คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณแม่รับจ้าง [MPREG] (อ่านภาค2 ในลิงค์ หน้า20)  (อ่าน 168796 ครั้ง)

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
คือแม็กครับ..แม็กไม่'แรด'หรอกครับ

แต่คิดเรื่องบนเตียงนี่เรียก ่าน ได้เลยนะครับ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ monday012

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
กลัวดราม่าแต่อยากอ่าน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-5-

   -แม็กม่า-

   “นี่อะไรครับ?” ผมเอ่ยถาม เมื่อคุณอิฐยื่นเอกสารหลายใบมาตรงหน้าและผมหยิบขึ้นมาอ่านด้วยความงุนงง

   “สัญญาจ้าง” คำตอบเรียบๆ นั้นทำให้ผมตาโต นึกสงสัยว่าแค่จะ “เป็นชู้” กันนี่ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลยเหรอ เว่อร์ไปไหมลุง!

   “วันนี้ฉันลางานให้เธอแล้ว ทันทีที่เธอเซ็นชื่อลงไปฉันจะพาเธอไปเลือกรถ ชอบคันไหนฉันจะซื้อให้เอากุญแจไปขับได้ทันที จากนั้นเราก็ไปเดินดูบ้านหรือคอนโดสวยๆ ถ้าเธอตัดสินใจเร็วพรุ่งนี้จะส่งรถไปช่วยย้ายของ พร้อมเซ็นเช็คเงินสดให้ห้าแสนเป็นมัดจำล่วงหน้า หลังเสร็จงานแล้วฉันจะโอนบ้าน โอนรถให้ เธอไม่ต้องกลัวฉันจะโกงหรอกนะ เรามีสัญญาจ้างอยู่” ข้อเสนอสุดคุ้มทำให้ผมไม่มีเสียงคัดค้าน แต่กวาดตาอ่านสัญญาจ้างนั่นอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อความเป็นธรรม


อ้างถึง
   หนังสือสัญญาจ้างแรงงาน

   หนังสือสัญญานี้ทำขึ้นระหว่างนาย อิทธิพล อิทธิฤทธิ์  (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “นายจ้าง”) กับ
นาย ธมล ใจหวังมีสุข (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า"ลูกจ้าง")
   1.นายจ้างตกลงจ้างและลูกจ้างตกลงรับจ้างเพื่อทำงานในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปนี้คือ
   ตำแหน่ง แม่บ้าน  หน้าที่หลัก ทำงานบ้าน หรือตามที่นายจ้างจะเห็นสมควร อัตราเงินเดือน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) มีกำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน เริ่มต้นวันที่............... ถึง...................
   2. ในระหว่างการจ้างตามสัญญานี้ ลูกจ้างมีสิทธิที่จะได้รับ ที่พักอาศัยโดยนายจ้างเป็นผู้จัดหาให้ รถยนต์ประจำตำแหน่ง ประกันชีวิต การรักษาพยาบาลโดยแพทย์ของนายจ้าง เมื่อสิ้นสุดการจ้างงานจะยกทรัพย์สินนั้นให้แก่ลูกจ้างทันที พร้อมเช็คเงินสดสามล้านบาทถ้วน
   3. ลูกจ้างจะต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของนายจ้างโดยเคร่งครัด และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์ และขยันหมั่นเพียร โดยปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อบังคับใด ๆ ของนายจ้าง ณ สถานที่ทำงานของตน
   4. ในกรณีที่ลูกจ้างมีความจำเป็นที่จะออกจากงานนี้เนื่องมาจากความจำเป็นส่วนตัวก่อนครบสัญญาจะกระทำมิได้   เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากนายจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากการทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว ลูกจ้างไม่มีสิทธิไปทำงานให้กับผู้อื่นอีกไม่ว่าจะเป็นการทำงานในวันหยุดหรือนอกเวลาการทำงานปกติก็ตาม
   หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ลูกจ้างยินดีคืนทรัพย์สินทั้งหมดของนายจ้าง และชดใช้ค่าเสียหายให้นายจ้างเป็นค่าปรับสามล้านบาท
 
ลงชื่อ………………………………………….นายจ้าง    ลงชื่อ…………………………………………ลูกจ้าง
        (อิทธิพล อิทธิฤทธิ์ )                            (ธมล ใจหวังมีสุข)
                  (ชื่อและนามสกุลสมมุตินะจ๊ะ ไม่มีตัวตนอยู่จริง)


   “นี่คุณ!! สัญญาโคตรจะไม่เป็นธรรมเลย” ผมโวยวายเมื่ออ่านเนื้อหาจนครบ

   “ตรงไหนล่ะ?” เขาถาม ทำทองไม่รู้ร้อน

   “ย่อหน้าสุดท้ายน่ะ” 

   “ก็อย่ายกเลิกสัญญาสิ แค่ปีครึ่งเอง” เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องหยิบสัญญามาอ่านเสียด้วยซ้ำพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมมุ่นคิ้วคิดหนักพยายามอ่านสัญญานั่นซ้ำๆ ไปมา มันเหมือนสัญญาที่เอาเปรียบมากๆ แต่ใจหนึ่งก็คิดนะว่าเขาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีเงินจ่ายค่าปรับมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว ตัวเขาเองก็รวยด้วย เขาคงไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง แล้วถ้าหากค่าจ้างจะได้ตั้งเดือนละสองแสนน่ะ ผมคงอยากทำงานมากกว่าปีครึ่งซะด้วยซ้ำนะเนี่ย เรื่องอะไรจะอยากยกเลิกสัญญา! เอ๊ะ! แต่ถ้าอีตาลุงนี่เป็นพวก sm ซาดิสม์วิตถารทำร้ายคู่นอนขึ้นมาล่ะ! รู้หน้าไม่รู้ใจนะ! ผมเหลือบตาขึ้นพินิจพิจารณาอย่างหวาดหวั่น

   “ตัดสินใจเร็วๆ นะ เดี๋ยวโชว์รูมรถจะปิดซะก่อน” เขาเอ่ยแซวเสียงกลั้วหัวเราะจนผมชะงักความคิดที่ลังเลนั้น คงไม่หรอกน่า เขาคงไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น... คิดแล้วยกปากกาเซ็นแกร็กลงไปที่สัญญาที่มีเนื้อหาเหมือนกันทั้งสองชุดนั่นปลงๆ แต่เอกสารไม่หมดแค่นั้นมันยังมีอีกหลายใบด้านล่าง

   “หนังสือยินยอมให้ผ่าตัด หือ?” ผมอ่านแล้วเงยหน้าเลิกคิ้วสูง

   “เราสองคนไม่ได้เป็นญาติกัน ถ้าเผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่อันตรายมากแล้วเธอไม่มีสติจะเซ็นยินยอม เธอจะได้รับการผ่าตัดทันทีโดยไม่ต้องรอใครไง” ผมพยักหน้าเออออ อดทึ่งในความรอบคอบของเขาไม่ได้ ผมเซ็นชื่อลงในใบยินยอมนั่นถึงสามใบทีเดียว หลังจากนั้นก็เป็นเอกสารประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันเกือบห้าล้านบาท ผมเลือกใส่ชื่อน้องชายเป็นผู้รับเงินในกรณีที่ผมเสียชีวิตแทนที่จะเป็นชื่อพ่อ!

    หลังจากผมเซ็นชื่อตัวเองลงในกระดาษแผ่นล่างสุดของสัญญาทาสของเรา คุณอิฐรีบกระชากเอกสารเหล่านั้นออกจากมือผมอย่างรวดเร็วว่องไวราวกับกลัวผมจะเปลี่ยนใจ ผมถอนใจเฮือก สีหน้ามีแววกังวลกับการตัดสินใจที่โคตรระห่ำของตัวเอง แต่แล้วมันก็หายไปในทันทีที่เขายื่นเช็คเงินสดงวดแรกมาให้...

   ตอนเย็นหลังจากเลิกงาน ผมกลับมาตอกบัตรที่บริษัททั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานเลยทั้งวัน ผมบรรจงเก็บของส่วนตัวที่โต๊ะทำงานใส่กล่องให้ครบทุกชิ้น แม้คุณอิฐจะบอกว่าค่อยมาเก็บวันหลังก็ได้แต่ผมก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ผมไม่อยากตอบคำถามคนอื่นๆ ว่าทำไมผมถึงลาออก คงรู้สึกไม่ดีหมดนั่นแหละไม่ว่าจะบอกความจริงหรือโกหก ผมว่าจากไปเฉยๆ ให้คนคาดเดาเอาเองน่าจะดีกว่า...

   คุณอิฐจอดรถรออยู่ข้างล่าง เมื่อผมยัดของเข้าไปที่เบาะหลังรถและตัวเองขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับนั่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร รอจนผมปิดประตูก็ออกรถ พอไม่มีธุระอะไรเขาก็เป็นคนเงียบไม่ค่อยชวนคุย จนกระทั่งเราถึงถึงหอพักของผม

   “ฉันลืมถามเลยว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่า...” ผมเหล่ตามองเขา เขาเพิ่งนึกถึงเรื่องสำคัญออกเอาตอนนี้เหรอ?

   “ก็เกือบจะมีมั้งครับ ถ้าหากท่านประธานไม่แสดงทีท่าว่าสนใจผมจนคนอื่นหัวหดไปซะก่อน” ผมประชด

   “หึหึ แสดงว่าเป็นโชคดีของฉันสินะที่ออกตัวเร็ว” เขาบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งผมไม่ค่อยขำ

   “เอาล่ะ ที่ผ่านมาเธอจะมีแฟนหรือไม่ฉันไม่สน แต่ตอนนี้เธอมีคนรักใหม่แล้ว ถ้ามีคนถาม ฉันแนะนำว่าเธอควรจะบอกว่าฉันมาจีบเธอ แล้วก็เป็นพ่อบุญทุ่มให้นั่นให้นี่ แล้วเธอก็ชอบฉันมาก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงสัญญาจ้างระหว่างเรา ห้ามบอกเรื่องสัญญานั่นกับคนทุกๆ คนบนโลกใบนี้ไม่งั้นฉันจะถือว่าเธอผิดสัญญาตามข้อที่สามและจะต้องชดใช้ให้ฉันตามสัญญา” เขาบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทั้งๆ ที่เนื้อหาของมันคือคำขู่ชัดๆ ผมชักสีหน้าเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้

   สองสามวันต่อมาผมก็ย้ายที่พักไปยังบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มันไม่ได้หรูหราอะไรนักหรอก เป็นแค่บ้านเล็กๆ ที่ดูอบอุ่น รถเก๋งใหม่เอี่ยมจอดรอผมอยู่แล้วในรั้วบ้าน ตั้งแต่ไปเลือกรถตอนนั้นผมก็ได้มาแค่กุญแจเพราะผมขับรถไม่เป็น แต่ไม่ต้องห่วงผมกำลังจะไปเรียนอาทิตย์หน้านี่แหละ

   
   ในระหว่างที่ผมว่างงานจัดผมก็แวะเวียนไปหาซูกัส ถึงคุณอิฐจะไม่กำชับเรื่องที่ห้ามบอกใคร ผมก็คงไม่เล่าเรื่องโง่เง่าที่สุดในชีวิตให้มันฟังหรอก ผมไม่อยากให้มันคิดมาก ยิ่งตอนนี้มันกำลังท้องแก่อยู่ด้วย ผมบอกแค่ว่าผมสบายดี รับสมอ้างไปว่าความรักกับแฟนคนล่าสุดไปได้สวย ถึงยังไงมันก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่แล้วกับคนล่าสุดน่ะคนละคนกัน

   ช่วงนี้มันกินแก่งมาก ดูแลอ้วนท้วนขึ้น และก็ดูมีความสุขดี

   ใช่สิ! มันมีคนรักที่แสนดี แถมกำลังจะมีลูกอีก แล้วผมล่ะ? ผมกำลังแลกหนึ่งปีครึ่งกับเรื่องไม่ดีเพื่อเศษเสี้ยวในสิ่งที่มันมี ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะให้ความสุขกับตัวเองได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ในความสุขของผม และผมกำลังทำลายความสุขของคนอื่นอยู่หรือเปล่านะ?

   คุณอิฐเงียบมาก เขาปล่อยผมนั่งๆ นอนๆ กินๆ ชอบปิ้งอย่างสนุกจนเงินในธนาคารร่อยหรอลงไปจำนวนหนึ่ง แล้วก็ยังไม่โผล่หน้ามา ผมไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะก็แค่สงสัย ก็ถ้าหากเขาอยากให้เงินผมใช้ฟรีๆ โดยไม่รับอะไรตอบแทนน่ะผมก็ไม่ว่าอะไรเขาหรอก แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับข่าวดีที่สุดในโลก!

   “วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอ” เขาโพล่งขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน

   “ไปทำไม ผมไม่ได้ป่วยอะไรสักหน่อย”

   “เราจะไปขอร้องให้หมอช่วยทำให้เรามีลูกกัน”

   “ฮะ? เราเหรอ?” ผมร้องเสียงดัง นึกเหวอกับมุกตลกร้ายของเขาเอามากๆ

   “ใช่ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ ว่าอยากให้เธอมาเป็นแม่ของลูก แล้วเธอก็ตกลง” ผมรู้สึกมึนเบลอเอามากๆ กับคำชี้แจงของเขา ผมจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยบอก และยิ่งจำไม่ได้ว่าตัวเองตกลง!

   “ตอนไหน!!! ผมจำไม่เห็นได้ แล้วอีกอย่าง ผมก็เป็นผู้ชายด้วย จะอุ้มท้องได้ยังไง” ผมโวยวายเสียงดัง

   “เธอก็มีเพื่อนผู้ชายที่กำลังท้องอยู่คนนึงไม่ใช่เหรอ? ลืมไปแล้วหรือไง” ผมชะงัก อ้าปากค้าง ตกใจที่เขารู้

   “คุณ...รู้จักซูกัส?”

   “อืม...”

   “แล้วคุณก็รู้ว่าผมเป็นเพื่อนของซูกัสด้วยเหรอ?”

   “รู้สิ ไม่อย่างงั้นฉันจะขอร้องเธอทำไม”

   “ผมไม่เข้าใจ”

   “หมอเป็นเพื่อนฉัน แล้วแฟนหมอก็เป็นเพื่อนเธอ ฉันอยากให้เธอขอร้องซูกัสให้ช่วยเรา” เริ่มซับซ้อนขึ้นจนผมกุมขมับ

   “ก็แล้วทำไมไม่ให้แฟนคุณท้องให้ล่ะ หน้าที่ท้องมันเป็นของผู้หญิงนะ!” ผมตวาดลั่น

   “เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” เขาตอบกลับมาเศร้าๆ

   “เขาเหรอ? ผมนึกว่าแฟนคุณเป็นผู้หญิงซะอีก” ผมคิดว่าเขาคบอยู่กับผู้หญิง บางทีเขาอาจจะไม่ได้รักเธอ แต่ต้องทำเพราะความจำเป็นทางสังคม แต่ถ้าแฟนของเขาเป็นผู้ชายอยู่แล้วทำไมต้องมาหาแฟนเก็บเพิ่มอีกล่ะ?

   “เป็นผู้ชายเหมือนเธอนี่แหละ แล้วก็ใจแข็งมากซะด้วย”

   “ผมก็ใจแข็งเหมือนกัน!! ผมไม่ยอม... แล้วคุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ด้วย!!”

   “ทำไมจะไม่ได้... เธอเซ็นสัญญาแล้วนะ” เขาดึงแผ่นกระดาษจากแฟ้มที่ถือมาด้ยวแล้วยื่นหนังสือสัญญามาให้ดูเป็นหลักฐาน ผมโกรธจนหน้าแดงเมื่อนึกถึง สิ่งที่ระบุไว้ในสัญญาข้อสุดท้ายรีบกระชากมันจากมือเขาเพื่อฉีกทิ้ง

   “ฉีกก็เท่านั้นแหละ ฉันมีอีกฉบับ!” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นต่อจนกระดาษในมือผมสั่นระริก ลำคอผมตีบตันจนน้ำตาปริ่ม เริ่มสะอื้นเบาๆ

   “ขอร้อง... ฉันไม่ได้อยากจะหลอกลวง หรือว่าทำร้ายเธอหรอกนะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ เธอจะท้องด้วยวิธีผสมเทียม เพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน ฉันแค่ขอฝาก... ฝากลูกของฉันไว้ในท้องของเธอแค่เก้าเดือนเท่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นวิงวอนขอร้องจนผมลังเล...

   “แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ ทำไมคุณไม่ให้ผู้หญิงอุ้มบุญให้? มันคงจะง่ายกว่าเยอะ ไอ้ที่คุณให้ผมมา มันคงจะจ้างผู้หญิงมาอุ้มท้องให้สัก10คนได้...”

   “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก  แต่ฉันไม่อยากให้มันยืดเยื้อ ฉันกลัวคดีความในภายหลัง มันเสียทั้งเวลาและชื่อเสียง ฉันอยากให้มันจบลงแค่นี้ แค่เด็กคลอด” ผมนิ่งฟังเหตุผลนั่นอย่างเลื่อนลอย จากตอนแรกตกลงจะมาเป็น “แฟนน้อย” กลายเป็นว่าต้องมา “แม่รับจ้าง” แทนซะงั้น

   เอาจริงๆ ผมควรจะดีใจหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยมันก็ดูสุจริตมากกว่าไปเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านนะจริงไหม? เหมือนกับกำลังทำบุญให้คนที่อยากมีลูกแต่มีเองไม่ได้ โดยได้ผลตอบแทนอย่างเดียวกัน

   “นะ แค่ปีครึ่งเอง ในระหว่างนี้... ฉันจะดูแลเธออย่างดีที่สุดเลย” คุณอิฐขยับมาใกล้ดึงมือผมไปกุมไว้แล้วบีบเบาๆ ผมกระพริบตาลงอย่างอัดอั้นจนน้ำตาก้อนโตไหลอาบเป็นสายเมื่อเอ่ยคำตอบนั้น...

   “ตกลงครับ”



   เขาสั่งให้ผมอาบน้ำเตรียมตัว ผมทำตามอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเราสองคนก็ไปโผล่ที่บ้านหมอกับซูกัส ผมนั่งเครียดอยู่นานจนเขาเดินอ้อมมาเปิดประตูออกให้ พอลงจากรถ เขาก็ดึงแขนผมไปกดออด

   “งานแรกของเธอก็คือเป็นคนรักของฉัน ทำให้ซูกัสเชื่อว่าเรารักกัน นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะตอบคำถามทุกอย่างแทน โอเคนะ” ถึงผมไม่โอเคแล้วจะทำอะไรได้... มีแต่ต้องเลยตามเลยเท่านั้นแหละ!

   หมอมาเปิดประตูบ้าน เขาค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นผมมากับคุณอิฐได้

   “อ้าวมาได้ไง”

   “พอดี แฟนใหม่ผมเขาอยากมาเยี่ยมเพื่อนแถวนี้น่ะ ผมก็เลยมาส่ง”

   “แฟนใหม่? แม็กเนี่ยนะ” หน้าหมอดูงงๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผม ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ

   “ก็แม็กน่ะสิ ถามมากน่าหมอ เปิดประตูบ้านสิคร้าบ จะได้เข้าไปคุยกันข้างใน” คุณอิฐเอ่ยเสียงขี้เล่น หมอจึงเปิดประตูให้เราเข้าไป

   หมอเดินนำไปก่อน ส่วนคุณอิฐจูงมือผมให้ตามเข้าไปในบ้านหมอ ผมค่อนข้างกังวลใจกลัวจะเล่นละครไม่ดีมากพอ จึงได้แต่ก้มหน้ามองมือเขาที่กุมมือผมไว้จนเราเข้ามาในบ้าน คุณอิฐเริ่มต้นเปิดฉากเรื่องว่าตอนนี้กำลังคบกับผมอยู่แล้วพวกเราก็ตกลงใจจะมีลูกด้วยกัน และมาขอร้องให้หมอช่วย ผมได้แต่นิ่งฟังปั้นหน้าไม่ถูก พลางชำเลืองมองซูกัสที่มันก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน

   “แล้วบีทล่ะ? เลิกกันแล้ว?” หมอเอ่ยถามขึ้นมากลางปล้อง ทำเอาผมสะดุ้งนิดหนึ่ง จนป่านนี้ผมยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนคุณอิฐ แม่แต่ชื่อก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละ

   “เลิกแล้วสิ ทำไม? หมอคิดว่าผมคบซ้อนเหรอครับ” คุณอิฐตอบหน้าตาย ทำให้ผมเผลอเหยียดริมฝีปาก เขาไม่ได้คบซ้อนหรอก เพราะเขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ สักหน่อย

   “ดีใจด้วยนะแม็ก... พี่อิฐเป็นเพื่อนสนิทหมอ ต้องเป็นคนดีแน่เลย” น้ำเสียงที่ร่าเริงของซูกัสทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้า แม้ในใจจะนึกค้านความคิดมัน แต่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ใจชื้น อย่างน้อยๆ ผมรู้ว่าถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น มันจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาช่วย

   “แล้วนี่คบกันกี่เดือนแล้ว?” หมอถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ผมแน่ใจเลยว่าหมอคงรู้ว่าคุณอิฐโกหก

   “สองเดือน” ผมถอนใจเพลียๆ จะว่าไปแล้วผมรู้จักคุณอิฐได้แค่สามอาทิตย์กว่าเอง

   “ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ คบกันแค่สองเดือนก็อยากมีลูกแล้วเหรอ?” น้ำเสียงหมอเหมือนจะหาเรื่อง

   “หมอนี่ก็... เวลามันไม่สำคัญหรอก ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่หมอถามผมว่ามีลูกกันไหม เราก็เพิ่งคบกันแค่สองเดือนกว่าเองนะ” คำพูดซูกัสทำให้หมออายจนหน้าแดง

   จากนั้นเขาก็ค่อยยันหลังลุกขึ้นอย่างยากลำบากจนหมอต้องหันไปช่วยประคองอย่างทะนุถนอม แล้วซูกัสก็เดินมาจับมือผมไว้ มองหน้าคุณอิฐสลับกับผม

   “ไม่ต้องห่วงนะครับ หมอเค้าก็ขี้บ่นไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าเพื่อนหมอกับเพื่อนกัสรักกัน อยากมีลูกด้วยกันจริงๆ ทำไมหมอจะไม่ช่วย ใช่ไหมครับหมอ?” ซูกัสหันไปถาม หมอหุบปากฉับได้แต่ยิ้มเกรงๆ ผมมองดูภาพพวกเขาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามา...

   ผมเคยรู้สึกอยากได้ อยากมีหลายๆ อย่างให้เหมือนซูกัส...

   แต่ท้ายที่สุดถึงเราจะมีอะไรที่เหมือนกัน แต่ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

   ซูกัสมีหมอที่รักเขาอย่างจริงใจ แต่ข้างกายผมกลับมีได้แค่แฟนคนอื่น

   ในท้องซูกัสมีลูกที่เกิดจากความรัก แต่ลูกที่กำลังจะอยู่ในท้องผมเกิดได้จาก “น้ำเงิน” ก็แค่นั้น!



++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2016 12:32:03 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
มาม่ายืดยาวแน่ๆ หลอกกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย  :mew5:

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
หาหมูผักใส่เพิ่มด่วนๆ เพราะมาม่าเยอะแน่ๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จะดราม่าหนักเปล่าน้อ~

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ดราม่ามาเลย พร้อมละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออ. ดราม่ามาเต็ม แน่ๆเลย

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ท่าจะดราม่าหนัก

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-6-

   -อิฐ-
   
   ทุกอย่างไปได้สวย... ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

   ผมยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงอีกปีครึ่งข้างหน้า หลังจากที่แม็กม่าให้กำเนิดทารก ผมจะอุ้มเด็กพร้อมผลตรวจดีเอ็นเอไปให้แม่ เพื่อลบล้างเหตุผลข้อที่ว่าการมีคนรักเป็นชายจะให้กำเนิดทายาทไม่ได้ ท่านจะเลิกใช้ข้ออ้างนั้นนัดดูตัวให้ผมได้เสียที ก็ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงไปทำไมในเมื่อผมมีลูกคนแรกเรียบร้อยแล้ว และผมมีความสุขมากกว่าที่จะใช้ชีวิตรักร่วมกับแฟนที่เป็นผู้ชายมากกว่า เป็นไปได้ว่าตอนแรกท่านอาจจะไม่พอใจอะไรนัก แต่ก็คงหมดข้อโต้แย้งไปเองเมื่อได้เลี้ยงหลานสมใจอยาก ส่วนบีทก็จะได้มีลูกโดยไม่ต้องตั้งท้อง ซึ่งเรื่องนี้ผมยังไม่ได้บอกเขาหรอกนะ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เขารู้... ผมคิดว่าเขาคงจะเข้าใจ ดังนั้นปัญหาที่น่าเครียดตอนนี้ก็คงมีแค่...หมอ!

   “แล้วนี่จะไปหาไข่มาจากไหน? บอกไว้ก่อนเลยนะว่าต้องหาเอง หมอไม่ช่วยด้วย!” หมอว่านตัดหางปล่อยวัดเป็นครั้งที่ร้อย ขณะที่เขาก้มหน้าอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างไม่สนใจ

   ดูเหมือนหมอจะไม่พอใจเอามากๆ ที่ผมลากเอาแม็กม่าเข้ามาเอี่ยวด้วย แม้การที่บังคับหมอผ่านทางซูกัสนั้นเป็นแผนที่ได้ผลอย่างดี แต่หมอก็ต่อต้านมันอย่างมาก เขาเลยเหมือนจะให้การช่วยเหลือผมแบบครึ่งๆ กลางๆ อยู่เสมอ

   “แล้วตอนหมอกับซูกัสน่ะเอาไข่มาจากไหนล่ะ?”

   “ขอมาจากพี่สาวซูกัส”

   “งั้นถ้าตูขอจากญาติบ้าง...”

   “ไม่ดี ถึงจะไม่คิดอะไรมาก แต่ความสัมพันธ์ในเครือญาติอาจจะทำให้เด็กมีความผิดปกติทางพันธุกรรมได้”

   “แล้วปกติ พวกคนไข้หมอถ้าเค้าอยากได้ไข่จะไปหาจากไหนกันล่ะ?”

   “ส่วนใหญ่ก็จะขอรับบริจาคจากเครือญาติกันนี่แหละ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ อาจจะขอจากธนาคารไข่ แต่กรณีหลังนี่คงยากเพราะนายคงต้องไปจดทะเบียนสมรสกับคนอื่นก่อนอยู่ดี จะซื้อขายก็ไม่ได้ สรุปแล้วไม่ว่าทางไหนก็เป็นไปได้ยากทุกทาง และถ้าจะให้หมอทำอะไรผิดจรรยาบรรณเพื่อความต้องการของนายล่ะก็นะ ขอบอกรอบทีล้านเลยว่า ไม่มีทาง!” น้ำเสียงเฉียบขาดนั่นทำให้นึกหมั่นไส้อุดมการณ์ของหมอเสียเหลือเกิน!

   “ก็ได้!! ขอแค่ได้ไข่มาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ฝ่ายหญิงสมัครใจ และไม่ต้องซื้อก็โอแล้วใช่ไหมล่ะ?” ผมถามด้วยเสียงกระแทกกระทั้น อีกฝ่ายยักไหล่ไม่ใส่ใจ


   ผมกลับมาศึกษาเรื่องไข่บริจาคอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งในอินเตอร์เน็ตและพบว่าน่าจะทำได้ง่ายสำหรับกรณีสามีภรรยาเข้ารับการรักษาปัญหามีบุตรยาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในเคสของผม ดังนั้นผมควรจะทำทุกอย่างให้ลุล่วงที่คลินิกของหมอ แต่หมอก็คงไม่ยอมช่วยยกเว้นแต่ว่าจะมีใครสักคนยินดีบริจาคไข่ให้ด้วยความยินดีโดยที่ผมไม่ต้องซื้อไข่..

   นั่นแหละปัญหา ใครมันจะไปยอมทำเรื่องยุ่งยากแบบนั้นถ้าตัวเองไม่ได้ผลประโยชน์

   นั่นสิ! แต่ถ้าผมเสนอผลประโยชน์ที่ไม่ใช่เงินให้เธอล่ะ?    

   ผมยกยิ้มขึ้นทันที เรียกเลขาส่วนตัวเข้ามาในห้อง 

   “คะบอส?” เลขาคนสวยของผมเอ่ยขึ้นตั้งใจฟังคำสั่ง

   “ช่วยร่างประกาศ ให้ฉันหน่อย”

   “ค่ะ” เธอรับคำ พร้อมยกกระดาษขึ้นจดรายละเอียด

   “นั่งลงก่อนสิ... พอดีประกาศมันยาว” เธอพยักหน้าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม

   “ต้องการรับสมัครผู้บริจาคไข่ให้แก่คู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก” ผมเว้นระยะระหว่างรอให้เธอจดแล้วอ่านคุณสมบัติที่ปรากฏไว้ในอินเตอร์เน็ตซึ่งลงไว้นานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีเรื่องน้องคาเมนเข้ามา “คุณสมบัติ… อายุระหว่าง 20-27 ปี สูงตั้งแต่ 155+ ขึ้นไป น้ำหนักไม่เกิน 60 กิโลฯ ”

   หลังจากผมร่ายยาวคุณสมบัติต่างๆ จนครบแล้ว ผมก็บอกต่อไปว่า...

   “ยังไม่แต่งงานหรือแต่งงานแล้วแต่ยังไม่พร้อมมีบุตร  สิ่งที่ได้รับเมื่อบริจาคไข่ ทางผู้รับบริจาคจะออกค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาไข่ของผู้บริจาคไว้ในธนาคารไข่เพื่อให้ผู้บริจาคสามารถนำไข่ของตัวเองมาใช้ในภายหลังเมื่อต้องการมีบุตรเมื่อตัวเองพร้อม”

   สมัยนี้ผู้หญิงแต่งงานช้าลง บางคนแต่งงานแล้วก็ไม่อยากมีลูก ดังนั้นถ้าให้ผลตอบแทนแบบนี้คิดว่าคงมีคนสนใจมากแน่นอน จะต้องมีคนยอมบริจาคไข่ให้โดยไม่ต้องซื้อ...   


   แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้ หลังจากประกาศนั้นถูกติดไว้ สัปดาห์ต่อมาก็มีพนักงานมากมายมาสมัคร และผมก็จัดการเลื่อนการตรวจสุขภาพประจำปีให้ด้วยเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบประวัติสุขภาพของผู้สมัคร หลังจากนั้นก็พาแม็กม่าไปตรวจสุขภาพร่างกายที่คลินิกเพื่อเข้ารับการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมเป็นอันดับต่อไป

   “ไม่แน่ใจนะว่าซูกัสเล่าให้เธอฟังละเอียดแค่ไหนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นหมอจะอธิบายซ้ำอีกครั้งเรื่องมดลูกเทียมและการฝังตัวอ่อน” หมอเปรยขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง น้ำเสียงเรียบๆ นั่นทำให้มองดูขี้เก๊กดีจริงจนน่าหมั่นไส้

   “ครับ” แม็กม่าตอบรับอย่างสนใจที่เก้าอี้ใกล้ๆ หมอ ในขณะที่ผมยืนพิงหลังกับผนังห้องตรวจ

   “หมอจะทำการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมลงไปในช่องท้อง และหลังจากให้กำเนิดทารกอย่างปลอดภัยหมอจะผ่าตัดนำมดลูกเทียมออกพร้อมกันด้วยเลย หลังจากผ่าตัดฝังมดลูกแล้ว หมอจะให้คนไข้รับฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อมและรอให้แผลผ่าตัดหาย ก็ราวๆ สี่ถึงหกเดือนจึงจะทำการฝังตัวอ่อน”

   “นี่ผมจะท้องได้จริงๆ เหรอครับ?” แม็กม่าถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อว่าสิ่งที่หมอพูดนั่นเป็นเรื่องจริง

   “ท้องน่ะเรื่องง่าย แต่คลอดน่ะเรื่องยาก” หมอตอบหน้าตาย เข้าใจว่าหมอตั้งใจไซโคให้แม็กม่ากลัวจนล้มเลิกความตั้งใจนั้น

   “พูดแบบนี้ผมกลัวนะ ถ้าผมตายขึ้นมาจะทำไง” แล้วคนตัวเล็กก็โวยวายหน้าตาตื่นดังคาด

   “อย่ากลัว  ฉันทำประกันชีวิตไว้ให้แล้ววงเงิน 5 ล้าน  ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมากับเธอระหว่างอุ้มท้องลูกของฉัน นอกจากเงินประกันฉันจะช่วยงานศพอีกห้าล้าน” ผมตอบกลับไปด้วยมุกตลกร้าย

   “คุณทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ!” เขาหันมาประชด แล้วมุ่ยหน้าประกอบ จนผมนึกขันจากนั้นจึงเอ่ยปลอบ

   “ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ถ้ามันอันตรายมากล่ะก็ หมอไม่มีทางยอมให้ซูกัสเสี่ยงหรอก เธอน่าจะรู้นี่ว่าหมอรักเพื่อนเธอขนาดไหน...” เหตุผลนี้ทำให้แม็กม่ามีสีหน้าดีขึ้นมากทีเดียวและหมอเองก็ไม่เถียงกลับมาด้วย

   “เอาล่ะ ในเมื่อพูดเรื่องความเสี่ยงแล้ว หมอขออธิบายเรื่องฝังตัวอ่อนต่อแล้วกันนะว่าตามปกติแล้วเนี่ย การฝังตัวอ่อนเพื่อผสมเทียม มักจะฝังกันไม่เกินสามเพื่อป้องกันการเกิดแฝดที่มากเกินไป เพราะหนึ่งตัวอ่อนก็สามารถแบ่งเซลล์ได้อีก ซึ่งในกรณีของซูกัสหมอฝังไปสองตัวอ่อนและติดทั้งสอง หมอก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าฟลุ้กหรือเปล่า แต่สำหรับเธอ หมอจะเลือกฝังตัวอ่อนแค่ครั้งละ 1 ตัว ถ้าหากไม่ติดก็ค่อยฝังซ้ำลงไปใหม่ เพราะการตั้งครรภ์แฝดจะอันตรายมาก เข้าใจตามนี้นะ”

   “อ้าว... ถ้ามันอันตรายแล้วซูกัสล่ะ?” แม็กม่าถาม ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงมีแววกังวลขึ้นมาทันที

   “ขอบใจที่เป็นห่วง ถึงจะเป็นเคสที่ยากลำบากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง หมอก็จะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดอยู่แล้ว” หมอเอ่ยยืนยันแข็งขัน แม้ในสีหน้าจะเคร่งเครียดเด่นชัดก็เถอะ

   ทำให้พลอยคิดว่าเป็นหมอน่ะมันลำบากจริงๆ นะ ยิ่งเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยิ่งลำบาก

   หมอก็เลยยิ่งเหนื่อยยากเมื่อรับหน้าที่ทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน!



   
   เกือบครึ่งเดือนต่อมา เมื่อหมอแน่ใจว่าเกลี้ยกล่อมแม็กม่าให้ล้มเลิกความตั้งใจไม่สำเร็จ หมอก็ต้องผ่าตัดฝังมดลูกให้เขาตามที่เราต้องการ เพราะหมออยากให้แม็กม่าออกจากคลินิกไปเสียก่อนที่ซูกัสจะเข้าสู่ช่วงใกล้คลอด เขาจะได้ไม่ต้องดูแลคนไข้เคสหนักทีเดียวสองคนพร้อมๆ กัน  อันที่จริงแม็กม่ามีท่ามีหวาดกลัวการผ่าตัดพอสมควร แต่ผมรู้ว่าถ้าให้แลกกับการเป็นหนี้สามล้านบาทขึ้นมาดื้อๆ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว รวมถึงเอกสารการยินยอมให้ผ่าตัด เขาก็เซ็นมันเรียบร้อยไปแล้วด้วย ดังนั้นความลังเลไม่มีผลอะไรอยู่ดี

   หลังจากผ่านการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว หมอให้แม็กม่าไปพักฟื้นที่ห้องนอนเฉพาะกิจในคลินิกตามความต้องการของซูกัส แถมเจ้าตัวยังมานั่งเฝ้าเพื่อนที่ยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบดีทั้งๆ ที่เขาเองก็อุ้ยอ้ายเต็มทน

   “พี่อิฐรู้ไหมครับว่าสมัยเรียนน่ะ แม็กม่าไม่เคยมีแฟนเลย” ซูกัสเอ่ยลอยๆ ขึ้นมา

   “จริงเหรอครับ?” ผมถามกลับไปด้วยใบหน้าว่าแปลกใจ

   “แม็กไม่ได้บอกพี่เหรอครับ?”

   “เอ่อ...พี่ไม่เคยถามหรอกครับ พี่คิดว่าปัจจุบันมันสำคัญกว่าอดีต”

   “ก็จริงนะครับ เพราะเราย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้นได้” เขาหันมามองหน้าผม

   “ครับ...” ผมตอบรับได้แต่นั้น ค่อนข้างอึดอัดพอสมควร เพราะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร ตัวผมเองได้เจอซูกัสไม่บ่อยนัก ดูจากภายนอกแล้วเขาดูเป็นเด็กน้อยร่าเริง อัธยาศัยดี แต่พอมานึกดูดีๆ จากท่าทีเกรงๆ ของหมอก็พอจะเดาได้ว่าซูกัสคงขี้งอนและเอาแต่ใจพอสมควรเลยล่ะ

   “คือที่จริงแล้วผมอยากจะเล่าเรื่องของแม็กให้พี่อิฐฟังบ้างน่ะครับ เพราะแม็กน่ะเป็นพวกไม่ค่อยพูด และผมก็เดาเอาว่าพี่อิฐก็คงมีนิสัยไม่ค่อยชอบถามเหมือนกัน”

   ผมเผลอหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะคาดเดาอะไรถูกแบบนั้น แต่จะว่าไปก็ยกเว้นในกรณีของแม็กม่าตรงที่ว่า ผมสอบถามข้อมูลครอบครัวเขามาบ้างพอสมควรนะ!

   “ตอนสมัยเรียนผมหวงแม็กมากไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งเพื่อนไป ก็เลยยึดเค้าไว้ไม่ให้มาจีบจนคนอื่นๆ เข้าใจว่าเราเป็นแฟนกันจริงๆ เพราะงั้นเขาถึงโสดมาตลอด”

   “ถ้าคบกันจริงๆ คงเป็นคู่ที่น่ารักนะครับ แต่คงตกลงกันลำบากแย่เลยว่าใครจะรุกใครจะรับ” ผมออกความเห็นอย่างนึกสนุก เมื่อจินตนาการถึงเวลาที่แม็กม่ากับซูกัสอยู่ด้วยกัน ต่างก็เป็นคนตัวเล็กน่ารัก แต่ซูกัสจะหน้าออกหวานกว่าแม็กม่า ส่วนแม็กม่านั้นเป็นพวกหน้าเดียวตลอด คือเฉยชาบึ้งตึงและแสดงอารมณ์ผ่านดวงตาเป็นหลัก

   “นั่นสินะครับ นั่นก็คงเป็นปัญหาเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือเราไม่ได้ชอบกันแบบคนรัก แต่รักกันแบบเพื่อน แต่ตอนนั้นผมเห็นแก่ตัวมากเกินไปที่ไม่ยอมให้เค้ามีใครอื่นเลย... แต่พอผมได้เจอกับหมอ ผมกลับไม่ลังเลเลยที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อคว้าเขาเอาไว้ จนสุดท้ายแล้วจนถึงตอนนี้ที่ผมมีครอบครัวที่แสนสุข แต่แม็กม่าก็ยังไม่มีใคร ผมจึงเพิ่งรู้ตัวว่าผมได้ขโมยช่วงเวลาดีๆ ของแม็กมานานแสนนาน...”

   “อย่าคิดมากเลยครับ ความจริงแล้วพี่ควรจะขอบคุณซูกัสนะ เพราะถ้าหากแม็กมีคนรักไปซะก่อนก็คงไม่ได้พบกับพี่จริงไหมล่ะ?” ผมบอกเขาไปอย่างประจบประแจงตามบทบาทคนรักที่ได้รับอยู่

   “เพราะอย่างงี้น่ะสิ ..........” เขาพึมพำบางอย่างในลำคอที่ผมฟังไม่ค่อยถนัดนัก

   “อะไรนะครับ?”

   “ผมจะบอกว่าผมดีใจนะที่แม็กม่าได้พบผู้ชายดีๆ อย่างพี่ และผมคาดหวังว่าพี่จะดูแลเพื่อนผมอย่างดีที่สุด” ซูกัสมองกลับมาด้วยแววตาที่จริงจังคาดคั้นจนผมเผลอลอบกลืนน้ำลาย

   “แน่นอนครับ ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ” ผมฝืนยิ้ม พยายามตอบอย่างเอาใจ อีกฝ่ายจึงคลี่ยิ้มหวานออก

   “ลูกผู้ชาย ถ้าสัญญาแล้วต้องทำให้ได้นะครับ...  ถ้าผิดสัญญา ผมจะไม่มีวันยกโทษให้คุณเลย”

   ทำไมผมรู้สึกว่าซูกัสค่อนข้างดุดันในน้ำเสียงราวกับมีเรื่องไม่พอใจอะไรผมบางอย่าง จนผมอดสงสัยมิได้ว่าเขาอาจจะรู้แล้วว่าผมโกหก แต่เมื่อคิดอีกทีก็คิดว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเขารู้จริงๆ ทำไมถึงไม่พูดออกมาตรงๆ กันล่ะ

   บางทีซูกัสอาจจะแค่ขู่ผมเพราะความรักและเป็นห่วงเพื่อน และเพราะสรรพนามที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปจึงทำให้ผมคิดมากไปเองก็เป็นได้...

++++++++++

ดราม่ามากไหม??

ตอบเลยว่ามากกกกก

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องซูกัสอาจะได้โกรธ และไม่ยกโทษให้คุณอิฐตลอดชีวิตแน่ๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :serius2:  มาม่าจะเริ่มตอนไหนนะ  :mew5:

เราเป็นแม๊กม่าคงเริ่มสะสมความเครียดตั้งแต่รู้ตัวว่าโดนหลอกทำสัญญาแล้ว

ออฟไลน์ LapiN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอนะคะ สงสารแมกม่า โดนหลอกให้เซ็นสัญญา

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :sad11: :sad11: :sad11:  สงสารแม๊กม่า รอออออออ

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ดราม่าคงจะหนักขึ้นเรื่อยๆสินะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มาม่าตั้งกะเพิ่งเริ่มเรื่องเลยอ่ะ :sad11:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
นี่อะ มาม่าแล้วคนเขียนนน ความรักกับเม็ดเงิน เห้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ่อยยย!! ต้องตาม ชอบนักเรื่องที่ทำให้จิตตก น้ำตาแตกเนี่ย

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-7-

   -แม็กม่า-

   
   การผ่าตัดฝังมดลูกนรกแตกสร้างความทุกข์ทรมานให้ผมไปนานนับเดือน จนบางทีผมก็นึกเสียใจนะที่ว่าง่ายยอมรับข้อเสนอและทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี เพราะถ้าผมหน้ามึนไม่สนใจหนี้ 3 ล้านบาทนั่นแล้วหนีไปพร้อมกับเงินในธนาคารเกือบห้าแสนก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า หรือหน้าด้านหน้าทนอยู่บ้านลุงแกต่อไปเฉยๆ ก็ยังได้ คนไม่ตายหนี้ไม่สูญ เขาจะทำอะไรผมได้ล่ะ? ยิ่งเป็นคนหน้าใหญ่กลัวเสียหน้าอย่างนั่นน่ะเหรอจะฟ้องร้องเรื่องเล็กๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้? จะให้ลงไม้ลงมือเอาปืนมาขู่ผมยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ซูกัสกับหมอคงไม่ยอมแน่! ต้องโทษที่ผมมันโง่เพิ่งมานึกถึงหลักความจริงเอาตอนนี้แหละ ตอนที่มีสิ่งแปลกปลอมยัดเข้ามาในร่างกายตัวเองเสียแล้ว... ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผมหนีไปไหนไม่รอดจนกว่าจะหาวิธีกำจัดมันออกไปจากร่างกายซะ ไม่อย่างนั้น ผมคงรู้สึกว่าตัวเองมีเนื้องอกก้อนมหึมาอยู่ในช่องท้อง รอวันที่มันจะแผลงฤทธิ์แล้วฆาตกรรมผมโดยไม่รู้ตัวเข้าสักวัน!

   แต่ถ้าผมเปลี่ยนใจล้มเลิกทุกอย่างเอาตอนนี้โดยการบอกความจริงกับซูกัสล่ะก็ เรื่องก็จะเปลี่ยนไปอีกอย่างนึงเลย แต่ความคิดนั้นก็เป็นอันพับไปเมื่อโทรศัพท์มือถือส่งข้อความมาบอกว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชีเพิ่มอีกสองแสนบาท อันเป็นเงินเดือนที่พึงได้รับตามสัญญาจ้าง... ความเจ็บปวดมากมายค่อยลดลงประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และผมมีเวลาพักฟื้นนานเกือบหกเดือน เท่ากับผมถูกจ้างหนึ่งล้านสองแสนเพื่อแลกกับอภิมหาความเจ็บทั้งหมด หักกลบลบกันแล้วก็พอถูไถ ไม่ขาดทุนเท่าไรนะ! ไหนๆ ก็เจ็บไปแล้วจะให้มาเจ็บซ้ำทันทีแถมไม่ได้อะไรเพิ่มผมว่าโง่หนักกว่าเดิมสิไม่ว่า ผมเลยเลือกที่จะนอนเฉยๆ นับวันเวลาให้ยอดเงินจำนวนนั้นโอนเข้ามาเรื่อยๆ ทุกเดือนจะดีกว่า...

   นอกเหนือจากบ้านและรถประจำตำแหน่งที่ว่าแล้ว คุณอิฐยังจ้างแม่บ้านมาอยู่กับผมด้วยคนหนึ่งชื่อกุ้ง ด้วยสาเหตุที่ว่า แม้ผมจะออกจากคลินิกได้แล้วก็ตามแต่บาดแผลผ่าตัดก็ยังไม่หายดี ไม่สมควรทำงานหนัก งานเบา งานจิปาฐะใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมกลับมองในแง่ร้ายว่าคุณอิฐอาจจะแค่อยากหาสปายมาสอดส่องผมไว้ตลอด เผื่อว่าผมเปลี่ยนใจหนีไปจะได้ไหวตัวทันก็เป็นได้! แต่จะด้วยเหตุผลแง่ดีหรือร้ายก็ตามผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะผมไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่แล้ว แถมยังรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นด้วยซ้ำที่มีคนมาช่วยทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้กิน ดูแลหยิบจับนั่นนี่เหมือนลูกคุณหนูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เก๋ไก๋ใช่เล่นเลยคุณเอ๋ย

   หลังจากนั้นอีกสองเดือนกว่าๆ ซูกัสก็คลอดเด็กแฝดชายออกมาได้สำเร็จ แต่ลูกทั้งสองคลอดก่อนกำหนดจึงต้องอยู่ในตู้อบตลอด จนซูกัสกับหมอไม่ได้กลับบ้านกลับช่องกันเลย พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่คลินิกตลอดเวลาราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง นั่นถือเป็นโชคดีของผมที่ซูกัสมัวแต่ห่วงใยลูกจึงไม่มีเวลามาสังเกตสังกาชีวิตส่วนตัวของผม ไม่อย่างนั้นเขาคงหาเรื่องบ่นคุณอิฐไม่เว้นแต่ละวันแน่ ถ้ารู้ว่าลุงแกหายสาบสูญไปจากชีวิตผมนานหลายเดือนแล้วแบบนี้!
   

++++++++++


   ครึ่งปี (หลังฝังมดลูกเทียม) ผ่านไป ไวกว่าโกหก! อันที่จริงแผลผ่าตัดดีขึ้นมากตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพราะหมอติดเคสลูกแฝดของเขา จึงบอกให้รอไปจนกว่าสองแฝดจะแข็งแรงและ “ครอบครัวของกิน” สามารถอัปเปหิตัวเองออกจากคลินิกให้ได้เสียก่อน ซึ่งก็คือตอนนี้...

   ถึงเวลาอันสมควรแล้วล่ะที่ในท้องของผมมันจะมีเลือดเนื้ออีกก้อนเข้ามาอยู่และเติบโตขึ้นตามกาลเวลา ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็ดีไป แต่ถ้าผมไม่โชคดีอย่างซูกัสล่ะ... คิดแล้วมันก็น่าสยองเหมือนกันนะเนี่ย! 

   “ขอถามครั้งสุดท้ายนะ แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้...”

   “หมอถามผมครั้งที่พันแล้วครับ” ในความกังวลผมก็ยังดื้อด้าน ไม่ฟังคำคัดค้านของหมออยู่ดี

   “ถ้าหากเธอถูกบังคับหรือไม่เต็มใจล่ะก็นะ...”

   “ผมเต็มใจครับ” ผมตอบกลับแทบจะทันที ผมไม่อยากฟังหมอพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว... “ถ้าหากหมอสงสัยว่าผมตกลงง่ายๆ ได้ยังไง ผมก็ตอบง่ายๆ เลยว่าเพราะค่าตอบแทนที่ผมได้รับ มันคือสิ่งที่ผมไม่สามารถจะหาได้ด้วยวิธีอื่น ในเวลาสั้นๆ ขนาดนี้ ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงและไม่ดี... แต่มันก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครไม่ใช่เหรอครับ?” ผมพยายามอธิบายและผมเห็นแววตาตำหนิมากมายในดวงตาเขา

   “เธอทำให้หมอรู้สึกแย่ ถ้าซูกัสรู้ความจริง...”

   “หมอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ หมอพยายามแล้วที่จะห้ามเรา แต่...”

   “ผิดสิ เพราะหมอยืนกรานว่าจะไม่ช่วยอิฐ เขาเลยดึงเธอมาเกี่ยว และหมอก็ไม่ยอมบอกความจริงซูกัสไปตั้งแต่แรกเพราะหมอไม่อยากให้เค้าเครียด แต่ถึงหมอจะยอมช่วยเธอเพราะตามใจซูกัส แต่ความจริงถ้าเธอเป็นคนอื่นไปเลยก็คงดี ซูกัสจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอทีหลัง”

   “ทำไมล่ะครับ? ขนาดซูกัสมีลูกแฝดเค้ายังรอดปลอดภัย แล้วทำไมถ้าผมท้องบ้างถึงน่าเป็นห่วงล่ะครับ?”

   “คงไม่ห่วงเรื่องท้องหรอก แต่ห่วงเรื่องอื่นมากกว่า”

   “หือ?” ผมส่งเสียงสูงในลำคอเป็นเชิงไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรไปมากว่านั้น ประตูห้องตรวจก็เปิดออกเสียก่อน ผมกับหมอจึงเลิกคุยกันแล้วหันไปหาคุณอิฐที่เดินถือกระปุกบางอย่างเดินเข้ามา

   “ได้แล้วหมอ..” คุณอิฐเอ่ยสั้นๆ กับหมอว่าน หมอมองเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนทุกครั้งที่เราสองคนพากันมาหา

   “จะถามครั้งสุดท้ายนะว่าแน่ใจแล้วจริงๆ?” หมอหันไปถามคุณอิฐซ้ำอีก

   “จนถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอีกเหรอหมอ?” คุณอิฐพูดแล้วหัวเราะ

   “ต้องถามสิ เพราะถ้าฝังตัวอ่อนลงไปแล้วล่ะก็... หมอก็ถือว่าเขามีชีวิตแล้วนะ ต่อให้หมอจะไม่สนับสนุน แต่จะมาเปลี่ยนใจบอกจะทำแท้งทีหลังหมอก็ไม่ทำให้หรอกนะ”

   “รู้แล้วน่า ผมมีลูกเพราะอยากมี ไม่ได้จับฉลากให้ต้องมีซะหน่อยนะหมอ”

   “แล้วนี่สรุปว่าบีทรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง?”

   “ก็กำลังจะบอก...”

   “เห็นพูดแบบนี้มากี่รอบแล้ว...”

   “เอาน่าหมอ เรื่องนั้นเดี๋ยวผมก็จัดการเองแหละ หมอไม่ต้องสนใจหรอก เอาแค่เรื่องนี้ก่อนน่า”

   “เฮ้อ... ช่างเถอะ ในเมื่อเตือนแล้วก็ไม่มีใครฟัง ถ้ามีปัญหาอะไรทีหลังก็อย่ามาปรึกษาก็แล้วกัน ใครเรียนผูกก็เรียนแก้กันเองนะ” หมอบ่นยาวยืดเดินสวนผมไปคว้ากล่องใสบรรจุของเหลวในมือคุณอิฐแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง ปล่อยให้ผมกับคุณอิฐอยู่ในห้องกันตามลำพังแล้วต่างคนเหมือนคนใบ้ ไม่รู้จะคุยอะไรกันดี...

   “เธอเห็นลูกของหมอกับซูกัสหรือยัง?” ว้าว! ถือเป็นหัวข้อสนทนาที่บันเจิดดีจริง!

   “เห็นแล้วครับ น่ารักมากเลย”

   “ต้องบอกว่าน่าเกลียดสิ โบราณเค้าถือ...” ที่ว่าโบราณนี่หมายถึงคุณอิฐคนเดียวใช่ไหม? ผมนึกค่อนขอดได้แค่เพียงในใจ แต่ผมไม่กล้าต่อปากต่อคำกับนายจ้างหรอกนะ

   “ครับ น่าเกลียดก็น่าเกลียด แต่ดูเป็นฝาแฝดที่คล้ายกันเหมือนพี่น้อง แต่ก็ไม่เหมือนกันเป๊ะเหมือนแฝดคู่อื่นเท่าไรนะครับ”

   “ก็แฝดคนละไข่นี่นา โชคดีที่หมอได้ไข่ของพี่สาวซูกัสมา เลยออกมาคล้ายๆ หมอกับซูกัสรวมๆ กัน”

   “นั่นสิครับ” ผมเห็นด้วย เพราะหมอก็ไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างล่ำสันอะไร ดูสำอางหยิบหย่งด้วยซ้ำ ส่วนซูกัสก็เป็นผู้ชายหน้าหวาน เด็กแฝดลูกหมอกับซูกัสก็เลยผิวขาว แก้มยุ้ย น่ากินแต่เด็ก!

   “แต่ผู้หญิงที่ฉันได้รับบริจาคไข่มาน่ะหน้าไม่เหมือนเธอหรอกนะ แต่ก็อาจจะดีก็ได้ พอคลอดออกมาเธอจะได้ไม่ผูกพันมาก”

   “ครับ...” ผมตอบรับไปอย่างงั้นเองด้วยความรู้สึกที่ถูกทำให้อึดอัดขึ้นมาเฉยๆ สำหรับคุณอิฐ ผมก็เป็นแค่ภาชนะห่อหุ้มตัวลูกของเขาเท่านั้นแหละ แต่สำหรับผมจะมองเห็นเด็กคนนั้นเป็นอะไรได้นอกจาก “ลูก”

   แล้วจะเป็นไปได้เหรอ? ที่จะไม่ผูกพัน

   “ถ้าผมคลอดแล้ว... จะแวะมาหาเขาบ้างได้ไหมครับ ในฐานะคนรู้จักของคุณก็ได้” ผมหันไปยื่นคำขอ อีกฝ่ายหันมามองผมด้วยสีหน้าเหมือนไม่ไว้วางใจ

   “อือ... ก็ได้ ถ้าเธอคิดถึงเขาน่ะจะมาหาเมื่อไรก็ได้ แต่เธอคงไม่ทำความยุ่งยากอะไรให้ฉันหรอกนะ”

   “อย่าระแวงอย่างนั้นสิครับ เราต่างก็รู้กันอยู่ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กคนนั้นทางสายเลือด แน่นอนว่าถึงผมจะบอกความจริงเค้าไปว่าผมอุ้มท้องเค้า แต่ถ้าคุณที่เป็นพ่อแท้ๆ ปฏิเสธ เขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ”

   “อือ...งั้นก็ตามนั้นแหละ”

   
   หลังจากนั้นอีกสามสัปดาห์ผมก็ท้องครับ! แต่ในตอนนี้ผมยังไม่มีอาการแพ้ท้องอะไรเลย คุณอิฐที่ทราบว่าผมท้องแล้วนอกจากกำชับว่าให้พี่กุ้งดูแลผมให้ดี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษ เขาไม่ได้เห่อลูกอะไรนักหนา ผมคิดเอาว่าเพราะผมไม่ใช่คนรักของเขาก็เป็นได้ทำให้ความห่วงใยถูกลดทอนลงไปครึ่งหนึ่ง คนไม่ได้รักกันจะให้มาคอยห่วงใยดูแลตั้งแต่ยังไม่มีอาการแพ้ท้องก็คงไม่ใช่ เรื่องนี้ผมเข้าใจดี แล้วก็ไม่รู้สึกนึกน้อยใจอยากให้เขามาสนด้วย แต่น่าเสียดายที่ซูกัสไม่เข้าใจ!

   วันดีคืนดีซูกัสโผล่มาเซอร์ไพรส์ผมเอาซะดึก เกือบสามทุ่มผมและพี่กุ้งเปิดบ้านต้อนรับซูกัสและหมอที่อุ้มเอาทารกคนหนึ่งเข้ามาในบ้าน

   “อ้าวแล้วลูกหายไปไหนคนนึง?”

   “อยู่บ้านกัส ทั้งพ่อแม่กับพี่แคนดี้บอกว่ากลัวจะเหนื่อยเลยจะช่วยเลี้ยงให้ แต่ที่จริงรู้หรอกว่าเห่อหลานกันทั้งบ้าน”

   “อ้อ...” ผมพยักหน้ารับรู้

   “แล้วคุณอิฐไม่อยู่เหรอ?” ผมชะงัก เหงื่อตกเมื่อซูกัสเอ่ยถามพลางสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว

   “พี่กุ้งครับ ขอเนๆมารับแขกหน่อยนะครับ” ผมมรีบหันไปบอกพี่กุ้งระหว่างที่หาข้อแก้ตัวให้เจ้านายอย่างเต็มที่

   “เอ่อ... เห็นว่างานยุ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับดึกหรือว่าไม่กลับเลย” ผมโกหกทันที ทั้งๆ ที่คุณอิฐไม่เคยมาค้างบ้านผมมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

   “ใช้ไม่ได้! มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนท้องอยู่บ้านคนเดียว” ซูกัสโวยวายขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

   “คนเดียวที่ไหน พี่กุ้งก็อยู่” ผมรีบเถียง

   “มันไม่เหมือนกัน... ไม่รู้แหละ โทรตามมาเลย”

   “จะบ้าเหรอ?!” ผมร้องกับคำสั่งอันเอาแต่ใจนั้น แต่พอผมไม่มีทีท่าว่าจะทำตาม ซูกัสก็หันไปไล่บี้เอากับหมอแทน

   “ถ้าแม็กไม่กล้า เดี๋ยวจะให้หมอโทรให้ หมอ!!”

   “ครับๆ ” หมอว่านรับคำเพลียๆ พลางส่งลูกแฝดในอ้อมแขนให้พี่กุ้งช่วยอุ้มให้แล้วจึงสอดมือเข้าไปหยิบมือถือในกระเป๋าออกมา...  ส่วนซูกัสก็คว้าคอผมหลบไปคุยสองต่อสอง

   “จะโทรตามเขามาทำไม รบกวนเปล่าๆ” ผมทักท้วงด้วยน้ำเสียงกังวลใจ

   “รบกวนอะไร นี่ก็เมีย นี่ก็ลูก” คำพูดของซูกัสทำเอาผมติดอ่างไม่รู้จะเถียงยังไงดีเลย

   “ผู้ชายไม่ชอบคนเซ้าซี้กวนใจหรอกซูกัส เดี๋ยวเค้าจะพาลไม่พอใจเอาซะเปล่า...” ผมอธิบายเสียงอ่อน

   “เห็นปกติออกจะขี้บ่น ขี้วีน... ไม่นึกว่าพอมีแฟนเข้าจริงๆ จะใจเย็นเป็นแม่น้ำได้ขนาดนี้! ดึกป่านนี้แล้วนะ ใครที่ไหนเขาจะยังทำงานอยู่ โม้ชัดๆ  รู้ไหมช่วงที่ผู้ชายนอกใจมากที่สุดก็ตอนท้องนี่แหละ”   

   “ฮะ?!” ผมส่งเสียงสูงเมื่อซูกัสเอ่ยถึงเรื่องที่เขาคาดเดาไว้ขึ้นมา

   “แต่การท้องน่ะ มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนอกใจเราได้หรอกนะแม็ก เพราะฉะนั้นห้ามใจดีปล่อยปละละเลยเด็ดขาด” ซูกัสเอ่ยเตือนเสียงเครียด ผมคงนึกขอบใจความหวังดีนั้นมากทีเดียวถ้าหากคุณอิฐเขาเป็นคนรักของผมจริงๆ แต่นี่ไม่ใช่ไง! การแทรกแซงของซูกัสมันจะทำให้กระอักกระอ่วนใจกันไปซะเปล่า

   “คิดมากไปได้น่า ถ้าคุณอิฐเขาไม่มา เขาอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ไม่ได้แปลว่าต้องออกนอกลู่นอกทางไปอย่างเดียวซะหน่อย...” ใช่ ถ้าลุงแกไม่กลับบ้านไปแล้ว... ก็คงอยู่บ้านแฟนตัวจริงอยู่!

   “ถ้าเป็นงั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย แม็กท้องอยู่นะ ต้องกลับมาดูแลสิ!”

   “ซูกัส เรื่องแบบนี้ไว้เรากับคุณอิฐตกลงกันเองดีกว่าว่ะ เราว่ากัสอย่ายุ่งเลยนะ” ผมขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ไม่ยุ่งได้ไงล่ะ เพื่อนทั้งคนนะ!” เขายืนกรานเสียงแข็งทำให้ผมถอนใจออกมา “คุณอิฐเขาสัญญากับกัสไว้แล้วว่าจะดูแลแม็กอย่างดีที่สุดนะ แต่ถ้าดีที่สุดมันแปลว่าปล่อยแม็กทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ กัสว่ามันไม่ใช่อ่ะ แต่ถ้าแม็กไม่กล้าพูดอ่ะ  ไม่ต้องห่วง... เดี๋ยวจะพูดให้เอง!”

   ผมกลืนน้ำลายยากเย็น เมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากเขา อดนึกหนักใจแทนคุณอิฐไม่ได้เลยว่าคงต้องเจอศึกหนักแน่แล้ว! จริงอยู่ เขาอาจจะฉลาดที่บังคับหมอผ่านซูกัส แต่เขาประเมินซูกัสต่ำไป เขาไม่รู้หรอกว่าซูกัสน่ะอาจจะไม่ได้บงการได้แค่หมอ แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะโดนไปด้วย!



++++++++++

เป็นเรื่องที่อ่อยเอื่อยดีจริง 555+


ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แม่ลูกอ่อนนี่ดุใช่มะ อิอิ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าคนรักกำมะลอคงต้องมาใกล้ชิดกันซะแล้ว

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
งานเข้าอิฐละ 55555555555555555555


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอากะนางสิ!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด