ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 40 กับ 41 ก็ไปอ่านก่อนนะคะ อยู่หน้า 61 กับ 64 ค่ะ
ส่วนคนที่หงุดหงิดอยากจะ....พี่แนท อ่านตอนนี้แล้วคงอมยิ้มได้นะคะ**********************************
ตอนที่ 42 NatRugArm4everนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวก็ตอนที่มีมืออุ่นๆมาแตะที่หน้าผากเบาๆไล้มาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง
ผมลืมตาขึ้นในใจคิดว่าเป็นพี่แนท แต่มันไม่ใช่.....เป็นพี่โอมที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆผม
“เป็นยังไงบ้างอาร์ม ไอ้แนทบอกว่าอาร์มขอนอนต่ออีกชั่วโมง แล้วให้พี่มาปลุก” ได้ยินชื่อพี่แนทแล้ว......มันเหมือนหายใจไม่ออก พี่โอมช่วยผมด้วย
“ไม่สบายหรือเปล่า แล้วทำไมตาบวมแบบนี้” ไม่ไหวแล้วครับ พอมีคนมาสะกิดแผล น้ำตามันก็ไหลอาบแก้มทันที
“พี่โอม อาร์ม.....อาร์ม ต้องกลับเมืองไทยแล้ว” พี่โอมดูตกใจที่เห็นน้ำตาผม
“อาร์มเป็นอะไร ทำไมจะรีบกลับล่ะ มีเรื่องอะไรกับไอ้แนทรึเปล่า” หน้าตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใย เห็นแล้ว....คิดถึงหน้าของคนใจร้ายใจดำขึ้นมาทันที
“พี่แนทเค้า...เค้าไล่อาร์มกลับเมืองไทย ฮึก ฮึก” ผมสะอื้นดังแบบไม่อายใคร มันกลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆครับ
“อะไรนะ ไอ้แนทมันกล้าไล่อาร์มเหรอ หนอยยย....มันมีสิทธิ์อะไรมาไล่น้องพี่ เดี๋ยวกลับมาพี่จะจัดการมันเอง”
พี่โอมดูโกรธจริงๆ แต่พี่จะทำอะไรพี่แนทอ่ะ จะชกเหรอ อย่านะ....ผมสงสารพี่แนท
“ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกพี่โอม อย่าไปทำอะไรพี่แนทเลย ฮึก ฮึก พี่เค้าซื้อตั๋วให้อาร์มแล้ว บอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปส่ง”
“
พรุ่งนี้! เป็นไปได้ยังไง มันไม่เห็นพูดอะไรกับพี่เรื่องนี้เลยนี่ มันบอกแต่ว่าพรุ่งนี้จะพาอาร์มไปแมนฮัตตัน”
หา....ว่าไงนะ เอ....หรือว่ามีสนามบินในเกาะแมนฮัตตันหว่า ผมไม่แน่ใจ
“หรือว่าสนามบินอยู่ในแมนฮัตตันอ่ะพี่โอม” (พอมาคิดย้อนกลับ ผมนี่ก็เอ๋อได้ใจจริงๆเลยครับ ถามคำถามนี้ออกไปได้)
“มีที่ไหนเล่า อาร์มบอกพี่ว่ามันซื้อตั๋วแล้ว ไหนเอามาให้พี่ดูหน่อยซิ”
ผมหยิบกระดาษที่วางบนโต๊ะหัวเตียง พี่โอมรับไปอ่าน ซักพักก็หัวเราะซะดังลั่นห้อง
อะไรพี่....ผมจะกลับเมืองไทยนี่มันน่าหัวเราะตรงไหน
แล้วเสียงหัวเราะพี่นี่....ทำเอาน้ำตาผมหดหมดแล้ว
“พี่ถามจริงๆ อาร์มอ่านไอ้นี่หรือยัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ยังอีก.....พี่โอม หัวเราะเข้าไป ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ก็นี่มันเป็นใบยืนยันการสมัครเรียนคอร์สภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติน่ะสิ ต้องไปสอบวัดระดับพรุ่งนี้เช้าก่อนเริ่มเรียน ใบที่สองนี่เป็นใบสมัครคอร์สติวเพื่อสอบ GRE” หา.....ว่าไงนะ พี่โอมพูดอะไรอ่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย
“ส่วนอีกใบนี่.....เป็นใบยืนยันการสอบโทเฟล ปลายเดือนนี้ อาร์มบอกให้มันสมัครออนไลน์ให้เหรอ
แต่...เฮ้ย....อาร์มจะบ้าหรือเปล่า อีกสามอาทิตย์เองจะไปเตรียมตัวทันได้ยังไง” ผมได้แต่อึ้งกิมกี่
“อาร์มไม่รู้เรื่องสมัครอะไรนี่เลย พี่แนทก็ไม่ได้ถามอาร์มด้วย” ผมรีบปฏิเสธก่อนจะเจอพี่โอมล้งเล้งเรื่องวันสอบอีก
“ถ้าไม่ได้ถามแล้วมันจะสมัครให้ได้ยังไง เพราะเค้าต้องกรอกชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด แถมยังอีเมลล์แอดเดรสอีก”
งั้นก็หมายความว่า.....ที่พี่แนทเอาพาสปอร์ตกับอีเมลล์ผมไปเนี่ย ไปทำไอ้นี่เหรอ สงสัยหน้าผมจะเอ๋อหนัก พี่โอมเลยเดาเรื่องออก
“เย็นนี้คุยกับแนทมันให้รู้เรื่อง แล้วบอกให้มันเลื่อนสอบด้วย โง่ภาษาอังกฤษอย่างแกเนี่ย สอบไปก็เสียเงินเปล่า ค่าสอบตั้งร้อยห้าสิบเหรียญ.....” สรรพนามเรียกผมเปลี่ยนจากอาร์มเป็นแกแล้วตอนนี้ สงสัยจะเริ่มหงุดหงิดหนัก แล้วนี่อะไรอ่ะ.....มาว่าผมโง่ ตูโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง
“แถมไอ้คอร์สเรียนภาษากับ GRE นี่อีก ปาเข้าไปตั้งหลายพันเหรียญ เงินเหลือทิ้งเหลือขว้างรึไง
GRE นี่ซื้อหนังสือมาอ่านเอาเองก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปเข้าคอร์ส แกบอกให้มันแคนเซิลคอร์สนี้ไปเลยนะ”
พี่โอมค้าบบ.....เรื่องดุน้องนี่ พูดได้พูดดีไม่มีหยุดพักเลยนะ
“แต่ดูนี่สิ......มันตั้งพาสเวิร์ดให้แก เห็นแล้วหมั่นไส้โว้ยยย” พี่โอมยื่นกระดาษให้ผมดู
ลายมือพี่แนทเด่นหรา
‘อาร์ม......พี่ตั้ง username และ password สำหรับล็อกอินเว็ปไซท์ของโทเฟลให้นะ
Username: In-Tut
Password: NatRugArm4ever แล้วอย่าลืมเข้าไปเช็คอ่านรายละเอียดนะ ส่วนพรุ่งนี้เช้า....อาร์มต้องไปสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก่อนเข้าคอร์สเรียนภาษา เตรียมตัวให้พร้อมด้วยครับ’อ่านจบผมยิ้มออกมาทันที รู้สึกหน้ามันบานๆหุบไม่ลงยังไงไม่รู้ บ้า บ้า บ้า.....ตั้งอะไรแบบนี้เนี่ย ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไง
“เอ้ายิ้มเข้าไป ยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว ที่เมื่อกี้....ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตาย” พี่โอมหยิกแก้มผมสองข้างแล้วโยกหัวเบาๆ
แหม....ก็คนมันมีความสุขนี่ครับ แต่พี่แนท....นี่ก็ร้ายนะ มาแกล้งพูดแกล้งทำให้ผมเข้าใจผิดอยู่ได้ทั้งคืน
แถมปล่อยให้ผมร้องไห้จนตาบวมอีก คิดแล้วก็.....เจ็บใจเหลือเกิน
“พี่โอม แต่พี่แนทอ่ะ....แกล้งให้อาร์มเข้าใจผิด ดูสิ......อาร์มร้องไห้ทั้งคืนจนตาบวมเลยด้วย”
ผมชี้ที่ตาให้พี่โอมดูหลักฐานประกอบคำพูด
“พี่เห็นแล้วว่าอาร์มน่ะตาบวม แล้วอาร์มไปทำอะไรไอ้แนท มันถึงได้แกล้งเอาแบบนี้”
ผมก็เลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผมใส่ยานอนหลับในน้ำส้มตามแผน แต่พี่แนทจับได้สลับแก้วตัวเองให้ผมกิน จนมาเรื่องเมื่อคืนที่ผมใช้อีโนกับวิตามินซี แต่เพราะพี่โอมไปเข้าแล็ปตั้งแต่เช้าเมื่อวานกว่าจะกลับมาก็ดึก แกเลยไม่รู้ความล้มเหลวของแผนหนึ่งและแผนสอง
“แกนี่นะจริงๆเลย โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก เพิ่มอีโนเข้าไปทำไม พี่บอกแกเหรอ อย่างงี้ล่ะสิ ไอ้แนทมันเลยจับได้”
ผมหน้ามุ่ยทันที คำก็โง่ สองคำก็โง่ ถ้าโง่แล้วจะเรียนจบมาได้ยังไง
“ถึงอาร์มไม่กินอีโน พี่คิดเหรอว่าแผนจะสำเร็จ พี่แนทน่ะ....ฉลาดจะตาย” ก็มันจริงนี่ อย่างพี่แนทน่ะ....ไม่ใช่แค่ขงเบ้งหรอก แต่เป็นสามก๊กรวมกันอยู่ในคนๆเดียวเลยแหละ
“ถึงมันจะฉลาด แต่ถ้าแกไม่ทำเสียแผน มันก็ต้องหลงกลบ้างล่ะ....” ฟังแล้วยิ่งหงุดหงิดหนัก พี่ลองมาทำดูเองมั่งมั้ยล่ะ.....ดีแต่พูด
“สุมาอี้เคยกล่าวไว้ว่า
จงออกไปสู้ถ้าคิดว่าสู้ได้แล้วชนะ จงตั้งรับถ้าคิดว่าเมื่อออกไปสู้แล้วไม่ชนะแน่ๆ จงถอยถ้ารู้ว่าเมื่อตั้งรับแล้วก็ไม่มีวันตั้งรับได้นาน (สู้ถอยไปตั้งหลักเพื่อถนอมกำลังพลดีกว่า)
และสุดท้ายเมื่อทุกข้อที่กล่าวมาไม่สามารถทำได้ ก็มีสองทางเลือกคือ ยอมจำนนเป็นเชลยหรือสู้ตายไปเลย เอาอย่างงี้.......พี่ว่าระหว่างนี้เราควรถอยก่อนซักระยะ แล้วค่อยคิดหาทางกันอีกที”
ผมพยักหน้าหงึกหงักตาม อืม...พี่โอมพูดมีสาระดีมาก
“อาร์มเห็นด้วยพี่โอม ช่วงนี้ถอยก่อนก็ดี เพราะอาร์มก็เหนื่อยเหมือนกันอ่ะ”
วันนี้พี่โอมไปเข้าแล็ปตอนสายๆเพราะเมื่อวานไปแล้วทั้งวัน แกต้องรีบปั่นงานให้เสร็จเมื่อวานก่อนอาจารย์จะลาพักร้อนอาทิตย์นี้ พอพี่โอมไปผมก็เปิดคอมเช็คนู่นนี่ไปเรื่อยๆ ว่างๆเลยลองทำตัวอย่างข้อสอบโทเฟล โห....ยากมาก คะแนนผมต่ำเตี้ยติดดิน ต้องฟิตอีกเยอะเลยครับ
************************************
ถึงตอนเย็นผมทำอาหารเย็นรอพี่โอมพี่แนท ทำเสร็จก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยเปื่อย กะฟังภาษาอังกฤษให้มันคุ้นๆหูไว้ เผื่อพรุ่งนี้มันจะช่วยให้ผมทำข้อสอบวัดระดับได้ดีขึ้น (แล้วมันจะทันมั้ยนั่น)
นั่งดูเพลินๆได้ยินเสียงเปิดประตูอพาร์ทเมนท์ พี่แนทคงกลับมาแล้ว เรื่องที่โกรธพี่แกเมื่อเช้ามันหายไปเกือบหมดแล้ว ก็ผมมันคนโกรธง่ายหายเร็วนี่ครับ ว่าแล้วก็เดินไปรินน้ำใส่แก้วให้พี่แนทดีกว่า คิดแล้วก็อายจัง.....มันเหมือนภรรยาสาวทำให้สามีเลยอ่ะ
“น้ำเย็นๆครับพี่แนท” พี่แนทส่งยิ้มกว้างมาให้แล้วรับแก้วไป จูงมือผมไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“อาร์มไม่โกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ” ผมส่ายหน้ายิ้มๆให้แก
“แต่ทำไมพี่แนททำอะไรไม่บอกอาร์มก่อน สมัครเรียน สมัครสอบให้อาร์มตั้งเยอะแยะ แล้วอาร์มจะเตรียมตัวทันได้ยังไงล่ะ”
“ก็พี่เห็นอาร์มอยู่บ้านว่างๆ พอว่างแล้วก็ชอบคิดอะไรฟุ้งซ่าน พี่เลยหาอะไรให้อาร์มทำ จะได้ไม่มีเวลาไปคิดแผนพิเรนท์ๆอะไรอีกไง” หา....มาว่าผมคิดฟุ้งซ่านเหรอ
เลยทุบต้นแขนแกไปแรงๆหนึ่งที
“พี่แนทตั้งใจแกล้งอาร์มให้เข้าใจผิด เห็นอาร์มร้องไห้ทั้งคืน สนุกมากใช่มั้ย” หน้าผมเริ่มหงิกแล้ว พี่แนทรีบเข้ามากอดโอ๋ผม
“โอ๋ โอ๋...ไม่โกรธพี่นะ ก็ทีอาร์มยังแกล้งพี่ด้วยแผนบ้าๆเลย” ผมยังนิ่งไม่ยอมยิ้ม ไม่มองหน้า ก็มันยังงอนอยู่อ่ะ
“อาร์ม ดูอะไรนี่เร็ว พี่มีของจะให้” อ๊ะ....ของอะไรเหรอ ผมเหลือบมองด้วยหางตา แต่ยังปั้นหน้าเฉยอยู่
พี่แนทหยิบกล่องใบย่อมออกจากกระเป๋ามายื่นให้ผม ผมนั่งนิ่งไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ
“พี่อุตส่าห์ซื้อไอโฟนมาให้ ไม่อยากได้แล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เอาไปคืนแล้วกัน” อย่าพี่....อุตส่าห์ซื้อมา จะเอาไปคืนทำไม
ผมรีบคว้ากล่องหมับทันทีกลัวแกเปลี่ยใจ ยกมือไหว้ขอบคุณพี่แนทด้วยหน้าตาที่เบิกบานกระดี๊กระด๊ามาก
พี่แนทแกรู้ว่าผมอยากได้ไอโฟนตั้งแต่ตอนไปเที่ยวด้วยกันแล้วครับ ก็ผมขอเล่นของพี่แดนตั้งหลายครั้ง
“พี่เห็นว่าอาร์มต้องไปเรียน เดินทางออกนอกบ้านแทบทุกวัน มีมือถือติดตัวไว้จะได้โทรหาพี่ได้ หรือเผื่อเวลาอาร์มหลงทางก็โทรหาพี่หรือเสิร์ชแผนที่ในอินเตอร์เน็ทได้ไงครับ”
ฟังแล้วซึ้งจังเลย :impress:ขนาดตัวพี่แนทเองยังใช้แค่โทรศัพท์ธรรมดามีลูกเล่นนิดหน่อย แต่ดูแกซื้อให้ผมสิ.... ว่าแล้วก็หอมแก้มเป็นรางวัลสำหรับความน่ารักซักหน่อยดีกว่า แต่พอหอมเสร็จพี่แนทกลับจูบผมซะหายใจหายคอแทบไม่ทัน แกบอกว่าแค่หอมแก้มมันไม่คุ้มกับไอโฟนหรอก
“พี่แนท อาร์มว่าเราเลื่อนสอบโทเฟลออกไปก่อนดีมั้ย สามอาทิตย์มันน้อยไป อาร์มกลัวว่าพี่แนทจะเปลืองเงินเปล่าๆ” ผมลูบแขนพี่แนทที่โอบกอดผมอยู่เบาๆ
“พี่รู้อยู่แล้วว่าเวลาเตรียมตัวมันน้อยไป แต่พี่อยากให้อาร์มลองสอบดู จะได้พอรู้ตัวเองว่าต้องฟิตด้านไหนเพิ่มอีก สอบครั้งแรกพี่ไม่หวังว่าอาร์มจะได้คะแนนดีอะไรหรอก ไม่ต้องกังวลนะ โทเฟลนี่มันสอบได้เรื่อยๆจนกว่าเราจะพอใจคะแนน จริงมั้ย” มันก็จริงอ่ะนะ แต่มันเปลืองเงินนี่
“แต่มันเปลืองเงิน แล้วเรื่องคอร์สติว GRE นี่มันก็แพง พี่แนทแคนเซิลไปดีกว่า อาร์มซื้อหนังสือมาอ่านเองก็ได้”
“แต่เข้าคอร์สมันก็ดีนะ จะได้คะแนนดีๆไง พอคะแนนดีเราก็มีสิทธิ์เลือกยูได้มากขึ้นโดยเฉพาะยูในนิวยอร์ค หรืออาร์มไม่อยากอยู่ใกล้ๆพี่” เฮ้อ....ฟังเหตุผลพี่แกแล้ว สงสัยคงต้องเรียนจริงๆแล้วล่ะครับ
“ว่าแต่....อาร์มชอบพาสเวิร์ดที่พี่ตั้งให้มั้ย” แหมพี่แนท....มาถามอะไรกันแบบนี้เนี่ย แล้วจะให้ผมตอบยังไง
“ก็.. ชอบครับ แต่พี่แนทคิดได้ไงอ่ะ ไม่อายบ้างรึไง” ผมจับนิ้วพี่แนทบิดไปมาแทนนิ้วตัวเอง ก็มันเขินนี่ครับ
“ทำไมต้องอาย แนท-รุก-อาร์ม-ฟอร์เอฟเวอร์ นี่เท่ห์จะตายจริงมั้ย” หา.....ว่าไงนะพี่แนท ไหนขอฟังชัดๆอีกทีซิ
“ว่าไงนะพี่แนท พาสเวิร์ดมันอ่านว่ายังไง” ตอนนี้ผมขยับตัวจากอ้อมกอดคนตัวโต มานั่งจ้องหน้าพี่แกเขม็ง ส่วนพี่แนทเหรอ....อมยิ้มตาเป็นประกายวิบวับจนผมอยากจะควักลูกตาออกมาจริงๆ
“พี่บอกว่า
แนท-รุก-อาร์ม-ฟอร์เอฟเวอร์ ไงครับ” แกพูดช้าๆชัดๆเหมือนตอกย้ำให้ฝังเข้าไปในสมองผม
ย๊ากกก.....ไปตายซะเถอะ :o211:ไอ้พี่บ้า ไม่เหลือแล้ว....ไอ้บรรยากาศโรแมนต่งโรแมนติคอะไรเนี่ย
ตอนนี้ผมอยากจะฆ่าใครบางคนมากกว่า
คุณๆจำได้มั้ยว่ามันเขียนยังไง มันเขียนว่า
NatRugArm4ever โถ่เว้ยย....ไอ้เราก็หลงดีใจมาหลายชั่วโมง
คิดว่ามันอ่านว่า
แนท-รัก-อาร์ม-ฟอร์เอฟเวอร์ ซะอีก เจ็บใจ เจ็บใจเหลือเกิน
ผมจะทำไงกับพี่แนทดีนี่ คุณๆคนอ่านช่วยผมคิดทีสิครับ
***************************************************