✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก {• หาคู่•พิเศษ2+เปิดพรี} P.38 4/08/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣Jurassic Confidant✣ คู่หู กลายพันธุ์รัก {• หาคู่•พิเศษ2+เปิดพรี} P.38 4/08/60  (อ่าน 240705 ครั้ง)

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
น้องน่ารักกก

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
• ·* หาคู่*· • วันที่ 1



การออกจากเกาะไปยังพื้นดินของประเทศอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากโดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่มีคู่หูแม้จะมีหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือแม่เป็นคนเดินเรื่องแต่ก็มีหลายอย่างที่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นการทำสิ่งที่เรียกว่าพาสปอร์ต พวกบัตรประจำตัวหรือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าบัตรATM

ไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่3อย่างผมหยิบเสื้อคลุมสีฟ้ามาใส่ก่อนจะเดินไปยืนข้างหน้ากล้องที่มีผู้เป็นแม่ถืออยู่ด้วยใบหน้าเบื่อๆ...วันนี้มีการถ่ายรูปติดบนบัตรต่างๆซึ่งถ้าถ่ายปกติคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้แต่เพราะต้องมีการปลอมตัวนั่นทำให้เหนื่อยพอดู

แม่บอกว่าการที่สามารถกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเผยแพร่ออกไปเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ด้วยสีผมสีเงินแซมน้ำเงินและดวงตาสีแดงอ่อนดูยังไงก็ไม่มีทางใช่มนุษย์แน่ๆเลยมีการเปลี่ยนทั้งสีผมและสีตาจนตอนนี้ผมมีสภาพเหมือนมนุษย์ปกติคนหนึ่ง

เส้นผมสีเงินแซมน้ำเงินยาวถูกจับใส่วิกผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีแดงอ่อนก็ถูกจับใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลอ่อนทำให้ดูเหมือนเด็กปกติที่หาได้ทั่วไป...

ที่ไว้ผมยาวก็ไม่ได้มีเหตุผลพิเศษเป็นแค่เหตุผลง่ายๆเพราะเห็นพ่อไว้แล้วดูดีเลยไว้มั่งเท่านั้นเองถึงจะรำคาญไปบ้างแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร...ตอนนี้ผมยาวๆนี่กลายเป็นสิ่งที่ผมหวงแหนเลยล่ะ

“อย่าพึ่งขยับนะ...ห้ามยิ้มด้วย”เสียงของแม่ดังขึ้นก่อนจะกดซัตเตอร์ซ้ำหลายต่อหลายครั้ง

กว่าจะได้รูปที่น่าพอใจก็หมดไปหลายชั่วโมง...ไม่นานบัตรทุกอย่างที่จำเป็นต้องมีก็เสร็จสมบูรณ์ น่าแปลกใจเหมือนกันที่มนุษย์ทุกคนพกบัตรกันเยอะขนาดนี้

วันที่ออกเดินทางพ่อและแม่ก็มาส่งผมที่เฮลิคอปเตอร์ตั้งแต่ช่วงบ่าย...ใบหน้าของแม่ดูจะเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกำลังจะขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์แค่เห็นใบหน้าแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าแม่เป็นห่วงผมมากขนาดไหน

ตั้งแต่เด็กก็มีพ่อและแม่คอยอยู่ข้างๆมาตลอดจนเติบโตมาได้ถึงแม้แม่ที่หลายๆคนเรียกจะแทนผู้หญิงแต่สำหรับผมการที่มีแม่เป็นผู้ชายไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยสักนิด

ถ้ามีใครถามผมก็พร้อมที่จะยืดอกแล้วบอกไปว่าแม่ผมเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก!

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ...แม่ไม่ต้องห่วงนะ”ผมเดินลงมาพร้อมกับกอดแม่ตัวเองเป็นการเอ่ยลา

“อยู่นั่นห้ามดื้อ...ห้ามทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายแล้วก็ห้ามกลับร่างด้วยนะถ้ามนุษย์คนอื่นรู้ว่าลูกกลายร่างได้ลูกก็จะ...”

“ผมจะเป็นอันตราย...เข้าใจแล้วผมไม่กลายร่างแน่นอน”...ถ้าไม่จำเป็นน่ะนะ

รู้สึกผิดเล็กๆที่ต่อประโยคเองในใจแต่จะให้อยู่ในร่างมนุษย์ตลอดก็คงทนไม่ไหว...แต่ถ้าจะกลับร่างก็คงต้องหาสถานที่ที่สามารถหลบไม่ให้ใครเห็น

ถ้าเกิดเรื่องยุ่งคงต้องเดือดร้อนถึงแม่แน่

“ที่นั่นไม่เหมือนเกาะนี้ไม่ต้องอาบน้ำทุกวันก็ได้...ถ้าหนาวมากก็ใส่เสื้อคลุมนอนนะจะใส่ไปเรียนก็ไม่ผิดกฎแม่แยกกระเป๋าใส่ไว้ให้แล้ว”แม่บอกต่อ

“เข้าใจแล้ว”

“ถึงแล้วโทรมาด้วยนะ”

“ได้ครับ”

“ยูทาร์พูดอะไรกับลูกหน่อยสิลูกจะไปแล้วนะ”แม่หันไปสะกิดบอกพ่อที่ยืนอยู่ข้างๆ

“หวังว่าลูกจะได้อะไรมากมายเมื่อกลับมานะ”เสียงทุ้มของพ่อเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้ม

“ครับพ่อ...ผมจะพยายามเข้าใจมนุษย์ให้ได้”

“ไม่จำเป็นต้องพยายามหรอกอานโน่”พ่อบอกพร้อมกับจ้องเข้ามาภายในดวงตาสีแดงอ่อนใต้คอนแทคเลนส์

“ทำไมล่ะครับ?”

“การที่พยายามมากไปมันจะกลายเป็นความกดดัน...แล้วก็บางทีลูกอาจไม่ต้องพยายามที่จะเข้าใจเพราะมนุษย์อาจเป็นฝ่ายที่พยายามจะเข้าใจลูกเองก็ได้”

“...ผมไม่เข้าใจ”

“ตอนนี้อาจไม่เข้าใจแต่ต่อไปลูกจะเข้าใจเอง...ขอให้เข้าใจมนุษย์ได้นะอานโน่...ดีไม่ดีลูกอาจเจอคู่หูที่พึ่งพาได้ก็ได้”คำลาสุดท้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่ลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณครับ...ไว้ผมจะกลับมาหานะ”ผมยิ้มกว้างให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปยังเฮลิคอปเตอร์เพื่อตรงไปยังทวีปยุโรปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่หนึ่งในประเทศมหาอำนาจ...

‘ฝรั่งเศส’

ประเทศที่แม่เกิดและเติบโตมา...อยากรู้จังว่าจะมีผู้คนแบบไหนอยู่

การเข้าประเทศดูไม่วุ่นวายอย่างที่คิดอาจเป็นเพราะในบัตรประจำตัวผมมีเขียนไว้ว่าเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสก็ได้...ในความเป็นจริงผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีเชื้อสายอะไร รู้แค่ว่ามียีนของมนุษย์และไดโนเสาร์อยู่เท่านั้น

โชคดีที่ประเทศนี้สามารถใช้ภาษาอังกฤษที่เรียนรู้มาตั้งแต่เกิดได้เลยไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร...ตอนเด็กๆจำได้ว่าแม่เคยสอนภาษาฝรั่งเศสให้เลยพอฟังและพูดได้บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับคล่อง เพียงแค่นั้นผมก็ได้รับคำชมไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว

เห็นว่าพ่อยังพูดได้น้อยกว่าผมซะอีกทั้งที่สอนมาตั้งนาน

รถแท็กซี่หยุดลงที่หน้ามหาวิทยาลัยขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก่อนจะจากไปเมื่อผมลงมาแล้ว...จากที่มองภายนอกก็รู้สึกถึงความกว้างที่ไม่สิ้นสุด กำแพงที่สร้างขึ้นจากหินซ้อนกันหลายๆชั้นยาวไปสุดสายตาเช่นเดียวกับประตูด้านหน้าที่ดูหรูหราจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย

ผมเดินเข้ามาภายในโดยมีกระเป๋าเป้ใบเล็กใบเดียว ของที่เหลือแม่บอกว่าส่งมาให้แล้วตั้งแต่วันก่อนเลยไม่ต้องแบกมาเองให้หนัก

จะว่าไปกระเป๋าแค่3-4ใบไม่เรียกว่าหนักหรอก...สำหรับมนุษย์ปกติอาจหนักมากแต่ด้วยยีนของไดโนเสาร์ที่อยู่ในร่างทำให้มีพละกำลังมากกว่าปกติ

ระหว่างทางเดินดวงตาสีแดงอ่อนภายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลก็หันมองซ้ายขวาอย่างสำรวจ ทางเดินยาวอยู่ติดกับถนนที่มีพุ่มไม้เตี้ยประดับตลอดทางที่ผ่านไปจนถึงส่วนที่เป็นพื้นที่สำหรับการศึกษาหรือตึกเรียนตั้งอยู่ห่างกันพอประมาณโดยมีสวนหย่อมเล็กๆคั่นกลางอยู่

ตึกเรียนที่เรียงรายอยู่ตามทางที่ผ่านเรียกความสนใจจากลูกครึ่งไดโนเสาร์อย่างผมได้อยู่ตลอดทาง คงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากเกาะเลยรู้สึกสนใจทุกอย่างที่อยู่รอบกาย...ก่อนมาผมได้รับการฝึกเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์มาคร่าวๆจากแม่แล้วไม่ว่าจะเป็นการวางตัวต่อเพื่อนใหม่หรือคนที่มีอายุมากกว่าซึ่งค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับไดโนเสาร์อย่างพวกเราอยู่มากโดยเฉพาะการเคารพคนที่มีอายุมากกว่า

ในฝูงไดโนเสาร์ส่วนมากตัวที่เป็นจ่าฝูงไม่จำเป็นต้องมีอายุมากที่สุดส่วนมากจะเป็นไดโนเสาร์หนุ่มสาวที่มีพละกำลังมากที่สุด...ใครที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ก็ถือว่าเป็นจ่าฝูง

ไม่มีความเคารพ

ไม่มีความเกรงใจ

ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเมตตาต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า

แต่สำหรับไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างพวกเราถูกสอนมาให้รู้จักเคารพผู้ใหญ่อยู่แล้วเรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหา

สองขาเดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงหอพักตามที่อยู่ในแผนที่ด้านหน้ามหาวิทยาลัย...หอพักขนาดใหญ่ที่มีถึง6ชั้นจากที่มองขนาดของห้องนั้นก็ใหญ่พอสมควรน่าจะอยู่ห้องละ2-3คน

ผมเดินเข้าไปภายในหอพักขนาดใหญ่ที่ถูกทาสีด้วยสีฟ้าโทนสว่างดูสบายตาและกว้างกว่าที่เห็นภายนอกอยู่พอสมควร...

“สวัสดีจ้า...หน้าไม่คุ้นเลยนะมาหาเพื่อนเหรอ?”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม

“ผมพึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่น่ะครับ”

“ย้าย?...อ้อ...อาคริว คราเซ่?”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าดูจะงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“ใช่ครับ”

อาคริว คราเซ่เป็นชื่อที่ใช่เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ การที่แม่ไม่ให้ใช่นามกุลเดียวกันก็พอเข้าใจอยู่...ถ้าอยู่ๆนามสกุลดังอย่าง เบนซ์ ฟงเซ่ มาปรากฏตัวที่นี่คงมีปัญหาเกิดขึ้นแน่

การมีคุณปู่และคุณแม่เป็นคนดังก็ลำบากแบบนี้ล่ะนะ

“ถ้าเป็นห้องของเราอยู่ชั้น5ห้อง505นะ...ข้าวของมีคนเอามาส่งตั้งแต่วันก่อนแล้วนะ”

“ขอบคุณมากครับ”

“น้าค่อนข้างแปลกใจที่มีนักศึกษาย้ายมาแบบนี้แถมยังเป็นปีสุดท้ายอีก...จะเป็นไรไหมถ้าจะถามว่ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”ดูท่าเธอจะสนใจเรื่องของผมมากพอดูเลยสิ

จะให้บอกความจริงก็คงไม่ได้

งั้นก็คงไม่มีทางเลือกสินะ

“พอดีครอบครัวผมถูกย้ายงานอย่างกะทันหันเลยจำเป็นต้องย้ายมานี่ครับ”ผมตอบกลับไปอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้

“เหรอจ๊ะ...ลำบากแย่เลยนะต้องมาหาเพื่อนใหม่แบบนี้”

“ไม่เป็นไรครับ...คุณน้าก็ลำบากแย่เลยนะครับที่ต้องมาดูแลหอแทนสามีแบบนี้”

“...ทำไมถึงรู้ว่าน้าไม่ใช่คนดูแลล่ะ?”อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด

“ก็ที่นี่เป็นหอชายนี่ครับ...การที่ให้ผู้หญิงมาดูแลคงจะไม่ได้เลยคิดว่าคุณน้าคงเป็นภรรยาของผู้ดูแลมากกว่า...ถูกไหมครับ?”ผมลองถามกลับไป

“ถูกต้องเลย...เรานี่ฉลาดจริงๆเลยนะ...รอแป๊บนะน้าจะไปเอาคีย์การ์ดให้”หญิงวัยกลางคนบอกก่อนจะวิ่งกลับไปยังเคาน์เตอร์กระจกที่อยู่ไม่ไกล ไม่นานคีย์การ์ดสีเงินสวยที่มีชื่อและรูปถ่ายผมอยู่ด้านบนก็มาอยู่ในมือ

พอกล่าวลาเสร็จก็ตรงไปยังห้องของตัวเองด้วยความโล่งใจที่ไม่ถูกจับได้ อาจเป็นเพราะคำอธิบายนั้นไม่สร้างความสงสัยให้อีกฝ่ายเลยไม่ได้เอะใจอะไร

สำหรับมนุษย์ที่มีความสามารถอาจอธิบายไปแบบนั้นแต่ไม่ใช่กับผม...ที่รู้เรื่องคุณน้าเป็นภรรยาผู้ดูแลก็เป็นเพราะกลิ่นของเธอที่มีกลิ่นของผู้ชายวัยเดียวกันอยู่ล้อมรอบ การที่จะมีกลิ่นติดขนาดนี้ก็คิดได้แค่ต้องอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลานั่นทำให้ผมแน่ใจว่าเธอเป็นใคร

ห้องหมายเลข505ถูกเปิดเข้าไปภายในก่อนจะเห็นผู้ชายที่อยู่ภายในห้องกำลังสวมกางเกงในอยู่กลางห้อง เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเสียงเปิดประตูก่อนค่อยๆหันมามอง ดวงตาสีเขียวอ่อนสบเข้ากับดวงตาสีแดงใต้คอนแทคเลนส์อย่างสั่นๆและไม่กี่วินาทีต่อมาก็...

“เฮ้ยยยย!!....โรคจิตตตต!!!!”

ชายที่อยู่ในห้องเบิกตากว้างพร้อมตะโกนขึ้นด้วยเสียงดังลั่นก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวมาคลุมร่างกายไว้แล้วทำท่าสะอื้นราวกับผมไปทำร้ายร่างกายเขางั้นแหละ

“...โรคจิต?”เหมือนจะเคยได้ยินคำนี้มาก่อนนะ

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นคำที่ไว้ให้ด่าคนที่ไม่มีมารยาท

ผมถูกด่า?

“นายเป็นใครกัน?...เข้ามาในห้องนี้ทำไม?...ต้องการอะไรจากฉัน?....ไม่นะ!...หรือว่านายเห็นว่าฉันน่ารักเลยคิดจะมาข่ม....อึก...ใช่ไหม?!”คำถามนับสิบดังรัวพร้อมใบหน้าขาวที่แดงขึ้น คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่นโดยที่ดวงตาสีเขียวอ่อนก็จ้องมาเขม็ง

“ขอโทษที่ไม่ได้เคาะประตู”ผมบอกอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยที่หันไปปิดประตูที่เปิดอ้าไว้

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเฟ้ย!...ตอบมาเดี๋ยวนี้ว่านายเป็นใคร?!”

“ฉันชื่ออาคริว...อาคริว คราเช่...เป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย”ผมแนะนำตัวก่อนจะหันไปมองสำรวจภายในห้องขนาดเล็กที่มีเตียงอยู่สองเตียงคนละฝากของห้องโดยที่มีโต๊ะคอมและตู้เสื้อผ้าตั้งไว้ติดๆกัน ห้องนี้ดูเหมือนจะแบ่งกันอยู่คนละครึ่งโดยมีตรงกลางเป็นโซฟาตัวยาวสีน้ำตาลกับโต๊ะญี่ปุ่นตั้งอยู่...ส่วนห้องน้ำดูจะอยู่ทางฝั่งของเพื่อนร่วมห้อง

“เพื่อน?...อ้อ...เจ้าของกระเป๋าหรูๆพวกนั้นใช่ไหม?”พูดจบอีกฝ่ายก็ชี้ไปยังกระเป๋าหนังใบโต4ใบที่วางอยู่ข้างเตียงฝั่งตรงข้าม

“...ใช่...ของฉันเอง”กลิ่นที่โชยออกมาเป็นกลิ่นของแม่แปลว่าของพวกนั้นเป็นพวกเสื้อผ้าที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้

“เหอะ...พวกลูกคุณหนูนี่หว่า”ชายผมน้ำตาลเข้มตรงหน้าพึมพำเบาพรางจ้องมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่

“ลูกคุณหนู?”ถึงจะเป็นเพียงแค่คำพึมพำเบาๆแต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์หลายร้อนเท่าจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้ยิน

“ได้ยินด้วย?...นายนี่หูดีชะมัด...เอาเถอะๆ...ฉันไม่ได้พูดผิดนี่กระเป๋าหนังยี่ห้อนั่นเห็นว่าเป็นของแพงที่คนทั่วไปไม่มีวันได้แตะ...การที่นายมีมันตั้ง4ใบจะเรียกว่าลูกคุณหนูมันผิดตรงไหน”น้ำเสียงที่ดูหาเรื่องยังคงบ่นออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีการหยุดพัก

ถ้าเป็นคนอื่นอาจรำคาญแต่สำหรับผมไม่คิดแบบนั้นเพราะการที่พูดสิ่งที่คิดกับสิ่งที่รู้สึกออกมาให้ตรงกันได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
มนุษย์ปกติมักจะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองแล้วพูดเพียงสิ่งที่จะหาประโยชน์เข้าตัวทั้งนั้น

“กระเป๋านั่นแพงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ...ค่าเทมอที่นี่ที่ว่าแพงยังเทียบไม่ติดกับราคากระเป๋านั่นเลยด้วยซ้ำ”

“แต่กระเป๋านั่น...”

“ไม่ต้องมาอวดว่าพ่อแม่ซื้อให้เลย...ไม่อยากฟังคำพวกนั้นหรอก”อีกฝ่ายพูดแทรกโดยไม่ฟังความจริงเลยสักนิด อยากจะบอกว่ากระเป๋าพวกนั้นพ่อแม่ผมไม่ได้ซื้อให้แต่จำได้ว่ามีคนให้ฟรีมาตอนไปทำภารกิจแต่แม่ไม่ค่อยชอบเลยยกให้ผมหมด

ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ก็ตาม

“นายชื่ออะไร?”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะถ้ายังแก้ตัวต่อไปคงไม่จบแน่

“ชิ...เป็นลูกคุณหนูที่แปลกชะมัดไม่รำคาญฉันเลยเหรอ?...ไม่พูดจาเหยียดหยามซะหน่อยล่ะ?”

“ไม่นี่...การที่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอยู่มันสุดยอดจะตายไป”ผมบอกออกไปตรงๆก่อนจะคลี่ยิ้มส่งไปให้อีกฝ่ายที่ถึงกับเบิกตากว้างพร้อมใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย

“คะ...คนพิลึก!”

“...”ผมเงียบกับคำตะโกนนั่น

ดูท่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้จะเข้ากันได้แฮะ

“...ฉันชื่อเจฟ...เจฟฟี่ กาค์ตโต้...ฉันยอมรับนายเป็นเพื่อนก็ได้”

“ขอบคุณ...ฝากตัวด้วย”

หลังจากทำความรู้จักเพื่อนร่วมห้องเสร็จผมก็เริ่มเปิดกระเป๋าที่ถูกส่งมาแล้วจัดเรียงเสื้อผ้ามากมายใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าด้านข้างแค่กระเป๋าเดียวก็จะเต็มตู้แล้วไม่รู้ว่าแม่จะขนเสื้อผ้ามาให้เยอะขนาดนี้

แล้วอีก3กระเป๋าที่เหลือจะทำไงดีล่ะ?

“เสื้อผ้านายเยอะชะมัด”เสียงของเจฟดังขึ้นจากโซฟายาวตรงกลางห้อง ตลอดการจัดของเขาก็ไม่ส่งเสียงพูดคุยหรือทำอะไรนอกจากนั่งอ่านการ์ตูนเงียบๆบนโซฟา

“แม่จัดมาให้น่ะ”

“ดูท่าแม่คงจะรักนายมากเลยล่ะสิ”

“...อืม...คงงั้น”จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้

วันแรกที่ได้พบกับแม่...ดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่ทอประกายสดใสยามราตรี

ประโยคที่บอกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

อ้อมกอดอันอบอุ่นและความรักที่มีให้อย่างเต็มเปี่ยมทั้งที่ไม่มีสายเลือดเดียวกัน

“อิจฉาชะมัดคนที่มีแม่เนี่ย”

“ทำไมล่ะ?”ผมหันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่มองมาทางนี้ด้วยแววตาเศร้าๆ

“...ฉันไม่มีแม่หรอกมีแค่พ่อคนเดียว”อีกฝ่ายตอบกลับก่อนจะซุกหน้าลงที่แขนตัวเอง

“เราอาจคล้ายกันก็ได้นะ”ผมพึมพำก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังโซฟาตัวยาวสีน้ำตาลที่เจฟนั่งอยู่

“คล้ายตรงไหน?...นายที่มีครอบครัวเพียบพร้อมกับฉันที่มีแค่พ่อน่ะ!...เราคล้ายกันที่ไหนอย่างมาสงสารกันนะเฟ้ย!!!”เป็นอีกครั้งที่ถูกเพื่อนร่วมห้องตะโกนใส่พร้อมใบหน้าที่คลอไปด้วยน้ำตา

ดูท่าคงจะต้องอธิบายให้เข้าใจสินะ

“ฉันเองก็ไม่มีพ่อแม่...”

“ห๊ะ?...พูดอะไรก็เห็นเรียกว่าแม่อยู่นี่”

“พ่อแม่ในตอนนี้ไม่ใช่พ่อแม่จริงๆแต่เป็นพ่อแม่ที่รับฉันมาเลี้ยง...ฉันไม่มีหรอกพ่อแม่ที่ร่วมสายเลือดเดียวกันน่ะ...นายไม่มีแม่ส่วนฉันไม่มีครอบครัวจริงๆฉันถึงได้บอกว่าเราคล้ายกัน”ผมเล่าเรื่องจริงของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง

ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ถูกสร้างขึ้นมาจากยีนของมนุษย์และไดโนเสาร์

ดังนั้นไม่มีหรอกคำว่าครอบครัวน่ะ

ถึงจะดูเศร้าแต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น...พวกเราที่เกิดมาจะถูกดูแลอย่างดีจากผู้ดูแลจนโตขึ้นและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง

แม่บอกอยู่เสมอว่าถึงพวกเราจะถูกสร้างมาเพื่อผลประโยชน์แต่เมื่อเกิดมาแล้วทุกชีวิตล้วนมีค่าและสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้...มีไดโนเสาร์กลายพันธุ์หลายคนที่ไม่ชอบการต่อสู้และไปบอกกับแม่ แทนที่จะถูกว่ากลับถูกแม่บอกให้ลองมาช่วยงานวิจัยดูไหม

ตอนนี้ที่เกาะเลยมีนักวิจัยที่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์อยู่พอสมควร

“...ฉันขอโทษ”เจฟเงียบไปสักพักก่อนจะพึมพำเสียงเบา

น้ำเสียงที่อ่อนลงมากทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะรู้สึกผิดที่พูดแรงๆออกมา

“ไม่เป็นไร”

“นี่อาคริว...”

“อานโน่”ผมแก้

“หื้อ?”

“ชื่อเล่นฉันคืออานโน่...เรียกว่าอานโน่ก็ได้”

“อานโน่...ได้ๆ...ต่อจากนี้นายคือเพื่อนสนิทฉัน”

“เพื่อน...สนิท?”

“ใช่...ดังนั้นถ้ามีอะไรถามฉันได้ทุกเรื่องเลยนะ”น้ำเสียงอีกฝ่ายดูจริงจังมากจนผมต้องผยักหน้ารับไปอย่างงงๆ...พึ่งได้เป็นเพื่อนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแต่ตอนนี้กลับได้เป็นเพื่อนสนิทแล้ว?

มนุษย์นี่...เป็นเลื่อนขั้นความสัมพันธ์กันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

“นี่ๆรู้ไหมว่าโรงอาหารด้านล่างน่ะมีร้านมาเปิดใหม่ด้วยล่ะ”เพื่อนร่วมห้องเพียงคนเดียวดึงหนังสือเล่มบางในมือผมออกก่อนจะพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย

ห้องเงียบได้ไม่กี่นาทีก็กลับมาเสียงดังอีกรอบแล้ว

“ร้าน?”

“ร้านข้าวไง...ลงไปกินกันเถอะเห็นว่าเป็นร้านพาสต้าด้วย”

“ก็ได้”ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
(ต่อค่ะ)


เมื่อตกลงกันได้ก็ถูกเจฟลากลงไปยังโรงอาหารที่อยู่ด้านข้างของหอพักโดยไม่รอแม้แต่เวลาให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า...กลิ่นของอาหารมากมายลอยออกมาตั้งแต่ก่อนที่จะออกจากหอพักยิ่งเข้าไปใกล้กลิ่นก็ยิ่งแรงขึ้นจนแสบจมูกไปหมด

“เป็นอะไรน่ะ?”เจฟถามก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งในร้านพาสต้าที่พึ่งเปิดใหม่

“...ไม่เป็นไรแค่คัดจมูกนิดหน่อย”ผมโกหกออกไปพรางยกเสื้อคลุมมาปิดจมูกเพื่อให้รับกลิ่นแรงๆพวกนี้น้อยลง ไม่ใช่แค่กลิ่นอาหารแต่ยังมีกลิ่นของผู้คนมากมายที่แออัดอยู่ภายในยิ่งประสาทสัมผัสดีเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกแย่กับบรรยากาศในตอนนี้เท่านั้น

“ไม่สบายล่ะสิ...รีบกินแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะ...พี่ครับเอาสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้งครับ...อานโน่เอาอะไรดี”เจฟตะโกนสั่งกับพนักงานที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันกลับมาถาม

“...เอาเหมือนกันก็ได้”ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วอยากรีบกินให้เสร็จแล้วออกไปจากที่นี่สักที

“เอาสองที่เลยพี่”

สั่งไปได้ไม่นานสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมากุ้งสองจานก็มาวางอยู่ตรงหน้า...ไอร้อนๆกับกลิ่นแสบจมูกยิ่งทำให้ความยากอาหารลดลงแต่เพื่อรีบออกไปจากที่นี่ผมเลยจำใจตักสปาเก็ตตี้คำโตเข้าปากอย่างรวดเร็ว

“เผ็ดดด~...น้ำ!...ขอน้ำ”ผมแทบพ่นสิ่งที่อยู่ในปากออกมาก่อนจะคว้าแก้วน้ำขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วแต่ความเผ็ดที่ลิ้นก็ยังไม่หายไป

ให้ตายสิทำไมมันถึงเผ็ดขนาดนี้กัน!

“ฮะฮะฮะ...กินเผ็ดไม่ได้ทำไมไม่บอกเล่า”คนนั่งตรงข้ามขำกลิ้งกับท่าทางของผมและตักสปาเก็ตตี้แบบเดียวกันเข้าปากก่อนกลืนลงไปอย่างสบายๆจนผมต้องมองอย่างอึ้งๆ

เผ็ดขนาดนั้นกินไปได้ยังไง?

“...กินได้นะ”ผมเถียงกลับ อาหารที่กินก็มีรสเผ็ดอยู่บ้างแต่ไม่เผ็ดมากขนาดนี้

“ได้ที่ไหน...สภาพน่าขำชะมัด...พี่ครับขอสปาเก็ตตี้คาโบนาล่าเพิ่มที่หนึ่งครับ”

“ยังจะกินอีกเหรอ...เอาของฉันไปก็ได้”ผมบอกแล้วเลื่อนจานของตัวเองที่พึ่งกินให้อีกฝ่าย

“สั่งให้นายต่างหาก...ไม่ต้องห่วงอันนั้นไม่เผ็ดแน่”

เป็นอย่างที่เจฟบอกสปาเก็ตตี้อีกจานที่มาเสิร์ฟผมสามารถกินได้โดยไม่มีรสเผ็ดเลยสักนิดผมเลยจัดการสั่งเพิ่มอีก3จานท่ามกลางความอึ้งของเพื่อนใหม่...พอเราจัดการอาหารเรียบร้อยก็กลับห้องตามเดิม

ช่วงเย็นหลังจากโดนลากไปกินข้าวผมก็ขอแยกตัวออกมาเดินเล่น...กลิ่นของป่าที่สัมผัสได้ไม่ไกลทำให้ตัดสินใจที่จะเดินไปท่ามกลางความมืดมิดนี้อีกสักหน่อย...

แม้จะมีแสงไฟตามทางแต่พอเดินลึกไปทางด้านหลังหอก็มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเท่านั้น...กลิ่นของต้นไม้และดินค่อยๆเรียกความสดชื่นให้กลับมาอีกครั้ง แค่วันเดียวที่เข้ามาให้สังคมของมนุษย์ล้วนมีแต่ความวุ่นวายและสับสน...เสียงต่างๆดังเข้ามาภายในหัวจนรู้สึกปวดไปหมดไม่แปลกเลยที่พวกไดโนเสาร์กลายพันธุ์คนอื่นๆจะบอกว่าที่เกาะดีที่สุดแล้ว

ผมเดินก้าวไปตามชายป่าก่อนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นของมนุษย์คนหนึ่งที่แตกต่างกับที่เคยเจอ...ไม่เหมือนเจฟที่มีกลิ่นให้ความรู้สึกร่าเริงแต่แฝงได้ด้วยความเหงา

ไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติที่มักจะมีกลิ่นของน้ำหอมและความเสแสร้ง

กลิ่นที่สัมผัสได้เหมือนกลิ่นของธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่งแต่แฝงไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆอย่างที่ไม่เคยได้กลิ่นนี้จากใครมาก่อน...

“กลิ่นนี่...”ผมพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัวโดยที่สองขาก้าวเข้าไปใกล้มนุษย์คนนั้นมากขึ้นจนสามารถมองเห็นร่างของคนตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น

ร่างโปร่งสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงสีเข้มเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังเลยหันมามองยังผมที่ยืนอยู่ไม่ไกล

ดวงตาคู่นั้นที่หันมาทำให้ร่างกายผมถึงกับชะงักการเคลื่อนไหวแม้อยู่ในความมืดก็ยังสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน...
ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม

สีที่เหมือนกับสีผมของผม...และยังเป็นสีเดียวกับร่างไดโนเสาร์ตอนที่โกรธมากๆ

พึ่งเคยเห็นครั้งแรก...

ดวงตาสีนั้น

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนรู้เพียงแค่ดวงตาคู่นั้นมันสะกดผมจนอยู่หมัดอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้แม้แต่ดวงตาคู่สวยของแม่ที่ตราตรึงได้ทุกครั้งที่มอง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนี่มันไม่ใช่แค่ตรึงหรือสะกดได้เท่านั้นมันยังดึงดูดจนขาของผมต้องก้าวเข้าไปใกล้เพื่อจะมองดวงตานั่นให้ชัดมากขึ้น

ระยะห่างที่ร่นลงเรื่อยๆทำให้รู้ว่าชายตรงหน้าสูงกว่าอยู่หลายเซ็น...น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ถอยหนีหรือละสายตาออกไปสิ่งที่เขาทำมีเพียงยืนอยู่เฉยๆโดยที่ดวงตาคู่งามนั่นยังประสานกันอยู่เหมือนเดิม

พวกเรายืนจ้องตากันอยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆทิ้งผมไว้ยืนอยู่เพียงลำพัง เสียงฝีเท้าที่ไกลออกไปเริ่มเบาลงเรื่อยๆจนไม่ได้ยิน กว่าจะรู้ตัวก็จำทั้งเสียงฝีเท้าหรือแม้แต่กลิ่นของอีกฝ่ายไว้อย่างชัดเจนแล้ว

“...อะไร...เมื่อกี๊มัน...เกิดอะไรขึ้น?”ผมถามตัวเองก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวสกปรก

ที่อยากรู้ตอนนี้มีเพียงมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่

ไม่เคยเจอผู้ชายแบบนั้นมาก่อนในชีวิต

พลังงานของเขามันช่างสงบและน่าค้นหาแต่มันก็แฝงไปด้วยบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้...รู้แค่พอมองตาสีน้ำเงินเข้มนั่นหัวใจมันบีบรัดและเต้นเร็วกว่าปกติมากนัก

เขาเป็นใครกัน?

ผมคิดเรื่องนี้อยู่แทบทั้งคืนและยังคงคิดต่อในขณะที่เข้าเรียนคลาสแรกวิชาการวิเคราะห์เนื้อเยื่อ...คณะที่เรียนก็เป็นคณะเดียวกับที่แม่เรียนซึ่งก็คือคณะวิทยาศาสตร์และการเพาะพันธุ์ ที่เลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะมีความรู้ที่ได้จากแม่มาอยู่พอสมควรเลยสามารถเข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนได้โดยไม่ต้องเรียนตั้งแต่ปี1

การเข้าเรียนในปีสุดท้ายโดยไม่มีพื้นฐานถือเป็นเรื่องยากที่จบออกไปด้วยคะแนนสวยๆเหมือนแม่แต่ยังไงก็จะพยายามไม่ให้ขายหน้าตระกูล เบนซ์ ฟงเซ่แน่นอน

อาจเป็นเพราะปีสุดท้ายการเรียนเลยไม่หนักเท่าปีอื่นๆทำให้วันนี้มีเรียนเพียงวิชาเดียวเท่านั้น...เมื่อไม่มีอะไรทำผมเลยตัดสินใจที่จะไปห้องสมุดตามที่แม่แนะนำมาว่าถ้าอยากหาที่สงบๆห้องสมุดเป็นที่ที่แม่แนะนำอันดับต้นๆเลย

ส่วนเจฟฟี่หรือเจฟคงกำลังเล่นกีฬากับเพื่อนในคณะอยู่...เห็นว่าเจฟเป็นนักกีฬาเทนนิสซึ่งก็เหมาะกับบุคลิกและผิวที่คล้ำแดดดี
ห้องสมุด...ไม่สิ...น่าจะเรียกว่าหอสมุดมากกว่าถ้าขนาดจะใหญ่ขนาดนี้ ใหญ่กว่าหอพักที่ผมอยู่ซะอีก...ผนังที่ถูกทาสีขาวด้านนอกทำให้ดูสว่างตามากภายในถูกทาด้วยสีเหลืองนวลดูสบายตา

สมกับที่แม่แนะนำ...นอกจากสงบเงียบแล้วจะไม่มีกลิ่นมากมายปนกันกลิ่นที่สัมผัสได้ส่วนใหญ่ก็เป็นกลิ่นกระดาษทั้งนั้น ระหว่างเดินมองหาหนังสือสักเล่มดวงตาสีแดงอ่อนภายใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลก็ต้องสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นด้านใน...หนังสือที่ว่าเป็นหนังสือที่แต่งขึ้นโดยปู่ของผมหรือบิดาแห่งการคืนชีพ ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่

หนังสือเล่มนี้เขียนบอกถึงลักษณะที่ต่างกันของเนื้อเยื่อไดโนเสาร์แต่ละตัวพร้อมบอกเกี่ยวกับเรื่องยีนของไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ...สำหรับหลายคนคงเป็นหนังสือชวนง่วงและสำหรับผมก็ไม่ต่างกัน เมื่อก่อนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้อ่านแต่พออ่านบ่อยๆเข้าก็สามารถจำตัวอักษรได้ทุกตัวอักษรแล้ว

“...กลิ่นนี้มัน”จมูกมลฟุดฟิดไปมาเมื่อได้กลิ่นคุ้นๆไม่นานร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในสายตาเส้นผมสีน้ำตาลซอยสั้นพลิ้วไหวไปมาเล็กน้อย ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มที่มองตรงไปด้านหน้าโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย

ผู้ชายคนนั้น...

ที่เจอเมื่อวาน

ไม่รู้อะไรที่ดลใจให้ผมเดินตามกลิ่นอีกฝ่ายจนออกจากหอสมุดตรงผ่านตึกเรียนหลายตึก...แสงแดดยามเที่ยงส่องสว่างจ้าสะท้อนกับเส้นผมสีน้ำตาลทำให้ดูเหมือนเส้นผมนั้นเปร่งประกายออกมาเลย

“อ๊าย...นั่นพี่เชสนี่นา...หล่อสุดๆเลยเนอะ”เสียงของสาวคนหึ่งดังเข้าหู

“ใช่ๆ...คนอะไรไม่รู้แค่เดินยังหล่อเลย”อีกเสียงพูดสบทบ

เชส?

ชื่อของชายคนนี้เหรอ?

ผมได้แต่ถามตัวเองโดยไม่รู้คำตอบจนถึงหอพักของตัวเอง...ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินหายไปยังด้านหลังของหอพักบริเวณชายป่าที่พวกเราเจอกันเมื่อวาน การที่เดินตามแต่อีกฝ่ายไม่รู้อาจเป็นเพราะผมเว้นระยะห่างเยอะก็ได้นะ...

ผมไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้มากเพราะกลิ่นของเขามีเอกลักษณ์ถ้าตั้งใจหาก็ไม่ยากเกินความสามารถ

ดวงตาสีแดงอ่อนใต้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลมองชายหนุ่มที่แอบตามเดินเข้าไปในป่า นั่นทำให้สองขาของผมวิ่งตามไปโดยให้เกิดเสียงเบามากที่สุด เส้นทางที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนสร้างความตื่นเต้นให้ผมเป็นอย่างมากจากที่ตามคนที่มีกลิ่นน่าสนใจอยู่ก็เปลี่ยนมาเป็นกระโดดไปตามกิ่งไม้แต่ละกิ่งแทน

ด้วยการทรงตัวชั้นยอดและพละกำลังมากมายทำให้สามารถกระโดดไปตามกิ่งไม้ได้อย่างสบายๆ...บรรยากาศภายในป่าสดชื่นมากกว่าตึกที่อยู่อาศัยของมนุษย์เป็นไหนๆ

เสียงของป่า...

เสียงของสายลม...

เสียงของผืนดิน...

และเสียงของเหล่าสัตว์ที่อาศัย...

ไม่ว่ายังไงผมก็ชอบเสียงพวกนี้มากที่สุด

กรรร!

เสียงคำรามของสัตว์ป่าดังขึ้นพร้อมกับจมูกของผมที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นเลือด...ภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้าป่ามาผุดขึ้นในหัวแทบจะทันที

“อย่าบอกนะว่า...”

ผมใช้เวลาไม่นานหาที่มาของเสียงและกลิ่นเลือดก่อนจะวิ่งตรงไปยังที่นั่นด้วยร่างกายที่อยู่ในร่างมนุษย์ทำให้ความเร็วลดลงกว่าตอนร่างไดโนเสาร์อยู่มากกว่าจะมาถึงก็เสียเวลาไปเยอะ...ภาพตรงหน้าคือภาพของผู้ชายร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ลูกป่าหมาด้วยฝ่ามือที่มีเลือดไหลซึมอยู่ ดูจากบาดแผลคงจะถูกลูกหมาป่าขวนเอา

“นายจะทำอะไรน่ะ?!”ผมตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้าไปดึงอีกฝ่ายให้ออกห่างลูกหมาป่าตัวนั้นอย่างรวดเร็ว

กรรร!

เสียงขู่ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ขาทั้งสี่ข้างจะค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้ร่างของมันทรุดลงไปที่พื้นตามเดิม....ผมมองไปยังขาหลังที่ดูจะมีบางอย่างผิดปกติอย่างสงสัย

บาดเจ็บ?

“ปล่อย”เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมสะบัดมือที่ผมจับไว้ทิ้งแล้วเดินกลับเข้าไปหาลูกหมาป่าตัวเดิมที่ขู่เสียงดัง

“จะเข้าไปให้ถูกกัดรึไง?”ผมถามพร้อมกับจับข้อมืออีกฝ่ายไม่ให้เดินเข้าไปมากกว่านี้

สัตว์ป่าที่บาดเจ็บอันตรายมากถึงแม้จะเป็นเพียงลูกมันก็ตาม

“ไม่เกี่ยวกับนายนี่”

“...”เป็นอีกครั้งที่ถูกสะบัดมือทิ้ง ผมได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายเข้าไปจับขาหลังของลูกหมาป่าข้างที่คาดว่าจะบาดเจ็บก่อนจะคลึงเบาๆ
เอ๋ง!

เสียงร้องดังลั่นก่อนลูกหมาป่าจะหันมาอ้าฟันอันแหลมคมออกเตรียมจะกัดเข้าที่มือข้างที่จับมันไว้...ไม่รู้ว่าทำไม่ตัวเองถึงทำแบบนี้แต่พอรู้ตัวอีกทีมือของผมก็ถูกเขี้ยวที่เล็กๆนั่นกัดจมเขี้ยว

“ซี๊ดด...”ผมร้องออกมาเล็กน้อยพรางเอื้อมมือไปลูบคางของลูกหมาป่าเบาๆ...สัตว์ที่หวาดกลัวอยู่ไม่ความลูบหัวแต่ควรจะลูบด้านใต้เพื่อให้ผ่อนคลาย

“...ช่วยฉันทำไม?”เสียงทุ้มจากด้านหลังถามขึ้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงอย่างไม่เข้าใจ

“นั่นสิ...ไม่รู้เหมือนกัน...เอาเป็นว่ารีบจัดการให้เสร็จสิ”ผมบอกพรางมองไปยังถุงด้านข้างที่มีอุปกรณ์สำหรับรักษาเปิดวางเตรียมพร้อมอยู่

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่จัดการรักษาลูกหมาป่าต่ออย่างตั้งใจ...เมื่อเห็นว่าเขามีสมาธิอยู่กับการทำแผลผมก็หันกลับมามองลูกหมาป่าที่ยังกัดมืออยู่ไม่ปล่อย

เสียงครางเล็กๆที่ดังอย่างต่อเนื่องมนุษย์ปกติคงจะไม่รู้ถึงสิ่งที่สัตว์สี่เท้าต้องการบอกแต่ผมนั้นเข้าใจเพราะเป็นสัตว์กึ่งสี่เท้าเหมือนกัน...

‘ผมไม่อร่อยหรอกนะ’ลูกหมาป่าบอกเสียงสั่นแล้วพยายามฝังเขี้ยวลงไปลึกกว่าเดิมราวกับจะไม่ยอมแพ้ต่อการมีชีวิตรอด

‘รู้แล้วละ...ฉันก็ไม่ค่อยชอบเนื้อสดเท่าไหร่’ผมตอบกลับเสียงเบาเพราะกลัวมนุษย์ที่อยู่ด้านข้างจะสงสัย

‘...คุณไม่ใช่มนุษย์...’

‘ใช่’

‘และก็ไม่ใช่พวกเดียวกับผมด้วย’

‘ถูก’

‘งั้นทำไม...’

‘รู้ไว้แค่ฉันเป็นพวกเดียวกับทั้งสองฝ่าย’

‘คืออะไร?’

‘ฉันเป็นพวกของมนุษย์...และพวกเดียวกับนายด้วย’

ใช่แล้ว...สำหรับไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างพวกเรา

ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพราะภายในกายมีทั้งเลือดของมนุษย์และเลือดของนักล่า

เป็นสิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์และสัตว์

...........................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาต่อตอนที่1ให้ได้อ่านกันแล้ววว

อ่านจากคอมเม้นต์มีหลายคนอยากให้อานโน่เมะและก็มีหลายคนที่อยากให้เคะ

เราขอบอกแบบไม่ต้องรอให้ลุ้นเลยละกันค่ะ...

อานโน่เคะนะคะ ฮ่า!

ภาคก่อนให้ไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างยูทาร์เมะไปแล้วครั้งนี้เลยสลับกันบ้างเพื่อความตื่นเต้น?

แถมมีหลายคนอยากให้คู่กับอาจารย์ด้วย...ขอโทษที่ไม่เป็นตามที่หวังนะคะ แฮะๆ

ตอนนี้พระเอกออกโรงแล้วแต่ยังไม่ค่อยมีบท

มารอลุ้นกันว่าตอนหน้าคู่นี้จะสร้างสัมพันธ์กันยังไง

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเม้นต์นะคะ

รู้สึกดีใจมากที่มีคนรอภาคต่อมากขนาดนี้...

คิดไม่ผิดจริงๆที่แต่งภาคต่อ(และคาดว่าจะมีต่ออีกสักภาคสองภาคตามแต่อารมณ์ 55)

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ :bye2:

ขอบคุณทุกคนที่ตอบรับอานโน่กันด้วยความอบอุ่นค่ะ^^

nicedog

♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
รอตอนต่อไปค่าาาาาาาาาา ชอบจังเลย ลูกหมาป่าดูน่ารัก

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เคะ!!!!!!!!!!!!!!!!

 :jul1: :jul1:

ตายอย่างสงบ




 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ zakimi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ขอเดาว่า  พระเอกมีอาชีพเป็นหมอรักษาไดโนเสาร์ค่าาาาา :-[

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ :-[ โอยชอบอ่านโน่

ออฟไลน์ DarkAki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
'เขาคือใครกัน'.......  สามีหนูไงลูกอานโน่  /โดนเล็บข่วน

สู้ๆนะลูก อานโน่  ป้าเชื่อว่าหนูปรับตัวเก่งอยู่แล้วววว

ว่าแต่... สามีหนูนี่ลึกลับดีนะ คึคึ



'คิดไม่ผิดจริงๆที่แต่งภาคต่อ(และคาดว่าจะมีต่ออีกสักภาคสองภาคตามแต่อารมณ์ 55)'

เกี่ยวก้อยสัญญารัวๆเลยค่ะ  ต้องแต่งภาคต่อน้าาาาา #เดี๋ยวๆๆๆภาคนี้พึ่งมาเองนะ

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
เป็นการเจอกันทีตื่นเต้นมาก

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
โอ๊ยยย สนุกมากกกกก
อานโน่ นั่นใช่รักแรกพบหรือเปล่าน๊าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ T-A-N

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
จะจีบกันอย่างไงเนี่ย


ออฟไลน์ jungjiyoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เชสอานโน่ ใช่ไหม ใช่ไหมม
>\\\\\\<

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
เจอกันครั้งแรกก็ทรุดซะแล้วอานโน่เอ้ยยย

อยากได้ลูกหมาป่าาา  >_<

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พอใจค่ะ กรี๊ดดดดดด เป็นเคะ ตอนอย่างนั้นไม่มีระทดระทวยแน่นอน แข็งแรงบึกบึน ปล้ำเมะเองเลย 5555555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านตอนต้นๆของบทนี้ก็นึกอยู่ในใจว่า ถ้าอานโน่เคะนี่จะเป็นยังไงนะ (อยากเห็นจัง  :-[)
แบบว่าตอนของพ่อกับแม่ ฝ่ายไดโนเสาร์กลายพันธุ์ก็เมะไปแล้ว รุ่นนี้เลยอยากให้รับบ้าง ดีใจที่คนเขียนคิดเหมือนกัน อิอิ
ตอนที่บอกว่าจะมีภาคต่อของอานโน่ที่ได้ไปเรียนในมหาวิทยาลัยนี่ คิดแต่ว่าคงจะได้คู่หูเป็นเพื่อน ตอนแรกคิดว่าเป็นรูมเมท
แต่พออีกคนออกมานี่... ชัดเจนแล้วสินะ

ว่าแต่อายุขัยเฉลี่ยของไดโนเสาร์กลายพันธุ์นี่จะสักเท่าไหร่กันนะ (กลัวว่าคุณแม่จะแก่ก่อนพ่ออ่ะ คงน่าเศร้าถ้าต้องมองคนที่รักจากไป ในขณะที่ตัวเองต้องใช้ชีวิตอยู่...ไปอีกนาน)

ว่าด้วยเรื่องภาคต่ออื่นๆ พอคนเขียนเกริ่นมาแบบนี้นี่มีความคิดว่า ถ้าตัวเอกเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ที่เสียคู่หูไป(ระหว่างปฏิบัติหน้าที่)ล่ะ หรือจะเป็นไปได้ไหมถ้าไดโนเสาร์กลายพันธุ์จะรักกันเอง ซึ่งคิดว่าคนเขียนคงมีพล็อตอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ขอให้ภาคนี้จบก่อนนะคะ ฮี่ๆ รออย่างใจจดจ่อมาก...

ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ DKTime

  • ขอบเขตความรู้สึกยิ่งใหญ่ ความเสียใจอาจแฝงไว้ในความเฉยชา....
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-2
    • https://twitter.com/UKnowJJTime_DK
ติดตามอ่านอย่างใจจดใจจ่อ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1251
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
พระเอกแลดูโคตรขรึมเลย ชอบๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :pig4: :pig4:เย่ๆๆๆได้อ่านแล้วอานโน่เจอพระเอกแล้ววว
ต่อไปจะเป็นไงนะรอตอนต่อไนะคับบบ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 910
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
ดีใจที่อานโนเป็นเคะ อยากรู้ว่าพระเอกจะเป็นคนเดียวกับที่เราคิดไหมเน้อ ><
ถ้าใช่นี้ฟินหลุดออกนอกโลกเลยนะ ขอบอก ฮุฮุ

ออฟไลน์ Cappello

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อานโน่....หนูเคะหรอลูก


ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เชสเป็นสัตวแพทย์ป่าว? 555555
อานโน่น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ว่าที่คู่หูของอานโน่มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววว

แค่เจอกันครั้งแรกอานโน่ก็โดนดวงตาดึงดูดจนเคลิ้มละ  :o8:

แต่ทำไมเชสเย็นชากับอานโน่จังงง :mew2:

ปล. เราได้หนังสือภาคแรกแล้วววววว ภาพมืดไปนิด 55555

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2016 01:50:00 โดย PiSCis »

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบคู่นี้ๆ อานโน่น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มันต้องมีอะไรในกอไผ่

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
เชสเนี้ยลึกลับดีนะ

ออฟไลน์ Nighttime

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อานโน่มาแล้ววว :heaven :heaven

ออฟไลน์ rabiaang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อานโน่ของเจ้ เคะไปเลยลูกกกกก เคะเลยยยย มีความละมุนมุ้งมิ้งเป็นอย่างมาก

ฮรืออออ ประทับใจ

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากรู้ผสมอะไรให้อาโน่น มันถึงฉลาดกว่าพ่อมัน ขนาดคุณพ่อที่ว่าฉลาดยัง พูดฝรั่งเศษ ได้น้อยกว่า ?  :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด