ตอนที่2
ช่างเป็นการพบกันครั้งแรกที่แสนจะน่าประทับใจ
ไอ้เงือกเด็กนั่นโผล่พรวดออกมาในขณะที่ผมกำลังดิ้นพล่าน
“มัวแต่มองอยู่นั่นล่ะ มาช่วยกันเอาออกหน่อยดิโว้ย!!!” ไอ้เด็กที่กำลังร้องไห้เมื่อตะกี้อ้าปากค้าง ก่อนที่จะรีบว่ายเข้ามาดึงปูที่เกาะหนึบออกจากก้นผม ซึ่งกว่าจะหลุดได้เล่นเอาเกล็ดตรงก้นร่วงไปเป็นสิบ อู๊ย น้ำตาจะไหล ถ่ายรูปอัพขึ้นเฟสบุ๊คทันไหมนี่
“ไอ้ปูเวร เดี๋ยวพ่อจับมานึ่งกินซะเลย!!”
“เอ่อ คือ ท่านเป็นใครฮะ” เสียงใสทำเอาผมสะดุ้ง ลืมไปเลยว่ามีคนอื่นอยู่ใกล้ๆนี่หว่า หันกลับไปก็เจอกับเงือกตัวน้อยที่น้ำตาเหือดแห้งแล้ว กำลังจ้องผมตาแป๋วอยู่ เมื่อกี้ไม่ทันสังเกต แต่พอมามองระยะประชิดแบบนี้
น่าร้ากกอ่ะ
เฮ้ย!! อย่าหาว่าผมสะดิ้งเลยนะ ถ้าพวกคุณได้เห็นด้วยตาตัวเองรับรองต้องกรีดร้องแบบเดียวกับผม ก็อีกฝ่ายตัวเล็กแค่ครึ่งเดียว ผมสีทองหยักศกยาวจรดกลางหลัง นัยน์ตาสีฟ้าใส แก้มป่องแดงน่าหยิก ปากนิดจมูกหน่อย ริมฝีปากสีชมพูหวาน รูปร่างอ้อนแอ้น ท่อนล่างเป็นเกล็ดและหางสีขาวออกทองจางๆน่ารักสุดๆอ่ะ เสียอย่างเดียว ไม่มีนม
หือยังไม่ชัดพอหรอ เปล่าๆไม่ใช่ไม้กระดาน ไม่ใช่โลลิคอน ไม่มีคือไม่มีจริงๆ
คือ ถ้าให้เรียกคงเป็นโชตะคอน เด็กเงือกตรงหน้าผมมันเป็นตัวผู้!!
แหม เห็นผมหื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหน้ามืดมองเพศสิ่งมีชีวิตตรงหน้าผิดนะโว้ย ก็มันพูดฮะอยู่แหมบๆและมันเป็นเรื่องแน่นอนว่าผมแมนมาก เลยไม่คิดพิศวาสเพศเดียวกันแน่ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ” อีกฝ่ายเห็นว่าผมนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวเพราะมัวแต่ทะเลาะกับคนอ่านในใจ เจ้าตัวเลยเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พร้อมกับเอานิ้วจิ้มอย่างแผ่วเบาที่ต้นแขน แต่เล่นเอาผมสะดุ้ง
“อ้า เปล่าๆ พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อย แล้วเราล่ะมาแอบร้องไห้อะไรตรงนี้”
ได้ยินแบบนั้นไอ้หนูตรงหน้าก็สะดุ้ง แก้มสองลูกที่แต่เดิมก็แดงอยู่แล้วความนี้เลยยิ่งแดงขึ้นอีก โอ้ยน่ารักว่ะ จับมันปล้ำได้ไหมนี่(เดี๋ยวนะ ตะกี้ใครบอกว่าตัวเองแมน?)
“คือ ข้า.. โดนกล่าวหาว่าท่าทางอ่อนแอ ในอนาคตไม่พ้นจะต้องเป็นอิสตรีอย่างแน่นอน” แม้รูปประโยคจะดูแปลกๆ แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมแอบกดไลค์เห็นด้วยกับอีกฝ่ายสุดๆ“พอข้าเถียงพวกนั้นก็เลยท้าให้ข้าว่ายน้ำออกมานอกเขตแข่งกัน แล้ว........”
“แล้วก็หลง?” ผมตอบแทนเจ้าตัวที่เว้นช่องไข่ปลาไว้ ทำเอาอีกฝ่ายก้มหลบด้วยความอายซะจนใบหน้าจะแนบกับลำตัวอยู่แล้ว
“แล้วแบบนี้จะกลับบ้านยังไงล่ะ พอจะรู้ทางไหม? อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือแอตแลนติก?”
ไอ้เด็กตรงหน้าเอียงคอน้อยๆมองผมด้วยความแปลกใจ อย่าทำหน้าแบบนี้ได้ไหมวะ มันกระตุ้นต่อมศีลธรรมตรูจริงๆ “อะไรคือแปซิฟิก แอตแลนติก ข้าอาศัยอยู่ในอาณาจักรแฟริเซียร์” แล้วมันตรงไหนอยู่ของโลกฟระ “แล้วท่านมาจากอาณาจักรไหนล่ะ ข้าไม่เคยเห็นเกล็ดและครีบสีแปลกอย่างท่านมาก่อนเลย มันสวยมาก” ไม่พูดเปล่ามือของไอ้เด็กตรงหน้าก็ยื่นเข้ามาลูบเอวเขาเบาๆ อย่านะโว้ย อย่ามาทำตรูสยิว ตรูยังไม่อยากพรากผู้เยาว์นะเฟร้ย
“อ่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอดีว่าพี่หลงทางมาน่ะ” จะให้บอกอีกฝ่ายว่าพอดีพี่เป็นมนุษย์ที่กินปลาแบบน้องเป็นอาหาร แต่โดนแม่มดใจร้ายสาปให้เป็นเงือกก็ไม่ได้ “ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ”
“ข้าชื่อ ฟิลัน แล้วท่านล่ะ”
“พี่ชื่อโอเชี่ยน แต่เรียกโอก็ได้” แค่อย่าเรียกแบบเพื่อนพี่ก็พอ ถามว่าพวกมันเรียกอะไรน่ะหรือพวกคุณลองตัด ‘นอหนู’ ตัวท้ายออกจากชื่อผมสิ
ส่วนฟิลันพยายามจะเติมท่านนำหน้าชื่อผมให้ได้ทำเอาผมขนพองสยองเกล้า ก็อาจจะไม่แปลก เพราะเท่าที่ฟัง ไอ้หนูเงือกตรงหน้าจะพูดออกแนว ข้า เจ้า ท่าน ออกแนวไทยเดิมชอบกล แต่ผมไม่ชอบอ่ะ สุดท้ายก็เลยบังคับเด็กน้อยตรงหน้าเรียกแบบที่ต้องการจนได้
“พี่โอ?”
โอ้ย ได้ยินเสียงใสๆแบบนี้เรียกละฟินจริงให้ดิ้นตายสิน่า
อยากจะคว้าตัวมาฟัดจริงๆ
จ๊อกกกก
...
ฉ่า....
เสียงอะไรไหม้ๆน่ะหรอครับ หน้าผมนี่ไง ต่อหน้าเด็กน่ารักแบบนี้ท้องเจ้ากรรมดันร้องออกมาได้แบบไม่เกรงใจเจ้าของซักนิด
“พี่โอหิวหรือฮะ” ฟิลันถามด้วยความเป็นห่วง ผมเลยได้แต่ยิ้มแหยๆส่งให้ “ข้าไม่ได้พกสาหร่ายสังเคราะห์มาด้วยสิ”
มันคืออะไรวะครับ? สาหร่ายเซินเจิ้นจากจีนเรอะ“ปกติเราไม่ได้กินสาหร่ายแบบนี้หรอ?” ปากพูดมือของผมก็คว้าสาหร่าย(ยังคงเป็นต้นเดิม) ที่พันตัวชูขึ้นมาให้อีกฝ่ายดู
“เงือกทั่วไปกินแบบนั้นฮะ แต่ไม่ใช่พันธุ์นี้ ต้นนี้แก่แล้วจะเหนียว”
...แล้วเอ็งไม่ใช่เงือกทั่วไปหรือวะ? หรือมาจากดาวนาเม็ก
“แต่สาหร่ายสังเคราะห์มันอร่อยมากเลยนะ มีหลากหลายรส เอาไว้กลับบ้านเมื่อไหร่ ข้าจะพาไปกิน พี่โอต้องชอบแน่ๆเลย”
ได้ก็ดี ถ้าผมไม่หิวตายหรือจับเงือกตรงหน้ากินแทนไปก่อนอะนะ
“เออแล้วจะว่าไป ผมของพี่โอสีแปลกดีเนอะ เส้นผมสีทอง แต่มีสีแดงแซมตรงปลาย” เด็กเงือกตรงหน้าเริ่มหันมาสนใจกบาลของผมแล้ว ผมไม่ได้บอกคุณใช่ไหมว่าผมเป็นลูกครึ่ง แม่เป็น...เอาเป็นว่าเป็นฝรั่งละกัน เพราะถามพ่อกี่ครั้งพ่อก็อ้ำอึ้งพอๆกับผมนี่ล่ะ ส่วนพ่อนั้นไซร้คนไทยแน่ๆ ผมเลยได้ดวงตาดำสนิทเหมือนพ่อแต่ได้ผิวขาวซีดและเส้นผมสีทองจากแม่ จากนั้นผมก็ห่ามด้วยการไปโกรกปลายให้เป็นสีแดงเพลิงซะ
แน่นอนว่าคนหล่อทำยังไงก็ยังหล่อ แม้สีตากับสีผมจะทำให้หน้าตาของผมออกมาครึ่งควบลูกแปลกๆก็ตามที
ว่าแต่...มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเห็นก่อนอย่างอื่นหรอวะ เส้นผมนะเฟร้ย!คือมันงอกประจานลอยหน้าลอยตาอยู่บนหนังศีรษะตรูเลยเนี่ย! แล้วทำไมแทนที่จะทักตั้งแต่แรก เอ็งถึงไปทักเรื่องหางตรูก่อน!!
โอ้ย โอเชี่ยนมึน
ระหว่างที่ผมกำลังเวียนหัวกับไอ้เด็กเงือกตรงหน้า แสงสว่างที่เคยส่องทั่วผืนน้ำกลับเริ่มหายไป “พระอาทิตย์ตกแล้วหรอนี่ แย่ละสิ”
บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบสงบ ปลาที่เคยแหวกว่ายเริ่มหยุดนิ่งฟิลันที่ตอนแรกวนเวียนว่ายไปมารอบตัวผม เริ่มกลัวและว่ายกระแซะเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
“พี่โอ มันมืดมากเลย ข้ากลัว” จะบอกว่าตรูก็กลัวเฟร้ย แต่ด้วยความที่ว่าอีกฝ่ายเด็กกว่าแถมน่ารัก ผมก็เลยต้องพยายามทำตัวโชว์แมน “....ไม่เป็นไร อยู่กับพี่ไม่มีอะไรต้องกลัว”
“ฮึก... พี่โอ ข้าอยากกลับบ้าน” เอาแล้วไง ไอ้เด็กตรงหน้าเริ่มเป่าปี่อีกแล้ว อย่าร้องนะเฟร้ย ตรูก็อยากกลับเหมือนกัน
“ใจเย็นๆนะฟิลันนะ ว่าแต่เราพอจะคุ้นๆบ้างไหมว่าเรามาจากทางไหนหรือแถวบ้านเรามีอะไรเป็นจุดเด่น”
“ข้า ข้าจำได้ว่าออกจากประตูเมืองด้านใต้ ผ่านทุ่งปะการังแดง แล้วหลังจากนั้น...พวกนั้นก็เป็นคนนำทางข้าต่อ ฮืออ” แน๊ะ ยังจะร้องอีก เดี๋ยวร้องไห้แข่งกับมันซะดีไหม“ ฮือ ท่านพี่ ท่านพี่ ช่วยฟิลันด้วย”
ผมปลอบเด็กตรงหน้าและลอยตัวท่ามกลางกระแสน้ำ ซึ่งฟิลันสอนแล้วว่าทำยังไงผมถึงจะไม่จมลงไปกองใต้ทะเลแบบที่ผ่านๆมา โดยมีเงือกน้อยที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นกุมมือไว้ไม่ห่าง
จากที่เดาเด็กคนนี้น่าจะมีพี่ ถ้าอีกฝ่ายกลับบ้านแล้วไม่เจอน้องตัวเอง อีกไม่นานน่าจะออกตามหา แต่ด้วยสภาพรอบตัวเป็นแบบนี้คงต้องรอเฉยๆให้ถึงตอนเช้าอย่างเดียวละมั้ง
ทว่ายังไม่ทันจะคิดจบ อยู่ดีๆกระแสน้ำก็พัดอย่างรวดเร็ว ผมที่เป็นเงือกป้ายแดงและยังไม่ทันตั้งตัวก็เลยถูกลากติดไปตามกระแสน้ำ โดยที่ผมยังคงจับมือฟิลันไว้แน่น
แรงเหวี่ยงของกระแสน้ำ ทำให้ผมเริ่มจะมึน บอกตรงๆว่ามันโคตรจะเวียนหัว เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา แม้อย่างนั้นผมก็ยังกำมือเงือกน้อยข้างตัวไว้แน่นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นยังดังอยู่ข้างหูไม่หยุด
ไม่รู้ผ่านไปนานขนาดไหน กว่าผมจะเริ่มตั้งสติได้ว่าไม่ควรปล่อยให้พวกเราทั้งคู่ถูกพัดไปตามกระแสน้ำแบบนี้ผมจึงพยายามหาทางรอด แรงเหวี่ยงของน้ำมีอนุภาพมากกว่าที่เห็น แม้ผมพยายามที่จะว่ายออกนอกกระแสน้ำหลายครั้งกลับไม่เป็นผลสำเร็จ
จนเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่ง ผมพยายามถีบตัวให้หลุดออกจากกระแสน้ำที่เกรี้ยวกราดนี้อีกครั้ง ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนพัดไปไกลมากกว่าเดิม
และในรอบนี้ผมทำสำเร็จ เราทั้งคู่หลุดออกจากกระแสน้ำได้ ทว่า...
มีชะง่อนหินขนาดใหญ่อยู่ตรงปลายทางที่ผมกับลังถูกเหวี่ยงออกไป
ด้วยความตกใจผมรีบดึงฟิลันมากอดไว้ ก่อนที่ช่วงไหล่จะไปกระแทกกับหินเข้าเต็มรัก
อึก!
“พี่โอ ฮือ พี่โอเป็นยังไงบ้าง”เด็กน้อยตรงเข้ามาเขย่าตัวผมใหญ่ ซึ่งผมอยากจะบอกมากเลยว่าอย่าเขย่ามากกูเมารถ(?)จะอ๊วกอยู่แล้ว
“..แขนพี่” ได้ยินแบบนั้นผมเลยเหลียวไปดูตรงแขน ช่วงไหล่ของผมกลายเป็นสีม่วงช้ำ ต่ำลงมาหน่อยโดนหินบาดเป็นรอยยาว เลือดสีแดงสดกับกลิ่นคาวเลือดไหลปะปนไปกับกระแสน้ำ
“ไม่เป็นไรนิดหน่อย” ฟิลันที่เห็นแผลจึงว่ายลงไปยังพื้นทะเลก่อนจะเลือกคว้าสาหร่ายยาวต้นหนึ่งขึ้นมาพันแขนให้ “ขอบใจนะ”
“พี่โอ ฮือ” ร้องอีกแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้เงือกน้อยจอมดราม่านี่ดีเลยรั้งตัวเข้ามากอด ยกมือตัวหัวปุปุ
ในขณะที่บรรยากาศแสนจะเป็นใจ อยู่ดีๆแรงดันน้ำก็เปลี่ยน เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้
“พี่โอ!!” เสียงฟิลันตะโกนดังลั่น ในขณะที่ผมอ้าปากค้างไปแล้ว
ฉะ..ฉลาม ปลาฉลาม ไอ้ตัวที่ผมเห็นว่าแด๊กมนุษย์ในเนชั่นแนลจีโอกราฟฟีนั่นล่ะ
มันมาทำอะไรแถวนี้!!!
เห็นแบบนั้นผมก็หมุนตัวคว้ามือฟิลันก่อนจะว่ายน้ำเผ่นหนี ผมพึ่งรู้นะว่าตัวเองว่ายได้เร็วขนาดนี้
แน่นอนว่าผมไม่เสียเวลาหันหลังไปดูแน่ว่าไอ้ตัวตะกี้มันตามผมมาไหม แม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ดูท่าใครบางคนจะไม่ปล่อยให้ผมสงสัยนาน “พี่โอ มันว่ายตามมาเร็วมากเลย”
ชิบลอสสิวะครับ
“ฟิลัน ปกติฉลามนี่กินเงือกหรือเปล่า” ผมรีบตีหางว่ายลอดชะง่อนผาตรงนั้น หลบทุ่งสาหร่ายตรงนี้ โชคดีหน่อยที่พวกผมเป็นเงือกที่รูปร่างค่อนข้างเพรียว เลยทำให้ว่ายต่ำอาศัยพวกปะการังหลบตาได้บ้าง
แต่ทำไมมันยังตามมาไม่หยุดแถมตรงเข้ามาแบบไม่ลังเลแบบนั้นวะ
“ม มันเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของพวกเราชาวเงือกเลย ยิ่งถ้าเงือกที่บาดเจ็บจะเรียกมันไวมากเพราะกลิ่นเลือด”
กลิ่นคาวเลือด... ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปยังแผลตัวเอง เพราะอยู่ในน้ำทำให้แผลยังไม่สมานตัวมีเลือดซึมออกมาปะปนกับน้ำเรื่อยๆ
เลือดของผมเองใช่ไหมที่เป็นตัวเรียกมันมา
“ถ้าอย่างนั้นฟิลันเราต้องแยกกับพี่”
“ไม่นะพี่โอ” เงือกที่อยู่ข้างๆหันมาคว้าเอวผมแน่นทั้งที่เราทั้งคู่ยังว่ายตีหางหลบไปมา
“ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!! มันตามเลือดพี่มา ถ้าเรายังอยู่กับพี่ลงท้ายก็ไม่พ้นถูกมันกินไปด้วยกันนี่ล่ะ” ผมกัดปากแน่นเพราะตอนนี้เด็กตรงหน้าเกาะผมไว้ ดึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อย “ฟิลัน!!”
ผมต้องรีบสะบัดหางให้เร็วกว่าเดิมเพราะตอนนี้พวกผมว่ายพ้นบริเวณทุ่งปะการังมาแล้ว ข้างหน้าเป็นหุบเหวลึกดำมืดดูน่ากลัว และหมายความว่าพวกผมจะไม่มีที่ให้ซ่อนสายตาอีก
“พี่โอ!!” เงือกน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้งในขณะที่ผมก็ต้องเบรกหัวทิ่ม เพราะตรงหน้าผมกำลังมีสิ่งมีชีวิตอีกชนิดเคลื่อนที่เข้ามา
อะไรจะซวยได้ถึงขนาดนั้นวะ
ฉลามตัวที่สองกำลังตรงเข้ามาหาผม เท่าที่เห็นเหมือนจะเป็นคนละชนิดกับไอ้ตัวที่ตามมาข้างหลัง แต่ตอนนี้มันจะพันธุ์ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว
หน้าก็ฉลามหลังก็ฉลาม
ในเมื่อไม่มีทางเลือก ผมจึงตัดสินใจรีบว่ายลงด้านใต้หุบเหวทันที ลึกลงไป ลึกลงไปเรื่อยๆ ลึกจนแม้แต่ผมเองก็รู้สึกหวาดกลัว บริเวณนั้นมีชะง่อนหินมากมาย แต่แทบไม่มีพืชน้ำขึ้นอยู่เลยสักนิด จนกระทั่งผมพบอะไรบางอย่าง
ซากเรืออับปางจมอยู่ ดูจากตะไคร่น้ำที่เกาะตามเรือแล้ว มันคงจะจมมานานพอสมควรแล้วล่ะ
ทว่าไม่มีเวลาให้ลังเล ในเมื่อพวกฉลามตามมาด้านหลังแล้ว อย่างน้อยที่สุดผมต้องพาเด็กตรงหน้าหนีไปให้พ้นได้
ผมพาฟิลันลอดเข้าไปบริเวณหน้าต่างของตัวเรือ เล็ดลอดลงไปเรื่อยๆจนไปโผล่บริเวณใต้ท้องเรือเสียงกระแทกโครมครามดังขึ้นเบื้องหลัง
นัยน์ตาของผมที่ตอนนี้ชินกับความมืดพอสมควรเริ่มสอดส่ายหาทางรอด
บริเวณที่ผมอยู่นี้น่าจะเคยเป็นห้องอาหารของเรือสำราญขนาดใหญ่มาก่อน ดูได้จากพื้นที่กว้างขวาง มีซากเหมือนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลายอัน
ผมค่อยๆว่ายเข้าไปด้านใน พยายามหาจุดที่จะให้เงือกน้อยของผมซ่อนตัว พร้อมกับหาอะไรที่จะให้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้บ้าง
เสียงตึงตังโครมครามตามมาด้านหลังทำให้ผมสะดุ้ง พวกนั้นคงพยายามกระแทกตัวเรือให้พังเพื่อหาช่องว่างว่ายลงมาแน่ๆ
“ฟิลันไปหลบตรงนี้!” ผมจับเด็กตรงหน้ายัดลงไปนั่งหลังกล่องไม้ขนาดใหญ่ใบหนึ่ง ใช้ผ้าปูโต๊ะที่ลอยอยู่แถวๆนั้นมาคลุม “พี่จะล่อมันไปแล้วกลับมารับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาเข้าใจไหม!!”
ผมพูดแบบนั้นก่อนจะตีหางถอยหลัง ก่อนจะว่ายหนีไปทางประตูเล็กด้านหลัง จุดนั้นจะผ่านห้องครัวซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมเล็ง
ผมสอดส่ายสายตาหามีด ปังตอ หรืออะไรเถือกๆนี้ ที่น่าจะมีอยู่ในห้องครัว แต่ทว่าผมกลับไม่พบอะไรเลย
จะเอายังไงดีละนี่
คงต้องใช้ความเร็วอย่างเดียว ผมตัดสินใจก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากห้องนี้ อย่างน้อยผมควรจะว่ายวนไปทางอื่นที่ไม่ต้องผ่านห้องอาหาร เกิดไอ้พวกฉลามนั่นเจอฟิลันหลบอยู่ในนั้น
ระหว่างนั้นนัยน์ตาของผมเหลือบไปเจอแสงสะท้อนของอะไรบางอย่าง ผมรีบว่ายเข้าไปคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ทว่าในเวลาเดียวกันก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องอาหาร นั่นทำให้ผมต้องรีบว่ายกลับไปอย่างไวโดยไม่ทันได้มองของในมือ ทันทีที่ผมโผล่มายังห้องอาหาร ผมก็ต้องตกตะลึง
ฉลามที่ตอนนี้เพิ่มจาก2เป็น3 กำลังว่ายไล่ตามฟิลันที่ลอดใต้โต๊ะหลบอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป้าหมายหันเลี้ยวและพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมๆกัน
ผมรีบหันหลังว่ายหนีกลับไปทางเดิมอย่างไว ซึ่งโชคดีหน่อยเพราะทางเดินภายในเรือไม่กว้างมากพอที่จะให้ฉลามหลายตัวว่ายตีคู่กัน มันจึงมีสภาพคล้ายๆรถไฟไล่ตามผมมา
ทว่า หลังจากการว่ายหนีอย่างต่อเนื่องและความเครียดทำให้แรงของผมเริ่มหมด ผมว่ายช้าลงจนฉลามตัวแรกสุดตามทัน แม้มันจะตัวใหญ่กว่าผมไม่มากเท่าอีก2ตัว แต่ฟันในปากมันนี่เรียงกันเป็นแผง
ผมพลิกตัวหลบตัวแรกที่พุ่งเข้าใส่จนว่ายตีอยู่ใกล้ๆปากของมัน ก่อนที่จะเอาอะไรในมือทิ่มเข้าไปตรงหน้า
ส้อมในมือของผมแทงเข้าตาของฉลามตัวแรกพอดี มันสะบัดตัวเร่าๆ เลือดจากลูกตาไหลออกมาจนน้ำในบริเวณนั้นถูกย้อมเป็นสีแดง ก่อนภาพตรงหน้าจะกลายเป็นความสยดสยอง
ฉลามที่ตามหลัง2ตัวตรงเข้ามาหาเพื่อนร่วมสายพันธุ์ทันที ฟันที่เรียงกันเป็นแผงยามมันอ้าปาก ภาพการฉีกกระชากทำเอาผมคลื่นไส้จนแทบทนไม่ไหว เลือดและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้มไปจนทั่วบริเวณ
ผมอดทนกลืนความรู้สึกอยากอ๊วก อาศัยช่วงเวลานั้นว่ายกลับมาหาฟิลันอย่างรวดเร็ว
“ไปเร็ว! ตอนนี้เราต้องรีบหนี” ผมรีบความมืออีกฝ่ายแล้วพาเงือกน้อยว่ายลอดไปตามช่องเพื่อหนีออกจากเรือ ในขณะที่พวกมันกำลังกินกันเองผมต้องรีบหนีไปให้ไกลที่สุด
ทว่าทันทีที่ผมออกมาพ้นตัวเรือก็ต้องได้แต่ตกใจ
ฉลามอีก3ตัวกำลังว่ายวนอยู่เหนือเรืออับปาง และทันทีที่ผมปรากฏตัวขึ้นมันก็พุ่งตรงเข้ามาหาทันที
ผมต้องพาฟิลันซึ่งตอนนี้สลบไปแล้วจากความตกใจและความเหนื่อย ว่ายหลบซ้ายขวาไปมาอย่างยากลำบาก ที่ยังพอเอาตัวรอดได้เพราะไอ้ฉลาม3ตัวนั่นมันไม่ค่อยจะสามัคคีกันเท่าไหร่เลยยังพอหลบได้ ทว่าผมพลาดที่ว่ายหลบไปตรงชะง่อนหินซึ่งตอนแรกผมคิดว่ามันจะสามารถลอดผ่านไปได้ แต่มันกลับเป็นการพาตัวเองเข้าไปสู่ทางตัน
หมดทางหนี
ไม่รอดแน่ๆผมคิดแบบนั้น แม้จะหวังให้ฟิลันหนีไปซะในขณะที่ผมเอาตัวเข้าล่อเพราะยังไงมันก็ตามกลิ่นเลือดของผมอยู่ดี แถมเจ้าตัวดันสลบแบบนี้
ผมหลับตากอดเงือกในอ้อมแขนแน่น แม้คิดว่ายังไงก็คงไม่รอด แต่อย่างน้อยผมก็ไม่อยากที่จะเห็นภาพฝูงฉลามฉีกเนื้อเงือกตรงหน้า
อย่างเลวร้ายที่สุดมันคงจะฉีกเนื้อผมก่อนตามด้วยอีกฝ่าย
คงมาได้แค่นี้สินะ...
ทว่าในขณะที่หลับตาปี๋ ความแรงของคลื่นน้ำที่กระทบตัวเปลี่ยนไป ก่อนจะมีเสียงคำรามดังขึ้นทำให้ผมสงสัย เพียงแต่ไม่กล้าลืมตา จนสุดท้ายที่เสียงทั้งหมดเงียบลงผมค่อยๆลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจ
ฉลามทั้งหมดหายไป ทิ้งไว้เพียงเลือดสีแดงปะปนกับน้ำ และกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
เงาของสิ่งมีชีวิตบางอย่างมากกว่า10ตัวกำลังว่ายวนเวียนอยู่รอบตัวผม
นี่มัน...