พิมพ์หน้านี้ - สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Akikoneko17 ที่ 16-04-2016 17:30:52

หัวข้อ: สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 16-04-2016 17:30:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************************************************

สะใภ้ขายาว

คำเตือน : นิยายเรื่องนี้ ฝ่ายรุก/เมะ(ลูซ) มีนิสัยตุ้งติ้ง
เนื้อหามีความทะลึ่ง ลามกจากอุปนิสัยของเมะ
หากใครรับไม่ได้ กรุณาปิดบทความนะคะ

--------------------------------------------------------------

"ผม...ลูซ....ขอรับริวจังเป็นสามี...ผมจะเป็นภรรยาที่น่ารักและแสนดี...

ริวจังจะรับผมเป็นภรรยาใช่ไหม"


"ไม่รับโว้ยยย ยังไงก็ไม่ร๊าบบบ!!!!"


เมื่อนักธุรกิจหนุ่มหล่อน่ารักแสนเจ้าชู้

โดนบังคับให้แต่งงานกับหนุ่มหน้าสวยตัวสูงที่อายุน้อยกว่า

แม้ครอบครัวฝั่งสามีจะแสนรักว่าที่สะใภ้ขายาว

แต่คุณสามีกลับไม่ยอมรับเป็นภรรยาแถมยังต่อต้าน

....

..

.

งานปลุกปล้ำคุณสามีสุดหล่อจึงเกิดขึ้น!!!


(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
 

____________________________________________
[/size]

ติดตามการอัพได้ที่ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/ :mew3:

หมายเหตุ นามปากกาผู้แต่งคือ Akikoneko17  หรือนักอ่านจะเรียกว่าอากิ ก็ได้ค่ะ เพราะนักเขียนจะแทนตัวเองว่าอากิ ย่อมาจากนามปากกา  :katai2-1:

 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว :Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 06-05-2016 18:26:58
Intro

   สายลมพลิ้วไหวพัดผ่านร่างกายที่ยังเยาว์วัย เสี้ยวหน้าสวยนั้นอยู่บนร่างเด็กตัวน้อยที่ยืนเหม่อลอยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมสีทองไสวไปตามแรงลม เรียกร้องให้สายตาของเด็กวัยแปดขวบจับจ้องที่ร่างเล็กที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่อาจละสายตา
   
“อ๊ะ…”
   พอรู้ตัวว่าถูกมอง คนตัวเล็กก็ค่อยๆหันหน้ามามองเด็กชายที่เอาแต่จ้องเขา นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลยิ่งสะกดให้เด็กชายยืนนิ่ง
   
“นางฟ้า”

   นั่นคือประโยคแรกที่ออกมาจากปากเด็กวัยแปดขวบ เด็กตัวเล็กอายุเพียงห้าขวบในชุดสีขาวสะอาดตานั้นเอียงคอเพียงนิด
เงยหน้าขั้นสบสายตามองคนที่ตัวสูงกว่า

   “ใคร…”

   เสียงใสออกมาจากปากเล็ก ใบหน้าหล่อเหลาแต่วัยเด็กเริ่มเห่อร้อนด้วยความรู้สึกที่เขินอาย

   “เราชื่อ…ริว”

   เด็กชายเอ่ยบอก ขาค่อยๆขยับก้าวเดินไปใกล้คนตัวเล็ก เด็กน้อยคลี่ยิ้มสวย ยิ่งเพิ่มความน่ารักให้เป็นเท่าตัว

   “ริวจัง…”
   เสียงเรียกนั้นช่างน่ารัก จนคนฟังใจเต้นแรง ริวขยับตัวเข้าไปใกล้เด็กตัวเล็กมากขึ้น เขาไม่เจอเด็กคนไหนน่ารักมากขนาด
นี้ เด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาคงจะอายุประมาณห้าหกขวบ ทั้งๆที่อายุแค่นี้ แต่ทั้งสวย ทั้งน่ารักจนริวไม่อาจจะละสายตาไปได้

   “เธอ…ชื่ออะไรเหรอ…”

   เด็กชายที่มีเชื้อสายของไทยและญี่ปุ่นเอ่ยขึ้น พร้อมกับยิ้มหวานให้กับตัวเล็กที่มีหน้าตาค่อนไปทางชาติตะวันตก ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลสบเข้ากับเด็กชายตัวสูงกว่าอย่างขัดเขิน

   “ลูซ…”

   “ชื่อเพราะจังเลย”

   ด้วยความที่เป็นคนชอบอะไรที่สวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เด็กตรงหน้าในสายตาเขาคือนางฟ้าตัวน้อยๆ

   “จริงเหรอ…”

   เด็กตัวเล็กก้มหน้าถามด้วยความเขินอาย ริวเองก็หน้าแดงก่ำอย่างเขินไม่แพ้กัน ไม่คิดเลยว่าการมาเดินเล่นในสวนหน้า
บ้านที่ประเทศไทย จะทำให้เขาพบกับนางฟ้าตัวน้อยที่แสนสวยงามแบบนี้

   “นางฟ้า…”

   ริวไม่ได้จำว่าเด็กตรงหน้าบอกว่าชื่ออะไร เพราะเด็กชายเหมือนเพียงแต่ต้องการอยากจะใกล้ชิดกับลูซเท่านั้น ดวงตาคู่
สวยสบเข้ากับดวงตาของริว  ริวเลื่อนมือไปจับมือของลูซ หัวใจของเด็กชายเต้นแรง เขารู้สึกตกหลุมรักเด็กตรงหน้า ความรักในวัยเด็กช่างบริสุทธิ์เสียเหลือเกิน

   “ถ้านางฟ้าโตขึ้นแล้ว…นางฟ้า…แต่งงานกับริวได้ไหม”

   เด็กตัวเล็กไม่เอ่ยตอบ ได้แต่ยิ้มเขิน แต่สุดท้ายก็ค่อยๆเหลือบตามองริว เด็กทั้งสองสบตากัน

   .

   .

   .
   

   กรุ้ง กริ้ง!

   เสียงกระดิ่งดังขึ้น พร้อมกับการสั่นไหวไปมา ราวกับต้องการบอกให้ทุกคนรับรู้ว่ายามนี้กำลังจะมีงานมงคล ดอกไม้
มากมายถูกประดับเอาไว้อย่างสวยงามภายในโบสถ์ ชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตายืนยิ้มหวานอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อน่ารัก
ของเจ้าของร่างในชุดเจ้าบ่าว ยืนกุมมือตัวเองแน่น วาดฝันถึงเจ้าสาวแสนสวยที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในไม่ช้า ภายในงานมี
แขกมาร่วมพิธีมากมาย
   ประตูโบสถ์เปิดออก พร้อมกับร่างร่างหนึ่งที่อยู่ในชุดเจ้าสาวที่เดินเข้ามา ใบหน้าที่สวยงามของนางฟ้าตัวน้อย ทั้งร่างกาย
และใบหน้าของนางฟ้าตัวน้อยยังเหมือนกับเด็กตัวเล็กที่เขาเคยขอแต่งงานในยามที่เขานั้นอายุเพียงแค่แปดขวบ

   …นางฟ้า…

   ความรู้สึกแห่งความสุขนี้มากล้นจนริวต้องคลี่ยิ้มราวกับเพ้อฝัน เขาจับจ้องใบหน้าสวยงามที่ราวกับสวรรค์ปั้นแต่งของเด็ก
ตรงหน้า
   “แต่งงานกันนะครับ นางฟ้า…”

   นั่นคือคำพูดที่ริวพูดย้ำอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อซึมซับความสุข แต่ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้น….

   !!!

   นางฟ้าตัวน้อยที่เขาจะแต่งงานด้วยกลับแปรเปลี่ยนไป เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าเขาประมาณยี่สิบเซนติเมตรที่อยู่ในชุดเจ้าสาว แต่ใบหน้าสวยงามนั้นยังคงเหมือนกับนางฟ้าของเขาไม่มีผิด แม้จะเปลี่ยนไป แต่เค้าโครงหน้านั้นก็ยังเหมือนกับในตอน
เด็ก

“ผม...ลูซ....ขอรับริวจังเป็นสามี...ผมจะเป็นภรรยาที่น่ารักและแสนดี...

ริวจังจะรับผมเป็นภรรยาใช่ไหม”

   ชายหนุ่มในชุดเจ้าสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างกายใหญ่โตค่อยๆขยับเข้ามาใกล้กับริวมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มือใหญ่นั้น
จะรั้งร่างที่เล็กกว่าตนเข้ามาใกล้
   “ริวจัง…ลูซเป็นเจ้าสาวของริวจัง ลูซดีใจที่สุดเลย”

   “อึก”

   ใบหน้าหล่ออยู่ในสภาวะที่อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายถูกชักพาเข้าไปใกล้กับร่างที่สวมชุดเกาะอกสีขาวทั้งๆที่แผ่นอกนั้น
แบนราบ ผมสีทองนั้นเปล่งประกายงดงามจนคนมองต้องกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
   …ผู้ชาย…นี่มันผู้ชายชัดๆ…

   “ริวจังตอบสิ…ว่าริวจังจะรับลูซเป็นภรรยา”

   ใบหน้าสวยหล่อขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ ริวถอนหน้าหนี ทั้งเกลียด ทั้งกลัว ทั้งหลอนกับสิ่งตรงหน้า

   …ไม่…ไม่เอา นี่มันผู้ชาย!!!!

   “รับสิริวจัง…แล้วเราจะได้จ๊วบกันไง จ๊วบๆๆ…”
   หนุ่มตัวสูงทำปากจู๋ หลับตาพริ้ม จะเข้าไปจูบปากกับริว เจ้าบ่าวหน้าหล่อผวาดิ้นพล่านด้วยความกลัว มือยกปัดป่ายเพื่อหนี
จากคนตรงหน้าราวกับเจอสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว

   “มามะ…มาเป็นสามีของลูซ…ยอมรับลูซเป็นภรรยานะริวจัง จ๊วบๆๆๆ”

"ไม่รับโว้ยยย ยังไงก็ไม่ร๊าบบบ!!!!"

.

.

.
"ไม่รับโว้ยยย ยังไงก็ไม่ร๊าบบบ!!!!"

เสียงหวานแผดร้องดังลั่นห้องนอน พร้อมกับมือเล็กที่ปัดป่ายมา ร่างกายดิ้นพล่าน ก่อนที่จะสะดุ้งลืมตา

เฮือก!!!   

ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีสะดุ้งเฮือกนั่งหลังตรง เหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มหน้า ดวงตาทั้งคู่สั่นไหว ใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
จากอก จนต้องยกมือทาบอกตนเอง

…ฝัน…

นี่เราฝันไปอย่างนั้นเหรอ…
   “ฮู่…”

   ริวยกมือลูบหน้าตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด สติที่ขาดหายไปเริ่มจะกลับมา แล้วก็ระลึกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง

   “ริวจาง…อื้อๆๆ”

   …ฝัน…

   มันคือความฝันสินะ…เขาหลับตาลงแล้วลืมตาใหม่ก็พบว่าทุกอย่างมันอยู่ในความเงียบ ดังนั้น…มันต้องเป็นฝันแน่ๆ

หมับ!!!
แต่ทว่าสัมผัสจากมือหนาที่ล้วงเข้าไปใจกลางลำตัวก็ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ตาโตอย่างตกใจสุดขีด

   “ริวจังน้อยจับแล้วนุ่มนิ่มจังเลย  ลูซช๊อบชอบ”

   “อ๊ากกกกกกกกก!!!”
   




100%
ฝาก เพจด้วยนะคะ  https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/?ref=bookmarks
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Nene promporn ที่ 06-05-2016 21:47:08
โอยย ไม่รู้จะสงสารใครดี
สู้ๆนะลูซ เอาสามีมาเป็นเมียให้ได้นะ
5555
เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 07-05-2016 00:56:40
ชอบๆ555555
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 08-05-2016 09:11:48
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 08-05-2016 11:35:22
 :hao4: :mew5:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Intro
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 08-05-2016 17:17:09
 :laugh: เรื่องนี้สลับบทบาทกันชิมิคะคนแต่งจ๋า
นายริว แกเสร็จลูซแน่ๆ  :hao6:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 1 สัญญาแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 08-05-2016 22:58:08
1   
สัญญาแต่งงาน

   
   
“ขออนุญาตค่ะ”

ห้องทำงานขนาดใหญ่ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของเลขานุการสาววัยเกือบสามสิบปีที่เดินเข้ามาในห้อง เรียกสายตาของชายหนุ่ม
วัยยี่สิบสี่ปีที่กำลังง่วนกับการอ่านเอกสารบนโต๊ะ

“อ่า…มีอะไรเหรอครับ?”

ริมฝีปากสวยเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย เมื่อเห็นร่างของเธอ กมลชนกหรือเลขานุการของชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม

“คุณเรียวให้ดิฉันนำเอกสารมาให้คุณค่ะ แล้วก็ท่านเรียกคุณไปพบด้วยค่ะ”

ริว…ชายหนุ่มร่างเล็ก มีใบหน้าที่หล่อน่ารักด้วยความที่เป็นลูกครึ่งระหว่างไทยและญี่ปุ่น มารดาเขาเป็นคนไทย ส่วนบิดาของเขา
เป็นคนญี่ปุ่น และได้ทำธุรกิจที่เมืองไทยมีตำแหน่งเป็นประธานบริษัท ส่วนเขาในตอนนี้ยังอยู่ในฐานะหัวหน้าที่ค่อยๆเรียนรู้การ
ทำงานไปเรื่อยๆ

“ครับ ขอบคุณมากครับ”

ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีเอ่ยขอบคุณหญิงสาวพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่กระชากใจสาวๆมาหลายคน เขารับเอกสารจาก
เลขาของตัวเองแล้วเปิดอ่าน เลขาสาวกรีดยิ้มสวยก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องไป

…กิตติศัพท์ของริวก็ขึ้นชื่อในเรื่องของความเจ้าชู้ แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายร่างใหญ่ แต่ก็มีหน้าตาและร่างกายตามสมัยนิยมแบบคนญี่ปุ่นและเกาหลีที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงไทยในสมัยนี้…

หลังจากที่อ่านเอกสารเพียงครู่ ชายหนุ่มก็ยันกายลุกขึ้นยืนเพื่อเดินตรงไปหาบิดาของเขาที่อยู่ในห้องของประธานบริษัท

ชายหนุ่มมายืนอยู่หน้าห้องที่ถูกปิดอยู่ เขาหันไปมองเลขาวัยประมาณเกือบสี่สิบปี แล้วส่งยิ้มให้

“ช่วยบอกท่านประธานทีสิครับ ว่าผมมาแล้ว”

“ค่ะ”

เธอคลี่ยิ้มรับ แล้วกดต่อสายไปยังในห้องเพื่อแจ้งว่าบุตรชายของท่านประธานได้มาถึงแล้ว จากนั้นเธอจึงหันมาเอ่ยกับริว

“ท่านประธานบอกว่าให้เข้าไปได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ริวยิ้มหล่อ แล้วหมุนกายไปดันประตูเข้าไปในห้อง ก็พบว่าผู้เป็นพ่อกำลังนั่งรอเขาอยู่ ชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาชายชราวัยเกือบ
หกสิบปี

“เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ?”

เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับท่านประธานบริษัท

“เย็นนี้มีนัดที่ไหนหรือเปล่า?”

“อ่า…ก็มีนะครับ ทำไมเหรอ?”

วันนี้เขามีนัดกับแฟนสาว แต่ถ้าจะให้พูดให้ถูกน่าจะเรียกว่ากิ๊กมากกว่า เพราะสำหรับริวแล้ว เขามีคู่ควงเยอะจนบางครั้งแทบจะ
ไม่ได้จำด้วยซ้ำว่าปัจจุบันเขาคบอยู่กี่คนกันแน่ เพราะเขาเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธ ถ้าจะมีผู้หญิงสวยๆเข้ามาหา

“วันนี้เหมือนแม่แกจะมีนัด”   

เรียว ชายชราที่เป็นคนญี่ปุ่นแต่มาอยู่เมืองไทยเสียนานจนตอนนี้พูดไทยได้ชัดไม่ต่างกับคนไทย เขามองหน้าลูกชายที่เป็นลูกคนกลางของบ้าน เขามีลูกทั้งหมดสามคน ทั้งลูกคนโตและคนเล็กต่างเป็นผู้หญิง มีเพียงแค่ริวเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย

“เอ๋? หมายถึงนัดผมด้วยเหรอครับ?”

ริวเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย ใบหน้าแสดงถึงความสงสัย เรียวระบายยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

“อ่า…จริงๆเย็นนี้ผมมีนัดนะครับคุณพ่อ”

วันนี้เขามีนัดทานข้าวกับดาราสาวคนหนึ่ง ริวเองก็เคยติดตามผลงานของเธอมาพอสมควร ใบหน้าสวยหวานของเธอยังตราตรึงใจ
เขาอยู่เลย

“เอาเถอะน่า…ยังไงแกก็มีสาวๆรออีกเป็นโขยงไม่ใช่หรือไง?”

“โถ่…คุณพ่อคร้าบ…แต่คนนี้เนี่ย แจ่มที่สุดแล้วนะครับ”

ริวอธิบายพร้อมกับทำไม้ทำมือ ใบหน้าบ่งบอกว่าเสียดายมากๆถ้าไม่ได้ไป เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่กับนิสัยของลูกชาย เขาไม่เคยเห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะไปจริงจังกับใครสักคนสักที

“แจ่มสุด…แต่ก็ไม่คิดจะเอาทำเมียใช่ไหมฮะ!”

“โถ่…เรื่องนั้นอย่าเพิ่งพูดสิครับ ผมเพิ่งจะยี่สิบสี่เองนะครับคุณพ่อ”   

   เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่กับท่าทางของลูกชาย เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้หนังแล้วมองหน้าเจ้าลูกชายตัวดี

   “ถ้าไม่อยากไป แกก็โทรไปคุยกับแม่แกเองแล้วกัน”

   แทนที่จะช่วย แต่กลับโยนทุกอย่างให้ชายหนุ่มแทน ริวเงียบไป ถ้าให้พูดกันตรงๆ ในครอบครัวของเขา คนที่ใหญ่ที่สุด ก็คือมารดาของเขานั่นเอง

   “เอ่อ… คุณพ่อช่วยผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ?”

   ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วราวกับอ้อนวอน เรียวหรี่ตามองเจ้าลูกชายตัวแสบแล้วส่ายหน้าช้าๆ เป็นเชิงบอกว่า…ช่วยไม่ไหว
จริงๆ

   “เฮ้อ…”

   สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี ทำไมมารดาของเขาต้องมานัดทานข้าว ในวัน
ที่เขากำลังจะมีเดทด้วยก็ไม่รู้
   ครืด…ครืด…

   โทรศัพท์มือถือราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเริ่มสั่นขยับไปมา ริวเริ่มสนใจ ชายชราเองก็ก้มมอง


   “ใครครับคุณพ่อ…คุณแม่หรือเปล่า?”

   แม้ไม่อยากจะให้ผู้เป็นแม่โทรมา แต่ริวก็หนีความจริงข้อนี้ไม่พ้น เพราะปลายสายก็คือมารดาของเขาจริงๆเสียด้วย

   “อืม…เมียฉันเอง”

   “ก็แม่ผมนั่นแหละครับ”

   ถึงจะเบี่ยงเบนคำตอบด้วยคำอื่น แต่สุดท้ายความหมายมันก็เหมือนกันอยู่ดี ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา นั่งมองบิดาที่กด
รับสาย
   “ว่าไงจ๊ะที่รัก”

   [คุณคะ ตกลงตาริว จะมาไหมคะ?]

   เสียงปลายสายที่ตอบกลับมานั้นใสหวานน่าฟัง ผู้เป็นสามียิ้มอ่อน ก่อนจะเริ่มยิ้มเจื่อน เมื่อเห็นเจ้าลูกชายหยิบกระดาษ
เปล่ามาเขียนข้อความ

   ‘ผมมีธุระ’
   เรียวอ่านข้อความบนกระดาษที่ริวชูให้ดูแล้วเบ้ปาก ก่อนจะค่อยๆเอ่ยเสียงอ่อนกับภรรยา

   “เห็นลูกบอกว่ามีธุระน่ะคุณ”

   [ธุระ?]   

   เสียงใสหวานเริ่มเปลี่ยนขุ่นมัว เรียวเริ่มรับรู้ถึงชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น มองหน้าลูกชาย หวังว่าจะเห็นใจคนเป็นพ่อบ้าง

   “เอ่อ…ถ้าลูกไม่ไปได้หรือเปล่า”
   แทบจะกลั้นใจถามออกไป ก่อนจะหลับตาแน่น เพราะพอจะรู้อยู่ว่าสิ่งที่จะได้รับกลับมามันจะน่ากลัวแค่ไหน

   [อะไรนะคะ…]

   ใบหน้าของชายชราเริ่มเปลี่ยนไปราวกับจะร้องไห้ เพราะภรรยากดเสียงต่ำอย่างน่ากลัว เขาเองก็พอจะรู้แล้วว่าไม่ควรตอบ
ด้วยคำถามเดิม

   “เดี๋ยวลูกจะไปหาเย็นนี้เลย กี่โมงจ๊ะที่รัก เดี๋ยวผมให้ลูกแต่งตัวหล่อๆไปเลยนะจ๊ะ”

   ริวหน้าเหวอไปทันที เมื่อเห็นคนเป็นพ่อตอบรับไปแบบนั้น ดวงตาคู่สวยแทบจะหลั่งน้ำตา
   …ทำไมคุณพ่อทำกับผมแบบนี้!!!...

   “จ้าๆๆ ทุ่มหนึ่งเหรอจ๊ะ จ้าๆๆ ที่รักจะไปรอก่อน โอเคจ้า จ้า…รักนะจ๊ะ”

   คนเป็นลูกชายยิ้มเจื่อน  หัวเราะแห้งๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี มือเล็กตบเข้าที่หน้าผากตัวเอง

   “โถ่…คุณพ่อ…ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะครับ”

   “อย่ามาว่าฉันสิไอ้ลูกคนนี้…แกต้องฟังเสียงของแม่ของแกด้วย”
   “คุณพ่อก็กลัวคุณแม่เกินเหตุ”

   ริวเบ้ปาก เรียวทำหน้าเอือมระอา ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับชายหนุ่ม

   “งั้นแกโทรไปคุยเอง”

   ชายหนุ่มยิ้มเจื่อน แล้วหัวเราะแห้งๆ

   “ไม่เป็นไรล่ะครับ คุณพ่อว่าดี ผมก็ว่าดี”   

   เรียวมองอย่างเอือมๆ คิดในใจว่า ลูกชายกับเขา…มันก็ไม่ได้ต่างสักเท่าไหร่หรอก


-------+++++-------

   ริวแต่งตัวใส่สูทเรียบร้อยเดินตามบิดาที่พาเขามายังห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาว ปกติที่บ้านเขาไม่ค่อยได้มา
ทานที่โรงแรมสักเท่าไหร่ เพราะถึงจะมีฐานะร่ำรวยแต่ว่ามารดาของเขาก็ถือว่าเป็นคนที่พอเพียง ไม่ได้ใช้ชีวิตตามกระแสสังคม
มากนัก ส่วนมากก็มักจะทานอาหารที่บ้าน บางครั้งก็ลงมือทำอาหารเอง เพราะมารดาของเขาเป็นรักและใส่ใจคนในครอบครัว
มากๆ

   “อ่า…นั่นไง แม่ของแก”
   เสียงของเรียว ทำให้ลูกชายที่หันไปแจกยิ้มให้กับพนักงานสาวต้องหันมามองบิดาของตน ร่างเล็กมองเห็นมารดาอยู่ที่โต๊ะ
อาหาร แต่ทว่าที่โต๊ะนั้นไม่ได้มีเพียงแค่มารดาของเขาเท่านั้น

   “ยัยรันก็มาด้วยเหรอครับ?”

   รัน น้องสาวคนเล็กที่อายุ 18 ปี ก็อยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยเช่นกัน เขาหันไปมองหน้าบิดา

   “อืม แต่ดูเหมือนพี่แกจะไม่ได้มาด้วยนะ เห็นบอกว่าติดธุระ”

   เรียวกำลังหมายถึง ริน พี่สาวคนโต ที่อายุยี่สิบเจ็ดปี ซึ่งไม่ได้มาร่วมทานมื้อเย็นกับพวกเขาด้วย

   “อ้าว…แล้วทำไมทีผมติดธุระ แม่ไม่ยอมล่ะครับ”

   ลูกชายคนกลางแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำตอบของบิดา เรียวยิ้มจางๆแล้วเอ่ยต่อ
   “ก็วันนี้เป็นวันสำคัญของแก”

   เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เดินตามบิดาไปจนถึงโต๊ะอาหารและก็พบว่ามารดาของเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่ว่าอยู่กับ
แขกด้วย ซึ่งหญิงวัยกลางคนที่หน้าสวยงดงาม เมื่อเขาเห็นก็พอจะทำให้เขานึกบางอย่างออก

   “คุณน้าน้ำเพชรใช่ไหมครับ?”

   น้ำเพชร เป็นรุ่นน้องของราตรีที่เป็นมารดาของริว เธอเคยมาที่บ้านของริวในตอนที่ริวยังเด็ก และมาอยู่หลายครั้ง เขาพอจะ
จำได้ แต่ก็พอรู้ว่ามารดาของเขาก็มักจะติดต่อกับรุ่นน้องคนนี้อยู่เสมอ

   “ใช่แล้วจ่ะ…หลานริวโตขึ้นแล้วหล่อจริงๆนะจ๊ะ”
   “ขอบคุณครับ”

   ชายหนุ่มยิ้มรับคำชมของน้ำเพชร เขาหันไปมองชายตัวใหญ่ผมสีทอง ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่อยู่ข้างๆ เขาขมวดคิ้วเพียงนิด

   “อ่า…หรือว่าคุณน้า…เลโอ”

   เลโอ ยิ้มรับ ชายชราตรงหน้าอายุมากกว่าเมื่อก่อนมาก เท่าที่เขาจำได้ ตอนนั้นที่เขาเจอคุณน้า ชายชราดูหนุ่มกว่านี้มาก
ตอนนี้ผมสีทองนั้นเริ่มเจือไปด้วยสีขาวเสียแล้ว พร้อมกับร่างกายที่ดูอ้วนท้วมมากกว่าเดิม

   “สวัสดีครับ”

   ริวยกมือไหว้ทั้งสองคน ราตรีเงยหน้ามองลูกชาย แล้วเอ่ยเรียก
   “ริว มานั่งตรงนี้สิลูก”

   “ครับ คุณแม่”

   “ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะริว”

   เลโอเอ่ยทัก เขาเป็นชาวฝรั่งเศสที่แต่งงานกับน้ำเพชรซึ่งเป็นคนไทย และน้ำเพชรยังเป็นรุ่นน้องของราตรีที่สนิทสนมกัน
มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน

   “ครับ คุณน้าทั้งสองสบายดีไหมครับ”

   “สบายดีจ้า มีเจ็บป่วยบ้าง ตามประสาคนแก่”

   “ยังไม่แก่เลยครับ คุณน้ายังดูสาวอยู่เลย”

   “แหม่…ปากหวานจริงๆนะคะ ลูกชายพี่ราตรี”

   “ฮ่าๆๆ ถ้าไม่ปากหวานน่าฟัง เธอก็คงไม่อยากได้เป็นลูกเขยหรอกใช่ไหม”

   …ลูกเขย…
   คำกล่าวของมารดาทำให้คิ้วสวยทั้งสองของริวต้องขมวดเข้าหากัน

   …มันหมายความว่ายังไง?...

   ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ จนสุดท้ายเขาต้องหันไปถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆเขา

   “หมายความว่ายังไงครับคุณแม่…ที่บอกว่าลูกเขย?”

   ลูกชายคนเดียวของตระกูลงงหนัก รันที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็อมยิ้ม แล้วเอ่ยบอกพี่ชาย

   “ก็อย่างที่คุณแม่บอกล่ะค่ะพี่ริว”
   “?”

   ราตรีเห็นลูกชายงงหนัก เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี

   “ก็ริวต้องแต่งงานกับลูกของน้าน้ำเพชรในเดือนหน้า ก็ต้องเป็นลูกเขยสิจ๊ะ”

   “ตะ แต่งงาน!”

   ตุบ! โพล๊ะ!

   ริวยันกายลุกขึ้นด้วยความตกใจ มือพลาดไปปัดแก้วน้ำตกจนเปื้อนสูทและกางเกงของตน เขายิ้มเจื่อน รู้สึกผิดที่แสดง
กิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าทุกคน
   “เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ”

   “ไม่เป็นไรจ้า”

   น้ำเพชรเอ่ยบอกอย่างใจดี เธอมองริวด้วยความเอ็นดู เลโอเองก็เช่นกัน   “ไปห้องน้ำไป”

   เรียวเอ่ยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก ริวพยักหน้า แล้วหันไปเอ่ยกับทุกคน

   “เอ่อ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

   “จ้า”

   ดูเหมือนทุกคนจะไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่ริวรู้สึกสับสนจนงงไปหมด เพราะเขายังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
   …มันหมายความว่ายังไง…ที่เขาต้องแต่งงาน…

   ร่างบางพรูลมหายใจออกมา ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยความงง นอกจากจะไม่รู้อะไรเลย เสื้อผ้าของเขายังจะมาเปื้อนน้ำส้ม
อีก ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้

   ตุบ!

   “อ๊ะ”
   เพราะมัวแต่ก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง ทำให้ไม่ได้มองว่ามีร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ทั้งคู่ชนกัน

   “ขอโทษครับ ขอโทษครับ”

   ริวรีบก้มหัวขอโทษอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันเงยหน้าไปมองอีกฝ่าย รู้แค่ว่าเขาสูงเลยอกอีกฝ่ายมานิดเดียวเท่านั้น

   “ไม่เป็นไรครับ”

   น้ำเสียงนุ่มทุ้มนั้นน่าฟัง จนริวต้องเหลียวหลังไปมอง ก็พบว่าเห็นแต่แผนหลังกว้างเท่านั้น ผมสีทองนั้นน่ามองจนไม่อาจจะ
ละสายตา จากความสูงและรูปร่าง เขาก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นชาวต่างชาติทางฝรั่งยุโรปมากกว่าเอเชีย
   “เฮ้อ…ทำไมเราไม่สูงแบบนั้นบ้าง”

   อาจจะเป็นเพราะว่ามารดาเขาตัวเล็ก และดูเหมือนเขาจะได้รับทางฝั่งมารดามาเสียเยอะ เขาเลยสูงแค่นี้ แต่นั่นก็คงแก้ไข
อะไรไม่ได้อีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะตอนเด็กเขาไม่ค่อยชอบดื่มนมสักเท่าไหร่ เลยไม่มีตัวช่วยในเรื่องความสูง มาคิดได้ตอนนี้ก็
เหมือนจะสายไปเสียแล้ว

   ริวเดินตรงเข้าไปเช็ดสูทที่เปื้อนด้วยกระดาษทิชชู่ โชคดีที่เขาใส่สีดำทั้งชุด ไม่อย่างนั้นคราบเลอะคงจะเห็นได้ง่ายจนไม่

น่ามอง เขาละความสับสนออกจากในใจ เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานที่มารดาบอก มันอาจจะเป็นเพียงแค่มุขตลกขำๆของราตรีก็
เป็นได้ เขาไม่อยากจะคิดว่ามันคือเรื่องจริง
   หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ริวก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นร่างของใครอีกคนที่

เพิ่มมาบนโต๊ะ
   …ผมสีทอง…

   เขารู้สึกคุ้นว่าเหมือนเคยเห็น ดวงตากลมเบิกกว้าง เมื่อคิดออกว่า ผู้ชายคนนี้คงจะเป็นคนเดียวกับคนที่เขาเดินชนตรงที่
ห้องน้ำ

   …แล้วคนคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับคุณน้าน้ำเพชรและคุณน้าเลโอ…
   ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย แต่คิดไปฝ่ายเดียวก็เหมือนจะไม่ได้คำตอบอะไรขึ้นมา ขาเรียวเล็กก้าวเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร

   “อ้าว มาแล้วเหรอลูก”

   “ครับ…”

   เขายืนอยู่ทางด้านหลังของเลโอ น้ำเพชร และชายแปลกหน้าตัวสูง

   “ไม่เจอกันตั้งนาน ลืมน้องไปหรือยังจ๊ะ”

   “เอ๊ะ?”

   ริวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ชายปริศนาค่อยๆยืนขึ้น หันกายไปหาร่างเล็ก ทำให้คนตัวเล็กที่มองชายตรงหน้าถึงกลับนิ่งไป
   “อ่า…”

   โครงหน้าที่งดงามราวกับจิตกรสรรสร้าง ริมฝีปากเรียวสวย จมูกโด่งได้รูปรับเข้ากับวงหน้า ดวงตาคู่สวยทั้งสองนั้นมี
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล ผมสีทองที่ประดับอยู่นั้นแต่งเติมให้ใบหน้าของชายตรงหน้าเขาดูสวยงามราวกับเทพบุตรนางฟ้าที่แยกกัน
ไม่ออก

   ริวอึ้งกับไปกับภาพตรงหน้า ราวกับเจอหุ้นปั้นที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย แทบหาข้อติบนใบหน้าที่งดงามนี้ไม่ได้เลย
งดงามจนเสียเขารู้สึกอิจฉา

   …ผู้ชายที่ช่างเพอร์เฟคคนนี้คือใครกัน…

   “คิดถึงริวจัง จังเลย!!”
   เพียงแค่ชั่วพริบตา ความตกตะลึงในความงดงามของริวก็หายไป เมื่อร่างกายสูงใหญ่นั้นถลาเข้ามาโอบกอดร่างเล็กเอาไว้
แน่นราวกับรู้จักกันมานาน

   …นะ นี่มันอะไรกัน…   

   “คิสสสส!!!”

   จ๊วบ!
   ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อการทักทายครั้งแรกที่เจอกันคือริมฝีปากร้อนที่เขาคิดว่าสวยงามมาทาบทับกับปากเล็ก

   …นะ นี่มันอะไรกัน…

   …ถูก…นางฟ้าจูบ…
   …ไม่ใช่!!!....ไอ้หมอนี่มันเป็นผู้ชาย!!!

   ริวเบิกตาโพลง ได้สติ เขาออกแรงผลักร่างของชายหนุ่มตรงออกไปอย่างสุดแรงเกิด แทนที่ชายตัวโตจะสำนึกกับหัวเราะ
คิกคักอย่างมีความสุข

   “ตายแล้ว มาถึงก็ทักทายกันซะหวานเชียว น่ารักจริงๆเลยน้า”

   เสียงนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก็คือมารดาที่เขาเคารพรัก ริวยืนค้างราวกับวิญญาณออกจากร่าง ในสมองคิดแค่ว่านี่มันเกิด
เรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่เห็นจะเข้าใจ ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย งงไปหมดแล้ว แต่เหมือนปากมันค้าง พูดอะไรออกมาไม่ถูก

   “ลูซคิดถึงริวจังมากๆ ริวจังดีใจไหม เดือนหน้าเราก็จะได้แต่งงานกันแล้วน้า”

   ตอนนี้ร่างบางยังคงยืนอึ้งกับท่าทางดีอกดีใจ และรอยยิ้มสวยที่ส่งให้มาไม่หยุด ในขณะที่ริวงงหนัก ทำไมไอ้ผู้ชายคนนี้ถึง
ได้มาจูบเขา และทำไมทุกคนถึงได้ยิ้มแย้มมีความสุข

   “ดีใจด้วยนะคะพี่ริวเรื่องแต่งงาน พี่ริวต้องเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดเลยค่า”

   “จะ เจ้าบ่าว…แต่งงาน”

   ตอนนี้ริวเหมือนโดนแช่แข็งไปไปเสียแล้ว เขายืนนิ่ง และกำลังประมวลความคิด ถ้ามีคนบอกว่าเขาคือเจ้าบ่าว งั้น…ไอ้
ผู้ชายตัวโตผมทองนี่ก็คือเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอ!!!

   “มะ ไม่….ไม่จริง”
   “จริง!”

   ทุกคนพร้อมใจกันบอก และคนที่ดูเหมือนจะทำให้สติของริวไม่เหลืออีก ก็คงไม่พ้นมารดาสุดที่รักของเขา

   “นี่ไงจ๊ะ สัญญาแต่งงาน”
   ใบกระดาษที่ถูกเก็บไว้รักษาอย่างดีถูกยกขึ้นมายื่นให้ริวดู ดวงตากลมจับจ้องที่ข้อความบนกระดาษ แต่ที่สะดุดตามาก
ที่สุดก็คงจะเป็นคนที่ลงชื่อในนั้น ก็คือชื่อของเขาเอง แถมยังมีลายนิ้วมือของเขาประทับเอาไว้อีกด้วย ทั้งวันและเวลานั้น คงเป็น
ช่วงเวลาที่เขาอายุประมาณแปดขวบ

   “ทั้งลายเซ็น ทั้งลายนิ้วมือ ก็เป็นของริวจัง ส่วนตรงนี้เป็นของลูซ…ลูซมาแต่งงานกับริวจังตามสัญญาแล้วน้า”

   คนตัวโตคลี่ยิ้มหวาน พร้อมกับรับสัญญาแต่งงานมาชี้ไปมาตรงลายเซ็นทั้งของคนตัวเล็กและของตน ราวกับต้องการยืนยัน
ความจริง ในขณะที่คนฟังทรุดลงไปกับพื้น ร้องออกมาดังลั่น ราวกับคนสติแตก

   “มะ….ไม่...ไม่จริงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!”

   


100%
8/5/59

ฝากเพจคนแต่งด้วยน้าาา https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/notifications/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 1 สัญญาแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 09-05-2016 10:24:10
สนุกอะ รออ่านต่อ :laugh:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 1 สัญญาแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 09-05-2016 14:15:37
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 1 สัญญาแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-05-2016 12:20:33
ชอบๆๆๆๆๆ มาอัพต่อด่วนค่ะ   :katai4:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 1 สัญญาแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-05-2016 13:15:42
ตลก!!! 55555
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 2 เจ้าสาวแสนสวย
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 11-05-2016 21:54:01
2
เจ้าสาวแสนสวย

   
“ริวจัง…ริวจัง”

   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอย่างน่ารัก ในขณะที่คนตัวเล็กนอนหลับตาพริ้ม คิ้วทั้งสองกระตุกเพียงเล็กน้อย ก่อนที่ริวจะเริ่มขึ้นลืมตา
ขึ้น ภาพที่อยู่เบื้องหน้าจากที่มัวๆเริ่มเปลี่ยนเป็นชัดเจน

   …สวยจัง…   

   เปลือกตาบางปิดลงอีกครั้ง หากนี่คือความฝัน เขาขอหลับฝันถึงนางฟ้าต่อไปได้ไหม แต่ทว่าเสียงทุ้มที่ดังขึ้นอีกก็เหมือน
กระชากคนตัวเล็กให้หลุดออกมาจากความคิดนั้น


   “ริวจัง…ถ้าไม่ยอมลืมตาอีก ลูซจะจูจุ๊บล่ะน้า”

   ทันทีที่จบประโยคของชายหนุ่ม สมองของริวก็ประมวลผลอย่างทันทีทันใด เขาลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เห็นใบหน้าสวยนั้น
กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ลูซหลับตา ทำปากจู๋จะเข้ามาจูบปากของริว มือเล็กรีบดันใบหน้านั้นให้ออกห่างอย่างรวดเร็ว

   “อ๊ากก!!! ออกไปไอ้กะเทยโรคจิต!”

   สติทุกอย่างกลับคืนมาแทบจะทันที ภาพความทรงจำเลวร้ายตั้งแต่แรกพบเข้ามาในสมอง

   …เขาถูกไอ้ผู้ชายตัวใหญ่นี่จูบ…

   แม้จะหน้าสวยแค่ไหน แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะรูปร่างของลูซก็ไม่ได้บอบบางเหมือนกับผู้หญิง ดูยังไงก็ผู้ชายชัดๆ ก็มี
แค่หน้าเท่านั้นที่พอจะทำให้ริวรู้สึกประทับใจในตอนแรกเจอ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าริวรู้สึกเซ็งหนักที่ใบหน้าสวยๆมาอยู่บนร่าง
ของผู้ชายคนนี้

   “ลูซไม่ได้เป็นกะเทยสักหน่อย”

   ชายหนุ่มเอ่ยบอก ใบหน้าเริ่มแสดงถึงความไม่พอใจแต่ก็เพียงเล็กน้อย เขาหย่อนกายนั่งลงใกล้กับริว ร่างบางสะดุ้ง แทบ
จะกระโดดตัวถอยหนี มองไปรอบไปรอบๆห้อง

   …ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน…

   “ที่นี่ที่ไหน แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วนาย…ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วทุกคน อึก”

   ทุกคำพูดต้องถูกเก็บลงไปในลำคอ เพราะริมฝีปากร้อนของลูซเคลื่อนมาประทับกับปากเล็ก ทุกคำพูดหายไป มีเพียง
ดวงตาที่เบิกกว้าง

   …จูบ…

   …เขาถูกขโมยจูบอีกแล้ว…

   “ริวจังถามเยอะขนาดนั้น ลูซเลือกตอบไม่ถูกเลย”


   เขาเอ่ยขึ้นเมื่อถอนริมฝีปากแล้ว ริวนั่งนิ่ง กระพริบตาปริบๆ สมองเหมือนขัดข้องไปเสียแล้ว

   “งั้นเดี๋ยวลูซ ตอบทีละคำถามแล้วกันน้า”

   คนตัวโตอมยิ้ม แล้วเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่ริวนั่งมึนงง
   …ทำไม…ทำไมเขาจะต้องมาถูกผู้ชายจูบ…   

   แค่คิดก็แทบอยากจะร้องไห้ เรื่องแบบนี้มันควรจะทำกับผู้หญิงสวยๆมากกว่าไม่ใช่หรือไง มองยังไง ไอ้คนที่กำลังอ้าปาก
พูดอย่างกับนก มันก็คือผู้ชายชัดๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
   “ริวจังเป็นลม คุณป้าเลยพาริวมาเปิดห้องพักที่โรงแรม อ่อ…แล้วลูซก็อยู่ดูแลริวจัง…ริวจังไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ เพราะว่า
มันคือหน้าที่ของเจ้าสาวแสนสวยอย่างลูซ”

   พูดไปก็ทำท่าทางบิดไปมาอย่างกับเขินอาย ริวกระพริบตาถี่ๆ คิดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันก็ช่วยทำให้คนที่กำลังมึนงง
ได้สติกลับมาแทบจะทันที   

   “นายกำลังจะบอกว่า นายจะเป็นเจ้าสาวของฉันอย่างนั้นเหรอ!”

   “ใช่แล้ว”

   “ฉันไม่เชื่อ!”

   ริวพูดเสียงจริงจัง ใบหน้าหล่อน่ารักเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นี่มันต้องเป็นเรื่องตลกขำขันแน่ๆ มารดาของเขาอาจจะกำลัง
กลั่นแกล้งเขาอยู่

   “ทุกคนกำลังแกล้งฉันใช่ไหม?”

   ถ้าจะให้พูดถึงวันเกิด มันก็เพิ่งจะผ่านไปเมื่อสองเดือนก่อน หากมารดาจะแกล้งเขาก่อนในวันเกิดก็ไม่น่าใช่ ถึงแม่จะไม่รู้
เหตุผลที่คนเป็นแม่กลั่นแกล้ง แต่ริวก็เชื่อว่าเรื่องที่ลูซพูดนั้นไม่ใช่ความจริงอย่างแน่นอน มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะต้องมา
แต่งงานกับผู้ชาย

   บรรยากาศภายในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราและดูโรแมนติก ไม่ได้ทำให้ริวรู้สึกตาม เพราะตอนนี้ในสมองคิดเพียงแค่ว่า
เขาจะต้องรู้ความจริงให้ได้ว่ามารดาและทุกคนรุมหัวแกล้งเขาเพื่ออะไร

   “แกล้ง?”

   เสียงทุ้มดังขึ้นเกือบจะขึ้นโทนสูง ก็รู้สึกงงไม่น้อยกับคำพูดของริว ลูซขมวดคิ้วฉับ เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเนียนขยับ
ตัวเข้าไปใกล้ชิดคนตัวเล็ก

   “ก็ใช่น่ะสิ นายกับคุณแม่และทุกคน คงอำฉันอยู่ ฉันไม่เชื่อหรอก…ว่านายจะแต่งงานกับฉันจริงๆ”

   พอเริ่มมีสติ เขาก็เริ่มคิดทบทวน เรื่องอะไรจะไปเชื่อง่ายๆ เอกสารนั่นอาจจะเป็นของปลอมก็ได้ มารดาเขาอาจจะแกล้งทำ
มันขึ้นมา…แต่ว่า…แล้วจะแกล้งทำขึ้นมาเพื่ออะไรนั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆ

   “ริวจังเนี่ยน้า…คิดมากจริงๆ”

   ลูซอมยิ้ม รู้สึกว่าท่าทางที่จริงจังและขบคิดของริวนั้นช่างน่ารัก น่ามอง จนไม่อาจจะละสายตาได้ ริวหันไปมองลูซ

   “เฮ้อ…นายสารภาพมาดีกว่า ว่าทำแบบนี้ไปทำไม?”

   “เอ๋? ทำไมแบบนี้ นี่หมายถึงอะไรเหรอ?”

   “ก็ที่บอกว่าจะแต่งงานกับฉัน แล้วยังจะเป็นเจ้าสาวอีก โกหกฉันทำไมกัน”

   ท่าทางเอือมระอาของริว ทำให้ลูซขมวดคิ้วอย่างงงหนัก เพราะทุกอย่างคือความจริง แต่กลายเป็นว่าคนตัวเล็กไม่เชื่อเสีย
อย่างนั้น

   “ไม่ได้โกหกนะ พวกเราต้องแต่งงานกันจริงๆ ริวจังจำไม่ได้เหรอ ริวจังเป็นคนขอลูซแต่งงานเองเลยน้า ตอนเด็กๆไง”

   คำกล่าวของลูซทำให้ริวเงียบไป สมองเริ่มประมวลผลถึงภาพความทรงจำในตอนเด็กที่เริ่มไหลเข้ามาให้เขาได้นึกถึง

   .
   .

   .
   “แม่ค้าบ…ริวอยากแต่งงานกับนางฟ้า”

   เด็กชายวัยแปดขวบเดินจูงมือเด็กตัวเล็กที่ใบหน้าสวยงาม ราตรีมองหน้าเด็กน้อยแล้วอมยิ้ม

   “ริวอยากแต่งงานกับน้องเหรอจ๊ะ”

   น้ำเพชรเดินเข้ามาถามพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วเหลือบตามองลูซที่ก้มหน้าก้มตาอย่างขัดเขิน

   “ใช่ค้าบ คุณแม่จัดงานแต่งให้ริวทีนะค้าบ”

   “ต๊าย…ลูกคนนี้ ไวไฟจริงๆเลยน้า”

   ผู้เป็นแม่เอ่ยออกมา เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายที่ดูกระตือรือร้นอยากจะแต่งงานกับเด็กน้อยแสนน่ารัก ราตรียิ้มให้กับน้ำ
เพชร ทั้งคู่เองก็ยิ้มให้กัน

   “ต้องรอให้โตก่อนนะลูก ตอนนี้ลูกกับน้องยังเด็กอยู่เลย”

   ริวหน้าเสีย เริ่มเบะปากอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

   “แต่ริวอยากแต่งงานกับนางฟ้าตอนนี้ คุณแม่ค้าบ ให้ริวแต่งกับนางฟ้านะค้าบ คุณน้าค้าบ ให้ริวแต่งนะค้าบ”

   เด็กแปดขวบเข้าไปอ้อนราตรีที่เป็นมารดาโดยการโอบกอดเอว แล้วช้อนสายตามองน้ำเพชรอย่างออดอ้อน ลูซเดินเข้าไป
จับมือมารดา

   “ลูซอยากแต่งงานกับพี่ริวไหมจ๊ะ”

   น้ำเพชรก้มลงมาถามลูกชายตัวเล็กที่ในยามนี้ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ชาย ลูซพยักหน้าอย่างขัดเขิน เขาเองก็ไม่ค่อยจะรู้
เรื่องแต่งงานนัก แต่เด็กตัวน้อยรู้สึกแค่ว่าต้องพยักหน้าตอบกลับไป
   “งั้น…เป็นอันว่าตกลงแล้วกันนะจ๊ะ”

   หญิงสาวเอ่ยขึ้น ก้มมองหน้าลูกชายที่คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ราตรีลูบผมนิ่มของลูกชายตัวแสบวัยแปดขวบที่ยิ้มแย้มดีใจ
เดินเข้าไปจับมือของเด็กตัวเล็กกว่า

   “ริวจะแต่งงานกับนางฟ้า เจ้าสาวแสนสวยของริว”

   ริวยิ้มกว้าง พุ่งกายเข้าไปจุ๊บปากเล็กของลูซทันที ในขณะที่เด็กตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก็ไม่ได้ผลักไสออก

   .

   .

   .

   …ชัดเจน…   

   ความทรงจำในอดีตเริ่มไหลเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน ริวเริ่มจำได้แล้วว่าเขาเป็นคนขอลูซแต่งงาน แถมยังไปมอบจูบแรก
ของตัวเองให้กับกะเทยโรคจิตนี่อีก แค่คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ เขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าสวยที่กำลังส่งยิ้มมาเป็นระรอกคลื่น
อย่างไม่หยุดหย่อน

   “ริวจังจำได้หรือยัง?”

   …ถ้าตอบว่าจำได้…ต้องซวยแน่ๆ…

   ริวจำได้เกือบทุกอย่าง แม้จะไม่ทั้งหมด แต่เขาก็จำได้ว่าเขาและลูซได้เซ็นชื่อลงในสัญญาแต่งงาน แต่เขาเองก็ไม่คิดเลย
ว่า เรื่องในสมัยเด็กๆมันจะส่งผลต่อเขามากขนาดนี้

   “เฮ้อ…”
   เขาถอนหายใจออกมาอย่างปวดจิต ไม่รู้จะหาทางแก้ยังไง ยิ่งเห็นใบหน้าสวยที่แสดงถึงความกระตือรือร้น เขายิ่งเซ็งหนัก

   “ฉันจำไม่ได้”

   แน่นอนว่าเขาพูดโกหก แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตสักนิดที่ต้องพูดโกหกกับคนอื่น กับสาวๆ ที่เป็นคู่ควงของเขา เขาก็พูด
โกหกมาตั้งมากมาย เวลาที่เวลานัดชนกัน หรือเวลาที่ต้องปลีกตัวจากคนหนึ่งไปหาอีกคนหนึ่ง

   “อะไรกันริวจัง ลองนึกดีๆสิ”

   คนตัวโตเริ่มหน้าเสีย เขาไม่อยากจะคิดว่าริวลืมไปแล้ว ทั้งที่เขายังจำฝังใจ ถึงแม้ตอนนั้นจะอายุเพียงแค่ห้าขวบก็ตาม นั่นก็เพราะริวเป็นรักแรก เป็นคนมอบจูบแรก เป็นคนแรกที่ขอเขาแต่งงาน ขอให้เขาเป็นเจ้าสาว

   …เขาคือเจ้าสาวแสนสวยของริวจัง…

   นั่นคือสิ่งที่ลูซคิดมาตลอดในเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เรื่องแบบนั้นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในวันนี้เขากลับมาทำตามสัญญา
ริวคือคนที่เขารักมาตลอด ไม่ว่ายังไง เขาก็จะต้องแต่งงานกับริวให้ได้
   “ก็ฉันจำไม่ได้ ไม่เห็นจะเคยจำได้เลย ว่าฉันไปขอนายแต่งงาน”

   เรื่องอะไรเขาจะต้องพาตัวเองไปเดือดร้อนเพราะเรื่องตอนเด็กๆ ตอนนั้นมันก็แค่เรื่องเด็กเล่นกัน ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับ

ตอนนี้เลยสักนิด เขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับผู้ชายอยู่แล้ว
   …เพราะเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ…   

   ถึงแม้ริวจะมีหน้าตาหล่อน่ารักและตัวเล็ก แต่ความคิดและนิสัยของเจ้าตัวไม่ได้เป็นไปตามนั้นสักเท่าไหร่ เขาคือผู้ชายคน
หนึ่งที่รังเกียจพวกรักร่วมเพศ และไม่เคยคิดที่จะพาตัวเองไปเป็นอะไรแบบนั้น

   “แต่ลูซไม่ได้โกหกนะ ริวจังจะโทรไปหาคุณป้าราตรี กับคุณแม่น้ำเพชรก็ได้นะ”
   คนตัวสูงเอ่ยขึ้นด้วยความหวัง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะกดโทรหามารดาของตน ริวเบิกตากว้าง รีบจับมือของลูซให้
หยุดทันที ลูซชะงัก ริ้วรอยแห่งความเขินอายเกิดขึ้นที่แก้มทั้งสอง ดวงตาคมกริบมองใบหน้าหล่อน่ารัก

   “ริว…”
   เสียงทุ้มนั้นดูเต็มไปด้วยความเสน่หา ริวขนลุกซู่ รีบชักมือกลับ แต่คนตัวสูงไวกว่าจับมือริวเอาไว้ พร้อมกับริมฝีปากสวยที่
จุมพิตที่หลังมือเล็ก

   “ลูซดีใจสุดๆเลย ที่ริวจังจับมือ…”

   อึก….   

   คนตัวเล็กได้แต่กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ รู้สึกหายใจติดขัด ยิ่งลูซเอามือเขาไปแนบแก้ม กดยิ้มหวานอย่างยั่วยวน มันยิ่งทำให้ริวขนลุก ออกแรงทั้งหมดที่มีกระชากมือตัวเองกลับ

   “อ๊ะ!”

   ร่างสูงร้องออกมาอย่างตกใจ ที่คนตัวเล็กกระชากมือกลับอย่างแรง แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธเคือง

   …ริวก็คงจะเขินสินะ…   
   พอเห็นใบหน้าและการแสดงของลูซ ริวก็ยิ้มแหย

   …ตูไม่ได้เขินเฟ้ย!! แต่ขยะแขยง!!!...

   ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก ที่ผู้ชายตัวใหญ่มาแสดงท่าทีเหนียมอายไม่ได้มีความแมนเอาซะเลย

   “ฟังนะ…ฉันจะไม่แต่งงานกับนาย”
   ประโยคของริว ทำให้ลูซที่กำลังยิ้มหวานอย่างมีความสุข ต้องหุบยิ้ม แล้วขมวดคิ้วฉับ

   “ริวหมายความว่ายังไง?”

   เสียงทุ้มเริ่มไม่มีความสนุกสนาน ใบหน้าสวยงามนั้นเริ่มเผยให้เห็นถึงความเครียด

   “ก็หมายความว่าฉันไม่แต่งกับนาย นายจะบ้าหรือไง คิดอะไรอยู่ ผู้ชายด้วยกัน จะแต่งงานกันเนี่ยนะ ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง”

   สิ้นคำพูดของริว ริวคิดว่าลูซคงจะตัดใจ และหยุดเรื่องนี้ไป เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าผลตอบรับ มันกลับไม่เป็นดังที่
ชายหนุ่มคิดเอาไว้

   “ฮ่าๆๆ  คิคิ นี่ริวจังเป็นห่วงเรื่องนี้เองเหรอ…ริวจังไม่ต้องคิดมากหรอกน้า ต่างประเทศเขา คนเพศเดียวกันเขาก็แต่งงานกัน
เยอะแยะ ที่ไทยก็มี ที่เพศเดียวกันแต่งงานกัน สมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อยน้า”

   คนตัวสูงตอบอย่างอารมณ์ดี ริวแทบจะกุมขมับตัวเอง อยากจะศีรษะเอาฟาดกับขอบเตียงหลายๆครั้ง เพื่อจะช่วยให้สมอง
ของเขาหาคำพูดมาพูดกับไอ้ฝรั่งลูกครึ่งนี่ได้ผลสักที
   …เอาวะ…ต้องลองใช้วิธีนี้…   

   ริวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้น

   “ฟังนะ…ฉันเป็นผู้ชายแท้ๆ”

   คนฟังทำหน้างง เลิกคิ้ว แล้วเอ่ยถามทันที

   “ช่าย…ลูซเห็นแล้วล่ะ ว่าริวเป็นผู้ชาย”
   …ใครก็ได้ เอาไม้หน้าสามมาให้เขาที เขาอยากจะทุบหัวไอ้ผมทองนี่จริงๆ…นี่มันโง่ หรือมันมึน หรือมันอะไรกันแน่วะ!!!...

   คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยังไม่อยากมีเรื่องกับคนที่เด็กกว่า เขาพยายามพูดมันออกไปอีกครั้ง

   “ฉันไม่ใช่เกย์...แมนทั้งแท่ง! รู้เอาไว้ซะด้วย!”

   …คราวนี้…น่าจะชัดเจนพอแล้วนะ…
“เอ๋...”

เสียงทุ้มที่แสดงความสงสัยดังขึ้น ริวไม่ทันได้ใส่ใจ แต่ทว่าดวงตากลมก็ต้องเบิกกว้างเมื่อ…   

หมับ!

การกระทำเกิดขึ้นโดยที่ริวไม่ได้ทันได้ตั้งตัว เมื่อมือหนาของลูซเคลื่อนเข้ามาจับใจกลางลำตัวของริวอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่จับ แต่
มือหนานั้นกำลัง…คลำ…บีบ…คลึง
“อ่า...จับแล้วเป็นแท่งจริงๆ...แต่ว่าน้า เหมือนปากกาเลย เล็กจังเลยแฮะ”

“อ๊าก!!!!! จับตรงไหนของแกห๊า!!!!! ตายซะเถอะ ไอ้กะเทยโรคจิต!!!!”

ความอดทนทั้งหมดสิ้นสุดลง ในยามนี้ริวสติแตก ยกเท้าถีบร่างของลูซอย่างแรง จนชายหนุ่มตัวสูงที่ไม่ได้ระวังตัวเซล้มนอนไปบนเตียง

   “แก…แกกล้ามาก มาจับน้องชายของช้าน!!!”

   ความโกรธ ความโมโห ความอาย ผสมกันจนแยกไม่ออก ร่างเล็กกระโดดขึ้นไปทับร่างสูง แล้วเลื่อนมือไปจับคอเสื้อของ
ลูซ กระชากเขย่าๆ แรงๆจนร่างนั้นผงกขึ้นลงมา

   “ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก๊!!”

   หมับ!
   ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ถึงมือร้อนที่เลื่อนมาจับก้นนิ่มแล้วบีบขยำเบาๆ

   “คิคิ ก้นริวจังนิ่มจังเลย”

   “อ๊ากกกกกกก ฉันจะฆ่าแก!!”

   คราวนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปที่คอแกร่ง มือเล็กออกแรงบีบสุดกำลัง ถึงจะตัวใหญ่กว่าแต่พอโดนบีบคอก็เหมือนจะขาดอากาศหายใจ โอบกอดร่างเล็กแน่นจนตัวแทบจะชิดกัน

   ปัง!

   เสียงประตูห้องเปิดขึ้น ริวชะงัก แล้วปล่อยมือจากคอแข็งแรง ลูซที่กำลังหายใจไม่ออกนั้นก็หายใจโล่งขึ้น นึกว่าตัวเองจะ
ตายเสียแล้ว
   “ว้ายยยยย!!! ตายแล้ว นี่มันอะไรกัน”

   เสียงของน้ำเพชรดังขึ้นอย่างตกใจ เธอรีบเดินเข้ามาหาทั้งสองคนบนเตียง ริวหันไปมอง ก็เห็นว่ามีทั้งมารดาบิดา ไหนจะ
ยังคุณน้าน้ำเพชรและคุณน้าเลโอได้เข้ามาในห้อง ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้า

   …นี่เขาจะโดนข้อหาพยายามฆ่าหรือเปล่า…

   “น้าไม่คิดเลยนะ…ว่าริวจะทำกับลูซแบบนี้”
   น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของน้ำเพชร ทำให้ริวรู้สึกหวั่นใจ เขาก้มหน้าต่ำลง

   “ผมขอโทษครับ”

   “นั่นสิ…แบบนี้แม่ก็ใจคอไม่ดีเหมือนกัน ”
   “คุณแม่…”

   ริวเงยหน้ามองมารดา ที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนตำหนิและผิดหวังในตัวเขา แต่ประโยคต่อมาของมารดาก็ทำให้ริวอึ้งจนพูด
ไม่ออก

   “เดือนหน้าก็จะแต่งแล้วแท้ๆ…มาชิงสุกก่อนห้ามแบบนี้มันไม่ดีเลยนะตาริว”



100%
11/5/59
ฝากเพจด้วยนะคะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 2 เจ้าสาวแสนสวย
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-05-2016 22:30:04
 :m20:

ริวเอ้ย

สงสัยงานแต่งงานจะมาเร็วกว่าที่คิดแล้วล่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 3 นางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 13-05-2016 18:08:11
3
นางฟ้า

   
เรื่องที่เกิดขึ้นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ทำไมทุกคนถึงได้ทึกทักว่าเขากำลังจะชิงสุกก่อนห่ามไอ้กะเทยโรคจิต ผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้
ถึงหน้าจะสวยแค่ไหน แต่ริวก็ยังไม่บ้าพอที่จะไปขืนใจไอ้ผู้ชายตัวโต

   “คิกคิก”

   เสียงหัวเราะในลำคออย่างมีความสุขของลูซ แทบจะทำให้คนตัวเล็กสติแตก ชายหนุ่มเด้งพรวดจะลุกออกแต่ก็เสียท่าคนตัวสูง เพราะลูซกำลังโอบกอดเขาอยู่ พอพยายามจะยันกายลุก ก็โดนวงแขนแข็งแรงกดลงมา ทำให้ชายหนุ่มเสียหลักฟุบลงไป
จนปากร้อนกดลงมาจูบกับคางสวย
   “อุ๊ย”

   ดูเหมือนทุกคนที่อยู่ในห้องจะตกใจเบิกตากว้าง แต่แทนที่จะรู้สึกแย่ เสียงเหล่านั้นกลับดูตื่นเต้นดีใจเสียมากกว่า โดยที่ไม่ได้มองเลยว่าคนตัวเล็กที่โดนกระทำในตอนนี้รู้สึกอย่างไร

   ริวรวบรวมสติ เขารีบยันกายตัวเองออก โดยไม่คิดชีวิต เขาไม่คิดจะตกอยู่ในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้อง
หลุดพ้นจากบุคคลอันตรายนี้ให้ได้ คนตัวโตยอมลดปราการแข็งแกร่งลงทำให้ริวสามารถหลุดออกมาจากอ้อมกอดของเขาได้
ชายหนุ่มตัวสูงค่อย ๆ ยันกายนั่งพิงหัวเตียง ในขณะที่ริวแทบจะหยิบผ้ามาเช็ดปากตัวเอง

   ท่าทางเอียงอาย ราวกับเสียบริสุทธิ์นั้นทำให้ริวอึ้งหนัก ทุกคนต่างเข้ามาหาชายหนุ่ม สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความ

กดดันพอสมควร เหมือนจะต้องการบอกว่า เขาควรจะรับผิดชอบที่ไปทำเกินเลยและลวนลามว่าที่เจ้าสาว
   …แต่จะมีใครสักคนที่เข้าใจบ้างว่า เขาต่างหากที่กำลังโดนว่าที่เจ้าสาวคนนี้ลวนลาม…แถมเขายังเหมือนจะเสียเปรียบทุก

ทาง…ไม่มีใครเข้าใจเขาเลย…
   “ริวต้องรับผิดชอบ”

   เสียงของราตรีบ่งบอกว่าไม่คิดจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ง่าย ๆ ชายหนุ่มเงยหน้ามองมารดา อย่างเขาจะให้ไปรับผิดชอบ
ไอ้ผู้ชายตัวโตนี้อย่างไรกัน
   “ผมไม่เข้าใจครับคุณแม่”
   “ลูกชายของพี่ทำกับลูซแบบนี้ พี่คงต้องรับผิดชอบ”

   “จริงเหรอคะ น้องดีใจจังเลยค่ะ”
   รุ่นพี่รุ่นน้องต่างคุยกันอย่างถูกอกถูกใจ ริวหน้าเสีย เริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีที่จะกำลังตามมา


   “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้น มันเสื่อมเสียกับน้องนะตาริว น้องเสียเปรียบ”

   …เสียเปรียบ…ใครกันแน่ที่มันเสียเปรียบ!
   ริวอยากจะทึ้งผมตัวเองแรงๆ นี่มารดาของเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ อีกใช่ใช่ไหม
เพราะแค่จับเขาแต่งงานกับไอ้กะเทยตัวใหญ่ มันก็เกินจะทนแล้ว ยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมแต่ง ไม่มีวันยอมอยู่ใกล้ๆ ไอ้โรคจิตนี้แน่

“ก่อนแต่งงาน แม่จะให้น้องเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา ริวต้องดูแลน้องนะลูก”

   “!!!”

   คนตัวเล็กแทบจะลมจับ ร่างกายโงนเงน ลูซเข้าไปประครองร่างบาง ริวที่กำลังจะหลับตา พอได้รับสัมผัส ก็ลืมตาขึ้น เขา
เด้งตัวถอยหนีด้วยความตกใจ ลูซเลิกคิ้วด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่วายส่งยิ้มหวานให้

   …ทำไม…

….ทำไมใบหน้าสวยๆ แบบนี้ ต้องไปอยู่บนร่างผู้ชายด้วย!!...

   สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเลยจริงๆ  ถ้าคนตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิง การตอบตกลงเรื่องแต่งงานอาจจะง่ายเสียยิ่งกว่าสิ่ง
ใด แต่เพราะลูซเป็นผู้ชาย และเขาเองก็ไม่ใช่เกย์ ไม่ได้มีรสนิยมบริโภคผู้ชายด้วยกัน

   “เอาเป็นว่า เดี๋ยวสัปดาห์หน้า หนูลูซ ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของป้าได้เลยนะจ๊ะ”
   “ครับ คุณป้า”

   ลูซตอบพร้อมกับรอยยิ้มสวย แล้วหันไปกอดริวจากด้านข้าง วางคางเกยไหล่เล็ก เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างร่าเริง

   “ดีใจจังเลย ลูซจะได้ซ้อมเป็นภรรยาก่อนวันจริงด้วยล่ะ คิคิ”


   คนพูดดูจะมีความสุขมาก ในขณะที่คนฟังนั่งอึ้ง ตัวค้างเป็นหินไปเสียแล้ว ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างก็เข้าข้างเจ้าลูซนี่ แล้วหลังจากนี้ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร แค่คิดริวก็แทบจะสิ้นสติ แต่เพราะเขาเป็นลมสติแตกมารอบหนึ่งแล้วจะให้เป็นซ้ำๆ มันก็ออกจะเกิน
ไปหน่อย

   

-------+++++-------

   บ้า!!

   เรื่องทั้งหมดมันต้องไม่ใช่เรื่องจริง!!!

   ร่างเล็กลืมตาโพรงอยู่ในห้องนอน พรุ่งนี้ก็คือวันจันทร์ นั่นก็คือวันที่จะเริ่มต้นชีวิตอันแสนน่าสงสารของเขา
   …เจ้านั่น…ไอ้กะเทยโรคจิตนั่น…จะเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับบ้านของเขา…

   ก๊อกๆๆ

   ริวไม่อยากจะเปิดประตู แต่ด้วยมารยาท เขาก็ต้องเด้งกายลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตู แล้วก็พบกับสตรีที่อายุมากกว่า
เขาเพียงไม่กี่ปี
   “พี่ริน”

   “ก็ใช่น่ะสิ ฉันเอง”

   “มีอะไรครับ”

   ริวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย แค่คิดถึงวันพรุ่งนี้ เขาก็เซ็งจนไม่อยากจะทำอะไร แม้จะพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ให้คิดมาก แต่พอคิดแล้วใจมันก็ว้าวุ่นไปหมด เจอกันวันแรกก็โดนจูบ แถมยังโดนจับ…

   …อ๊ากกก….

   แค่คิด มือเล็กก็แทบจะเลื่อนไปดึงทึ้งผมตัวเองอย่างแรงเหมือนกับคนบ้า ดวงตาคู่สวยนั้นลนลาน คิดไม่ตกว่าควรจะทำ
อย่างไร เขาจะทำอะไรได้บ้าง แล้วเขาจะไปไหน หรือเขาจะต้องหนีไปอยู่คอนโด แล้วทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายหนี ในเมื่อที่นี่มัน
คือบ้านของเขา ไม่ใช่ของเจ้านั่นสักนิด
   “เป็นอะไรของแกห๊า!”

   รินแทบจะตะโกนถามเมื่อเห็นน้องชายทรุดลงกับเก้าอี้ ทึ้งรั้งผมของตัวเอง ริวหลุดออกมาจากความคิดที่ฟุ้งซ่าน

   …ใครจะไปคิดว่าเจ้ากะเทยโรคจิตนั่นมันจะมีผลต่อสมองของเขามากขนาดนี้…

   …น่ากลัวโคตรๆ …

   “คุณแม่ให้ฉันมาเรียกแกไปกินข้าว”

   “ผมไม่หิว”

   ริวเดินโซเซ แล้วล้มลงกับเตียง ใบหน้าฟุบลงกับเตียง รินเข้าไปกระชากคอเสื้อของริว สีหน้าของเธอแสดงถึงอาการไม่พอใจ

   “อย่ามาลีลา ลงไปกินข้าว”

   “โถ่…พี่ริน พี่ไม่ใช่ผม พี่ไม่เข้าใจหรอกครับ”   

   “เข้าใจ? เข้าใจอะไร?”
   “ก็เรื่องที่ผมโดนบังคับให้แต่งงานกับเจ้ากะเทยนั่น”

   ริวยันกายนั่ง ใบหน้าง้ำงอ รินเบ้ปาก แล้วหย่อนกายนั่งลงข้างๆกับน้องชาย เธอถอนหายใจออก

   “ฉันเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณแม่ทำหรอกนะ”

   คำสารภาพของพี่สาว ทำให้ริวแทบจะตาโต เนื่องจากพี่สาวของเขาไปต่างประเทศ เพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่กี่วัน และเพิ่งจะมี
โอกาสได้คุยกันวันนี้ ชายหนุ่มขยับเข้าไปหารินทันที

   “จริงเหรอครับ!”

   ริวคลี่ยิ้มแห่งความดีใจและความหวัง เขารู้ว่าทั้งพ่อ ทั้งแม่และน้องสาว ต่างก็ชื่นชอบและเข้าข้างลูซ แต่ตอนนี้เขากำลังจะ
มีพวก นั่นก็คือพี่สาวของเขา
   “จริงน่ะสิ ใครจะไปอยากมีน้องสะใภ้เป็นแบบนั้นล่ะ”

   พอได้ยินคำกล่าวของพี่สาว ชายหนุ่มก็พุ่งไปกอดคนเป็นพี่ด้วยความปลื้มปิติ

   “ผมดีใจจริง ๆ เลยครับ ที่พี่รินอยู่ข้างเดียวกับผม”

   “เฮ้อ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันจะไปขัดใจอะไรแม่ได้ล่ะยะ”
   “ผมไม่ยอมแต่งงานกับไอ้กะเทยนั่นแน่ๆ ”


   “แล้วคิดว่าฉันอยากจะยอมหรือไง”
   “ถ้าไม่ยอม พี่ก็ช่วยผมสิครับ”

   “หืม? ช่วย? ช่วยยังไง”

   หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่น้องชายบอกกล่าว ริว กระตุกยิ้ม ถึงแม้จะยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำ
อะไร แต่เขาก็คิดว่าคงต้องทำทุกวิถีทางที่จะกำจัด ขับไล่ ลูซออกไปให้ได้

   “ผมก็ยังคิดไม่ออกหรอกครับ แต่ว่าผมคงต้องทำทุกอย่างให้เจ้านั่น ตัดใจจากผม แล้วก็ขอยกเลิกงานแต่งให้ได้”

   “อืม…เอาเป็นว่า ฉันจะช่วยแกทุกทางก็แล้วกัน”
   “จริงนะครับ พี่ริน”

   “จริงสิ!”

   เพราะในอดีตก็มีความทรงจำที่ฝังใจ คนรักแรกของเธอที่เคยคบกันมาเกือบสามปี  มาขอเลิกด้วยเหตุผลที่ว่า

   …เขาคิดว่าเขารักผู้ชายด้วยกัน…

   มันทำให้รินรู้สึกเจ็บใจมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ไม่คิดจะให้อภัยพวกผิดเพศแบบนั้นเด็ดขาด เธอไม่คิดจะมีน้องสะใภ้เป็นผู้ชาย เธอต้องมีน้องสะใภ้เป็นผู้หญิง

   “ขอบคุณมากนะค้าบ พี่ริน”

   ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้แน่น กดหอมแก้มนิ่มของเธอซ้ำๆ จนรินเบ้หน้าหนีแล้วดันหน้าริวออก

   “รีบลงไปกินข้าวได้แล้วย่ะ! ทุกคนรอนานแล้ว”

   “ครับผม!”




-------+++++-------

   Rrrrrr

   ชายหนุ่มในชุดสูท หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย เสียงจากปลายสายทำให้เขาต้องระบายยิ้มออกมา

   “ว่าไงวะ”

   [วันนี้ว่างเปล่า ฉันเจอที่เจ๋งๆ ว่ะ]
   “ที่ไหนอะ…น่าสนใจมากหรือเปล่า”

   ริวเหลือบตาขึ้น พลางคิดจินตนาการตามน้ำเสียงของเพื่อนรักที่โทรมา พอได้ยินประโยคตอบรับ ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มอย่าง
พอใจ



   [แจ่มๆ ทั้ง สเปคแกทุกคนเลย อกเป็นอก เอวเป็นเอว]

   แค่คิดก็พาลจะน้ำลายไหล ริวสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเลิกงาน ชายหนุ่มออก

จากบริษัท รีบตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่

   “ได้เลย…เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน”

   อารมณ์ที่เคยขุ่นมัว เพราะต้องมานั่งระแวงว่าสัปดาห์นี้จะมีคนมาอยู่ร่วมชายคาได้ลืมเลือนไป เพราะตอนนี้ริวได้รับสิ่งที่เร้าใจมากกว่า คืนนี้คงเป็นการเที่ยวที่ชวนให้เขาได้พักผ่อนหย่อนใจ แค่คิด…ชายหนุ่มก็สุขเสียจนแทบทนไม่ไหว

   เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าคลับแห่งหนึ่ง พอเข้าไป ก็เจอกับพนักงาน พอบอกชื่อคนที่จองห้องเอาไว้ พนักงานก็ผาย

มือเดินนำเขาไปยังห้องวีไอพี

   แกร็ก
   ประตูห้องถูกเปิดออกไป ริวยกมือทักทายเพื่อนรักที่นั่งอยู่คนเดียว ขาเรียวยาวนั่นยกขึ้นมาไขว่ห้าง ในมือมีแก้วไวน์อยู่

   “ไหนวะ สาวๆ ของแก”

   คนตัวเล็กมองจนทั่วแล้วก็ไม่พบว่ามีใคร วาโยเพื่อนตัวสูง ผิวขาวสะอาด ใบหน้าหล่อตามสไตล์คนจีนยกมือตบที่เบาะ

โซฟา
   “นั่งก่อนดิวะ ใจเย็นๆ”


   “เออ”
   ริวตอบรับอย่างเซ็งๆ หย่อนกายนั่งลงใกล้ๆ เพื่อนรัก วาโยเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เพราะว่ามีนิสัยคล้ายๆ
กัน เลยทำให้อยู่ด้วยกันได้ วาโยเองก็เจ้าชู้เหมือนกับเขา เพียงแต่รูปร่างของชายหนุ่มนั้นสูงโปร่งกว่าเขา วาโยสูง 183
เซนติเมตร ในขณะที่เขาสูงแค่ 170 เซนติเมตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนของพวกเขาแตกต่าง


   แขนเรียวยาว พาดลงบนไหล่เล็ก ริวหันไปมองวาโย เขาเอนศีรษะพิงกับพนักพิงโซฟา วาโยมองเพื่อนรัก แล้วก็ได้แต่
สงสัย

   “เป็นอะไรวะ ดูหน้าเครียดๆ”
   “จะมีเรื่องอะไรล่ะ”

   “อ๋อ…เรื่องที่แม่แก บังคับให้แกแต่งงานอะนะ?”

   “เฮ้อ”

   พอได้ยินเสียงถอนหายใจของเพื่อน วาโยก็รู้เลยว่า สิ่งที่เขาคิดมันถูกต้อง มือร้อนตบบ่าเพื่อนรัก เป็นเชิงให้กำลังใจ

   “ถ้าแกไม่อยากแต่งก็บอกแม่แกไปสิวะ อีกอย่างแกก็เพิ่งจะยี่สิบสี่เอง ให้พี่สาวแกแต่งไปก่อนสิ”

   “ฉันบอกแล้ว แต่คุณแม่บอกว่า ถ้าไม่ยอมแต่งจะตัดแม่ตัดลูก”
   “เฮ้ย! คงไม่ขนาดนั้นมั้ง แกเป็นลูกนะเว้ย”

   “แกก็รู้ว่าคุณแม่เป็นคนพูดจริงทำจริง”

   ไม่ใช่ว่าริวไม่เคยขอร้องมารดาว่าไม่อยากแต่งงาน แต่มารดาเขาก็ไม่ยอม แถมยังบอกว่าถ้าไม่แต่งจะตัดแม่ตัดลูก รวมทั้ง
ตัดออกจากกองมรดกเสียด้วย
   “เอาน่า…แม่แกจะให้แต่งงาน ฉันเชื่อว่าคนคนนั้นต้องสวยใช่ไหมล่ะ”

   “อืม…ก็สวย”

   ริวปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลูซเป็นคนที่มีหน้าตาสวยมาก และถูกใจเขามากที่สุด ในบรรดาผู้คนที่เขาเคยเจอ ยอมรับเลยว่าเคย
เก็บเอาใบหน้านั้นไปฝัน แต่ความฝันของเขาก็เหมือนฝันร้าย เมื่อกลับกลายเป็นว่านางฟ้าที่แสนงดงามนั่น คือ…ผู้ชาย
   “แกก็ชอบคนสวยนี่หว่า ได้เมียสวยๆ แล้วจะมีปัญหาอะไรวะ มีผู้หญิงสวยๆ มาแต่งงานด้วย แกน่าจะดีใจ”

   “ผู้ชาย…”

   เสียงเรียบๆ ของริว สร้างความประหลาดใจวาโย เขาเคยบอกเพื่อนรักไปแล้วก็จริงว่าเขาจะแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้บอกไปว่า
ต้องอดสูถึงขั้นแต่งกับผู้ชายด้วยกัน

   “แกหมายความว่าไงวะ”

   วาโยถามออกไปด้วยความงงหนัก ที่อยู่ๆ ริวก็พูดคำว่าผู้ชายออกมา ร่างสูงถอนหายใจอย่างเซ็งจัด

   “เจ้าสาวของฉันเป็นผู้ชาย มันสูงตั้ง 189 เซนติเมตร ไอ้กะเทยเปรตนั่น ฉันต้องแต่งงานกับมัน”
   ริวพรั่งพรูถ้อยคำที่แสนเจ็บปวด มือเล็กแทบจะยกขึ้นมาขยุ้มผมของตัวเอง พอคิดทีไรแล้วเขาแทบจะสติแตก เขาอยากจะ
บ้า เขาต้องแต่งงานกับไอ้ผู้ชายนั่น เขาเกลียดมัน ไอ้กะเทยโรคจิต ไอ้….


   สารพัดคำด่าที่เกิดขึ้นในสมองของริว อยากจะผลักไสเจ้าโรคจิตนั้นให้ไปไกล ๆ แต่อีกไม่นาน เจ้านั่นก็จะย้ายเข้ามาในบ้าน
 …เขารับไม่ได้ รับไม่ได้!!!...

   พนักงานหนุ่มเดินเข้ามารับออเดอร์ วาโยละสายตาจากเพื่อนรักแล้วหันไปสั่งอาหารเพียงไม่กี่อย่าง ริวเงยหน้าขึ้น อ้าปาก
ออกไปเสียงดัง

   “เหล้า! ไปเอาเหล้ามา! เอาเยอะๆ เอามาเยอะๆ เลย”
   ชายหนุ่มสั่งออกไปรัวเร็ว ตอนนี้เขาเหมือนคนจะสติแตกแล้ว เขาคิดหนทางอะไรไม่ออก ขอแค่ดื่มเหล้า อาจจะช่วยได้


   “เฮ้ย ใจเย็นๆ สิวะ”
   “เร็วๆ สิน้อง”

   ริวหันไปเร่งพนักงาน พนักงานหนุ่มก้มหัวเพียงนิด เอ่ยปากตอบรับ แล้วเดินออกจากห้องไป วาโยเห็นสภาพเพื่อนรักไม่

ค่อยดี จึงหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเจ้าของร้านให้ส่งสาว ๆ มาช่วยทำให้เพื่อนเขาอารมณ์ดีขึ้น

   “เครียดอะไรอยู่เหรอคะ?”

   เสียงใสๆ พร้อมกับผู้หญิงสามคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง ริวละสายตาจากแก้วเหล้าที่เขาได้สั่งไป มือเล็กกำลังยกแก้วเหล้า
กระดกดื่มเป็นอันต้องชะงัก ใจของเขาเต้นแรงเมื่อเห็นต้นขาขาวเนียนที่โผล่พ้นชุดเดรสสีดำมันวาว

   อึก…แม่เจ้าโว้ย…

   เลือดในกายเดือดพล่าน พวกเธอขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ริว ชายหนุ่มหลุดออกมาจากความคิดที่แสนกังวล วาโยเอง จากที่ตอนแรกจะเข้าไปปลอบใจเพื่อน แต่พอเห็นของสวยๆ งามๆ อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ไม่คิดจะสนใจ เพราะตอนนี้ริวเองก็เหมือนจะ
สนุกไปกับสุรานารี เสียจนไม่คิดถึงความทุกข์ที่กำลังกังวลใจ

   แม้จะเป็นคนที่ชอบเที่ยว แต่ว่าวาโยก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อการงานที่ได้รับ เขาเองก็เป็นถึงระดับผู้บริหาร เรื่องผู้
หญิงก็เหมือนเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่ต้องเลือกเสพโดยไม่ให้กระทบต่อหน้าที่การงานจนมากเกินไป เขาไม่ได้ดื่มมากมายเหมือนกับริว อันที่จริงในยามปกติแล้ว ริวจะไม่ค่อยเป็นพวกนักดื่มสักเท่าไหร่นัก แต่เหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะเครียดหนักถึงได้กระดกน้ำสี
อำพันลงคอราวกับเป็นน้ำเปล่า และแน่นอนว่าผลสุดท้ายของมันก็คือ…

   “เฮ้ย! ริว พอได้แล้ว เมาแล้วนะโว้ย”
   นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน วาโยคิดว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ต้องไปทำงานเหมือน มาเที่ยววัน
นี้ก็เหมือนมาคลายเครียด ริวโงนเงน จะจับแก้วเหล้ายกดื่ม ทั้งๆ ที่แก้วนั้นมันว่างเปล่าไปแล้ว

   “คราย…ครายเมา ม่ายมีสักนิ๊ดด”

   “พรุ่งนี้แกก็ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอวะ ลุกๆ กลับได้แล้ว”

   วาโยยืนขึ้น กระชากแขนของเพื่อนให้ยืนตาม เขาหันไปยิ้มให้กับสาวๆ และบอกพวกเธอให้กลับไปได้แล้ว โดยที่ไม่ลืมให้
เงินเล็กๆ น้อยๆ แก่พวกเธอก่อนที่จะไป

   “ไอ้เชี่ยริว…แกจะทำให้ฉันต้องลำบากอีกแล้วใช่ไหมวะ”
   ร่างสูงพรูลมหายใจออกมาอย่างเซ็งจัด เขาโทรเรียกพนักงานให้มาช่วยลากเพื่อนเขาไปที่รถ ดูท่าแล้ววันนี้ริวคงจะขับรถ
กลับบ้านเองไม่ได้ เขาเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเพื่อน สุดท้ายวาโยก็เป็นคนพาริวกลับไปส่งที่บ้าน

   “ว้าย! ตายแล้ว”

   “ริวเมาหนักน่ะครับคุณแม่ ผมเลยมาส่ง”

   “เหลวไหลจริงๆ เจ้าลูกคนนี้”

   ราตรีเอ่ยตำหนิบุตรชาย เธอมองวาโยที่ประครองร่างของริวไปวางไว้ที่โซฟาใจกลางบ้านหลังใหญ่

   “นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
   “จ้า ยังไงแม่ก็ขอบใจมากนะจ๊ะ ที่อุตส่าห์พาตาริวมาส่ง”

   “ไม่เป็นไรครับ ลาล่ะครับ”

   ชายหนุ่มยกมือไหว้ราตรี ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป หญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ทำไมสภาพ
ลูกชายของเธอถึงได้เป็นแบบนี้

   “มีอะไรกันเหรอครับคุณป้า”

   เสียงทุ้มดังขึ้น ราตรีสะดุ้งเล็กน้อย ในเย็นวันนี้ลูซได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของเธอแล้ว ชายหนุ่มเดินลงมาจากบันได วันนี้
ต้องนอนต่างที่ จึงนอนไม่ค่อยหลับ เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นร่างที่นอนอยู่บนโซฟา

   “เอ๊ะ…ริวจัง”
   ใบหน้าหล่อน่ารักแดงก่ำ เสื้อผ้าที่สวมก็ไม่ค่อยเรียบร้อย กระดุมเสื้อถูกปลดจนถึงสามเม็ด ราตรีถอนหายใจออกมา

   “ตาริวนี่เหลวไหลมากๆ ลูซคงจะผิดหวังมากเลยใช่ไหมจ๊ะ”

   “ไม่หรอกครับคุณป้า ผู้ชายก็ต้องดื่มสังสรรค์กันอยู่แล้วล่ะครับ”   

   ว่าที่ลูกสะใภ้เอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ราตรียกมือทาบอก ใบหน้าปลื้มปริ่ม ว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอช่างแสนดี เธอนี่เลือกลูกสะใภ้ไม่ผิดเลยจริงๆ

   “อย่าเรียกว่าป้าเลยนะ มาซ้อมเรียกคุณแม่ดีกว่านะลูก”

   “ครับ คุณแม่”

   พูดไปก็เขินไป ลูซเองก็เขินที่ต้องเรียกราตรีว่าแม่ แต่พอคิดอีกที อีกไม่นานเขาก็จะเป็นสะใภ้ของที่นี่ แค่คิดก็มีความสุข
จนแทบจะคลั่ง
   “แล้ว…ริวจัง”

   “อ่า…สงสัยคงต้องปล่อยไว้ตรงนี้  เพราะว่าทุกคนก็คงเข้านอนกันหมดแล้ว”

   “ถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร ลูซขอเป็นคนพาริวจังไปนอนในห้องได้ไหมครับ ลูซ อยากดูแลริวจัง ถ้าริวจังอยู่ตรงนี้ ริวจังอาจจะ
ไม่สบายก็ได้”

   “ต๊าย…ตาย ลูกแม่ ช่างเป็นคนดีอะไรอย่างดี ตาริวต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้าตื่นมาแล้วเห็นหนูอยู่ดูแลใกล้ๆ”

   ร่างสูงบิดกายเล็กน้อยอย่างเขินอาย เขาพยักหน้ารับคำชมของว่าที่แม่สามี แล้วเข้าไปช้อนตัวริวขึ้นมาในท่าเจ้าสาว
   “ไหวไหมลูก”

   “สบายมากครับคุณแม่…เพราะภรรยามีหน้าที่ดูแลสามีนี่ครับ”

   ชายหนุ่มเอ่ยไป ก็เขินไป ราตรีได้แต่มองตามคนตัวสูงที่อุ้มลูกชายเธอด้วยแขนทั้งสองข้าง รู้สึกดีใจมากเหลือเกินที่ต่อ
จากนี้เธอคงจะหมดห่วง เพราะว่ามีลูกสะใภ้ที่น่ารัก

   ขาเรียวยาวก้าวเดินขึ้นบันได แขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งนั้นซ้อนเข้าใต้วงแขนเล็ก โอบอุ้มลำตัว ส่วนแขนอีกข้างก็ซ้อนเข้าที่
ข้อพับขาทั้งสอง ริวปรือตามองอย่างมึนงง สิ่งที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมา ในขณะที่คนตัวสูงก้าวเดินตรงไปยัง
ห้องนอนของริว
   “นางฟ้า…”


   ชายหนุ่มเอ่ยออกมาราวกับเพ้อ มือเล็กขยับเลื่อนไปสัมผัสแก้มของนางฟ้าตรงหน้า ลูซคลี่ยิ้ม ใช้มือดันประตูเข้าไปให้นอน แล้วยกเท้าดันให้ประตูปิด ใช้ไหล่กด

สวิซต์เปิดไฟให้ห้องสว่าง เขาเดินตรงไปยังใจกลางห้อง

   “สวย…นางฟ้า…บนสวรรค์”

   ริวเอ่ยเสียงหวาน ลูซค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียง  เขาคลี่ยิ้มอย่างงดงาม ริวมองอย่างเพ้อฝัน ยกมือไปลูบแก้มของลูซ
นิ้วเล็กไล่ต่ำลงมาที่ริมฝีปาก

   “ริวจัง…”

   ลูซเรียกเสียงแผ่ว ดวงตาคู่สวยทั้งสองปรือปรอย แก้มแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกฮอล์ เขาส่งยิ้มหวานให้กับนางฟ้าตรงหน้า ลูซค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนเข้าไปใกล้ มือลูบไล้ไปตามตัวของชายหนุ่ม


   “สวรรค์…”
   คนตัวเล็กเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ลูซได้ยินชัดเจน เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ

   “ไม่ต้องห่วงนะริวจัง…ลูซจะดูแลริวจังเป็นอย่างดี…”


   “อ่า…”

   “จนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นเลยล่ะ…หึหึ”
   

   100%
13/5/59

ฝากเพจด้วยนะคะ :) https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/




หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 3 นางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 13-05-2016 18:33:46
นางฟ้า succubus สินะ คึคึ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 3 นางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 15-05-2016 13:29:34
นางมารในคราบนางฟ้าสินะลูซเนี่ย  :hao6:
ตอนหน้านี่คนแต่งจะสนองนี๊สคนอ่านไหมเจ้าคะ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 3 นางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 15-05-2016 18:24:50
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 15-05-2016 19:59:43
4
ดูแลเป็นอย่างดี




   ว่ากันว่า การดื่มเหล้าเหมือนจะช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แต่มันก็ไม่ได้ถาวรนัก เพราะถึงสติของตัวเองจะ
พยายามหนีไปจากปัญหาสักแค่ไหน แต่ปัญหา…ตัวปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
   “ถึงลูซจะไม่ชอบให้ริวจังดื่มเหล้า…แต่ว่าแบบนี้มันก็ไม่เลวแฮะ”

   ลูซนั่งลงข้างๆกับกายบาง เขาไล้ข้อนิ้วไปตามใบหน้าเรียวของริว ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ แก้มเล็กนั่นกำลังขึ้นสี
ระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

   “อื้อ…”   
   คนตัวเล็กรู้สึกรำคาญ ที่มีมือใหญ่มาลูบไล้ที่ใบหน้า เขาบิดกายไปมาอย่างไม่สบายตัว ลูซเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม

   “อึดอัดเหรอริวจัง”

   “อื้อ…”

   เสียงครางในลำคอ ยิ่งทำให้ลูซได้ใจ เขาเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าออก ก่อนจะค่อยๆ แหวกสาบเสื้อออกอย่าง
ช้าๆ

   “อ่า…หัวนมของริวจัง…”

   สายตาของลูซจับจ้องอยู่ที่ยอดอกเล็กที่อยู่บนแผ่นอกบาง เขาแลบเลียริมฝีปากของตนเอง

   …ถึงจะไม่ใช่สีชมพู…แต่ก็น่ากินสุดๆ…

   ปลายนิ้วเริ่มถูไถขยี้ยอดอกสีเนื้อที่ออกไปทางเข้มซึ่งเข้ากับผิวขาวเหลืองของชายหนุ่ม เพราะริวก็ไม่ใช่ผู้ชายอ้อนแอ้น
เพียงแค่โครงร่างของร่างกายเล็กกว่าผู้ชายทั่วไปก็เท่านั้น   

   ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามผิวกายที่เนียนนุ่ม ผิวของริวละเอียดสวย กายเล็กกระตุกเบาๆ เมื่อเล็บคมสะกิดเล่นที่ยอดอกซึ่ง
กำลังตอบสนองต่อการปลุกเร้า จนเริ่มชูชันขึ้นมา
   “ริวจังอยากให้ลูซดูดเหรอ…”

   ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะเข้าข้างตัวเองแบบสุดกู่ เขามองจุกเนื้อที่แข็งยั่วยวนสายตา ที่จริงลูซก็ไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาส
ใครเลยแม้แต่น้อย…ยกเว้นแต่กับริวจัง

   “เพราะว่าริวจังดูอึดอัด ลูซก็เลยจะช่วยหรอกนะ”

   เสียงทุ้มนั้นดูเหมือนจะใจดี แต่ทั้งหมดก็เหมือนจะทำไปเพื่อตัวเองล้วนๆ ปลายลิ้นร้อน แตะลงที่ยอดอกเล็กอย่างแผ่วเบา
ริวสะดุ้ง มือของเขาปัดป่ายไปมาบนพื้นเตียง

   “อื้อ…”

   ลูซเองที่ตอนแรกกะแค่ว่าอยากจะลองสัมผัสดูสักเล็กน้อย เพราะการลักหลับว่าที่สามีมันคงจะไม่ดีนัก แต่ของที่เขาอยาก
จะกินมันอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป…ถ้าไม่เรียกว่าโง่…ก็คงโคตรโง่

   “อะ อึก”
   เสียงครางหวานดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อลูซเริ่มรัวลิ้นแตะกับยอดอกสวย ในขณะที่มืออีกข้างก็เลื่อนไปขยี้ยอดอกอีกช้า เขาดูด
เม้มจุกเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย ริวรู้สึกได้ถึงความสุขสมที่ร่างกายของเขาได้รับ จึงแอ่นอกขึ้นให้คนตัวสูงได้สัมผัสมากกว่าเดิม

   “ริวจัง…”

   ลูซครางเสียงแหบพร่า เขางับกัดยอดอกเล็กอย่างแผ่วเบา ขยับปากเลื่อนไปดูดเม้มทำรอยรักที่แผ่นอกไว้หนึ่งรอย ก่อนจะ
ผละออก ริวยังคงนอนหลับไม่ได้สติ

   “ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนล่วงหน้า กับการดูแลของลูซก็แล้วกันนะ”

   ชายตัวสูงขยิบตา ก้มลงมาจูบแก้มเล็ก ก่อนจะเดินไปหาผ้าและกะละมังใบเล็ก ลูซเริ่มปลดเสื้อของริวออก เขารู้สึกเขินเล็ก
น้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มคิดจะหยุดปลดเสื้อผ้าของว่าที่สามี

   “ลูซเขิ๊น เขิน”

   แม้จะพูดอย่างนั้น แต่มือร้อนนั้นราวกับปลาหมึก เขาใช้มือหนึ่งจับผ้าเช็ดไปตามผิวกาย ส่วนมืออีกข้างก็ใช่ว่าอยู่เฉย กลับ
ลูบไล้เล่นไปเรื่อย สายตาคมเลื่อนต่ำลงมาที่ใจกลางลำตัว เขาระบายยิ้ม

   “อืม…ลูซไม่ได้จะลวนลามริวจังเลยน้า แต่ว่ามันจำเป็น”

   เขาเอ่ยบอกอย่างน่ารัก ใบหล่อสวยนั้นไม่ได้มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด เสื้อผ้าส่วนล่างของริวถูกมือใหญ่ปลดเปลื้องอย่าง
รวดเร็ว เหลือเพียงแค่ชั้นในสีน้ำเงินเข้มที่อยู่บนกายเล็ก
   “สีแมนจังเลย”

   แต่ก็ไม่ได้พูดเปล่า ฝ่ามือใหญ่นั้นเลื่อนไปสัมผัสความเป็นชายผ่านเนื้อผ้า ลูซลูบไล้มันไปตามความยาวของแท่งเนื้อ

   “อ่า…”

   เขาพยายามหักห้ามใจ เปลี่ยนเป้าหมายมาเช็ดตัวให้กับริวแทน แต่เพียงไม่นาน ความต้องการมันก็มากกว่า ใบหน้าสวย
ก้มลงไปจูบไล้ที่ต้นขาเล็ก อดไม่ได้ที่จะดูดเม้มทำรอย แสดงความเป็นเจ้าของ
   …ริวจังเป็นของลูซคนเดียว…

   

-------+++++-------

   กว่าริวจะตื่นมา ก็เกือบเป็นช่วงสายของอีกวัน เขารู้สึกปวดหัวตุบ ๆ นั่นก็คงมีสาเหตุมาจากสุราที่ได้ดื่มเข้าไป

   “อ่า…”

   ริวยันกายลุกนั่งพิงหัวเตียง เขาสะบัดศีรษะไล่ความมืดงง มองไปรอบๆ ก็พบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ความทรงจำสุดท้ายคือเขาอยู่กับเพื่อนตัวสูง พวกเขานั่งดื่มด้วยกัน แล้วทำไมเขาถึงกลับมาอยู่ที่นี่ได้


   ...วาโยคงพาเขามาส่งที่บ้าน…
   ปกติเขาก็ไม่เคยดื่มมากมาย เมื่อคืนดื่มหนักขนาดนั้น ไม่รู้มารดาเขาจะว่ายังไง ชายหนุ่มพรูลมหายใจเมื่อถึงหน้าของราตรี

   “คุณแม่จะฆ่าแกไหมเนี่ย ไอ้ริว…”

   ริวหลับตาลง เขาเหลือบตามองนาฬิกา ที่บอกว่าเวลาว่าสายแล้ว ริวตกใจรีบยันกายจะลงจากเตียง แต่ทว่าร่างเขาก็แทบ
จะทรุดลงไปกับพื้น   
   “โอ๊ะ! ริวจัง!”

   ร่างกายที่เกือบจะบาดเจ็บถูกชายตัวสูงใหญ่เข้ามาโอบประครอง ริวหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกขอบใจที่มีคนมาช่วย
เขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้หน้าทิ่มลงพื้นไปแล้ว

   …เดี๋ยวนะ…เสียงเมื่อกี้มัน…

   “ริวจังเนี่ยล่ะก็…ระวังตัวหน่อยสิ ลูซเป็นห่วงน้า”
   …ชัดเลย!...

   ริวตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง จากที่รู้สึกมึนหัวอยู่แทบจะหายปลิดทิ้ง เพียงเพราะได้เห็นหน้าของลูซ มันเหมือนกับการเจอสิ่งที่น่ากลัว จนร่างกายสั่นระริก
   “อ่า…นอนพักน้าริวจัง”

   นอกจากจะตกใจที่เจอกับลูซแล้ว เขายังต้องมาตกใจที่โดนอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้ววางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม

   …นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!...

   “ริวจังยังเมาค้าง นอนอยู่เฉยๆ ก่อนน้า”   

   ลูซดูมีความสุขเสียจนริวหมั่นไส้ เขาพยายามคิดทบทวน แล้วก็ได้คำตอบว่า ชายหนุ่มคงจะเข้ามาพักที่บ้านของเขาแล้ว

   “ลูซดีใจที่สุดเลยที่ได้อยู่บ้านเดียวกับริวจัง”

   แต่ริวไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดเดียว เขาอยากจะต่อต้านร่างสูงตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ร่างกายของเขามันอ่อนล้าเสีย
จนน่ารำคาญ
   “เมื่อคืนริวจังเมามากเลยน้า”

   นั่นสินะ…แล้วเจ้านี่รู้ได้ยังไง…

   …หรือว่าเจ้านี่ก็เห็นตอนที่เขาเมาด้วย…

   “ลูซมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ”

   เจ้าบ้านี่ช่างเหมือนกับภูตผี นี่อ่านใจเขาออกหรือไงกัน ถึงได้รู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร

   “แล้วลูซก็เป็นคนอุ้มริวจังขึ้นมาด้วยน้า”

   “!!!”

   ดวงตาคมเบิกกว้าง เขามองหน้าลูซ ไม่อยากจะคิดสภาพของตัวเองที่โดนอุ้มขึ้นมาบนห้อง

   …แต่เดี๋ยวนะ! ไอ้กะเทยโรคจิตนี่อุ้มเขาขึ้นมา แล้ว…แล้วเขาโดนทำอะไรหรือเปล่า!...

   “นาย…นายทำอะไรฉันหรือเปล่า!”

   ริวเข้าไปกระชากคอเสื้อของลูซ ร่างสูงแสยะยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเอียงคอให้ดูน่ารัก แต่ในสายตาของริว มันดูน่า
ต่อยให้หน้าพังเสียมากกว่า

   “แล้วริวจังคิดว่าลูซทำอะไรล่ะ คิคิ”
   หนอย…ไอ้บ้านี่มันกำลังกวนประสาทเขา

   ริวหายใจเข้าปอด พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ถ้าให้สู้กับเจ้าตัวใหญ่ในตอนนี้ แน่นอนว่าเขาสู้ไม่ไหวอย่างแน่นอน

   “บอกมา!”

   เขาพยายามเค้นเสียงถาม ลูซอมยิ้ม แล้วเอ่ยตอบอย่างมีความสุข

   “ลูซก็แค่ถอดเสื้อผ้าริวจัง…”

   “ฮะ!!!”

   คนตัวเล็กอ้าปากค้าง ลูซหัวเราะคิกคัก

   “แล้วก็ใส่เสื้อผ้าให้ริวจัง”

   “แล้วระหว่างที่แกถอดเสื้อผ้าฉัน แกทำอะไรบ้างห๊า!”

   ชายหนุ่มตัวเล็กแทบจะสติแตก เขากระชากคอเสื้อของลูซอย่างแรง จนใบหน้าสวยเคลื่อนเข้ามาใกล้

   จุ๊บ!
   “!!!”

   ริงเบิกตากว้างเมื่อคนตัวโตจูบเข้าที่ริมฝีปากเล็กอย่างรวดเร็ว

   …ไอ้กะเทยชอบฉวยโอกาส…

   ถ้าริวเป็นผู้หญิง เขาคงจะกรี๊ดลั่นห้องไปแล้ว เขาอยากจะต่อยหน้าไอ้กะเทยบ้านี่ให้แรงๆ แต่ว่า…เขาก็ไม่อยากให้หน้า
สวยๆ นี้ต้องบาดเจ็บ

   …ก็…เขาชอบคนสวย แต่…ไม่ใช่ผู้ชาย!

   “ลูซก็แค่เช็ดตัวให้ริวจังเท่านั้นเอง…”
   “แค่นั้น…จริง ๆ น่ะเหรอ…”

   พอเห็นรอยยิ้มที่ไม่ดูเหมือนว่าจะแค่นั้น ก็ทำให้ริวแทบจะปรี๊ดแตก

   “บอกฉันมา! ว่าแกทำอะไรฉันอีกบ้าง!”

   “แหม…ริวจังเนี่ย ชอบโมโหจังเลยน้า ระวังจะไม่หล่อน้า”
   “นั่นมันเรื่องของฉัน ฉันบอกให้ตอบ แกก็ตอบคำถามฉันมา”

   “อืม…อยากรู้จริง ๆ เหรอ…”

   “ก็ใช่น่ะสิ”

   “!!!”

   ลูซให้การกระทำแทนคำพูด เขาเลื่อนมือไปถกเสื้อของริวอย่างรวดเร็ว เสื้อนอนตัวบางถูกเลิกขึ้นจนถึงแผ่นอก

   “ทำบ้าอะไรของแกห๊า!”

   เขากระชากมือใหญ่ออก แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะแรงของลูซเยอะกว่า ลูซพูดอย่างอารมณ์ดี

   “ก็ริวจังอยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าลูซทำอะไรบ้าง”

   ใจหนึ่งก็อยากรู้  แต่อีกใจเขาก็กลัวว่าตัวเองจะรับไม่ได้ ริวกรอกตาคิดอย่างสับสน ใบหน้าหล่อน่ารักดูเครียดและคิดมาก
แต่มันก็น่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาของลูซ
   “ลูซไม่ได้ทำอะไรริวจังมากมายหรอกน้า แค่ขอค่าตอบแทนนิดๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้นเอง”

   นิดหน่อยของริวกับลูซนั้นต่างกัน ชายหนุ่มพยายามจะหยุดคิด เพราะเขาไม่อยากจะรับรู้ว่าเขาเสียเปรียบไปกะเทยโรคจิต
นี่ไปมากขนาดไหน

   …ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว…โยนมันทิ้งไป มันอาจจะดีต่อเขามากที่สุด ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะเป็นฝ่ายที่เครียดหนัก ที่ต้องไปรับรู้
ว่าเสียท่าไอ้คนตรงหน้านี้ไปมากแค่ไหนแล้ว…
   “ช่างเถอะ นายออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”


   “ไม่ได้หรอกน้าริวจัง ลูซจะเข้ามาดูแลริวจัง…ให้ริวจังดูแลลูซเถอะน้า ลูซจะดูแลริวจังเป็นอย่างดี”

   “ดูแล! ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เดี๋ยวแค่ไปอาบน้ำก็ อ๊ะ!”
   คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อผ้าห่มที่คุมกายถูกเลิกเปิดออก ก่อนที่มือใหญ่นั้นจับเข้าที่ใจกลางลำตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง

   “ทำบ้าอะไรของแกห๊า!!!”

   “แหม…ก็เช้าๆ แบบนี้ ริวจังตื่น ริวจังน้อยก็ตื่นเหมือนใช่ม้า”

   พลัก!

   ริวผลักลูซออกอย่างแรง มันก็เป็นปกติ ที่ตื่นนอนมาแล้วส่วนล่างจะตื่นตัว แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ เจ้าบ้านี่มันลวนลามร่างกายของเขาได้ง่ายเกินไปแล้ว

   “ออกไปจากห้องฉัน!”

   “หืม…จะให้ออกไปได้ยังไง ลูซต้องดูแลริวจัง”

   “ดูแล! ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรต้องดูแล..”
   “จริงเหรอ?”

   “ก็จริงน่ะสิ อ๊ะ!”

   ริวร้องเสียงหลง เมื่อลูซดึงกางเกงนอนให้ต่ำลงพร้อมกับกางเกงใน เผยให้เห็นความเป็นชายที่ตื่นตัวและเริ่มแข็งขืน

   “นะ นี่แก…”
   “ตรงนี้ของริวจัง..ต้องการการดูแลนี่นา”

   ลูซพูดอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับขยิบตาให้ ริวใจเต้นรัว เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมร่างกายถึงได้แข็งทื่อไปหมด ปล่อยให้
มือใหญ่นั้นลูบไล้แท่งเนื้อของเขา

   “ยะ หยุดนะ”

   ทั้งที่คิดว่าตัวเองกำลังห้ามออกไปเสียงดัง แต่ในความเป็นจริงมันช่างแผ่วเบานัก ลูซกระตุกยิ้ม เริ่มขยับมือรูดชักแก่นกาย
เล็ก
   “อะ อึก”

   มือบางขยุ้มเข้ากับผ้าปูเตียง ใบหน้าหล่อเริ่มเห่อร้อน เขาอยากจะขยับกายหนี แต่สัมผัสที่ได้รับจากลูซมันก็สร้างความรู้สึก
แปลกๆ

   “ขอชิมนะริวจัง”
   “!!!”

   ชายหนุ่มตกใจกับคำขอ ใบหน้าสวยนั้นหันมามองอย่างออดอ้อน ริวหลงเคลิ้มไปชั่วขณะ

   …ก็สวยมากจริงๆ…

   “อ่า…”
   เขาเริ่มเคลิ้ม เมื่อได้รับสัมผัสจากลิ้นที่อ่อนนุ่ม ริวหลับตาลง ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น ลิ้นสวยนั้นกำลังลากเลียไปตาม
ความยาวของแก่นกาย ดวงตาคมปรือมองอย่างยั่วยวน ลูซลากลิ้นต่ำลงมาที่พวงเนื้อที่อยู่ใต้ส่วนที่ตั้งชัน

   “อะ อึก”

   สัมผัสที่ได้รับสร้างความเสียวกระสันจนเกินบรรยายได้ ชายหนุ่มเคลื่อนปากมาดูดเม้มที่ส่วนหัวของแท่งเนื้อ ริวกระตุกเกร็ง
เพราะเขาเสียวจนแทบจะบ้า ความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมือใหญ่นั้นรูดชักส่วนโคนไปพร้อมกันกับลิ้นร้อนที่ระรัวลงที่ปลาย
ยอด
   จ๊วบ จ๊วบ

   ลูซดูดส่วนหัวของแก่นกายจนได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบ เขาเอ่ยเสียงพร่าอย่างปลุกเร้าคนตัวเล็กให้ได้เขินอาย

   “กำลังพอดีคำเลยริวจัง”

   “อึก…”

   ริวหันหน้าหนี ความคิดทุกอย่างเหมือนหลุดหายไป อยากจะผลักไสร่างตรงหน้า แต่ก็เหมือนไม่มีแรง มือพยายามจะยื่นไป
ดันกายสูงให้ออกห่าง แต่มันก็เหมือนว่าร่างนั้นอยู่ไกลเหลือกิน

   “อ๊า…”

   สุดท้ายก็เผลอปล่อยเสียงครางหวานออกมาจนได้ เมื่อปากสวยนั้นครอบครองตัวตนของรูดจนสุดโคน เขารูดปากขึ้นลงจนเกิดเสียงสวบสาบ

   “อะ อื้อ อึก”

   …เสียว…จนแทบจะคลั่ง…

   ยิ่งได้เห็นใบหน้างดงามที่กำลังหยอกเย้ากับช่วงล่างของเขา ริวก็ใจเต้นรัวไม่หยุด ลูซเองก็ปรนเปรอแก่นกายเล็กจนถึงใจ

   “มะ ไม่ ไหว พอ พอ ออกไป”

   ปากก็พยายามจะเอ่ยไล่ เพราะร่างกายของเขาตอบสนองต่อสัมผัสของชายหนุ่มจนน่ากลัว พอคิดว่าความสุขสมนี้ได้รับ
จากเพศเดียวกัน ริวก็แทบจะทนไม่ได้ เขาพยายามดันร่างของลูซให้ออกห่าง แต่ลูซก็ไม่ยอมง่ายๆ ริวเองเหมือนจะหมดแรง เมื่อ
ปากร้อนนั้นดูดเม้มอย่างหนักหน่วง
   “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

   กายบางกระตุกเกร็งพ่นฉีดน้ำรักขาวขุ่นเข้าไปในโพรงปากร้อน ลูซผละปากออกมา เขากลืนน้ำในปากลงคออย่าง
เอร็ดอร่อย ริวนั่งหอบหายใจ ใบหน้าแดงก่ำปรือตามองชายหนุ่มที่เลียมุมปากที่เปื้อนน้ำรัก ลูซมองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่
เร่าร้อนพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   …ก็บอกแล้ว…ว่าลูซจะดูแลริวจังเป็นอย่างดี…

   …ดีจนถึงใจเลยใช่ไหมล่ะ…ริวจัง…

100%
ขอฝากเพจด้วยน้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะเรื่องเรื่องๆ ที่อัพที่เล้านะคะ
 
'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378907#msg3378907

 คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3378912#msg3378912
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: nekochan ที่ 15-05-2016 20:43:55
ตายๆๆๆๆ คู่ผัวตัวเมียนี่เร้าร้อนสุดๆ 55555
หนูริวสามี?เกือบเสร็จภรรยาสุดสวยซะและ55555555555555 รอๆต่อไปค่าา อยากรู้ว่าริวจะรักว่าที่ภรรยาอย่างไง  :mew1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 15-05-2016 21:42:34
 :a5:

ตายละ ลูซดูแลงี้ สามีไม่หมดแรงทุกเช้าเลยเหรอค้าาาาาาา  :o8:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 3 นางฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 16-05-2016 00:00:08
สนุกดี พระเอกหน้าหวานแต่สูง แอ๊บติงต๊องเวลาอยู่ต่อหน้ารึเปล่า?  :hao3:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 16-05-2016 16:38:54
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 16-05-2016 19:32:44
 :m3: อร๊ายยยยย ริวจังเอ๋ย นายเสร็จลูซแน่
แหมลูซจ๊ะ เรานี่ร้ายเดียงสาเจงๆเยย  :teach:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-05-2016 23:32:57
ตำแหน่งสะใภ้คงมีการเปลี่ยนแปลง
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 4 ดูแลเป็นอย่างดี
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 18-05-2016 20:55:36
น่ารักจังงงง
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 5 ดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 19-05-2016 22:12:18
5
ดินเนอร์




   ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับริวมันเหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง ใครจะไปคิดว่าเป็นผู้ชายคาสโนว่า อยู่ดีๆ ก็ต้องมาถูกจับคลุมถุง
ชนให้แต่งงาน แต่นั่นก็ไม่ร้าวรานเท่ากับการที่เขามีเจ้าสาวตัวสูงใหญ่ และที่สำคัญ…ยังเป็นผู้ชาย!!!

   ผมนิ่มถูกมือเล็กยกขึ้นมาขยี้อย่างลวกๆ คิดสภาพไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปในหลังจากนี้ แค่คิดว่าถ้ากลับบ้านแล้ว
ต้องไปเจอหน้าของคนคนนั้น ริวก็แทบจะบ้าตาย

   …ไอ้กะเทยโรคจิต…   

   คำนิยามคำเดียวของริวที่มีต่อลูซคือคำคำนี้ เขาเอนกายพิงพนักพิงของเก้าอี้ตัวนุ่ม เปลือกตาปิดลง อยากให้จิตใจผ่อนคลายลืมเรื่องที่ต้องคิดมาก

   “มะ ไม่ ไหว พอ พอ ออกไป”

   “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

   ริวสะดุ้งลืมตา ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่หลับตาแล้วเผลอหลับไป ภาพความทรงจำเลวร้ายจะย้อนกลับเข้ามาในความคิดของ
ตน แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่เขาจำใบหน้างดงามได้ตราตรึงในหัวใจ

   …ทำไมใบหน้าที่งดงามนั่นต้องไปอยู่บนร่างที่เป็นผู้ชาย…

   …แถมยังเป็นผู้ชายลามกเสียอีก…
   “เฮ้อ…”

   เขาไม่อยากสติแตกมากกว่านี้แล้ว ริวเหลือบตามองเวลา นาฬิกาบอกเวลาเลิกงานแต่เขายังไม่อยากจะกลับบ้าน

   …บ้านที่มีไอ้กะเทยโรคจิตอาศัยอยู่ในตอนนี้…

   “โทรหาไอ้โยดีกว่า”

   จะเรียกว่ายังไม่เข็ดก็คงจะได้ ถึงวันนั้นเขาจะเมากลับไปเลยทำให้พลาดพลั้งเสียท่าให้กับลูซ แต่ครั้งนี้จะไม่มีอีกแล้ว เขา
จะไม่ดื่มจนเมามาย ยังไงเขาก็ต้องกลับบ้านอย่างรอดปลอดภัย

   “รับสายสักทีสิวะ”

   คนใจร้อนยังคงกระวนกระวายใจ เขากำลังหาทางหนีออกจากความวุ่นวายที่มีอยู่ในตอนนี้ ริวยันกายลุกขึ้น เดินวนไปมาใน
ห้อง เขารู้สึกกระสับกระส่ายจนแทบจะทนไม่ได้ พอเพื่อนสนิทไม่ยอมรับสาย เขาก็แทบจะปาโทรศัพท์มือถือ

   “ไอ้เพื่อนเลวเอ้ย”

   ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ใจก็ไม่ได้เกลียดวาโยอย่างจริงจัง เขาแค่รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น

   “ไปคนเดียวก็ได้วะ”

   ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเขาจะเดินทางท่องเที่ยวราตรีในยามค่ำคืน ริวหมุนกายจะเดินออกจากห้อง แต่ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือ
ที่ดังขึ้น ทำให้เขาต้องรีบหยิบมากดรับสาย

   “ฉันโทรไปตั้งนาน ทำไมแกไม่รับ!”

   แทบจะตะคอกลงไปในโทรศัพท์ เพราะคิดว่าคนที่โทรกลับมาต้องเป็นวาโยเพื่อนรักของเขาแน่ๆ


   [โวยวายอะไรกันตาริว นี่แม่เอง]
   พอได้รับรู้ว่าเป็นเสียงมารดา ริวก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกกลัวเกรงกับน้ำเสียงนั้นขึ้นมาทันที เขาพอจะรับรู้ได้ว่า

มารดาเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาไปหงุดหงิดใส่

   “คุณแม่เองเหรอครับ ผมนึกว่าไอ้โย”

   [ก่อนรับสายก็ดูรายชื่อก่อนสิ]
   “ขอโทษครับ”

   เขาต้องรับผิดไปโดยปริยาย ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นไปได้  ริวแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “แล้วคุณแม่โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ?”

   [นี่เราลืมนัดไปแล้วหรือไง?]

   “นัด? นัดอะไรครับ?”

   คนเป็นลูกชายทำหน้างงหนัก เขาไม่รู้ว่าเขาไปนัดอะไร ยังไง ในขณะที่ราตรีเริ่มจะเคืองเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

   [ก็วันนี้ ลูกนัดลูซไปทานมื้อเย็นไงจ๊ะ]

   “ห๊า!!!”

   เขาไม่เคยจำได้ว่าไปนัดไอ้กะเทยตัวใหญ่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอเอนกายนั่งคิดดีๆ เขาก็จำได้ขึ้นมาว่าเขาไม่ได้ออกปาก

นัดเจ้านั่น แต่คุณแม่ของเขาต่างหากที่คะยั้นคะยอในตอนเช้าให้เขาพาลูซไปดินเนอร์กันนอกบ้าน เขาเองก็อยากจะออกจากบ้าน
ไวๆ เลยได้แต่เออออ ตอบกลับไปอย่างส่งๆ แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นว่ากำลังหาเรื่องเข้าตัว
   …แล้วจะได้ไปเที่ยวไหมวะเนี่ย…


   จากเป้าหมายที่คิดว่าจะออกไปเจอสาวสวยสักคน กลายเป็นต้องกลับมาคิดหนักว่าจะรับมือผู้ชายตัวใหญ่นั้นได้อย่างไร

   [รีบกลับมาแล้วกัน น้องรออยู่]
   “ครับ”

   สุดท้ายก็เอ่ยตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้ เขายกมือกุมขมับตัวเอง รู้สึกเหมือนอยากจะตายวันละร้อยหน

   “ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ!”

   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เขาหลับตาอยู่และไม่คิดจะลืมตา หยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย และคิดว่าคนที่โทรมาคือมารดา

   “ครับๆ ผมรู้แล้วครับ จะรีบกลับไปรับสะใภ้คุณแม่ไวๆเลยครับ”

   [อะไรกันวะ ฉันไปเป็นแม่แกตอนไหน]

   เสียงขบขันนั้น ริวจำได้ขึ้นใจว่าคือวาโย เขาพ่นลมหายใจแรง แล้วเริ่มระบายความหงุดหงิดใส่เพื่อนตัวสูงผ่านสาย
โทรศัพท์

   “แกนะแก! ทำไมถึงเพิ่งมาโทรเอาป่านนี้!”

   [เอ้า ไอ้นี่ ฉันก็ยุ่งบ้างดิวะ เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเนี่ย โทรมามีอะไร]

   “เออ แค่อยากจะชวนไปสังสรรค์สักหน่อย แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว ฉันคงต้องถ่อกลับบ้านไปรับไอ้กะเทยโรคจิตนั่นมากิน
ข้าว”

   [โห ชีวิตแกดูน่ารันทดใจจริงๆ]


   “ก็เออน่ะสิ ไม่ต้องมาสมเพชฉันเลย ไอ้เพื่อนเลว”
   [อ้าว พอหงุดหงิดแล้วพาลนี่หว่า]

   “ถ้าช่วยหาทางแก้ให้กันไม่ได้ ก็ต้องพาลนี่ล่ะ”

   เหมือนคำตอบนั้นจะเป็นการบอกให้วาโยช่วยหาวิธีทำให้เขาหลุดพ้นจากลูซ วาโยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายังไม่เคยเห็น
หน้าของลูซเลย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไร

   [เออๆ ก็กำลังช่วยคิดอยู่นี่ไง]

   “ทำไงดีวะ”

   การสื่อสารกันผ่านเสียงตามสาย มันช่างน่ารำคาญ เขาอยากไปนั่งจับเข่าคุยกับวาโยเลยมากกว่า งานนี้ต้องพยายามหา
แผนการมาขัดขวางล้มเลิกการแต่งงานให้ได้

   “คิดออกยังวะ”

   ริวใจร้อน ในขณะที่วาโย แทบจะกุมขมับคิด ใครมันจะไปคิดออกกับในเวลาอันสั้นแบบนี้

   [คิดไม่ออกโว้ย]

   “แม่งเอ้ย คิดไม่ออกก็ไม่ต้องมาคุยกันเลยนะ แค่นี้ล่ะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”

   เขาวางสายจากเพื่อนรัก ริวไม่ได้โกรธเคืองอะไรวาโย เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากำลังคิดไม่ตก เขาออกจากห้องทำงานของตัว
เอง เพื่อขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน

   ถึงแม้จะไม่อยากจะทำกลับไปหาผู้ชายตัวสูงหน้าสวย แต่สุดท้ายเขาก็พาร่างตัวเองมาหยุดอยู่ใจกลางบ้าน

   “กลับมาแล้วเหรอลูก”

   พอเห็นหน้าลูกชาย ราตรีก็พุ่งมาหาริวทันที ใบหน้าที่ดูเบื่อโลกของริวไม่ได้ทำให้ราตรีรู้สึกไม่พอใจ เธอดึงแขนลูกชายให้
เดินมานั่งที่โซฟา

   “แล้วเจ้านั่น”

   “หมายถึงลูซ?”

   “ครับ แล้วว่าที่สะใภ้ของคุณแม่ไปไหนล่ะครับ ไม่ใช่ผมจะต้องมานั่งรอ”

   “แหม…อยากจะน้องขนาดนั้นเชียว”

   ท่าทางที่ดูพอใจของราตรี ไม่ได้ตรงกับความจริงในใจของริวเลยแม้แต่น้อย ริวพรูลมหายใจอย่างเซ็งจัด เขาไม่อยากมา
นั่งรอกะเทยโรคจิตสักเท่าไหร่

   “ริวจังงงงง”

   เสียงเรียกยานคางนั้น ฝังอยู่ในความทรงจำของริวไม่เสื่อมคลาย เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ร่างกายสูงใหญ่ในชุด
สีชมพูนั้นทำให้เขาหายใจติดขัด
   ลูซอยู่ในชุดสีชมพูหวาน เขาสวมกางเกงขายาวรัดรูปสีขาวสะอาดตา เสื้อสีชมพูนั้นเป็นคอวีเว้าเห็นแผ่นอกขาวเนียน ยิ่ง
ขับผิวกายของลูซให้งดงาม ไหนจะผมสีทองที่ไม่ได้ถูกมัด แต่ปล่อยให้ลู่ไปตามโครงหน้า ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเหมือนสะกดริว
เอาไว้

   …สวยมาก…

   ใบหน้าที่งดงามนั้นทำให้ริวใจเต้นแรง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่า คนตรงหน้าเขาไม่ใช่ผู้หญิง แถมร่างกายนี้ยัง
สมชาย ไม่ได้เข้ากับใบหน้าที่สวยราวนางฟ้าเลยสักนิด

   “ดูแลน้องด้วยนะริว”
   “ครับแม่”

   แม้ไม่อยากจะตอบรับ แต่เขาก็รับปากไปจนได้ ริวยันกายยืนขึ้น ลูซส่งยิ้มหวานมาให้ เขารู้สึกสยองพิลึก แต่ก็ไม่ได้พูด
อะไรออกไป

   “!!!”

   เขาเบิกตากว้าง เมื่อลูซเข้ามาควงแขน ริวเงยหน้ามองคนตัวโต แล้วก็เห็นรอยยิ้มส่งมาให้

   …น่ากระทืบให้ตาย…

   แต่ด้วยขนาดตัวที่ตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังสู้ลูซไม่ไหว ก็ลูซไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กสักนิด

   “ปล่อยสิ”
   “ไม่เอา ลูซอยากควงแขนริวนี่นา”

   ไม่ว่าเปล่า แต่ศีรษะนั้นกลับเอนมาซบไหล่เล็ก ริวกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา อยากจะทำอะไรสักอย่างกลับไป แต่ก็ทำ
อะไรไม่ได้ นอกจากพรูลมหายใจออกมาอย่างเซ็งจัด

   “แต่ฉันรำคาญ”

   “คิคิ”
   แทนที่จะสำนึก ลูซกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน นั่นทำให้ริวแทบอยากจะบ้าตาย เขาไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเพราะยังอยู่ในบ้าน
รอให้ออกจากบ้านก่อนเถอะ…เดี๋ยวได้รู้เรื่องกัน!   

   แม้จะรำคาญผู้ชายข้างๆมากแค่ไหน แต่ริวก็ยังข่มใจเอาไว้ เขาพยายามขับรถต่อไปโดยที่พยายามจะไม่ใส่ใจ ในใจก็เริ่ม
วางแผนที่จะพาให้ผู้ชายตัวสูงแถมยังลามกนี้อยู่ห่างๆ ถ้าให้ดีคงต้องบอกว่าให้ออกไปจากชีวิตของเขาไปเลย แต่ทุกอย่าง
เหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว

   “ริวจัง จะพาลูซไปร้านไหนเหรอ?”

   ท่าทางตื่นเต้น แถมยังหันมาฉีกยิ้มหวาน พาให้ริวใจสั่น ไม่ได้สั่นเพราะหวั่นไหว แต่เป็นเพราะหวาดกลัวเสียมากกว่า ไม่รู้
ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง แค่คิดก็เริ่มอยู่ไม่สุขเสียแล้ว

   สัญญาณไฟแดงที่ยาวนานในยามเย็น ยิ่งพาให้ริวเครียดหนัก ลูซหันซ้ายหันขวา แล้วมองหน้าคู่หมั้นของตน

   “หาอะไรของนาย”

   เมื่อทนความสงสัยไม่ไหว ริวก็ถามออกไป ลูซขยับกายเข้าไปใกล้ริว เขากระซิบข้างใบหูเล็ก

   “หาน้ำดื่ม”

   คำตอบนั้นทำให้ริวสะดุ้งแทบจะสุดตัว เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนว่ากำลังตกใจอะไรกันแน่ อาจเป็นเพราะคำว่า ‘น้ำ’ ที่ลูซ
พูดขึ้นนั้นมาพร้อมกับฝ่ามือร้อนที่สัมผัสเข้าที่ใจกลางลำตัว

   สัญญาณจราจรที่เปลี่ยนไป ทำให้ริวสะดุ้งตัวได้สติ เขารีบเหยียบคันเร่งทันที ลูซหัวเราะในลำคอแล้วถอยกายออกห่าง แค่
เห็นหยาดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้าหล่อ เขาก็พอจะเข้าใจความกลัวของคนตัวเล็ก

   ลูซแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะยังไง เขาก็อยากให้ริวพาเขาไปดินเนอร์ในที่ที่น่าจดจำ

   การเดินทางใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก ในที่สุดริวก็พาลูซมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง พอรถยนต์จอด ริวก็รีบลงจากรถทันที
ประหนึ่งว่าเขาไม่อยากจะอยู่ใกล้กับลูซให้มากไปกว่านี้ แต่คนตัวสูงก็ไม่ได้คิดมาก เขารีบออกจากรถเพื่อเดินตามคนตัวเล็ก ริว
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสีชมพู

   “ริวจัง รอลูซด้วยสิ”

   ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ขายาวๆ ก้าวเพียงไม่เท่าไหร่ก็ทันริวแล้ว นั่นทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวได้แต่เบ้หน้าอย่างเซ็งจัด

   …ยังไงวันนี้เขาก็ต้องสลัดเจ้ากะเทยโรคจิตนี่ออกห่างให้ได้…

   ความตั้งใจของริวไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาเดินตรงไปด้านใน เพื่อเข้าไปยังห้องอาหารที่มารดาเขาจัดการไว้ให้เสียเสร็จสรรพ

   …อะไรจะเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้ขนาดนั้น…

   ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเคือง ชีวิตเขาต้องพังลงก็เพราะผู้ชายตัวใจแต่หน้าสวยงามราวกับนางฟ้า ยิ่งได้เห็นหน้าที่พาใจเขาใจสั่น
เพราะความงามที่แสนถูกใจแล้ว ริวก็ยิ่งเคืองและหงุดหงิดมากกว่าเดิม

   “ริวจัง”

   พอได้ยินเสียงใกล้ๆแล้วก็ยิ่งรำคาญ แขนใหญ่ยาวนั้นเข้ามาควงแขนของริว

อย่างมีความสุข ทั้งๆที่ขนาดตัวของทั้งคู่นั้นช่างแตกต่าง ริวเหลือบตามองผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่ในชุดสีชมพู เขาจับแขนของลูซอ
อกไปให้ห่างจากร่างกาย

   “เกะกะ”


   “อะไรกันริวจัง ว่าว่าที่ภรรยาตัวเองได้ยังไง”

   ลูซไม่เอ่ยเปล่า แต่กลับขยับร่างเข้ามาจนจมูกโด่งสวยแทบจะชนกับแก้มเล็ก ริวถอนหายใจแรง


   “ไปไกลๆเลยไป”
   แทบจะตะคอกใส่ แม้เขาจะตัวเล็กกว่าลูซ แต่ก็ใช่ว่าจะเตี้ยจนด้อยมาตรฐานชายไทย ลูซมองริวที่เดินกึ่งวิ่งหนีเขา แทนที่
คนตัวสูงจะไม่พอใจ เขากลับแย้มยิ้มอย่างมีความสุข

   “รอด้วยสิริวจัง”


   ความตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ถึงแม้ริวจะผลักไสลูซมากแค่ไหน แต่ลูซก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรือว่าถอยห่างออกมา ชายหนุ่มเดินอมยิ้มจนมาถึงโต๊ะอาหารที่จองเอาไว้ ที่โรงแรมนี้นอกจากจะเปิดให้พักบริการแล้วยังมีบริการอาหารรสชาติยอดเยี่ยมอีกด้วย


   “ริวจังอยากกินอะไรเหรอ?”   
   ลูซถามทันที เมื่อหยิบเมนูอาหารขึ้นมา ริวเหลือบตามองเมนูตรงหน้าแล้วไม่อยากจะใส่ใจ แต่ร่างกายมันก็กำลังเรียกร้อง
บอกเขาว่าหิว


   “เอา…”

สุดท้ายริวก็สั่งตามที่ใจอยากสั่งไปจนได้ ตอนแรกเขากะว่าจะพาลูซมาปล่อยที่นี่แล้วก็ชิ่งหนี แต่เขาเองก็ขับรถมาพักใหญ่ ร่างกายก็ล้าพอสมควร อยากจะหาอะไรลงท้อง


…กินให้เสร็จแล้วค่อยหนีก็ยังได้…
ริวตั้งใจว่าจะรีบทานให้เสร็จ แล้วก็พยายามหาหนทางทิ้งลูซเอาไว้ที่ร้านเพียงคนเดียว

อาหารน่าทานถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ คนที่ดูท่าทางดีใจจนเกินหน้าเกินตาไม่ใช่ใคร นั่นก็คือลูซ

“ดีใจจังเลย ได้มาดินเนอร์กับริวจัง”


ไม่เพียงแค่พูด แต่สมาร์ทโฟนราคาแพงก็ถูกหยิบขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมจะถ่ายรูปอัพลงโซเชียล

   “ทำอะไรของนาย!”


   ริวทนไม่ไหว รีบคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือของลูซในทันที คนตัวสูงหน้าจ๋อยไปถนัดตา แต่เพียงแค่ครู่ก็คลี่ยิ้ม
   “ริวจังอายเหรอ?”

   “ถามบ้าๆ ใครมันจะไม่อาย”
   ที่อายก็เพราะว่าเขาต้องมาทานมื้อเที่ยงกับผู้ชายตัวใหญ่ แต่ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง ถ้าใครมาเห็นจะคิดว่าเขารสนิยมแปลก

ไปคบกับกะเทยก็เป็นได้

   “แหม ไม่เห็นจะต้องอายเลย คนรักกัน เป็นแฟนกัน ก็ต้องมาดินเนอร์ ถ่ายรูป แล้วอัพอวดคนอื่นอยู่แล้วนี่นา”
   คำกล่าวนั้นทำให้ริวอารมณ์ขึ้น เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่ในสายตาของลูซ ริวช่างน่ารักน่าชัง จนเขาอยากจะรั้งคนตรง
หน้าเข้ามากดจูบหนักๆที่ริมฝีปากสวย

   “ไม่น่าริวจัง อย่าโกรธสิ”

   ยิ่งได้ยินเสียงเหมือนจะอารมณ์ดีของลูซ ริวก็ยิ่งโมโห ชายหนุ่มตัวสูงหั่นเนื้อในจานตัวเองแล้วใส่ลงบนจานของริว
   “ลูซให้น้า ริวจังอย่าหงุดหงิดนะ เรามาดินเนอร์กัน”


   รอยยิ้มสวยส่งมาให้ไม่หยุด ยิ่งได้มองใบหน้างดงามที่ประดับด้วยรอยยิ้ม ริวก็ยิ่งรู้สึกแปลก เขาสูดลมหายใจเข้าปอด
พยายามไม่คิดมาก แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะต้องทำใจให้มาร่วมดินเนอร์กับคนที่เขาไม่ชอบใจ แต่ถึงกระนั้น รอยยิ้มสวยของลูซก็
ทำให้ริวเคลิ้มไปชั่วขณะ ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น มันเลยเริ่มจะหายไปบ้าง
   “อร่อยเนอะ ริวจัง”

   “อ่า อืม”   

   เขาไม่รู้จะสนทนาไปทำไม จึงได้แต่ตอบรับลูซที่พยายามหาเรื่องชวนคุยกับเขา เขาอยากทานให้อิ่มแล้วจะได้หนีไปจา

กลูซได้เร็วๆ


   “อ๊ะ ริว”

   เสียงใสๆ นั้นเรียกให้ริวต้องเงยหน้าจากจานอาหาร หญิงสาวตัวเล็ก หน้าอกใหญ่โต ใบหน้าน่ารักนั้น

ลูซดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่น้อย…หมายถึงเงินที่ทำหน้าไป

   “อ่า…จินนี่”

   จินนี่เข้ามาโอบกอดไหล่ของริว เธอแทบจะเอียงหน้าซบใบหน้าหล่อ ลูซมองทุกอย่างด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย แต่ดวงตาที่เคยฉายแววซุกซน ในยามนี้กลับนิ่งสงบจนริวแปลกใจ

   “แหม มาดินเนอร์กับกะ เอ้ย ใครคะเนี่ย หน้าสวยจังเลยนะคะ”
   จินนี่รู้ดี ว่าริวเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงหน้าสวย เธอเองก็ไม่ได้สวยจนตรึงใจใครได้ แต่ก็ไม่ได้หน้าตาแย่ เพราะเธอเองก็ให้
หมอศัลยกรรมช่วยไว้ตั้งหลายแสน ไหนจะหน้าอกหน้าใจที่เสริมเข้าไปจนใหญ่เกินความพอดีของตัวเธอ

   “เอ่อ คือ”

   สถานการณ์ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยดีนัก ริวเองก็ไม่รู้จะอธิบายกับจินนี่ว่าอย่างไร ที่จริงเขาก็ไม่ได้หลงรักหรือหลงเสน่ห์หญิงสาว
จนมากมาย  ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น  แต่ตอนนี้ในเมื่อเธอมาอยู่ตรงนี้แล้ว เขาก็ควรจะใช้เธอ
ให้เกิดประโยชน์เสียหน่อย

   “อ๊ะ”

   จินนี่แปลกใจที่อยู่ๆริวก็รั้งเธอไปนั่งตัก แต่เธอก็ยินดีที่จะตอบสนองริวในทันที วงแขนเล็กเลื่อนเข้าไปโอบกอดคอของริว

เอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาเชิญชวน
   “ทีนี้ นายก็ตัดใจจากฉันได้แล้ว เพราะฉันมีแฟนอยู่แล้ว”

   พอได้ยินแบบนั้น แทนที่จะได้เห็นใบหน้าที่ผิดหวังของลูซ กลับเป็นรอยยิ้มสวยที่เผยให้เห็นราวกับคนอารมณ์ดี


   “แหม…พูดอะไรอย่างนั้นล่ะริวจัง เห็นว่าลูซเป็นคนที่ใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ…”

   ลูซละสายตาจากริว ไปมองจินนี่ ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว

   “ก็แค่แฟน…แต่ไม่มีโอกาสได้แต่งงานกับริวจัง…ใครกันแน่…ที่ควรจะตัดใจ”

100%
19/5/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3382715;topicseen#msg3382715

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378907#msg3378907

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3378912#msg3378912


(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.0





หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 5 ดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 19-05-2016 23:59:47
ลูสน่ากลัวเงียบแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 5 ดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-05-2016 05:49:54
555555 ลูซจะโหดแล้ว
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 5 ดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 20-05-2016 17:54:12
รอค๊า
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 5 ดินเนอร์
เริ่มหัวข้อโดย: Natawan20 ที่ 20-05-2016 22:22:38
ชอบค่ะ รอต่อนะคะ สะมีลูซ ภรรยาริว เอ้ย สามีริว ภรรยาลูซ  :mew1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-05-2016 14:13:29
6
เจ้าบ่าวในกำมือ


   
ใครจะไปคิดว่าลูซจะกล้าพูดจาที่ทำให้คนฟังทั้งสองนั้นอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก คนที่อึ้งที่สุดก็คือริว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยาก
ลำบาก เห็นทีใช้ลูกไม้นี้ชักจะไม่ได้ผล เพราะไม่ได้ทำให้ศัตรูสะเทือน แต่กลับยิ่งไปเสริมสร้างความทนทานให้กับลูซแทนเสีย
อย่างนั้น

   “แล้วนั่งตักริวจังแบบนั้น ริวจังไม่หนักแย่เหรอ?”

   ลูซจีบปากจีบคอพูด เขาหรี่ตามองหญิงสาว จินนี่เอียงหน้ามาซบกับริว เธอหมั่นไส้ลูซอยู่ไม่ใช่น้อย

   “ริวไม่หนักใช่ไหมคะ”

   ถ้าให้พูดกันตามตรง ริวก็อยากจะบอกว่าหนักพอสมควร แต่ถ้าทำแบบนั้น มันก็เหมือนว่าเขากำลังแพ้พ่ายให้กับลูซ

   “ไม่หนักครับ”

   ลูซขมวดคิ้วเล็กน้อย จับแก้วน้ำเสียแน่น ดูก็รู้ว่าริวจังของเขากำลังหนัก เพราะริวก็ไม่ใช่ผู้ชายตัวใหญ่อะไรมากมายนัก แต่
นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาต้องมาทนมองคนของตัวเองโดนคนอื่นแตะต้อง
   …เขาสวยกว่า ดีกว่า เรื่องอะไรจะยอมยกริวจังให้กับคนอื่น…

   ความมั่นใจของลูซนั้นเรียกได้ว่าเกินร้อย ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้น เขาเองก็ไม่คิดจะปล่อยให้ผู้หญิงหน้าไหนมาสัมผัสว่าที่
เจ้าบ่าวของเขาได้นานไปกว่านี้

   “อึก”

   คนกลางอย่างริวต่างหากที่จะลำบากใจเป็นที่สุด บนตักเขาก็มีร่างของจินนี่ แถมทางด้านข้างอีกฝั่งก็ดันมีร่างของชายตัว
สูงใหญ่มาขนาบ ยื่นหน้ามาคลอเคลียกับไหล่เล็ก
   “อยากให้ลูซโทรหาคุณป้าใช่ไหมริวจัง”


   ริวเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าลูซจะมาไม้นี้ เขาหันขวับไปมองลูซ มองใบหน้างดงามนั้นอย่างไม่พอใจ แต่แทนที่ลูซจะเครียด
กลับคลี่ยิ้ม
   “นายขู่ฉันเหรอ?”

   “ลูซไม่ได้ขู่นะ ถ้าคุณป้ารู้ว่าริวจังสนใจคนอื่นมากกว่าลูซ เรื่องมันคงไม่จบง่ายๆแน่”

   “ฉันไม่กลัวหรอก”

   ถึงจะบอกไปแบบนี้ แต่ริวเองก็เริ่มคิดมาก เพราะเขาเองไม่อยากจะปัญหากับมารดา จินนี่มองริวและลูซสลับกัน

   “ริวกลัวหมอนี่เหรอคะ”

   “ผมไม่ได้กลัวนะ”

   “ไม่กลัวก็ดีริวจัง รู้ใช่ไหมว่าลูซมันบ้าบิ่นน่ะ”
   เสียงทุ้มนั้นกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับมือร้อนที่เนียนสอดเข้าไปบีบก้นนิ่มของริว ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก หันไปมองลูซตาขวาง

   “ไอ้กะเทยโรคจิต”

   เขากัดพูด แต่ลูซก็ยังคงยิ่มร่ารับคำว่ากล่าว ปลายนิ้วร้อนเริ่มไล้ลงไปตามร่องก้น ริวตัวสั่นเกร็ง เพราะว่าร่างของลูซเคลื่อน
มายืนบังข้างหลัง ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็น

“ให้ยัยนั่นลงไปจากตักริวจังเดี๋ยวนี้เลยนะ”

   ลูซยังคงกระซิบบอก ริวพยายามกัดฟันทน เขาไม่อยากให้ใครมารู้สภาพที่น่าอับอายของตัวเอง
   “ก่อนที่ลูซ…จะหมดความอดทน”

   คำว่าหมดความอดทนนั้นไม่ใช่แค่ขู่ แต่มันคือคำเตือนครั้งสุดท้าย แม้ลูซจะเป็นคนที่ดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ ท่าทางก็

ไม่ได้ดูสุขุมจริงจัง แต่ริวก็สัมผัสได้ว่าลูซไม่ได้ล้อเล่นแน่ ท่าทางของผู้ชายตัวโตในยามนี้ไม่ต่างกับลูกหมาที่พร้อมจะกลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อจะขย้ำเหยื่อ

   “เอ่อ จินนี่ ลงไปจากตักผมก่อนได้ไหมครับ”

   “ทำไมล่ะคะ?”

   “ก็ริวจังเมื่อย”

   ลูซตอบแทน รู้สึกพอใจขึ้นมา ที่อย่างน้อยริวก็เลือกที่จะทำตามเขา แทนที่จะดื้อดึงต่อไป เขาจึงยอมชักมือออกจากใต้
กางเกง แล้วเปลี่ยนมาจ้องหน้าจินนี่แทน

   “แต่จินนี่อยากนั่งตักริว”

   “หนาจังเลยแฮะ”

   “นี่แกว่าอะไรนะ!”

   จินนี่เริ่มสติแตก เธอเด้งกายลุกยืน แทบจะยกนิ้วชี้หน้าลูซ ทุกคนในร้านเริ่มหันมามอง ลูซทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
   “อย่าโวยวายสิครับ นี่ร้านอาหารนะครับ ไม่ใช่ ‘ตลาดสด’”


   รอยยิ้มสวยถูกส่งไป แต่ดวงตาคมกริบนั้นไม่ได้ยิ้มตาม จินนี่มองซ้ายมองขวา เธอรู้สึกหน้า จินนี่มองริว

   “ริวคะ คุณต้องเลือกนะคะ ระหว่างไอ้กะเทยนี่ กับจินนี่”

   …ไม่เลือกใครเลยได้ไหม?...

   ประโยคนี้ผุดขึ้นทันทีในสมอง จินนี่กอดแขนข้างหนึ่งของริว ในขณะที่แขนอีกข้างลูซก็ดึงไปจับ นี่เขากำลังกลายเป็น
ตุ๊กตาให้ผู้หญิงและกะเทยถึกแย่งอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ว่ากับใคร เขาก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น

   “เอ่อ…จินนี่ คุณกลับไปก่อนนะ”

   ถ้าให้เลือกระหว่างจินนี่กับลูซ คนที่น่าจะคุยง่ายที่สุดก็คงจะเป็นจินนี่ ถึงแม้จะไม่ง่ายเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าการต้องเสวนา
เจรจากับลูซ

   “อะไรนะคะริว คุณเลือกอีกะเทยนี่เหรอคะ!”

   จินนี่สุดจะทน เธอไม่คิดว่าริวจะรสนิยมทางเพศเปลี่ยนไป ทุกในร้านต่างพุ่งสายตามามองที่โต๊ะของเขา ริวอายจนแทบจะ
แทรกแผ่นดินหนี

   “นะจินนี่ ผมขอล่ะ กลับไปก่อน”

   “ริว คุณมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงจริงๆ”

   ท่าทีของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเธอไม่คิดว่าริวจะเลือกผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  ริวถอนหายใจ ในขณะที่จิ
นนี่หมุนกายจะเดินกลับ

   ตุบ!!!

   “โอ้ยยยย!!!”

   เสียงร้องนั้น ทำให้ทุกคนต่างสนใจ เพราะหญิงสาวตัวเล็กหน้าคว่ำลงไปกับพื้น    

   “แหม…เดินระวังหน่อยสิ เดี๋ยวของที่ทำมาแพงๆจะเสียหายเอานะ”
   ลูซเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มองหญิงสาวอย่างสมเพช ในขณะที่ประคองร่างของจินนี่ขึ้น หญิงสาวเจ็บจนพูดไม่ออก เธอรู้สึก
ได้ว่าเดินสะดุดอะไรบางอย่าง ถ้าเดาไม่ผิด ผู้ชายตัวสูงคนนี้น่าจะเป็นคนขัดขาเธอ

   “แก…แกแกล้งฉันใช่ไหม”

   ลูซหุบยิ้ม แล้วเคลื่อนหน้าเข้าไปเอ่ยใกล้กับหน้าของเธอ ดวงตาคมที่ฉายแววขี้เล่นตอนนี้เต็มไปด้วยความน่ากลัว

   “นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำที่คนอย่างเธอมาว่าริวจังของฉันว่าน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง”

   “อึก…”

   “ไสหัวไปซะ…แล้วอย่ามายุ่งกับคนของฉันอีก”

   จินนี่ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ เธอรีบเดินหนีอย่างไม่คิดจะสนสภาพร่างกายตัวเองว่าเจ็บที่สะดุดล้มมากแค่ไหน ริวได้แต่
มองตามหญิงสาวไปอย่างงงๆ ไม่มีใครรับรู้ว่ามีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่
   ลูซหันมาฉีกยิ้มหวานให้กับริว ทุกอย่างที่ดูน่ากลัวและป่าเถื่อนนั้นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ลูซขยับกายมานั่งลงตรงข้ามกับคน
รักของตัวเอง เขาส่งยิ้มให้กับริว
   “แล้วทุกอย่างก็จบลงด้วยดี”

   มือทั้งสองปรบเข้าหากันเพียงครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ริวก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ผู้ชายตรงหน้าเขา
ไม่ใช่กะเทยติ๊งต๊องและหื่นกามเท่านั้น แต่มีบางอย่างที่แฝงอยู่ บางทีเขาก็ไม่อยากจะนึกถึงเลยว่ามันคืออะไร
   “เอ่อ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
   เขารีบลุกจากเก้าอี้ ลูซหุบยิ้ม  ชายหนุ่มไม่ได้ห้ามว่าที่เจ้าบ่าว ได้แต่มองตามไปเท่านั้น เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่น


เพราะโดนยึดเอาไว้เลยไม่ได้ถ่ายภาพแห่งความประทับใจ
    ภาพหลายภาพถูกบันทึกเอาไว้ ถึงแม้จะมีแค่จานอาหารบนโต๊ะ แต่มันก็ทำให้คนสวยนั้นยิ้มไม่หยุด


   …นี่มันก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น…

   กึก กึก

   เวลาผ่านไปพักใหญ่ ริวก็ยังไม่กลับมา ลูซนั่งเคาะนิ้วอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าเริ่มบึ้งตึง เขาจ้องมองเวลา นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่ง
ชั่วโมง
   “เป็นอะไรหรือเปล่านะ”

   ความเป็นห่วง ทำให้ลูซไม่รอช้ารีบตรงไปยังห้องน้ำทันที เพื่อไปหาว่าที่เจ้าบ่าวของเขา แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่เจอแม้แต่
เงา คิ้วทั้งสองเริ่มขมวดเข้าหากัน

   เขาหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาริว แต่ดูเหมือนปลายสายจะปิดเครื่องหนีไปเสียแล้ว

   “คิดจะหนีลูซอย่างนั้นเหรอ…”
   ลูซกดเสียงต่ำ แต่เพียงครู่ก็แสยะยิ้มร้าย เขาเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร แล้วจ่ายค่าอาหาร

   “คุณแม่ครับ…ริวจังหายไปไหนไม่รู้”
   หากริวหาว่าลูซเป็นคนขี้ฟ้องก็คงใช่ แต่จริงๆแล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือต่างหาก

   “ขอบคุณนะครับคุณแม่ ลูซรักคุณแม่ที่สุดเลย”

   เขาบอกกลับพร้อมกับส่งเสียงจุ๊บไปด้วย พอกดวางสายจากว่าที่แม่สามี มือใหญ่ก็กำเข้าหากันอย่างหลวมๆ

   “หนีลูซไม่พ้นหรอกนะริวจัง…ยังไงริวจังก็เป็นเจ้าบ่าวในกำมืออยู่ดี ลูซไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆหรอก”

   

-------+++++-------
   เรื่องของวันพรุ่งนี้ เอาไว้ถึงแล้วค่อยคิด ตอนนี้ริวขอแค่ทำยังไงก็ได้ให้รอดพ้นจากผู้ชายที่ชื่อว่า 'ลูซ'
   สถานที่ที่เขาหนีมาคือคลับแห่งหนึ่ง เขากะว่ามาดื่มสักแก้วสองแก้วแล้วค่อยขับรถกลับไปคอนโด แต่คงไม่คิดจะกลับบ้าน
เพราะไม่อยากมีเรื่องกับมารดา โทรศัพท์มือถือก็ปิดเครื่องหนีไปแล้ว เพราะไม่อยากจะติดต่อกับใครทั้งนั้น

   การดื่มนั้น ริวก็รู้ลิมิตของตัวเอง เขาไม่ได้ดื่มจนเมามาย ไม่อย่างนั้นอาจจะขับรถกลับคอนโดไม่ได้  ถ้าเมาแล้วขับ ก็มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ แน่นอนว่า ริวไม่อยากให้ชีวิตตัวเองต้องมาเสี่ยงตายเพียงเพราะเรื่องของกะเทยโรคจิตนั่นแน่นอน
   “เฮ้อ”

   พอมาถึงคอนโด ริวก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขาเหนื่อยและอยากอาบน้ำนอนเต็มทน แต่ทันทีที่ปิดประตูห้อง และเปิดไฟเท่านั้น

   “เฮ้ย!!!”

   คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ปล่อยคีย์การ์ดในมือจนล่วงหล่น เพราะเห็นร่างสูงใหญ่ของบางคนที่เขารู้จัก แม้จะไม่คุ้นเคย แต่ก็ลืมไม่ลง

   …ลูซ!!!...

   ความไวของลูซนั้นปานจรวด เขาไม่ปล่อยให้ริวได้หนี กายสูงก็พุ่งเข้ามากอดร่างเล็กเอาไว้แน่น

   “คิดจะวิ่งไล่จับกับลูซเหรอริวจัง”

   “ปล่อย! ไอ้กะเทยโรคจิต”
   “อื้อหือ…กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว”

   จมูกโด่งนั้นฟุดฟิดดมกลิ่นกายของริว แม้ร่างที่ถูกโอบกอดนั้นรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมา ริวพยายามดันร่างลูซออก แต่เขาก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้

   “นี่แกจะทำอะไร!”

   เขาโวยวายทันที เมื่อลูซดึงเขาให้เดินตามไปยังห้องน้ำ ชายหนุ่มพยายามจะไม่เดินตาม แต่ก็ทนแรงกระชากของลูซไม่ได้
   ตูม!!!!!!!

   “แคกๆๆ”
   ร่างของริวโดนจับโยนลงในอ่างน้ำที่มีน้ำอุ่นเต็มอ่าง เขาสำลักน้ำจนหน้าแดงก่ำ กำลังจะเงยหน้าขึ้นไปด่าคนที่บุกรุกที่ห้อง
ของเขา แต่พอเห็นใบหน้าสวยที่ปกติมักจะมีรอยยิ้มแต่ในยามนี้กลับเรียบนิ่ง นั่นทำให้ริวต้องเก็บเสียงตัวเองลงคอ

   “ริวจังเนี่ย ใจร้ายจังเลยนะ”
   คำพูดนั้นมาพร้อมกับน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ปากสวยกลับคลี่ยิ้ม ริวเองก็รู้สึกกลัวลูซขึ้นมา เวลาอยู่กันสองต่อสอง เขาก็รู้สึกว่าลูซ
แปลกๆ

   “ออกไปจากห้องฉันเลยนะ!”

   “ไล่ว่าที่เจ้าสาวตัวเองน่ะ มันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอริวจัง”

   ใบหน้างดงามเคลื่อนเข้ามาใกล้ ริวหายใจติดขัด เมินหน้าหนีใบหน้าของลูซ จะให้ยอมรับได้ยังไง ว่าเขาใจเต้นแรงกับ
ใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้าแบบนี้

   “ริวจังน่ะ…หลงใหลใบหน้าของลูซใช่ไหมล่ะ”

   คำพูดนั้นเหมือนทิ่มใจของริวเต็มๆ

   “ไม่ อื้อ”
   ทันทีที่จะหันกลับมาปฏิเสธ ริมฝีปากก็กดจูบบดขยี้กับริมฝีปากของริวทันที เขาเบิกตากว้าง ตัวแข็งทื่อ สติก็เหมือนจะไม่
ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าเพราะเมาเหล้า หรือเพราะเมาความงดงามที่อยู่ตรงหน้า

   พลั่ก!

   ริวรวบรวมแรงที่มีผลักลูซให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนลูซจะไม่สะทกสะท้าน เขากำลังโมโห และอารมณ์ไม่ดีมากพอสมควร
แม้จะปั้นหน้ายิ้มให้กับริวจังที่รักก็ตาม

   …แค่เห็นคนอื่นมาเกาะแกะริว เขาก็หงุดหงิดจะแย่ แต่นี่โดนปล่อยทิ้งไว้ที่ร้านอาหารคนเดียวอีก…มันทำให้เขาเคืองสุดๆ…

   รักแค่ไหน…แต่ก็ต้องลงโทษให้รู้กันบ้างว่าริวจังเป็นของเขาคนเดียว ห้ามมองคนอื่น และห้ามคิดแม้แต่จะทิ้งเขาด้วย

   “อย่าเข้ามานะไอ้บ้าเอ้ย ออกไปสิวะ!”

   แรงคนตัวเล็กหรือจะสู้คนตัวใหญ่กว่าได้ เพียงใช้เวลาไม่นาน ริวก็เปลือยแทบจะทั้งร่าง แต่ไม่ใช่แค่คนเปียกจะมีแค่ริวคน
เดียว เพราะลูซเองก็เปียกปอนเหมือนกัน ริวอาศัยจังหวะที่ลูซทำท่าจะก้าวลงมาในอ่าง ริวรีบลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งออกจากห้องน้ำแล้ว
เขาจะได้ขังลูซเอาไว้ข้างใน
   แต่ดูเหมือนว่าริวจะคาดคะเนผิดไป เพราะลูซไม่ใช่คนโง่ที่จะปล่อยให้ว่าที่เจ้าบ่าวแสนหล่อของเขาหลุดมือไปง่ายๆ

   ตุบ! ซ่า!

   ริวเซล้มจนนั่งทับบนร่างของลูซไปเต็มๆ เขาหายใจติดขัดขึ้นมา หันกลับไปมองใบหน้างดงาม ร่างกายของลูซนั้นแข็งแกร่งสมชาย จนริวรู้สึกอายตัวเองขึ้นมา แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาครุ่นคิดให้ตัวเองต้องเจ็บช้ำน้ำใจ

   แขนยาวโอบกอดร่างตรงหน้าพร้อมกับใบหน้าสวยที่วางเกยไหล่เล็ก ริมฝีปากสวยกดจูบที่ต้นคอขาว
   “ริวจังใจร้าย”


   “ฉันใจร้าย งั้นก็เลิกยุ่งกับฉันสิ”

   “ไม่เอา”

   “นายมันบ้าจริงๆ”
   “ก็ลูซรักริวจัง”
   คำรักกระซิบผ่าน เรือนร่างแนบชิด แม้ลูซจะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก แต่ริวก็รับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวที่ส่งมาถึง แต่นั่นก็ไม่ช้า
ไปกว่ามือปลาหมึกที่ลูบไล้เรือนร่างของเขาไปด้วย
   “วันนี้ลูซหงุดหงิดสุดๆเลยนะริวจัง”   

   “ละ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”

   “เกี่ยวสิ…เพราะริวจังทำให้ลูซเสียใจ”

   “นั่นมันก็เรื่องของนาย”
   “ไม่ใช่สักหน่อย มันเรื่องของเราต่างหาก  ก็ลูซเป็นเจ้าสาวของริวจัง”
   ริวรู้สึกเหมือนมีลูกหมาตัวโตมากอดออดอ้อนเขา แต่ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ออกแรงขัดขืนให้มากกว่านี้
หรือว่าเขาเองก็รู้สึกพอใจ แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ
   “นี่แกจับอะไรของแกฮะ!”

   เขาสะดุ้งแทบจะสุดตัว แต่ก็ลุกหนีไม่ได้ เพราะลูซใช้มือข้างหนึ่งกอดเอวเขาเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ทำงานหื่น จับริวน้อย
เอาไว้เสียเต็มมือแถมยังออกแรงรูดรั้ง

   “ยะ หยุด อย่ามาจับของฉัน”

   “ไม่ได้หรอก ก็ริวจังดื้อ ไปยุ่งกับคนอื่นนี่นา”

   “ยะ หยุดสิ ไม่งั้นมีเรื่องกันแน่”

   “ริวจังจะทำไมเหรอ?”

   น้ำเสียงนั้นไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของริวเองก็เหมือนโอนอ่อนไปตามแรงสัมผัสอย่างที่ตัวเองก็ไม่
เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด ทำไมมือผู้ชายถึงทำให้เขารู้สึกดีขนาดนี้

   “ริวจังเป็นของลูซคนเดียว…อย่าลืมสิ”

   “ฉันไม่ใช่ของนาย”

   “ใช่…ริวจังเป็นของลูซ”

   เขาคลายอ้อมกอด แล้วเริ่มใช้มืออีกข้างมาปรนเปรอยอดอกสวย ริวห่อตัว รู้สึกขนลุก แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความเสียวซ่านที่

ได้รับ ยอดอกเล็กถูกบีบขยี้อย่างเอาแต่ใจ ส่วนแก่นกายนั้นก็โดนปรนเปรอจนมันแข็งตัวรับสัมผัส

   “อ๊ะ!”

   ริวสะดุ้งตัว เมื่อนิ้วร้อนเริ่มป้วนเปี้ยนที่ช่องทางด้านหลัง เขาจะยันกายขึ้นลุก แต่ก็โดนโอบกอดเอาไว้

   “ปะ ปล่อย”

   ร่างทั้งร่างสั่นระริก แก่นกายนั้นไม่ได้ปลดปล่อยความอึดอัด ลูซไม่ปล่อยให้ริวได้สติ เขารั้งใบหน้าเข้ามากดจูบ ในขณะที่
นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปในช่องทางที่คับแน่นอย่างรวดเร็ว

   !!!

   ดวงตาของริวเบิกกว้าง ร่างกายกระตุกเกร็ง พยายามจะถอยสะโพกหนี แต่ลูซไม่ยอมง่ายๆ ต้นขาแข็งแรงแทบจะเป็นการ
บีบบังคับให้กายเล็กไม่สามารถเคลื่อนหนีเขาไปได้เลยแม้แต่เล็กน้อย

   ริวอยากจะปฏิเสธสัมผัสที่เกิดขึ้น แต่ร่างกายของเขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรง ไม่เข้าใจตัวเองว่าแรงทั้งหมดที่เคยมีหายไปไหน

   ทั้งด้านหน้าและด้านหลังกำลังโดนปลุกเร้า เขาเป็นผู้ชาย แต่ทุกครั้งที่นิ้วเรียวนั้นสัมผัสโดนบางจุดข้างใน ร่างกายของเขา
ก็เสียวสะท้านเหมือนมีไฟฟ้าแล่นทั่วร่าง

   “อะ อื้อ อื้อ”

   สติที่มีเลือนหาย เมื่อได้รับการปรนเปรอจนเต็มที่ คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะเอามือใหญ่ให้ออกห่างต้องทำยังไง ลูซกดนิ้วย้ำๆ
ในช่องทางคับแน่น เขาสอดเข้าไปแค่นิ้วเดียว แต่ก็สร้างความสุขสมที่ริวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

   “อะ อา”

   ริมฝีปากเล็กเผยอครางร้องออกมาอย่างหมดรูป ดวงคู่สวยคลอไปด้วยหยาดน้ำ ทรมานและสุขสมเพราะฝ่ามือร้อนผ่าวที่
ขยับรูดรั้งไม่หยุดหย่อน ริมฝีปากงดงามก็พรมจูบไปตามลำคอขาว

   “อะ อ๊ะ อ๊า!”

   เพียงไม่นาน ก็มาถึงปลายทาง น้ำขาวขุ่นนั้นปะปนไปกับสายน้ำใสสะอาดในอ่างน้ำที่คับแคบเพราะคนสองคน ริวหอบ
หายใจ เขาฟุบหน้าลงกับไหล่ของลูซอย่างหมดแรงพร้อมกับนิ้วเรียวที่ถอนออกจากช่างทางร้อน ลูซโอบกอดริวเอาไว้อย่างรัก
ใคร่ เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเหมือนอ้อนวอนแต่ก็แกมบังคับ

   “ริวจังเป็นของลูซ…เป็นของลูซคนเดียว...ต้องมองแค่ลูซคนเดียวนะริวจัง…”

   
100%
29/5/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-05-2016 14:54:28
เหมือนเป็นการลงโทษไปในตัวสินะ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-05-2016 14:57:10
 :jul1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-05-2016 18:02:12
ริวเนี่ยน้าาา ไหนก็มาขนาดนี้แล้ว ยอมๆลูซไปเถอะ เห้อออ พยศจริงๆ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-05-2016 18:30:43
รู้กันไปว่าใครรเมียใครผัว อิอิ
เนอะน้องริว
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 29-05-2016 21:08:07
หนียากคะ งานนี้   555555

รอค่าาาาาาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 6 เจ้าบ่าวในกำมือ
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 31-05-2016 22:05:10
ไม่รอดหรอก หุหุ  :hao7:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 7 สาวสวย
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 01-06-2016 17:02:22
7
สาวสวย



   บอกใครใครเขาจะเชื่อ ว่าพ่อหนุ่มคาสโนวาอย่างริว ต้องหมดหนทางต่อสู้กับผู้ชายร่างใหญ่ แถมใจกล้า หน้าด้าน ทำเรื่อง
ลามกกับเขาได้อย่างไม่มีสำนึกของความเกรงกลัว

   ความแข็งแกร่งกดทับร่างเขาจนแทบจะจมไปกับอกนั้น  ริวอึดอัด พยายามดันร่างที่ใหญ่โตให้ออกห่าง ลูซยังคงงัวเงีย  ริว
ไม่รู้เลยว่าเขามานอนจมอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขาแสนเกลียดได้อย่างไร แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญในตอนนี้ เขาต้องหา
ทางหนีให้รอดจากอุ้งมือของว่าที่ภรรยาหน้าสวยนี่เสียก่อน

   ภาพความทรงจำที่แสนอับอายยังคงอยู่ไม่เลือนหาย ริวรู้ดีว่าร่างกายของเขาแปลกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะยอมรับได้
ง่ายๆ ใครมันจะไปยอมรับผู้ชายตัวโตให้มาสมรสเป็นภรรยาได้ลงคอ แค่คิดก็พาลให้อยากคลื่นไส้จนแทบจะอาเจียนออกมา

   ด้วยความที่ลูซนอนดิ้นอยู่บ้าง เขาพลิกกายออกห่างจากริวอย่างงัวเงีย ความสบายใจเกิดขึ้นแทบจะทันที อย่างน้อยตอนนี้
เขาก็ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ไออุ่นของลูซอีกต่อไป

   ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คือต้องหนีไปจากที่นี่ แต่ริวก็คิดไม่ตกว่าเขาควรจะหนีไปที่ไหน ในเมื่อคอนโดแห่งนี้ก็เหมือน
ไม่ใช่หลบภัยของเขาเสียแล้ว หรือว่าเขาจะไปเช่าห้องที่ไหนสักแห่ง

   ทันทีที่เข้ามาในห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว ใบหน้าของเขาก็เห่อร้อนขึ้นมาแทบจะทันที ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกทำเรื่อง
น่าอับอายในสถานที่แห่งนี้ แถมเขายังสลบไป ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในชุดนอนสะอาดตาเสียแล้ว 
   …ก้น…

   ศักดิ์ศรีความเป็นชายเหมือนโดนล่วงล้ำ เขาโดนนิ้วเรียวยาวนั้นสอดเข้ามาในร่างกาย เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ดวงตาเขา
นั้นสั่นไหว ใจเต้นแรงจนแทบควบคุมสติตัวเองไม่อยู่

   “ริวจางงง”

   เสียงนั้นครางเรียกอย่างอ่อนหวาน แต่มันเหมือนเป็นมีดมากรีดใจเขา เขาเกลียดเสียงที่เต็มไปด้วยความเสน่หาและปรารถ
นาของลูซ  ริวรีบกดล็อกประตูห้องไม่ให้ลูซได้เข้ามาได้ง่ายๆ เขาไม่อยากเห็นหน้าคู่หมั้นของตัวเอง

   “ริวจังอยู่ในห้องน้ำเหรอ เปิดประตูให้ลูซทีน้า”

   ไม่มีวัน… เขาไม่มีวันเปิดประตูให้กับไอ้กะเทยโรคจิตนี่แน่นอน

   ไวกว่าความคิด ริวรีบเลื่อนมือไปปิดก้นตัวเอง เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

   เขาจะไม่ยอมเสียความเป็นชาย

   เรื่องเมื่อคืนมันแค่ความฝัน เขาเมา ถ้าหากทำเป็นไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ มันน่าจะดีต่อตัวเขามากที่สุด เขาพูดได้ไม่เต็ม
ปากว่ารู้สึกเกลียดสัมผัสของลูซ เพราะถึงใจเขาจะสั่งให้ขยะแขยงมากแค่ไหน แต่ร่างกายเขากลับตอบสนองไปกับการปรนเปรอ
ที่อีกฝ่ายได้มอบให้

   “ริวจัง…เจ็บก้นเหรอ โกรธลูซเหรอ”


   อย่ามารื้อฟื้นได้ไหมเจ้าบ้า!

   ริวพยายามควบคุมสติของตัวเองไม่ให้แตกกระเจิงไปมากกว่านี้ เขากำลังรู้สึกแย่สุดๆ แถมเจ้าบ้านั่นยังมาย้ำเตือนความ
ทรงจำที่เขาน่าจะลืมไปมันแล้วแท้ๆ

   “ไปซะ!”

   นี่คือคำเดียวที่คิดออก ลูซเลิกคิ้ว ไม่อยากคิดว่าตัวเองจะได้ยินผิดไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะหยุดง่ายๆ เรื่องอะไรที่เขาจะ
ต้องหยุด ในเมื่อเขาเองก็รู้สึกต้องการริวจนแทบทนไม่ไหว เขาไม่อยากปล่อยคนที่เขารักเอาไว้คนเดียว

   “ริวจัง ออกมาหาลูซเถอะนะ”

   “ไม่! นายออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”

   พอได้ยินแบบนั้น ลูซก็คอตก เขาแนบแก้มกับประตู้ห้องน้ำ ยกนิ้วเขี่ยพื้นประตูราวกับลูกแมวตัวโต

   “แต่ลูซอยากอยู่กับริวจังนี่นา”

   “แต่ฉันไม่อยากอยู่กับนาย”

   “ริวจังโกรธ ที่ลูซสอดนิ้วเข้าไปเหรอ?”

   ริ้วแห่งความเขินอายเกิดขึ้นบนใบหน้าของริวทันที ไม่คิดว่าลูซจะไม่ยอมหยุดพูดเรื่องเมื่อคืน

   “ออกไป!”

   เขาตะโกนไล่ เพราะไม่อาจจะทนรับความอับอายได้ ลูซขมวดคิ้วทันที เขาไม่คิดจะยอมให้ริวไล่เขาไปได้ง่ายๆแบบนี้

   “ลูซไม่ไป ลูซเป็นแฟนของริวจัง”

   “แกไม่ใช่แฟนฉัน!”

   แค่ปวดหัวเพราะเรื่องเมื่อคืนก็มากพอแล้ว เขายังจะต้องมาต่อปากต่อคำกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ช่างเป็นอะไรที่แย่
สำหรับเขาเสียเหลือเกิน

   “ริวจัง”

   “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก”

   เขาไม่คิดจะนับญาติกับลูซตั้งแต่แรก ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วถ้าจะต้องมาแต่งานเข้าหอด้วยกัน เขายิ่งทำใจยอมรับไม่ได้

   “ก็ได้…ริวจังคงอายลูซ”

   ชายหนุ่มพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ริวไม่ตอบกลับ ได้แต่เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่ขยับเคลื่อนที่ห่างออกไป เพียงเท่านี้เขาก็
คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ

   “เฮ้อ”

   เสียงถอนหายใจดังขึ้น มันเหมือนช่วยปลดปล่อยความเครียดที่สะสม เขาทำธุระส่วนตัวเพียงครู่ ไม่อยากจะจดจำภาพ
ความอัปยศของตัวเองอีกต่อไป เขาจะลืมมันให้หมด จะทำเป็นไม่สนใจลูซ

   “ริวจังจะไปไหนเหรอ?”

   พอเห็นว่าริวเดินออกมาหยิบชุดในตู้เสื้อผ้า เพื่อจะไปเปลี่ยนในห้องอาบน้ำ ลูซก็เด้งกายเดินเข้ามาถามริวทันที  ริวทำเป็น
ไม่สนใจ คิดเสียว่าลูซเป็นธาตุอากาศ ไม่จำเป็นต้องมองก็ได้

   ชายตัวสูงได้แต่คอตก อย่างกับคนซึมเศร้า แต่ก็แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ลูซก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

   …เขาจะรอริวจังออกมาจากห้องน้ำ…

   ความหวังของเขาไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่อริวเปลี่ยนชุดเสร็จ เป็นชุดสูท ริวระบายยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มนั้นดูภูมิฐาน หล่อเหลา

น่ามอง

   “ริวจังหล่อจังเลย”
   เขาพุ่งเข้ามากอดริวจากด้านข้าง ปฏิกิริยาของร่างกายตอบสนองได้รวดเร็ว ริวผลักลูซออกห่างอย่างรังเกียจ จึงทำให้ลูซ
แสดงใบหน้าที่ง้ำงอในทันที

   “อย่ามาเกะกะ”

   “ริวจังจะไปทำงานเหรอ ให้ลูซไปด้วยนะ”

   “นายจะมากับฉันทำไม นายทำงานที่บริษัทฉันหรือไง”

   แม้ไม่รู้จะหาทางรับมือกับว่าที่เจ้าสาวที่ทำตัวราวกับปลิงเกาะได้อย่างไร แต่ริวก็ไม่คิดจะหยุดความคิดที่จะสลัดลูซให้ออก
ห่างจากตัวของเขา

   “เปล่าหรอก แต่ลูซอยากไปให้กำลังใจ”

   ริวยกนิ้วชี้หน้าลูซ เมื่อร่างสูงจะขยับเข้ามาใกล้

   “หยุดเลยนะ! ถ้านายคิดจะก่อความวุ่นวายให้ฉัน โดยตามฉันไปที่บริษัทล่ะก็…ฉันจะไม่พูดกับนายอีกแม้แต่คำเดียว”


   ท่าทางไม่ได้ล้อเล่นนั้น ทำให้ลูซเงียบไป เขาได้แต่ยืนมองริวเดินออกจากห้อง ถึงแม้จะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน แต่ลูซก็พอจะรู้ขีดจำกัด เขาไม่อยากริวเกลียดเขา เขาอยากให้อีกฝ่ายรักเขามากกว่า


   “ไม่ว่ายังไง ริวจังก็เป็นของลูซ”

   

   -------+++++-------



   ไม่คิดว่าพูดแค่นั้น แล้วลูซจะยอมปล่อยเขาให้หลุดออกมาได้ง่ายๆแบบนี้      ริวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจระบายความ
เหนื่อยล้า ที่ต้องมาต่อสู้กับคนที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วย

   “มาแล้วเหรอคะ”

   “ครับ”

   วันนี้เขาเข้าทำงานสาย แม้การดื่มเหล้ามันจะทำให้เขาพอจะลืมความทุกข์ได้บ้างแต่พอตื่นขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่าง
แทบจะเป็นเหมือนเดิม มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เขาก็ยังหาวิธีสลัดเจ้ากะเทยหน้าสวยให้ออกห่างไม่ได้

   “มีเอกสารอะไรที่ผมต้องดูบ้างครับ”

   เขาบอกกับเลขานุการ ในเมื่อเรื่องส่วนตัวมันพาให้รำคาญนัก ทางเดียวก็คงต้องพยายามทำงานจะได้ไม่มีเวลาไปคิดเรื่อง

อื่น ซึ่งเรื่องอื่นนั้นก็คงไม่พ้นผู้ชายที่ชื่อว่าลูซ
   “หมดสักที”

   แฟ้มงานกองใหญ่ถูกริวจัดการจนหมด เขาเหลือบตามองเวลาที่บอกเขาว่าใกล้จะเลิกงานแล้ว ริวเก็บของบนโต๊ะให้

เรียบร้อย

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้น ริวละสายตาไปมอง เขาเอ่ยบอกคนที่เคาะประตูเป็นเชิงอนุญาต

   “เข้ามาได้เลยครับ”
   ชายหนุ่มไม่ทันได้มองคนที่เดินเข้ามา เพราะเขาคิดว่าคือเลขานุการ ชายกระโปรงสีขาวพลิ้วไสว ริวเริ่มใจเต้นแรงอย่างไม่
ทราบสาเหตุ บรรยากาศในห้องเริ่มแปลกไป เหมือนว่ามีกลีบดอกไม้อันบริสุทธิ์ตกร่วงลงมา

   ตุบ!


   สิ่งที่ตกไม่ใช่กลีบดอกไม้ แต่เป็นปากกาในมือของชายหนุ่ม ดวงตาเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ พร้อมกับท่าทางพยายามจ้อง

มอง

   “นะ นี่นาย!”

   แม้ไม่อยากจะเชื่อสมองตัวเอง แต่ริวก็พยายามประคับประคองสมองของเขาไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริง เบื้องหน้าเขา
ไม่ใช่หญิงสาวแสนสวยเหมือนที่ความรู้สึกเขาสัมผัสได้

   “ริวจางงงง”

   ความกลัวเริ่มมาเยือน เมื่อสมองเขาฝังลึกกับเสียงนี้ได้แม่น ราวกับเป็นเสียงที่ได้ยินมาตลอดหลายปี
   ร่างกายใหญ่โต ถาโถมเข้ามาเข้าริวอย่างไม่ยั้งกำลังที่มี แต่ริวก็ไม่ปล่อยให้ลูซได้ลวนลามเขาไปมากกว่านี้ เขาออกแรง
ทั้งหมดที่มีผลักลูซให้ออกห่าง

   “ทำบ้าอะไรของนาย!”
   
เขาไม่ได้พูดเพราะแค่การกระทำของลูซเท่านั้น แต่การแต่งตัวของลูซก็ทำให้ริว ทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิด

   “อะไรกัน ชุดนี้ไม่เข้าลูซเหรอริวจัง”

   ลูซคลี่ยิ้มร่า แล้วหมุนกาย จนกระโปรงที่ใส่ยาวคลุมเข่านั้นบานสะพรั่ง



   “ไม่เข้า! ทุเรศ”

   พูดไปก็รู้สึกว่าสมองมันสั่งทำงานตรงกันข้าม ลูซมาหาเขาในวันนี้ด้วยชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวสวย เสื้อยืดแขนยาวสีฟ้า
อ่อน แถมยังใส่หมวกปีกกว้างสีครีมที่มีโบขนาดใหญ่ติดอยู่ที่หมวก  สิ้นสุดร่างของกายช่วงล่างด้วยรองเท้าหุ้มส้นสีครีม

   …ทั้งสวย ทั้งน่ารัก…
   จิตใต้สำนึกของริว บอกว่าคนตรงหน้าเขางดงามเหมือนนางฟ้า แต่พอใบหน้าสวยนั้นยื่นเข้ามาใกล้ สติของริวก็กลับมา

   “ออกไปห่างๆเลยเจ้าบ้า”

   เขายกมือดันใบหน้าสวยของลูซ ขนาดชายหนุ่มไม่ได้แต่งหน้า ยังสวยขนาดนี้ เขาไม่อยากจะคิดตอนที่เห็นอีกฝ่ายใช้
เครื่องสำอาง กลัวว่าจะเผลอไผลไปกับใบหน้าที่งดงามนี้

   “นึกบ้ายังไง ถึงได้เอาชุดผู้หญิงมาใส่”

   ถึงแม้ลูซจะตัวใหญ่ แต่ก็น่าแปลกที่ชุดที่เขาใส่มันกลับเข้ากับรูปร่างและส่งเสริมให้เจ้าของร่างดูงดงามเป็นที่สุด

   รอยยิ้มสวยถูกส่งมาให้ริว ก่อนจะเอ่ยตอบ

   “ก็ไปดินเนอร์ครั้งก่อน ริวจังดูเครียดๆนี่นา ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะชุดที่ลูซใส่หรือเปล่า?”

   “บ้าเปล่าฮะ มันจะเป็นเพราะชุดได้ยังไง”

   “อ้าวเหรอ แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะริวจัง”

   ไม่พูดเปล่า แต่ร่างสูงกลับเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ รีบลุกจากเก้าอี้ ถอยหลังราวกับหนีสิ่งชั่ว
ร้าย ทั้งๆที่คนที่กำลังใกล้เข้ามาคือลูซที่เป็นมนุษย์เหมือนกับเขาทุกอย่าง

   “ก็เพราะนายมันเป็นผู้ชายไงล่ะ!”

   พอได้ฟังจบ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที ใบหน้าสวยงามเริ่มบึ้งตึง เขาเดินเข้าไปใกล้กับริวให้มากขึ้น จนคนตัวเล็ก ตัวแนบ
ติดไปกับผนังห้อง

   “ผู้ชายแล้วมันทำไมเหรอริวจัง…”

   “ฉะ ฉันไม่ชอบผู้ชาย”

   “ทำไมล่ะริวจัง ผู้ชายน่ะดีออก”

   “แกจะบ้าหรือไง!ผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิง”
   ริวตอบกลับไปตามความจริงของโลกใบนี้ แต่นั่นกลับทำให้ลูซคลี่ยิ้มสวย  ขยับกายเข้าไปแนบชิดกับริวมากขึ้น

   “แต่ลูซดีกว่าผู้หญิงอีกนะริวจัง”

   “ดะ ดีกว่ายังไง”

   “ก็…”

   ภัยอันตรายเริ่มมาเยือน แต่เขาไม่สามารถหนีพ้นไปได้ ก้นเล็กโดนมือใหญ่นั้นจับกุม ลูซยิ้มหวาน ส่วนริวก็ตกใจจนตัวแข็ง
ทื่อ

   …เขาโดนลวนลาม…

   “ลูซเติมเต็มให้ริวจังได้ ทำให้ริวจังมีความสุข แบบที่ไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนแน่ๆ”

   เขาไม่พูดเพียงอย่างเดียว แต่ฝ่ามือร้อนเริ่มไต่เข้ามาในกางเกง ริวสะดุ้งสุดตัว เขาบีบต้นแขนของลูซเอาไว้แน่น
   “ยะ หยุดนะเจ้าบ้า”
   “เอ๋…หยุดอะไรเหรอริวจัง”

   คนตัวสูงยิ้มกริ่ม ไล้นิ่วไปตามแก้มก้นเนียน ริวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ออกแรงผลักลูซให้ออกห่างด้วยความโมโห ปน
อับอาย

   “ยะ อย่ามายุ่งกับก้นฉัน!”

   “แต่ตรงนั้น ทำให้ริวจังรู้สึกดีได้น้า”
   “บะ บ้า!”


   “คิคิ”


   “ออกไปจากห้องฉัน จะไปไหนก็ไป”

   “ทำไมต้องโกรธลูซด้วยล่ะริวจัง”

   “ก็นายมันทำเรื่องทุเรศได้ไม่เลือกที่ นี่มันห้องทำงานของฉันนะ ให้เกียรติกันบ้าง”

   “แหม ลูซก็นึกว่าริวจังจะชอบซะอีก”

   ลูซยิ้มเย็น ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่รู้ว่าลูซไปได้ยินอะไรแปลกๆมาหรือเปล่า เพราะมันพาลให้เขานึกถึงเรื่องเก่าๆ
เขาเคยแอบพาสาวๆมานัวเนียในห้องทำงาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะมันเป็นนิสัยของผู้ชายที่เจ้าชู้อยู่แล้ว

   “เอาเถอะ ฉันจะถือว่าเรื่องวันนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น นายกลับไปได้แล้ว”

   “เสียใจ ลูซไม่กลับ”

   “อะไรนะ…”

   เขากดเสียงต่ำ ทั้งสองมองหน้ากัน ริวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาไม่อยากจะมีปัญหาตามมา แต่ดูเหมือนว่าลูซจะไม่
ยอมง่ายๆ

   “วันนี้ริวจังต้องไปเดทกับลูซ”

   “เดทบ้าอะไรของนาย”

   ริวไม่คิดจะยอมง่ายๆ แค่ไปดินเนอร์กับเจ้าบ้านี่ เขาก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ลูซยักไหล่ เปิดกระเป๋าสะพายข้างสีขาวของตนเอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา

   “เราจะไปกินข้าว แล้วก็ไปดูหนังกัน”

   โทรศัพท์มือถือถูกยื่นไปตรงหน้าของริว เป็นตารางดูหนังของวันนี้

   “ลูซจองเอาไว้สองที่แล้วล่ะ รอบสี่ทุ่ม”

   “ห๊ะ!”

   เวลาตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็น ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะต้องไปดูหนังกับกะเทยโรคจิตดึกดื่นขนาดนั้น

   “ทำไมต้องไปดูดึกขนาดนั้น”

   “แสดงว่าริวจังจะไปกับลูซใช่ไหม คิคิ”

   “ฉันยังไมได้บอกว่าจะไป”

   “แต่คำถามริวจัง มันก็เหมือนบอกว่าจะไปอยู่แล้วล่ะน้า”

   พูดไปก็ยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ริวหายใจเข้าปอดลึกๆ เขาไม่อยากจะทะเลาะกับคนที่น่าปวดหัวแบบลูซ

   “ก็…รอบดึกมันไม่ตัดฉากนี่นา”

   “อะไรนะ!”

   เพราะลูซพูดเบาเกินไป ริวเลยไม่ได้ยิน ชายหนุ่มยักไหล่ ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่คิดจะไขข้อสงสัยของริว

   “ไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติดน้า”

   แล้วสุดท้ายริวก็โดนลูซดึงตัวไปด้วยจนได้ ริวเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงได้ใจง่าย ปล่อยให้ผู้ชายตัวใหญ่แต่งหญิงลาก
เขาไปไหนมาไหนตามใจชอบ แถมเขายังบ้าขับรถพาลูซมาที่ห้างอีกด้วย

   “ริวอยากกินอะไรเหรอ?”

   “อะไรก็ได้ กินได้หมดนั่นล่ะ”

   เขาเหนื่อยเกินกว่าจะพูด แถมยังไม่ชอบสายตาของผู้คนที่มองเขาเหมือนตัวประหลาด ที่จริงเขาคงไม่ใช่ตัวประหลาด แต่
ที่มันประหลาด น่าจะเป็นผู้ชายตัวสูงหน้าสวยที่ใส่ชุดผู้หญิง แล้วเดินกอดแขนเขามากกว่า

   …อย่างกับปลิง…

   แค่คิดก็ปวดหัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พยายามจะสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุด เขาจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแขนเขาไป
เรื่อยๆ

   “อ๊ะ แวะร้านหนังสือก่อนได้ไหมริวจัง ริวจังหิวมากไหม”

   จะบอกว่าเครียดจนหายหิวแล้วก็ได้ หรือเขาควรจะไปปล่อยลูซทิ้งไว้ที่ร้านหนังสือ แล้วแอบชิ่งหนี

   “อยากไปก็ไปสิ”

   เขาบอกอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ปล่อยให้ลูซลากเขาเข้าไปในร้านหนังสือจนได้ ลูซเดินมาตรงโซนที่เป็นหนังสือทำอาหาร

   “มาทำไมแถวนี้”

   “ก็ลูซจะหาเมนูอร่อยๆ ทำให้ริวจังกินไง”

   “ใครว่าฉันอยากจะกินอาหารฝีมือนาย”

   “กลัวลูซใส่ยาพิษเหรอ?”

   รอยยิ้มสวยเผยให้เห็น ริวเผลอมองไปชั่วขณะ ก่อนที่จะดึงสติตัวเองให้กลับมา

   “ก็ทำนองนั้นล่ะมั้ง”

   ชายหนุ่มหมุนกายจะไปดูหนังสือในโซนอื่นบ้าง ลูซวางหนังสือทำอาหาร แล้วเดินตามชายหนุ่ม

   “ตามมาทำไม”

   “ลูซกลัวริวจังหนีนี่นา”

   “กลัวแล้วจะพามาทำไม?”

   “ก็อยากเดทกับริวจัง”

   “บ้าหรือไง”

   เขาบอกอย่างเซ็งจัด แต่สิ่งที่ได้รับก็ยังคงเป็นรอยยิ้มสวยจากลูซอยู่ดี ริวถอนหายใจ ไม่คิดว่าการที่ต้องอยู่ใกล้กับลูซจะ
น่าปวดหัวมากขนาดนี้

   “แล้วไม่ซื้ออะไรหรือไง?”

   “ยังไม่อยากซื้อ”

   ลูซตอบไปตามความจริง เขาเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ เท่านั้น ยังไม่คิดจะซื้อในวันนี้

   “ไปกินข้าวกันเถอะนะริวจัง”

   “อืม”

   แม้จะไม่อยากยอมทำตามลูซ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มยอมรับชะตากรรม หนียังไง เขาก็คงจะหนีไม่พ้น แล้วถ้ากลับบ้าน
โดยไม่สนใจลูซหรือทิ้งลูซเอาไว้ ก็คงได้โดนมารดาต่อว่าไม่หยุดเหมือนในตอนกลางวันที่มารดาเขาโทรมาต่อว่าก่อนที่เขาทิ้ง
ลูซเอาไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว

ริวได้แต่ปลง อย่างน้อยลูซในตอนนี้ก็เหมือนผู้หญิงตัวใหญ่ มากกว่าผู้ชาย

   “ฉันไม่ค่อยโอเค”

   “อะไรเหรอริวจัง”

   “กับการที่นายมาเกาะแขนฉันแบบนี้ ดูตัวนายสิ”

   “ทำไมเหรอริวจัง”

   ลูซได้แต่เลิกคิ้วกับสายตาของว่าที่เจ้าบ่าว เมื่อริวมองเขาเหมือนรู้เอือมระอาเต็มทน

   “หรือว่าคิดมากที่ลูซสูงกว่า ไม่เห็นจะแปลกเลยริวจัง ผู้ชายคบกับผู้หญิงตัวสูงกว่าตั้งเยอะแยะ วันนี้ลูซก็แต่งตัวเพื่อริวจัง
เลยนะ”

   “ไม่ใช่ว่าการแต่งหญิงมันเป็นงานอดิเรกของกะเทยอย่างนายหรือไง!”

   “ลูซไม่ใช่กะเทยสักหน่อยริวจัง”

   “อมพระมาพูด ฉันก็ไม่เชื่อนายหรอก ปล่อย!”

   เขาแกะมือใหญ่ออกจากแขน แล้วรีบเดินเข้าร้านอาหาร

   “รอลูซด้วยสิริวจัง”

   ลูซรีบเดินตามริวเข้าไปในร้านอาหาร เขามองริวสั่งอาหาร แล้วสั่งตาม

   “เอาเหมือนกับเขา”

   “ไม่มีความคิดหรือไง”

   เพราะความหงุดหงิดขั้นสุด ทำให้ริวพูดออกไป ลูซคลี่ยิ้ม

   “อย่าหงุดหงิดสิริวจัง วันนี้…ริวจังมาเดทกับสาวสวยทั้งทีน้า”

   ถ้าเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาเป็นผู้ชายมาตั้งแต่แรก ริวก็คงคิดว่าเขากำลังมาเดทกับสาวสวยจริงๆ

   …สวยยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยพบเจอ…

   ตึก ตึก

   ริวไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังใจเต้นแรง เพียงเพราะมองใบหน้าของลูซที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกร้าน

   “อึก”

   เพียงครู่ที่ลูซหันกลับมา ทำให้เขาได้สบตากับลูซ ริวรีบเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากให้ลูซรู้ว่าเขากำลังรู้สึกแปลกๆ

   “อ๊ะ!”

   ริวสะดุ้ง เมื่อรับรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่างที่อยู่ใต้โต๊ะอาหาร ดวงตาเขาเบิกกว้าง เหงื่อเริ่มชื้นขึ้นบนบริเวณใบหน้า เมื่อปลาย
เท้าสวยที่สวมถุงน่องสีขาวนั้นหลุดออกมาจากรองเท้า แล้วกำลังไล้เล่นตั้งแต่ปลายเท้าเล็กขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณต้นขา และ
มีทีท่าจะขึ้นมาเรื่อยๆที่บริเวณใจกลางลำตัวของเขา พอชายหนุ่มเงยหน้ามองใบหน้าสวย ก็ตัวค้างแข็งทื่อ เพราะพบเจอกับรอย
ยิ้มร้ายที่มุมปาก

   “รู้สึกไวจังเลยนะ…ริวจัง”

   
100%
1/6/59
ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 8 หนังรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 01-06-2016 21:20:58
8
หนังรัก



   การกระทำของลูซ ทำให้ริวมองคู่หมั้นอย่างไม่ละสายตา ไม่ใช่ความพึงพอใจ แต่คือความขุ่นเคืองระคนอายอย่างมากล้น
ริวจับแก้วน้ำบนโต๊ะเอาไว้เสียแน่น ราวกับต้องการระบายความคับแค้นใจที่เกิดขึ้น

   “เป็นอะไรไปริวจัง”

   เขาถามเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมกับปลายเท้าที่บดขยี้ส่วนกลางลำตัวของริวให้มากขึ้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอด
แล้วจ้องหน้าลูซ

   “เอาเท้าของนายหลบไปห่างๆ จากตัวฉัน”

   “อยากให้ทำแบบนั้นจริงเหรอ…”

   ท่าทางของลูซไม่มีความสะทกสะท้าน หรือตกใจแต่อย่างใด เขายกแก้วน้ำขึ้นยกจิบเพียงนิด ก่อนที่ปลายลิ้นสวยจะลาก
ไล้ไปตามขอบแก้ว พร้อมกับสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มที่เหมือนกับว่าเขากำลังทำเรื่องลามกพวกนี้บนเรือนร่างของริวแทนที่จะ
เป็นขอบปากแก้วน้ำ

   “อึก”

   กลายเป็นว่าคนที่เริ่มทนไม่ได้ก่อน คือริวเสียเอง เขาได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้า เขาอยากจะ
โวยวายให้เสียงดังกว่านี้ แต่ก็กลัวทุกคนในร้านจะตกใจ

   ลูซกระตุกยิ้ม เขาขยับขาออกห่าง เมื่อมีพนักงานมาเสิร์ฟอาหารที่พวกเขาสั่งไว้ ริวมองลูซด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความ
แค้นเคือง

   “ถ้านายทำแบบนั้นกับฉันอีก ฉันจะไม่ไปดูหนังกับนาย”

   “ง่า…ริวจังอย่างโกรธลูซเลยน้า”

   ท่าทางประสานมือระหว่างอกเกิดขึ้น พร้อมกับสายตาที่ทอดมองอย่างออดอ้อน ยิ่งทำให้ใบหน้างดงามนั้นยิ่งน่ารัก

   ริวสะบัดความคิดฟุ้งซ่านและหลงใหลกับใบหน้างดงามนั้นทิ้ง เขาจะไม่ต้องหลงกลเจ้าปีศาจร้ายตนนี้

   “กินกันเถอะริวจัง”

   “!!!”

   ไม่รู้ว่าทำไม แค่ฟังแล้วถึงได้สะดุ้ง กลายเป็นว่าไม่ว่าอะไรที่หลุดออกมาจากปากของลูซ ริวก็คิดไปทางเลวร้ายเสียหมด

   เขากำลังตีความคำว่ากินกัน ไม่ใช่การทานอาหารเสียแล้ว…

   ลูซเลิกคิ้ว ราวกับว่าเขากำลังแปลกใจ พอเห็นริ้วแดงแห่งความอายเกิดขึ้นบนใบหน้าน่ารัก เขาก็พอเริ่มจะเข้าใจกับสิ่งที่
เกิดขึ้น

   ฝ่ามือร้อนเริ่มจับใบมีดแล้วหันเข้าที่ก้อนเนื้อราคาแพง ก่อนที่จะใช้ส้อมจิ้มเข้าไปยังเนื้อที่หั่นแล้ว เคลื่อนย้ายมาหยุดที่
บริเวณปาก เขาเหลือบตามองริว

   “หรือว่า…ริวจังอยากให้ลูซกินอย่างอื่นแทนเนื้อชิ้นนี้”

   “อึก”

   สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเกิดขึ้น ริวไม่อยากจะคิดว่าตัวเองเป็นรอง แม้ในความจริงมันจะใกล้แค่ไหนก็ตาม

   “เนื้ออะไรน้า ที่ริวจังอยากให้ลูซกิน”

   ริมฝีปากสวยงับเม้มที่ชิ้นเนื้อ แต่สายตายังคงจับจ้องที่คนตัวเล็ก ริวสูดลมหายใจเข้าปอด เอ่ยบอกอย่างโมโห

   “รีบยัดเข้าปากไปเลยนะเจ้าบ้า”

   ลูซพยักหน้าอย่างเชื่องช้า แล้วรับชิ้นเนื้อที่หั่นไว้เข้าไปในปาก ริวรู้สึกเหนื่อยราวกับว่ากำลังเล่นสงครามประสาท ในขณะ
ที่ลูซลงมือทานอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข ส่วนริวก็หวาดระแวงและระวังตัวตลอดเวลา เขานั่งหุบขาชิดกัน ไม่คิดจะเปิดช่อง
ว่างให้ปลายเท้าของลูซเข้ามารุกรานอีกครั้ง แต่ทว่า ตลอดมื้ออาหารนี้ ก็ไม่มีปลายเท้าสวยยื่นมาสัมผัสกับร่างกายของเขาเป็น
ครั้งที่สอง

   “อ๊า…อิ่ม อร่อยจังเลย”

   ทั้งสองเดินออกมาจากร้านอาหาร ลูซกอดแขนริวแล้วซบหน้ากับไหล่เล็กอย่างออดอ้อน

   “ริวจังน่ารักที่สุด เลี้ยงลูซด้วย”

   “ฉันไม่ได้อยากเลี้ยงสักหน่อย แต่จ่ายแยกมันวุ่นวาย”

   เขาเมินหน้าหนีหันไปทางอื่น ลูซอมยิ้ม แล้วอาศัยจังหวะที่ริวเผลอ ยื่นหน้าเข้าไปกดหอมแก้มริว

   “นาย!”

   คนโดนลวนลามหันมามองตาขวาง ลูซทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กอดแขนริว ให้รีบตรงไปยังโรงภาพยนตร์

   “ปล่อยได้แล้ว”

   เขาอายคนอื่นที่ต้องมาโดนผู้ชายตัวสูงควงแขนแบบนี้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะอยู่ในชุดผู้หญิงก็ตามที

   “ให้มันน้อยๆหน่อยเจ้าบ้า”

   เขาเสหน้ามองไปทางอื่น ลูซคลี่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือจากแขนของริว จนคนตัวเล็กจ้องกลับด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่าง
มาก

   “ริวจังไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา”

   “ปล่อย”
   “ลูซอยากกอดแขนริวจังนี่”

   ใบหน้าสวยง้ำงอ ริวหลับตาลงเพียงครู่ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะลืมตาขึ้น

   “จะปล่อยหรือไม่ปล่อย”

   “แล้วถ้าไม่ปล่อย”

   “ฉันจะกลับ!”

   สายตาที่จริงจังของริว ทำให้ลูซเงียบไป เขาไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าขีดจำกัดความอดทนของริวกำลังลดลงเรื่อยๆ ไม่แน่ว่า
ริวอาจจะหนีกลับไปก่อนจริงๆก็ได้ ลูซไม่อยากเสี่ยง

   “ก็ได้ แต่ริวจังต้องไปดูหนังกับลูซนะ”

   แทนคำตอบที่ควรจะเป็นคำพูด ริวกลับพยักหน้าส่งๆไป ชายตัวสูงได้แต่ก้มหน้าต่ำราวกับรู้สึกเสียใจ เพียงแค่เสี้ยววินาที
ที่ริวรู้สึกสงสาร แต่พอเห็นลูซยิ้มแย้มเหมือนเดิม ความรู้สึกผิดที่เหมือนเคยเกิดขึ้นก็พาลหายไปในทันที

   …เจ้ากะเทยโรคจิตนี่มันกะล่อนจะตาย ไม่เห็นจะต้องไปสงสารเห็นใจตรงไหนเลย…
   “ริวจัง อยากกินป๊อปครอนรสอะไรเหรอ เอาน้ำอะไรดี”

   คนถามก็ช่างกระตือรือร้นจนคนฟังรำคาญ ริวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไปหนึ่งที แล้วเอ่ยตอบ โดยที่ไม่หันไปมอง
เจ้าของคำถามเลยแม้แต่น้อย

   “อะไรก็ได้ เลือกๆมาเถอะ”

   “โอเค”

   ท่าทางลูซไม่ได้ดูโศกเศร้า หรือคิดมากกับการกระทำของเขา ทำให้ริวรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ได้เป็นการใจร้ายแต่อย่าง
ใด แต่มันคือเรื่องปกติที่ผู้ชายมักจะปฏิบัติต่อพวกกะเทย แต่ถึงอย่างนั้น ชั่วครู่หนึ่งเขาก็นึกขึ้นมาว่าลูซบอกเขาว่าไม่ใช่กะเทย
แต่ริวไล่ความคิดสับสนนั้นออก
   …จะกะเทย หรือเกย์ มันก็เหมือนๆกัน เป็นพวกผิดเพศ…

   เขาค่อนข้างที่จะมองเรื่องรักร่วมเพศในแง่ลบ เขาไม่ยอมรับพวกรักเพศเดียวกัน มีความเชื่อที่ว่าผู้ชายควรจะเกิดมาคู่กับผู้
หญิง ชายรักชายอะไรนั่น ช่างเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจจริงๆ

   …ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น แต่ทำไม เวลาที่ลูซสัมผัสเขา ร่างกายเขาถึงได้ตอบสนองอย่างน่าอาย…

   “ริวจัง!”

   เสียงเรียกซ้ำๆของลูซ เรียกริวออกมาจากความคิดที่สับสน เขาหันไปมองลูซที่ส่งยิ้มมาให้

   “อะไร! จะเรียกทำไม”

   เขากลบเกลื่อนด้วยการทำท่าทางโมโห ลูซยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “เข้าไปดูหนังกันเถอะริวจัง”

   “อะ อืม”

   ริวหยิบแก้วน้ำและป๊อบคอนของตัวเอง แล้วเดินนำลูซไปทันที ลูซระบายยิ้มแล้วเดินตามคนตัวเล็ก
   “โรงไหนล่ะ”

   ริวหันมาถามลูซ  เขาไม่เอ่ยตอบอะไร แล้วรีบจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตามมา ทำให้ริวไม่ทันได้มองด้วยซ้ำว่าเขาจะไปดูหนังเรื่องอะไร

   “ริวจังเข้าไปก่อนสิ”
   “รู้แล้วน่า”   

   เขาเข้าไปนั่งในที่นั่งตามตั๋วที่ลูซซื้อมา ริวยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ในโรงภาพยนตร์ยังไม่ได้ดับไฟ

   “ดึกแบบนี้ จะมีคนมาดูไหมเนี่ย”
   “ริวจังอยากให้คนมาเยอะๆเหรอ”

   ลูซวางแก้วน้ำ แล้วเคลื่อนหน้าไปใกล้กับใบหน้าเล็ก ริวหันมามองลูซทันที เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆเสียแล้ว

   “เปล่าสักหน่อย จะมาสักกี่คน ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวเลยนี่”

   “นั่นสินะ เพราะไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครมาหยุดลูซได้หรอก”

   “ห๊ะ!”

   เพราะไม่ได้ตั้งใจฟัง และการพูดของลูซเหมือนไม่ได้จริงจัง ทำให้ริวฟังไม่ทันว่าคนข้างๆพูดอะไรออกมากันแน่

   “ไม่มีอะไรหรอกริวจัง ลูซแค่คิดว่า ดึกแล้ว คนคงไม่ค่อยมาหรอก”

   “งั้นเหรอ”

   มันก็อาจจะจริงอย่างที่ลูซบอกเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะถึงแม้จะเป็นเวลาดึกก็ตาม แต่คนจำนวนมากก็
เข้ามาในโรงหนังเยอะพอสมควร

   “ไม่มีใครเลยหรือไง?”

   ริวหันไปมองที่นั่งในแถวของตัวเอง ที่ยังไม่มีใครมานั่งสักคน

   “แถวนี้ คนคงไม่ค่อยชอบล่ะมั้ง”

   “เดี๋ยวก็คงมีคนอื่นมานั่งด้วย”ริวเอ่ยปลอบตัวเอง

   แถวที่ทั้งสองคนอยู่ ค่อนข้างจะสูงพอสมควร ริวเองก็ไม่ได้ชอบเข้ามาดูหนังในโรงภาพยนตร์สักเท่าไหร่ เขาไม่ค่อยรู้เรื่อง
พวกนี้ ในขณะที่ลูซเปิดกระเป๋า แง้มมองตั๋วอีกนับสิบกว่าใบที่เขาซื้อมา

   …เสียใจด้วยนะริวจัง…แต่เราสองคนจะได้อยู่กันสองต่อสองแน่นอน…

   ลูซปิดกระเป๋าของตัวเอง แล้วทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไร เวลาผ่านไปจนโฆษณาจบลง ริวก็ยังไม่เห็นแม้แต่คนเดียวที่มานั่งที่
แถวเดียวกับเขา

   “ฉันว่ามันแปลกๆ”

   “โอ๊ะ หนังเริ่มแล้วริวจัง”


   ลูซเปลี่ยนความสนใจของริวไปที่จอขนาดใหญ่แทน ริวค่อนข้างเซ็ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไปให้ความสนใจกับหนังที่ฉายแทน

   เวลาผ่านไปพักใหญ่ ริวก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เขาเริ่มกลืนน้ำลายลงคอ เพราะภาพที่แสดงอยู่บนจอนั้นคือฉากคลอเคลีย
ระหว่างชายหญิง  ริวหันไปมองลูซทันที

   “นะ นาย นายพาฉันมาดูหนังอะไรเนี่ย!”

   ริวแทบจะกัดฟันถาม ลูซยิ้มหวาน แล้วกระซิบข้างหูเสียงกระเส่า

   “หนัง(ทำ)รักไง ริวจัง”

   “นี่แก…”

   เขาจ้องหน้างดงามอย่างอาฆาตแค้น ลูซยกนิ้วชี้มาชิดริมฝีปากของริว

   “จุ๊ๆ อย่าเสียงดังรบกวนคนอื่นสิริวจัง ดูต่อเถอะนะ ก็แค่หนังเรท ไม่ใช่หนังโป๊สักหน่อยน้า”

   ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง แต่ริวเองก็รู้สึกเขินขึ้นมา เพราะเขาไม่ค่อยได้ดูอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ ผู้หญิงที่อยู่ในหนังก็สวยมาก
เสียด้วย ริวเริ่มตั้งใจดูภาพในจอโดยไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น ยังไงเสีย มองหน้าสวยๆของสาวๆในจอก็ดีกว่าต้องมามองเจ้ากะเทย
โรคจิต

   “อ่า…”

   ความรู้สึกร้อนผ่าวเกิดขึ้น เมื่อเขารับรู้ถึงอะไรบางอย่าง   

   “ฮะ เฮ้ อึก”

   ริมฝีปากของเขาถูกมือของลูซปิดปากเอาไว้อย่างรวดเร็ว ที่วางแขนถูกจับยกขึ้นตั้งแต่ตอนไหน แถมแก้วน้ำของลูซที่เคย
วางอยู่ ก็เลื่อนไปวางที่ช่องใส่แก้วของเก้าอี้ตัวถัดไปเสียแล้ว

   “อึก”

   คนตัวเล็กได้แต่เบิกตากว้างกับการจู่โจ่มอย่างรวดเร็วของริว ฉากนัวเนียในจอภาพนั้นแสดงให้เห็น ส่วนช่วงล่างของเขา
กำลังโดนริมฝีปากของลูซโลมเลีย

   “ยะ อย่า”

   ริวห้ามเสียงแผ่วในลำคอ เขาพยายามจะดันศีรษะของลูซให้ออกห่าง แต่ลูซก็เงยหน้าขึ้นมากระซิบเสียงแผ่ว

   “อยากให้คนอื่นรู้เหรอริวจัง”

   ถ้าชายหนุ่มไม่โวยวายตอนนี้ อาจจะไม่มีคนอื่นรู้ เพราะว่าในแถวของเขาไม่มีใครเลย แต่ถ้ามีคนจากแถวอื่นหันมามองแล้ว
ล่ะก็ แน่นอนว่าเรื่องน่าอายแบบนี้ ย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นอย่างแน่นอน

   “หยุดนะ ฉันบอกให้หยุดไง”
   ริวก้มลงไปกระซิบบอก ลูซประคองแก่นกายเล็กไว้ในมือ ปลายลิ้นแตะลงที่ส่วนยอดแล้วเลียมันเบาๆ

   “อยากให้หยุดจริงๆเหรอริวจัง”

   “อะ อะ อ๊ะ อ๊า อ๊า”

   เสียงครางกระเส่าจากภาพยนตร์ดังจนสร้างความกระสันให้กับริว เขาเบือนหน้าหนี ความร้อนรุ่มในกายเกิดขึ้นจนตัวเขาเอง
ยังตกใจ

   ความเป็นชายเริ่มตื่นตัวเต็มที่ ริวอยากจะผลักไสศีรษะของลูซให้ออกไปห่างๆ แต่เสียงทุ้มที่ดังขึ้นก็เขาหยุดชะงัก

   “อยากให้คนอื่นรู้เหรอริวจัง”

   ถึงน้ำเสียงนั้นจะดูสดใส ไม่ใช่คำขู่ แค่ริวก็รู้ได้ว่า เขาขัดขืนลูซตอนนี้ไม่ได้เลย อีกฝ่ายไม่ใช่คนปกติเสียด้วย ความหมาย
ที่ไม่ปกตินั้น ไม่ใช่ว่าเป็นคนพิเศษ แต่คงเป็นคนที่ยอมรับได้หน้าตาเฉย ว่าทำเรื่องลามกกับเขาในโรงภาพยนตร์ต่างหาก

   “อะ อื้อ อึก”

   เสียงครางทุ้มในลำคอ ดังพร้อมกับเสียงครางของนักแสดงในภาพยนตร์ ความเป็นชายตื่นตัวเต็มที่ภายในปากของลูซ
ก่อนที่จะพุ่งฉีดปลดปล่อยความอึดอัดทรมานจนหมดสิ้น

   “อึก อึก”

   เสียงกลืนน้ำลงคอนั้นทำให้ริวเบือนหน้าหนีด้วยความอาย เขาไม่คิดว่าลูซจะกล้าทำถึงเพียงนี้ ตัวเขาสั่นเทา มือเขาก็สั่น
ลูซเงยหน้ามา ส่งยิ้มให้โดยที่มุมปากยังมีน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อน ก่อนที่ลิ้นสวยนั้นจะแลบเลียมันอย่างกระหาย

   ริวเม้มปากแน่น ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมา เขาผลักลูซออกอย่างแรง มือเขาลนลานรีบเก็บสิ่งสำคัญเข้าสู่ที่ที่มันควรจะอยู่ แล้ว
รีบลุกเพื่อเดินออกจากที่นี่โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เขาไม่อาจจะทนอยู่ต่อได้อีกต่อไปแล้ว

   “ริวจัง!”

   ลูซตกใจที่อยู่ๆริวก็วิ่งออกไป เขารีบหยิบกระเป๋า แล้ววิ่งตามไปทันที เพียงไม่นานก็ตามทัน

   “ริวจัง”
   ลูซจับเข้าที่ไหล่เล็กที่เจ้าของร่างหันหลังให้เขาอยู่ ร่างของริวสั่นน้อยๆ ลูซเริ่มใจคอไม่ดี

   “ริวจัง ลูซขอทะ”

   พลั่วะ!!!

   ยังไม่ทันได้พูดคำขอโทษจบ กำปั้นเล็กก็ซัดใส่หน้าของลูซทันที ริวแสยะยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “สมน้ำหน้า”

   “ระ ริวจังต่อยหน้าลูซทำไม”

   พอหันมาหน้าอีกที ก็มีรอยฟกช้ำที่มุมปาก ลูซยกมีกุมแก้ม ใบหน้าเสียใจ

   “แกทำอะไรกับฉันในโรงหนัง แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!”

   “เอ๋…”
   ลูซทำหน้าเหรอหรา ราวกับว่ามึนงงกับคำกล่าวของริว แต่เพียงครู่ก็ระบายยิ้มออกมา

   “แหม…ก็ริวจังมีอารมณ์ ลูซก็แค่ช่วยเท่านั้นเอง”

   “แก…แกตั้งใจพาฉันมาดูหนังทุเรศแบบนั้นใช่ไหม!”

   ริวกระชากคอเสื้อของลูซ ใบหน้าสวยก้มต่ำลงมา ทั้งคู่สบตากัน คนตัวสูงคลี่ยิ้มหวาน

   “ลูซไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ริวจังไม่พอใจเลยน้า…”

   “…”

   “ลูซแค่อยากพาริวจังมาดูหนังรักด้วยกันก็เท่านั้นเอง…จุ๊บ"

100%
1/6//59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg
(http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg)

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/766454794-member.jpg)

'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 (https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/12745534_1718876081713896_3205226376025540237_n.jpg?oh=b3ca6df222da94305d86d116c5c72f78&oe=57D7D721)
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707

(http://cdn-tunwalai.obapi.io/files/member/48460/638704249-member.jpg)
สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




















หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 8 หนังรัก
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 01-06-2016 21:49:51
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 8 หนังรัก
เริ่มหัวข้อโดย: lucifermafis ที่ 08-06-2016 11:05:03
ภรรยาบริการดีขนาดนี้ สามีตัวซีดแน่  :hao3: :hao3: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 9 เลือกชุด
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 09-06-2016 22:25:25
9
เลือกชุด
   “โถ่โว้ยย!!!”


   เสียงโวยวายดังลั่นห้อง ริวพลิกกายขยับไปมาบนเตียงนอน เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะนอนสงบจิตใจ

   “ไอ้กะเทยบ้า ไอ้กะเทยเฮงซวย ไอ้กะเทยโรคจิต”

   ตุบ! ตุบ!

   ถ้าเปลี่ยนจากหมอนที่จับฟาดเตียงเป็นลูซได้ ริวคงมีความสุขและรู้สึกได้ปลดปล่อยอย่างง่ายดาย แต่ทุกอย่างในความเป็น
จริง เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะแค่ชกหน้าไอ้กะเทยโรคจิตไปหมัดเดียว พอกลับมาถึงบ้าน เรื่องก็วุ่นกันใหญ่ เพราะคุณ
แม่ของเขาทำใจไม่ได้ที่เขาเป็นลูกชายที่ใช้กำลังกับว่าที่ภรรยา

   …เขาไปรับไอ้กะเทยโรคจิตนั่นเป็นภรรยาตอนไหนกันวะ!...

   ริวถอนหายใจ เมื่อเขาเริ่มสงบสติของตัวเองได้แล้ว โชคดีวันนี้เป็นหยุดทำงาน เขาไม่ต้องไปทำงานก็จริง แต่ภายในบ้าน
หลังนี้ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่อยากจะพบเจอเป็นที่สุด นั่นคือ ว่าที่สะใภ้ของบ้านหลังนี้

   “ไปข้างนอก!”

   หนทางที่นึกออก คือไม่ต้องอยู่ร่วมหายใจภายในบ้านหลังเดียวกับคนที่เขาเกลียด ริวเด้งกายลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว เขา
ต้องรีบออกไปข้างนอก จะได้ไปปลดปล่อยความทรมานที่เกิดขึ้น เขาต้องทำทุกวิธีเพื่อให้รอดพ้นจากเจ้ากะเทยตัวยักษ์นั่น

   แอ๊ด…

   หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ริวก็เปิดประตูห้องอย่างเบามือ เพื่อจะหลบหนีออกจากบ้าน ถ้าออกจากบ้านได้ก็รอดตัว เขาก็
ปิดมือถือ ถอดแบตไปเสีย ทุกคนจะได้ไม่สามารถติดต่อเขาได้

   เขาได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ อีกไม่นาน เขาก็จะรอดพ้น ริวมองซ้ายแลขวา พอไม่เห็นลูซ เขาก็ก้าวเดินลงจากบันได

   “ริวจางงง”

   ริวสะดุ้งเฮือก เสียงดังมาจากชั้นสอง เขากลัวที่จะหันไปมอง ได้แต่รีบเดินลงบันได แต่ถึงกระนั้น เสียงเดินกึ่งวิ่งลงบันได
ก็ได้ยินเต็มสองหู

   “คิดถึงริวจัง จังเลยยย”

   “อึก”

   การจู่โจมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะลูซพุ่งเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง ใบหน้าสวยนั้นซบกับไหล่เล็ก

   “มันหนัก”
   กายเล็กพยายามขยับหนี แต่ลูซก็ขยับตาม ริวหลับตาแน่น พยายามสะกดกลั้น ไม่ให้ทำร้ายร่างกายของลูซ เขายังไม่
อยากโดนมารดาต่อว่าเหมือนครั้งก่อน เขาต้องตั้งสติ

   “กอดริวจังแล้วดีจังเลย”

   “!!!”

   ถึงปากจะบอกว่ากอด แต่ฝ่ามือร้อนกลับจับเข้าที่ใจกลางลำตัว จับเน้นๆที่ส่วนสำคัญ ริวหันขวับ ยกหมัดจะต่อยลูซ

   “ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ”

   เสียงของราตรี ทำให้ริวชะงัก รีบลดหมัดลง ลูซอาศัยจังหวะนั้น รั้งริวมาโอบกอดอย่างรักใคร่ พร้อมกับส่งยิ้มให้กับราตรี

   “กำลังแสดงความรักกันอยู่ครับคุณแม่”

   “ต๊าย ตาย น่าดีจริงๆ แต่อย่ามากนักนะลูก รอเข้าหอกันก่อนนะจ๊ะ”

   “คุณแม่”

   ริวครางพร่า ไม่คิดว่ามารดา จะเข้าใจผิดได้ขนาดนี้

   “จริงสิ วันนี้แม่นัดคนที่ร้านแต่งงาน ให้เอาชุดมาให้พวกลูกเลือกด้วย”

   “จริงเหรอครับ”

   คนที่ดีใจจนเกินหน้าเกินตา คือลูซ เขาผละออกจากริว ทำให้ริวเริ่มโล่งใจ ลูซเข้าไปกอดราตรี

   “คุณแม่น่ารักที่สุดเลยค้าบ”

   “จ้า…”

   ริวได้แต่เบ้หน้า นี่เขายังเป็นลูกชายของราตรีอยู่หรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัย เพราะราตรี ทำเหมือนกับว่าลูซเป็นลูกคน
โปรดเสียอย่างนั้น

   “ผมไม่ว่าง”

   “อะไรนะ”

   ราตรีหันมามองริวทันที ไม่ใช่แค่ราตรี แต่ลูซก็ด้วย ทุกคนมองริวเหมือนกับจับผิด เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

   “เอ่อ ผมอยู่ดูชุดไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ว่าง”

   “ไม่ว่าง? วันนี้มันวันหยุดไม่ใช่เหรอลูก จะไม่ว่างได้ยังไง”

   “ก็ผมไม่ว่างนี่ครับ ผมต้องออกไปข้างนอก”

   “ไปไหน?”

   ราตรีเริ่มถามเสียงเรียบ ริวยิ้มเจื่อน เอ่ยตอบเสียงแผ่ว

   “เอ่อ ไปหาไอ้โยครับแม่”

   “ไปทำอะไรกันเหรอจ๊ะ”
   “ไป เอ่อ ไปตีกอล์ฟครับ”

   ริวตอบเสียงตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่ามารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าเขาโกหก ราตรีหันไปมองลูซ

   “หนูลูซจ๊ะ ช่วยไปหยิบโทรศัพท์ให้แม่ที่สิจ๊ะ”

   “ได้เลยครับ”

   ชายตัวสูงตอบอย่างขยันขันแข็ง รีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ แล้วเดินกลับมาหาราตรีที่ยืนยิ้มพร้อมกับมองหน้าลูกชาย

   “คุณแม่จะโทรไปไหนเหรอครับ”

   “แม่ว่าจะโทรหาวาโยสักหน่อย”

   ดวงตาของริวเบิกกว้าง เขายังไม่ได้นัดแนะกับวาโยเรื่องที่เขากำลังโกหกมารดา ความซวยเริ่มมาเยือน

   “เอ่อ ผมว่า เดี๋ยวผมไปเลย”

   “จะไปไหนล่ะริวจัง รอคุณแม่คุยเสร็จก่อนสิ”

   คำพูดมาพร้อมกับการที่เข้ามากอดแขนราวกับล็อกตัวไม่ให้ไปไหน ลูซซบหน้ากับไหล่เล็ก คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ในขณะ
ที่ริวเหงื่อแตกที่ขมับ หัวใจก็เริ่มเต้นแรง ไม่อยากคาดคิด ได้แต่ภาวนาขอให้วาโยเพื่อนรักของเขารู้ทัน และช่วยเขาโกหก

   [สวัสดีครับ]

   เมื่อต่อสายไปแล้ว ไม่นานวาโยก็กดรับสาย ชายหนุ่มยังตื่นนอนไม่เต็มที่ งัวเงียอยู่บนเตียง

   “วาโยเหรอลูก นี่แม่ของตาริวนะ”

   [อ่า ครับ คุณแม่]

   วาโยงัวเงีย เขายันกายลุกนั่ง ขยี้ตาให้เขาตื่นจากความง่วง

   [มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่]

   สติเขายังตื่นไม่เต็มที่ ในขณะที่ราตรีเอ่ยถามออกมา

   “วันนี้ วาโยนัดกับริวเหรอลูก”

   [เอ๋ ไม่ได้นัดนะครับ]

   “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ”

   [ครับ]

   วาโยหลับตาลง แต่เพียงครู่ก็เบิกตากว้าง เมื่อคิดได้ว่า บางทีเขาอาจจะทำเรื่องเลวร้ายไปแล้วก็ได้

   “งั้นแค่นี้นะลูก”

   [เดี๋ยวก่อนครับ!]

   ไม่ทันเสียแล้ว เพราะราตรีวางสายไปแล้ว วาโยยกมือตบหน้าผากตัวเอง ใบหน้าเหยเก

   “ชิบหายแล้ว ไอ้ริวต้องไปโกหกอะไรไว้แน่ๆเลย”

   วาโยรู้สึกผิดต่อเพื่อน แต่ทุกอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไปแล้ว

   “ขอโทษด้วยว่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

   ทางด้านของราตรี เธอมองหน้าลูกชาย แล้วกระตุกยิ้ม ริวเริ่มเสียวสันหลัง เพราะไม่รู้ว่าราตรีคุยอะไรกับวาโยไปบ้าง

   “เอ่อ ไอ้โยมันว่ายังไงบ้างครับแม่”

   “วาโยบอกว่า วันนี้ไม่นัดแล้ว”

   “เห!!!”


   “ดีจังเลยน้า ริวจัง”

   ลูซยิ้มร่า ในขณะที่ริวแทบจะทรุด แต่ร่างเขาก็โดนลูซลากไปนั่ง
   “ริวจังนั่งก่อนน้า เดี๋ยวลูซไปเอาน้ำกับขนมมาให้ ริวจังอยากกินข้าวไหม เดี๋ยวลูซไปทำมาให้”

   …นี่วันนี้เขาต้องอยู่บ้าน นั่งเลือกชุดแต่งงานกับเจ้ากะเทยโรคจิตนี่จริงๆเหรอเนี่ย…

   แค่คิด น้ำตาก็แทบจะไหล ริวไม่คิดว่าตัวเองจะซวยมากขนาดนี้ ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งเขานัก หรือว่าเขาผิดที่
เจ้าชู้หลายใจ คบกับสาวไปทั่ว ไม่รักใครจริงสักคน

   “มาแล้ว”

   เสียงสดใสดังขึ้น พร้อมกับถาดขนมและน้ำหวานสีแดง ริวยิ้มเจื่อน ราตรียืนอยู่ไม่ห่าง

   “ดูแลน้องด้วยนะตาริว”
   “ครับ”

   เขาตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ถ้าไม่ตอบรับ คงได้เห็นท่าทางบึ้งตึงของมารดา แล้วเขาก็จะโดนบิดาดุ ที่ทำให้มารดาต้อง
เสียใจ

   …เขาทำอะไรก็ผิด…

   ณ จุดนี้ เขาอยากจะกู่ก้อง ด่าฟ้า ด่าดินที่ทำให้เขาต้องมาพบเจอชีวิตที่แสนรันทดใจ

   “อ้าปากสิริวจัง”

   เหมือนความเครียดมากเกินไปจนริวคิดอะไรไม่ออก อ้าปากรักคุกกี้จากลูซ ทั้งที่ถ้าเป็นปกติคงจะผละกายถอยหนีไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะปฏิเสธ

   “ดูดน้ำด้วยน้า”   
   “อืม”

   ทุกอย่างง่ายดาย ราวกับสั่งได้ดังใจ ริวเอนกายพิงโซฟา ปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นาน พนักงานจากร้านแต่งงาน ก็มา
พร้อมกับสมุดชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว

   “ริวจัง ตื่นได้แล้ว มาดูชุดกันเถอะ”

   คนที่กระตือรือร้น ยังคงเป็นลูซเหมือนเดิม ริวพยักหน้าอย่างเอือมๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเลือกชุดแต่งงานกับเจ้าสาวที่
เป็นผู้ชาย

   “นายเลือกเองได้ไหม ฉันไม่อยากเลือก”

   “ไม่ได้ ริวจังต้องช่วยลูซเลือกสิ”

   คนตัวโตเริ่มออกอาการเบ้ปาก ราวกับงอน แต่ริวทำเป็นไม่สนใจ

   “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา”

   “ให้ลูซไปด้วยนะ”

   “ไม่ต้อง”

   ริวหันมามองตาขวาง ลูซจึงทำหน้าจ๋อย ริวไม่สนใจ เดินตรงไปที่ห้องน้ำ เขาอยากจะหนีออกจากบ้าน แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงจะหนีไปไหนไม่ได้

   “เซ็งโว้ย”


   ทันทีที่เข้ามาในห้องน้ำ ริวก็ระบายความหงุดหงิดทันที เขาหยิบมือถือมากดโทรหาเพื่อนรักตัวแสบ

   “หนอย ไอ้โย แกนะแก เพราะแกคนเดียวเลย”

   ริวยืนกัดฟันกรอดๆ รอเพื่อนตัวสูงรับสาย และในไม่นาน วาโยก็กดรับสาย

   [ว่าไงวะ]
   “แกทำบ้าอะไรของแกวะ แกตอบแม่ฉันไปว่าอะไรฮะ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องมาเลือกชุดแต่งงานกับไอ้กะเทยนั่น”

   [เฮ้ย ใจเย็นๆดิวะ]
   “แกจะให้ฉันใจเย็นเหรอวะ อีกไม่นาน ฉันก็ต้องแต่งงานกับมันแล้วนะโว้ย!”

   [เออ รู้แล้ว แต่โวยวายแบบนี้ มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกนะเว้ย]

   “แล้วแกมีแผนเด็ดๆอะไรมั่ง”

   [ฉันก็ยังคิดไม่ออกเลยว่ะ แกบอกแม่แกแบบจริงจังไม่ได้เหรอวะ ว่าไม่อยากแต่ง ไม่มีแม่คนไหนใจร้ายกับลูกได้ลงคอ
หรอก”

   “ก็แม่ฉันนี่ล่ะ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงให้ฉันไปแต่งกับไอ้บ้านั่น”


   [เอาน่า มันต้องมีทางออกสิวะ ลองปรึกษาพี่แกดูหรือยัง]

   “พี่ฉันก็เหมือนยังไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงเหมือนกันวะ ทุกคนกลัวคุณแม่กันหมด แถมยัยน้องสาวตัวดี ยังไปเข้าข้างไอ้กะเทย
โรคจิตนั่นอีก เซ็งว่ะ”

   [เอาน่า อย่าคิดมาก ฉันว่าบางที แกก็แต่งๆไปก่อน ดีไหมวะ แล้วค่อยไปหย่าทีหลัง]

   “แกมาแต่งแทนฉันไหมล่ะไอ้โย! แกไม่รู้หรอกว่าไอ้กะเทยนั่นมันน่ากลัวขนาดไหน”

   แค่คิด ริวก็ขนลุก เขาโดนลูซรุกรานมากมาย จนนับไม่ถ้วน แล้วจะให้ยอมแต่งงานเข้าไป ก็ไม่ต่างกับตกนรก
   ก๊อกๆๆๆ

   “ริวจังงง เข้าห้องน้ำนานจังเลย เป็นอะไรหรือเปล่า”

   “ชิบหายแล้ว ไอ้กะเทยนั่นมันเคาะประตูเรียกฉัน”


   ริวกระซิบใส่โทรศัพท์ ดวงตาก็มองไปทางประตู เขาไม่ได้ตะโกนตอบลูซกลับไป
   “ริวจัง ถ้าไม่เปิด ลูซจะพังประตูเข้าไปแล้วน้า ลูซเป็นห่วงริวจัง”

   “ไม่ต้องเลยนะ!!!”


   เขาตะโกนตอบกลับไปทันที เขาเชื่อว่าลูซต้องทำจริงแน่ กับการพังประตูห้องน้ำ ริวกลับมาคุยกับวาโยต่อ

   “แค่นี้ก่อนนะ แล้วฉันจะไปคุยกับแกใหม่ เรื่องที่บอกแม่ฉัน ฉันยังไม่หายเคือง แค่นี้ล่ะ”

   ริวตัดสายเพื่อนรัก เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเปิดประตูห้องน้ำ เห็นลูซยืนยิ้มหวาน หน้าระรื่น

   “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย ริวจังไม่สบายหรือเปล่าน้า”

   ลูซยกมือจะเช็ดเหงื่อให้ แต่ริวก็ปัดมือทิ้งอย่างรำคาญ

   “อย่ามายุ่งกับฉัน”
   “ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก ก็ริวจังเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของลูซนี่นา”

   “ใครอยากจะไปเป็นเจ้าบ่าวของนาย”

   ริวบ่นเสียงเบา เหมือนพูดกับตัวเอง แล้วเดินไปโดยไม่คิดจะหันไปสนใจลูซ ลูซคลี่ยิ้ม เขาไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากเดิน
ตามไปเงียบๆ

   “ฉันไม่เลือก นายเลือกเองเลย”

   “ไม่ได้ งานแต่งของเรานะริวจัง ต้องช่วยกันเลือกสิ”

   ริวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รับหนังสือชุดแต่งงานมาเปิดดู เขามองไปเรื่อยเปื่อย เล่มที่เขาดูเป็นชุดเจ้าบ่าว

   “เอาชุดนี้”

   เขาชี้ไปมั่วๆ ไม่ค่อยอยากใส่ใจ

   “ตั้งใจหน่อยสิริวจัง”

   “อะไรอีกล่ะ”

   ริวเริ่มหงุดหงิด ลูซเอนศีรษะซบไหล่เล็ก ริวขยับกายหนี

   “ลูซอยากให้ริวจังใส่ชุดขาว ได้ไหมริวจัง”

   “เรื่องมาก งั้นนายเลือกเองเลยไป”

   เขาแทบจะโยนหนังสือใส่ลูซ ลูซเบะปากเล็กน้อย แล้วช้อนตามองริวอย่างออดอ้อน

   “น้าริวจัง เลือกเถอะน้า”

   ใบหน้าน่ารักช้อนตามอง ริวเผลอหันไปมอง ใจเขากระตุกแรง

   “งั้นริวจังเลือกชุดเจ้าสาวให้ลูซ เดี๋ยวลูซจะเลือกชุดเจ้าบ่าวให้ริวจังเอง”

   รอยยิ้มสวยส่งมาให้ ริวชะงักไป ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อสบกับดวงตาคู่สวย ใบหน้าหล่อแกล้งมองไปทางอื่น
แล้วพูดกลับเสียงแผ่ว

   “ก็ได้…เอามาสิ”

100%
9/6/59
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 9 เลือกชุด
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-06-2016 00:05:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 9 เลือกชุด
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 11-06-2016 10:16:35
แหม. หมั่นไส้ตาริว.  อยากให้มีคนมาจีบลูซบ้างจัง.

เนื้อเรื่องสนุกแล้วลูซก็น่ารักมากกก. ขอบคุณนักเขียนนะคะ. มาต่อบ่อยๆ. นะคะ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 12-06-2016 20:54:17
10
แต่งงานกันเถอะ

   ตึก ตึก ตึก


   นอนไม่หลับ ไม่ว่ายังไง ริวก็ข่มตานอนให้หลับไม่ได้เลย

   เหตุผลน่ะเหรอ….

   ก็เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 7 วันเท่านั้น เขาจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้ากะเทยยักษ์นั่น

   …รับไม่ได้…

   “อ๊ากกกก!!!”
   ชายหนุ่มหวีดร้องท่ามกลางความมืด เขาเด้งตัวยันกายลุกนั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียด แม้เครื่องปรับอากาศจะ
ทำงานจนทั้งห้องนอนเย็นฉ่ำ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ริวหลับลงได้

   “ทำยังไงดี”

   เขานั่งขัดสมาธิ ยกมือขยี้กลุ่มผมของตัวเอง นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนกว่า แต่ริวก็ยังหลับไม่ลง ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไป ก็ยิ่ง
เข้าใกล้วันที่เขาจะต้องตกนรกเข้าไปทุกที เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้น ชีวิตของเขาจะต้องแย่สุดๆอย่างที่คิดไม่ถึงเป็นแน่

   “คิดไม่ออกเลย หรือว่าจะหนีงานแต่งดี”

   ความร้อนรุ่มใจมากพอจนทำให้ริวตัดสินใจลุกจากเตียง เขาเดินวนไปในห้อง สมองครุ่นคิด

   ก๊อกๆๆๆ

   เสียงเคาะประตูห้อง ทำให้ริวสะดุ้ง ช่วงดึกขนาดนี้ เขาไม่อยากคิดว่าใครจะมาเคาะประตูห้อง ใจของริวเริ่มจะไม่ค่อยสู้ดีนัก

   “ใครน่ะ”

   ริวถามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับแม้แต่น้อย เขาเองก็เป็นลูกผู้ชายมากพอ เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะปอดแหกหรือว่าวิ่งหนี

   แกร็ก

   ทันทีที่เปิดประตู ดวงตาก็เบิกกว้างราวกับเห็นผี แม้จะไม่ใช่ผีที่แท้จริงก็ตามที แต่มันก็ทำให้ริวตกใจจนเผลอถอยกาย

   “ฮือออ ริวจางงงง”

   ร่างสูงใหญ่ถลาเข้ามากอดริวโดยที่ริวไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้างดงามซุกเข้าที่ไหล่เล็ก

   “ฮือๆๆ ริวจัง”

   “ปะ เป็นบ้าอะไรของแกห๊า”

   ปัง!

   ประตูห้องปิดลงอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะเท้าใหญ่ยกขึ้นเตะปิด ริวพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอด แต่เขาก็สู้แรงของลูซ
ไม่ได้เลย

   “ปล่อยฉันสิวะ”

   แต่ลูซทำตัวไม่ต่างกับปลิง ทั้งเกาะ ทั้งกอดจนติดแน่นไปหมด ไม่อยากจะคิดสภาพของตัวเองเลยสักนิด ทำไมเขาจะต้อง
มาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย

   “ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า!”

   บอกดีๆ แต่ก็ไม่ยอมทำตาม ริวตัดสินใจ กัดเข้าที่ไหล่ของลูซอย่างเต็มแรง จนเจ้าตัวเด้งกายถอยหนีด้วยความเจ็บ

   “โอ้ยๆๆ ริวจัง กัดลูซทำไม”

   ผู้ชายตัวใหญ่ ร้องครวญครางอย่างตัดพ้อ เขาเงยหน้ามองริว แล้วเบะปาก ใบหน้างดงามที่แสดงความเจ็บปวดนั้น ทำให้ริวชะงักไปเล็กน้อย

   “ก็ฉันบอกให้แกปล่อย ทำไมไม่ปล่อย”

   “ลูซกำลังเศร้าอยู่นะริวจัง”

   “เศร้า แกเศร้าอะไรของแกไม่ทราบ!”

   “ก็…”

   ชายตัวสูงไม่ตอบ แต่เนียนขยับไปนั่งที่ปลายเตียงของริว ริวยืดกอดอก มอง

ลูซอย่างไม่พอใจที่ขึ้นไปนั่งบนเตียงเขา แถมยังเนียนไปนอนบนเตียงจนได้

   “ลูซอยากนอนกับริวจัง”

   “แกจะบ้าหรือไง!”

   ลำพังความเครียดเดิมก็มากพออยู่แล้ว ไม่คิดว่าลูซจะกล้าเข้ามาหาเขาในห้องกลางดึกแบบนี้

   “นายไม่ควรจะมาที่ห้องฉัน”

   เขาพยายามสะกดกลั้นความหงุดหงิด ไม่อยากจะระบายใส่ลูซ เพราะกลัวว่าจะทำให้ทุกคนในบ้านแตกตื่นแล้วเข้ามาใน
ห้องของเขา

   “ไม่เอา ก็ลูซนอนไม่หลับ หลับไม่ลง”

   “เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ”

   “ลูซฝันร้าย”

   “หา?”

   ริวอยากจะบ้าตาย ไม่คิดว่าเรื่องที่ลูซพุ่งมาหาเขาถึงห้อง เป็นเพราะเจ้าตัวฝันร้าย และถึงลูซจะฝันร้ายจริงๆ แต่ชายหนุ่มก็
ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ที่พอฝันร้ายจะได้ให้ผู้ใหญ่คอยปลอบ
   ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างเอือมระอา เดินเข้าไปใกล้เตียง เขาเอ่ยสั่งเสียงเรียบอย่างเด็ดขาด

   “กลับห้องนายไปได้แล้ว”

   “ไม่อาววว”

   ไม่ได้มาแค่เสียง แต่ลูซพุ่งเข้ามากอดเอวของริว ชายหนุ่มกัดฟันกรอดๆ พยายามจะไม่ลงไม้ลงมือกับลูซ เขากำลังต่อสู้
กับจิตใจของตัวเอง

   “อยากให้ฉันลงมือหรือไงห๊ะ!”

   “ริวจังจะตบตีว่าที่ภรรยาได้ลงคอเลยเหรอ”

   ลูซช้อนตามอง ริวตัวสั่นเพราะความโกรธ เห็นแล้วหมั่นไส้ จนอยากจะจับร่างสูงเหวี่ยงลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำให้ขาดใจตาย
ไปเลย

   “ริวจัง ให้ลูซนอนด้วยน้า ถ้าลูซได้นอนกอดริวจัง จะต้องไม่ฝันร้ายแน่ๆเลย”

   “แต่ฉันจะฝันร้ายแทนหรือไง!”

   “ริวจังอย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวทุกคนในบ้านก็ตื่นหรอก”

   ไม่ดีแน่ ถ้าเกิดทุกคนในบ้านตื่นขึ้นมาแล้วมาที่ห้องของเขา ทุกคนต้องคิดว่าเขากับลูซมาแอบพลอดรักในยามวิกาล
แน่นอน
   “เฮ้อ ฉันบอกให้นายกลับไงเล่า”

   “ไม่เอา ก็ลูซอยากนอนกอดริวจัง”

   “นี่…ฉันถามอะไรหน่อย”

   เขาต้องพยายามใช้แผนหลอกล่อให้ลูซติดกับตัวเองแล้วกลับไปให้ได้ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

   “นายน่ะ จะเป็นเจ้าสาวของฉันใช่ไหม”
   “ใช่แล้วล่ะริวจัง”

   “ถ้าอย่างนั้น เจ้าสาวที่ดี ก็ไม่ควรมานอนกับเจ้าบ่าวก่อนแต่งงานไม่ใช่เหรอ”

   “ก็ใช่ แต่ตอนนี้เราอยู่บ้านเดียวกันแล้วนี่นา ลูซแค่นอนกอดริวจัง แต่เราไม่ได้ทำรักกันสักหน่อย”

   พูดไปก็เขินไปกับคำว่าทำรัก  แต่ริวไม่ได้รู้สึกเขิน หรือรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับการกระทำของลูซเลยแม้แต่น้อย

   “ฉันต้องทำยังไง นายถึงจะกลับห้องไปสักที”
   “อืม…ทำยังไงดีน้า”

   ท่าทางชี้นิ้วจิ้มคาง พลางเหลือบตาขึ้นราวกับครุ่นคิดอย่างหนัก ทำให้ริวอยากจะเบ้หน้าหนี

   “ลูซกลับก็ได้น้า”

   “งั้นก็กลับไปสิ”

   “ถ้าริวจังจูบปากลูซ แล้วบอกราตรีสวัสดิ์”

   ข้อแลกเปลี่ยนนั้น ทำให้ริวเบิกตากว้างแทบจะถลนออกมา ช่างเป็นข้อตกลงที่แสนทุเรศเสียจริง เขามองหน้าลูซ ความไม่
พอใจเผยให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ลูซก็ไม่ได้สะทกสะท้านเช่นเดิม

   “ไม่มีวัน!”

   คำตอบนั้นช่างเด็ดขาด ลูซทำหน้าจ๋อยในทันที แต่ใช่ว่าริวจะเห็นใจ เขายืนกอดอก มองลูซเหมือนเป็นผู้บุกรุก

   “จะออกไปไหม”

   “ไม่!”

   “ไม่ไปใช่ไหม”

   ริวจ้องหน้า ลูซก็กอดอก แล้วจ้องหน้ากลับ

   “ไม่ไป”

   “ได้!”
   “…”

   “งั้นฉันไปเอง”

   เขาเองก็ไม่รู้จะสู้กลับยังไง ถ้าโวยวายเสียงดัง ก็จะมีปัญหาตามมาอีก ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ และน่าจะปลอดภัยที่สุด
ก็คือหนีออกจากห้อง

   “ไม่เอาน้าริวจัง”

   ความไวแทบจะเหนือแสง ริวโดนโอบรัดจากด้านหลัง ลูซเกาะติดแน่นราวกับปลิงเกาะ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วย
ความเครียด อยากจะหันไปตบซ้ายต่อยขวาแต่ก็ทำไม่ได้

   “แล้วนายจะเอายังไง!”

   “ริวจังนอนกับลูซในห้องนี้นะ”

   “ไม่”

   “น้าๆๆๆ”

   ลูซพยายามอ้อนเต็มที่ แต่ริวไม่สนใจ เขาไม่ได้เห็นหน้าสวยๆนั่น แถมยังหลับตาแน่น ไม่ยอมมองหน้าสวย ทำให้ลูซที่ยื่น
หน้ามาอ้อนต้องเซ็งจัด

   “แล้วจะให้ลูซทำยังไง กลับไปลูซคงฝันร้าย”

   “ไม่ว่ายังไง นายก็จะนอนกับฉันให้ได้ใช่ไหม”

   ริวลืมตา ก็เห็นว่าลูซกำลังพยักหน้าหงึกๆ เห็นตาเศร้าๆนั่นแล้ว แว๊บหนึ่งริวก็ใจกระตุกขึ้นมา

   “ก็ได้”

   “เย้! ริวจังน่ารักที่สุดเลย”

   ความดีใจมาพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นจนริวแทบจะหายใจไม่ออก

   “แต่นายต้องนอนที่โซฟา”

   “ไม่เอาอ่า ลูซอยากนอนเตียงกับริวจัง”

   “งั้นฉันก็จะไปข้างนอก เลือกเอาแล้วกัน”

   ทั้งๆที่ตอนแรกริวรู้สึกนอนไม่หลับ แต่ตอนนี้เขารู้สึกง่วงขึ้นมา เขารู้สึกเหนื่อยที่จะต้องมาโต้เถียงกับลูซ แค่เห็นหน้าก็ปวด
หัวจะแย่

   “ก็ได้”

   แม้จะอยากนอนบนเตียงด้วย แต่เขาก็รู้ว่าเรียกร้องมากกว่านี้ อาจจะไม่ได้อะไรเลยก็เป็นได้

   “งั้นก็ไปตรงนั้นเลยไป”

   น้ำเสียงนั้นเอือมระอาและรำคาญเต็มทน สุดท้ายลูซต้องยอมปล่อยริว แล้วเดินไปที่โซฟาตัวยาวแทน



-------+++++-------



กรุ้ง กริ้ง!

   เสียงกระดิ่งดังขึ้น พร้อมกับการสั่นไหวไปมา ราวกับต้องการบอกให้ทุกคนรับรู้ว่ายามนี้กำลังจะมีงานมงคล ดอกไม้
มากมายถูกประดับเอาไว้อย่างสวยงามภายในโบสถ์ ชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตายืนยิ้มหวานอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อน่ารัก
ของเจ้าของร่างในชุดเจ้าบ่าว ยืนกุมมือตัวเองแน่น วาดฝันถึงเจ้าสาวแสนสวยที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในไม่ช้า ภายในงานมี
แขกมาร่วมพิธีมากมาย

   ประตูโบสถ์เปิดออก พร้อมกับร่างร่างหนึ่งที่อยู่ในชุดเจ้าสาวที่เดินเข้ามา ใบหน้าที่สวยงามของนางฟ้าตัวน้อย ทั้งร่างกายและใบหน้าของนางฟ้าตัวน้อยยังเหมือนกับเด็กตัวเล็กที่เขาเคยขอแต่งงานในยามที่เขานั้นอายุเพียงแค่แปดขวบ

   …นางฟ้า…

   ความรู้สึกแห่งความสุขนี้มากล้นจนริวต้องคลี่ยิ้มราวกับเพ้อฝัน เขาจับจ้องใบหน้าสวยงามที่ราวกับสวรรค์ปั้นแต่งของเด็ก
ตรงหน้า

   “แต่งงานกันนะครับ นางฟ้า…”

   นั่นคือคำพูดที่ริวพูดย้ำอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อซึมซับความสุข แต่ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้น….

   !!!

   นางฟ้าตัวน้อยที่เขาจะแต่งงานด้วยกลับแปรเปลี่ยนไป เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าเขาประมาณยี่สิบเซนติเมตรที่อยู่ในชุด
เจ้าสาว แต่ใบหน้าสวยงามนั้นยังคงเหมือนกับนางฟ้าของเขาไม่มีผิด แม้จะเปลี่ยนไป แต่เค้าโครงหน้านั้นก็ยังเหมือนกับในตอน
เด็ก

“ผม...ลูซ....ขอรับริวจังเป็นสามี...ผมจะเป็นภรรยาที่น่ารักและแสนดี...

ริวจังจะรับผมเป็นภรรยาใช่ไหม”

   ชายหนุ่มในชุดเจ้าสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างกายใหญ่โตค่อยๆขยับเข้ามาใกล้กับริวมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มือใหญ่นั้น
จะรั้งร่างที่เล็กกว่าตนเข้ามาใกล้

   “ริวจัง…ลูซเป็นเจ้าสาวของริวจัง ลูซดีใจที่สุดเลย”

   “อึก”

   ใบหน้าหล่ออยู่ในสภาวะที่อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายถูกชักพาเข้าไปใกล้กับร่างที่สวมชุดเกาะอกสีขาวทั้งๆที่แผ่นอกนั้น
แบนราบ ผมสีทองนั้นเปล่งประกายงดงาม

จนคนมองต้องกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

   …ผู้ชาย…นี่มันผู้ชายชัดๆ…

   “ริวจังตอบสิ…ว่าริวจังจะรับลูซเป็นภรรยา”

   ใบหน้าสวยหล่อขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ ริวถอนหน้าหนี ทั้งเกลียด ทั้งกลัว ทั้งหลอนกับสิ่งตรงหน้า

   …ไม่…ไม่เอา นี่มันผู้ชาย!!!!

   “รับสิริวจัง…แล้วเราจะได้จ๊วบกันไง จ๊วบๆๆ…”

   หนุ่มตัวสูงทำปากจู๋ หลับตาพริ้ม จะเข้าไปจูบปากกับริว เจ้าบ่าวหน้าหล่อผวาดิ้นพล่านด้วยความกลัว มือยกปัดป่ายเพื่อหนี
จากคนตรงหน้าราวกับเจอสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว

   “มามะ…มาเป็นสามีของลูซ…ยอมรับลูซเป็นภรรยานะริวจัง จ๊วบๆๆๆ”

"ไม่รับโว้ยยย ยังไงก็ไม่ร๊าบบบ!!!!"

.

.

.

"ไม่รับโว้ยยย ยังไงก็ไม่ร๊าบบบ!!!!"

เสียงหวานแผดร้องดังลั่นห้องนอน พร้อมกับมือเล็กที่ปัดป่ายมา ร่างกายดิ้นพล่าน ก่อนที่จะสะดุ้งลืมตา

เฮือก!!!   

ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีสะดุ้งเฮือกนั่งหลังตรง เหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มหน้า ดวงตาทั้งคู่สั่นไหว ใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา
จากอก จนต้องยกมือทาบอกตนเอง

…ฝัน…

นี่เราฝันไปอย่างนั้นเหรอ…

   “ฮู่…”

   ริวยกมือลูบหน้าตัวเอง เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด สติที่ขาดหายไปเริ่มจะกลับมา แล้วก็ระลึกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่
บนเตียงในห้องนอนของตัวเอง

   “ริวจาง…อื้อๆๆ”

   …ฝัน…

   มันคือความฝันสินะ…เขาหลับตาลงแล้วลืมตาใหม่ก็พบว่าทุกอย่างมันอยู่ในความเงียบ ดังนั้น…มันต้องเป็นฝันแน่ๆ

หมับ!!!

แต่ทว่าสัมผัสจากมือหนาที่ล้วงเข้าไปใจกลางลำตัวก็ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ตาโตอย่างตกใจสุดขีด

   “ริวจังน้อยจับแล้วนุ่มนิ่มจังเลย  ลูซช๊อบชอบ”

   “อ๊ากกกกกกกกก!!!”

   ริวแหกปากร้องลั่น ลูซเองก็ตกใจ รีบจับใบหน้าหล่อมากดจูบปิดเสียงร้องที่โหยหวนอย่างรวดเร็ว

   “กะ แกทำบ้าอะไรฮะ! แล้วแกขึ้นมาบนเตียงฉันได้ยังไง”

   ลูซยิ้มเจื่อน ทั้งที่ตัวเองควรจะนอนอยู่บนโซฟาแต่ตอนนี้เขามาอยู่บนเตียงของริว นั่นเป็นเพราะ เขาเป็นคนพาร่างตัวเอง
มาที่เตียงนั่นเอง

   “มาให้ลูซจุ๊บๆปลอบอีกทีน้า”
   เขาทำปากจู๋แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ริวเหยียดยิ้ม พอเดาทางหลายๆอย่างออก

   พลั่ก!!!

   เท้าเล็กยันเข้าเต็มแรงที่ท้องแกร่ง จนลูซกระเด็นตกเตียง ริวไม่หยุดแค่นั้น สติเขาหลุดไปหมดแล้ว เขาหยิบหมอนมา
เหวี่ยงฟาดใส่หน้าของลูซอย่างบ้าคลั่ง

   “ไปตายซะไอ้กะเทยโรคจิต ฉันจะฆ่าแก”

   “โอ้ยๆๆ ริวจังอย่าทำร้ายลูซเลยน้า”
   ลูซยันกายลุกขึ้น แล้วพยายามหลบสิ่งของที่ริวขว้างใส่ในยามมืด เขารู้ว่าตัวเองผิด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตรงไหน ใน
เมื่อคนที่เรารักอยู่ใกล้ๆ ทำไมเราจะต้อง อดทน ได้แตะนิด กอดหน่อยก็มีความสุข

   “ริวจังอย่าขว้างสิ”

   “ฉันจะขว้าง จนกว่าแกจะออกไป”

   “แต่อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้วน้าริวจัง”

   “ฉันไม่มีวันแต่งงานกับแก!!!!”





-------+++++-------



“โห…ฮี้ โห ฮี้ โห ฮี้ โห”

“ฮิ้ววววววว!!!”
เสียงโห่ขบวนขันหมากดังลั่นจนชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวสะอาดอย่างชุดเจ้าบ่าวถึงขั้นต้องยกนิ้วอุดหู

…นี่มันคือวันนรกสำหรับเขา…

   “คุณแม่ครับ”

   ริวในชุดเจ้าบ่าวหันไปหามารดาที่กำลังยิ้มร่าอย่างมีความสุข แตกต่างจากลูกชายที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

   “คุณแม่ครับ ผมไม่แต่งได้ไหมครับ”

   “พูดอะไรนะตาริว”

   เพราะเสียงแห่หันหมากดังมาก เธอไม่ทันได้ฟังที่ลูกชายกล่าว ริวยู่หน้า เขามองสภาพตัวเองแล้ว เขากำลังจะไปแต่งงาน
กับไอ้กะเทยที่เขาแสนเกลียด

   “แม่ค้าบบบ”

   ริวจะหันไปกอดแขนมารดา แต่เธอเดินไปหาสามี คุยกันอย่างมีความสุข

   “พี่รันนน”

   อีกไม่นาน เขาก็จะใกล้ถึงบ้านของลูซแล้ว เขาไม่อยากแต่งงานกับเจ้ากะเทยนั่น วันนี้คือวันแต่งงานของเขา เขากำลังยก
ขบวนขันหมากไปสู่ขอ

   ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะหนี แต่กลายเป็นว่า มารดาของเขาจ้างคนมาเฝ้าหน้าห้อง บังคับให้เขาใส่ชุดเจ้าบ่าว

   “ทนเอาหน่อย”

   “พี่รัน ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากไปแต่งงานกับมัน”

   “ใจเย็นๆสิ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แล้วนะ แขกก็ตั้งเยอะ แล้วไหนจะขบวนขันหมากอีก”

   พี่สาวแสนสวยก็อยากจะช่วยเหลือ แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากจะเอาใจช่วย ริวเบะปาก อยากจะร้องไห้โฮ แต่เขาก็ยังมีความอับอาย ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง ทั้งที่ในใจแทบจะสลาย

   “ยอมแต่งๆไปก่อน แล้วเราค่อยมาหาทางแก้”

   “แล้วถ้าผมเป็นอะไรไปก่อนจะได้เลิกกับมันล่ะ”

   ริวถามเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้า กลัวสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า รันตบไหล่น้องชาย ริวหันไปขอความช่วยเหลือจากวาโย

   “ไอ้โย  แกต้องช่วยฉัน”

   “ช่วยอะไรล่ะ อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูบ้านแล้วเนี่ย”

   “ฉันจะทำยังไงดี”

   เขาแทบจะเขย่าตัวเพื่อนรัก วาโยยิ้มเจื่อนๆ

   “ก็อย่างที่พี่แกบอก ว่าแต่งๆไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้”

   “แล้วทางแท้มันจะไม่หายากกว่าเดิมเหรอวะ”

   “เอาน่า…อย่างมากก็ได้ลองของแปลก อาจจะเป็นประสบการณ์ที่ดีก็ได้นะเว้ย”

   วาโยพยายามปลอบเพื่อนรัก แต่แทนที่ประโยคนั้นจะปลอบใจ กลับทำให้ริว อยากจะปล่อยโฮออกมาแทนเสียนี่



100%

ฝากเพจด้วยนะคะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 12-06-2016 21:25:55
บางทีก็คิดว่าทำไมริวต้องเกลียดลูซขนาดนั้น
ลูซแค่ชอบลามดบางเวลาเอง
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 18-06-2016 23:30:48
ลูซน่าจะคาสโนว่าพอตัว ท่าทางเชี่ยวซะ คงฟันมาแล้วทั้งหญิงทั้งชาย
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-06-2016 05:57:18
555555 ลูซตลกดี
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 19-06-2016 21:39:54
เพิ่งมาตามอ่าน
สนุกมากค่าเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 10 แต่งงานกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 21-06-2016 18:34:49
เราเดาว่าคนเขียนต้องอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเยอะแน่ๆเลยใบ่ไหมทด
พล็อตเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น คำบรรยาย คำพูด
คาแรคเตอร์ตัวละครเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นเลยย
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 11 พิธีแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 23-06-2016 13:01:43
11
พิธีแต่งงาน

   เพี๊ยะ!
   การกระทำของริวเหมือนกับคนโง่ เขายกมือตบแก้มตัวเองซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกตัวเองให้ออกมาสู่โลกความเป็นจริง
   …เขาไม่ได้กำลังจะแต่งงานกับลูซ…
   คิดยังไง ก็ไม่ใช่ความฝัน ทุกอย่างคือความจริงอย่างแน่นอน
   “ริวจางงง”
   เสียงของเจ้าสาวแสนสวยดังมาแต่ไกล ริวหลุดออกมาจากความคิดทั้งหมด เขาหันไปมองว่าที่เจ้าสาว
   …สวย…
   ลูซอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบผู้หญิง ใบหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ยิ่งเสริมให้ใบหน้านั้นสวยหยาดเยิ้มราวกับนางฟ้า
   “ยังไปไม่ได้นะลูซ”
   น้ำเพชรที่เห็นลูกชายวิ่งลงบันได จะพุ่งออกไปหาว่าที่เจ้าบ่าวที่ยังไม่ผ่านด่านประตูเงิน ประตูทอง เธอก็รีบเข้าไปขวาง
   “ลูซจะไปหาริวจัง ริวจังหล่อมากๆ ใส่ชุดเจ้าบ่าว”
   ลูซยิ้มกว้าง วันนี้คือวันที่เขามีความสุขที่สุดในโลก ในขณะที่ริวเริ่มมีสติกลับคืนมา เขาจะต้องไม่หลงใหลไปกับภาพมายาที่เกิดขึ้น
   “เฮ้ย ไอ้โย แกทำอะไรวะ”
   ริวโวยลั่น เมื่อเพื่อนรัก หยิบเข็มขัดเงินมากั้น เขาหันมามองมารดา ราตรีส่งยิ้มมาให้
   “อะไรกันตาริว ก็เอาซองให้ไปสิลูก”
   “ให้ทำไมครับ”
   “เอ้า ก็เป็นค่าผ่านทางไงวะ”วาโยตอบ
   “แกก็เอากับเขาด้วยเรอะ!”
   ริวแทบจะกุมขมับตัวเอง นี่มันคืองานนรก ชีวิตของเขากำลังจะไปสู่นรก แต่ไอ้เพื่อนเวรกลับสนุกสนาน มันน่ากระทืบให้ตายคาประตูเงินที่เจ้าตัวกั้นขวางไม่ให้เขาเข้ามาในบ้านเสียจริง
   “ริวจางง รีบผ่านประตูเข้ามาให้ได้น้า ลูซรออยู่น้า”
   เสียงทุ้มบอกอย่างสดใส แต่ริวยิ้มไม่ออก เขาอึกอักที่จะยื่นซองสีชมพูสวยให้เป็นค่าผ่านทาง ถ้าเลือกได้ คงจะไปจ้างคนมาขวางทางประตูให้มากขึ้นเสียมากกว่า
   “จบงานนี้ ฉันจะฆ่าแก”
   ริวกระซิบกับวาโย แต่แทนที่วาโยจะไม่พอใจ เขากลับหัวเราะเสียอย่างนั้น
   “อย่าเครียดสิวะ นี่มันงานแต่งงานครั้งแรกของแกนะโว้ย”
   “แล้วแกคิดว่าฉันอยากจะแต่งงานบ้าๆ นี่หรือไงฮะ”
   เขาตอบกลับ จ้องหน้าเพื่อนรัก วาโยตบไหล่อของริว
   “เอาน่า เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ส่งซองมาเหอะ”
   ริวไม่อยากจะส่งซองให้ แต่พอมองซ้ายมองขวา เห็นสายตาของทุกคนที่มองเหมือนคะยั้นคะให้เขายอมจ่ายค่าผ่านทาง สุดท้ายเขาก็ต้องจ่ายในที่สุด
   “โอ๊ะ ยังเข้าไม่ได้น้าพี่ริว ต้องจ่ายให้รันด้วยสิ”
   พอได้ยินแบบนั้นจากน้องสาวร่วมสายเลือด ริวก็ทำหน้าเซ็งจัด เขาจ่ายค่าผ่านทางให้กับเจ้าเพื่อนตัวสูงไปแล้ว นี่เขายังจะต้องมาเสียเงินจ่ายให้กับน้องสาว เพื่อเข้าไปว่าที่เจ้าสาวที่เขาไม่อยากได้อีกหรือนี่
   “จ่ายเร็วสิตาริว”
   “แม่ครับ แค่เข้าไปแค่นี้ ต้องจ่ายด้วยเหรอครับ”
   เพี๊ยะ
   ราตรีตีมือบุตรชายอย่างไม่แรงมากนัก เธอมองลูกชายด้วยสายตาตำหนิเพียงนิดแล้วเอ่ยขึ้น
   “จะไปหาเจ้าสาวแสนสวยทั้งที แค่นี้จะไม่ลงทุนเลยรึตาริว”
   “แล้วใครว่าผมอยากไปหา”
   ริวบ่นเสียงเบา เพราะไม่อยากให้ผู้เป็นแม่ได้ยินแล้วลงโทษเขาอีก ริวตัดใจยื่นซองกระดาษที่มีเงินอยู่ให้กับคนที่กั้นประตู
   …เอาไปให้หมดเลยไป!...
   อยากจะกระแทกเสียงดังๆ แต่ก็ต้องข่มใจ เมื่อให้ค่าผ่านทางเรียบร้อยแล้ว เจ้าบ่าวรูปหล่อก็เดินด้วยความหมดอาลัยตายอยากเข้าไปในบ้าน
   “ริวจัง ริวจังมาหาลูซแล้ว”
   เจ้าสาวตัวสูงดีใจจนออกนอกหน้า ในขณะที่ริวเบ้หน้าหนี อยากจะร่ำไห้ ทำไมเขาต้องมาแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน
   ถึงชุดที่ใส่จะเป็นเกาะอกของผู้หญิง หรือใบหน้านี้จะงดงามราวกับนางฟ้ายังไง สุดท้ายมันก็คือผู้ชายอยู่ดี
   “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าลูกไม่อยากแต่งงานกับน้องหรอก”
   ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะตะโกนให้ลั่นในงานว่า เขาไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานกับลูซแม้แต่น้อย ที่แต่งก็เพราะโดนบังคับ
แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรม
   “ยิ้มเยอะๆสิตาริว”
   “ค้าบๆๆ”
   เขาตอบรับราวกับคนหมดแรง ลูซเข้ามากอดแขนกับริว  เจ้าสาวตัวสูงซบเข้ากับไหล่เล็ก ริวอยากจะถอยหนี แต่ทำได้เพียงยิ้มสู้
   “เดี๋ยวต่อไปจะเป็นพิธีสู่ขอนะจ๊ะ”
   “ริวจัง…ลูซดีใจนะ ที่ริวจังจะมาขอลูซ”
   เจ้าสาวคนสวยคลี่ยิ้มอย่างเอียงอาย ในขณะที่ริวเซ็งจัด แต่เขาก็ยอมเดินตามไปยังห้องที่ทำพิธีสู่ขอ
   ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเลยจริงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ่ม ถ้าทำได้ก็อยากจะลาโลกหายไปเลยก็คงจะดี
   ถึงแม้จะเป็นงานแต่งของตัวเอง ริวก็ไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ หรือสนใจกิจกรรมต่างๆที่ต้องทำในพิธีการ เขาทำตามที่มารดาบอกให้ทำ ไม่ได้รู้สึกอยากทำแม้แต่น้อย ริวแทบไม่รู้เลยว่า การแต่งงานในวันนี้นั้นทำไปถึงขั้นไหนแล้ว
   “เอาล่ะ สวมแหวนให้กันได้”
   เพราะมัวแต่เหม่อลอย เลยไม่รับรู้ว่า ลูซยื่นมือใหญ่มาตรงหน้า แถมยังกางนิ้วรอเสียเต็มที่ ริวเองก็เพิ่งได้สติ มองซ้ายมองขวา แล้วหยิบแหวนมาสวมให้กับคนตัวสูงอย่างไม่เต็มใจ
   “ขอบคุณน้า ริวจัง ลูซรักริวจังที่สุดเลย”
   ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนริวคิดไม่ทัน เขาโดนลูซดึงเข้าไปจูบอย่างดูดดื่ม ทำได้แค่เพียงยกมือทาบกับของเจ้าสาวเอาไว้เท่านั้น  ในขณะที่แขกในงานต่างตะลึงกับเหตุการณ์ที่แสนน่ารักระหว่างคู่บ่าวสาว
   “ลูซดีใจที่สุด ที่ได้แต่งงานกับริวจัง”
   ตึก ตึก ตึก
   ใจของริวเต้นแรงขึ้นมา เขาเบือนหน้าหนี ไม่กล้าสบเข้ากับดวงตาคู่สวยสีฟ้าน้ำทะเล เขากำลังกลัวว่าจะถูกความงดงามนั้นหลอกให้หลงใหลจนเผลอใจไปจริงๆ เขาไม่ใช่เกย์ และเป็นผู้ชายแท้ๆ ทำไมเขาจะต้องไปชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่มีวันที่เขาจะไปรักผู้ชายด้วยกันอย่างแน่นอน
   พิธีสู่ขอได้สิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็ว ที่จริงก่อนหน้านี้ที่จะต้องแต่งงานกัน ก็ได้มีการเลือกว่าจะจัดพิธีแต่งงานแบบใด แต่ดูเหมือนว่าเจ้าสาวของเขาอยากจะจัดพิธีแต่งงานแบบไทย ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงอยากให้เขามาสู่ขอ
   …ไม่ได้คิดถึงจิตใจฝั่งเจ้าบ่าวบ้างเลย…
   “อย่าทำน้องเสียใจนะริว รักน้องให้มากๆ ดูแลน้องให้ดีๆ”
   ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบิดาเขาถึงได้ดูเป็นห่วงว่าที่สะใภ้คนนี้เสียเหลือเกิน หลงลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าลูซเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่แค่บิดาคนเดียวที่อวยพรให้เขาสุขสมหวังในความรักครั้งนี้ แต่ญาติพี่น้องทั้งหลายก็เช่นกัน
   …เข้าใจกันบ้างไหม ว่าไม่ได้อยากให้คำอวยพรที่ชวนให้ทรมาน…
   ในขณะที่เจ้าบ่าวกำลังคิดมาก ฝ่ายเจ้าสาวกลับยิ้มแย้มหน้าระรื่น นั่นยิ่งทำให้ริวเครียดหนัก
   “รักกันนานๆนะคะพี่ริว”
   เขาแทบอยากจะยกกำปั้นเขกศีรษะของน้องสาว ช่างเป็นคำอวยพรที่เหมือนคำสาปร้ายเสียมากกว่า เขาไม่ได้อยากอยู่กับเจ้าสาวที่นั่งรอรดน้ำสังข์อยู่ข้างๆเสียหน่อย
   “เอาล่ะ มาถ่ายรูปกันเถอะนะคะ”
   นอกจากจะต้องเข้าพิธีที่แสนทรมาน เขายังจะต้องมาถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความทรงจำที่เขาไม่เคยคิดอยากจะจดจำอีกด้วย แค่คิดก็เศร้า นี่เขาจะต้องมีหลักฐานที่เป็นการตอกย้ำให้ชีวิตนี้รับรู้ว่า ตัวเองเคยได้ใช้ชีวิตผิดพลาดไปแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันอย่างนั้นหรือเนี่ย
   …คิดแล้วน้ำตามันก็พาลจะไหล…
   แชะ แชะ แชะ
   “ริวจัง ยิ้มเยอะๆสิ”
   เขาแทบจะหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้าสาวตัวดี คิดว่าเขามีความสุขหรือไง ถึงได้บอกให้เขายิ้มอยู่ได้ ริวหายใจอย่างเซ็งๆ รอยยิ้มของเขาก็ฝืนๆ ถ้าไม่ติดว่ามารดาคอยมองอยู่ตลอด เขาคงเบ้หน้าใส่กล้องถ่ายรูป เพราะไม่อยากจะทนถ่ายภาพที่เขาไม่เคยคิดอยากถ่าย
   สิ้นสุดการถ่ายภาพรวมกับญาติๆทั้งหลาย หายนะครั้งใหญ่ ก็เริ่มจะมาเยือนริวเข้าเสียแล้ว ชายหนุ่มเริ่มคิดได้ถึงอนาคตอันใกล้นี้
   …พิธีส่งตัวเข้าห้องหอ…
   ไม่…เขาไม่อยากเข้าห้องหอกับลูซ ชายหนุ่มหันขวับไปมองเจ้าสาวตัวดี นี่อยากแต่งงานแบบไทย คงหวังว่าจะได้ส่งตัวเข้าห้องหอแล้วทำเรื่องลามกกับเขาเป็นแน่ แค่เห็นรอยยิ้มของลูซ ริวก็เดาทางออก
   …เสร็จลูซแน่ ริวจัง…
   เขาอ่านทุกอย่างออกทางสายตา ริวถอยกายห่าง บางทีเขาน่าจะอาศัยช่วงเวลาก่อนเข้าหอ รีบชิ่งหนีไปให้ไกล จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
   “ฮะ เฮ้ย”
   แต่ยังไม่ทันได้คิดออกว่าจะหนียังไง เขาก็ถูกว่าพี่เจ้าสาวชุ้มอุ้มเหนือพื้นอย่างรวดเร็ว ริวตกใจเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าลูซจะทำแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
   “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”
   “ไม่ได้หรอกริวจัง นี่ได้เวลาแล้วนะ”
   “เวลาอะไร ฉันไม่รู้ ปล่อย!”
   เขากลัวจนลนลาน แต่ลูซก็ยังส่งยิ้มหวานมาให้ เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตเลยแม้แต่น้อย
   “ไปกันเถอะริวจัง”
   “ไป? ไปไหน”
   “ก็พิธีส่งตัวเข้าห้องหอไง”   
   “ไม่เอา ไม่ไป”
   ริวโวยวาย แต่ดูเหมือนการโวยวายของเขาจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นัก เพราะลูซรีบอุ้มเจ้าสาวขึ้นบันไดเพื่อพุ่งตรงไปยังห้องหอ ทั้งฝ่ายญาติของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างก็หัวเราะอย่างเอ็นดู รีบตามขึ้นไปส่งตัวทั้งสองคนให้เข้าห้องหอ
   “ปล่อย ปล่อยสิโว้ย!”
   ลูซใช้ไหล่ดันประตูห้องหอ แล้วรีบเดินเข้าไป ในขณะที่ริวดิ้นไม่หยุด เขาจึงตัดปัญหาด้วยการปล่อยตัวริวให้ลงยืนกับพื้น ริวจ้องหน้าลูซอย่างอาฆาต
   “นี่แกทำบ้าอะไรฮะ!”
   บอกได้คำเดียวเลยว่า ตอนนี้ริวโกรธเอามากๆ เพราะเขาเหมือนถูกหยามต่อหน้าสาธารณะชน แล้วแบบนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ถูกเจ้าสาวอุ้มเข้าห้องหอมาแบบนี้
   “ริวจังโกรธทำไมเหรอ หรือว่าริวจังจะอุ้มลูซ”
   ลูซถามอย่างคนซื่อ เอียงคอน้อยๆ กระพริบตาปริบๆ ราวกับต้องการบอกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดตรงไหน ในขณะที่ริวอึ้งจนพูดไม่ออก
   “แต่ดูท่าแล้ว ริวจังจะอุ้มลูซไม่ไหว ลูซเลยอุ้มริวจังแทนไง คิคิ”
   …ไม่ได้สำนึกเลย…
   เขามองซ้ายมองขวา อยากจะหาของทุ่มใส่ว่าที่เจ้าสาวที่หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข แต่ทว่าทุกอย่างก็ต้องหยุดลง เพราะประตูห้องเปิดเข้ามาเสียก่อน
   “ทำอะไรกันอยู่เอ่ย”
   “เอ่อ”
   จะให้ตอบไปได้อย่างไร ว่ากำลังหาทางที่จะกำจัดเจ้าสาวให้พ้นทาง จนเกือบคิดจะฆ่าเจ้าสาวให้ตายคามือเพราะเจ้าตัวพูดจาไม่น่าฟัง จนเขาอยากจะฆ่าให้ตาย
   พิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอได้เริ่มขึ้น ริวแทบจะไม่มอง ไม่สนใจอีกตามเคย เหลือบตาไปมองก็เห็นว่ามารดาของเขาและมารดาของลูซ กำลังช่วยกันจัดหมอนบนเตียง ริวไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
   “ยังไงแม่ก็ขอให้ชีวิตลูกทั้งสองมีความสุข”
   ราตรีเข้ามาเอ่ยกับลูซและริว เธอทั้งรักและเอ็นดูในตัวทั้งสองคนอย่างมาก ตอนนี้ลูซก็ได้เข้ามาเป็นสะใภ้ของเธออย่างเต็มตัว
   “งั้นพ่อกับแม่ไปกันก่อนนะ”
   คำกล่าวลาของทุกคนที่ได้เข้ามาในห้องหอ ไม่ได้ทำให้ริวรู้สึกดีใจทักเท่าไหร่นัก เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดังปัง
   “อ่า…ริวจัง”
   ริวรับรู้ได้ถึงสายตาที่หิวกระหายของลูซ ชายหนุ่มถอยกรูดจนไปติดประตู
   …เขาต้องหนี หนีไปให้ได้…
   กึก กึก กึก
   เหมือนโชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้ง เพราะไม่ว่าจะพยายามเปิดประตูห้องเท่าไหร่ หรือบิดลูกบิดประตูมากแค่ไหน ก็ไม่มีทีท่ายว่าจะเปิดประตูห้องได้เลย
   …มันถูกล็อกจากด้านนอก…
   นอกจากจะส่งตัวเขาถวายพานให้กับเจ้ากะเทยโรคจิตแล้ว มารดาเขายังกะให้เขาไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ริวพยายามตั้งสติ เขาต้องหนีไปให้พ้น
   “ริวจัง ทำอะไรเหรอ?”
   ลูซเดินเข้ามาถาม เขาค่อนข้างแปลกใจกับการกระทำของเจ้าบ่าวตัวเล็ก พี่พยายามไปเขย่าบานประตูกระจกขนาดใหญ่ด้วยแรงที่มี แต่มันก็เหมือนว่าจะเปิดไม่ออก พอเห็นเจ้าตัวทำแบบนั้นแล้ว ลูซก็อดใจไม่ไหว พุ่งกายเข้าไปสวมกอดริวจากด้านหลัง
   “ริวจัง ทำอะไรอยู่ น่ารักจังเลย”
   ไม่ว่าริวจะทำอะไร ในสายตาของลูซก็คือน่ารัก และน่ากอด แถมยังเท่ไปหมด เขารักทุกอย่างที่ริวเป็น แต่ชายตัวเล็กไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย ริวหันขวับมาหาลูซ
   “กระจกมันเปิดไม่ออก”
   บานประตูกระจกที่ริวพยายามออกแรงมหาศาล กลับแน่นิ่งเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออกเสียที
   “มันเปิดไม่ออก นายเปิดมันสิ”
   “เอ๋ เปิดไม่ออกอย่างนั้นเหรอ”
   ลูซทำท่าทางสงสัย แต่เพียงครู่ก็คลี่ยิ้มอย่างยิน เพราะเขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง พวกผู้ใหญ่นี่ช่างรอบคอบเสียจริง
   “ถ้ามันเปิดไม่ออก แสดงว่าไม่อยากให้ริวจังเปิดไงล่ะ”
   “นี่แก…”
   “ไม่เอาน้า เราแต่งงานกันแล้ว ถ้าริวจังพูดจารุนแรงกับลูซแบบนี้ ลูซเสียใจนะ”
   ผลัก!
   ริวไม่คิดจะรอให้สมองต้องไตร่ตรองอะไรมากนัก เขาตัดสินใจ ผลักร่างของลูซให้ออกห่างอย่างรวดเร็ว เรื่องอะไรจะรอให้อีกฝ่ายเข้ามาลวนลามได้ตามใจ เขาต้องหาทางหยุดอะไรสักอย่าง
   “ริวจังงงง เรามาทำเรื่องที่เจ้าสาวเจ้าบ่าวเขาทำกันหลังเข้าห้องหอเถอะน้า”
   “ไม่!”
   ริวถอยห่างราวกับสุนัขที่ถอยหนีอันตราย เขาพร้อมจะแยกเขี้ยวขู่ แต่ลูซก็คงจะเป็นแมวยั่วสวาท ถึงได้กระพริบตา ทำปากเจ่อยั่วยวน จนริวรู้สึกขนลุก
   “มา มะ มาให้ลูซจุ๊บ”
   “ไม่โว้ยยยย!!!!”
   ลูซพุ่งเข้าไปจะตะปบร่างของริว แต่ชายหนุ่มก็รีบวิ่งหนีเอาตัวรอดอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าสาวแสนสวยพยายามวิ่งไล่จับ ทั้งคู่วิ่งวนรอบเตียงจนหอบเหนื่อย จนกระทั่ง…
   ปัง!!!
   “โอ๊ย!”
   ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนลูซเองก็ไม่ทันตั้งตัว เพราะริววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วลูซก็วิ่งตามเข้าไปอย่างฉิวเฉียด แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี จึงทำให้หน้าผากสวยกระแทกเข้าที่หน้าประตูบานใหญ่เข้าเต็มๆ
   “อ่อย…เจ็บจังเลย”
   เจ้าสาวตัวใหญ่ได้แต่ร้องโอดโอย ทรุดกายนั่งกับพื้น ยกมือกุมหน้าผาก เขาเหลือบตามองบานประตูห้องน้ำด้วยสายตาที่จริงจัง
   “เข้าห้องน้ำแล้วคิดว่าจะหนีลูซพ้นเหรอริวจัง วันนี้มันวันแต่งงานของลูซกับริวจังนะ…ยังไงวันนี้ลูซก็จะเผด็จศึกให้ได้!”


100%

ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 11 พิธีแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: NaEZ ที่ 23-06-2016 16:14:14
พลิกสถานะการณ์ ตอนหน้าริวจังออกมาปล้ำลูซเอง ฮ่ะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 11 พิธีแต่งงาน
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 23-06-2016 18:47:26
จะสงสารหรือจะฮาดีละเนี่ย  :hao4: :hao4: :hao4:

บอกไม่ถูกแฮะ   แต่เอทำไมลูซดูยึดติดกับริวจัง   ถึงจะพูดเพราะเรื่องในอดีตก็เถอะ

แต่ก็ติดตามต่อไปปปปปปปปปป   :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 ห้องหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 26-06-2016 21:13:08
12
ห้องหอรอรัก

   ปัง ปัง ปัง
   เสียงทุบประตูห้องน้ำ ดังจนริวยกต้องมือขึ้นมาปิดหูของตัวเอง เขาไม่อยากจะได้ยินเสียงที่แสนน่ารำคาญใจ ชายหนุ่มกำลังคิดหาวิธีที่จะพาให้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้ได้โดยไว
   “ทำไมห้องน้ำมันไม่มีทางออกบ้างวะ”
   ริวกำลังหัวเสียเป็นอย่างมาก เขาเดินไปมาราวกับหนูติดจั่น พยายามมองหาช่องทางที่จะพาตัวเองให้ออกไปจากห้องน้ำนี้ให้ได้ แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ดูเหมือนว่าเส้นทางหลบนี้มันช่างแสนริบหรี่เสียเหลือเกิน
   …แล้วแบบนี้ ทำยังไงถึงจะหนีพ้น…   
   “ริวจางงง รีบออกมาเถอะน้า”
   เสียงร้องเรียกไม่ได้ทำให้ริวสะดุ้งไปมากกว่าเดิม เขาผวาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แค่คิดว่าจะต้องไปพบเจอกับเจ้าสาวแสนถึกและหื่นกระหาย เขาก็ไม่อยากจะออกไปจากห้องน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกลัวว่าถ้าออกไป สิ่งที่เจออาจจะทำให้เขาเครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเอง
   “ริวจางงง”
   ลูซยังคงเรียกเจ้าบ่าวแสนหล่อ มือใหญ่ทุบเข้าที่ประตูห้องน้ำอย่างไม่หยุดยั้ง
ริวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาต้องหาวิธีเพื่อหนีให้พ้นจากเจ้าวายร้ายตัวนี้ให้จงได้
   …เขาไม่ยอมถูกไอ้กะเทยโรคจิตมันเขมือบอย่างแน่นอน…
   “ฉันไม่เปิด! ยังไงฉันก็ไม่เปิด”
   ความตั้งใจของเขาแน่วแน่ เขาไม่ยอมเปิดอย่างแน่นอน ถ้าเปิดออกไป ใครจะมารับรองความปลอดภัยในชีวิตของเขาได้บ้าง
   “ริวจัง จะเปิดไม่เปิดจริงๆเหรอ”
   เจ้าสาวแสนสวยถามย้ำ ดวงตาคมสวยหรี่มองประตูห้องน้ำ ราวกับต้องการมองผ่านไปให้ถึงข้างในเพื่อจะได้เห็นเจ้าบ่าวของตัวเอง
   “ไม่! ยังไงฉันก็ไม่เปิด”
   “อยู่ในนั้นนานๆมันร้อนน้าริวจัง”
   ลูซพยายามโน้มน้าว หวังว่าเจ้าบ่าวของเขาจะยอมเชื่อฟัง แต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในความเงียบ
   …ในเมื่อใช้ไม่อ่อนไม่ได้ผล เห็นทีต้องใช้ไม้แข็งกันเสียแล้ว…
   “ริวจัง จะออกหรือไม่ออก”
   น้ำเสียงที่ขี้เล่นเริ่มหายไป ความจริงจังเริ่มเข้ามาแทน ก็จะให้เขาจริงจังได้อย่างไร นี่มันเป็นวันเข้าห้องหอระหว่างเขากับริวที่เขาแสนรัก
   “ริวจัง ลูซจะถามเป็นครั้งสุดท้ายนะ”
   ริวพยายามทำใจสู้ เขาไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลัวเจ้าสาวโรคจิต เขาเป็นผู้ชาย เขามีความแมนเต็มร้อย
   “จะออกหรือไม่ออก”
   พอได้ฟังคำกล่าวที่ราบเรียบด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น ริวก็กลืนน้ำลายลงคืออึกใหญ่ เขายืนพิงประตูในเต้นแรง
   “ลูซมีกุญแจนะ ลูซไขเข้าไปได้”
   ริวรีบหมุนกายไปมองประตู ถึงแม้จะมีกุญแจไขลูกบิดเข้ามา แต่ก็ยังมีกลอนประตูให้ล็อกจากด้านใน ริวเหยียดยิ้ม
   “ถึงนายจะไขกุญแจได้ แต่ฉันก็ล็อกจากข้างในได้เหมือนกัน นายเข้ามาไม่ได้หรอก”
   ชัยชนะเหมือนเป็นของริว เขาคิดว่าลูซคงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ริวคงคิดผิด เพราะสิ่งที่ได้ยินต่อมามันไม่ใช่
   “นี่ริวจัง”
   “อะไร”
   “คิดว่าลูซใช้เป็นแต่กุญแจหรือไง”
   “หมายความว่าไง!”
   ริวไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูซกำลังพูด ทุกอย่างเงียบไป เขาเอาหูแนบประตูห้องเพื่อรอฟังความเคลื่อนไหวจากด้านนอก
   “หรือว่าเจ้านั่นมันไปแล้ว”
   ชายหนุ่มได้แต่ถามกับตัวเอง เขาก็สามารถออกจากห้องน้ำไปได้ แต่ถ้าออกไปแล้วเจอลูซนั่งรอยิ้มหวานอยู่ เขาคงสติแตก
   …นี่อาจจะเป็นแผนที่ลูซทำให้เขาตายใจ…
   ริวส่ายหน้าไปมาอย่างคิดไม่ตก เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันย่ำแย่ไปมากกว่านี้ บางทีเขาอาจจะต้องหาวิธีล่อลวงลูซให้ยุติเรื่องบ้าๆ แต่เขาจะทำมันได้อย่างไร ถ้าทำได้ ก็คงไม่ต้องมาแต่งงานกัน แล้วก็ต้องมาหลบซ่อนในห้องน้ำแบบนี้ แค่คิดริวก็เศร้าใจ
   “ริวจัง ถ้าริวจังไม่เปิด แล้วเวลาอาบน้ำ ต้องเปลือยให้ลูซเห็น ริวจังห้ามโวยวายน้า”
   เสียงที่ควรจะเงียบหายไป กลับโผล่ขึ้นมาใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ริวหันขวับไปมองประตูห้องน้ำ เขาเริ่มรู้สึกระแวงขึ้นมาทันที
   ปัง!
   เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงเคาะประตูอย่างแน่นอน เพราะมันเหมือนประตูห้องน้ำกำลังโดนแรงกระแทกอย่างรุนแรง
   “มันทำอะไรวะ”
   ริวเริ่มเครียด เขาเผลอถอยห่างไปจนแผ่นหลังติดกับกำแพงห้องน้ำ รับรู้ได้ถึงรอยนูนตรงกลางของประตู
   ปัง! ปัง! ปัง!
   “มะ ไม่จริงน่า”
   ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างทันที เมื่อเสียงกระแทกครั้งสุดท้ายดังขึ้น พร้อมกับแผ่นประตูที่ร่วงดังสนั่น
   โครม!!!
   ประตูห้องน้ำต้องสิ้นชีพ ล้มไปอยู่ตรงหน้าของริว ในมือของลูซมีค้อนเหล็กอันใหญ่ เจ้าสาวแสนสวยคลี่ยิ้มหวาน ราวกับจะบอกว่าสิ่งที่ทำไปคือผลงานอันงดงาม ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสักนิดเดียว ในขณะที่ริวกลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก
   “นะ นี่เอาค้อนทุบประตู”
   “ใช่แล้วริวจัง ลูซไปขอความช่วยเหลือจากคุณแม่”   
   ชายตัวสูงในชุดเกาะอกเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี เขาเหวี่ยงค้อนอันใหญ่จนมันไถลเข้าไปใต้เตียง ริวถอยหลังหนีจนกระทั่งจนมุมไปไหนไม่ได้
   “จะบ้าหรือไงฮะ! เอาค้อนมาทุบประตู”
   ริวตะวาดเสียงดัง แต่แทนที่ลูซจะสำนึกหรือรู้สึกผิด เขากลับหัวเราะอย่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
   “ก็ริวจังไม่ยอมเปิดประตูให้ลูซนี่นา จะมาโทษลูซไม่ได้หรอกนะ”
   ไม่คิดจะยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะลูซคิดว่าสิ่งที่เขาทำลงไปไม่ใช่เรื่องที่ผิดแม้แต่น้อย เขาก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าควรจะทำ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ แล้วเขาจะได้เจอกับเจ้าบ่าวของเขาได้อย่างไร
   “นายมันบ้าไปแล้ว”
   “ถ้าบ้า ลูซก็คงจะบ้ารักริวจัง”
   ไม่เพียงแต่พูด แต่ลูซกำลังเดินเข้ามาหาริว ใบหน้าเต็มไปด้วยความต้องการ วงแขนแข็งแรงอ้าออก จะเข้าไปโอบกอดเจ้าบ่าวของตน
   “ให้ลูซกอดริวจังน้า”
   ไวกว่าที่จะคิด ร่างกายเขาตอบสนอง ด้วยการก้มตัว แล้ววิ่งมุดใต้วงแขนแข็งแกร่ง ทำให้หลุดจากอ้อมกอดของลูซไปได้ ริวพยายามคิดอย่างหนัก เขาควรจะรีบหาวิธี ไม่อย่างนั้น ชีวิตแห่งความสุขของเขาอาจจะมีอันต้องจบสิ้นลง
   เขาไม่ยอมแน่ เขาไม่อยากจะตกเป็นของไอ้กะเทยโรคจิต เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เขาต้องคิดให้ออก
   “มามะ มาให้ลูซจ๊วบ”
   “เดี๋ยวก่อนนนน!!!!”
   ชายหนุ่มรีบยกมือห้าม เขาต้องใช้จุดอ่อนของลูซเพื่อหยุดทุกอย่างให้ได้
   “อะไรเหรอริวจัง”
   ลูซเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ริวสูดลมหายใจเข้าปอด อย่างน้อยลูซก็ยังยอมหยุด ไม่พุ่งเข้ามากอด
   “ไปคุยกันข้างนอก”
   เพราะรู้สึกว่าในห้องน้ำมันค่อนข้างคับแคบและใกล้ชิดกันเกินไป เขาถึงอยากออกไปข้างนอก ซึ่งลูซก็ยิ้มรับอย่างยินดี และยอมเดินตามริวออกไปนอกห้องน้ำอย่างว่าง่าย ริวกลืนน้ำลายลงคอ เขายืนใจกลางห้อง ไม่ยอมเข้าไปเฉียดเตียง
   “เราควรจะคุยกันก่อน”
   “คุย? คุยอะไรเหรอริวจัง”
   “ก็คุยอะไรก็ได้ เราควรสื่อสารกันด้วยภาษาให้เข้าใจ เพราะเราเป็นสัตว์ชั้นสูง เข้าใจไหม”
   พอได้ยินแบบนั้น ลูซก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
   “ริวจังนี่ตลกจังเลย”
   …เขาไม่ใช่ตัวตลกสักหน่อย เจ้าบ้า!...
   ชายหนุ่มได้แต่เบ้ปากแต่ก็ต้องพูดต่อ เขาต้องตกลงให้สำเร็จ
   “มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะถามให้แน่ใจ”
   ความเคร่งเครียดนี้ดูเหมือนจะไม่มีผลให้ลูซรู้สึกว่าต้องจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าสาวของเขาก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะไม่ขัดขวางการสนทนาเพื่อเจรจาในครั้งนี้ นั่นทำให้ริวค่อยมีกำลังใจ
   “นายรักฉันใช่ไหม”
   ถามไปก็อายไป ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าถามอะไรแบบนี้ แต่ถ้าไม่ถาม เขาก็ดำเนินแผนการต่อไปไม่ได้
   “ใช่แล้วริวจัง ลูซรักริวจังที่สุดเลยยย”
   คำตอบไม่มาเพียงแต่เสียง แต่ร่างกายกลับถาโถมเข้ามา ริวขยับตัวหลบ ไวปานความเร็วแสง จนลูซถลาล้มไปบนเตียงแทน
   “ริวจังหลบลูซทำไม”
   “ฉันยังคุยกับนายไม่เสร็จเลยนะเจ้าบ้า”
   “มาคุยกันบนเตียงก็ได้นี่นา”
   แปะ แปะ แปะ
   ฝ่ามือใหญ่ตบลงบนเตียงนุ่ม ส่งสายตาเชิญชวนจนริวขนลุกขึ้นมาในทันที
   …สยองพิลึก…   
   เขาสะบัดความคิดสับสนทุกอย่างออกไปจากหัว ต้องรีบพูดออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรอดได้ถึงตอนไหน
   “นี่นายฟังฉันนะ”
   “ริวจังมานั่งกับลูซสิ”
   “โว้ย!!! เป็นเด็กหรือไง บอกให้ฟังไงเล่า!”
   เขาเริ่มหมดความอดทน จนตะโกนออกไป แล้วสุดท้ายตัวเองก็เหนื่อย มีเพียงสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดู แต่ริวไม่ได้ต้องการสายตาแบบนั้นจากลูซเลยแม้แต่นิดเดียว เขาไม่ได้อยากให้เจ้ากะเทยบ้านี่มามองเขา แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ถ้าทำอะไรได้ ก็ควรจะรีบทำ
   “ง่ะ ลูซเงียบแล้ว”
   พอเห็นลูซอยู่ในโอวาท ริวก็เริ่มยิ้มในใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เป็นรองเจ้าสาวตัวใหญ่ก็แล้วกัน
   “นายรักฉันใช่ไหม”
   คำตอบคือลูซพยักหน้าหงึกๆ ดูเหมือนลูกสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังจ๋อยและเสียใจ
   “ถ้านายรักฉัน นายต้องฟังฉันนะ”
   ลูซพยักหน้า ริวจึงพูดต่อ
   “ถึงเราสองคนจะแต่งงานกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่านายจะทำอะไรกับฉันก็ได้ เข้าใจไหม”
   “ทำไมล่ะริวจัง”
   “หยุด ฉันยังไม่ได้ให้นายถามเลยนะ”
   ริวเดินเข้ามาใกล้ เขากอดอก จ้องมองลูซ ราวกับสามีที่กำลังตำหนิภรรยา ลูซช้อนตามองราวกับสุนัขตัวน้อยที่โดนเจ้าของดุ
   “ฉันเข้าใจว่านายต้องการแบบนั้น เพราะวันนี้เป็นวันเข้าหอของพวกเรา แต่นายก็ต้องเห็นใจฉันด้วย ฉันไม่พร้อม นายเองก็คงไม่อยากบังคับขืนใจคนที่นายรักหรอกใช่ไหม”
   “แต่ลูซอยากปล้ำริวจังนี่นา”
   ลูซเผลอคุยกับตัวเองเสียงแผ่ว นั่นทำให้ริวหันขวับ จ้องลูซราวกับจะฆ่าแกงเสียให้ตาย
   “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ”
   “เปล่า”ลูซโกหก
   “งั้นก็ดี คืนนี้เราจะไม่ทำอะไรกันในเชิงสามีภรรยาทั้งนั้น เพราะว่าฉันไม่พร้อม และฉันไม่เต็มใจ ถ้านายรักฉัน นายต้องทำตามนั้น โอเคไหม”
   ดูท่าทางแล้ว ลูซน่าจะรักเขาเสียเกิน ดังนั้น คำขอแบบนี้ คงไม่ได้มากเกินไป ถ้ารักกัน เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้กันได้
   “แต่ลูซรอวันนี้มาตั้งนานเลยนะริวจัง เข้าเรือนหอแล้ว ก็ต้องทำรักกันสิริวจัง”
   เหมือนคนตัวโตจะไม่ยอมง่ายๆ ริวขมวดคิ้วฉับ เขากำลังนึกถึงวิธีต่างๆ ที่สาวๆมักจะทำให้เขาใจอ่อน แต่ว่าคนตรงหน้าเขาเป็นเจ้าสาว แต่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกับเขา แล้วเขาควรจะใช้วิธีไหน  ริวเริ่มสับสนกับตัวเอง
   “นี่ลูซ นายบอกว่าฉัน นายก็ต้องเชื่อฟังฉันสิ”
   “แต่เพราะลูซรักริวจัง ลูซเลยอยากทำรักกับริวจัง”
   เขาแทบอยากจะยกมือมาตบหน้าผากตัวเอง เพราะว่ายิ่งฟังยิ่งเครียด การเจรจาในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ แถมเขายังต้องมาคอยระแวงไม่ให้โดนจู่โจมในตอนเผลอ ริวสูดลมหายใจเข้าปอด เลือกจะใช้วิธีการที่สาวๆ เคยใช้กับเขา
   “นี่ลูซ! ที่นายทำไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่ได้รักฉันจริงๆใช่ไหม! นายโกหกสินะ”
   “ไม่ใช่นะริวจัง ลูซรักริวจังจริงๆ ลูซไม่ได้โกหก”
   เหมือนว่าแผนนี้จะได้ผล เพราะลูซเข้ามากอดแขนของเขา ริวยิ้มอย่างพอใจ แบบนี้ต่อไปเขาก็คงมีเจ้าสาวที่เชื่อฟัง ถ้าทำให้เจ้ากะเทยตัวใหญ่รักหัวปักหัวปรำจนยอมทำทุกอย่างให้ ทุกอย่างอาจจะง่ายขึ้น เขาอาจจะเหมือนได้สุนัขตัวใหญ่มาเลี้ยงมากกว่าได้ภรรยาที่เป็นผู้ชาย
   …ทำไมอยู่ตั้งนานเขาคิดวิธีนี้ไม่ออก…   
   เพราะมัวเอาแต่หนี แต่ยิ่งหนีเท่าไหร่ก็เหมือนจะหนีไม่พ้น อย่างนั้นก็คงต้องหลอกล่อให้ลูซทำตามที่เขาต้องการ เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง
   “งั้นนายก็ต้องหยุดคิดเรื่องหื่นๆ กับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
   “ไม่ได้หรอกริวจัง ก็ลูซน่ะ”
   ริวขมวดคิ้วฉับ เขาผงะทันที เมื่อจู่ๆ เจ้าสาวแสนสวยก็เปิดกระโปรงอันฟูฟ่อง เผยให้เห็นซับในสีขาวสะอาดที่นูนพองจนน่ากลัว
   “ยะ อย่าบอกนะว่า”
   “ลูซไม่ไหวแล้วริวจัง”
   “อย่าเข้ามานะเว้ย!”
   การเจรจาเหมือนล้มเหลว กายสูงพุ่งเข้ามากอดรัดริว จนแล้วดึงร่างนั้นลงมาบนเตียงนุ่มจนล้มไม่เป็น
   “ปล่อย ! ปล่อยสิโว้ย”
   “ปล่อยไม่ได้หรอกริวจัง เพราะคืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเราสองคนนี้นา”
   เขาได้แต่เบิกตากว้าง เมื่อจู่ๆ ตัวเองก็โดนเชือกมัดมือเอาไว้กับหัวเตียง ริวดิ้นไม่หยุด ไม่รู้เลยว่าเจ้าสาวตัวแสบนั้นไปเตรียมเชือกมาตั้งแต่ตอนไหน
   “ฉันไม่ยอมให้แกทำอะไรบ้าๆ กับฉันแน่ ไอ้กะเทยโรคจิต”
   ริวสติแตก ยกเท้าถีบไม่หยุด ลูซแตะนิ้วชี้กับปากของริว
   “ไม่เอาน้าริวจัง อย่าดิ้นสิ ลูซอยากให้ริวจังมีความสุข”
   “แกโกหก แกไม่ได้รักฉัน ถ้าแกรักฉันจริง แกต้องไม่ทำแบบนี้กับฉัน ฉันเกลียดแก”
   เขาแผดเสียงต่อว่าอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อลูซเข้ามาปลดกระดุมเสื้อของเขา ลูซชะงัก มองหน้าริวทันที
   “ริวจังเกลียดลูซเหรอ”
   “เออ! แกมันแย่  ไม่ฟังอะไรฉันเลย แล้วแบบนี้เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง คนอย่างแกไม่มีคุณสมบัติเป็นเมียฉัน!”
   พอได้พ่นคำตำหนิออกไป ริวก็เริ่มใจเย็นลง ท่าทางที่ลูซมีก็เหมือนจะเงียบสงบลงไปบ้างแล้ว
   “ริวจังยังไม่พร้อม”
   “ก็ใช่น่ะสิ! ฉันจะไปพร้อมได้ยังไง”
   “แต่ลูซรักริวจังจริงๆนะ”
   “ฉันไม่เชื่อ ถ้านายรักฉันจริง นายต้องรอได้สิ”
   ตอนนี้ริวพยายามใจเย็น เขาต้องมีสติ เขาต้องไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำ ไม่อย่างนั้น แผนทุกอย่างที่เขาตั้งใจไว้ อาจจะพังลงมาก็เป็นได้
   “ก็ได้…ลูซจะรอริวจัง”
   ฟู่ววว
   ริวแอบพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจรจาเกลี่ยกล่อมได้สำเร็จ แต่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มร้ายที่มุมปากของลูซ
   “ลูซไม่แตะตัวริวจังก็ได้น้า”
   “อ่า…ขอบใจ นายเป็นเจ้าสาวที่แสนดีจริงๆ”
   พอได้ฟังแบบนั้น เขาก็ฉีกยิ้มหวาน  ริวคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วแน่นอน ลูซน่าจะปล่อยเขาจากการจับมัด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเสียแล้ว
   “นายจะทำอะไร!”
   เขาโพล่งถามไปเสียงดัง เมื่อเห็นเจ้าสาวคนสวยกำลังถกกระโปรงราวกับไม่คิดว่าสภาพมันน่าอายแค่ไหน แถมกิริยาที่ช้อนตามองขึ้นมายังทำให้ริวขึ้นลุกซู่
   “อย่าคิดจะทำอะไรแปลกๆนะเฟ้ย!”
   “ใจเย็นๆน้าริวจัง ลูซจะไม่แตะตัวริวจัง ลูซสัญญา”
   “กะ ก็ปล่อยฉันสิวะ”
   “ปล่อยไม่ได้ ถ้าปล่อยริวจังก็ไม่อยู่ดูลูซน่ะสิ”
   “ดู ดูทำไม!”
   ริวลนลาน ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ต่อไป
   “ริวจังต้องสัญญากับลูซมาก่อน ว่าริวจังจะไม่หลับตา จะไม่หันหน้าหนี ริวจังต้องมองลูซ”
   “ทำไมฉันจะต้องสัญญา”
   “ก็ถ้าริวจังไม่สัญญา ลูซก็ยกเลิกเรื่องที่พูดไปตอนแรก แล้วเราก็จะทำรักกันไง”
   ท่าทางของลูซบอกได้เลยว่าคงจะพูดจริงอย่างแน่นอน ริวคิดไม่ตก อย่างน้อย แค่ตาเห็น แต่ร่างกายไม่โดนกระทำ ก็น่าจะดีกว่าโดนทะลวงศักดิ์ศรีความเป็นชาย
   …เอาวะ! ต่อให้ไอ้บ้านี่เต้นรูดเสา เขาก็จะทนดูให้ได้!...   
   “ก็ได้! ฉันจะดู จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันดูเสร็จแล้ว ก็แก้มัดให้ฉันด้วย”
   พอได้รับการตอบกลับแบบนั้น ลูซก็ฉีกยิ้มกว้าง ริวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่กับสิ่งที่ลูซคิดจะทำ
   “นะ นี่จะทำอะไร!”
   “ก็ลูซปวดตรงนี้นี่นา”
   ท่าทางเหนียมอาย พร้อมกับชี้นิ้วลงที่ใจกลางลำตัว ชั้นในสีขาวสะอาด ถูกลูบไล้ด้วยมือใหญ่ แต่สายตากลับจับจ้องที่หน้าของริว
   “ก็ไปทำในห้องน้ำสิวะ”
   “ไม่เอาหรอก ริวจังอยู่ตรงหน้า ลูซจะไปได้ยังไง”
   “กูอยากจะบ้า!”
   “ริวจังว่าอะไรนะ”
   เจ้าบ่าวที่โดนจับกุม แต่ทำหน้าไม่พอใจ แต่ลูซก็ฉีกยิ้มส่งให้ เขากำลังจะทำเรื่องที่คนปกติเขาไม่ทำกัน
   “โรคจิต”
   “แหม…ก็ริวจังไม่ยอมให้ลูซทำนี่นา ลูซไม่มีทางเลือก”
   สัญญาเลยว่าหลังจากดูภารกิจแสนลามกของลูซเสร็จ ริวจะรีบไปล้างตาให้สะอาด เขากลัวว่าภาพที่แสนน่ากลัวนี้จะติดตาเขาจนลืมไม่ลง
   แค่เห็นแนวของแท่งเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นใน ริวก็แทบจะหายใจไม่ออก ด้วยความที่ลูซเป็นลูกครึ่ง แน่นอนว่าร่างกายผู้ชายแถบตะวันตกนั้นมีโครงร่างที่สูงใหญ่ มันใหญ่ไปเสียทุกส่วน รวมถึงตรงนั้นด้วย
   …เขาไม่อยากให้เจ้าหนอนยักษ์นั้นออกมาเห็นโลกนี้…
   พรึบ!
   แต่เหมือนคำของริวจะไม่เป็นผล เพราะเพียงชั่วอึดใจ มือใหญ่ก็ควักล้วงหยิบออกมา ริวหายใจติดขัดกับความใหญ่และยาวของมัน
   …แทบจะเท่าแขนเขาอยู่แล้ว…
   ใครก็ได้ ช่วยเขาที ทำไมเขาต้องมาเจอภาพอะไรแบบนี้ นี่มันนรกชัดๆ อยากจะหลับตาก็ทำไม่ได้ ถ้าทำ…เชื่อเลยว่า เจ้าหนอนยักษ์สีชมพูต้องกระโจนเข้ามาหาเขาอย่างแน่นอน   
   …ทนมองหน่อยริว แกต้องไม่ตาย ตาแกต้องไม่พัง…
   ริวแทบจะร่ำไห้ ทำไมเขาต้องมาเห็นภาพผู้ชายใส่ชุดเจ้าสาว แล้วถกกระโปรงมาเห็นเจ้าช้างน้อยที่ชูงวงต้านแรงโน้มถ่วงของโลก ถึงใบหน้าของคนที่สวมชุดเจ้าสาวงดงามแค่ไหน แต่เมื่อเกาะอกร่นลงมาก็เห็นแผ่นอกแบนๆ แบบมัดกล้ามเนื้อผู้ชาย นี่สวรรค์ใจร้าย หรือนรกใจดี ส่งภาพแบบนี้มาให้เขาจดจำได้ฝังติดตา
   …ต้องล้างตากี่รอบถึงจะลืมได้…
   “ริวจัง”
   “อย่าเข้ามาใกล้นะ!”
   เขาแถบจะแผดเสียงร้องไปสุดเสียง ทำไมเขาไม่เกิดมาสายตาสั้น ทำไมเขาต้องเห็นทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งระดับ HD แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ควรให้ลูซเข้ามาใกล้มากจนเกินไป เพราะภาพมันจะชัดเจนจนเขากลัว
   …ของตัวเองก็เห็นจนเคยชิน แต่ให้มาเห็นของคนอื่นนี่มันไม่ไหวจริงๆ…
   ริวรู้สึกอยากจะเป็นลม ทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ แต่เหงื่อเขากลับผุดเต็มใบหน้า
ลมหายใจติดขัด เมื่อเจ้าสาวของเขาเริ่มเล่นกับร่างกายตัวเอง แถมยังอ้าขาออกกว้างให้เขาได้เห็นเต็มตา
   “ริวจัง…อ่า”
   “ส่งเสียงอะไรเนี่ย”
   ได้แต่ถามเสียงสั่น เพราะเสียงลูซนั้นกระเส่า สายตาก็ฉ่ำหวาน มองเขาไม่วางตา แล้วแบบนี้ ริวควรจะทำอย่างไรดี
   “ก็ลูซเสียว อื้อ เห็นริวจังแล้วมันอดใจไม่ไหว”
   ไม่เพียงแค่พูด แต่มือใหญ่ก็กำรอบแท่งมหึมาของตัวเอง เขาขยับมือรูดชักขึ้นลงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเลียริมฝีปากอย่างกระหาย
   ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความปรารถนา จนริวที่มองอยู่ เริ่มจะเคลิ้มไปกับภาพตรงหน้า แต่พอเห็นสิ่งที่อยู่ในกำมือของลูซ เขาก็หลุดออกจากมนต์สะกด
   …หนอนยักษ์ อนาคอนด้า หรือจะอะไรก็แล้วแต่…เขารับไม่ได้ ทำไมเขาต้องมาดูผู้ชายด้วยกันช่วยตัวเอง…
   “อะ อื้อ ริวจัง ริวจัง ลูซจะไม่ไหวแล้ว”
   เสียงครางกระเส่าส่งมาเป็นระยะ พร้อมกับมือร้อนที่ชักส่วนใจกลางลำตัว ลูซรู้สึกดีจนแทบทนไม่ไหว ริวพยายามสะกดกลั้นตัวเอง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีอารมณ์ขึ้นมา
   …เย็นไว้ลูกพ่อ อย่าตื่นเชียวนะลูก…   
   เขาก้มมองใจกลางลำตัว พยายามกดไม่ให้มันตื่นขึ้นมา เขาไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นไอ้โรคจิตที่มามีอารมณ์ เพียงเพราะเห็นผู้ชายช่วยตัวเอง
   “อะ อื้อ อ่า….”
   พรวดดดด!!!
   ราวกับจรวดที่ถูกยิง มันพุ่งไปเต็มหน้าของริว เขาหลับตาแน่น รับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆ ลูซหายใจหอบอย่างมีความสุข มือใหญ่เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรัก
   “นะ นี่มัน”
   คนที่พูดไม่ออก ได้แต่ตัวแข็งทื่อ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เขาโดนปล่อยใส่หน้า ถึงจะไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้น้ำขาวขุ่นนั่นก็พุ่งมาเต็มหน้าเขา
   “ริวจังงง ลูซขอโทษ”
   ถึงจะบอกว่าขอโทษ แต่สายตาและท่าทางที่เห็นมันไม่ใช่เลยสักนิด ริวหลับตาแน่นแล้วแผดเสียงร้องดังลั่นราวกับคนเสียสติ
   “อ๊ากกก ไอ้กะเทยโรคจิต ฉันเกลียดแก!!!!!!”

100%

ฝากเพจด้วยจ้า  https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 เรือนหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 26-06-2016 21:32:57
ทำไมรู้สึกสงสารริวจังขึ้นมา 5555555555555 ลูซซซซซ แกก็เพลาๆลงหน่อยเถ๊อะะะะะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 ห้องหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 26-06-2016 23:00:21
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 ห้องหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 27-06-2016 21:03:27
 :jul1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 ห้องหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 27-06-2016 22:02:50
สงสารริวมาก

บางทีลูชก็เหมือนเป็นคนโรคจิตอย่างที่ริวว่าจริงๆ :mew5:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 12 ห้องหอรอรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 28-06-2016 17:24:40
ชอบอ่ะ  หนุกหนานมากมาย
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 05-07-2016 19:43:22
13

สามีภรรยา

 

            ถ้าให้ถามความรู้สึกของริวในตอนนี้ หากถามว่าโกรธไหมก็โกรธ เคืองไหมก็เคือง เกลียดไหมก็เกลียด ที่รู้สึกมากที่สุด คงอยากจะบีบคอเจ้าสาวคนสวยให้ตายคามือ เขาพยายามทำใจสงบ แต่เหมือนความโกรธมันทำให้เขาแผดเสียงไปจนเหนื่อยหอบ ริวมองลูซด้วยสายตาที่อาฆาต

                “ริวจังอย่าโกรธสิ มันพุ่งไปเองนะ ลูซไม่ได้ตั้งใจ”

                “อ๋อเหรอ! แน่ใจนะว่านายไม่ได้ตั้งใจยิงมาให้โดนหน้าฉัน!”

                ริวตวาดกลับอย่างไม่พอใจ ลูซยู่ปาก เขายื่นมือไปเช็ดน้ำที่เปื้อนแก้ม

                “ลูซเช็ดให้น้า”

                “ไม่ต้องเลย!”

                ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเปื้อน เพราะมือของลูซก็เต็มไปด้วยคราบน้ำที่ริวคิดว่ามันน่ารังเกียจ ริวพยายามหายใจให้เป็นปกติ

                “ฉันดูนายเสร็จแล้ว ก็แก้มัดฉันสักที”

                อารมณ์ที่ครุกรุ่นในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น เพราะความโกรธและความรับไม่ได้มันเข้ามาแทนที่ ลูซเห็นท่าทางที่หัวเสียพร้อมจะทำลายทุกสิ่งของริวแล้วก็เลยยอมเข้ามาแก้มัดให้

                ทันทีที่เป็นอิสระ ริวก็รีบลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที มือเขาก็เปื้อนน้ำที่ลูซปล่อยออกมา แต่ที่ช้ำใจมากที่สุดก็คงเป็นใบหน้าอันหล่อเหลาแต่กลับเปรอะไปด้วยน้ำที่ไม่ควรเปื้อน

                เคยปล่อยใส่หน้าสาวๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่พอมาโดนผู้ชายด้วยกันปล่อยใส่ มันไม่ได้รู้สึกดีเลย

                “ริวจัง อย่าโกรธลูซสิ”

                เขาอยากจะกลับไปต่อยหน้าของลูซแรงๆ ตอนนี้จะปิดประตูห้องน้ำก็ไม่ได้ เพราะประตูพังไปเรียบร้อยแล้ว ริวรีบล้างหน้าแล้วเดินออกจากห้องน้ำ

                “ฉันต้องอยู่ในห้องนี้อีกนานแค่ไหน”

                ยิ่งเห็นลูซในชุดเจ้าสาวเขาก็ยิ่งหงุดหงิด ลูซเองก็ได้แต่ยิ้มตอบ แล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือของตัวเอง

                “ริวจังหิวแล้วเหรอ”

                “ก็ไม่เชิงว่าหิว แต่ไม่อยากอยู่ในนี้กับนาย”

                “ริวจังอย่าพูดแบบนั้นสิ เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะ”

                “นายก็รู้ว่าฉันไม่เต็มใจแต่งงาน”

                เขาคิดว่าปฏิกิริยาที่ลูซตอบกลับมาคือรอยยิ้ม ไม่ก็คงเป็นท่าทางที่ไม่ยอมรับรู้และไม่สนใจ แต่เขาคิดผิด เพราะลูซเงียบไป

                “นั่นสินะ”

                ริวพยายามจะไม่สนใจ ทำไมเขาจะต้องไปเห็นใจผู้ชายคนนี้ ถึงลูซจะเป็นเกย์และรักผู้ชายด้วยกัน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะต้องไปตอบรับรักกับลูซ เพียงเพราะว่าเขาเห็นใจ

                “นายไปเปลี่ยนชุดไป”

                “ริวจังไม่ชอบชุดที่ลูซใส่เหรอ”

                “จะไปชอบได้ยังไง นายไม่คิดว่ามันทุเรศบ้างเหรอที่แต่งตัวแบบนี้ นายไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”

                “แต่ลูซเป็นเจ้าสาวของริวจัง”

                “ฉันไม่เคยยอมรับนายเป็นเจ้าสาว”

                “แต่ริวจังก็สวมแหวนให้ลูซแล้วนะ”

                ลูซลุกขึ้น ริวขยับตัวถอยหนี เพราะเขาไม่รู้ว่าลูซจะมาไม้ไหน แล้วคิดจะทำอะไรอีกบ้าง กายสูงเข้ามาโอบกอดริว  เจ้าบ่าวตัวเล็กดิ้นสุดแรง

                “ปล่อย!!”

                “ไม่เอา ลูซอยากกอดริวจัง ริวจังอย่าไล่ลูซเลยนะ ลูซรักริวจัง”

                “แต่ว่าฉันไม่ได้…”

                เขาจะบอกว่าไม่ได้รัก แต่ลูซก็ยกมือมาปิดปากเขา แล้วส่งยิ้มหวานให้

                “ไม่เอา อย่าพูดนะ ถ้าจะพูด ต้องพูดว่ารักลูซเท่านั้น”

                “นายจะบ้าหรือไง”

                ชายหนุ่มจับมือของลูซออก มองตาขวาง แต่ลูซทำเป็นไม่รับรู้ เขาวางแก้มแนบไปกับไหล่เล็ก

                “ไม่รู้ล่ะ ริวจังเป็นของลูซนี่นา”

                “นายมันน่ารำคาญจริงๆ”

                ไม่มีการตอบโต้ใดๆ ลูซยอมผละออกพร้อมกับรอยยิ้ม เขายืนมองหน้าเจ้าบ่าว

                “ริวจังจะอาบน้ำไหม”

                “จะให้อาบยังไง ดูประตูห้องน้ำสิ”

                “ก็อาบได้นะ อาบด้วยกันไง”

                “ฝันไปเถอะ”

                เรื่องอะไรเขาจะต้องไปอาบน้ำกับเจ้าคนโรคจิต ริวส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ยังไม่ได้แย่มากนัก เพราะลูซรักษาสัญญาที่จะไม่ทำอะไรเขา

                “แต่ดูเหมือนริวจังอยากอาบน้ำ”

                “ใช่ ฉันอยากอาบน้ำ แต่เพราะมีนายอยู่ในห้อง ฉันจะอาบได้ยังไง เดี๋ยวนายก็คงแอบดูฉันอาบน้ำแน่ๆ”

                “ริวจังนี่รู้ใจลูซที่สุดเลย”

                ลูซฉีกยิ้มกว้าง ริวไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีสักนิด เขาได้แต่กรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ แต่นั่นก็ไม่มีทางอื่นที่จะดีกว่านี้อีกแล้ว

                “ฉันไม่อาบหรอก อยู่กับนายมันไม่ปลอดภัย”

                “ถ้าริวจังไม่อยากให้ลูซมอง ลูซไม่มองก็ได้น้า”

                พอได้ยินแบบนั้น ริวก็หรี่ตามองทันที ลูซรีบยกมือปิดตา แต่เขาก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าถึงจะบอกแบบนั้น แต่ก็มีโอกาสที่ลูซจะพุ่งตัวเข้ามาในห้องน้ำ

                “เดี๋ยวริวจัง จะพาลูซไปไหน”

                คนตัวสูงโวยวาย เมื่อโดนริวดึงแกมฉุดกระชากมาที่เตียง เขามองหาเชือกที่เคยผูกมือของเขาเอาไว้ แล้วจัดการผูกลูซไว้กับเตียงแทน

                “ริวจัง จะจับลูซมัดทำไม”

                “ฉันไม่ไว้ใจนาย”

                “ไม่ไว้ใจลูซได้ยังไง ลูซเป็นภรรยาของริวจังนะ”

                คนฟังได้แต่เบ้หน้า เขาไม่เคยไปรับลูซเป็นภรรยา แต่เรื่องนั้นเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดต่อไปอีก เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก็เจอชุดที่เปลี่ยนสวมใส่แบบสบาย แล้วหยิบมันเข้าไปในห้องน้ำ

                “ริวจังงงงง”

                คนบนเตียงยังคงร้องเรียกด้วยความคิดถึง ริวหลับตาลง ข่มใจไม่ให้โกรธเคือง พยายามไม่คิดถึงเรื่องของลูซ ไม่อย่างนั้นอารมณ์เขาคงพลุ่งพล่านแล้วอยากจะเข้าไปกระชากเจ้าตัวมากระทืบไม่ยั้ง

                “ริวจัง ให้ลูซช่วยขัดหลังไหม”

                ดวงตาระยิบระยับนั้นส่งมา ริวลืมคิดไปเสียสนิทว่าประตูมันพังมาแล้ว ทำให้ลูซเห็นทุกอย่างเต็มๆ ยังดีที่เขาแค่ถอดเสื้อสูทที่สวมข้างนอกออกเท่านั้น ร่างกายยังไม่ได้เปล่าเปลือย

                “ฉันพลาดเอง”

                “เอ๋!”

                ริวหยิบเสื้อสูทของตัวเอง เขาไม่รู้จะใช้อะไรมัดปิดตาเจ้าสาวโรคจิต นอกจากเสื้อที่เขาใส่อยู่

                “ริวจัง ปิดตาลูซทำไม ลูซมองไม่เห็น”

                “ก็ดีแล้ว ถ้ามองเห็น ฉันคงต้องบ้าตาย”

                “ริวจังงงง ให้ลูซไปอาบน้ำด้วยน้า น้า น้า”

                “ไม่!”

                การตอบรับนั้นช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน ลูซรู้สึกเสียใจแต่ก็ไม่นาน เพราะเขาได้ของดีไว้กับตัวเสียแล้ว ทางด้านริวก็คิดว่าเรื่องวุ่นวายคงจะจบลงสักที

                “อ๊า…กลิ่นของริวจัง ฟี๊ดดด”

                เสียงสูดดมดังจนริวรู้สึกได้ เขาหันขวับไปมองที่เตียง ก็เห็นว่าลูซกำลังเอาหน้าแนบกับพื้นเตียง แล้วซุกไซ้เสื้อของเขา

                …อะ ไอ้โรคจิต…

                พอเจอแบบนี้แล้วริวถึงกับไปไม่เป็น เขายกมือกุมขมับ ตอนนี้เขาจะออกไปก็ไม่ได้ เพราะเปลือยและเต็มไปด้วยครีมอาบน้ำ ขืนออกไปคงได้เป็นกำไรสายตาของเจ้าสาวหื่นกามกันพอดี

                การอาบน้ำสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ริวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาแกะเสื้อที่ปิดหน้าปิดตาของลูซออกตามมาด้วยเชือกที่มัดตัวลูซเอาไว้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากให้เขาแกะออกเสียแล้ว

                “ลูซชอบกลิ่นตัวริวจัง”

                “เป็นหมาหรือไง”

                “ไม่รู้สิ แต่เวลาริวจังอาบน้ำเสร็จแล้วเนี่ย หอมจังเลย”

                ลูซพุ่งเข้ากอดเอวเล็ก ริวเหลือบตามองเพดานด้วยความรู้สึกค่อนข้างเซ็ง เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

                “นายไปอาบน้ำไป”

                “ริวจังอาบให้ลูซได้ไหม”

                สายตาคู่สวยช้อนมองอย่างออดอ้อน ริวยันใบหน้านั้นออก กลัวว่าจะเผลอใจยอมเพียงเพราะสายตาคู่นั้น

                “ฉันอาบน้ำแล้ว จะไปอาบอีกทำไม”

                พอได้ยินคำตอบแบบนั้น ลูซก็ยู่ปากทันที เขารู้สึกว่ามันช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเขาเสียเหลือเกิน แต่ก็แค่เพียงครู่เท่านั้น

                “ไปสิ”

                โดนไล่อีกรอบ เจ้าสาวตัวใหญ่จึงได้ยอมผละออก แต่ก็ไม่วายฉวยโอกาสยอมแก้มของเจ้าบ่าว ริวขมวดคิ้ว จะหันไปต่อว่าแต่ลูซก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว

                “คุณสามีริวจัง อยากจะช่วยลูซอาบน้ำไหม”

                ไม่เพียงแค่ถาม แต่ยังขยิบตาเป็นการเชิญชวน ริวปวดประสาท อยากจะหยิบอะไรสักอย่างฟาดใส่เจ้าคนทะลึ่ง

                “จะอาบก็อาบไปเลยเจ้าบ้า!”

                “จะแอบดูลูซก็ได้น้า ลูซจะเปิดเผยให้เห็นให้หมดเลย”

                ริวรีบหันหลัง เขาขนลุกขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงสิ่งใหญ่โต ที่เพิ่งได้เห็นมาเมื่อไม่นานมานี้

                “รีบๆอาบไปเลยเจ้าบ้า!”

                ริวไม่แม้แต่จะหันไปมองเรือนร่างที่อยู่ในห้องน้ำ เขานั่งสงบจิตใจอยู่บนเตียง เขาต้องหาทางสักทางเพื่อจะได้หลุดพ้นไปให้ได้

                พอเดินไปเขย่าประตูก็พบว่ามันยังล็อกอยู่เหมือนเดิม พอเห็นเป็นแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกแย่สุดๆ

                …นี่กะจะขังเขาไปถึงเมื่อไหร่…

                ถ้าในความเป็นจริงของการเข้าห้องหอ คงได้ทำภารกิจสานต่อร่างกายจนทั้งคู่หมดแรง และไม่มีความอยากจะไปไหน นอกจากนอน แต่ในความเป็นจริงของการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่อย่างนั้น

                เขาไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วจะให้ไปมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันได้ยังไง ถึงผู้ชายที่เขาพูดถึงจะหน้าสวยโดนใจเขาแค่ไหน  แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้ชาย แถมไอ้ตรงนั้นยังใหญ่โตจนเขารู้สึกเกลียดปนอิจฉาขึ้นมา

                “ริวจัง ลูซอาบน้ำเสร็จแล้วน้า”

                ร่างกายเปียกชื้นแนบไปกับแผ่นหลังเล็ก ริวสะดุ้งเฮือก เขาหันมอง พยายามออกแรงต่อต้านดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่าง

                “นะ นี่ไม่ได้เสื้อผ้าหรือไงฮะ!”

                “ก็ลูซอยากให้ริวแต่งให้นี่นา”

                คนตัวสูงยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี ฉวยโอกาสหอมแก้มอย่างเอาแต่ใจ ริวมองตาขวาง พลางดิ้นอย่างรุนแรง

                …เรื่องอะไรจะยอมให้ลวนลาม…

                “ปล่อย ไปแต่งตัวเลยไป ฉันหิวข้าวแล้ว”

                “ริวจังแต่งตัวให้ลูซหน่อยน้า”

                “นายไม่ใช่เด็กๆ แล้วถึงนายเป็นเด็ก ฉันก็ไม่แต่งให้!”

                ออกแรงสะบัดตัวอย่างแรง จนหลุดออกจากอ้อมกอดของลูซ ชายหนุ่มรีบเดินหนี เขาไม่อยากหันไปมองภาพอุจาดตา ถึงแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากจะมอง

                …อก เอว ไม่ได้มีความงดงามอ่อนช้อยแบบผู้หญิงเลยสักนิด…   

                เผลอเหลือบตาไปมองเพียงครู่ก็เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยที่หน้าท้องแกร่ง ถ้ามองแค่ช่วงล่างจากคอลงมา ก็คือกายแข็งแกร่งสมชาย แม้ไม่ได้มีกล้ามใหญ่มากนัก แต่ดูแข็งแรงไม่ต่างกับนายแบบ

                “แต่ลูซอยากให้ริวจังแต่งตัวให้นี่นา”

                “ถ้าไม่หยุดเข้ามา ฉันจะเอาแจกันฟาดหัวให้แตกเลย”

                ริวคว้าหมับเข้าที่แจกันตกแต่งห้อง คนตัวสูงได้แต่ยู่ปาก ไม่คิดว่าริวจะทำกับเขาแบบนี้ได้ลงคอ

                “ใจร้าย”

                “ใช่ ฉันใจร้าย งั้นนายก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ”

                “ไม่ได้หรอก เพราะถึงใจร้าย ลูซก็รักริวจัง”

                ตึก ตึก ตึก

                หัวใจเจ้ากรรมอยู่ๆ ก็เต้นผิดจังหวะ ริวหลับตาลง สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เขาไม่ควรหวั่นไหว…ไม่ควรจะหวั่นไหว

                ชายหนุ่มพยายามบอกกับตัวเองอย่างนั้น เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ไม่มีทางไปหวั่นไหวกับผู้ชายตัวใหญ่ ที่มีดีแค่หน้าเหมือนผู้หญิงแน่ๆ ถ้าเป็นผู้ชายตัวเล็กก็ว่าไปอย่าง

                เดี๋ยวนะ!!!จะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มันก็คือผู้ชาย ยังไงเขาก็รับไม่ได้!!!

                “งั้นรอลูซแปปนึงน้า ริวจังนอนเล่นบนเตียงไปก่อนก็ได้”

                “อืม”

                เขารับคำ แล้วไปนั่งบนเตียง แต่ทว่า พอหันไปมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็เห็นก้นขาวเด่น นี่เจ้าสาวของเขามันไม่คิดจะพันผ้าขนหนูรอบเอวสักนิดเลยหรือไง

                ริวได้พ่นลมหายใจด้วยความเอือมระอา ละสายตาที่มันบังเอิญไปมองช่วงล่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                แผ่นหลังกว้างนั้นดูแข็งแรง ไม่ได้ผอมแห้งจนเห็นกระดูก ถ้าเขาเป็นผู้หญิง คงอยากจะวิ่งเข้าไปซบ แต่นั่นก็แค่ความคิด เขาเป็นผู้ชายไม่ได้คิดอยากจะซบสักนิด เพียงแต่อิจฉาในร่างกายอันสมบูรณ์แบบของลูซก็เท่านั้น

                เขานอนตะแคงหันหลังให้ ขืนมองไปมากกว่านี้ มีหวังจิตใจคงได้ฟุ้งซ่าน คิดอะไรแปลกๆอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด

               

-------+++++-------

               

                “ทำไมถึงได้ลงกันมาเร็วนักล่ะลูก”

                น้ำเพชรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่กันหมาดๆ นั้นเดินลงมาจากห้องหอเสียแล้ว

                ริวเหลือบตามองเจ้าสาวตัวโตที่กำลังควงแขนเขา ความลับของการได้ออกจากห้องคือการที่ลูซโทรหามารดาของเขาเพื่อให้แม่บ้านขึ้นมาปลดกุญแจจากด้านนอก

                …มารดาของเขาช่างร้ายจริงๆ…

                “ก็ริวจังหิวมากเลย ริวจังบอกว่าเหนื่อย หมดแรง”

                ชายตัวเล็กกว่าหันขวับไปมองภรรยาในนาม ลูซคลี่ยิ้มหวาน ในขณะที่ริวยิ้มไม่ออก ใครจะไปอยากรับเจ้ากะเทยตัวใหญ่นี่เป็นภรรยา

                “ปล่อยฉันได้แล้ว”

                แม้พยายามจะขยับกายให้ออกห่าง แต่ลูซก็เกาะติดเสียยิ่งกว่าปลิง สะบัดอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดได้ง่ายๆ นั่นทำให้ริวค่อนข้างไม่สบอารมณ์

                “แหมๆ แต่งงานวันแรกก็แบบนี้ล่ะน้า เหนื่อยเป็นธรรมดา คิคิ ใช่ไหมคะคุณ”

                ราตรีหันไปเอ่ยกับสามี ทั้งคู่กระหนุงกระหนิงจนริวแทบอยากจะกุมขมัย คำพูดของมารดาดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุข แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงที่สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ป่านนี้ทุกคนคงคิดว่าเขาและลูซได้เสียเป็นเมียผัวกันไปเรียบร้อยแล้วแน่ๆ แต่ถ้าเกิดโต้กลับไปว่ายังไม่ได้มีอะไรกัน เขาก็กลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมา

                “งั้นเดี๋ยวให้แม่บ้านตั้งโต๊ะอาหารเลยก็แล้วกันนะจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ”

                ริวได้แต่ตอบรับอย่างขัดไม่ได้ เขายังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อกับเรื่องในอนาคต แต่ที่แน่ๆ เขาต้องเลิกรากับเจ้ากะเทยโรคจิตให้เด็ดขาดจนไม่ต้องมีโอกาสมาเจอหน้ากันอีกครั้ง

                “หลังแต่งแล้ว คิดออกหรือยังล่ะจ๊ะ ว่าจะไปฮันนีมูนกันที่ไหน”

                น้ำเพชรเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ ที่จริงเรื่องเดินทางไปฮันนีมูนหลังแต่งงาน ก็เคยได้ไถ่ถามลูซและริวเอาไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ริวบอกปัดไปก่อนว่าหลังแต่งงานค่อยคิด

                “เอ่อ ผมยังคิดไม่ออกครับ”

                ริวตอบเสียงไม่ดังมากนัก ไม่ใช่ว่าเขาคิดไม่ออก แต่เขาไม่เคยจะคิดเลยต่างหาก ขณะนี้ทุกคนที่เป็นครอบครัวทั้งทางฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างอยู่กับพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ในบ้านของเจ้าสาวเอง

                “แต่ลูซคิดไว้หลายที่เลย ไปฮันนีมูนกับริวจังรอบเลยโลกเลยดีไหมน้า”

                คำกล่าวนั้นทำให้ริวต้องหันขวับไปมอง ดูเอาเถอะ ทำไมเขาต้องมาแต่งกับคนสุดขั้ว แถมทำอะไรไม่ได้มีความพอดีเอาเสียเลย ชายหนุ่มคิดเพียงแต่อยากจะยกมือมากุมขมับ แล้วนวดซ้ำๆให้หายเครียด

                “มันไม่มากไปหน่อยหรือไงฮะ”

                ริวหันไปเอ็ดภรรยาตัวโต ลูซยิ้มหวานแล้วเอนศีรษะซบไหล่เล็ก

                “ก็ลูซอยากสร้างประสบการณ์ระหว่างเราให้ลึกซึ้ง ให้มันเป็นความทรงจำที่แสนงดงาม”

                แค่ฟังแล้วก็แทบจะทนไม่ได้ เขาไม่คิดว่าตัวเองอยากจะมีความทรงจำอันงดงามกับเจ้ากะเทยตัวใหญ่แม้แต่น้อย ยิ่งความทรงจำล่าสุด ก็เหมือนจะเป็นความทรงจำอันเลวร้ายมากกว่า มีอย่างที่ไหน เจ้าสาวตัวใหญ่ถกกระโปรงแล้วช่วยตัวเองต่อหน้าเจ้าบ่าว แค่คิด ริวก็ขนลุกซู่แล้วความกลัวจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายอีกรอบ นี่ขนาดเพิ่งแต่งยังไม่ทันจะข้ามคืน เขาก็ต้องมาพานพบกับเหตุการณ์ที่แสนช้ำใจเสียแล้ว

                …ใครก็ได้ พาเขาออกไปจากนรกขุมนี้ที…

                “ผมว่าเรื่องฮันนีมูน เราเอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่าครับ”

                เขาไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อ วันนี้ก็ทรมานหัวใจเขาเต็มทนแล้ว

                “นั่นสิคะ เราคุยเรื่องอื่นกันเถอะค่ะ”

                ริวอยากจะเข้าไปกอดพี่สาวเอาไว้เสียให้เต็มแรงเกิด ดีใจที่รินเข้าใจเขาและพยายามช่วย

                “อีกแค่สองสัปดาห์ เธอก็จะกลับแล้วต่างประเทศแล้วสินะ”ราตรีเอ่ยขึ้น

                “ใช่ค่ะ เดี๋ยวน้องก็ต้องกลับไป ยังไงก็ต้องขอฝากลูซด้วยนะคะ เอ็นดูลูกของน้องด้วย”

                “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลยนี่นา ตอนนี้ลูซเองก็เป็นสะใภ้ของพี่ ยังไงพี่ก็รักและเอ็นดูเหมือนลูกแท้ๆอยู่แล้วล่ะจ้า”

                “ถ้าลูซทำเรื่องอะไรผิดพลาด ก็ต้องให้อภัยแกด้วยนะคะ แกยังเด็ก”

                …เด็ก…เด็กตรงไหนวะ!...

                นั่นคือประโยคที่เกิดขึ้นในสมองของริว เพราะร่างกายที่เติบใหญ่จนเขานึกหมั่นไส้นั่น ทำให้เขาถามในสมองซ้ำไปมาว่าเจ้าลูซจอมหื่นกามมันเป็นเด็กตรงไหน แต่พอนึกได้ ก็คงจะเป็นที่สมอง ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นเด็กบ้า!

                “ริวจ๊ะ”

                ริวสะดุ้งหลุดออกมาจากความคิด เมื่อน้ำเพชรเรียกเขา ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

                “ครับ คุณน้า”

                “เรียกน้าอะไรกัน แต่งกับลูกของน้าแล้ว เรียกแม่สิจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ คุณแม่”

                “น้าต้องฝากริวช่วยดูแลลูซด้วยนะจ๊ะ”

                “เอ่อ ครับ”

                “แม่ว่าจะให้ลูซอยู่ที่นี่กับลูกสักอาทิตย์หนึ่ง จากนั้นก็ไปฮันนีมูน แล้วก็พาน้องกลับบ้านเรา”

                “เอ่อ จะให้เจ้า…เอ่อ จะให้ลูซไปอยู่กับเราที่บ้านเหรอครับ”

                “ตาริวนี่ก็ถามอะไรแปลกๆ แต่งกันแล้ว ก็ต้องไปอยู่บ้านเดียวกันสิจ๊ะ ลูกสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”

                ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ในขณะที่ลูซยิ้มหวานอย่างมีความสุข เขาหอมแก้มริวไปฟอดใหญ่

                “ก็เราเป็นสามีภรรยากันแล้วเนอะริวจัง คิคิ”

                เกือบทุกคนบนโต๊ะอาหารแสดงอารมณ์แห่งความสุขอย่างเต็มที่ที่เห็นคู่สามีภรรยาหวานกันขนาดนี้ มีเพียงแต่รินที่สงสารน้องชาย ส่วนริวเองก็อยากจะหลั่งน้ำตาให้ไหลพรากกับความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้น

                …เขาไม่ได้อยากมีภรรยาเป็นผู้ชายและตัวใหญ่แบบนี้…

                “ริวจังกินน้อยจังเลย เดี๋ยวไม่มีแรงน้า”

                ลูซตักกับข้าวใส่ในจานของริว ชายหนุ่มอยากจะปัดมือนั้นออก แล้วบอกกลับไปเสียงดังเลยว่า เขาไม่ได้อยากมีแรงสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นคำพูดของลูซก็เรียกเสียงแซว จากมารดาว่ามีแรงแล้วจะไปทำอะไรกัน

                “โถ่คุณแม่”

                ริวได้แต่ตัดพ้อ เขาไม่ได้อยากโดนแซว ในเรื่องที่เขาอับอายจนไม่อยากจะพูดถึง แต่เจ้าสาวข้างๆเขาก็อายเช่นกัน แต่ไม่ได้อายเพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

                “คุณแม่ก็…ริวจังต้องมีแรงเยอะๆ ไว้สำหรับความรักของเราสองคน คิคิ”

                เจ้าบ่าวตัวเล็กได้แต่กรอกตาไปมา ปล่อยให้ภรรยาตัวใหญ่หัวเราะอย่างเขินอาย โดยที่ตัวเองนั่งบื้อเพราะสมองตีบตันจนคิดอะไรไม่ออก นอกจากความคับแค้นใจ คิดในใจแค่ว่า

                …หัวเราะเข้าไปเถอะเจ้ากะเทยโรคจิต อย่าให้ถึงเวลาเอาคืนของฉันบ้างแล้วกัน จะทำให้หัวเราะไม่ออกเลย คอยดู!…

           

100%



ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

   
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: cinnsin ที่ 05-07-2016 20:21:49
ทำใจเถอะค่ะริวจัง หนีเจ๊(?)ลูซไม่พ้นหรอก 55555555555  :laugh:  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-07-2016 21:20:10
ค้างๆ :jul1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-07-2016 21:55:55
ริวไม่ยอมรับลูซซักที สงสารลูซ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-07-2016 14:35:23
ลูซสู้ๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 13 สามีภรรยา
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 08-07-2016 20:26:41
สงสารลูซแล้วนะ  ริวจังเป็นคนขอแต่งเองนะ พอลูซไม่เปลี่ยนไปละทำเป็นเปลี่ยนใจ  ชิชิชิ


งอแงฟิลลิ่งลูซ 555
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 14-07-2016 19:50:27
 

14

รักษาสัญญา

 

                ห้องหอที่ควรจะใช้ร่วมหลับนอนสำหรับริวและลูซได้มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากริวทนไม่ได้ หากเขาต้องใช้ห้องน้ำโดยที่ประตูห้องน้ำนั้นพังไม่เป็นท่า ใครจะไปยอมให้เจ้ากะเทยโรคจิตได้กำไรสายตาอยู่ร่ำไป

                แต่ถึงกระนั้น ริวก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า หนทางที่เขาเลือกนั้น เป็นเส้นที่ดีจริงหรือว่ากำลังตัวเองไปตกนรกในขุมที่ลึกกว่าเดิม

                ห้องหอที่ใช้หลับนอนเปลี่ยนแปลงเป็นห้องของลูซ แน่นอนว่ามันดูเหมือนเป็นฝันร้ายมากกว่าเก่า เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังหลุดมาอยู่ในโลกที่เหมือนมีตัวเองนับสิบรายล้อมอยู่เต็มห้อง

                “นั่นมันอะไร”

                แม้รู้อยู่แก่ใจ แต่ริวก็ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น ในขณะที่ลูซยิ้มหวานหน้าระรื่น เดินไปที่มุมห้องแล้วเข้าไปโอบกอดหุ่นสแตนดี้ที่ทำด้วยพลาสติกอย่างดี บุคคลที่เป็นแบบของสแตนดี้คือตัวของเขาเอง

                …รู้สึกสยองพิลึกเมื่อเห็นว่าตัวเองทั้งตัวเปลี่ยนไปอยู่ในรูปสแตนดี้ที่มีรูปร่างเทียบเท่ากับตัวจริง…

                รู้สึกสยองพิลึก

                “ชอบไหมริวจัง ถ้าริวจังชอบ ลูซยกตัวนี้ให้ได้ก็ได้น้า แต่ลูซอยากได้ภาพที่ริวจังใส่กางเกงในตัวเดียว”

                ใครจะมีความคิดทุเรศเกินนี้คงไม่มี ริวเมินหน้าหนี แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เขาก็เห็นข้าวของที่มีหน้าตาเขาแปะเต็มไปหมด

                ดูเอาเถอะ ขนาดลายผ้าปูเตียง กับหมอนที่นอนหนุน ยังเป็นหน้าของเขาเลย นี่เขากำลังหลงมาในดินแดนริวแลนด์หรือไง ควรจะรู้สึกอย่างไรดี ที่มีคนคลั่งไคล้เขามากขนาดนี้

                ที่สำคัญก็คือ  เขาไม่ใช่พวกนักร้อง ดารา ที่ควรให้คลั่ง

                หมอนข้างแทบจะเป็นตัวเขาทั้งตัว โชคดีที่มันยังใส่เสื้อผ้าครบ

                “อุบาทว์”

                ไม่มีคำไหนที่ริวจะคิดออกไปได้มากกว่านี้

                “เมื่อกี้ริวจังว่าอะไรเหรอ”

                ลูซเดินไปหยิบ ตุ๊กตาตัวเล็กที่เปลี่ยนไปเป็นรูปของริว เขายื่นมันให้กับเจ้าบ่าวที่แสนรัก ริวเบ้หน้าใส่

                “เอาไปไกลๆ”

                แค่เห็นก็ใจจะวายแล้ว ใครจะไปอยากยอมรับ ขยะแขยง

                ไม่เคยคิดว่าจะต้องมารู้สึกเกลียดตัวเองมากขนาดนี้

                ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูซ มันคือความหลงใหล หรือว่าความบ้า ริวไม่อยากทำความเข้าใจ รู้แค่อยากไปอยู่ไกลๆ กับสิ่งพวกนี้

                “ฉันอยากไปนอนห้องอื่น”

                “ไม่มีแล้วริวจัง  ริวจังนอนกับลูซที่นี่เถอะน้า”

                ใครจะไปยอม เขายังไม่อยากถูกจองจำในริวแลนด์ ถึงเป็นหน้าของเขาเอง แต่เขาก็เริ่มจะทนไม่ได้ขึ้นมา

                “นี่มันก็มืดแล้วน้าริวจัง ริวจังต้องการพักผ่อน”

                เขาจะนอนหลับลงได้อย่างไร เมื่อข้างๆกายมีเจ้าโรคจิตที่ได้ชื่อว่าลูซ

                “นอนเถอะนะริวจัง พอมืดแล้ว ก็ดีขึ้นเอง”

                มันก็อาจจะจริงอย่างที่ลูซปลอบโยน พอเข้าสู่ความมืด เขาก็จะไม่รับรู้และไม่เห็นว่าภายในห้องนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้ใจเขาแทบคลั่ง

                “ก็ได้”

                เขาเองก็เหนื่อยที่จะเถียงกับเจ้ากะเทยปัญญาอ่อน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วอย่างที่ลูซได้บอกไว้

                “แต่นายต้องรักษาสัญญา”

                “สัญญาอะไรเหรอ”

                ริวแทบจะกระโจนเข้าไปกัดคอเจ้าสาวหน้าสวย แต่ตัวใหญ่โต

                “ก็สัญญาที่นายจะไม่ทำอะไรฉัน”

                “อ๋ออ ลูซเป็นคนรักษาสัญญาแน่นอน ริวจังสบายใจได้น้า”

                ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อดีไหม แต่เหมือนริวเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เมื่อเห็นลูซจะเข้ามาใกล้ เขาก็สวนทันที

                “ไปไกลๆ”

                “ไล่ลูซทำไมง่า”

                “ที่นอนของนายคือโซฟา”

                “ทำไมลูซต้องนอนที่โซฟาด้วย”

                ใบหน้าสวยง้ำงอ ไม่พอเท่านั้น ยังยู่ปากจนดูน่ารัก ริวเบือนหน้าหนีพยายามไม่มอง

                “ถ้านายทำผิดสัญญาขึ้นมาจะทำยังไง”

                “ให้ลูซนอนด้วยน้า น้าๆ ลูซไม่ทำอะไร”

                “ไม่!”

                พอเห็นท่าทางจริงจังของริว ลูซก็เงียบไป พยักหน้าหงึกๆ อย่างจำยอม ดูเหมือนว่าลูซจะไม่ใช่คนชอบผิดสัญญาสักเท่าไหร่นัก เขาเองก็ไม่อยากจะขัดใจสามี เพราะแค่ได้แต่งงานกับ ริวไม่หนีงานแต่ง ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีมากแล้วในวันแต่งงาน

                “โอเค ฉันจะกลับไปนั่งที่เตียง แล้วนายก็ปิดไฟ นอนตรงนั้น”

                “อื้อ”

                เมื่อริวมาถึงเตียง เขาก็หย่อนกายนั่งลง ไม่ยอมนอนง่ายๆ เขายังคงระแวง และมองลูซเดินไปปิดไฟห้องเสียก่อน

                จนกระทั่งทุกอย่างตกในความมืดริวจึงเอนกายนอนลงบนเตียง แต่ยังไม่ทันได้หลับตา เขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นบางอย่างบนเพดาน

                มันเป็นรูปของเขาเรืองแสงในความมืด

                อ๊ากกกก เขาอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดใจตายเสียตรงนี้จริงเชียว

                นี่กลายเป็นว่า ถ้าลืมตาขึ้นมาก็จะเห็นภาพตัวเองที่แปะตรงเพดาน แม้ในยามมืดก็ยังเรืองแสงให้เห็นได้

                มันจะมากเกินไปแล้วเจ้ากะเทยโรคจิต

                ริวหันขวับไปจะด่าลูซ แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้เขาเงียบไปน่าจะปลอดภัยกว่า

                ลูซเป็นผู้ชายโรคจิต สิ่งที่ทำไม่ปกติ เรียกว่าคลั่งไคล้จนเกินเหตุ ถ้าเขาขืนใช้ความรุนแรงด่าทอ แล้วทำให้ลูซโมโหขึ้นมา เจ้าบ้านั่นอาจจะฉีกสัญญาที่ให้ไว้กับเขาก็ได้ ตอนนี้เป็นยามวิกาล  และเขาเองก็อยู่ในห้องนอนของลูซ ไม่มีอะไรรับรองความปลอดภัย

                ริวคิดว่าเขาสู้แรงเจ้ากะเทยถึกนั่นไม่ได้อย่างแน่นอน

                สงบใจไว้ริว

                ยังไงแกก็ต้องผ่านพื้นคืนนี้ไปได้อย่างแน่นอน…

                อดทนไว้…

                นั่นคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยเขาได้ โดยการที่เจ้าตัวพยายามย้ำคิดกับตัวเอง ริวปิดเปลือกตา พยายามพาตัวเองเข้าสู่นิทรา อย่างน้อยรีบหลับๆ ไปเสีย ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเอง

                “งื้งง งิ้งงง งื้อ”

                เสียงครางในลำคอดังขึ้นกลางดึกสงัด ริวหลับไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้หลับสนิท เขารู้สึกรำคาญเสียงรบกวนนั้น

                ชายหนุ่มขยับกายลุกนั่งพิงหัวเตียง มือปัดป่ายไปมา จนเจอโคมไฟ เขาเปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วจึงเห็นที่มาของเสียง

                ชายตัวใหญ่กำลังนอนขดบนโซฟา คนคนนั้นไม่ใช่ใคร ก็คือภรรยาตัวดีของเขา ผ้าห่มที่เคยโอบหุ้มร่างกายนั้น ร่วงหล่นไปอยู่กับพื้น

                ริวชั่งใจ เขาคิดจะเลื่อนมือไปปิดโคมไฟแล้วนอนต่อ ปล่อยให้เจ้าคนโรคจิตหนาวตายไปเลยน่าจะดีกว่า เพราะจะได้ถือว่าเป็นบทลงโทษจากเขา

                โคมไฟปิดลงแล้ว แต่ริวก็ข่มตาหลับตาไม่ได้ เพราะเสียงครางในลำคอนั้นยังประท้วงราวกับสัตว์ตัวใหญ่ที่ทรมาน

                “โถ่เว้ย”

                เขาได้แต่คำรามในลำคอ เปิดโคมไฟอันเล็กอีกครั้ง แล้วขยับกายลงจากเตียง เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของลูซ กายใหญ่นั่นสั่นน้อยๆ สองแขนยาวโอบกอดร่างกายตัวเอง ราวกับต้องการแผ่ความอบอุ่น

                “เฮ้อ”

                ริวได้แต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา มันไม่ได้ดังมากจนกระทั่งทำให้ลูซตื่น เขาบอกว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ก็เพียงแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับภรรยาขายาวตัวใหญ่แม้แต่น้อย

                “แล้วก็อย่าทำร่วงอีกล่ะ”

                หลังจากที่ห่มผ้าจนถึงคอให้กับลูซเสร็จ ริวก็กำชับเหมือนระอา ชายหนุ่มหมุนกายเดินกลับไปที่เตียงนอน เขาควรจะหลับพักผ่อนได้เสียที

                โคมไฟดับสนิท ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ริวปิดตานอน ไม่มีเสียงครางงิ้งๆ ของลูซ มีเพียงรอยยิ้มสวยแห่งความดีใจที่ริมฝีปากของเจ้าสาวตัวใหญ่ท่ามกลางความมืดมิด

 

-------+++++-------

 

 

                แม้จะแต่งงานกับลูซแล้ว แต่ใช่ว่าหน้าที่ทุกอย่างในชีวิตต้องจบสิ้นลง ริวยังคิดจะออกไปทำงานเหมือนดังปกติ

                นึกขอบคุณลูซอยู่ในใจ ที่เจ้าตัวรักษาคำพูด ไม่ล่วงเกินเขา ในคืนที่เขานอนห้องของลูซ เขาไม่ได้โดนลวนลามหรือล่วงเกิน ลูซเว้นระยะห่างไว้

                ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ริวคงอยู่ด้วยได้โดยไม่รู้สึกแย่มากนัก

                แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ริวต้องการ เขาไม่มีวันรู้ว่าสัตว์ร้ายในตัวของลูซจะโผล่ออกมาอีกเมื่อไหร่

                “คืนนี้ก็ย้ายไปนอนที่ห้องหอได้แล้วนะจ๊ะ”

                ประตูห้องน้ำที่ถูกทำลายได้ซ่อมจนเสร็จแล้ว  น้ำเพชรจึงแจ้งข่าวเรื่องนี้ แน่นอนว่าทำให้ริวค่อนข้างจะดีใจเป็นอย่างมาก

                “แต่ถ้าริวจังอยากนอนห้องของลูซก็ได้น้า”

                เพียงคิดถึงห้องนอนนั้น เขาก็หัวใจแทบวาย ตอนเช้าตื่นขึ้นมา พออยู่ในความสว่างออกมานอกห้อง ถึงได้บอกให้เจ้าของห้อง ให้นำข้าวของทุกอย่างนั้นไปทำลายทิ้งเสีย โดยเฉพาะรูปภาพเขาที่มันเรืองแสงในตอนกลางคืน แถมยังแปะไว้พอดิบพอดีกับตำแหน่งเตียงนอน กะจะให้หลอกหลอนกันได้ตลอดทั้งคืนหรืออย่างไร       

                “ไม่เอาหรอก ของพวกนั้น ลูซสั่งทำเชียวนะ ลูซทิ้งริวจังไม่ได้หรอก”

                ถ้าเป็นคนรักกันแบบปกติ ริวคิดว่าคนที่ได้ฟังคงจะเคลิ้มและดีใจ แต่มันไม่ใช่กับเขา ในเมื่อเจ้ากะเทยมันโรคจิตขนาดนี้ ใครจะไปทนรับไหว

                “เอ่อ งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”

                “เมื่อกี้แม่ราตรีโทรไปหาแม่นะจ๊ะ บอกว่าวันนี้ลูกไม่ต้องไปทำงาน”

                เขาแทบจะเบิกตาถลน ทำไมมารดาผู้ที่ชอบให้เขาเป็นงานเป็นการ ถึงได้ให้เขาหยุดงานเสียได้

                “วันนี้ก็พาน้องไปเที่ยวเล่นหน่อยนะลูก เพิ่งแต่งงานกัน แล้วก็คิดสถานที่ที่จะไปฮันนี่มูนไปพลางๆ”

                “เอ่อ แต่ว่า”

ริวจะค้าน แต่ลูซก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ทำให้เขาต้องเก็บทุกอย่างลงคอ

                “ลูซ เย็นนี้พ่อกับแม่จะไปทำธุระนิดหน่อยนะลูก กลับพรุ่งนี้เย็นๆนะจ๊ะ”

                “รับทราบฮะ”

                ท่าทางระริกระรี้นั้นทำให้ริวใจคอไม่ค่อยดี หวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเขา

                ความตั้งใจที่จะออกไปทำงานในวันนี้ต้องสูญเปล่า แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นสารถีขับรถพาภรรยาตัวโตเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าเลือกซื้อของเสียอย่างนั้น

                “ริวจัง คิดว่าเราจะไปฮันนีมูนที่ไหนกันดี”

                ลูซควงแขนสามี ในขณะที่ริวพยายามสะบัดชายหนุ่มให้ออกห่าง

                “จะไปรู้หรือไง”

                “ลูซอยากไปรอบโลก”

                “ถ้าอยากไปก็ไปคนเดียวเถอะ!”

                ริวสะบัดตัวออก เขาทนไม่ได้กับสายตาหลายคู่ที่มองมา ลูซหัวเราะคิกคัก เขาแต่งงานกับริวจังแล้ว ทำไมต้องไปใส่ใจคนอื่นด้วย ยังไงริวจังก็เป็นของเขา

                ชายตัวสูงวิ่งตามสามี เข้าไปกอดแขนอีกครั้ง

                “อย่าเดินหนีลูซสิริวจัง”

                “นายก็อย่ามากอดแขนฉันสิวะ”

                “ทำไมจะกอดไม่ได้ล่ะ ก็เราเป็นสามีภรรยากันนี่นา”

                ริวเงียบไป เพราเถียงไม่ออก ถึงแม้จะไม่ใช่ทางพฤตินัย แต่พวกเขาสองคนก็แต่งงานกันแล้ว

                “นายหัดมียางอายซะบ้างสิ ไม่เห็นหรือไงว่าทุกคนมอง”

                “โถริวจัง นี่มันยุคไหนแล้ว ผู้ชายรักกันเยอะแยะน้า”

                ชายหนุ่มพยักพเยิดหน้าให้สามีดูคู่รักเกย์หลายคู่ที่เดินจับมือกันในห้าง ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

                แต่เขาไม่ใช่เกย์!

                “ฉันไม่ใช่เกย์”

                ริวกัดฟันกรอดๆ ลูซยกมือป้องปากในขณะที่หัวเราะร่วน เขายักไหล่เพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จูงมือริวให้เดินตาม

                “นี่ริวจัง เราไปดูหนังกันไหม ถ้าริวจังเบื่อ”

                คำว่าดูหนัง ย้อนถึงประสบการณ์ที่เลวร้าย ถึงตอนนี้มันเป็นกลางวันแสกๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าลูซ จะไม่กล้าทำเรื่องบัดสีในโรงหนัง

                “ไม่!”

                เขาปฏิเสธเสียงแข็ง ลูซร้องหว่า ออกมาอย่างเสียใจ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้เศร้าโศกโศกามากมายนัก

                “งั้นเราไปซื้อเสื้อผ้ากันนะริวจัง”

                “จะซื้อไปทำไม”

                “ก็ซื้อสำหรับเวลาไปฮันนีมูนไง เดี๋ยวเราต้องไปฮันนีมูนกันนะริวจัง”

                “ไม่ไปได้ไหม”

                “ถ้าไม่ไป งั้นสัญญาที่ตกลงไว้ ลูซขอยกเลิกน้า เรามาเป็นของกันและกัน คืนนี้เลย”

                ลูซก้มลงมากระซิบ หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ริวได้แต่ขนลุกซู่ ใจเต้นแรงรัว

                มันทำแน่…มันทำจริงแน่ๆ

                ดูเหมือนว่ามันจะรอโอกาสนี้มานานแล้วด้วย!

                สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในสมองของริวอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่าลูซจะโกหก

                “เอ…เอาเข้าร้านไหนดีน้า”

                ปลายนิ้วยาวจิ้มเข้าที่ปลายคาง ใบหน้าสวยนั้นขบคิด ในขณะที่ริวนั้นเหงื่อตก

                “หรือว่าไม่ต้องไปแล้ว แล้วเรากลับบ้านกันเลย”

                น้ำเสียงมีเลศนัยดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองมาทางริว ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

                “ไปสิ อยากไปฮันนีมูนไม่ใช่เหรอ ฉันจะไปกับนาย”

                พอได้ยินคำตอบแบบนั้น ลูซก็ยิ้มร่า โผเข้ามาหอมแก้มของสามีอยู่สองสามที จนริวหลบหนีไม่ทัน

                “แต่ไม่ไปรอบโลกนะ”

                ริวไม่ได้กลัวจนขาดสติขนาดนั้น การให้เดินทางไปกับลูซสองคนตั้งรอบโลก มันมากเกินที่เขาจะรับไหว

                “งั้นเราไปโซนยุโรปกันดีไหมริวจัง”

                “ไม่เอา ฉันไม่อยากไปไกลขนาดนั้น”

                “งั้นก็ไปญี่ปุ่นกันดีไหมริวจัง”

                “ไม่”

                พอโดนปฏิเสธซ้ำๆ ลูซก็เริ่มหน้าบึ้ง พรูลมหายใจออกจมูกรุนแรงขึ้น ใบหน้าเริ่มง้ำงอ

                “งั้นแสดงว่าริวจังจะไม่ไปใช่ไหม”

                “เปล่า” 

                “เอ๊ะ”

                “ไทย”

                “อะไรนะ”

                “ถ้านายจะไปฮันนีมูน ก็ฮันนีมูนที่ไทยนี่ล่ะ ฉันจะจองโรงแรมในกรุงเทพ แล้วเราไปค้างคืน เสร็จแล้วก็กลับ”

                พอได้ยินข้อเสนอแบบนั้น ลูซก็ถึงกับพูดไม่ออก

                “มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอริวจัง ลูซไม่ยอมหรอกนะ”

                “แล้วนายจะเอายังไงฮะ ฉันจะไปฮันนีมูนกับนาย แล้วยังจะเอาอะไรอีก”

                “ลูซยอมไปในไทยก็ได้ แต่ไม่เอาในกรุงเทพ อย่างน้อยก็ไปขึ้นเขา หรือเที่ยวเกาะสิ ไม่อย่างนั้น ลูซไม่ยอมจริงๆด้วย”

                ไม่ว่าเปล่า แต่เจ้าตัวก็กอดอก เชิดหน้าขึ้นอย่างคนที่กำลังงอน ถ้าเป็นเด็กตัวเล็กน่ารักทำมันก็คงจะน่ารักอยู่หรอก แต่ลูซน่ะ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนี่สิ

                “ทำไมฉันต้องฟังนายด้วย”

                ริวเองก็คิดว่าเขายอมฟังมามากพอแล้ว

                “งั้นลูซจะยกเลิกสัญญา ถ้าแค่นอนพักโรงแรมธรรมดา สำหรับลูซมันไม่ใช่ฮันนีมูน!”

                ภรรยาขี้งอนสะบัดก้นเดินหนีไปอย่างไม่พอใจ ริวกัดฟันกรอดๆ เรื่องอะไรเขาจะต้องตามไปง้อ อยากจะไปไหนก็เชิญเลย เขาไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว!

 



100%



แล้วแบบนี้ ริวจังจะยอมง้อลูซไหมเนี่ย

ดูท่าแล้ว ลูซจะงอนจริงซะด้วย





ฝากเพจด้วยนะค้า https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 14-07-2016 20:01:53
แนะนำให้ริวเก็บข้าวของแล้วหนีไปนอนที่ทำงานนะ ไม่งั้นโดนลูชปล้ำแน่ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-07-2016 20:21:10
สงสารลูซ. สู้ๆนะ. คนเรามันต้องใช้เวลาพิสูจน์
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 14-07-2016 22:23:46
555  ริวจะะทำงถึงจะรอดจากเงือมมือภรรยา
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-07-2016 08:21:29
ริวก็ยอมๆลูซบ้างเถอะอิๆ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 14 รักษาสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-07-2016 11:49:47
สงสารริวเนอะก็คนมันยังไม่รักเจอแบบนี้เข้าก็คงอึดอัดและรำคาญ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้
แนะนำว่าลูซอย่าบังคับริวมากนักเลย ปล่อยๆ ริวบ้างและทำตัวน่าสงสารเข้าไว้
อย่างริวนะท่าทางเป็นคนขี้ใจอ่อนเดี๋ยวก็ยอมเองแหล่ะ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 20-07-2016 19:17:51
15

ฉวยโอกาส

 

                ริวไม่คิดจะออกตามหาว่าลูซหายไปไหน เขาเดินเล่นต่อในห้างสรรพสินค้า มาหยุดนั่งพักที่ร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง นั่งทานไอศกรีมไปพลางๆ ราวกับว่ากำลังรอให้เวลาผ่านไปเพื่อให้ใครบางคนที่หายตัวไปโผล่มา

                เขาไม่ได้รอใครสักหน่อย!

                ชายหนุ่มสั่นหน้าแรงๆ เขาไม่รอเจ้าสาวแสนเถื่อน เขาก็แค่หิวเลยต้องหาไอศกรีมมาทานฆ่าเวลาเท่านั้น

                …ไม่ได้รอจริงๆ…

                พอเวลาผ่านพักใหญ่ ไอศกรีมในถ้วยเริ่มละลายจนแทบหมด ริวก็เริ่มที่จะหงุดหงิด คิดถึงใบหน้าสวยที่ชอบฉีกยิ้มและคอยตามหลอกหลอน

                “หายไปไหนวะ!”

                ริวออกมาจากร้าน เขามองซ้ายมองขวา โทรศัพท์มือถือของเขาก็เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่ sms เข้ามา ลูซหายเงียบ ไม่แม้แต่จะกลับมาเดินตามเขา

                “อยากแต่งกับฉันนักไม่ใช่เหรอ แล้วทีอย่างนี้ หายหัวไปไหนฮะ”

                ขาเรียวเล็กก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าลูซน่าจะไปสิงอยู่ตามร้านเสื้อผ้า เพราะเจ้าตัวพูดหนักหนาว่าจะไปเที่ยว แต่เมื่อเดินตามหาแล้วก็ไม่พบ ริวจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาตัดสินใจกดโทรหาคนที่บ้านเพราะคิดว่าลูซน่าจะกลับไปที่บ้านแล้ว

                “อะไรนะ ยังไม่ได้กลับเหรอ”

                คำตอบที่ได้รับจากแม่บ้านทำให้ริวเซ็งจัด ไม่รู้ว่าเจ้าตัวปัญหานี่หายไปไหน แต่พอคิดไปคิดมาอีกที เจ้ากะเทยโรคจิตนั่นหายไปได้ก็ดี เขาจะได้มีชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าจะหาวิธีไหนให้หลุดพ้นจากเจ้านั่น

                “แบบนี้ก็สบายตัวล่ะสิ”

                รอยยิ้มผุดขึ้นที่ใบหน้าหล่อทันที ริวรีบออกจากห้างสรรพสินค้า เขาไม่คิดจะสนใจว่าลูซจะหายไปไหนอีกแล้ว จิตสำนึกของเขาเหมือนมีสองด้าน ฝั่งหนึ่งบอกว่าเขาใจร้ายกับลูซมากไปหรือเปล่า ทั้งที่ลูซรักเขามากขนาดนั้น แต่อีกฝั่งกลับบอกว่า เขาไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจให้เสียเวลา เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่คิดจะรับลูซมาเป็นเจ้าสาวตั้งแต่แรก

                ชายหนุ่มขับรถเล่น ก่อนจะไล่รายชื่อโทรหาสาวสวยสักคนเพื่อควงไปออกเดท ถึงจะแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะผิด ในเมื่อเขาโดนบังคับให้แต่งงาน

                วันนี้แทบทั้งวัน ริวมีความสุขกับคู่ควงคนหนึ่ง ที่เขาเคยเดทกันไปหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ ถึงแม้มันจะนานมากแล้ว แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเขาที่จะชวนเธอออกมาอีกครั้ง เธอเองก็เหมือนว่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแต่งงานแล้ว แถมยังแต่งงานกับผู้ชายอีกด้วย

                ริวกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็น เขาลืมเรื่องลูซไปเสียสนิท หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าตัวจะต้องใส่ใจ เขาไม่จำเป็นจะต้องง้อลูซ

                “ไปไหนมาริวจัง”

                ร่างสูงใหญ่ยืนดักอยู่ในบ้าน เมื่อริวเดินกลับเข้ามาข้างใน เขาอยากจะหัวเราะในใจเสียให้ดังๆ เพราะดูเหมือนว่าลูซที่ตอนแรกทำท่างอนเขากลับเข้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาเองเสียอย่างนั้น

                “ฉันจะไปไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”

                ลูซเม้มปากแน่น เขาสูดหายใจเข้าปอด แล้วหมุนกายเดินขึ้นห้องของตัวเอง ริวได้แต่เลิกคิ้วมอง แล้วเดินขึ้นห้องตามไป เขาอยากอาบน้ำเต็มทน

หลังจากที่เข้ามาในห้อง ริวก็อาบน้ำ ใส่ชุดนอนให้เรียบร้อยตั้งแต่ในห้องน้ำ แล้วจึงเดินออกมา เขาเห็นว่าลูซกำลังนั่งหน้างออยู่บนเตียง

“นายขึ้นมาบนเตียงทำไม”

“ลูซจะนอนด้วย"

“ที่ของนายคือตรงโซฟา”

ริวแสดงท่าทางเหนื่อยหน่ายออกมาเต็มที่  เพราะวันนี้เขาพาสาวไปเที่ยวต่อหลังจากที่พาลูซไปห้างสรรพสินค้า

“ไม่เอา”

“นายจะผิดสัญญาหรือไง”

ชายหนุ่มเริ่มทักท้วง เขาจ้องหน้าเจ้าสาวตัวใหญ่ ที่มีอารมณ์แห่งความไม่พอใจจนแสดงออกชัดเจน

“ริวจังไม่ง้อลูซเลย”

ในที่สุด ภรรยาแสนสวยก็เผยความในใจออกมา พลางเงยหน้ามองริวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ

“ละ แล้วทำไมฉันต้องง้อนาย”

เหมือนมีบางอย่างมาติดที่ลำคอของชายหนุ่ม เขาพยายามไม่คิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าใจเขาจะกระตุกไปเพราะสายตานั้นเสียแล้ว

“ริวจังเกลียดลูซสินะ”

ท่าทางของลูซเหมือนถามออกมาด้วยความยากลำบาก ริวได้แต่เมินหน้าหนี

“นั่นสินะ”

ภรรยาตัวสูงยันกายลงจากเตียง เขาเดินคอตกไปทางประตูห้อง ริวได้แต่อึดอัดและรู้สึกไม่ดี ร่างกายตอบสนองไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นนายจะไปไหน”

“ก็ริวจังไม่ต้องการลูซ ถึงไม่มีลูซอยู่บนโลกใบนี้ก็คงไม่เป็นไร”

พฤติกรรมที่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากทำให้ริวตัวชา เขาได้แต่มองประตูห้องที่ปิดลง พร้อมกับร่างของลูซที่หายไป

“อยากไปไหนก็ไปเลยไป คิดว่าฉันจะสนใจหรือไง!”

ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่บอกกับใครกันแน่ ริวเดินไปปิดไฟ แล้วรีบกลับมาล้มตัวนอนบนเตียงทันที พยายามข่มตาให้หลับ แต่สายตาของลูซ และน้ำเสียงเศร้าๆที่ส่งมา ก็ไม่อาจจะลบเลือนได้ เขาหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ แล้วลงจากเตียงเดินออกนอกห้อง

“ฉันไม่ได้เป็นห่วงความรู้สึกเจ้ากะเทยโรคจิตนั่น ฉันแค่นอนไม่หลับเท่านั้น”

ถึงบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่ขาที่ไม่รักดี กลับเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของลูซที่ตนเคยมานอนเมื่อคืน

แม้จะไม่อยากเห็นข้าวของที่เกี่ยวกับตัวเองในห้องนอนนั้น แต่ริวก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปจับลูกบิดเปิดประตูแล้วก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก เขาเหลือบมองไปในห้องเล็กน้อย แล้วมองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบลูซ

...เจ้านั่นไปไหน...หรือว่า...

ริวเบิกตากว้าง เมื่อนึกถึงคำพูดของลูซก่อนออกนอกห้อง มีความเป็นไปได้ว่า ลูซจะฆ่าตัวตาย

...ไม่จริงน่า...

“ลูซ! นายอยู่ไหน! ลูซ”

ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ายังไง แต่ริวก็ไม่เคยคิดจะให้คนคนหนึ่งต้องตาย เขารีบวิ่งลงบันไดจากชั้นสอง เพื่อหาตัวภรรยา

“อยู่นี่เอง”

ริวพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นลูซนั่งอยู่ในห้องครัว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นี่นายดื่มเหล้าเหรอ!”

“ริวจัง”

ดวงตาคู่สวยแดงก่ำเมื่อลูซหันมามองต้นเสียง ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาพูดไม่ออก

“ริวจังมาตามหาลูซ ริวจังเป็นห่วงลูซใช่ม้า”

ในสายตาของริว ลูซดูยิ้มฝืนๆ ริวพยายามพูดอย่างตั้งใจ

"นี่มันดึกมากแล้ว นายควรขึ้นไปนอน”

“ริวจาง ตอบลูซมาก่อน ห่วงลูซใช่เปล่า”

“ฉันไม่ได้ห่วงนาย"

ริวอยากจะตบปากตัวเอง เพราะไม่คิดว่าประโยคนี้ จะทำให้ทำนบน้ำที่ลูซเก็บเอาไว้ต้องพังทลาย

“ฮึก ฮือ ฮือ นั่นสินะ ริวจังเกลียดลูซ ริวจังไม่ห่วงลูซ ลูซจะตายก็คงไม่เป็นอะไร”

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนริวตั้งตัวไม่ทัน เมื่อลูซหยิบมีดในครัว ทำท่าจะแทงท้องตัวเอง

“ใจเย็นๆก่อนได้ไหม นายจะทำร้ายตัวเอง เพียงคำพูดของฉันงั้นเหรอ”

“ฮือ ใช่ เพราะริวจัง เป็นคนที่ลูซรักที่สุดในโลก ถ้าไม่มีริวจัง ลูซคงอยู่ไม่ได้ ฮือ ฮือ”

“ถ้านายรักฉัน นายจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปสิ”

ไม่คิดเลยว่าการเกลี่ยกล่อมคนมันจะเหนื่อยขนาดนี้

“ฮือ แต่ลูซไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ริวจังไม่ยอมง้อตอนลูซงอนเลย”

“โอเคๆ ฉันจะง้อนาย นายสัญญากับฉันก่อน ว่าจะไม่ทำร้ายตัวเอง”

ลูซกรอกตาคิด แล้วพยักหน้าหงึกๆ โยนมีดทิ้ง นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วรินเหล้าจะดื่มต่อ แต่ริวก็มาจับมือลูซเอาไว้

“พอได้แล้ว นายเมาแล้ว”

แค่เวลาปกติ ลูซก็บ้ามากพออยู่แล้ว ถ้าเมาแล้วทำตัวอันตรายมากกว่าเดิมหลายเท่า

“ไม่เอา ลูซเศร้านี่นา ถ้าไม่กินเหล้า ก็ไม่หายทรมาน ฮึก”

“แต่ว่า”

“ฮือ ฮือ ลูซเจ็บที่หัวใจ ลูซอยากตาย ไหนริวจังบอกจะง้อลูซ ไม่เห็นจะง้อลูซเลย ฮือ ฮือ”

“เฮ้อ...จะให้ทำอะไรก็ว่ามา”

เสียงร้องไห้ของลูซช่างบาดหู แต่นั่นก็ไม่เท่ากับใบหน้าสวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา พอเห็นว่าเจ้าบ่าวเริ่มพูดประโยคที่ชวนให้ดีใจ มือใหญ่ก็ยกมือปาดน้ำตา พร้อมเสียงสะอื้น

“ฮึก ...ลูซอยากให้ริวจังเลิกเสื้อขึ้น”

ริวตาโตกับคำขอ นี่น่ะหรือ การง้อ นี่มันง้อตรงไหน แต่ถึงกระนั้นริวก็พูดไม่ออก

“นะริวจัง”

“ทำไมต้องให้เลิกเสื้อด้วย”

เขาได้แต่ถามด้วยความข้องใจ แต่เหตุผลคงไม่มีอะไร นอกจากเจ้าตัวจะอยากเห็นเรือนร่างของสามี ลูซเริ่มปล่อยเสียงร้องอีกครั้ง

“ฮือ ฮือ”

“โอ้ย หยุดร้องสิโว้ย เดี๋ยวทำเดี๋ยวนี้ล่ะ”

เมื่อรำคาญ จนทนไม่ไหว เขาก็รีบถกเสื้อขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องเนียน ลูซจ้องตาไม่กระพริบ ริวได้แต่หายใจไม่ทั่วท้อง

“เอาเสื้อลงได้หรือยัง”

“สูงอีกนิดได้ไหมอ่า ฮึก”

คนตัวโตเซ้าซี้ขอความต้องการเพิ่ม ริวไม่ตอบ แต่เลิกขี้นให้สูงขึ้นอีกนิด

“ง่า สูงอีกสิ ลูซอยากเห็นหัวนมริวจังนี่นา”

พอได้ยินแบบนั้น ริวจึงรีบเอาเสื้อลงทันที ใบหน้าเขาแดงซ่าน

“ลามก  ฉันไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนั้นอีกแล้ว”

“ง่า ริวจังจะไม่ง้อลูซแล้วเหรอ”

ลูซทำหน้าเศร้า ริวได้แต่จิ๊ปากอย่างหมั่นไส้

“ขอทำอย่างอื่นแทน”

“ง่า”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”ริวเริ่มหมดความอดทน

“งั้นริวจังนั่งดื่มเป็นเพื่อนลูซได้ไหม ฮึก ขอแค่นี้ ให้ลูซได้ใช่ไหม”

“ทำไมไม่ขอแบบนี้แต่แรก”

เขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้น อย่างน้อยขอให้ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนก็ดีกว่าแก้ผ้าโชว์เป็นไหนๆ ริวยอมนั่งดื่มเหล้ากับลูซ

“ฟี๊ดดด ฮึก ฮือ ริวจังน่ะใจร้าย”

พอเหล้าเริ่มเข้าปากไปพักใหญ่ ลูซก็เริ่มร้องไห้โวยวาย แต่ริวไม่มีอารมณ์มาห้าม เพราะตอนนี้เขาก็ดื่มไปเสียหลายแก้ว ตามคำชวน จนไม่สามารถประคองสติได้

“ครายย นายว่าครายจายร้ายห๊า”

“ริวจังใจร้าย ไม่ยอมให้ลูซสัมผัสนี่นา ฮึก”

ลูซสะอื้น เบะปากอย่างเง้างอน ริวลุกขึ้นเดินไปจับไหล่กว้าง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงไม่ชอบเห็นน้ำตาของลูซ

“ฉาน ม่ายด้ายจายร้าย”

เหล้าที่ดื่มไป นับว่าออกฤทธิ์แรงมาก แล้วริวก็ดื่มมากจนเมามาย เขาคลี่ยิ้มหวานแล้วยกมือลูบไล้ไปใบหน้าสวย

“นางฟ้า นางฟ้า”

“ริวจัง ลูซขอจับตัวริวจังนะ ริวจังใจดี ให้ลูซจับนะ ฮึก”

ภรรยาคนสวย ถามอย่างออดอ้อน ริวแพ้สายตาและรอยยิ้มนั้น

“อื้อ”

มีเพียงเสียงตอบรับในลำคอ แต่ก็มากพอจะให้ภรรยาตัวใหญ่ได้ใจกล้า รั้งกายเล็กลงมานั่งตัก แล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอ มือบีบเค้นที่แผ่นอกเล็ก ริวจับมือใหญ่

“มะ ม่ายอาว”

"ริวจังให้ลูซดูนะ ขอลูซดูอกเท่ๆของริวจัง ถ้าริวจังไม่ให้ ฮึก ฮือ ลูซร้องไห้อีกนะ”

“ก็ด้าย นางฟ้าอยากดูเหรอ”

ริวตอบยิ้มๆ ลูซยิ้มยิ่งกว่า ริวรีบกระชากเสื้อออก เผยให้เห็นแผ่นอกเล็ก และยอดอกที่น่าดูดกิน ลูซได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ

“ขอดูริวจังน้อยด้วยได้เปล่าอ่า... ฮึก ฮึก”

“!!!”

ริวเบิกตากว้างเล็กน้อย สมองเหมือนมึนงง แต่ลูซไม่อาจจะหยุดตัวเองเขารีบดึงรั้งกางเกงนอนของริวออก จนเผยให้เห็นส่วนสำคัญของร่างกาย

“อ่า ริวจังน้อย น่าอร่อยที่สุดเลย”

ว่าไปก็ซูดปากไปอย่างโหยหิว ริวได้แต่หน้าแดงก่ำ ยกมือเกาะไหล่กว้าง เขารู้แค่ว่าถ้าไม่เกาะหรือยึดอะไรไว้เลยเขาเหมือนจะร่วงลงกับกองกับพื้น ใบหน้าหล่อฟุบเข้ากับแผ่นอกกว้าง ร่างกายของริวเปลือยเปล่า ลูซยกยิ้ม มือลูบไล้ไปตามผิวกายเรียบเนียน

“ลูซรักริวจังที่สุด”

พร่ำคำรักที่แสนหวานกระซิบข้างหู ริวหลับตาพริ้มไม่ได้สติ คลี่ยิ้มรับอย่างมีความสุข ร่างกายที่ไร้อาภรณ์เบียดชิดร่างภรรยาเพราะความเหน็บหนาว

ลูซช้อนกายเล็กอุ้มขึ้น เขาเซไปเล็กน้อย เพราะฤทธิ์แอลกฮอล์ แต่มันก็ยังไม่กัดกินสติมากเกินไป

...ลูซไม่ได้เมามาย จนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่...

ต่อให้เขาถูกริวบอกว่าเป็นคนฉวยโอกาสคนเมา เขาก็ต้องทำให้คนในอ้อมกอดนี้เป็นของเขาเพียงคนเดียวให้ได้

...ริวจังเป็นของลูซ คนที่จะกอดริวจังได้ มีแค่ลูซคนเดียวเท่านั้น...

ครั้งแรกของพวกเขา ลูซต้องการให้เป็นห้องหอ ที่คืนแรกกลับไม่ได้ใช้งาน งั้นเขาจะถือเสียว่า วันนี้คือวันส่งตัวอีกครั้ง

“ลูซรักริวจัง”

เสียงทุ้มกระซิบบอกซ้ำๆราวกับบทเพลง ริวรู้สึกว่าร่างกายเขาเบาราวกับปุยนุ่น แผ่นหลังเล็กขยับเสียดสีกับพื้นเตียงที่อ่อนนุ่ม ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบไปทั่วใบหน้า พร้อมกับสัมผัสร้อนจากฝ่ามือใหญ่ที่ปลุกเร้าร่างกายของริวให้ร้อนเหมือนดังไฟ

“ลูซต้องการริวจัง...ต้องการ”

“อ่า...”

ริวปรือตามอง เขารู้แค่ว่าสัมผัสที่เกิดขึ้นมันช่างรู้สึกดี มือเล็กรั้งใบหน้าสวยให้ต่ำลงแล้วกดจูบอย่างหิวโหยราวกับต้องการกินริมฝีปากชมพูจนไม่อาจจะทนไหว ลูซได้แต่ยกยิ้มในใจ มีความสุขเหลือเกินที่โดนรั้งเข้าไปจูบ

“หวานไหมริวจัง”

“หือ...”

สมองของริวมึนงงกับจูบที่เกิดขึ้น แม้ตอนแรกเขาจะเป็นฝ่ายรั้งลูซมาจูบ แต่สุดท้ายเขาก็โดนรุกกลับจนสั่นสะท้าน

“จูบ...หวานไหม”

เสียงทุ้มแหบพร่า ริมฝีปากสวยไล่ต่ำพรมจูบที่คาง ไล่ลงมาที่ลำคอ ริวสั่นน้อยๆ จนกระทั่งไล่ความร้อนผ่าวมาถึงแผ่นอก

“ตอบสิ ริวจัง”

ลูซถามซ้ำ ริวลูบไล้แผ่นหลังกว้าง ดวงตาปรือปรอย ตอบเสียงแผ่ว

“วะ หวาน อื้อ”

กายเล็กสะดุ้งเมื่อยอดอกถูกดูดเม้ม แถมช่วงล่างที่ร้อนผ่าวยังโดนลูซบีบคลึงจนมันชูชันขยายในมือใหญ่

“อีกข้าง อ๊า ดีจาง...ดี”

ความเสียวซ่านเกิดขึ้น ริวแอ่นอกรับสัมผัสที่ทั้งดูด ทั้งกัด รอยจูบเต็มไปทั้งร่าง กายเล็กบิดเร่า สะดุ้งเฮือกเมื่อ ปากร้อนไล่ต่ำไปครอบครองส่วนสำคัญ หากเป็นในยามปกติ ริวคงพยายามผลักไส แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รู้แค่มันรู้สึกดีเอามากๆ เขาต้องการรับสัมผัสเหล่านี้ให้มากขึ้น

“ระ แรงอีก อื้อ มะ ไม่ ไหว แฮก”

คนตัวเล็กกระตุกเกร็ง ในขณะที่ลูซแทบจะกลืนริวจังน้อยลงไปในคอ  ภรรยาคนสวยปรนเปรอสามีอย่างสุดความสามารถ เขาดูดกลืนทุกหยาดหยดที่ปล่อยเข้ามาในปากอย่างหิวกระหาย

“อร่อย...อร่อยที่สุด”ลูซบอกเสียงกระเส่า

“แฮกๆๆ”

ริวหอบหายใจ เขารู้สึกเหมือนถูกโยนไปในที่สูงแล้วถูกปล่อยลงมา มีความสุขจนแทบคลั่ง

ลิ้นร้อนลากเลียไล่ต่ำจนมาถึงช่องทางด้านหลัง มือก็ไม่หยุดปรนเปรอแก่นกายที่เพิ่งปลดปล่อยไป ริวเริ่มสะท้านอีกครั้ง ทั้งเสียว ทั้งรู้สึกแปลก เมื่อถูกจับแยกขาแล้วถูกเลียที่ช่องทางด้านหลัง ลูซทั้งเลียทั้งดูด ก่อนจะเกร็งลิ้นแทรกเข้าไป เรียกเสียงครางหวานร้องดังลั่น กายเล็กกระตุกเกร็ง

“อะ อื้อ เอาอีก”

คนตัวเล็กร้องขอ เมื่อลูซเหมือนจะหยุดปรนเปรอไปชั่วครู่ ชายหนุ่มถอนลิ้นออกแล้วค่อยๆแทรกนิ้วไปแทน ทำช้าๆ ทีละนิ้วจนริวเริ่มปรับตัวได้ จนกระทั่งครบสามนิ้ว เขาจึงเริ่มขยับนิ้ว พร้อมกับก้มลงมาดูดแก่นกายอย่างเร่าร้อน ริวแทบจะหวีดเสียงร้องอย่างสุขสม  ลูซหยุดกระทำ เคลื่อนกายไปกระซิบถามข้างหู

“ต้องการใช่ไหม”

“อื้อ”

คนตัวเล็กตอบรับทั้งที่หลับตาพริ้ม ตอนนี้ลูซถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมดแล้ว ทั้งสองกายแนบชิดบดเบียดกันจนแทบจะรวมร่าง

“ต้องการลูซไหม ริวจัง”

ลูซงับใบหูเล็ก แล้วขบเม้มเบาๆ ริวบิดเร่า โอบกอดกายแกร่งเอาไว้

“ตอบสิริวจัง ไม่งั้นลูซไม่ทำต่อนะ...ต้องการลูซไหม”

“อะ อื้อ ตะ ต้องการ”

“อยากให้ทำต่อใช่ไหม”

“ต่อ...ต่อที ทรมาน อ่า อื้อ”

“ลูซไม่ได้ทำผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตให้ลูซทำใช่ไหม”

ภรรยาแสนเจ้าเลห์พรมจูบที่แก้มนิ่ม มือขยับรูดชักแก่นกายเล็ก ริวกระตุกตัว

“ทำ...ทำอีก เอาอีก อื้อ”

คำตอบที่แสนน่ารักนั้น ทำให้ลูซหมดความอดทน เขาจูบปากสวยทันที แท่งเนื้อร้อนที่ใหญ่โตปริ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น อาวุธพร้อมใช้งานมานานแล้ว

“ถ้าเจ็บก็กอดลูซแน่นๆ นะริวจัง จะจิกหลังลูซก็ได้”

“อื้อ”

ริวครางรับ อย่างไม่ได้ฟังเท่าไหร่นัก ลูซค่อยแทรกกายเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับคนรักตัวเล็ก

“อื้อ จะ เจ็บ อ๊ะ”

กายเล็กดิ้นพล่านตามสัญชาตญาณ ลูซเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียว ริวก็น้ำตาไหลเป็นสาย โอบกอดกายแกร่งเอาไว้แน่น ร้องไห้สะอื้นเหมือนเด็กตัวน้อย

“อ่าา ผ่อนคลายนะริวจัง ลูซเจ็บมากเลย ริวจังรัดแน่นมากเลย”

เขาลูบไล้กายเล็กอย่างปลอบโยน และยังจูบปลอบ เพื่อให้ริวได้ผ่อนคลาย เวลาผ่านไปสักพัก ลูซก็สามารถแทรกกายเข้าไปได้จนสุด ริวรู้สึกจุกที่ช่องท้อง แต่สัมผัสที่ได้รับหลังจากนี้ ก็ทำให้เขาแทบสำลักความสุขตาย

“ละ ลึกอีก ตรงนั้น อ๊า เอา เอาอีก”

ริวร้องขอไม่ยอมหยุด ขยับขาออกกว้าง รับแก่นกายที่ใหญ่โตให้จ้วงแทงลึกเข้ามาในร่างกาย เสียงครางของทั้งคู่ ดังผสานราวกับเป็นเสียงดนตรี จนกระทั่ง ความอุ่นร้อนถูกฉีดพ่นเข้ามาในร่างของริว

“อ่า...”

ลูซหอบน้อยๆ เขาเชิดหน้าขึ้น สุขสมจนแทบคลั่ง ในที่สุด เขาก็ได้เป็นคนคนเดียวกับริวจังแล้ว

“อื้อ อื้อ อ่า”

ริวครางประท้วง เพราะเขายังไม่ได้ปลดปล่อยอีกครั้ง ร่างเล็กบิดไปมา ลูซเลียปากตัวเอง แก่นกายในช่องทางรักขยายจนคับแน่น เขาค่อยๆประคองริวให้ลุกขึ้น โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายนั่ง แล้วกระซิบบอก

“ริวจังทำสิ...”

“ทำ..ทำ อื้อ”

เหมือนต้องการถามว่าจะให้ทำอะไร ลูซเลียเหงื่อที่แก้มนิ่ม แล้วบอกต่อเสียงพร่า

“ขี่ม้าไงริวจัง ...ขี่ม้าบนตัวลูซ แบบนี้”

เขาจับสะโพกเล็กให้ขยับขึ้นลง ริวปรือตามอง เกาะบ่าแกร่งเอาไว้เสียแน่น พอผ่านไปสักพัก เริ่มรู้งาน ก็เริ่มขยับเอง

“อ๊ะ อ๊า เสียว อื้อ อื้อ”

ชายหนุ่มกระแทกสะโพกขึ้นลงไม่หยุด ราวกับกำลังควบม้าตัวใหญ่ ใบหน้าหล่อหลับตาพริ้ม มีความสุขจนแทบคลั่ง ลูซเองก็ไม่ต่างกัน เขาขยับสะโพกสวนตามจังหวะให้สอดประสาน จนกระทั่งเสร็จกิจในครั้งที่สองของทั้งคู่ ริวนั่งหอบ ฟุบหน้ากับไหล่กว้าง ลูซยิ้มร้าย

“อย่าคิดว่าลูซไม่รู้นะริวจัง...ว่าวันนี้ไปทำอะไรมา...ทำลูซเสียใจมากๆเลยรู้ไหม”

ลูซไล้ข้อนิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม

“อ่า...”

ริวไม่ได้มีสติที่จะสนใจ เขาไม่ค่อยรู้หรอกว่าลูซกำลังพูดอะไรอยู่กันแน่

ลูซเคลื่อนกายมากระซิบข้างหูด้วยดวงตาที่แสนเจ้าเล่ห์

“ลูซขออีกสามรอบ...เพราะริวจังทำลูซเสียใจมาก...ให้ลูซนะริวจัง”

มีเพียงศีรษะเล็กที่ขยับถูไถไปมาเล็กน้อยบริเวณอกกว้างอย่างคนละเมอ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ภรรยาที่หิวกระหายได้คิดเข้าข้างตัวเองไปว่าสามีนั้นตอบ 'ตกลง'

 



100%



ริวจัง เสร็จลูซจนได้ อิอิ



ฝากเพจด้วยนะจ๊ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 20-07-2016 19:45:32
โอ้วววว :z1: :pighaun: :impress2: :hao7:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 20-07-2016 19:54:53
คุณสามีเสร็จภรรยาเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-07-2016 19:59:49
 :-[.    สามีตัวน้อยโดนกินจนได้น้อ. อิอิ.  :pighaun:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 15 ฉวยโอกาส
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-07-2016 21:07:41
ริวแกจะโทษลูชไม่ได้นะว่า  ปล้ำแก แกสมยอมเค้าทุกอย่าง55555 :hao7:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 16 เสียตัว อย่าเสียใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 27-07-2016 19:15:56
16

เสียตัว อย่าเสียใจ

 

                แสงตะวัดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ความอ่อนล้าของร่างกายนั้นมากจนทำให้ริวรับรู้ว่าเขารู้สึกอ่อนเพลียขนาดไหน กายเล็กนอนตะแคงหันหลังให้กับบางสิ่ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้น มองเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบ 11.00 น.

                เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจ แรงกอดกระชับจากกายสูงใหญ่จากด้านหลัง ทำให้ริวต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง  แขนยาววางพาดจนมากอดเอวเขา ริวรับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่เปล่าเปลือยของตัวเอง

                นี่เขาไม่ได้สวมเสื้อนอน!

                อาการเมาค้างยังมีอยู่ ริวรู้สึกมึนหัว แถมยังอ่อนเพลีย เขาค่อยๆ ขยับพลิกร่างไปหาไออุ่นที่อยู่ทางด้านหลัง แล้วเจ้าตัวก็ต้องตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นใบหน้าสวยที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข

                “ลูซ!”

                ชื่อผู้ชายที่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ตรงนี้ ได้หลุดออกมาจากปาก ริวใจเต้นแรง สำรวจทุกอย่างของตัวเอง แล้วก็พบว่าเขากำลังนอนแก้ผ้า แถมช่วงล่างยังร้าวระบม พอเลื่อนมือไปสัมผัสบริเวณก้น ก็พบของเหลวขุ่นคลัก ที่ไหลออกมาจากในจุดที่ไม่ควรจะมีสิ่งนี้อยู่ ริวหน้าเสีย เขาเริ่มหายใจติดขัด

                …เขาเสียตัวให้กับไอ้กะเทยโรคจิตไปแล้ว!...

                ริวอยู่ในสภาวะที่อยากจะร้องไห้ แต่น้ำตากลับไม่ไหล โลกทั้งใบเหมือนหยุดนิ่ง ในสมองมีแต่คำว่า เขาโดนกะเทยเสียบ เขาโดนมันอัดก้น

                “ริวจางง ตื่นแล้วเหรอ…”

                น้ำเสียงงัวเงียดังมาจากร่างสูงใหญ่ ริวฝืนร่างกายที่ร้าวระบมยกเท้าถีบเข้าที่ท้องแกร่ง ในขณะที่ลูซกำลังลืมตาอย่างช้าๆ

                ตุบ!

                “อ๊อก!!!”

                ทั้งจุก ทั้งเจ็บ จนต้องกุมท้องตัวงอ จากตอนแรกที่งัวเงีย ก็ตื่นจนเต็มตา คนที่เจ็บไม่ใช่แค่ลูซ แต่ริวก็ไม่ต่างกัน เขารู้สึกเจ็บที่ช่วงล่างจนแทบจะบ้า สะโพกเหมือนไม่อยู่กับที่ ขยับตัวทีเหมือนจะตาย แต่ความคับแค้นใจ ทำให้ริวทำในสิ่งที่ฝืนสังขาร

                “ฉันจะฆ่าแก ไอ้กะเทยเฮงซวย ตายซะเถอะ!”

                หมอนใบใหญ่ถูกริวหยิบขึ้นมาขว้างใส่ร่างสูงที่ยังนั่งมึนงงอยู่กับพื้น ลูซยกแขนปัดป้องของอันตรายที่ขว้างมา ทั้งผ้าห่ม ทั้งหมอน ถูกริวหยิบขว้างใส่อย่างไม่หยุดหย่อนอย่างคนสติแตก

                “ริวจังใจเย็นๆก่อนสิ ค่อยๆคุยกันน้า”

                ลูซรีบลุก พุ่งเข้ามาหาริว ชายหนุ่มมือไว หยิบนาฬิกาขว้างใส่ แต่โชคดีที่ลูซหลบทัน เจ้านาฬิกาโชคร้ายจึงกระแทกเข้าผนังห้องแล้วแตกกระจาย

                “ง่า ริวจัง ใจเย็นสิ ลูซไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”

                ภรรยาคนเก่งรีบคว้าหมอนและผ้าห่มก่อนจะโดดขึ้นเตียง แล้วจับแขนทั้งสองของริวเอาไว้ไม่ให้ริวได้อาละวาดจนจะฆ่าเขาให้ตายแบบนี้ แต่ริวเหมือนจะไม่สนใจ เขาดิ้นไม่หยุด ดิ้นไปก็เจ็บไป ปวดหัวก็ปวด

                “นายผิดสัญญา”

                “ลูซไม่ได้ผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตแล้ว”

                คางสวยวางเกยไหล่เล็ก ริวไม่คิดจะยอมรับ

                “ไม่จริง ฉันไม่ได้อนุญาต”

                “ริวจังคิดดีๆ สิ แล้วจะรู้ว่าลูซไม่ได้โกหกจริงๆนะ จริงๆนะริวจัง ค่อยๆนึกสิ”

                ริวนิ่งสงบลง เขาปวดหัวจนแทบบ้า ไม่ว่ายังไงเรื่องที่ลูซบอกก็ไม่มีวันเป็นความจริง แต่ทว่า น้ำเสียงต่างๆที่เหมือนเป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็ทำให้ริวก็ต้องเบิกตากว้าง

“ต้องการลูซไหม ริวจัง”

“อะ อื้อ ตะ ต้องการ”

“อยากให้ทำต่อใช่ไหม”

“ต่อ...ต่อที ทรมาน อ่า อื้อ”

“ลูซไม่ได้ทำผิดสัญญานะ ริวจังอนุญาตให้ลูซทำใช่ไหม”

“ทำ...ทำอีก เอาอีก อื้อ”

                เมื่อนึกออกขึ้นมา ริวก็ตัวแข็งทื่อ หยุดการขัดขืนทุกอย่าง เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าลูซ ความเหนอะหนะในร่างกายยิ่งเป็นตัวย้ำเตือนว่าเขาและลูซมีอะไรกันไปแล้ว แถมเขายังไม่ขัดขืน เร่งเร้าให้ภรรยาคนสวยทำให้มากขึ้น ริวอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด จะได้ไม่พูดจาแบบนั้นในคืนที่ผ่านมา

                “นึกออกแล้วใช่ไหมริวจัง ลูซดีใจจังเลย ที่ริวจังนึกออก”

                “ไม่”

                เขารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ใครจะไปยอมรับ ว่าตัวเองเสียประตูหลังให้กับเจ้าสาวตัวโต แค่คิดก็รู้สึกอดสู

                “โกหก ริวจังจำได้แล้ว แต่แกล้งจำไม่ได้ อย่าใจร้ายกับลูซสิริวจัง ลูซมีความสุขมากๆเลยน้าเมื่อคืน มีความสุขที่ได้เป็นคนเดียวกับริวจัง ลูซรักริวจังที่สุดในโลกเลย”

                ริวเกือบจะสั่นไหวไปกับคำว่ารักที่ลูซบอก แต่เขาก็พยายามประคองสติที่เหลือไม่มากของตัวเอง อยากจะโต้เถียงให้หนักๆ แต่สังขารก็ไม่อำนวย

                “ฉันปวดหัว ฉันจะนอน

                ตอนนี้เขาฝืนตัวเองไม่ไหว ไหนจะเพราะเหล้า ไหนจะเพราะโดนแรงหนักหน่วงของลูซรุกเข้ามา ร่างกายมันเลยประท้วงให้นอนพักให้มากกว่านี้

                “งั้นริวจังนอนพักต่อนะ ลูซจะไปทำอาหารมาให้ แล้วก็จะเอายามาให้ด้วย”

                ริวเหนื่อยเกินกว่าที่จะตอบ เขาจึงหลับตาลง

                “เดี๋ยวลูซเช็ดตัวให้ด้วยน้า”

                “ไม่ต้อง!”

                ริวบอกเสียงดังลั่น ตามสัญชาตญาณ ขืนมัวแต่นอน ไม่ยอมสนใจที่ลูซพูด เขาอาจจะแย่มากกว่าเดิม

                ก่อนจะออกไปเข้าห้องน้ำ ลูซก็ไม่วายจะเข้ามาจุ๊บแก้มนิ่ม ริวอยากจะสวนกลับ แต่เขาก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะทำ ตอนนี้เขาเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง จะให้ร้องไห้โฮ บอกว่าเสียตัวให้เจ้าสาวที่แต่งงานกันแล้วก็กระไรอยู่ ตอนนี้ริวได้แต่รู้สึกสับสนและแค้นเคืองในตัวภรรยาที่แสนเจ้าเล่ห์       

                ลูซกลับขึ้นมาหาริวอีกทีในเวลาเกือบบ่ายโมง สามีสุดหล่อยังคงนอนหลับตาพริ้มใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ภรรยาคนเก่งคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เขาปลุกคนรักด้วยรอยจูบที่ปากเล็ก ริวค่อยๆลืมตาขึ้น อาการปวดหัวเริ่มทุเลาลง แต่ก็ยังไม่หายดี

                “ริวจังกินข้าวไหวไหม”

                “น้ำ”

                เสียงแหบพร่าร้องขอ ภรรยาตัวใหญ่รีบหยิบน้ำเปล่ามาให้สามีดื่มทันที พอได้ดื่มดับกระหาย ริวก็มีท่าทางที่ดีขึ้น

                “ปวดหัวมากไหมริวจัง”

                “ไม่”

                “แล้วอยากอ้วกไหม”

                “ก็นิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้ว”

                “ลูซทำน้ำผึ้งผสมมะนาวมาให้ริวจังด้วยนะ ริวจังดื่มนะ จะได้ดีขึ้น”

                สามีตัวเล็กมองหน้าภรรยา ลูซคลี่ยิ้มหวาน ใบหน้าดูเอิบอิ่มไปด้วยความสุข ในขณะที่ริวไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไหร่นัก เขารับน้ำผึ้งผสมมะนาวมาดื่มจนเกือบหมดแก้ว

                “หิวไหมริวจัง ลูซทำข้าวต้มปลามาให้ ริวจังกินข้าวต้มปลานะ”

                ความปรารถนาดีและความเอาใจใส่ของภรรยาตัวแสบนั้นช่างเปี่ยมล้น ชั่วครู่หนึ่งเขาเผลอคิดไปว่ามีภรรยาคอยดูแลก็ดีเหมือนกัน แต่พอคิดว่าเพราะเจ้าภรรยาตัวแสบนี่แหละ เขาถึงได้มีสภาพย่ำแย่แบบนี้ สิ่งที่คิดว่าดีเลยแปรเปลี่ยนเลวร้ายไปแทบจะทันทีที่นึกถึง

                “ฟู่ ลูซเป่าแล้ว หายร้อน อ้าปากเร็วริวจัง”

                ริวถอนหายใจแล้วเมินหน้าหนี เขาไม่อยากเห็นหน้าลูซ ไม่อยากจะทานอาหารฝีมือลูซด้วย

                “เอาไปไกลๆ”

                “ไม่ได้นะริวจัง ถ้าไม่กิน ก็จะกินยาไม่ได้สิ ริวจังไม่สบาย ต้องพักผ่อนเยอะๆ”

                “ที่ฉันเป็นแบบนี้ ก็เพราะนายไม่ใช่หรือไง นายมอมเหล้าฉัน แล้วยังผิดสัญญากับฉันเมื่อคืนอีก”

                ลูซวางถ้วยข้าวต้ม แล้วขยับเข้าไปกอดริวจากด้านหลัง เขาซบแก้มลงกับไหล่เล็ก

                “ลูซขอโทษ ริวจังอย่าโกรธลูซเลยนะ ลูซรักริวจังที่สุด ริวจังอย่าโกรธลูซนะ”

                “ฉันจะฆ่านาย”

                “ริวจังจะฆ่าภรรยาที่น่ารักได้ลงคอเลยเหรอ”

                ใบหน้าสวยชะโงกไปข้างหน้า ริวลืมตามาแทบจะหัวใจวาย ดวงตาคู่สวยได้แต่มองอย่างออดอ้อน ราวกับต้องการขอความเห็นใจ

                “ไปห่างๆเลยเจ้าบ้า”

                “ไม่เอาอ่า ก็ลูซอยากอยู่ดูแลริวจัง ลูซจะเป็นภรรยาที่ดี ริวจังอย่าโมโหเลยนะ”

                ว่าพลางกระชับอ้อมกอดไปด้วย จนริวเผลอใจสั่นขึ้นมา แปลกใจเหลือเกินว่าทำไมถึงไม่ขัดขืนให้รุนแรงกว่านี้ เขาควรจะกระทืบเจ้ากะเทยตัวใหญ่นี้ให้ตาย ไม่ใช่มารู้สึกแปลกๆจนไม่สามารถผลักไสให้ลูซอยู่ห่างๆได้

                “อึดอัด”

                “อ่า…ลูซกอดแน่นไปเหรอ”

                “ฉันรู้สึกแย่สุดๆ กับเหตุการณ์เมื่อคืน นายควรจะออกไปจากชีวิตฉันซะ”

                พูดเองแต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่อก ยิ่งเห็นใบหน้าสวยที่เศร้าสลด ริวก็เหมือนว่าตัวเองกำลังอึ้งจนพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น เขารอดูท่าทางของคนตัวสูง ลูซเงยหน้ามอง

                “ริวจังเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหรอ แต่ลูซดีใจนะ ที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับริวจัง”

                “เจ้าบ้า ฉันเสียตัวให้กะเทยแบบนาย แล้วจะไม่ให้ฉันรู้สึกเสียใจได้ยังไง!”

                ริวโมโหขึ้นมาจนลืมความอาย เขากระชากคอเสื้อลูซ แค้นเคืองจนอยากจะจับฆ่าให้ตาย แต่เพียงครู่อารมณ์โมโหก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ เมื่อลูซเข้ามาจูบปากเขาอย่างแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ริวใจสั่น

                “เสียตัวอะไรกันริวจัง เราสองคนมีแต่ได้กับได้นะ”

                “ฮะ!”คนตัวเล็กงงหนัก

                “ก็ริวจังได้ลูซ ลูซได้ริวจัง ริวจังอย่าเสียใจไปเลยน้า ควรจะมีความสุขสิ”

                ชายหนุ่มแทบจะยกมือมากุมขมับ เขาเหนื่อยใจและจนปัญหาเหลือเกิน เถียงกับลูซไปก็เหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องสักที อยากจะทำร้ายร่างกายภรรยาตัวใหญ่ให้เจ็บปวดเหมือนกับเขาบ้าง แต่ดูจากร่างกายและกำลังที่มีแล้ว บางทีคนที่จะเจ็บหนักอาจจะเป็นตัวเขาก็ได้

                “ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”

                “ทำไมล่ะริวจัง แต่ลูซอยากเห็นหน้าริวจังนะ”

                “นี่! นายจะทำตัวน่ารำคาญไปถึงไหน ฉันอยากอยู่คนเดียว”

                “ริวจังโกรธลูซเหรอ”

                ลูซไม่ต่างกับสุนัขที่หางลู่ หูตกเพราะโดนเจ้านายดุ ริวถอนหายใจ เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยเวลาที่ลูซทำหน้าเศร้า

                “เดี๋ยวตอนเย็นคุณพ่อกับคุณแม่จะกลับมานี่ นายค่อยมาปลุกฉันแล้วกัน”

                “ริวจางง”

                ไม่ว่าลูซจะพยายามเรียกร้องความสนใจยังไง ริวก็ไม่คิดจะสน เขาเอนตัวนอนต่อ แต่ปลายนิ้วเรียวยาวก็สะกิดเข้าที่ต้นแขนของริว

                “ริวจัง…ลูซไปก็ได้ แต่ริวจังต้องกินข้าวต้มด้วยนะ เดี๋ยวปวดท้อง”

                “…”

                พอโดนสามีเมินใส่อย่างรุนแรง  คนเป็นภรรยาก็ได้แต่ทำตัวสลด บางทีเขาอาจจะรุกเข้าหาริวมากเกินไป สิ่งที่มากเกินไปก็คงจะไม่ดีนัก เขาไม่อยากให้ริวจังของเขาต้องสติแตกแล้วเกลียดเขา แค่ตื่นมา ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจจนน่ากลัวก็ทำให้ลูซรู้สึกมีความสุขมากแล้ว นั่นอาจจะเป็นเพราะริวเริ่มจะชินกับสัมผัสของลูซ

                …คิดถูกจริงๆ ที่เข้าประชิดตัวตั้งแต่กลับมาเจอกัน…

                ลูซเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล ชายหนุ่มเดินวนไปมาอยู่หน้าห้อง เพราะเป็นห่วงกลัวว่าริวจังที่เขารักสุดหัวใจจะเป็นอะไรไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้พุ่งเข้ามาช่วยได้ทันเวลา

                ทางด้านริว เมื่อลูซออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็ยันกายลุกนั่ง ค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้ถ้วยข้าวต้ม ความหิวประท้วงจนอดใจไม่ไหวลงมือทานข้าวต้มปลาที่ลูซเป็นคนทำ

                “อร่อย”

                เขาพูดออกมาจากใจจริง โชคดีที่ลูซไม่ได้อยู่ในห้อง ชายหนุ่มหายใจอย่างโล่งอก ที่ลูซไม่ได้นั่งอยู่ด้วย แต่ในความจริง ลูซเองก็แอบแง้มประตูมามอง แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข

               

-------+++++--------

 

                ริวจัดการตัวเองในห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วน ภายในร่างกายบรรจุไปด้วยน้ำรักที่ลูซปล่อยเอาไว้ เขารู้สึกรังเกียจขึ้นมา ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ถึงแม้จะรู้สึกแย่ยังไง แต่เขาก็ต้องพยายามล้วงเอาของเหลวแปลกปลอมออกมาจากร่างกายให้หมดให้ได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงรู้สึกแย่ไม่มีที่สิ้นสุด

                เรื่องเมื่อคืนไม่ต่างกับฝันร้าย ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง ในตอนแรกเขาโกรธจนแทบบ้า จนกระทั่งมานอนคิดย้อนกลับ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเพราะตัวเขาโง่เองที่หลงเชื่อน้ำตากับท่าทางมารยาที่ลูซแสดงออก

                เจ็บใจนัก…           

                ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาแพ้น้ำตากะเทยตัวใหญ่ ที่ไม่ใช่ผู้หญิง ถึงแม้ลูซจะหน้าสวยมากแค่ไหน แต่ยังไงก็คือผู้ชาย เขายังคิดวิธีกำจัดลูซไม่ได้เลย

                “เฮ้อ”

                ริวออกมาจากห้อง หลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สีหน้าที่ดูอิดโรยก็ดีขึ้นมา พอเปิดประตูก็เจอโจทย์เดิมที่ยืนยิ้มร่า

                “ดีจัง ริวจังออกจากห้องแล้ว”

                “นายคิดว่าฉันอยากจะอยู่ในห้องจนตายเลยหรือไง แล้วคุณพ่อคุณแม่กลับมาหรือยัง”

                “กลับมาแล้วล่ะริวจัง เดี๋ยวลงไปข้างล่างกันนะ ริวจังเดินไหวไหม ให้ลูซอุ้มไหม”

                ขืนให้ภรรยามาอุ้มสามีต่อหน้าพ่อตาแม่ยาย มีหวังเขาคงได้โดนคนรับใช้ในบ้านมองด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่คนอย่างลูซก็ไม่เคยจะสนใจ เขาช้อนตัวริวขึ้น ชายหนุ่มเกาะไหล่ของภรรยาไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวตก

                “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเจ้าบ้า”

                “ปล่อยไม่ได้หรอก ริวจังเจ็บอยู่ ลูซเป็นภรรยา ลูซต้องดูแลริวจัง”

                “เจ้าบ้า ถ้านายไม่ปล่อย ฉันจะบีบคอนายให้ตายเลย!”

                ไม่พูดเปล่า แต่ริวก็เลื่อนมือไปบีบคอของลูซอย่างรวดเร็ว ลูซหายใจไม่ออก เผลอปล่อยริวจนตกลงมาดังตุบ

                “โอ้ย เจ้าบ้า จะปล่อยทำไมไม่บอก”

                “ริวจัง ลูซขอโทษ ริวจังเจ็บมากไหม”

                พอได้ยินสามีโวยวาย ลูซก็รีบลงไปช่วยประคองริว ชายหนุ่มมองภรรยาตัวโตอย่างโกรธเคือง ลูซได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

                “เดี๋ยวลูซประคองนะ ลูซขอโทษ”

                “พอเลย ฉันเบื่อจะฟังคำขอโทษของนายแล้ว!”

                ลูซยู่ปาก แต่ริวก็ยอมให้ภรรยาประคองเดินลงบันได เพราะสภาพเขาตอนนี้ คงจะเดินเองได้ยากลำบาก

                “ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น”

                น้ำเพชรตกใจเมื่อเห็นลูกเขยมีสภาพที่ย่ำแย่ ลูซจึงเอ่ยอธิบาย

                “ริวจังไม่สบาย ลูซเลยช่วยดูแลริวจัง”

                “ตายจริง ดูแลริวดีๆนะลูก”

                “ไม่ต้องห่วงฮะ”

                เขาพร้อมที่จะเป็นภรรยาดูแลสามีอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มประคองริวให้ไปนั่งบนเก้าอี้ เพื่อทานมื้อเย็นร่วมกับครอบครัว บทสนทนาเริ่มต้นอีกครั้ง

                “แล้วคิดกันออกหรือยังจ๊ะ ว่าอยากไปไหน แม่กับพ่อจะได้ไปจองตั๋วให้”

                “เอ่อ คือ”

                ริวมีท่าทางที่กระอักกระอ่วน เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่กับลูซ มันทั้งอึดอัดแล้วก็ยังรู้สึกแปลกๆ ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นจากความเมา แล้วจำไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ๆก็คือ เขาได้มีอะไรกับลูซไปแล้ว แถมยังหลงเหลือความรู้สึกสุดยอดเอาไว้  มันสุดยอดมากกว่าทำกับผู้หญิง แต่ริวก็พยายามขับไล่ความรู้สึกนั้นออก เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเบี่ยงเบน ยังไงผู้หญิงก็ต้องดีที่สุด…ดีกว่าผู้ชายด้วยกัน ที่เขารู้สึกดีสุดๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเขากำลังเมา

                “เดี๋ยวลูซกับริวจัง จะตกลงกันคืนนี้”

                ลูซเป็นคนเอ่ยปิดท้าย ริวไม่ตอบอะไรอีก เพราะอย่างน้อย สิ่งที่ลูซบอกก็ช่วยชีวิตเขาได้มาก เมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไป ทั้งคู่จึงเดินขึ้นห้อง ลูซปิดประตูห้อง

                “ริวจัง คืนนี้ให้ลูซนอนด้วยน้า น้า น้า”

                “ไม่ ฉันอยากนอนคนเดียว”

                ผ้าปูเตียงในห้อง ลูซได้ให้แม่บ้านขึ้นมาเปลี่ยนให้แล้ว ในระหว่างที่ทั้งสองลงไปทานมื้อเย็น ซึ่งนั่นก็ทำให้ริวรู้สึกดีขึ้นมา เพราะเขาไม่อยากจะนอนอยู่บนเตียงที่สกปรก

                “น้าๆ ริวจัง ให้ลูซนอนด้วยน้า เราเป็นสามีภรรยากัน ทำไมนอนด้วยกันไม่ได้ล่ะ”

                “ฉันยังไม่เคยยอมรับนายว่าเป็นภรรยา”

                “แต่เราแต่งงานกันแล้วนะ ทางพฤตินัย เราก็เป็นของกันและกันแล้วด้วย”

                ตอบไปก็บิดตัวไป อย่างกับคนเขินอาย ริวได้แต่เบือนหน้าหนี อย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง

                “ที่ของนายคือโซฟา”

                “ริวจัง ถ้านอนโซฟาแล้วจะปวดหลังมากๆเลยน้า ให้ลูซนอนด้วยเถอะน้า”

                ลูซเข้ามาโอบกอด ริวพยายามดิ้น แล้วแกะมือปลาหมึกให้หลุดออกจากร่าง

                “ถ้านายไม่นอน งั้นฉันไปนอนเอง”

                “ง่ะ”

                “แล้วถ้าคิดจะตามมาหาฉันที่โซฟาอีก ฉันจะไปนอนที่อื่น ฉันก็สุดจะทนแล้วเหมือนกัน”

                ริวเองก็ยังแปลกใจเลยว่าเขาทนมาขนาดนี้ได้อย่างไร ลูซยู่ปากเล็กน้อย คอตกแล้วจับชายเสื้อของสามี

                “ก็ได้ริวจัง ริวจังนอนที่เตียงเถอะนะ ลูซจะนอนโซฟาเอง ลูซไม่อยากให้ริวจังปวดหลัง”

                เพียงครู่ที่ใจของริวกระตุกแรง เขามองภรรยาตัวสูงที่เดินไปนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าก้มตาเหมือนจะร้องไห้ แต่เขาต้องพยายามใจแข็ง ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบเมื่อคืนอีก

                “เรื่องฮันนีมูน เป็นอันยกเลิก”

                “เอ๋!!”

                “ฉันไม่อยากไปฮันนีมูนกับนาย เข้าใจหรือยัง”

                “ไม่ได้นะริวจัง คืนน้ำผึ้งพระจันทร์เชียวนะ เราแต่งงานกันแล้วก็ต้องไปสิ”

                ลูซกอดเข้าที่เอวเล็ก ริวพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า พลางแกะแขนใหญ่ให้หลุดออกจากตัว

                “ปล่อยสิ”

                “นะริวจัง ไปฮันนีมูนกันนะ”

                “ไม่!!!”

                “ง่า… น้า ลูซอยากมีความสุขกับริวจัง นะริวจัง น้าๆ น้าๆ”

                ใบหน้าสวยเริ่มถูไถไปกับเอวเล็ก ริวกลืนน้ำลายลงคือ เขาเม้มปากแน่น อย่างคิดไม่ตก

                “นะ…นะริวจัง หรือริวจังจะขัดความต้องการของคุณแม่ ริวอยากให้ลูซร้องไห้ ริวจังอย่าใจร้ายกับลูซเลยน้า”

                ใจเขากระตุกแรง เมื่อลูซช้อนสายตาขึ้นมามองอย่างออดอ้อน พร้อมกับกระชับอ้อมกอด แถมยังจับมือเขาไปจูบ ริมฝีปากสวยเผลอเอ่ยออกไปโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ         

                “กะ ก็ได้”

                “เย้! ลูซรักริวจังที่สุดเลย ริวจังของลูซใจดีที่สุด”

                ว่าพลางกอดให้แน่น แล้วเขย่งตัวไปจูบแก้มริวซ้ำๆ ทั้งที่ควรรู้สึกรังเกียจจนขนลุก แต่ร่างกายกลับไม่ใช่อย่างนั้น รวมถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้น ริวก็ไม่ได้คิดจะยอมให้ลูซได้ทำตามใจง่ายๆ

                “ไปแค่โรงแรมพอนะ”

                “ไปทะเลไม่ได้เหรอ จะได้ว่ายน้ำด้วยกันไงริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มร่า แต่พอเห็นใบหน้าที่บูดบึ้ง เขาก็หุบยิ้มทันที

                “แค่โรงแรมก็ได้เนอะ แค่ริวจังยอมไปฮันนีมูนกับลูซ ลูซก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว”

                “เฮ้อ ปล่อยสักที ฉันอึดอัด”

                ริวทำท่าไม่สนใจ ลูซยอมปล่อยแต่โดยดี เพราะอย่างไรเสียความสัมพันธ์ระหว่างเขากับริวจังก็พัฒนาได้แนบชิดเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ชายหนุ่มนั่งอมยิ้มตรงโซฟาอย่างมีความสุข ในขณะที่ริวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาโหลดเกมเล่น เพื่อหาบางสิ่งทำคร่าเวลา ดีกว่าปล่อยให้จิตใจฟุ้งซ่าน

                …เขาจะต้องลืมให้หมด ลืมว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเมื่อไหร่ที่เลิกกับเจ้ากะเทยลามกนี้ไปได้ เขาก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิม…

                เมื่อเลือกที่จะลืมความอับอาย เขาก็ต้องทำให้ได้ เขาเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีก ชายหนุ่มยังคงระแวงว่าลูซจะเข้ามาล่วงเกินเขาแต่เมื่อเห็นลูซเอนตัวนอนแล้ว เขาเลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ริวเลือกที่จะรอให้ลูซหลับไปเสียก่อน เขาจึงค่อยเดินไปปิดไฟแล้วกลับมานอนทีเตียงตัวเอง



100%



แจ้งข่าวการรวมเล่ม สะใภ้ขายาว ค่ะ

อากิจะรวมเล่มนิยายเรื่องนี้ ประมาณกลางเดือน สิงหาคม

ราคาหนังสือจะอยู่ที่ประมาณ 350-390 บาทไม่รวมส่ง

รายละเอียดเพิ่มเติมจะมาแจ้งอีกทีเมื่อใกล้พรีค่ะ



ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 16 เสียตัว อย่าเสียใจ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2016 19:26:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 16 เสียตัว อย่าเสียใจ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-07-2016 19:53:05
สงสารริวเหมือนกันนะ. ชีวิตงงได้อีก
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 16 เสียตัว อย่าเสียใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-07-2016 19:57:41
สงสารคุณภรรยา  โดนคุณสามีเมินใส่
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 16 เสียตัว อย่าเสียใจ
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 27-07-2016 23:55:55
อย่าทำร้ายภรรยาสิคะคุณสามี :mew6: :o8:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 05-08-2016 19:59:09
17

ฮันนีมูน

 

 

                หลังจากที่ผ่านคืนอันโหดร้ายปนสุขสมในความทรงจำมา ลูซก็ไม่ได้เข้ามาทำเรื่องแบบนั้นอีก ทำให้ริวพอจะไว้วางใจเมื่อพวกเขาทั้งสองคนจะต้องไปฮันนีมูนกัน ทั้งมารดาและบิดาของลูซนั้นได้เดินทางกลับไปที่ต่างประเทศแล้ว ดังนั้น เมื่อพวกเขาทั้งสองกลับมาจากฮันนีมูน ริวและลูซจะต้องย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของริว

                “ดีจังเลยเนอะริวจัง ที่นี่ดูเป็นที่ฮันนีมูนที่ดีเนอะ”

                ท่าทางตื่นเต้นจนเกินเหตุทำให้ริวต้องเบ้หน้า ลูซหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เขาวาดฝันว่าจะไปเที่ยวกับคนรัก รอให้ริวได้เปิดใจให้เขาเสียก่อนแล้วพวกเขาทั้งสองจะไปเที่ยวกันให้หนำใจ ถ้าเป็นไปได้ก็จะพาริวจังไปเที่ยวให้รอบโลกเลยทีเดียว

                “อย่ากระดี๊กระด๊าให้มันมากนักเลย”

                ริวเริ่มทำใจไม่ได้ แค่ต้องเดินมากับผู้ชายร่างใหญ่ แถมยังอยู่ในตำแหน่งของภรรยา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเครียด ที่โรงแรมแห่งนี้ มีคู่รักแต่งงานหลายคู่มาเปิดจองห้อง แต่ส่วนใหญ่ก็คือภรรยาเป็นหญิงและสามีเป็นผู้ชาย ไม่ใช่เพศเดียวกันทั้งคู่แบบเขา

                “หวังว่านายจะชอบที่นี่”

                “ครับ ผมชอบมากๆเลย”

                เสียงสนทนาที่ฟังดูยังไงก็คือผู้ชาย ทำให้ริวหันขวับไปมอง เขาก็เห็นผู้ชายหน้าตาดีผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งสองคนกำลังเดินจับมือกัน

                …เดี๋ยวนี้คู่รักเกย์แต่งงานแล้วมาฮันนีมูนกันเลยเหรอ…

                ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุกขึ้นมา แต่ทว่ามือใหญ่ที่จับเข้าที่มือเขาก็ทำให้ริวสะดุ้งเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงความจริงที่ว่า เขาเองก็แต่งงานกับผู้ชายเหมือนกัน แถมยังเป็นผู้ชายที่บ้าๆบอๆอีกต่างหาก

                “ดีจังเลยเนอะริวจัง คู่รักแต่งงานเยอะเลย”

                “มันก็โรงแรมธรรมดา ไม่ได้มีแค่คู่แต่งงานสักหน่อย”

                “เรื่องนั้น ลูซรู้อยู่แล้วล่ะ แต่อย่างน้อยพวกเราก็คือคู่แต่งงานไง คิคิ”

                ริวได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งคู่เดินขึ้นไปยังห้องพัก เพื่อนำเสื้อผ้าที่นำมาไปเก็บไว้ในห้อง ริวหยิบเงินให้เป็นรางวัลแก่เด็กที่ยกกระเป๋าขึ้นมาให้

                “ริวจังใจดีจังเลย ลูซขอรางวัลด้วยได้ไหม ตอนลงจากรถ ลูซก็ช่วยถือลงมาน้า”

                เอ่ยจบก็อมลมจนแก้มพอง หวังให้สามีหอมแก้ม ริวกรอกตาไปมา แล้วฟาดมือแรงๆลงที่แก้มนั้นด้วยความหมั่นไส้จนดังบ๊อก

                “ง่ะ”

                เขาแอบขำขันกับเสียงที่ได้ยินและท่าทางเหมือนเด็กงอนของลูซ แต่ก็เพียงแค่ครู่เท่านั้น เขาไม่อยากให้ลูซเห็นว่าเขาอารมณ์ดีเพราะเจ้าตัว ไม่อย่างนั้นคงจะเหลิงกันไปใหญ่

                ภายในห้องถูกตกแต่งไว้อย่างโรแมนติก บนเตียงนอนสีขาวสะอาด โปรยไปด้วยกลีบดอกกุหลาบจนเป็นรูปหัวใจ ผ้าห่มบนเตียงถูกพับขึ้นจนดูเป็นรูปนกสองตัวกำลังจุมพิตกัน ลูซมองด้วยสายตาที่ปลื้มปริ่ม คืนนี้คงเป็นคืนน้ำผึ้งพระจันทร์ที่สุดยอดแน่ๆ

                “ริวจัง ดูสิ โรแมนติกจังเลยเนอะ”

                ริวทำไม่เป็นไม่รู้ไม่เห็น ทั้งที่จริงเขาก็รู้สึกเขิน เมื่อได้เข้ามาในห้องนี้ มารดาของเขาเป็นคนจองห้องให้

                “เดี๋ยวลูซช่วยจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ให้น้า”

                ด้วยความที่แต่งเข้ามาเป็นภรรยา หน้าที่ของเขาคือต้องทำทุกอย่างเพื่อปรนนิบัติสามี ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ริวก็รับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ เขาเหมือนได้ภรรยาที่แสนดีเข้ามาในชีวิต เว้นเสียแต่สิ่งที่รับไม่ได้อย่างเป็นที่สุดก็คงเป็นที่ภรรยาเขาไม่ใช่ผู้หญิงเพราะภรรยาของเขาดันเป็นผู้ชาย แถมยังเป็นตัวสูงใหญ่อีกหาก แต่ก็มีดีตรงใบหน้าที่สวยราวกับนางฟ้า

                ริวพยายามไล่ความคิดเหล่านั้นออก นี่เขาเหมือนกำลังชื่นชมภรรยาที่เขาไม่ต้องการ เขาไม่อยากจะให้ตัวเองต้องเผลอหลงใหลไปกับเสน่ห์อันน่าสะพรึงของลูซ ทั้งที่เมื่อก่อนก็พยายามหนี พยายามถอยห่าง แต่พอโดนตามติดเอามากๆ กลายเป็นว่าเป็นเรื่องเคยชินและไม่รู้สึกแปลกไปเสียอย่างนั้น นั่นคือสิ่งที่ริวเริ่มกลัวตัวเอง เขาคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผู้ชายด้วยกัน

                …เขาจะไม่มีวันนอนกับผู้ชายด้วยกันอีกเป็นครั้งที่สอง…จะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองให้จงได้…

                “ริวจัง ลูซเก็บเสื้อผ้าให้ริวจังหมดแล้วนะ”

                ภรรยาคนสวยหันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากปิดประตูเสื้อผ้า ริวขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นกระเป๋าผ้าใบเล็กที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางของลูซ

                “นั่นกระเป๋าอะไร”

                ลางสังหรณ์บางอย่าทำให้ริวถามออกไปอย่างหวาดระแวง ลูซหัวเราะในลำคอแล้วยิ้มหวาน

                “ของนำโชคน่ะริวจัง”

                “นำโชค นำโชคยังไง”

                สัญญาณเตือนภัย ทำให้ริวรีบลุกเข้าไปใกล้ ลูซไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงได้แต่จ้องภรรยาอย่างไม่ละสายตา

                “นี่ไงริวจัง คิคิ”

                ไม่ต้องรอให้สามีถามอีกรอบ เขาก็หยิบอุปกรณ์ในกระเป๋าออกมา สิ่งที่เห็นทำให้ริวเบิกตากว้าง

                “นะ นี่มัน”

                อุปกรณ์ที่ดูคล้ายกระป๋องน้ำขนาดพอดีมือ ทำให้ริวอึ้งไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก ถึง

จะเคยได้มีเซ็กกับผู้หญิง เคยได้สอดใส่กับของจริง แต่ริวเองก็ไม่เคยใช้กับของปลอม ที่มักถูกเรียกว่า ‘จิ๋มกระป๋อง’ แบบนี้

                “นาย…นายเอาของแบบนี้มาทำไม!”

                “ลูซก็แค่เป็นภรรยาที่แสนดี เตรียมของเล่นไว้ให้ริวจังเยอะๆ นอกจากนี้ ยังมีโลชั่นอีกนะ ริวจังอยากได้อะไร ก็บอกลูซได้เลย เดี๋ยวลูซสั่งทางเน็ตให้”

                คนฟังได้แต่หน้าแดงก่ำ ในขณะที่ลูซพูดต่อไปเรื่อยๆอย่างมีความสุข เขาอธิบายนั่นโน่นนี่จนริวทนไม่ไหว

                “เอาไปทิ้งให้หมดเลยนะเจ้าบ้า!”

                ชายหนุ่มเอ่ยใส่อย่างหมดความอดทน ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ลูซหุบยิ้มทันที แต่แล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง รีบออกจากห้อง เดินตามสามี

                “ริวจัง รอลูซด้วยสิ เราไปว่ายน้ำกันนะริวจัง เดี๋ยวลูซไปเตรียมชุดให้ ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย ถ้าเราไปทะเลด้วยกัน คงได้ไปว่ายน้ำที่ทะเลแล้วเนอะ แต่ว่ายที่นี่ก็ได้ เนอะริวจัง เนอะๆๆ”

                เมื่อเดินมาทัน เขาก็พูดไม่หยุด ริวหยุดเดิน หันมามองลูซ

                “พูดจบหรือยัง”

                “จบแล้วริวจัง”

                “งั้นจะไปไหนก็ไปเลยไป ฉันอยากไปเดินเล่นคนเดียว”

                “แต่เราสองคนมาฮันนีมูนกันนะริวจัง จะให้เดินคนเดียว ใจร้ายจังเลย”

                “เดี๋ยวตอนเย็น ฉันกับนายก็มาเจอกันไม่ใช่หรือไง”

                “ง่า…”ลูซทำท่าจะเบะปาก ริวถอนหายใจ

                “นี่ ให้ฉันมีเวลาส่วนตัวบ้างได้ไหม”

                “งั้นเย็นนี้ ริวจังต้องไปเล่นน้ำกับลูซด้วยน้า น้า น้า”

                พอโดนอ้อนเอามากๆ ชายหนุ่มก็เผลอพยักหน้าใส่เหมือนทำให้ปัญหามันจบ แค่นั้นลูซก็คลี่ยิ้มร่าแล้วกดหอมแก้มอย่างสุขใจ เขาไม่ได้เดินตามติดริวจนเป็นเงาเหมือนเคย

ปล่อยให้สามีได้เดินเล่นในโรงแรมตามที่ต้องการ

                ริวเดินตรงมาที่ลิฟต์ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังออกมาจากลิฟต์อีกตัว เขาแค่รู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก

                เขาเดินเล่นไปตามจุดต่างๆในโรงแรม มีทั้งส่วนที่บริการสปา และบริเวณที่เป็นร้านค้าที่เปิดในโรงแรมไว้บริการลูกค้า

                [ริวจัง อยู่ไหนเหรอ]

                แม้จะเห็นรายชื่อคนที่โทรมาแล้วริวรู้สึกไม่อยากจะรับโทรศัพท์ แต่เขาก็ต้องกดรับสายจนได้ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปสักคำ ลูซก็พูดแทรกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                “ฉันอยู่ตรงร้านขายแว่นตา”

                [งั้นเดี๋ยวลูซไปหาน้า]

                ไม่ต้องรอให้ตอบรับ ลูซก็รีบกดวางสาย ริวเดินไปหยุดนั่งรอที่เก้าอี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้คิดจะนั่งรอลูซ ที่จริงควรจะเดินหนีไปที่ไหนสักแห่ง แต่ถ้าทำอย่างนั้น อาจจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลังก็เป็นได้

                “ริว”

                ไม่ใช่เสียงของลูซที่ทัก เขาหันไปมองตามเสียง แล้วดวงตาทั้งคู่ก็ต้องเบิกกว้าง

                “ดา”

                ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนอื่นไกล เขาเคยเดทกับเธออยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะบินไปติดต่อเรื่องงานที่ต่างประเทศ

                “ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอริวที่นี่”

                ธิดา หญิงสาวตัวเล็กน่ารัก ใบหน้าเธอสวยคมอย่างหญิงไทย ทุกอย่างบนร่างสมส่วน ได้มาตามธรรมชาติ เธอเป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว ไม่เคยที่จะมีอะไรกัน ทำให้ริวค่อนข้างจะประทับใจในตัวเธอ ที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายและดูเป็นคนที่น่าค้นหา

                “เอ่อ แล้วดากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “ก็เพิ่งมาถึงไม่กี่วันนี่ล่ะ อยากมาพักที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน”

                “แปลกจังเลยนะ ปกติ เวลาไปไหนไกลๆ ก็ต้องอยากกลับบ้านกันทั้งนั้น”

                “แต่คงไม่ใช่สำหรับดาหรอก ว่าแต่…แล้วริวมาพักที่โรงแรมเพราะเรื่องงานเหรอ”

                เธอถามยิ้มๆ ริวนิ่งไป เพราะไม่กล้าตอบว่าเขามาพักที่โรงแรมเพราะมาฮันนีมูน

                “ริวจังงง”

                ลูซหยุดแทบไม่ทัน เมื่อเห็นริวยืนอยู่กับผู้หญิงแปลกหน้า แถมยังสวยเสียจนลูซรู้สึกเคืองขึ้นมา ถึงเขาจะสวยกว่า แต่เรื่องรูปร่าง ผู้หญิงตรงหน้าเขาอาจจะได้เปรียบ ลูซเดินตรงไปหาริว

                “ริวจัง เพื่อนริวจังเหรอ”

                ธิดายิ้ม แล้วหันไปทักทายลูซ เธอยื่นมือออกไป เพราะดูยังไง ลูซก็เป็นคนต่างชาติ

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เรียกว่าดาก็ได้ค่ะ ดาเคยคบกับริวมาก่อน เอ่อ คุณเป็นเพื่อนของริวเหรอคะ”

                ลูซขมวดคิ้วฉับทันที ไม่ยอมจับมือ เขาหันขวับไปมองหน้าริว ภรรยาคนสวยเตรียมตัวจะอ้าปากบอกว่าเขาคือภรรยา แต่ริวก็รีบยกมือปิดปากลูซเอาไว้อย่างรวดเร็ว

                “ลูซ ลูกของรุ่นน้องคุณแม่น่ะ อยากจะมาเที่ยว ก็เลยพามาพักที่โรงแรม”

                “อ๋อ…เข้าใจแล้วล่ะ งั้นดาขอตัวก่อนเลยก็แล้วกันนะคะ”

                เธอรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก เลยขอตัวไปก่อน ลูซดิ้นไปมา เมื่อธิดาเดินห่างไปสักพัก ลูซถึงหันมาต่อว่าสามี

                “นี่มันอะไรกันริวจัง ทำไมแนะนำลูซแบบนั้น”

                “แล้วฉันไปโกหกตรงไหน นายก็เป็นลูกของคุณน้าน้ำเพชร ฉันพูดอะไรผิดไม่ทราบ”

                “ชิ”

                ลูซสะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆ เพราะเขาคาดหวังว่าริวจังของเขาควรจะแนะนำว่าเขาคือภรรยาที่แสนดีต่างหาก ริวส่ายหน้าน้อยๆอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

                “จะไปเล่นน้ำไหม ถ้าไม่ไป ฉันจะขึ้นห้อง”

                “ไปสิไป”

                เพราะกลัวว่าสามีจะเปลี่ยนใจ ลูซถึงได้รีบตอบทันที เขารีบเข้าไปควงแขนเล็กของสามี แล้วแสดงความเป็นเจ้าของทั้งทางสีหน้าและท่าทาง ริวอยากจะสะบัดลูซให้ออกห่าง แต่ก็อยากเหลือเกินเพราะลูซเกาะแน่นราวกับเป็นปลิง

                ทั้งคู่ไปเปลี่ยนชุดก่อนที่จะมาลงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีแขกหลายคนที่เลือกจะมาเล่นน้ำในยามเย็นก่อนขึ้นไปทานมื้อค่ำ

                ตู้ม!

                ลูซกระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว พลางกวักมือเรียกริวให้ลงมาด้วย ชายหนุ่มยังคงนั่งจิบน้ำส้มอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบตัวยาว

                “ลงมาเล่นด้วยกันสิริวจัง”

                “นายอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ”

                เขาทำเมินไปทางอื่น ลูซยิ้มกริ่ม แล้วขยับกายไปติดขอบสระ

                “ไม่เอา ริวจังลงมาเล่นกับลูซน้า ลูซเล่นคนเดียวแล้วเหงา”

                เสียงของลูซไม่ใช่เบาๆ ริวหันซ้ายหันขวา เพราะเริ่มมีหลายคนหันมาสนใจพวกเขา และนั่นเป็นสิ่งที่ริวไม่อยากให้เกิดขึ้น ชายหนุ่มรีบลุกจากเก้าอี้เดินมาหาลูซ แล้วพูดเสียงดังไม่มากนัก

                “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เล่น นายอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ แล้วก็อย่าเสียงดังอีก เข้าใจไหม”

                ลูซทำหน้ายู่ทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งจากสามี แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาที่ริวจะยืนขึ้นเพื่อหมุนกายเดินกลับ ลูซก็รีบเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กแล้วกระชากตัวริวลงมา

                ตูม!!

                เสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจในลำคอดังขึ้น ริวตกลงมาในน้ำโดยที่ไม่ทันได้เตรียมใจ เขายกมือลูบหน้าตัวเองแล้วมองลูซตาขวาง

                “นี่นาย…”

                “ง้า ลูซก็แค่อยากเล่นน้ำกับริวจังเท่านั้นเองน้า”

                “ตายซะเถอะ!”

                กายเล็กพุ่งจะเข้าไปทำร้ายลูซ แต่ลูซก็ไวกว่ารีบว่ายน้ำหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ริวกัดฟันกรอดๆ เขาไม่คิดจะยอมแพ้ รีบว่ายน้ำตาม

                “ตามให้ทันสิริวจัง”

                ดูเหมือนว่าลูซจะเริ่มสนุกที่ได้ว่ายหนีมากกว่าหวาดกลัว แต่คนที่คับแค้นใจก็ยิ่งเคืองหนักขึ้นไปอีก เขารีบว่ายตามลูซอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องจับลูซมาสำเร็จโทษให้ได้

                “อ๊ะ”

                ริวหยุดชะงัก เมื่อว่ายไปถึงจุดหนึ่ง แล้วพบกับใครบางคน

                “ดา”

                “อ้าว ริว ไม่คิดว่าจะมาเล่นน้ำด้วยนะ”

                เธอค่อยก้าวลงมาในสระอย่างช้าๆ ริวยิ้มอย่างเก้อเขิน รูปร่างของธิดางดงามเหมือนเทพธิดาสมชื่อ ในขณะที่ลูซกำลังว่ายอย่างสนุกสนาน เขาก็รู้สึกแปลกไปที่อยู่ๆ ริวจังของเขาก็หยุดไล่ล่าเขา พอหันกลับไป เจ้าตัวก็ขมวดคิ้วฉับทันที

                “ริวมาเล่นน้ำคนเดียวเหรอ”

                “อ่า”

                “ริวจางงง”

                เสียงนั้นไม่ใช่คนอื่นไกล ลูซรีบว่ายกลับมาหาสามีของตัวเอง ชายหนุ่มมายืนประชิด จนแผ่นอกกว้างสัมผัสกับไหล่เล็ก ริวพยายามขยับตัวออกห่าง

                “นายจะไปไหนก็ไปไป๊ น่ารำคาญจริง”

                “แต่ลูซอยากเล่นน้ำกับริวจังนี่นา”

                คนตัวโตทำหน้าหงอย แต่ริวทำเป็นไม่สนใจ แล้วคุยกับธิดาต่อ

                “แล้วดามาเล่นน้ำคนเดียวเหรอ”

                “อืม แล้วคิดว่าดาจะมากับใครล่ะ”

                เธอตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มสวย ลูซรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง เขาอยากจะพาริวจังให้ขึ้นจากสระ เขาไม่อยากให้คนรักของเขาต้องคุยกับสาวสวยที่เป็นอดีตแฟนเก่านานกว่านี้

                “ริวจัง กลับห้องกันเถอะ”

                “อะไรกัน นายอยากจะเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ ก็เล่นไปสิ”

                ลูซหน้างอ แต่ดูเหมือนว่าริวจะไม่สนใจ เขาหลบไปคุยกับธิดาเพียงแค่สองคน แต่ลูซไม่ยอมง่ายๆ เพราะริวจังเป็นของเขาคนเดียว

                “ริวจัง ให้ลูซอยู่ด้วยสิ”

                ริวชักสีหน้าไม่พอใจทันที เขาไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าเขาแต่งงานแล้ว แถมยังแต่งกับเจ้ากะเทยตัวใหญ่

                “ไปห่างๆเลยไป”

                “ไม่เป็นไรหรอกนะริว เล่นน้ำหลายๆคนสนุกดีออก”

                เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งไปให้ลูซ ลูซเองก็ยิ้มเสแสร้งกลับไป ในดวงตาเอาแต่จับจ้องริวจัง เพราะไม่อยากให้คลาดสายตา

                “ถ้านายบอกเธอเกี่ยวความสัมพันธ์ของเรา ทริปฮันนีมูนก็ถือว่ายกเลิกไปซะ”

                เพราะธิดาต่างจากผู้หญิงคนอื่น ริวเลยไม่อยากให้เธอมารับรู้ชะตากรรมที่น่าสมเพชของเขา ต่างจากลูซที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกแย่และเจ็บปวด เพราะคิดว่าริวจังไม่เคยสนใจความรู้สึกของเขาเลย

                แม้จะอยู่กันสามคนแต่ดูเหมือนว่า ลูซจะกลายเป็นส่วนเกิน เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ริวก็ทำเมิน แม้ธิดาจะพยายามคุยด้วยกับเขา เขาก็ไม่ได้อยากจะคุยด้วยสักเท่าไหร่ แต่ก็ตอบกลับเธอไป เพราะไม่อยากให้ริวจังไม่สบายใจและเกลียดที่เขาไปหาเรื่องแฟนเก่าในอดีต

                …เขาคือภรรยาตัวจริง เป็นคนในปัจจุบัน ทำไมเขาต้องไปกลัวกับคนในอดีตด้วย…

                เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างสูงก็เชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ เขาแสยะยิ้ม แล้วจ้องมองธิดาอย่างคิดใคร่ครวญ ธิดาดูแตกต่างจากผู้หญิงคนก่อนที่ลูซเผชิญ เขาคิดว่าเธอน่าจะฉลาด แต่เรื่องที่ยังคิดเกินเลยกับริวจังอยู่หรือไม่นั้น ลูซก็ยังไม่อาจจะตอบได้ เพราะอ่านสายตาของเธอไม่ออก

                เมื่อเล่นน้ำจนรู้สึกพอใจแล้ว ทั้งสามก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง โดยที่ลูซกับริว เป็นฝ่ายกลับขึ้นห้องมาก่อน

                “ริวจังจะไปไหน”

                “ฉันจะไปเดินเล่นสักหน่อย นายไม่ต้องตามมาหรอก”

                “ทำไมล่ะ ให้ลูซไปด้วยไม่ได้เหรอ”

                “นายเฝ้าห้องไปเถอะ เดี๋ยวเขาก็จะเอาอาหารขึ้นมาเสิร์ฟให้ไม่ใช่หรือไง”

                “แต่ว่า”

                ลูซอยากจะแย้ง แต่พอเห็นสายตาของริว เขาก็เงียบไป ฮันนีมูนมีโอกาสล่มได้ ถ้าเขาไปขัดใจริวเอามากๆ ถึงยังไง แค่ริวจังยอมมาด้วยก็ถือว่าดีมากแล้วหลังจากผ่านคืนสานสัมพันธ์ของพวกเขาไป แต่ถึงยังไง เขาก็เป็นภรรยาของริว

                เมื่อสามีออกจากห้องไปสักพัก พนักงานของโรงแรมก็นำอาหารมาเสิร์ฟพร้อมของให้กับเซอร์ไพรสสำหรับคู่รัก คือเค้กก้อนใหญ่และแชมเปญ

                ทั้งที่คิดว่าตัวเองควรจะมีความสุขที่ได้มาฉลองฮันนีมูนกับคนรักแต่ลูซกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ

                ชายหนุ่มเดินกระวนกระวายแทบจะรอบห้อง เขายังไม่ได้จุดเทียน ยังไม่ได้ลงมือทานอาหารแม้แต่คำเดียว

                “ทำไมริวจังยังไม่กลับ”

                เขาไม่รู้ว่าสามีสุดหล่อของเขาไปเดินเล่นถึงที่ไหน ทำไมถึงได้กลับห้องมาช้านัก แต่นั่นก็ทำให้ลูซอยู่ไม่เป็นสุข

                ในตอนแรกเขาตั้งใจจะรอให้ริวกลับมาเอง แต่ตอนนี้เขาทนรอไม่ไหวแล้ว ยังไงเขาก็ต้องไปตามหาคนรักของเขา

                …เขาต้องรู้ให้ได้ว่าริวจังของเขาไปอยู่ไหน…

                ในสมองคิดไปต่างๆนานา ว่าคนรักของตัวเองอาจจะเจอกับอันตรายก็เป็นได้ ชายหนุ่มเป็นห่วงจนรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งลงไปถึงชั้นล่างของโรงแรม เพราะคิดว่าริวน่าจะมาเดินเล่นแถวนี้

                แต่ทว่าดวงตาคมก็ต้องหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเดินไปหยุดบริเวณที่เป็นสวนด้านหลังของโรงแรม ใจของเขาบีบรัดแน่น เมื่อเห็นภาพที่แสนบาดตา

                ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดกันอย่างแนบแน่น ฝ่ายหญิงซบหน้ากับไหล่ของฝ่ายชาย ลูซไม่เห็นว่าริวจังแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เขาไม่อาจจะทนมองได้นาน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติตัวเอง

                …ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหน ลูซก็ไม่ยกให้ทั้งนั้น!...

                “ริวจัง!”

                เสียงเรียกของลูซ ทำให้ทั้งคู่ผละออกอย่างรวดเร็ว ลูซทำทีว่าเพิ่งเดินมาถึง และไม่เห็นภาพบาดตาที่ผ่านมา ธิดายิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นลูซเหยียดยิ้มในขณะที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

                “นี่ริวจัง  อาหารมาแล้วนะ อย่ามัวมาเสียเวลาอยู่เลย เดี๋ยวจะอาหารจะเย็นไปหมดเสียก่อน”

                ริวรู้สึกอึดอัด กับสายตาและคำพูดที่ออกมา ธิดาเองก็รับรู้ได้ แต่ลูซไม่ยอมให้เธอเป็นฝ่ายหนีไปก่อน เขาเข้ามาแนบชิดกับริวทางด้านหลัง ใบหน้าสวยก้มต่ำลง กระซิบบอกข้างๆ ใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ริวรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา

                “ทิ้งภรรยาไว้บนห้อง แล้วมาหาคนอื่น…เป็นสามีที่ใจร้ายจังเลยนะริวจัง”



100%

แจ้งข่าวจ้า

อากิจะเปิดพรีนิยายเรื่องนี้ วันที่ 10 สิงหาคม -10 กันยายน 2559

ราคาหนังสือ 380 บาท (ไม่รวมส่ง) ค่าส่งแบบลงทะเบียน 40 บาท ค่ะ

ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/





หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 05-08-2016 21:27:35
ปรกติเราไม่ชอบลูชนะ แต่คราวนี้ริวทำตัวไม่น่ารักเลย

อยากคบผู้หญิงคนใหม่ ก็ควรจะจอให้เลิกกับลูชเสียก่อนซิ :m16:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 05-08-2016 21:34:27
เราอยากเห็นริวเจ็บบ้างได้ไหม ไม่ใช่ให้ลูซเป็นฝ่ายตามตลอด เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-08-2016 21:57:03
ปล้ำเลยลูซ หมั่นไส้ริวมาก :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 17 ฮันนีมูน
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 05-08-2016 22:22:03
อยากเห็นริวจังง้อลูซมั่ง.  ริวทำตัวไม่น่ารักเลย.
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 10-08-2016 20:40:42
18

ภรรยาที่แสนดี

 

 

                ริวเดินตามลูซเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง เขาไม่ค่อยเห็นลูซในสภาพที่นิ่งสงบ ไม่มีเสียงพูดรบกวนแบบนี้ ชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังของลูซ เขาไม่เห็นว่าลูซทำหน้าอย่างไร และกำลังแสดงอารมณ์แบบไหนอยู่

                ตึง

                ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อถึงชั้นของห้องพักที่พวกเขาอยู่ ตั้งแต่แยกกับธิดา ท่าทางของลูซก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ริวเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะถาม เขาเอาแต่นิ่งเงียบจนกระทั่งถึงหน้าห้อง

                ทั้งคู่เดินเข้าไปหยุดอยู่ใจกลางห้อง ริวมองโต๊ะอาหารที่ตกแต่งไว้อย่างตั้งใจ ดูท่าทางแล้ว ลูซอาจจะมีส่วนช่วยในการตกแต่งสิ่งเหล่านี้ด้วย

                “อาหารมาเสิร์ฟนานแล้วเหรอ”         

                เขาเอ่ยขึ้นมา เพื่อขจัดความอึดอัด ลูซยังคงนิ่งเฉย ริวเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วพูดต่อ

                “ฉันหิวแล้ว ฉันกินล่ะ”

                ริวหมุนกายจะไปนั่งที่เก้าอี้ แต่ทว่าแรงกอดรัดจากด้านหลังก็ทำให้เขายืนตัวเกร็ง แขนยาวโอบกอดเอวเล็กเอาไว้ พร้อมกับใบหน้าสวยที่วางเกยไหล่เล็ก

                “ลูซรักริวจัง”

                “อ่า…”ริวพูดไม่ออก

                “ลูซดีใจที่ได้แต่งงานกับริวจัง”

                “…”

                “ลูซมีความสุข”

                “…”

                “ริวจังมีความสุขเหมือนลูซใช่ไหม”

                คำถามนั้นเหมือนเต็มไปด้วยความปรารถนา น้ำเสียงของชายหนุ่มติดอยู่ที่ลำคอ ใจของเขาเต้นผิดจังหวะ แรงกระชับโอบกอดนั้นมากขึ้น แต่ริวกลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจจนอยากผลักไสออกอย่างรุนแรง

                …นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่…

                ลูซผละออกจากกายเล็ก ท่าทีเปลี่ยนไปยิ้มแย้มเหมือนเคย ริวมองลูซที่เริ่มจุดเทียนเพื่อเพิ่มบรรยากาศ เขาปิดไฟดวงใหญ่ในห้อง เปิดไว้เพียงตรงโคมไฟที่มุมห้องเพื่อให้บรรยากาศในห้องดูโรแมนติก

                “โรแมนติกจังเลยเนอะริวจัง”

                ว่าพลางประกบมือกัน ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ดูเหมือนคนมีความสุข ริวหย่อนกายนั่งลง หลังจากนั้น ลูซจึงมานั่งฝั่งตรงข้าม

                “มาดินเนอร์ใต้แสงเทียนแบบนี้ ดีจังเลยเนอะริวจัง”

                “รีบกินๆไปเถอะน่า”

                ริวพยายามตัดบท แต่ลูซก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ

                “อุตส่าห์มาฮันนีมูนกับริวจังทั้งที จะให้ไม่คุยกันเลยเหรอ แบบนี้ก็เงียบแย่เลยสิ”

                ภรรยาคนสวยพยายามชวนคุย ริววางมีดและส้อมลง เขาเงยหน้ามองลูซ

                “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว นายอย่าทำตัวน่ารำคาญนักเลย”

                “ริวจังจะบอกว่า ลูซมันน่ารำคาญมากงั้นเหรอ”

                ลูซเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่แววตากลับเริ่มเปลี่ยนไป

                ความอดทนของมนุษย์ทุกคนมีไม่เท่ากัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าริวจะว่า จะด่า หรือผลักไสลูซมากแค่ไหน แต่ภรรยาคนสวยเขาก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สา เอาแต่ยิ้มแย้มอย่างใจดี แต่ครั้งนี้ริวกลับไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

                ความหึงหวงครุกรุ่นตั้งแต่ช่วงเวลายามเย็น ตั้งแต่เจอธิดาครั้งแรก และที่สระว่ายน้ำ แต่ที่จุดไฟชนวนความหึงให้ประทุอย่างรุนแรง คงไม่พ้นฉากพลอดรักที่ยังติดตาของลูซ

                …ตอนนี้ลูซคือภรรยาของริวจัง ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ลูซมีสิทธิ์ในตัวของริวจังทุกอย่าง…ริวจังจะไปมองคนอื่นนอกจากลูซไม่ได้!...               

                ริวมัวแต่ตัดชิ้นเนื้อสเต็กเข้าปากด้วยความหิว ไม่ทันได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เขาคิดแค่ว่าลูซคงรู้สึกตัวว่าทำให้เขารำคาญ ถึงได้เงียบไปไม่พูดจาใดๆ อีก

                ดวงตาคมสวยจับจ้องที่สามีเป็นระยะ จนกระทั่งริววางช้อนส้อมและมีดลง ใช้ผ้าเช็ดปาก แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม บ่งบอกว่าการทานอาหารคาวในมื้อนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ลูซจึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาเลื่อนเค้กก้อนโตมาตรงหน้าริว

                “กินเค้กกันนะริวจัง”

                ลูซตัดเค้กแล้วใส่จานส่งให้กับริว ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ

                “ฉันอิ่มแล้ว”

                ว่าพลางลุกจากเก้าอี้ แค่นั่งทานข้าวด้วยกันใต้แสงเทียน ริวก็รู้สึกว่ามันแปลกมากแล้วระหว่างผู้ชายด้วยกัน เขารู้สึกกระดากอายเกินกว่าที่จะทานเค้กหน้าตาสวยงามด้วยกันต่อไปได้

                ถึงจะเป็นฮันนีมูน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องมาทำเรื่องโรแมนติกด้วยกัน แค่ยอมนอนห้องเดียวกัน ยอมไปเล่นน้ำด้วย มันก็น่าจะเกินพอแล้ว

                “ทำไมริวจังไม่กินเค้กล่ะ”

                เงาสูงใหญ่อยู่ด้านหลัง ริวไม่หันไปมอง แต่เพียงครู่ร่างของเขาก็ถูกดันจนต้องเซให้นั่งลงที่ปลายเตียง

                “ออกไปห่างๆ”

                ในมือของลูซยังถือจานใส่เค้กที่ตัดไว้ให้สามี แต่สามีของเขากลับแสดงท่าทางรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ มันทำให้ลูซแทบจะหมดความอดทน

                …อารมณ์ดีอะไรกัน ยิ้มแย้มอะไรนั่น ก็แค่ทำไปเพื่อให้ริวจังสบายใจ เพราะจะได้เข้ากับใบหน้าสวยๆ ที่ริวจังชอบ…

                แต่ถ้าทำไปแล้วยิ่งทำให้ริวจังคิดว่าจะเมินลูซก็ได้แบบนี้ ลูซยอมทำตามแบบที่ใจต้องการเสียยังดีกว่า

                “นายคิดจะทำอะไร!”

                ริวเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบเล็กที่ลูซพกมาด้วยในกระเป๋าเดินทาง ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังถือมันไว้ในมือ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ริวมากขึ้นเรื่อยๆ จนคลานขึ้นมาบนเตียง แล้ววางจานเค้กเอาไว้

                “ก็ทำเรื่องที่สามีภรรยาควรทำกันในคืนฮันนีมูนไงล่ะริวจัง”

                รอยยิ้มร่าเริงหายไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่ไม่ว่าดูยังไงก็ช่างแตกต่างจากลูซคนก่อนที่เหมือนกับนางฟ้า แต่คนตรงหน้าริวในยามนี้คงไม่ต่างกับนางฟ้าที่พร้อมจะกลายร่างเป็นซาตานตัวโตที่จะกัดกินคนที่ตัวเองรักให้เป็นของตัวเองแค่คนเดียว

                “ออกไปนะ! ฉันบอกให้ออกไป!”

                แต่ดูเหมือนว่าคำไล่ของริวจะไม่ได้ผล ชายหนุ่มไม่คิดจะยอมแพ้ ยกเท้าถีบลูซไม่ยั้ง แต่ภรรยาตัวใหญ่ก็จับข้อเท้าเล็กเอาไว้ให้ขาทั้งสองอ้าออก ก่อนจะแทรกกายเข้าไปอยู่ระหว่างตัวของชายหนุ่ม ริวกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

                “พูดอะไรแบบนั้นล่ะริวจัง สามีภรรยากัน ถ้าไม่แนบชิดกัน มันจะแย่เอานะ”

                ไม่เพียงแค่พูด แต่สายตาคมสวยยังสื่อมาอย่างชัดเจน มือใหญ่ก็ทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว รีบปลดเปลื้องช่วงล่างของริวจนเปล่าเปลือยเหลือแต่กางเกงใน

                “ออกไป ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้ อ๊ะ”

                ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นอุปกรณ์ช่วยที่เป็นเหมือนกุญแจล็อกข้อมือ แต่มันกลับเป็นหนังสีน้ำตาลอ่อน ข้อมือทั้งสองถูกล็อกเอาไว้ให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนอย่างวุ่นวายได้อีก ริวจ้องมองลูซราวกับจะฆ่าให้ตาย

                “อย่ามองลูซแบบนั้นสิริวจัง สายตาเร่าร้อนแบบนี้ เดี๋ยวลูซจะทนไม่ไหวเอาน้า”

                ริวอยากจะโจนเข้าไปกัดลิ้นลูซเสียให้ขาด จนเลือดกบปาก ร่างกายของเขาที่พยายามจะขัดขืนเหมือนอ่อนแรงลง เพียงเพราะโดนสัมผัสร้อนจากมือหนา

                เรื่องราวอันแสนอับอายที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันเกิดตอนที่เขายังเมาไม่ได้สติ แต่ตอนนี้เขามีสติครบถ้วนทุกอย่าง เขาไม่สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้อีกแล้วว่ามันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่

                แล้วถ้าครั้งนี้เขาคิดว่ามันคือการข่มขืนล่ะ… เขายังจะเสียศักดิ์ศรีอยู่ไหม แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขาก็คิดว่ามันคือการเสียศักดิ์ศรีอยู่ดี เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย การที่ถูกผู้ชายด้วยกันข่มขืน มันไม่ใช่เรื่องน่าดีใจสักนิด

                “ปล่อยสิ! ปล่อย”

                ริวยังคงพยายามดิ้นขัดขืนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะสุดท้าย เสื้อผ้าของเขาก็หลุดลุ่ยจนเห็นแทบทุกสัดส่วนของร่างกาย

                “ริวจังของลูซ”

                “ออกไปนะ”

                แม้พยายามถอยกายหนี แต่สุดท้ายริวก็ถอยไปจนติดหัวเตียง ใจของเขาเต้นแรง แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองจนได้

                “เดี๋ยวก่อน!”

                คำพูดนั้นทำให้ลูซชะงัก เงยหน้ามองสามี

                “หืม”

                “นายบอกว่ารักฉันใช่ไหม!”

                “ใช่แล้วริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มหวาน พลางพรมจูบไปตามไหล่ลาด ลมหายใจเป่ารด ริวขนลุก แต่ก็พยายามตั้งสติ เขารู้ตัวดีว่าสู้แรงลูซไม่ได้

                “ถ้านายรักฉัน นายก็จะไม่ขืนใจฉันใช่ไหม”

                ลูซนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วยกมือป้องปาก หัวเราะอย่างมีความสุข

                “คิกคิก ริวจังล่ะก็ ขืนจงขืนใจอะไรกัน ลูซกำลังจะทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่ เพื่อปรนเปรอให้ริวจังมีความสุขจนลืมคืนนี้ไม่ลงเลยต่างหาก”

                “อึก”

                “ให้ความร่วมมือกับลูซดีกว่านะริวจัง ลูซรับรองว่าริวจังจะต้องมีความสุข”

                ว่าพลางงับเม้มเข้าที่ติ่งหูเล็ก ริวสั่นสะท้าน เขาได้แต่เบือนหน้าหนี แต่ก็ใช่ว่าจะหนีสัมผัสของลูซได้พ้น ชายหนุ่มก้มลงมาจูบไล่ตั้งแต่ปลายคางจนถึงลำคอ ดูดเม้มสร้างรอยรัก

                “ยะ อย่า อื้อ”

                ปากบอกว่าอย่า แต่ร่างกายกลับตอบสนองอย่างตรงข้าม ริวแทบไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายที่แอ่นสู้ริมฝีปากร้อนคือตัวของเขาเอง ยอดอกเล็กถูกดูดดึงจนริวสั่นระริก เขาไม่คิดว่ายอดอกของผู้ชายจะรับความรู้สึกได้มากขนาดนี้

                “อ๊า!!!”

                เสียงครางหวานดังลั่น เมื่อมีวัตถุบางอย่างเริ่มทำงาน มันเหมือนแท่งพลาสติกที่นุ่มนิ่ม ลูซกำลังเปิดระบมให้มันทำให้งานและไปจ่อเอาไว้ที่ยอดอกอีกข้างของเขา

                “ริวจังชอบใช่ไหมล่ะ หัวนมริวจัง น่ารักจังเลย”

                ว่าพลางลากลิ้นเลียไปยังยอดอกอีกข้างที่ตั้งชูชันตามแรงอารมณ์ ริวส่ายหน้าไปมา ลูซยิ้มหวานแล้วใช้ปลายนิ้วป้ายครีมจากเค้กมาถูวนไปมาที่รอบยอดอก

                “ขอลูซชิมหน่อยน้า ว่าเค้กของโรงแรมจะอร่อยสักแค่ไหนกันเชียว”

                “มันน่าอาย ไม่เอา”

                คนตัวเล็กได้แต่ร้องบอกเสียงแผ่ว ท่าทางหื่นกระหายของภรรยาทำให้เขาหวั่นใจ แต่ลูซก็ไม่คิดจะหยุด เขาก้มลงไปเลียลิ้มชิมรสขนมหวานบนร่างของสามี

                “อร่อยจังเลยเนอะริวจัง”

                บอกไปก็ทานไปอย่างสุขสม แล้วจบท้ายด้วยการดูดดึงยอดอกเล็กซ้ำๆ ริวกระตุกเกร็ง ช่วงล่างตอบสนองแข็งขืน จนลูซไม่อาจจะปล่อยให้ผ่านสายตาไปได้ เขาเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับแก่นกายเล็ก แล้วรูดรั้งมันเบาๆ

                “อื้อ หยุดเดี๋ยวนี้”

                ริวได้แต่บอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่ลูซไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาเลื่อนอุปกรณ์ในมือให้ต่ำลงจนมาสัมผัสกับแท่งเนื้อ แรงสั่นสะเทือนในตอนแรกไม่มากนัก แต่แล้วลูซก็เพิ่มระดับของมัน   ริวสะดุ้งเฮือก ร้องครวญครางน้ำตาคลอ ขนกายลุกชัน

                “มันแปลกๆ เอาออกไป”

                “แปลกอะไรกันริวจัง ของดีๆทั้งนั้นเลยน้า”

                ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ที่ลูซปรนเปรอ แต่ปลายลิ้นร้อนก็เริ่มลากไล้ไปตามหน้าท้องบาง ดูดเม้มเลียวนรอบสะดือเล็ก ริวรู้สึกเหมือนว่าร่างกายเขากำลังโดนกลืนกิน แต่ที่น่าหงุดหงิดใจที่สุด คือเขาดันเพลิดเพลินไปกับสัมผัสที่ลูซมอบให้

                “มะ ไม่”

                ได้แต่ร้องขออย่างคนหมดแรง ยิ่งความร้อนสัมผัสกับแท่งเนื้อ ริวก็ยิ่งสติแตก ทั้งที่ควรขยับร่างหนี แต่สะโพกเล็กกลับแอ่นขึ้นให้ลูซได้กลืนกินความเป็นชายของเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม

                เขามีสติ แต่กลับไม่ผลักไสให้รุนแรงกว่านี้ เสียงก็เหมือนขาดหายในลำคอ

                “ลูซรัก รักริวจังที่สุดเลย”

                คำรักแผ่วเบา แต่ดังมากพอจนริวได้ยิน เหมือนเป็นมนต์สะกดให้ริวเผลอโอนอ่อนไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจุดไหนที่โดนลูซสัมผัส ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านเหมือนคนหมดแรง

                สวบ สวบ

                ริมฝีปากห่อรัดแท่งเนื้อร้อน ขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังน่าอาย แต่ก็สร้างความสุขสม จนริวไม่อาจจะกัดฟัน กลั้นเสียงร้องแห่งความสุขได้อีก

                “อะ อื้อ อ๊า”

                เขาเสียวจนแทบจะขาดใจ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อมีบางอย่างแปลกปลอมแทรกเข้ามาในตัว เขากระตุกเกร็ง

                นิ้วเรียวยาวแทรกเข้าไปในร่าง ไต่คว้านหาจุดกระสันที่จะส่งผลให้คนตัวเล็กได้สุขสมจนหลงลืมทุกสิ่ง ในขณะที่ลิ้นร้อนเองก็ตวัดเลียไอศกรีมแท่งน้อยอย่างกระหายไม่หยุดหย่อน ทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้รับการปรนเปรอจนริวไม่อาจจะทนไหว ปลดปล่อยความอึดอัดจนพวยพุ่งเต็มปากสวย ก่อนจะนอนหอบหายใจตาปรือ

                “อึก”

                ลูซดื่มกินน้ำหวานในปากอย่างเอร็ดอร่อยและไม่นึกรังเกียจ เขามีความสุขที่ได้ดูดดื่มของเหลวจากร่างคนรัก ริวนอนหมดแรงเมื่อได้ปลดปล่อยไปเพียงครั้งเดียว

                “นะ นั่นอะไร”

                “เดี๋ยวริวจังก็รู้ คิคิ”

                ริวไม่ค่อยเข้าใจนัก มันคล้ายๆห่วงครอบอะไรสักอย่าง มีหลายห่วงที่มีส่วนยืดให้เชื่อมต่อกัน แต่ลูซก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาใช้

                “ริวจังอยากกินเค้กไหม ลูซป้อนให้นะ”

                “มะไม่เอา”

                “ไม่ได้นะ ต้องกินสิ ไม่อย่างนั้นคนที่ทำมาให้ คงจะเสียใจแย่เลย”

                เขากดยิ้มอย่างน่ารัก ริวเผลอใจเต้นไปแรงไปชั่วครู่ ทำไมเขาถึงได้อ่อนไหวกับรอยยิ้มและสายตาของลูซมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขาคิดว่าเขาไม่ชอบลูซเลยแม้แต่น้อย แต่ริมฝีปากเขากำลังอ้ารับเนื้อครีมและเค้กเข้าปาก เพราะลูซตักป้อน

                “อ่า…”

                ความหวานหอมเกิดขึ้นในปาก ริวยอมรับว่าเค้กชิ้นนี้อร่อย เขาพยายามยันกายลุกขึ้น อย่างน้อยเขาควรจะหนีไปจากตรงนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะลูซเข้ามาประชิดตัว และโอบกอดเขาไว้อย่างรักใคร่ ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองจนเปลือยกาย ริวแอบกลืนน้ำลายลงคอ

                ร่างกายของลูซแข็งแกร่งสมชายชาตรีจนเขาอิจฉา ไออุ่นร้อนแผ่มาจนริวสัมผัสได้ เขาถูกอุ้มให้มานั่งตักแกร่ง

                “ปล่อยฉันนะ”

                “ไม่เอาหรอกริวจัง อยู่แบบนี้ลูซชอบนี่นา ได้กอดริวจัง ได้กินเค้กด้วยกัน แถมของริวจังกับลูซยังเสียดสีกันอีก มีความสุขสุดๆเลยน้า”

                ริวได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะคำพูดแสนลามก แก่นกายเล็กและแก่นกายใหญ่แนบชิดติดกันจนเขาอับอายไม่กล้ามอง แต่สัมผัสของมันก็ทำให้เขารับรู้ถึงกันได้ ลูซขยับสะโพกเล็กน้อย ปล่อยเสียงครางอย่างลามก

                “ซี๊ด…ริวจัง ลูซเสียวจังเลย ริวจังเสียวไหม”

                “สะ เสียวบ้าอะไร อย่ามาทำเรื่องทุเรศกับฉันแบบนี้นะ เจ้าโรคจิต”

                เขาพยายามดันกายลูซให้ออกห่าง แต่ลูซกลับโอบกอดริวเอาไว้แน่น ริมฝีปากพรมจูบไปตามผิวขาวเนียน

                “แต่ลูซรักริวจัง รักริวจังที่สุด ริวจัง ให้ลูซได้รักริวจังเถอะนะ นะริวจัง”

                นิ้วเรียวยาวปัดป้ายขนมเค้กแล้วยื่นไปสัมผัสกับริมฝีปากเล็ก ให้ริวได้กลืนกินความอร่อย เขาตกอยู่ใต้การควบคุมของลูซอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสายตาและริมฝีปากสวยช่างเย้ายวนจนให้หลงใหล ไหนจะสัมผัสแสนหอมหวานที่เจ้าตัวมอบให้จนเขาไม่อาจจะผลักไสออกได้อย่างง่ายดาย

                …ผู้ชาย ยังไงเจ้านี่ก็เป็นผู้ชาย…

                เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็คิดจะผลักลูซอย่างเต็มแรง แต่ทว่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับจูบแสนเร่าร้อนและโหยหาเต็มไปด้วยความรักจนริวแทบจะสำลักความสุขตายอยู่ตรงนี้ เขาสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความเหนียวเหนอะหนะที่บริเวณใจกลางลำตัว

                ครีมเค้กสีขาวกำลังโดนลูซนำมาถูไถจนเปรอะเปื้อนไปหมด ริวตกใจ ร้องเสียงหลง

                “นะ นี่นายทำบ้าอะไร”

                “หืม…ก็ผลัดกันชิมเค้กไงริวจัง”

                ลูซคลี่ยิ้มร้าย เขาดันร่างของสามีให้เอนลง แล้วพลิกกายกลับหัวกลับหางจนอยู่ในท่าหกเก้า ริวตกใจ ความใหญ่โตของลูซอยู่เบื้องหน้าของเขา ส่วนปลายต่ำลงมาจนจะโดนริมฝีปาก

                “ริวจัง…ชิมสิ อร่อยนะ”

                …จะให้ชิมเค้ก บนเจ้าโลกของแกเนี่ยนะ!...

                เสียงนี้ดังขึ้นในสมอง แต่ทว่าเขาก็ต้องร้องครางพร่าเสียงหลงเมื่อลูซเริ่มชิมความอร่อยบนแท่งเนื้อเล็กของเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก หลุบตามองลูซที่กำลังปรนเปรอให้เขาอย่างเต็มที่

                “ริวจัง…ลูซออกจะเป็นภรรยาที่แสนดี ริวจังจะใจร้ายกับลูซได้ลงคอเลยเหรอ อย่าใจร้ายกับลูซเลยนะ”

                ภรรยาตัวใหญ่บอกเสียงอ่อนเสียงหวาน พลางลดสะโพกให้ต่ำลงจนแก่นกายใหญ่ชิดกับแก้มนิ่ม ริวเบือนหน้าหนี ลูซจับริวจังน้อยลากเลียไม่หยุด

                “ใจร้ายจังเลยนะ ริวจัง…”

                น้ำเสียงตัดพ้อยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ อาวุธขนาดใหญ่ส่ายไปมาอยู่เบื้องหน้า ริวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้เผลอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระสัน แต่แล้วเขาก็เผลอทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คาดคิด

                ชายหนุ่มยื่นมือไปสัมผัสกับสิ่งใหญ่โตตรงหน้าด้วยความกล้าๆกลัวๆ แค่สัมผัสก็รับรู้ถึงความปรารถนาที่ลูซมีต่อเขา มันยิ่งทำให้ริวใจเต้นแรง เขาไม่อยากจะคิดว่าลูซรักและต้องการเขามากขนาดไหน

                หยาดน้ำปริ่มที่ส่วนปลายจนล้นทะลักหยดลงบนใบหน้าสวย ถึงมันจะไม่ใช่น้ำรัก แต่ริวก็รู้ว่ามันจะไหลออกมาเมื่อความต้องการไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป

                เขากำลังทำเรื่องที่บ้าบิ่นและไม่อาจจะหยุดได้อีกต่อไป เพียงเพราะแรงอารมณ์ แต่ทั้งหมดคงไม่ใช่แค่นั้น ริวหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ร่างกายเขากลับตอบสนองไปตามคำขอของลูซ

                “อะ อื้อ”

                เสียงครางพร่าอย่างสุขสม ทำให้ริวใจเต้นแรงหนักกว่าเดิม เหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุข ที่สามารถทำให้ภรรยาของเขาพึงพอใจจนร้องครางแบบนั้น

                ความอยากรู้อยากลอง มันมากกว่าความรังเกียจที่จะต้องมาเลียความเป็นชายของเพศเดียวกันไปเสียแล้ว ยิ่งเลียไปตามเนื้อครีม ก็ยิ่งหวาน จนกระทั่งได้สัมผัสกับแก่นกายใหญ่โดยตรง เขาก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะเลีย

                “อู้ว ริวจังเก่งจังเลย อื้อ ลูซเสียวแทบบ้า”

                ยิ่งได้ฟังก็เหมือนจะทำให้สติของริวหลุดไปไกล เขาอ้าปากยอมให้ส่วนใหญ่โตได้แทรกเข้ามา ซึ่งลูซก็ไม่คิดจะหยุดแค่นั้น รีบดันกายเข้าไปในโพรงปากร้อนอย่างรวดเร็วจน

ริวหายใจไม่ออก สะโพกสอบเริ่มขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนตัวออกมา

                “อ่า…”

                ริวอายจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อสติตัวเองกลับมา นี่เขาได้ทำออรัลเซ็กให้กับผู้ชายไปแล้วจริงๆ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คือเขาไม่รู้สึกรังเกียจ

                “ริวจังน่ารักที่สุดเลย”

                ลูซพลิกกายเข้ามาโอบกอดร่างเล็ก พรมจูบไปตามไปหน้าหวานแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากสวย ทั้งสองร่างแนบชิดนัวเนียกันจนแทบจะเป็นคนเดียว ริวถูกลูซชักพาไปสู่ความหฤหรรษ์จนเขาเองก็ไม่อาจจะหลุดออกมาได้

                ทั้งตื่นเต้น สุขสมกว่าทุกครั้งที่เคยทำกับผู้หญิง เขาไม่เคยรู้สึกสุดยอดขนาดนี้มาก่อน แขนเล็กโอบกอดลูซเอาไว้เป็นที่ยึด ห่วงเหล็กถูกสวมเข้าที่แก่นกายเล็ก เพียงชั่วอึดใจ ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

                “อื้อ อึดอัด”

                ห่วงนั้นรัดแท่งเนื้อเล็กที่ขยายขนาด จนริวต้องร้องขอให้ลูซช่วยปลดปล่อยให้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความต้องการนั้น เพราะลูซต้องการให้ริวได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและสุขสมจนแทบขาดใจตาย

                “ขยับสิริวจัง ถ้าริวจังทำให้ลูซปล่อยแล้ว ลูซจะถอดห่วงให้”

                กลายเป็นว่าเจ้าตัวต้องนั่งขย่มแท่งเนื้อร้อนจนกว่าลูซจะปลดปล่อยออกมา เขาอายเกินกว่าจะทำ แต่อารมณ์ที่ครุกรุ่นก็โดนลูซปลุกเร้าด้วยริมฝีปาก ดูดเม้มที่ยอดอก เบียดสะโพกให้แนบแน่น ริวแทบจะคลั่ง อยากหลุดพ้นจากความอึดอัดนี้

                ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของลูซ ริวตอบสนองอย่างขัดเขินและกระดากอาย แต่ทว่าก็เร่าร้อนจนลูซแทบจะขาดใจ ทั้งศักดิ์ศรีและสิ่งต่างๆ ถูกทำให้หลงลืมไปเพราะความต้องการที่มากล้น ทั้งคู่ปรนเปรอให้แก่กัน ริวมีความสุขจนเผลอมองข้ามไปเลยว่า เขากำลังมีเซ็กกับผู้ชาย

                “อะ อ๊ะ อ๊า”

                เมื่อทั้งคู่ใกล้จะปลดปล่อย ลูซก็รีบถอดห่วงนั้นออก แก่นกายเล็กพองขยายพุ่งฉีดน้ำรักจนเปรอะไปทั่วท้องแกร่ง ริวหอบหายใจ แต่ศึกครั้งนี้ยังไม่ยอมจบง่ายๆ ลูซยังปรารถนาที่จะครอบครองและมอบความสุขให้กับริวจนกว่าสามีจะหมดแรง

                “มะ ไม่ไหวแล้ว”

                “ริวจังยังไหว ลูซจะพาริวจังไปสวรรค์ ไปกับลูซนะ”

                “อื้อ…”

                คำตอบทุกอย่างถูกปิดตายในทันที เมื่อลูซก้มไปจูบ เขาเริ่มเล้าโลมและชักพาริวอีกครั้ง ให้ชายหนุ่มได้ตกไปในบ่วงปรารถนาที่เขาสร้างขึ้น

                …ริวจังเป็นของลูซคนเดียว ไม่มีใครจะทำให้ริวจังมีความสุขได้เท่าลูซ ผู้หญิงคนไหนก็ให้ริวจังแบบนี้ไม่ได้ มีแค่ลูซเท่านั้นที่ให้ริวจังได้ มีแค่ลูซเท่านั้น!...     

                ทุกท่วงท่าและจังหวะนั้นเร่าร้อนและดุดัน ริวแทบจะคลั่งตายภายใต้อ้อมกอดที่แสนสุขสม เขาเหมือนถูกเหวี่ยงไปที่สูงแล้วตกลงมาโดยมีอ้อมกอดที่อ่อนโยนโอบรัดไว้ ถึงลูซจะทำหนักหน่วงแค่ไหน แต่ริวก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่และทะนุถนอม เขาปลดปล่อยหลายต่อหลายครั้งจนไม่เหลืออะไรจะออก

                ใบหน้าหล่อฟุบเข้ากับแผ่นอกกว้าง เปลือกตาอ่อนล้าจนแทบจะปิดลง

                “รู้สึกดีใช่ไหมริวจัง”

                ลูซกระซิบถาม เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายได้จบลง ริวไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                อ้อมแขนที่กอดรัดตอบ ทำให้ลูซคลี่ยิ้มกับท่าทางนั้น เขารับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอภายใต้อ้อมกอด

                …ริวจังของเขาหลับไปแล้ว…

                “ลูซรักริวจังที่สุด”

                ราวกับเป็นคำบอกฝันดี คนตัวเล็กขยับตัวซุกเข้าหาไออุ่น ลูซได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะอย่างน้อย ริวจังก็เหมือนจะเริ่มเปิดใจให้เขาบ้างแล้ว

                ชายหนุ่มจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน โอบกระชับอ้อมกอด แววตาเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อนึกถึงใครบางคนที่ปรากฏมาในวันนี้

                “รักลูซเถอะนะริวจัง…อย่าไปรักใครนอกจากลูซ…มองแค่ลูซ…อย่าไปมองใคร ได้ไหมริวจัง”

                คำขอร้องดังไม่มากนัก แต่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่มากล้น ภายใต้ใบหน้าที่งดงามกลับเต็มไปด้วยความไหวหวั่น ลูซหวังว่าสักวัน คำขอร้องนั้นจะเป็นจริง

 

 100%

 

ขอบคุณทุกการติดตาม

 

เปิดพรีออเดอร์ค่ะ

 

http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

 (https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/13921015_1798954423706061_9091839270985803961_n.png?oh=18037746fc02f037afccd4712c6f1422&oe=58574558)

 

 



 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 10-08-2016 23:13:57
โหยยยย นึกว่าริวจะโดนจับขังแล้วนะ 5555
ยังไงซะบูชก็รักอีกฝ่ายเกินกว่าที่จะทำร้ายได้ :really2:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 11-08-2016 07:56:47
วิธีจัดการสามีแบบริวจังมันต้องเจอแบบนี้  555!   งานนี้คุณภรรยาทำถูกแล้ว เรานับถือและยกนิ้วให้  อิอิ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-08-2016 09:03:30
 :haun4:  อุ๊ยงง  :hao6:   ภรรยาทำหน้าที่เสียบได้ดีมากค่ะ
คุณสามีริวจังเลยต้องยอมตามใจตลอดๆ บทบาทเมียบนเตียงริวจังเอาไปเลย
ลงจากเตียงลูซเป็นภรรยาช่างปรนนิบัติต่อไป
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 11-08-2016 09:18:59
 :mew2:

ทำไมรู้สึกเหมือนลูซข่มขืนริวจังอ่า  :ling1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 11-08-2016 20:06:02
เหมือนจะรำคาณภรรยา แต่ไปๆมาๆก็เหมือนจะไม่รำคาณ

เอ....มันยังไงยังไงอยู่น๊าาาา คุณสามี
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 18 ภรรยาที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 12-08-2016 15:40:13
 :jul1: :oo1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 15-08-2016 21:53:38

19

เพราะรัก

 

            หลังผ่านพ้นคืนฮันนีมูน ทั้งสองก็เดินทางกลับมาพักที่บ้านฝ่ายสามี ตั้งแต่กลับมาจากฮันนีมูน ลูซรับรู้ได้ว่าริวเหมือนกำลังหลบหน้าเขา แม้จะนอนห้องเดียวกัน แต่ริวก็มีท่าทีหมางเมิน พยายามไม่คุยด้วย ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้นถ้าไม่จำเป็น

                ทั้งที่คิดว่าสามีจะเริ่มเปิดใจให้ แต่บางทีลูซก็อาจจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เพราะดูเหมือนว่าท่าทีของริวจะไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก

                ลูซมักจะลงมาทำอาหารเช้าให้กับครอบครัวเสมอ วันนี้ทุกคนไม่อยู่บ้าน เพราะเดินทางไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย แล้วจะกลับมาค่ำๆ เหลือเพียงแค่ริวและลูซเท่านั้น เมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาในบ้านหลังจากเลิกงาน ทางลูซที่เตรียมอาหารเย็นไว้รอคนรักก็รีบออกมารีบเดินตามสามีทันที เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะเดินไปทางบันได

                “ริวจางงง”

                “เฮ้ย!!!”

                ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก เมื่อโดนภรรยาตัวสูงบีบก้น เขาหันขวับไปมองลูซ เตรียมตัวจะต่อว่า แต่ทว่าก็ต้องเงียบไป เมื่อชายหนุ่มยื่นจานไก่มาตรงหน้า

                “หอมเนอะริวจัง”

                “นี่แต่งตัวบ้าอะไรของนายห๊ะ”

                ลูซใส่เพียงกางเกงขาสั้นและผ้ากันเปื้อน เสื้อก็ไม่ยอมใส่ ชายหนุ่มหัวเราะคิกคัก แล้ววางจานไก่อบลงบนโต๊ะ เข้ามากอดรัดริวเสียเต็มอ้อมกอด

                “ก็ลูซเตรียมอาหารไว้รอริวจังไง”

                ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีอย่างรับไม่ได้ แต่ลูซก็ไม่ยอมแพ้ หอมแก้มนิ่มซ้ำๆ แถมมือยังคอยป้วนเปี้ยนบริเวณก้นอีกต่างหาก

                “มือน่ะมือ”

                ริวพยายามเตือน แต่ลูซทำไม่รู้ไม่เห็น เนียนเอนศีรษะซบเข้าที่ไหล่เล็ก

                “คิดถึงริวจังจังเลย ริวจังไม่อยู่ ลูซเหง้า เหงา”

                สายตานั้นออดอ้อนจนริวหมั่นไส้ เขาตีมือของลูซอย่างเต็มแรง ขืนปล่อยให้ทำตามใจชอบ คนที่เดือดร้อนก็คงเป็นเขาเอง

                ยังโชคดีที่เวลาที่ผ่านมา หลังจากกลับจากฮันนีมูน ถึงลูซจะเข้ามาลวนลามเขาแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็เชื่อฟัง เขาบอกว่าไม่ก็คือไม่ เลยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้มีเซ็กด้วยกันอีก

                ริวรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป เขาเริ่มมองหาลูซบ่อยขึ้น และยังยอมให้ลูซมานอนด้วยบนเตียง พอดูไปดูมาแล้ว ลูซก็ไม่ใช่ผู้ชายเลวร้ายตรงไหน เพียงแต่ในสายตาของริว ลูซก็คือผู้ชายที่ไม่ควรมาเป็นภรรยาของเขา

                “ริวจังทำงานมาเหนื่อยๆ ต้องทานเยอะๆน้า”

                อาหารที่ลูซทำนั้นถูกปากจนริวรู้สึกหมั่นไส้ เขาเจริญอาหารขึ้น แต่ที่จะทำให้ความอยากอาหารน้อยลงก็คงเป็นสายตาที่จ้องมองเขาทานอย่างไม่กระพริบตา ดูมีความสุขเสียเหลือเกิน

                “นายจะจ้องฉันอีกนานไหม”

                “ก็ลูซมีความสุข เวลาที่เห็นริวจังมีความสุขนี่นา”

                “ฉันกินไม่ลง”

                “งั้นลูซป้อนนะ”

                จบคำก็รีบเด้งตัวมานั่งข้างๆริวทันที ริวเหลือบตามองลูซ

                “ไม่ต้องเลย ฉันไม่ได้พิการ ฉันกินเองได้”

                “แต่ลูซอยากป้อนให้นี่นา”

                “เฮ้อ จริงสิ แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อ”

                “ก็มันร้อนนี่นาริวจัง แถมใส่แค่นี้ ก็เซ็กซี่ดีด้วย”

                ว่าพลางยู่ปาก ขยิบตายั่วยวนสามี ริวส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆ ตัวก็โตอย่างกับนายแบบต่างชาติ ยังจะมาทำตัวแอ๊บแบ๊วเป็นสาวน้อยไปได้

                “พอเลยๆ นายกลับไปนั่งที่ตัวเองเลยไป ไม่งั้นก็ไปที่ไหนก็ได้”

                “ไม่เอาหรอก ลูซอยากดูริวจังกินข้าวนี่นา”

                เมื่อเหนื่อยที่จะพูดโต้ตอบ ริวก็เลือกที่จะเงียบแล้วลงมือทานอาหารต่อ ในขณะที่ลูซก็นั่งมองสามีอย่างเพลินตา

                พอขึ้นมาถึงห้อง ลูซก็รีบร้อนที่จะเข้ามาช่วยริวอาบน้ำ ในตอนแรกๆ ที่อยู่ด้วยกัน ริวหนีอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ยอมให้ลูซเข้ามาอาบด้วย แต่เมื่อวันหนึ่งเกิดพลาดให้เข้ามาด้วยกัน ก็พบว่าลูซแค่ช่วยอาบน้ำจริงๆ ถึงจะมีลวนลามบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นเกินเลย

                “ริวจังเมื่อยไหม เดี๋ยวลูซนวดให้น้า”

                การบริการก็นับว่าดีเยี่ยม ฝ่ามือร้อนบีบคลึงบริเวณไหล่ของริวอย่างกำลังดี ริวแทบจะหลับตาเคลิ้ม ถ้าไม่ติดว่าชอบมีริมฝีปากมาป้วนเปี้ยนแถวต้นคอ

                “คิดจะทำอะไร”

                “ลูซแค่อยากขอรางวัลเองน้า”

                “ฮึ่ย ออกไปข้างนอกเลยไป”

                “ริวจังก็ ให้ลูซช่วยปลดปล่อยตรงนี้ก็ได้น้า รับรองต้องมีความสุขแน่ๆ”

                ไม่เพียงแค่พูด แต่ฝ่ามือร้อนก็เลื่อนมาสัมผัสจุดสำคัญ ริวอยากจะผลักไสมือใหญ่ แต่เมื่อโดนปลุกเร้าเข้าหนักๆ เจ้าตัวก็เผลอโอนอ่อนผ่อนปรนให้ลูซได้สัมผัสมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุขสม

                “ดีไหมริวจัง”

                ว่าพลางลูบไล้ครีมอาบน้ำไปตามลำตัวเล็กเหมือนนวดคลึงให้ผ่อนคลาย ริวเริ่มชินกับสัมผัสของลูซ เขาพยักหน้าเบาๆ

                “อืม”

                จะว่าแปลกก็แปลก ที่เขาไม่รู้ว่าเขายอมรับลูซให้เข้ามาในชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ ริวไม่ทันได้สังเกตตัวเอง ว่าเขาไม่ค่อยวิ่งหนีลูซเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดี เมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูว่า

                “ลูซรักริวจัง”

 

-------+++++-------

 

                วันนี้เป็นอีกวันที่ริวกำลังจะออกจากบ้าน เพื่อไปทำงานเหมือนดังปกติ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ออกจากบ้าน

                “ริวจังง อย่าเพิ่งไปสิ”

                ลูซเข้ามาหาคนรัก แล้วยื่นบางอย่างให้ มันคือสร้อยเงิน ที่มีตัวอักษรย่อของชื่อลูซและริว ริวเหลือบตามอง

                “อะไรของนาย”

                “ก็ลูซให้ริวจังนี่นา ทำไมริวจังลืมไว้ในห้องน้ำอีกแล้วล่ะ”

                “ฉันไม่อยากใส่ นายเอาเก็บไว้ในห้องเลยไป”

                “ไม่เอาอ่ะ ก็อยากให้ริวจังใส่นี่นา”ลูซทำหน้างอน

                “เอาไปเก็บ”

                “น้าๆๆ ริวจัง ใส่น้า เพื่อลูซไม่ได้เลยเหรอ แค่นี้ก็ทำให้ลูซไม่ได้เหรอ”

                สุดท้ายเขาก็แพ้ต่อสายตาที่เศร้าสร้อยของลูซจนได้ ริวยอมใส่สร้อยเพื่อตัดความรำคาญของตัวเอง  แต่ก็ทำให้ลูซยิ้มร่าอย่างมีความสุข

ริวเดินออกจากบ้านแล้วเขาก็เจอกับพี่สาวของตัวเองที่เหมือนยืนดักรอเขาอยู่

                “มีอะไรหรือเปล่าพี่ริน”

                “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายสักหน่อย”

                “พี่จะออกไปข้างนอกด้วยไหม ติดรถผมไปก็ได้นะ”

                “ก็ดี งั้นเดี๋ยวเราไปคุยกันบนรถ”

                ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถ ลูซยืนมองสองพี่น้องที่ไปด้วยกัน เขาได้แต่ยิ้ม เพราะดีใจที่คนรักเข้ากับพี่สาวได้ดี แม้นานๆทีจะเจอรินก็ตาม เพราะหญิงสาวค่อนข้างที่จะเดินทางบ่อย ลูซเองก็รับรู้ได้ถึงความไม่ค่อยพอใจที่รินมีต่อเขาแต่เขาก็จะพยายามไม่ใส่ใจ

                “มีอะไรหรือเปล่าครับ ดูหน้าพี่เครียดๆ”

                “ดูท่าพวกนายจะไปกันได้ดีสินะ”

                “เอ๊ะ พี่รินหมายถึง”

                “ก็นายกับเจ้ากะเทยนั่นไงล่ะ”

                “อ่า…”

                ริวอึ้งไปกับคำกล่าวของพี่สาว เขากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ รู้สึกพูดไม่ออก

                “หรือว่านายรักเจ้านั่นไปแล้ว”

                “ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ใช่พวกผิดเพศ”

                เมื่อรถยนต์หยุดจอดตรงไฟแดง รินก็หันไปมองน้องชาย สายตาตำหนิเล็กน้อย

ริวเริ่มเหงื่อตก

                “จริงเหรอริว ไม่ใช่ว่านายรักเจ้านั่นไปแล้วนะ”

                “จริงแท้แน่นอนครับ ผมไม่ได้คิดเกินเลยอะไรกับเจ้าบ้านั่นแน่ๆ”

                ไม่รู้ว่าทำไมพูดไปเขาก็เจ็บแปลบที่หัวใจไปด้วย รินคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นน้องชายยืนยันหนักแน่น

                “งั้นก็ดีแล้ว”

                หลังจากที่ริวขับรถไปได้สักพัก รินก็บอกให้ริวจอดรถ เพราะเธอมีธุระที่จะไปทำต่อ และปล่อยให้ริวขับรถไปทำงานเหมือนทุกวัน

                ชายหนุ่มนั่งทำงานในห้อง ในหัวก็พาลคิดถึงเรื่องของภรรยาตัวโตที่อยู่ที่บ้าน เขาถอนหายใจออกมาหลายครั้ง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแย่เมื่อนึกถึงคำตอบที่ให้ไปกับพี่สาวของเขา

                Rrrr

                เบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏ ทำให้ริวขมวดคิ้วทันที เพราะมันคือเบอร์ของธิดา ชายหนุ่มกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป

                “สวัสดีครับ”

                [ริวเองเหรอ นี่ดานะ]

                “อืม มีอะไรหรือเปล่า”

                [ดาอยากนัดริวมาทานข้าวด้วยกัน เย็นนี้ริวว่างไหม]

                “ได้สิ ที่ไหนดีล่ะ”

                หลังจากนัดสถานที่เสร็จแล้ว ริวก็กดวางสายแล้วทำงานของตัวเองต่อ จนกระทั่งเวลานัดมาถึง เขาจึงเก็บของและเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังร้านที่นัดกับธิดาเอาไว้

                ธิดามาถึงตามนัดก่อนที่ริวจะมาถึงเพียงไม่กี่นาที ชายหนุ่มเดินเข้ามาทักทายหญิงสาวราวกับเป็นเพื่อนคนหนึ่ง

                “ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าดาจะนัดผมออกมาแบบนี้”

                “ก็ดาแค่อยากขอบคุณริวก็เท่านั้นเอง”

                เธอเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหน ริวก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ถึงแม้จะเจ้าชู้ แต่ก็ดูอบอุ่น เมื่อเลิกกันแล้วก็ไม่ได้เกลียดแค้นเธอ และยังสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

                “พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ดาก็เหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งนะ”

                “นั่นสินะ แต่เพราะริวเลยทำให้ดาคิดได้”

                หลังจากกลับมาที่ต่างประเทศ ธิดาได้มาพักที่โรงแรมเดียวกับริว สาเหตุที่เธอไม่ยอมกลับบ้านเพราะเธอทะเลาะกับคนรักใหม่ที่ชอบหึงหวงเธอจนเกินเหตุ

                “ดาเป็นคนสวย ไม่แปลกหรอกที่แฟนดาจะหึงหวง”

                ริวไม่ได้พูดโกหก เขาพูดไปตามความจริง ธิดาเป็นผู้หญิงที่งามทั้งหน้าตาและจิตใจ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ แต่ก็ไม่เคยหลับนอนกับผู้ชายคนไหนถ้ายังไม่ได้แต่งงาน

                “แต่ก็ต้องขอบคุณริวจริงๆ ที่คำพูดของริวช่วยเตือนสติดา”

                ในวันนั้นที่ริวเดินลงมาจากห้องพัก เขาเจอธิดากำลังยืนเหม่อมองฟ้าในยามค่ำคืน ชายหนุ่มจึงเข้าไปทัก ทั้งคู่ได้พูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและคนรัก เขาแค่กอดปลอบเธอเพื่อปลอบใจ ไม่ได้มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อน

                “ริวสั่งอาหารก่อนสิ มื้อนี้ดาเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการขอบคุณ”

                “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตเสียหน่อย”

                ว่าพลางระบายยิ้มอย่างอ่อนโยน ริวมักจะใจดีกับผู้หญิง เขาเองก็ดีใจที่ธิดามีความรักใหม่กับคนที่รักเธอมากจนหึงหวงขนาดนี้

                “แล้วดาตัดสินใจแล้วใช่ไหม”

                “อื้อ ดาคิดว่าดาจะกลับไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แล้วเราก็จะเริ่มต้นกันใหม่ ดาอยากมีความสุข”

                ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนที่อาหารจะเริ่มมาเสิร์ฟ ทั้งคู่คุยกันเรื่องทั่วๆไป แล้วปิดท้ายด้วยการจากลา

                ธิดาเป็นคนเดินออกไปก่อน ในขณะที่ริวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปบอกที่บ้านว่าวันนี้เขาจะกลับช้ากว่าปกติ โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่ต้องโทรไปบอก เพื่อให้มารดารับรู้ หรือเพราะมีใครบางคนกำลังรอเขากลับบ้าน

                “ริวจางงงง”

                เสียงที่คุ้นเคยทำให้ริวสะดุ้งเฮือก เขาตกใจที่เห็นลูซเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉับทันที

                “นายมาได้ยังไง”

                “ก็ลูซคิดถึงริวจังม๊ากมาก ก็เลยจะมาหาริวจังที่บริษัท แต่คนที่บริษัทบอกว่าริวจังออกไปแล้ว”

                “แล้วนายรู้ได้ยังไง ว่าฉันอยู่ที่นี่”

                ลูซอมยิ้ม เขาไม่บอกกล่าวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าสร้อยที่ริวใส่นั้นติด GPS ติดตามเอาไว้ทำให้ลูซสามารถรับรู้ได้ว่าสามีของเขาอยู่ที่ไหน และวันนี้เขาก็รู้ว่าริวจังสุดหล่อของเขามาพบกับผู้หญิงที่ชื่อธิดาอีกแล้ว นั่นทำให้ลูซค่อนข้างจะโกรธเคือง แต่ก็เก็บซ่อนอารมณ์หึงหวงนั้นไว้ในใจ

                “ริวจังกลับบ้านกันเถอะน้า ลูซอยากอาบน้ำกับริวจังจะแย่แล้ว”

                ถึงแม้จะไม่พอใจยังไง แต่ลูซก็เก็บซ่อนมันเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากให้ริวคิดว่าเขาเป็นภรรยาที่นิสัยไม่ดี

                “นายก็อาบไปคนเดียวสิ”

                “ไม่เอาอ่า ก็ลูซอยากอาบกับริวจังนี่นา

                ริวเดินกลับไปที่รถยนต์ของตัวเอง โดยที่มีภรรยาตัวสูงรีบขึ้นรถมานั่งข้างๆ ริวขับรถยนต์เพื่อจะมุ่งตรงกลับไปที่บ้าน แต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้ทันสังเกตว่ามีรถยนต์อีกคันที่ขับตามเขามา

                เอี๊ยดดด!!

                รถยนต์คันสีดำขับมาปาดหน้าแล้วหยุดจอด เมื่อริวเริ่มขับรถมาถึงเส้นทางที่รถยนต์ขับผ่านมาน้อยคัน ริวขมวดคิ้วทันที เขาเบรกรถแทบไม่ทัน

                “นี่มันอะไรกันครับ จงใจหาเรื่องกันเหรอครับ”

                ชายหนุ่มลงจากรถเพื่อไปถามคู่กรณี แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือหมัดหนักๆ ที่ชกเข้าที่ท้อง ลูซเบิกตากว้างเมื่อเห็นคนรักโดนทำร้าย เขารีบลงไปจากรถยนต์ทันที

                “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

                “อย่ามาเสือก มึงไม่เกี่ยว”

                ผู้ชายตัวใหญ่หันมาคุยกับลูซ ลูซอึ้งไปครู่เดียว ก็ผลักอกของชายคนนั้น

                “ไม่เกี่ยวตรงไหน ก็พวกแกทำร้ายริวจัง”

                “ไอ้นี่มันสมควรโดนแล้ว”

                พูดจบก็พุ่งเข้าไปต่อยหน้าของริวโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทันตั้งตัว ทำให้ริวเซล้มไป พร้อมกับเลือดกบปาก ลูซเบิกตากว้าง เข้าไปต่อยผู้ชายคนนั้นคืน แต่ทว่าก็มีผู้ชายอีกคนถือท่อโลหะยาวพอดีมือ พุ่งตรงมาจะทำร้ายริว

                “ริวจัง!!!”

                ลูซไวกว่า เขารีบเอาตัวไปขวาง ท่อนเหล็กฟาดเข้าศีรษะได้รูปอย่างเต็มแรง                “อ๊อก”

                ร่างสูงร้องอย่างเจ็บปวด เสียงรถตำรวจที่ขับผ่านมา ทำให้พวกมันทั้งสองคนรีบวิ่งขึ้นรถหนี แต่ก็ไม่วายจะตะโกนบอก

                “แล้วอย่ามายุ่งกับคุณธิดาอีก ไม่งั้นครั้งหน้า แกตาย!”

                ริวค่อยๆประคับประคองตัวเองให้ลุกขึ้น ค่อยๆดันร่างสูงใหญ่ที่นอนทับเขาให้ออกห่าง แล้วริวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อผมสีทองสวยเริ่มเปื้อนเลือดสีแดงสด พร้อมกับหน้าสวยที่เปลือกตาค่อยๆปิดลง

                “ลูซ!!!”

                ริวได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจที่ผ่านมา ลูซหมดสติไปแล้ว เขาเริ่มหวาดหวั่น ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย  เขานั่งมองลูซที่นอนหมดสติศีรษะอาบไปด้วยเลือด เขาเองก็มีบาดแผล แต่เขากลับรู้สึกเจ็บแทนลูซขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                ใบหน้าสวยที่มักจะยิ้มแย้มให้กับเขาเสมอในตอนนี้กลับหลับตาสนิท สีหน้าซีดเซียว ถึงแม้เขาจะนอนเตียงเดียวกับลูซ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะสนใจมองหน้าลูซในเวลานอน เขามักจะนอนหันหลังให้กับลูซเสมอ

                “นายต้องไม่เป็นไรนะ”

                เขาได้แต่บอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ  เลื่อนมือไปจับมือใหญ่ พลางลูบผมนิ่มอย่างปลอบโยน

                “ขอโทษ…ขอโทษ”

                ริวรู้สึกผิดมากมายเหลือเกิน เขารู้ว่าที่ลูซต้องมาเจ็บตัวนั้นเป็นเพราะเขา มันเกิดจากเรื่องระหว่างเขาและธิดา คนที่ส่งคนเหล่านั้นมา น่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอที่หึงหวง  เพราะไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับผู้ชายคนไหน

                “ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง”

                เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ริวก็รีบวิ่งตามเตียงของลูซที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน เขาทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ มีพยาบาลมาพาเขาไปทำแผล  ชายหนุ่มอยากจะอยู่รอดูอาการลูซ แต่ก็โดนรบเร้าจนต้องเดินตามพยาบาลไป

                “เสร็จแล้วค่ะ”

                หลังจากที่ทำแผลเสร็จ ริวก็รีบกลับมาหาลูซ เขานั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน เวลาผ่านไปไม่นานนัก มารดาและบิดาของเขาก็เดินทางมาถึง

                “ลูซเป็นยังไงบ้างลูก”

                “หมอบอกว่าปลอดภัยแล้วครับ”

                ลูซถูกย้ายมาที่ห้องพักพิเศษ ริวหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กับเตียงนอน รอบศีรษะพันไปด้วยผ้าก๊อซ

                “ริว มันเกิดอะไรขึ้นลูก”

                ราตรีเอ่ยถามบุตรชาย เธอรู้สึกสงสารลูกสะใภ้เหลือเกิน ริวก้มหน้าต่ำลง เขารู้สึกผิดเกินกว่าที่จะเอ่ย แต่สุดท้ายก็ต้องพูดออกไป

                “มันผิดที่ผมเอง เพราะผมมันไม่ดีเองครับแม่”

                ชายหนุ่มกัดปากตัวเองแน่น ดวงตาสั่นไหว รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตา ริวได้แต่โทษตัวเอง ความผิดครั้งนี้เขาขอรับมันไว้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าลูซเป็นอะไรไป เขาคงไม่คิดจะให้อภัยตัวเอง

               

 

               





100%

 

ขอบคุณทุกการติดตาม

 

แจ้งข่าวเปิดพรีออเดอร์ค่ะ

 

http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

 

 

 



 

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 15-08-2016 22:03:23
 :hao5: :hao5:
เจ็บตัวซะแล้ว
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-08-2016 22:04:42
 :mew6:     ถ้าไม่ใส่สร้อยก็ซวยไปคนเดียวแล้วริว. ถ้าเป็นแบบนั้นริวคงกลับกัน คนที่ร้องไห้จะเป็นลูซ
ก็ดีแล้วเพราะเราสงสารลูซอะ ไม่อยากให้ลูซต้องร้องไห้เลย
ริวจะสำนึกจริงๆไหมนะงานนี้.  :L2:   
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-08-2016 16:13:21
ตื่นมาความจำเสื่อม หรือไม่รักริวแล้วทีเถอะ จะสมน้ำหน้าริวให้ เหอๆ
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-08-2016 17:21:57
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 19 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 18-08-2016 14:51:35
ค้างอ่ะ :sad4: :a5:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-08-2016 21:17:34
20

คนปากหนัก

 

 

                “แม่ว่าลูกกลับไปที่บ้านก่อนดีไหมจ๊ะ”

                ราตรีเห็นลูกชายเอาแต่นั่งเฝ้าภรรยา แล้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ริวส่ายหน้าไปมา เขายังไม่รู้สึกสบายใจ ตราบใดที่ลูซยังไม่ฟื้น

                “คุณพ่อกับคุณแม่กลับบ้านไปก่อนเถอะนะครับ ผมขออยู่ที่นี่ต่อ”

                “แต่ว่านี่มันก็ดึกมากแล้วนะลูก ลูกเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย”

                “นั่นสิคะพี่ริว เดี๋ยวพี่ริวจะไม่สบายไปอีกคนนะคะ”

                รันผู้เป็นน้องสาวเข้ามาบอกพี่ชาย เห็นพี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ เธอเองก็เป็นห่วง แต่เธอก็ห่วงพี่ชายของเธอเช่นกัน เธอไม่อยากให้ริวต้องล้มป่วยไปอีกคน แค่นี้ทั้งมารดาและบิดาก็ทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว

                “ผมอยากอยู่ที่นี่ครับ ทุกคนกลับไปก่อนเถอะนะครับ”

                ริวหันมาบอกกับทุกคน สีหน้าของเขาดูอิดโรยและเต็มไปด้วยความเครียด ถึงจะบอกว่าลูซปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจว่าอาการจะไม่แย่ลง

                “กลับก่อนเถอะที่รัก เขาเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องดูแลกัน”

                น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อ ทำให้ริวยิ้มออกมาจางๆ เรียวขยับตัวไปประคองราตรีให้ลุกขึ้นเพื่อจะกลับบ้าน

                “จะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอลูก แม่ให้พยาบาลมาเฝ้าน้องก่อนก็ได้นะ”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้”

                ราตรีมองหน้าสามี เธอพรูลมหายใจออกมาอย่างเป็นห่วง แล้วเอ่ยขึ้น

                “งั้นก็ได้ แต่เดี๋ยวแม่ให้คนขับรถ เอาชุดมาให้ลูกเปลี่ยนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”

                “ไม่ต้องห่วงครับ สบายมาก”

                รอยยิ้มสวยส่งให้กับมารดา เขาพยายามยิ้ม เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเป็นกังวล ลำพังแค่ลูซคนเดียวที่นอนสลบอยู่ก็มากเกินพอแล้ว เขาไม่อยากให้ทุกคนต้องเป็นห่วงเขาไปด้วย

                …ครั้งนี้คนที่ผิดคือตัวเขาจริงๆ…

                “งั้นพ่อกับแม่ไปก่อนนะ”

                “รันไปก่อนนะคะพี่ริว”

                เมื่อครอบครัวกลับไปแล้ว ริวถึงได้นั่งถอนหายใจ เรื่องที่ลูซได้รับบาดเจ็บนั้น พวกเขาได้โทรไปบอกกับครอบครัวของลูซแล้ว อีกไม่นานบิดาและมารดาของลูซคงจะรีบเดินทางมาหาลูกชาย

                เวลาผ่านไปพักใหญ่ ก็มีคนขับรถที่บ้านนำเสื้อผ้ามาส่งเปลี่ยนให้ริวพร้อมกับอาหารที่บรรจุใส่กล่องมา มารดาเขาคงเป็นคนให้จัดการเรื่องพวกนี้ ริวรับเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ โดยห้องพักพิเศษนี้จะมีห้องน้ำในตัว ริวรีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวออกมาหาภรรยาของเขาที่ยังนอนไม่ได้สติ

                ทั้งที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าตัวเองคงจะดีใจที่ได้ผลักไสลูซไปให้ห่างๆ แต่ในตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น เขารู้สึกแย่เหลือเกินที่ลูซนอนหมดสติแบบนี้ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีรอยยิ้มที่คอยส่งมาให้กับเขา

                ริวไม่ยอมไปทำงาน เขาอยู่เฝ้าลูซจนผ่านไปหนึ่งวันเต็ม คืนนี้เป็นคืนที่สองที่เขาอยู่เฝ้าภรรยา

                “อึก”

                ริวรีบยันตัวลุกขึ้น เมื่อเห็นลูซเริ่มขยับตัว ชายหนุ่มรีบเดินไปหยิบน้ำแล้วใส่หลอดมาหาลูซ เขาวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะตัวเล็กหัวเตียง

                “เป็นยังไงบ้าง  เจ็บมากไหม”

                ลูซยังนิ่งเฉย แต่คิ้วสวยที่ขมวดเข้าหากัน บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ริวรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ

                “ดื่มน้ำก่อนนะ”

                เขารีบส่งแก้วน้ำให้ลูซ ริวมองลูซดูดน้ำไปเพียงไม่กี่อึก แล้วจึงผละออก เพราะไม่อยากดื่มน้ำต่อ ลูซยกมือประคองศีรษะตัวเอง

                “นายเป็นยังไงบ้าง ฉันนึกว่านายจะตายซะแล้ว เลือดนายไหลออกเยอะมากเลยนะ”

                ริวรัวถามไปอย่างรวดเร็ว เขาร้อนใจ ไม่รู้ว่าลูซจะมีอาการอะไรบ้าง เพราะโดนของแข็งฟาดไปเต็มแรงแบบนั้น

                “คุณ…เป็นใคร”

                คำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะออกจากปากลูซดังขึ้น ริวตัวแข็งทื่อ ใจเหมือนหยุดเต้น

                “นะ นี่นายจำฉันไม่ได้เหรอ”

                “งั้นคุณก็บอกมาสิ ว่าคุณเป็นใคร”

                ไม่ได้มีท่าทางล้อเล่นออกมาจากตัวลูซ หรือเป็นเพราะว่าเจ้าตัวโดนทำร้ายร่างกายมารุนแรง เลยทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน ริวทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ เขารู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจอย่างแรง

                “ลูซนายเป็นภรรยาฉัน นายจำฉันไม่ได้เหรอ ว่าฉันเป็นสามีของนาย”

                หากเป็นเมื่อก่อน ริวจะไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ทำไม ในตอนนี้หัวใจเขาถึงได้เรียกร้องให้เขาพูดเรื่องพวกนี้ออกมา เขารู้สึกกลัวถ้าลูซจะลืมเขา

                “จริงเหรอ”

                “จริงสิ นายคิดว่าฉันโกหกเหรอ!”

                ริวส่งเสียงดัง ลูซจากที่ทำหน้าสงสัยก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง แล้วโผเข้ากอดคนตัวเล็กไว้เสียแน่น

                “ลูซดีใจที่สุดในโลกเล้ยยย ที่ริวจังบอกว่าลูซเป็นภรรยา แล้วริวจังเป็นสามี คิคิ”

                ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนริวยืนอึ้ง เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ แล้วก็รับรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเข้าเสียแล้ว

                “หนอย นี่แหน่ะ!”

                ริวยกมือฟาดแขนของลูซไปเต็มแรง ภรรยาตัวโตร้องเสียงดังลั่น

                “โอ๊ยยยยย!!!”

                เสียงร้องโหยหวนทำให้ริวตกใจ เขารีบดูอาการของลูซทันที

                “เจ็บมากเลยเหรอ หรือว่ายังไง”

                “เจ็บใจมากกว่าริวจัง”

                ว่าพลางขยิบตาให้ แถมยังส่งยิ้มหวานให้อีก ริวถอนหายใจอย่างเอือมระอา เพราะบาดแผลของลูซอยู่ที่ศีรษะแต่เจ้าตัวก็ทำเป็นเจ็บเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้

                “แล้วแผลที่หัวเป็นไงบ้าง”

                “มันก็ปวดๆตุบ แต่พอเห็นหน้าริวจัง ลูซก็ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ”

                ไม่พูดเปล่า แต่ขยับเข้ามากอดเอว ซบหน้าลงกับไหล่เล็ก ในตอนแรกริวทำท่าจะผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ทว่าเขาก็ยืนให้ลูซโอบกอดเขาไว้แบบนั้น

                “ฉัน…ขอโทษนะ”

                ริวพูดขึ้นมา เสียงไม่ดังมากนัก แต่มันกลับดังก้องในใจของลูซ เขาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วกระชับอ้อมกอด

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกริวจัง ลูซยินดีตายแทนริวจัง”

                “พอเลย ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาตายแทนฉันสักหน่อย”

                “ลูซรักริวจังจริงๆนะ ลูซไม่อยากให้ริวจังต้องเจ็บตัว”

                ใจของเขาอ่อนยวบลงในทันตา ชายหนุ่มหันไปมองลูซที่ทำหน้าเป็นลูกหมาเหงาหงอย เขาถอนหายใจออกมา

                “นายควรจะนอนพักผ่อนเยอะๆ เข้าใจไหม”

                “นอนไม่หลับหรอกริวจัง”

                “ห๊ะ”

                ดวงตาของริวเบิกกว้างทันที เมื่อรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวที่ส่งผ่านมาจากกางเกงคนไข้ เขาหันขวับไปมองลูซทันที

                “นะ นี่นาย”

                “ริวจัง เราไม่ได้ทำกันมาตั้งหลายวันแล้วน้า ลูซจะตายอยู่แล้ว”

                กายสูงใหญ่ขยับมาลูบไล้ตัวสามีอย่างรักใคร่ ริวสั่นเล็กน้อย เขาพยายามดันตัวลูซให้ออกห่าง

                “อย่าคิดจะทำอะไรทุเรศๆนะ ที่นี่มันโรงพยาบาล”

                “อะไรกันริวจัง คนรักกัน แสดงความรักกัน มันทุเรศตรงไหน คิคิ”

                เอ่ยจบก็ระดมจูบไปตามพวงแก้มนิ่ม ริวพยายามเบี่ยงตัวหลบหนี แต่ลูซไม่ลดละ จนริวยกมือดันใบหน้าสวยเอาไว้

                “เจ้าบ้า นายป่วยอยู่นะ”

                “ใช่ๆ ลูซป่วย ลูซน้อยก็ป่วยด้วยน้า”

                ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปากเลยจริงๆ ริวถอนหายใจ เขาเบ้ปาก พยายามขยับกายหนี แต่ลูซก็เบียดเข้ามา แถมยังขยับสะโพกถูไถไปกับเอวของเขาอีก ความเป็นชายใต้ร่มผ้าดุนดันอย่างรุนแรงจนริวหน้าแดงด้วยความอาย

                “ยะ หยุดนะเจ้าบ้า”

                เขาได้แต่ห้ามเสียงแผ่ว แต่สุดท้าย ก็โดนจับให้หันหน้าเข้าหาเตียงคนไข้ มือเล็กกำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ในขณะที่ลูซยืนซ้อนจากทางด้านหลัง ก้มหน้ามาคลอเคลียต้นคอขาวเนียน แล้วพรมจูบทำรอยรักด้วยความเสน่หา

                “นะ น้าริวจัง ลูซเกือบตาย พอรู้ว่ารอดแล้วก็ดีใจมากๆ ทำให้ลูซเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันเถอะน้า”

                มือใหญ่สอดเข้าไปใต้กางเกงนอนของริว เขาบีบเค้นก้นนิ่มไปมา แล้วรีบจัดการดึงกางเกงให้ต่ำลงจนถึงต้นขา เผยให้เห็นผิวขาว

                “อย่า”

                ริวพยายามห้าม แต่ลูซก็แบะก้นนิ่มออก แล้วก้มหน้าเข้าไปดูดเลียที่ช่องทางด้านหลังอย่างหิวกระหาย ริวเสียวจนตัวเกร็ง เขาเผลอแอ่นสะโพกให้ภรรยาตัวดีได้สัมผัสมากขึ้น ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างอึดอัด ความเป็นชายที่ด้านหน้าเริ่มตื่นตัว เพียงแค่โดนสัมผัสจากลิ้นร้อน

                “อะ อื้อ  มะ ไม่ หยุดนะ”

                เขาพยายามหันมาห้ามลูซ แต่เหมือนร่างกายกลับตอบสนองจนน่ากลัว ริวฟุบหน้าลงกับเตียงผู้ป่วย เสียงดูดจ๊วบจ๊าบ ทำให้เขาเขินจนหน้าแดงก่ำ

                “ลูซไม่ไหวแล้ว ลูซขอเข้าไปนะริวจัง ลูซอยากรักริวจังจะแย่แล้ว”

                ภรรยาคนสวยร้องขออย่างเห็นใจ เขาล้วงควักแก่นกายร้อนออกมา ถูไถไปตามร่องก้น ก่อนจะค่อยๆจับกดแทรกเข้าไปในร่างเล็กอย่างช้าๆ

                “อะ อ๊ะ อื้อ”

                ช่องทางคับแน่นได้รับการหล่อลื่นด้วยน้ำลายของลูซ อาวุธร้อนแทรกเข้าไปในช่องทางคับแน่นอย่างช้าๆ ลูซซูดปากอย่างสุขสม

                “โอ้วว ริวจัง ลูซเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ อ่า”

                ใบหน้าหล่อโดนลูซจับหันให้มาจูบ ริวใช้แขนข้างหนึ่งเกาะไหล่แกร่งเอาไว้ สัมผัสร้อนผ่าวเติมเต็มเข้ามาในตัวของเขา ทั้งที่ริวคิดว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีเซ็กส์กับลูซเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับตอบสนองอย่างน่าอาย

                “ระ ริวจัง ลูซ อื้อ”

                สะโพกสอบเริ่มขยับ ในขณะที่มือก็เลื่อนไปด้านหน้าลำตัวบาง เพื่อช่วยรูดชักความเป็นชายของริวให้มากขึ้น ริวกัดฟันตัวเองเอาไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยเสียงร้องออกมา

                “ริวจัง ครางสิ ลูซอยากฟังริวจังครางนะ อื้อ”

                “อะ อ๊ะ อื้อ”

                เมื่อโดนกระแทกกระทั้นจนไม่อาจจะทานทนต่อไปได้ ริวก็ปล่อยเสียงครางพร่าออกมาอย่างไม่อาจจะสะกดกลั้น เขาแอ่นสะโพกรับแรงกระแทก

                ความเสียวซ่านเกิดขึ้น จนกายเล็กต้องบิดเร้า เลื่อนมือลงไปช่วยรูดชักความเป็นชายของตัวเอง ในขณะที่ลูซเองก็เลื่อนมือมาขยี้ยอดอกผ่านเสื้อนอนตัวบาง เขาจูบซับไปตามลำคอ

                “อะ อื้อ”

                เมื่อสุดปลายทาง สายธารอุ่นร้อนก็พวยพุ่งเข้าในร่างกาย ลูซรู้สึกมึนงง แต่เขาก็มีความสุข  โน้มตัวไปโอบกอดคนรักที่เพิ่งปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนเต็มพื้น มีเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังในห้องพักผู้ป่วย

                “รักนะริวจัง”

                คำหวานกระซิบข้างหู ริวหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความอิ่มเอิบชักพาให้การสานสัมพันธ์ร่างกายในครั้งต่อไปได้เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง

               
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-08-2016 21:20:56

-------+++++-------

 

                ก๊อกๆๆ

                ทั้งริวและลูซหันไปมองทางประตู ในช่วงเวลาพักกลางวัน ไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาเยี่ยมพวกเขา เพราะบิดาและมารดาของลูซ จะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้เช้า

                “ดา”

                ริวค่อนข้างตกใจที่เห็นธิดาเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับผู้ชายตัวสูงอีกคน ใบหน้าหล่อคมนั้นค่อนข้างจะดื้อรั้นและเย่อหยิ่ง

                “ดาได้ข่าวว่าริวได้รับบาดเจ็บ ดาก็เลยมาเยี่ยม”

                ไม่รู้ว่าธิดาได้รับข่าวสารนั้นมาจากไหน แต่ก็รวดเร็วมากเหลือเกิน ริวเหลือบตามองชายที่อยู่ข้างๆ

                “คุณ…”ริวมองไปทางชายหนุ่ม

                “นี่ธวัช แฟนของดาเอง ที่ดาเคยเล่าให้ริวฟังไง”

                ลูซยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้แต่ฟังบทสนทนา พอได้ยินว่าธิดามีแฟนใหม่แล้ว แถมยังพาแฟนใหม่มาเยี่ยมด้วย เขาก็รู้สึกโล่งใจเกี่ยวกับเรื่องของสามีตัวเอง

                “ดากับวัชจะมาขอโทษริวกับลูซน่ะ เรื่องที่เกิดขึ้น ริวก็คงพอจะรู้ว่าเพราะอะไร”

                “คงเป็นเรื่องที่ดาเคยเล่าใช่ไหม”

                ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นเพราะแฟนธิดาหึงหวงจนเกินเหตุแล้วคิดว่าเขาและธิดามีความสัมพันธ์เกินเลยกัน

                “ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด ไม่รู้ว่าคุณแต่งงานแล้วแถมยังแต่งกับ เอ่อ…”

                ธวัชหยุดพูดไป ลูซเบะปาก แล้วยันกายลุกนั่ง

                “แต่งกับผู้ชายอย่างผม แล้วมันทำไมเหรอครับ”

                ดวงตาคู่สวยปราดมองทั้งธิดาและธวัชอย่างไม่พอใจ เพราะคนพวกนี้ถึงทำให้สามีสุดที่รักของเขาต้องเจ็บตัว

                “พวกเราขอโทษจริงๆค่ะ ดาเองก็ไม่คิดว่าวัชจะคิดมากจนทำแบบนี้ แต่ตอนนี้เราคุยกันเข้าใจแล้ว”

                “ถ้าผมไม่เข้าไปช่วยริวจังเอาไว้ ป่านนี้ริวจังของผมจะเป็นยังไง ถ้าจะให้ดี พวกคุณทั้งสองคน อย่ามายุ่งกับริวจังอีกเลยดีกว่า!”

                “ลูซ!”

                ริวพยายามเข้าไปปราม แต่ลูซก็สะบัดหน้าหนี ธิดาพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า เธอเองก็รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                “ดาต้องขอโทษจริงๆค่ะ ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พรุ่งนี้เราก็จะไปอังกฤษกันแล้ว ก็เลยอยากจะมาขอโทษพวกคุณก่อน”

                “ครับ ไม่เป็นไรครับ”

                ริวไม่อยากจะถือสา เพราะสุดท้ายเขาทั้งสองก็ปลอดภัย ทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพียงเพราะว่าเป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น

                “งั้นขอให้หายไวๆนะคะ”

                คนสวยยังคงไม่ยอมหันไปมองทั้งคู่ ลูซไม่อยากจะอาละวาดใส่ เขาทั้งโกรธทั้งเคือง เพราะคนพวกนี้ทำร้ายริวจังของเขา

                “ลูซ”

                “ชิ”

                กายสูงเอนตัวนอน แล้วหันหลังให้ริวเหมือนกับคนกำลังงอน ริวถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

                “เป็นอะไรไปอีกล่ะ”

                “ก็ริวจังเอาแต่สนใจคนอื่น”

                “ห๊ะ”

                “คนพวกนั้นทำริวจังเจ็บ แล้วริวจังยังไปปกป้องอีก ลูซไม่ชอบ”

                “อะไรของนาย”

                เขาหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ ลูซพลิกกายหันมามอง แล้วนอนกอดอก จ้องหน้าอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ไม่มากนัก

                “เห็นผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่าลูซเหรอ”

                “ฉันกับดาเลิกกันตั้งนานแล้วนะ นายจะหาเรื่องทำไม”

                “ก็ริวไม่เคยสนใจลูซ”บอกอย่างน้อยใจ

                “แล้วไอ้ที่ฉันมานอนเฝ้านายที่นี่ มันคืออะไรฮะ! น่ารำคาญจริงๆ”

                ริวลุกขึ้น หมุนกายจะเดินออกจากห้อง แต่ลูซก็รีบคว้ามือเล็กเขาไว้ พูดเสียงแผ่ว

                “ริวจังเป็นห่วงลูซใช่ไหม”

                “เปล่าสักหน่อย”

                เขาเมินหน้าหนีไปทางอื่น ลูซยู่ปาก แล้วรั้งกายเล็กให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะโอบกอดจากด้านหลัง

                “ลูซไม่เชื่อหรอก ริวจังเป็นห่วงลูซ”

                ลูซซบแก้มไปกับแผ่นหลังเล็ก ริวเม้มปากแน่น เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

                “นายควรจะพักผ่อนให้มากๆ ฉันจะกลับไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็น คุณแม่จะเข้ามาดูนาย”

                “อยู่กับลูซไม่ได้เหรอ ริวจังไม่ห่วงลูซเลยเหรอ”

                คนปากหนักไม่ยอมพูดออกไปว่าเป็นห่วง ริวหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินไปจะเปิดประตู  แต่ก็ไม่วายหันมาพูด

                “นอนพักไปเลย มัวแต่พูดมากอยู่ได้”

                ลูซมองตามคนรักที่เดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข


-------+++++-------

 

                หลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่สามวัน ลูซก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับมาพักที่บ้านได้ อาการของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มหายเป็นปกติ

                “นี่ริวจัง กลางวันนี้ ขอลูซไปหาริวจังได้ไหม”

                ภรรยาตัวสูงเข้ามาคลอเคลียสามีจากด้านหลัง ในขณะที่ริวกำลังใส่รองเท้าเพื่อจะเดินไปที่รถ

                “นายจะไปทำไม”

                ริวเริ่มชินกับการที่มีลูซตามติดเป็นเงา เมื่อคืนเขาทั้งสองก็จัดหนักมีอะไรกันไปตั้งหลายยก ในช่วงแรกริวรู้สึกขัดเขินและพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายไปๆมาๆ ก็ปล่อยให้เจ้าสาวตัวสูงปลุกปล้ำจนสำเร็จแทบทุกครั้ง เขาโกหกไม่ได้เลยว่าการมีเซ็กส์กับลูซมันทำให้รู้สึกแย่ เพราะเขารู้สึกดีสุดๆ จนลืมไปแล้วว่าการมีเซ็กส์กับผู้หญิงมันเป็นยังไง

                แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองได้ตกหลุมรักภรรยาตัวใหญ่ไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะไปชอบผู้ชายตัวใหญ่แบบลูซได้

                “ก็ลูซอยากให้ริวจังได้ทานมื้อเที่ยงที่ลูซทำนี่นา”

                “พอเลยๆ เสียเวลาเปล่าๆ”

                “งั้นเอาเป็นว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูซทำข้าวกล่องให้ริวจังไปด้วยดีไหม”

                “จะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ จะได้พกข้าวกล่อง”

                “งั้นริวจังก็ต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะให้ลูซเอาข้าวไปส่ง หรือจะเอาข้าวกล่องไปตั้งแต่แรก”

                ริวนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ไม่ว่าจะทางไหนเขาก็ไม่อยากจะทำทั้งนั้น ลูซก้มลงมาจูบปากอย่างรวดเร็วแล้วผละออก

“งั้นเอาเป็นว่า กลางวันลูซจะเอาข้าวไปให้ริวจังก็แล้วกันนะ เพราะลูซอยากจะเห็นหน้าริวจัง ลูซคิดถึงริวจัง”

ริวได้แต่มองอย่างเอือมๆ แล้วจะขึ้นรถ

“ลูซรักริวจังน้า”

“ฉันก็…”

เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะพูดตอบกลับไปในเชิงเดียวกัน แต่ทว่าก็ต้องหยุดลงเพื่อหักห้ามตัวเอง เขาไม่อยากจะคิดว่าเขากำลังรักเจ้ากะเทยตัวใหญ่หน้าสวยไปแล้วจริงๆ

“ฉันไปล่ะ”

ลูซมองคนรักที่ขึ้นรถ แล้วยกมือโบกไปมาเป็นเชิงบอกลา ริวเหลือบมองลูซจากกระจกหน้า รอยยิ้มสวยที่ส่งมาทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด

“รักงั้นเหรอ…หรือว่าฉันจะตกหลุมรักนายแล้วจริงๆ…ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้”

 



100%

 20

คนปากหนัก

 

 

                “แม่ว่าลูกกลับไปที่บ้านก่อนดีไหมจ๊ะ”

                ราตรีเห็นลูกชายเอาแต่นั่งเฝ้าภรรยา แล้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ริวส่ายหน้าไปมา เขายังไม่รู้สึกสบายใจ ตราบใดที่ลูซยังไม่ฟื้น

                “คุณพ่อกับคุณแม่กลับบ้านไปก่อนเถอะนะครับ ผมขออยู่ที่นี่ต่อ”

                “แต่ว่านี่มันก็ดึกมากแล้วนะลูก ลูกเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย”

                “นั่นสิคะพี่ริว เดี๋ยวพี่ริวจะไม่สบายไปอีกคนนะคะ”

                รันผู้เป็นน้องสาวเข้ามาบอกพี่ชาย เห็นพี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ เธอเองก็เป็นห่วง แต่เธอก็ห่วงพี่ชายของเธอเช่นกัน เธอไม่อยากให้ริวต้องล้มป่วยไปอีกคน แค่นี้ทั้งมารดาและบิดาก็ทุกข์ใจมากพออยู่แล้ว

                “ผมอยากอยู่ที่นี่ครับ ทุกคนกลับไปก่อนเถอะนะครับ”

                ริวหันมาบอกกับทุกคน สีหน้าของเขาดูอิดโรยและเต็มไปด้วยความเครียด ถึงจะบอกว่าลูซปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ไว้ใจว่าอาการจะไม่แย่ลง

                “กลับก่อนเถอะที่รัก เขาเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องดูแลกัน”

                น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อ ทำให้ริวยิ้มออกมาจางๆ เรียวขยับตัวไปประคองราตรีให้ลุกขึ้นเพื่อจะกลับบ้าน

                “จะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอลูก แม่ให้พยาบาลมาเฝ้าน้องก่อนก็ได้นะ”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้”

                ราตรีมองหน้าสามี เธอพรูลมหายใจออกมาอย่างเป็นห่วง แล้วเอ่ยขึ้น

                “งั้นก็ได้ แต่เดี๋ยวแม่ให้คนขับรถ เอาชุดมาให้ลูกเปลี่ยนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูก”

                “ไม่ต้องห่วงครับ สบายมาก”

                รอยยิ้มสวยส่งให้กับมารดา เขาพยายามยิ้ม เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเป็นกังวล ลำพังแค่ลูซคนเดียวที่นอนสลบอยู่ก็มากเกินพอแล้ว เขาไม่อยากให้ทุกคนต้องเป็นห่วงเขาไปด้วย

                …ครั้งนี้คนที่ผิดคือตัวเขาจริงๆ…

                “งั้นพ่อกับแม่ไปก่อนนะ”

                “รันไปก่อนนะคะพี่ริว”

                เมื่อครอบครัวกลับไปแล้ว ริวถึงได้นั่งถอนหายใจ เรื่องที่ลูซได้รับบาดเจ็บนั้น พวกเขาได้โทรไปบอกกับครอบครัวของลูซแล้ว อีกไม่นานบิดาและมารดาของลูซคงจะรีบเดินทางมาหาลูกชาย

                เวลาผ่านไปพักใหญ่ ก็มีคนขับรถที่บ้านนำเสื้อผ้ามาส่งเปลี่ยนให้ริวพร้อมกับอาหารที่บรรจุใส่กล่องมา มารดาเขาคงเป็นคนให้จัดการเรื่องพวกนี้ ริวรับเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ โดยห้องพักพิเศษนี้จะมีห้องน้ำในตัว ริวรีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวออกมาหาภรรยาของเขาที่ยังนอนไม่ได้สติ

                ทั้งที่เมื่อก่อนเคยคิดว่าตัวเองคงจะดีใจที่ได้ผลักไสลูซไปให้ห่างๆ แต่ในตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น เขารู้สึกแย่เหลือเกินที่ลูซนอนหมดสติแบบนี้ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีรอยยิ้มที่คอยส่งมาให้กับเขา

                ริวไม่ยอมไปทำงาน เขาอยู่เฝ้าลูซจนผ่านไปหนึ่งวันเต็ม คืนนี้เป็นคืนที่สองที่เขาอยู่เฝ้าภรรยา

                “อึก”

                ริวรีบยันตัวลุกขึ้น เมื่อเห็นลูซเริ่มขยับตัว ชายหนุ่มรีบเดินไปหยิบน้ำแล้วใส่หลอดมาหาลูซ เขาวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะตัวเล็กหัวเตียง

                “เป็นยังไงบ้าง  เจ็บมากไหม”

                ลูซยังนิ่งเฉย แต่คิ้วสวยที่ขมวดเข้าหากัน บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ริวรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ

                “ดื่มน้ำก่อนนะ”

                เขารีบส่งแก้วน้ำให้ลูซ ริวมองลูซดูดน้ำไปเพียงไม่กี่อึก แล้วจึงผละออก เพราะไม่อยากดื่มน้ำต่อ ลูซยกมือประคองศีรษะตัวเอง

                “นายเป็นยังไงบ้าง ฉันนึกว่านายจะตายซะแล้ว เลือดนายไหลออกเยอะมากเลยนะ”

                ริวรัวถามไปอย่างรวดเร็ว เขาร้อนใจ ไม่รู้ว่าลูซจะมีอาการอะไรบ้าง เพราะโดนของแข็งฟาดไปเต็มแรงแบบนั้น

                “คุณ…เป็นใคร”

                คำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะออกจากปากลูซดังขึ้น ริวตัวแข็งทื่อ ใจเหมือนหยุดเต้น

                “นะ นี่นายจำฉันไม่ได้เหรอ”

                “งั้นคุณก็บอกมาสิ ว่าคุณเป็นใคร”

                ไม่ได้มีท่าทางล้อเล่นออกมาจากตัวลูซ หรือเป็นเพราะว่าเจ้าตัวโดนทำร้ายร่างกายมารุนแรง เลยทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน ริวทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ เขารู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจอย่างแรง

                “ลูซนายเป็นภรรยาฉัน นายจำฉันไม่ได้เหรอ ว่าฉันเป็นสามีของนาย”

                หากเป็นเมื่อก่อน ริวจะไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ทำไม ในตอนนี้หัวใจเขาถึงได้เรียกร้องให้เขาพูดเรื่องพวกนี้ออกมา เขารู้สึกกลัวถ้าลูซจะลืมเขา

                “จริงเหรอ”

                “จริงสิ นายคิดว่าฉันโกหกเหรอ!”

                ริวส่งเสียงดัง ลูซจากที่ทำหน้าสงสัยก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง แล้วโผเข้ากอดคนตัวเล็กไว้เสียแน่น

                “ลูซดีใจที่สุดในโลกเล้ยยย ที่ริวจังบอกว่าลูซเป็นภรรยา แล้วริวจังเป็นสามี คิคิ”

                ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนริวยืนอึ้ง เขาได้แต่กระพริบตาปริบๆ แล้วก็รับรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเข้าเสียแล้ว

                “หนอย นี่แหน่ะ!”

                ริวยกมือฟาดแขนของลูซไปเต็มแรง ภรรยาตัวโตร้องเสียงดังลั่น

                “โอ๊ยยยยย!!!”

                เสียงร้องโหยหวนทำให้ริวตกใจ เขารีบดูอาการของลูซทันที

                “เจ็บมากเลยเหรอ หรือว่ายังไง”

                “เจ็บใจมากกว่าริวจัง”

                ว่าพลางขยิบตาให้ แถมยังส่งยิ้มหวานให้อีก ริวถอนหายใจอย่างเอือมระอา เพราะบาดแผลของลูซอยู่ที่ศีรษะแต่เจ้าตัวก็ทำเป็นเจ็บเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้

                “แล้วแผลที่หัวเป็นไงบ้าง”

                “มันก็ปวดๆตุบ แต่พอเห็นหน้าริวจัง ลูซก็ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ”

                ไม่พูดเปล่า แต่ขยับเข้ามากอดเอว ซบหน้าลงกับไหล่เล็ก ในตอนแรกริวทำท่าจะผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ทว่าเขาก็ยืนให้ลูซโอบกอดเขาไว้แบบนั้น

                “ฉัน…ขอโทษนะ”

                ริวพูดขึ้นมา เสียงไม่ดังมากนัก แต่มันกลับดังก้องในใจของลูซ เขาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วกระชับอ้อมกอด

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกริวจัง ลูซยินดีตายแทนริวจัง”

                “พอเลย ฉันไม่ได้อยากให้ใครมาตายแทนฉันสักหน่อย”

                “ลูซรักริวจังจริงๆนะ ลูซไม่อยากให้ริวจังต้องเจ็บตัว”

                ใจของเขาอ่อนยวบลงในทันตา ชายหนุ่มหันไปมองลูซที่ทำหน้าเป็นลูกหมาเหงาหงอย เขาถอนหายใจออกมา

                “นายควรจะนอนพักผ่อนเยอะๆ เข้าใจไหม”

                “นอนไม่หลับหรอกริวจัง”

                “ห๊ะ”

                ดวงตาของริวเบิกกว้างทันที เมื่อรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าวที่ส่งผ่านมาจากกางเกงคนไข้ เขาหันขวับไปมองลูซทันที

                “นะ นี่นาย”

                “ริวจัง เราไม่ได้ทำกันมาตั้งหลายวันแล้วน้า ลูซจะตายอยู่แล้ว”

                กายสูงใหญ่ขยับมาลูบไล้ตัวสามีอย่างรักใคร่ ริวสั่นเล็กน้อย เขาพยายามดันตัวลูซให้ออกห่าง

                “อย่าคิดจะทำอะไรทุเรศๆนะ ที่นี่มันโรงพยาบาล”

                “อะไรกันริวจัง คนรักกัน แสดงความรักกัน มันทุเรศตรงไหน คิคิ”

                เอ่ยจบก็ระดมจูบไปตามพวงแก้มนิ่ม ริวพยายามเบี่ยงตัวหลบหนี แต่ลูซไม่ลดละ จนริวยกมือดันใบหน้าสวยเอาไว้

                “เจ้าบ้า นายป่วยอยู่นะ”

                “ใช่ๆ ลูซป่วย ลูซน้อยก็ป่วยด้วยน้า”

                ช่างพูดออกมาได้ไม่อายปากเลยจริงๆ ริวถอนหายใจ เขาเบ้ปาก พยายามขยับกายหนี แต่ลูซก็เบียดเข้ามา แถมยังขยับสะโพกถูไถไปกับเอวของเขาอีก ความเป็นชายใต้ร่มผ้าดุนดันอย่างรุนแรงจนริวหน้าแดงด้วยความอาย

                “ยะ หยุดนะเจ้าบ้า”

                เขาได้แต่ห้ามเสียงแผ่ว แต่สุดท้าย ก็โดนจับให้หันหน้าเข้าหาเตียงคนไข้ มือเล็กกำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ในขณะที่ลูซยืนซ้อนจากทางด้านหลัง ก้มหน้ามาคลอเคลียต้นคอขาวเนียน แล้วพรมจูบทำรอยรักด้วยความเสน่หา

                “นะ น้าริวจัง ลูซเกือบตาย พอรู้ว่ารอดแล้วก็ดีใจมากๆ ทำให้ลูซเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันเถอะน้า”

                มือใหญ่สอดเข้าไปใต้กางเกงนอนของริว เขาบีบเค้นก้นนิ่มไปมา แล้วรีบจัดการดึงกางเกงให้ต่ำลงจนถึงต้นขา เผยให้เห็นผิวขาว

                “อย่า”

                ริวพยายามห้าม แต่ลูซก็แบะก้นนิ่มออก แล้วก้มหน้าเข้าไปดูดเลียที่ช่องทางด้านหลังอย่างหิวกระหาย ริวเสียวจนตัวเกร็ง เขาเผลอแอ่นสะโพกให้ภรรยาตัวดีได้สัมผัสมากขึ้น ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างอึดอัด ความเป็นชายที่ด้านหน้าเริ่มตื่นตัว เพียงแค่โดนสัมผัสจากลิ้นร้อน

                “อะ อื้อ  มะ ไม่ หยุดนะ”

                เขาพยายามหันมาห้ามลูซ แต่เหมือนร่างกายกลับตอบสนองจนน่ากลัว ริวฟุบหน้าลงกับเตียงผู้ป่วย เสียงดูดจ๊วบจ๊าบ ทำให้เขาเขินจนหน้าแดงก่ำ

                “ลูซไม่ไหวแล้ว ลูซขอเข้าไปนะริวจัง ลูซอยากรักริวจังจะแย่แล้ว”

                ภรรยาคนสวยร้องขออย่างเห็นใจ เขาล้วงควักแก่นกายร้อนออกมา ถูไถไปตามร่องก้น ก่อนจะค่อยๆจับกดแทรกเข้าไปในร่างเล็กอย่างช้าๆ

                “อะ อ๊ะ อื้อ”

                ช่องทางคับแน่นได้รับการหล่อลื่นด้วยน้ำลายของลูซ อาวุธร้อนแทรกเข้าไปในช่องทางคับแน่นอย่างช้าๆ ลูซซูดปากอย่างสุขสม

                “โอ้วว ริวจัง ลูซเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ อ่า”

                ใบหน้าหล่อโดนลูซจับหันให้มาจูบ ริวใช้แขนข้างหนึ่งเกาะไหล่แกร่งเอาไว้ สัมผัสร้อนผ่าวเติมเต็มเข้ามาในตัวของเขา ทั้งที่ริวคิดว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีเซ็กส์กับลูซเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับตอบสนองอย่างน่าอาย

                “ระ ริวจัง ลูซ อื้อ”

                สะโพกสอบเริ่มขยับ ในขณะที่มือก็เลื่อนไปด้านหน้าลำตัวบาง เพื่อช่วยรูดชักความเป็นชายของริวให้มากขึ้น ริวกัดฟันตัวเองเอาไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยเสียงร้องออกมา

                “ริวจัง ครางสิ ลูซอยากฟังริวจังครางนะ อื้อ”

                “อะ อ๊ะ อื้อ”

                เมื่อโดนกระแทกกระทั้นจนไม่อาจจะทานทนต่อไปได้ ริวก็ปล่อยเสียงครางพร่าออกมาอย่างไม่อาจจะสะกดกลั้น เขาแอ่นสะโพกรับแรงกระแทก

                ความเสียวซ่านเกิดขึ้น จนกายเล็กต้องบิดเร้า เลื่อนมือลงไปช่วยรูดชักความเป็นชายของตัวเอง ในขณะที่ลูซเองก็เลื่อนมือมาขยี้ยอดอกผ่านเสื้อนอนตัวบาง เขาจูบซับไปตามลำคอ

                “อะ อื้อ”

                เมื่อสุดปลายทาง สายธารอุ่นร้อนก็พวยพุ่งเข้าในร่างกาย ลูซรู้สึกมึนงง แต่เขาก็มีความสุข  โน้มตัวไปโอบกอดคนรักที่เพิ่งปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนเต็มพื้น มีเพียงเสียงหอบหายใจที่ดังในห้องพักผู้ป่วย

                “รักนะริวจัง”

                คำหวานกระซิบข้างหู ริวหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความอิ่มเอิบชักพาให้การสานสัมพันธ์ร่างกายในครั้งต่อไปได้เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง

               
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 29-08-2016 21:21:42

-------+++++-------

 

                ก๊อกๆๆ

                ทั้งริวและลูซหันไปมองทางประตู ในช่วงเวลาพักกลางวัน ไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาเยี่ยมพวกเขา เพราะบิดาและมารดาของลูซ จะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้เช้า

                “ดา”

                ริวค่อนข้างตกใจที่เห็นธิดาเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับผู้ชายตัวสูงอีกคน ใบหน้าหล่อคมนั้นค่อนข้างจะดื้อรั้นและเย่อหยิ่ง

                “ดาได้ข่าวว่าริวได้รับบาดเจ็บ ดาก็เลยมาเยี่ยม”

                ไม่รู้ว่าธิดาได้รับข่าวสารนั้นมาจากไหน แต่ก็รวดเร็วมากเหลือเกิน ริวเหลือบตามองชายที่อยู่ข้างๆ

                “คุณ…”ริวมองไปทางชายหนุ่ม

                “นี่ธวัช แฟนของดาเอง ที่ดาเคยเล่าให้ริวฟังไง”

                ลูซยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้แต่ฟังบทสนทนา พอได้ยินว่าธิดามีแฟนใหม่แล้ว แถมยังพาแฟนใหม่มาเยี่ยมด้วย เขาก็รู้สึกโล่งใจเกี่ยวกับเรื่องของสามีตัวเอง

                “ดากับวัชจะมาขอโทษริวกับลูซน่ะ เรื่องที่เกิดขึ้น ริวก็คงพอจะรู้ว่าเพราะอะไร”

                “คงเป็นเรื่องที่ดาเคยเล่าใช่ไหม”

                ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นเพราะแฟนธิดาหึงหวงจนเกินเหตุแล้วคิดว่าเขาและธิดามีความสัมพันธ์เกินเลยกัน

                “ผมต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด ไม่รู้ว่าคุณแต่งงานแล้วแถมยังแต่งกับ เอ่อ…”

                ธวัชหยุดพูดไป ลูซเบะปาก แล้วยันกายลุกนั่ง

                “แต่งกับผู้ชายอย่างผม แล้วมันทำไมเหรอครับ”

                ดวงตาคู่สวยปราดมองทั้งธิดาและธวัชอย่างไม่พอใจ เพราะคนพวกนี้ถึงทำให้สามีสุดที่รักของเขาต้องเจ็บตัว

                “พวกเราขอโทษจริงๆค่ะ ดาเองก็ไม่คิดว่าวัชจะคิดมากจนทำแบบนี้ แต่ตอนนี้เราคุยกันเข้าใจแล้ว”

                “ถ้าผมไม่เข้าไปช่วยริวจังเอาไว้ ป่านนี้ริวจังของผมจะเป็นยังไง ถ้าจะให้ดี พวกคุณทั้งสองคน อย่ามายุ่งกับริวจังอีกเลยดีกว่า!”

                “ลูซ!”

                ริวพยายามเข้าไปปราม แต่ลูซก็สะบัดหน้าหนี ธิดาพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า เธอเองก็รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                “ดาต้องขอโทษจริงๆค่ะ ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พรุ่งนี้เราก็จะไปอังกฤษกันแล้ว ก็เลยอยากจะมาขอโทษพวกคุณก่อน”

                “ครับ ไม่เป็นไรครับ”

                ริวไม่อยากจะถือสา เพราะสุดท้ายเขาทั้งสองก็ปลอดภัย ทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพียงเพราะว่าเป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น

                “งั้นขอให้หายไวๆนะคะ”

                คนสวยยังคงไม่ยอมหันไปมองทั้งคู่ ลูซไม่อยากจะอาละวาดใส่ เขาทั้งโกรธทั้งเคือง เพราะคนพวกนี้ทำร้ายริวจังของเขา

                “ลูซ”

                “ชิ”

                กายสูงเอนตัวนอน แล้วหันหลังให้ริวเหมือนกับคนกำลังงอน ริวถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

                “เป็นอะไรไปอีกล่ะ”

                “ก็ริวจังเอาแต่สนใจคนอื่น”

                “ห๊ะ”

                “คนพวกนั้นทำริวจังเจ็บ แล้วริวจังยังไปปกป้องอีก ลูซไม่ชอบ”

                “อะไรของนาย”

                เขาหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ ลูซพลิกกายหันมามอง แล้วนอนกอดอก จ้องหน้าอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ไม่มากนัก

                “เห็นผู้หญิงคนนั้นสำคัญกว่าลูซเหรอ”

                “ฉันกับดาเลิกกันตั้งนานแล้วนะ นายจะหาเรื่องทำไม”

                “ก็ริวไม่เคยสนใจลูซ”บอกอย่างน้อยใจ

                “แล้วไอ้ที่ฉันมานอนเฝ้านายที่นี่ มันคืออะไรฮะ! น่ารำคาญจริงๆ”

                ริวลุกขึ้น หมุนกายจะเดินออกจากห้อง แต่ลูซก็รีบคว้ามือเล็กเขาไว้ พูดเสียงแผ่ว

                “ริวจังเป็นห่วงลูซใช่ไหม”

                “เปล่าสักหน่อย”

                เขาเมินหน้าหนีไปทางอื่น ลูซยู่ปาก แล้วรั้งกายเล็กให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะโอบกอดจากด้านหลัง

                “ลูซไม่เชื่อหรอก ริวจังเป็นห่วงลูซ”

                ลูซซบแก้มไปกับแผ่นหลังเล็ก ริวเม้มปากแน่น เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

                “นายควรจะพักผ่อนให้มากๆ ฉันจะกลับไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็น คุณแม่จะเข้ามาดูนาย”

                “อยู่กับลูซไม่ได้เหรอ ริวจังไม่ห่วงลูซเลยเหรอ”

                คนปากหนักไม่ยอมพูดออกไปว่าเป็นห่วง ริวหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินไปจะเปิดประตู  แต่ก็ไม่วายหันมาพูด

                “นอนพักไปเลย มัวแต่พูดมากอยู่ได้”

                ลูซมองตามคนรักที่เดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข

 

-------+++++-------

 

                หลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่สามวัน ลูซก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับมาพักที่บ้านได้ อาการของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มหายเป็นปกติ

                “นี่ริวจัง กลางวันนี้ ขอลูซไปหาริวจังได้ไหม”

                ภรรยาตัวสูงเข้ามาคลอเคลียสามีจากด้านหลัง ในขณะที่ริวกำลังใส่รองเท้าเพื่อจะเดินไปที่รถ

                “นายจะไปทำไม”

                ริวเริ่มชินกับการที่มีลูซตามติดเป็นเงา เมื่อคืนเขาทั้งสองก็จัดหนักมีอะไรกันไปตั้งหลายยก ในช่วงแรกริวรู้สึกขัดเขินและพยายามปฏิเสธ แต่สุดท้ายไปๆมาๆ ก็ปล่อยให้เจ้าสาวตัวสูงปลุกปล้ำจนสำเร็จแทบทุกครั้ง เขาโกหกไม่ได้เลยว่าการมีเซ็กส์กับลูซมันทำให้รู้สึกแย่ เพราะเขารู้สึกดีสุดๆ จนลืมไปแล้วว่าการมีเซ็กส์กับผู้หญิงมันเป็นยังไง

                แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองได้ตกหลุมรักภรรยาตัวใหญ่ไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะไปชอบผู้ชายตัวใหญ่แบบลูซได้

                “ก็ลูซอยากให้ริวจังได้ทานมื้อเที่ยงที่ลูซทำนี่นา”

                “พอเลยๆ เสียเวลาเปล่าๆ”

                “งั้นเอาเป็นว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูซทำข้าวกล่องให้ริวจังไปด้วยดีไหม”

                “จะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ จะได้พกข้าวกล่อง”

                “งั้นริวจังก็ต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะให้ลูซเอาข้าวไปส่ง หรือจะเอาข้าวกล่องไปตั้งแต่แรก”

                ริวนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ไม่ว่าจะทางไหนเขาก็ไม่อยากจะทำทั้งนั้น ลูซก้มลงมาจูบปากอย่างรวดเร็วแล้วผละออก

“งั้นเอาเป็นว่า กลางวันลูซจะเอาข้าวไปให้ริวจังก็แล้วกันนะ เพราะลูซอยากจะเห็นหน้าริวจัง ลูซคิดถึงริวจัง”

ริวได้แต่มองอย่างเอือมๆ แล้วจะขึ้นรถ

“ลูซรักริวจังน้า”

“ฉันก็…”

เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะพูดตอบกลับไปในเชิงเดียวกัน แต่ทว่าก็ต้องหยุดลงเพื่อหักห้ามตัวเอง เขาไม่อยากจะคิดว่าเขากำลังรักเจ้ากะเทยตัวใหญ่หน้าสวยไปแล้วจริงๆ

“ฉันไปล่ะ”

ลูซมองคนรักที่ขึ้นรถ แล้วยกมือโบกไปมาเป็นเชิงบอกลา ริวเหลือบมองลูซจากกระจกหน้า รอยยิ้มสวยที่ส่งมาทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด

“รักงั้นเหรอ…หรือว่าฉันจะตกหลุมรักนายแล้วจริงๆ…ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้”

 



100%

 แจ้ง : จากนี้อากิจะไม่ได้เข้ามาอัพนิยายเท่าไหร่นะคะ

เพราะยุ่งเรื่องเรียน   กับการรวมเล่มและการจัดหน้า รวมทั้งตอนพิเศษที่แถมเฉพาะในเล่ม

ขอให้ผ่านช่วงยุ่งๆไปก่อนนะคะ

ติดตามความเคลื่อนไหวนิยาย ได้ที่เพจอากินะคะ  https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ





ท่านใดที่ต้องการรวมเล่ม นิยาย สะใภ้ขายาว  , Play

จิ้มลิ้งด้านล่างได้เลยค่ะ



 

http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1

 

 

 



 

 

 

 


 












               
 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 29-08-2016 21:41:34
ตอนล่าสุดมันโพสต์ซ้ำกันอ่ะค่ะ ฝากดูด้วยน้า :)

(ริวจังนี่เริ่มอ่อนโอนแล้วสินะ อีกไม่ไกลแล้วลูซ สู้ๆ!!)

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 30-08-2016 01:33:12
ตอนแรกแอบเป็นห่วงลูชแต่พอๆื้นขึ้นมาแล้วทำตัวน่าหมั่นไส้จริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-08-2016 06:52:50
ในที่สุดก็เริ่มโอนอ่อนกับลูซเสียที ริว ลุ้นอยู่น้าา
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 30-08-2016 12:03:20

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 20 คนปากหนัก
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 31-08-2016 12:42:26
คนปากไม่ตรงกับใจ ริวจังยอมรับซะเถอะะะ :oo1:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: Akikoneko17 ที่ 08-01-2017 14:48:37
21

รับผิดชอบ

 

 

                เมื่อลูซบอกว่าจะเอาอาหารมาส่งตอนพักกลางวัน เจ้าตัวก็มาจริงๆ ภรรยาคนสวยบรรจงเปิดข้าวกล่องที่เตรียมมาให้กับสามี

                “ลูซทำซูชิมาให้ริวจัง แล้วก็ทำข้าวหน้าหมูด้วยน้า ริวจังน่าจะชอบ”

                “อ่า ก็ดี”

                แม้จะบอกแบบนั้น แต่กระเพาะของเขามันเริ่มทำงานอย่างรุนแรง เพียงแค่ได้กลิ่นอาหารและเห็นอาหารที่ลูซทำมา

                …นี่ล่ะ เสน่ห์ปลายจวักฉบับลูซ…

                ภรรยาคนสวยคลี่ยิ้มหวาน จัดเรียงอาหารในกล่องไว้ตรงหน้าริว

                “เดี๋ยวลูซป้อนให้น้า”

                “ไม่ต้องๆ ฉันตักกินเองได้น่า”

                ริวพยายามปัดมือลูซให้ออกห่าง แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกตื้อของลูซ เขาคีบซูชิป้อนริวชายหนุ่มจำใจต้องอ้าปากรับ แต่ลึกๆแล้วก็อยากจะทานอยู่พอดี

                “อร่อยไหมริวจัง”

                สามีตัวเล็กยังคงเคี้ยวซูชิในปากตุ้ยๆ ลิ้มรสความอร่อยจากข้าวและปลาดิบ ฝีมือทำอาหารของลูซไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่าเชฟชั้นเยี่ยมมาเองเลยก็เป็นได้ เขารู้สึกได้ว่าช่วงนี้เขาเจริญอาหารกว่าเมื่อก่อนมากพอสมควร

                “นี่น้ำ”

                ลูซดูแลริวไม่ต่างกับภรรยาที่แสนดีและรักเทิดทูนสามี ทุกวันที่เขากลับไป ลูซจะคอยมาช่วยเขาถือกระเป๋า นำสูทไปเก็บอยู่เสมอ

                จะว่าไปแล้ว ริวเองก็รู้สึกมีความสุขโดยที่ไม่รู้ตัว ความคิดที่จะเลิกรากับลูซเริ่มจะเลือนหายไปทีละน้อย เพราะความรักและความเอาใจใส่ของลูซส่งมาให้ริว จนชายหนุ่มสามารถรับรู้ได้ แต่ถึงกระนั้น ริวก็ไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าชอบ หรือรักแม้แต่คำเดียว ความคิดในสมองของเขายังคงสั่งการว่าเขาไม่มีวันจะรักผู้ชายด้วยกันเด็ดขาด ส่วนเรื่องเซ็กที่เข้ากันได้ ก็คงเป็นเพียงเพราะความต้องการของร่างกายเท่านั้น

                “ฉันอิ่มแล้ว”

                ริวได้แต่ยกมือปรามไม่ให้ลูซป้อนอาหารเขาไปมากกว่านี้ ภรรยาคนสวยรีบหยิบน้ำชาเขียวส่งให้สามี

                “งั้นดื่มน้ำนะริวจัง”

                น้ำชาเขียวถูกดื่มไปเกือบหมดแก้ว พักนี้ริวรู้สึกว่าร่างกายเขาเหมือนจะมีเนื้อหนังมากกว่าแต่ก่อน นั่นอาจจะเป็นเพราะอาหารที่ลูซทำมาถูกปากจนเขาทานมากกว่าปกติ

                “กลับไปได้แล้วไป”

                “ขอลูซดูริวจังทำงานได้ไหม ลูซคิดถึงริวจังม๊ากมาก”

                พูดไปก็กางแขนออกกว้างๆ เป็นเชิงอธิบายให้เห็นภาพว่าเขาคิดถึงสามีมากจริงๆ ริวแอบขำกับท่าทางที่ไม่เข้ากับตัวโตๆ

                “ริวจังขำอะไร”

                “เปล่าสักหน่อย”

                ชายหนุ่มทำเป็นเฉไฉไปเรื่อย เขาลุกขึ้นจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ลูซก็เข้ามาขวาง ไม่ยอมให้ผ่านไปได้

                “ไม่ได้นะริวจัง ถ้าไม่บอก จะต้องถูกลงโทษ”

                “ลงโทษอะไร”

                ริวกอดอก เชิดหน้าเล็กน้อย เป็นเชิงถามว่าจะลงโทษยังไงกับเขา  ลูซคลี่ยิ้มหวานแล้วก้มหน้าลงไปหาคนตัวเล็ก

                “ก็แบบนี้ไงริวจัง”

                เอ่ยจบก็ใช้มือใหญ่ทั้งสองประกบเข้ากับแก้มนิ่ม กดจูบลงมาอย่างหวานซึ้ง ริวอึ้งไปชั่วขณะ ยกมือดันแผ่นอกแกร่ง ในคราแรกตั้งใจว่าจะผลักออกแต่มือเล็กทำได้แต่เพียงขยำเสื้อตัวบางที่ลูซใส่อยู่

                เขาหลับตาพริ้มรับจูบที่แสนหวานและเต็มไปด้วยความรัก หัวใจของริวเอิบอิ่มขึ้นมา โดยที่เจ้าตัวไม่อยากหาเหตุผล

                “ตั้งใจทำงานนะริวจัง แล้วลูซจะรอริวจังกลับบ้าน”

                เมื่อจูบเสร็จ ภรรยาคนสวยก็กระซิบบอกอย่างน่ารัก ริวได้แต่ยืนหน้าแดง ใจของเขาเต้นรัว ราวกับกลองที่ถูกรัวตี

                …ทำไมถึงได้คิดไปได้ว่าลูซน่ารักขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่เป็นผู้ชายตัวโต…

               

 

-------+++++-------

 

               

                วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน ที่ริวทำงานจนถึงเวลาเลิกงาน ทุกวันนี้เขาไม่ค่อยได้นัดไปสังสรรค์กับวาโยสักเท่าไหร่นัก จนโดนเพื่อนตัวดีโทรมาแซว

                [อะไรกันวะ พอมีเมียแล้วลืมเพื่อนเหรอ]

                “บ้าน่า จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง”

                [ไม่ใช่หลงเมียไปแล้วเรอะ]

                ริวได้แต่หัวเราะขำขัน อย่างเขาเนี่ยนะจะไปหลงเสน่ห์ของลูซ ผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ แต่ทำไมช่วงนี้เวลาที่เขานึกถึงเรือนร่างของลูซทีไร เลือดลมในกายก็สูบฉีดเสียรุนแรง

                …เขาอาจจะบ้าไปแล้ว…

                [แล้วเย็นนี้ว่างหรือเปล่า ฉันว่าจะชวนแกออกมาดื่ม สาวๆที่นี่ แซ่บๆทั้งนั้นเลยนะเว้ย]

                “ไม่ไหวว่ะ วันนี้เหนื่อยมากเลย กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ จะเป็นลมแล้วเนี่ย”

                [อะไรวะ เพื่อนชวนแล้วไม่สนใจเหรอ ใจร้ายจังเลยแฮะ]

                “ก็คนมันเหนื่อยจริงๆนี่หว่า”

                [เหนื่อยจริง หรือคิดถึงเมียวะ]

                วาโยเอ่ยปากแซวไม่หยุด ริวส่ายหน้าไปมาช้าๆ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องไปยอมรับว่าเขาคิดอะไรกับผู้ชายด้วยกัน เรื่องแบบนั้น มันจะไปเกิดขึ้นได้ยังไง

                “แกนี่ท่าจะบ้า นั่นมันผู้ชายนะเว้ย! ฉันรู้สึกแย่จะตาย”

                [งั้นเหรอ งั้นทำไมไม่เลิกกันสักทีล่ะวะ]

                ริวเจ็บแปลบขึ้นมาที่ใจ เมื่อได้ยินคำว่าเลิก เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่ก็ยังปั้นหน้า ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร

                “ก็มันยังไม่ได้โอกาสนี่หว่า”

                [ไม่ใช่ว่าอยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตหรอกนะ]

                ใบหน้าของลูซลอยขึ้นมาในความทรงจำ ทั้งรอยยิ้มสวย และท่าทางที่ดูบ้าๆบอๆแต่พอดูไปนานๆ กลับรู้สึกว่าน่ารัก ทำให้ริวเผลอยิ้มขึ้นมา

                [เฮ้ย ไอ้ริว นี่ตายไปแล้วเหรอวะ]

                เมื่อเห็นเพื่อนรักเงียบไปนาน วาโยก็รีบถามออกไปทันที ริวหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดต่างๆ

                “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”

                [ดูท่าแกจะเหนื่อยเอามากเลยนะเนี่ย]

                “ก็ประมาณนั้นล่ะ”

                [งั้นฉันไม่กวนแกดีกว่า รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเลยไป ดูท่าจะเริ่มเบลอๆ พูดไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย]

                วาโยเป็นห่วงเพื่อนรักด้วยใจจริง ริวตอบกลับ

                “เออๆ ขอบใจว่ะ”

                หลังจากวางสายวาโยไปแล้ว ริวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

                นี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพักนี้ถึงได้ชอบคิดถึงแต่ใบหน้าสวยของลูซ แถมยังเผลอไปนึกถึงรูปร่างสมส่วนไปด้วยมัดกล้ามเนื้อน่ามอง ทั้งที่เป็นเพศเดียวกัน

                “ไม่ใช่ แกชอบนมอวบๆ ใหญ่ๆ เต็มมือต่างหาก”

                ถึงพยายามบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่ริวก็ยังไม่วายคิดถึงใบหน้าสวยของลูซ เขารีบเก็บของแล้วออกจากห้องเพื่อตรงกลับไปที่บ้าน

                “กลับมาแล้วเหรอริวจัง”

                เสียงทุ้มดังเหมือนทุกวัน กายสูงใหญ่รีบเดินเข้ามาหาเขา ช่วยเขาถึงกระเป๋า และรับเสื้อสูท

                “อืม กลับมาแล้ว”

                พอริวตอบ ลูซก็ก้มลงมาหอมแก้มอย่างรวดเร็ว พลางหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เดินควงแขนสามีเข้าไปในบ้าน

                “ริวจังหิวไหม เดี๋ยวนั่งก่อนนะ ลูซจะไปเอาน้ำกับขนมมาให้”

                ไม่ทันที่ริวได้เอ่ยปากบอกอะไรทั้งนั้น ลูซก็รีบเข้าครัว เพียงครู่ก็มาพร้อมทั้งขนมและน้ำ ริวมองอาหารตรงหน้า ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ

                เขาคิดมากตั้งแต่ออกจากที่ทำงาน ว่าเขาคิดยังไงกับลูซกันแน่ ชายหนุ่มนั่งหน้าเครียด ลูซยื่นหน้าเข้าไปใกล้

                “มีอะไรหรือเปล่าริวจัง ดูเครียดจังเลย”

                ริวสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ลูซก็ยื่นหน้ามา เขาส่ายหน้าไปมา           

                “ไม่มีอะไร นายเอาหน้าออกไปห่างๆหน่อย มันอึดอัด”

                “แต่ลูซชอบอยู่ใกล้ๆริวจังนี่นา”

                ลูซเข้ามานั่งเบียดริว พลางเอนศีรษะซบกับไหล่เล็กอย่างมีความสุข ริวแอบเหลือบมองลูซเป็นระยะ

                “อ้าว พี่ริน วันนี้กลับมาเร็วจังเลยนะครับ”

                เมื่อเห็นพี่สาวเดินเข้ามาในบ้าน ริวก็เอ่ยทักทันที รินเหลือบตามองน้องชายและน้องสะใภ้ เธอหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา

                “หวานกันจังเลยนะ”

                “เปล่าสักหน่อยครับ”

                มือเล็กดันลูซให้ออกห่าง ลูซยู่หน้าเล็กน้อย แต่ก็คลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะคิดว่าริวจังของเขาอาจจะเขินอายก็เป็นได้

                “คุณริวคะ มีคนมาขอพบค่ะ”

                คนรับใช้ในบ้านวัยกลางคน เดินเข้ามาแจ้งให้ริวได้รับรู้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างงุนงง เขาสงสัยว่าใครมา

                “ใครเหรอครับ”

                “ไม่ทราบค่ะ ดิฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน”

                ดูท่าแล้วจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของเขาเป็นแน่ ริวพยักหน้ารับรู้

                “แล้วผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

                “ผู้หญิงค่ะ”

                ลูซที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น ก็เริ่มหน้าบึ้งที่มีผู้หญิงมาหาริวถึงในบ้านแบบนี้ เขาหันขวับไปมองสามี ริวไม่พูดอะไร แต่ก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาถึงความผิดของตัวเอง

                “ไปเชิญเธอเข้ามาเถอะ”

                รินเป็นคนตัดสินใจให้ เพราะริวไม่ยอมพูดอะไรสักที คนรับใช้จึงรับคำสั่ง แล้วออกไปเชิญให้แขกคนนี้เข้ามา

                “มาแล้วค่ะ”

                ทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกได้แต่หันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ตกใจ คนที่ตกใจมากที่สุดคงไม่พ้นริว เพราะเขาพอจะนึกออกว่าเคยหลับนอนกับเธอมาครั้งหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือ ท้องของเธอใหญ่โตจนตกใจ

                “เอ่อ เธอมาได้ยังไง”

                ริวได้แต่ถามอย่างแปลกใจ เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เหมือนรับรู้ถึงเรื่องราวเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

                “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมีนา”

                เธอหันไปทักทายริน แล้วหันไปมองลูซที่นั่งขมวดคิ้ว ใบหน้าดูไม่ค่อยพอใจ เธอค่อยๆเหยียดยิ้ม ใบหน้าของเธอไม่ได้สวยเท่าลูซ แถมยังทำศัลยกรรมมาอีกด้วย

                “เอ่อ เธอท้องอย่างนั้นเหรอ”ริวถามอย่างแปลกใจ

                “ค่ะ ฉันท้อง ท้องมาหกเดือนแล้วค่ะ”

                “แล้วเธอมาที่นี่มีธุระอะไร”

                ลูซเป็นฝ่ายถามขึ้น เพราะทนกับความอึดอัดไม่ไหว มีนาเหยียดยิ้มหวาน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่แนวแน่

                “ฉันมาหาพ่อของเด็กค่ะ”

                พอได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็ตาโต รินหันไปมองริว และลูซ

                “พ่อ เธอไม่ได้หมายถึง น้องชายฉันหรอกนะ”

                “ค่ะ ริวเป็นพ่อของเด็กในท้องฉัน ฉันมาที่นี่ก็เพื่อให้เขารับผิดชอบ”

                ริวแทบจะล้มตึง เขาหันไปมองลูซที่ทำหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ภรรยาคนสวยพูดเสียงเรียบ

                “ฉันไม่เชื่อ เธอโกหก”

                “งั้นก็ลองถามริวดูสิคะ ว่าฉันเคยนอนกับเขาไหม”

                ลูซหันขวับไปมองสามี ใบหน้าหวานง้ำงอ เต็มไปด้วยความสงสัย

                “ตกลงมันยังไงกันแน่ริวจัง ริวจังไม่เคยนอนกับเธอใช่ไหม”

                “เอ่อ”ริวอึกอัก

                “ก็พูดมาสิริว ว่าเด็กในท้องใช่ลูกของนายหรือเปล่า”รินเร่งเร้า ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

                “ฉันเคยนอนกับมีนา!”

                เมื่อทนต่อแรงกดดันจากพี่สาวและภรรยาไม่ไหว ชายหนุ่มก็โพล่งออกมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ราตรีและสามีได้เดินเข้ามาในบ้าน

                “นี่มันอะไรกัน”

                เธอค่อนข้างตกใจ หันไปมองลูกชาย ทุกคนคงคิดว่าลูซคงสติแตกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังเอ่ยต่อ

                “แล้วเด็กในท้องใช่ลูกของริวจังหรือเปล่า”

                “ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าฉันป้องกันแล้ว”

                คืนนั้นที่นอนกับมีนา เขาเมามาก แต่เขาก็คิดว่าสวมถุงยางป้องกันทุกครั้งที่มีเซ็กกับคนแปลกหน้า

                “คุณริวไม่ได้สวมถุงยางค่ะ ฉันเองก็เมา ก็เลยไม่ได้ป้องกัน”

                “แล้วทำไม เธอถึงเพิ่งมาหาริวตอนนี้ เธอบอกว่าท้องหกเดือนแล้วนี่”ลูซถามต่อ

                “ค่ะ ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะทำแท้ง แต่เพราะโดนเพื่อนๆห้ามเอาไว้ ก็เลยเก็บเด็กไว้ เมื่อก่อนฉันก็คิดว่าจะเลี้ยงลูกแค่คนเดียวก็ได้ แต่ฉันคนเดียวเลี้ยงไม่ไหวจริงๆค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ฉันเลยอยากให้เด็กคนนี้มีพ่อ ให้เขาได้รับสิ่งดีๆ ก็มาหาเขาที่นี่”

                คนที่หัวใจแทบจะหยุดเต้น ไม่ใช่แค่ลูซ แต่ราตรีฟังแล้วก็แทบจะเป็นลม ไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะพลาดท่าเสียทีรุนแรงขนาดนี้

                “อย่างนั้นเหรอ…”

                ริวรู้สึกแปลกใจที่ลูซไม่ลุกขึ้นหนี แต่กลับนั่งสงบจนดูเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

                “ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเด็กในท้องของเธอก็คือลูกของริวจัง”

                คนที่พูดไม่ออกคือริว เขาเป็นห่วงทั้งความรู้สึกของมารดา และที่สำคัญในตอนนี้คือลูซ ที่ไม่เหมือนเดิม ทั้งสายตาท่าทางดูเย็นชาจนน่ากลัว แต่เพียงครู่ลูซก็คลี่ยิ้ม แต่ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความยินดี

                “แล้วเธอต้องการให้ริวจังรับผิดชอบยังไงล่ะ”

                ราตรีถูกประคองให้นั่งลง มีนาเอ่ยต่อ

                “ฉันอยากอยู่ที่ในฐานะภรรยาองคุณริว”

                ลูซหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วร้องเหอะ เขาหันไปมองราตรี

                “คุณแม่ครับ ลูซเป็นสะใภ้ของที่นี่ และได้แต่งงานกันแล้ว ลูซมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ไหมครับ”

                ราตรีมองลูกสะใภ้อย่างชื่นชม ลูซเป็นคนที่เข้มแข็ง และคงไม่คิดจะหนีปัญหา เธอพยักหน้าเบาๆ

                “ในฐานะภรรยาคงไม่ได้ เพราะฉันคือภรรยาของริวจัง เธอเองก็ไม่ได้คบกับเขา แล้วสิ่งที่เชื่อมเธอกับริวจังเอาไว้ก็คือลูก ในยุคนี้ มีลูกด้วยกันก็ไม่แปลว่าสามีภรรยาจะต้องแต่งงานกัน แล้วอยู่ด้วยกันเสมอไป”

                “แล้วคุณจะพรากแม่ พรากลูกหรือไง!”

                “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ฐานะภรรยาของริวจัง เธอจะอยู่ฐานะแม่ของลูกริวจังเท่านั้น ไม่ว่ายังไง สะใภ้ของที่นี่ก็คือฉัน”

                “ริว แล้วนายจะเอายังไง”

                รินหันมาถามน้องชาย ริวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากลูซ ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ได้บอกด้วยคำพูดก็ตามที แต่สีหน้าท่าทางที่ไม่เหมือนเดิม ก็ทำให้ริวได้เข้าใจ

                “ครับ ตามลูซบอกเลยครับ”

                “ไม่ได้นะคะ! แบบนี้มีนาไม่ยอม มีนาเป็นภรรยาของคุณนะคะริว”

                “ถ้าเธอไม่ยอม เมื่อเด็กเกิดมา คงได้มีขึ้นศาลกัน ก็เลือกเอาแล้วกันนะ ว่าจะให้ทำยังไง”

                คราวนี้รินเข้าข้างริว ท่าทางของเธอก็ไม่คิดที่จะยอมง่ายๆ มีนาจึงได้แต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่พอใจ

                “ก็ได้ค่ะ แต่พวกคุณต้องให้มีนาอยู่ที่นี่”

                “ได้…ช่วยไปจัดห้องให้เธอที”

                “ให้มีนาอยู่กับริวไม่ได้เหรอคะ มีนาท้องแก่แล้ว อยากมีคนดูแล”

                ลูซสูดลมหายใจช้าๆ เหมือนสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง แต่เพียงครู่เขาก็ระบายยิ้มหวาน

                “ทุกคนที่นี่จะช่วยดูแลเธอเอง รวมถึงฉันด้วย”

 

-------+++++-------

 

                “ลูซ เดี๋ยวก่อน”

                ริวรีบเดินตามลูซเข้ามาในห้องนอน เขาจับแขนของภรรยาเอาไว้ ลูซถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันมายิ้มให้กับคนรัก

                “มีอะไรเหรอริวจัง”

                “นายโกรธฉันใช่ไหม ที่ฉันทำผู้หญิงท้อง”

                “ควรโกรธดีไหมน้า ถ้าโกรธแล้ว ริวจังจะจูบแก้มลูซเป็นการง้อเหรอ”

                “อย่ามาทำตลกนะลูซ ฉันกำลังจริงจัง”

                “ลูซไม่โกรธริวจังหรอก ไม่ว่าจะยังไง ลูซก็รักริวจัง ลูซรอเวลาที่จะได้เป็นเจ้าสาวของริวจังมาตั้งหลายปี เรื่องอะไร ลูซจะต้องยอมแพ้ด้วยล่ะริวจัง”

                “จริงเหรอ”

                ลูซรั้งร่างเล็กเข้ามากอด ใบหน้าหล่อซบกับแผ่นอกกว้าง เขามองไม่เห็นหน้าของลูซ จึงไม่รับรู้ว่าในดวงตาคู่สวยฉายแววแห่งความเจ็บปวดมากแค่ไหน

                “จริงสิริวจัง ลูซจะไม่ยอมเลิกกับริวจังหรอก เพราะริวจังเป็นของลูซ และลูซก็เป็นภรรยาของริวจังนี่นา”

                “ฉันนึกว่านายอยากจะเลิกกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”

                “แล้วริวจังอยากเลิกกับลูซเหรอ”

                เขาดันร่างเล็กออกห่างเพียงนิด ก้มลงมางับจมูกสวย ริวเบือนหน้าหนี แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว

                “ไม่รู้สิ”

                “ว้า ไม่ใช่อยากจะบอกเร็วๆเหรอว่า เลิกกับฉันซะ เพราะฉันมีลูกแล้วน่ะ”

                ลูซเอ่ยติดตลก น้ำเสียงขบขัน ริวยกมือฟาดแขนลูซไปแรงๆหนึ่งทีราวกับหมั่นไส้

                “เงียบไปเลยเจ้าบ้า ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”

                ว่าจบก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ริวปิดประตูห้องน้ำแล้วเอนกายหลังชนประตู เขายกมือลูบหน้า ความรู้สึกเครียดและกังวลมากล้นจนแสดงออกทางใบหน้าให้เห็น

                “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

                ถ้าเป็นเมื่อก่อน ริวคงได้ร้องไชโย ที่เขาหาวิธีจะเลิกกับลูซได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เขากลับเครียดและคิดมากจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

                “ยิ้มสิวะ แกอยากเลิกกับเจ้านั่นไม่ใช่เหรอ”

                ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ริวก็ไม่คิดจะยอมรับความคิด ศักดิ์ศรีที่เขาเคยยึดถือเอาไว้มันค้ำคอ จนเขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่าตัวเองได้ตกหลุมรักลูซไปแล้ว

                แล้วยิ่งมีเรื่องที่เขาทำผู้หญิงท้องอีก นั่นแสดงว่าเขากำลังจะกลายเป็นพ่อคน เขาควรจะสนใจเรื่องลูกมากกว่ามาสนใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้

                ชีวิตที่ปกติ คือมีครอบครัว พ่อแม่ลูก ผู้หญิงได้ครองรักกับผู้ชาย เขาได้แต่งงานกับเพศตรงข้ามและมีลูกด้วย แล้วจะได้เป็นครอบครัวสุขสันต์ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยจิตนาการว่าต้องมีชีวิตแบบนั้น แต่ตอนนี้ในหัวเขา ภาพเหล่านั้นกลับเลือนราง ราวกับตัวเองไม่เคยได้ปรารถนาที่จะสร้างมันมาก่อน

               

100%



ท่านใดที่ต้องการซื้อเล่มนิยาย สามารถติดต่อได้ที่เพจจ้า https://web.facebook.com/akikoneko17fiction/


 

 

 
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 09-01-2017 19:48:37
เอิ่มง่ายไปรึเปล่าเนี่ยทำไมไม่ไปตรวจว่าเป็นลูกริวจริงรึเปล่า :fcuk: :fcuk:
หัวข้อ: Re: สะใภ้ขายาว : Chapter 21 รับผิดชอบ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-12-2017 19:48:05
ยังรอ  :call: :call: :call: