14
Status
ถึงบ้านน้องไจ๋ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ น้องไจ๋ก็อาสาเข้าครัว ทำข้าวผัดไข่เจียวง่ายๆสองจานสำหรับตัวเองและไอ้ไซน์ นั่งกินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นมาชั้นสองของบ้าน น้องไจ๋พาไอ้ไซน์เดินมาที่ห้องที่ถูกออกแบบสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ โซฟานุ่มตัวใหญ่ที่สามารถทั้งนั่งทั้งนอนดูก็ได้ตั้งอยู่กลางห้องชิดกับผนัง ตรงข้ามเป็นจอโปรเจคเตอร์ ขนาบข้างด้วยชุดเครื่องเสียงสเตอริโอ น้องไจ๋เดินไปเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศให้ทำงาน จากนั้นก็นั่งจมปุ๊กลงด้านหน้าชุดสเตอริโอ แล้วเริ่มหยิบตะกร้าแผ่นหนังขึ้นมาเลือก
“พี่ไซน์ ช่วยเลือกหน่อย” น้องไจ๋ร้องบอกคนเป็นพี่ที่ยืนเด๋อด๋าอยู่กลางห้อง ไอ้ไซน์เดินตามไปนั่งลงข้างๆน้องอย่างว่าง่าย หยิบแผ่นหนังขึ้นมาดูทีละเรื่อง
“ดูนี่ก็ได้ ยังไม่ได้ไปดูเลย” เลือกได้แล้วก็ยื่นแผ่นไปให้อีกคน
“ซูโทเปีย? เค ได้ๆ เลือกอะไรได้เข้ากับตัวเองดี ฮ่าฮ่า” แซวคนเป็นพี่แล้วก็หยิบรีโมทเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ ยัดเจ้าแผ่นหนังการ์ตูนเข้าไปที่เครื่องเล่นวิดีโอ ก่อนจะกดเล่น
“เดี๋ยวลงไปเอาขนมก่อนนะ”
“เอาผ้าห่มในห้องผมมาด้วยนะ ห้องข้างๆกันนี่แหละ” ถือโอกาสก็ใช้คนเป็นพี่ซะเลย ไอ้ไซน์วิ่งตึกตักลงบันไดไปเอาขนมของพี่ปิงปิงที่วางไว้โต๊ะกลางห้องนั่งเล่น แล้วก็วิ่งไปห้องครัว หยิบน้ำในตู้เย็นมาอีกขวด วิ่งขึ้นบันได แวะเข้าไปที่ห้องน้องไจ๋ ดึงเอาผ้าห่มหอบกระเตงมายังห้องดูหนังข้างๆ น้องไจ๋เห็นก็หัวเราะใหญ่ กับของที่ถือพะรุงพะรัง ขวดน้ำที่หนีบไว้ก็จะตกอยู่แล้ว ไม่ได้เข้าไปช่วยคนเป็นพี่สักนิด
“หัวเราะทำไม?”
“ก็พี่ตลกอะ ถือมาทีละอย่างก็ได้นี่ มานั่งนี่เร็ว” ตบที่นั่งด้านข้างตัวเองปุๆ คนเป็นพี่เอาผ้าห่มที่หอบมาโปะใส่หัวแล้วนั่งลงด้านข้าง แกะกล่องขนมที่พี่ปิงปิงห่อมาให้ออก แล้วก็หยิบเข้าปาก ตาแป๋วๆก็จ้องไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายทีเซอร์ของหนังเรื่องอื่นๆ
“ไจ๋ปิดไฟเร็ว หนังมาแล้ว” หันหน้าไปบอกน้องไจ๋ มืออีกข้างก็ดันไหล่กว้างๆให้ลุกขึ้นไปปิดไฟเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดูหนัง
“กินด้วยดิ” ปิดไฟเสร็จน้องไจ๋ก็เดินมานั่งลงข้างๆไอ้ไซน์ ยื่นหน้าอ้าปากรอรับขนมจากคนเป็นพี่
“เป็นง่อยหรอ” ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นแต่มือเล็กๆก็กลับหยิบขนมในกล่องส่งเข้าปากคนเป็นน้องอยู่ดี น้องไจ๋ยิ้มร่าทั้งๆที่เคี้ยวขนมอยู่ ไอ้ไซน์แอบมองไปก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น จัดการใช้มือเล็กๆหยิกแขนแกร่งเข้าไปหนึ่งที
“อะไร อารมณ์ดีก็ไม่ได้” น้องไจ๋บอกขำๆ แล้วจับมือไอ้ไซน์ข้างที่หยิกแขนน้องมันมากุมไว้ มือเล็กก็ขยับยุกยิก ขืนมือออก น้องไจ๋ปล่อยมือแล้วเปลี่ยนจากกุมมือเป็นประสานมือเข้าด้วยกันแทน
“หงะ เหงื่อออก” เอ่ยปากบอกน้องไจ๋เสียงแผ่ว น้องไจ๋ก็ยอมปล่อยมือคนเป็นพี่ออกให้เป็นอิสระ ด้วยความรู้สึกที่เฟลนิดๆ พอดีกับที่หนังเริ่มฉายต่างฝ่ายจึงต่างดูหนัง ไม่มีการพูดกัน
ไอ้ไซน์ขยับมือยุกยิกอยู่ใต้ผ้าห่ม แอบเช็ดเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือของตัวเองเข้ากับกางเกงอย่างลวกๆ แล้วก็เอื้อมมือไปสอดประสานเข้ากับมือใหญ่อีกครั้ง น้องไจ๋ชะงักจากการดูหนังแล้วหันมามองหน้าคนเป็นพี่แทน ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งนึงก่อนจะบีบมือกลับคืน
...พี่ไซน์ของมันนะ น่ารักที่สุดแล้ว
.
.
.
“พี่ไซน์...นอนนี่เหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”
“มึงอยากโดนพวกแฝดตามมาเผาบ้านหรอ?” ไอ้ไซน์พูดจบ น้องไจ๋ที่ทำหน้าออดอ้อนก็เบะปากใส่ กระทืบเท้าปึงปังยังกะเด็กสามขวบ แล้วล้มลงไปนอน หันหน้าเข้าโซฟา
...เออ เอากับมันสิ
“...”
“เอ้า งอนกูอีก กูควรเป็นฝ่ายที่งอนมากกว่ามั้ง อยู่ๆก็ฉุดกูมา นี่กูกลับคอนโดไปจะโดนด่าอะไรอีก กูควรฆ่ามึงทิ้งแทนพวกแฝดเลยมั้ยเนี่ย” ไอ้ไซน์บ่นกะปอดกะแปด ลุกขึ้นจากโซฟา ไปปิดเครื่องสเตอริโอ และจอโปรเจ็คเตอร์ ก่อนจะกลับมาดึงแขนน้องไจ๋ตัวดีให้ลุกขึ้นจากโซฟา
“งั้นไปเดินเล่นพัทยากัน เดี๋ยวดึกๆค่อยกลับ” หันหน้ามาหาคนเป็นพี่พร้อมกับจับข้อมือขาวไว้ ไอ้ไซน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความเอาแต่ใจของไอ้เด็กไจ๋ ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกแตะกับแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ
“ไจ๋ ไปส่งไซน์นะ พรุ่งนี้ไซน์มีเรียนแต่เช้า ไว้ว่างๆแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันนะครับ”
“ครับ” น้องไจ๋ว่าง่าย คล้อยตามคนเป็นพี่ ถือโอกาสเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากแนบชิดกัน
โป๊ก!!
“ฉวยโอกาสตลอดมึงอะ” หลังจากเอาหัวโขกกับหน้าผากอีกคนก็ขืนตัวออกมา มองดูไอ้คนเป็นน้องที่เอามือลูบหน้าผากป้อยๆ สำออย เจ็บนักเจ็บหนา
“เจ็บนะไซน์”
“สมน้ำหน้ามั้ยหละ ลุกขึ้นมาได้แล้ว”
“มาเป่าให้ก่อน”
...ยัง ยังลีลาอีก
“ไม่ อย่ามางอแง ลุกขึ้นเร็วๆ”
“ใจร้าย เป่าแค่นี้ก็ไม่ได้” น้องไจ๋พูดตัดพ้อ มือก็ยังคลำหน้าผากตัวเองที่เริ่มขึ้นสีแดงอ่อนๆ ไอ้ไซน์เดินเข้าไปใกล้ จับมือคนเป็นน้องที่ลูบหน้าผากตัวเองออก แล้วค่อยๆเป่าลมร้อนๆลงบนหน้าผาก
“เพี้ยงๆ หาย” เป่าเสร็จก็ผละหน้าออกมา แอบบีบจมูกโด่งๆของน้องไจ๋ไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้
...ดูมันสิ ยิ้มแป้นแล้น ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น มันจะดื้ออะไรอีก
ไอ้ไซน์คิดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ก็รวบเอวคนเป็นพี่ให้ล้มลงมานอนทับตัวเอง ก่อนจะพลิกขึ้นคร่อมมาอยู่ด้านบน ขโมยจูบที่แสนเอาแต่ใจจากไอ้ไซน์ที่นอนอยู่ใต้ร่าง ขบเม้มริมฝีปากบางเป็นการลงโทษ
“เหี้ย อย่ากัด อื้อ อ๊ะ...” พอคนเป็นพี่เปิดปากก็สอดแทรกปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปไล่ต้อน รสหอมหวานจากขนมที่กินเข้าไปยิ่งทำให้น้องไจ๋ดูดดึงรุนแรงขึ้น จนคนใต้ร่างหายใจไม่ทัน เอามือดันไหล่หนาให้ผละออก ก่อนจะนอนหอบหายใจแฮกๆ
“ปากบวมเลยอะ”
“เพราะมึงนั่นแหละ” ว่าให้พร้อมตวัดหางตาใส่ไอ้คนเป็นน้องที่ยังคร่อมอยู่ด้านบน
“หูยยย เป็นเพราะผมหรอ ดีใจจัง”
...ดีใจจังกับพี่แฝดกูสิ
.
.
.
“จะเอ๋ เค้ากลับมาแล้ววววว”
“ตลกมั้ยไอ้ไซน์ กูโทรหามึงเป็นร้อยๆรอบ ทำไมไม่รับ แล้วไอ้เหี้ยไจ๋ไปไหน มันพามึงไปไหน ทำไมกลับเอาป่านนี้” ไอ้ไซน์ยืนยิ้มแห้งใส่ไอ้แฝดคนกลาง ที่รัวถาม พร้อมเหวี่ยงใส่นิดๆ
“ไปดูหนัง ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ นี่ซื้อโรตีกล้วยมาฝากด้วยนะ แล้วแทนไปไหนอะ” ชูถุงโรตีขึ้นให้ไอ้แฝดคนกลางดูแล้ว ก็หันซ้ายหันขวามองหาไอ้แฝดคนโต
“แทนไปอ่านหนังสือที่คณะ ฝากกูจัดการมึงเนี่ย” พูดจบก็ผลักหัวเห็ด แล้วดึงถุงขนมมาไว้กับตัวเอง นั่งลงโซฟา ก่อนไอ้ไซน์จะตามมานั่งข้างๆ
“จัดการอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ไอ้ไซน์บ่นเสียงเบา เอนหัวเห็ดๆไปถูไถกับไหล่ของไอ้แฝดคนกลาง ก่อนจะโดนผลักออกไป
“ไซน์ กูถามจริง มึงชอบน้องมันแล้วใช่มั้ย ?”
“ชอบ เชิบอะไร มึงมั่วแล้ว” บอกปัดแล้วหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเร่งเสียง ทำท่าเป็นสนใจสิ่งที่ฉายอยุ่หน้าจอนักหนา
“เหอะ จำคำของมึงไว้ดีๆ เอ้อ ไอ้แทนบอกว่าให้มึงโทรหามันด้วย”
“กูลืมโทรศัพท์ไว้บนรถไอ้ไจ๋อะ แหะๆ”
“วอนหาเรื่องจริงๆเลยมึงเนี่ย แล้วไม่ต้องไปเอาโทรศัพท์กับมันเองนะ เดี๋ยวกูจะไปเอามาให้”
“คร้าบบบบบ”
ไอ้ไซน์รับโทรศัพท์จากไอ้คอสแล้วกดโทรออกหาไอ้แฝดคนโต ก่อนปลายสายจะโวยวายใส่ และโดนบ่นอีกตามประสาคนหวงลูก (?) ไอ้ไซน์ได้แต่เงียบ ฟังคำให้โอวาท นึกแล้วก็สงสารคนไข้ของไอ้หมอในอนาคต ได้หมอโหดขนาดนี้นี่จะกล้ามาโรงบาลอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ปิดท้ายด้วยคำพูดออดอ้อนออเซาะจากไอ้ไซน์ แค่ทำเสียงเศร้าๆเหมือนคนจะร้องไห้หน่อย ไอ้คนปลายสายก็พร้อมจะกลับคอนโดมาโอ๋อยู่แล้ว
...แค่นี้ก็เรียบร้อย
.
.
.
“น้องไซน์ครับ น้องไซน์!”
“พี่เต๋า สวัสดีครับ” ไอ้ไซน์หยุดยืนรอพี่เต๋าที่กำลังวิ่งหน้าตั้ง ตะโกนเรียกชื่อมันลั่นคณะ ขมวดคิ้วเอียงคอทำหน้าหมางงใส่
“น้องไซน์โทรศัพท์หายหรอ?”
“ป่าวนี่ครับ เอ้อ แต่โทรศัพท์ไซน์ลืมเอาไว้กับรุ่นน้อง” ไอ้ไซน์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะนึกออกได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองตกอยู่บนรถน้องไจ๋
“อ้อ พี่ก็นึกว่าหายซะอีก เมื่อคืนพี่โทรไปหาน้องไซน์แล้วมีคนรับ เค้าบอกว่าอย่าโทรมาอีก เจ้าของเบอร์นี่มีแฟนแล้ว พี่ก็เลยงง นึกว่าเราไปทำหาย หรือคนที่ไหนมาขโมยไป”
“...”
...เอิ่ม คงไม่ใช่น้องไจ๋ใช่มั้ย
“แล้วนี่จะไปไหนครับ วันนี้ไม่มีสอนพิเศษใช่มั้ย? นัดรวมสายไปกินชาบูดีมั้ย?”
“สายไซน์ต้องนัดล่วงหน้าก่อนนะพี่เต๋า ถ้างั้นมันว่างไม่ตรงกัน”
“งั้นเราไปกินกันแค่สองคนก่อนก็ได้” พี่เต๋ายกยิ้มโชว์ฟันสวยมาให้ ส่งสายตาพราวระยับเค้นเอาคำตอบจากไอ้ไซน์ จะปฏิเสธนี่เดี๋ยวก็เอาเรื่องขนมมาทวงบุญคุณอีก ไอ้พี่นี่มันดันรู้ด้วยว่ามันนี้ไม่มีสอนพิเศษ
...ไอ้ไซน์หละอยากจะเปิดโหมดวาร์ปหายไปจากคนตรงหน้านี่จริงๆ
“...”
“ว่าไงครับ หื้ม?” พี่เต๋ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ เลิกคิ้วขึ้นเสียงสูงถามอย่างเท่ห์ๆก็ได้
...เออ เท่ห์ก็ได้นั่นแหละถูกแล้ว
“งั้นไปก็ได้ครับ” ไอ้ไซน์บอกอย่างปลงๆ เออ อย่างน้อยก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆละกันที่ได้มาหากินข้าวนอกบ้าน ดีไม่ดี พี่เต๋าอาจจะเลี้ยงด้วยซ้ำ ฟรีไปอีก
ถึงห้างสรรสินค้าใจกลางกรุงที่อยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปไม่ไกลนัก สองพี่น้องสายโค ก็พากันเดินจ้ำมาที่ชั้น 4 เพื่อหาอาหารกินอย่างที่ได้คุยกันไว้ พี่เต๋าผู้ขยันพูดตั้งแต่ขึ้นรถจนนั่งจมปุ๊กลงบนเก้าอี้ของร้านอาหารก็ยังไม่หยุดพูด พูดได้พูดดี ตั้งแต่เรื่องแนะนำการเรียนในคณะ จนถึงเรื่องประสบการณ์ผีที่ตนเองได้ไปพบเจอมา
“...แล้วพี่เกิดพุธกลางคืน มักจะมีเซนส์ด้านนี้ใช่มั้ยน้องไซน์ ไปเข้าค่ายคืนแรกนี่ก็เจอเลยครับ”
“เจอผี?”
“ใช่ครับ แล้วผีนะ เป็นผีผู้ชาย บอกว่าจะเอาพี่ไปอยู่ด้วยเพราะชาติก่อนเคยเป็นแฟนกัน พี่ก็บอก เห้ย พี่เป็นรุกนะ แล้วผีมันตอบกลับว่าอะไรรู้มั้ยครับ”
“ว่าอะไรครับ”
“งั้นกูยอมให้มึงขย่มก็ได้ หูยเสียวสันหลังวูบวาบเลย นึกแล้วยังขนลุกไม่หาย พี่นี่ท่องชิณบัญชรรัวเลย...”
...สาระมีอยู่จริง หรอ? ใครก็ได้พากูออกไปจากที่นี่ที พลีสสสสสสสสส
หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ยาวนานราวกับหนึ่งชาติเศษๆ พี่เต๋าก็ได้หยุดรถลงที่หน้าคอนโด พร้อมกับเดินเข้ามาส่งไอ้ไซน์ด้านใน ขอบคุณสวรรค์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้หูของไอ้ไซน์ยังมีสภาพปกติดีอยู่ นอกจากจะฟังเรื่องราวประสบการณ์ชวนขนตาลุกของพี่เต๋าแล้ว ตอนขากลับนี่พี่มันยังอุตส่าห์อินดี้ เปิดเพลงสากล พร้อมโชว์เสียงสำเนียงบริทิชที่แม้แต่เจ้าของเพลงยังต้องอายออกมาให้ไอ้ไซน์ได้ฟังเป็นบุญหู
“ขอบคุณนะครับที่เลี้ยวข้าวแถมยังพามาส่งด้วย ไว้งานพี่บัณฑิตปีหน้าไซน์จะซื้อของไปตอบแทนเยอะๆเลยนะครับ”
“ครับ วันนี้พี่ทำให้น้องไซน์มีความสุข พี่ก็พอใจแล้วครับ”
...เอ่อ มีก็มี
“งั้น ไซน์ขึ้นห้องแล้วนะ” ไอ้ไซน์ว่า ก่อนจะค้อมหัวลงให้พี่เต๋าเล็กน้อย แล้วหันหลังกลับจะขึ้นลิฟต์ที่อยู่ด้านตรงข้าม
“...”
“ไจ๋ มาได้ไงอะ” ชะงักกึก ใส่คนตรงหน้า ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังหน้านิ่ว ขมวดคิ้วใส่ให้ไอ้ไซน์ แล้วมองผ่านไหล่คนตัวเตี้ยไปยังด้านหลังอีก ไอ้ไซน์มองตามก็เห็นว่าพี่เต๋ายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แหม๋ ถ้ามีเอฟเฟคแบบในการ์ตูนก็คงจะเกิดประกายไฟสีแดงขึ้นแน่ๆ
“เอาโทรศัพท์มาให้” น้องไจ๋บอก ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ของอีกคนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงึกรับมา ก่อนจะรีบร้องบอก
“เอ้อ นี่พี่เต๋า พี่สายรหัส พี่เต๋า นี่น้องไซน์ครับ เป็นรุ่นน้องของไอ้คอสอีกทีหนะ เคยเจอกันแล้วครั้งนึงที่คณะวิศวะ จำได้มั้ยครับ”
“อ้อ รุ่นน้องคอสนี่เอง” พี่เต๋าบอกพร้อมยิ้มกว้างส่งมาให้ไอ้ไซน์
“เอ้อ งั้นพี่เต๋ากลับได้แล้วหละครับ เดี๋ยวค่ำ ขับรถมันอันตราย”
“เป็นห่วงพี่ใช่มั้ย?”
“ก็ห่วงสิ ไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะพี่เต๋า” ไอ้ไซน์รีบบอก พี่เต๋าเอื้อมมือมายีหัวก่อนจะเดินยิ้มกว้างออกไป ไอ้ไซน์หันกลับมาหาน้องไจ๋ที่อยู่ด้านหลัง ก็พอว่าโดนทำหน้าดุใส่ซะแล้ว
“ไปไหนกันมา”
“กินชาบู พี่เต๋าเลี้ยง”
“ไปกับสายรหัสหรอ?”
“ป่าว ไปกันสองคน” ไอ้ไซน์บอก มือก็กดโทรศัพท์ยุกยิกๆ เช็คโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นหลายรายการ
“...” พอเห็นว่าคนเป็นน้องเงียบนานกว่าปกติก็เงยหน้าขึ้นมาดู น้องไจ๋ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
“เอ้อ แล้วนี่มาได้ไง ไอ้คอสบอกกูว่าจะไปเอาโทรศัพท์กับมึงเองนี่” ไอ้ไซน์ยิ้มตาใสส่งไปให้ พยายามบิ้วให้บรรยากาศอึดอัดนี่ออกไปเร็วๆสักที
“อยากเจอพี่ ก็เลยเอามาให้เอง”
“พึ่งแยกกันเมื่อวะ..”
“พี่ไซน์!” ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์จะพูดจบ น้องไจ๋เรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเข้ม
“สะ เสียงดังทำไมเล่า ตกใจหมด”
“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ?”
“ห๊ะ?” ไอ้ไซน์ทำหน้างงกับคำถามที่ได้รับ ยังไม่ทันที่จะได้คิดทวน ก็โดนน้องไจ๋ลากแขนไปยังทางซอกเล็กใกล้กับบันไดหนีไฟ แล้วถามคำถามเดิมย้ำอีกครั้ง
“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ”
“ก็...ก็ใช่ไง มึงสับสนอะไรเนี่ย”
“งั้นผมถามใหม่ เราเป็นอะไรกัน”
“...” คนถูกถามได้แต่กระพริบตาปริบๆ
...เออ นั่นสิ กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ แล้วทำไมน้องไจ๋มันถามแบบนี้ คือมันตามจีบเขาอยู่ไม่ใช่รึไง จะให้ตอบว่ายังไงอ่ะ กูกำลังถูกมึงจีบอยู่งี้หรอ ไอ้สัส มันจะดูสำคัญตัวเองไปมั้ยอะ แล้วคนตามจีบที่ไหนมาชอบทำตัวรุ่มร่ามใส่กันวะ เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมบ้างหละ เอ้อ นี่เราอยู่ในสถานะไหนกัน
“...”
“...พี่น้อง” ไอ้ไซน์ก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว
“ที่ผมทำอยู่ มันไม่ชัดเลยใช่มั้ยครับ”
...ชัดของน้องมันแปลว่าอะไรวะ กอดกัน จูบกัน คุยกันทุกคืน เจอหน้ากันทุกวัน แต่ทุกอย่างอยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้อง หรือนักเรียนกับติวเตอร์ หรือรุ่นน้องของไอ้แฝด ไอ้ไซน์ไม่รู้จริงๆว่าจะนิยามสถานะนี้ว่าอะไร
“...”
“สถานะเรา เป็นอะไรกับครับไซน์” น้องไจ๋หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติที่กำลังเดือดพลุ่งพล่าน ก่อนจะถามคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าออกมาอย่างใจเย็น
“พี่น้อง” และไอ้ไซน์ก็ยังคำตอบเดิม...
“...”
“...”
“ไม่เป็นเว้ย พี่น้องเหี้ยอะไรเค้าจูบกันวะพี่”
“!!!”
.....จย้า
เรามีสอบจนถึงสิ้นเดือนเลยอ่ะ ไม่รู้จะว่างตอนไหนมั่ง
ฝากติดตามน้องไจ๋ แล้วก็พวกสามแฝดด้วยนะ