Wedding Night
“ถึงบ้านซะที” กนธีคลำบั้นเอวไปมาด้วยความเคล็ดขัดยอก
หลังกลับจากไหว้คุณยาย อินทัชก็พาเที่ยวเสียทั่ว ตะลอนเดินตลอดไม่หยุด เขาเองถึงจะเคยมาน่านครั้งก่อน แต่ก็ไม่ได้มีเวลาสำรวจสถานที่สักเท่าไร ตลอดทั้งวันเลยได้ทัวร์สมใจ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเที่ยววัดไหว้พระมากกว่า
“หนูไม่เหนื่อยเลย” อุ้มที่นั่งผึ่งพุงอยู่ข้างๆยิ้มตาหยี
“จะไปเหนื่อยอะไรล่ะไอ้ตัวดี เมื่อยขึ้นมาก็ร้องให้พี่กุนต์อุ้ม” อินทัชเขกหัวน้อง เขามองตามอ้นที่หายเข้าครัวก่อนจะกลับออกมาพร้อมน้ำเย็นสองแก้ว
“พี่กุนต์ พี่โอ๊ต กินน้ำคร้าบ~” น้องประคองแก้วที่เติมน้ำจนล้นปริ่ม
“โอ้โห..ขอบคุณครับลูกชาย” กนธียิ้มให้ จูบหัวกลมๆแล้วรับมาดื่มแก้กระหาย “แล้วของอ้นล่ะครับ กินกับพี่สิ” เขาป้อนน้ำให้น้องสองคน
“หนูอยากกินชาเขียวเย็นอ่า” อุ้มพึมพำ
“มันมีน้ำตาลนะลูก” เขาหัวเราะ “แต่นานๆกินทีก็เอาเถอะ”
“ชาเขียวเย็นตอนนี้จะมีได้ไงวะ” อินทัชบ่น พาดขากับเตียงไม้พลางกระพือเสื้อไปมาแก้ร้อน “มีน้ำเปล่าก็กินๆไป อย่าเรื่องเยอะ”
น้องอุ้มปากยู่อย่างผิดหวัง ได้แต่ก้มมองน้ำในแก้วท่าทางเศร้าใจ
“อืม..พี่ก็อยากกินเป๊ปซี่เหมือนกัน ไปซื้อด้วยดีกว่า” กนธีเสนอ
พี่คนโตส่ายหัว “น้ำอัดลมมีแก๊ส กัดกระเพาะ กระดูกผุ อ้วนอีก”
“นานๆทีอย่าซีเรียสน่า” เขาดีดหน้าผากคนรัก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฮึบ!”
“จะไปจริงหรือพี่ ทุ่มแล้วนะ” ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ พอหัวค่ำมา ต่างคนก็ต่างปิดบ้านนอนกันหมด ไม่ได้มีแสงสีครึกครื้นรื่นเริงขนาดนั้น
“พี่เห็นตรงหัวโค้งถนนมีร้านของชำ น่าจะยังเปิดอยู่ เดี๋ยวมานะ”
“ผมไปเอง” อินทัชรั้งแขนไว้ “ป่านนี้แล้ว ปล่อยเมียเดินตะลอนๆได้ไง”
“ไอ้โอ๊ต~”
“พี่งับบ้านดีๆก็พอ ฝากดูไอ้แสบสองตัวอาบน้ำหน่อยได้ไหมครับ”
กนธีพยักหน้ารับ ต้อนน้องเข้าห้องน้ำก่อนจะหันไปหยิบเงินให้
“ผมมี..” อินทัชล้วงกระเป๋าแต่แล้วก็ต้องชะงัก “เอ๊ะ..หายไปไหนวะ”
“ก็เงินโอ๊ตอยู่ที่พี่ไง” คนมองหัวเราะ “ไอ้ปลาทองนี่ ใครล่ะที่บอกว่าจะฝากเงินไว้ที่พี่ทั้งหมด เพราะกระเป๋าเงินโอ๊ตก็เป็นกระเป๋าเงินของพี่ด้วย”
เด็กหนุ่มเกาหัวแกรก หัวเราะแห้งๆขึ้นมาแล้วถึงจะแบมือขอ
“มีสักห้าสิบบาทไหมครับ..”
กนธีกลั้นขำแทบแย่ คืนกระเป๋าเงินให้น้องไป “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าเพิ่งรีบเข้าสมาคมพ่อบ้านหน่อยเลย ยังมีเวลาเหลือเฟือ”
“ทีพี่กุนต์ยังให้บัตรเครดิตเสริมผมมาใช้เลย..ผมก็อยากให้บ้างนี่”
“คร้าบๆ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณอินทัชเอาเงินคืนแล้วไปซื้อชาเขียวให้น้องก่อนที่ร้านจะปิดดีไหมครับ พี่เองก็อยากกินเป๊ปซี่มากๆด้วย~”
“ไปแล้วครับผม” รักภรรยาต้องดูแลภรรยา อยากได้อะไรต้องหามาให้ ถึงภรรยาจะอยากกินมาม่าตอนตีหนึ่ง สามีคนนี้ก็จะถ่อไปหาซื้อมาต้มให้จนได้
..เพิ่งผูกข้อมือกันเมื่อเช้า เขาก็ยอมศิโรราบให้หมดแล้ว..
อินทัชก้าวยาวๆไปตามถนนหน้าบ้าน แถวนี้ไม่ได้เปลี่ยวนัก แสงจากเสาไฟส่องสว่าง แค่เงียบไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ก็ยังพอเห็นคนอยู่ประปราย
ลุงร้านของชำกำลังเตรียมเก็บร้าน วันนี้แกเตรียมตัวจะไปธุระต่อในเมืองเลยปิดเร็วกว่าปกติ “อ้าว..เจ้าโอ๊ต จะเอาอะไรหรือเปล่า”
“ชาเขียวขวด เป๊ปซี่ใส่น้ำแข็ง นมสามกล่อง” ของเขากับไอ้อ้นเองแหละ “เอาคาลบี้ห่อใหญ่มาด้วยลุง แล้วก็เอากย.สิบห้ากับซอฟเฟล ยุงดุเป็นบ้า”
“ได้ๆ รอแป๊บ” แกหยิบของท่าทางคล่องแคล่ว “เอาอะไรอีกไหม”
อินทัชชะงักมือที่กำลังจะจ่ายเงิน นิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก็กระซิบถาม
“มีไอ้นั่น..แบบบางเฉียบไหมลุง”
“อะไร..ผ้าอนามัยหรือวะ”
“ปัดโธ่..บ้านผมผู้ชายล้วน เอาผ้าอนามัยไปทำอะไรล่ะ” ร่างสูงขบขัน มองซ้ายมองขวาแล้วยื่นหน้าไปบอก “หมายถึงถุงยางอนามัย..เอาแบบบางสุด”
ลุงร้องอ๋อ ยิ้มเผล่ “แหม..แล้วก็ไม่บอกตรงๆ” แกเปิดตู้กระจก หยิบแว่นมาใส่ พลิกกล่องอ่านด้วยระยะห่างเป็นศอก “อันนี้ใช้ได้ไหมวะ”
อินทัชอ่าน..เซนเซชั่น แล้วส่ายหัว “พิสดารไป ไม่เอาหรอกลุง เดี๋ยวถูกแฟนโกรธ” เขารับอีกกล่องที่ลุงยื่นให้ “เฟเธอร์ไลท์ อัลติมา..เออ! ใช่เลย”
ลุงพยักหน้าหงึกหงัก จิ้มเครื่องคิดเลขคิดเงิน “จะไปแอ่วสาวที่ไหนล่ะ”
“จะไปที่ไหนได้..อย่างผมก็มีแต่ที่บ้านเท่านั้นแหละ” เขายิ้ม จ่ายเงินให้แล้วคว้าถุงของ “ขอบคุณมากครับ ผมไปล่ะ..ปล่อยแฟนรอนานไม่ดี”
ลุงงุนงง “ไอ้โอ๊ตมาจากกรุงเทพครั้งนี้ พาแฟนมาบ้านด้วยหรือวะ”
..ว่าแต่..บ้านมันเป็นชายล้วนไม่ใช่หรือไง..
ตอนที่อินทัชกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นคุณกนธีนั่งเป่าผมให้ไอ้อ้นอยู่บนเตียงไม้ของยาย ไอ้เด็กแสบคนกลางหลับตาพริ้ม เงยหัวพิงอกพี่กุนต์ไว้ตอนถูกสางผมเบาๆ ส่วนไอ้อุ้ม..ไอ้เด็กอ้วนที่งอแงจะกินชาเขียวกำลังนอนขดตัวเป็นลูกฟุตบอล หลับอุตุอยู่ด้านข้าง มือหนึ่งกำชายเสื้อผู้ใหญ่ข้างตัวไว้ไม่ปล่อย
เป็นภาพที่ต่อให้หัวใจเย็นชาแค่ไหนก็คงจะต้องหลุดยิ้มออกมา
“ไอ้ลิงหลับไปแล้ว งั้นชาเขียวนี่ผมกินเองแล้วกัน”
“ชา!” น้องอุ้มละเมอเงียมๆ “เขียว..ของ..หนู”
“เก็บไว้ให้เถอะ เดี๋ยวใจเด็กน้อยจะสลายเอา” กนธีหัวเราะ รับเป๊ปซี่ถุงมาจากน้อง “กินด้วยกันไหมพี่โอ๊ต..หรือว่าไม่ชอบน้ำอัดลม”
“ของพี่คนเดียวนั่นแหละครับ” เขาพูดยิ้มๆ ผละไปวางถุงของในตะกร้า
“อ้นง่วงหรือยังครับ พี่กุนต์พาไปนอนไหม” กนธีก้มลงถามน้อง
อ้นขยี้ตายิก “ง่วงแล้วครับ”
“ป่ะ..พี่พาขึ้นบ้าน” เขาจูงมือเด็กน้อยที่ตาแทบจะปรือไม่ขึ้น “พี่โอ๊ตช่วยพาน้องอุ้มตามมาหน่อย พี่ดูอ้นให้ เดี๋ยวงัวเงียร่วงบันได”
อินทัชส่ายหัวระอาไอ้อ้วนตัวดี เขาอุ้มมันพาดบ่า ไอ้แสบหลับคอพับคออ่อน น้ำลายยืดย้อยเปียกเสื้อเขาหมด ส่วนพี่กุนต์พาไอ้อ้นเดินนำ จูงมันเข้าห้องแล้วจัดเตียงให้ ปัดผ้าปู ตบหมอนให้เสร็จสรรพ ดูแลดียิ่งกว่าพ่อเสียอีก
“พี่กุนต์คร้าบ” อ้นเรียกคนที่ห่มผ้าให้ “พรุ่งนี้ไปเที่ยวตลาดนัดกันน้า”
กนธียิ้มรับ หอมหัวเหม่ง “ได้เลยสุดหล่อ ฝันดี เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
อินทัชประคองไอ้อุ้มลงนอนด้านข้าง มันยังละเมอเคี้ยวอากาศจุบจับไปเรื่อย พอห่มผ้าให้แล้ว เขาก็เดินไปสำรวจหน้าต่าง ดึงบานไม้เข้ามาหน่อยเพราะได้ยินเสียงฝนที่เริ่มตกปรอยๆ ถ้าแรงขึ้นจะได้ไม่สาดเข้ามาในห้อง
“พี่กุนต์อาบน้ำหรือยัง” เขางับมุ้งลวดให้แน่นแล้วดึงม่านปิด
“ยังเลย” ชายหนุ่มนวดแขนนวดเอวไปมาไล่ความเมื่อยของทั้งวัน
อินทัชเดินตามหลังกนธีเข้าไปในห้องนอนของพวกเขา
“เหนื่อยสินะครับ ผมใจร้อนเองที่อยากพาเที่ยวให้ทั่ว” ร่างสูงโอบเอวคนรักไว้หลวมๆ นวดคลึงต้นคออีกฝ่าย “พี่ไปอาบน้ำนะ แล้วเดี๋ยวผมนวดให้”
สงสัยคืนนี้คงไม่ได้ตอแยด้วยแน่ๆแล้ว พี่กุนต์ดูล้าขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็คือความผิดของเขานั่นแหละ พาตะลอนทัวร์ด้วยความอยากอวดบ้านเกิด
..อยากให้พี่กุนต์รักเมืองปัว รักน่านเหมือนที่เขารัก..
..แต่จะดีใจที่สุดถ้ารัก ‘หนุ่มน่าน’ มากกว่าอะไรทั้งหมด..
“พี่โอ๊ตน่ารัก” กนธียิ้มกริ่ม หันมาหา “แบบนี้รักตายเลยเนี่ย”
คำยอแบบสั้นๆก็มีผลให้เขาต้องหักห้ามใจตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนกัน
“ก็เป็นซะงี้” เด็กหนุ่มส่ายหัว รั้งแขนคนที่กำลังจะผละออกไว้
“อะไร~ จะอาบน้ำ”
“อาบด้วยกันไหมครับ” เขาแหย่
“ถอยไปเลยๆ มีจุดประสงค์ตลอด” ดันตัวมันออก แต่ใจกลับเต้นตึกตัก
“อะไรกันครับ จุดประสงค์อะไร มองสามีในแง่ร้ายจัง” อินทัชหัวเราะ
กนธีอยากเขกหัวเด็ก ย้ำให้จำได้ว่าน้องมันพูดอะไรเอาไว้เมื่อกลางวัน
..เข้าหอ..คำนี้ยังไม่ลืม..
“ฮื่อ..ยุ่งจริงเลย พี่อยากอาบน้ำ เหงื่อออก ยุงกัด”
“โอเคๆ” อินทัชหัวเราะ “พี่อาบก่อนเลยครับ ผมรอในห้องนะ”
กนธีรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่า ไม่ลืมติดเสื้อยืดกับกางเกงผ้าแพรขายาวที่ใส่เป็นชุดนอนไปด้วย เพราะคงจะอันตรายไม่น้อยถ้ามาใส่ในห้อง
ชายหนุ่มรีบก้าวยาวๆไปทางห้องน้ำ ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น ตกดึกมีฝน อากาศก็ยิ่งเย็น ต้องรีบอาบรีบขึ้น พอแต่งตัวเสร็จกลับเข้ามาในห้องก็เห็นพี่โอ๊ตนอนแผ่อยู่บนเตียง ใบหน้าคมเข้มมีร่องรอยความอ่อนล้าพอๆกัน
บางที..คืนนี้ไม่น่าจะ..ไหว
“พี่โอ๊ต..” เขาเข้ามาเขย่าตัวเรียก “จะอาบน้ำหรือจะซักแห้ง”
อินทัชผงกหัวขึ้นมอง เขาวูบไปนิดหนึ่ง ตอนแรกว่าจะนอนรอ ดันเผลองีบได้ “อาบสิครับ” เขาหัวเราะ “ถ้าผมตัวเหม็น เดี๋ยวเมียไม่ให้นอนกอด”
“ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะไอ้คำนี้น่ะ” กนธีเขกหัวมัน “ไปๆ เดี๋ยวไม่สบาย”
“โอเค” เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ถอดเสื้อผ้าทิ้งต่อหน้าแบบไม่คิดอาย จะมาเขินกันทำไม เห็นกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มีดีก็ต้องอวดให้แฟนเห็น
กนธีกระแอมเบาๆ ไอ้นี่มันทำตัวชีเปลือยยิ่งกว่าน้องชายเสียอีก
“ถ้าจะสระผมก็รีบๆเข้านะ เดี๋ยวพี่เช็ดผมให้” เขาเองก็เพิ่งสระมา
“ได้ครับ อย่าเพิ่งหลับก่อนแล้วกัน” เด็กหนุ่มยิ้ม “นี่คืนเข้าหอ”
ไอ้เด็กเปรต! กนธีหน้าร้อนจัดกับสายตาที่สื่อความหมาย เขานั่งตรงปลายเตียงอย่างเหม่อลอย เช็ดผมไป หมกมุ่นครุ่นคิดไป..ด้วยใจที่เต้นแรง
..เข้าหออะไรของมัน ไอ้เด็กเวร~ ไอ้เด็กไม่รู้จักข่มใจ..
เขาเอาหัวซุกเข่า..ปัดโธ่! รู้สึกหน้าเหมือนจะระเบิด ร้อนอะไรอย่างนี้
อันที่จริงก็มีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว ไม่ควรจะตื่นเต้นเหมือนมือใหม่ แต่คงเป็นเพราะพิธีเรียบง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้งเมื่อเช้า มันทำให้เขากำลังรู้สึกว่าต่อจากนี้ไป ชีวิตที่อยู่ร่วมกันกับน้องจะผูกพันแน่นแฟ้นกว่าที่คาด
เลยพาลมามีอิทธิพลต่อความรู้สึกในคืนนี้ด้วย แบบนี้ล่ะมั้งที่คู่แต่งงานใหม่มักจะใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือไม้เก้กัง ทำอะไรไม่ถูกในคืนแรกของทั้งสอง
ยิ่งคิด ใจยิ่งเต้นแรง โชคดีแล้วที่เขาสุขภาพแข็งแรง หัวใจปกติดี เพราะถ้าต้องตายไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาจะโทษไอ้โอ๊ตคนเดียวเลย!
มีเสียงเปิดประตูห้องน้ำกับเสียงฝีเท้าย่ำไม้กระดานใกล้เข้ามา กนธีหันไปมองทางประตู หัวใจเต้นหนักหน่วงกว่าเก่า ตึกตัก..ตึกตัก
..พวกเรา..แต่งงานกันแล้วสินะ..
กนธีหน้าร้อนวูบ ความสัมพันธ์ที่จริงจัง เขาเรียกว่า ‘สามี ภรรยา’
..ตื่นเต้นจนจะไม่ไหว! เขาจะตายเอาได้นะเนี่ย!..
อินทัชกลับเข้ามาในห้อง เห็นพี่กุนต์เหม่อ ดูตาลอยก็นึกขำ เขานั่งลงด้านข้าง จับผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้ “คุณภรรยาครับ คิดอะไรอยู่”
หน้าอีกคนยิ่งร้อนกว่าเก่าจนไม่กล้าสบตา
“คิดมากเรื่องเข้าหอคืนนี้หรือครับ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ไหน..หันมาหาผม แล้วพูดว่า ‘ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับคุณสามี’ หน่อย”
กนธีส่ายหัวดิก “ฮื่อ! ใครจะพูด”
อินทัชหัวเราะ เช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน “แหย่เล่นครับ” เขายิ้ม ก้มจูบลงบนหัวไหล่ “พูดไม่พูด ผมก็รับฝากพี่ไว้อยู่แล้ว”
กนธีรู้สึกจะตายให้ได้ เขาหายใจติดขัด..แฟนใครน่ารักขนาดนี้
น้องดึงปลายนิ้วเขาไปนวดคลึงก่อนจะยกขึ้นแตะที่ปากร้อนจัด จูบแผ่วพอให้หวามไหว แล้วไม่แตะต้องอะไรไปมากกว่าที่เป็น
“ไหนครับ..คนดี” อินทัชพลิกตัวคนรัก “เมื่อยตรงไหน ผมจะนวดให้”
เขามองน้องที่หันซ้ายขวาหาครีมบรรเทาอาการ รู้ดีว่าหากบอกว่าปวดมือ น้องก็จะนวดมือ ปวดขา น้องก็จะนวดขา ต่อให้ปวดเท้า น้องก็จะนวดเท้าให้
หากว่ากันตามจริงแล้ว อินทัชก็อยู่ในสถานะของคำๆนั้นนั่นแหละ
..เขาควรทำตัวดีๆและให้เกียรติอย่างสมสถานะหน่อย..
“สงสัยจะทิ้งยาไว้ด้านล่าง เดี๋ยวผมลงไปเอามาให้” อินทัชพึมพำ หันมามองคนที่นั่งจ้องเอาๆมาทางเขา “อย่าเพิ่งหลับนะพี่ หัวยังเปียกอยู่เล..”
เด็กหนุ่มชะงักเมื่อกนธีรั้งชายเสื้อเอาไว้
“พี่โอ๊ต..” เสียงนั้นเบาหวิว แรงที่ดึงรั้งตัวเข้าไปหาก็แสนจะเบาหวิว
“เป็นอะไรครับ” เขางุนงง ชะงักเมื่อเจ้าตัวเอนมาหา
“พี่โอ๊ต” กนธีเรียกอีกครั้ง มองตาคนรักที่นั่งลงด้านข้าง ปัดความอาย ยกมืออย่างเก้อเขินแล้วไหว้แบบเก้กังลงบนบ่ากว้างของผู้ชายตรงหน้า
อินทัชถึงกับตกตะลึง
“
ขอฝากตัวด้วยนะครับ..คุณสามี”
เหมือนได้ยินอะไรสักอย่างที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เหมือนมีพลุนับร้อยๆดวงกระหน่ำระเบิดบนท้องฟ้า ดวงตาเขาพร่าเบลอไปหมด นึกแต่ภาพนั้นซ้ำๆ
..นี่คือ..ภรรยาที่ไหว้ฝากตัวกับสามีสินะ!..
อินทัชรู้สึกอิ่มเอมไปทั้งใจ วาบหวาม หวั่นไหว..จนหัวใจเต้นรุนแรง
..รัก!..เขารักผู้ชายคนนี้เหลือเกิน!..
เขาดึงตัวกนธีมากอดไว้แนบอก “คนดีของผม..” สุดที่รัก..รักที่สุด
“ฮื่อ..” คนอายุมากกว่าวางคางเกยบนบ่ากว้าง ลูบหลังน้องเบาๆ
“ให้ตายเถอะ..รู้ไหมว่าตอนนี้ผมอยากทำอะไร”
กนธีส่ายหัว น้องมันผละมามองเขา ดวงตาทอแววรักใคร่ลึกซึ้ง
“ผมอยากกอดพี่ให้แน่นที่สุด” เด็กหนุ่มพึมพำ รั้งเอวอีกฝ่ายให้เอนตัวมาซบ กระซิบเสียงนุ่มข้างหู “อยากจูบพี่ซ้ำๆ..จูบทุกตารางนิ้วบนตัว”
คนฟังหน้าร้อนจัด เจ้าเด็กไม่ประสาวันนั้น กำลังโอ้โลมด้วยคำหวาน
“อยากจะ..” อินทัชแตะปากจูบข้างกกหูแล้วพูดเสียงพร่าต่ำ “ร่วมรักกับพี่จนเช้า..จมอยู่ในตัวของพี่ทั้งวัน..ทั้งคืน กลืนกินให้หมด ไม่ให้ใครได้เห็น”
กนธีเอาหน้าซุกไหล่แข็งแรง หัวใจเต้นรัวด้วยความสุข
“แต่ผมรู้ว่าความรู้สึกของผมมันมากเกินไป ตอนนี้..ผมถึงทำได้แค่บอกรักพี่เท่านั้นเอง” อินทัชกดจมูกลงบนหน้าผาก “รักมากนะครับ..คุณกนธี”
เจ้าของชื่อรู้สึกถึงภาพที่วูบไหว ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ใจเต้นตุบไม่เป็นจังหวะ
อินทัชกอดรัดคนรักของเขาแนบแน่น “ขอบคุณนะครับ..ที่วันนั้นเก็บลูกบาสมาคืนผม แล้วก็ขอบคุณ..ที่ไปหาผมถึงร้าน”
..ขอบคุณทุกอย่าง แม้กับคืนวันที่มืดมน เลวร้าย..
..เพราะมันทำให้เขาได้เจอแสงสว่างของตนเองดวงนี้..
“อือ..” กนธีเอาหัวซุกแผงอกแข็งแรง “ขอบคุณพี่โอ๊ต..ที่เข้ามาในชีวิตพี่เหมือนกันครับ” ขอบคุณที่อดทน ช่วยปลดล็อคความรู้สึกที่คั่งค้าง
ขอบคุณที่ซื่อสัตย์ เอาใจใส่ ห่วงใย ดูแล และซื่อตรงต่อทุกเหตุการณ์
ขอบคุณกระทั่งการปล่อยมือกัน เพื่อตัดสินใจจับจูงกันใหม่ให้แน่นขึ้น
ขอบคุณ..ที่ให้เกียรติ และพยายามเพื่อผู้ชายวัยสี่สิบคนนี้
ขอบคุณ..ที่หยุดหัวใจเอาไว้ที่นี่..ตรงข้างหัวใจเขา
กนธีกอดกระชับแผ่นหลังของน้อง รู้สึกเช่นเดียวกันกับอีกฝ่าย คือรู้ซึ้งถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน สัมผัสได้ถึงรักที่อุ่นอวล มันกำลังถักทอสายใยอันมองไม่เห็น เชื่อมประสานหัวใจของเขาทั้งสองไว้ด้วยกัน แนบแน่น..จนแยกไม่ออก
..ชีวิตที่เหลืออยู่ ได้มีคนสำคัญที่ผูกพันและรักจริง..ก็พอใจมากแล้ว..
“รักพี่โอ๊ตมากเหมือนกันนะ” เขากระซิบ
อินทัชยิ้มบาง รู้สึกใจอ่อนยวบ ไม่อยากทำอะไรนอกจากนั่งกอดพี่กุนต์อยู่อย่างนี้ ปล่อยเวลาไหลเรื่อย คอยฟังเสียงฝนตก..หนาวสั่นแต่มีคนรักให้กอด
..ใครจะมีความสุขเท่าเขาอีก..
สุดท้าย เขาก็ผละจากเจ้าตัวอย่างอ้อยอิ่ง จูบแผ่วเบาบนปากอุ่นร้อน ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของเขาในตอนนี้ก็คือการ ‘นวดให้ภรรยาหายเมื่อย’
“พักเถอะครับ ผมรู้ว่าพี่เหนื่อย คืนนี้ผมไม่ทำอะไรหรอก..”
กนธีเสมองไปทางอื่น นั่นสินะ..นี่มัน ‘คืนแรก’ ของพวกเขานี่นา
“จริงๆคืนแต่งงาน คงไม่มีคู่ไหนได้ใช้เตียงทำอย่างอื่น นอกจากใช้นับซองเงินกับนอนเป็นผักด้วยกันทั้งคู่” อินทัชหัวเราะหึๆ ไล้แก้มกนธีอย่างรักใคร่ “แต่เราไม่มีซองเงิน เพราะงั้นก็เหลือแค่นอนให้เหมือนผักแล้วแหละ”
“ยังไงก็ได้..แล้วแต่พี่โอ๊ต” อีกคนพึมพำ หันไปทางอื่นด้วยใบหูแดงจัด
ฝ่ายที่จ้องมองต้องห้ามตัวเองแทบแย่ หนูกุนต์ของเขาน่ารักเกินไป
“คืนอื่นก็ได้ครับ” อินทัชข่มใจ รวบตัวพี่กุนต์มากอดรัดแล้วกดจูบข้างแก้ม “ยังไงผมก็ยังอยู่ที่เดิม และภรรยาของผมก็ไม่ได้หนีไปไหน”
กนธีอยากเอาหัวทิ่มหมอนแล้วกลั้นหายใจให้รู้แล้วรู้รอด
“ลงไปเอายาได้แล้วพี่โอ๊ต..”
อินทัชหัวเราะร่วน ขืนช้ากว่านี้ ไม่ต้องนวดกันพอดี..คงได้ ‘นาบ’ แทน
“แล้วขึ้นมาให้พี่เช็ดผมด้วย” กนธียิ้ม “พี่ก็อยากดูแลแฟนพี่เหมือนกัน”
..หากสำลักความสุขตายไปตอนนี้ จะไม่เสียดายอะไรเลย..
...........................................................................
สวัสดีจ้า
แวะมาลงตอนพิเศษคร้าบ
ตั้งใจจะลงไว้ 5 ตอนเน้อ ขอฝากไว้ด้วยกั๊มป๋ม
#sinsgreed