ตอนที่22
เงือกจำนวนไม่น้อยปรากฏตัวขึ้น โดยมีผู้นำอย่างรัชทายาทแห่งแฟริเซียร์ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ นั่นทำให้ผมยิ้มด้วยความโล่งใจ จนกระทั่ง...
“ฟรานส์!” เสียงเรียกของฟีโอล่าเรียกเอาความทรงจำก่อนหน้านี้กลับมาอีกครั้ง และเผลอคิดไปว่าบางทีที่อีกฝ่ายตามมา อาจจะเพราะเงือกสาวข้างตัวผม
“ท ท่านฟรานส์.. ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่...” ลูคัสมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง “ไหนท่านฟีโอล่าบอกว่า...”
“บอกว่าข้าตามล่านางไปอีกทางสินะ หึ” แววตาของอีกฝ่ายวาววับเหมือนสัตว์ป่าเวลาล่าเหยื่อ “ถ้าข้าไม่ให้นางบอกแบบนั้นเจ้าจะสารภาพอะไรออกมาเยอะแยะหรือ”
“ท่านเชื่อนาง? ทั้งที่ท่านฟีโอล่าเกลียดท่านโอเชี่ยนมากขนาดนั้น นางอาจจะโกหกอะไรท่านก็ได้นี่”
“ใช่” ฟรานส์ตอบง่ายๆ “ฟีโอล่าอาจจะโกหกข้าก็ได้... เพียงแต่ผู้ที่ข้าเค้นข้อมูลไม่ใช่นาง... แต่เป็นเงือกกลุ่มที่ลักพาตัวโอเชี่ยนมาต่างหาก”
หมายความว่ายังไงกัน...
“หึ ก่อนข้าจะมาเจอเจ้านี่ ข้าเจอกับพวกที่เอากระเบนของข้าไปก่อน แล้วระหว่างที่ข้าสอบสวนพวกมัน ฟรานส์ก็โผล่มาเอาตัวไปสอบสวนเพิ่มเท่านั้นล่ะ” เงือกสาวข้างตัวผมแสยะยิ้มชอบใจ “เพราะอย่างนั้นคำสารภาพที่ออกมาจึงมิได้ออกจากปากข้า แต่ออกจากปากลูกน้องของเจ้าเองทั้งนั้น!! แล้วยิ่งพอข้าหลอกให้เจ้าพูดความจริงอีกสักหน่อย... ใครจะนึกว่าเจ้าจะสารภาพด้วยตัวเองจนหมดเปลือก”
ลูคัสทำท่าตกใจมาก เจ้าตัวกวาดตามองเงือกโดยรอบ จนกระทั่งเห็นกำลังเสริมของตัวเองที่อยู่ห่างไปไม่ไกล นั่นทำให้เจ้าตัวแสยะยิ้ม “ต่อให้รู้ความจริงแล้วจะมีอะไร ในเมื่อคนของพวกเจ้าแม้จะรวมกันแล้วจำนวนก็ยังสู้กำลังเสริมของข้าไม่ได้สักนิด ถ้าข้ากำจัดเจ้าไปด้วยทางแฟริเซียร์ก็จะไม่มีรัชทายาทอีก แบบนี้ท่านโอเชี่ยนก็จะเป็นผู้สืบบัลลังค์แน่นอน หึหึ”
คำพูดนั้นให้ผมเหลียวมองโดยรอบ และก็ตรงกับที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ
ตอนนี้เงือกที่อยู่โดยรอบส่วนมากจะเป็นเงือกของทางเรมเดล ดูจากครีบและสีเขียวใสอันเป็นเอกลักษณ์ แม้จะมีเงือกจำนวนหนึ่งที่ติดตามฟรานส์มาด้วย แต่ก็ไม่มีทางที่จะรับมือเงือกพวกนี้หมดแน่นอน...
ทว่าฟรานส์กลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนก เจ้าตัวเพ่งมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเหยียดหยามซึ่งนั่นทำให้เจ้าชายเงือกแห่งเรมเดลทนไม่ได้
“ข้าจะให้พวกเจ้าตายอยู่ที่นี่ล่ะ ทหาร จัดการพวกมันซะ เหลือไว้เฉพาะเจ้าเงือกสีขาวนั่น!!!” ผมสะดุ้งกระชับอาวุธในมือเตรียมกับคลื่นการโจมตีทันที ตาก็เหลือบมองฟรานส์ด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด เจ้าตัวยังคงยืนนิ่ง ในขณะที่ลูคัสกลับตวาดเสียงดัง “พวกเจ้า!!! ทำไมข้าสั่งแล้วไม่ทำตาม!!”
“พวกนั้นไม่ทำตามคำสั่งเจ้าอยู่แล้วล่ะ” ฟรานส์เอ่ยปากหลังจากมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสมเพช “เจ้าลองมองให้ดีๆ ว่าในกลุ่มพวกนั้นมีผู้ใดที่เจ้าคุ้นตาหรือเปล่า”
ลูคัสหันไปเพ่งมองกลุ่มกำลังเสริมก่อนจะตกใจ เจ้าตัวอ้าปากค้าง แววตาสั่นระริก
ใคร? ใครที่ทำให้เจ้าตัวทำสีหน้าแบบนี้ ผมมองตามสายตาของอีกฝ่าย ตรงกลางของกำลังเสริมแหวกเป็นช่อง มีเงือกตัวหนึ่งว่ายออกมา เป็นเงือกรูปร่างสูงใหญ่ เกล็ดเป็นเงางามสีเขียวใสเช่นเดียวกับลูคัส หน้าตาคมเข้ม
“นั่นใครกัน” ด้วยความอยากรู้ผมเลยหัวไปกระซิบถามเงือกที่อยู่ใกล้ตัวของผมที่สุด ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“...นี่เจ้าโง่ ไม่คิดจะหัดเรียนรู้เรื่องราวของเมืองอื่นบ้างเลยรึ?” ฟีโอล่ากัดผมมาอีกดอก ก่อนจะยอมเฉลยให้ฟัง “นั่นรัชทายาทของเรมเดล พี่ชายของลูคัส”
ผมจะถือว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรักละกัน ฮือๆ
ตรงหน้าผมกลายเป็นศึกทะเลาะระหว่างพี่กับน้องชาย ดูเหมือนลูคัสจะไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องไม่สมควร ผมมองดูอีกฝ่ายแล้วท่าทางทั้งคู่จะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ อาจจะเพราะเรื่องความอิจฉาริษยา สิทธิในการสืบทอดตำแหน่ง หรือเรื่องอื่นที่พวกผมไม่รู้
“ทั้งที่ข้ากำลังจะทำให้เมืองของเราก้าวล้ำเมืองอื่นแล้ว เจ้ากลับมาขวาง เจ้ามันก็แค่อิจฉาที่ข้าจะได้ความดีความชอบเท่านั้นล่ะ!!!”
“เจ้านี่มัน...” รัชทายาทแห่งเรมเดลหลับตาลง เหมือนเหลืออดกับอีกฝ่าย “เจ้ารู้บ้างไหม เพราะอะไรข้าถึงต้องออกมาด้วยตนเอง... ข้ารึอุตส่าห์พยายามเปลี่ยนความคิดเจ้า.. ให้ท่านฟรานส์เห็นว่าเจ้าสำนึกผิด.. หวังว่าท่านจะยอมเห็นแก่สัมพันธ์อันดีระหว่างเมืองทั้งสองยอมละเว้นให้...” แววตาของอีกฝ่ายกร้าวขึ้นหลังจากลืมตาอีกครั้ง กระทั่งผมเองยังรู้สึกสยองทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่ผมเลยสักนิด “ท่านฟรานส์เข้าไปพบกับท่านพ่อเรียบร้อยแล้วก่อนที่เจ้าจะมาถึง... และท่านก็ได้ตัดสินใจเรื่องของเจ้าแล้ว...”
“โทษของการลักพาตัวและคิดจะสังหารเจ้าชายของเมืองอื่น เจ้าจะถูกไล่ออกจากเรมเดลและจะถูกท่านฟรานส์พาตัวกลับไป ทางแฟริเซียร์จะเป็นผู้ตัดสินโทษของเจ้าเอง”
“เจ้าโกหก!!! ท่านพ่อไม่มีทางทำแบบนี้กับข้า” คนเป็นพี่เขวี้ยงอะไรบางอย่างให้น้องชายตัวเอง ซึ่งมองแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นจดหมายหรืออะไรที่ใช้แทนคำสั่ง เพราะทันทีที่ลูคัสกวาดตามอง "ไม่ ไม่จริง..”
กว่าอีกฝ่ายจะยอมรับก็ใช้เวลานานพอดู แต่สุดท้ายลูคัสก็ถูกทหารของแฟริเซียร์พาตัวไป ปิดคดีลักพาตัวผมอย่างเป็นทางการ
ในขณะที่คนน้องถูกพาตัวไป คนพี่กลับว่ายตรงเข้าหาผม แม้จะเห็นไกลๆ แล้วว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่ขนาดไหน แต่พอเข้ามาใกล้ผมยิ่งต้องอ้าปากค้าง
ที่บ้านให้กินอะไรเป็นอาหารวะ
อีกฝ่ายตัวสูงกว่าผมมาก ยิ่งฟีโอล่าที่ลอยอยู่ใกล้ๆแล้ว เหมือนพ่อกับลูกสาวเลย
ว่าแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดกับผม?
“ข้ารู้ว่าสิ่งที่กำลังจะกล่าวอาจจะเป็นการขอที่มากเกินไป แต่ท่านโอเชี่ยน ข้าขอร้องโปรดละเว้นโทษตายแก่น้องข้าด้วย..”
หา ถึงตายเลยหรือ ผมชะงักเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดดูจะเป็นการลงโทษที่ร้ายแรงมาก แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนตัดสินโทษหรอก “นาย เอ่อ ท่านน่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับฟรานส์มากกว่านะ”
“ไม่หรอก ถ้าท่านเป็นผู้พูด ท่านฟรานส์จะต้องฟังท่านแน่นอน” เจ้าตัวยืนยันหนักแน่น ก่อนจะคว้ามือผมไปกุมไว้ “ได้โปรดท่านโอเชี่ยน...” จะช่วยหรือไม่ช่วยไม่รู้ แต่ทำไมมือ...มือเอ็งต้องไวแบบนั้นด้วย นี่มันมุกหลอกจับมือสาวนี่หว่า อย่านึกว่าคนอย่างโอเชี่ยนไม่เคยใช้นะเฟร้ย!!
แล้วที่สำคัญน้ำหน้าสุดหล่ออย่างผมนี่มันน่าหลอกจับมือตรงไหน?? ตอบ!
“เอ่อ..คือ มือ..” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคมือของผมก็ถูกดึงออก โดยใครบางคนที่ไม่รู้พุ่งมาจากไหน
ฟรานส์ดึงผมไปอยู่ด้านหลัง ส่วนตัวเองจ้องหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ตัวเล็กกว่าเค้าไม่ต่างจากผม อารมณ์เหมือนแมวกำลังแยกเขี้ยวขู่หมาเลย “ไม่ทราบว่าท่านมีปัญหาอะไรกับคนของข้าหรือลูเซียส”
รัชทายาทที่ผมพึ่งจะได้รู้ชื่อยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ “ข้าก็แค่อยากจะสร้างความสนิทสนมกับเจ้าชายของแฟริเซียร์เท่านั้นเอง” เจ้าตัวพูดยิ้มๆ “ท่านโอเชี่ยนสนใจที่จะทำตามสัญญาในอดีตแทนผู้ให้กำเนิดบ้างไหม” พี่แกหันมาพูดกับผมที่ยังทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่เมื่อเจ้าตัวเห็นสีหน้าฟรานส์ที่ทำท่าจะกระโจนไปกัดแล้ว “โอเคๆ ข้าไม่หยอกท่านละ เลิกทำหน้าเหมือนจะงับหัวข้าเสียที... แต่ ฟรานส์ สิ่งที่ข้าพูดกับท่านโอเชี่ยนข้าพูดจริงนะ” อีกฝ่ายกลับมาทำท่าทางซีเรียสตามเคย แต่ดูเหมือนว่าคนที่กุมมือของผมจะอารมณ์ไม่ดีไปแล้วไง เจ้าตัวหันหนีเตรียมออกทันทีโดยไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย
“แล้วเรื่องลูคัสล่ะ? ..ฟรานส์..” ผมแย้งขึ้นเพราะอีกฝ่ายลากๆ ผมไปเรื่อยโดยไม่มีวี่แววจะตอบคำถาม เรื่องนี้ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน.. แม้ผมจะเจ็บไม่น้อยและแอบแค้นอีกฝ่ายอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายถึงตายนะ
“เรื่องน้องชายของท่านข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่มีสิทธิตัดสิน ต้องปรึกษาท่านไลอาร์ด้วย” ฟรานส์ถอนหายใจหลังจากคนเซ้าซี้เพิ่มจากหนึ่งเป็นสอง “ข้าจะลองพูดให้แต่ไม่รับปากละกัน...” พอพูดจบ เจ้าตัวก็ลากผมออกจากวงเป็นการปิดการสนทนา จนกระทั่งห่างออกจากบรรดาเงือกทั้งหลายพอสมควร อีกฝ่ายหันมามองผมเต็มตา ก่อนจะเริ่มเอามือคลำไปทั่วตัวผม
เฮ้ยๆ อยู่ดีๆ ทำไมมาลูบมาคลำกันแบบนี้
“โล่งอกไปที...” เจ้าตัวจับจนพอใจแล้วจึงดึงผมเข้าไปกอดแน่น.. “ข้าตกใจแทบแย่ตอนเจ้าหายตัวไป” ร่างกายของอีกฝ่ายสั่นสะท้าน “ข้านึกว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว” ผมยกมือขึ้นกอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก ตอนที่ผมกำลังหนี ผมเฝ้าภาวนาให้ฟรานส์ออกมาตามหาเหมือนตอนที่ผมถูกโยนลงไปในกระแสน้ำ แม้จะรู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะตามหาผมเจอท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
แต่อีกฝ่ายก็หาผมเจอจนได้
ฟรานส์ค่อยๆใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแก้ม แววตาที่มองมาสื่อทุกอย่างออกมาโดยไม่ต้องมีคำพูด ผมสบตาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก ใบหน้าของเราค่อยๆ เลื่อนหากันช้าๆ
“...อะแฮ่มๆ”
ใครขัดจังหวะวะ!! ผมหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะชะงัก ฟีโอล่ากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังขัดใจ ไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง
ผมลืมอีกฝ่ายไปได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างมันยังค้างคาแบบนี้
“อะไรอีกล่ะฟีโอล่า” ฟรานส์เป็นฝ่ายเอ่ยปากทักก่อน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกถึงความไม่พอใจบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเจ้าตัว
“ไม่เหมาะ... มองยังไงก็ไม่เหมาะจริงๆ” เจ้าตัวพึมพำเสียงไม่เบานัก นั่นทำให้ผมก้มหน้าหลบตา มือที่โอบเงือกตรงหน้าอยู่ขยับมาดันอีกฝ่ายออกห่างจากตัว
แต่ดูเหมือนฟรานส์จะไม่ยอม เจ้าตัวรัดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม และผมเริ่มจะจุก! เจ้าตัวลืมไปไหมว่าตัวเองแรงเยอะเนี่ย “ข้าบอกไปแล้วนะว่าโอเชี่ยนเป็นคนรักของข้า เป็นผู้ที่ข้าเลือกเองและข้าไม่ได้ขอความเห็นเจ้า!” สิ่งที่อีกฝ่ายพูดทำให้ผมหันควับทันที อีกฝ่ายว่าอะไรนะ?
แต่ดูเหมือนเงือกสาวตรงหน้าจะยังไม่พอใจ เจ้าตัวบ่นเสียงขรม “ทำไมเจ้าจะหาคู่ทั้งทีไม่เอาที่เหมาะกับเจ้าหน่อยเล่า! เจ้าเงือกนี่งามก็ไม่งาม มาเป็นภรรยาให้เจ้าหรือก็ไม่เหมาะ สามีอะไรงามกว่าภรรยา แต่จะให้เป็นสามี เจ้าปลิงทะเลนี่ก็แมนไม่พอ โอ้ย!! ดูยังไงฟิลันก็ดีกว่าตั้งเยอะ..”
หมายความว่ายังไงฟระ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฟิลัน?
“ฟีโอล่า...” ฟรานส์ดูอดกลั้นมากที่จะพูดกับอีกฝ่าย “ยังไงข้ายืนยันคำเดิมว่าต่อให้ข้าไม่มีใคร ข้าก็ไม่คิดจะทำตามความคิดเจ้าอยู่ดี เจ้าก็เลิกหาทางจับคู่ระหว่างข้ากับฟิลันได้แล้ว”
หาอะไรนะ? จับคู่กับฟิลัน? เจ้าตัวเป็นพี่น้องแท้ๆกับเงือกตรงหน้าไม่ใช่หรือ ผมหรือตกข่าวอะไรไป?
“เชอะ! ไม่ได้ดังใจเลย ...แต่จะว่าไปเมื่อวันก่อนข้าเห็นท่านชาร์คอุ้มท่านราซันขึ้นพาดไหล่ แหมโมเม้นต์แบบนั้นก็ไม่เลวนะ... ข้าลองหันไปเชียร์คู่นี้บ้างดีกว่าเผื่อจะได้คู่ใหม่” พูดจบเงือกสาวตรงหน้าก็หันมาชี้นิ้วใส่ผม “ข้าล่ะเกลียดเจ้าจริงๆ เลย ทำเอาคู่จิ้นของข้าเสียหมด!!” อีกฝ่ายบ่นๆๆ ก่อนจะว่ายหนีไป คาดว่าคงจะไปหาคู่จิ้นใหม่อะไรนั่นทิ้งผมให้อ้าปากค้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ฟรานส์นี่มัน...”
เจ้าตัวถอนหายใจ “ฟีโอล่ามีรสนิยมชอบจับคู่ที่เจ้าหล่อนถูกใจน่ะ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้พยายามจับคู่ข้ากับฟิลันบอกว่าเป็นคู่รักต้องห้ามอะไรนั่น พอมีเจ้าเข้ามาเลยคิดว่าโดนแทรกคู่ในอุดมคติของเจ้าหล่อน เจ้าตัวเลยไม่ชอบใจ”
“แล้วที่หอมแก้มกับฟีโอล่าล่ะ”
“นั่นปกติของเจ้าหล่อน ก่อนหน้านี้ฟิลันก็โดน”
“แล้วที่กอดกันหน้าห้องพักล่ะ”
“นั่นข้าพูดแบบเมื่อครู่ออกไปแล้วเจ้าตัวไม่ยอมรับ โวยวายร้องไห้บอกเสียของแล้วก็กระโจนมาหาข้านี่ล่ะ”
“...งั้นที่ที่ฟิลันบอกว่า พอนางมาเจ้าก็ทิ้งน้อง”
“ข้าพยายามจะให้นางเลิกคิดแบบนั้นเลยเลี่ยงการอยู่ใกล้ฟิลัน เพราะยิ่งอยู่ใกล้นางก็จะยิ่งชอบใจ”
“แล้วฟิลันรู้เรื่องนี้ไหม?”
“รู้สิเจ้าตัวถึงได้ออกอาการเกลียดเจ้าหล่อนออกนอกหน้าแบบนั้น”
..........................................
สรุปว่าทั้งหมดผมคิดไปเอง งอนไปเองคนเดียว? ให้ตายเถอะ อับอายขายขี้หน้า ผมในตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ความจริงเรื่องฟีโอล่าทำให้ผมอายเสียจนอยากจะมุดลงรูมากเลย มีรูไหนใหญ่พอให้พี่โอมุดลงบ้าง...
-------------------------------------------------------
TalK...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าได้ริจมเรือสาวY ........