฏิเสธซ้ำๆ ลูซก็เริ่มหน้าบึ้ง พรูลมหายใจออกจมูกรุนแรงขึ้น ใบหน้าเริ่มง้ำงอ

                “งั้นแสดงว่าริวจังจะไม่ไปใช่ไหม”

                “เปล่า” 

                “เอ๊ะ”

                “ไทย”

                “อะไรนะ”

                “ถ้านายจะไปฮันนีมูน ก็ฮันนีมูนที่ไทยนี่ล่ะ ฉันจะจองโรงแรมในกรุงเทพ แล้วเราไปค้างคืน เสร็จแล้วก็กลับ”

                พอได้ยินข้อเสนอแบบนั้น ลูซก็ถึงกับพูดไม่ออก

                “มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอริวจัง ลูซไม่ยอมหรอกนะ”

                “แล้วนายจะเอายังไงฮะ ฉันจะไปฮันนีมูนกับนาย แล้วยังจะเอาอะไรอีก”

                “ลูซยอมไปในไทยก็ได้ แต่ไม่เอาในกรุงเทพ อย่างน้อยก็ไปขึ้นเขา หรือเที่ยวเกาะสิ ไม่อย่างนั้น ลูซไม่ยอมจริงๆด้วย”

                ไม่ว่าเปล่า แต่เจ้าตัวก็กอดอก เชิดหน้าขึ้นอย่างคนที่กำลังงอน ถ้าเป็นเด็กตัวเล็กน่ารักทำมันก็คงจะน่ารักอยู่หรอก แต่ลูซน่ะ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนี่สิ

                “ทำไมฉันต้องฟังนายด้วย”

                ริวเองก็คิดว่าเขายอมฟังมามากพอแล้ว

                “งั้นลูซจะยกเลิกสัญญา ถ้าแค่นอนพักโรงแรมธรรมดา สำหรับลูซมันไม่ใช่ฮันนีมูน!”

                ภรรยาขี้งอนสะบัดก้นเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ ริวกัดฟันกรอดๆ เรื่องอะไรเขาจะต้องตามไปง้อ อยากจะไปไหนก็เชิญเลย เขาไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว!

 



100%



แล้วแบบนี้ ริวจังจะยอมง้อลูซไหมเนี่ย

ดูท่าแล้ว ลูซจะงอนจริงซะด้วย





ฝากเพจด้วยนะค้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

 

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #67 เมื่อ14-07-2016 20:01:53 »

แนะนำให้ริวเก็บข้าวของแล้วหนีไปนอนที่ทำงานนะ ไม่งั้นโดนลูชปล้ำแน่ๆ :hao7:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #68 เมื่อ14-07-2016 20:21:10 »

สงสารลูซ. สู้ๆนะ. คนเรามันต้องใช้เวลาพิสูจน์

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #69 เมื่อ14-07-2016 22:23:46 »

555  ริวจะะทำงถึงจะรอดจากเงือมมือภรรยา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
« ตอบ #69 เมื่อ: 14-07-2016 22:23:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #70 เมื่อ16-07-2016 08:21:29 »

ริวก็ยอมๆลูซบ้างเถอะอิๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
«ตอบ #71 เมื่อ16-07-2016 11:49:47 »

สงสารริวเนอะก็คนมันยังไม่รักเจอแบบนี้เข้าก็คงอึดอัดและรำคาญ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้
แนะนำว่าลูซอย่าบังคับริวมากนักเลย ปล่อยๆ ริวบ้างและทำตัวน่าสงสารเข้าไว้
อย่างริวนะท่าทางเป็นคนขี้ใจอ่อนเดี๋ยวก็ยอมเองแหล่ะ

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
«ตอบ #72 เมื่อ20-07-2016 19:17:51 »

15

ฉวยโอกาส

 

                ริวไม่คิดจะออกตามหาว่าลูซหายไปไหน เขาเดินเล่นต่อในห้างสรรพสินค้า มาหยุดนั่งพักที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง นั่งทานไอศกรีมไปพลางๆ ราวกับว่ากำลังรอให้เวลาผ่านไปเพื่อให้ใครบางคนที่หายตัวไปโผล่มา

                เขาไม่ได้รอใครสักหน่อย!

                ชายหนุ่มสั่นหน้าแรงๆ เขาไม่รอเจ้าสาวแสนเถื่อน เขาก็แค่หิวเลยต้องหาไอศกรีมมาทานฆ่าเวลาเท่านั้น

                …ไม่ได้รอจริงๆ…

                พอเวลาผ่านพักใหญ่ ไอศกรีมในถ้วยเริ่มละลายจนแทบหมด ริวก็เริ่มที่จะหงุดหงิด คิดถึงใบหน้าสวยที่ชอบฉีกยิ้มและคอยตามหลอกหลอน

                “หายไปไหนวะ!”

                ริวออกมาจากร้าน เขามองซ้ายมองขวา โทรศัพท์มือถือของเขาก็เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่ sms เข้ามา ลูซหายเงียบ ไม่แม้แต่จะกลับมาเดินตามเขา

                “อยากแต่งกับฉันนักไม่ใช่เหรอ แล้วทีอย่างนี้ หายหัวไปไหนฮะ”

                ขาเรียวเล็กก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าลูซน่าจะไปสิงอยู่ตามร้านเสื้อผ้า เพราะเจ้าตัวพูดหนักหนาว่าจะไปเที่ยว แต่เมื่อเดินตามหาแล้วก็ไม่พบ ริวจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาตัดสินใจกดโทรหาคนที่บ้านเพราะคิดว่าลูซน่าจะกลับไปที่บ้านแล้ว

                “อะไรนะ ยังไม่ได้กลับเหรอ”

                คำตอบที่ได้รับจากแม่บ้านทำให้ริวเซ็งจัด ไม่รู้ว่าเจ้าตัวปัญหานี่หายไปไหน แต่พอคิดไปคิดมาอีกที เจ้ากะเทยโรคจิตนั่นหายไปได้ก็ดี เขาจะได้มีชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าจะหาวิธีไหนให้หลุดพ้นจากเจ้านั่น

                “แบบนี้ก็สบายตัวล่ะสิ”

                รอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อทันที ริวรีบออกจากห้างสรรพสินค้า เขาไม่คิดจะสนใจว่าลูซจะหายไปไหนอีกแล้ว จิตสำนึกของเขาเหมือนมีสองด้าน ฝั่งหนึ่งบอกว่าเขาใจร้ายกับลูซมากไปหรือเปล่า ทั้งที่ลูซรักเขามากขนาดนั้น แต่อีกฝั่งกลับบอกว่า เขาไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจให้เสียเวลา เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่คิดจะรับลูซมาเป็นเจ้าสาวตั้งแต่แรก

                ชายหนุ่มขับรถเล่น ก่อนจะไล่รายชื่อโทรหาสาวสวยสักคนเพื่อควงไปออกเดท ถึงจะแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะผิด ในเมื่อเขาโดนบังคับให้แต่งงาน

                วันนี้แทบทั้งวัน ริวมีความสุขกับคู่ควงคนหนึ่ง ที่เขาเคยเดทกันไปหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ ถึงแม้มันจะนานมากแล้ว แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเขาที่จะชวนเธอออกมาอีกครั้ง เธอเองก็เหมือนว่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแต่งงานแล้ว แถมยังแต่งงานกับผู้ชายอีกด้วย

                ริวกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น เขาลืมเรื่องลูซไปเสียสนิท หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าตัวจะต้องใส่ใจ เขาไม่จำเป็นจะต้องง้อลูซ

                “ไปไหนมาริวจัง”

                ร่างสูงใหญ่ยืนดักอยู่ในบ้าน เมื่อริวเดินกลับเข้ามาข้างใน เขาอยากจะหัวเราะในใจเสียให้ดังๆ เพราะดูเหมือนว่าลูซที่ตอนแรกทำท่างอนเขากลับเข้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาเองเสียอย่างนั้น

                “ฉันจะไปไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”

                ลูซเม้มปากแน่น เขาสูดหายใจเข้าปอด แล้วหมุนกายเดินขึ้นห้องของตัวเอง ริวได้แต่เลิกคิ้วมอง แล้วเดินขึ้นห้องตามไป เขาอยากอาบน้ำเต็มทน

หลังจากที่เข้ามาในห้อง ริวก็อาบน้ำ ใส่ชุดนอนให้เรียบร้อยตั้งแต่ในห้องน้ำ แล้วจึงเดินออกมา เขาเห็นว่าลูซกำลังนั่งหน้างออยู่บนเตียง

“นายขึ้นมาบนเตียงทำไม”

“ลูซจะนอนด้วย"

“ที่ของนายคือตรงโซฟา”

ริวแสดงท่าทางเหนื่อยหน่ายออกมาเต็มที่  เพราะวันนี้เขาพาสาวไปเที่ยวต่อหลังจากที่พาลูซไปห้างสรรพสินค้า

“ไม่เอา”

“นายจะผิดสัญญาหรือไง”

ชายหนุ่มเริ่มทักท้วง เขาจ้องหน้าเจ้าสาวตัวใหญ่ ที่มีอารมณ์แห่งความไม่พอใจจนแสดงออกชัดเจน

“ริวจังไม่ง้อลูซเลย”

ในที่สุด ภรรยาแสนสวยก็เผยความในใจออกมา พลางเงยหน้ามองริวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ

“ละ แล้วทำไมฉันต้องง้อนาย”

เหมือนมีบางอย่างมาติดที่ลำคอของชายหนุ่ม เขาพยายามไม่คิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าใจเขาจะกระตุกไปเพราะสายตานั้นเสียแล้ว

“ริวจังเกลียดลูซสินะ”

ท่าทางของลูซเหมือนถามออกมาด้วยความยากลำบาก ริวได้แต่เมินหน้าหนี

“นั่นสินะ”

ภรรยาตัวสูงยันกายลงจากเตียง เขาเดินคอตกไปทางประตูห้อง ริวได้แต่อึดอัดและรู้สึกไม่ดี ร่างกายตอบสนองไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นนายจะไปไหน”

“ก็ริวจังไม่ต้องการลูซ ถึงไม่มีลูซอยู่บนโลกใบนี้ก็คงไม่เป็นไร”

พฤติกรรมที่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทำให้ริวตัวชา เขาได้แต่มองประตูห้องที่ปิดลง พร้อมกับร่างของลูซที่หายไป

“อยากไปไหนก็ไปเลยไป คิดว่าฉันจะสนใจหรือไง!”

ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่บอกกับใครกันแน่ ริวเดินไปปิดไฟ แล้วรีบกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงทันที พยายามข่มตาให้หลับ แต่สายตาของลูซ และน้ำเสียงเศร้าๆที่ส่งมา ก็ไม่อาจจะลบเลือนได้ เขาหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ แล้วลงจากเตียงเดินออกนอกห้อง

“ฉันไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกเจ้ากะเทยโรคจิตนั่น ฉันแค่นอนไม่หลับเท่านั้น”

ถึงบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่ขาที่ไม่รักดี กลับเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของลูซที่ตนเคยมานอนเมื่อคืน

แม้จะไม่อยากเห็นข้าวของที่เกี่ยวกับตัวเองในห้องนอนนั้น แต่ริวก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปจับลูกบิดเปิดประตูแล้วก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก เขาเหลือบมองไปในห้องเล็กน้อย แล้วมองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบลูซ

...เจ้านั่นไปไหน...หรือว่า...

ริวเบิกตากว้าง เมื่อนึกถึงคำพูดของลูซก่อนออกนอกห้อง มีความเป็นไปได้ว่า ลูซจะฆ่าตัวตาย

...ไม่จริงน่า...

“ลูซ! นายอยู่ไหน! ลูซ”

ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ายังไง แต่ริวก็ไม่เคยคิดจะให้คนคนหนึ่งต้องตาย เขารีบวิ่งลงบันไดจากชั้นสอง เพื่อหาตัวภรรยา

“อยู่นี่เอง”

ริวพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นลูซนั่งอยู่ในห้องครัว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นี่นายดื่มเหล้าเหรอ!”

“ริวจัง”

ดวงตาคู่สวยแดงก่ำเมื่อลูซหันมามองต้นเสียง ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาพูดไม่ออก

“ริวจังมาตามหาลูซ ริวจังเป็นห่วงลูซใช่ม้า”

ในสายตาของริว ลูซดูยิ้มฝืนๆ ริวพยายามพูดอย่างตั้งใจ

"นี่มันดึกมากแล้ว นายควรขึ้นไปนอน”

“ริวจาง ตอบลูซมาก่อน ห่วงลูซใช่เปล่า”

“ฉันไม่ได้ห่วงนาย"

ริวอยากจะตบปากตัวเอง เพราะไม่คิดว่าประโยคนี้ จะทำให้ทำนบน้ำที่ลูซเก็บเอาไว้ต้องพังทลาย

“ฮึก ฮือ ฮือ นั่นสินะ ริวจังเกลียดลูซ ริวจังไม่ห่วงลูซ ลูซจะตายก็คงไม่เป็นอะไร”

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนริวตั้งตัวไม่ทัน เมื่อลูซหยิบมีดในครัว ทำท่าจะแทงท้องตัวเอง

“ใจเย็นๆก่อนได้ไหม นายจะทำร้ายตัวเอง เพียงคำพูดของฉันงั้นเหรอ”

“ฮือ ใช่ เพราะริวจัง เป็นคนที่ลูซรักที่สุดในโลก ถ้าไม่มีริวจัง ลูซคงอยู่ไม่ได้ ฮือ ฮือ”

“ถ้านายรักฉัน นายจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปสิ”

ไม่คิดเลยว่าการเกลี่ยกล่อมคนมันจะเหนื่อยขนาดนี้

“ฮือ แต่ลูซไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ริวจังไม่ยอมง้อตอนลูซงอนเลย”

“โอเคๆ ฉันจะง้อนาย นายสัญญากับฉันก่อน ว่าจะไม่ทำร้ายตัวเอง”

ลูซกรอกตาคิด แล้วพยักหน้าหงึกๆ โยนมีดทิ้ง นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วรินเหล้าจะดื่มต่อ แต่ริวก็มาจับมือลูซเอาไว้

“พอได้แล้ว นายเมาแล้ว”

แค่เวลาปกติ ลูซก็บ้ามากพออยู่แล้ว ถ้าเมาแล้วทำตัวอันตรายมากกว่าเดิมหลายเท่า

“ไม่เอา ลูซเศร้านี่นา ถ้าไม่กินเหล้า ก็ไม่หายทรมาน ฮึก”

“แต่ว่า”

“ฮือ ฮือ ลูซเจ็บที่หัวใจ ลูซอยากตาย ไหนริวจังบอกจะง้อลูซ ไม่เห็นจะง้อลูซเลย ฮือ ฮือ”

“เฮ้อ...จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”

เสียงร้องไห้ของลูซช่างบาดหู แต่นั่นก็ไม่เท่ากับใบหน้าสวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา พอเห็นว่าเจ้าบ่าวเริ่มพูดประโยคที่ชวนให้ดีใจ มือใหญ่ก็ยกมือปาดน้ำตา พร้อมเสียงสะอื้น

“ฮึก ...ลูซอยากให้ริวจังเลิกเสื้อขึ้น”

ริวตาโตกับคำขอ นี่น่ะหรือ การง้อ นี่มันง้อตรงไหน แต่ถึงกระนั้นริวก็พูดไม่ออก

“นะริวจัง”

“ทำไมต้องให้เลิกเสื้อด้วย”

เขาได้แต่ถามด้วยความข้องใจ แต่เหตุผลคงไม่มีอะไร นอกจากเจ้าตัวจะอยากเห็นเรือนร่างของสามี ลูซเริ่มปล่อยเสียงร้องอีกครั้ง

“ฮือ ฮือ”

“โอ้ย หยุดร้องสิโว้ย เดี๋ยวทำเดี๋ยวนี้ล่ะ”

เมื่อรำคาญ จนทนไม่ไหว เขาก็รีบถกเสื้อขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องเนียน ลูซจ้องตาไม่กระพริบ ริวได้แต่หายใจไม่ทั่วท้อง

“เอาเสื้อลงได้หรือยัง”

“สูงอีกนิดได้ไหมอ่า ฮึก”

คนตัวโตเซ้าซี้ขอความต้องการเพิ่ม ริวไม่ตอบ แต่เลิกขี้นให้สูงขึ้นอีกนิด

“ง่า สูงอีกสิ ลูซอยากเห็นหัวนมริวจังนี่นา”

พอได้ยินแบบนั้น ริวจึงรีบเอาเสื้อลงทันที ใบหน้าเขาแดงซ่าน

“ลามก  ฉันไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนั้นอีกแล้ว”

“ง่า ริวจังจะไม่ง้อลูซแล้วเหรอ”

ลูซทำหน้าเศร้า ริวได้แต่จิ๊ปากอย่างหมั่นไส้

“ขอทำอย่างอื่นแทน”

“ง่า”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”ริวเริ่มหมดความอดทน

“งั้นริวจังนั่งดื่มเป็นเพื่อนลูซได้ไหม ฮึก ขอแค่นี้ ให้ลูซได้ใช่ไหม”

“ทำไมไม่ขอแบบนี้แต่แรก”

เขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้น อย่างน้อยขอให้ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนก็ดีกว่าแก้ผ้าโชว์เป็นไหนๆ ริวยอมนั่งดื่มเหล้ากับลูซ

“ฟี๊ดดด ฮึก ฮือ ริวจังน่ะใจร้าย”

พอเหล้าเริ่มเข้าปากไปพักใหญ่ ลูซก็เริ่มร้องไห้โวยวาย แต่ริวไม่มีอารมณ์มาห้าม เพราะตอนนี้เขาก็ดื่มไปเสียหลายแก้ว ตามคำชวน จนไม่สามารถประคองสติได้

“ครายย นายว่าครายจายร้ายห๊า”

“ริวจังใจร้าย ไม่ยอมให้ลูซสัมผัสนี่นา ฮึก”

ลูซสะอื้น เบะปากอย่างเง้างอน ริวลุกขึ้นเดินไปจับไหล่กว้าง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงไม่ชอบเห็นน้ำตาของลูซ

“ฉาน ม่ายด้ายจายร้าย”

เหล้าที่ดื่มไป นับว่าออกฤทธิ์แรงมาก แล้วริวก็ดื่มมากจนเมามาย เขาคลี่ยิ้มหวานแล้วยกมือลูบไล้ไปใบหน้าสวย

“นางฟ้า นางฟ้า”

“ริวจัง ลูซขอจับตัวริวจังนะ ริวจังใจดี ให้ลูซจับนะ ฮึก”

ภรรยาคนสวย ถามอย่างออดอ้อน ริวแพ้สายตาและรอยยิ้มนั้น

“อื้อ”

มีเพียงเสียงตอบรับในลำคอ แต่ก็มากพอจะให้ภรรยาตัวใหญ่ได้ใจกล้า รั้งกายเล็กลงมานั่งตัก แล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอ มือบีบเค้นที่แผ่นอกเล็ก ริวจับมือใหญ่

“มะ ม่ายอาว”

"ริวจังให้ลูซดูนะ ขอลูซดูอกเท่ๆของริวจัง ถ้าริวจังไม่ให้ ฮึก ฮือ ลูซร้องไห้อีกนะ”

“ก็ด้าย นางฟ้าอยากดูเหรอ”

ริวตอบยิ้มๆ ลูซยิ้มยิ่งกว่า ริวรีบกระชากเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกเล็ก และยอดอกที่น่าดูดกิน ลูซได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ

“ขอดูริวจังน้อยด้วยได้เปล่าอ่า... ฮึก ฮึก”

“!!!”

ริวเบิกตากว้างเล็กน้อย สมองเหมือนมึนงง แต่ลูซไม่อาจจะหยุดตัวเองเขารีบดึงรั้งกางเกงนอนของริวออก จนเผยให้เห็นส่วนสำคัญของร่างกาย

“อ่า ริวจังน้อย น่าอร่อยที่สุดเลย”

ว่าไปก็ซูดปากไปอย่างโหยหิว ริวได้แต่หน้าแดงก่ำ ยกมือเกาะไหล่กว้าง เขารู้แค่ว่าถ้าไม่เกาะหรือยึดอะไรไว้เลยเขาเหมือนจะร่วงลงกับกองกับพื้น ใบหน้าหล่อฟุบเข้ากับแผ่นอกกว้าง ร่างกายของริวเปลือยเปล่า ลูซยกยิ้ม มือลูบไล้ไปตามผิวกายเรียบเนียน

“ลูซรักริวจังที่สุด”

พร่ำคำรักที่แสนหวานกระซิบข้างหู ริวหลับตาพริ้มไม่ได้สติ คลี่ยิ้มรับอย่างมีความสุข ร่างกายที่ไร้อาภรณ์เบียดชิดร่างภรรยาเพราะความเหน็บหนาว

ลูซช้อนกายเล็กอุ้มขึ้น เขาเซไปเล็กน้อย เพราะฤทธิ์แอลกฮอล์ แต่มันก็ยังไม่กัดกินสติมากเกินไป

...ลูซไม่ได้เมามาย จนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่...

ต่อให้เขาถูกริวบอกว่าเป็นคนฉวยโอกาสคนเมา เขาก็ต้องทำให้คนในอ้อมกอดนี้เป็นของเขาเพียงคนเดียวให้ได้

...ริวจังเป็นของลูซ คนที่จะกอดริวจังได้ มีแค่ลูซคนเดียวเท่านั้น...

ครั้งแรกของพวกเขา ลูซต้องการให้เป็นห้องหอ ที่คืนแรกกลับไม่ได้ใช้งาน งั้นเขาจะถือเสียว่า วันนี้คือวันส่งตัวอีกครั้ง

“ลูซรักริวจัง”

เสียงทุ้มกระซิบบอกซ้ำๆราวกับบทเพลง ริวรู้สึกว่าร่างกายเขาเบาราวกับปุยนุ่น แผ่นหลังเล็กขยับเสียดสีกับพื้นเตียงที่อ่อนนุ่ม ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบไปทั่วใบหน้า พร้อมกับสัมผัสร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่ปลุกเร้าร่างกายของริวให้ร้อนเหมือนดังไฟ

“ลูซต้องการริวจัง...ต้องการ”

“อ่า...”

ริวปรือตามอง เขารู้แค่ว่าสัมผัสที่เกิดขึ้นมันช่างรู้สึกดี มือเล็กรั้งใบหน้าสวยให้ต่ำลงแล้วกดจูบอย่างหิวโหยราวกับต้องการกินริมฝีปากชมพูจนไม่อาจจะทนไหว ลูซได้แต่ยกยิ้มในใจ มีความสุขเหลือเกินที่โดนรั้งเข้าไปจูบ

“หวานไหมริวจัง”

“หือ...”

สมองของริวมึนงงกับจูบที่เกิดขึ้น แม้ตอนแรกเขาจะเป็นฝ่ายรั้งลูซมาจูบ แต่สุดท้ายเขาก็โดนรุกกลับจนสั่นสะท้าน

“จูบ...หวานไหม”

เสียงทุ้มแหบพร่า ริมฝีปากสวยไล่ต่ำพรมจูบที่คาง ไล่ลงมาที่ลำคอ ริวสั่นน้อยๆ จนกระทั่งไล่ความร้อนผ่าวมาถึงแผ่นอก

“ตอบสิ ริวจัง”

ลูซถามซ้ำ ริวลูบไล้แผ่นหลังกว้าง ดวงตาปรือปรอย ตอบเสียงแผ่ว

“วะ หวาน อื้อ”

กายเล็กสะดุ้งเมื่อยอดอกถูกดูดเม้ม แถมช่วงล่างที่ร้อนผ่าวยังโดนลูซบีบคลึงจนมันชูชันขยายในมือใหญ่

“อีกข้าง อ๊า ดีจาง...ดี”

ความเสียวซ่านเกิดขึ้น ริวแอ่นอกรับสัมผัสที่ทั้งดูด ทั้งกัด รอยจูบเต็มไปทั้งร่าง กายเล็กบิดเร่า สะดุ้งเฮือกเมื่อ ปากร้อนไล่ต่ำไปครอบครองส่วนสำคัญ หากเป็นในยามปกติ ริวคงพยายามผลักไส แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รู้แค่มันรู้สึกดีเอามากๆ เขาต้องการรับสัมผัสเหล่านี้ให้มากขึ้น

“ระ แรงอีก อื้อ มะ ไม่ ไหว แฮก”

คนตัวเล็กกระตุกเกร็ง ในขณะที่ลูซแทบจะกลืนริวจังน้อยลงไปในคอ  ภรรยาคนสวยปรนเปรอสามีอย่างสุดความสามารถ เขาดูดกลืนทุกหยาดหยดที่ปล่อยเข้ามาในปากอย่างหิวกระหาย

“อร่อย...อร่อยที่สุด”ลูซบอกเสียงกระเส่า

“แฮกๆๆ”

ริวหอบหายใจ เขารู้สึกเหมือนถูกโยนไปในที่สูงแล้วถูกปล่อยลงมา มีความสุขจนแทบคลั่ง

ลิ้นร้อนลากเลียไล่ต่ำจนมาถึงช่องทางด้านหลัง มือก็ไม่หยุดปรนเปรอแก่นกายที่เพิ่งปลดปล่อยไป ริวเริ่มสะท้านอีกครั้ง ทั้งเสียว ทั้งรู้สึกแปลก เมื่อถูกจับแยกขาแล้วถูกเลียที่ช่องทางด้านหลัง ลูซทั้งเลียทั้งดูด ก่อนจะเกร็งลิ้นแทรกเข้าไป เรียกเสียงครางหวานร้องดังลั่น กายเล็กกระตุกเกร็ง

“อะ อื้อ เอาอีก”

คนตัวเล็กร้องขอ เมื่อลูซเหมือนจะหยุดปรนเปรอไปชั่วครู่ ชายหนุ่มถอนลิ้นออกแล้วค่อยๆแทรกนิ้วไปแทน ทำช้าๆ ทีละนิ้วจนริวเริ่มปรับตัวได้ จนกระทั่งครบสามนิ้ว เขาจึงเริ่มขยับนิ้ว พร้อมกับก้มลงมาดูดแก่นกายอย่างเร่าร้อน ริวแทบจะหวีดเสียงร้องอย่างสุขสม  ลูซหยุดกระทำ เคลื่อนกายไปกระซิบถามข้างหู

“ต้องการใช่ไหม”

“อื้อ”

คนตัวเล็กตอบรับทั้งที่หลับตาพริ้ม ตอนนี้ลูซถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้ว ทั้งสองกายแนบชิดบดเบียดกันจนแทบจะรวมร่าง

“ต้องการลูซไหม ริวจัง”

ลูซงับใบหูเล็ก แล้วขบเม้มเบาๆ ริวบิดเร่า โอบกอดกายแกร่งเอาไว้

“ตอบสิริวจัง ไม่งั้นลูซไม่ทำต่อนะ...ต้องการลูซไหม”

“อะ อื้อ ตะ ต้องการ”

“อยากให้ทำต่อใช่ไหม”

“ต่อ...ต่อที ทรมาน อ่า อื้อ”

“ลูซไม่ได้ทำผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตให้ลูซทำใช่ไหม”

ภรรยาแสนเจ้าเลห์พรมจูบที่แก้มนิ่ม มือขยับรูดชักแก่นกายเล็ก ริวกระตุกตัว

“ทำ...ทำอีก เอาอีก อื้อ”

คำตอบที่แสนน่ารักนั้น ทำให้ลูซหมดความอดทน เขาจูบปากสวยทันที แท่งเนื้อร้อนที่ใหญ่โตปริ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น อาวุธพร้อมใช้งานมานานแล้ว

“ถ้าเจ็บก็กอดลูซแน่นๆ นะริวจัง จะจิกหลังลูซก็ได้”

“อื้อ”

ริวครางรับ อย่างไม่ได้ฟังเท่าไหร่นัก ลูซค่อยแทรกกายเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับคนรักตัวเล็ก

“อื้อ จะ เจ็บ อ๊ะ”

กายเล็กดิ้นพล่านตามสัญชาตญาณ ลูซเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ริวก็น้ำตาไหลเป็นสาย โอบกอดกายแกร่งเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอื้นเหมือนเด็กตัวน้อย

“อ่าา ผ่อนคลายนะริวจัง ลูซเจ็บมากเลย ริวจังรัดแน่นมากเลย”

เขาลูบไล้กายเล็กอย่างปลอบโยน และยังจูบปลอบ เพื่อให้ริวได้ผ่อนคลาย เวลาผ่านไปสักพัก ลูซก็สามารถแทรกกายเข้าไปได้จนสุด ริวรู้สึกจุกที่ช่องท้อง แต่สัมผัสที่ได้รับหลังจากนี้ ก็ทำให้เขาแทบสำลักความสุขตาย

“ละ ลึกอีก ตรงนั้น อ๊า เอา เอาอีก”

ริวร้องขอไม่ยอมหยุด ขยับขาออกกว้าง รับแก่นกายที่ใหญ่โตให้จ้วงแทงลึกเข้ามาในร่างกาย เสียงครางของทั้งคู่ ดังผสานราวกับเป็นเสียงดนตรี จนกระทั่ง ความอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นเข้ามาในร่างของริว

“อ่า...”

ลูซหอบน้อยๆ เขาเชิดหน้าขึ้น สุขสมจนแทบคลั่ง ในที่สุด เขาก็ได้เป็นคนคนเดียวกับริวจังแล้ว

“อื้อ อื้อ อ่า”

ริวครางประท้วง เพราะเขายังไม่ได้ปลดปล่อยอีกครั้ง ร่างเล็กบิดไปมา ลูซเลียปากตัวเอง แก่นกายในช่องทางรักขยายจนคับแน่น เขาค่อยๆประคองริวให้ลุกขึ้น โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายนั่ง แล้วกระซิบบอก

“ริวจังทำสิ...”

“ทำ..ทำ อื้อ”

เหมือนต้องการถามว่าจะให้ทำอะไร ลูซเลียเหงื่อที่แก้มนิ่ม แล้วบอกต่อเสียงพร่า

“ขี่ม้าไงริวจัง ...ขี่ม้าบนตัวลูซ แบบนี้”

เขาจับสะโพกเล็กให้ขยับขึ้นลง ริวปรือตามอง เกาะบ่าแกร่งเอาไว้เสียแน่น พอผ่านไปสักพัก เริ่มรู้งาน ก็เริ่มขยับเอง

“อ๊ะ อ๊า เสียว อื้อ อื้อ”

ชายหนุ่มกระแทกสะโพกขึ้นลงไม่หยุด ราวกับกำลังควบม้าตัวใหญ่ ใบหน้าหล่อหลับตาพริ้ม มีความสุขจนแทบคลั่ง ลูซเองก็ไม่ต่างกัน เขาขยับสะโพกสวนตามจังหวะให้สอดประสาน จนกระทั่งเสร็จกิจในครั้งที่สองของทั้งคู่ ริวนั่งหอบ ฟุบหน้ากับไหล่กว้าง ลูซยิ้มร้าย

“อย่าคิดว่าลูซไม่รู้นะริวจัง...ว่าวันนี้ไปทำอะไรมา...ทำลูซเสียใจมากๆเลยรู้ไหม”

ลูซไล้ข้อนิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม

“อ่า...”

ริวไม่ได้มีสติที่จะสนใจ เขาไม่ค่อยรู้หรอกว่าลูซกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่

ลูซเคลื่อนกายมากระซิบข้างหูด้วยดวงตาที่แสนเจ้าเล่ห์

“ลูซขออีกสามรอบ...เพราะริวจังทำลูซเสียใจมาก...ให้ลูซนะริวจัง”

มีเพียงศีรษะเล็กที่ขยับถูไถไปมาเล็กน้อยบริเวณอกกว้างอย่างคนละเมอ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ภรรยาที่หิวกระหายได้คิดเข้าข้างตัวเองไปว่าสามีนั้นตอบ 'ตกลง'

 



100%



ริวจัง เสร็จลูซจนได้ อิอิ



ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
«ตอบ #73 เมื่อ20-07-2016 19:45:32 »

โอ้วววว :z1: :pighaun: :impress2: :hao7:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
«ตอบ #74 เมื่อ20-07-2016 19:54:53 »

คุณสามีเสร็จภรรยาเลย  อิอิ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
«ตอบ #75 เมื่อ20-07-2016 19:59:49 »

 :-[.    สามีตัวน้อยโดนกินจนได้น้อ. อิอิ.  :pighaun:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
«ตอบ #76 เมื่อ20-07-2016 21:07:41 »

ริวแกจะโทษลูชไม่ได้นะว่า  ปล้ำแก แกสมยอมเค้าทุกอย่าง55555 :hao7:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
16

เสียตัว อย่าเสียใจ

 

                แสงตะวัดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ความอ่อนล้าของร่างกายนั้นมากจนทำให้ริวรับรู้ว่าเขารู้สึกอ่อนเพลียขนาดไหน กายเล็กนอนตะแคงหันหลังให้กับบางสิ่ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้น มองเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบ 11.00 น.

                เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจ แรงกอดกระชับจากกายสูงใหญ่จากด้านหลัง ทำให้ริวต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง  แขนยาววางพาดจนมากอดเอวเขา ริวรับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่เปล่าเปลือยของตัวเอง

                นี่เขาไม่ได้สวมเสื้อนอน!

                อาการเมาค้างยังมีอยู่ ริวรู้สึกมึนหัว แถมยังอ่อนเพลีย เขาค่อยๆ ขยับพลิกร่างไปหาไออุ่นที่อยู่ทางด้านหลัง แล้วเจ้าตัวก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นใบหน้าสวยที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

                “ลูซ!”

                ชื่อผู้ชายที่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ตรงนี้ ได้หลุดออกมาจากปาก ริวใจเต้นแรง สำรวจทุกอย่างของตัวเอง แล้วก็พบว่าเขากำลังนอนแก้ผ้า แถมช่วงล่างยังร้าวระบม พอเลื่อนมือไปสัมผัสบริเวณก้น ก็พบของเหลวขุ่นคลัก ที่ไหลออกมาจากในจุดที่ไม่ควรจะมีสิ่งนี้อยู่ ริวหน้าเสีย เขาเริ่มหายใจติดขัด

                …เขาเสียตัวให้กับไอ้กะเทยโรคจิตไปแล้ว!...

                ริวอยู่ในสภาวะที่อยากจะร้องไห้ แต่น้ำตากลับไม่ไหล โลกทั้งใบเหมือนหยุดนิ่ง ในสมองมีแต่คำว่า เขาโดนกะเทยเสียบ เขาโดนมันอัดก้น

                “ริวจางง ตื่นแล้วเหรอ…”

                น้ำเสียงงัวเงียดังมาจากร่างสูงใหญ่ ริวฝืนร่างกายที่ร้าวระบมยกเท้าถีบเข้าที่ท้องแกร่ง ในขณะที่ลูซกำลังลืมตาอย่างช้าๆ

                ตุบ!

                “อ๊อก!!!”

                ทั้งจุก ทั้งเจ็บ จนต้องกุมท้องตัวงอ จากตอนแรกที่งัวเงีย ก็ตื่นจนเต็มตา คนที่เจ็บไม่ใช่แค่ลูซ แต่ริวก็ไม่ต่างกัน เขารู้สึกเจ็บที่ช่วงล่างจนแทบจะบ้า สะโพกเหมือนไม่อยู่กับที่ ขยับตัวทีเหมือนจะตาย แต่ความคับแค้นใจ ทำให้ริวทำในสิ่งที่ฝืนสังขาร

                “ฉันจะฆ่าแก ไอ้กะเทยเฮงซวย ตายซะเถอะ!”

                หมอนใบใหญ่ถูกริวหยิบขึ้นมาขว้างใส่ร่างสูงที่ยังนั่งมึนงงอยู่กับพื้น ลูซยกแขนปัดป้องของอันตรายที่ขว้างมา ทั้งผ้าห่ม ทั้งหมอน ถูกริวหยิบขว้างใส่อย่างไม่หยุดหย่อนอย่างคนสติแตก

                “ริวจังใจเย็นๆก่อนสิ ค่อยๆคุยกันน้า”

                ลูซรีบลุก พุ่งเข้ามาหาริว ชายหนุ่มมือไว หยิบนาฬิกาขว้างใส่ แต่โชคดีที่ลูซหลบทัน เจ้านาฬิกาโชคร้ายจึงกระแทกเข้าผนังห้องแล้วแตกกระจาย

                “ง่า ริวจัง ใจเย็นสิ ลูซไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”

                ภรรยาคนเก่งรีบคว้าหมอนและผ้าห่มก่อนจะโดดขึ้นเตียง แล้วจับแขนทั้งสองของริวเอาไว้ไม่ให้ริวได้อาละวาดจนจะฆ่าเขาให้ตายแบบนี้ แต่ริวเหมือนจะไม่สนใจ เขาดิ้นไม่หยุด ดิ้นไปก็เจ็บไป ปวดหัวก็ปวด

                “นายผิดสัญญา”

                “ลูซไม่ได้ผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตแล้ว”

                คางสวยวางเกยไหล่เล็ก ริวไม่คิดจะยอมรับ

                “ไม่จริง ฉันไม่ได้อนุญาต”

                “ริวจังคิดดีๆ สิ แล้วจะรู้ว่าลูซไม่ได้โกหกจริงๆนะ จริงๆนะริวจัง ค่อยๆนึกสิ”

                ริวนิ่งสงบลง เขาปวดหัวจนแทบบ้า ไม่ว่ายังไงเรื่องที่ลูซบอกก็ไม่มีวันเป็นความจริง แต่ทว่า น้ำเสียงต่างๆที่เหมือนเป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็ทำให้ริวก็ต้องเบิกตากว้าง

“ต้องการลูซไหม ริวจัง”

“อะ อื้อ ตะ ต้องการ”

“อยากให้ทำต่อใช่ไหม”

“ต่อ...ต่อที ทรมาน อ่า อื้อ”

“ลูซไม่ได้ทำผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตให้ลูซทำใช่ไหม”

“ทำ...ทำอีก เอาอีก อื้อ”

                เมื่อนึกออกขึ้นมา ริวก็ตัวแข็งทื่อ หยุดการขัดขืนทุกอย่าง เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าลูซ ความเหนอะหนะในร่างกายยิ่งเป็นตัวย้ำเตือนว่าเขาและลูซมีอะไรกันไปแล้ว แถมเขายังไม่ขัดขืน เร่งเร้าให้ภรรยาคนสวยทำให้มากขึ้น ริวอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด จะได้ไม่พูดจาแบบนั้นในคืนที่ผ่านมา

                “นึกออกแล้วใช่ไหมริวจัง ลูซดีใจจังเลย ที่ริวจังนึกออก”

                “ไม่”

                เขารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ใครจะไปยอมรับ ว่าตัวเองเสียประตูหลังให้กับเจ้าสาวตัวโต แค่คิดก็รู้สึกอดสู

                “โกหก ริวจังจำได้แล้ว แต่แกล้งจำไม่ได้ อย่าใจร้ายกับลูซสิริวจัง ลูซมีความสุขมากๆเลยน้าเมื่อคืน มีความสุขที่ได้เป็นคนเดียวกับริวจัง ลูซรักริวจังที่สุดในโลกเลย”

                ริวเกือบจะสั่นไหวไปกับคำว่ารักที่ลูซบอก แต่เขาก็พยายามประคองสติที่เหลือไม่มากของตัวเอง อยากจะโต้เถียงให้หนักๆ แต่สังขารก็ไม่อำนวย

                “ฉันปวดหัว ฉันจะนอน

                ตอนนี้เขาฝืนตัวเองไม่ไหว ไหนจะเพราะเหล้า ไหนจะเพราะโดนแรงหนักหน่วงของลูซรุกเข้ามา ร่างกายมันเลยประท้วงให้นอนพักให้มากกว่านี้

                “งั้นริวจังนอนพักต่อนะ ลูซจะไปทำอาหารมาให้ แล้วก็จะเอายามาให้ด้วย”

                ริวเหนื่อยเกินกว่าที่จะตอบ เขาจึงหลับตาลง

                “เดี๋ยวลูซเช็ดตัวให้ด้วยน้า”

                “ไม่ต้อง!”

                ริวบอกเสียงดังลั่น ตามสัญชาตญาณ ขืนมัวแต่นอน ไม่ยอมสนใจที่ลูซพูด เขาอาจจะแย่มากกว่าเดิม

                ก่อนจะออกไปเข้าห้องน้ำ ลูซก็ไม่วายจะเข้ามาจุ๊บแก้มนิ่ม ริวอยากจะสวนกลับ แต่เขาก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะทำ ตอนนี้เขาเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง จะให้ร้องไห้โฮ บอกว่าเสียตัวให้เจ้าสาวที่แต่งงานกันแล้วก็กระไรอยู่ ตอนนี้ริวได้แต่รู้สึกสับสนและแค้นเคืองในตัวภรรยาที่แสนเจ้าเล่ห์       

                ลูซกลับขึ้นมาหาริวอีกทีในเวลาเกือบบ่ายโมง สามีสุดหล่อยังคงนอนหลับตาพริ้มใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ภรรยาคนเก่งคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เขาปลุกคนรักด้วยรอยจูบที่ปากเล็ก ริวค่อยๆลืมตาขึ้น อาการปวดหัวเริ่มทุเลาลง แต่ก็ยังไม่หายดี

                “ริวจังกินข้าวไหวไหม”

                “น้ำ”

                เสียงแหบพร่าร้องขอ ภรรยาตัวใหญ่รีบหยิบน้ำเปล่ามาให้สามีดื่มทันที พอได้ดื่มดับกระหาย ริวก็มีท่าทางที่ดีขึ้น

                “ปวดหัวมากไหมริวจัง”

                “ไม่”

                “แล้วอยากอ้วกไหม”

                “ก็นิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้ว”

                “ลูซทำน้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้ริวจังด้วยนะ ริวจังดื่มนะ จะได้ดีขึ้น”

                สามีตัวเล็กมองหน้าภรรยา ลูซคลี่ยิ้มหวาน ใบหน้าดูเอิบอิ่มไปด้วยความสุข ในขณะที่ริวไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไหร่นัก เขารับน้ำผึ้งผสมมะนาวมาดื่มจนเกือบหมดแก้ว

                “หิวไหมริวจัง ลูซทำข้าวต้มปลามาให้ ริวจังกินข้าวต้มปลานะ”

                ความปรารถนาดีและความเอาใจใส่ของภรรยาตัวแสบนั้นช่างเปี่ยมล้น ชั่วครู่หนึ่งเขาเผลอคิดไปว่ามีภรรยาคอยดูแลก็ดีเหมือนกัน แต่พอคิดว่าเพราะเจ้าภรรยาตัวแสบนี่แหละ เขาถึงได้มีสภาพย่ำแย่แบบนี้ สิ่งที่คิดว่าดีเลยแปรเปลี่ยนเลวร้ายไปแทบจะทันทีที่นึกถึง

                “ฟู่ ลูซเป่าแล้ว หายร้อน อ้าปากเร็วริวจัง”

                ริวถอนหายใจแล้วเมินหน้าหนี เขาไม่อยากเห็นหน้าลูซ ไม่อยากจะทานอาหารฝีมือลูซด้วย

                “เอาไปไกลๆ”

                “ไม่ได้นะริวจัง ถ้าไม่กิน ก็จะกินยาไม่ได้สิ ริวจังไม่สบาย ต้องพักผ่อนเยอะๆ”

                “ที่ฉันเป็นแบบนี้ ก็เพราะนายไม่ใช่หรือไง นายมอมเหล้าฉัน แล้วยังผิดสัญญากับฉันเมื่อคืนอีก”

                ลูซวางถ้วยข้าวต้ม แล้วขยับเข้าไปกอดริวจากด้านหลัง เขาซบแก้มลงกับไหล่เล็ก

                “ลูซขอโทษ ริวจังอย่าโกรธลูซเลยนะ ลูซรักริวจังที่สุด ริวจังอย่าโกรธลูซนะ”

                “ฉันจะฆ่านาย”

                “ริวจังจะฆ่าภรรยาที่น่ารักได้ลงคอเลยเหรอ”

                ใบหน้าสวยชะโงกไปข้างหน้า ริวลืมตามาแทบจะหัวใจวาย ดวงตาคู่สวยได้แต่มองอย่างออดอ้อน ราวกับต้องการขอความเห็นใจ

                “ไปห่างๆเลยเจ้าบ้า”

                “ไม่เอาอ่า ก็ลูซอยากอยู่ดูแลริวจัง ลูซจะเป็นภรรยาที่ดี ริวจังอย่าโมโหเลยนะ”

                ว่าพลางกระชับอ้อมกอดไปด้วย จนริวเผลอใจสั่นขึ้นมา แปลกใจเหลือเกินว่าทำไมถึงไม่ขัดขืนให้รุนแรงกว่านี้ เขาควรจะกระทืบเจ้ากะเทยตัวใหญ่นี้ให้ตาย ไม่ใช่มารู้สึกแปลกๆจนไม่สามารถผลักไสให้ลูซอยู่ห่างๆได้

                “อึดอัด”

                “อ่า…ลูซกอดแน่นไปเหรอ”

                “ฉันรู้สึกแย่สุดๆ กับเหตุการณ์เมื่อคืน นายควรจะออกไปจากชีวิตฉันซะ”

                พูดเองแต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่อก ยิ่งเห็นใบหน้าสวยที่เศร้าสลด ริวก็เหมือนว่าตัวเองกำลังอึ้งจนพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น เขารอดูท่าทางของคนตัวสูง ลูซเงยหน้ามอง

                “ริวจังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหรอ แต่ลูซดีใจนะ ที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับริวจัง”

                “เจ้าบ้า ฉันเสียตัวให้กะเทยแบบนาย แล้วจะไม่ให้ฉันรู้สึกเสียใจได้ยังไง!”

                ริวโมโหขึ้นมาจนลืมความอาย เขากระชากคอเสื้อลูซ แค้นเคืองจนอยากจะจับฆ่าให้ตาย แต่เพียงครู่อารมณ์โมโหก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ เมื่อลูซเข้ามาจูบปากเขาอย่างแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ริวใจสั่น

                “เสียตัวอะไรกันริวจัง เราสองคนมีแต่ได้กับได้นะ”

                “ฮะ!”คนตัวเล็กงงหนัก

                “ก็ริวจังได้ลูซ ลูซได้ริวจัง ริวจังอย่าเสียใจไปเลยน้า ควรจะมีความสุขสิ”

                ชายหนุ่มแทบจะยกมือมากุมขมับ เขาเหนื่อยใจและจนปัญหาเหลือเกิน เถียงกับลูซไปก็เหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องสักที อยากจะทำร้ายร่างกายภรรยาตัวใหญ่ให้เจ็บปวดเหมือนกับเขาบ้าง แต่ดูจากร่างกายและกำลังที่มีแล้ว บางทีคนที่จะเจ็บหนักอาจจะเป็นตัวเขาก็ได้

                “ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”

                “ทำไมล่ะริวจัง แต่ลูซอยากเห็นหน้าริวจังนะ”

                “นี่! นายจะทำตัวน่ารำคาญไปถึงไหน ฉันอยากอยู่คนเดียว”

                “ริวจังโกรธลูซเหรอ”

                ลูซไม่ต่างกับสุนัขที่หางลู่ หูตกเพราะโดนเจ้านายดุ ริวถอนหายใจ เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยเวลาที่ลูซทำหน้าเศร้า

                “เดี๋ยวตอนเย็นคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับมานี่ นายค่อยมาปลุกฉันแล้วกัน”

                “ริวจางง”

                ไม่ว่าลูซจะพยายามเรียกร้องความสนใจยังไง ริวก็ไม่คิดจะสน เขาเอนตัวนอนต่อ แต่ปลายนิ้วเรียวยาวก็สะกิดเข้าที่ต้นแขนของริว

                “ริวจัง…ลูซไปก็ได้ แต่ริวจังต้องกินข้าวต้มด้วยนะ เดี๋ยวปวดท้อง”

                “…”

                พอโดนสามีเมินใส่อย่างรุนแรง  คนเป็นภรรยาก็ได้แต่ทำตัวสลด บางทีเขาอาจจะรุกเข้าหาริวมากเกินไป สิ่งที่มากเกินไปก็คงจะไม่ดีนัก เขาไม่อยากให้ริวจังของเขาต้องสติแตกแล้วเกลียดเขา แค่ตื่นมา ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจจนน่ากลัวก็ทำให้ลูซรู้สึกมีความสุขมากแล้ว นั่นอาจจะเป็นเพราะริวเริ่มจะชินกับสัมผัสของลูซ

                …คิดถูกจริงๆ ที่เข้าประชิดตัวตั้งแต่กลับมาเจอกัน…

                ลูซเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล ชายหนุ่มเดินวนไปมาอยู่หน้าห้อง เพราะเป็นห่วงกลัวว่าริวจังที่เขารักสุดหัวใจจะเป็นอะไรไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้พุ่งเข้ามาช่วยได้ทันเวลา

                ทางด้านริว เมื่อลูซออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็ยันกายลุกนั่ง ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ถ้วยข้าวต้ม ความหิวประท้วงจนอดใจไม่ไหวลงมือทานข้าวต้มปลาที่ลูซเป็นคนทำ

                “อร่อย”

                เขาพูดออกมาจากใจจริง โชคดีที่ลูซไม่ได้อยู่ในห้อง ชายหนุ่มหายใจอย่างโล่งอก ที่ลูซไม่ได้นั่งอยู่ด้วย แต่ในความจริง ลูซเองก็แอบแง้มประตูมามอง แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข

               

-------+++++--------

 

                ริวจัดการตัวเองในห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วน ภายในร่างกายบรรจุไปด้วยน้ำรักที่ลูซปล่อยเอาไว้ เขารู้สึกรังเกียจขึ้นมา ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ถึงแม้จะรู้สึกแย่ยังไง แต่เขาก็ต้องพยายามล้วงเอาของเหลวแปลกปลอมออกมาจากร่างกายให้หมดให้ได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงรู้สึกแย่ไม่มีที่สิ้นสุด

                เรื่องเมื่อคืนไม่ต่างกับฝันร้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง ในตอนแรกเขาโกรธจนแทบบ้า จนกระทั่งมานอนคิดย้อนกลับ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพราะตัวเขาโง่เองที่หลงเชื่อน้ำตากับท่าทางมารยาที่ลูซแสดงออก

                เจ็บใจนัก…           

                ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาแพ้น้ำตากะเทยตัวใหญ่ ที่ไม่ใช่ผู้หญิง ถึงแม้ลูซจะหน้าสวยมากแค่ไหน แต่ยังไงก็คือผู้ชาย เขายังคิดวิธีกำจัดลูซไม่ได้เลย

                “เฮ้อ”

                ริวออกมาจากห้อง หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สีหน้าที่ดูอิดโรยก็ดีขึ้นมา พอเปิดประตูก็เจอโจทย์เดิมที่ยืนยิ้มร่า

                “ดีจัง ริวจังออกจากห้องแล้ว”

                “นายคิดว่าฉันอยากจะอยู่ในห้องจนตายเลยหรือไง แล้วคุณพ่อคุณแม่กลับมาหรือยัง”

                “กลับมาแล้วล่ะริวจัง เดี๋ยวลงไปข้างล่างกันนะ ริวจังเดินไหวไหม ให้ลูซอุ้มไหม”

                ขืนให้ภรรยามาอุ้มสามีต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย มีหวังเขาคงได้โดนคนรับใช้ในบ้านมองด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่คนอย่างลูซก็ไม่เคยจะสนใจ เขาช้อนตัวริวขึ้น ชายหนุ่มเกาะไหล่ของภรรยาไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวตก

                “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเจ้าบ้า”

                “ปล่อยไม่ได้หรอก ริวจังเจ็บอยู่ ลูซเป็นภรรยา ลูซต้องดูแลริวจัง”

                “เจ้าบ้า ถ้านายไม่ปล่อย ฉันจะบีบคอนายให้ตายเลย!”

                ไม่พูดเปล่า แต่ริวก็เลื่อนมือไปบีบคอของลูซอย่างรวดเร็ว ลูซหายใจไม่ออก เผลอปล่อยริวจนตกลงมาดังตุบ

                “โอ้ย เจ้าบ้า จะปล่อยทำไมไม่บอก”

                “ริวจัง ลูซขอโทษ ริวจังเจ็บมากไหม”

                พอได้ยินสามีโวยวาย ลูซก็รีบลงไปช่วยประคองริว ชายหนุ่มมองภรรยาตัวโตอย่างโกรธเคือง ลูซได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

                “เดี๋ยวลูซประคองนะ ลูซขอโทษ”

                “พอเลย ฉันเบื่อจะฟังคำขอโทษของนายแล้ว!”

                ลูซยู่ปาก แต่ริวก็ยอมให้ภรรยาประคองเดินลงบันได เพราะสภาพเขาตอนนี้ คงจะเดินเองได้ยากลำบาก

                “ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น”

                น้ำเพชรตกใจเมื่อเห็นลูกเขยมีสภาพที่ย่ำแย่ ลูซจึงเอ่ยอธิบาย

                “ริวจังไม่สบาย ลูซเลยช่วยดูแลริวจัง”

                “ตายจริง ดูแลริวดีๆนะลูก”

                “ไม่ต้องห่วงฮะ”

                เขาพร้อมที่จะเป็นภรรยาดูแลสามีอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มประคองริวให้ไปนั่งบนเก้าอี้ เพื่อทานมื้อเย็นร่วมกับครอบครัว บทสนทนาเริ่มต้นอีกครั้ง

                “แล้วคิดกันออกหรือยังจ๊ะ ว่าอยากไปไหน แม่กับพ่อจะได้ไปจองตั๋วให้”

                “เอ่อ คือ”

                ริวมีท่าทางที่กระอักกระอ่วน เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่กับลูซ มันทั้งอึดอัดแล้วก็ยังรู้สึกแปลกๆ ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นจากความเมา แล้วจำไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ๆก็คือ เขาได้มีอะไรกับลูซไปแล้ว แถมยังหลงเหลือความรู้สึกสุดยอดเอาไว้  มันสุดยอดมากกว่าทำกับผู้หญิง แต่ริวก็พยายามขับไล่ความรู้สึกนั้นออก เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเบี่ยงเบน ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีที่สุด…ดีกว่าผู้ชายด้วยกัน ที่เขารู้สึกดีสุดๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเขากำลังเมา

                “เดี๋ยวลูซกับริวจัง จะตกลงกันคืนนี้”

                ลูซเป็นคนเอ่ยปิดท้าย ริวไม่ตอบอะไรอีก เพราะอย่างน้อย สิ่งที่ลูซบอกก็ช่วยชีวิตเขาได้มาก เมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไป ทั้งคู่จึงเดินขึ้นห้อง ลูซปิดประตูห้อง

                “ริวจัง คืนนี้ให้ลูซนอนด้วยน้า น้า น้า”

                “ไม่ ฉันอยากนอนคนเดียว”

                ผ้าปูเตียงในห้อง ลูซได้ให้แม่บ้านขึ้นมาเปลี่ยนให้แล้ว ในระหว่างที่ทั้งสองลงไปทานมื้อเย็น ซึ่งนั่นก็ทำให้ริวรู้สึกดีขึ้นมา เพราะเขาไม่อยากจะนอนอยู่บนเตียงที่สกปรก

                “น้าๆ ริวจัง ให้ลูซนอนด้วยน้า เราเป็นสามีภรรยากัน ทำไมนอนด้วยกันไม่ได้ล่ะ”

                “ฉันยังไม่เคยยอมรับนายว่าเป็นภรรยา”

                “แต่เราแต่งงานกันแล้วนะ ทางพฤตินัย เราก็เป็นของกันและกันแล้วด้วย”

                ตอบไปก็บิดตัวไป อย่างกับคนเขินอาย ริวได้แต่เบือนหน้าหนี อย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง

                “ที่ของนายคือโซฟา”

                “ริวจัง ถ้านอนโซฟาแล้วจะปวดหลังมากๆเลยน้า ให้ลูซนอนด้วยเถอะน้า”

                ลูซเข้ามาโอบกอด ริวพยายามดิ้น แล้วแกะมือปลาหมึกให้หลุดออกจากร่าง

                “ถ้านายไม่นอน งั้นฉันไปนอนเอง”

                “ง่ะ”

                “แล้วถ้าคิดจะตามมาหาฉันที่โซฟาอีก ฉันจะไปนอนที่อื่น ฉันก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน”

                ริวเองก็ยังแปลกใจเลยว่าเขาทนมาขนาดนี้ได้อย่างไร ลูซยู่ปากเล็กน้อย คอตกแล้วจับชายเสื้อของสามี

                “ก็ได้ริวจัง ริวจังนอนที่เตียงเถอะนะ ลูซจะนอนโซฟาเอง ลูซไม่อยากให้ริวจังปวดหลัง”

                เพียงครู่ที่ใจของริวกระตุกแรง เขามองภรรยาตัวสูงที่เดินไปนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาเหมือนจะร้องไห้ แต่เขาต้องพยายามใจแข็ง ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบเมื่อคืนอีก

                “เรื่องฮันนีมูน เป็นอันยกเลิก”

                “เอ๋!!”

                “ฉันไม่อยากไปฮันนีมูนกับนาย เข้าใจหรือยัง”

                “ไม่ได้นะริวจัง คืนน้ำผึ้งพระจันทร์เชียวนะ เราแต่งงานกันแล้วก็ต้องไปสิ”

                ลูซกอดเข้าที่เอวเล็ก ริวพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า พลางแกะแขนใหญ่ให้หลุดออกจากตัว

                “ปล่อยสิ”

                “นะริวจัง ไปฮันนีมูนกันนะ”

                “ไม่!!!”

                “ง่า… น้า ลูซอยากมีความสุขกับริวจัง นะริวจัง น้าๆ น้าๆ”

                ใบหน้าสวยเริ่มถูไถไปกับเอวเล็ก ริวกลืนน้ำลายลงคือ เขาเม้มปากแน่น อย่างคิดไม่ตก

                “นะ…นะริวจัง หรือริวจังจะขัดความต้องการของคุณแม่ ริวอยากให้ลูซร้องไห้ ริวจังอย่าใจร้ายกับลูซเลยน้า”

                ใจเขากระตุกแรง เมื่อลูซช้อนสายตาขึ้นมามองอย่างออดอ้อน พร้อมกับกระชับอ้อมกอด แถมยังจับมือเขาไปจูบ ริมฝีปากสวยเผลอเอ่ยออกไปโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ         

                “กะ ก็ได้”

                “เย้! ลูซรักริวจังที่สุดเลย ริวจังของลูซใจดีที่สุด”

                ว่าพลางกอดให้แน่น แล้วเขย่งตัวไปจูบแก้มริวซ้ำๆ ทั้งที่ควรรู้สึกรังเกียจจนขนลุก แต่ร่างกายกลับไม่ใช่อย่างนั้น รวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้น ริวก็ไม่ได้คิดจะยอมให้ลูซได้ทำตามใจง่ายๆ

                “ไปแค่โรงแรมพอนะ”

                “ไปทะเลไม่ได้เหรอ จะได้ว่ายน้ำด้วยกันไงริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มร่า แต่พอเห็นใบหน้าที่บูดบึ้ง เขาก็หุบยิ้มทันที

                “แค่โรงแรมก็ได้เนอะ แค่ริวจังยอมไปฮันนีมูนกับลูซ ลูซก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว”

                “เฮ้อ ปล่อยสักที ฉันอึดอัด”

                ริวทำท่าไม่สนใจ ลูซยอมปล่อยแต่โดยดี เพราะอย่างไรเสียความสัมพันธ์ระหว่างเขากับริวจังก็พัฒนาได้แนบชิดเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ชายหนุ่มนั่งอมยิ้มตรงโซฟาอย่างมีความสุข ในขณะที่ริวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโหลดเกมเล่น เพื่อหาบางสิ่งทำคร่าเวลา ดีกว่าปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่าน

                …เขาจะต้องลืมให้หมด ลืมว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเมื่อไหร่ที่เลิกกับเจ้ากะเทยลามกนี้ไปได้ เขาก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม…

                เมื่อเลือกที่จะลืมความอับอาย เขาก็ต้องทำให้ได้ เขาเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีก ชายหนุ่มยังคงระแวงว่าลูซจะเข้ามาล่วงเกินเขาแต่เมื่อเห็นลูซเอนตัวนอนแล้ว เขาเลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ริวเลือกที่จะรอให้ลูซหลับไปเสียก่อน เขาจึงค่อยเดินไปปิดไฟแล้วกลับมานอนทีเตียงตัวเอง



100%



แจ้งข่าวการรวมเล่ม สะใภ้ขายาว ค่ะ

อากิจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้ ประมาณกลางเดือน สิงหาคม

ราคาหนังสือจะอยู่ที่ประมาณ 350-390 บาทไม่รวมส่ง

รายละเอียดเพิ่มเติมจะมาแจ้งอีกทีเมื่อใกล้พรีค่ะ



ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

 

 

 

 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารริวเหมือนกันนะ. ชีวิตงงได้อีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สงสารคุณภรรยา  โดนคุณสามีเมินใส่

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อย่าทำร้ายภรรยาสิคะคุณสามี :mew6: :o8:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
«ตอบ #82 เมื่อ05-08-2016 19:59:09 »

17

ฮันนีมูน

 

 

                หลังจากที่ผ่านคืนอันโหดร้ายปนสุขสมในความทรงจำมา ลูซก็ไม่ได้เข้ามาทำเรื่องแบบนั้นอีก ทำให้ริวพอจะไว้วางใจเมื่อพวกเขาทั้งสองคนจะต้องไปฮันนีมูนกัน ทั้งมารดาและบิดาของลูซนั้นได้เดินทางกลับไปที่ต่างประเทศแล้ว ดังนั้น เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับมาจากฮันนีมูน ริวและลูซจะต้องย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของริว

                “ดีจังเลยเนอะริวจัง ที่นี่ดูเป็นที่ฮันนีมูนที่ดีเนอะ”

                ท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุทำให้ริวต้องเบ้หน้า ลูซหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เขาวาดฝันว่าจะไปเที่ยวกับคนรัก รอให้ริวได้เปิดใจให้เขาเสียก่อนแล้วพวกเขาทั้งสองจะไปเที่ยวกันให้หนำใจ ถ้าเป็นไปได้ก็จะพาริวจังไปเที่ยวให้รอบโลกเลยทีเดียว

                “อย่ากระดี๊กระด๊าให้มันมากนักเลย”

                ริวเริ่มทำใจไม่ได้ แค่ต้องเดินมากับผู้ชายร่างใหญ่ แถมยังอยู่ในตำแหน่งของภรรยา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเครียด ที่โรงแรมแห่งนี้ มีคู่รักแต่งงานหลายคู่มาเปิดจองห้อง แต่ส่วนใหญ่ก็คือภรรยาเป็นหญิงและสามีเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เพศเดียวกันทั้งคู่แบบเขา

                “หวังว่านายจะชอบที่นี่”

                “ครับ ผมชอบมากๆเลย”

                เสียงสนทนาที่ฟังดูยังไงก็คือผู้ชาย ทำให้ริวหันขวับไปมอง เขาก็เห็นผู้ชายหน้าตาดีผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งสองคนกำลังเดินจับมือกัน

                …เดี๋ยวนี้คู่รักเกย์แต่งงานแล้วมาฮันนีมูนกันเลยเหรอ…

                ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุกขึ้นมา แต่ทว่ามือใหญ่ที่จับเข้าที่มือเขาก็ทำให้ริวสะดุ้งเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงความจริงที่ว่า เขาเองก็แต่งงานกับผู้ชายเหมือนกัน แถมยังเป็นผู้ชายที่บ้าๆบอๆอีกต่างหาก

                “ดีจังเลยเนอะริวจัง คู่รักแต่งงานเยอะเลย”

                “มันก็โรงแรมธรรมดา ไม่ได้มีแค่คู่แต่งงานสักหน่อย”

                “เรื่องนั้น ลูซรู้อยู่แล้วล่ะ แต่อย่างน้อยพวกเราก็คือคู่แต่งงานไง คิคิ”

                ริวได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งคู่เดินขึ้นไปยังห้องพัก เพื่อนำเสื้อผ้าที่นำมาไปเก็บไว้ในห้อง ริวหยิบเงินให้เป็นรางวัลแก่เด็กที่ยกกระเป๋าขึ้นมาให้

                “ริวจังใจดีจังเลย ลูซขอรางวัลด้วยได้ไหม ตอนลงจากรถ ลูซก็ช่วยถือลงมาน้า”

                เอ่ยจบก็อมลมจนแก้มพอง หวังให้สามีหอมแก้ม ริวกรอกตาไปมา แล้วฟาดมือแรงๆลงที่แก้มนั้นด้วยความหมั่นไส้จนดังบ๊อก

                “ง่ะ”

                เขาแอบขำขันกับเสียงที่ได้ยินและท่าทางเหมือนเด็กงอนของลูซ แต่ก็เพียงแค่ครู่เท่านั้น เขาไม่อยากให้ลูซเห็นว่าเขาอารมณ์ดีเพราะเจ้าตัว ไม่อย่างนั้นคงจะเหลิงกันไปใหญ่

                ภายในห้องถูกตกแต่งไว้อย่างโรแมนติก บนเตียงนอนสีขาวสะอาด โปรยไปด้วยกลีบดอกกุหลาบจนเป็นรูปหัวใจ ผ้าห่มบนเตียงถูกพับขึ้นจนดูเป็นรูปนกสองตัวกำลังจุมพิตกัน ลูซมองด้วยสายตาที่ปลื้มปริ่ม คืนนี้คงเป็นคืนน้ำผึ้งพระจันทร์ที่สุดยอดแน่ๆ

                “ริวจัง ดูสิ โรแมนติกจังเลยเนอะ”

                ริวทำไม่เป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้งที่จริงเขาก็รู้สึกเขิน เมื่อได้เข้ามาในห้องนี้ มารดาของเขาเป็นคนจองห้องให้

                “เดี๋ยวลูซช่วยจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้น้า”

                ด้วยความที่แต่งเข้ามาเป็นภรรยา หน้าที่ของเขาคือต้องทำทุกอย่างเพื่อปรนนิบัติสามี ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ริวก็รับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ เขาเหมือนได้ภรรยาที่แสนดีเข้ามาในชีวิต เว้นเสียแต่สิ่งที่รับไม่ได้อย่างเป็นที่สุดก็คงเป็นที่ภรรยาเขาไม่ใช่ผู้หญิงเพราะภรรยาของเขาดันเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นตัวสูงใหญ่อีกหาก แต่ก็มีดีตรงใบหน้าที่สวยราวกับนางฟ้า

                ริวพยายามไล่ความคิดเหล่านั้นออก นี่เขาเหมือนกำลังชื่นชมภรรยาที่เขาไม่ต้องการ เขาไม่อยากจะให้ตัวเองต้องเผลอหลงใหลไปกับเสน่ห์อันน่าสะพรึงของลูซ ทั้งที่เมื่อก่อนก็พยายามหนี พยายามถอยห่าง แต่พอโดนตามติดเอามากๆ กลายเป็นว่าเป็นเรื่องเคยชินและไม่รู้สึกแปลกไปเสียอย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่ริวเริ่มกลัวตัวเอง เขาคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผู้ชายด้วยกัน

                …เขาจะไม่มีวันนอนกับผู้ชายด้วยกันอีกเป็นครั้งที่สอง…จะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองให้จงได้…

                “ริวจัง ลูซเก็บเสื้อผ้าให้ริวจังหมดแล้วนะ”

                ภรรยาคนสวยหันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากปิดประตูเสื้อผ้า ริวขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นกระเป๋าผ้าใบเล็กที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางของลูซ

                “นั่นกระเป๋าอะไร”

                ลางสังหรณ์บางอย่าทำให้ริวถามออกไปอย่างหวาดระแวง ลูซหัวเราะในลำคอแล้วยิ้มหวาน

                “ของนำโชคน่ะริวจัง”

                “นำโชค นำโชคยังไง”

                สัญญาณเตือนภัย ทำให้ริวรีบลุกเข้าไปใกล้ ลูซไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงได้แต่จ้องภรรยาอย่างไม่ละสายตา

                “นี่ไงริวจัง คิคิ”

                ไม่ต้องรอให้สามีถามอีกรอบ เขาก็หยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าออกมา สิ่งที่เห็นทำให้ริวเบิกตากว้าง

                “นะ นี่มัน”

                อุปกรณ์ที่ดูคล้ายกระป๋องน้ำขนาดพอดีมือ ทำให้ริวอึ้งไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก ถึง

จะเคยได้มีเซ็กกับผู้หญิง เคยได้สอดใส่กับของจริง แต่ริวเองก็ไม่เคยใช้กับของปลอม ที่มักถูกเรียกว่า ‘จิ๋มกระป๋อง’ แบบนี้

                “นาย…นายเอาของแบบนี้มาทำไม!”

                “ลูซก็แค่เป็นภรรยาที่แสนดี เตรียมของเล่นไว้ให้ริวจังเยอะๆ นอกจากนี้ ยังมีโลชั่นอีกนะ ริวจังอยากได้อะไร ก็บอกลูซได้เลย เดี๋ยวลูซสั่งทางเน็ตให้”

                คนฟังได้แต่หน้าแดงก่ำ ในขณะที่ลูซพูดต่อไปเรื่อยๆอย่างมีความสุข เขาอธิบายนั่นโน่นนี่จนริวทนไม่ไหว

                “เอาไปทิ้งให้หมดเลยนะเจ้าบ้า!”

                ชายหนุ่มเอ่ยใส่อย่างหมดความอดทน ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ลูซหุบยิ้มทันที แต่แล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง รีบออกจากห้อง เดินตามสามี

                “ริวจัง รอลูซด้วยสิ เราไปว่ายน้ำกันนะริวจัง เดี๋ยวลูซไปเตรียมชุดให้ ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย ถ้าเราไปทะเลด้วยกัน คงได้ไปว่ายน้ำที่ทะเลแล้วเนอะ แต่ว่ายที่นี่ก็ได้ เนอะริวจัง เนอะๆๆ”

                เมื่อเดินมาทัน เขาก็พูดไม่หยุด ริวหยุดเดิน หันมามองลูซ

                “พูดจบหรือยัง”

                “จบแล้วริวจัง”

                “งั้นจะไปไหนก็ไปเลยไป ฉันอยากไปเดินเล่นคนเดียว”

                “แต่เราสองคนมาฮันนีมูนกันนะริวจัง จะให้เดินคนเดียว ใจร้ายจังเลย”

                “เดี๋ยวตอนเย็น ฉันกับนายก็มาเจอกันไม่ใช่หรือไง”

                “ง่า…”ลูซทำท่าจะเบะปาก ริวถอนหายใจ

                “นี่ ให้ฉันมีเวลาส่วนตัวบ้างได้ไหม”

                “งั้นเย็นนี้ ริวจังต้องไปเล่นน้ำกับลูซด้วยน้า น้า น้า”

                พอโดนอ้อนเอามากๆ ชายหนุ่มก็เผลอพยักหน้าใส่เหมือนทำให้ปัญหามันจบ แค่นั้นลูซก็คลี่ยิ้มร่าแล้วกดหอมแก้มอย่างสุขใจ เขาไม่ได้เดินตามติดริวจนเป็นเงาเหมือนเคย

ปล่อยให้สามีได้เดินเล่นในโรงแรมตามที่ต้องการ

                ริวเดินตรงมาที่ลิฟต์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังออกมาจากลิฟต์อีกตัว เขาแค่รู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก

                เขาเดินเล่นไปตามจุดต่างๆในโรงแรม มีทั้งส่วนที่บริการสปา และบริเวณที่เป็นร้านค้าที่เปิดในโรงแรมไว้บริการลูกค้า

                [ริวจัง อยู่ไหนเหรอ]

                แม้จะเห็นรายชื่อคนที่โทรมาแล้วริวรู้สึกไม่อยากจะรับโทรศัพท์ แต่เขาก็ต้องกดรับสายจนได้ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปสักคำ ลูซก็พูดแทรกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                “ฉันอยู่ตรงร้านขายแว่นตา”

                [งั้นเดี๋ยวลูซไปหาน้า]

                ไม่ต้องรอให้ตอบรับ ลูซก็รีบกดวางสาย ริวเดินไปหยุดนั่งรอที่เก้าอี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้คิดจะนั่งรอลูซ ที่จริงควรจะเดินหนีไปที่ไหนสักแห่ง แต่ถ้าทำอย่างนั้น อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังก็เป็นได้

                “ริว”

                ไม่ใช่เสียงของลูซที่ทัก เขาหันไปมองตามเสียง แล้วดวงตาทั้งคู่ก็ต้องเบิกกว้าง

                “ดา”

                ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนอื่นไกล เขาเคยเดทกับเธออยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะบินไปติดต่อเรื่องงานที่ต่างประเทศ

                “ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอริวที่นี่”

                ธิดา หญิงสาวตัวเล็กน่ารัก ใบหน้าเธอสวยคมอย่างหญิงไทย ทุกอย่างบนร่างสมส่วน ได้มาตามธรรมชาติ เธอเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว ไม่เคยที่จะมีอะไรกัน ทำให้ริวค่อนข้างจะประทับใจในตัวเธอ ที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายและดูเป็นคนที่น่าค้นหา

                “เอ่อ แล้วดากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “ก็เพิ่งมาถึงไม่กี่วันนี่ล่ะ อยากมาพักที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน”

                “แปลกจังเลยนะ ปกติ เวลาไปไหนไกลๆ ก็ต้องอยากกลับบ้านกันทั้งนั้น”

                “แต่คงไม่ใช่สำหรับดาหรอก ว่าแต่…แล้วริวมาพักที่โรงแรมเพราะเรื่องงานเหรอ”

                เธอถามยิ้มๆ ริวนิ่งไป เพราะไม่กล้าตอบว่าเขามาพักที่โรงแรมเพราะมาฮันนีมูน

                “ริวจังงง”

                ลูซหยุดแทบไม่ทัน เมื่อเห็นริวยืนอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้า แถมยังสวยเสียจนลูซรู้สึกเคืองขึ้นมา ถึงเขาจะสวยกว่า แต่เรื่องรูปร่าง ผู้หญิงตรงหน้าเขาอาจจะได้เปรียบ ลูซเดินตรงไปหาริว

                “ริวจัง เพื่อนริวจังเหรอ”

                ธิดายิ้ม แล้วหันไปทักทายลูซ เธอยื่นมือออกไป เพราะดูยังไง ลูซก็เป็นคนต่างชาติ

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เรียกว่าดาก็ได้ค่ะ ดาเคยคบกับริวมาก่อน เอ่อ คุณเป็นเพื่อนของริวเหรอคะ”

                ลูซขมวดคิ้วฉับทันที ไม่ยอมจับมือ เขาหันขวับไปมองหน้าริว ภรรยาคนสวยเตรียมตัวจะอ้าปากบอกว่าเขาคือภรรยา แต่ริวก็รีบยกมือปิดปากลูซเอาไว้อย่างรวดเร็ว

                “ลูซ ลูกของรุ่นน้องคุณแม่น่ะ อยากจะมาเที่ยว ก็เลยพามาพักที่โรงแรม”

                “อ๋อ…เข้าใจแล้วล่ะ งั้นดาขอตัวก่อนเลยก็แล้วกันนะคะ”

                เธอรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก เลยขอตัวไปก่อน ลูซดิ้นไปมา เมื่อธิดาเดินห่างไปสักพัก ลูซถึงหันมาต่อว่าสามี

                “นี่มันอะไรกันริวจัง ทำไมแนะนำลูซแบบนั้น”

                “แล้วฉันไปโกหกตรงไหน นายก็เป็นลูกของคุณน้าน้ำเพชร ฉันพูดอะไรผิดไม่ทราบ”

                “ชิ”

                ลูซสะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆ เพราะเขาคาดหวังว่าริวจังของเขาควรจะแนะนำว่าเขาคือภรรยาที่แสนดีต่างหาก ริวส่ายหน้าน้อยๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

                “จะไปเล่นน้ำไหม ถ้าไม่ไป ฉันจะขึ้นห้อง”

                “ไปสิไป”

                เพราะกลัวว่าสามีจะเปลี่ยนใจ ลูซถึงได้รีบตอบทันที เขารีบเข้าไปควงแขนเล็กของสามี แล้วแสดงความเป็นเจ้าของทั้งทางสีหน้าและท่าทาง ริวอยากจะสะบัดลูซให้ออกห่าง แต่ก็อยากเหลือเกินเพราะลูซเกาะแน่นราวกับเป็นปลิง

                ทั้งคู่ไปเปลี่ยนชุดก่อนที่จะมาลงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีแขกหลายคนที่เลือกจะมาเล่นน้ำในยามเย็นก่อนขึ้นไปทานมื้อค่ำ

                ตู้ม!

                ลูซกระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว พลางกวักมือเรียกริวให้ลงมาด้วย ชายหนุ่มยังคงนั่งจิบน้ำส้มอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบตัวยาว

                “ลงมาเล่นด้วยกันสิริวจัง”

                “นายอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ”

                เขาทำเมินไปทางอื่น ลูซยิ้มกริ่ม แล้วขยับกายไปติดขอบสระ

                “ไม่เอา ริวจังลงมาเล่นกับลูซน้า ลูซเล่นคนเดียวแล้วเหงา”

                เสียงของลูซไม่ใช่เบาๆ ริวหันซ้ายหันขวา เพราะเริ่มมีหลายคนหันมาสนใจพวกเขา และนั่นเป็นสิ่งที่ริวไม่อยากให้เกิดขึ้น ชายหนุ่มรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาลูซ แล้วพูดเสียงดังไม่มากนัก

                “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เล่น นายอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ แล้วก็อย่าเสียงดังอีก เข้าใจไหม”

                ลูซทำหน้ายู่ทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากสามี แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาที่ริวจะยืนขึ้นเพื่อหมุนกายเดินกลับ ลูซก็รีบเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กแล้วกระชากตัวริวลงมา

                ตูม!!

                เสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจในลำคอดังขึ้น ริวตกลงมาในน้ำโดยที่ไม่ทันได้เตรียมใจ เขายกมือลูบหน้าตัวเองแล้วมองลูซตาขวาง

                “นี่นาย…”

                “ง้า ลูซก็แค่อยากเล่นน้ำกับริวจังเท่านั้นเองน้า”

                “ตายซะเถอะ!”

                กายเล็กพุ่งจะเข้าไปทำร้ายลูซ แต่ลูซก็ไวกว่ารีบว่ายน้ำหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ริวกัดฟันกรอดๆ เขาไม่คิดจะยอมแพ้ รีบว่ายน้ำตาม

                “ตามให้ทันสิริวจัง”

                ดูเหมือนว่าลูซจะเริ่มสนุกที่ได้ว่ายหนีมากกว่าหวาดกลัว แต่คนที่คับแค้นใจก็ยิ่งเคืองหนักขึ้นไปอีก เขารีบว่ายตามลูซอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องจับลูซมาสำเร็จโทษให้ได้

                “อ๊ะ”

                ริวหยุดชะงัก เมื่อว่ายไปถึงจุดหนึ่ง แล้วพบกับใครบางคน

                “ดา”

                “อ้าว ริว ไม่คิดว่าจะมาเล่นน้ำด้วยนะ”

                เธอค่อยก้าวลงมาในสระอย่างช้าๆ ริวยิ้มอย่างเก้อเขิน รูปร่างของธิดางดงามเหมือนเทพธิดาสมชื่อ ในขณะที่ลูซกำลังว่ายอย่างสนุกสนาน เขาก็รู้สึกแปลกไปที่อยู่ๆ ริวจังของเขาก็หยุดไล่ล่าเขา พอหันกลับไป เจ้าตัวก็ขมวดคิ้วฉับทันที

                “ริวมาเล่นน้ำคนเดียวเหรอ”

                “อ่า”

                “ริวจางงง”

                เสียงนั้นไม่ใช่คนอื่นไกล ลูซรีบว่ายกลับมาหาสามีของตัวเอง ชายหนุ่มมายืนประชิด จนแผ่นอกกว้างสัมผัสกับไหล่เล็ก ริวพยายามขยับตัวออกห่าง

                “นายจะไปไหนก็ไปไป๊ น่ารำคาญจริง”

                “แต่ลูซอยากเล่นน้ำกับริวจังนี่นา”

                คนตัวโตทำหน้าหงอย แต่ริวทำเป็นไม่สนใจ แล้วคุยกับธิดาต่อ

                “แล้วดามาเล่นน้ำคนเดียวเหรอ”

                “อืม แล้วคิดว่าดาจะมากับใครล่ะ”

                เธอตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มสวย ลูซรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง เขาอยากจะพาริวจังให้ขึ้นจากสระ เขาไม่อยากให้คนรักของเขาต้องคุยกับสาวสวยที่เป็นอดีตแฟนเก่านานกว่านี้

                “ริวจัง กลับห้องกันเถอะ”

                “อะไรกัน นายอยากจะเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ ก็เล่นไปสิ”

                ลูซหน้างอ แต่ดูเหมือนว่าริวจะไม่สนใจ เขาหลบไปคุยกับธิดาเพียงแค่สองคน แต่ลูซไม่ยอมง่ายๆ เพราะริวจังเป็นของเขาคนเดียว

                “ริวจัง ให้ลูซอยู่ด้วยสิ”

                ริวชักสีหน้าไม่พอใจทันที เขาไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าเขาแต่งงานแล้ว แถมยังแต่งกับเจ้ากะเทยตัวใหญ่

                “ไปห่างๆเลยไป”

                “ไม่เป็นไรหรอกนะริว เล่นน้ำหลายๆคนสนุกดีออก”

                เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งไปให้ลูซ ลูซเองก็ยิ้มเสแสร้งกลับไป ในดวงตาเอาแต่จับจ้องริวจัง เพราะไม่อยากให้คลาดสายตา

                “ถ้านายบอกเธอเกี่ยวความสัมพันธ์ของเรา ทริปฮันนีมูนก็ถือว่ายกเลิกไปซะ”

                เพราะธิดาต่างจากผู้หญิงคนอื่น ริวเลยไม่อยากให้เธอมารับรู้ชะตากรรมที่น่าสมเพชของเขา ต่างจากลูซที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแย่และเจ็บปวด เพราะคิดว่าริวจังไม่เคยสนใจความรู้สึกของเขาเลย

                แม้จะอยู่กันสามคนแต่ดูเหมือนว่า ลูซจะกลายเป็นส่วนเกิน เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ริวก็ทำเมิน แม้ธิดาจะพยายามคุยด้วยกับเขา เขาก็ไม่ได้อยากจะคุยด้วยสักเท่าไหร่ แต่ก็ตอบกลับเธอไป เพราะไม่อยากให้ริวจังไม่สบายใจและเกลียดที่เขาไปหาเรื่องแฟนเก่าในอดีต

                …เขาคือภรรยาตัวจริง เป็นคนในปัจจุบัน ทำไมเขาต้องไปกลัวกับคนในอดีตด้วย…

                เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงก็เชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ เขาแสยะยิ้ม แล้วจ้องมองธิดาอย่างคิดใคร่ครวญ ธิดาดูแตกต่างจากผู้หญิงคนก่อนที่ลูซเผชิญ เขาคิดว่าเธอน่าจะฉลาด แต่เรื่องที่ยังคิดเกินเลยกับริวจังอยู่หรือไม่นั้น ลูซก็ยังไม่อาจจะตอบได้ เพราะอ่านสายตาของเธอไม่ออก

                เมื่อเล่นน้ำจนรู้สึกพอใจแล้ว ทั้งสามก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง โดยที่ลูซกับริว เป็นฝ่ายกลับขึ้นห้องมาก่อน

                “ริวจังจะไปไหน”

                “ฉันจะไปเดินเล่นสักหน่อย นายไม่ต้องตามมาหรอก”

                “ทำไมล่ะ ให้ลูซไปด้วยไม่ได้เหรอ”

                “นายเฝ้าห้องไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็จะเอาอาหารขึ้นมาเสิร์ฟให้ไม่ใช่หรือไง”

                “แต่ว่า”

                ลูซอยากจะแย้ง แต่พอเห็นสายตาของริว เขาก็เงียบไป ฮันนีมูนมีโอกาสล่มได้ ถ้าเขาไปขัดใจริวเอามากๆ ถึงยังไง แค่ริวจังยอมมาด้วยก็ถือว่าดีมากแล้วหลังจากผ่านคืนสานสัมพันธ์ของพวกเขาไป แต่ถึงยังไง เขาก็เป็นภรรยาของริว

                เมื่อสามีออกจากห้องไปสักพัก พนักงานของโรงแรมก็นำอาหารมาเสิร์ฟพร้อมของให้กับเซอร์ไพรสสำหรับคู่รัก คือเค้กก้อนใหญ่และแชมเปญ

                ทั้งที่คิดว่าตัวเองควรจะมีความสุขที่ได้มาฉลองฮันนีมูนกับคนรักแต่ลูซกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ

                ชายหนุ่มเดินกระวนกระวายแทบจะรอบห้อง เขายังไม่ได้จุดเทียน ยังไม่ได้ลงมือทานอาหารแม้แต่คำเดียว

                “ทำไมริวจังยังไม่กลับ”

                เขาไม่รู้ว่าสามีสุดหล่อของเขาไปเดินเล่นถึงที่ไหน ทำไมถึงได้กลับห้องมาช้านัก แต่นั่นก็ทำให้ลูซอยู่ไม่เป็นสุข

                ในตอนแรกเขาตั้งใจจะรอให้ริวกลับมาเอง แต่ตอนนี้เขาทนรอไม่ไหวแล้ว ยังไงเขาก็ต้องไปตามหาคนรักของเขา

                …เขาต้องรู้ให้ได้ว่าริวจังของเขาไปอยู่ไหน…

                ในสมองคิดไปต่างๆนานา ว่าคนรักของตัวเองอาจจะเจอกับอันตรายก็เป็นได้ ชายหนุ่มเป็นห่วงจนรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งลงไปถึงชั้นล่างของโรงแรม เพราะคิดว่าริวน่าจะมาเดินเล่นแถวนี้

                แต่ทว่าดวงตาคมก็ต้องหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเดินไปหยุดบริเวณที่เป็นสวนด้านหลังของโรงแรม ใจของเขาบีบรัดแน่น เมื่อเห็นภาพที่แสนบาดตา

                ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดกันอย่างแนบแน่น ฝ่ายหญิงซบหน้ากับไหล่ของฝ่ายชาย ลูซไม่เห็นว่าริวจังแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เขาไม่อาจจะทนมองได้นาน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติตัวเอง

                …ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหน ลูซก็ไม่ยกให้ทั้งนั้น!...

                “ริวจัง!”

                เสียงเรียกของลูซ ทำให้ทั้งคู่ผละออกอย่างรวดเร็ว ลูซทำทีว่าเพิ่งเดินมาถึง และไม่เห็นภาพบาดตาที่ผ่านมา ธิดายิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นลูซเหยียดยิ้มในขณะที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

                “นี่ริวจัง  อาหารมาแล้วนะ อย่ามัวมาเสียเวลาอยู่เลย เดี๋ยวจะอาหารจะเย็นไปหมดเสียก่อน”

                ริวรู้สึกอึดอัด กับสายตาและคำพูดที่ออกมา ธิดาเองก็รับรู้ได้ แต่ลูซไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายหนีไปก่อน เขาเข้ามาแนบชิดกับริวทางด้านหลัง ใบหน้าสวยก้มต่ำลง กระซิบบอกข้างๆ ใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ริวรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา

                “ทิ้งภรรยาไว้บนห้อง แล้วมาหาคนอื่น…เป็นสามีที่ใจร้ายจังเลยนะริวจัง”



100%

แจ้งข่าวจ้า

อากิจะเปิดพรีนิยายเรื่องนี้ วันที่ 10 สิงหาคม -10 กันยายน 2559

ราคาหนังสือ 380 บาท (ไม่รวมส่ง) ค่าส่งแบบลงทะเบียน 40 บาท ค่ะ

ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
«ตอบ #83 เมื่อ05-08-2016 21:27:35 »

ปรกติเราไม่ชอบลูชนะ แต่คราวนี้ริวทำตัวไม่น่ารักเลย

อยากคบผู้หญิงคนใหม่ ก็ควรจะจอให้เลิกกับลูชเสียก่อนซิ :m16:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
«ตอบ #84 เมื่อ05-08-2016 21:34:27 »

เราอยากเห็นริวเจ็บบ้างได้ไหม ไม่ใช่ให้ลูซเป็นฝ่ายตามตลอด เฮ้อ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
«ตอบ #85 เมื่อ05-08-2016 21:57:03 »

ปล้ำเลยลูซ หมั่นไส้ริวมาก :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
«ตอบ #86 เมื่อ05-08-2016 22:22:03 »

อยากเห็นริวจังง้อลูซมั่ง.  ริวทำตัวไม่น่ารักเลย.

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
18

ภรรยาที่แสนดี

 

 

                ริวเดินตามลูซเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง เขาไม่ค่อยเห็นลูซในสภาพที่นิ่งสงบ ไม่มีเสียงพูดรบกวนแบบนี้ ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังของลูซ เขาไม่เห็นว่าลูซทำหน้าอย่างไร และกำลังแสดงอารมณ์แบบไหนอยู่

                ตึง

                ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อถึงชั้นของห้องพักที่พวกเขาอยู่ ตั้งแต่แยกกับธิดา ท่าทางของลูซก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ริวเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะถาม เขาเอาแต่นิ่งเงียบจนกระทั่งถึงหน้าห้อง

                ทั้งคู่เดินเข้าไปหยุดอยู่ใจกลางห้อง ริวมองโต๊ะอาหารที่ตกแต่งไว้อย่างตั้งใจ ดูท่าทางแล้ว ลูซอาจจะมีส่วนช่วยในการตกแต่งสิ่งเหล่านี้ด้วย

                “อาหารมาเสิร์ฟนานแล้วเหรอ”         

                เขาเอ่ยขึ้นมา เพื่อขจัดความอึดอัด ลูซยังคงนิ่งเฉย ริวเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดต่อ

                “ฉันหิวแล้ว ฉันกินล่ะ”

                ริวหมุนกายจะไปนั่งที่เก้าอี้ แต่ทว่าแรงกอดรัดจากด้านหลังก็ทำให้เขายืนตัวเกร็ง แขนยาวโอบกอดเอวเล็กเอาไว้ พร้อมกับใบหน้าสวยที่วางเกยไหล่เล็ก

                “ลูซรักริวจัง”

                “อ่า…”ริวพูดไม่ออก

                “ลูซดีใจที่ได้แต่งงานกับริวจัง”

                “…”

                “ลูซมีความสุข”

                “…”

                “ริวจังมีความสุขเหมือนลูซใช่ไหม”

                คำถามนั้นเหมือนเต็มไปด้วยความปรารถนา น้ำเสียงของชายหนุ่มติดอยู่ที่ลำคอ ใจของเขาเต้นผิดจังหวะ แรงกระชับโอบกอดนั้นมากขึ้น แต่ริวกลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจจนอยากผลักไสออกอย่างรุนแรง

                …นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่…

                ลูซผละออกจากกายเล็ก ท่าทีเปลี่ยนไปยิ้มแย้มเหมือนเคย ริวมองลูซที่เริ่มจุดเทียนเพื่อเพิ่มบรรยากาศ เขาปิดไฟดวงใหญ่ในห้อง เปิดไว้เพียงตรงโคมไฟที่มุมห้องเพื่อให้บรรยากาศในห้องดูโรแมนติก

                “โรแมนติกจังเลยเนอะริวจัง”

                ว่าพลางประกบมือกัน ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ดูเหมือนคนมีความสุข ริวหย่อนกายนั่งลง หลังจากนั้น ลูซจึงมานั่งฝั่งตรงข้าม

                “มาดินเนอร์ใต้แสงเทียนแบบนี้ ดีจังเลยเนอะริวจัง”

                “รีบกินๆไปเถอะน่า”

                ริวพยายามตัดบท แต่ลูซก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ

                “อุตส่าห์มาฮันนีมูนกับริวจังทั้งที จะให้ไม่คุยกันเลยเหรอ แบบนี้ก็เงียบแย่เลยสิ”

                ภรรยาคนสวยพยายามชวนคุย ริววางมีดและส้อมลง เขาเงยหน้ามองลูซ

                “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว นายอย่าทำตัวน่ารำคาญนักเลย”

                “ริวจังจะบอกว่า ลูซมันน่ารำคาญมากงั้นเหรอ”

                ลูซเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่แววตากลับเริ่มเปลี่ยนไป

                ความอดทนของมนุษย์ทุกคนมีไม่เท่ากัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าริวจะว่า จะด่า หรือผลักไสลูซมากแค่ไหน แต่ภรรยาคนสวยเขาก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่ยิ้มแย้มอย่างใจดี แต่ครั้งนี้ริวกลับไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

                ความหึงหวงครุกรุ่นตั้งแต่ช่วงเวลายามเย็น ตั้งแต่เจอธิดาครั้งแรก และที่สระว่ายน้ำ แต่ที่จุดไฟชนวนความหึงให้ประทุอย่างรุนแรง คงไม่พ้นฉากพลอดรักที่ยังติดตาของลูซ

                …ตอนนี้ลูซคือภรรยาของริวจัง ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ลูซมีสิทธิ์ในตัวของริวจังทุกอย่าง…ริวจังจะไปมองคนอื่นนอกจากลูซไม่ได้!...               

                ริวมัวแต่ตัดชิ้นเนื้อสเต็กเข้าปากด้วยความหิว ไม่ทันได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาคิดแค่ว่าลูซคงรู้สึกตัวว่าทำให้เขารำคาญ ถึงได้เงียบไปไม่พูดจาใดๆ อีก

                ดวงตาคมสวยจับจ้องที่สามีเป็นระยะ จนกระทั่งริววางช้อนส้อมและมีดลง ใช้ผ้าเช็ดปาก แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม บ่งบอกว่าการทานอาหารคาวในมื้อนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ลูซจึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาเลื่อนเค้กก้อนโตมาตรงหน้าริว

                “กินเค้กกันนะริวจัง”

                ลูซตัดเค้กแล้วใส่จานส่งให้กับริว ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ

                “ฉันอิ่มแล้ว”

                ว่าพลางลุกจากเก้าอี้ แค่นั่งทานข้าวด้วยกันใต้แสงเทียน ริวก็รู้สึกว่ามันแปลกมากแล้วระหว่างผู้ชายด้วยกัน เขารู้สึกกระดากอายเกินกว่าที่จะทานเค้กหน้าตาสวยงามด้วยกันต่อไปได้

                ถึงจะเป็นฮันนีมูน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องมาทำเรื่องโรแมนติกด้วยกัน แค่ยอมนอนห้องเดียวกัน ยอมไปเล่นน้ำด้วย มันก็น่าจะเกินพอแล้ว

                “ทำไมริวจังไม่กินเค้กล่ะ”

                เงาสูงใหญ่อยู่ด้านหลัง ริวไม่หันไปมอง แต่เพียงครู่ร่างของเขาก็ถูกดันจนต้องเซให้นั่งลงที่ปลายเตียง

                “ออกไปห่างๆ”

                ในมือของลูซยังถือจานใส่เค้กที่ตัดไว้ให้สามี แต่สามีของเขากลับแสดงท่าทางรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ มันทำให้ลูซแทบจะหมดความอดทน

                …อารมณ์ดีอะไรกัน ยิ้มแย้มอะไรนั่น ก็แค่ทำไปเพื่อให้ริวจังสบายใจ เพราะจะได้เข้ากับใบหน้าสวยๆ ที่ริวจังชอบ…

                แต่ถ้าทำไปแล้วยิ่งทำให้ริวจังคิดว่าจะเมินลูซก็ได้แบบนี้ ลูซยอมทำตามแบบที่ใจต้องการเสียยังดีกว่า

                “นายคิดจะทำอะไร!”

                ริวเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบเล็กที่ลูซพกมาด้วยในกระเป๋าเดินทาง ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังถือมันไว้ในมือ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ริวมากขึ้นเรื่อยๆ จนคลานขึ้นมาบนเตียง แล้ววางจานเค้กเอาไว้

                “ก็ทำเรื่องที่สามีภรรยาควรทำกันในคืนฮันนีมูนไงล่ะริวจัง”

                รอยยิ้มร่าเริงหายไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่ไม่ว่าดูยังไงก็ช่างแตกต่างจากลูซคนก่อนที่เหมือนกับนางฟ้า แต่คนตรงหน้าริวในยามนี้คงไม่ต่างกับนางฟ้าที่พร้อมจะกลายร่างเป็นซาตานตัวโตที่จะกัดกินคนที่ตัวเองรักให้เป็นของตัวเองแค่คนเดียว

                “ออกไปนะ! ฉันบอกให้ออกไป!”

                แต่ดูเหมือนว่าคำไล่ของริวจะไม่ได้ผล ชายหนุ่มไม่คิดจะยอมแพ้ ยกเท้าถีบลูซไม่ยั้ง แต่ภรรยาตัวใหญ่ก็จับข้อเท้าเล็กเอาไว้ให้ขาทั้งสองอ้าออก ก่อนจะแทรกกายเข้าไปอยู่ระหว่างตัวของชายหนุ่ม ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

                “พูดอะไรแบบนั้นล่ะริวจัง สามีภรรยากัน ถ้าไม่แนบชิดกัน มันจะแย่เอานะ”

                ไม่เพียงแค่พูด แต่สายตาคมสวยยังสื่อมาอย่างชัดเจน มือใหญ่ก็ทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว รีบปลดเปลื้องช่วงล่างของริวจนเปล่าเปลือยเหลือแต่กางเกงใน

                “ออกไป ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้ อ๊ะ”

                ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นอุปกรณ์ช่วยที่เป็นเหมือนกุญแจล็อกข้อมือ แต่มันกลับเป็นหนังสีน้ำตาลอ่อน ข้อมือทั้งสองถูกล็อกเอาไว้ให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนอย่างวุ่นวายได้อีก ริวจ้องมองลูซราวกับจะฆ่าให้ตาย

                “อย่ามองลูซแบบนั้นสิริวจัง สายตาเร่าร้อนแบบนี้ เดี๋ยวลูซจะทนไม่ไหวเอาน้า”

                ริวอยากจะโจนเข้าไปกัดลิ้นลูซเสียให้ขาด จนเลือดกบปาก ร่างกายของเขาที่พยายามจะขัดขืนเหมือนอ่อนแรงลง เพียงเพราะโดนสัมผัสร้อนจากมือหนา

                เรื่องราวอันแสนอับอายที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันเกิดตอนที่เขายังเมาไม่ได้สติ แต่ตอนนี้เขามีสติครบถ้วนทุกอย่าง เขาไม่สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้อีกแล้วว่ามันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่

                แล้วถ้าครั้งนี้เขาคิดว่ามันคือการข่มขืนล่ะ… เขายังจะเสียศักดิ์ศรีอยู่ไหม แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาก็คิดว่ามันคือการเสียศักดิ์ศรีอยู่ดี เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย การที่ถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิด

                “ปล่อยสิ! ปล่อย”

                ริวยังคงพยายามดิ้นขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะสุดท้าย เสื้อผ้าของเขาก็หลุดลุ่ยจนเห็นแทบทุกสัดส่วนของร่างกาย

                “ริวจังของลูซ”

                “ออกไปนะ”

                แม้พยายามถอยกายหนี แต่สุดท้ายริวก็ถอยไปจนติดหัวเตียง ใจของเขาเต้นแรง แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองจนได้

                “เดี๋ยวก่อน!”

                คำพูดนั้นทำให้ลูซชะงัก เงยหน้ามองสามี

                “หืม”

                “นายบอกว่ารักฉันใช่ไหม!”

                “ใช่แล้วริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มหวาน พลางพรมจูบไปตามไหล่ลาด ลมหายใจเป่ารด ริวขนลุก แต่ก็พยายามตั้งสติ เขารู้ตัวดีว่าสู้แรงลูซไม่ได้

                “ถ้านายรักฉัน นายก็จะไม่ขืนใจฉันใช่ไหม”

                ลูซนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วยกมือป้องปาก หัวเราะอย่างมีความสุข

                “คิกคิก ริวจังล่ะก็ ขืนจงขืนใจอะไรกัน ลูซกำลังจะทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ เพื่อปรนเปรอให้ริวจังมีความสุขจนลืมคืนนี้ไม่ลงเลยต่างหาก”

                “อึก”

                “ให้ความร่วมมือกับลูซดีกว่านะริวจัง ลูซรับรองว่าริวจังจะต้องมีความสุข”

                ว่าพลางงับเม้มเข้าที่ติ่งหูเล็ก ริวสั่นสะท้าน เขาได้แต่เบือนหน้าหนี แต่ก็ใช่ว่าจะหนีสัมผัสของลูซได้พ้น ชายหนุ่มก้มลงมาจูบไล่ตั้งแต่ปลายคางจนถึงลำคอ ดูดเม้มสร้างรอยรัก

                “ยะ อย่า อื้อ”

                ปากบอกว่าอย่า แต่ร่างกายกลับตอบสนองอย่างตรงข้าม ริวแทบไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายที่แอ่นสู้ริมฝีปากร้อนคือตัวของเขาเอง ยอดอกเล็กถูกดูดดึงจนริวสั่นระริก เขาไม่คิดว่ายอดอกของผู้ชายจะรับความรู้สึกได้มากขนาดนี้

                “อ๊า!!!”

                เสียงครางหวานดังลั่น เมื่อมีวัตถุบางอย่างเริ่มทำงาน มันเหมือนแท่งพลาสติกที่นุ่มนิ่ม ลูซกำลังเปิดระบมให้มันทำให้งานและไปจ่อเอาไว้ที่ยอดอกอีกข้างของเขา

                “ริวจังชอบใช่ไหมล่ะ หัวนมริวจัง น่ารักจังเลย”

                ว่าพลางลากลิ้นเลียไปยังยอดอกอีกข้างที่ตั้งชูชันตามแรงอารมณ์ ริวส่ายหน้าไปมา ลูซยิ้มหวานแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายครีมจากเค้กมาถูวนไปมาที่รอบยอดอก

                “ขอลูซชิมหน่อยน้า ว่าเค้กของโรงแรมจะอร่อยสักแค่ไหนกันเชียว”

                “มันน่าอาย ไม่เอา”

                คนตัวเล็กได้แต่ร้องบอกเสียงแผ่ว ท่าทางหื่นกระหายของภรรยาทำให้เขาหวั่นใจ แต่ลูซก็ไม่คิดจะหยุด เขาก้มลงไปเลียลิ้มชิมรสขนมหวานบนร่างของสามี

                “อร่อยจังเลยเนอะริวจัง”

                บอกไปก็ทานไปอย่างสุขสม แล้วจบท้ายด้วยการดูดดึงยอดอกเล็กซ้ำๆ ริวกระตุกเกร็ง ช่วงล่างตอบสนองแข็งขืน จนลูซไม่อาจจะปล่อยให้ผ่านสายตาไปได้ เขาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับแก่นกายเล็ก แล้วรูดรั้งมันเบาๆ

                “อื้อ หยุดเดี๋ยวนี้”

                ริวได้แต่บอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่ลูซไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาเลื่อนอุปกรณ์ในมือให้ต่ำลงจนมาสัมผัสกับแท่งเนื้อ แรงสั่นสะเทือนในตอนแรกไม่มากนัก แต่แล้วลูซก็เพิ่มระดับของมัน   ริวสะดุ้งเฮือก ร้องครวญครางน้ำตาคลอ ขนกายลุกชัน

                “มันแปลกๆ เอาออกไป”

                “แปลกอะไรกันริวจัง ของดีๆทั้งนั้นเลยน้า”

                ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ที่ลูซปรนเปรอ แต่ปลายลิ้นร้อนก็เริ่มลากไล้ไปตามหน้าท้องบาง ดูดเม้มเลียวนรอบสะดือเล็ก ริวรู้สึกเหมือนว่าร่างกายเขากำลังโดนกลืนกิน แต่ที่น่าหงุดหงิดใจที่สุด คือเขาดันเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่ลูซมอบให้

                “มะ ไม่”

                ได้แต่ร้องขออย่างคนหมดแรง ยิ่งความร้อนสัมผัสกับแท่งเนื้อ ริวก็ยิ่งสติแตก ทั้งที่ควรขยับร่างหนี แต่สะโพกเล็กกลับแอ่นขึ้นให้ลูซได้กลืนกินความเป็นชายของเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม

                เขามีสติ แต่กลับไม่ผลักไสให้รุนแรงกว่านี้ เสียงก็เหมือนขาดหายในลำคอ

                “ลูซรัก รักริวจังที่สุดเลย”

                คำรักแผ่วเบา แต่ดังมากพอจนริวได้ยิน เหมือนเป็นมนต์สะกดให้ริวเผลอโอนอ่อนไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจุดไหนที่โดนลูซสัมผัส ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านเหมือนคนหมดแรง

                สวบ สวบ

                ริมฝีปากห่อรัดแท่งเนื้อร้อน ขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังน่าอาย แต่ก็สร้างความสุขสม จนริวไม่อาจจะกัดฟัน กลั้นเสียงร้องแห่งความสุขได้อีก

                “อะ อื้อ อ๊า”

                เขาเสียวจนแทบจะขาดใจ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อมีบางอย่างแปลกปลอมแทรกเข้ามาในตัว เขากระตุกเกร็ง

                นิ้วเรียวยาวแทรกเข้าไปในร่าง ไต่คว้านหาจุดกระสันที่จะส่งผลให้คนตัวเล็กได้สุขสมจนหลงลืมทุกสิ่ง ในขณะที่ลิ้นร้อนเองก็ตวัดเลียไอศกรีมแท่งน้อยอย่างกระหายไม่หยุดหย่อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการปรนเปรอจนริวไม่อาจจะทนไหว ปลดปล่อยความอึดอัดจนพวยพุ่งเต็มปากสวย ก่อนจะนอนหอบหายใจตาปรือ

                “อึก”

                ลูซดื่มกินน้ำหวานในปากอย่างเอร็ดอร่อยและไม่นึกรังเกียจ เขามีความสุขที่ได้ดูดดื่มของเหลวจากร่างคนรัก ริวนอนหมดแรงเมื่อได้ปลดปล่อยไปเพียงครั้งเดียว

                “นะ นั่นอะไร”

                “เดี๋ยวริวจังก็รู้ คิคิ”

                ริวไม่ค่อยเข้าใจนัก มันคล้ายๆห่วงครอบอะไรสักอย่าง มีหลายห่วงที่มีส่วนยืดให้เชื่อมต่อกัน แต่ลูซก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาใช้

                “ริวจังอยากกินเค้กไหม ลูซป้อนให้นะ”

                “มะไม่เอา”

                “ไม่ได้นะ ต้องกินสิ ไม่อย่างนั้นคนที่ทำมาให้ คงจะเสียใจแย่เลย”

                เขากดยิ้มอย่างน่ารัก ริวเผลอใจเต้นไปแรงไปชั่วครู่ ทำไมเขาถึงได้อ่อนไหวกับรอยยิ้มและสายตาของลูซมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขาคิดว่าเขาไม่ชอบลูซเลยแม้แต่น้อย แต่ริมฝีปากเขากำลังอ้ารับเนื้อครีมและเค้กเข้าปาก เพราะลูซตักป้อน

                “อ่า…”

                ความหวานหอมเกิดขึ้นในปาก ริวยอมรับว่าเค้กชิ้นนี้อร่อย เขาพยายามยันกายลุกขึ้น อย่างน้อยเขาควรจะหนีไปจากตรงนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะลูซเข้ามาประชิดตัว และโอบกอดเขาไว้อย่างรักใคร่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองจนเปลือยกาย ริวแอบกลืนน้ำลายลงคอ

                ร่างกายของลูซแข็งแกร่งสมชายชาตรีจนเขาอิจฉา ไออุ่นร้อนแผ่มาจนริวสัมผัสได้ เขาถูกอุ้มให้มานั่งตักแกร่ง

                “ปล่อยฉันนะ”

                “ไม่เอาหรอกริวจัง อยู่แบบนี้ลูซชอบนี่นา ได้กอดริวจัง ได้กินเค้กด้วยกัน แถมของริวจังกับลูซยังเสียดสีกันอีก มีความสุขสุดๆเลยน้า”

                ริวได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะคำพูดแสนลามก แก่นกายเล็กและแก่นกายใหญ่แนบชิดติดกันจนเขาอับอายไม่กล้ามอง แต่สัมผัสของมันก็ทำให้เขารับรู้ถึงกันได้ ลูซขยับสะโพกเล็กน้อย ปล่อยเสียงครางอย่างลามก

                “ซี๊ด…ริวจัง ลูซเสียวจังเลย ริวจังเสียวไหม”

                “สะ เสียวบ้าอะไร อย่ามาทำเรื่องทุเรศกับฉันแบบนี้นะ เจ้าโรคจิต”

                เขาพยายามดันกายลูซให้ออกห่าง แต่ลูซกลับโอบกอดริวเอาไว้แน่น ริมฝีปากพรมจูบไปตามผิวขาวเนียน

                “แต่ลูซรักริวจัง รักริวจังที่สุด ริวจัง ให้ลูซได้รักริวจังเถอะนะ นะริวจัง”

                นิ้วเรียวยาวปัดป้ายขนมเค้กแล้วยื่นไปสัมผัสกับริมฝีปากเล็ก ให้ริวได้กลืนกินความอร่อย เขาตกอยู่ใต้การควบคุมของลูซอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสายตาและริมฝีปากสวยช่างเย้ายวนจนให้หลงใหล ไหนจะสัมผัสแสนหอมหวานที่เจ้าตัวมอบให้จนเขาไม่อาจจะผลักไสออกได้อย่างง่ายดาย

                …ผู้ชาย ยังไงเจ้านี่ก็เป็นผู้ชาย…

                เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็คิดจะผลักลูซอย่างเต็มแรง แต่ทว่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับจูบแสนเร่าร้อนและโหยหาเต็มไปด้วยความรักจนริวแทบจะสำลักความสุขตายอยู่ตรงนี้ เขาสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความเหนียวเหนอะหนะที่บริเวณใจกลางลำตัว

                ครีมเค้กสีขาวกำลังโดนลูซนำมาถูไถจนเปรอะเปื้อนไปหมด ริวตกใจ ร้องเสียงหลง

                “นะ นี่นายทำบ้าอะไร”

                “หืม…ก็ผลัดกันชิมเค้กไงริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มร้าย เขาดันร่างของสามีให้เอนลง แล้วพลิกกายกลับหัวกลับหางจนอยู่ในท่าหกเก้า ริวตกใจ ความใหญ่โตของลูซอยู่เบื้องหน้าของเขา ส่วนปลายต่ำลงมาจนจะโดนริมฝีปาก

                “ริวจัง…ชิมสิ อร่อยนะ”

                …จะให้ชิมเค้ก บนเจ้าโลกของแกเนี่ยนะ!...

                เสียงนี้ดังขึ้นในสมอง แต่ทว่าเขาก็ต้องร้องครางพร่าเสียงหลงเมื่อลูซเริ่มชิมความอร่อยบนแท่งเนื้อเล็กของเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก หลุบตามองลูซที่กำลังปรนเปรอให้เขาอย่างเต็มที่

                “ริวจัง…ลูซออกจะเป็นภรรยาที่แสนดี ริวจังจะใจร้ายกับลูซได้ลงคอเลยเหรอ อย่าใจร้ายกับลูซเลยนะ”

                ภรรยาตัวใหญ่บอกเสียงอ่อนเสียงหวาน พลางลดสะโพกให้ต่ำลงจนแก่นกายใหญ่ชิดกับแก้มนิ่ม ริวเบือนหน้าหนี ลูซจับริวจังน้อยลากเลียไม่หยุด

                “ใจร้ายจังเลยนะ ริวจัง…”

                น้ำเสียงตัดพ้อยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ อาวุธขนาดใหญ่ส่ายไปมาอยู่เบื้องหน้า ริวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้เผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระสัน แต่แล้วเขาก็เผลอทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คาดคิด

                ชายหนุ่มยื่นมือไปสัมผัสกับสิ่งใหญ่โตตรงหน้าด้วยความกล้าๆกลัวๆ แค่สัมผัสก็รับรู้ถึงความปรารถนาที่ลูซมีต่อเขา มันยิ่งทำให้ริวใจเต้นแรง เขาไม่อยากจะคิดว่าลูซรักและต้องการเขามากขนาดไหน

                หยาดน้ำปริ่มที่ส่วนปลายจนล้นทะลักหยดลงบนใบหน้าสวย ถึงมันจะไม่ใช่น้ำรัก แต่ริวก็รู้ว่ามันจะไหลออกมาเมื่อความต้องการไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป

                เขากำลังทำเรื่องที่บ้าบิ่นและไม่อาจจะหยุดได้อีกต่อไป เพียงเพราะแรงอารมณ์ แต่ทั้งหมดคงไม่ใช่แค่นั้น ริวหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ร่างกายเขากลับตอบสนองไปตามคำขอของลูซ

                “อะ อื้อ”

                เสียงครางพร่าอย่างสุขสม ทำให้ริวใจเต้นแรงหนักกว่าเดิม เหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุข ที่สามารถทำให้ภรรยาของเขาพึงพอใจจนร้องครางแบบนั้น

                ความอยากรู้อยากลอง มันมากกว่าความรังเกียจที่จะต้องมาเลียความเป็นชายของเพศเดียวกันไปเสียแล้ว ยิ่งเลียไปตามเนื้อครีม ก็ยิ่งหวาน จนกระทั่งได้สัมผัสกับแก่นกายใหญ่โดยตรง เขาก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะเลีย

                “อู้ว ริวจังเก่งจังเลย อื้อ ลูซเสียวแทบบ้า”

                ยิ่งได้ฟังก็เหมือนจะทำให้สติของริวหลุดไปไกล เขาอ้าปากยอมให้ส่วนใหญ่โตได้แทรกเข้ามา ซึ่งลูซก็ไม่คิดจะหยุดแค่นั้น รีบดันกายเข้าไปในโพรงปากร้อนอย่างรวดเร็วจน

ริวหายใจไม่ออก สะโพกสอบเริ่มขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนตัวออกมา

                “อ่า…”

                ริวอายจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อสติตัวเองกลับมา นี่เขาได้ทำออรัลเซ็กให้กับผู้ชายไปแล้วจริงๆ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คือเขาไม่รู้สึกรังเกียจ

                “ริวจังน่ารักที่สุดเลย”

                ลูซพลิกกายเข้ามาโอบกอดร่างเล็ก พรมจูบไปตามไปหน้าหวานแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากสวย ทั้งสองร่างแนบชิดนัวเนียกันจนแทบจะเป็นคนเดียว ริวถูกลูซชักพาไปสู่ความหฤหรรษ์จนเขาเองก็ไม่อาจจะหลุดออกมาได้

                ทั้งตื่นเต้น สุขสมกว่าทุกครั้งที่เคยทำกับผู้หญิง เขาไม่เคยรู้สึกสุดยอดขนาดนี้มาก่อน แขนเล็กโอบกอดลูซเอาไว้เป็นที่ยึด ห่วงเหล็กถูกสวมเข้าที่แก่นกายเล็ก เพียงชั่วอึดใจ ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

                “อื้อ อึดอัด”

                ห่วงนั้นรัดแท่งเนื้อเล็กที่ขยายขนาด จนริวต้องร้องขอให้ลูซช่วยปลดปล่อยให้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความต้องการนั้น เพราะลูซต้องการให้ริวได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและสุขสมจนแทบขาดใจตาย

                “ขยับสิริวจัง ถ้าริวจังทำให้ลูซปล่อยแล้ว ลูซจะถอดห่วงให้”

                กลายเป็นว่าเจ้าตัวต้องนั่งขย่มแท่งเนื้อร้อนจนกว่าลูซจะปลดปล่อยออกมา เขาอายเกินกว่าจะทำ แต่อารมณ์ที่ครุกรุ่นก็โดนลูซปลุกเร้าด้วยริมฝีปาก ดูดเม้มที่ยอดอก เบียดสะโพกให้แนบแน่น ริวแทบจะคลั่ง อยากหลุดพ้นจากความอึดอัดนี้

                ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของลูซ ริวตอบสนองอย่างขัดเขินและกระดากอาย แต่ทว่าก็เร่าร้อนจนลูซแทบจะขาดใจ ทั้งศักดิ์ศรีและสิ่งต่างๆ ถูกทำให้หลงลืมไปเพราะความต้องการที่มากล้น ทั้งคู่ปรนเปรอให้แก่กัน ริวมีความสุขจนเผลอมองข้ามไปเลยว่า เขากำลังมีเซ็กกับผู้ชาย

                “อะ อ๊ะ อ๊า”

                เมื่อทั้งคู่ใกล้จะปลดปล่อย ลูซก็รีบถอดห่วงนั้นออก แก่นกายเล็กพองขยายพุ่งฉีดน้ำรักจนเปรอะไปทั่วท้องแกร่ง ริวหอบหายใจ แต่ศึกครั้งนี้ยังไม่ยอมจบง่ายๆ ลูซยังปรารถนาที่จะครอบครองและมอบความสุขให้กับริวจนกว่าสามีจะหมดแรง

                “มะ ไม่ไหวแล้ว”

                “ริวจังยังไหว ลูซจะพาริวจังไปสวรรค์ ไปกับลูซนะ”

                “อื้อ…”

                คำตอบทุกอย่างถูกปิดตายในทันที เมื่อลูซก้มไปจูบ เขาเริ่มเล้าโลมและชักพาริวอีกครั้ง ให้ชายหนุ่มได้ตกไปในบ่วงปรารถนาที่เขาสร้างขึ้น

                …ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ไม่มีใครจะทำให้ริวจังมีความสุขได้เท่าลูซ ผู้หญิงคนไหนก็ให้ริวจังแบบนี้ไม่ได้ มีแค่ลูซเท่านั้นที่ให้ริวจังได้ มีแค่ลูซเท่านั้น!...     

                ทุกท่วงท่าและจังหวะนั้นเร่าร้อนและดุดัน ริวแทบจะคลั่งตายภายใต้อ้อมกอดที่แสนสุขสม เขาเหมือนถูกเหวี่ยงไปที่สูงแล้วตกลงมาโดยมีอ้อมกอดที่อ่อนโยนโอบรัดไว้ ถึงลูซจะทำหนักหน่วงแค่ไหน แต่ริวก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่และทะนุถนอม เขาปลดปล่อยหลายต่อหลายครั้งจนไม่เหลืออะไรจะออก

                ใบหน้าหล่อฟุบเข้ากับแผ่นอกกว้าง เปลือกตาอ่อนล้าจนแทบจะปิดลง

                “รู้สึกดีใช่ไหมริวจัง”

                ลูซกระซิบถาม เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายได้จบลง ริวไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                อ้อมแขนที่กอดรัดตอบ ทำให้ลูซคลี่ยิ้มกับท่าทางนั้น เขารับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอภายใต้อ้อมกอด

                …ริวจังของเขาหลับไปแล้ว…

                “ลูซรักริวจังที่สุด”

                ราวกับเป็นคำบอกฝันดี คนตัวเล็กขยับตัวซุกเข้าหาไออุ่น ลูซได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะอย่างน้อย ริวจังก็เหมือนจะเริ่มเปิดใจให้เขาบ้างแล้ว

                ชายหนุ่มจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน โอบกระชับอ้อมกอด แววตาเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนึกถึงใครบางคนที่ปรากฏมาในวันนี้

                “รักลูซเถอะนะริวจัง…อย่าไปรักใครนอกจากลูซ…มองแค่ลูซ…อย่าไปมองใคร ได้ไหมริวจัง”

                คำขอร้องดังไม่มากนัก แต่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่มากล้น ภายใต้ใบหน้าที่งดงามกลับเต็มไปด้วยความไหวหวั่น ลูซหวังว่าสักวัน คำขอร้องนั้นจะเป็นจริง

 

 100%

 

ขอบคุณทุกการติดตาม

 

เปิดพรีออเดอร์ค่ะ

 

http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

 

 

 



 

 

 

 

 

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โหยยยย นึกว่าริวจะโดนจับขังแล้วนะ 5555
ยังไงซะบูชก็รักอีกฝ่ายเกินกว่าที่จะทำร้ายได้ :really2:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
วิธีจัดการสามีแบบริวจังมันต้องเจอแบบนี้  555!   งานนี้คุณภรรยาทำถูกแล้ว เรานับถือและยกนิ้วให้  อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด