ตอนที่ 28ผมนั่งรอคุณวีร์อยู่ในห้องนอน ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านผมตั้งท่าจะพูดหลายครั้งแต่สุดท้ายก็เสไปพูดเรื่องอื่นแทน
ปุ่นเอ๊ย ถึงไม่บอกคืนนี้พรุ่งนี้พี่ปั้นก็บอกอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นก็รีบจัดการให้มันจบๆ ซะ ผมพยายามปลุกความกล้าขึ้นมา
“ปุ่น ยังไม่นอนอีกเหรอ” คุณวีร์ทักขึ้นเมื่อเข้ามาเห็นว่าผมยังตื่นอยู่
“ยังครับ ผมรอคุณวีร์”
“ขอโทษที วันนี้แทบไม่ได้ทำงาน พี่เลยต้องขนกลับมาทำที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรครับผมรอได้ มีเรื่องอยากคุยกับคุณวีร์ จะอาบน้ำก่อนไหมครับ”
“ก็ดี ปุ่นรอเดี๋ยวนะ พี่ขออาบน้ำก่อน”
“ครับ”
“ไหนว่ามา มีอะไรจะคุยกับพี่” คุณวีร์ลงนั่งบนเตียงข้างๆ ผม
“ผมมีเรื่องบางอย่างจะเล่าให้คุณวีร์ฟังครับ”
“เอาสิ” ผมเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่คุณวีร์ส่งมาให้แล้วอยากเปลี่ยนใจอีกครั้ง แต่ไม่มีเวลาให้ผมหลบเลี่ยงอีกแล้ว
“คุณวีร์ครับ ผม.....”
ผมเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่คุณธรรมพ่อของคุณวีร์ให้คนไปติดต่อพี่ปั้น เล่าถึงเหตุผลที่ทำให้ผมเข้ามา
ทำงานในตำแหน่งเลขา เล่าถึงรูปคุณวีร์ที่ถูกส่งมาครั้งแรกและผมเป็นคนเก็บเอาไว้ เล่าแม้กระทั่งเรื่องที่ผมถูกวางยา
ในงานวันเกิดคุณริวซึ่งผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังแม้แต่พี่ปั้น สุดท้ายผมหยิบกล่องดอกไม้พร้อมการ์ดที่เอาหมอนบังไว้
ส่งให้คุณวีร์พร้อมบอกเรื่องที่พี่ปั้นจะขอเข้าพบในวันพรุ่งนี้
คุณวีร์เปิดซองดึงรูปออกมาดู ตั้งแต่ผมพูดจบจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ยินเสียงคุณวีร์แม้แต่น้อย
ตลอดเวลาที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง รอยยิ้มของคุณวีร์ค่อยๆ จางหายไป จากหน้ายิ้มแย้มกลายเป็นหน้าเรียบตึง
และเย็นชาในที่สุด
“คุณวีร์ผมขอโทษนะครับ ขอโทษที่โกหกขอโทษที่หลอกลวง ผมต้องทำเพื่อความปลอดภัยของคุณวีร์”
“ขอบใจ”
ผมถึงกับผงะ ไม่คิดว่าคุณวีร์จะพูดคำนี้ออกมา
คุณวีร์วางของทั้งหมดลงบนเตียงก่อนลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“คุณวีร์ครับเดี๋ยวก่อน ฟังผมก่อน”
ผมถลาตามไป แต่คุณวีร์ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ประตูที่ปิดลงตรงหน้าดังเหมือนใครกำลังเอาไม้มาฟาดหัวผม
มันมึนงง มันชา ความเจ็บมันวิ่งไปทั่วร่าง ผมตัดสินใจเปิดประตูก้าวตามออกไป เห็นเพียงหลังคุณวีร์เลี้ยวเข้าห้องทำงาน
“คุณวีร์ครับ” ผมเคาะเรียกเบาๆ ไม่มีเสียงตอบรับจากภายใน
“คุณวีร์”
“ปุ่นไปนอนเถอะ”
ผมชะงักมือที่กำลังเคาะ พยายามบอกตัวเองว่าให้เวลาคุณวีร์สักนิด คุณวีร์เพิ่งรู้เรื่องคงโกรธมาก
พอใจเย็นลงผมจะขอโทษเขาอีกครั้ง
เรารักกัน ต้องเชื่อมั่นเอาไว้ปุ่น
ผมกลับมารอที่ห้อง แต่นาฬิกาผ่านไปจนถึงตีสอง ไม่มีแม้แต่วี่แววของคนตัวโตจะกลับเข้ามา
ผมเดินกลับไปที่ห้องทำงานไม่มีแสงไฟลอดออกมาแล้ว เดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่พบ ผมแน่ใจว่าคุณวีร์ไม่ได้ออกไปไหน
เพราะไม่ได้ยินเสียงรถ เลยตัดในใจเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
ผมลองเดินไปยังห้องนอนแขก พอจับลูกบิดก็พบว่ามันถูกล็อคเอาไว้จากด้านใน
คุณวีร์ไม่เคยล็อคห้อง ไม่ว่าจะห้องน้ำหรือห้องนอนตัวเอง ทุกวันนี้ก็มีแต่ผมที่คอยล็อคให้เพราะระวังเรื่องความปลอดภัย
ผมยืนจับลูกบิดเอาไว้อย่างนั้น ไม่กล้าเคาะเรียกไม่รู้ว่าคุณวีร์หลับไปหรือยัง
เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะตื่นมาดักคุณวีร์แต่เช้า ไม่ว่ายังไงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
“คุณวีร์ครับ” ผมรีบเรียกคนที่เปิดประตูห้องออกมา
คุณวีร์ชะงักมองผมที่ปักหลักนั่งรออยู่หน้าห้อง
“ผม..”
“พี่จะไปแต่งตัวไม่มีเวลาฟัง” คุณวีร์เดินผ่านผมไปโดยไม่แยแสสักนิด ต้องโกรธกันมากขนาดนี้เลยหรือ
โกรธหรือเกลียดแผมแล้วกันแน่
ผมลงไปรออยู่ที่รถ พยายามจะเชื่อมั่นว่าผมยังมีโอกาส
คุณวีร์ถือแฟ้มเอกสารติดมาด้วยปึกใหญ่ พอขึ้นรถได้ก็ก้มหน้าก้มตาอ่าน
ผมรอให้เงยหน้าขึ้นมา แต่นอกจากมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อพักสายตาเป็นระยะจนรถเข้าจอดหน้าตึก
ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่คุณวีร์จะหันมามองผม มันจะจบลงเพียงแค่นี้ใช่ไหม
“พี่ปั้น” ผมลุกขึ้นยืน เมื่อพี่ชายผมเดินเข้ามา
“จัดการเรียบร้อยแล้วนะ?” พี่ปั้นถามขึ้นมาก่อนเป็นประโยคแรก
“ครับ น้องบอกคุณวีร์แล้ว”
“เป็นยังไงบ้าง” พี่ปั้นลดเสียงลง เพราะเรื่องผมกับคุณวีร์พี่พรยังไม่ทราบ
“เดี๋ยวค่อยคุยกันครับ คุณวีร์รออยู่ สั่งพี่พรไว้ว่าถ้าพี่ปั้นมาถึงให้เข้าไปเลย”
“อืม”
“ผมเดินนำพี่ปั้นมาที่หน้าประตู เคาะตามมารยาทก่อนเปิดเข้าไป
“พี่ปั้นมาแล้วครับ”
คุณวีร์ลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือมาจับกับพี่ปั้น ผมรอให้ทั้งสองคนนั่งลงก่อนจึงนั่งตาม
“ผมอยากคุยกับปั้นเป็นการส่วนตัว” เสียงของคุณวีร์ทำให้ผมเจ็บราวกับมีใครเอามีดมากระหน่ำแทงซ้ำๆ
พยายามกลั้นน้ำตาที่ไม่ควรไหลเอาไว้ ลุกขึ้นยืน โค้งศีรษะให้เหมือนวันแรกที่เรารู้จักกัน ก่อนถอยออกจากห้องไป
สองชั่วโมงที่ผมไม่มีสมาธิในการทำงานแม้แต่น้อย ผมพยายามเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จ
เผื่อต้องส่งมอบคืนให้กับพี่พร ผมไม่เหลือความมั่นใจแล้วว่ายังมีสิทธิ์นั่งทำงานตรงนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วหลังจากพี่ปั้นคุยกับคุณวีร์แค่สองคน พี่พรก็ได้รับโทรศัพท์ให้เชิญพี่สนิมกับพี่โชคเข้าไป
ไม่มีชื่อมผมรวมอยู่ด้วย การถูกผลักไสจากคนที่เรารักเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด รู้สึกตัวเองไร้ความหมาย เหมือนคนกำลังถูกทิ้ง
“ปุ่น เดี๋ยวเลิกงานแล้วปุ่นกลับเลยนะ พี่จะให้ออโต้ไปส่ง ไม่ต้องรอคุณวีร์”
พี่ปั้นแวะบอกผมที่โต๊ะ เมื่อทั้งหมดออกมาจากห้องรวมทั้งคุณวีร์ด้วย
“พี่ปั้นจะไปไหนครับ”
“พี่นัดกับวินมันไว้ พี่ไปนะ” พี่วินเป็นเพื่อนพี่ปั้นที่ทำงานเป็นสารวัตรหน่วยสืบสวนสอบสวน
“ครับ”
คงมีพี่ปั้นคนเดียวเท่านั้นที่แวะมาหาผมก่อนไป อีกคนเดินนำไปที่ลิฟท์ เดินผ่านราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
ช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตผมมันสั้นไปหรือเปล่า ผมยังอยากให้มันยาวนานออกไปอีกนิด
ยังอยากเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนตัวใหญ่ที่คอยหลอกล่อผมให้ติดกับ รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมา 14ชั่วโมง
“พี่ออโต้ไม่ได้กลับบ้านพี่ปั้นเหรอครับ” ผมแปลกใจที่พี่ออโต้ขับไปทางบ้านของคุณวีร์
“น้องปุ่นพักบ้านคุณสิทธวีร์ไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับก็ใช่ แต่..” ผมนึกว่าคุณวีร์หรือพี่ปั้นคงสั่งให้ส่งผมที่บ้านพี่ปั้น หรือคุณวีร์ไม่ได้พูดเพราะคิดว่าผมจะคิดได้เอง
“น้องปุ่นจะไปบ้านพี่ปั้นเหรอ พี่จะได้เลี้ยวกลับ”
“ไม่ครับ ไม่ต้อง” ก็ดีเหมือนกัน มาอยู่เสียนาน ข้าวของผมมีอยู่เต็มไปหมด ถ้าเจ้าของบ้านเขาไม่อยากเห็นหน้าผม
ขนาดนั้น ก็ควรเก็บของที่จะไปเกะกะลูกตาเขาออกให้หมด
ข้าวของผมส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้องนอนแขก ผมมักจะอาบน้ำแต่งตัวห้องนี้แล้วถึงไปนอนห้องคุณวีร์
ผมเปิดประเป๋าทยอยเก็บเสื้อผ้าลง ขามาผมมาด้วยกระเป๋าใบเดียว ขากลับข้าวของมีมากขึ้น
จนต้องหากล่องมาใส่ ก็ของที่คุณวีร์ซื้อให้ทั้งนั้น
นี่ก็ของคุณวีร์ซื้อ นี่ก็ของคุณวีร์ให้ นี่ตอนคุณวีร์กลัวผมไม่สบาย นี่ที่คุณวีร์บอกว่าเห็นแล้วนึกถึงผม
นี่....
โว้ยย ไม่ไหวแล้ว
ผมปิดฝากระเป๋าลงโครมใหญ่เพื่อระบายอารมณ์ เป็นไงเป็นกัน ผมต้องคุยให้รู้เรื่อง
ผมนั่งรอจนได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา ได้ยินเสียงเดินขึ้นบันได ได้ยินเสียงเดินเข้าห้องนอน
ผมเดินออกจากห้อง มองไปยังประตูห้องนอนที่ผมเคยเข้าออกอยู่ทุกวัน ก่อนหันกลับไปอีกทาง
ผมเดินลงบันไดมาชั้นล่าง เข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมายกซดจนหมดกระป๋อง
เบียร์กระป๋องเดียวไม่ทำให้ผมเมา แต่จะทำให้ผมกล้าขึ้นและบ้าขึ้น
ผมเดินกลับขึ้นไปชั้นบน คิดจะยกมือขึ้นเคาะเรียกแต่เปลี่ยนใจลองบิดลูกบิดพบว่ามันไม่ได้ล็อค
ผมถือวิสาสะเปิดเข้าไป ในห้องว่างเปล่า ได้ยินเสียงน้ำดังออกมา
ผมสูดหายใจยาวๆ เรียกความกล้า บอกตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกลัว ถึงยังไงคุณวีร์ก็เกลียดผมแล้ว
เราคงไม่ได้พบไม่ได้พูดคุยกันอีก มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ถ้าอย่างนั้นผมอยากทำอะไรผมก็จะทำ
ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เสียงน้ำทำให้คุณวีร์ไม่รู้ถึงการมาของผม ผมเดินตรงเข้าไปก่อนพุ่งไปกอดรัดร่างที่เต็มไปด้วย
ครีมอาบน้ำ
“ปุ่น ทำอะไร” คุณวีร์ดูตกใจที่ผมพรวดพราดเข้ามา มือใหญ่จับแขนผมพยายามผลักออก
แต่ผมกอดไว้แน่น ขาเกี่ยวขาคุณวีร์เอาไว้ไม่ให้สลัดผมออกไปได้
“ผมขอโทษ คุณวีร์จะโกรธผมแค่ไหนก็ได้ แต่อย่าเกลียดผมเลยนะครับ”
“ปุ่นออกไปก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน” คุณวีร์ใช้แรงที่มากขึ้นเพื่อปลดแขนผมออก แต่ตอนนี้มีแรงเท่าไหร่
ผมกอดไว้แน่น จะไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหน
“ไม่ เดี๋ยวคุณวีร์เดินหนีผมอีก ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ไม่หนีหรอก พี่คิดจะกลับมาคุยกับปุ่นอยู่แล้ว ออกไปรอข้างนอกเถอะ”
“ไม่ครับ” ผมเลื่อนแขนขึ้นไปล็อคคอเอาไว้ หน้าซุกกับอก ไม่สนว่ามันจะเปื้อนครีมอาบน้ำแค่ไหน
คุณวีร์ถอนใจยาว เอื้อมมือไปปิดน้ำก่อนยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
“ปุ่นอยากคุยอะไรก็ว่ามา แล้วพี่จะคุยบ้าง”
ผมมีโอกาสแล้ว ผมต้องรีบพูดให้หมด ต้องทำให้คุณวีร์เปลี่ยนใจให้ได้ ผมรู้ว่าคุณวีร์จะพูดอะไร
คุณวีร์ต้องขอให้ผมเลิกยุ่ง ต้องคิดจะส่งผมกลับบ้านแน่นอน
“ผมอยากขอโทษคุณวีร์ที่โกหก ขอโทษที่ทำให้คุณวีร์เสียความรู้สึก”
“อืม”
“คุณวีร์โกรธผมมากใช่ไหมครับ”
“ใช่”
ผมที่พกความบ้ามาเต็มขั้นถึงกับสั่น มันกลัวคนในอ้อมแขนจะหลุดหายไป
“ผมรู้ครับ ถ้าเป็นผมก็คงโกรธ แต่คุณวีร์อย่าเกลียดผมเลยนะครับ”
“เพราะอะไรพี่ถึงไม่ควรเกลียดเรา ในเมื่อเราสมควรได้รับ”
“ผม..ผม..” คราวนี้ไม่ใช่แค่ตัวที่สั่น ปากผมสั่นไปหมด พูดแทบไม่รู้เรื่อง
“ว่ายังไงบอกมาสิปุ่นว่าเพราะอะไร”
“เพราะ..”
“เพราะ..เพราะผมรักคุณวีร์” ผมโพล่งออกไปในที่สุด ทุกอย่างที่ผมทำมาจากคำนี้ทั้งนั้น
“จริงหรือ?”
“จริงสิครับ ผมรักคุณวีร์ที่สุด” ผมโน้มคอคนตัวโตลงมา พยายามไล่แตะริมฝีปากไปทั่ว
อยากแสดงออกให้รู้ว่าผมรักมากแค่ไหน
“ปุ่นรักพี่หรือทำเพราะหน้าที่กันแน่ ไม่ใช่ยอมทำทุกอย่างเพราะต้องรักษาความปลอดภัยให้พี่หรือ”
“คุณวีร์ !!”
“ใคร..ใครจะบ้ามีอะไรกับผู้ชายเพราะเรื่องแค่นั้น พูดแบบนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว”
“เมื่อวานปุ่นเป็นคนพูดเองนะ ว่าต้องทำเพื่อความปลอดภัยของพี่”
โว้ย ผมอยากจะทึ้งหัวคุณรองประธานให้ผมหลุดติดมือออกมา ให้สมกับความกวนประสาทที่ผมกำลังเจอ
“ฟังนะครับ ผมอาจจะเข้ามาเพราะหน้าที่ แต่ผมตกหลุมรักคุณวีร์จริงๆ ผมทำเพราะรักคุณวีร์ โครตรักเลย”
ประโยคสุดท้ายผมตะโกนดังลั่นห้องน้ำ มันโมโหครับ โมโหคนพูดไม่รู้เรื่อง
“จริงเหรอ” หมดแล้วครับความอดทนของผม
“ไม่จริง ไม่รัก เกลียดดดดดด”
ผมกระโดดขึ้นล็อคคอ ขาเกี่ยวเอวไว้เป็นลูกลิง รู้ว่าน้ำหนักตัวไม่ใช่น้อย แต่ช่างปะไร ปวดหลังก็เรื่องของคุณรอง
ประธาน
คุณวีร์ใช้สองมือประคองสะโพกผมโดยอัตโนมัติ ผมไม่พูดให้เสียเวลา ปากกดลงไปบนริมฝีปากหนา
ดูดไปมาระหว่างริมฝีปากบนและล่าง พยายามใช้ลิ้นนุ่มสอดแทรกเข้าไปแต่คนตัวโตไม่ยอมให้ความร่วมมือ
จนผมเผลอครางออกมาอย่างขัดใจ
“ทำไมไม่ให้ผมจูบ” ผมผละหน้าออกมาถาม เบียร์กระป๋องเดียวเริ่มทำงานของมันอย่างดี
“พอแสดงตัวออกมาว่าเป็นบอดี้การ์ดชักจะนักเลงนะเรา”
“ใช่เลย ผมมันนักเลง ถ้าคุณวีร์ไม่ยอมผมดีๆ เจอดีแน่”
“หึๆ” คุณวีร์ไม่พูดอะไรต่อ แต่เอื้อมมือไปเปิดน้ำ เดินเข้าไปอยู่ข้างใต้ทั้งๆ ที่มีผมเกาะอยู่
“ลงไปได้แล้ว พี่จะล้างตัว”
“ไม่”
“อย่าดื้อ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวจะไม่สบาย พี่อาบน้ำเสร็จจะตามออกไปคุยด้วย”
ผมกำลังชั่งใจว่าโดนหลอกอยู่หรือเปล่า ไม่ใช่เดี๋ยวกลับไปเย็นชากับผมเหมือนเดิม
“อ๊ะ..” มีบางอย่างสะกิดก้นผม สิ่งที่ทั้งแข็งทั้งนุ่มหยุ่น ผมไม่เคยดีใจที่ได้เจออนาคอนด้าเท่าวันนี้มาก่อน
อย่างน้อยร่างกายคุณวีร์ก็ยังมีปฏิกิริยากับผม มันทนทานผมไม่ได้
ผมปล่อยขาออก จนหล่นตุ๊บลงมายืนข้างหน้า มือเปลี่ยนมาแตะลงไปบนงูยักษ์ตัวเขื่อง
“ให้ผมช่วยนะครับ” ผมช้อนตาขึ้นมอง มือก็เริ่มรูดขึ้นรูดลงช้าๆ
“อย่า” คุณวีร์รีบตะครุบมือผมเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ปากสูดลมหายใจเข้า หน้าขึ้นสี
ผมแอบยิ้ม ดีใจที่มีผลกับคุณรองประธานขนาดนี้
“อยากคุยไม่ใช่เหรอ ถ้าทำแบบนี้มันจะไม่ได้คุยนะ”
“ผมคุยทีหลังก็ได้”
“ปุ่น” คุณวีร์ลงเสียงหนัก คราวนี้ผมยอมปล่อยมือแต่โดยดี สีหน้าคุณวีร์จริงจังเกินกว่าผมจะฝืนต่อได้
“ผมออกไปรอข้างนอกนะครับ”
“ไปเถอะ”
ผมเดินหงอยๆ ออกมา ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ด และหยิบเอาเสื้อคลุมของคุณวีร์มาสวม
ผมลงไปกลิ้งรอบนเตียง รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดๆ อย่างน้อยวันนี้คุณวีร์ก็ยอมคุยกับผมแล้ว
ง่วงจัง เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอน วันนี้ก็เครียดทั้งวัน เหมือนสมองมันอยากปิดสวิตช์
งั้นผมจะพักตาหน่อย เดี๋ยวคุณวีร์ออกมาจะได้มีแรงคุยกัน
“ปุ่น” อืออออ
“ปุ่นตื่นเถอะ” มือที่เขย่าแขนผมทำให้สติผมค่อยๆ กลับมา ก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่ง
“คุณวีร์” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ตาเหลือก ไอ้บ้าปุ่นหลับไปได้ยังไง ถ้าคุณวีร์หนีไปจะทำยังไง
คิดได้ก็พุ่งเข้าไปทับคนที่นั่งอยู่จนล้มไปด้วยกัน
“ปุ่นเบาๆ” เสียงประท้วงมาจากคนที่นอนอยู่ข้างใต้ ผมทั้งกอดรัด ทั้งหนีบ เอามันทุกทางไม่ให้หายไปไหน
“หายโกรธผมเถอะนะครับ ไหนคุณวีร์บอกว่ารักผม ไม่รักแล้วเหรอครับ” ผมทำเสียงอ้อน เอาหน้าคลอเคลียอยู่กับแผงอก
แข็งแรง
“อยากให้หายโกรธต้องทำยังไง”
“จุ๊บ” ผมรีบขยับหน้าขึ้นไปกดจูบเร็วๆ หนึ่งที
“แค่นี้?”
“จ๊วบ” คราวนี้ดูดจนเกิดเสียงออกมา
“ไม่ได้เรื่อง”
โอ้โห ดูถูกกันมากครับ พี่ปุ่นกับเบียร์หนึ่งกระป๋องยอมไม่ได้
ผมแตะริมฝีปากลงบนหน้าผาก ไล้เบาๆ ลงมายังปลายจมูก กัดลงไปนิดๆ พอให้อีกฝ่ายสะดุ้ง ก่อนจรดลงบนริมฝีปากหนา
แตะแต้มลงไปแผ่วเบา ก่อนเพิ่มแรงบดลงไปเป็นหนักหน่วงและเร้าร้อนขึ้น
“อืมม” เสียงครางเบาๆ ของคนตัวโตทำให้ผมรู้ว่าผมก็เก่งใช่เล่น
“ใช้ได้หรือยังครับ”
“หึๆ “ คุณรองประธานเหวี่ยงผมลงนอนข้างๆ มือยังกอดผมเอาไว้ คางกดลงบนศีรษะกลมของผม
“หายโกรธหรือยังครับ” ผมถามซ้ำอีกครั้ง
“ไม่หาย”
“คุณวีร์”
“ไม่หายเพราะไม่เคยโกรธ” คำตอบคุณวีร์ทำเอาผมงงไปหมด
“ไม่โกรธแล้วทำไมถึงเย็นชากับผมนัก อย่า..อย่าบอกว่าคุณวีร์แกล้งเอาคืนผมนะครับ”
ผมร้องโวยวาย โอ้ยเจ็บใจ น่าจะรู้ว่าคุณวีร์ขี้แกล้งแค่ไหน
“ไม่ใช่หรอก” อ้าว ผมเงยหน้ามองคนพูด ชักตามไม่ทัน
“พี่ไม่ได้โกรธ แต่เสียใจที่ปุ่นไม่ได้บอกพี่ตามตรง แล้วพอคิดว่าปุ่นทำทั้งหมดเพราะหน้าที่มันก็รับไม่ได้”
ผมรีบกอดคนตัวใหญ่ให้แน่นขึ้น
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้นเลย ตอนแรกมันอาจจะใช่ แต่พอผมรู้ตัวว่ารักคุณวีร์มันก็ไม่ใช่อีกแล้ว”
“พี่ไม่รู้นี่”
“ผมพยายามคุยกับคุณวีร์แล้ว คุณวีร์ไม่ยอมคุยกับผม แล้วจะให้ผมบอกตอนไหนล่ะครับ”
“รู้ไหมครับว่าเมื่อวานผมเสียใจมากแค่ไหน คิดว่คุณวีร์คงเกลียดผมแล้ว”
“พี่ต่างหากที่เสียใจ พอปุ่นบอกว่าทำเพราะหน้าที่แล้วบอกว่าพรุ่งนี้ปั้นจะมาพบพี่เพื่อเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง
พี่ก็นึกว่าปุ่นจะบอกว่าปุ่นหมดหน้าที่ จะกลับไปไม่อยู่กับพี่แล้ว พี่เลยต้องหลบหน้าปุ่นไม่ให้มีโอกาสได้พูด
กะว่าวันนี้จะรอเจอปั้นก่อน พี่อยากตกลงกับปั้นให้รู้เรื่อง”
“หา?” ผมร้องเสียงหลง ใครจะคิดว่าคุณรองประธานจะมีความคิดประหลาดๆ แบบนี้
“เอาอะไรมาคิด” ผมล่ะปวดใจ ดูความคิดพิลึกนี่สิครับ ทำเอาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับไปเป็นวัน
“เอาหัวนี่แหล่ะคิด” คนตอบเริ่มงอนเมื่อเห็นผมขำความคิดของตัวเอง
“ไม่ไปไหนหรอกครับ ไล่ก็ไม่ไป” ผมพูดเอาใจคนที่ชักจะหน้าบูด (แต่ความจริงถ้าไล่ผมไปนะครับใครจะอยู่)
“พี่ไม่ไล่หรอก ไม่มีทาง”
“ไม่มีทางอะไรกันครับ เมื่อวานทำหน้าเย็นชาใส่ผม อย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน”
“ไม่อยากให้ปุ่นมีโอกาสได้พูดต่อ พี่เลยต้องทำหน้าแบบนั้นไว้”
โอ๊ยยย ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงดี น่ารักก็น่ารักครับ แต่น่าโมโหก็ใช่ อดไม่ไหวเลยก้มลงกัดคอไปที
“แล้วคุยอะไรกับพี่ปั้นครับ”
“พี่บอกปั้นไปตามตรงว่าพี่รักปุ่น ไม่อยากแยกกับปุ่น ถ้าปั้นถอนตัวปุ่นออกก็ขอให้ยกเลิกคำสั่งซะ
พี่จะทำทุกอย่างตามที่ปั้นเสนอแนะ ขออย่างเดียวขอให้พี่ยังได้อยู่กับปุ่นก็พอ”
“คุณวีร์” ผมรักคนๆ นี้และตอนนี้ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก
“ผมรักคุณวีร์นะครับ มากๆๆๆ มากกกกที่สุดเลย”
“จุ๊บ”
“ พี่ก็รักปุ่นครับ อยู่ด้วยกันนะ”
“ครับอยู่ด้วยกัน” ผมนอนซบอยู่กับอกของคุณวีร์ เอามือวนๆ เล่นตรงยอดอก
รับรู้ถึงแรงสะดุ้งของคนที่รับสัมผัส
“ตอนคุยกับพี่ปั้นเสร็จ ทำไมถึงไม่เรียกผมเข้าไปด้วยล่ะครับ เรียกแต่พี่สนิมพี่โชค ผมน้อยใจมากรู้ไหมครับ”
“พี่กับปั้นเห็นตรงกันว่าไม่อยากให้ปุ่นเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“ไม่ให้ผมยุ่งแต่ให้ผมอยู่ด้วย มันขัดกันนะครับ”
“ปุ่นอยู่เป็นคนรักพี่ ไม่ได้อยู่เป็นบอดี้การ์ด ถูกปลดแล้วรู้ตัวหรือเปล่า”
“งะ ได้ไงครับ อยู่ๆ จะมาปลดผมได้ไง”
“ได้สิ ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง มีแต่เรื่องเจ็บตัว ปั้นยังบอกเลยว่าขายหน้า ควรส่งกลับไปเรียนใหม่”
“คุณวีร์ พี่ปั้น จำเอาไว้เลยรวมหัวกันแกล้งผม” ผมหน้าหงิก นี่โกรธจริงๆ นะครับ
“เอาน่า แค่ทำหน้าที่คนรักพี่ให้ดีก็พอแล้ว” เชอะใครอยากจะทำ แต่ผมต้องนิ่งไว้ คิดจะล้างแค้นต้องนิ่ง สงบ
สยบความเคลื่อนไหว
“ผมถามอีกอย่างนะครับ ทำไมคุณวีร์ถึงไม่โกรธล่ะครับ ถ้าเป็นผมคงโกรธมาก”
“ทำไมเหรอ” คุณวีร์ทำท่านึก
“เพราะพี่คิดอยู่แล้วว่าพ่อพี่ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่ มันเป็นเรื่องของความห่วงใยของคนเป็นพ่อ
พี่จะโกรธลงได้ยังไง ตอนแรกยังคิดว่าคราวนี้มาแปลกยอมแพ้ไปง่ายๆ ไม่ใช่พี่ฉลาดไม่ทันพ่อนะ แต่เราน่ะ....”
คุณวีร์ทำเป็นก้มมองผมตาพราว
“ให้ฉลาดแค่ไหน ก็ดูไม่ออกหรอกว่าเป็นบอดี้การ์ด อ้วนกลม ซุ่มซ่าม เอ๋อ ซื่อ..”
“พอครับพอ” ผมรีบยกมือห้าม ก่อนที่ความมั่นใจในตัวเองจะถดถอยไปมากกว่านี้
“ไม่อยากฟังต่อเหรอ” ผมก็ค้อนไปสิ ค้อนจนตาคว่ำอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ
“เหตุผลอีกอย่างที่พี่ไม่โกรธเพราะไม่เคยคิดว่าปุ่นเป็นเลขา ถ้าคิดแบบนั้นคงไล่ออกไปตั้งแต่สองวันแรกแล้ว”
“หะ!!” โอ้ยยย ช่วยกลับไปโกรธ ไม่พูดไม่จากับผมเหมือนเดิมได้ไหมครับ แบบนั้นเจ็บน้อยกว่าเยอะ
“ดังนั้นปุ่นเข้ามาทำงานอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก สำคัญแค่ว่าปุ่นมาก็พอแล้ว ที่นี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมพี่ถึงไม่โกรธ”
เข้าใจแล้วครับ เข้าใจไปถึงทรวงเลย อยากแก้แค้นเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
“แล้วที่เสียใจหายหรือยังครับ”
“หายแล้ว หายตั้งแต่มีคนบ้าวิ่งเข้ามากอดในห้องน้ำ “
อืม ดีครับ หายหมดแล้ว เหลือแต่ผมนี่แหล่ะยังแค้นใจไม่หาย
“เข้าใจกันแล้วนะครับ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นมาต่อที่ปุ่นเริ่มไว้ในห้องน้ำกันเถอะ” คนหื่นกำลังจะกลับมาครับ ผมต้องเล่นตัวนิดนึง
“ใครเริ่มอะไรครับ ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่อยากคุยกับคุณวีร์เท่านั้นเอง”
“ได้สิ งั้นก็มาคุยกันแบบเมื่อกี้อีกรอบ” คุณวีร์พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างผม ก่อนก้มลงมาลิ้มเลียรสหวานบนริมฝีปาก
แทรกปลายลิ้นชุ่มฉ่ำเข้ามาตวัดไล้ในอุ้งปาก แลกเปลี่ยนความหวานกับปลายลิ้นเล็กๆ ของผม
“อืมม คุณ..คุณวีร์ครับ” ผมหายใจหอบ
“ครับ”
“เปลี่ยนที่กันไหมครับ”
“หือ?”
“ไป..ไปทำที่อื่นกันไหม”
“อารมณ์ไหนครับ หรือติดใจในห้องน้ำ” คนแซวยังคงและเล็มไปทั่วแผ่นอกของผม มือปัดสาบเสื้อคลุมให้กว้างออก
ผมพยักหน้าอายๆ
“หึๆ ไปสิ” คุณวีร์ช้อนตัวผมขึ้น อุ้มพาเดินลงจากเตียง
“เดี๋ยวครับ ถอดเสื้อก่อน” ผมดิ้นลง จนคุณวีร์ทานน้ำหนักผมไม่ไหวยอมปล่ยอผมลงแต่โดยดี
ผมปลดกระดุมเสื้อนอนคุณวีร์ออก ดันตัวไปเรื่อยๆ จุดหมายคือประตูห้องน้ำ พอเสื้อหลุดออกจากแขน
ผมขยับตัวเข้าชิดอีกนิด อ้างับตุ่มไตบนอกเข้าปาก ดูดเม้มใช้ลิ้นวนให้รอบๆ จนได้ยินเสียงคนตัวโตคราง
“อืมม เดี๋ยวนี้เก่งขึ้น”
“ต้องเก่งสิครับ” ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้ ก่อนก้มไปให้ความสำราญกับยอดอกอีกข้างที่รออยู่
ผมแทรกขาเข้าไประหว่างขาของคุณวีร์ ขยับเสียดสีไปมา รับรู้ถึงการตื่นนอนของอนาคอนด้าตรงกลางลำตัว
ผมเบี่ยงตัวไปข้างหลัง เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำ
ขาเกี่ยวเข้ากับขาคุณวีร์ดึงนิดนึงให้เสียหลัก คุณวีร์ถลาไปข้างหน้า ผมรีบดึงขาออกและใช้แรงทั้งหมดผลัก
จนคุณวีร์หลุดออกไปนอกประตูห้องนอน
ผมรีบปิดประตู ก่อนกดล็อคอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงคนที่ยืนอยู่ข้างนอกโวยวายเสียงดัง
“ปุ่น เปิดประตู”
“ปุ่น อย่าเล่นเป็นเด็กเปิดประตูให้พี่เร็ว”
ผมเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น
“ปุ่นครับ เปิดประตูให้พี่หน่อยนะ” อ้อนไปเถอะ ไม่ได้ผลหรอก
“เมียคร้าบ เปิดหน่อยนะ พี่ไม่ไหวแล้ว ลูกชายอยากเจอแม่”
คิดว่าผมจะใจอ่อนใช่ไหมครับ ไม่มีทาง นี่คือการล้างแค้นตามวิถีของพี่ปุ่น
หึๆ อยากนอนห้องนอนแขกดีนัก ไปนอนอีกคืนนึงเลย
พี่ปุ่นบอกแล้ว ล้างแค้นสิบปีไม่สาย
หาว่าพี่ปุ่นไม่เก่ง ไม่เจ๋ง ทีนี้เจ๋งพอหรือยัง คุณรองประธานพ่ออนาคอนด้ายักษ์
.......................................................TBC................................................................
ปล. ขอแก้ตัวแทนพี่ปุ่นหน่อยน้า พี่ปุ่นขอแค่เรื่องไม่ให้บอกว่าตัวเองเข้ามาเป็นบอดี้การ์ด ส่วนเรื่องการดูแลเต็มรูปแบบ
ที่พี่ปั้นจะเข้ามาจัดการนั่น พี่ปุ่นเห็นด้วยเต็มที่ค่า(กะจะบอกคุณวีร์ไปว่าพี่ปุ่นเป็นคนแนะนำพี่ปั้นเข้ามางี้)
พี่ปุ่นอยากอยู่ดูแลคุณวีร์ด้วยตัวเองกลัวว่าถ้ารู้จะถูกไล่ไป ขออภัยที่คนเขียน เขียนไม่เคลียร์นะคะ
(กลับไปedit เพิ่มข้อความเข้าไปให้แล้วนะคะ ขอบคุณที่ช่วยติชมค่า)
Darin ♥ FANPAGE