เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 40 : พญางูพิษของไอ้ทุย
ไอ้ฟักซบตักผม จากนั้นยังไม่ได้ทันพูดอะไร ผมก็เห็นคุณแก้วเดินขึ้นมาพอดี เธอชะงักไปเมื่อเห็นว่าไอ้ฟักดูเหมือนกำลังจะหลับ ในขณะที่ผมกำลังจับผมมันเล่น ผมเงยหน้าขึ้น รีบยิ้มให้เธอ “คุณแก้ว”
“พอดีแก้วเห็นว่าคุณต๊อบยังไม่ลงไป”
“อ้อ ครับ เพื่อนผมมันเมา ผมว่าจะพามันไปนอนดีๆแล้วค่อยลงไปหาคุณแก้ว”
ผมก้มมองดูอีกที ไอ้ฟักหลับสนิทไปเรียบร้อย แทบยังตัวหนักกว่าเดิมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันเล่นปล่อยตัวทั้งตัวแบบนี้ ไม่ได้เกรงใจเพื่อนอย่างกูเลยใช่ไหมฟัก
คุณแก้วเดินเข้ามา ยิ่งดูแบบนี้เธอยิ่งดูสูงสง่าไปทั้งตัวจนผมชักเขินๆ “เอ่อ คุณแก้วครับ เดี๋ยวผมแบกมันเข้าไปนอนที่ห้องแปบนึงนะครับ”
ห้องใกล้สุดก็เป็นห้องผม ปกติไอ้ฟักก็นอนห้องผมอยู่แล้วเวลามาค้างที่บ้าน คุณแก้วพยักหน้า เธอยิ้มจนออร่าความหล่อทะลุเบ้าตาผมเต็มๆ อูย แสบตามากครับ
ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมเริ่มจะชิน ถึงจะไม่มาก แต่ก็เริ่มมีเค้าลางขึ้นมาเล็กน้อย…
ยังไงก็ต้องทำใจให้ชินสินะ
“แก้วช่วยมั้ย”
คุณแก้วเดินเข้ามา ช่วยผมพยุงไอ้ฟักขึ้น ผมกำลังจะพูดว่าให้ผมทำดีกว่า กลัวคุณแก้วไม่มีแรงตามความเคยชิน ตามมโนสำนึกว่าคุณแก้วเป็นคุณแก้วบอบบางของผม แต่คำพูดแบบนั้นก็ถูกกลืนหายไปทันทีที่ผมเห็นเธอในเวลานี้
“คุณแก้ว ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณแก้วช่วยเปิดประตูห้องผมให้ก็พอแล้วครับ”
“คุณต๊อบไหวแน่นะ แก้วช่วยดีกว่า” เธอดูไม่แน่ใจ อยากจะเข้ามาช่วยผม
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากให้คุณแก้วเหนื่อย ไอ้ฟักมันเมาด้วย เดี๋ยวเผื่อมันทำคุณแก้วเลอะ คุณแก้วเปิดประตูเลยครับ”
ไอ้ฟักหลับสนิทจนผมหมั่นไส้ ต้องให้คุณแก้วคนสวยของกูมาลำบากเปิดประตู มึงจำไว้นะฟัก
หลังจากผมแบกมันไปถึงเตียงเรียบร้อย ผมก็จัดการลากผ้าห่มมาคลุมตัวมันแล้วเปิดแอร์ทิ้งไว้ให้ ก่อนจะออกไปด้านนอก คุณแก้วยืนกอดอกอยู่ เธอพิงประตู มองเข้ามาด้วยสายตาเรียบนิ่งกระทั่งผมเงยหน้าขึ้น เธอจึงยิ้มออกมา
ท่ายืนพิงประตูคุณแก้ว ออกจะแมนไปนิดนึง ไม่ดีเลยครับ ไม่ดีเอามากๆ
ผมอยากจะยกมือกุมอก ผ่อนลมหายใจแล้วนวดหูนวดตาจริงๆ
“ไปด้านล่างกันดีกว่าครับ”
ผมเดินไปที่ประตู คุณแก้วยังยืนนิ่งๆอยู่ เหมือนเธอมีบางอย่างในใจ ผมเลิกคิ้ว เมื่อเห็นคุณแก้วมองมมาเฉยๆ แต่ยังไม่ได้เอ่ยอะไร “คุณแก้วมีอะไรหรือเปล่าครับ”
จากนั้นเธอก็ก้มลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งวางไว้บนกำแพง ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนข้างแก้มผมเบาๆ
ผมชะงัก จากนั้นคุณแก้วก็ก้มลงมาอีก เธอไม่ได้ละใบหน้าไปไหน แค่แตะลงมาช้าๆ เบาๆอีกครั้ง
ผมยิ้มเขินๆ หัวเราะโง่ๆ อยากจะเหลือบตาไปมองด้านหลังเพราะกลัวไอ้ฟักมันเห็น ระแวงว่ามันจะตื่นขึ้นมาพอดี แต่คุณแก้วก็จับแก้มผมไว้
“คุณแก้ว” ผมกระซิบชื่อเธอเสียงเบา ก่อนจะส่งสายตาเลิกลั่ก “เอ่อ เดี๋ยวมีคนเห็นนะ”
“ไม่หรอก” คุณแก้วยิ้มๆ เธอมองผมไล่แค่บริเวณนี้ จมูกกับริมฝีปาก ใบหน้าเราใกล้กันมาก
“คุณแก้วอยากลงไปข้างล่างมั้ยครับ”
“แล้วคุณต๊อบอยากลงมั้ย” คุณแก้วถามผมกลับ ดวงตาเธอเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
“ผม เอ่อ งั้นลงกันดีกว่าครับ เดี๋ยวเผื่อต้องช่วยงานด้านล่าง”
“แก้วยังไงก็ได้ แค่มีคุณต๊อบ”
ผมหลบตาคุณแก้ว ก่อนจะตบๆไหล่เธออย่างลืมตัว แต่ว่าเพราะบุคลิกเธอตอนนี้น่าตบบ่ากอดคอ มากกว่าจะกุมมือจริงๆ ผมขอโทษครับคุณแก้ว ผมลืมตัว ฮือๆ
ผมรีบทำตัวให้กระปรี่กระเปล่า ปัดความรู้สึกแปลกๆออกไปจากหัว โดยเฉพาะสายตาคุณแก้วเวลานี้ หรือว่าคุณแก้วจะเริ่มเมาแล้ว
เอ๋ ก่อนหน้านี้คุณแก้วอาจจะดื่มไปช่วยที่ผมอยู่ด้านบนก็เป็นได้
“คุณต๊อบ”
“ว่าไงครับ”
“แก้วเข้าห้องน้ำแปบหนึ่งได้มั้ย”
ผมพยักหน้า ก่อนจะพาเธอเข้าในห้องแขกใกล้ๆ คุณแก้วเข้าไปด้านใน ผมนั่งรออยู่บนเตียงห้องนั้นก่อนจะยกคอเสื้อพัดๆ ห้องนี้ไม่ได้เปิดแอร์ พัดลมก็ไม่มี อากาศในเมืองไทยก็ร้อนใช่เล่น
ผมนอนแผ่บนเตียง จากนั้นก็เคลิ้มๆกว่าคุณแก้วจะออกมา ผมก็เริ่มสะลึมสะลือไปอีกคน
“คุณต๊อบหลับแล้วเหรอ” ผมลืมตา เห็นอีกทีคุณแก้วกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เธอโน้มลงมา มองผมยิ้มๆ แววตาคล้ายจะเอ็นดู “ง่วงเหรอคะ”
น้ำเสียงคุณแก้วเหมือนชายหนุ่มที่กำลังพูดอยู่กับเด็กหญิงตัวน้อยๆเลยครับ ถ้าไม่ติดที่ว่าไอ้เด็กนั่นมันเป็นผม
“นิดหน่อยครับ” ผมหัวเราะแหะๆก่อนจะขยี้ตาเบาๆ “ว้า เริ่มขี้เกียจลงแล้ว”
“งั้นอยู่บนนี้สักพักมั้ย แล้วค่อยลงก็ได้”
“คุณแก้วไม่โกรธนะครับ”
“โกรธอะไร แก้วจะโกรธได้ยังไงหื้อ”
“โอเคครับ” ผมแกล้งหมุนไปทางเธอก่อนจะคลำๆหาตักนุ่มๆเพื่อซุกนอน อยู่กันสองต่อสองในห้องแขกแบบนี้ หวังว่าคงไม่มีใครเปิดมาจ๊ะเอ๋แล้วเข้าใจผิดไปนะ “คุณแก้วอยากลงไปกินขนมหรือเปล่าครับ ลงไปก่อนก็ได้นะ”
“แก้วอยากอยู่กับคุณต๊อบ” คุณแก้วลากเสียงยาวๆ ก่อนจะบิดแก้มผม แล้วเรียกชื่อผมซ้ำๆ
“ผมก็อยู่นี่ไง”
ทำไมคุณแก้วไม่ใส่เดรส ทำไม
ต้องสวยมากแน่ๆ คิดแล้วผมก็แอบช้ำใจ
“แฟนแก้วหล่อจริงๆ ยิ่งดูยิ่งหล่อนะเนี่ย”
เธอก้มลง บิดๆจมูกผม จากนั้นก็จิ้มแก้มซ้ายแก้มขวา เหมือนจะหยอก ผมหัวเราะ คุณแก้วยิ่งก้มหน้าลงมา ก่อนจะจุ๊บตรงนั้นจุ๊บตรงนี้
“แล้วชอบมั้ยล่ะครับ ผมล่ำด้วยนะ”
ไม่อยากจะอวดเลย คุณแก้วหัวเราะในลำคอ เธอไม่ได้ตอบ แต่คำตอบมันก็เห็นๆอยู่ ต๊อบแต๊บมันออกจะแฮนซั่มขนาดนี้
ผมเผลอหลับไป ในขณะที่คุณแก้วกำลังมองผมอยู่ รู้ตัวอีกทีคือตอนที่คุณแก้วกำลังลูบใบหน้าผมเบาๆ เธอปลุกให้ผมไปล้างหน้า ก่อนจะลงไปด้านล่างอีกรอบหนึ่ง ส่วนไอ้ฟักยังไม่ตื่น หลับยาว ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตามาอีกรอบในวันนี้
นี่ช่วงเย็นแล้ว ด้านล่างยังกินเลี้ยงกันไม่เสร็จ แต่ช่วงกลางสวนมีดนตรีคลอเบาๆ ผมเห็นไอ้พี่ติ๊กำลังเต้นรำอยู่กับพี่นี รอบๆเป็นบรรดาแขกญาติๆนั่งล้อมกันอยู่ บรรกาศเป็นกันเองอบอุ่น โดยเฉพาะเวลาช่วงพระอาทิตย์เป็นสีส้มๆแบบนี้ ยิ่งถ่ายรูปออกมายิ่งสวย
เพื่อนเจ้าสาวพีนีคนหนึ่งกำลังถือไมค์อยู่ก่อนจะเป็นฝ่ายประกาศหาคู่เต้นรำออกมา “ใครที่คบกันไม่ถึงสามเดือน ลุกขึ้นมาเลยค่ะ”
มีคู่หนึ่งลุกขึ้นไป เป็นคู่รักวัยรุ่น ถ้าผมจำไม่ผิดนั่นน่าจะญาติพี่นี แต่ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ตอนแรกดูขัดเขินๆกัน แต่พอเต้นไปได้สักพัก มีเสียงเชียร์รอบด้านคู่รักวัยใสจึงสนุกตามไปด้วย
“คู่รักที่คบกันไม่ถึงหนึ่งปี ลุกขึ้นมาได้เลยนะคะ”
ระหว่างที่ผมกำลังหัวเราะ ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นไอ้พี่ติ๊กรีบเชียร์มาที่ผมกับคุณแก้ว “ลุกเลย ไอ้ต๊อบ ลุกๆๆ”
“โห พี่ติ๊ก”
แม่งเสือกรู้ดีอีก ผมเหล่มองไปทางคุณแก้ว เห็นเธอยิ้มๆไม่พูดอะไร แต่ค่อยๆลุกขึ้นอย่างไม่มีความประหม่าต่างกับผมลิบลับ ในขณะที่มีอีกสองคู่ที่ลุกขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ว่าผมเห็นสาวๆกรี๊ดกร๊าดใส่คุณแก้วดังมาก แม่ผมปรบมือเสียงดังกว่าใครเพื่อน แม่เชียร์สะใภ้รองออกหน้าออกตาจริงๆ
“คุณแก้วให้เกียรติเต้นรำกับผมได้มั้ยครับ” ผมเกาคออย่างเขินๆ การเปิดตัวกลางงานแต่งแบบนี้ ผมยังไม่เคยคิดฝันมาก่อน แต่ว่าในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นไปเลย
แล้วเพลงก็ซึ้งไปไหน ซึ้งมาก หวานมาก รักกันปานจะเจออีกภพหน้า
ผมรู้ตัวว่าหน้ากำลังไหม้ ตอนที่คุณแก้วส่งยิ้มมา มือของเธอวางบนไหล่ผม จากนั้นเราก็ค่อยๆเดินไปตามเสียงดนตรี
“คุณแก้ว ผมเต้นไม่ค่อยเป็นนะครับ” เอาจริงๆแล้วผมเต้นไม่เป็นเลย
“ไม่เป็นไร” คุณแก้วก้มลง เธอกระซิบเบาๆข้างหูผม “เราก็ค่อยๆไปด้วยกัน ดีมั้ยเอ่ย”
บรรดาญาติๆพ่อแม่พี่น้อง ยิ้มกรุ่มกริ่ม ไม่มีใครคัดค้านหรือแสดงออกในทางไม่ดี ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมกลัวว่าคุณแก้วจะเสียใจหรืออะไรแบบนั้น มันคงทำให้ผมรู้สึกแย่ไปด้วย
“ลูกแม่แต่ละคน สะใภ้ก็สวย เขยก็หล่อ”
ผมขมวดคิ้ว ตะหงิดๆอยากจะถามแม่อีกทีว่าอะไร เห็นคุณแก้วกำลังมองอยู่ มุมปากเธอค่อยๆยกขึ้นแต่ไม่ได้กล่าวอะไร ผมจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ
ความหวานและบรรยากาศช่วงเย็นทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นว่ารอบๆตัวเรามีแต่รอยยิ้ม เห็นไอ้พี่ติ๊กเริ่มดึงแม่ขึ้นมาเต้นด้วย สลับกับพ่อ ผมก็หลุดหัวเราะออกมา
ต่อมาเสียงไมค์ก็เรียกคู่ที่คบกันเกินสิบปี หรือยี่สิบปี หรือมากกว่านั้น เป็นวัยคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายายแล้วทั้งนั้น ผมรู้สึกทึ่งในความรักอันยาวนานและชีวิตคู่ที่ประคับประคองกันไว้ได้นานขนาดนี้
“คุณต๊อบ”
คุณแก้วเรียกผม เธอลูบมือผมช้าๆ ผมยิ้มรับตั้งใจฟังเธอ เสียงดนตรีช้าลงเรื่อยๆ ผมจึงค่อยๆเดินไปตามจังหวะที่คุณแก้วนำให้ได้
“ว่าไงครับ”
“ถ้าวันหนึ่ง แก้วรู้สึกขี้เกียจแต่งตัวสวยๆขึ้นมา คุณต๊อบจะโอเคมั้ย”
คุณแก้วถามขึ้นมาเฉยๆ แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้ใส่ใจมากนัก คล้ายกำลังจะชวนผมคุย ผมเลิกคิ้ว แต่ก็หัวเราะ
“ความสวยนี่เขาขี้เกียจกันได้ด้วยเหรอครับ”
คุณแก้วตอบผม เธอยิ้มๆ “ได้สิ”
“งั้นถ้าอย่างไหนที่คุณแก้วทำแล้วมีความสุข ผมก็ไม่เกี่ยงนะ”
“จริงเหรอ”
“ครับผม”
ตอนนี้คุณแก้วก็ไม่ใช่ว่าสลัดคราบความสวยออกหมดเลยไม่ใช่เหรอครับ ฮือ
ผมนึกถึงไอ้ฟัก มันอดมีบรรยากาศสวยๆแบบนี้เพราะเอาแต่เมาแต่หัววัน น่าเสียดายจริงๆ
ผมเห็นคุณแก้วมองไปที่พ่อกับแม่ผมที่กำลังเต้นรำกันสนุกสนาน ก่อนเธอจะหันมาสบตาผมอย่างสื่อความหมาย
“เราจะเป็นอย่างนั้นกันดีมั้ย”
คุณแก้วบอก น้ำเสียงเธออ่อนโยน ทว่าเป็นคำถามที่กลับแฝงไว้ด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ผมยิ้ม ก่อนจะเกลี่ยเส้นผมไว้ข้างหูเธอเบาๆ แต่ด้วยความปากเปราะ ผมกลับโรแมนติกไม่ออก เขิน เขินครับ
“ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองดีมั้ยครับ”
แค่คิดว่าอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“คุณต๊อบไหวเหรอ” คุณแก้วหัวเราะ เธอซบไหล่ผม “แต่แก้วจะพยายามนะ”
“ผมอึดจะตาย” ผมยักคิ้ว ยิ้มกรุ่มกริ่ม “ไปศึกษามาหมดแล้วครับ บอกไว้ก่อน”
“คุณต๊อบไปเรียนมา?”
คุณแก้วเงยหน้าขึ้น เธอกุมมือผม ก่อนจะถามด้วยความสงสัย แววตาระคนเอ็นดู ดวงตาคู่นั้นแวววาวไปหมด
“เอ่อ ก็เอ่อ ไม่เชิงนะครับ แค่พยายามศึกษาเล็กน้อย”
ถึงแม้ผมพยายามจะไม่งงว่าเรากำลังคุยเรื่องอะไรกัน แต่เอาเป็นว่าไหลไปก่อน! ไม่เชิงสองแง่สองง่าม แต่ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่มีความหมายตื้นเขินแน่ๆ!
“ใครสอน บอกมาสิ”
ไอ้ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง อยากจะเก่งๆไว้อวดแฟนตัวเอง กะทำเซอร์ไพรส์ไม่ได้เหรอครับ ฮือๆๆ
“ไม่มีครับ เรียนเองทั้งนั้น”
“ก็รู้นะว่าแก้วขี้หึง” คุณแก้วพูดเรียบๆ แฝงรอยยิ้มน้อยๆ “ยังจะมายั่วให้แก้วโกรธ”
คนสอนผมมันก็นอนตายอยู่บนห้องนั่นไงครับ
“โธ่ คุณแก้ว ผม ผมล้อเล่นเอง” ผมรีบง้อเธอ แม้รู้ว่าคุณแก้วจะแกล้งน้อยใจไปอย่างนั้น ทว่าผมก็ชอบที่จะได้ง้อเธอ “ไม่เอาสิ ไม่งอนนะคะ คุณแก้วแต่งหล่ออยู่ จะมางอนไม่ได้นะครับ”
คุณแก้วหัวเราะ เธอตีผมเบาๆอย่างหมั่นไส้ที่ผมไปล้อเรื่องเสื้อผ้าเธอ “แก้วหล่อกว่าคุณต๊อบ คุณต๊อบนั่นแหละที่ระวังไว้เถอะ”
“เอ่อ” ผมขมวดคิ้ว ก่อนถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณแก้วจะมีผู้หญิงอื่นเหรอครับ?”
เพราะในหัวผมยังมีภาพคุณแก้วสยายผม ส่งจูบให้ผมพร้อมกับลิปสีแดงอยู่เลย
เห็นหน้าตาโง่ๆกับคำถามโง่ๆของผม คุณแก้วก็หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง เธอหยิกแก้มผมเบาๆ “แก้วไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย แก้วชอบคุณต๊อบ”
“อ้อ” ผมหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะแสร้งกระแอมกระไอเบาๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง ผมเพิ่งรู้ว่าเสียงผู้ชายที่ทำผมใจสั่นได้ นอกจากพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์แล้ว มาวันนี้ก็คุณแก้วนี่แหละครับ!
เพลงคลอเบาๆ กับลมเย็นๆ คล้ายว่าเรามีกันแค่สองคน
ใบหน้าคุณแก้วเวลานี้คล้ายจริงจังคล้ายไม่จริงจัง ทว่าแววตาแพรวพราว ผมลอบกลืนน้ำลาย เมื่อใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้การแต่งเติมของเธอใกล้เข้ามา ผมกระพริบตาปริบๆ ไม่สามารถหันหน้าหนีไปขอความช่วยเหลือทางไหนได้
“จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้แก้วก็ไม่ค่อยเก่ง”
คุณแก้วมีสีหน้ากังวล เธอไล่นิ้วขึ้นมาจากหน้าท้องผมก่อนค่อยๆถึงหน้าอกและลำคอ
“คงต้องรบกวนให้คุณต๊อบสอนแก้วแล้วล่ะ”
TBC
[12/09/2560]