23/03/59
ภาคเรียนที่หนึ่ง...บทที่สิบแปด
"พ่อไปก่อนนะมอมแมม อย่าดื้อกับคุณแม่เขาล่ะ...จุ๊บ!!! รักนะไอ้หน้าหมา!!" เจ้านายบอกกับ
เจ้าลูกหมาน้อยมอมแมก่อนที่จะลงจากรถเมื่อรถเมื่อภีมหยุดจอดรถให้ที่หน้าคณะประมงของตน
เพราะวันนี้ภีมขอขับรถมาส่งเจ้านายเพราะเป็นทางผ่านที่ตนจะไปทำธุระต่อพอดี หลังจากที่ภีมตกลง
ที่จะขนของย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเดียวกันกับคนรักอย่างเจ้านายที่อยู่หลังสนามแข่งรถเถื่อนของเจ้านาย
ตามคำชน(บังคับ)ของเจ้าตัวมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว และเจ้าหมาน้อยที่อดีตเคยเป็นหมาจรจัดสกปรก
มอมแมมนั้นตอนนี้ก็สะอาดสะอ้านไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกแล้วเพราะภีมได้จัดการ
พาเจ้าหมาน้อยมอมแมมที่ตอนนี้เปรียบเป็นเสมือนลูกชายตัวนึงของพวกเขาไปหาคุณหมอ(หมา)
ตัดแต่ง และตรวจ ดูสุขภาพทั้งภายนอกภายในให้ปิ๊งวั๊บเรียบร้อยน่ารักตามที่มันควรจะเป็นแล้ว
"หือ? ภีมว่าไม่ใช่มั้ง...เจ้านายต่างหากล่ะที่ต้องเป็นแม่หน่ะ" ภีมพูดแย้งคนรัก เพราะรู้สึกทะแม่งๆ
กับคำว่าคุณแม่ที่คนรักยัดเยียดให้เหลือเกิน
"เอ้า! ก็ถูกแล้วไม่ใช่อ่อ? ในเมื่อภีมเป็นเจ้าสาวของพี่ก็ต้องเป็นแม่ของไอ้มอมแมมมันด้วยเสะ!!"
เจ้านายเถียง
"แต่ภีมเป็นผัวเจ้านายนะ จะเป็นแม่ได้ไง ต้องเป็นพ่อดิ" ภีมพูดบอกด้วยเสียงนิ่งๆ และพยายาม
กลั้นขำอย่างสุดกำลังเมื่อเห็นเจ้านายทำท่าครุ่นคิดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลัง
คิดแก้ปัญหาระดับชาติอย่างไงอย่างงั้น
"เออว่ะ! ก็จริงอย่างที่ภีมพูดนะ...ถ้างั้นพี่เป็นแม่ก็ได้ แต่ยังไงๆ ภีมก็ยังต้องเป็นเจ้าสาวของพี่
เหมือนเดิมนะ....เครม๊ะ?" หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่อง(ไร้สาระ)นี้อยู่พักใหญ่เจ้านายก็ได้คำตอบให้ตัวเอง
ก่อนที่จะหันมาพูดบอกคนรักอย่างภีม
"โอเคครับ.....หึๆ" ภีมตอบรับอย่างไม่คิดอะไรเลย เพราะถ้าเป็นคนปกติธรรมดาๆทั่วไป ที่ไม่ใช่
คน(รั่ว+บ้า)อย่างเจ้านาย เขาจะไม่มาคิดเรื่องอะไรอย่างนี้กันเลย.....แต่เจ้านายเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว
เพราะภีมจะได้หลอกล่อคนรักในเรื่องต่างๆได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญเลยคือ.....ก็น่ารักดี!!
"ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะมอมแมม แล้วเจอกันตอนเย็นนะ จุ๊บ!! รักนะไอ้ลูกหมา!!" เมื่อตั้งสติ
และตกลงกันได้แล้วเจ้านายก็บอกลากับลูกชาย(สี่ขา)ตัวน้อยของตนอีกครั้ง ก่อนที่ทำท่าจะเปิดประตู
ลงรถไป แต่ก็ติดตรงที่ว่าโดนคนรักอย่างภีมเรียกเอาไว้ซะก่อน
"เดี๋ยวสิ!! ใจคอเจ้านายจะจูบลาแค่ลูกคนเดียวเองหรอ? แล้วพ่ออย่างภีมล่ะ? น่าน้อยใจจังเล๊ย!!"
ภีมแสร้งทำเป็นพูดน้อยใจด้วยสีหน้าเศร้าสุดจริต
"โอ๋ๆ น่าสงสารจังเลย....มามะๆ เดี๋ยวคุณแม่จะจุ๊บปลอบใจคุณพ่อเองนะครับ จุ๊บๆๆๆ จุ๊บ!!
แล้วเจอกันตอนเย็นนะครับ....รักนะไอ้พ่อหมา!!! ไปล่ะ!!" เจ้านายรู้ว่าคนรักแกล้งพูดเล่น(แต่ไม่รู้ว่า
มันอยากได้จริง หึีๆ) จึงคว้าคอภีมที่นั่งประจำที่คนขับหลังพวงมาลัยรถมากดจูบพรมไปทั่วหน้า
หู ตา คอ จมูก และ ปิดท้ายที่ปากแรงๆหนึ่งที ก่อนที่จะบอกลาและลงจากรถไปด้วยความเขินอาย
ด้วยสีหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดอย่างปิดไม่มิด
"หึๆ คราวนี้ก็เหลือเราแค่สองคนพ่อลูกแล้วซินะมอมแมม...ปะ!..ไปเที่ยวกับพ่อดีกว่าเน๊าะ!!"
ภีมมองคนรักเดินเข้าไปในอาคารเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาคุยกับเจ้าหมาน้อยมอมแมม
ลูกชาย(สี่ขา)สุดที่รัก ก่อนที่จะขับรถออกไปยังจุดหมายปลายทางของตัวเองต่อไปด้วยความเริงร่า
.
.
.
"แน้ๆ..แน...แน๊!! เพื่อนนายครับ! พวกกูเห็นนะครับว่าวันนี้มึงมีรถโคตรสวยเข้ามาส่งถึงหน้าคณะ
ว่าแต่ว่า...เค้าคนนั้นคือใครครับ? กิ๊กใหม่มึงหรอ?" เดินเข้ามาถึงโต๊ะประจำของตัวเองยังไม่ทันได้หย่อน
ตูดนั่งเลย เจ้านายก็โดนเพื่อนรักปากมากอย่างเลย์แซะถามทันที
"หรือผัว?" ยังไม่ทันที่เจ้านายจะได้ตอบอะไรเพืื่อนมอสผู้ที่ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งจอมนิ่งของ
เจ้านายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดวิสัยเงียบนิ่งปกติของเจ้าตัวไปมาก จนเจ้านาย
ถึงกับต้องหรี่ตามองหาสิ่งผิดปกติจากสายตาของเพื่อน.....หรือว่ามันจะไปรู้อะไรมา?
"ว่าไงครับเพื่อน มึงจะอึ้งอีกนานมั้ย? ตอบกูมาสักทีครับ...กูอยากเสือก!!!" เลย์พูดเร่งพลางย้าย
ที่มานั่งลงข้างๆกับเจ้านายเพื่อเป็นการกดดัน
"เออๆ ตอบแล้ว! เสือกจริงนะมึงหน่ะ! วันนี้น้องภีมมาส่งกู" เจ้านายว่าเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
ก่อนที่จะตอบสิ่งที่เพื่อนอยากรู้ออกไป เพราะเพียงแค่บอกออกไปนั้นทั้งมอสและเลย์ก็รู้ได้ทันทีว่า
น้องภีมที่ว่านั้นคือใคร เพราะว่าตลอดเวลาสองปีเกือบสามปีที่รู้จักและเป็นเพื่อนกันมาเจ้านายมัก
จะพร่ำเพ้อถึงว่าที่เจ้าสาวคนที่ชื่อน้องภีมของตัวเองมาตลอดเวลา เพียงแต่พวกเขายังไม่มีโอกาส
ได้เห็นหน้า เห็นรูป หรือรู้จักตัวเป็นๆของน้องภีมที่ว่านั่นเลย
"อ่อ...ว่าที่เมียมึงที่ว่าไปเรียนอยู่นอกตั่งแต่ม.ปลายอ่ะหรอ? แล้วนี่เขากลับมาแล้ว?" เลย์ถามต่อ
"หยาบคายไอ้เชี่ยเลย์!! เมียเมอที่ไหนกัน มึงอย่าไปพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินนะเว้ย โดยเฉพาะกับ
น้องภีมของกู เดี๋ยวน้องมันโกรธเอา" เจ้านายว๊ากพร้อมกับโบกหัวเพื่อนเข้าไปหนึ่งทีอย่างสวยงาม
อย่างไม่ค่อยชอบใจกับคำว่า 'เมีย' ของเลย์สักเท่าไหร่
"เอ้า!! ไอ่นี่! ก็มึงบอกกูเองหนิว่าน้องเขาเป็นว่าที่เจ้าสาวของมึง ถ้าไม่ให้เรียกเมียแล้วจะให้
เรียกว่าอะไรว่ะ? รึจะให้กูเรียกว่า 'ผัว'? ไอ้ห่านี่..." เลย์บ่นบอกพร้อมกับลูบหัวตัวเองป้อยๆ บริเวณ
ที่โดนเจ้านายตบไปเมื่อครู่นี้
"ก็เออไง!!" เจ้านายตอบเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้านิ่งๆ
"ห๊า/มึงว่าไงนะ" เมื่อได้ยินคำตอบจากปากเจ้านายมอสกับเลย์ถึงกับตกใจจนต้องร้องประสานเสียง
กันออกมา ทั้งที่มอสเองก็พอจะรู้เรื่องราวมาบ้างแล้วนิดหน่อยแต่ก็ตาม แต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ที่
คนที่รักษาหน้าห่วงความแมนของตัวเองมากถึงมากที่สุดกลับมายอมรับว่าตัวเองนั้นเป็น 'เมีย' ของ
ใครบางคนอย่างหน้าตาเฉยอย่างไร้ความกระดากอายอย่างนี้.....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนพวกเขาว๊ะ?
"โอ๊ย..เชี่ย!! พวกมึงจะตะโกนใส่กูหาป้ามึงหรอครับเพื่อน จะตกใจห่าอะไรกันนักหนา มันมีอะไร
ที่ทำให้พวกมึงประหลาดใจอะไรกันขนาดนั้นครับเพื่อน!!" เจ้านายถามเพื่อนรักทั้งสองคนพร้อมกับ
ทำท่าเอียงคอแคะหูตัวเองอย่างกวนๆ
"ก็ไอ้ที่มึงบอกว่ามึงเป็นเมียของว่าที่เจ้าสาวมึงไงครับไอ้เชี่ยนาย ที่ทำให้พวกกูตกใจอย่างงี้ไง
ไอ้ห่า....." เลย์พูดบอกพร้อมกับส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้? หรือไม่เข้าใจ?
"แล้วมันแปลกยังไงว๊ะ?" เจ้านายขมวดคิ้วถามเพื่อนกลับอย่างไม่เข้าใจ.....ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก
ตรงไหนเลยหนิหว่า เขาก็แค่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่เป็นเมียของเจ้าสาวก็เท่านั้นเอง(เหรอออออ...?)
"แปลกสิ! แปลกมากด้วย....มึงคิดดูนะไอ้นาย ว่าตั้งแต่มึงเกิดมาเนี่ย มึงเคยเจอหรือได้ยินข่าว
จากที่ไหนมาบ้างรึเปล่าว่า บ้านไหนเขามีเจ้าบ่าวที่รับหน้าที่เป็นเมียอย่างมึงหน่ะ!!" มอสพูดกับ
เจ้านายนิ่งๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติเพื่อบ่งบอกว่าเรื่องนี้เขาจริงจังไม่ได้พูดเล่นอย่างทุกที
"ก็ไม่เคยนะ" เจ้านายครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะตอบเพื่อนกลับไป
"ก็ใช่ไง! แล้วอย่างงี้มึงจะมาบอกว่าน้องภีมน้องเภิมอะไรนั่นว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของมึงได้ยังไง
ครับเพื่อน!! โอ้ยยย...กูละงงกับมึงชิบหาย" ในที่สุดเลย์ก็ทนไม่ได้ จนต้องว๊ากออกมารอบนึงเพราะ
เขาเริ่มงงและสับสนกับคำพูดและความคิดของตัวเองในเรื่องของเจ้านายเต็มทน
"ก็กูอินดี้ไง" เจ้านายกอดอกเชิดหน้าบอกอย่างภาคภูมิใจในความคิดของตัวเอง
"ว่าแต่...มึงทำหน้าปริ่มขนาดนี้เนี่ย...มึงโดนน้องมันจิ้มแล้วรึยังว๊ะ? กูอยากเสือกว่ะ!" อยู่ดีๆ เลย์
ก็ถามคำถามที่ทำให้เจ้านายที่กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลักออกมา
"เอ่อ...กู...เอ่อ...คือว่า..." เจ้านายไม่รู้จะตอบเพื่อนออกไปว่ายังไง เลยได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ และเผลอ
ทำหน้าหลุกหลิก เลิ่กลั่กออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นยิ่งทำให้เพื่อนรักจอมเจ้าเล่ห์อย่างมอสยิ่งจับ
พิรุธเจ้านายได้อย่างไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย
"กูว่า...คงไม่เหลือ" มอสพูดบอกออกมาอย่างล้อเลียนด้วยเสียงเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก ซึ่งเป็นอะไร
ที่ผิดวิสัยปกติของเจ้าตัวมาก
"โว้ยยยยยย....สักเรื่องเถอะไอ้สัส!!" เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนออกไปยังไง พี่เจ้านายคนแมนก็
ตะโกนโวยวายออกมาเพื่อกลบเกลื่อน(คิดว่ายังทัน?) ก่อนที่จะตัดสินใจลุกเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อ
ที่จะหนีเพื่อนรักสองคนไปยังห้องเรียน......ก็แหม่! ถึงพี่นายจะเป็นคนที่แมนมากๆก็เถอะ...แต่จะมา
ให้พี่พูดเรื่องอย่างนี้กับเพื่อนรักปากหมาสองคนนี้ให้มันล้อเอา...พี่ก็อายเหมือนกันนะเว้ย!!! ปัดโธ่!!
.
.
.
.
.
"อยู่ในรถก่อนนะมอมแมมเดี๋ยวพ่อมา...อย่าดื้อล่ะ!!" ภีมบอกกับเจ้าลูกชาย(สี่ขา)ตัวน้อยของ
ตัวเองที่กำลังนอนขี้เซาอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับแทนที่เจ้านายแม่ของมัน เมื่อมาถึงบริเวรหน้าโรงแรม
ของตัวเอง และไม่ลืมที่จะเปิดกระจกหน้าต่างรถทั้งสองข้างไว้พอให้มีอากาศได้ถ่ายเถเข้าไปให้ลูกชาย
ของเขาได้นอนหายใจได้อย่างสบายๆ
"ลุงชิดช่วยนั่งเฝ้าเจ้าตัวเล็กในรถให้ผมสักพักได้ไหมครับ เดี๋ยวผมขอเข้าไปคุยธุระกับคุณพ่อ
คุณแม่สักครู่นึง แล้วจะรีบมา" ภีมไม่ลืมที่จะพูดสั่งกับคนดูแลตกแต่งสวนประจำโรงแรมที่รู้จักกันดี
ด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่ถือตัวว่าตนนั้นเป็นเจ้านายเหมือนอย่างพนักงานในโรงแรมบางคนที่เป็นแค่
พนักงานเหมือนๆกันแต่ก็ทำข่ม พูดดูถูกแกแค่เพียงเพราะคนเหล่านั้นทำงานในห้องแอร์และลุงชม
ทำงานตากแดดตากลมอยู่ข้างนอกก็เท่านั้น.....ถ้าจะให้พูดตามจริง...มันก็ลูกจ้างเขาเหมือนกันหมด
นั่นแหละว้า.....น่าเบื่อจริงๆ กับพวกที่เป็นแค่ลูกเป็น แต่คิดจะยกตนเทียบชั้นหงษ์ฟ้า!!!
"ได้เลยครับ...คุณภีมไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะครับ เดี๋ยวทางนี้ลุงดูให้เอง" ลุงชมตอบรับด้วยความ
สมัครใจอย่างที่ไม่ลังเลเลยที่ตนจะต้องเปลี่ยนหน้าที่จะคนดูแลสวนมาเป็นคนดูแลไอ้ลูกหมาตัวน้อย
ที่มันกำลังนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่บนเบาะรถคันหรูนี่แทน.....เฮ้อ! ไอ้หมาน้อยเอ้ย! เอ็งนี่มันวาสนาดี
กว่าคนอย่างข้าอีกเว้ย!! ฮ่าๆ
.
.
.
"สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่.....ภีมคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลย" ภีมยกมือขึ้นไหว้ทักทายพ่อแม่
ของตนก่อนที่จะเดินเข้าไปโอบกอดทั้งสองคนอีกครั้งด้วยความรักและคิดถึง
"ฮื้ม...จริงเร้อ? แม่ว่าไม่น่าใช่หรอกมั้ง...เพราะถ้าน้องภีมคิดถึงแม่กับพ่อจริงๆอย่างที่พูดนี่ คงจะ
รีบกลับไปหาแม่กับพ่อที่ภูเก็ตตั้งแต่คุยกับเจ้านายรู้เรื่องแล้วหล่ะ...ไม่ขออยู่ต่ออย่างนี้หรอก" พัสกร
แกล้งพูดแหย่ลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง จนภีมเริ่มหน้าเสีย เพราะทุกอย่างที่พัสกรพูดออกมานั้นมัน
คือเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่หรอกนะ เพียงแต่...เขาก็แค่ไม่อยากจะ
อยู่ห่างจากเจ้านายก็เท่านั้นเอง....
"เอ่อ....."
"พอแล้วครับคุณแม่ เลิกแกล้งลูกได้แล้วครับ ดูสิ! น้องภีมหน้าเสียแล้ว หึๆ" ณัฐภาสพูดปราม
ภรรยาที่ดูเหมือนว่กำลังอินกับบทคุณแม่น้อยใจลูกอยู่ จนเขาเริ่มจะสับสนแล้วว่าตกลงแล้วทั้งหมดนี่
คือ เรื่องจริง หรือ การแสดง...กันแน่!
"คริๆ โอ๋ๆ คุณแม่ล้อเล่นครับน้องภีม...อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิ! แม่รู้น่าว่าช่วงนี้
เป็นช่วงที่แม่ต้องธรรมใจ เพราะลูกชายของแม่ ต้องดูแลพี่เจ้านายสุดที่รักของตัวเองก่อน" พัสกรบอก
ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เหมือนว่ากำลังสนุก
"โธ่....คุณแม่ก็!!" ภีมพูดไม่ออกไปต่อไม่ถูกเลยที่โดนแม่พูดล้อเรื่องจริงต่อหน้าต่อตาอย่างนี้
"พัส..." ณัฐภาสเรียกชื่อภรรยาเสียงนิ่ง เพราะเขาเกรงว่า ถ้าขืนยังปล่อยให้คุณภรรยาสุดที่รักของ
เขา แกล้งพูดแหย่ลูกชายอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะพากันตกเครื่องเอา เพราะว่าเย็นนี้เขาและพัสกรยัง
ต้องไปงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าที่ภูเก็ตต่ออีก
"หืม...ไม่เห็นจะต้องทำขรึมเลยนะฮะพี่ภาส?...อะๆ มีเรื่องอะไรจะคุยกับพ่อแม่ก็พูดมาเลยครับ
น้องภีม" พัสกรยู่หน้าใส่สามีเป็นเด็กๆเพราะถูกขัดใจ ก่อนที่จะหันมาถามภีมด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่าง
เป็นทางการ(เสียที?)หลังจากที่เล่นอยู่นาน.....ก็นะ! นานๆทีเขาจะได้เจอลูกชายของเขาคนนี้หนิ!!
"เกี่ยวกับโรงแรมนี้หนะครับคุณพ่อคุณแม่ ภีมแค่อยากจะขอ........." ภีมเริ่มพูดถึงสิ่งที่ตนตั้งใจ
ที่จะมาปรึกษาและขอความคิดเห็นจากพ่อและแม่อย่างละเอียดตามที่ตนได้คิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
"อืม...พ่อก็ว่าดีเหมือนกันนะเพราะช่วงนี้ธุระกิจเกี่ยวกับแนวนี้กำลังมา เอาเป็นว่าถ้าภีมอยากจะ
ทำจริงๆ พร้อมเมื่อไหร่ก็เริ่มได้เลย พ่ออนุญาติ แล้วแต่ภีมเลย" ณัฐภาสพูดบอกหลังจากที่ฟังคำอธิบาย
ของความตั้งใจของลูกชายแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในประเทศไทยนั้นยังไม่ค่อยมีโรงแรม
ในรูปแบบนี้รองรับนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันอาจจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็คงจะไม่เกินความ
สามารถของลูกชายคนเก่งของเขาไปได้หรอกมั้ง
"ขอบคุณครับคุณพ่อ ^_^" ภีมบอกขอบคุณณัฐภาสแบบดีใจสุดๆ
"เฮ้อ...ถ้าแม่ได้ผู้ชายน่ารักๆอย่างภีมมาเป็นแฟนเหมือนเจ้านายนะแม่คงจะไม่ต้องมาคอยปวดหัว
เรื่องสาวๆ ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานจนมาถึงวันนี้หรอก" พัสกรอดไม่ได้ที่จะภูมิใจที่มีลูกชายที่หล่อ น่ารัก
แสนดี รักจริง และมีความสามารถอย่างภีม จึงพูดชมออกมาพร้อมกับที่พูดแซะแขวะสามีตัวเองไปด้วย
เพราะถึงแม้ว่าณัฐภาสจะถอดเขี้ยวเล็บเพลย์บอยโยนทิ้งไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีทั้ง
สาวแก่ สาวเล็ก แม่หม้าย พ่อหม้าย(?) ทั้งหลายมาหยอดขนมจีบ โปรยผ้าเช็ดน้ำหมากใส่อีก ซึ่งเป็น
อะไรที่คุณเมียและคุณแม่คนสวยอย่างพัสกรเอือมระอามากที่สุด!!~ อะไรมันจะหล่อปานนั้น!!
"โธ่! หนูพัสก็! พี่ไม่ได้อะไรกับพวกเขาสักหน่อย" ณัฐภาสพูดบอกกับภรรยาด้วยสีหน้าปลงตก
เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคนพวกนี้เหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ คือตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้น เขาก็ไม่เคย
คิดที่จะทำให้พัสกรภรรยาคนสวยสุดที่รักของเขาคนนี้เสียใจอีกเด็ดขาด...แต่ก็นะ! คนมันหล่ออ่ะ!!
"เชอะ!!" พัสกรสะบัดหน้าหนีสามีแบบงอนๆ
"ฮ่าๆ คุณแม่อย่ามัวแต่งอนคุณพ่อเลยนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อเสียใจแย่เลย" ภีมพูดบอกพร้อมกับ
ลุกเดินเข้าไปนั่งกอดพัสกร
"ก็ได้ๆ นี่แม่เห็นแก่น้องภีมนะเนี่ย! ว่าแต่...น้องภีมอยู่กับพี่นายเขา หนูลำบากอะไรมั้ยลูก?"
พัสกรถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาของคนเป็นแม่ที่อยู่ห่างไกลจากลูกนานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ว่าลูกคนที่ว่านี้คือภีม เพราะถ้านับตามความเป็นจริงแล้วเท่ากับว่า ภีมต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
ตั้งแต่อายุสิบห้าปี รวมๆแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปห้าหกปีเข้าแล้ว ซึ่งแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ
ที่จะได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หรือทุกๆปิดเทอมตลอดๆ พัสกรกับณัฐภาสจึงรู้สึก
เป็นห่วงความรู้สึกของภีมเป็นพิเศษ
"โธ่...แม่ก็! แหย่คุณพ่ออยู่เรื่อยเลยนะครับ.....ส่วนเรื่องที่ว่าภีมมาอยู่กับเจ้านายแล้วไม่มีอะไร
ลำบากตรงไหนเลยครับ คุณแม่กับคุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ...แล้วภีมจะหาเวลาพาเจ้านาย
กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ" ภีมพูดบอกด้วยสีหน้าเปื่ยมสุขพร้อมกับไม่ลืมที่จะกอดลาพ่อแม่ของตน
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามทางที่ควรจะเป็นสักที หลังจากที่ทั้งคุณพ่ออย่างณัฐภาสและคุณลูก
อย่างภีมโดนคุณแม่พัสกรสุดสวยแกล้งแหย่แกล้งอำให้เสียวสันหลังเล่นไปตามๆ กัน
___________________________________________________________________________TBC.
แล้วเจอกันตอนหน้า......
**ไม่มีอะไรมากแค่จะบอกว่า 'คิดถึง...คนอ่าน' ที่สุด!!!