ตอนที่ 1 : ออร่าย้อนความกลับไปตอนผมเข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ ผมกับไอ้มีนยังเด๋อด๋าเฟอะฟะ แต่ใช่ว่าตอนนี้จะดีขึ้นนะครับ เป็นน้องใหม่ของ
คณะที่หน้าตาบ่งบอกว่ามาจากต่างจังหวัดร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม โตมาแล้วดันชอบเรียนเหมือน
กันเลยพากันตั้งหน้าตั้งตาขยันจนมาติดคณะวิศวะฯ สาขาเดียวกันนี่แหละ
ผมจำได้ว่าวันนั้นผมกับมีนมีเรียนแค่ช่วงเช้า เสร็จแล้วจึงพากันลงมานั่งเล่นใต้ตึกคณะ จะกลับหออากาศก็ร้อน ห้องผมกับมีนมี
แค่พัดลมไม่มีแอร์ ที่บ้านฐานะปานกลางก็แบบนี้ล่ะครับ จะเช่าหอแพงก็สู้ไม่ไหวพ่อแม่ส่งลูกหลายคน ผมยังดีหน่อยแม่มีแค่
สามคนไอ้มีนฟาดไปห้า แม่มันคลอดตามกันมาเป็นพรวน จะไปเดินเล่มรับแอร์ที่ห้างก็อยู่ในสภาวะใกล้สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจเลย
ไม่อยากไปให้เกิดกิเลส
วันนั้นผมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านการ์ตูนในมือ ได้ยินเสียงสาวๆ วี้ดว้ายกันกลุ่มใหญ่เลยอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ คณะผมไม่ค่อย
มีหรอกครับสาวๆสวยๆ ถึงมีก็มีน้อยมาก ส่วนใหญ่มีแต่สาวห้าวไม่ก็ทอมล่ำเลยไม่ค่อยมีอาหารตาให้ดู
มองไปก็เห็นโต๊ะถัดไปมีสาวๆ นั่งอยู่เต็ม แม่เจ้าโว้ย! มีตั้งแต่ตัวเล็กยันไซด์XL ละลานตาไปหมดครับ ผมก็มองเพลินไปสิ แต่
มองไปมองมาทำไมกูแสบตาฉิบหายออร่าที่เปล่งประกายอยู่ตรงกลางนั่นคืออะไร ผมเพ่งตามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ใครวะหน้าตา
โคตรดี ความสูงกะจากสายตาน่าจะเกิน 180 ซม.ขึ้นไป ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าวะ ด้วยความสงสัยผมจึงรีบใช้เท้าสะกิดถามไอ้มีน
“ใครวะ” มีนเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนขึ้นมางงๆ ไอ้นี่มันชอบผู้ชายครับ เสียงสาวๆ เลยเรียกร้องความสนใจจากมันไม่ได้ มีน
เคยบอกผมว่าเข้าคณะนี้ดี เหมาะกับมันที่สุด ผู้หญิงน้อยผู้ชายมากอาหารตามันทั้งนั้น มีนหันไปมองตามสายตาผมก่อนจะตอบ
“ อ๋อ พี่ภาคินอยู่ปี2 หนึ่งในห้าความภาคภูมิใจคณะเราเลยนะเว้ย” บอกแล้วครับถามมันรับรองไม่ผิดหวัง ผู้ชายหล่อต่อให้หลบ
อยู่มุมไหนไอ้เวรนี่รู้จักเขาหมด
“อิจฉาว่ะแม่งหญิงอย่างตรึม” ไอ้มีนมองหน้าผมแถมส่ายหัวเป็นการสำทับ
“มึงอย่าไปอิจฉาพี่เขาเลยว่ะ อย่างพี่เขารูปหล่อพ่อรวยกระบวยใหญ่” แล้วมันก็หันมามองสำรวจผม
"ส่วนมึง หน้าอย่างบ้าน เตี้ย เอ๋อ เงินมีก็เกือบไม่พอแดก เสือกจะไปเทียบพี่เขา” มันสรรเสริญผมครับไอ้เพื่อนเวร
“เออขอบใจ แค่นี้กูก็รู้แล้วว่ามึงรักกูมาก” ผมเลยโบกหัวมันให้สมกับความรักที่มันมีให้ผมไปทีหนึ่ง มีนหัวเราะชอบใจใหญ่
ผมบอกแล้วไอ้มีนมันปัญญาอ่อนโดนตบกะโหลกเสือกหัวเราะ แล้วมันก็ก้มอ่านการ์ตูนต่อไปไม่สนใจใดๆ อีก สาบานว่าวันนั้น
นอกจากความอิจฉาแล้วผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่คินจริงๆ
แต่หลังจากวันนั้นไม่รู้ทำไมเห็นพี่คินที่ไหนผมต้องมอง แรกๆ ผมคิดว่าก็คนมันโดดเด่นยืนอยู่ในระยะสายตาอย่างไรก็ต้องเห็น
ออร่ามันทิ่มตาขนาดนั้น แต่ทำไมนานๆ ไป ไม่เห็นกูก็มองหาวะ หนักเข้าก็นั่งรอดักรอให้ได้เห็นมันเสียอย่างนั้น แม่งผมต้องติด
โรคเกย์มาจากไอ้มีนแน่ๆ สงสัยมันจะแพร่เชื้อใส่ผม
มีอยู่วันหนึ่งไอ้มีนมันรีบกลับเพราะป๊ามันมาเยี่ยม ผมเลยนั่งเล่นอยู่คนเดียว ความจริงตั้งแต่มาเรียนพวกผมหาเพื่อนใหม่ได้มาอีก
สามคน มีน้องนายหญิงอวบระยะแรก มันให้เรียกแบบนั้นครับ บอกมันไม่ได้อ้วนมันแค่มีเนื้อมีหนังพอน่ารัก ก็จริงของมัน คนที่
สองคือไอ้บาส ไอ้นี่มันเป็นนักกีฬาสมชื่อหุ่นสูงใหญ่ ส่วนคนสุดท้ายคือไอ้รัชตะ มันบอกชื่อเล่นชื่อจริงมันชื่อเดียวกันห้ามเรียกมัน
สั้นกว่านี้ ผมนั่งรอพวกมันสามตัวที่เหลือแต่จนบ่ายคล้อยก็ยังไม่เห็นหัวมันสักคน
นั่งๆอยู่ ผมได้ยินเสียงคนเดินมานั่งโต๊ะใกล้ๆ พอหันไปมอง !! วันนี้ฉายเดี่ยวเว้ย ไม่มีทั้งเพื่อน ไม่มีทั้งหญิง ผมนี่เหงื่อออกเต็ม
ไม่ใช่อะไรครับตื่นเต้น เห็นเป็นโอกาสอันดีจะได้เข้าไปทักขอแนะนำตัวสักนิด
ระหว่างที่ยังลังเล พยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่ในหัว ผมก็ไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังนั่งโยกเก้าอี้อยู่ แบบว่าผมคงตื่นเต้นรนจัดไปนิด
รู้ตัวอีกทีก็ ....
โครมมมม ผมหงายหลังตึงเงิบไปกับเก้าอี้ นอนเอาเท้าชี้ฟ้าหัวกระแทกพื้นดังโป๊ก ผมนอนนิ่งกำลังสับสนว่าจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี
ไปเลยหรือแกล้งนอนตายมันอยู่ตรงนี้ดี
แสงที่ส่องเข้าหน้าจู่ๆ เหมือนมีอะไรมาบดบังให้มืดลง ผมค่อยๆ หยีตาขึ้นดู เห็นพี่คินกำลังก้มตัวลงเอาหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม
คือไม่อยากบรรยายเลยครับ ตอนนี้ผมหน้าแดงหูแดงไปหมด ทั้งอายทั้งตื่นเต้น ใจมันเต้นอย่างกับกลองรัว
“เป็นอะไรไหม” มือพี่คินเข้ามาจับหัว จับคอผม ขยับนิดๆ คงเช็คว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า อย่าหวังว่าผมจะตอบนะครับ ไม่ใช่หยิ่งแต่
หาลิ้นตัวเองไม่เจอ เหมือนชาตินี้ไม่เคยพูดภาษาคนมาก่อน ผมเลยพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า แล้วสักพักก็พยักหน้าอีกที พี่คิน
ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ตกลงเป็นหรือไม่เป็น”พี่คินถามผมซ้ำอีกทีด้วยเสียงกลั้วหัวเราะสุดๆ ผมยิ่งอายเข้าไปใหญ่ พออายมากๆ ปากเสือกพาไป
“ไม่เป็นมั้งพี่ตีนชี้ฟ้าขนาดนี้ถามมาได้” อ้าว ฉิบหายแล้วไหมมึง ประโยคแรกที่ได้พูดกับคนที่แอบปลื้มอยู่ พี่คินถึงกับอึ้ง
คงคิดว่ากูกับมึงรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่มาถึงมึงก็ไม่เคารพกูเลย ผมรีบยกมือขึ้นกะจะไหว้ขอโทษแก แต่พี่คินคว้ามือผมไว้แล้วดึง
ให้ลุกขึ้นเสียก่อน
“เอ้านั่งก่อน" พี่คินจับผมให้นั่งบนเก้าอี้อีกตัวก่อนยกเก้าอี้ตัวที่ล้มขึ้นมาวางที่เดิม ตอนพี่คินหันไปยกเก้าอี้ผมก้มลงมองมือตัวเอง
วันนี้กูจะไม่ล้างมือเลยคอยดู อยากจะยกมือตัวเองขึ้นดมแต่กลัวพี่มันจะหาว่าผมเป็นโรคจิต
ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ พี่คินก็หันมาก่อนจะยิ้มให้ ละลายสิครับ อย่าสาดออร่าใส่ผมแบบนี้ ผมภูมิคุ้นกันต่ำจะพาลล้มตึงไปอีกรอบ
“พี่ชื่อคินเราชื่ออะไร เหมือนพี่จะเคยเห็นหน้าบ่อยๆ” พี่คินลงนั่งข้างๆ ผม ก็เก้าอี้ตัวที่แกยกขึ้นมานั่นแหละครับ ผมเลยมองขา
เก้าอี้ให้แน่ใจว่ามันไม่โยกอีก เดี๋ยวพี่แกจะล้มหัวคะมำเหมือนผม แต่สงสัยผมจะห่วงแกมากไปหน่อย กว่าจะสำรวจขาเก้าอี้ครบ
สี่ขา มองขึ้นมาก็เห็นพี่คินจ้องหน้าผมนิ่งๆ ไม่ยิ้มแล้วแฮะ
“ครับ?” ผมขานรับเป็นคำถามกลับไป เมื่อกี้พี่มันถามอะไรผมนะ ก็ไอ้มีนมันบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าผมเอ๋อ พอสนใจอะไรสัก
อย่างจะลืมอย่างอื่นไปเลย ฮ่าๆ อันนี้เรียกว่าแก้ตัว
“กวนนะเรา ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วถามอะไรไม่เคยตอบ” กำแล้วกู ความประทับใจแรกที่พี่คินมีต่อผม ฝันมาตลอดว่าพี่มันจะประทับจิต
ประทับเข้าไปในใจ สงสัยตอนนี้จะกลายเป็นประทับเบื้องล่างพี่แกแทน
“อ่า....” ผมกัดปากก่อนตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ
“อีกทีได้ไหมพี่ผมไม่ทันฟัง ผมไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนพี่นะ จริงๆ” ผมขึ้นเสียงสูงเป็นคีย์โอเปร่า หัวก็ส่ายดุกดิกกลัวแกไม่เชื่อ พี่
คินหัวเราะชอบใจเอามือมาจับหัวผมให้อยู่นิ่งๆ
“พอๆ เห็นแล้วพี่เวียนหัว พี่ถามว่าเราน่ะชื่ออะไร พี่ชื่อคินนะเรียนอยู่ปีสอง” พี่คินแนะนำตัวได้มารยาทงามมาก
“ผมชื่อปวีร์ครับ พี่คินเรียกว่าปีก็ได้ ผมเพิ่งเข้ามาหน้าตาเลยยังไม่ค่อยฉลาด” ผมแนะนำตัวกลับ พี่คินหัวเราะอีก เออ! พี่มันก็
หัวเราะเก่งไปไหม นี่หัวเราะจนนึกว่าผมกำลังเล่นตลกให้แกดูอยู่ กูเจ็บนะโว้ย
“ปี ชื่อแปลกดี พี่ว่าพี่คุ้นๆ หน้าเรานะ” ก็แน่สิครับพี่ ผมวนเวียนรอบตัวพี่มาจะเดือนนึงแล้ว
“แล้วนี่เจ็บไหม หัวปูดหรือเปล่า" พี่คินไม่ถามเฉยๆ เอามือมาลูบหัวผม หาร่องรอย ผมนั่งตัวแข็งทื่อแทบจะลืมหายใจ
โอว วันนี้ผมทำความดีอะไรเหรอครับ ถึงได้รับโชคไม่หยุดไม่หย่อน บอกนิด พรุ่งนี้ผมจะทำสิบเท่าเลย หรือวันนี้เอาหัวฟาดแล้ว
พรุ่งนี้ผมควรเอาหน้าฟาดดี เผื่อพี่แกจะลูบหน้าผมบ้าง
“ปี...ปี...” เสียงพี่คินเรียกผมหลายครั้ง จนผมสะดุ้ง
“ครับ?...ครับ”
“พี่พาไปหาหมอไหม ตรวจสักหน่อย เราดู....” แล้วพี่คินก็เงียบไป คงกำลังคิดว่าจะใช้คำว่าอะไร
“เอ๋อ เหรอครับ” ผมต่อให้ ตาแป๋วมองพี่แก
“ ฮ่าๆ ก็ประมาณนั่น”
“งั้นไม่ต้องไปหรอกครับ ผมเอ๋อเป็นปกติอะพี่ ” แล้วผมก็ลองขยับแขน ขยับขา ขยับคอดู ปวดนิดหน่อยแต่คงไม่มีอะไร
คือมัวแต่ตะลึงกับพี่แกจนลืมเช็คร่างกายตัวเอง เมื่อกี้หัวผมฟาดลงไปไม่ใช่เบาๆ เลยนะนั่น ดังจนพี่แกต้องเดินมาดู คิดเอา
“ คิดว่าไม่เป็นไรนะครับแค่อายอย่างเดียว” ผมตอบคำถามที่คินถามไว้นานแล้ว
“นี่อายแล้วเหรอหะ” มาอีกแล้วครับ มือๆ มือไอ้พี่คิน มาจับหัวผมเขย่าเบาๆ อย่ายั่วกูนะ กูคิด
“อายสิพี่ ที่เห็นนี่เรียกว่าเอาหน้าด้านเข้าสู้ ข้างในผมอายม้วนเป็นเต่าอยู่ในกระดองเป็นหอยอยู่ในตลับแล้ว” ผมชี้ที่อกตัวเอง
อ้าวเฮ้ย!! อีพี่มันดันเอามือมาวางทับตรงหน้าอกผม ตรงที่ผมเอามือจิ้มไปเมื่อกี้
“อืม ท่าจะอายจริงใจเต้นแรงเชียว” อ้ากกก!! อย่าพิสูจน์แบบนี้ ใจผมจะกระดอนออกมาแล้ว พี่มันคงไม่รู้หรอกครับว่าผมอาย
จริง แต่อายพี่มันนะคนอื่นน่ะผมไม่อายหรอก แล้วที่ใจมันเต้นเป็นกลองอยู่นี่ก็เพราะพี่นั่นแหละไอ้พี่คิน!!
พี่คินชักมือออกก่อนจะบอก “ปีสำรวจอาการตัวเองด้วยนะ ถ้าวันสองวันรู้สึกคลื่นไส้เวียนหัวให้ไปหาหมอ เช็คอาการเสียหน่อย”
“พี่เป็นปลากัดเหรอ” ผมถามพี่คินหน้าตาย
“หือ?” พี่คินขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำถามผม พี่มันไม่เก็ทว่ะ ถามจริง
“อ้าว ก็เห็นบอกว่าให้สำรวจอาการ เผื่อผมคลื่นไส้ เวียนหัว ผมเลยนึกว่าเราเป็นปลากัด แค่จ้องตากันก็ท้องแล้ว” ผมกะว่ามุขนี้
ถึงจะแป๊กไปบ้างแต่ก็พอฮา คิดว่าเดี๋ยวพอพูดจบพี่คินต้องหัวเราะอีกแน่ๆ แต่แกดันไม่หัวเราะแฮะ เอื้อมมือมาจับหัวผม บิดให้
หันมาตรงๆ แล้วพี่คินก็โน้มหน้ามาใกล้ๆ จ้องตาผม
มันแค่ไม่กี่วินาทีแต่ผมรู้สึกเหมือนมันนานหลายนาที หน้าผมร้อนเห่อก่อนพี่คินจะปล่อยมือจากหัวผม
“พี่..พี่คินทำไรอะ” ผมถามตะกุกตะกักออกไป
“เอาให้แน่ใจว่าเราจะท้อง จะได้ไปให้หมอตรวจ”
อ้ากกกก วันนี้ผมไม่ขออะไรอีกแล้วแค่นี้กูก็รับไม่ไหวแล้ว สุขท่วมท้นมาก แต่เอาเข้าจริง ผมได้แต่หัวเราะแฮะๆ ไม่ได้ต่อมุฏของ
พิ่คินมันเขินจนไปต่อไม่ถูกจริงๆ
พี่คินมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้นยืน “งั้นพี่ไปก่อนนะมีนัดเอาไว้เจอกัน”
“ครับ” ผมพยักหน้าให้พี่คิน แต่พอพี่คินเดินไปผมกลับรีบเรียกเอาไว้
“พี่คิน” พี่คินหันกลับมามองหน้าผม ท่าหันมาไม่รู้ว่าพี่แกไปฝึกมาจากแคทวอล์คไหนช่วยบอกผมที มันเท่จนผมอยากจะถ่ายวีดีโอเก็บไว้ดูทุกวัน
“เอ่อ..ขอบคุณนะครับพี่ ผมลืม” ผมค้อมหัวให้พี่คินทีหนึ่ง พี่คินส่งยิ้มมาให้
“ไม่เป็นไร กลับบ้านดีๆ อย่าไปล้มอีกล่ะ” พี่คินแซวผม ยิ้มบาดตาตรึงใจก่อนหันกลับไปอีกครั้ง ผมมองตามแผ่นหลังกว้าง
ยืนลุ้นหนักมาก หันมา หันมา หันมา ไม่มีหรอกครับโน้นเดินจนจะพ้นตึกอยู่แล้ว กูลุ้นอะไรโง่ๆวะเนี่ย ผมได้แต่เกาหัวตัวเอง
กลับหอดีกว่า ไม่รอแล้วครับเพื่อน ผมจะกลับไปซึมซับกลิ่นของพี่คินที่ติดอยู่ทั่วตัว โลกนี้ช่างแฮปปี้เสียจริง
✪✣✤✥✦✧✣✤ TBC ✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin