ไม่พูดพล่ามทำเพลง มาต่อกันเลยดีกว่าค่ะ*********************************
ตอนที่ 10 ความจริงที่เปิดเผยสรุปว่าผมก็ไม่ได้ดูอะไรในมิวเซียมเพราะมันใหญ่มาก โดยทั่วไปต้องใช้เวลาครึ่งวันเป็นอย่างน้อยจึงจะดูหมด เป็นเพราะไอ้พี่เวรนั่นคนเดียว ทำให้ผมคงต้องมาเที่ยวซ่อมเองที่หลัง คงต้องเป็นหลังจากกลับมาจากซานฟราน เวลาสิบห้านาทีที่มีผมจึงแวะเข้าร้านขายของที่ระลึกในมิวเซียมแทน เสร็จออกมาจากมิวเซียมผมก็ไม่พูดไม่จา ไม่อยากพูดอะไรครับเดี๋ยวของขึ้น พวกเราพากันไปสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปไทม์แสควร์
พอออกจากสถานีมาก็เห็นไทม์แสควร์อยู่ตรงหน้า โอ้โห......มีแต่ตึกใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น แต่ละตึกประดับด้วยจอภาพขนาดใหญ่ฉายสปอตโฆษณาเต็มไปหมด บางตึกก็ประดับประดาด้วยไฟหลากสี มีแต่ร้านค้าดังๆอย่างร้านช็อคโกแลตเฮอร์ชี่ส์ ร้านเอ็มแอนด์เอ็ม สองร้านนี้มีแต่ช็อคโกแลตทั้งร้าน ผมเลยอุดหนุนไปหลายเหมือนกัน
ร้านขายเสื้อผ้ายี่ห้อต่างๆ รวมถึงโรงแรมดังๆ ผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวทั้งคนนิวยอร์คเองเดินกันขวักไขว่ มันเหมือนหลุดเข้าไปอีกมิติหนึ่งที่มีแต่แสงสีจริงๆเลยครับ ทำให้ผมลืมเรื่องหงุดหงิดที่มิวเซียมไปเลย ถ่ายรูปซักพักพวกเราก็พากันเดินไปสถานีเพื่อนั่งรถไฟกลับอพาร์เมนท์
“Hi Nat!! How are you?” เสียงผู้หญิงสาวสวยผมบลอนด์ ใส่ชุดเดรสสั้นพอดีตัว เอ่ยทักไอ้พี่แนทพร้อมยิ้มกว้างตาเป็นประกาย
“I’m fine. And you?” เสียงพี่แนทตอบ แล้วสองคนก็กอดทักทายกัน
“@@#####” “@@%%%%$$$” สองคนนั่นพ่นภาษาอังกฤษใส่กันจนผมฟังจับความไม่ได้ ตอนนี้เค้าสร้างโลกส่วนตัวกันสองคนแล้วครับ คุยกันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นปี ไม่สนใจผมเลยอ่ะ
ฝ่ายหญิงสาวนี่.....พูดกับไอ้พี่แนทไป มือก็แตะแขนพี่แนทไปด้วยเป็นระยะๆ พร้อมส่งสายตาไปเหมือนจะกินไอ้พี่แนทงั้นแหละ แถมยิ้มหัวเราะต่อกระซิกกัน แหม....รื่นเริงกันเหลือเกิ้นนน...เห็นแล้วหมั่นไส้จริงๆ
ทีกับผมนะไม่เคยจะพูดดีด้วยหรอก ส่วนยิ้มนี้ก็ไม่เห็นยักจำได้ว่าเคยยิ้มให้ผม อย่างงี้มันหน้าหม้อชัดๆ
“Give me a call. Take care. Bye” ในที่สุดก็ฟังออกประโยคสุดท้ายที่สาวเจ้าพูดครับ แถมยังมีกอดสั่งลาก่อนจากอีก
โอ้ยยย....หงุดหงิดโว้ย
อยากให้พี่โอมมาเห็นจริงๆเล้ยยย จะได้รู้ว่าสุดที่รักของพี่หน่ะ...หูดำขนาดไหน ทีเมื่อเช้า....ทำมาเป็นจูงผมเดินบอกกลัวผมหลง พอเห็นสาวสวยมาอ่อยเข้าหน่อยก็ลืมผมไปเลย
“เป็นอะไรไปอีก....ไอ้ตัวแสบ หน้าบึ้งหงุดหงิดอะไร” ไอ้บ้านั่นหันมาถามผมหลังจากกอดล่ำลากับสาวเจ้าเสร็จ
ผมไม่ตอบหรอกครับ ก็คนมันไม่อยากจะพูดมีอะไรมั้ย ตอนนี้ผมอยากกระโดดงับหัวคนมากกว่า
ไอ้นั่นคงเห็นผมทำหน้าบูดบึ้งหงิกงอมากขึ้น
“อ้าวไม่ตอบอีก นี่หน้างอปากเชิดจนจะติดจมูกอยู่แล้ว หรือโมโหหิว” เอ๊ะ...ไอ้พี่เวรนี่ กวนประสาทถามอยู่นั่น แล้วทำไมอยากรู้มากนักหนาฟะเนี่ย
“ใช่! ผมหิวแล้ว กลับได้รึยัง” ผมกระแทกเสียง แล้วเดินลิ่วๆไปเลยครับ
*********************************************
มาถึงอพาร์ทเมนท์ พี่โอมทำอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ผมรีบกินด้วยความเร็วสูงเพราะวันนี้ใช้พลังงานไปเยอะ ก็เพราะใครหล่ะที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ กินเสร็จก็ต้องจัดกระเป๋าอีกเพื่อไปวอชิงตันดีซีพรุ่งนี้กับไอ้พี่แนทนั่น แต่แกมีเพื่อนไปด้วยอีกคนครับ เห็นว่าเป็นหมออยู่โรงพยาบาลเดียวกัน
อาบน้ำเสร็จก็มานั่งจัดกระเป๋า วันนี้พี่โอมจะมานอนกับผม ดีใจจังเลยครับจะได้คุยกันให้หายคิดถึง ไม่อยากคุยต่อหน้าไอ้พี่แนท เผื่อจะได้นินทาได้สะดวกหน่อย
“เป็นไงอาร์มวันนี้ เที่ยวสนุกมั้ย”
“ก็สนุกครับ แต่เมื่อยขาสุดๆ พรุ่งนี้ต้องปวดขาแหงๆ” จะสนุกกว่านี้...ถ้าไม่ได้ไปกับไอ้โรคจิตนั่น
“อะไรอาร์ม นั่งรถไฟกับเดินนิดหน่อยแค่นี้ทำบ่น ไม่ฟิตเลยนะเรา” โถ่...พี่โอม...ช่างไม่รู้อะไรซะเลย ว่าวันนี้ผมเผชิญอะไรมาบ้าง
“พี่โอม...คิดดู วันนี้ผมเดินไปบนถนนห้าจากตึกเอ็มไพร์เสตทไปถึง Museum of Art มันตั้งห้าสิบบล็อคเลยนะพี่” อย่างงี้จะมาว่าผมไม่ฟิตได้ยังไง เป็นใครใครก็ต้องแย่เหมือนผมนี่แหละ
“อ้าวทำไมเดินซะไกลขนาดนั้น ไมไม่นั่ง subway หล่ะ”
“ก็ไอ้พี่เว...เอ้ยไม่ใช่...ก็พี่แนทเพื่อนรักพี่นั่นแหละ บอกว่าเดินไปก็ได้ ไม่ไกลหรอก” ได้ทีต้องรีบฟ้องครับ พี่จะได้รู้ซะบ้างว่าสุดที่รักพี่แกล้งผมไว้ยังไง
“เออ...ไอ้แนทมันก็บ้าหว่ะ พาแกเดินได้ยังไง ว่าแต่...มันก็เดินกับอาร์ม แต่กลับมาไม่เห็นมันบ่นอะไรเลยหนิ” อ้าว..พี่โอม นี่พี่จะบอกว่าไอ้พี่เวรนั่นมันฟิตกว่าผมงั้นซิ
“แต่พี่โอม...พอเดินไปถึงมิวเซียมนะ มันประกาศว่าเหลืออีกสิบห้านาทีมิวเซียมจะปิด อาร์มนะ....อยากจะกระโดดงับหัวคนเลยอ่ะ
” พี่โอมหัวเราะพรืดเลยครับ
“อาร์มว่านะ พี่แนทต้องแกล้งอาร์มแน่ๆเลย ตั้งแต่มานี่ พี่เค้าไม่เคยพูดดีกับอาร์มเลยอ่ะ เหมือนเค้าไม่เต็มใจที่ต้องพาอาร์มเที่ยวยังไงก็ไม่รู้” ต้องฟ้องต่อ พี่โอมจะเห็นไอ้นั่นดีกว่าผมไม่ได้ ผมนี่ชักเหมือนเด็กขี้อิจฉาเข้าไปทุกวันเลยแฮะ
“เฮ้ย...ไม่จริงหรอก อาร์มอย่าคิดมาก ไอ้แนทมันนะตื่นเต้นจะตายตอนที่รู้ว่าอาร์มจะมา มันเป็นตัวตั้งตัวตีคิดแผนเที่ยวเลยนะ เพราะมันรู้ว่าพี่ยุ่งๆกับเรื่องรีเสิร์ช ถึงแม้อาร์มจะอ้างว่ามาเยี่ยมพี่ไม่ได้มาเที่ยวก็ตาม แต่พี่ก็รู้ว่ามาอเมริกาทั้งทีมันก็ต้องเที่ยวเปิดหูเปิดตา” พี่โอมพูดหน้าตาจริงจัง เหมือนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
ผมไม่อยากจะเชื่อ
ไอ้คนโรคจิตที่ด่าผมตอนผมโทรศัพท์มาเมื่อเดือนก่อนนี่อ่ะนะ ตื่นเต้นที่ผมจะมา พี่โอมต้องหลงไอ้นั่นมากจนเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นคนรักดีกว่าน้องในไส้ เห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิง เห็นหลังดีกว่าหน้า พอและ...รู้สึกผมจะนอกเรื่องไปหน่อย
“นี่อาร์ม....จำไอ้แนทไม่ได้จริงๆเหรอ ตอนอาร์มเด็กๆหน่ะ ไอ้แนทมาที่บ้านเราต้องหลายครั้งเพราะตอนนั้นบ้านมันอยู่ใกล้ๆบ้านเรา ตอนนั้นพี่ประมาณ 13-14 อาร์มก็น่าจะ 3-4 ขวบเห็นจะได้”
ว่าอะไรนะ....ไอ้โรคจิตนั่นรู้จักผมตั้งแต่เด็กเหรอ ทำไมผมไม่เห็นจำอะไรได้เลย พี่โอมเลยลุกไปหยิบอัลบั้มรูปมา แล้วเปิดให้ผมดูพร้อมบรรยายต่อ
“ตอนนั้นอาร์มหน่ะจ้ำม่ำ แก้มยุ้ยผมหยิก ตาโตผิวขาว น่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ไอ้แนทมันเป็นลูกคนเดียว มันอยากมีน้องจะตาย พอมันเห็นอาร์มครั้งแรกนะ มันมาบอกพี่เลยว่าอยากได้อาร์มเป็นน้อง หลังจากนั้น...ทุกครั้งที่มันมาบ้านเราก็มาเล่นแต่กับอาร์ม” พี่ครับ...ไม่ต้องพูดเสริมก็ได้นะว่าผมเหมือนเด็กผู้หญิง
ว่าแต่...ผมเริ่มคุ้นๆเหมือนกันแฮะ ว่ามีเพื่อนพี่โอมมาบ้านบ่อยๆมาเล่นกับผม แถมใจดีซึ้อขนมมาฝากทุกครั้งที่มาหา แต่เพื่อนพี่โอมคนนั้นผอมเก้งก้างแถมใส่แว่นหนาเตอะนี่นา แต่ผมจำชื่อไม่ได้อ่ะ
แหม...ก็ตอนนั้นผมสามสี่ขวบเองจะไปจำอะไรได้ แถมตอนหลังก็ไม่เห็นเพื่อนพี่โอมคนนั้นอีกเลย
“นี่ไงเจอแล้ว....รูปไอ้แนท ถ่ายกับพี่กับอาร์ม มันอุ้มอาร์มนั่งตักด้วย”
ผมมองเด็กผู้ชายในรูปก็จำได้ว่าเป็นเพื่อนพี่โอมที่เคยมาเล่นกับผม แต่ตอนนั้นไอ้พี่แนทนี่ไม่มีเค้าความหล่อในตอนนี้เลยอ่ะ ผอมแห้งผมเกรียนแถมใส่แว่นตาหนาเตอะดูคงแก่เรียนมากๆ
“ตอนหลังพ่อแม่มันย้ายบ้าน มันเลยไม่ได้มาบ้านเราอีกเลย แต่พี่กับมันก็เรียนห้องเดียวกันตลอดนะจนมอปลาย ตอนมอปลายไอ้แนทมันขยันมากแถมยังสอบเทียบอีก พอมอห้าไอ้แนทมันก็สอบเข้าหมอได้ มันเรียนหนักจะตาย พี่กับมันเลยแทบไม่ได้เจอกันแต่ยังโทรคุยกันบ้าง พอพี่มาเรียนต่อที่นี่เลยได้มาสนิทกับมันอีกครั้ง” พี่โอมพูดยืดยาวพร้อมปิดอัลบั้มรูปแล้วเดินไปเก็บที่ชั้นหนังสือ
“แต่ไอ้แนทมันก็ถามถึงอาร์มอยู่เรื่อยๆนะ มันรู้ตลอดแหละว่าเราเป็นยังไง ทำอะไร เรียนอะไรที่ไหน”
โอ้ยย......ไม่อยากจะเชื่อ
ทำไมเรื่องมันกลับตาละปัตรไปแบบนี้วะ ไอ้พี่แนทมันรู้จักผมมาเกือบตลอดชีวิตผม แต่ผมกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เค้าเลย จนมาถึงอเมริกานี่แหละถึงมาได้ข้อมูลพี่เค้าจากพี่โอม แต่....ทำไมไม่เห็นพี่เค้าพูดถึงหรือเท้าความว่ารู้จักผมเลยอ่ะ เจอหน้าผมก็มีแต่ดุแถมเรียกผมไอ้เด็กแสบบ้างหล่ะ ไอ้ตัวแสบบ้างหล่ะ
“พี่โอม แต่อาร์มรู้สึก...ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวกับพี่แนทกับเพื่อนพี่แนทเลยอ่ะ มันไม่ค่อยสนิทใจยังไงไม่รู้”
“ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวก็สนิทกันไปเองแหละ ไปเที่ยวด้วยกันนี่ เดี๋ยวอาร์มก็รู้เองแหละว่าไอ้แนทมันนิสัยดีแถมใจเย็นด้วย ไม่งั้นเป็นหมอเด็กไม่ได้หรอก เพื่อนไอ้แนทพี่ก็เคยเจอแล้ว เฟรนด์ลี่ดี อาร์มไม่ต้องกังวลหรอก”
โห....พี่โอมชื่นชมยกยอปอปั้นกันเข้าไป ถ้าพี่ได้เห็นอย่างที่ผมเห็นวันนี้ ตอนที่ไอ้นี่หน้าหม้อกับสาวสวยแล้ว พี่โอมยังจะชมมันอยู่มั้ยเนี่ย ผมไม่อยากเล่าให้พี่ฟังหรอกนะ เดี๋ยวพี่จะไม่สบายใจเปล่าๆ ไม่อยากยุแยงให้คนรักผิดใจกัน ว่าแล้วก็นอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าด้วยครับ
*******************************************************
ก่อนนอนผมโทรหาตี๋ก่อนเพื่อบอกมันเรื่องให้มาเที่ยวที่ซานดิเอโก
“ตี๋ นี่กูเอง อาร์ม”
“อ้าว...อาร์มมึงเป็นไงบ้าง นี่ไม่เห็นหน้ากูสามวัน ทนคิดถึงกูไม่ไหวแล้วเหรอถึงต้องโทรหา กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน” มันพูดเองเออเองเสร็จสรรพ
“มึงคิดถึงตีนกูรึไง กวนจริงไอ้นี่ กูจะโทรมาบอกว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้กูจะไปซานดิเอโก แล้วขับรถเที่ยวไปจนถึงซานฟราน มึงสนใจจอยด้วยมั้ย”
“แล้วมึงไปกับใคร พี่โอมเหรอ”
“ไม่ใช่ กูไปกับเพื่อนพี่โอมสองคน เพราะพี่โอมติดเรื่องทำรีเสริช์ไปกับกูไม่ได้ แต่ทริปนี้สุดยอดนะโว้ยย พี่โอมเคยไปมาแล้ว” ผมเริ่มชักแม่น้ำทั้งห้าโน้มน้าวให้มันมาเจอผมให้ได้ ผมจะได้มีแบ็คอัพไว้ต่อกรกับไอ้พี่แนท
“อืม....แล้วเพื่อนพี่โอมที่ไปกับมึงนี่ผู้ชายหรือผู้หญิง” มันจะถามเพื่อ..... อ๋อหน้าหม้อหล่ะสิ ถ้าเป็นผู้หญิงมันถึงจะไปรึไง
“ผู้ชายทั้งสองคน แต่มึงมาเหอะ กูขอร้อง....มาเที่ยวเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“หล่อรึเปล่า แล้วสนิทกับพี่โอมขนาดไหน แล้วไปมายังไงพี่โอมถึงปล่อยให้มึงไปเที่ยวกับเค้าได้” ไอ้ตี๋ถามเป็นชุดเลย มันจะอยากรู้ไปทำไม
“ก็หล่ออะนะ หล่อกว่ามึงหน่อยนึง แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทกับพี่โอมตั้งแต่มอต้น เค้าเป็นหมอเด็กอยู่ที่นิวยอร์ค” ผมพูดตามความจริงครับ แต่ที่จริงเรื่องความหล่อผมโกหกนิดหน่อยเพราะพี่เค้าหล่อกว่าไอ้ตี๋เยอะเหมือนกัน ทั้งที่จริงไอ้ตี๋นี่ก็หล่อมากแล้วนะครับ
“งั้นกูไปแน่ๆ ต้องไปดูแลควบคุมความประพฤติเมียซะหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวกูมีเขางอกไม่รู้ตัว” อะไรของมันวะ ไอ้นี่เนี่ย กวนตีนผมตลอดเลยอ่ะ
“เออ....มาเฮอะ แล้วเดี๋ยวกูโทรบอกโรงแรมที่กูจะไปพักอีกที มึงจะได้ตามมาถูก” ผมรีบตัดบทไม่อยากต่อความยาวครับ
***********************************************
หวังว่าคงยังติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ