(ต่อค่ะ)
::เชส::
เมื่อเสียงประตูห้องถูกปิดผมก็ยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงใหญ่หกฟุตโดยที่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องไปยังบานประตูที่พึ่งถูกปิดลงไปเมื่อครู่...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นรูมเมทหมาดๆของตนออกไปยามดึกดื่นแบบนี้ ตอนแรกที่สังเกตก็เมื่อสามวันก่อนและพอลองสังเกตดูทุกๆคืนอีกฝ่ายก็มักจะออกไปข้างนอกอยู่เสมอ
“...เฮ่อ”ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงอย่างไม่เข้าใจ
รู้จักกันไม่เท่าไหร่แต่เผลอทีไรเป็นต้องนึกถึงทุกทีสิน่า
ไม่ใช่แค่นึกถึงแต่น้ำเสียงอ้อนๆไม้เด็ดนั่นมันตราตรึงอย่างบอกไม่ถูก...แค่ได้ยินก็รู้สึกเหมือนใจตัวเองอ่อนยวบลง ทั้งที่ไม่อยากให้ใครเข้ามาพักด้วยเพราะผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับความเป็นส่วนตัวแต่ตอนนี้ทั้งห้องทั้งเตียงกลับถูกคนที่พึ่งรู้จักครองแทบจะทุกอย่าง
จากที่ไม่อยากยุ่งหรืออยากรู้เรื่องของใครตอนนี้กลับอยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายมากกว่าเดิม
อยากจะถามว่ามีอะไรแต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นคำโกหกเพราะเราต่างรู้ดีว่าเวลาอีกฝ่ายโกหกนั้นเป็นยังไง
ความยากรู้ดูจะเข้าครอบงำจนทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมหยิบเสื้อคลุมในตู้ก่อนจะเดินออกไปหารูมเมทอีกคน บรรยากาศตอนกลางคืนเงียบมากและหนาวมากด้วย...นี่ก็ใกล้จะถึงหน้าหนาวแล้วอีกไม่กี่อาทิตย์หิมะคงจะตกแน่
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของผมหันไปมองซ้ายขวาพร้อมกับขบคิดว่าจะไปทางไหนดี...ในเมื่อไม่รู้ก็มีแต่ต้องเดินไปตามสัญชาติญาณเท่านั้น สองเท้าก้าวเดินตรงเข้าไปในป่าที่มักจะมานั่งเล่นกับอานโน่บ่อยๆก่อนจะเดินลึกเข้าไปราวกับมีใครช่วยบอกทางยิ่งเข้าไปลึกความหนาวก็ยิ่งเข้าปะทะร่างจนต้องกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น
นานมากแล้วที่เดินเข้ามาแต่ก็ไม่เจออะไรเลยสักอย่างถ้าเดินไปมากกว่านี้มีสิทธิ์ที่หลงนั่นทำให้ผมหันหลังเตรียมจะเดินกลับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังร้องอยู่
งื๊ดดด~
เสียงร้องเบาๆคล้ายสัตว์เล็กเรียกให้ผมก้าวตรงไปหาเสียงนั่นที่อยู่ไม่ไกลจนพบกับต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงอยู่ตรงกลาง ด้วยความอยากรู้เลยก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวังแต่ยังไม่ได้เข้าไปดูร่างเล็กๆของสิ่งมีชีวิตก็เดินออกมาจากด้านใน
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าทำให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงในทันที รูปร่างและขนที่ปกคลุมแบบนั้นเหมือนจะเป็นนกแต่ถ้าเป็นนกคงไม่มีทางที่จะทำรังในที่แบบนี้แน่
งื๊ดดด!
เสียงเล็กๆดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ส่วนหัวจะเงยขึ้นมาร่างกายเล็กๆนั่นสั่นเล็กน้อยเหมือนปรับสภาพอากาศด้านนอกที่หนาวเหน็บยังไม่ได้
“เข้าไปข้างในสิ”ผมบอกแล้วนั่งลงไปคิดจะช่วยอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวน้อยให้เข้าไปในรัง
กรรรร!!
โคร่ม!
เสียงคำรามดังขึ้นก่อนที่ร่างของผมถูกกระแทกจนกระเด็ดไปติดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง...ความเจ็บแปร๊บแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเงยขึ้นไปมองภาพตรงหน้า เพียงแค่เห็นผมก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึง
สิ่งมีชีวิตตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาคล้ายนกแต่ด้วยความสูงที่มากกว่ามนุษย์และขนาดที่ใหญ่โตของมันทำให้ชื่อหนึ่งผุดเข้ามาในหัว...สัตว์ในอดีตกาลที่ถูกปลุกให้กลับมามีชีวิตโดยบิดาแห่งการคืนชีพฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่...
“...ไดโนเสาร์”
ไม่อยากจะเชื่อว่าในชีวิตจะได้เห็นไดโนเสาร์เป็นๆอยู่ต่อหน้าแบบนี้ขนาดที่สวนสัตว์ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง
กรรรร!!
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับปากเรียวใหญ่ที่อ้าออกทำให้เห็นเขี้ยวซี่เล็กๆที่อยู่ภายในอย่างชัดเจน...ผมรู้ได้ในทันทีว่าไดโนเสาร์ตรงหน้าเป็นพ่อหรือแม่ของเจ้าตัวเล็กพวกนั้นและพวกเขากำลังคิดว่าผมกำลังจะทำร้ายลูกๆของเขา
จะให้อธิบายก็คงไม่เข้าใจแน่
จะให้หนีด้วยสภาพปกติก็คงไม่มีทางแล้วยิ่งตอนนี้กำลังบาดเจ็บถ้าหนีก็คงไม่รอด
จะทำยังไงดี
กรรรร!!
ไดโนเสาร์ตรงหน้าตั้งท่าก่อนจะกระโจนเข้ามาหาเต็มแรง
ในเมื่อหนีไม่พ้นอย่างน้อยก็ขอหลบให้นานที่สุดละกัน
เมื่อคิดได้ผมก็จำใจขืนร่างกายที่เจ็บแปรบวิ่งหลบไดโนเสาร์ตรงหน้าที่หัวกระแทกเข้ากับต้นได้ที่พิงอยู่เมื่อครู่...ยิ่งสร้างความเจ็บปวดก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ไดโนเสาร์ตรงหน้าโกรธมากขึ้นเท่านั้น ส่วนหัวที่กระแทรกสะบัดไปมาเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางผมแล้วอ้าปากออกกว้างแล้ววิ่งตรงมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ผมในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะมาตายตรงนี้
มีหลายสิ่งที่อยากทำ
และมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะเข้าใจ
อยากเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้กับคนที่พึ่งรู้จัก!
“หยุดนะ!!”เสียงนุ่มที่คุ้นเคยตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับร่างหนึ่งที่วิ่งเข้ามากางแขนสองข้างออกบังด้านหน้าผมไว้
ทั้งน้ำเสียงและรูปร่างแบบนั้น...
“...อานโน่”ไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าจะได้เจอกันอานโน่แบบนี้
ไม่สิ...ถ้าเขามาขวางแบบนี้ละก็...
“หนีไป!”ผมตะโกนบอกก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นมือทั้งสองข้างกุมที่ท้องของตัวเองที่โดนไดโนเสาร์ตรงหน้ากระแทก
กรรรร!!
“ฉันบอกให้หยุดไงเจิ้นหยวนหลง ซูนี!!”น้ำเสียงของคนตรงหน้าแข็งกร้าวอย่างไม่เคยได้ยินทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ตรงหน้า ไม่อยากเชื่อว่าแค่เสียงตะโกนก็จะทำให้ไดโนเสาร์ตรงหน้าหยุดนิ่งลงได้ง่ายๆแบบนี้
“ดีมาก...เขาไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ”
“...เขาเป็นเพื่อนฉันเอง”
“อืม...ไว้ใจได้เขาไม่เหมือนมนุษย์พวกนั้นหรอก”
“ไว้ใจสิ”
คนเจ็บมองดูอานโน่พูดกับไดโนเสาร์ตรงหน้าด้วยท่าทางสบายๆแถมยังเดินเข้าไปลูบแผงคอของไดโนเสาร์ตัวนั้นอีก...ผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองที่มนุษย์สามารถเข้าใกล้ไดโนเสาร์ได้มากขนาดนี้
“เขาชื่อเชส...เชื่อสิว่าเขาไม่คิดจะทำร้ายลูกเธอหรอก...เชสนายจะทำอะไรลูกของเจิ้นหยวนหลง ซูนีเหรอ?”อานโน่ที่คุยอยู่กับไดโนเสาร์อยู่ๆก็หันมาถาม
“เจิ้นหยวนหลง ซูนี?”ผมทวนสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ชื่อจีนๆนั่นคืออะไร
“ชื่อของไดโนเสาร์ตัวนี้ไง...นายทำร้ายลูกเธอเหรอ?”
“เปล่า...แค่เห็นเดินออกมาร่างกายก็สั่นเลยคิดจะพาไปไว้ข้างในเหมือนเดิมเท่านั้น”ผมบอกออกไปตามจริง
“เห็นไหมล่ะ?...เหมือนอย่างที่ว่าเลย”อานโน่หันไปยิ้มให้ เอ่อ...เจิ้นหยวนหลง ซูนี
งื๊ดดด
ไดโนเสาร์นกร่างยักษ์ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมที่นั่งกองอยู่กับพื้นก่อนจะใช้ส่วนหัวถูไถใบหน้าผมเบาๆแม้จะไม่เข้าใจภาษาแต่ภายในใจลึกกลับรู้สึกได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อออกมา...
‘ขอโทษ’
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้
“...ไม่เป็นไร”
“นายรู้ว่าเธอพูดอะไรเหรอเชส?”อานโน่รีบเข้ามาถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจ
“...”
“นี่ๆตอบหน่อยสิ...นายรู้ใช่ไหม?”
“แล้วนายล่ะมาทำอะไรดึกดื่นทุกคืน?”ผมถามย้อนกลับไป
“...”และก็เป็นอีกฝ่ายที่เงียบแทน
“ถ้าไม่ตอบฉันก็จะไม่บอก”
“นายนี่มัน...ก็ได้ๆ...วันก่อนนู้นฉันได้ยินเสียงร้องเลยมาดูและก็เจอกับเจิ้นหยวนหลง ซูนีที่กำลังอ่อนแอเพราะพึ่งคลอดลูกก็เลยอยากช่วยดูแลเท่านั้นเอง”สิ่งที่บอกออกมาเป็นความจริงผมรู้และที่รู้อีกอย่างก็คืออีกฝ่ายไม่ได้บอกทุกอย่าง
ถึงจะบอกไม่หมดแต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว
“แล้วนายคุยกับเธอได้รึไง?”ผมถามต่อ
“...อย่าเปลี่ยนเรื่องสิฉันถามนายก่อนนะ”
“ถ้าไม่ตอบก็ไม่ต้องรู้”ผมแอบลอบยิ้มเมื่อพูดจบ
“อะ...นายนี่มัน...”
“...”
“...ฉันไม่อยากโกหก”ดวงตาสีน้ำตาลหม่นลงเล็กน้อยเมื่อพูด
แปลว่าถ้ายังดึงดันคำตอบที่ได้ก็คือคำโกหกสินะ
“งั้นก็ไม่ต้องบอก”พูดจบผมก็วางมือลงบนเส้นผมสีน้ำตาลนั่นแล้วขยับเบาๆ
อานโน่เป็นคนแปลก...คนปกติจะโกหกกันไปเรื่อยๆไม่มีมาบอกหรอกว่าไม่อยากโกหกแบบนี้
อยู่ด้วยแล้วรู้สึกดี
ไม่ต้องคอยสังเกตว่าสิ่งที่พูดเป็นคำโกหกรึเปล่า
“ขอบคุณ...โอ๊ะ...แล้วแผลนายเป็นไงบ้าง?”
“นิดหน่อย”บอกแบบนั้นทั้งที่ความจริงเจ็บสุดๆเลยแค่ขยับยังจะไม่ไหวเลย
“ยืนไหวไหม?”
“พอได้”ผมบอกก่อนจะค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นแต่ไม่นานก็ทรุดลงไปอีก
“โกหก”อีกฝ่ายตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หึ...ทีตัวเองล่ะ?”
“ก็หายกันไง...มานี่เป็นฉันอุ้มไปดีกว่า”
“ห๊ะ?...อะไรนะ?”ผมถึงกับถามเสียงหลงแต่ก็ไม่ทันแล้วร่างของผมถูกอุ้มตัวรอยในท่าอุ้มเจ้าสาว
พระเจ้า!
ทั้งขายหน้าทั้งน่าอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ไหนเลย!
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยอานโน่!”ผมสั่งเสียงเข้ม
ใครจะยอมโดยผู้ชายด้วยกันอุ้มเล่าโดยเฉพาะผู้ชายที่ดูอ่อนแอกว่าแบบนี้
“คนเดินไม่ไหวไม่มีสิทธิ์พูดหรอกนะ...ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเจิ้นหยวนหลง ซูนี”อานโน่ลาไดโนเสาร์ด้านหลังก่อนจะอุ้มผมเดินออกจากป่ามายังห้องท่ามกลางความขายหน้าของผม
ในใจตอนนี้มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่คอด
คราวหน้าจะไม่มีวันเป็นแบบนี้อีก
ถ้าจะมีคนถูกอุ้มคนคนนั้นต้องเป็นอานโน่ไม่ใช่ผม!!
วันต่อมากลาเช่ เฟวรีเย่หรือผมก็ต้องโดดคลาสเรียนไปเพราะบริเวณที่ถูกกระแทกมีอาการปวดมากกว่าเดิมแถมยังมีรอยสีม่วงอย่างชัดเจน ห้องกว้างที่ตอนนี้มีเพียงตัวเองนอนพักอยู่ไม่รู้สึกสบายเหมือนเมื่อก่อน...ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหันไปมองนาฬิกาที่แขวนติดผนังบอกเวลาบ่าย4โมงซึ่งเป็นเวลาเลิกคลาสของเพื่อนร่วมห้องอีกคนพอดี
ตอนแรกอานโน่ก็ไม่ยอมไปเรียนเห็นบอกว่าจะคอยดูแลผมแต่พอถูกตอบกลับไปว่าแค่นอนเฉยๆไม่จำเป็นต้องมีใครดูแลหรอกอีกฝ่ายก็เบะปากแล้วออกจากห้องไปทันที
ผมถึงกับหลุดขำออกมาเลยทีเดียว
แกร็ก
“กลับมาแล้ว...เชสเป็นไงบ้าง?”ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่รูมเมทอีกคนจะวิ่งตรงมาหาข้างเตียงอย่างรวดเร็ว
“ปกติดี”ผมตอบแล้วค่อยๆลุกขึ้นมานั่งโดยมีอานโน่มองมาอย่างห่วงๆ ดวงตานั่นดูเศร้ามากจนผมต้องถอนหายใจแล้วยกมือข้างนึงแตะที่แก้มของคนด้านข้างพร้อมลูบเบาๆ
“อยากกินสตูเนื้อ”
“ห๊ะ?...อ้อ...ได้เลยจะไปหาเจ้าเด็ดมาให้นะ”ร่างโปร่งวิ่งออกไปแทบจะทันทีที่ผมบอกสิ่งที่ต้องการออกไป...ไม่รู้ว่าทำไมอานโน่ถึงรู้สึกผิดกับแผลที่ผมได้มาทั้งที่ย้ำแล้วว่าความผิดนั้นเป็นของผมเอง
แต่การที่ถูกมองด้วยแววตาเศร้าๆนั่นนานๆก็ไม่ไหวเลยต้องขอให้ไปหาอาหารมาให้นั่นทำให้อีกฝ่ายดูมีชีวิตชีวาขึ้นเหมือนการได้ทำอะไรไถ่โทษจะทำให้รู้สึกผิดน้อยลงมั้ง
ตกดึกผมก็เตรียมหยิบยามาทาแผลฟกซ้ำในระหว่างที่อานโน่ออกไปหาไดโนเสาร์พันธุ์เจิ้นหยวนหลง ซูนี...ในเมื่อรู้ความจริงว่าอีกฝ่ายต้องออกไปผมเลยบอกให้ไปช่วงเย็นดีกว่าอย่าไปช่วงตี3ตี4มันดึกไปถ้ามีโจรหรืออะไรจะทำยังไงกัน
“อ๊ะ...เดี๋ยวฉันทาให้”หลอดยาที่ผมถืออยู่ถูกแย่งไปอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันรู้อีกทีมือเรียวของอานโน่ก็ลูบไล้ที่หน้าท้องพร้อมกับเนื้อยาสีใสแล้ว...ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ
หลายวันผ่านไปลอยฟกซ้ำที่มีก็หายสนิทจนไม่เหลือร่องลอยอะไรอีกวันนี้มีคลาสแค่ช่วงเช้าเท่านั้นช่วงบ่ายผมเลยกลับมาอยู่ห้อง ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นอานโน่หยิบเสื้อคลุมสวมทับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ดูท่าเหมือนกำลังจะออกไปไหน
“จะไปไหน?”ไวกว่าความคิดผมก็ถามออกไปซะแล้ว
“ไปหาเจิ้นหยวนหลง ซูนีน่ะ...มาด้วยกันไหมเชส?”
“ฉัน?”
“ใช่สิ...วันนี้วันสุดท้ายที่จะได้เจอแล้วนะ”
“ทำไม?”ผมถึงกับขมวดคิ้วกับข้อมูลใหม่ที่พึ่งรู้
“ก็พวกเธอจะไปอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรดอร์วูน่ะ”
“ดอร์วู...องค์กรเกี่ยวกับไดโนเสาร์นี่”
“นายรู้จักด้วย?”น้ำเสียงใสๆนั่นเหมือนกำลังโดนดูถูกอยู่หน่อยๆแฮะ ถึงจะไม่ค่อยรู้พวกไดโนเสาร์แต่ชื่อองค์กรที่ดังติดอันดับโลกแบบนั้นก็ต้องผ่านตาบ้างแหละ
“รู้สิ”
“อ้อ...งั้นจะมาด้วยกันไหม?”
“เอาสิ”ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว
การไปหาเจิ้นหยวนหลง ซูนีที่อยู่ในป่านั้นเดินไกลมากจนไม่คิดว่าวันนั้นผมเดินมาถึงขนาดนี้ได้ยังไง...ทันทีที่ก้าวเข้าใกล้โพลงร่างของเจิ้นหยวนหลง ซูนีตัวใหญ่ก็ปรากฏออกมาพร้อมกับลูกอีก5ตัวที่มีรูปร่างคล้ายกันแตกต่างแค่สีของขนเท่านั้น
“วันนี้วันสุดท้ายแล้วสินะ”อานโน่เดินเข้าไปหาตัวแม่ก่อนจะพูดคุยด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่เห็นไม่เหมือนกับรอยยิ้มที่แสดงออกกับเพื่อนคนไหน...มันดูอ่อนโยนกว่านั้นมาก
งื๊ดด
เสียงเล็กๆด้านล่างทำให้ดวงตาสีน้ำเงินละออกมาแล้วมองไปยังด้านล่างที่มีไดโนเสาร์ตัวน้อยวิ่งวนไปมารอบๆขา...ผมค่อยๆนั่งลงแล้วยื่นมือที่แบออกไปไม่นานฝูงเจิ้นหยวนหลง ซูนีก็มารุมจิกบนนิ้วเปล่าราวกับว่ามีของกินอยู่
“เชสแกล้งเด็ก”
“แกล้งยังไง?”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่ยืนส่งยิ้มมา
“ทำมือแบบนั้นใครก็คิดว่ามีของกินน่ะสิ”
“รวมทั้งนายด้วย?”
“กวนจริงนะ...เดี๋ยวเจอเจิ้นหยวนหลง ซูนีกระแทกไปอีกครั้งเป็นไง!”
“ฮะฮะฮะ”ผมหลุดหัวเราะออกมากับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ผมก็นึกว่าจะพูดอะไรเล่นให้ตัวที่แข็งแรงกว่ามาเป็นพวกขี้โกงนี่นาแบบนี้
“...หัวเราะ...นายหัวเราะล่ะ”
“อะไร?”แค่หัวเราะจะตกใจอะไรขนาดนั้น
“ตั้งแต่รู้จักกันมานี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเลย...แปลว่าที่นี่ทำให้นายผ่อนคลลายมากสินะ”
“...”ผมถึงกับเงียบเมื่อรู้ถึงสิ่งที่อานโน่ต้องการจะสื่อ
จริงอยู่การที่มาสถานที่นี้ถูกล้อมรอบด้วยธรรมชาติและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและสบายใจแต่สิ่งที่ทำให้ผมหัวเราะน่ะ...
“เชส?”
“...อาจจะเป็นงั้นก็ได้”
ไม่ใช่เพราะสถานที่นี้
ไม่ใช่เพราะสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่รอบๆ
แต่เป็นเพราะคนเพียงคนเดียว
คนที่ว่าน่ะ...
อยู่ตรงหน้าผมแล้ว
...........................................................................................
*มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์*
ทีมขุดค้นที่นำโดย สตีฟ บรูแซทต์ นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระในประเทศอังกฤษ ขุดค้นพบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์มีปีกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการค้นพบมา เป็นสปีชีส์ใหม่ อยู่ในกลุ่มเวโลไซแรปเตอร์ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่บนโลกเมื่อราว 125 ล้านปีก่อน โดยตั้งชื่อว่า "เจิ้นหยวนหลง ซูนี"
ซากฟอสซิลที่เกือบสมบูรณ์แบบดังกล่าวนี้ถูกค้นพบในชั้นหินดินดานที่แหล่งขุดค้น อี้เซียน ซึ่งเดิมเคยเป็นท้องทะเลสาบยุคก่อนประวัติศาสตร์ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน แหล่งดังกล่าวนี้เป็นแหล่งสะสมซากไดโนเสาร์สำคัญที่มีการขุดค้นพบมาแล้วเป็นจำนวนมาก โดยมีหลายซากที่เป็นไดโนเสาร์มีปีก
ซากฟอสซิลแสดงให้เห็นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่วัดความยาวได้เกือบ 2 เมตร มีขนประดับหลากหลายแบบตั้งแต่ขนาดเล็กบริเวณส่วนหัวและลำตัวและปีก ไปจนถึงขนขนาดยาวใหญ่ที่งอกออกจากส่วนหางของมัน บรูแซทต์ตั้งข้อสังเกตว่าส่วนขาหน้าที่กลายเป็นปีกสมบูรณ์ของมันมีขนาดเล็กผิดปกติเมื่อเทียบกับขนาดของลำตัว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า จริงๆ แล้ว "เจิ้นหยวนหลง ซูนี" อาจใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไม่ได้บินไปมาบนอากาศ และทำให้เกิดปริศนาตามมาว่ามันมีปีกเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกัน
บรูแซทต์สันนิษฐานเบื้องต้นว่า ปีกของมันอาจใช้เพียงเพื่อประกอบการแสดงเพื่อดึงดูดเพศตรงกันข้าม แบบเดียวกับการใช้หางรำแพนของนกยูงหรือไม่ก็อาจใช้เป็นเครื่องมือในการปกป้องไข่ของมันเท่านั้นเอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1438058638.......................................................................
สวัสดีค่ะ
ไม่ได้มีมุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์มานาน...วันนี้เลยขอสักหน่อยไหนๆก็มีไดโนเสาร์ตัวแรกโผล่มาแล้ว
มีหลายคนสงสัยเรื่องที่อานโน่นอนทั้งๆที่ใส่วิกกับคอนแท็กเลนส์
ขอชี้แจงหน่อยนะคะ...ยุคที่อานโน่อยู่นั้นมีวิวัฒนาการซึ่งไกลมากดังนั้นการที่จะมีคอนแท็กเลนส์ที่ใส่แล้วไม่ระคายเคืองจึงเป็นเรื่องปกติแต่อานโน่ก็ไม่ได้ใส่ไว้ตลอดอย่างตอนที่พักอยู่กับเจฟก็จะถอดออกหลังปิดไฟและกลับมาใส่ในตอนเช้า...
แต่เมื่อมาอยู่กับเชสทำแบบนั้นไม่ได้เพราะอานโน่เวลาได้กลิ่นเชสมักจะคลายการป้องกันตัวลง เรียกว่าหลับสนิทก็ไม่ผิดจึงเป็นเรื่องยากที่จะให้ถอดๆใส่เหมือนเมื่อก่อน เวลาที่จะถอดวิกกับคอนแท็กเลนส์ออกเป็นตอนที่เชสไม่อยู่หรือเวลาเข้าห้องน้ำค่ะ
ประมาณนี้นะคะ...มีหลายคนเป็นห่วงกลัวอานโน่จะตาระคายเคืองเลยขอตอบสักหน่อยเนอะ
ตอนนี้มีฉากเด็ดสุดคือตอนที่เชสโดนอานโน่อุ้มตัวลอย555+
เราชอบฉากนี้มากเลยค่ะให้ความรู้สึกว่าอานโน่เป็นนายเอกที่แข็งแกร่งกว่าพระเอก
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆพัฒนาขึ้นทีละน้อย
มารอลุ้นกันว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นในตอนค่ะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจที่มีให้นะคะ
ดีใจมากๆเลยค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪