-6-
ตึ๊ง!
เสียงลิฟต์บอกว่าถึงชั้นที่ต้องการแล้ว อติวิชญ์มาจอดรถที่หน้าตึกซึ่งเป็นบ้านของกันต์ธีร์ ยามหน้าตึกทักทายแล้วบอกให้ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสองเพื่อไปยังห้องรับแขก ประตูลิฟต์เปิดออกเห็นโถงเล็กๆมีประตูอยู่ทางขวามือ เมื่อเปิดเข้าไปพบกับห้องรับแขกเพดานสูง ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่โถง ด้านซ้ายมือของห้องรับแขกมีบันไดทรงโค้งขขนาดใหญ่เพื่อขึ้นไปยังชั้นถัดไป
หลังจากทริปเชียงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อติวิชญ์ก็คิดว่าคงจะต้องจีบกันต์ธีร์อย่างจริงจังเสียที เขาชอบกันต์ธีร์และอีกฝ่ายก็มีทีท่าชอบเขาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่อ่อยกันขนาดนี้
“สวัสดีครับอาจักร” พ่อของกันต์ธีร์ก้าวออกมาจากซุ้มประตูทรงสูงคาดว่าน่าจะเป็นห้องรับประทานอาหาร
“อ้าวมิก มาถึงเมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อสักครู่นี่เองครับ คุณย่าล่ะครับ ท่านไม่อยู่เหรอ”
“ออกไปสปาน่ะ เดี๋ยวอีกสักพักพ่อก็จะออกไปรับแล้วล่ะ” ‘พ่อ’ เหรอ ถึงจะเอะใจแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อาจักรคงอยากให้เกิดความสนิทสนม
“แล้วนี่มาหากายเหรอ”
“อ๋อใช่ครับ พอดีผมว่าจะชวนเขาไปช่วยซื้อของน่ะ เห็นว่าปิดเทอมว่างๆเหมือนกัน”
“คงอยู่บนห้องน่ะ ลองไปตามสิ ขึ้นบันไดไปห้องแรกซ้ายมือ”
“ผมขอตัวนะครับ” ก่อนจะลุกขึ้นไปยังห้องของเจ้าตัว สายขนาดนี้ยังไม่ออกจากห้อง คงจะนอนหลับล่ะสิ
“ตามสบายเลย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามาเลยครับพ่อ”
“พ่อมีอะ.. อ้าวมิกมาได้ยังไงนี่” เขาเห็นร่างสมส่วนเอี้ยวตัวหันหน้ามาทางประตูห้อง กันต์ธีร์คงกำลังนอนคว่ำเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง
“จะมาชวนไปเที่ยว เห็นอยู่ว่างๆไง อาจักรเลยให้ขึ้นมาตาม”
“นี่คือมาชวนเดทเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อแต่ดวงตาพราวระยับ
“ใช่ หรืออยากไปเดทที่อื่น เรามีให้เลือกสองที่คือเดทข้างนอกกับเดทในห้องนอนของกาย”
“งั้นเดทในห้องนอนดีกว่า” ทำน้ำเสียงยียวน หึหึ รู้จักเขาน้อยไปแล้ว
“เอาดิ ว่าแต่ห้องนอนร้อนเนอะ ขอถอดเสื้อหน่อยนะ”
“เห้ย เอาจริงดิ ล้อเล่นๆ” รีบลุกขึ้นมาห้ามเขาที่กำลังจะถอดเสื้อ เขารู้ทันหรอกแต่ก็แค่อยากจะแกล้งคนขี้อ่อยก็เท่านั้น
“งั้นก็รีบแต่งตัว จะชวนไปกินข้าว ดูหนังซื้อของด้วย หรือจะไปชุดนี้” กันต์ธีร์ใส่แค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ปกติสำหรับคนวัยหนุ่มที่ชุดอยู่บ้านมักจะสบายมากๆ
“เออๆ ลงไปรอข้างล่างเลยไป” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ในห้องหนึ่ง ห้องนอนของกันต์ธีร์กว้างมีทางเดินเข้าไปที่คาดว่าจะเป็นห้องน้ำกับห้องแต่งตัว ประตูบานเลื่อนกันห้องนอนกับห้องแต่งตัวเอาไว้ เรียกว่าตกแต่งได้อย่างลงตัวสวยงามเหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอยเลยทีเดียว
“แล้วทำไมไม่ลงไปรอข้างล่าง”
“ขี้เกียจลง ไหนๆก็จะออกไปพร้อมกันอยู่แล้วนี่”
ทั้งสองคนเดินลงมาชั้นล่างเจอพ่อของกันต์ธีร์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ท่านหยุดอ่านหนังสือพิมพ์แล้วหันมาคุยกับพวกเขาแทน
“เสร็จแล้วเหรอ แล้วนี่จะออกไปไหนกัน”
“ก็คงไปดิเอ็มอะพ่อ ไปกินข้าวซื้อของอะไรแบบนี้” กันต์ธีร์ตอบพ่อของเขา
“ไปเดทกันเหรอ” ถามอย่างหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนกันต์ธีร์ก็ทำตาโตก่นจะปฏิเสธพัลวัน ซึ่งเขาคิดว่าทำแบบนั้นยิ่งมีพิรุธ ใครๆเขาก็รู้หมด
“ใช่ที่ไหนล่ะพ่อ เพื่อนกันไปเที่ยวด้วยกันแปลกตรงไหน”
“พ่อก็แค่ถามเล่นๆลูกจะตื่นตูมทำไม ทำตัวมีพิรุธนะ คบกันพ่อก็ไม่ว่าหรอก ดีซะอีกคนใกล้ตัวจะได้ดูแลง่ายๆหน่อย” คุณอาจักรปล่อยประโยคเด็ด ส่วนอีกคนก็ทำปากพะงาบๆ อติวิชญ์ได้แต่ขำในใจพ่อลูกคู่นี้แหย่กันแรงจริงๆ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธหรอก คุณอาพูดแบบนี้แสดงว่าเปิดทางให้เขาจีบลูกชายของท่านสินะ
“พ่อก็ ไปกันใหญ่แล้วคบกันที่ไหนล่ะ” “ผมกำลังตามจีบลูกชายคุณอาอยู่ครับ”
“บ๊ะ ให้มันได้อย่างนี้สิ ยอมรับกันแบบแมนๆ” กันต์ธีร์มองหน้าเขาอย่างด้วยสายดุ คงยังไม่อยากให้พ่อรู้แต่เมื่อคุณอาเปิดทางขนาดนี้เขาก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
“พ่อเคยบอกแล้วไงว่าจะคบใครพ่อก็ไม่ว่า ขอแค่ลูกรักเขาและเขาก็รักลูก ถ้าลูกมีความสุขพ่อก็มีความสุขเหมือนกัน”
“พ่อไม่โกรธเหรอถ้ากายกับมิกคบกัน”
“ไม่โกรธ พูดแบบนี้หมายความว่าคบกันแล้วเหรอ”
“เปล่านะครับ กายแค่หมายถึงว่าพ่อไม่โกรธเหรอถ้ากายจะคบกับผู้ชาย”
“ไม่โกรธจริงๆ ไม่ต้องคิดมากดีซะอีกที่จะมีคนมาดูแลลูกต่อจากพ่อ”
“ขอบคุณนะครับพ่อ” กันต์ธีร์กอดพ่อของเขา ส่วนอติวิชญ์ได้แต่อมยิ้มรู้สึกดีที่พ่อกับลูกเข้าใจกัน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าที่บ้านของเขาจะว่ายังไง ถึงพ่อกับแม่จะเป็นคนใจดีแต่เรื่องแบบนี้ก็คงต้องรอไปก่อน
“พอแล้วๆ ไปเดทกันได้แล้ว พ่อก็จะออกไปรับย่าแล้ว”
“ขอบคุณครับอา พวกผมไปแล้วนะครับ” เขาไปบอกลาพร้อมกับยกมือไหว้
“ขนาดนี้แล้วเรียกพ่อก็ได้มั้ง” คุณอา ไม่สิ คุณพ่อพูดกลั้วหัวเราะ
“ครับคุณพ่อ” “เห้ย! เรายังไม่ให้เรียกนะ เรียกอาเหมือนเดิมไปก่อน”
“มันทำแก้เขินไปอย่างนั้นแหละมิก ฮ่าๆๆ”
.
.
ระหว่างทางกันต์ธีร์พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ชวนเขาคุยทุกเรื่องไม่ว่าจะลมฟ้าอากาศ เศรษฐกิจหรือข่าวซุบซิบดารา ถึงแม้ระยะทางมาที่ดิเอ็มจะไม่ไกลมากนักแต่เนื่องด้วยในเมืองใหญ่แบบนี้การสัญจรหนาแน่น การจราจรจึงแออัด ทำให้การเดินทางล่าช้า
หลังจากจอดรถเมื่อถึงที่หมายแล้ว ทั้งสองก็เดินเข้ามาข้างใน กันต์ธีร์ก็วางแผนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง คงลืมตัวว่าวันนี้มาเดทกับเขา เขาได้แต่อมยิ้มในความน่ารัก(?)ของเจ้าตัว
“นี่เที่ยงแล้วเดี๋ยวไปจองตั๋วก่อน เอารอบสักสามโมงดีไหม จะได้มีเวลากินข้าวนานไม่อยากรีบกิน แล้วค่อยไปดูหนังพอหนังจบก็ไปเดินซื้อ…”
เขาเงียบฟังเสียงของกันต์ธีร์จัดการทุกอย่าง แบบนี้ก็ดีเหมือนกันมีจะได้ไม่ต้องคิดเอง
“เอ่อ..มิกโอเคไหม เราลืมไปว่าเผื่อมิกมีแผนจะทำอะไรเพราะมิกเป็นคนชวนเรามา” คงเห็นเขาเงียบไปนาน กันต์ธีร์เลยเอ่ยอย่างรู้สึกผิด เขาอยากจะบอกว่ารู้สึกดีมากที่มีคนมาคอยทำแบบนี้ให้
“แบบที่กายคิดนั่นล่ะดีแล้ว ไปดูรอบหนังกัน อยากดูเรื่องอะไร”
“ไปดูก่อนแล้วกัน”
“คนนั้นคุ้นๆว่ะเหมือนเพื่อนเราเลย” ระหว่างเลือกดูหนังอยู่ กันต์ธีร์เหลือบไปเห็นชายหนุ่มสองคนกำลังยืนซื้อตั๋วอยู่ รู้สึกคุ้นๆว่าเป็นเพื่อนของตัวเอง ส่วนอติวิชญ์ก็รู้สึกว่าอีกคนเหมือนเพื่อนตัวเองเช่นกัน
“เข้าไปทักดีกว่า” กันต์ธีร์หมายจะเดินไปทักเพื่อนแต่ถูกมือแกร่งจับแขนไว้ ก่อนจะหันมามองอย่างงงๆ
“อย่าเลย พวกเขาอาจจะไม่อยากเจอใครก็ได้ ค่อยไปถามนอกรอบเอาสิ”
“ก็ได้ๆ ว่าแต่คิดออกยังว่าจะดูเรื่องอะไร”
“ดูหนังแอคชั่นแล้วกันนะ ไปซื้อตั๋วกัน” รอให้เพื่อนของพวกเขาออกไปก่อนแล้วค่อยเข้าไปซื้อ อติวิชญ์คิดว่าถ้าเพื่อนอยากให้รู้ก็คงต้องบอกแล้ว เป็นแบบนี้แสดงว่ายังไม่อยากให้เพื่อนๆรับรู้
“กินอะไรดีล่ะ” ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ออกมาหาอะไรทาน ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะดูรอบบ่ายสามโมงจึงเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงเวลาหนังฉาย
“บุฟเฟ่ต์นะ อยากกินอะ” กันต์ธีร์อยากทานบุฟเฟ่ต์ อติวิชญ์คิดว่าเจ้าตัวเป็นคนรักษาหุ่นซะอีก
“รักษาหุ่นไม่ใช่เหรอ ไม่กลัวอ้วนไง”
“ทำไมถ้าอ้วนจะเลิกจีบเหรอ” มาอีกแล้ว คงกะว่าจะให้เขาเขิน เปล่าเลยทำแบบนี้ก็เหมือนเปิดทางให้ เขาก็ยิ่งชอบสิ
“อ้วนก็ดีกอดอุ่นๆนะหมีน้อย”
“ฮึ่ย! ตามมานะกินร้านข้างหน้านั่น” ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินนำเขาไปที่ร้านบุฟเฟ่ต์ที่เจ้าตัวอยากทาน
“กินร้านนั่นแสดงว่าอยากอ้วน อยากถูกกอดหรือไง”
“เออ” ฮ่าๆ อติวิชญ์รู้สึกสนุกชะมัดที่ได้แกล้งคน เหมือนจะทำเก่ง หึหึ เหนือฟ้ายังมีฟ้านะหนู
หลังจากทานเสร็จเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงทั้งคู่จึงตกลงกันว่าจะเดินย่อยอาหารรอหนังฉาย กันต์ธีร์ชวนเขาเดินดูของไปเรื่อยมาหยุดที่ร้านอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่างสมส่วนตรงไปที่แผนกผ้าม่านเจ้าตัวบ่นอยากได้ชุดผ้าปูที่นอนอันใหม่ แต่ดูท่าทางจะเลือกนานอติวิชญ์มองนาฬิกาใกล้ถึงเวลาหนังฉาย ส่วนอีกคนยังวุ่นอยู่กับการเลือกสีผ้าปูที่นอนถ้านานกว่านี้อาจเข้าไปไม่ทันจึงบอกให้รู้ตัวก่อน
“จะถึงเวลาหนังฉายแล้ว ดูจบค่อยมาดูใหม่ก็ได้”
“โอเค ไปกันเถอะ”
ระหว่างดูหนังอติวิชญ์สะกิดกันต์ธีร์แล้วแสดงท่าทางจะขอจับมือ กันต์ธีร์ทำหน้าเข้าใจก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกตัวเองดูหนังไป ฝ่ายอติวิชญ์ก็พอจะเข้าใจว่าเจ้าตัวคงยังไม่พร้อม ซึ่งเขาก็เข้าไม่ได้คิดมากมายอะไร ก่อนจะหันไปดูสนใจหนังในจอต่อ
อติวิชญ์รู้สึกว่าคนข้างๆเริ่มอยู่ไม่สุข ขยับตัวไปมาตลอดพอเขาหันไปมองเชิงถามก็หยุดขยับ พอหันกลับไปมองจอหนัง จู่ๆก็มีมือขาวๆมาแบอยู่ข้างหน้าเขา หันไปเห็นเจ้าของมือส่งสัญญาณให้เขาเอื้อมไปจับมือ เขาเลยแกล้งอ้อยอิ่งไม่ยอมจับสักที กันต์ธีร์คงทนไม่ไหวเลยจับมือเขาเองแล้วหันไปดูหนัง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิด ส่วนตัวอติวิชญ์ก็ได้แต่นั่งอมยิ้มกับอาการของคนข้างๆ
“เมื่อยมือเนอะ ใครก็ไม่รู้จับทั้งเรื่องเลย” อติวิชญ์หันไปกระซิบคนข้างระหว่างเดินออกจากโรงหนัง มืดขนาดนี้หวังว่าจะไม่มีคนเห็นนะ
“เอ้อ แล้วแต่เลยนะ” ว่าแล้วก็เดินนำเขาออกจากโรงหนังไป
เดินซื้อชุดผ้าปูที่นอนเสร็จแล้วกันต์ธีร์ชวนเขาไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่างสุด เจ้าตัวบอกว่าปิดเทอมมีเวลาว่างชอบทำอาหารทานเอง ระหว่างที่กันต์ธีร์เลือกซื้อของอติวิชญ์ก็สังเกตคนตรงหน้ารูปร่างดีสมส่วน หน้าตาหล่อเหลาที่มีเค้าของความน่ารักอยู่นิดหน่อย เรียนเก่งเล่นกีฬาได้ที่บ้านมีฐานะดีเรียกได้ว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้
“จ้องขนาดนี้มาขอเป็นแฟนเลยไหม” เสียงทุ้มนุ่มปลุกเขาจากภวังค์ เจอกันต์ธีร์กำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่
“เป็นแฟนกันนะ” กล้าท้าเขาก็กล้าทำเสมอ ใครก็บอกว่าอติวิชญ์เป็นคนจริง พูดคำไหนคำนั้นและทุกคำพูดที่ออกจากปากมักไม่มีคำว่าล้อเล่น
“เห้ย มาแรงนะเดี๋ยวนี้ ยังไม่เป็นเว่ย รอไปก่อน” อติวิชญ์รู้ว่าอีกฝ่ายเขินเพราะพูดจบก็เข็นรถเข็นหนีเขาไปที่อื่น
.
.
“ขอบคุณที่มาส่งนะ ส่งตรงนี้ก็พอ”
“จะขึ้นไปด้วย จะไปทักทายคุณย่ากับคุณ ‘พ่อ’ สักหน่อย”
“อยากทำอะไรก็ทำ ไอ้ยักษ์” กันต์ธีร์เดินนำอติวิชญ์ขึ้นตึกไปที่ลิฟต์เพื่อไปที่บ้านของเขา ที่บ้านของกันต์ธีร์ต้องการความเป็นส่วนตัวจึงต้องทำลิฟต์ขึ้นชั้นสองแทนการขึ้นบันได เพราะถ้าทำเป็นบันไดผู้คนอาจจะพลุกพล่านไปมาได้ แต่ลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนกลางของตึกเพียงแต่ถ้าคนอื่นมาชั้นสองจะไม่มีกุญแจไขเข้าบ้านกันต์ธีร์เท่านั้นเอง
“พ่อครับกายกลับมาแล้ว ซื้อของสดมาด้วย” กันต์ธีร์ทักทายพ่อของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
“อ้าวกลับมากันแล้ว ย่าเขากำลังทำมื้อเย็นอยู่ในครัวน่ะ มิกอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“ได้ครับ ผมกะว่าจะมาฝากท้องที่นี่อยู่พอดี”
“ดีๆ กินกันหลายๆคนสนุกดี”
สักพักกันต์ธีร์ก็ยกกับข้าวออกมาตั้งที่โต๊ะรับประทานอาหาร วันนี้ย่าทำกับข้าวหลายอย่างเหมือนรู้ว่าจะมีแขกมาร่วมวงด้วย ย่าบอกให้แม่บ้านจัดโต๊ะอาหารก่อนจะเรียกทุกคนมาทานข้าว
“มิกกินเยอะๆนะ วันนี้ย่าทำหลายอย่างเลย เห็นตาจักรบอกว่ามิกจะมากินมื้อเย็นที่บ้านเรา”
“ขอบคุณครับย่า”
ระหว่างที่ทานอาหารทุกคนก็พูดคุยกันเรื่องทั่วไปจนกระทั่งกันต์ธีร์พูดถึงเพื่อนแอบมีแฟนแล้วไม่ยอมบอก พวกเขาไปเจอที่ห้างฯแต่ไม่ได้เข้าไปทัก ย่าถึงวกกลับมาที่เรื่องของอติวิชญ์กับกันต์ธีร์
“แล้วสองคนนี้คบกันนานหรือยังล่ะ” กันต์ธีร์สำลักข้าวเฮือกใหญ่จนต้องหาน้ำดื่มกันจ้าละหวั่น
“แค่ก แค่ก ไม่ได้คบกันครับย่าเพื่อนกันเฉยๆ”
“ไม่ต้องมาหลอกย่า พ่อของหลานบอกย่าหมดแล้วว่าตามิกกำลังตามจีบหลานย่าอยู่”
“อย่างที่คุณพ่อบอกนั่นล่ะครับคุณย่า”
“ก็ดีที่ทำให้มันถูกต้อง คบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ แล้วหลานก็ไม่ต้องคิดว่าย่าจะโกรธ หลานชอบใครรักใครย่าก็รักด้วย ย่าก็เสียใจตรงที่ไปแอบคบกันไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้แต่ทั้งคู่ก็บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ซึ่งก็ถือว่าดี ย่ามีอะไรจะสอนทั้งสองคน ความรักแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้ จะทำอะไรก็คำนึงถึงสังคมรอบข้างด้วย พวกเราต้องวางตัวให้ดีไม่ให้ใครมาตำหนิเราได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรย่ากับพ่อก็จะเป็นกำลังใจและที่พึ่งให้หลานเสมอ”
“ขอบคุณครับย่า กายรักย่าที่สุดเลย” กันต์ธีร์ยิ้มกว้างให้ย่าของเขา อติวิชญ์คิดว่าถ้าลุกขึ้นไปกอดกันกลางโต๊ะอาหารได้คงจะทำไปแล้ว
“ขอบคุณครับคุณย่า แต่ผมยังไม่ได้บอกครอบครัวผมเลย”
“ครอบครัวของมิกเขามีหน้ามีตาในสังคมจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบ ทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอ ถ้าไม่กล้าบอกให้ย่าหรือพ่อไปคุยให้ก่อนไหม”
“ย่าครับยังไม่รีบก็ได้ เอ่อ มิกเขาเพิ่ง เอ่อ จีบกายเองนะ”
“นั่นล่ะ ยังไงก็ต้องทำให้ถูกต้อง” “มาทานข้าวกันต่อดีกว่าลูก”
ทานมื้อเย็นเสร็จก็นั่งคุยกันสักพัก อติวิชญ์ก็ขอตัวกลับกันต์ธีร์อาสาลงมาส่งข้างล่าง อติวิชญ์เงียบไปตลอดทางจนถึงรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่หน้าตึก
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ย่าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“หนึ่งเดือน!”
“อะไรหนึ่งเดือน”
“เราให้เวลาหนึ่งเดือน แล้วกายต้องตกลงคบกับเรา แล้วหลังจากนั้นก็จะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน”
“เห้ย มาบังคับกันได้ยังไงมันเป็นเรื่องของความรู้สึกนะ”
“พูดเหมือนกับว่าไม่ได้ชอบเรา”
“เอ่อ เปล่าสักหน่อย ส่วนเรื่องเปิดตัวอะไรนั่นไม่ต้องรีบก็ได้”
“หนึ่งเดือนที่เหลืออ่อยให้เต็มที่นะหมีน้อย เพราะหลังจากนี้จะไม่ปล่อยให้อ่อยเฉยๆแน่นอน”
“กลับบ้านไปเลยไปไอ้ยักษ์ ชิ่ว!”
“หึหึ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะโทรมานะ รอรับโทรศัพท์ด้วยถ้าไม่รับจะมาหาถึงบ้าน แค่ขับรถไม่เหนื่อยหรอก”
“ไปได้แล้ว~”
“ไปจริงๆแล้ว” เขาก้าวขึ้นรถประจำที่นั่งคนขับ ก่อนสตาร์ทรถเร่งเครื่องยนต์เคลื่อนที่ออกจากตึกมุ่งสู่ถนนใหญ่ทางกลับบ้านของเขา
.
.
“ผมกลับมาแล้วครับ” ทันทีที่ถึงบ้าน อติวิชญ์ก็ตรงไปที่ห้องรับที่ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเขากำลังนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่
“พี่ชายเป็นอะไรมากหรือเปล่า ยิ้มหน้าบานอย่างกับคนเมาเหล้าแน่ะ” น้องสาวทักเขาทันทีที่เห็นหน้าของเขา
“สงสัยลูกชายพ่อกับแม่จะมีความรักนะครับ” พี่ชายเขาก็ด้วย แถมยังทำหน้าล้อเลียนเขาอีกต่างหาก
“ใครกันนะที่ทำให้ลูกชายแม่เป็นแบบนี้ คุณว่าใครคะ” แม่หันไปถามพ่อของเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ผมก็อยากรู้ อยากเห็นหน้าแล้วนะนี่”
“หนูรู้ค่ะทุกคน แต่หนูไม่บอกนะ รอให้พี่เขาบอกเอง” หนูฟันธงเลยว่าเป็นคนที่หนูคิดแน่นอน ในที่สุดความฝันของหนูก็กำลังจะกลายเป็นความจริงในไม่ช้า ต้องเตรียมตัวฉลองหน่อยแล้ว
“ใครหรือมิ้นท์ บอกใบ้ให้พี่หน่อยสิ” พี่ชายคนโตคาดคั้นน้องสาว มาทำให้อยากรู้แบบนี้ได้อย่างไร
“บอกแล้วไงรอพี่มิกบอกเอง พ่อกับแม่คะ เดี๋ยวหนูขอขึ้นห้องก่อนนะคะ ฝันดีค่ะทุกคน” วันนี้พี่ชายมีความสุขน้องสาวก็มีความสุขเช่นกัน เห้อ ความรู้สึกฟินจริงๆกำลังจะเกิดขึ้น
“ผมก็ขอตัวขึ้นห้องนะครับ ฝันดีนะครับ” ตัวเขาเองก็ต้องขึ้นไปโทรศัพท์รายงานให้อีกคนรู้ว่าถึงบ้านแล้ว
อติวิชญ์หมายมาดไว้แล้วว่ายังไงกันต์ธีร์ก็ต้องคบกับเขา มาชอบเขาก่อนพอเขาชอบกลับก็ทำเป็นเขิน ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าแล้ว เขาไม่ได้หลงตัวเองเพียงแต่รู้ตัวว่าเขานี่ล่ะที่เหมาะสมกับกันต์ธีร์มากที่สุด นี่ล่ะถึงจะเรียกว่า ‘Perfect Couple’ แบบที่เพจของมิ้นท์น้องสาวเขาก่อตั้งขึ้นมา เรื่องอื่นๆปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต อย่างที่ย่าของกันต์ธีร์บอกเอาไว้ ทุกปัญหามีทางแก้เสมอ ส่วนเรื่องของเขากับกันต์ธีร์คนอื่นจะคิดอย่างไรเขาไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าเขาเหมาะสมกับกันต์ธีร์มากที่สุดในโลกแล้ว ยังไงก็หนีเขาไม่พ้นหรอกนะหมีน้อย
To Be Continue…ตอนที่ 6 มาแล้ว
เนื้อเรื่องเอื่อยๆเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนหวังว่าทุุกคนจะชอบนะ
ถ้าเจอคำผิดตรงไหนบอกได้เลยนะครับ
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะครับ