ภาครักนี้...พี่กะน้อง (ภีม&เจ้านาย) -End-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาครักนี้...พี่กะน้อง (ภีม&เจ้านาย) -End-  (อ่าน 60498 ครั้ง)

ออฟไลน์ SaKiNonZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบอ่ะ เพิ่งตามมาอ่าน รีบๆมาต่อน้า

ออฟไลน์ หมูหยังสือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากค่ะ
เขินแปบ  :o8:น้อง .มอมแมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
23/03/59

ภาคเรียนที่หนึ่ง...บทที่สิบแปด






       "พ่อไปก่อนนะมอมแมม อย่าดื้อกับคุณแม่เขาล่ะ...จุ๊บ!!! รักนะไอ้หน้าหมา!!" เจ้านายบอกกับ
เจ้าลูกหมาน้อยมอมแมก่อนที่จะลงจากรถเมื่อรถเมื่อภีมหยุดจอดรถให้ที่หน้าคณะประมงของตน
เพราะวันนี้ภีมขอขับรถมาส่งเจ้านายเพราะเป็นทางผ่านที่ตนจะไปทำธุระต่อพอดี หลังจากที่ภีมตกลง
ที่จะขนของย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเดียวกันกับคนรักอย่างเจ้านายที่อยู่หลังสนามแข่งรถเถื่อนของเจ้านาย
ตามคำชน(บังคับ)ของเจ้าตัวมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว และเจ้าหมาน้อยที่อดีตเคยเป็นหมาจรจัดสกปรก
มอมแมมนั้นตอนนี้ก็สะอาดสะอ้านไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกแล้วเพราะภีมได้จัดการ
พาเจ้าหมาน้อยมอมแมมที่ตอนนี้เปรียบเป็นเสมือนลูกชายตัวนึงของพวกเขาไปหาคุณหมอ(หมา)
ตัดแต่ง และตรวจ ดูสุขภาพทั้งภายนอกภายในให้ปิ๊งวั๊บเรียบร้อยน่ารักตามที่มันควรจะเป็นแล้ว

       "หือ? ภีมว่าไม่ใช่มั้ง...เจ้านายต่างหากล่ะที่ต้องเป็นแม่หน่ะ" ภีมพูดแย้งคนรัก เพราะรู้สึกทะแม่งๆ
กับคำว่าคุณแม่ที่คนรักยัดเยียดให้เหลือเกิน

       "เอ้า! ก็ถูกแล้วไม่ใช่อ่อ? ในเมื่อภีมเป็นเจ้าสาวของพี่ก็ต้องเป็นแม่ของไอ้มอมแมมมันด้วยเสะ!!"
เจ้านายเถียง

       "แต่ภีมเป็นผัวเจ้านายนะ จะเป็นแม่ได้ไง ต้องเป็นพ่อดิ" ภีมพูดบอกด้วยเสียงนิ่งๆ และพยายาม
กลั้นขำอย่างสุดกำลังเมื่อเห็นเจ้านายทำท่าครุ่นคิดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนกับว่าเจ้าตัวกำลัง
คิดแก้ปัญหาระดับชาติอย่างไงอย่างงั้น

       "เออว่ะ! ก็จริงอย่างที่ภีมพูดนะ...ถ้างั้นพี่เป็นแม่ก็ได้ แต่ยังไงๆ ภีมก็ยังต้องเป็นเจ้าสาวของพี่
เหมือนเดิมนะ....เครม๊ะ?" หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่อง(ไร้สาระ)นี้อยู่พักใหญ่เจ้านายก็ได้คำตอบให้ตัวเอง
ก่อนที่จะหันมาพูดบอกคนรักอย่างภีม

       "โอเคครับ.....หึๆ" ภีมตอบรับอย่างไม่คิดอะไรเลย เพราะถ้าเป็นคนปกติธรรมดาๆทั่วไป ที่ไม่ใช่
คน(รั่ว+บ้า)อย่างเจ้านาย เขาจะไม่มาคิดเรื่องอะไรอย่างนี้กันเลย.....แต่เจ้านายเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว
เพราะภีมจะได้หลอกล่อคนรักในเรื่องต่างๆได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญเลยคือ.....ก็น่ารักดี!!

       "ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะมอมแมม แล้วเจอกันตอนเย็นนะ จุ๊บ!! รักนะไอ้ลูกหมา!!" เมื่อตั้งสติ
และตกลงกันได้แล้วเจ้านายก็บอกลากับลูกชาย(สี่ขา)ตัวน้อยของตนอีกครั้ง ก่อนที่ทำท่าจะเปิดประตู
ลงรถไป แต่ก็ติดตรงที่ว่าโดนคนรักอย่างภีมเรียกเอาไว้ซะก่อน

       "เดี๋ยวสิ!! ใจคอเจ้านายจะจูบลาแค่ลูกคนเดียวเองหรอ? แล้วพ่ออย่างภีมล่ะ? น่าน้อยใจจังเล๊ย!!"
ภีมแสร้งทำเป็นพูดน้อยใจด้วยสีหน้าเศร้าสุดจริต

       "โอ๋ๆ น่าสงสารจังเลย....มามะๆ เดี๋ยวคุณแม่จะจุ๊บปลอบใจคุณพ่อเองนะครับ จุ๊บๆๆๆ  จุ๊บ!!
แล้วเจอกันตอนเย็นนะครับ....รักนะไอ้พ่อหมา!!! ไปล่ะ!!" เจ้านายรู้ว่าคนรักแกล้งพูดเล่น(แต่ไม่รู้ว่า
มันอยากได้จริง หึีๆ) จึงคว้าคอภีมที่นั่งประจำที่คนขับหลังพวงมาลัยรถมากดจูบพรมไปทั่วหน้า
หู ตา คอ จมูก และ ปิดท้ายที่ปากแรงๆหนึ่งที ก่อนที่จะบอกลาและลงจากรถไปด้วยความเขินอาย
ด้วยสีหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดอย่างปิดไม่มิด

       "หึๆ คราวนี้ก็เหลือเราแค่สองคนพ่อลูกแล้วซินะมอมแมม...ปะ!..ไปเที่ยวกับพ่อดีกว่าเน๊าะ!!"
ภีมมองคนรักเดินเข้าไปในอาคารเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาคุยกับเจ้าหมาน้อยมอมแมม
ลูกชาย(สี่ขา)สุดที่รัก ก่อนที่จะขับรถออกไปยังจุดหมายปลายทางของตัวเองต่อไปด้วยความเริงร่า
.
.
.
       "แน้ๆ..แน...แน๊!! เพื่อนนายครับ! พวกกูเห็นนะครับว่าวันนี้มึงมีรถโคตรสวยเข้ามาส่งถึงหน้าคณะ
ว่าแต่ว่า...เค้าคนนั้นคือใครครับ? กิ๊กใหม่มึงหรอ?" เดินเข้ามาถึงโต๊ะประจำของตัวเองยังไม่ทันได้หย่อน
ตูดนั่งเลย เจ้านายก็โดนเพื่อนรักปากมากอย่างเลย์แซะถามทันที

       "หรือผัว?" ยังไม่ทันที่เจ้านายจะได้ตอบอะไรเพืื่อนมอสผู้ที่ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งจอมนิ่งของ
เจ้านายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดวิสัยเงียบนิ่งปกติของเจ้าตัวไปมาก จนเจ้านาย
ถึงกับต้องหรี่ตามองหาสิ่งผิดปกติจากสายตาของเพื่อน.....หรือว่ามันจะไปรู้อะไรมา?

       "ว่าไงครับเพื่อน มึงจะอึ้งอีกนานมั้ย? ตอบกูมาสักทีครับ...กูอยากเสือก!!!" เลย์พูดเร่งพลางย้าย
ที่มานั่งลงข้างๆกับเจ้านายเพื่อเป็นการกดดัน

       "เออๆ ตอบแล้ว! เสือกจริงนะมึงหน่ะ! วันนี้น้องภีมมาส่งกู" เจ้านายว่าเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
ก่อนที่จะตอบสิ่งที่เพื่อนอยากรู้ออกไป เพราะเพียงแค่บอกออกไปนั้นทั้งมอสและเลย์ก็รู้ได้ทันทีว่า
น้องภีมที่ว่านั้นคือใคร เพราะว่าตลอดเวลาสองปีเกือบสามปีที่รู้จักและเป็นเพื่อนกันมาเจ้านายมัก
จะพร่ำเพ้อถึงว่าที่เจ้าสาวคนที่ชื่อน้องภีมของตัวเองมาตลอดเวลา เพียงแต่พวกเขายังไม่มีโอกาส
ได้เห็นหน้า เห็นรูป หรือรู้จักตัวเป็นๆของน้องภีมที่ว่านั่นเลย

       "อ่อ...ว่าที่เมียมึงที่ว่าไปเรียนอยู่นอกตั่งแต่ม.ปลายอ่ะหรอ? แล้วนี่เขากลับมาแล้ว?" เลย์ถามต่อ

       "หยาบคายไอ้เชี่ยเลย์!! เมียเมอที่ไหนกัน มึงอย่าไปพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินนะเว้ย โดยเฉพาะกับ
น้องภีมของกู เดี๋ยวน้องมันโกรธเอา" เจ้านายว๊ากพร้อมกับโบกหัวเพื่อนเข้าไปหนึ่งทีอย่างสวยงาม
อย่างไม่ค่อยชอบใจกับคำว่า 'เมีย' ของเลย์สักเท่าไหร่

       "เอ้า!! ไอ่นี่! ก็มึงบอกกูเองหนิว่าน้องเขาเป็นว่าที่เจ้าสาวของมึง ถ้าไม่ให้เรียกเมียแล้วจะให้
เรียกว่าอะไรว่ะ?  รึจะให้กูเรียกว่า 'ผัว'? ไอ้ห่านี่..." เลย์บ่นบอกพร้อมกับลูบหัวตัวเองป้อยๆ บริเวณ
ที่โดนเจ้านายตบไปเมื่อครู่นี้

       "ก็เออไง!!" เจ้านายตอบเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้านิ่งๆ

       "ห๊า/มึงว่าไงนะ" เมื่อได้ยินคำตอบจากปากเจ้านายมอสกับเลย์ถึงกับตกใจจนต้องร้องประสานเสียง
กันออกมา ทั้งที่มอสเองก็พอจะรู้เรื่องราวมาบ้างแล้วนิดหน่อยแต่ก็ตาม แต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ที่
คนที่รักษาหน้าห่วงความแมนของตัวเองมากถึงมากที่สุดกลับมายอมรับว่าตัวเองนั้นเป็น 'เมีย' ของ
ใครบางคนอย่างหน้าตาเฉยอย่างไร้ความกระดากอายอย่างนี้.....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนพวกเขาว๊ะ?

       "โอ๊ย..เชี่ย!! พวกมึงจะตะโกนใส่กูหาป้ามึงหรอครับเพื่อน จะตกใจห่าอะไรกันนักหนา มันมีอะไร
ที่ทำให้พวกมึงประหลาดใจอะไรกันขนาดนั้นครับเพื่อน!!" เจ้านายถามเพื่อนรักทั้งสองคนพร้อมกับ
ทำท่าเอียงคอแคะหูตัวเองอย่างกวนๆ

       "ก็ไอ้ที่มึงบอกว่ามึงเป็นเมียของว่าที่เจ้าสาวมึงไงครับไอ้เชี่ยนาย ที่ทำให้พวกกูตกใจอย่างงี้ไง
ไอ้ห่า....." เลย์พูดบอกพร้อมกับส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้? หรือไม่เข้าใจ?

       "แล้วมันแปลกยังไงว๊ะ?" เจ้านายขมวดคิ้วถามเพื่อนกลับอย่างไม่เข้าใจ.....ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก
ตรงไหนเลยหนิหว่า เขาก็แค่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่เป็นเมียของเจ้าสาวก็เท่านั้นเอง(เหรอออออ...?)

       "แปลกสิ! แปลกมากด้วย....มึงคิดดูนะไอ้นาย ว่าตั้งแต่มึงเกิดมาเนี่ย มึงเคยเจอหรือได้ยินข่าว
จากที่ไหนมาบ้างรึเปล่าว่า บ้านไหนเขามีเจ้าบ่าวที่รับหน้าที่เป็นเมียอย่างมึงหน่ะ!!" มอสพูดกับ
เจ้านายนิ่งๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยกว่าปกติเพื่อบ่งบอกว่าเรื่องนี้เขาจริงจังไม่ได้พูดเล่นอย่างทุกที

       "ก็ไม่เคยนะ" เจ้านายครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะตอบเพื่อนกลับไป

       "ก็ใช่ไง! แล้วอย่างงี้มึงจะมาบอกว่าน้องภีมน้องเภิมอะไรนั่นว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวของมึงได้ยังไง
ครับเพื่อน!! โอ้ยยย...กูละงงกับมึงชิบหาย" ในที่สุดเลย์ก็ทนไม่ได้ จนต้องว๊ากออกมารอบนึงเพราะ
เขาเริ่มงงและสับสนกับคำพูดและความคิดของตัวเองในเรื่องของเจ้านายเต็มทน

       "ก็กูอินดี้ไง" เจ้านายกอดอกเชิดหน้าบอกอย่างภาคภูมิใจในความคิดของตัวเอง

       "ว่าแต่...มึงทำหน้าปริ่มขนาดนี้เนี่ย...มึงโดนน้องมันจิ้มแล้วรึยังว๊ะ? กูอยากเสือกว่ะ!" อยู่ดีๆ เลย์
ก็ถามคำถามที่ทำให้เจ้านายที่กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลักออกมา

       "เอ่อ...กู...เอ่อ...คือว่า..." เจ้านายไม่รู้จะตอบเพื่อนออกไปว่ายังไง เลยได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ และเผลอ
ทำหน้าหลุกหลิก เลิ่กลั่กออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นยิ่งทำให้เพื่อนรักจอมเจ้าเล่ห์อย่างมอสยิ่งจับ
พิรุธเจ้านายได้อย่างไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย

       "กูว่า...คงไม่เหลือ" มอสพูดบอกออกมาอย่างล้อเลียนด้วยเสียงเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก ซึ่งเป็นอะไร
ที่ผิดวิสัยปกติของเจ้าตัวมาก

       "โว้ยยยยยย....สักเรื่องเถอะไอ้สัส!!" เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนออกไปยังไง พี่เจ้านายคนแมนก็
ตะโกนโวยวายออกมาเพื่อกลบเกลื่อน(คิดว่ายังทัน?) ก่อนที่จะตัดสินใจลุกเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อ
ที่จะหนีเพื่อนรักสองคนไปยังห้องเรียน......ก็แหม่! ถึงพี่นายจะเป็นคนที่แมนมากๆก็เถอะ...แต่จะมา
ให้พี่พูดเรื่องอย่างนี้กับเพื่อนรักปากหมาสองคนนี้ให้มันล้อเอา...พี่ก็อายเหมือนกันนะเว้ย!!! ปัดโธ่!!
.
.
.
.
.
       "อยู่ในรถก่อนนะมอมแมมเดี๋ยวพ่อมา...อย่าดื้อล่ะ!!" ภีมบอกกับเจ้าลูกชาย(สี่ขา)ตัวน้อยของ
ตัวเองที่กำลังนอนขี้เซาอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับแทนที่เจ้านายแม่ของมัน เมื่อมาถึงบริเวรหน้าโรงแรม
ของตัวเอง และไม่ลืมที่จะเปิดกระจกหน้าต่างรถทั้งสองข้างไว้พอให้มีอากาศได้ถ่ายเถเข้าไปให้ลูกชาย
ของเขาได้นอนหายใจได้อย่างสบายๆ

       "ลุงชิดช่วยนั่งเฝ้าเจ้าตัวเล็กในรถให้ผมสักพักได้ไหมครับ เดี๋ยวผมขอเข้าไปคุยธุระกับคุณพ่อ
คุณแม่สักครู่นึง แล้วจะรีบมา" ภีมไม่ลืมที่จะพูดสั่งกับคนดูแลตกแต่งสวนประจำโรงแรมที่รู้จักกันดี
ด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่ถือตัวว่าตนนั้นเป็นเจ้านายเหมือนอย่างพนักงานในโรงแรมบางคนที่เป็นแค่
พนักงานเหมือนๆกันแต่ก็ทำข่ม พูดดูถูกแกแค่เพียงเพราะคนเหล่านั้นทำงานในห้องแอร์และลุงชม
ทำงานตากแดดตากลมอยู่ข้างนอกก็เท่านั้น.....ถ้าจะให้พูดตามจริง...มันก็ลูกจ้างเขาเหมือนกันหมด
นั่นแหละว้า.....น่าเบื่อจริงๆ กับพวกที่เป็นแค่ลูกเป็น แต่คิดจะยกตนเทียบชั้นหงษ์ฟ้า!!!

       "ได้เลยครับ...คุณภีมไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะครับ เดี๋ยวทางนี้ลุงดูให้เอง" ลุงชมตอบรับด้วยความ
สมัครใจอย่างที่ไม่ลังเลเลยที่ตนจะต้องเปลี่ยนหน้าที่จะคนดูแลสวนมาเป็นคนดูแลไอ้ลูกหมาตัวน้อย
ที่มันกำลังนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่บนเบาะรถคันหรูนี่แทน.....เฮ้อ! ไอ้หมาน้อยเอ้ย! เอ็งนี่มันวาสนาดี
กว่าคนอย่างข้าอีกเว้ย!! ฮ่าๆ
.
.
.
       "สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่.....ภีมคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลย" ภีมยกมือขึ้นไหว้ทักทายพ่อแม่
ของตนก่อนที่จะเดินเข้าไปโอบกอดทั้งสองคนอีกครั้งด้วยความรักและคิดถึง

       "ฮื้ม...จริงเร้อ? แม่ว่าไม่น่าใช่หรอกมั้ง...เพราะถ้าน้องภีมคิดถึงแม่กับพ่อจริงๆอย่างที่พูดนี่ คงจะ
รีบกลับไปหาแม่กับพ่อที่ภูเก็ตตั้งแต่คุยกับเจ้านายรู้เรื่องแล้วหล่ะ...ไม่ขออยู่ต่ออย่างนี้หรอก" พัสกร
แกล้งพูดแหย่ลูกชายด้วยสีหน้าจริงจัง จนภีมเริ่มหน้าเสีย เพราะทุกอย่างที่พัสกรพูดออกมานั้นมัน
คือเรื่องจริงทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่หรอกนะ เพียงแต่...เขาก็แค่ไม่อยากจะ
อยู่ห่างจากเจ้านายก็เท่านั้นเอง....

       "เอ่อ....."

       "พอแล้วครับคุณแม่ เลิกแกล้งลูกได้แล้วครับ ดูสิ! น้องภีมหน้าเสียแล้ว หึๆ" ณัฐภาสพูดปราม
ภรรยาที่ดูเหมือนว่กำลังอินกับบทคุณแม่น้อยใจลูกอยู่ จนเขาเริ่มจะสับสนแล้วว่าตกลงแล้วทั้งหมดนี่
คือ เรื่องจริง หรือ การแสดง...กันแน่!

       "คริๆ โอ๋ๆ คุณแม่ล้อเล่นครับน้องภีม...อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิ! แม่รู้น่าว่าช่วงนี้
เป็นช่วงที่แม่ต้องธรรมใจ เพราะลูกชายของแม่ ต้องดูแลพี่เจ้านายสุดที่รักของตัวเองก่อน" พัสกรบอก
ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เหมือนว่ากำลังสนุก

       "โธ่....คุณแม่ก็!!" ภีมพูดไม่ออกไปต่อไม่ถูกเลยที่โดนแม่พูดล้อเรื่องจริงต่อหน้าต่อตาอย่างนี้

       "พัส..." ณัฐภาสเรียกชื่อภรรยาเสียงนิ่ง เพราะเขาเกรงว่า ถ้าขืนยังปล่อยให้คุณภรรยาสุดที่รักของ
เขา แกล้งพูดแหย่ลูกชายอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะพากันตกเครื่องเอา เพราะว่าเย็นนี้เขาและพัสกรยัง
ต้องไปงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าที่ภูเก็ตต่ออีก

       "หืม...ไม่เห็นจะต้องทำขรึมเลยนะฮะพี่ภาส?...อะๆ มีเรื่องอะไรจะคุยกับพ่อแม่ก็พูดมาเลยครับ
น้องภีม" พัสกรยู่หน้าใส่สามีเป็นเด็กๆเพราะถูกขัดใจ ก่อนที่จะหันมาถามภีมด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่าง
เป็นทางการ(เสียที?)หลังจากที่เล่นอยู่นาน.....ก็นะ! นานๆทีเขาจะได้เจอลูกชายของเขาคนนี้หนิ!!

       "เกี่ยวกับโรงแรมนี้หนะครับคุณพ่อคุณแม่ ภีมแค่อยากจะขอ........." ภีมเริ่มพูดถึงสิ่งที่ตนตั้งใจ
ที่จะมาปรึกษาและขอความคิดเห็นจากพ่อและแม่อย่างละเอียดตามที่ตนได้คิดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

       "อืม...พ่อก็ว่าดีเหมือนกันนะเพราะช่วงนี้ธุระกิจเกี่ยวกับแนวนี้กำลังมา เอาเป็นว่าถ้าภีมอยากจะ
ทำจริงๆ พร้อมเมื่อไหร่ก็เริ่มได้เลย พ่ออนุญาติ แล้วแต่ภีมเลย" ณัฐภาสพูดบอกหลังจากที่ฟังคำอธิบาย
ของความตั้งใจของลูกชายแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในประเทศไทยนั้นยังไม่ค่อยมีโรงแรม
ในรูปแบบนี้รองรับนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันอาจจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็คงจะไม่เกินความ
สามารถของลูกชายคนเก่งของเขาไปได้หรอกมั้ง

       "ขอบคุณครับคุณพ่อ ^_^" ภีมบอกขอบคุณณัฐภาสแบบดีใจสุดๆ

       "เฮ้อ...ถ้าแม่ได้ผู้ชายน่ารักๆอย่างภีมมาเป็นแฟนเหมือนเจ้านายนะแม่คงจะไม่ต้องมาคอยปวดหัว
เรื่องสาวๆ ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานจนมาถึงวันนี้หรอก" พัสกรอดไม่ได้ที่จะภูมิใจที่มีลูกชายที่หล่อ น่ารัก
แสนดี รักจริง และมีความสามารถอย่างภีม จึงพูดชมออกมาพร้อมกับที่พูดแซะแขวะสามีตัวเองไปด้วย
เพราะถึงแม้ว่าณัฐภาสจะถอดเขี้ยวเล็บเพลย์บอยโยนทิ้งไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีทั้ง
สาวแก่ สาวเล็ก แม่หม้าย พ่อหม้าย(?) ทั้งหลายมาหยอดขนมจีบ โปรยผ้าเช็ดน้ำหมากใส่อีก ซึ่งเป็น
อะไรที่คุณเมียและคุณแม่คนสวยอย่างพัสกรเอือมระอามากที่สุด!!~ อะไรมันจะหล่อปานนั้น!!

       "โธ่! หนูพัสก็! พี่ไม่ได้อะไรกับพวกเขาสักหน่อย" ณัฐภาสพูดบอกกับภรรยาด้วยสีหน้าปลงตก
เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคนพวกนี้เหมือนกัน แต่ที่รู้ๆ คือตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้น เขาก็ไม่เคย
คิดที่จะทำให้พัสกรภรรยาคนสวยสุดที่รักของเขาคนนี้เสียใจอีกเด็ดขาด...แต่ก็นะ! คนมันหล่ออ่ะ!!

       "เชอะ!!" พัสกรสะบัดหน้าหนีสามีแบบงอนๆ

       "ฮ่าๆ คุณแม่อย่ามัวแต่งอนคุณพ่อเลยนะครับ เดี๋ยวคุณพ่อเสียใจแย่เลย" ภีมพูดบอกพร้อมกับ
ลุกเดินเข้าไปนั่งกอดพัสกร

       "ก็ได้ๆ นี่แม่เห็นแก่น้องภีมนะเนี่ย! ว่าแต่...น้องภีมอยู่กับพี่นายเขา หนูลำบากอะไรมั้ยลูก?"
พัสกรถามด้วยความเป็นห่วงตามประสาของคนเป็นแม่ที่อยู่ห่างไกลจากลูกนานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ว่าลูกคนที่ว่านี้คือภีม เพราะถ้านับตามความเป็นจริงแล้วเท่ากับว่า ภีมต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
ตั้งแต่อายุสิบห้าปี รวมๆแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปห้าหกปีเข้าแล้ว ซึ่งแตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ
ที่จะได้กลับบ้านไปหาพ่อแม่ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์หรือทุกๆปิดเทอมตลอดๆ พัสกรกับณัฐภาสจึงรู้สึก
เป็นห่วงความรู้สึกของภีมเป็นพิเศษ

       "โธ่...แม่ก็! แหย่คุณพ่ออยู่เรื่อยเลยนะครับ.....ส่วนเรื่องที่ว่าภีมมาอยู่กับเจ้านายแล้วไม่มีอะไร
ลำบากตรงไหนเลยครับ คุณแม่กับคุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ...แล้วภีมจะหาเวลาพาเจ้านาย
กลับไปเยี่ยมที่บ้านบ่อยๆ" ภีมพูดบอกด้วยสีหน้าเปื่ยมสุขพร้อมกับไม่ลืมที่จะกอดลาพ่อแม่ของตน
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามทางที่ควรจะเป็นสักที หลังจากที่ทั้งคุณพ่ออย่างณัฐภาสและคุณลูก
อย่างภีมโดนคุณแม่พัสกรสุดสวยแกล้งแหย่แกล้งอำให้เสียวสันหลังเล่นไปตามๆ กัน





___________________________________________________________________________TBC.
แล้วเจอกันตอนหน้า......
**ไม่มีอะไรมากแค่จะบอกว่า 'คิดถึง...คนอ่าน' ที่สุด!!!


ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
โอ๊ย...ตามทันแล้ว...คนเขียนจ๋า..อยากอ่านอีกสองแฝดด้วย...ถ้าเปิดเรื่องแล้วบอกด้วยนร๊า.เค้าจะตามไปอ่าน... :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เจ้านายนี่อินดี้จริงๆ

ออฟไลน์ GF_pp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

24/04/59

ภาคเรียนที่หนึ่ง...บทที่สิบเก้า






       "โว้ย!!! ถ้าวันนี้น้องภีมยังไม่ยอมกลับมานอนบ้านอีกนะ กูจะมีผัวใหม่แมร่ง!!!" เจ้านายตะโกน
พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดในขณะที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนรักทั้งสองคนอย่างมอสและเลย์
ที่บ้านของตัวเองหลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนมารวมตัวกันติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบปลายภาคใน
อีกสามสี่วันที่จะถึงข้างหน้านี้ และสาเหตุที่เจ้านายต้องมานั่งหงุดหงิดใจอยู่อย่างนี้ก็เพราะหลังจาก
วันนั้น...วันที่ภีมเข้าไปพูดขออะไรบางอย่างจากพ่อและแม่ของตัวเอง(โดยที่เจ้านายไม่รู้) จนมาถึงวันนี้
ก็กินระยะเวลาปาเข้าไปสองเดือนกว่าแล้ว ที่ชีวิตประจำวันของภีมก็ดูยุ่งเหยิงวุ่นวายมากขึ้นไปเป็นกอง
จึงทำให้ภีมเองไมค่อยมีเวลาให้คนรักอย่างเจ้านายมากอย่างที่ควรหรือเคยเป็นมา จึงทำให้พี่เจ้านายคนแมน
ของทุกคนหลุดแมนต่อมตุ๊ดแตก จนมอสและเลย์เพื่อนรักพากันลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเพื่อนรักของพวกเขาอยู่
ในโหมด 'งอนผัว' นั่นเอง

       "มึงก็เข้าใจน้องมันหน่อย น้องมันต้องทำงานนะเว้ย" มอสพูดปลอบเพื่อนรักที่ตอนนี้ กำลังนั่ง
หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างที่ไม่มีลูกน้องในสนามคนไหนกล้าเดินเข้ามาใกล้ลูกพี่ของตัวเองเลย

       "กูเข้าใจ...แต่ต่อให้ยุ่งแค่ไหนมันก็ต้องกับมานอนบ้านมั่งป่าวว่ะ?" เจ้านายยังคงสบถออกมา
ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

       "หรือว่าน้องมันจะมีชู้วะ?" เลย์หลุดพูดปากออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่ทันได้คิด

       ป๊าบ!!!

       "มึงตบหัวกูทำไมเนี่ย!!!" เลย์หันไปว๊ากใส่มอสที่นั่งข้างกันด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อโดนมอส
ใช้มือใหญ่ๆอขงเจ้าตัวตบลงไปเต็มๆที่หัวทุยๆของเลย์

       "เพราะมึงปากหมาไง" มอสพูดบอกออกมาเสียงนิ่งพลางพยักหน้าชวนให้เลย์มองไปทางเจ้านาย
ที่ตอนนี้นั่งหน้าซึมเป็นลูกหมาถูกทิ้งไปแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดพล่อยๆของเลย์เมื่อสักครู่นี้

       "กูขอโทษที่ปากไม่ดีนะนาย มึงอย่าคิดมากเลย อย่างน้อยน้องมันก็โทรมารายงานตัวกับมึงอยู่
ทุกๆ วันไม่ใช่หรอ" เลย์พูดปลอบเพื่อนด้วยความรู้สึกผิดโดยใช้เหตุผลอ้างอิงมาจากความจริงที่ได้รับรู้
ในช่วงหลายๆวันที่ผ่านมาว่า ถึงแม้ว่าตัวของภีมจะไม่ได้กลับมานอนกลับเจ้านายที่บ้าน แต่ภีมก็ยังคง
ใส่ใจที่จะไม่หลงลืมหรือละเลยเจ้านาย โดยการที่โทรมารายงานตัวกับ(โทรเช็ค)เจ้านายในทุกๆวัน

       "เออ...ช่างมันเถอะ มึงไม่ผิดหรอก คนผิดนั่นมันไอ้คนที่ไม่ยอมโผล่หัวมาให้กูเห็นหน้าต่างหาก
คอยดูนะถ้าคืนนี้ยังไม่ยอมกลับมานอนบ้านอีก กูจะมีผัวใหม่แมร่งจริงๆ เล๊ย!!!!" เจ้านายพูดบอก
ออกมาอย่างหงุดหงิด เพราะยังคงคิดมากอยู่กับคำพูดของเลย์ ที่ว่าเจ้านายจะมีคนอื่น จึงพูดประชด
ออกมาเช่นนั้น

       "ผมได้ยินแว่วๆ ว่าใครจะมีชู้มีกิ๊กอะไรกันนะครับ เมื่อกี้้นี้ฟังไม่ชัดเลย...หื้ม?" ภีมในชุดสูทดู
ภูมิฐานเกินวัยเดินถอดเนคไทให้หลุดออกจากคอ เข้ามานั่งข้างๆ เจ้านายพร้อมกับพูดถามเสียงขรึม

       "อะ...เอ่อ" เจ้านายตะกุกตะกักอย่างไม่รู้จะหาคำพูดแก้ตัวว่าอะไรดี เมื่อเห็นสายตารู้ทัน แบบดุๆ
ของคนรักอย่างภีม ที่เหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างบอกผ่านเขามาจากสายตานั้นด้วยว่า 'ตอบให้ดีนะ'
'ไม่งั้นโดน' อะไรประมาณนี้

       "ว่าไงครับ?" เจ้านายเร่งถามพลางพาดแขนวางบนพนักพิงโซฟา เหมือนกับโอบเจ้านายกลายๆ

       "ไอ้เลย์ไง!! ใช่ๆ ไอ้เลย์มันบอกว่ากิ๊กคนล่าสุดของมันง้องแง้งน่าลำคาญ มันเลยจะหาชู้ไว้ดูเล่น
อีกสักคนสองคน" และแล้วเจ้านายก็หาคำพูดเอาตัวรอดไปจนได้ โดยที่มีเพื่อนรักอย่างมอสและเลย์
เบะปากส่ายหน้ากันอย่างเอือมระอากับพี่นายคนแมนคนนี้เสียจริง ที่ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าจะเป็น
ผู้นำเป็นช้างเท้าหน้าให้กับชีวิตรักชีวิตครอบครัวของเจ้าตัวอยู่หรอก แต่ไหงพอน้องภีมสุดที่รักของมัน
กลับมาปุ๊บมันก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือ กลายเป็นคนย 'กลัวผัว' อย่างงี้ไปเสียล่ะ! เจ๋งจริงเน๊าะมึง!!
.
.
.
.
.
       "นาย...สอบเสร็จแล้วปิดเทอมเลยรึเปล่า?" ภีมถามในขณะที่จอดรถอยู่หน้าคณะของเจ้านาย
เพราะวันนี้ภีมมาส่งเจ้านายที่มหาวิทยาลัยเหมือนทุกทีเพราะเจ้านายมีสอบเป็นวันสุดท้าย.....ไม่รู้
ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คำว่าพี่เจ้านายที่ภีมเคยเรียกมันหายไปจากการสนทนาของทั้งสองคน และเหลือ
เพียงแต่ชื่อเล่นเท่านั้นที่ใช้เรียกกัน อาจจะเป็นเพราะความรักและความรู้สึกของภีมจะส่งถึงเจ้านาย
ให้ได้รับรู้ก็เป็นไปได้ ว่า ณ ขณะนี้ เขาทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องกันอีกต่อไปแล้ว

       "อื้อ! สอบเสร็จแล้วก็ปิดเลยภีมมีรัยหรอ?" เจ้านายถามกลับ

       "ภีมว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านสักพักนึง...ดีมั้ย?" ภีมบอกพร้อมกับถามความเห็นจากคนรัก

       "ดีสิ!! พี่คิดถึงป๋ากับแม่จะแย่แล้ว เรากลับกันพรุ่งนี้เลยนะ...นะๆ" เจ้านายพูดบอกออกมา
ด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดอ้อนออกมาเพราะเขาอยากจะกลับไปหาแม่ธารจ๋าของเขาวันนี้พรุ่งนี้เลย

       "ครับๆ ยังไงวันนี้เดี๋ยวภีมจะฝากมอมแมมไปกับรถของโรงแรมที่จะเอาของไปส่งที่สาขาภูเก็ตเลย
ก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้เราจะได้นั่งเครื่องตามไปเลย" ภีมบอกในสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว
ให้เจ้านายฟัง เพียงแต่...เขาแค่บอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง!

       "อื้อ ถ้างั้นพี่ไปสอบก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะโทรหา...จุ๊บ!" เจ้านายดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนที่
จะบอกลา เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาที่ตนจะต้องเข้าห้องสอบแล้ว โดยที่ไม่ลืมที่จะจุ๊บปากคนรักส่ง
ท้ายอีกทีแบบเน้นๆ 
.
.
.
       "ผมมารับผลตรวจเลือดครับ" หลังจากที่ส่งเจ้านายเข้าห้องสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภีมก็ขับรถ
ตรงมายังโรงพยาบาลที่ตนกับเจ้านายได้มาตรวจเลือดทิ้งไว้เมื่อสามวันก่อนตามคำสั่งของป๋าเจ้าคุณ
ทันที ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณป๋าเจ้าคุณของพี่นายคนแมนนั้นกลัวว่าเขาจะเอาโรคมาติดลูกชายสุดที่รัก
ของตัวเอง เลยสั่งให้ทั้งเขาและเจ้านายให้พากันมาตรวจเลือดและเอาผลตรวจกลับไปให้เจ้าตัวดูที่
ภูเก็ตด้วย ไม่เช่นนั้นคุณป๋าขาโหดเขาจะไม่ยอมยกลูกชายสุดที่รักให้เด็ดขาด.....เหอๆ เขาละเพลีย
กะคุณพ่อตาจริงๆ

       "กรุณาแจ้งชื่อด้วยค่ะ" พยาบาลพูดบอกด้วยเสียงสุภาพ

       "พีรภัทร อัครจินดากรณ์ กับ ชลธาร ยศวโยธินครับ" ภีมบอกทั้งชื่อจริงของตนและเจ้านายไป

       "เอ่อ..คือ..คุณหมอท่านแจ้งดิฉันไว้ว่าถ้าคุณมารับผลเลือดให้เชิญคุณเข้าไปคุยกับท่านก่อนน่ะค่ะ
เพราะท่านมีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบเป็นการส่วนตัวค่ะ" คุณพยาบาลเธอเช็คบางอย่างจากหน้าจอคอม
พิวเตอร์ประจำตำแหน่งของเธอ ก่อนที่จะพูดบอกให้ภีมได้ทราบ

       "ได้ครับ ว่าแต่ตอนนี้ท่านอยู่ไหนละครับ?" ภีมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่า
เริ่มจะไม่ค่อยพอใจกับสายตาแปลกๆของนางพยาบาลคนนี้ที่มองตัวเองแล้วก็ตาม

       "เชิญทางนี้เลยค่ะ" เธอบอกพร้อมกับเดินนำเข้าไปในห้องตรวจส่วนตัวของคุณหมอที่ว่านั่น

       ก๊อก...ก๊อก

       "คุณหมอคะ คุณพีรภัทร คนที่คุณหมอแจ้งดิฉันไว้มาแล้วค่ะ" เธอบอกกับคุณหมอของเธอ

       "อ่อ..ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล เชิญคุณไปทำหน้าที่ของคุณได้เลยครับ.....สวัสดีครับ
คุณพีรภัทรเชิญนั่งก่อนครับ" คุณหมอสูงวัยบอกกับนางพยาบาลผู้ช่วยของตนก่อนที่จะ หันมาทักทาย
กับภีมเมื่อนางพยาบาลคนนั้นได้ออกจากห้องไปแล้ว

       "สวัสดีครับคุณหมอ ไม่ทราบว่าผลตรวจของผมและคนรักมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่าครับ" ภีมเอ่ย
ถามเข้าเรื่องทันที เพราะปกติแล้วแค่มารับผลตรวจเลือดธรรมดาๆ เขาไม่จำเป็นต้องมาพบหมออย่างนี้
เลย แค่มารับผลตรวจก็กลับบ้านได้แล้ว หรือว่าเขากับเจ้านายมีตรงไหนผิดปกติไปจนหมอต้องเรียกพบ
อย่างนั้นหรือ? รึยังไง?

       "ใจย็นๆครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมแค่อยากจะแนะนำให้คุณและคนรัก
ของคุณได้เตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องถูกวิธีเท่านั้นเองแหละครับ" คุณหมอสูงวัยรีบ
พูดบอกออกมา เพราะกลัวว่าภีมจะเข้าใจไปคนละทางกับสิ่งที่ตนจากบอกต่อจากนี้

       "แล้วตกลงคุณหมอเรียกผมมาพบอย่างนี้เพื่อที่ต้องการจะบอกอะไรกันแน่ครับ?" ภีมภามต่อ

       "ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ก็แค่......"
.
.
.
.
.
เช้าวันต่อมา.....

       "นี่มันไม่ใช่ทางไปสนามบินนี่ หรือว่าภีมจะไปไหนก่อนหรอ?" เจ้านายเอ่ยถามในขณะที่กำลัง
นั่งอยู่บนรถบริการนักท่องเที่ยวของโรงแรมในเครือจินดากรณ์ที่ภีมสั่งให้มารับตนและเจ้านายไปส่ง
ที่สนามบิน(ตามที่เจ้านายรู้) เพราะว่าการกลับบ้านครั้งนี้ภีมตั้งใจจะไปอยู่ที่บ้านนานหลายเดือน
เกินกว่ากำหนดการณ์เก่าที่ตนได้บอกกับเจ้านายไว้ จึงให้คนขับรถของโรงแรมมารับ เพราะไม่อยาก
จะเอารถไปจอดไว้ที่สนามบินนานๆอย่างนั้น

       "ปิดตาก่อนสิ แล้วจะบอก" ภีมพูดบอกพร้อมกับหยิบผ้าปิดตาที่เตรียมเอาไว้ออกจากกระเป๋า
กางเกงของตัวเอง เอามาผูกปิดตาคนรักไว้

       "อะไรอ่า...บอกก่อนไม่ได้หรอ" เจ้านายพูดบอกออกมาอย่างรนๆ เพราะกลัวว่าจะโดนคนรักแกล้ง
แต่ก็ไม่ได้เอาผ้าปิดตาออกแต่อย่างใด

       "ความลับ" ภีมกระซิบบอกข้างหูของเจ้านายเบาๆด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ที่เจ้านายไม่สามารถมองเห็นได้

       "นิดนึงก็ไม่ได้หรอ" เจ้านายพูดต่อลอง

       "แค่นิดเดียวก็ไม่ได้ครับ" ภีมยังคงยืนยันคำเดิม

       "ใจร้ายว่ะ!!" เจ้านายสบถออกมาอย่างเหวี่ยงๆ

       "ปะ..ถึงแล้ว เราลงกันเลยดีกว่า" ภีมบอกพร้อมกับเปิดประตูลงจากรถ ก่อนที่จะรีบเดินอ้อมไป
เปิดประตูรถทางฝั่งของเจ้านายเพื่อที่จะพาเจ้านายลงจากรถ เพราะเจ้านายมองไม่เห็น เขาจึงต้อง
เป็นคนนำทางให้คนรักจนกว่าเจ้านายจะสามารถเปิดตาได้

       "ตรงนี้เป็นขั้นบันไดเจ้านายระวังด้วยนะ" ภีมบอกเสียงนุ่ม พร้อมกับที่ค่อยๆ เดินจูงมือพาเจ้านาย
ขึ้นบันได้ที่เจ้าตัวบอก

       "ถึงแล้วใช่มั้ย พี่เปิดตาเลยนะ" เจ้านายโพล่งบอกออกมาเมื่อเห็นว่าภีมหยุดเดินแล้ว เพราะเขา
ไม่ชอบที่จะโดนปิดตาอย่างนี้ มันรู้สึกแปลกๆ เลยพาลอยากให้หงุดหงิดไปหมด

       "ยังครับ รอก่อนนะ อีกแป๊บเดียว" ภีมพูดห้ามพร้อมทั้งใช้มือของตัวเองห้ามไม่ให้เจ้านาย เปิดผ้า
ปิดตาออกในตอนนี้ ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณบางอย่างไปให้กับใครบางคนที่เตรียมพร้อม
รอพวกเขาอยู่แล้ว

       "ภีมจะเปิดผ้าออกแล้วนะครับ...คนดี" ภีมเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างหลังเจ้านาย พร้อมกับเอื้อมมือ
เข้ามาข้างหน้าเพื่อเปิดผ้าปิดตาให้คนรักอย่างช้าๆ

       "นะ..นี่มัน...นี่มันอะไรกันภีม เลย์ มอส พวกแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เจ้านายพูดถามออกมาอย่าง
ไม่เข้าใจ เมื่อภีมเปิดผ้าปิดตาออกให้เขาแล้วสิ่งแรกที่เขาเห็นคือ ลอบบี้ของโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีชื่อ
และสัญญาลักษณ์ของโรงแรมในเครือจินดากรณ์หนึ่งในธุรกิจหลักของที่บ้านภีม แต่มันไม่เหมือนเดิม
เพราะมันแตกต่างไปจากที่เขาเคยเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง โรงแรมที่เคยคงความวิจิตงดงาม
ของอัญมณีผสมผสานความเป็นไทยได้อย่างเรียบหรูและงดงาม ที่ตอนนี้ได้แปลเปลี่ยนไปเป็นแนวสีสัน
สดใส อัญมณีที่เคยเรียบหรู ก็กลายเป็นอัญมณีรูปสัวต์เลี้ยงต่างๆ ได้อย่างน่ารักและลงตัว รวมไปถึง
เพื่อนรักทั้งสองคนของเขาอย่างเลย์และมอสที่มันสตรอโกหกเขาว่าวันนี้พวกมันไม่ว่าง แต่กลับมายืน
เสนอหน้าอยู่ที่นี่ตรงนี้

       "ของขวัญวันเกิดของเจ้านายปีนี้ไงครับ" ภีมพูดบอกพร้อมกับโอบกอดเจ้านายจากข้างหลัง

       "ของขวัญวันเกิด? ทั้งหมดนี่เลย?" เจ้านายเอี้ยวคอถามคนรักอย่างไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่ตน
ได้ยิน.....นี่มัน...โรงแรมทั้งโรงแรมเชียวนะเว้ย!!

       "ครับ...ทั้งหมดนี่เป็นของเจ้านายเลย" ภีมพูดย้ำให้เจ้านายมั่นใจอีกครั้ง

       "ไม่เอาได้มั้ย?" เจ้านายถามพลางมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ

       "ไม่ได้ครับ เพราะภีมตั้งใจทำมาเพื่อเจ้านาย"

       "แต่มันมากเกินไป แล้วอีกอย่างนี่มันเป็นกิจการของที่บ้านภีมเลยนะ คนอื่นเขาจะว่ายังไง" เจ้านาย
พูดเถียงพลางนึกไปถึงคนอื่นๆในครอบครัวของภีมว่าถ้าได้รู้ว่าภีมมายกโรงแรมให้เขาทั้งโรงแรมอย่างนี้
เขาจะว่ายังไงกัน จะมองว่าเขามาหลอกหรือเป็นคนเห็นแกได้รึเปล่า?

       "ไม่ใช่ครับ ที่นี่ไม่ใช่ของที่บ้านภีม แต่มันเป็นของเจ้านายเป็นของเราต่างหาก เจ้านายสังเกตุดูดีๆสิ
ว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในโรงแรมจินดากรณ์ของพ่อภาสนะ แต่เราอยู่ในมอมมี่คาเฟ่แอนด์เฮาส์ของเรา
ต่างหากล่ะ และโรงแรมของคุณพ่อก็ยังตั้งอยู่ที่เดิมตรงนั้นไงเห็นมั้ย? ภีมแค่ซื้อโรงแรมข้างๆ ติดกันกับ
โรงแรมพ่อภาสเอามาปรับปรุง เปลี่ยนโน่น เติมนี่ให้มันเป็นของเรากับมอมแมมต่างหากล่ะ" ภีมพูด
อธิบายพร้อมกับชี้ชวนให้เจ้านายดูว่าโรงแรมในเครือจินดากรณ์ของณัฐภาสยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่เขาทุบ
กำแพงให้มันทะลุถึงกันกับคาเฟ่เฮาส์ของเขาก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เอาโรงแรมของพ่อแม่มาโมเมอย่างที่
เจ้านายเข้าใจผิดคิดไปเองซักหน่อย และสิ่งที่เขาคุยกับพ่อแม่ของเขาในวันนั้นก็คือเรื่องที่เขาคิดจะสร้าง
ที่นี่ เพิ่มเติมให้เป็นโรงแรมเดียวกันกับของที่บ้านนั่นแหละ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่จะมาเข้าพัก
ให้ได้หลายๆ แนวด้วย ไม่ใช่รองรับแค่นักท่องเที่ยวไฮโซหรือนักธุรกิจเพียงเท่านั้น

       "เรากับมอมแมม?" เจ้านายไม่เข้าใจว่าโรงแรมนี้มันเกี่ยวกับเจ้ามอมแมมหมาน้อยของพวกเขา
แต่อย่างใด

       "ใช่ครับ ของเรากับมอมแมม เพราะภีมตั้งใจจะสร้างที่นี่ให้เป็นสวรรค์ของคนรักสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะ
เป็นการกิน นอน เที่ยว เล่น พักผ่อน หรือแม้แต่สปา ลูกค้าก็สามารถทำกิจกรรมนั้นๆ ร่วมกันกับสัตว์
เลี้ยงของตัวเองอย่างที่เราทำร่วมกันกับเจ้ามอมแมมไง" ภีมอธิบายให้คนรักเข้าใจ

       "ดีจังน้า~" เจ้านายพึมพำออกมาอย่างลืมตัว สายตาก็จับจ้องไล่เรียงไปกับส่วนต่างๆ ของโรงแรม
อย่างสนอกสนใจ

       "รู้อย่างนี้แล้ว เจ้านายจะรับของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ที่ภีมตั้งใจทำให้ได้รึยังครับ" ภีมถามย้ำอีกครั้ง

       "อื้อ!!" เจ้านายตอบรับในลำคอ

       "ถ้าอย่างนั้นก็...." อยู่ดีๆ ภีมก็หยุดพูดไปเฉยๆ พร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณไปให้มอสกับเลย์
ที่ยืนรออยู่แล้ว

       "มอมแมมครับ!! ออกมาได้แล้วลูก!! แม่เค้ายอมเราแล้ว!!!" ภีมตะโกนเรียก พร้อมๆ กับที่มอส
และเลย์เปิดฉากถอยตัวออกจากสิ่งที่ตนยืนปิดทางขวางอยู่ตั้งแต่แรก เพื่อที่จะให้ตัวเอกของงาน
ออกมาโชว์ตัวสักที

       บ๊อก!! บ๊อก!!

       "ไง~ ไอ้ลูกหมาไหนบอกว่าไปภูเก็ตตั้งแต่เมื่อวานแล้วไงฮึ!!!" เจ้านายมองลูกน้อยสี่ขาของตัวเอง
ด้วยความประหลาดใจ เพราะคิดว่าภีมส่งมอมแมมกลับภูเก็ตไปกับรถโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
แต่ทิ้งตัวนั่งคุกเข่ารอรับเจ้าลูกหมาที่กำลังวิ่งตรงมาหาตัวเองด้วยขาสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม

       "ยังกลับไปไม่ได้หรอก เพราะมอมแมมยังทำภารกิจไม่เสร็จ" ภีมทิ้งตัวนั่งลงคุกเข่าข้างกันกับคนรัก
พูดบอกพลางขยี้หัวเจ้าหมาน้อยบนตักของเจ้านายอย่างเอ็นดู

       "ภารกิจ?" เจ้านายทวนคำพูดภีม พร้อมทั้งเลิกคิ้วถามคนรัก

       "ครับ ภารกิจ...มอมแมมยังต้องอยู่ทำภารกิจลูกชายที่แสนดีให้ภีมอยู่ / ไปมอมแมมไปเอาของที่
เตรียมไว้มาได้แล้ว!!!" ภีมบอกกับคนรักก่อนที่จะหันไปพูดสั่งกับเจ้าหมาน้อยลูกรัก

       บ๊อก!!

       เจ้าหมาน้อยมอมแมมเห่ารับคำคุณพ่อภีมของเจ้าตัวเสียงดัง พร้อมกับที่วิ่งหายกลับไปทางเดิม
ที่มันพุ่งออกมาเมื่อสักครู่นี้ ก่อนที่จะวิ่งคาบอะไรบางอย่างติดปากมันออกมาด้วย

       "นะ..นี่มัน...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!" เจ้านายกำสิ่งที่เจ้ามอมแมมนำมาวางบนมือของตัวเอง
ไว้แน่น สองตาแดงก่ำ ด้วยความไม่เข้าใจ

       "แต่งงานกันนะครับ" ภีมหยิบกล่องกำมะหยี่รูปหัวใจสีแดงในมือของคนรักออกมาเปิดให้เจ้านาย
ได้เห็นสิ่งของที่อยู่ในนั้น นั่นก็คือแหวนทองคำฝังเพชรเม็ดงามที่คุณแม่พัสกรทำไว้ให้สามแฝดนั่นเอง
ก่อนจะพูดบอกออกมาด้วยเสียงนุ่มทุ้ม

       บ๊อก!! บ๊อก!!

       เด็กน้อยสี่ขามอมแมมลูกรักของทั้งสองคนเห่าออกมาท่ามกลางความเงียบ พร้อมทั้งกระโดดใส่
เจ้านายเบาๆ เหมือนกับว่ามันต้องการที่จะเร่งให้เจ้านายรีบตอบรับคำขอของคุณพ่อภีมสุดหล่อของ
มันออกมาเสียที หลังจากที่เจ้านายนั่งก้มหน้านิ่งเงียบอยู่นานสองนาน

       "ว่าไงครับ? แต่งงานกันนะ" ภีมเองก็พูดเร่งคนรักออกมาอีกครั้ง

       "แต่งก็แต่งสิวะ!! เร่งกันอยู่ได้!! ไอ้หน้าหมาเอ้ย!!! ฮื้อออออ...." เจ้านายโพล่งบอกออกมาเสียงดัง
ด้วยความขัดเขิน ความปลื้มปริ่ม พร้อมกับรีบหันหน้าเข้าซุกออกกอดคนรักไว้แน่น เพราะไม่อยากให้
ใครเห็นน้ำตาคนแมน(?) ของตนเพราะเจ้าตัวเก็บความตื้นตันไว้ไม่ไหวจนเผลอร้องไห้โฮออกมาอย่าง
ที่หยุดตัวเองไว้ไม่ได้

       บ๊อก!! บ๊อก!! บ๊อก!!!

       เหมือนกับว่าเจ้ามอมแมมมันจะรับรู้ได้ว่าพ่อแม่ของมันกำลังมีความสุข มันจึงกระโดดเห่าไปมา
เสียงดัง จนมอสและเลย์ที่ได้รับเชิญมาเป็นตัวประกอบในวันนี้พากันวิ่งไล่จับมันกันไม่หวัดไม่ไหว






______________________________________________________________________________TBC.
เนื่องจากว่าหญิงมี่น้อยหอยสังข์ของพวกเราไม่สะดวกที่จะมาลงนิยายเองได้
กระผมนายนิกกี้สุดหล่อเพื่อนรักที่ได้รับมอมหมายมาจากมันอีกที
จะขอชี้แจงในส่วนของนิยายที่มันฝากมาบอกว่า มันเคยบอกคนอ่านไปแล้วว่า
เรื่องของสามแฝดนั้นจะเป็นแบบสั้นๆ ไม่เกินสิบตอน แต่มันก็แต่งลากยาวมาจนถึงตอนนี้
จึงอยากจะบอกว่าภาคแรกนี้จะจบลงในตอนหน้านี้แล้ว และเราจะลงภาคต่อไปในนี้เลย
จะไม่แยกเรื่องออกไปอีก เพื่อความสะดวกในการอ่านของทุกคน จบ!! แยก!!  #นิกกี้..ลงแทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
อิอิ พี่เจ้านายดีใจจนน้ำตาไหล

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

ภาคเรียนที่หนึ่ง...บทที่ยี่สิบ





7 เดือนต่อมา

       ท่ามกลางความเงียบสงบและบรรยากาศที่คลุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นยาซึ่งเป็นเหมือนกลิ่นเฉพาะของ
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในจังหวัดที่ควรจะสงบเงียบอย่างที่ควรจะเป็น แต่คืนนี้กลับแลดูวุ่นวายไปหมด
เมื่อทางโรงพยาบาลต้องต้อนรับคนไข้ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญในครอบครัวของสองตระกูลใหญ่
ที่เปรียบเป็นเหมือนขั้วอำนาจที่ช่วยขับเคลื่อนเศรฐกิจและรายได้ของประเทศทางตอนใต้ได้อย่างดีเยี่ยม

       "อะ...อื้อออ...ปวดท้องจะตายห่าอยู่แล้วจะวัดอะไรนักหนาเนี่ยคุณนางบาล....โอ๊ยยยย....." ถึง
ปากเจ้าตัวจะพูดออกมาเจ็บอย่างนั้นปวดอย่างนี้ แต่เจ้านายน้อยตัวแสบของทุกคนก็ยังสามารถแซะ
แขวะนางพยาบาลที่มือกำลังทำหน้าที่เช็คความดันให้ตัวเองแต่ตาเจ้าหล่อนกลับมองภีมด้วยสายตา
หยาดเยิ้มได้อย่างเจ็บแสบ.....ถึงพี่จะเจ็บท้องเจียนตายแค่ไหน...พี่ก็ยัง 'หวงผัว' อยู่นะอีน้องนาง!!!

       "แล้วหมออ่ะ! จะลูบๆ คลำๆ ตัวเมียผมอีกนานไหมครับ?" จบคำพูดของคนเป็นเมียได้ไม่ถึงอึดใจ
สามี ที่ได้สิทธิเข้ามาให้กำลังใจภรรยาถึงในห้องคลอดแห่งนี้ก็เอ่ยพูดออกมาเสียง เข้ม เมื่อเห็นว่า
คุณหมอหนุ่มไม่ทำหน้าที่ของตัวเองสักที เอาแต่ลูบๆ คลำๆ เนียนจับตัวมียเขาอยู่ได้! คนจะคลอดลูกนะ
ไม่ได้มานอนดิ้นไปมาเป็นเมียงูให้ใครดูเล่น ถึงได้คิดจะลูบจะคลำตามสบายกันอย่างนี้! ปัดโธ่!!!
ลูกก็จะออก..เมียก็จะคลอด...หมอแมร่งก็มัวแต่คลำ...พยาบาลก็เอาแต่จ้องมองหน้าหล่อๆของผัวคนไข้
ให้มันได้อย่างนี้สิครับ!!! พระเอกอย่างภีมละอยากจะบ้า!!!

       "เอาละ เดี๋ยวหมอจะเริ่มผ่าเอาน้องออกมาแล้วนะครับคุณแม่" คุณหมอหนุ่มพูดบอกในขณะที่
กำลังจะลงมีดกรีดผนังท้องของเจ้านายเพื่อทำคลอดเจ้าตัวน้อยในท้องออกมา หลังจากที่ทำการบล็อก
เสร็จเรียบร้อยแล้ว

       "จะผ่าก็ผ่าสักทีสิหมอ!! พูดอยู่ได้!! คนยิ่งกลัวๆ อยู่!!!" เจ้านายพูดโวยออกมาเสียงดังลั่น ทั้งที่
สภาพของเจ้าตัวตอนนี้แทบดูไม่ได้ หน้าซีด ตัวสั่น เหงื่อไหลย้อย เพราะเผลอไปคิดจิตนาการตอนที่
คมมีดกรีดลงบนหน้าท้องของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตอนนี้เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรแท้ๆ

       "ครับๆ" หมอหนุ่มรับก้มหน้าทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างรวดเร็วที่โดนคุณแม่คนสวยขาร็อคว๊าก
ใส่เข้าให้หลังจากที่นิ่งเงียบให้เขาคลำให้สามีของเจ้าตัวเขม่นอยู่นานสองนาน(มันใช่เวลามั้ยหมอ?)

       "ใจเย็นครับที่รัก อย่าเครียดนะครับ เดี๋ยวลูกก็ออกมาแล้ว" เดือดร้อนภีมที่ยืนเป็นกำลังใจให้คนรัก
อยู่ข้างเตียงผ่าตัดต้องรีบลูบหัวพูดปลอบเจ้านายเป็นการเร่งด่วนด้วยเสียงอบอุ่นนุ่มทุ้ม เพราะเกรงว่า
ค่าความดันของเจ้านายจะพุ่งขึ้นสูงเกินไปเสียก่อนที่จะเห็นหน้าลูก

       แอ๊...แอ๊...แอ๊!!!!!!

       "ออกมาแล้ว...น้องเป็นผู้หญิงยินดีด้วยนะครับ" หมอหนุ่มพูดบอกก่อนที่จะส่งเจ้าตัวน้อยที่เป็น
ดวงใจของเจ้านายและภีมส่งไปให้พยาบาลทำความสะอาดตัวให้ก่อนที่จะนำมาให้พ่อแม่อย่างภีม
และเจ้านายได้เห็นให้ชื่นใจ ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่เย็บปิดผนังหน้าท้องของเจ้านายต่อไป

       "ละ...ลูก...ภีมลูก...ลูกของเรา...ฮึก!!" เจ้านายจ้องมองเจ้าหญิงตัวน้อยในห่อผ้าด้วยน้ำตา
น้ำตาแห่งความดีใจและตื้นตันใจ เป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะเจ้าตัวมีความสุขมากเกินกว่าที่
จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งหมดของความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจ

       จุ๊บ...

       "ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเราครับเจ้าหญิง 'ของขวัญ' ของคุณพ่อ" ภีมก้มลงจูบหน้าผาก
ลูกสาวตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายอย่างแผ่วเบาด้วยความทะนุทะถนอมราวกับว่าผิวเนื้อนุ่ม
ของลูกสาวจะแตกสลายได้ง่ายๆ เหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเสียอย่างนั้น ที่แค่เผลอสัมผัส
แรงไปก็จะเกิดรอยหรือเสียหายเอาได้

       จุ๊บ.....

       "ขอบคุณนะครับที่รักสำหรับของขวัญที่แสนพิเศษชิ้นนี้" จากที่รับขวัญลูกสาวเสร็จภีมเปลี่ยนทาง
ย้ายทิศไปแนบริมฝีปากจูบลงเบาๆ ที่หน้าผากคนเป็นแม่อย่างเจ้านายแผ่วเบาแทนคำขอบคุณที่
เจ้านายสู้อดทนอุ้มท้องเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาสองคนมาอย่างยากลำบากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ขอบคุณที่เจ้านายยอมให้เขาเป็นคนดูแลหัวใจของเจ้าตัว ขอบคุณที่เจ้านายทำให้ทุกๆ วันของเขาได้
มีความสุขมากกว่าใครทั้งหมดในโลกใบนี้
.
.
.
.
.
ภายนอกห้องผ่าตัดทำคลอด

       "เมื่อไหร่หมอจะออกมาวะเนี่ย!! เข้ากันไปนานแล้วนะเว้ย!!" เป็นคุณป๋าเจ้าคุณขาเก่าเจ้าเดิมที่
หลุดโวยวายออกมาเป็นคนแรก หลังจากที่เดินวนไปเวียนมาอยู่ตรงบริเวณประตูหน้าห้องคลอดที่
เจ้านายและภีมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยความกระวนกระวาย ประหนึ่งว่าเมียตัวเองจะคลอดลูกก็ไม่ปาน

       "มึงก็ใจเย็นๆ สิวะ ก็รู้อยู่ว่าของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา" ณัฐภาสคุณพ่อยังหนุ่มของแฝดสามพูด
บอกกับเพื่อนรักอย่างใจเย็น ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็ผลัดกันเดินวนไปมากับเจ้าคุณเพื่อนรักนั่นแหละ

       "มึงก็พูดได้สิ! ลูกกูเป็นคนเจ็บตัวหนิ! ไม่ใช่แค่มีหน้าที่วางไข่อย่างเดียวเหมือนลูกชายมึง...เชอะ!!"
เจ้าคุณย่นหน้าบอกกับเพื่อนรักด้วยเสียงกระแทกหน่อยๆ ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

       "เหอะ! อย่างน้อยลูกกูก็เป็นเจ้าของไข่ละวะ!!!" ณัฐภาสสบถในลำคอ พูดเกทับใส่เพื่อนรักไปอีก
หนึ่งประโยค อย่างแสบทรวง ทำเอาเจ้าคุณที่หน้าตึงอยู่แล้วตูมเข้าไปใหญ่เลยทีนี้

       "พูดอย่างนี้มึงจะเอาใช่มั้ยไอ้ภาสไอ้เพื่อนเวร!!!" เจ้าคุณกลับตัวเดินเข้าหาณัฐภาสอย่างเอาเรื่อง

       "มาเลยไอ้คุณ!! พ่อตาใจแคบอย่างมึงต้องเจอกู!!!" ณัฐภาสเองก็ใช่จะยอมแพ้

       "หยุดกันทั้งสองคนนั่นแหละ!!!" ธาราและพัสกรพูดบอกออกมาพร้อมกัน หลังจากที่นั่งดูสองคู่หู
เพื่อนรักเพื่อนซี้เขาแซะเขาแขวะใส่กันอยู่นานสองนาน

       "พี่ภาสมานั่ง!!!" พัสกรเรียกสามีของตนให้เดินมาหาตัวเอง

       "เจ้าคุณมานี่!!!" ธาราเองก็เช่นกัน ก่อนที่จะคุยกันทางสายตาและส่ายหน้าให้กันอย่างปลงตก
ที่อดีตสองเพื่อนรักเพื่อนซี้ที่แทบจะตายแทนกันได้อย่างณัฐภาสและเจ้าคุณหันมาแตกหัก หันมาตั้งแง่
พูดเถียงและเขม่นใส่กันทุกครั้งที่เจอหน้า ตั้งแต่รู้ว่าเจ้านายตั้งท้องด้วยคำสารภาพจากปากของภีมเอง
.
.
.
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อ 7 เดือนก่อนหน้านี้

       "ใบผลตรวจเลือดของพวกแกรอบนี้ล่ะ?" เจ้าคุณรีบพูดทวงใบผลตรวจเลือดของรอบนี้ทันทีที่ภีม
เดินเข้ามานั่งข้างๆ เจ้านาย ตามมาด้วยพัสกรและณัฐภาสอีกคน ในช่วงบ่ายของวันถัดมาหลังจากที่
เมื่อคืนเขาทั้งสองคนโดนพ่อตาใจร้ายอย่างป๋าคุณจับแยกให้นอนบ้านใครบ้านมัน.....เซ็งเลย!!

       "นี่ครับ" ภีมหยิบเอกสารยืนยันผลตรวจเลือดที่เหมือนกับทุกๆ ครั้งยื่นให้เจ้าคุณเช่นเดียวกัน

       "อืม...ดีมาก" เจ้าคุณครางออกมาในลำคออย่างพอใจ เมื่ออ่านเช็คผลตรวจเลือดของเจ้านาย
และภีมออกมาเป็นปกติไม่มีปัญหาเหมือนอย่างทุกครั้งที่ดู.....ปลอดภัย(?)

       "มึงจะให้ลูกตรวจทำไมบ่อยๆวะ?" ณัฐภาสพูดถามออกมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ...คือถ้าให้ตรวจ
พร้อมกับตรวจสุขภาพประจำปีทุกๆ ปีอ่ะ เขาจะไม่สงสัยเลย แต่ไอ้ห่านี่เล่นโทรสั่งให้ลูกไปตรวจ
ตามใจชอบเลย และที่สำคัญเลยคือ มันถี่มากไง!! เพราะตรวจถี่เกินไป เดี๋ยวหกเดือนตรวจมั่ง
สามเดือนตรวจอีกละ อย่างงี้อ่ะจะไม่ให้เขาคล่องใจได้ยังไงไหว!!! บ้าไปแล้ว!!!

       "เรื่องของกู" เจ้าคุณลอยหน้าลอยตาตอบเพื่อนรักกลับไปอย่างอารมณ์ดีเพราะกำลังชอบใจอยู่
กับผลตรวจเลือดของลูกชาย.....คึๆ รอด(?)มาได้อีกแล้ววุ้ย! แสดงว่าไอ้หมามันเชื่อฟังเรา ไม่ยอมให้
ไอ้ลูกแมวภีมมันเจ๊าะเอาอีก ฮ่าาาา....สะใจวุ้ย!! สะจายยยย....

       "แล้วน้องนายคุยเรื่องแต่งงานกับป๋ากับแม่เค้ายังครับลูก" พัสกรพูดเปิดประเด็นขึ้นกลางวงสนทนา
อย่างที่ไม่ทันให้ให้ได้ตั้งตัวทัน โดยเฉพาะคุณป๋าจอมหวงอย่างเจ้าคุณที่พอได้ยินสิ่งที่พัสกรพูดแล้ว
เจ้าตัวถึงกับคิ้วกระตุก จนเผลอขยำใบกระดาษผลตรวจเลือดที่เจ้าตัวนั่งชื่นชมมองดูในมืออยู่ทันที

       "แต่งงานอะไร? ใครจะแต่งงานห้ะไอ้ลูกหมา? บอกป๋ามาหน่อยดิ!!" เจ้าคุณชักสีหน้าถามเสียงแข็ง
เมื่อกี้เขาได้ยินแล้วหละว่าพัสกรพูดอะไร เพียงแต่อยากจะฟังให้แน่ใจจากปากเจ้าตัวลูกชายของเขา
ก็เท่านั้นเอง

       "หนูจะแต่งเองป๋า...เมื่อวานนี้ภีมขอหนูแต่งงานก่อนที่จะบินมานี่อ่ะ" เจ้านายก็ยังคงเป็นเจ้านาย
วันยังค่ำ ไม่มีเสียหรอกที่จะมานั่งบิดตัว หน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อพูดถึงเรื่องสำคัญที่ผู้หญิงและ
เหล่าเคะทั้งหลายใครลองได้โดนขอแต่งงานอย่างเจ้าตัวดิ บิดตัวหน้าแดงกันแทบจะเป็นขนมโปเต้จิ้ม
ซอสมะเขือเทศอยู่มะลอมมะล่อ มีแต่พี่เจ้านายคนแมนลูกชายป๋าเจ้าคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ ที่นั่ง
ยืดอกรับหน้าตอบออกมาเสียงดังฟังชัดขนาดนี้ เล่นเอาป๋าเจ้าคุณจอมหวงแทบจะยกขาขึ้นมาก่าย
หน้าผากกันเลยทีเดียวเพราะความห่ามและความแมนเกินความเป็นที่เคะน่าทะนุถนอม(?)ของลูกชาย

       "แล้วใครอนุญาติ?" เจ้าคุณจ้องหน้าลูกชายอย่างเค้นคำตอบ

       "ก็หนูไง!!" เจ้านายเองก็ยังคงไม่สนใจสายตากดดันของป๋าคุณ

       "แต่กูไม่อนุญาติ!!!" เจ้าคุณลุกขึ้นพูดบอกเสียงดังจนแทบจะกลายเป็นการตะคอก

       "แต่หนูอนุญาติ!!! หนูแต่งเองนะไม่ใช่ให้ป๋าแต่ง!! เพราะฉะนั้นหนูอนุญาติ!!!" เออ...เอากับพี่เขาสิ
ก็พี่นายคนแมนเขาแต่งเองนี่เนาะ ไม่ใช่คุณป๋าแต่งเองสักหน่อย.....พูดอีกก็ถูกอีก (เหรอ?)

       "แกกูไม่อนุญาติมึงจะแต่งได้ไง? กูเป็นพ่อมึงนะไอ้ลูกหมา!!!" เจ้าคุณพูดต่อพลางขบกรามแน่น
พยายามที่จะบังคับไม่ให้ตัวเองทำอะไรรุนแรงกับลูกชาย.....มันจะรู้บ้างมั้ยว่าเขาหวงมันขนาดไหน!!!

       "พ่อแล้วไง?" ยักคิ้วถามอย่างท้าทาย

       "ก็เป็นคนที่ทำให้มึงเกิดมาไง!!!" นี่ก็เขม่นใส่ลูกเต็มที่

       "หนูจะแต่ง!!!" ยังคงดื้อดึงต่อไป

       "แต่กูไม่ให้แต่ง!!!" ขัดขวางอย่างชัดเจน

       "หนูจะแต่งๆ หนูจะแต่งๆ หนูจะแต่งงานกับภีม!!!!" เถียงจนคอเป็นเอ็น ไม่มีอ่อนข้อ

       "ไม่ให้แต่งๆ ไม่ให้แต่ง!!! กูจะไม่ให้มึงแต่งงานกับใครทั้งนั้นแหละโว้ยยยย!!!!" ยืนยันคำตอบเดิม

       "หยุด!!! หยุดทั้งสองคนเลย!!!" เป็นธาราเองที่ทนฟังสามีและลูกเถียงกันต่อไปไม่ไหว จึงเดินเข้าไป
แทรกกลางระหว่างพ่อลูกทั้งสองคนที่ดูเหมือนกับว่าเตรียมพร้อมที่จะกระโจนใส่กันเต็มที่แล้ว

       "แต่มัน / แต่ป๋า" ไม่ต้องสืบให้เสียเวลาเลยว่าเจ้านายนิสัยเหมือนใคร เพราะกับแค่เรื่องแค่นี้ยัง
สามารถพูดออกมาได้พร้อมกันเป๊ะๆ เหอๆ อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าลูกไม้ใต้ต้น!!!

       "ไป นั่ง ที่" ธาราพูดกดเสียงต่ำเน้นทีละคำ พร้อมกับที่จ้องหน้าสองคนพ่อลูกคู่(นิสัย)เหมือน
ด้วยสายตาดุๆ นิ่งๆ นี่ละนางพญาผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านตัวจริงเสียงจริง!!!

       "ตกลงว่าไงครับภีม" ธาราหันกลับไปถามเอาความจริงจากภีมด้วยเสียงปกติไม่ดุดันเหมือนกับ
ที่ใช้ขู่สองพ่อลูเมื่อครู่นี้

       "ที่ภีมพาคุณพ่อคุณแม่มาด้วยวันนี้ก็เพื่อที่จะมาพูดคุยเรื่องสู่ขอเจ้านายจากแม่ธารจากป๋าคุณ
อย่างจริงจังนี่แหละครับ เพราะไหนๆ ภีมกับนายก็คบกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ได้
เปิดเผยออกมาให้ใครรู้เท่านั้นเอง และที่สำคัญเลย ตอนนี้ภีมกับเจ้านายตกลงที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ภีมเลยไม่อยากจะให้ใครมาดูถูกหรือมองเจ้านายไปในทางเสียๆ หายๆ เพราะมันจะส่งผลมาถึงป๋าคุณ
แม่ธาร และคุณพ่อคุณแม่ผมไปด้วย เพราะฉะนั้น...ได้โปรดให้เราสองคนแต่งงานกันด้วยเถอะครับ"
ภีม ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้าธาราและเจ้าคุณพร้อมทั้งพูดบอกออกมายืด ยาวด้วยเสียงเรียบนิ่ง

แต่แฝงไปด้วยความสุภาพนอบน้อมตามฉบับสุภาพบุรุษของ เจ้าตัว ไม่มีหลุดกลัวหรือตื่นเต้นใดๆ
ทั้งนั้น ทั้งที่เจ้าคุณพยายามที่จะส่งสายตาข่มขู่ตัวเองจากฝั่งตรงข้ามสักแค่ไหนก็ตาม

       "เอาสิ...ภีมกล้าขอแม่ก็กล้าให้ แต่ภีมก็ต้องสัญญาด้วยนะว่าจะดูแลลูกชายของแม่คนนี้ให้ดีกว่า
ที่แม่และป๋าดูแล แม่ขอแค่นี้ ภีมทำให้แม่ได้ใช่มั้ย?" ธาราพูดบอกคำอนุญาติออกมาง่ายๆ แต่ก็ยังไม่
วายที่จะขอคำมั่นสัญญาจากภีม ด้วยหัวใจและความห่วงใยของคนเป็นแม่ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะรักและ
ไว้ใจภีมมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของความรักที่มีให้ลูกชายตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม

       "ภีมสัญญาครับว่าจะรักและดูแลเจ้านายให้มากกว่าชีวิตของตัวเองเลยครับ" ภีมให้คำสัญญา

       "แค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับแม่.....ว่าไง? บอกลูกไปอย่ามาทำเนียนทำซึนเจ้าคุณ!!!" ธาราพูดกัับภีม
ก่อนที่จะหันไปบอกพร้อมกับหยิกเอวคุณป๋าจอมหวงอย่างเจ้าคุณที่ทำเป็นไม่รู็ไม่ชี้ลอยหน้าลอยตา
ทำเหมือนกับไม่เห็นสายตาของภีมที่รอคำอนุญาติจากตัวเองอยู่ ทั้งที่ภีมก็นั่งอยู่ตรงหน้าอยู่ในระยะ
สายตาของเจ้าตัวแท้ๆ.....มัวแต่นั่งเก๊กอยู่ได้!!!

       "เออๆ อยากแต่งก็แต่งไป! แต่จำเอาไว้เลยนะภีม...ถ้า...ทิ้ง ลูก กู มึง ตาย!!!" เจ้าคุณเอ่ยอนุญาติ
อย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนที่จะเดินหนีออกไปจากบริเวณนี้ ไม่วายที่จะทิ้งคำขู่ไว้ให้ภีมได้ผวาเล่นอีกอยู่ดี

       "อย่าไปใส่ใจเลยนะน้องภีม ก็แค่คนแก่หวงลูกน่ะ" ธาราส่ายหน้า มองตามสามีไปอย่างระอา
กับพฤติกรรมห่ามๆ ของคนหวงลูก ภีมเองก็ไม่พูดอะไรเพียงแต่ยกยิ้มให้และก้มลงกราบขอบคุณธารา
หนึ่งทีก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งที่เดิมที่ตอนนี้มีเจ้านายมานั่งอยู่ข้างกันอีกคน  และปล่อยให้เป็นหน้าที่
ของพ่อๆ แม่ๆ พูดคุยตกลงกันเรื่องรายละเอียดต่างๆ ที่จะต้องเตรียมในงานแต่งอีกที ก่อนที่เจ้าตัวจะ
ขอตัวเดินออกมาตามหาเจ้าคุณเพราะมีเรื่องที่จะต้องคุยกับเจ้าตัวเป็นการส่วนตัวโดยอ้างกับเจ้านาย
พ่อ และแม่ๆ ทางนี้ว่าจะไปเข้าห้องน้ำแทน จึงไม่มีใครติดใจหรือสงสัยอะไร
.
.
.
       "มาอยู่นี่เอง.....คุณป๋าครับ" ภีมพูดพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเอ่ยเรียกเจ้าคุณที่ยืนสูบบุหรี่ดับ
อารมณ์ครุกรุ่น(หวงลูก)เมื่อครู่นี้ให้เย็นลงอยู่ตรงบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน

       "ว่า?" ขานรับพร้อมกับที่สูบอัดสารนิโคตินเข้าปลอดไปอีกเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะปล่อยควันสีหม่น
ออกมาในอากาศ โดยที่ยังไม่ยอมหันหน้ากลับไปมองภีมที่มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังตัวเองแล้ว

       "ผมจะมาขอบคุณป๋าครับที่ยอมอนุญาติให้เจ้านายแต่งงานกับผม" ภีมพูดบอกอย่างนอบน้อม

       "ช่างมันเถอะ แค่มึงทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ก็พอ จะแต่งกันตอนไหนก็แต่งไป แต่อย่าเพิ่งปล่อย
ให้ไอ้นายมันท้องก็พอ รอให้มันเรียนจบซะก่อน" เจ้าคุณทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นพลางใช้ปลายเท้าขยี้ดับไฟ
ก่อนที่จะหันมาพูดบอกกับภีม เพราะมาคิดๆ ดูแล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็แค่แต่งงาน ไม่ได้ทำให้
ชีวิตลูกชายเขาตกต่ำด้อยค่าสักหน่อย ทั้งยังเพิ่มความสุขให้เจ้าตัวมันอีกต่างหาก เพียงแต่.....เขาแค่
ใจหายและรู้สึกหวงลูกก็เท่านั้นเอง ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าเจ้านายเป็นเหมือนดวงใจของเขา เป็นลูกที่เขา
รักมากที่สุดในบรรดาลูกทั้งหมดสามคน มันก็เลยอดไม่ได้ที่จะทำใจไม่ได้ตั้งตัวไม่ทัน.....แต่ก็เพราะ
ว่าความที่เขารักลูกมากนี่แหละ เขาถึงต้องยอม เพื่อความสุขของลูก อีกทั้งคนที่เจ้านายจะแต่งงาน
และเอาชีวิตไปฝากไว้ให้เขาดูแลก็ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นเจ้าภีมคนที่เขารักและเอ็นดูไม่ต่างไปจากลูกแท้ๆ
ของตัวเอง ที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดจนโต และภีมก็ยังสามารถแสดงให้เขาได้เห็นอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าตัว
รักและพร้อมที่จะดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาคนนี้มากมายสักแค่ไหน อาจจะมากกว่าเขาที่
เป็นพ่อแท้เลยก็ว่าได้ เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะค้านความสุขของลูกๆ ต่อไปอีกทำไม

       "ยังไงภีมก็ต้องขอบคุณคุณป๋ามากๆ นะครับที่ยอมไว้ใจยกเจ้านายให้ภีมดูแลต่อ ภีมสัญญาเลย
นะครับว่าภีมจะรักและดูแลเจ้านายให้มากยิ่งกว่าตัวเองเลย" และแล้วหน้ากากเด็กชายภีมแก้มยุ้ย
ขี้อ้อนในครั้งอดีตเมื่อตอนเด็กๆ ก็ถูกยกขึ้นมาใช้กับคุณป๋าเจ้าคุณอีกครั้ง เพราะภีมพูดพร้อมกับที่
เดินเข้ามาก้มกราบที่หน้าอกของเจ้าคุณอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะลดมือลงกอดเจ้าคุณอย่างอ้อนๆ
ทำท่าทางเหมือนกับตอนเด็กที่เจ้าตัวอยากจะอ้อนขออะไร.....หึๆ ป๋าคุณก็ป๋าคุณเถอะ!!     

       "ไม่เป็นไร...เพราะภีมก็เป็นลูกชายป๋าเหมือนกัน" เจ้าคุณบอกพลางยกมือขึ้นลูบหัวภีมเบาๆ
ด้วยความเอ็นดู.....อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าคุณหลงเด็กชายภีมแก้มยุ้ยเมื่อครั้งอดีตอยู่แล้ว จึงไม่
ใช่เรื่องยากนักที่จะทำให้เขากลับมารักและเอ็นดูภีมอีกครั้ง หรือที่จริงแล้ว...เจ้าคุณอาจจะไม่เคย
เขม่นหรือเหม็นเบื่อหน้าภีมอย่างที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกมาให้ใครต่อใครเห็นเลยก็ได้ แต่เป็น
เพราะความหวงลูกรักอย่างเจ้านายเสียมากกว่าที่ทำให้เจ้าคุณต้องทำตัวไม่ดีกับภีมอย่างนั้น

       "อ่อ! ภีมเอานี่มาให้ป๋าด้วยครับ เมื่อกี้นี้ภีม(ตั้งใจ)ลืมไว้ในกระเป๋าเลยเอาให้ป๋าดูไม่ครบ"
ภีมผละตัวออกจากเจ้าคุณก่อนที่จะยื่นแผ่นกระดาษสีขาวสะอาดตาที่พับทบปิดเนื้อหาข้างใน
เอาไว้อย่างปราณีตเรียบร้อย


ใบประเมินผลการตรวจเลือดของ.....'นายชลธาร ยศวโยธิน'.....


ระบุผล..........ตั้งครรภ์หกสัปดาห์.........



       "นะ...นี่มัน..." เจ้าคุณถึงกับปากคอสั่นตัวชาวาบเอื้อนเอ่ยออกมาเป็คำพูดไม่ได้เมื่อได้เปิด
แผ่นกระดาษสีขาวเจ้าปัญหาของภีม

       "ตามนั้นเลยครับป๋า...ยินดีด้วยนะครับว่าที่คุณตา (^_^)" ภีมพูดบอกพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน
ส่งให้เจ้าคุณอีกทีอย่างงามๆ ก่อนที่จะเดินถอยหลังออกห่างจากเจ้าคุณทีละก้าว

       "ไอ้ภีม!!! มึง!!" กว่าจะตั้งสติรู้สึกตัวได้ ภีมก็ถอยห่างออกไปไกลแล้วแต่ก็ยังสามารถมองเห็น
กันได้อยู่ และเจ้าตัวก็ยังคงยืนส่งยิ้มหวานให้เจ้าคุณอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

       "ลูกผู้ชายเขาพูดแล้วไม่คืนคำนะครับคุณป๋า...ผมขอตัวไปดูเมียก่อนนะครับ หึๆ" ภีมที่เห็นว่า
เจ้าคุณกำลังยืนจ้องตัวเองด้วยสายตาอาฆาตเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ก็ป้องปากตะโกนบอก
กับเจ้าคุณเสียงดังลั่น ก่อนที่จะเดินหันหลังจากไป โดยที่ไม่วายจะขยิบตาทิ้งท้ายเป็นการกวนใส่
คุณพ่อตาจอมหวงอีกหนึ่งทีด้วยสีหน้าท่าทางที่เจ้าเล่ห์สุดขีด ปล่อยให้เจ้าคุณยืนขบกรามตัวสั่นเป็น
เจ้าเข้าอยู่ที่เดิมด้วยความโมโห.....เจ้าพ่อร้อยเล่ห์ในอดีตอย่างเจ้าคุณโดนสุภาพบุรุษจอมมารยา
อย่างน้องภีมศิษย์พ่อภาสลูบคมให้เข้าแล้วไง!!!!

       "ไอ้ภีม!!! ไอ้ลูกหมา!!! ไอ้ผู้ชายตอแหล!!! มึงนี่มันลูกพ่อมึงของแท้เลย!!! ความเจ้าชู้ กะล่อน
ตอแหลสันดานหมาของพ่อมึงมันส่งต่อผ่านดีเอ็นเอมาที่มึงหมดเลยรึไงวะ!! มึงนี่มัน..โธ่โว้ย!!!!"
เจ้าคุณตีอกชกอากาศร้องตะโกนโวยวายสรรเสริญ(?)ไล่หลังภีมอยู่คนเดียวอย่างไม่มีซ้ำกันสักคำเดียว
.
.
.
       "นั่นไอ้คุณมันเป็นอะไรของมันน่ะน้องภีม?" ณัฐภาสเอ่ยถามลูกชายที่เห็นว่าเพิ่งเดินกลับเข้ามา
จากทางเดียวกันกับที่เจ้าคุณ เพราะเสียงตะโกนของเจ้าคุณมันดังเข้ามาให้ได้ยินถึงในบ้าน แต่ก็ยัง
จับใจความไม่ได้

       "อ่อ...คุณป๋าเข้าดีใจที่จะได้เป็นคุณตาน่ะครับ เพราะเมื่อกี้นี้ภีมเพิ่งเอาผลตรวจครรภ์ของเจ้านาย
ไปให้คุณป๋าเขาดูมา" ภีมพูดบอกออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วๆไป ด้วยสีหน้านิ่งๆ

       "อ๋อ...ก็แค่เจ้านายท้อง" ทุกคนรวมทั้งตัวเจ้านายเอง(ยกเว้นภีม) ครางรับคไในลำคอเหมือนจะเข้าใจ
ก่อนที่จะพากันร้องตะโกนเสียงดั่งลั่นบ้านด้วยประโยคเดียวกันที่ว่า

       "ห๊ะ!! เจ้านายท้อง!!!~"

       "หึๆ"






~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ จบบริบูรณ์ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~

และแล้วเรื่องนี้ก็มาถึงตอนจบจนได้ (แทบตาย ฮ่าๆ)มี่ไม่ขออะไรมาก

ขอแค่คนละหนึ่งคอมเม้นบอกความรู้สึกถึงนิยายเรื่องนี้แค่นั้นพอ...แค่นี้ให้มี่ได้มั้ยคะ?

แล้วเจอกันเรื่องต่อไปค่ะ!!! ส่วนตอนพิเศษต้องรอลุ้นกันเอาเน๊าะว่าจะมีมั้ย คึๆ

บาย!!! ขอบคุณที่ติดตามให้กันมาตั้งแต่แรกเริ่ม.....รักนะคะ!!! กอด!!!

ปล.ในเล้าเป็ดมี่จะเอาภาคต่อคู่ที่สองมาลงต่อในนี้เลยนะคะ แต่จะเปลี่ยนค่ำต่อท้ายว่า ภาครักนี้...เล่นเพื่อน
(ถึงแม้จะแยกไปแล้ว) จะได้ไม่ต้องตามหากัน
ปล.2 ตอนที่แล้วเพื่อนมี่มาอัพแทนค่ะ ส่วนมี่หายไปซ่อมแซมและฟื้นฟูสังขารมาค่ะ เหอๆ แย่ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2016 20:34:34 โดย Mimzmie »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จนซะแล้ว! ภีมนี่เจ้าเล่ห์จริงๆเลย

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
จบแล้วเหรอ รอตอนของพี่ภาคนะคะ คงแซบน่าดู

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น้องภีมเจ้าเล่ห์อ่ะ
เจ้านายก็น่ารัก... (แถมแอบรั่วและบ้าอย่างที่ว่า ฮา)
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ ชอบพระนายของเรื่องมาก น่ารักกันจริงเชียว
รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ภีมนี่ จอมมารยา เจ้าแผนการ ไม่แพ้พ่อเลยนะคะ แล้วคุณหลานเป็นสาวน้อย สงสัยจะขี้อ้อนน่าดูนะคะ

ออฟไลน์ maytarapat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-4
ในที่สุด พี่เจ้านายคนแมนของเราก็มีเบบี้
555555 ตลกป๋าคุณ ตอนเห็นผลตรวจครรภ์

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
 
18/02/59
 
ภาคเรียนที่สอง...บทนำ

 
 
 
 
 
       หลังจากวันวาเลนไทน์เมื่อครั้งนั้น(ในตอนพิเศษของคุณเมียภาคบังคับ) ภามแฝดเล็กสุดแสบ
แห่งบ้านอัครจินดากรณ์ และเจโล่แฟนหนุ่ม (ที่เข้าใจผิดคิว่าเป็น) ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ก็คบกันมาใน
ฐานะคนรักกันอย่างเปิดเผยให้ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอย่างณัฐภาสกับพัสกรและคุณมี๊หรือแม่แท้ๆ
ของเจโล่ได้เห็นและรับรู้ความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มทั้งสองคนมาตลอด และภามก็ย้ายออกมาอาศัย
อยู่ที่บ้านเจโล่ตั้งแต่เข้าเรียนที่วิทยาลัยอาชีวะชื่อดังเพราะมันใกล้และสะดวกในการเดินทางมากกว่า
ที่จะอยู่บ้านของตัวเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นณัฐภาสและพัสกรก็ค้านเพราะเห็นว่าเป็นการไม่สมควรในเมื่อทั้งสอง
คนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน และกำลังคบกันอยู่ในฐานะคนรักอย่างชัดเจน แต่ก็ทำได้แค่ค้านเท่านั้น
เพราะแบล็คใหญ่ที่คอยหนุนหลังและตามใจแฝดเล็กจอมแสบอย่างภามนั้นคือ เจ้าสัวชัชวาลย์
ผู้ที่เป็นปู่นั่นเอง ทุกคนจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แต่มีข้อแม้ว่าภามจะต้องกลับมาอยู่บ้านทุกวันหยุด
เสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และปิดเทอม เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นวันหยุดไหนๆ ภามก็ต้องกลับมา
อยู่บ้านอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้วันเวลาก็หมุนเปลี่ยนเวียนผ่านล่วงเลย
มาจนถึงเจ็ดปี สุขบ้าง ทุกข์บ้าง หวานกันมา ทะเลาะกันไป ตามประสาคนรักที่เป็นดั่งสิ้นกับฟันที่ต้อง
มีกระทบกระทั่งกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่ทั้งคู่ก็ยังช่วยกันฝ่าฝันและผ่านกันมาได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่
ราบเรียบและสวยงามนักก็ตาม แต่ 'รัก' มันก็คือ 'รัก' อยู่ดี.....
 
       จากสุดแสบ แสบที่สุดในฝาแฝดทั้งสามคนของณัฐภาสและพัสกร ก็ได้เปลี่ยนขั้นสลับขั้วกลายมาเป็น
ภามคนใหม่ที่ไม่เหวี่ยง ไม่วีน และไม่เอาแต่ใจอย่างที่เคยเป็นมาตลอด เพราะมีคนรักอย่างเจโล่ค่อยๆ
ขัดเกลานิสัยร้ายๆในแบบเก่าออกไปอย่างช้าๆและแนบเนียนจนทำให้คนที่บ้านอัครจินดากรณ์เป็นต้อง
ประหลาดใจกับบุคคลิกและท่าทาง หรือแม้กระทั่งนิสัยใจคอของแฝดเล็กคนนี้ได้ทุกครั้งที่ภามกลับบ้านมา
นั่นจึงเป็นเหมือนในเบิกทางที่ดีให้กลับเจโล่ที่ทำให้คนในบ้านอัครจินดากรณ์ยอมรับและไว้ใจที่จะฝาก
ลูก หลาน หรือพี่ น้องของพวกเขาให้กับคนๆนี้ได้ดูแลอย่างที่ไม่รู้สึกระแวงอีกต่อไป
 
       ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจโล่หรือ ฟูจิวาระ อิจิโร่ ก็ได้กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวของบ้านอัครจินดากรณ์
อีกหนึ่งคนที่คนในบ้านให้การต้อนรับและดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดีมาจนถึงทุกวันนี้
 
 
 
แต่ความสงบสุขนี้มันจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหนกัน? ใครรู้ช่วยบอกที.....
 
 
 
 
 
____________________________________________________________________________TBC.
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!!

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
24/02/59
 
ภาคเรียนที่สอง...บทที่หนึ่ง
 
 
 
 
 
 
       ปิ๊งป๊อง!!!  ปิ๊งป๊อง!!!  ปิ๊งป๊อง!!!
 
       "คร้าบ.....มาหาใครหรือครับ" ภามรีบวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วบ้านเมื่อได้ยินเสียงกดออดๆ ดังรัวๆ
อยู่หลายครั้งหลายที จนลืมไปเลยว่าก่อนหน้าที่เจโล่คนรักของตนจะออกจากบ้านไปเพื่อออกไปหา
สมัครงานนั้นได้พูดสั่งตนไว้ว่า 'ห้ามวิ่ง' โดยเด็ดขาด.....ภามถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือน
ที่ไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองคน เท่าที่กะจากสายตาของภามแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบคน และทุกคน
ก็ต่างเป็นชายร่างสูงใหญ่บึกบึนที่สวมแว่นตาดำและสูทสีดำทั้งชุดดูน่ากลัวมากสำหรับภาม เว้นแต่
ชายชราผมสีขาวโผนที่ยืนอยู่ตรงกลางเท่านั้นที่ใส่ชุดสูธเป็นสีเทาควันบุหรี่
 
       "......"
 
       "เดี๋ยวสิครับ!! พวกคุณจะไปไหนน่ะ!! เข้าไม่ได้นะ!!! ห้ามเข้า!!!" กลุ่มคนแปลกหน้าพวกนั้น
ไม่มีใครตอบคำถามภามและพากันบุกเดินเข้าไปข้างในตัวบ้านอย่างที่ไม่ยอมฟังเสียงห้ามของภีมเลย
 
       "ออกไปนะ!! ออกไป!! ออกไปจากบ้านของผมเดี๋ยวนี้เลย!!" ภามตะโกนห้าม ทั้งพยามที่จะยืนขวาง
ผลักและดันคนเหล่านั้นไม่ให้เดินเข้าไปข้างในบ้านได้ แต่ก็ไม่เป็นผล ในเมื่อตนสู้แรงผู้ชายไซส์ใหญ่ยักษ์
พวกนี้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แถมชายชราผมขาวคนนั้นยังถือวิสาสะเดินย้ำพื้นเข้าไปนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา
ที่ตั้งวางอยู่กลางบ้านโดยที่ไม่มีใครถอดรองเท้าอีกต่างหาก.....จะรู้กันบ้างไหมว่าเขาเป็นคนทำความสะอาด
บ้านหลังนี้ด้วยมือของตัวเองทั้งหมดคนเดียว...มันเหนื่อยนะเว้ย!!!
 
       "เจโล่!! อยู่ไหน!! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน!! กลับบ้านนะ!! กลับบ้านมาด่วนเลย มีใครก็ไม่รู้ท่าทาง
เหมือนพวกทวงหนี้เลย อยู่ดีๆ ก็พากันบุกเดินเข้ามาในบ้านเรา รีบมานะ!!....ภามกลัว" ภามลนลาน
รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาคนรักทันทีด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาไม่ได้
อยากอ่อนแอและไม่ได้แอ๊บแรดแต่อย่างใดถึงได้พูดบอกกับคนรักไปอย่างนั้น ถ้าเป็นเวลาปกติหน่ะหรอ
ถึงจะพาคนมากกว่านี้ น่ากลัวกว่านี้สักร้อยเท่าเขาก็ไม่กลัวหรอก จะสู้ด้วยแรงของตัวเองจนถึงที่สุดจน
กว่าจะสู้ไม่ไหวเลย...เพียงแต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ ก็เพราะว่านอกจากชีวิตเขาแล้ว ในท้องของเขา
ยังมีลูกน้อยที่เป็นพยานรักระหว่างเขาและเจโล่คนรักอาศัยอยู่ด้วยอีกคนไง เขาถึงไม่กล้าที่จะทำอะไร
ที่มันเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในท้องของเขาทั้งนั้น
.
.
.
.
.
       "ดื้อ!! เป็นยังไงบ้าง? ปลอดภัยดีใช่มั้ย?" ลงจากแทกซี่ได้เจโล่ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา
ภามที่ยืนรอตัวเองอยู่หน้าบ้านพลางหมุนสำรวจความเสียหายไปด้วย
 
       จากวันนั้นมาถึงวันนี้.....ก็ผ่านมาเจ็ดปีเกือบจะแปดปีแล้วตั้งแต่วันที่เจโล่สารภาพรักภามและสองคน
ก็ตกลงที่จะคบหากันในฐานะแฟนหรือคนรัก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆอย่างที่ผ่านมาในแต่ละวันของ
การคบหาของทั้งสองคนมันจะผ่าไปได้อย่างเรียบง่ายและไม่มีเรื่องติดขัดอะไรเลย โดยเฉพาะเรื่องหึงหวง
ที่ทุกคนก็ต่างเป็นห่วงคู่รักใจร้อนอย่างสองคนนี้มาก แต่เปล่าเลย ทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะหรือมีปากเสียง
กันเรื่องนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา ทางผู้ใหญ่ของทั้งเจโล่และภามก็ต่างรู้กันดีว่า
ทั้งสองคนนี้คนกับแบบไหน ฐานะอะไรแต่ก็ไม่มีใครห้ามปรามประไร เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ลูกๆ
จะเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอาเอง ยกเว้นเรื่องที่ภามท้องนี่แหละที่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายภามอย่างณัฐภาสและ
พัสกรยังไม่รู้ เพราะเจโล่ขอเวลาหางานที่เป็นหลักแหล่งได้ก่อนถึงจะเข้าไปคุยกับสองคนนั้นเรื่องสู่ขอภาม
อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะว่าตอนนี้ตัวของเจโล่เองก็ยังไม่มีหลักประกันอะไรที่จะไปเป็นการรับรองกับ
ณัฐภาสและพัสกรได้เลยว่าจะเลี้ยงดูภามและลูกได้ เพราะว่าแม่ของเจโล่ที่เคยเป็นเสาหลักของครอบครัว
พึ่งจะจากไปด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง และไม่มีญาติที่ไหนอีก ตอนนี้เจโล่ก็เหมือน
ตัวคนเดียวนั่นแหละถ้าไม่นับภามกับลูกในท้องอีกคน เพราะฉะนั้นเจโล่ถึงได้อยากขอเวลารอบริษัทต่างๆ
ที่เขาไปสมัครทิ้งไว้ติดต่อกลับมาก่อนนี่ไง อย่างน้อยก็ให้คุณพ่อเจ้าสัวอย่างณัฐภาสได้เห็นว่าเขาก็ยังมี
ปัญญาที่จะเลี้ยงดูลูกชายคนเล็กของเขาได้ โดยที่ไม่ลำบากอะไรถึงจะไม่ได้สบายอย่างที่อยู่กับคุณพ่อเจ้าสัว
อย่างตัวเองก็เถอะ แต่เจโล่ก็มั่นใจว่าตนจะไม่ทำให้ภามและลูกน้อยในท้องต้องอดๆ อยากๆ อย่างแน่นอน
 
       ที่เขาและภามมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็ได้มาจากเงินประกันของแม่ที่เหลือจากทำพิธีศพแล้วแค่ไม่
กี่บาทกับเงินเก็บที่เขาไปรับจ๊อบเล่นกีต้าร์ร้องเพลงตามผับตาร้านอาหารตั้งแต่อายุสิบห้านั่นแหละ
ก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เยอะ และบ้านกับรถที่ตอนนี้มันเป็นชื่อของเขาแล้วเพราะแม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้
ส่วนเงินที่ทางณัฐภาสและพัสกรที่ส่งมาให้ภามเป็นประจำทุกๆ เดือน เขาก็ขอไม่ให้ภามเอาออกมาใช้
ถ้าไม่จำเป็น อยากได้อยากกินอะไรเดี๋ยวเขาจ่ายเอง แค่เมียคนเดียวเขาเลี้ยงได้ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวชอบแอบไป
ถอนเงินในบัญชีนั้นออกมาซื้อของดีๆ ให้เขาก็เถอะ.....มันน่าตีนัก!!
 
   ตอนนี้เขากับภามก็ทำเรื่องจบชั้น ปวส. สาขาเมคคาทรนิกส์ ที่เกี่ยวกับพวกสมองกล หุ่นยนต์
เครื่องกล อะไรประมาณนั้น เพียงแค่...ยังไม่ได้รับใบประกาศก็เท่านั้นเอง เขาจึงเร่งเดินหาสมัครงาน
อย่างวันนี้นี่ไง ภามถึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างนี้
 
       "ไม่ๆ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน แค่บุกเข้าไปนั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ เท่านั้นเอง....และฉันก็โทรแจ้ง
ตำรวจแล้วด้วยนะหลังจากที่คุยกับนายเสร็จ แต่ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นมาเลย" ภามพูดบอกด้วยเสียงสั่นๆ
ถึงเขาจะก๋ากั๋นหรือเกรียนแดกสักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยเจอคนที่หน้ากลัวอย่างคนพวกนี้มาก่อนเลย มันเหมือน
มีรังสีอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวของคนพวกนั้นด้วย....เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
 
       "ไม่เป็นไรนะ...ดื้อรอฉันอยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันเข้าไปดูเอง" เจโล่พูดบอก พร้อมกับลูบหัวลูบหูเป็น
การปลอบใจให้ภามหายตกใจไปด้วย
 
       "ไม่เอา! ฉันจะไปด้วย" ภามส่ายหัวพูดบอกว่าไม่เห็นด้วย
 
       "แต่...." เจโล่กำลังจะแย้ง
 
       "ไม่มีแต่...ถ้าจะเข้าไปก็ไปด้วยกัน...ฉันเป็นห่วงนาย" แต่ภามกับพูดยืนยันเสียงแข็ง ด้วยสีหน้า
จริงจังสายตาเอาเรื่อง
 
       "ก็ได้ๆ แต่ดื้อจะต้องอยู่ข้างหลังฉันตลอด และถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมาดื้อก็จะต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดออก
มาก่อนเลย....เข้าใจนะ?" เจโล่พูดบอก
 
       "อื้อ...สัญญาเลย" ถึงปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่ภามก็คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาจริงๆ
เขาก็จะอยู่ช่วยเจโล่โดยที่จะไม่คิดหนีเอาตัวรอดอย่างที่คนรักบอกอย่างแน่นอน
 
       "โอเค...ถ้างั้นเราก็เข้าไปข้างในกันเถอะ" เจโล่พูดบอกพร้อมกับกระชับจับมือของภามพาเดินนำ
เข้าไปในบ้านอีกครั้ง
.
.
.
.
.
       "มาแล้วหรือ...ฟูจิวาระ อิจิโร่...ไม่ดีเลยนะที่เป็นเด็กแต่ปล่อยให้ผู้ใหญ่ต้องนั่งรออยู่ตั้งนาน"
ชายชราที่นั่งอยู่บนโซฟากลางวงล้อมของบอดี้การ์ดชุดดำตัวใหญ่ยักษ์ของตัวเองพูดทักขึ้นเป็น
ภาษาญี่ปุ่นทันทีที่เห็นเจโล่เดินจูงมือภามเข้ามาภายในบ้าน
 
       "พวกคุณเป็นใคร? บุกเข้ามาในบ้านของผมอย่างนี้ต้องการอะไร?" เจโล่ถามด้วยภาษาญี่ปุ่น
กลับเลยทันทีเหมือนกัน พลางสำรวจดูความเสียหายรอบๆ บ้านตัวเอง แต่ทุกอย่างก็ดูปกติดี ไม่มี
อะไรขยับเปลี่ยนที่หรือเสียหายแต่อย่างใด
 
       "ฉัน ฟูจิวาระ เคนโด เป็นปู่ของเธอ" อีกฝ่ายแนะนำตัวกลับมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง เหมือนพูด
เรื่องทั่วไป แต่สำหรับเจโล่แล้วนี่มันเป็นเรื่องอะไรที่น่าตกใจมากๆ เพราะตั้งแต่จำความได้ ทั้งชีวิต
ของเขาก็มีแค่แม่เพียงคนเดียวที่เป็นครอบครัว(ถ้าไม่นับภามที่มาที่หลัง) และแม่ของเขาก็มักจะ
พูดกรอกหูบอกกับเขาตั้งแต่เด็กยันโตว่า พ่อของเขาตายไปแล้ว และเขาไม่มีญาติหรือครอบครัว
หลงเหลืออยู่ที่ไหนอีกแล้ว.....แต่นี่!...ปู่โผล่มาได้ยังไง?
 
       "ปู่ของผม?" เจโล่เลิกคิ้วถามพร้อมกับชี้นิ้วเข้าตัวเอง ประมาณว่า...ปู่เขาจริงอ่ะ?
 
       "ใช่...ฉันเป็นพ่อของพ่อเธอหรืออีกในนึงก็ปู่แท้ๆของเธอนั่นแหละ" เขาพูดย้ำให้เจโล่ฟังอีกครั้ง
 
       "แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณพูดเรื่องจริง ไม่ได้โกหกผม" เจโล่ถามต่อ
 
       "เอาให้เขาดูสิ" ชายชราที่อ้างตัวว่าเป็นปู่ของเจโล่ไม่ได้ตอบคำถามของเจโล่แต่กลับหันไปพูดสั่ง
ลูกน้องของตััวเองแทน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหนึ่งในบอดี้การ์ดชุดดำของชายชราก็เดินออกจากแถว
มายื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เจโล่ ก่อนที่จะเดินกลับไปยืนประจำที่เดิมของตัวเอง
 
       "อะไรหรอจ๋า" ภามชะโงกหน้าเข้ามาถามพลางชำเลืองมองดูซองเอกสารที่มือของเจโล่ด้วย
เพราะภามยังจับใจความไม่ได้ว่า ประโยคคำพูดโต้ตอบระหว่างเจโล่กับชายชราคนนั้นคือเรื่องอะไร
เพราะเขายังไม่เก่งที่จะฟังภาษาญี่ปุ่นเวลาคนพูดเร็วๆ ได้ ถึงเจโล่พยายามที่จะสอนให้เขาพูดมา
โดยตลอดก็เถอะ.....แต่มันยากอ่ะ!!!
 
       คำว่า 'จ๋า' คือชื่อเรียกเฉพาะที่ภามตั้งขึ้นมาและใช้เรียกเจโล่เป็นการส่วนตัว เช่นเดียวกับที่เจโล่
เรียกภามว่า 'ดื้อ' เช่นกัน ก็เหมือนกับคู่รักวัยรุ่นทั่วๆไปที่มักจะมีชื่อเรียกเฉพาะที่ต่างก็ตั้งให้กันและกัน
ขึ้นมาใหม่ตามลักษณะตัวหรือนิสัยของแต่ละคน เพราะไม่อยากจะเรียกชื่อคนรักซ้ำกับคนอื่น
 
       "ไม่รู้สิ" เจโล่ส่ายหน้าบอกพร้อมกับค่อยๆ เปิดซองเอกสารออก สิ่งที่อยู่ในนั้นมันทำความรู้สึก
หลายๆ อย่างวิ่งเข้ามาหาเจโล่อย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้น ดีใจ หรือแม้แต่ความเสียใจก็ตาม
เพราะสิ่งที่อยู่ในนั้นคือรูปถ่าย ของเขาแบบภาพเดี่ยวตอนอายุประมาณสองสามขวบและก็รูปเขากับแม่
รูปแม่กับผู้ชายหน้าตาดีคนนึงที่คาดว่าจะเป็นงานแต่งงาน เอกสารต่างๆมากมายที่แสดงให้เห็นว่า
ผู้ชายคนที่อยู่ในรูปนั้นคือสามีของแม่ และเป็นพ่อแท้ๆ ของเขานั่นเอง....นี่มันอะไรกัน?
 
       "ทีนี้ก็มั่นใจได้แล้วนะ ฉันจะได้พูดเรื่องของฉันสักที.....ที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่าฉันต้องการ
ที่จะมาพาตัวเธอกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกัน" ในขณะที่เจโล่กำลังตกตะลึงอยู่กับหลักฐานในมือของ
ตัวเอง ชายชราคนนั้นก็พูดบอกเสียงเรียบนิ่ง แต่ก็แฝงไปด้วยอำนาจและแรงกดดัน ทำให้ภามที่ยืน
อยู่ข้างหลังเจโล่รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆ ที่ฟังในสิ่งที่ชายชราพูดไม่รู้เรื่องแท้ๆ
 
       "ไม่มีทาง!!! ผมไม่ไป!!!" ถึงจะเป็นปู่แท้ๆ ก็เถอะ! แต่ความรักความผูกพันใช่ว่าจะมี แล้วทำไม
เขาจะต้องยอมไปอยู่ที่ญี่ปุ่นกับคนพวกนี้ด้วย...ชีวิตของเขาที่มีแค่ภามกับลูกน้อยในท้องอย่างทุกวันนี้
ก็ดีอยู่แล้วไม่เห็นมีความจำเป็นสักนิดที่เขาจะต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้าอย่างนี้เลย ถึงแม้ว่าจะขึ้นชื่อ
ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันก็เถอะ!! แล้วที่ผ่านมาล่ะ? ที่ผ่านมาตอนที่เขาอยู่กับแม่ คนพวกนี้หายไปไหน
กันหมด ถึงได้ปล่อยให้เขากับแม่ได้ใช้ชีวิตกันมาตามลำพังสองคนแม่ลูกได้ถึงยี่สิบปีอย่างไม่คิดจะ
เหลียวแลหรือแม้แต่จะติดต่อกลับมาเลย แล้วอยู่ๆ ก็มาบอกว่าจะให้กลับไปอยู่ด้วยกันมันจะไม่ดู
ตลกเกินไปหรือ?.....นี่บ้าที่สุด!!!
 
 
       "แต่แกต้องไป...เพราะนี่คือคำสั่ง!!!!"
 
 
 
 
 
 
 
_____________________________________________________________________________TBC.
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!!
เม้นกันเข้าไว้นะคะช่วงนี้อยากได้กำลังใจเยอะๆ จะได้มีแรงแต่งนิยายต่อไป
#แก้ไขในส่วนที่สลับชื่อพิมผิดจากภีมเป็นภามให้แล้วนะคะ
ณ ตอนนี้ ภามแยกตัวออกมาอยู่กับเจโล่สองคนที่บ้านเจโล่ตั้งแต่สมัยเรียนที่อาชีวะใหม่ๆแล้วนะคะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อ่านจบภาคแรกแล้ว ฮาป๋าคุณอ่ะ 5555555555555555 :m20: :m20:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2016 21:59:22 โดย arij-iris »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
25/02/59

 
ภาคเรียนที่สอง...บทที่สอง
 
 
 
 
 
 
       "แต่แกต้องไป...เพราะนี่คือคำสั่ง!!!" เสียงตะหวาดแข็งกร้าวของชายชราที่พูดออกมา ทำให้ภาม
ต้องขยับตัวเข้าไปแนบชิดติดหับหลังคนรักขึ้นอีก เพราะมันน่ากลัวจริงๆ มันดูมีพลัง มีอำนาจอย่าง
ที่ภามไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน แม้ว่าจะเคยแอบเห็นคุณพ่อณัฐภาสของตนคนที่ทั้งวงการธุรกิจใน
ประเทศไทยพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าเป็นมือสังหารจอมเนี้ยบของวงการธุรกิจตะวาดพนักงานในบริษัท
จนร้องไห้มาแล้ว เมื่อสมัยที่ภามยังเป็นเด็กๆ ก็เถอะ แต่นั่นมันยังไม่เห็นจะหน้ากลัวขนาดนี้เลย
ชายชราผมขาวคนนี้ช่างดูแตกต่างจากคนปกติทั่วไปจริงๆ
 
       "คำสั่ง? แล้วผมต้องทำตามอย่างนั้นหรอ?.....ถามหน่อยเถอะครับว่านอกจากความเป็นปู่ใน
นามแล้ว คุณยังคิดว่าคุณมีสิทธิ์อะไรตัวผมมากมายแค่ไหน? ในเมื่อคุณไม่ได้เลี้ยงผมมา ความผูกพัน
กันทางสายเลือดรึก็ไม่มี และเผื่อคุณจะยังไม่ทราบนะครับว่าปีนี้ผมมีอายุครบยี่สิบปีเต็มแล้ว สามารถ
ตัดสินใจทุกๆอย่างในชีวิตของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งผู้ปกครองแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นผมคิดว่า
ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลับไปอยู่ญี่ปุ่นตามคำสั่งของคุณเลย" เจโล่จ้องตาพูดโต้ตอบกลับ
ไปด้วยประโยคคำพูดที่ยาวยืดอย่างไม่เกรงกลัวต่อสายตาและแรงกดดันที่ชายชราตั้งใจปล่อยออกมา
เพื่อที่จะข่มขวัญผู้น้อยตรงหน้านี้เลย
 
       "ถึงแม้ว่าพ่อแกจะนอนรอให้แกกลับไปดูใจมันก่อนตายน่ะหรือ?" ชายชราเลิกคิ้วถาม
 
       "มะ...ไม่จริง...คุณกำลังจะโกหกอะไรผมอีกในเมื่อแม่เคยบอกกับผมมาตลอดว่าพ่อของผม
เขาตายไปแล้ว" เจโล่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ ก็ตลอดเวลาที่แม่ยังมีชีวิตอยู่
แม่ก็มักจะพูดกรอกหูเขาอยู่เสมอๆ จนเขาจำขึ้นใจว่า...พ่อเขาตายไปแล้ว...แล้วผู้ชายคนนี้จะมา
เล่นตลกอะไรกับเขาอีกกันแน่?
 
       "ไม่เลย...อิจิโร่...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแม่ของเธอได้พูดบอกอะไรกับเธอไว้บ้าง แต่ฉันขอเอาหัว
เป็นประกันเลยว่าสิ่งเหล่านั้น มันเป็นเรื่องที่โกหกทั้งเพ...เพราะฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้ดีกว่าใคร"
 
       "หมายความว่ายังไง..?"
 
       "เฮ้อ! ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้ามันจะทำให้แกเปลี่ยนใจกลับ
ไปดูใจพ่อแกที่ญี่ปุ่นได้ฉันก็จะฝืนใจพูดถึงมันอีกสักครั้ง แต่ก่อนอื่น...พาไอ้หนูนั่นมานั่งก่อนเถอะ
คนท้องคนไส้เขาว่าปล่อยให้ยืนมากมันไม่ดีไม่ใช่หรือ" เขาถอนหายใจทิ้งหนักๆทีนึงเหมือนกับว่า
เรื่องที่เขากำลังนึกถึงและกำลังจะพูดให้เจโล่ฟังต่อไปนี้มันเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ควรจดจำอย่างมาก
ก่อนที่จะพยักพเยิดชักชวนให้เจโล่พาภามมานั่งที่โซฟาด้วยกัน
 
       "คุณรู้..?" เจโล่ถามอย่างตกใจ ที่ชายชราตรงหน้าคนที่เพิ่งจะได้รู้จักกันเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง
แต่กลับบอกว่ารู้เรื่องส่วนตัวที่สำคัญมากของตนกับคนรักทั้งๆที่ความจริงแล้วเรื่องนี้มีแค่เขากับภาม
เท่านั้นที่รู้ แม้แต่คนที่เคารพรักและนับถือมากอย่างณัฐภาสกับพัสกรพ่อแม่ของภามเองยังไม่รู้เลย
 
       "ฉันรู้เรื่องของแกหมดทุกเรื่องนั่นแหละไอ้หลานชาย...เพียงแต่ที่ผ่านมาฉันไม่สามารถทำอะไร
ได้นอกเหนือจากการรอฟังข่าวแกผ่านทางลูกน้องของฉันก็เท่านั้นเอง" เขาบอก
 
       "ทำไม" เจโล่ถามต่อ หลังจากที่พาภามเดินมานั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับชายชรา
 
       "ก็เพราะแม่แกขู่เอาไว้ว่าถ้าพวกฉันแตะต้อง พูดคุย หรือแม่แต่มาทำให้แกรู้ว่าความจริงแล้ว
แกไม่ได้มีแค่แม่ของแกและพ่อของแกยังไม่ตาย.....มันก็จะข้าแกทิ้งยังไงล่ะ" เขาพูดเสียงเรียบเหมือน
กับเป็นเรื่องปกติทั่วไปไม่ใช่เรื่องความเป็นความตายอย่างที่พูดออกมา แต่กลับเจโล่เองตอนนี้นั่ง
ตัวตรงแข็งทื่อเหมือนกับโดนแช่แข็งไปแล้ว
 
       "ไม่จริง!!! คุณโกหก!!!" พอตั้งสติได้เจโล่ก็ลุกขึ้นโวยวายชี้หน้าชายชราอย่างไม่เกรงกลัว ไม่ไว้
หน้าว่าตนเป็นเด็กเขาเป็นผู้ใหญ่อีกแล้ว ในเมื่อชายชราคนนี้มาพูดว่าร้ายใส่แม่ผู้ล่วงลับที่เคารพรัก
ของตน.....ตั้งแต่จำความได้ แม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่สวยทั้งรูปร่าง หน้าตา และจิตใจเลย แถมยังมี
นิสัยอ่อนหวาน อ่อนโยน มีเมตตาขนาดมดยังไม่กล้าเหยียบยุงไม่กล้าตบให้มันตายเลย แล้วอย่างนี้
จะให้เขาเชื่อได้ยังไงว่าแม่ของเขาเคยใช้เขาเป็นเกาะป้องกันตัวเองจากคนอื่นโดยใช้วิธีพูดขู่ฆ่าตัวเขา
ที่เป็นลูกชายแท้ๆของเธอเนี่ยนะ.....ไม่มีทาง!! เขาไม่เชื่อ!!!
 
       "เจโล่!! เป็นอะไรไปเจโล่!!! เกิดอะไรขึ้น!!!" ภามรีบผวากอดเจอย่างไม่ทันได้รู้ตัวเพราะร่างกาย
มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าคนรักของตนทำถ้าจะพุ่งเข้าใส่ชายชราที่นั่งตีหน้าเรียบนิ่งอยู่
ฝั่งตรงกันข้าม และที่เขาต้องถามออกไปอย่างนั้นก็เพราะว่าเขาไม่รู้เลยว่าบทสนทนาตั้งแต่ต้นจนถึง
ตอนที่เจโล่มีท่าทางเหมือนสติแตกอย่างนั้นเพราะเรื่องอะไร ในเมื่อทั้งเจโล่และชายชราคนนั้นต่างก็
พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เขาฟังไม่ออกกันทั้งคู่.....รู้อย่างนี้เวลาเจโล่จะสอนภาษาญี่ปุ่นเขาตลอดเจ็ดปีที่
คบกันมาเขาจะไม่งองแงไม่บ่ายเบี่ยงหรือเลี่ยงหนีทุกครั้งที่เจโล่จะสอนอย่างแน่นอน...เพราะวันนี้เขา
ก็ไม่ต่างจากไอ้งั่งคนนึงเลยที่ได้แต่นั่งมองหน้าคนโน้นทีคนนั้นทีทุกครั้งที่มีคำพูดออกมาจากปากทั้ง
สองคนนี้.....เซ็งชิบ!!!!
 
       "สงบสติอารมณ์ของแกลงซะไอ้หลานชาย ก่อนที่จะเมียแกมันจะเครียดไปมากกว่านี้...เดี๋ยวจะ
พาลไปลงกับเหลนของฉันที่อยู่ในท้องของมันอีก...ไม่ดีๆ" ชายชราพูดเตือนเจโล่พลางพยักพเยิดหน้า
ไปทางภามที่กำลังยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกอดแขนของเจโล่อยู่
 
       "เฮ้อ!! ไม่มีอะไรหรอกดื้อ...เดี๋ยวเอาไว้ฉันจะเล่าให้ฟังที่หลังนะ" เจโล่ถอนหายใจทิ้งหนักๆหนึ่งที
ก่อนที่จะพูดบอกพร้อมกับลูบหลังให้ภามใจเย็นๆ เพราะไม่อยากให้ภามมาคิดและเครียดตามตนไป
ด้วย ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขาเลย
 
       "อื้อ..ถ้ามีอะไรรีบบอกฉันเลยนะ..ฉันเป็นห่วง" ภามพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งที่เดิมตามที่
เจโล่ช่วยประคองพาตนนั่ง
 
       "เอาหล่ะ! เรื่องที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ฉันสาบานได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ส่วนแกจะเชื่อ
หรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของแก แต่ฉันก็มีหลักฐานมาให้แกดูด้วยนะไม่ใช่มาพูดปากเปล่าเพื่อที่จะใส่ร้าย
แม่ของแก เพราะฉะนั้นไม่ว่าฉันจะพูดอะไรออกไป ก็ขอให้แกนั่งฟังอย่างสงบจนกว่าฉันจะพูดจบ อย่า
พึ่งขัดอย่าพึ่งพูดแย้งอะไรออกมาทั้งสิ้น เพราะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกที่จะตกใจท่าทางบ้าๆของแก นอก
จากเมียของแกเองนั่นแหละ" ชายชราพูดบอกขึ้นทันทีที่เห็นว่าเจโล่ดูจะสงบลงแล้ว ส่วนเจโล่เองที่พอ
ได้ยินชายชราตรงหน้าพูดอย่างนั้นแล้วก็ทำแค่เพียงพยักหน้ารับรู้และส่งสัญญาณให้ชายชราพูดต่อ
ได้เลย เพราะเขาจะนั่งฟังนิ่งๆ อย่างที่เจ้าตัวบอก
 
       "ตระกูลฟูจิวาระของเราอยู่ในสายทหารเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่มากในยุคนั้น
เพราะมีสายเลือดเดียวกันกับราชวงค์จักรพรรรดิผู้ปกครองประเทศมาช้านาน แต่เมื่อสมัยห้าร้อยปีที่แล้วตระกูลของเราโดนไอ้พวกโจรถ่อยที่ทำตัวเป็นเศษสวะมาใส่ร้ายป้ายสีให้แปดเปื้อนจนเราโดน
จักรพรรดิผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันกับเราเป็นคนสั่งฆ่าพวกเราทั้งตระกูลเองกับมือของเขาเอง แต่ก็มี
ปู่ของปู่ของปู่ของปู่ฉันอีกทีที่หนีรอดกันมาทั้งสามคนพี่น้อง ตระกูลฟูจิวาระของเราจึงไม่หมดสิ้น
สูญหายไปอย่างที่คนชั่วพวกนั้นตั้งใจ แต่การกลับมาครั้งนี้ของเรา...เราไม่ได้เป็นทหารกล้าของราชวงค์
องค์จักรพรรดิอีกแล้ว เรากลับมาพร้อมกับความยิ่งใหญ่ที่เราสร้างขึ้นมากับมือของพวกเราเองนั่น
ก็คือ 'นินจา'...หรือที่เรียกอีกอย่างว่านักรบในเงามืดยังไงล่ะ ต้นตระกูลที่อยู่รอดของเราทั้งสามคน
พวกท่านก็ต่างมีวิชาทางทหารไม่ต่างจากซามูไรทั่วไปอยู่แล้ว เพราะว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นทุกคนใน
ตระกูลไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ต่างได้รับการฝึกเกี่ยวกับการฆ่าและป้องกันตัวจากอาจารย์สำนักดัง
อยู่แล้ว แต่ในเมื่อเราต้องการที่จะแก้แค้นและกู้ศักดิ์ศรีของตระกูลของเราคืน เราก็จะต้องเหนือกว่า
พวกทหารซามูไรธรรมดาๆ อย่างที่เคยได้รับการฝึกฝนมาจากในวังเมื่องครั้งก่อน และบังเอิญได้
จับพลัดจับผลูไปเป็นศิษย์ของนินจาที่เป็นนักฆ่าในตำนานในสมัยนั้นเข้าพอดี จึงได้รับการฝึกฝน
ในทุกๆวิชาที่ท่านอาจารย์ผู้นั้นมี และออกตามล่าหัวของพวกคนถ่อยเพื่อเอาเลือดชั่วๆของพวกมัน
มาสังเวยให้พวกพี่น้องที่ล่วงลับของเราทั้งตระกูล.....ที่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้แกฟังก่อนเป็นอันดับแรกก็
เพราะว่าต้องการที่จะให้แกรับรู้ทุกๆ เรื่องอย่างไม่ปิดบังจริงๆนะ..อิจิโร่..เพราะฉันรู้ว่าแม่ของแกมัน
คงจะบิดเบือนเรื่องพวกนี้ไปจนหมดแล้ว....ทั้งที่ตัวแกเองก็ได้รับการฝึกสิ่งพวกนั่นมาตั้งแต่แกยัง
พูดไม่ได้เสียด้วยซ้ำ" ชายชราพูดบอก
 
       "ผมเนี่ยนะ?" เจโล่ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ท่าเขาได้รับการฝึกบ้าบออะไรนั่นเขาก็ต้อง
จำอะไรได้บ้างสิ....ถ้ามันเป็นเรื่องจริงหน่ะนะ!!!
 
       "ใช่! แกนั่นแหละ......เพราะแกเป็นทายาทคนเดียวที่เราเหลืออยู่ในตอนนี้!!"
 
       "หมายความว่ายังไง? ผมยังไม่เข้าใจอ่ะว่าสิ่งที่คุณพูดออกมาทั้งหมดนั่นมันเกี่ยวกับผมยังไง"
เจโล่ถามต่อ เพราะเหมือนกับยิ่งฟังเรื่องราวต่างๆที่ชายชราคนนี้เล่าให้เขาฟังแล้ว มันก็ยังไม่เห็นว่า
มีส่วนไหนของเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่มันเกี่ยวกับเขาตรงไหนเลย....งงนะเฟ้ยยยย!!!
 
       "เกี่ยวสิ! ทำไมจะไม่เกี่ยว.....ในเมื่อหลังจากที่บรรพบุรุษต้นตระกูลของเราทั้งสามคนแก้แค้น
ไอ้พวกนั้นรวมทั้งโค้นล้มราชวงค์ไร้สมองนั่นไปหมดแล้วพวกท่านก็มาหันเปิดสำนักฝึกซามูไรแทน
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจนมาถึงรุ่นฉัน รุ่นพ่อแก และแกเป็นรุ่นต่อไปที่จะถึงนี้....ณ ปัจจุบันนี้
สำนักที่ว่านั่นของต้นตระกูลเราก็ยังอยู่ดี แต่เปลี่ยนจากการฝึกซามูไรในสมัยนั้น มาเป็นการฝึกทหาร
ตำรวจและบอดี้การ์ดแทน และแกก็เห็นอยู่กับตาตรงหน้าแกนี้ว่าฉันแก่มากแล้ว ส่วนพ่อแกก็ทำได้
แค่เพียงการนอนรอวันตายอยู่ที่บ้าน และคนที่จะตัดสินว่าตระกูลของเราจะคงอยู่หรือหายไปมัน
ก็ขึ้นอยู่กับแกเพราะแกเป็นทายาทคนเดียวที่เราเหลืออยู่ แต่เพราะตอนนี้ทุกๆอย่างฉันเป็นคนดูแล
ทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรพบุรุษของเราสร้างมา ฉันจึงทนเห็นมันล่มสลายหมดสิ้นไปกับฉันไม่ได้ ฉันถึง
ได้ถ่อมาตามแกกลับไปรับตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูลเราที่โน่น หลังจากนั้นแกจะให้มันมีต่อ
หรือยุบไปก็สุดแท้แต่ความต้องการของแก.....ฉันจะไม่ห้ามเลย" ชายชราพูดบอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด
เมื่เผลอคิดไปถึงการล่มสลายของทุกสิ่งทุกอย่างที่บรรพบุรษสืบทอดต่อกันมา
 
       "แล้วเรื่องแม่ผมล่ะ" เจโล่ถามต่อ เพราะชายชราคนนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของแม่ตนแม้แต่นิดเดียว
ทั้งที่มันสมควรที่จะเป็นเรื่องแรกที่เขาควรจะพูดถึงแท้ๆ
 
       "แม่ของแก คือ เด็กที่ฉันกับย่าแกรับมาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อจะให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับพ่อของแก
ที่เป็นลูกแท้ๆของฉัน เพราะหลังจากที่ย่าแกคลอดพ่อแกออกมาแล้ว ก็ไม่สามารถมีลูกได้อีกเพราะมี
ความจำเป็นที่จะต้องตัดมดลูกกทิ้งไป.....แม่แกหน่ะเป็นเป็นเด็กที่น่าสงสารมากเลยนะ เพราะว่าเป็น
เด็กเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ไปไหนก็มีแต่คนไล่ตีเพราะเนื้อตัวสกปรกมอมแมม จนฉันกับย่าแกไปเจอเข้าก็เลย
รับมาเลี้ยงเป็นลูกอีกคนอย่างที่บอกไป พวกฉันเลี้ยงพ่อแกยังไงก็เลี้ยงแม่แกอย่างนั้น รักพ่อแกอย่างไง
ก็รักแม่แกไม่มีน้อยไปกว่ากัน และคงเป็นเพราะความสนิทสนมจากพี่น้องบุญธรรมก็กลายเป็นคนรัก
จนมีแกเกิดออกมาในที่สุด ทั้งๆที่ฉันกับย่าแกโกรธพ่อกับแม่แกแทบตาย แต่ก็ทำได้เพียงแค่ทำใจและ
ให้อภัย มองข้ามความผิดบาปที่พ่อกับแม่แกร่วมกันทำมาและช่วยกันอบรมเลี้ยงดูและฝึกฝนในสิ่งที่
แกควรจะได้เรียนรู้ในฐานะผู้นำรุ่นต่อไป และฉันก็ไม่รู้หรอกว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นแม่แกมันถึงได้
ตัดสินใจใช้มีดพกสั้นประจำตัวของมันแทงเข้าที่ขั้วหัวใจของพ่อแก และแทงซ้ำๆอีกหลายๆจุด จนทำ
ให้พ่อแกต้องกลายเป็นเจ้าชายนิททราอย่างทุกวันนี้ ก่อนที่จะหอบหิ้วแกในวัยสิบขวบกับเงินก้อนใหญ่
มาเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่ประเทศนี้ และพอรู้ว่าฉันส่งคนมาตามหาแม่แกก็จัดการเก็บคนของฉันไป
ซะเกือบหมด ที่เหลือไว้ให้กลับไปส่งข่าวให้ฉันที่ญี่ปุ่นอีกสองคนก็ในสภาพขาดๆเกินๆอย่างนั้น แถม
ยังขู่ฉันอีกว่าถ้าขืนฉันยังมายุ่งวุ่นวายกับแกหรือตัวแม่แกอีก แม่แกก็จะทำกับแกอย่างที่ทำกับพ่อแก
อีกคน.....อย่างนี้แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงต่อไปดี" เขาถามเจโล่กลับเมื่อได้เล่าเรื่องราวที่เป็นเหมือน
กับฝันร้ายของครอบครัว เมื่อสะใภ้คนที่รักไม่ต่างจากลูกในอกกลับกลายเป็นคนลงมือฆ่าลูกในอุทรณ์
ของตัวเองอย่างนี้
 
       "มะ...แม่" เจโล่เรียกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เมื่อเห็นภาพเคลื่อนไหวในจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
ที่หนึ่งในลูกน้องชุดดำของชายชรานำมาวางและเปิดภาพวีดีโอที่เหมือนกับว่าได้มาจากกล้องวงจรปิด
ที่ไหนสักแห่ง ที่กำลังเล่นวีดีโอภาพเคลื่อนไหวที่แม่ของเขากำลังใช้มีดสั้นจ้วงแทงผู้ชายที่เป็นเจ้าบ่าว
ยืนคู่กันอยู่ในรูปภาพแต่งงานของแม่เขาก่อนหน้านี้...นั่นก็คือคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของเขานั่นเอง...นี่แม่
ของเขาจริงๆ หรอ? ผู้หญิงเลือดเย็นในภาพวิดีโอนี้คือคนๆเดียวกับแม่ผู้แสนอ่อนโยนของเขาจริงๆน่ะ
หรอ? ถึงไม่อยากจะเชื่อแค่ไหนแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงในภาพวิดีโอนี้คือแม่ของเขาจริงๆ ไม่ใช่คน
หน้าเหมือนอย่างที่เขาเฝ้าภาวนา เพราะต้นเหตุของรอยแผลเป็นแผลใหญ่ที่ขมับข้างศีรษะข้างซ้าย
ของแม่เขา ที่เขาเคยถามว่าแม่ไปโดนอะไรมามันถึงได้ลึกและชัดขนาดนี้ แม่เขาก็ตอบกลับมาว่า แค่
หกล้มหัวฟาดมุมโต๊ะมา แต่สาเหตุที่จริงของมันคือ แม่เขาโดนคนที่เขาคิดว่าเป็นพ่อใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ของตัวเองผลักแม่เขาไปฟาดกับขอบตู้เอกสารต่างหากล่ะ!!!!
 
       "ไม่เป็นไรนะเจโล่...ไม่เป็นไรๆ ภามอยู่ตรงนี้กับจ๋านะ...ไม่เป็นไรนะ....ไม่เป็นไร" ภามพูดบอก
พร้อมกับลูบหัวลูบหางเจโล่เป็นการใหญ่เพื่อเป็นการปลอบโยน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้และไม่
เข้าใจว่าชายชราผมขาวตรงหน้านี้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้างในตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เขาเห็น
ในหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คพร้อมๆ กันกับเจโล่มันเป็นอะไรที่น่าตกใจและสะเทือนใจจริงๆ เพราะ
ตลอดเจ็ดปีที่เขาคบกับเจโล่ในฐานะคนรักกันมานี้ คุณมี๊หรือแม่ของเจโล่เป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน
สุดแสนจะอบอุ่นและอ่อนโยนจนไม่น่าจะสามารถลงมือกระทำในสิ่งที่เขาได้เห็นในวิดีโอตรงหน้า
นี้ได้เลย.....ขนาดเขายังรู้สึกแย่ขนาดนี้และเจโล่คนที่ตลอดชีวิตนี้มีแต่แม่ล่ะ....จะเป็นยังไง???
 
       "อืม ไม่เป็นไรหรอก.....แล้วทำไมผมถึงได้จำอะไรไม่ได้เลยล่ะครับ" เจโล่กระชับฝ่ามือที่กุมอยู่
กับมือของภามพร้อมบอกว่าตนไม่เป็นไรด้วยเสียงเบา ก่อนที่จะหันกลับไปถามชายชราที่นั่งอยู่ฝั่ง
ตรงกันข้ามของตัวเอง
 
       "ก็เพราะว่าแกโดนแม่แกพาไปสะกดจิตให้หลงลืมสิ่งที่ผ่านก่อนที่แกจะมาอยู่ที่นี่และใส่เรื่องราว
ในสิ่งที่แม่แกอยากจะให้แกเข้าใจ จนบิดเบือนความเป็นตัวตนของแกไปจนหมดสิ้นหน่ะสิ" ชายชรา
ตอบ ก็อย่างที่บอกว่าเขารับรู้ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ อย่างในสิ่งที่เกิดขึ้นและเกี่ยวกับหลานชาย เพียงแต่
เขาเข้ามาใกล้มากไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะเขาไม่กล้าพอที่จะเอาชีวิตหลานชายซึ่งเป็นทายาทเพียงคน
เดียวที่หลงเหลืออยู่ของตระกูล ไปกับการตัดสินใจของนักฆ่าสาวอันดับหนึ่งและเป็นนักฆ่าหนึ่งเดียว
ในสำนักที่ฆ่าได้แม้กระทั่งคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองที่อยู่ร่วมกันมาแทบจะตลอดทั้งชีวิต.......
เพราะว่า.....กฏข้อสำคัญของนักฆ่าคือ ห้ามใจอ่อนปราณีแม้ว่าผู้นั้นจะเป็นสายเลือดของตนก็ตาม!!!
 
       "ช่วยทำให้ความทรงจำของผมกลับมาก่อนได้ไหมครับ แล้วหลังจากนั้นผมจะให้คำตอบคุณเอง"
เจโล่พูดบอกกับชายชราออกไป หลังจากที่นั่งเงียบทบทวนความคิดของตัวเองอยู่นาน
 
       "ได้สิ.....เพราะนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการเหมือนกัน" ชายชราตอบรับความต้องการของเจโล่อย่างที่
ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย เพราะเขาก็อยากจะให้เจโล่ได้จำอดีตและตัวตนของตัวเองได้เหมือนกัน เพราะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการจะเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปก็คือ...ตัวตนที่แท้จริงของเจโล่ในอดีตนั่นแหละ!!!
 
 
 
 
 
 
 
______________________________________________________________________________TBC
นิยายเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนและมีรายละเอียดต่างๆเยอะกว่าในเรื่องของภีมและเจ้านายนะคะ
เพราะฉะนั้นมี่ขอแนะนำให้คนอ่านที่น่ารักทุกท่านค่อยๆอ่านกันอย่างมีสติ อย่าอ่านแบบผ่านๆ
จะได้ประติดประต่อและจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเรื่องได้ อย่างไม่ต้องงง
และที่สำคัญตอนนี้พึ่งจะเป็นตอนที่สอง ยังไม่ถึงครึ่งของการเริ่มเรื่องเลยนะคะ
เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งคิดไกล และอย่าพึ่งคิดด่วนหาข้อสรุปนะคะ
#ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุขกันทุกคนเลยนะคะ
#ช่วยกันเม้นหน่อยนะคะ มี่ไม่อยากเป็นคนบ้าที่ลงให้อ่านอยู่ฝ่ายเดียวแต่ไม่มีใครโต้ตอบเลย
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!!!

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:  เรื่องซับซ้อนตั้งแต่แรกเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด