.
.
.
พวกเขาถึงโรงเรียนทันเวลาเคารพธงชาติ เด็กน้อยของกนธีวิ่งฉิวไปเข้าแถว ส่วนผู้ปกครองแยกมาอีกทาง ช่วงเช้าจะเป็นการประชุมสาระสำคัญทั่วไป รวมทั้งมีการเลือกตั้งคณะกรรมการและประธานในสมาคมผู้ปกครองเพื่อเอาไว้เป็นสื่อกลางคอยประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือกันอีกต่อหนึ่ง
อินทัชหาวแล้วหาวอีก เขาล่ะโคตรเบื่อเลย ผิดกับลุงกนธีที่นั่งตาแป๋ว ไม่รู้ไปเอาสมุดโน้ตมาจากไหน จดอะไรยิกๆอยู่ได้ กับไอ้แค่ข้อมูลติดต่อ ให้คนเป็นเลขาจดแล้วฟอร์เวิร์ดเมลส่งต่อให้ผู้ปกครองทุกคนก็น่าจะพอแล้ว
“ตื่นตีสามยังอุตส่าห์ถ่างตาฟัง ไม่ง่วงหรือครับ” เขาเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้พี่กุนต์จะตื่นเต้นทำไม ไม่มีใครโหวตให้เจ้าตัวเป็นกรรมการของสมาคมสักเสียง แค่ปรึกษากันเรื่องจะมีงานแฟร์ในโรงเรียน ต้องสนใจจนหูผึ่งเลยหรือ
“เถอะน่า..อยากนอนก็นอนไป พี่จะฟังเขาคุยกัน”
อินทัชหาวรอบที่สิบ แอบบิดขี้เกียจด้วยความเกียจคร้านระหว่างลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้ชายข้างกายที่ดูจะตั้งอกตั้งใจเสียเหลือเกิน
..ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘น่ารัก’ จริงๆ..
หมดจากการประชุมยืดยาวที่แสนน่าเบื่อก็ได้เวลาไปชมการเรียนการสอนที่ห้อง กนธีปิดสมุด เหน็บปากกาไว้ที่กระเป๋าและลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีภูมิใจ เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาพ่อแม่ ถึงจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับสมาคม แต่แค่ได้ให้เบอร์ติดต่อในฐานะผู้ปกครองอีกคนของอ้นกับอุ้ม เขาก็ดีใจมากแล้ว
“ยิ้มหน้าบานเลยนะพี่” อินทัชมองคนที่ก้มจัดเสื้อสูทให้เรียบ
..คนที่ใส่จนเต็มยศมาก็มีแค่พี่กุนต์คนเดียวนี่แหละ..
“ไม่มาเป็นพี่ โอ๊ตไม่รู้หรอก” กนธียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เมื่อกี้มีแม่คนหนึ่งเรียกพี่ว่า ‘คุณพ่อ’ ด้วย ได้ยินไหม ประทับใจมาก”
“โอเคครับ” เขาหัวเราะ “ไปห้องเรียนไอ้อ้นกันพี่ มันคงรอแล้ว”
“ไปๆ” ชายหนุ่มก้าวตามก่อนจะหยุดเดิน “ทำไมพื้นมันไม่เท่ากัน”
อินทัชอมยิ้ม ขยับเข้ามาใกล้แล้วถอดแว่นสายตายาวให้พี่กุนต์
“จริงๆเลยนะ..พี่เนี่ย” เขาพับแว่นเก็บก่อนจะส่งคืน “ถ้าผมไม่อยู่ด้วย พี่จะก้าวพลาดจนกลิ้งตกบันไดไหม” อันนี้มันแว่นอ่านหนังสือ ไม่ได้ใช้มองทาง
กนธีหัวเราะ “คนที่ไปเอาแว่นคุณยายมาใส่ ยังจะพูดดีได้อีกหรือ”
อินทัชเบ้ปาก..นึกแล้วก็อยากดีดหูปาลินจริงๆ
พวกเขาลงจากหอประชุมและไปที่อาคารเรียนด้านหลัง ตอนสิบโมงเป็นงานเกษตร คุณครูเพิ่งจะสอนวิธีเก็บข้าวโพดที่โตเต็มที่แล้ว
“ให้นักเรียนสังเกตสีของไหม มันจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม บางฝักอาจจะยังอ่อนก็ปล่อยไว้ก่อน” คุณครูบอก “วิธีเก็บให้หักตรงก้านฝักที่ติดกับลำต้น”
เด็กชายอัคราดูหลุกหลิกเล็กน้อยเมื่อเหลือบเห็นพี่ชายสองคนเข้ามาดูการเรียนการสอน พี่กุนต์เห็นน้องหันมองก็ชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ
“วันนี้มีผู้ปกครองมาดูพวกเราด้วย เดี๋ยวนักเรียนเอาตะกร้าไปคนละใบ ช่วยกันเก็บข้าวโพดในแปลงเพาะ ชวนคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยก็ได้ เก็บเสร็จแล้วเราจะเอาข้าวโพดมาต้ม ชิมดูซิว่าฝีมือปลูกของพวกเราเป็นยังไงกันบ้าง”
เด็กๆส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับทยอยมารับตะกร้ากับหมวก
อ้นเลียบเคียงเข้ามาหาพี่ๆ น้องมีหมวกใบเดียว ไม่รู้จะให้ใครใส่ดี
“อ้นใส่เลยครับ” กนธีมองอย่างเอ็นดู ตัวน้อยแค่นี้ยังคิดเสียสละให้คนโตกว่าเลย “ไปกันลูกชาย พี่อยากช่วยอ้นเก็บข้าวโพด”
“เย้~ พี่โอ๊ตถือตะกร้า” อ้นเข้ามาจับมือพี่กุนต์ จูงกึ่งลากไปกลางแจ้ง
อินทัชส่ายหัว เขาถูกน้องเมินอย่างสมบูรณ์แบบ หมาหัวเน่าก็งี้แหละ
กนธีเดินผ่านแปลงข้าวโพดที่สูงท่วมหัว บรรดาพ่อแม่เข้ามาช่วยลูกหักฝักที่แก่พอจะกินได้ อ้นกับเพื่อนในกลุ่มอีกสามสี่คนรับผิดชอบแปลงสุดท้าย ดูเหมือนว่าแต่ละต้นจะงอกงามดีและติดฝักแก่ต้นละสองฝัก เก็บพร้อมกันได้เลย
“พี่กุนต์ถอดสูทๆ” อ้นเข้ามากระตุกชายเสื้อ “เดี๋ยวสูทพี่กุนต์เปื้อน ถอดให้อ้นนะ อ้นจะเอาให้พี่โอ๊ตถือ” เด็กชายยิ้มแฉ่งกับไอเดียของตัวเอง
“อ้าว..ไอ้น้องบังเกิดเกล้า” อินทัชผลักหัวไอ้ตัวเตี้ย
กนธีหัวเราะชอบใจ เขาถอดเสื้อนอกแล้วส่งให้คนด้านหลังรับไป ส่วนน้องอ้นก็เข้ามาช่วยพับแขนเสื้อเชิ้ต พี่กุนต์จะได้เก็บข้าวโพดสะดวก
“แบบนี้เนอะ” เขาตั้งอกตั้งใจหักก้านฝักที่อยู่ด้านบนดังป๊อกแล้วส่งต่อให้น้องที่ยืนรอรับ “ใหญ่จัง น่ากินมาก ข้าวโพดอะไรครับเนี่ย”
“ข้าวโพดหวานครับ” อ้นยิ้มตาปิด ส่งต่อให้พี่โอ๊ตที่ยืนถือตะกร้า
“เฮ้ย..ไม่ให้พี่เก็บบ้างหรือไง” อินทัชท้วง เดินตามสองพ่อลูกข้างหน้านี่เหมือนส่วนเกินชอบกล “ไอ้อ้นมาถือบ้างดิ พี่จะหักข้าวโพด อยากเล่นดู”
“ของกินไม่ใช่ของเล่นนะ” กนธีไม่อนุญาต “ตะกร้าก็หนัก ใช้น้องได้ไง”
โอ้โห..เข้าข้างกว่านี้ก็ไม่มีอีกแล้วแหละ
อินทัชเบะปาก คอยรอรับฝักข้าวโพดจากพี่กุนต์กับไอ้อ้น ถึงจะหมั่นไส้ แต่เขาก็อดยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็นพวกนั้นเข้ากันได้ดี พี่กุนต์อ่อนโยนเทียบเท่ากับพ่อคนหนึ่ง ซ้ำยังมากกว่าพ่อแท้ๆของพวกเขาสามคนพี่น้องด้วยซ้ำ
เขาลอบมองกนธีที่เดินจูงมือน้องชายคนกลาง เจ้าเตี้ยอ้นอยากเก็บฝักที่อยู่เลยหัว พี่กุนต์เลยยกตัวขึ้นอุ้มและให้มันเอื้อมหักก้าน ใบหน้าเปื้อนยิ้มทั้งคู่
“อ้นดีใจจังเลยที่วันนี้พี่กุนต์มาด้วย” เด็กชายถูกปล่อยลงยืน พอเห็นว่าตามเสื้อเชิ้ตคนตรงหน้ามีเศษไหมข้าวโพดติดก็ดึงออกให้
กนธีควักผ้าเช็ดหน้าในกางเกงมาเช็ดเหงื่อตรงปลายจมูกน้อยๆของน้อง “พี่ก็ดีใจครับที่อ้นชวนมา” เขายีหัวอ้นอย่างเอ็นดู “เก็บอีกฝักสองฝักแล้วเข้าร่มกันเถอะครับ เดี๋ยวหนูจะไม่สบาย แดดร้อนมากเลย”
“พี่กุนต์เอาหมวกอ้นไหม” เจ้าตัวเล็กเงยหน้ามองคนสูงกว่า
“โธ่..ไม่เป็นไรครับลูก” เขานั่งยองๆ รวบตัวน้องมากอด “ขอบคุณนะ”
อินทัชอ้าปากหาว ดูแลกันเองเสียจนลืมเขาที่ยืนหัวโด่ ผมนี่แทบไหม้เพราะแดดส่องลงกลางกระหม่อม..น่าจับฟัดทั้งคู่จริงๆ
“พี่โอ๊ตร้องไห้ทำไม” กนธีหันมองคนที่เดินตามเนือยๆ
เด็กหนุ่มหัวเราะหึ เหงื่อเข้าตาครับลุง..ไม่ได้ร้องไห้
“อย่าน้อยใจสิ เดี๋ยวถึงคาบเรียนน้องอุ้ม พี่จะให้โอ๊ตกินขนมฝีมืออุ้มคนเดียวเลย รับรองว่าไม่แย่ง” กนธีบอกอย่างใจดี ใจกว้างกว่าเขาก็หายากแล้ว!
“ซาบซึ้งมากพี่” อินทัชน้ำตาจะไหล ให้กินขี้มูกยังง่ายกว่าเลยมั้ง!
เก็บข้าวโพดได้ร่วมสิบฝัก กนธีก็จูงอ้นกลับไปที่อาคารเรียน พ่อแม่คนอื่นกำลังนั่งอยู่กับลูกๆ ช่วยกันแกะเปลือกและไหมข้าวโพดออก เขาเลยเลือกโต๊ะด้านหลังแล้วล้อมวงกับเด็กๆ ตั้งหน้าตั้งตาเลาะเปลือกบ้าง
“ระวังคันนะพี่” อินทัชเตือน “ให้ผมแกะให้ดีกว่าครับ เสื้อเปื้อนหมด”
“ไม่เป็นไรๆ ข้าวโพดของลูกชาย พ่อคนนี้จะแกะเอง”
ร่างสูงกลั้นหัวเราะ พี่กุนต์ดูตั้งใจเอามาก ขนาดไหมติดเต็มตัวยังไม่สน
ลอกเปลือกครบแล้ว อ้นเอาไปล้างน้ำจนสะอาดเอี่ยม คุณครูมีหม้อใบใหญ่ให้ จัดการเติมน้ำครึ่งหนึ่ง ม้วนใบเตยลงไปต้มให้หอม ใส่เกลือกับน้ำตาลอย่างละหนึ่งช้อน พอเดือดเต็มที่ก็แบ่งข้าวโพดลงไปต้มกลุ่มละสองสามฝักพอเป็นพิธี ประมาณห้านาทีก็ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำ กินกันตอนอุ่นๆนั่นเลย
“อร่อย~” กนธีซึ้งใจ “ข้าวโพดที่อ้นของพี่ปลูก..อร่อยกว่าไร่สุวรรณอีก”
เด็กชายได้ยินก็อายม้วนไปตามระเบียบ อินทัชหัวเราะในลำคอ มันก็ข้าวโพดหวานธรรมดานี่แหละ ไม่ได้พิสดารกว่าตรงไหน แต่ที่พี่กุนต์ประทับใจ คงเพราะความรู้สึกดีๆจากการได้กินอาหารของคนที่เรารักล่ะมั้ง
“ขอกินอีกฝักได้หรือเปล่า” กนธีหันมองไปทางหม้อต้มข้าวโพด
“ใจเย็นพี่” อินทัชปราม “ที่เก็บมานี่ เดี๋ยวผมเอากลับไปต้มให้ที่บ้าน”
“เอางั้นก็ได้” เขายิ้มให้น้อง “หลังบ้านมีที่ว่าง อ้นอยากปลูกอะไรเล่นไหม พี่จะให้ลุงคนสวนทำแปลงดินไว้ให้ ปลูกเองเก็บเองกินเอง ภูมิใจเนอะ”
อ้นพยักหน้าหงึกหงักด้วยความตื่นเต้น “อ้นชอบปลูกผักครับ”
“พี่ชอบกินผัก” เขาเช็ดเหงื่อให้น้อง “อยู่ด้วยกันได้นะเนี่ย”
“เดี๋ยว..แล้วผมล่ะ อย่าลืมผมดิ” อินทัชท้วง
กนธีหัวเราะ “หัวล้านอ่ะพี่โอ๊ต” เขาลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นตามตัวก่อนพลิกดูนาฬิกา “อ้าว..ได้เวลาแล้ว พี่ไปหาน้องอุ้มก่อนนะครับเด็กดี”
อ้นตะเบ๊ะรับ เดี๋ยวต้องเรียนต่อด้วย น้องเลยยกมือบ๊ายบาย
กนธียิ้มอ่อนโยน ความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี่ดีจริงๆ
อินทัชเดินตามพี่กุนต์พร้อมกับหิ้วถุงข้าวโพดดิบมาด้วย คาบต่อไปเป็นของน้องอุ้ม ไอ้ตัวแสบมีเรียนวิชาคหกรรม แน่นอนว่าเขาแอบขยาดเล็กน้อย ถ้าให้เลือกระหว่างกินฝีมือไอ้อ้นกับกินฝีมือไอ้อุ้ม เขาขอเป็นไอ้น้องอ้นจะดีกว่า
ตอนที่ไปถึง คุณครูกำลังอธิบายวัตถุดิบและขั้นตอนการทำ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ขนมที่สอนคือหยกมณี เป็นการเอาสาคูลูกเล็กมาต้มกับน้ำใบเตยและน้ำตาล ปั้นเป็นลูกกลมคลุกมะพร้าว เด็กๆทำได้ไม่ยาก แค่ระวังร้อนนิดหน่อย
“ตอนต้ม ครูจะทำให้นะคะ พอเสร็จแล้วนักเรียนก็แบ่งสาคูไปปั้นกับผู้ปกครอง” ครูบอกพลางเอาไม้พายคนน้ำตาลในกระทะทองเหลืองให้ละลาย
น้องอุ้มยกไม้ยกมือหราเมื่อเห็นพี่กุนต์กับพี่โอ๊ต ไม่ได้ฟังที่ครูบอกเลย
“เด็กชายอาศิร มีอะไรสงสัยหรือเปล่าคะ” คนสอนเงยหน้ามอง
อุ้มส่ายหัวดิกก่อนจะก้มกลับลงไปเด็ดใบเตยบนโต๊ะเล่น
กนธีอมยิ้ม เดินตามผู้ปกครองคนอื่นเข้าไปในห้อง รอจังหวะให้ครูเชิญคุณพ่อคุณแม่ถึงจะเข้าไปร่วมด้วย ดูเหมือนว่าสาคูในกระทะจะได้ที่พอดี
“มาแบ่งสาคูใส่ถ้วยกันค่ะ ใช้ช้อนปั้นนะ ทำแบบนี้” เธอสาธิตให้ดู พอได้ลูกกลมก็เอาวางลงบนมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย คลุกให้ทั่วและวางใส่จาน
น้องอุ้มท่าทางกระตือรือร้น เด็กชายรีบเข้าไปต่อแถวเอาสาคูคนแรก จากนั้นก็ถลากลับมาหาพี่กุนต์ หวิดจะล้มหน้าคว่ำไปทีหนึ่ง ดีที่พี่กุนต์รับตัวทัน
“ใจเย็นไอ้เสือ” อินทัชปรามมัน “ขนมไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย”
“ปั้นกับหนูๆ” น้องอุ้มส่งช้อนให้พี่กุนต์กับพี่โอ๊ต
“แล้วอุ้มล่ะครับ” กนธีถามยิ้มๆ ช้อนมีแค่สองคู่เอง
ไอ้ตัวน้อยนิ่งไปพักก่อนจะเอียงคอครุ่นคิด หันไปทางครูก็ดูเหมือนว่าช้อนจะหมดแล้ว น้องเลยได้แต่เกาพุงแกร่กๆ “งั้น..ใช้มือก็ได้ฮะ”
“เฮ้ย! เดี๋ยว..” อินทัชที่กำลังจะส่งช้อนของตัวเองให้ร้องห้ามแต่ไม่ทัน
อุ้มเอาสองมือละเลงลงถ้วยสาคูเต็มเปา “โอ๊ะ..ทำไมหยึบๆ” เด็กชายเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งป้อมสั้นจับสาคูเหนียวหนืดยืดขึ้นมาเป็นยวงใย “อ๊า..ขี้มูก~”
พี่คนโตถอนหายใจพรืด กุมขมับ “พี่จะกินไม่ลงก็เพราะอุ้มนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” กนธีหัวเราะ “เหมือนจริงๆนั่นแหละ..สีเขียวๆหยั่งกะตอนเป็นหวัดมาแล้วหลายวัน เริ่มกรังที่จมูกงี้”
“พี่กุนต์~” เข้ากันได้ก็ดี แต่อย่าเป็นปี่เป็นขลุ่ยนักจะได้ไหม
อุ้มหัวเราะตามไปด้วย แต่พี่กุนต์บอกว่าของกินนี่เราต้องไม่เล่น อุ้มเลยกลับมาสงบเสงี่ยม ตั้งใจปั้นก้อนสาคูโดยให้พี่กุนต์ช่วยตักวางบนฝ่ามือ
“หมุนๆๆ” ตัวเล็กมองเพ่ง “หมุนๆๆๆ”
“หมุนพอแล้วอุ้ม หมุนจนจะเหลวเป็นน้ำแล้ว” อินทัชบอก
“ปั้นๆๆ” กนธีทำตามน้องบ้าง “จงกลม จงกลม จงกลม”
“ยิ่งทำยิ่งเป็นเหลี่ยมนะครับนั่น” เด็กหนุ่มส่ายหัวระอา “บี้แบนหมด”
“ไม่เหลี่ยมนะ พี่กุนต์ปั้นสวยจะตายพี่โอ๊ต” อุ้มเถียงแทน
“ครับๆ..เข้าข้างกันดีจริง” อินทัชหัวเราะหึ
กนธียิ้มขัน เอาช้อนปาดซ้ายป่ายขวาแล้วเขี่ยลงถาดมะพร้าว รูปทรงไม่ค่อยเป็นสับปะรดนักแต่ก็พอไปวัดไปวาได้ เมื่อได้ที่แล้วก็วางในจาน
“หมุนๆๆ” น้องอุ้มยังหมกมุ่นกับสาคูก้อนเดิม “หมุนตรงนี้ก็ได้..”
“หยุดนะไอ้อุ้ม..” อินทัชห้ามแต่ไม่ทันเหมือนเคย
น้องน้อยเอาก้อนสาคูลงไปถูวนกับหน้าขาอวบอ้วนของตัวเอง คราวนี้วนอยู่สองสามครั้งก็กลายเป็นทรงกลมสวยงาม เด็กชายเลยยิ่งได้ใจใหญ่
“กินเองนะ กินเองเลย!” เรื่องนี้พี่ชายจะไม่เสียสละเด็ดขาด!
“ทำไมอ่า..” อุ้มวางสาคูก้อนเด็ดลงในถาด เอานิ้วชี้คีบเส้นมะพร้าวมาแปะทีละเส้นสองเส้นจนทั่วแล้วส่งให้พี่โอ๊ต “หนูตั้งใจทำให้พี่โอ๊ตกินนะ”
กนธีกลั้นหัวเราะแทบแย่ “กินเถอะโอ๊ต ยาธาตุไม่ได้มีไว้ยัดจมูกนะ”
อินทัชมองอย่างหมายมาด “จงใจแกล้งสินะครับ”
“หนูเปล่าแกล้ง” อุ้มทำปากเบ้ “พี่โอ๊ตไม่กิน งั้นหนูให้พี่กุนต์กิน อ้าม..”
“อ้ำ..” กนธีอ้าปากรับหยกมณีลูกแรกในชีวิตของน้องอุ้ม “อื้ม..เยี่ยมๆ”
“เย้~” น้องยิ้มตาหยีใส่ “ลูกต่อไปของพี่โอ๊ตนะ ถ้าไม่กิน หนูงอน”
“ห้ามเอาไปปั้นกับขา” อินทัชยื่นคำขาด “เอาช้อนไปปั้นซะ”
“ก็ได้ๆ” อุ้มทำปากจู๋ “ปั้นกับช้อน ลื่นจังเลย..โอ๊ะ..” ไม่ทันขาดคำ ทั้งช้อนทั้งสาคูก็กระเด็นตกพื้นดังเคร้ง เจ้าตัวน้อยลงไปก้มเก็บแล้วเอากลับมาปั้นต่อ ก็เสียดายนี่นา..กินๆไปเหอะ “วันนี้คุณเชื้อโรคหยุดทำงานหนึ่งวันเพื่อพี่โอ๊ต”
สรุปแบบนี้ก็ได้หรือวะนี่..อินทัชครางในลำคอ
กนธีกลั้นขำจนหูแดง ก่อนที่น้องจะเอาสาคูตกพื้นลงคลุกมะพร้าว เขาก็ปรามไว้ก่อน “คุณเชื้อโรคหยุดงานก็จริง แต่เมื่อกี้น่าจะมีบางตัวกำลังออกมาเที่ยว เพื่อความปลอดภัย หนูปั้นให้พี่โอ๊ตใหม่ดีกว่า เดี๋ยวพี่โอ๊ตจู๊ดๆนะลูก”
“หนูเชื่อพี่กุนต์” อุ้มทำตามอย่างว่าง่าย ควักสาคูมาปั้นใหม่ด้วยฝ่ามือเพราะช้อนร่วงไปแล้ว “อ๊ะ..มดกัดคุณช้าง” บ่นแล้วก็ละมือลงไปเกาในกางเกง
อินทัชน้ำตาจะไหลจริงๆ ไอ้เด็กแสบเกาคุณช้างเสร็จก็กลับมาปั้นต่อ หลุดพ้นจากหยกมณีรสขี้ฝุ่นไม่ทันไร ต้องมากินหยกมณีรสคุณช้างแบบต่อเนื่อง แล้วเขาจะบอกปัดอย่างไรได้นอกจากถามไอ้อุ้มกลับไปว่า..
“วันนี้เข้าไปชิ้งฉ่องแล้วล้างมือหรือยังอุ้ม”
“ล้างแล้วซี” อุ้มบอกอย่างมั่นใจ ทำเอาคนพี่ยิ้มได้ “หรือยังไม่ล้างน้า”
..เอาเถอะ..พี่ชายคนนี้ปลงตกเสียแล้วแหละ..
สรุปว่าวันนั้น กนธีกับอินทัชได้ข้าวโพดหวานฝีมือปลูกของน้องอ้นกับหยกมณีฝีมือปั้นของน้องอุ้มกลับไปที่บ้าน ตามด้วยผลการเรียนที่พี่ชายสองคนดูแล้วชื่นใจสุดๆ เรียกว่าลำดับที่ได้เป็นเลขตัวเดียวของห้องมาทั้งคู่เลย
ระหว่างอยู่บนรถกำลังจะกลับบ้าน อ้นเข้ามาเกาะเบาะหลังและขอ
“ประชุมผู้ปกครองคราวหน้า” เด็กชายอ้อมแอ้ม “อ้นอยากให้พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตมาด้วยกันอีกครับ สัญญากับอ้นได้ไหม”
กนธียิ้มบาง อาศัยจังหวะรถติดชะโงกไปจูบหน้าผากอ้นที่ยื่นหัวมาหา และจุ๊บเลยไปยังน้องอุ้มที่โผล่หน้ามามองอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ได้สิครับ” เขายกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับน้องอ้น
“สัญญากับหนูด้วยฮะ” น้องอุ้มขอบ้าง
“โอเคครับผม” กนธีหัวเราะ “พี่สัญญาว่าต่อให้มีประชุมกี่ครั้ง พี่ก็จะตามไปเป็นผู้ปกครองให้พวกหนูทั้งคู่จนกว่าจะโตเลย แบบนี้ดีไหม..”
“เย้~” อุ้มเอาปากนุ่มนิ่มไปชนแก้มพี่กุนต์ “แต่พูดเฉยๆหนูไม่เชื่อนะ ต้องสัญญาด้วยคุณหยกมณีสิบลูกของหนูด้วย”
อินทัชที่ฟังอยู่นานหัวเราะชอบใจ “หยกมณีรสคุณช้าง”
“พี่โอ๊ตต้องกินด้วย พี่โอ๊ตสูงกว่าพี่กุนต์ต้องกินเจ็ดลูก พี่กุนต์กินสาม”
..อ้าว..งานเข้าคุณอินทัชแบบเต็มๆ..
......................................................................................
เหมือนจะใกล้จบ แต่ก็ยังไม่จบ 5555+ แต่เรื่องนี้ไม่ดราม่านะ อิๆ ถึงมีงอนกันก็เล็กน้อยเท่านั้นนน
อัพแทนวันอาทิตย์จ้า เลิฟฟฟ

ในทวิต ใช้แท็กนี้น้า #sinsgreed