ตอนที่ 35.1 ลิ้นกับฟันตอนนี้เป็นวันอาทิตย์เวลาบ่ายแก่ๆ หลังจากผมโดนพี่แนทถล่มซะเดี้ยง 5 ประตูต่อ 0 ตั้งแต่คืนวันศุกร์ต่อเช้าวันเสาร์
ไอ้พี่บ้ายังหื่นไม่เลิก เมื่อคืนนี้ยังทำประตูซ้ำต่อเป็น 6-0 จากที่ร่างกายผมทำท่าจะหายจะหาย มันเลยไม่หายซักที
ห้ามก็ไม่ฟัง โกรธและงอนมากมาย
ผมเลยไม่พูดกับพี่แนทตั้งแต่เช้า ได้แต่นอนอยู่บนเตียงดูทีวีในห้องนอนไปเรื่อยเปื่อย
พี่แนทเหมือนจะรู้ว่าหนนี้ผมโกรธจริงๆ แต่แทนที่จะง้อซักหน่อย ไม่มีซะหรอก โน่น....ออกไปนั่งนอกห้อง แถมบอกว่า ถ้าผมไม่เห็นหน้าพี่แนทคอยกวนใจอยู่ในห้อง ผมอาจจะสบายใจขึ้น โอ๊ยยย...ทำไมมันไม่ได้ดังใจเลยวุ้ย
กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เอ๊ะ...นั่นเสียงคนคุยกันด้านนอกนี่ ต้องเป็นพี่โอมแน่ๆเลย เย....พี่โอมกลับมาแล้ว ตูมีพวกแล้วเฟ้ย ซักพักพี่โอมก็เดินเข้ามาหาผมในห้อง
“พี่โอม คิดถึงจังเลย” ผมโผเข้ากอดพี่โอมที่เดินมานั่งลงบนเตียงข้างๆตัว
“เป็นไงบ้าง เห็นไอ้แนทบอกว่าไม่สบายเหรอ” พี่โอมถามเสียงเป็นห่วง เอามืออังหน้าผากเพื่อเช็คว่าผมมีไข้หรือเปล่า
“ก็พี่แนทน่ะแกล้งอาร์ม ทำอาร์มเจ็บ....เจ็บไปทั้งตัว นี่เดินไม่ไหวลุกไม่ขึ้นเลยด้วย”
ผมรีบฟ้องทันที แถมเอาหัวไถๆแขนพี่โอมเพื่ออ้อน
ผมหวนนึกถึงตอนที่กลับมาจากซานฟรานใหม่ๆ ผมกับพี่แนทตัดสินใจบอกพี่โอมไปตรงๆว่า เราสองคนตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ตอนแรกพี่โอมก็อึ้งและเงียบไป ซักพักก็ถามผมว่าแน่ใจแล้วเหรอ ผมยืนยันว่าแน่ใจ แกเลยขอคุยกับพี่แนทแค่สองคน
ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าคุยอะไรกันบ้าง เพราะเค้าเข้าไปคุยกันในห้องแล้วปิดประตู ผมได้แต่กระวนกระวายรอหน้าห้อง ได้ยินเสียงคุยกันเสียงดัง แล้วมีเสียงเหมือนข้าวของตกพื้น พอพี่แนทเดินออกมาพร้อมรอยเลือดซึมที่มุมปากเหมือนโดนชก ผมรู้ทันทีว่าใครทำ แต่พี่แนทยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร
พี่โอมเดินตามออกมา เข้ามากอดผมพร้อมลูบหัวพูดว่า ผมโตแล้ว รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ อะไรที่ผมตัดสินใจ แกจะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่เมื่อไหร่ที่มีปัญหา แกพร้อมเสมอที่จะเป็นที่ปรึกษา ผมได้แต่ยืนร้องไห้กอดพี่โอม
หลังจากวันนั้นผมไม่เคยถามพี่แนทว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องบ้าง พี่โอมเองก็ไม่พูดอะไรเหมือนยอมรับเรื่องผมกับพี่แนทได้ แต่ผมก็ยังคงนอนห้องพี่โอมทุกคืน
“หึ หึ เป็นไงล่ะ ดื้อดึงอยากมีแฟนดีนัก บอกให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนก็ไม่เอา แล้วตอนนี้มาบ่นทำไม” พี่โอมขยี้หัวผมเบาๆ
“ก็ใครจะรู้ล่ะว่าพี่แนทหื่นขนาดนี้ อาร์มจะช้ำในตายแล้วนี่ แถมยังชอบยั่วโมโห แกล้งอาร์มตลอดเลยด้วย”
ผมยังฟ้องต่อ ก็คนมันงอนนี่ครับ
“งั้นเดี๋ยวพี่แก้แค้นคืนให้เอามั้ย อยากมาแกล้งน้องรักของพี่ทำไม” ผมเงยหน้ามองพี่โอมทันที พยักหงึกหงัก ยิ้มกว้างตาหยี ดี...ตูทำอะไรไม่ได้ ให้พี่โอมทำแทนแล้วกัน
“เอาเลยพี่โอม แล้วพี่จะทำยังไงอ่ะ แต่....ห้ามใช้กำลังนะครับ” คิดภาพพี่แนทโดนชกวันนั้นแล้วอดห่วงไม่ได้
“พี่ไม่ใช้กำลังหรอก มันต้องใช้สมอง รับรองไอ้แนทต้องกระอักเลือดตายแน่ๆ ฮ่า...ฮ่า...”
พี่โอมดูหน้าตาเจ้าเล่ห์มากๆ
ไม่ทันรู้ตัว พี่โอมก็อุ้มผมตัวลอยจากเตียง ผมรีบเอาแขนคล้องคอพี่โอมกันตก แกเดินฉับๆออกจากห้องพี่แนทพาผมไปห้องตัวเองที่อยู่อีกฟากทันที
ตอนเดินผ่านห้องนั่งเล่น พี่โอมหยุดเดิน หันไปพูดกับพี่แนทที่นั่งอยู่บนโซฟา
“แนทขอบใจวะที่ดูแลอาร์มให้ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ต่อไปนี้อาร์มกลับไปนอนกับข้าเหมือนเดิน เดี๋ยวข้าดูต่อเอง” พี่โอมหันไปพูดพร้อมยักคิ้ว ดูเหมือนเยาะเย้ยยังไงไม่รู้
“เฮ้ยไม่เป็นไร ให้อาร์มนอนกับข้าก็ได้ เดี๋ยวข้าดูเอง อย่าลืมนะ....ข้าเป็นหมอนะเว้ย” พี่แนทพยายามท้วง แถมส่งสายตาออดอ้อนมาให้ผม :impress:เหมือนอยากให้ผมช่วยพูดค้านพี่โอม
แต่พี่โอมไม่สนใจก้าวฉับๆเข้าห้องปิดประตูทันที แกวางผมลงให้นั่งพิงหัวเตียง นั่งลงข้างๆผมแล้วหัวเราะสนั่นลั่นห้อง
“อาร์ม...เห็นหน้าไอ้แนทรึเปล่า ทำหน้าทำตาเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง หูลู่ หางตก สะใจพี่จริงๆ”
พูดจบแกหัวเราะต่อแบบสะใจมากๆ เหมือนตั้งใจให้คนนอกห้องได้ยิน
“เอ่อ.....มันไม่เกินไปหน่อยเหรอท่านพี่ ข้าว่าท่านหัวเราะดังเกินไปแล้ว” ผมท้วง อดสงสารพี่แนทที่อยู่นอกห้องไม่ได้
“หึ หึ หึ เจ้าไม่รู้อะไร กระบี่อยู่ที่ใจ กระบวนท่าใช้ออกไปแล้ว
เพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นโหดกว่าคำพูดหลายเท่าพันทวีนัก...” พี่โอมรับมุกทันที ก็แกชอบนิยายกำลังภายในจีนอยู่แล้วนี่ครับ
“น้องรัก..เชื่อข้า แค่นี้มันไม่เป็นใดหรอก ข้าเพียงแต่ทำให้มันรู้สึกอัดอั้นจนแทบอยากกระอักเลือดตายเสียให้ได้ก็เท่านั้น หึ หึ
อยู่ร่วมเคียงชายคา....แต่มิอาจแตะต้องเจ้าได้ ระหว่างนี้เจ้าจะมิมีผู้ใดมากวนใจ จงพักผ่อนเสียให้เต็มที่เถิด” พี่โอมพูดแล้วตบบ่าผมเบาๆ
“โหพี่ท่าน ข้าขอคารวะ ได้ฟังคำชี้แนะจากท่านพี่ นับว่าทำให้ข้าหูตากระจ่างขึ้นมาก แผนของท่านพี่ช่างแยบยลยิ่งนัก ข้าต้องขอขอบใจท่านจริงๆ” ผมพูดพร้อมทำมือประสานคารวะพี่โอม ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้พักเต็มที่ซักคืน
“อย่าถือว่าเป็นคำชี้แนะ ให้ถือซะว่าเป็นการประชันแลกเปลี่ยนทัศนคติกันจะดีกว่า และมิต้องขอบอกขอบใจข้า นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” พี่โอมพูดไปยิ้มไป
“พี่ท่านจิตใจกว้างขวางดุจขุนเขา ข้าน้อยนับถือจริงๆ” ผมยิ้มตอบพี่โอม ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย
“แต่ข้าขอเตือนสติเจ้าสักอย่างหนึ่ง
ชีวิตคู่....ถ้ามันสงบราบเรียบเกินไป มันก็จักน่าเบื่อ ถ้าอยู่กันเงียบๆ มันก็มิแตกต่างจากอยู่คนเดียวหรอก เจ้าว่าจริงหรือไม่” พี่โอมพูดให้ข้อคิดเตือนสติผม
ผมคิดตาม.....มันก็จริงนะ ถ้าอยากอยู่สงบๆ ก็อยู่เป็นโสดไปซะเลยจะได้ไม่มีเรื่องกวนใจ แต่....แบบนั้น....ไม่เอาอ่ะ ก็ผมรักพี่แนทนี่ครับ
ที่จริงแกล้งกันไปแกล้งกันมา งอนกันนิดหน่อย มันก็เพิ่มรสชาติให้ชีวิตดีเหมือนกัน แฟนกันมันก็ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้าง เหมือน
ลิ้นกับฟัน แล้วจริงๆไอ้เรื่องอย่างว่า.....เอ่อ....พี่แนทก็เก่ง ผมเองก็ชอบด้วย แต่จะดีกว่านี้....ถ้าผมได้รุกคืนบ้าง
“ท่านพี่ ท่านช่างพูดได้จับใจข้ายิ่งนัก ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่านสักเรื่อง......” ผมจ้องตาพี่โอมนิ่ง เพราะเรื่องที่จะขอนี่ เรื่องใหญ่เหมือนกันครับ ไม่รู้ว่าพี่โอมจะยอมหรือเปล่า
“เอ่อ....ท่านพี่.....ข้าขอพักกับท่านเพียงแค่คืนนี้ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นคืนดังเดิม แล้วต่อจากนี้.....ข้าจักขอพักร่วมห้องกับพี่แนทได้หรือไม่” ผมพยายามส่งสายตาอ้อนๆไปให้ เพื่อให้พี่โอมใจอ่อน
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ” พี่โอมทอดสายตาอ่อนโยนมาให้ พร้อมลูบหัวผมไปด้วย
“ข้าแน่ใจ พี่แนทสวมแหวนให้ข้าเป็นของแทนใจ และข้า...ข้าตกเป็นของเค้าแล้ว ข้ามิอาจอยู่ไกลจากพี่เค้าได้”
ผมชูมือซ้ายให้พี่โอมดู พี่โอมจับมือผมไปดูแหวนใกล้ๆแล้วยิ้ม
“ตกลง ข้าอนุญาต มันดีสำหรับข้าด้วย เพราะเจ้านั้นช่างนอนดิ้นเหลือเกิน” พี่โอมหัวเราะเบาๆแล้วยีหัวผม
************************************************