The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)  (อ่าน 21230 ครั้ง)

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

พึ่งจะลองหัดแต่ง หัดลง  ผิดพลาดตรงไหนช่วยแนะนำด้วยนะคะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2016 14:44:07 โดย SPNamfone »

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Intro

“ หื้ม ฮืม …ดาร์ลิ้ง โอเป้น อัพ ทู มี..”  เสียงฮึมฮัมเพลงสากลประกอบภาพยนตร์สุดฮิตของค่ายหนังอารมณ์ดีดังขึ้น “เลท มี วอค ยัว โฮมมม”  ไอ้ไซน์ นั่งเขียนกระดาษรายงานยุกยิกๆอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ  ปากบางๆก็ขยับพ่นเพลงสากลออกมาอย่างต่อเนื่อง
’21.08’   
ไอ้ไซน์ ตรวจดูความเรียบร้อยของเอซเซย์หรือเรียงความภาษาอังกฤษบนหน้ากระดาษรายงานอีกครั้ง อ่านทวนอีกรอบ จากนั้นก็เก็บกระดาษรายงานเข้าแฟ้ม จัดกระเป๋า เตรียมจะไปเรียนในพรุ่งนี้  มันทำอย่างนี้เป็นปกติตั้งแต่สมัยอนุบาล จนตอนนี้ เป็นหนุ่มมนุษย์อิ้งค์ปี 3 มาได้ประมาณสองอาทิตย์แล้ว  พอเก็บการบ้านที่ทำเสร็จก็เอาชีทอีกปึกนึงขึ้นมาอ่านก่อนจะใช้ปากกาไฮด์ไลท์สีเหลืองเน้นข้อความลงไปในชีท ที่จะ ‘เตรียมการสอนพิเศษ’ ในวันพรุ่งนี้  ใช่...เด็กกะโปกที่หน้าตาเหมือนจะโง่นี่แหละ รับสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับน้องนักเรียน นักศึกษาที่ด้อยทางด้านภาษา แต่ด้วยความที่น่าตาซื้อบื้อๆ ทำให้คนเรียนไม่ค่อยเยอะเท่าที่หวังเอาไว้ แต่ก็นั่นแหละ  ค่าสอนที่คิดเป็นชั่วโมงกับน้องๆที่มาเรียนด้วยประมาณ 3 คนก็ทำให้ไอ้ไซน์ไม่ต้องขอตังค์ค่าขนมพ่อกับแม่เพิ่มในแต่ละเดือนได้
  “ไซน์ ตอบไลน์แม่ด้วย” เสียงจากคนข้างๆดังขึ้นบอก  ไอ้ไซน์ขมวดคิ้วใส่  “ยังมาทำหน้าหมางงใส่อีก” ว่าให้แล้วก็ผลักหัวกลมๆนั่นเซไปข้างหน้า  ไอ้ไซน์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงปล่อยเสียงเพลงออกมา กดเข้าไปดูแอพลิเคชั่นไลน์สีเขียวสุดฮิตก็เห็นแจ้งเตือนจากผู้เป็นแม่มาหลายข้อความ
เอ๊ะ... แล้วทำไมไลน์มันไม่แจ้งเตือนหละ
‘ไซน์ เข้าบ้านยัง’
‘อยู่ไหนลูก’
‘ตอบด้วยยยยยย’
‘โมโหแล้วนะ’ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์เจ้ากระต่ายตัวสีขาวกำลังถือระเบิดอยู่
‘สายไม่ได้รับจาก คุณแม่’
‘งอน’


“คอส ทำไมมันไม่แจ้งเตือนอ่ะ”  ว่าแล้วก็ยื่นสมาร์ทโฟนของตัวเองไปให้อีกคนดู  อีกฝ่ายรับไปกดจึ้กๆก็ส่งคืนมาให้
“มือมึงเผลอไปกดโดนปิดแจ้งเตือนมั้ง”
“อ๋อ แล้วแก้ได้ยัง” ตาแป๋วๆ มองกลับไปหาอีกฝ่าย
“เออ ทำให้แล้ว ปีสามแล้ว หัดสนใจอะไรที่มันเป็นพวกโลกาภิวัฒน์บ้างเถอะ” ว่าให้อีกคนแล้วก็อดที่จะตบหัวไม่ได้

... แม่งหมั่นไส้ ชอบทำหน้าซื้อบื้อใส่ เกิดมาเป็นน้องแฝดกูได้ไงเนี่ย

“แทน คอสชอบตบหัว สมองจะเสื่อมเร็วมั้ยอ่ะ” ไอ้ไซน์ใช้เท้าดันพื้นให้เก้าอี้หมุนไปหาอีกคนที่นั่งด้านหลัง
“เจ็บมั้ย?” คนที่ถูกถามหันมาถามกลับ
“ก็ไม่ค่อยเจ็บ”
“ไม่เจ็บก็ปล่อยให้คอสมันตบๆไปเถอะ ถอยไป จะอ่านหนังสือ มึงก็อีกคน ชอบไปแกล้งมัน ร้องไห้ขี้มูกโป่งเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”  บอกแล้วก็ถีบเก้าอี้ส่งกลับที่เดิม

.
.
.
‘จริยตั้งสกุล’ มีสมาชิก 5 คนอันประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และแฝดสามเจ้าปัญหาอย่าง แทน คอส และ ไซน์

ไอ้แทน หรือบางครั้งที่อยู่กับคุณแม่จะเรียกว่าพี่แทน เป็นแฝดคนโต ตัวสูง 187 ซม. แต่ยังชอบบ่นบ่อยๆว่าเตี้ย ไอ้แทนเรียนหมอ ไม่ใช่มุกหมอลำ หรือหมอนวดอะไรทั้งนั้น แต่เรียนหมอจริงๆนี่แหละ เรียน 6 ปี กว่าจะจบพวกแฝดน้องก็คงแต่งเมียเข้าบ้านกันหมดแล้ว  ด้วยความที่(มโนเอาว่า)เป็นพี่ใหญ่สุด เลยต้องวางตัวนิ่งๆ ขรึมๆ น้องๆจะได้ฟังบ้าง แต่ก็ได้เท่านั้นแหละ ไอ้พวกแฝดน้องมันเชื่องซะที่ไหน โดยเฉพาะไอ้น้องคนกลางนี่ตัวต่อต้านโดยแท้

ไอ้คอส ถ้ากลับบ้านก็ต้องเรียกว่าพี่คอส นี่เป็นแฝดคนกลาง สูง 183 ซม. เรียนวิศวะไฟฟ้า ชอบเข้าฟิตเนต อัพกล้าม โชว์พาว  ขี้หลี ม่อไม่เลือก ปากหมา หน้าวอนโดนตีน แถมยังชอบแกล้งคนไม่มีทางสู้อย่างแฝดน้อง เพราะถ้าขืนไปเบ่งใส่ไอ้แฝดพี่มีหวังจะได้ตายจริงๆไม่อิงนิยาย ไอ้คอสนี่เพื่อนฝูงเยอะ ทั้งเพื่อนกิน(เหล้า)  เพื่อนเที่ยว  เพื่อนนอน  เยอะจนใช้เวลากับเพื่อนซะมากกว่าอยู่กับไอ้พี่น้องแฝด แต่เดี๋ยวนี้ เริ่มกลับตัวกลับใจมาให้เวลากับครอบครัวบ้างแล้วเนื่องจาก คุณแม่บอกว่าใช้ตังไปกับเพื่อนกับเหล้าเยอะแล้ว แม่เบื่อ งอน

ส่วนไอ้ไซน์  แฝดน้องสุดท้อง ส่วนสูงที่ได้รับก็เหลือเพียงแค่ 171 ซม. ตอนหยุดสูงก็เอาแต่โทษแฝดพี่ว่าแย่งส่วนสูงมันไปหมด  งอนไปจนถึงคุณแม่ที่คลอดไอ้แทนกับไอ้คอสออกมาก่อนทำให้สารอาหารที่ส่งมาให้มันมีเพียงน้อยนิดเท่าจู๋ไอ้ตรีโกณ หมาพันธุ์ปอมปอมที่คุณแม่เลี้ยงไว้ ไอ้ไซน์เรียนมนุษย์อิ้งค์ ด้วยทางพรสวรรค์และพรแสวงที่ฉายแววภาษาออกมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ตอนนี้คะแนนสูงสุดของสาขาตกอยู่ที่มัน  ไอ้ไซน์รับสอนพิเศษตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง จนตอนนี้ปีสามแล้วก็ยังสอนอยู่  เงินที่ได้จากการสอนพิเศษทำให้ไม่ลำบากครอบครัวนัก  และด้วยความที่เป็นแฝดคนน้อง แถมยังเตี้ยกว่าเพื่อนจึงตกเป็นเหยื่อในการแกล้งของพวกแฝดพี่อยู่บ่อยๆ  แต่ไอ้ไซน์มีแบล็กดีไง เวลาโดนแกล้งก็รีบทำหน้าอ้อนๆ หรือที่พวกพี่มันชอบบอกว่าทำหน้าเหมือนหมา วิ่งโร่ไปฟ้องคุณแม่ แถมยังเก่งเรื่องบีบน้ำตาอีกต่างหาก คุณแม่ก็ใจอ่อนยวบลงโทษไอ้แฝดพวกพี่ไปตามปริยาย

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เริ่มเรื่องมาก็น่าสนใจแล้วค่ะ
ชอบเรื่องที่มีแฝดจัง เรารู้สึกว่าแฝดที่รักใคร่กันดีจะน่ารักเป็นพิเศษ
รอติดตามนะคะ มาต่อไวๆ นะ
 :L2: :3123: :pig2: :L1:

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
1
My family

ไอ้แทน ไอ้คอส ไอ้ไซน์  เป็นฝาแฝดไข่คนละใบกัน หน้าตาจึงไม่ค่อยเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็คงดีแล้ว ไอ้ไซน์มันคงแอบหลอนถ้ามีสิ่งมีชีวิตที่หน้าเหมือนมันอีก 2 คน ตอนเด็กๆ คุณแม่ชอบซื้อเสื้อผ้าให้ใส่เหมือนกัน  เวลาซื้ออะไรก็ต้องซื้อเป็นอย่างละ 3 เซ็ท เพราะกลัวพวกแฝดจะแย่งกันเล่น  แต่โชคดีหน่อยที่พวกแฝดเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ไม่งอแงอยากได้ของเล่นแพงๆเหมือนเด็กวัยเดียวกัน  คุณแม่สอนเสมอว่าพี่แทนเป็นพี่คนโต ต้องแบ่งให้น้องเล่นด้วย พี่คอสก็เหมือนกันเป็นพี่ต้องดูแลน้อง ส่วนน้องไซน์ก็ต้องเชื่อฟังคนที่เป็นพี่ อย่าทำให้คุณแม่ลำบากใจ  พอพวกแฝดเริ่มโต คุณพ่อก็จ้างพี่เลี้ยงให้มาดูแลพวกแฝด เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เป็นคุณครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ทั้งคู่ ต้องไปทำงาน พอพวกแฝดโตเป็นหนุ่ม จะเข้ามัธยม คุณพ่อก็เริ่มสอนพิเศษที่บ้าน  คุณพ่อทำการต่อเติมห้องเป็นห้องเรียนพิเศษโดยเฉพาะออกมาอีกสองห้อง เพราะภาระค่าใช้จ่ายเริ่มหนักขึ้น  พวกแฝดเริ่มใช้เงินมากขึ้น  พอๆกับที่เริ่มแกล้งกันมากขึ้น  คงจะจริงที่ว่า ถ้าเลี้ยงลูกง่ายตอนเด็กจะมาเลี้ยงยากตอนโต เพราะแฝดพี่ชอบแกล้งแฝดน้อง  แรกๆคุณแม่ไม่ดุ เพราะเจ้าแฝดน้องมันตัวเล็ก หน้าตาก็น่ารักน่าแกล้ง  แต่หลังๆมานี่มันเริ่มไม่ใช่ ก่อนจะนอนคุณแม่จะต้องได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าแฝดน้องเพราะคนพี่ชอบแกล้งเป็นผี  ตอนเช้าตื่นนอนมาก็ต้องได้ยินเสียงร้องโวยวายของคนเป็นพี่ เพราะเจ้าคนเป็นน้องตื่นเช้า ชอบเข้าไปก่อกวนจนแฝดพี่นอนต่อไม่ได้  คุณพ่อเคยเรียกมาดุหลายครั้งแต่พวกแฝดก็ทำซ่า หูทวนลมกันไปทั้งพี่ทั้งน้อง  ยิ่งช่วงปิดเทอมยิ่งแล้วใหญ่  เสียงทะเลาะกันทั้งวันจนคุณแม่ปวดหัวไปหมด



   ครั้งหนึ่งคุณแม่ต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกับคุณพ่อ ทิ้งพวกแฝดไว้ที่บ้านกับพี่เลี้ยง  พอกลับมาจากสัมมนา ก็แปลกใจที่บ้านเงียบผิดปกติ ปรากฏว่าช่วงที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่เจ้าแฝดสามไม่สบาย ไข้ขึ้นหนักกันทุกคน คุณแม่กับคุณพ่ออดหลับอดนอนเพื่อดูแลเจ้าแฝดสาม ซ้ำยังต้องไปทำงานที่โรงเรียนจนซูบผอมไปหมด  แถมคุณแม่ยังร้องไห้จนตาบวมตาช้ำกับเจ้าแฝดคนน้องสุดท้องที่ร่างกายจะอ่อนแอกว่าเพื่อน เจ้าแฝดสามที่อาการดีขึ้นนั่นแหละถึงกับซ่าไม่ออกไปหลายวัน

กระทั่งพวกแฝดเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณแม่ก็ตัดสินใจซื้อคอนโดห้องชุด ใกล้มหาลัยไว้ให้หนึ่งห้อง แถมรถอีกหนึ่งคันไว้ให้พวกแฝดใช้ไปเรียน คอนโดห้องชุดใหญ่มาก มีครบทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น สองห้องนอน สองห้องน้ำ แถมระเบียงหลังห้องไว้มองวิวเพลินๆ  พวกแฝดตกลงว่าจะนอนรวมกันที่ห้องนอนใหญ่ห้องเดียว ส่วนอีกห้องจะเอาโต๊ะมาวางไว้ทำเป็นห้องอ่านหนังสือ จะได้ไม่รบกวนการนอนของคนอื่น พวกแฝดสัญญากับคุณแม่ว่าจะกลับบ้านเดือนละสองครั้งถ้าทำได้ เพราะไอ้แทนต้องเรียนหนัก คุณแม่ก็เข้าใจ กอดลูกชายทั้งสามน้ำตาไหลป้อยๆก่อนจะออกจากคอนโด

พวกแฝดสามใช้ชีวิตอยู่คอนโดจนกระทั่งปีสามแล้วนะ  ไอ้แทนก็ยังวางมาดนิ่งใส่พวกแฝดน้องเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือขี้บ่น เจ้าท่านหนะรักสงบ สะอาด สงัด แตกต่างจากแฝดกลาง ไอ้คอส รายนั้นหนะชอบโวยวาย ส่งเสียงดัง เชียร์บอล คุยโทรศัพท์ อาบน้ำ ดูหนัง ร้องเพลง ชอบให้คนอื่นรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ง่ายๆก็คือ แม่งเรียกร้องความสนใจ(จากตีน)  ส่วนไอ้ไซน์นะหรอ มันค่อนข้างเป็นคนขี้อาย(กับคนอื่น)  วันๆสนใจแต่รับจ้างสอนพิเศษไม่รู้จะอยากได้ตังไปทำอะไรนักหนา ทั้งๆที่ขอแม่ก็จบ  นอกจากจะโดนไอ้พวกพี่แฝดแกล้งแล้วยังโดนเพื่อนที่คณะแกล้งเหตุเพราะหน้ามันซื่อบื้อ เหมือนหมางง ตาก็ขีดๆ จมูกเล็กๆ  ปากบางๆ โคตรเข้ากับผมทรงเห็ดที่ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจจากไหนไปตัด แต่ก็นั่นแหละ ก็เข้ากับไอ้ไซน์ดี

“คอส แท็กอันนี้มาให้หรอ?”  หลังจากที่โทรคุยกับคุณแม่จบ ไอ้ไซน์ก็หันหน้ามาถามคนที่นั่งข้างๆพลางโชว์หน้าจอโทรศัพท์ตัวเองให้อีกคนดู
“อือ สนมั้ยจะได้บอกน้องมันให้” ไอ้คอสตอบ 

‘ในม.เรามีใครรับติวภาษาอังกฤษมั้ยครับ คือผมโง่มากๆเลย ขอแบบพื้นฐานง่ายๆไปจนยากเลยครับ เกรดตกต่ำมาก ราคาเท่าไหร่เท่ากัน ผมต้องการคนช่วยจริงๆ ถ้าสนใจอินบ็อคมาคุยกัยได้เลยนะครับ’ 

“สนๆ” พยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก     
“ไซน์ มีปัญหาเรื่องเงินรึเปล่า?” ไอ้แทนที่นั่งอยู่ด้านหลังใช้เท้าดันพื้นให้เก้าอี้หมุนเลื่อนมาชนไอ้ไซน์เสียงดังปั้ก!
“เจ็บนะ !!”  ขึ้นเสียงสูงแหวใส่ ไอ้คนทำหัวเราะน้อยๆไม่ได้สำนึกผิดเลยนะแม่ง
“ตอบดิ ไม่ตอบจับหัวเห็ดมึงโขกโต๊ะนะ”  คนแฝดพี่ที่นิ่งขรึมมาตลอดเริ่มแตก ออกอาการอยากแกล้งแฝดน้อง ดูหน้ามันสิ ตาขีดๆของมันมองยังไงแม่งก็เหมือนหมาอ่ะ
“ไม่ได้มีปัญหา!”
“แล้วทำไมต้องอยากรับจ้างสอนพิเศษอะไรขนาดนั้น”
“เออ นั่นดิ” พอคนนึงถาม อีกคนก็เกิดสงสัยขึ้นมาด้วย

...เอาเลย รุมเลยยย เป็นน้องอยู่แล้ว โดนแกล้งอยู่แล้วนี่ !

“อยากได้ตังซื้อของขวัญ” ไอ้ไซน์ตอบเบาๆ
“ห๊ะ ของขวัญอะไร?”  ไอ้คอสถาม ขมวดคิ้วใส่
“ของขวัญวันเกิด”
“วันเกิดใคร?”
“ก็วันเกิดพวกเราไง เจ้าพวกแฝดโง่ ! สิ้นเดือนก็จะถึงแล้วเนี่ย ยังเก็บตังไม่ได้เลย”   
“...”
“...”
“...”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“หะ หัวเราะอะไรเล่า”  เห็นสีหน้าที่ไอ้พวกแฝดพี่หัวเราะแล้วหูก็ร้อนขึ้นมา มันอายอ่ะ ทำไมไอ้ไซน์ต้องมาทำอะไรเซอร์ไพร์ มุ้งมิ้ง กิ้งก่องแก้วให้ไอ้แฝดเถื่อนพวกนี้ด้วยวะ
“โถ น้องไซน์หมาน้อยของพี่ ฮ่าๆ นี่มึงไม่เข็ดรึไง” ไอ้คอส ไอ้พี่ปากหมา ฮือออออ อย่าหยิกแก้มกูวว
“ทำดี มาดูกันว่าปีนี้มึงจะโดนอะไร” ไอ้แทน ไอ้โหด ไอ้สายเถื่อน อย่าบีบก้นนนน

.

.

.

ย้อนกลับไปเมื่อตอน ปี 1
‘คอส แทน เซอร์ไพรส์!!!!’ ไอ้ไซน์ถือถุงกระดาษที่มีโบว์แปะแบบลวกๆ ก่อนจะส่งไปให้พี่แฝดทั้งสอง แล้วหันมายิ้มแป้นโชว์ฟันขี้ยวแหลมซี่เล็กๆ
‘อะไรของมึง กางเกงในคิตตี้สีชมพู’
‘ของกู กางเกงในลายลูกเป็ดสีเหลือง’
‘ก็เห็นกกน.ของคอสกับแทนมันมีรูขาดๆตรงเป้าอ่ะ เลยซื้อมาให้ใหม่ นี่ มีคำอวยพรด้วยนะ ดูดีๆ’ บอกพวกแฝดพี่อย่างตื่นเต้น
‘ด้วยรักและสังคัง...’
‘ฮ่าๆๆๆ รักน้า’ บอกพวกแฝดด้วยเสียงทะเล้นก่อนจะเดินลอยลมไปหาของกินในครัว
‘ตายเถอะไอ้เตี้ยย!!!’ พูดจบแฝดพี่ทั้งสองก็พุ่งเข้าหาไอ้เตี้ย จับล็อคคอ ล็อคแขน ยัดกกน.ในตะกร้าที่ยังไม่ได้ซักโปะจมูกคนตัวเล็ก
‘อุแหวะ พวกเถื่อน ปล่อยยยยยยยยยยยยยยย’
‘อย่ามาหือกับพี่นะน้อง’

.

.

.

ปี 2
แควก!  แควก!
‘โอ้ยยยยยยยยยยย อิเหี้ย!!!’
‘พ่อมึง!!!’
‘สุขสันต์วันเกิดดดด!!!’  ไอ้ไซน์ตะโกนบอกก็รีบวิ่งหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง หลังจากทำภารกิจเซอร์ไพร์วันเกิดสำเร็จด้วยการตื่นมากลางดึก และแปะสก๊อตเทปสีน้ำตาลที่หน้าแข้งของพี่แฝดทั้งสอง ก่อนจะดึงออกมาเสียงดังแควก หน้าไอ้พวกแฝดนั่นสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตลกชิปหาย ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ยย ขำ ไม่ไหวๆ คิดได้ยังไงนะไอ้ไซน์ โคตรฉลาดอ่ะ
‘ออกมามอบตัวซะดีๆ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา’ เสียงตะโกนจากด้านนอกดังลอดเข้ามาในห้องน้ำ
‘ออกไปก็โง่ดิ’ ปากดีตะโกนกลับออกไป
‘ไม่ออกมามึงก็โง่ครับ’
แกร๊ก
‘หะ เห้ยยย’
‘มึงแสบมากนะเตี้ย ตายยยยยยย’
‘อย่าหือกับพี่ จำไว้’ นั่นแหละ ไอ้ไซน์ก็โดนไปตามระเบียบ




พาร์ทบรรยายหมดเลย เรื่องเนิบๆ อยากให้รู้จักชีวิตของสามแฝด จะได้รักพวกแฝดเยอะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2016 14:09:12 โดย SPNamfone »

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
2
In to my world

“สอนเสร็จก็โทรหา เดี๋ยวมารับ”
“รู้หน่า พูดทุกครั้ง ไม่เบื่อรึไง” สิ้นเสียงคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถก็หันกลับมาเอื้อมมือตบหัวเห็ดๆของคนพูดดัง ผัวะ!  “มันเจ็บนะเว้ย!”
“พูดขอบคุณเพราะๆซิ”
“พ่อง!”  ทิ้งระเบิดไว้ก็เปิดประตูลงจากรถมาด้วยความเร็วแสง ไอ้คนหัวเห็ดหัวเราะคิกคักส่งท้ายสองแฝดที่ขับรถออกไปอย่างฟึดฟัด 

และจะเป็นแบบนี้ทุกเช้า ...  ไอ้แทนมีหน้าที่ขับรถมาส่งน้องแฝด โดยส่งไอ้ไซน์เป็นคนแรก เพราะคณะมนุษย์ใกล้กว่าเพื่อน  อีกอย่างจะได้ส่องสาวคณะมนุษย์มีกำลังใจก่อนไปเรียน  ต่อมาไอ้แทนก็จะวนรถไปส่งไอ้คอสที่คณะวิศวะ อยู่อีกฟากของมหาลัย  และขับรถต่อไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงคณะแพทย์ของไอ้แทน
ไอ้ไซน์เดินเข้าคณะมาอย่างอารมณ์ดี  หน้าหมาๆของมันทำให้เป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้หญิงในคณะ จนเพื่อนที่คบส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้นเลย  แรกๆไอ้ไซน์ก็เขินหรอกนะที่มีผู้หญิงรุมล้อม แต่หลังมานี่พวกผู้หญิงชอบหยิกแก้ม  บางคนจัญไรหน่อยก็ชอบจับนม  ยิ่งช่วงนี้ไอ้ไซน์ตัดผมเห็ด (เพราะแรงยุจากพวกนี้แหละ) พวกผู้หญิงก็ชอบมาเล่นผม ถักเปียให้ บางวันพวกผู้หญิงอ้างว่าเป็นประจำเดือน ก็ได้หัวเห็ดๆของไอ้ไซน์นี่แหละเป็นที่ลง 

...ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย กูนี่เป็นที่ระบายของพวกมึงหรอมสัส

ไอ้ไซน์ชอบเนย  ...เนยเป็นผู้หญิงในคณะนี่แหละ แต่เรียนเอกสเปน เนยตัวเล็กกว่าไอ้ไซน์ ผมยาว ตัวขาว ปากแดง พูดเพราะ แถมยังทำงานเก่งด้วย เนยทำงานอยู่สโมฯของคณะ ไอ้ไซน์จึงชอบไปป้วนเปี้ยนแถวสโมฯบ่อยๆ  แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกเพื่อนผู้หญิงบอกว่า
‘หน้าหมาๆอย่างไซน์ จะเอาอะไรไปจีบเนย’
‘หันมาชอบพี่เต๋าดีกว่า หล่อ รวย สปอต จีบมึงตั้งนานแล้วด้วย เลิกเล่นตัวซะที’ พี่เต๋าที่ว่านี่คือรุ่นพี่ในสาขา ปี 4 ที่ชอบซื้อขนมนมเนยมาให้ไอ้ไซน์ และอ้างว่า น้องไซน์เป็นสายรหัสโคกับพี่ พี่ก็ต้องซื้อให้ รับไว้เถอะ

...ใช่ ที่พี่เต๋าซื้อขนมมาให้ตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้ปีสามแล้ว ไม่เห็นจะแปลกซักนิดเลย

.

.

.

“เดินหน้าหมายิ้มมาเชียว”  เสียงแหลมๆทักขึ้น ไอ้ไซน์ที่ทำหน้าหมายิ้มก็หุบยิ้มลงทันที  กระแทกก้นงอนๆ ลงม้าหินอ่อนที่มีพวกผู้หญิงนั่งอยู่ก่อน และกำลังกัดข้าวเหนียวหมูปิ้งอย่างอร่อย

...กินเข้าไปเถอะไอ้หมูติดมันเยิ้มๆพวกนั้น ให้อ้วนตายไปเลย

“ทำหน้าแบบนั้น กำลังด่าอยู่รึไง”
“ป่าวนะ” รีบตอบกลับมาอย่างร้อนตัว
“อ่ะ ของเซ่นจากพี่เต๋า”  เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างดันถุงเซเว่นถุงใหญ่มาตรงหน้า ไอ้คนหัวเห็ดยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มคุ้ยในถุงดู หยิบนมเมจิกลิ่นแคนตาลูปมาเจาะหลอดดูดอึกๆ
“อ๊า...”  ดูดเสร็จก็ส่งเสียงราวกับชื่นใจนักหนา ทำหน้าฟินใส่เพื่อน
“รำคาญ ชอบเค้าก็บอกมาเถอะ พูดอยู่ได้ว่าพี่น้องๆ”
“เอ้าก็พี่น้องจริงๆนี่ พี่เค้าเอามาให้เพราะเป็นสายโค”
“แกมันซื้อบื้อ ไอ้ไซน์  ไอ้หมาโง่” พูดจบก็ยีหัวเห็ดๆของไอ้ไซน์

...คือ มือแกกินข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้วยังไม่ได้ล้าง

คาบเช้าวันนี้เรียนแค่วิชาเดียว  ส่งเอซเซย์ที่ทำเมื่อคืนกับอาจารย์เสร็จ อาจารย์เริ่มสั่งงานวิเคราะห์วรรณกรรมคลาสสิค เรียนมนุษย์อิ้งใครว่าง่ายว่าชิลอยากให้ลองดู  ยิ่งเรียนยิ่งยากเพราะจะเจาะลึกเข้าไปแก่นแท้ของภาษาอีก ไหนจะต้องมี oral พูดปากเปล่า พรีเซนต์ต่างๆ  ยิ่งช่วงนี้เน้นนักย้ำหนาว่าเข้าสู่ยุค AEC เวคคัมทูอาเซียนยิ่งต้องให้เก่งให้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่เค้าพัฒนาเร็ว

... เฮ้อ...คิดแล้วไอ้ไซน์ก็เครียด  ปีหน้าก็ปี 4 แล้วนอกจากจะฝ่าฟันช่วงโปรเจ็คแล้วยังต้องยื่นสมัครฝึกงาน  ดีหน่อยที่ไอ้ไซน์มีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นชาวต่างชาติ คอยให้คำแนะนำดีมากเกี่ยวกับการศึกษาต่อ หรือหันไปทำงานต่างประเทศ หวังว่าอาจารย์คงสามารถช่วยมันได้ไม่มากก็น้อยละวะ
“OK, Everyone see you next week and don’t forget to send the essay. Goodbye.”  อาจารย์พูดจบก็เดินออกจากห้องลิ่วๆ  พวกนักศึกษาต่างพากันถอนหายใจ

...สั่งงานนนน สั่งงานอีกแล้วววว 

ไอ้ไซน์นั่งรอพวกผู้หญิงแต่งหน้าทาปาก เช็คความแรดของตัวเองเสร็จก็เดินออกจากห้องไปหมกตัวกันอยู่ที่สมุดกลางของมหาวิทยาลัย  ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเด็กเรียนหรืออะไร  แต่ต้องรีบไปแย่งชิงหนังสือวรรณกรรมที่มีน้อยนิดมาดองไว้ก่อน  จะอ่านตอนไหนก็ค่อยว่ากันอีกที  ลำพังไอ้หนังสือวรรณกรรมของคณะมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ บางเล่มนี่อย่างกับถูกปลวกแทะ กระดาษเปื่อยยุ่ย เปิดแรงก็ไม่ได้ หาซื้อก็ยาก  ถ้าได้เล่มไม่ถูกใจนี่ก็เป็นความลำบากอีก บ่นไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ไอ้ไซน์และผองเพื่อนกำลังยืนเลือกหนังสือวรรณกรรมที่สนใจกันอยู่
“ไซน์  เรื่องนี้แกอ่านแล้วใช่มั้ย เป็นไงมั่งอ่ะ”  เจ้าของเสียงแหลมๆเมื่อเช้าชูหน้าปกหนังสือขึ้น
“อือ” พยักหน้า “ก็...มันเป็นแนวสอบสวน เราไม่คุ้นศัพท์ มันก็เลยไม่โอเคเท่าไหร่”  อีกฝ่ายพยักหน้าตาม ไอ้ไซน์ที่เลือกหนังสือได้แล้ว เป็นเรื่อง The great Gatsby หอบหนังสือมานั่งที่โต๊ะ  เปิดอ่านผ่านๆก็เก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง
“เอ้า จะไปสอนแล้วหรอคุณครู”
“อื้อ สอนน้องทรายคณะวิทย์”  ยิ้มกว้างตาหยีบอก
“หน้าเป็นหมาได้กระดูกเชียว หางสั่นดิ๊กๆแล้ว เก็บด้วยไอ้หมาไซน์” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปผลักทรงหัวเห็ดที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ  นี่มันไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ว่าหน้าหมาๆแบบมัน (หมายถึงน่ารักแบบหมา) ไม่ได้ดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาทำพันธุ์ด้วย  มีแต่จะดึงไม้ป่าเดียวกันเข้ามาให้ได้เรื่อง
“น้องทรายน่ารัก สอนง่าย” บรรยายสรรพคุณของลูกค้าให้พวกผู้หญิงฟัง มือก็รูดซิบกระเป๋า ลุกจากโต๊ะเตรียมตัวไปสอน “ไปนะ” 
“เออ ไปดี”  ได้รับคำอวยพรจากพวกผู้หญิงก็เดินลอยลมออกจากห้องสมุดไปยังร้านกาแฟหน้ามหาลัย คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก เปิดให้นักศึกษาละแวกนั้นไปติวไปอ่านหนังสือกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง คนจึงเยอะกว่าร้านอื่นๆละแวกนั้น
ไอ้ไซน์นั่งรอน้องทราย (?) พร้อมชาเขียวปั่น ประมาณ 15 นาทีได้ น้องทรายก็วิ่งเข้ามาในร้านมองซ้ายมองขวา  พอเจอหน้าคนทรงหัวเห็ดก็เดินตรงเข้ามานั่งด้านข้าง
“พี่ไซน์สวัสดีค่ะ รอนานป่าว ขอโทษนะเขียนแลปเพลินไปหน่อย”  ยกมือไหว้ทั้งสวัสดีทั้งขอโทษ 
“กินไรมั้ย หน้าแดงหมดแล้ว” เอาชีทที่เตรียมสอนของตัวเองพัดให้คนด้านข้างระบายความร้อน
“ไม่ค่ะ วันนี้มีนัด”
“อ๋อออ โอเค งั้นเรียนเลยมั้ย  พร้อมยัง?”
“เอาเลยๆ เออ วันนี้อาจารย์สั่งงานด้วย พี่ไซน์ช่วยสอนหน่อยนะ”
“ได้ งั้นจากคราวที่แล้วแกรมม่าถึงเรื่อง....”   ไอ้ไซน์ตั้งใจสอนน้องทรายเป็นพิเศษเพราะความลำเอียงล้วนๆ เอ้ย สอนน้องทรายแล้วสอนสนุก น้องทรายเป็นเด็กที่เข้าใจง่าย  แต่หัวช้า เวลาสอนถึงจะใช้เวลาหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะสอนไหลลื่น ต่อหลายเรื่องได้ง่าย ไอ้ไซน์จึงยกให้น้องไซน์เป็นนักเรียนดีเด่น

... โอ้ย ให้สอนฟรียังได้  แต่ช่วงนี้บังเอิญต้องใช้ตัง

ไอ้ไซน์สอนน้องทรายตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงสี่โมงเย็น  ต่างคนก็ต่างหมดพลังงานไปตามๆกัน  พอสอนเสร็จน้องทรายก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัด ส่วนไอ้ไซน์ก็นั่งเหง็กรอไอ้แทนมารับหลังจากโทรสั่งมันเรียบร้อยแล้ว   
ไอ้แทนมารับน้องแฝดที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัยเป็นประจำ  วันนี้ก็เช่นกัน  หลังจากที่น้องแฝดโทรมาหาบอกว่าสอนพิเศษเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวที่กำลังนอนตีพุงตากแอร์อยู่ที่ห้อง small group ในคณะแพทย์ก็บึ่งตัวจากคณะไปยังหน้ามหาลัย เห็นไอ้น้องแฝดทำหน้าหมางงอยู่ในร้านกาแฟก็นึกเอ็นดู อยากแกล้งตบหัวมันให้หงายหลังขึ้นมาตงิดๆ 

...คิดว่าน่ารักมากมั้งไอ้หมาอ้วน

เอาจริงๆ ถึงจะเป็นแฝดกัน อายุเท่ากัน  เพียงแค่เกิดห่างกันไม่กี่นาที แต่ไอ้แทนก็รู้สึกราวกับตัวเองเป็นพี่คนโตจริงๆ  ดูอย่างไอ้คอส ทำตัวอย่างกับนักเลงประถม เป็นหัวโจกวอนมือวอนเท้าชาวบ้านเขาไปทั่ว ไหนจะไอ้ไซน์ไอ้นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ขี้ฟ้อง อยากได้อะไรก็ทำหน้าหมาอ้อนใส่ ตัวก็เตี้ย

...โอ้ยนี่กูมีแฝดเป็นเด็กอายุสมองอนุบาลรึไง




รู้สึกว่าสำนวนตัวเองยังไม่สวยเลย  จะพยายามมากขึ้นนะ
เอาใจช่วยเราด้วย  ช่วงนี้เราแปลเปเปอร์หนักมาก  :mew6:

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
สำนวนดีแล้วล่ะค่ะ อย่ากังวล
เขียนอย่างที่อยากเขียนนั่นแหละค่ะ
ครอบครัวนี้น่ารัก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
สู้ๆ มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
3
OK, I will go with you


แปะ!

โพสต์อิทแผ่นสีเหลืองถูกแปะ(จริงๆแล้วต้องบอกว่าตบ)เข้ากลางหน้าผากของไอ้หมาไซน์ที่กำลังนั่งฮึมฮัมร้องเพลงสากลพร้อมกับอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนา  เจ้าตัวละหน้ามามองคนที่แปะโพสต์อิทไว้ ขมวดคิ้วใส่

“วันนี้มึงโคฟเวอร์เป็นหมาพุดเดิ้ลรึไง?”  หน้าม้าที่ปล่อยไว้ถูกรวบขึ้นมัดเป็นจุกต้นมะพร้าวอยู่กลางหัวเห็ดๆ  ทำให้คนที่เป็นแฝดพี่อย่างไอ้คอสล้อเลียนขึ้นมา
“ยุ่ง” ตวัดหางตาใส่ มือก็ดึงแผ่นสีเหลืองที่หน้าผากของตัวเองออกมาอ่าน


‘FB: Jaijaii Jirathiphat
ID Line: 0305jaiii
TW: @jaijira
IG: @jaijira
E mail: jai_Jaijira


“ทำดีกับกูหน่อย นี่กูหาลูกค้าเรียนพิเศษให้มึงอยู่นะไอ้หมา”  เจ้าของโพสต์อิทบอก เอื้อมมือจะแย่งโพสต์อิทคืน แต่ไอ้ไซน์เร็วกว่า รีบกำกระดาษในมือแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมด
“ไปได้เหยื่อที่ไหนมาหละ”  แฝดพี่คนโตเอ่ยถาม
“รุ่นน้องที่คณะ แม่งโง่อิ้งค์มาทั้งชีวิต เลยสงเคราะห์มันหนะ” 
“ชื่ออะไร?”
“ไจ๋”
“...ไจ๋ ที่มาเรียนพิเศษกับแม่ คนเดียวกันป่าววะ?” ไอ้หมาไซน์ที่โคฟเวอร์เป็นพุดเดิ้ลนึกหน้ารุ่นน้องที่ตอนสมัยม.ปลายมาเรียนพิเศษบ่อยๆ เขาจำชื่อนี้ได้ค่อนข้างดีเพราะแม่ชอบบ่นกับพ่อแล้วไอ้ไซน์ไปแอบได้ยินมาว่า  ไจ๋เป็นเด็กหัวดี แต่ชอบโดดเรียน แต่หน้าตานี่ไม่คุ้น เพราะเด็กที่มาเรียนกับแม่เยอะเหลือเกิน
“ไม่รู้ดิ ไม่เคยถามมัน ปกติท้าตีกันอย่างเดียว” เรื่องชกต่อยนี่ปล่อยให้เป็นงานถนัดของแฝดคนกลางเลยเถอะ 
“พวกเถื่อน”  ไอ้ไซน์คิดว่ามันแอบคิดในใจแล้ว  แต่มันคงคิดดังไปหน่อยไอ้คอสเลยได้ยินเข้าตบหัวดังผัวะ! คว่ำไปทางด้านหน้า  “ชอบใช้กำลัง!”
“น้องไซน์ครับ มันเป็นสไตล์ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาวิจารณ์”
“มันกำลังจะบอกมึงว่า อย่าเสือก หวะไอ้หมา”

...พวกมึงมันใจสกปรก โสมม โสโครก ซกมก อกุศลเข้าสิงจิต เห็นผิดเป็นชอบ รุมกูเลย ด่ากูเลยย  กูจะเก็บทุกเม็ดแล้วเอาไปฟ้องแม่  ถึงคราวนั้นพวกมึงอย่าหวังว่าจะได้รับกรุณาความเมตตาปราณีจากกู ไอ้พวกพี่แฝด

.

.

.

เมื่อคืนหลังจากที่ไอ้ไซน์สงบปากสงบคำกับพวกไอ้แฝดพี่แล้วก็จัดการแอดเฟสบุ๊ค แอดไลน์ แอดอีเมลล์  ฟอลทวิตเตอร์ และฟอลไอจีน้องไจ่ไจ๋ (ชื่อแม่งก็อ่านยากชิบหาย ลำบากกูต้องมานับนิ้วผันวรรณยุกต์สะกดชื่อน้องมันเนี่ย) ครบทุกช่องทางการติดต่อแล้ว ก็ทิ้งข้อความเอาไว้


‘สวัสดีครับ พี่ชื่อไซน์เรียนมนุษย์อิ้งค์ปี 3
ไอ้คอส (เอ่อแฝดพี่เอง) บอกว่าน้องอยากเรียนภาษาอังกฤษ
ก็เลยแชทมาถามดูว่าน้องสนใจจะเรียนกับพี่มั้ย ค่าเรียนพี่ถูกนะ
ป.ล.พี่สอนดีมากจริงๆ ’


รอการตอบกลับจากไอ้น้องไจ่ไจ๋อะไรนั่นจนตอนนี้ มานั่งกินข้าวกับพวกผู้หญิงที่โรงอาหารในคณะน้องไจ่ไจ๋ก็ยังไม่ตอบกลับมา

...ตอบรับตอนนี้ ฟรีชีทเรียนนะมึง โปรโมชั่นสุดพิเศษไม่มีใครได้มาง่ายๆ นะบอกเลย (ยกเว้นน้องทราย อุอิ)

จนแล้วจนรอด นั่งรอทั้งวันก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาจากไอ้น้องไจ่ไจ๋ ไอ้หมาไซน์ถอนหายใจดังเฮือก  หน้าบอกบุญไม่รับ จนพวกผู้หญิงมอง

“เป็นไร ทำหน้ายังกะหมา” ฝ่ายเสริม
“เออ เกิดเป็นคนไม่ชอบ ชอบทำเป็นหมา” ฝ่ายสนับสนุน
“เอ๊ะ แต่ปกติก็เป็นหมาอยู่แล้วหนิ” ฝ่ายเสี้ยม ว่าจบก็พากันหัวเราะคิกคักจนไอ้หมาไซน์หันควับ ไปมองค้อน
“อ้าว หมาโกรธละเว้ย”
“ไอ้ไซน์ เป็นไร บอก!” พอไอ้ไซน์ไม่ตอบ ก็เค้นเอาคำตอบกันใหญ่
“น้องยังไม่ตอบเรื่องเรียนพิเศษเลยอ่ะ”  บอกไปหน้าหงอยๆของมันก็ก้มมองลงมือถืออีกครั้ง 
“น้องไหน น้องทราย?”
“ไม่ใช่ น้องคนใหม่อ่ะ เพิ่งทักไปเมื่อคืนนี้” 
“โถ่ ไอ้หมา รอสิรอออออ”  พวกผู้หญิงเลิกสนใจไอ้ไซน์แล้วก็หันไปเม้าท์มอยกันต่อ  ปล่อยให้ไอ้ไซน์กลายเป็นวิญญาณหมาเฝ้าแชทอยู่นั่นแหละ  ช่างแม่ง

.

.

.

“คอส มารับหน่อย อยู่คณะ”
‘ไม่ว่าง’
“เอ้า แล้วจะให้กลับยังไง แทนก็ไม่วางเนี่ย”
‘กลับพร้อมกูนี่แหละ รถอยู่กับกู’
“งั้นก็มารับสิ”
‘เอ้าไอ้หมา บอกว่าไม่ว่าง’
“อย่ากวนตีนดิ ร้อนเนี่ย”
‘มึง กูคุยงานของคณะอยู่ มารอที่คณะกู ถ้าผ่านร้านป้าแว่นซื้อกาแฟมาให้ด้วยนะ’
“ตลกมั้ย คณะอยู่คนละฝั่งกัน ถ้าไม่ว่างมารับเดี๋ยวกลับเองก็ได้”
‘นั่งชัทมา แปปเดียว เร็วๆนะ หิวน้ำ’ สิ้นเสียง สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดดัง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...

...สัส

ไอ้ไซน์ตัดสินใจเดินไปหน้าคณะ รอไม่นาน รถบัสคันเล็กหรือที่นักศึกษาเรียกกันว่ารถชัทเทิลบัสไว้คอยบริการนักศึกษาก็มาจอดเทียบคณะ  ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากคณะมนุษย์ศาสตร์ก็มายังคณะวิศวกรรมศาสตร์  ถึงจะอยู่อีกฟากของมหาลัยก็จริง แต่เส้นทางก็โล่งทำให้มาถึงเร็ว  ไอ้ไซน์ลงจากรถ เดินข้ามฝั่งไปซื้อกาแฟร้านป้าแว่นให้แฝดพี่คนกลางแล้วข้ามถนนกลับมาอีกรอบ  เดินต่อเข้าไปนิดหน่อยก็เห็นนักศึกษาคณะวิศวะในเสื้อปฏิบัติงานสีน้ำเงินเข้มวิ่งกันให้วุ่น

...สงสัยจะยุ่งทั้งคณะจริงๆ

“ไซน์ ไซน์ ทางนี้ๆ” เสียงร้องตะโกนเรียกทำให้ชาววิศวะหันมาสนใจคนตัวเล็กที่ใส่ชุดนักศึกษาสีขาว แตกต่างกับชาวคณะวิศวะ ยิ่งทำให้ไอ้ไซน์ดูเด่นขึ้นมาทันตา
“อ่ะ” เดินไปหาไอ้แฝดคนที่สั่งซื้อกาแฟแล้วก็ยื่นแก้วกาแฟให้  ไอ้คอสยิ้มหน้าระรื่นรับแก้วกาแฟมาดูดสามอึกใหญ่ๆแล้วก็เอามือมายีหัวเห็ดๆ
“ดีมากไอ้หมา นั่งรอตรงนู้นแปปนึงนะ”  ชี้มือไปทางโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยเศษโฟม  เศษไม้อัดและกองกระเป๋า
“ทำไมแทนไม่ว่าง แล้วทำไมได้เอารถมาเองใช้หละ”
“เอ้า แทนมันไม่ได้บอกมึงหรอ”  คนหัวทรงเห็ดส่ายหน้า “วันนี้มันคุยสมอลกรุ๊ปอะไรไม่รู้ กูมีธุระข้างนอกเลยไปเอารถมาใช้ก่อน”
“แล้วรอนานมั้ยอ่ะ”
“อีกแปปนึง สั่งงานพวกปีสองไว้ก่อน ไปนั่งรอไป”  คนหัวทรงเห็ดพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเดินไปเก็บเศษไม้ เศษโฟมออกแล้วหาที่นั่งให้ตัวเอง  หยิบหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษเล่มหนาที่ค้างไว้วันก่อนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

...ร้อนก็ร้อน วันนี้อุตส่าห์เลิกเรียนเร็วแทนที่จะได้กลับไปนั่งทำงานตากแอร์ กลับต้องมานั่งเฝ้าไอ้แฝด ชีวิตไอ้ไซน์นี่ทำกรรมอะไรไว้กับไอ้พวกนี้นะ
 
.

.

.

“พี่ไซน์ครับ  พี่ไซน์” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ไอ้ไซน์ลืมตาเงยหน้าขึ้นมามอง 

...งงเลย หลับลงไปได้ไงวะ ร้อนชิบหาย แถมยังปวดคอปวดหลัง  หนังสือนี่ยังคาที่มืออยู่เลย

“ห๊ะ หืม อะไร”
“พี่คอสบอกให้พี่ไซน์กลับก่อนเลยครับ ตอนนี้พี่คอสเข้าประชุมอยู่”  เสียงทุ้มๆกับหน้าคมๆบอกอีกครั้ง  ไอ้ไซน์มองไปรอบๆตอนนี้ก็ยังคงมีคนวิ่งวุ่นวายอยู่ แต่กลับไม่เห็นเงาของไอ้พี่แฝด

...คือมึง มึงทำไมพึ่งมาบอกตอนนี้  ไอ้สัสคอส กลับบ้านกูจะฟ้องแม่ว่ามึงทิ้งกูไว้กลางคณะคนเดียว กาแฟก็ซื้อมาให้ รอก็ได้มานั่งรอ ไอ้ตัวดีกลับหนีไปประชุม แม่งเอ้ย !

“...” ถอนหายใจใส่คนที่มาบอก เก็บหนังสือเล่มหนาเข้ากระเป๋าเป้ ก่อนลุกขึ้นเดินยีหัวเห็ดๆของตัวเองออกจากลานคณะ
“เห้ยพี่ จะไปไหน”  อีกฝ่ายเดินตามมาถาม
“กลับดิ”  ไอ้หัวทรงเห็ดตอบ ก่อนจะเดินต่อ
“ทางนี้” ชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางด้านขวาตัวเอง
“?” ไอ้ไซน์ทำหน้าหมางงใส่ตามสเต็ป  อีกคนแอบอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะขยายความให้ไอ้คนที่ทำหน้าหมางงเข้าใจ

...แม่งหน้า(รัก)เหมือนลูกหมาจริงด้วย

“พี่คอสบอกให้ผมไปส่ง” 
“เดี๋ยวกลับเอง ฝากบอกไอ้คอสด้วยว่ากูโกรธ โกรธมากๆ”
“เฮ้ยพี่ เดี๋ยวดิ ถ้าผมไม่ไปส่งพี่ ผมนี่แหละยิ่งจะโดนโกรธมากๆมากกว่าอ่ะ” บอกแล้ววิ่งไปขวางหน้าไอ้ไซน์ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหมางง เป็นหมาหน้าบึ้งแทน
“ถอยไป ไม่งั้นกูจะโกรธมึงมากๆอีกคน บอกพี่มึงด้วยว่ากูขอค่ากาแฟคืน”  ผลักอีกคนให้หลีกทางก่อนที่จะเดินลิ่วๆออกไปทางหน้าคณะ
“ถ้าพี่ให้ผมไปส่ง ผมยอมเรียนพิเศษกับพี่เลยเอ้า!” 
“...”  ไอ้ไซน์ชะงักกึก

...ห๊ะ ?

“ผมพูดจริงนะ”
“...”
“ผม...ผมชื่อไจ๋ไง ที่พี่ทักผมมาเมื่อคืน”

.

.

.

แล้วไอ้ไซน์ก็ได้มานั่งแหมะอยู่บนรถออดี้คันหรู  เวลาบ่ายสี่โมงแก่ๆ น้องไจ๋ ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถออกมาจากหน้าคณะ  เอื้อมมือไปกดเล่นเพลงสากลไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป  คนขับรถเหลือบไปมองคนด้านข้าง ก็เห็นกดโทรศัพท์อยู่ยิกๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าคนขับรถจะพาตัวเองไปไหน

...ถ้าหลอกไปขายแม่งก็คงจะไม่รู้เรื่อง

“อ้าว ไปไหน” พอเงยหน้ามาจากโทรศัพท์เห็นว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโดของตัวเองก็ร้องทักออกมา
“ไปซื้อของก่อน” คนขับรถบอก
“...” พอไอ้ไซน์ไม่ได้พูดต่อ น้องไจ๋ ก็แอบหันไปมอง เห็นทำหน้าหมางง เฮ้อออ รู้สึกอะไรก็ฉายออกมาทางสีหน้าซะหมด  คิ้วเนี่ยขมวดกันจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว  น้องไจ๋ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเรียนพิเศษแล้วเจอพี่ไซน์ จะต้องเห็นพี่ไซน์ทำหน้าหมางงไปกี่ครั้ง

...คิดว่าน่ารักแล้วจะทำอะไรก็น่ารักหรอ

“ไหนๆก็มาละ ผมไม่อยากตีรถกลับไปกลับมาอ่ะ ไปซื้อของช่วยหน่อยนะ” 
“อ๋อ” ไอ้คนทรงหัวเห็ดพยักหน้ารับรู้ 
“...”
“ที่บอกว่าจะเรียนพิเศษด้วยจะเรียนจริงๆใช่มั้ย?”  หันไปถามคนที่กำลังขับรถ 
“ขอคิดก่อน”
“อ้าว ได้ไงอ่ะ” ไอ้ไซน์แหวใส่เสียงแหลม คนขับรถหัวเราะตาหยี

...โอ้ยแสบตา  ออร่าน้องมันทะลุ

“โธ่ พี่ไซน์ ตอนแรกที่ผมโพสต์อ่ะ มีคนมาทักผมตั้งเยอะ หนึ่งในนั้น มีพี่ลูกหยีด้วยนะเว้ย พี่ลูกหยีที่เป็นดาวคณะคุรุศาสตร์อ่ะ  ผมก็เลยตอบรับไปแล้วด้วย”  น้องไจ๋บอก  สีหน้าท่าทางนี่ดูภูมิใจนักภูมิใจหนา ที่มีดาวคณะมาขอสอนพิเศษ  ไอ้คนที่นั่งฟังได้แค่นขอดอยู่ในใจ
“...”  น้องไจ๋เหลือบมองคนที่นั่งด้านข้างอีกครั้ง  เดาไม่ยาก กำลังแอบด่าเขาอยู่แหง๋ๆ
“แต่เดี๋ยวผมจะไปปฏิเสธนี่ไง  ผมบอกว่าจะเรียนกับพี่แล้วนี่” บอกสีหน้าจริงจัง  ไอ้ไซน์ได้ยินอย่างนั่นก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย แอบฮึมฮัมตามทำนองของเพลงสากลที่ถูกเปิดเอาไว้อย่างอารมณ์ดี

ตลาดผ้า มีผ้าหลากหลายชนิดให้เลือก  มีทั้งขายปลีกและขายส่ง  แต่ละร้านติดป้ายราคาไว้เด่นชัด  ไอ้ไซน์ค่อนข้างจะแปลกใจที่ของที่จะมาซื้อคือผ้า  คณะวิศวะผู้หญิงก็เยอะ ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมาซื้อ  คนที่มาซื้อกลับเป็นไอ้เด็กผู้ชายตัวโตๆ ดูห่ามๆ ไม่น่าจะซื้อของไปถูกตามที่สั่ง
...แต่ไอ้ไซน์กลับคิดผิด

น้องไจ๋ เดินเลือกผ้า เข้าร้านนู้น  ออกร้านนี้  จับดูเนื้อผ้า ถามรายละเอียดกับคนขายแบบละเอียดยิบ จนไอ้ไซน์อดทึ่งไม่ได้

...เออ เวลาจะดูคนนี่ดูที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ นะ

ถุงพลาสติก 4 ถุงใหญ่ ที่บรรจุด้วยผ้าต่างชนิดต่างสีถูกหิ้วโดยไอ้ไซน์ 1 ถุงและอยู่กับน้องไจ๋อีก 3 ถุงที่เหลือ  ซื้อผ้าเสร็จ ก็เดินหอบของไปใส่ไว้ท้ายรถคันหรู  แล้วพาร่างของตัวเองมานั่งอยู่บนรถ  ถึงจะเย็นแล้ว แต่แดดก็ยังแรงดีไม่มีตกอยู่  เหงื่อของไอ้ไซน์นี่เต็มขมับเลย  น้องไจ๋ก็พอๆกัน เหงื่อนี่ชื้นเต็มหน้าเต็มหลัง  เร่งแอร์ในรถแล้วคนขับรถจำเป็นก็เริ่มเคลื่อนตัวกลับเข้าไปยังเขตของมหาลัย และไปส่งไอ้ไซน์ที่คอนโด

“ขอบใจ”  บอกคนขับรถขณะปลดเบลท์ออก
“ครับ เอ้อ เดี๋ยวผมส่งตารางเรียนให้พี่ดูละกันนะ แล้วพี่ก็นัดมาเลยว่าจะสอนวันไหน”
“แน่ใจนะว่าจะเรียน  ไม่ใช่อีกวันมาไปหาพี่ลูกหยีแล้วนะ”
“อื้อ เรียนกับพี่ไซน์นี่แหละ เวลาโดดจะได้ขอโดดง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ” 
“มะเหงกนี่!” คนทรงหัวเห็ดบอกแล้วเอื้อมมือทำท่าว่าจะเคาะหัวอีกฝ่าย  เห็นสีหน้าระรื่นของมันแล้วหมั่นไส้ตงิดๆ  พวกวิศวะนี่เป็นพวกวอนมือวอนเท้ากันทุกคนรึเปล่านะ  “ไปละ  ขับรถดีๆ บอกไอ้คอสด้วยว่าเรื่องนี้ถึงหูครูอังคณา แม่มันแน่ๆ” คาดโทษไอ้แฝดให้อีกคนฟังก่อนจะเปิดประตูรถออกมา
“แม่มันก็แม่พี่ด้วยปะวะครับ ฮ่าๆ” ว่าแล้วก็ออกรถออกจากหน้าคอนโดไป  ปล่อยให้ไอ้คนทรงหัวเห็ดก่นด่าอยู่ในใจตามหลัง

...สมกับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันจริงๆไอ้พวกนี้





เจอกันแล้ววววววว   :hao5:
พรีเซนต์งานและแปลเปเปอร์ตัวแรกผ่านไปแล้ว เราเลยได้มีเวลาว่างอัพนิยายลง
แต่ อาทิตย์หน้าก็ต้องพรีเซนต์งานอีก ...  o22
ฝากติดตามเจ้าแฝด  ช่วยรักช่วยเอ็นดูพวกมันด้วยนะคะะะะะะ  :impress2:

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
4
(Add men) to part of Life

เพี้ยะ! เพี้ยะ!

“โอ้ย มึงตีกูทำไม ...โอ๋ น้องไซน์ พี่คอสขอโทษนะครับ”  ไอ้แฝดพี่ที่นอนอยู่ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาโดยฝ่ามือเล็กๆที่ระดมตีแขนจนแสบไปหมด
“ไม่ต้องมากอดเลย เหม็นเหล้า” ไอ้ไซน์ทั้งผลัก ทั้งตบ ทั้งถีบ ไอ้แฝดคนกลางที่ทำตัวรุ่มร่าม ทำเป็นมากอดมาโอ๋
ย้อนกลับไป ไอ้ไซน์นั่งทำการบ้าน ทำงาน อ่านหนังสือรอไอ้คอสทั้งคืน (ที่จริงก็รอไอ้แทนด้วย) กะว่ากลับมาแล้วจะอาละวาดให้หนัก รอจนแล้วจนเล่า ไอ้พวกแฝดพี่ก็ไม่มาสักที จนไอ้ไซน์หนีไปนอนก่อน  พอตื่นเช้ามาเห็นไอ้พวกแฝดพี่นอนอุตุ กอดก่ายมันอยู่ก็นึกโมโห  ชุดนักศึกษาที่ยังไม่ได้เปลี่ยนติดกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าไอ้พวกแฝดพี่ไปไหนกันมา

“พวกมึงอ่ะ ชอบทิ้งกู  โดยเฉพาะมึงอ่ะคอส มึงปล่อยกูไว้คณะคนเดียวได้ยังไง มึงมันนิสัยไม่ดี” ปากก็ว่า มือก็ยังพยายามทำร้ายร่างกายไอ้แฝดอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไซน์ อย่างอแง กูไม่อยากให้มึงไปด้วยเพราะกูเป็นห่วง” ไอ้แฝดพี่คนโต พึมพำบอกอยู่ด้านข้าง ทั้งที่ตายังไม่ลืม
“ไม่ต้องมาพูดเลย กูโกรธแล้ว พวกมึงมันนิสัยไม่ดีอ่ะ นิสัยไม่ดี นิสัยแม่งไม่ดีชิบหาย”
“โอ๋...กูขอโทษนะ มาๆกูโอ๋แล้วเนี่ย”  ไอ้แฝดคนกลางรวบตัวคนที่ทุบตีร่างกายอยู่มากอด
“มึงมันแย่ มึงทิ้งกูไว้ที่คณะได้ไงอ่ะ กูนี่หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นมาอีกทีมึงไปประชุม แล้วมึงก็บอกให้กูกลับเองเนี่ยนะ แล้วพวกมึงก็หนีไปกินเหล้ากันอ่ะ พวกมึงมันนิสัยไม่ดี”  ก่นด่าไม่หยุด ฝ่ามือก็ทุบอกคนที่กอดอยู่อั่กๆ 
“มึงให้น้องกลับเองหรอคอส ไหนบอกมึงไปส่งมันแล้วไง” แฝดคนโตถามเสียงดุ  ลุกขึ้นนั่งจ้องไอ้คอสที่กอดไอ้ไซน์ไว้ ด้วยสายตาสงสัย
“ไหนไอ้ไจ๋บอกว่ามาส่งมึงแล้วไง”  คราวนี้ไอ้คอสหันมาถามไอ้ไซน์ที่กอดอยู่จมอกบ้าง
“เออ น้องมันมาส่ง แต่..แต่มันถูกแล้วหรอที่ให้กูไปรอที่คณะมึง แล้วให้ใครที่ไหนไม่รู้ไปส่งอ่ะ มึงเอากูไปทิ้งชัดๆอ่ะ”
“เออ ก็กูไม่ว่างจริงๆ กูขอโทษนะ” บอกเสียงอ่อน ลูบหัวลูบหางปลอบไอ้คนหัวเห็ดจนอารมณ์เย็น
“ไปอาบน้ำไป สายแล้วเนี่ย” ไอ้แฝดคนโตบอกแล้วลุกออกจากเตียงบิดขี้เกียจ  ไอ้ไซน์ผละออกจากไอ้คอส รีบกระโดดไปขี่หลังไอ้แทน ตุ๊บ! จนคนเป็นพี่รับแทนไม่ทัน

“มึงคิดว่าตัวเองเบามากหรอ ไอ้หมาอ้วน”  ว่าให้แต่ไอ้คนบนหลังไม่สน กลับหัวเราะชอบใจแทน
“อาบด้วยยยยยย” บอกเสียงดัง มือก็กอดคอ ขาก็เกี่ยวเอวสอบแน่น
“หึหึ ร้อยวันพันปีกูชวนอาบไม่อาบ วันนี้มึงคึกอะไรแต่เช้าฮะน้องไซน์”  ว่าแล้วก็กระชับคนบนหลังพาเดินไปหยิบผ้าขนหนู
“อยากอวด ไซน์จูเนียร์มันโตขึ้นเยอะแล้วนะ พวกมึงจะได้ไม่ต้องล้อกูอีก”  บอกแล้วก็ก้มหน้างุดๆซบไหล่แฝดพี่อย่างออดอ้อน
“ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ย ไอ้ไซน์ ไอ้เงาะ กูอาบด้วยละกัน กูก็อยากเห็นพัฒนาการของน้องไซน์มึงเหมือนกัน ที่ว่าโตเนี่ย โตขึ้น หรือโตลง”

ว่าแล้วไอ้แฝดคนกลางก็กระโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ

“ไอ้พวกจัญไร” แฝดคนโตด่า แล้วเดินกระเตงไอ้คนหัวเห็ดเข้าห้องน้ำ  ตามไอ้คอสไป

.

.

.

“วันนี้กูมีสมอล์กรุ๊ป ไอ้ไซน์ถ้าเลิกเรียนแล้วก็ไปรออยู่กับไอ้คอสที่คณะมัน ไอ้คอสมึงก็อย่าเทมัน เข้าใจ๊?” แฝดคนพี่สั่งเสีย(?) ไอ้พวกแฝดน้องขณะที่ขับรถมาส่ง ถึงหน้าคณะมนุษย์ศาสตร์อย่างเช่นทุกวัน
“ไม่เข้าใจ  ทำไมต้องไปรออยู่ที่คณะคอสหละ” แสลนหน้าหมาๆ จากเบาะหลัง ยื่นมาถามคนที่ขับรถอยู่
“เพราะคณะกูกับคณะไอ้คอสใกล้กัน และกูขี้เกียจวนรถมารับมึง เก๊ทยังน้องไซน์”  บอกแล้วตบหน้าผากไอ้คนหัวเห็ด แปะๆ  ไอ้คนฟังก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะลงจากรถเดินเข้าคณะไป


วันนี้ ไอ้แทนบอกว่าจะพาพวกแฝดไปกินปิ้งย่างกัน เหตุเพราะไอ้ไซน์อยากกิน  ฟังดูงงๆ  แต่ถ้าไอ้ไซน์อยากไปคือต้องไป และถ้าไม่ได้ไปก็ต้องรบเร้า ตบตีกันจนกว่าจะตายไปข้าง  ไอ้ไซน์เป็นเด็กช่างเลือกกิน กินก็ยาก เวลามันอยากกินอะไรพวกพี่แฝดจึงค่อนข้างจะตามใจ เพราะนานๆมันจะอยากกินนู่นกินนี่ แตกต่างกับไอ้พวกพี่แฝด ขอแค่อะไรที่กินแล้วไม่ตาย พวกมันก็กินได้หมด
“อ้าว น้องไซน์”  เสียงทุ้มทักขึ้น ไอ้ไซน์หันไปทางซ้ายตามเสียงที่เรียก  หน้าตี๋ๆ ตัวสูงๆ กับผมทองๆ ยิ้มเห็นฟันมาแต่ไกล  นี่แหละ...พี่เต๋า
“พี่เต๋า หวัดดีครับ”  ยกมือขึ้นไหว้ หยุดรอพี่เต๋า
“อ่ะ”  บอกแล้วยื่นถุงเซเว่นให้  ข้างในก็คงเป็นพวกของเซ่น (ที่พวกผู้หญิงชอบเรียกอย่างนั้น) เหมือนที่ฝากมาทุกวัน
“ให้ทุกวันเลย ขอบคุณนะครับ” รับมาแล้วส่งยิ้มตาหยีให้

...โอ้ย พี่เต๋าหละชอบยิ้มแบบนี้ของน้องไซน์จัง ฮือออ อยากได้น้องไซน์

“อื้อ ก็สายโคกัน พี่เห็นน้องไซน์ชอบพี่ก็ดีใจ”  สกิลการต้อยเด็กของพี่เต๋ายังเป็นเหมือนเดิมมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสาม  ให้ขนมทีไรก็อ้างแต่ว่าสายโคๆ  (ที่โคจริงๆคงจะเป็นพี่เต๋าคนเดียวมากกว่า หมายถึง โคกระบืออะไรเทือกนั้น) พี่เต๋าไม่อยากสารภาพรักกับน้องไซน์เลย จะสารภาพก็กลัวโดนปฏิเสธ ยังทำใจไม่ได้ เพราะน้องไซน์มองพี่เต๋าแค่พี่ คนรู้กันทั้งคณะแล้วว่าพี่เต๋าชอบน้องไซน์  คงจะมีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ทำซึน ไม่ยอมรู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเขาเลย  พี่เต๋าหละจะบ้าตาย อยากให้น้องไซน์รับรู้ซะทีว่า พี่เต๋าจีบอยู่... แต่ถึงจะไม่บอกก็ไม่เป็นไร เพราะพี่เต๋าแค่ได้เห็นน้องไซน์อยู่ในสายตา ไม่มีคนมาจีบ มาตอม ก็โอเคแล้วแหละ 
“วันหลังพี่เต๋าไม่ต้องซื้อมาให้แล้ว ไซน์เกรงใจ”
“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจซื้อให้ ว่าแต่ น้องไซน์เรียนเสร็จแล้วจะไปไหนต่อครับ”
“ไปคณะวิศวะ”
“หืม ?” 
“ไปหาคอส เย็นนี้จะไปกินข้าวกัน” บอกแล้วก็นั่งหมับลงม้าหินอ่อนใต้ลานคณะ  เริ่มค้นของในถุงเซเว่นดู  หยิบขวดนมเมจิกลิ่นแคนตาลูป มาเจาะหลอดดูดอึ้กๆตามเคย

...ดูสิ ขนาดท่าดูดนมยังน่ารักเลย พี่เต๋าจะไปไหนรอด โอ้ย พี่เต๋าอยากเกิดเป็นหลอดให้น้องไซน์มาดูดจังเลยครับแม่

“งั้นวันเสาร์น้องไซน์ว่างมั้ย”  พี่เต๋านั่งมองหน้าน้องไซน์เพลิน ในใจก็ชวนหาเรื่องที่จะอยู่กับน้องไซน์สองต่อสอง
“วันเสาร์นี้หรอ...ว่างครับ ทำไมหรอ”  ทำหน้าหมางงใส่  หน้าหมางงที่ผู้พบเห็นต้องเอ็นดู มันคือหน้าที่ไอ้ไซน์ถนัดที่สุดแล้วมั้ง
“พาพี่ไปเลือกของหน่อยสิ  คือเพื่อนพี่เป็นคนสไตล์คล้ายๆน้องไซน์หนะ เลยอยากให้น้องไซน์ไปช่วยเลือก เผื่อคนน่ารักๆจะชอบอะไรที่มันน่ารักๆเหมือนกัน” โกหกคำโต พร้อมหยอดไอ้คนหัวเห็ดที่นั่งตรงข้ามอีก
“เอ่อ ไซน์ไม่เก่งเรื่องพวกนี้หรอกครับ ไปอย่างอื่นแทนได้มั้ย” 

..ถ้าน้องไซน์บอกแบบนี้ พี่เต๋าก็จะขอถามคืนว่าพาน้องไซน์ไปทำมิดีมิร้ายได้มั้ย

“ไม่เป็นไร ก็แบบ ไปช่วยๆพี่หน่อยนะครับ” 
“งั้นก็ได้ครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ ขอบคุณนะน้องไซน์ พี่ไปก่อนนะ” พี่เต๋าบอกแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะม้าหินอ่อน วิ่งไปทางห้องน้ำ

...จะให้น้องไซน์รู้ไม่ได้ว่าพี่เต๋าเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เยสสสสสสส ได้ไปเดทกับน้องไซน์แล้วแม่   

.

.

.

“น้องซายยยยยน์ รอ รอพี่ด้วย แฮกๆๆ”  สี่โมงเย็นหลังจากเลิกเรียน ไอ้ไซน์ก็เดินออกมาหน้าคณะ รอรถชัทเทิลบัส อยู่ก็ได้ยินเสียงทุ้มๆร้องเรียกมาแต่ไกล  ไอ้ไซน์หันกลับไปดู ก็เห็นพี่เต๋าวิ่งหอบแฮกๆหน้าตั้งมา
“ครับ ?”
“เดี๋ยวพี่ – เดี๋ยว แฮกๆ ให้พี่ไปส่งนะ” พูดจบก็วิ่งกลับไป พูดเองเออเอง ให้ไอ้ไซน์ได้ทำหน้าหมางงไล่หลัง
ประมาณห้านาทีได้ ไอ้ไซน์ที่ยืนรออยู่หน้าคณะ ก็ได้ขึ้นไปนั่งตากแอร์เย็นๆอยู่บนรถคันหรู (แบบงงๆ) ผิดกับพี่เต๋าที่ยิ้มแป้นราวกับถูกหวย ทำหน้าที่ขับรถอ้อมโลก  แวะนั่นแวะนี่จนไอ้ไซน์ชักจะรำคาญ พออ้อมมหาลัยได้ประมาณสามรอบครึ่ง ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคณะวิศวะกรรมศาสตร์ พี่เต๋าหาที่จอดรถ ทั้งสองคนลงมาจากรถแล้วพี่เต๋าเดินเข้าคณะวิศวะไปพร้อมน้องไซน์
“พี่เต๋าส่งแค่นี้ก็ได้”  ไอ้ไซน์บอกเสียงเรียบ แต่พี่เต๋ากลับส่ายหน้า ยิ้มแป้น
“ให้พี่เดินไปส่งข้างในเถอะ พี่ไม่ค่อยไว้ใจผู้ชายคณะนี่อ่ะ”

...จะว่ายังไงดีหล่ะ คือพี่เต๋าไม่อยากให้คนอื่นเห็นความน่ารักของน้องไซน์ พี่เต๋าไม่ไว้ใจผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ผู้ชายคณะนี้  อีกอย่าง มันคือการแสดงความเป็นเจ้าของกลายๆไง

“ไซน์เป็นผู้ชายนะ” วันนี้ไอ้ไซน์บอกเลยว่ารำคาญพี่เต๋าเข้าแล้วจริงๆ  รู้สึกเจอหน้ากันบ่อยจนเบื่ออ่ะ แล้วยิ่งหงุดหงิดตอนที่พี่เต๋ามาโอบไหล่ โอบเอวไอ้ไซน์เอาไว้ ทำให้มันต้องเอาตัวออกห่างบ่อยๆ
“ก็อย่างน้อย ให้พี่นั่งรอเป็นเพื่อนน้องไซน์จนกว่าน้องคอสจะมารับแล้วกันนะ” พูดเสียงสงสาร ไอ้ไซน์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งลงโต๊ะไม้ แกล้งวางกระเป๋าเสียงดังไม่พอใจ

...เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป

“อ้าวเห้ยพี่ไซน์! มาทำไรพี่”  นั่งยังไม่ทันติดเก้าอี้ เสียงทักก็ดังขึ้นอีก ไอ้ไซน์เงยหน้ามองคนตัวสูงที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะนั่งแหมะลงข้างๆ
“มารอคอส ไจ๋เห็นมันป่าว”  คนถูกถามส่ายหน้า พลางเหลือบมองไปยังผู้ชายอีกคนที่นั่งตรงข้าม ทำหน้ายังกะจะกินเลือดกินเนื้อ “นี่พี่เต๋า รุ่นพี่ที่คณะ พี่เต๋าครับ นี่รุ่นน้องไซน์ ชื่อไจ๋” ไอ้ไซน์แนะนำ
“หวัดดีครับ”  น้องไจ๋บอก ส่วนอีกคนที่แก่กว่าก็พยักหน้ารับส่งๆ “เอ้อ พี่ไซน์ นี่ตารางเรียน ผมว่าจะส่งให้ทางแชท แต่เจอกันพอดีพี่ก็เอาไปเลยละกัน” น้องไจ๋พูดพลางรูดซิปกระเป๋าเป้ หยิบกระดาษขนาดครึ่งเอสี่แผ่นยับๆออกมายื่นให้คนที่นั่งด้านข้าง

...นี่อะไร มีตารางรง ตารางเรียน ส่งให้ทางแชท พี่เต๋าจีบน้องไซน์มาสามปีละ ยังไม่เคยทักแชทไปหา แล้วไอ้ไจ๋นี่มันเป็นใครรรรร     

“เรียนเยอะจัง...นอกจากตามตารางแล้วมีอะไรนอกเวลามั้ย”
“...ไม่นะพี่ แต่บางเสาร์ – อาทิตย์ต้องทำโปรเจค คุยงานงี้”
“งั้นเดี๋ยวขอดูเวลาก่อน แต่ถ้าติดอะไรก็บอกก่อน ผะ”
“น้องไซน์ งั้นพี่กลับนะ” คนแก่กว่าที่นั่งฝั่งตรงข้ามจู่ๆ ก็ลุกจากโต๊ะไม้บอกไอ้ไซน์เสียงแข็ง

...คุยกันไปสองคนเลย น้องไซน์ไม่สนใจพี่เต๋า พี่เต่าจะงอนน้องไซน์แล้ว

“อ๋อ ครับ ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”   

...บางทีพี่เต๋าก็อยากให้น้องไซน์รั้งไว้บ้าง ฮือออออ


“พี่ไซน์ แฟนหรอ?”  น้องไจ๋ทำหน้าสลอนถาม ไอ้ไซน์ได้แต่ยกมือทำท่าจะฟาด
“บ้าดิ รุ่นพี่”  บอกแล้วก็เก็บตารางเรียนอีกคนเข้ากระเป๋า
“รุ่นพี่อะไรหละ เมื่อกี้จ้องผม ทำหน้ายังกะจะฆ่ากัน” 
“คิดไปเองป่ะ? หืม” ไอ้ไซน์บอกพลางขำน้อยๆ
“โธ่พี่ ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน ใครก็ดูออกว่าเขากำลังจีบพี่ ตอนเดินเข้ามาแอบเห็นนะว่ามีโอบเอวโอบไหล่กัน เนี่ย เค้าหวงพี่ชัดๆ”
“ไม่ม้างงง”  บอกคางยานแล้วฟุบหน้าลงไปกระเป๋าบนโต๊ะ ไอ้ไซน์หาวออกมาฟอดใหญ่ ก่อนจะหลับตา ไม่ได้สนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยว่าเขาจะแอบมองตัวเองยังไง

...น่ารัก

“มีคนบอกป่ะว่าพี่เหมือนหมา”
“อือ เยอะเลย”

เพี้ยะ!

“โอ้ย!”
“บอกแล้วก็โดนเหมือนมึงเนี่ย”  ลืมตาขึ้นมาฟาดแขนไอ้คนที่บอกว่ามันเหมือนหมาแล้วก็หลับตาลงต่อ แอบเห็นหน้าน้องไจ๋ตอนมับลูบแขนตัวเองป้อยๆแล้วตลกดี ผู้ชายอะไร ตัวใหญ่อย่างกะควาย โดนตีนิดหน่อยทำหน้าจะร้องไห้
“พี่คอส มาดูแฝดพี่เลย ชอบใช้กำลัง” ทันทีที่น้องไจ๋พูดจบ ไอ้ไซน์ก็ลืมตา ลุกขึ้นนั่งมองหาคนที่กำลังรอ เห็นไอ้แฝดคนกลางเดินยิ้มหน้าบานมาแต่ไกล  ไอ้น้องไจ๋นี่ก็แสล๋นเหลือเกิน วิ่งโร่ไปหาพี่มัน โชว์แขนที่ขึ้นรอยฝ่ามือจางๆให้ดู
“แล้วมึงไปทำอะไรให้ถูกมันตีหละ” ไอ้แฝดคนกลางถาม เดินมานั่งแหมะตรงข้ามไอ้ไซน์ ที่มองคนขี้ฟ้องตาขวาง
“ผมแค่บอกว่าพี่ไซน์เหมือนหมา”
“ฮ่าๆๆๆๆ ทำดีๆ” 
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่ ลามปามนะมึงอ่ะ”  ชี้หน้าคาดโทษไอ้ไจ๋ ขณะที่ไอ้แฝดคนกลางก็ยังหัวเราะไม่เลิก

...ทำแมะ หน้าหมาๆแบบกูมันทำแมะ

“ผมป่าวลามปาม ผมพูดจริงๆนะพี่ไซน์ แบบ หน้าหมาๆ หน้าหมาน่ารักๆอ่ะพี่” น้องไจ๋ยังคงบอกเสียงเครียด หลบหลังไอ้แฝดคนกลาง กลัวว่าจะโดนประทุษร้ายอีกรอบ
“พวกมึงมันแย่ นิสัยไม่ดี” ก่นด่าทั้งต่อหน้าและลับหลัง
“ป่ะ ไอ้แทนโทรมาบอกว่าให้ออกไปรอหน้าคณะเลย” ไอ้แฝดคนกลางบอกก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าไอ้หมาไซน์มาถือไว้ให้ด้วย
“พวกพี่จะไปไหนกันอ่ะ ผมไปด้วยได้ป่ะ”
“เรื่องของคนในครอบครัว ไม่เสือกดิ” ไอ้แฝดคนกลางบอกน้องไจ๋ที่ทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะลากแขนไอ้หมาไซน์ออกมายังหน้าคณะ
จะว่ายังไงดีหละ คณะวิศวะ ผู้ชายเถื่อนๆเยอะก็จริง แต่ไอ้ประเภทได้หลังแล้วลืมหน้าก็มีเยอะ ไอ้คอสเห็นจนชินที่รุ่นเพื่อนรุ่นน้องของมันควงเด็กผู้ชายหน้าหวาน ตัวขาวๆ เล็กๆ มาอวดว่ากำลังกินตับกันอยู่ แถมไอ้ไซน์มันเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าก็ออกหวานๆเหมือนแม่  พูดเลย สเปคแบบไอ้ไซน์นี่สเปคเกย์หื่นชัดๆ  แล้วผู้ชายหื่นๆเหมือนกันมันมักจะดูกันออกเว้ย  อารมณ์ ผีเห็นผี ไอ้คอสมันก็คงจะดูออกแหละว่าใครหวังจะมาเคลมน้องแฝดของมัน  แต่ถ้าจะให้บอกเจ้าตัว ก็กลัวว่าจะเจ้ากี้เจ้าการชีวิตมันนัก  เลยได้แต่ตามห่างๆอย่าง หวงๆ แบบนี้ต่อไป  ยิ่งเมื่อวานที่มันมารออยู่คณะ ผู้ชายจัญไรๆก็เอาน้องแฝดของมันมาพูดอย่างสนุกปาก  ไอ้คอสยิ่งหงุดหงิดใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปด่า

 แล้วไอ้คอสขอแก้ตัวตรงนี้เลยว่าทำไมถึงกล้าปล่อยให้ไอ้น้องแฝดของมันอยู่คนเดียว ที่จริง ก่อนเข้าประชุม ไอ้คอสก็เห็นอยู่หรอกว่าไอ้หมามันหลับ ไม่อยากปลุกเพราะคิดว่าประชุมแปปเดียวคงเสร็จ ก็เลยทิ้งแค่เสื้อชอปไว้บนโต๊ะ

...เสื้อชอปคณะวิศวะก็เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของไม่ต่างจากเกียร์เท่าไหร่หรอก

เพียงแค่ว่า ทิ้งไว้ใกล้ๆไอ้หมา เวลาคนจะเข้ามาหามัน จะได้รู้ว่า แบล็คมันเป็นใคร แฝดพี่มันใหญ่แค่ไหนในดงวิศวะ จะได้ไม่กล้าแหยม

...เห็นมั้ยหละ ไอ้คอสมันก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำทิ้งน้องแฝดของมันไว้กลางคณะหรอก

.

.

.

“กินเข้าไป ให้สมกับที่กูพามานะ”
“เงินก็เงินแม่ จะบ่นอะไรนักหนา”
“มึงแหละ อย่าเยอะ กินก็ยากยังจะมาพูดมากอีก เดี๋ยวโดนๆ” 

พวกแฝดนั่งอยู่ในร้านปิ้งย่างแนวเกาหลี ปากก็ด่าก็ว่ากันไปตามประสาพวกชอบแกล้ง แถมยังกวนตีนไม่มีลูกบ้านไหนเกิน  พวกแฝดก็เป็นกันซะอย่างนี้ เป็นพวกชอบด่ากันแรงๆ ชอบใช้กำลัง ทำซึน พวกปากแข็ง แต่จริงๆนะรักกันซะยิ่งกว่าอะไร  ดูอย่างตอนนี้สิ ไอ้ไซน์คีบหมูที่สุกได้ที่แล้วไปใส่ในจานให้พวกแฝดพี่ ส่วนไอ้พวกแฝดพี่ก็คีบหมูในจานตัวเองขึ้นมาเป่า ผลัดกันป้อนแฝดน้องคืน  แล้วก็ถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล แท็กไปให้คุณหญิงแม่ที่บ้านดู พร้อมแคปชั่น

‘พาน้องไซน์มากินข้าวนอกบ้าน น้องดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ วันหลังก็ขอตังเยอะๆ จะได้พาน้องออกมากินบ่อยๆนะครับ’

จากนั้นพวกแฝดก็กินใครกินมัน หมูมีเท่าไหร่ คีบมาใส่จานตัวเองให้หมด  หวังดีให้คนอื่นกินผักเยอะๆ ...แหม ช่างรักกันเสียจริงๆ

“แทน มึงอย่าลืมหาวันว่างกลับบ้านนะ”  ไอ้แฝดคนกลางเอ่ยบอก ปากก็เคี้ยวหมูตุ้ยๆ
“เออ เกือบลืม ไอ้ไซน์ด้วย” ทำท่านึกขึ้นได้แล้วก็หันไปกำชับแฝดน้องที่เริ่มอมอาหารไว้ในปาก เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า อาหารมื้อนี้จะยุติลงแล้ว
“?” ถึงจะไม่พูดแต่หน้าหมางงก็ถูกส่งออกมาใส่คนถามทันที
“เสาร์-อาทิตย์ อย่านัดสอนพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวชนกับกลับบ้าน”  แฝดพี่คนโตพูดย้ำอีกที ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักขึ้นลง ในขณะที่ยังอมอาหารไว้ในปาก เคี้ยวช้าๆ อยู่เหมือนเดิม

ป๊อก !

ตะเกียบเหล็กถูกเคาะลงบนหัวกลมๆของแฝดคนน้อง
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าอม”  บอกพลางใช้ตะเกียบชี้หน้า ไอ้ไซน์ตวัดหางตาขีดๆของมันไปให้ไอ้แฝดคนกลางที่ใช้ตะเกียบเคาะลงบนหัวมันเมื่อกี้
“...”
“เคี้ยวไม่ไหวก็ไปคายทิ้ง”
“มึงอ่ะชอบตามใจมัน มันเลยติดนิสัยอมข้าวอย่างงี้ไง” ไอ้คอสบ่นให้แฝดคนโตกะปอดกะแปดตามประสา เรื่องชอบตามใจนี่ต้องยกให้ไอ้แทนเป็นที่หนึ่งเลย ตั้งแต่เด็กจนโต โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินนี่แหละ พอไอ้ไซน์ไม่กิน ไอ้แทนก็อาสากินเอง  บางทีก็บอกให้เอาไปทิ้ง ทั้งๆที่ของกินบางอย่างมันไม่ใช่ถูกๆแถมยังมีประโยชน์  อย่างอมข้าวเมื่อกี้  ไอ้คอสคิดว่ามันเป็นพฤติกรรมที่มีเฉพาะในเด็กชัดๆ แต่มันยังติดอยู่ในนิสัยของไอ้ไซน์จนโต เพราะมีไอ้แฝดพี่คนโตให้ท้าย พออมข้าวหน่อยก็บอกให้คายทิ้งละ ไม่มีบังคับว่าควรกินข้าวให้หมด ขนมที่เจ้าตัวบอกว่ารุ่นพี่ซื้อมาให้ถูกยัดเข้าตู้เย็นทุกวัน แล้วก็ไม่ยอมกิน จนมันจะหมดอายุ ก็เป็นหน้าที่ของพวกแฝดพี่นี่แหละที่จัดการกินให้มันประจำ

...นี่ไอ้คอสไม่ได้อิจฉาหรอกนะ  มันละเป็นห่วงไอ้ไซน์ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวแล้วไปอมข้าวแบนี้ คนอื่นมันจะมองยังไง ลำพังหน้าตาซื่อบื้อๆ ของมันก็เหมือนหมาเด๋อพอแล้ว เฮ้อออ

.

.

.

‘นัดเรียนวันอังคาร กับวันพฤหัส หกโมงเย็นถึงสองทุ่ม วันเสาร์จะทำแค่แบบฝึกหัด นัดสี่โมงเช้าถึงเที่ยง แต่บางเสาร์อาทิตย์อาจโดดเพราะต้องกลับบ้าน ถ้าวันเวลาไม่โอเคก็รีบบอกจะได้เปลี่ยนให้ แต่ถ้าโอเคแล้วเสาร์นี้ก็มาคุยกันเรื่องที่จะเรียน เอาคะแนนมาดูด้วย’

ส่งข้อความใส่ทางอินบล็อกของน้องไจ๋เสร็จก็ล็อคเอาท์ออกจากเฟสบุ๊ค และเฟสบุ๊ค คงจะเป็นสื่อชนิดเดียวที่ไอ้ไซน์ใช้คล่องที่สุดแล้ว เพราะต้องเอาไว้ติดต่อกับน้องที่เรียนพิเศษ นอกนั้น ไอ้คอสก็จัดการสมัครให้ จะได้มีพอเอาไว้ไถๆดูเวลาเบื่อ และคุยงานกับเพื่อน 

...ชีวิตของไอ้ไซน์ตอนนี้ ก็คงมีคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน  นอกจากพ่อ แม่ ไอ้แฝด เพื่อนผู้หญิง น้องทราย เนย พี่เต๋า ก็คงจะเป็นน้องไจ๋ ที่ไอ้ไซน์ต้องเอาเวลาแบ่งไปให้ 

...หวังว่ามันจะเป็นคนที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตไอ้ไซน์สงบราบเรียบดังเช่นที่เป็นมา

(ทุกวันนี้เค้าเรียกว่าสงบ ราบเรียบแล้วหรอ)



555 มาแบบงงๆ  เป็นนิยายที่เนิบมาก ชีวิตนี้ไม่มีอะไรนอกจากอยู่กับพี่แฝด
ตอนแรกอยากลงสเปเชียลวาเลนไทน์ แต่คนลงเยอะแล้ว เลยไม่ลงดีกว่า
...เราต้องแตกต่างงงงงงง อิอิ
(หรือถ้าว่างอาจมาลงสเปเชียลอื่นๆย้อนหลัง)

เขียนกากๆแบบนี้แต่เห็นคนเข้ามาอ่านก็รู้สึกดีแบบประหลาดๆ
ไม่รู้ว่าสนุกถูกใจคนอ่านมั้ย  แต่เราเขียนสนองนี้ดตัวเองแล้วรู้สึกมีความสุข
บ่นเยอะอ่ะ  พรุ่งนี้วันจันทร์  :katai1:

ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าพวกแฝดด้วยนะะะะะะ  เรารักน้องไซน์ เพราะน้องไซน์มีพี่ชายหล่อ
อุอิ เลิ้บ


ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


รอติดตามค่ะ ^^


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ชอบสามแฝดจัง
 :mew1: :mew1:
ปล. คนเขียนช่วยบอกวันที่เวลาอัพด้วยได้มั้ยคะ จะได้ง่ายเวลาเข้ามาอ่าน

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หนูชื่อโยเย

เนื้อหาของตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ

หนูชื่อโยเย คุณแม่บอกว่าตอนคลอดหนูออกมาคุณหมอตีก้นให้หนูร้องไห้เพื่อเช็คดูว่าหนูยังมีชีวิตรอดอยู่รึเปล่า  หลังจากที่คุณหมอตีหนูก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดเลย  จนคุณพยาบาลต้องเอ็ดคุณแม่ เพราะเสียงดังรบกวนห้องด้านข้าง

...หนูไม่มีคุณพ่อจริงๆ  คุณพ่อจริงๆเสียตอนหนูอายุเก้าขวบ คุณพ่อเป็นตำรวจ วันนั้นคุณพ่อบอกว่าจะไปจับผู้ร้ายที่ขายยาบ้า หนูกอดคุณพ่อ บอกว่าไม่อยากให้คุณพ่อไป หนูกลัวคุณพ่อจะโดนยิง คุณพ่อหัวเราะ แล้วก็ลูบหัวหนู บอกว่า ไม่เห็นต้องกลัวเลย คุณพ่อก็มีปืนเหมือนกัน ถ้าผู้ร้ายมาพ่อจะยิงให้เกลี้ยงเลย 

...คุณลุงตำรวจที่คุณแม่บอกว่าเป็นเจ้านายของคุณพ่อเข้ามาขอโทษหนู บอกว่า คุณลุงขอโทษนะครับที่พาคุณพ่อกลับมาหาหนูไม่ได้  หนูส่ายหัวบอกว่าไม่โกรธครับ ทั้งๆที่น้ำตานองหน้า  ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะเมื่อคืนหนูฝันเห็นคุณพ่อ ในฝัน คุณพ่อบอกว่า คุณพ่ออยู่นี่สบายดี คุณพ่อบอกว่ารักหนูมาก แล้วคุณพ่อก็บอกว่าอย่าลืมคิดถึงพ่อบ่อยๆนะครับ ก็ได้

...ตอนหนูอายุสิบสอง คุณแม่กับหนูก็ไปอยู่ที่บ้านเดียวกันกับคุณลุงตำรวจ หนูสงสัยเลยถามไปว่าทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่น ในเมื่อบ้านของเราก็มี คุณแม่ยิ้ม แล้วบอกว่า ต่อไปนี้ก็เรียกคุณลุงตำรวจว่า ป๊ะป๊า นะครับ

...น้องชายวัยสิบขวบของหนูชื่อน้องปังปอนด์ ตัวอ้วนๆกลมๆ  ไม่ชอบยิ้ม แต่น้องใจดี น้องแบ่งของเล่นให้หนูเล่นตลอด  แต่ถึงอย่างนั้นเราก็นั่งเล่นกันเงียบๆ  หนูไม่พูด น้องก็ไม่พูด หนูอาจจะยังไม่ชินที่มีน้องชาย และน้องชายก็อาจจะยังไม่ชินที่มีพี่ชาย
 
...หนูอายุสิบห้าปีแล้ว คุณแม่บอกว่าหนูโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ป๊ะป๊าบอกว่าหนูยังตัวเล็กเหมือนน้องปังปอนด์อยู่เลย คงใช่มั้ง ตอนนี้น้องปังปอนด์ตัวสูงเท่าหนูแล้วทั้งๆที่อายุน้อยกว่าหนูตั้งสองปี  ตอนไปโรงเรียนหนูก็ต้องตั้งแถวอยู่ด้านหน้าเพราะตัวเล็กกว่าเพื่อนผู้ชายในห้อง  คุณครูที่โรงเรียนบอกว่าหนูยังสูงได้อีก และต้องกินนมเยอะๆ  แต่นมที่คุณแม่ซื้อมาใส่ตู้เย็นที่บ้านมีแต่นมจืดที่น้องปังปอนด์ชอบ  ไม่มีนมช็อคโกแลตที่หนูชอบ  หนูก็เลยไม่ได้กินนมเยอะๆ

...ตอนเย็นกลับมาจากโรงเรียน คุณแม่กับป๊ะป๊าเรียกหนูเข้าไปคุยด้วยเรื่องเรียนต่อม.ปลาย ป๊ะป๊าแนะนำว่าเรียนสายวิทย์-คณิตสิ มีโอกาสเลือกได้เยอะกว่า คุณแม่ก็เลยเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งๆที่ตอนนั้นหนูบอกคุณแม่ว่าหนูอยากเรียนสายภาษาคุณแม่ก็ยังบอกว่า เรียนสิคุณแม่สนับสนุน


...หนูเลือกสายวิทย์-คณิต


...ตอนนี้หนูอายุสิบแปดแล้ว  หนูกลับมาจากโรงเรียนดังเช่นทุกวัน ป๊ะป๊าเรียกหนูเข้าไปนั่งด้วยถามหนูว่าหนูอยากเป็นอะไร  หนูตอบไปว่า หนูอยากเป็นนักเคมี ป๊ะป๊าบอกว่าเป็นหมอก็ดีนะ หนูบอกว่า หนูเลือกคณะและยื่นผลสอบไปให้ทางคณะแล้ว  ป๊ะป๊าพยักหน้าทำเหมือนว่าเข้าใจ


...เหมือนว่าจะเข้าใจ



“โยเย หนูอยากไปบ้านคุณยายมั้ยครับ?” เสียงคุณแม่ถามขึ้นขณะที่หนูนั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์มือถือในห้องนอน

“อยาก ขอไปค้างด้วยได้มั้ย” หนูกดพอสเกมส์ เงยหน้าถามคุณแม่  คุณแม่พยักหน้าลูบหัวแล้วก็ยิ้มให้บอกว่าเก็บเสื้อผ้าไปเผื่อสักสองสามวันด้วยเลยนะ

“ครับ”  หนูรับปาก ก่อนจะละออกจากโทรศัพท์แล้วหันมายัดๆเสื้อผ้าลงในเป้ 

...หนูชอบบ้านคุณยายมาก เพราะบ้านคุณยายอยู่ใกล้ทะเล  หนูชอบเล่นน้ำทะเล  ชอบเอาตัวเองไปนอนในห่วงยางแล้วปล่อยให้น้ำทะเลพัดไปตามกระแสคลื่น  หนูชอบอาหารทะเลด้วยนะ หนูชอบกินปูที่สุด โดยเฉพาะปูผัดผงกะหรี่  หนูอยากให้ถึงบ้านคุณยายเพียงแค่กระพริบตาเดียวจัง

“โยดูตื่นเต้นมากเลยนะที่จะได้ไปบ้านคุณยาย” ป๊ะป๊าทักทันที่ที่หนูสะพายเป้วิ่งลงมาจากบันใด

“ครับ” 

“วานไปตามน้องให้ป๊าทีสิ น้องตื่นช้าโยก็ได้ไปช้านะ”  ป๊ะป๊าบอก  หนูเดินกลับขึ้นไปบนบันใดอีกรอบ เคาะห้องน้องปังปอนด์แต่เคาะเท่าไหร่น้องก็ไม่เปิดประตู  หนูถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป

...น้องไม่อยู่ห้องนี่   

“ไม่เห็นน้องอยู่ห้องเลย ไม่ใช่ลงมาแล้วหรอ” หนูเดินกลับลงมาชั้นล่างเหมือนเดิมพลางส่งเสียงบอกป๊ะป๊าที่หน้าทีวี  ป๊ะป๊าเลิกคิ้วสงสัย เดินขึ้นบันใดไปห้องของน้อง

...หนูไม่ได้ไปทะเล

...น้องปังปอนด์กลับมาบ้านตอนค่ำพร้อมกลิ่นเหล้า ป๊ะป๊าขึ้นเสียงใส่น้อง ว่าน้องใหญ่เลย แล้วน้องปังปอนด์กับป๊ะป๊าก็ทะเลาะกัน ป๊ะป๊าไล่น้องออกจากบ้าน  คุณแม่ร้องไห้  ป๊ะป๊าเขามากอดหนูบอกว่าขอโทษ ที่ทำให้วันนี้อดไปทะเลเลย  แต่คราวนี้ หนูโกรธ

...หนูออกมานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน 

“ลุก” หนูเงยหน้าขึ้นมองเสียงของคนที่พูด  น้องเอื้อมมือมาจับมือหนูแล้วออกแรงดึงให้หนูลุกขึ้น

“ไม่ไป” หนูบอกเสียงแข็ง ขืนตัวไว้กับโต๊ะ หนูโกรธน้องที่ทำให้หนูไม่ได้ไปทะเล  พาลไปถึงโกรธป๊ะป๊าที่เป็นป๊ะป๊าของน้อง  โกรธคุณแม่ที่บอกให้หนูเตรียมชุดไว้  โกรธตัวหนูด้วยที่จู่ๆก็ร้องไห้

...หนูโกรธทุกคน โกรธมาก โกรธจนร้องไห้ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
น้องกระชากแขนหนู จนตัวหนูเซล้มจากโต๊ะม้าหินอ่อน  หนูเห็นคุณแม่เปิดประตูออกมาดูพร้อมวิ่งเข้ามาหาหนู หนูรู้สึกว่าตัวลอยหวือขึ้นไปบนอากาศ แล้วก็ถูกวางตุบลงที่นั่งตามด้วยเสียงปิดประตู และเสียงสตาร์ทรถ 

...หนูร้องไห้จนหลับ


...หนูพยายามลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมีผ้าเย็นวางทับอยู่เปลือกตา  หยิบมันออก มองดูรอบๆ

...บ้านคุณยาย

...หนูคิดว่าหน้าหนูคงตลกแน่ๆเพราะในใจหนูรู้สึกสงสัย ตกใจ แต่หนูก็ยิ้มออกมา มันค่อนข้างย้อนแย้งกัน หนูดีใจจนไม่รู้ว่าหายโกรธทุกคนรึยัง  แต่หนูก็แปลกใจว่าน้องพามาหรือหนูมากับคุณแม่กับป๊ะป๊า หรือหนูฝัน?  แล้วน้องพามาบ้านคุณยายได้ยังไง แล้วหนูนั่งบื้ออยู่ทำไม
 
“โอ้ยยยย” รีบชักเท้ากลับทันทีที่รู้สึกว่าเหยียบโดนอะไรเข้า ก้มลงมองดูด้านล่างเตียงเห็นน้องปังปอนด์นอนอยู่ คงไปเหยียบแขนน้องเข้า น้องลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงีย

“ขอ ขอโทษ ไม่เห็น” หนูบอก ก่อนจะลุกข้ามตัวน้องออกไปจากห้อง  ใช่ บ้านคุณยายจริงๆด้วย

...หนูวิ่ง หนูเดินไปรอบบ้าน เห็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียงนั่นคือหมาพันธุ์โกลเด้นตัวใหญ่เท่าหนูป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
 
“ตื่นแล้วหรอโยเย?”  เสียงแหบๆดังมาจากหน้าบ้าน  หนูรีบวิ่งออกไปดู เห็นคุณยายหิ้วถุงเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วกระโจนเข้ากอดคุณยายทั้งๆที่ยังไม่วางของ

“คิดถึงจังครับ” พร่ำบอกคนแก่ที่ดันหนูออกแล้วเดินเข้าครัวไป

“ทำไมไม่สูงขึ้นเลยหละ”  คนแก่ๆถามพลางอมยิ้ม หนูเดินเข้าไปกอดคุณยายแน่นๆจนคุณยายตีแขนบอกหายใจไม่บอกถึงยอมปล่อย

“สูงกว่าตอนมาครั้งก่อนตั้งเยอะนะ วัดดูมั้ยหละ”

“แบบปังปอนด์สิ  แบบนั้นถึงเรียกว่าสูง” หนูชะงักเมื่อคุณยายพูดถึงคนที่เผลอเหยียบไปเมื่อเช้า

“คุณยาย ...น้องพามาได้ยังไง”

“ก็โทรถามทางจากแม่เรานั่นแหละ เก่งนะ ขับรถมาแปปๆก็หาบ้านยายเจอ” แอบเบะปากใส่อีกคนที่คุณยายพูดถึง

“คุณยายดุน้องรึเปล่า?”

“ดุ ว่าไปว่าใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองเกินไป  ไม่นึกถึงพ่อกับแม่ที่เป็นห่วง เฮ้อ เด็กสมัยนี้” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็หันหน้ามาทางหนู เอื้อมมือที่มีรอยเหี่ยวย่นตามวัยลูบเปลือกตาของหนูเบาๆ

“น้องทำให้หนูไม่ได้มาหาคุณยาย”

“ก็มาแล้วนี่  แถมยังดูแลเราเช็ดตัวเปลี่ยนผ้า หาผ้าเย็นมาประคบตาให้เราอีก” 

“น้องเถลไถล ทำให้มันเป็นเรื่องเอง” หนูเถียงกลับ  คุณยายได้ยินก็หันมาหยิกแขน

“สอนให้โทษคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าให้ได้ยินอีกนักเชียว”

“งั้นจะเพราะใครหละ”

“ก็ตัวเรานั่นแหละ พอไม่ได้ดั่งใจก็โทษทุกอย่าง ปล่อยๆมันบ้าง ใช้ชีวิตให้มันถูกทางได้แล้ว” สอนเสร็จก็หันกลับไปจัดการเครื่องครัวที่อยู่ด้านหน้า

...กลิ่นหอมของเครื่องแกงลอยมาจากในครัว  หนูไม่ต้องถามก็พอจะเดาออกว่าวันนี้คุณยายทำปูผัดผงกะหรี่  หนูชอบมาก  ชอบจนคิดว่าถ้าได้กินปูผัดผงกะหรี่ฝีมือคุณยายคงจะหายโกรธน้องแน่ๆ  ...เช้านี้หนูอารมณ์ดีมากเลย

“โยเย ไปปลุกปังปอนด์ลงมากินเข้าเร็ว”  คุณยายบอกหนูขณะที่เรากำลังยกกับข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว หนูถอนหายใจใส่ ใครไม่ตื่นคนนั้นก็ไม่ต้องกินสิ  ถ้าหิวเดี๋ยวก็คงลงมาหาอะไรกินเองแหละ  น้องตัวโตกว่าหนูตั้งเยอะ คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอดตาย

“ถ้าหิวเดี๋ยวน้องก็ลงมาเองแหละ”

“ไม่สงสารเค้ารึไง อุตส่าห์ขับรถพาเรามาหายายทั้งคืน” คนแก่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงน้องจนหนูรู้สึกผิด  ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นห้องไปปลุกน้องที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงแทนหนู

“ปังปอนด์ คุณยายให้มาตามลงไปกินข้าว” สะกิดคนที่หลับอยู่  แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงส่องเข้ามา น้องหยีตาสู้แสงก่อนจะพยักหน้าสะลืมสะลือ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป  หนูควรรอน้องมั้ยนะ ลงไปก่อน หรือ ควรลงไปพร้อมน้องดี

...หนูนั่งรอน้องในห้อง

...ไม่นานน้องก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าที่ตื่นเต็มที่แล้ว  หนูจึงเดินนำน้องลงมาชั้นล่าง  คุณยายกำลังคดข้าวใส่จานให้สำหรับสามคน

“เป็นไง หลับสบายมั้ยปังปอนด์”  ทันทีที่นั่งลง คุณยายก็เอ่ยปากถามน้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ครับ แต่ปวดหลังนิดหน่อย”

“งั้นคืนนี้ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่เค้าละกันนะ เตียงกว้าง คงไม่เบียดกันเท่าไหร่”

“ครับ”  น้องรับปากสุภาพ แต่หนูรู้สึกไม่ค่อยพอใจ  ไม่รู้สิ หนูกำลังโกรธน้องอยู่มั้ง

“แล้วพากันแอบมาแบบนี้พ่อกับแม่เราว่ายังไงบ้างหละ”  หนูชะงัก ตกใจ ลืมไปเลยมาถูกน้องลากมา ยังไม่ได้โทรไปบอกคุณแม่กับป๊ะป๊าเลย แต่ก็ลืมไปอีกว่าหนูไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย เสื้อผ้า กระเป๋า โทรศัพท์ไม่มี  ตังสักบาทติดกระเป๋าก็ยังไม่มีเลย

“โทรไปหาที่บ้านแล้วครับ ก็ดุนิดหน่อยที่ผมพาโยเยออกมา”  หนูที่จ้องหน้าน้องอยู่แล้ว รีบหันหน้าหนีทำทีเป็นไม่สนใจเมื่อน้องเหลือบมามอง  หนูยังโกรธน้องอยู่ ถึงแม้จะกินปูผัดผงกะหรี่ไปครึ่งจานแล้วก็ตาม

...คุณยายขยันตักอาหารบนโต๊ะให้หนูจนพูนจานไปหมด  บอกให้หนูกินเยอะๆเหมือนน้องจะได้ตัวสูงๆบ้าง  กินเยอะแล้วจะตัวสูงจริงเหรอ ? 

...คงใช่มั้ง ที่น้องตัวสูงคงเป็นเพราะน้องกินเยอะนั่นแหละ นั่นก็ปาไปสองจานแล้ว


...หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ คุณยายออกไปดูลูกค้าที่หาด หนูจะตามไปด้วย แต่คุณยายบอกให้อยู่เป็นเพื่อนน้องก่อน แต่ถ้าจะไปก็พาน้องไปด้วย หนูรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วเดินมาเปิดทีวีดูหนังช่องเคเบิ้ลที่ห้องนั่งเล่น  ถึงแม้อากาศจะดีแต่คุณยายบอกว่าให้เปิดแอร์เพราะลมทะเลมันจะทำให้เหนียวตัว และพัดฝุ่นเข้าบ้าน  อากาศเย็นๆกับที่พึ่งกินอาหารอิ่มๆไปทำให้หนูอยากจะหลับ แต่ก็สะดุ้งตื่นเพราะแรงยวบจากโซฟาตัวเดียวกัน  น้องมานั่งดูหนังข้างๆหนูพร้อมผ้าห่มผืนบางพอให้อุ่น

...เรานั่งดูหนังกันเงียบๆ

...จากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อกี้เริ่มเคลิ้มจะหลับอีกรอบ  ทั้งๆที่หนังเป็นหนังต่อสู้บู๊เลือดสาดแท้ๆ แต่หนูกลับไม่ตื่นเต้นกับภาพที่กำลังฉายในจอสี่เหลี่ยม หนังตาหนูเริ่มปิดลงเรื่อยๆจนหนูหลับ

...หนูลืมตาขึ้นมา สายตาเริ่มปรับโฟกัส เห็นนาฬิกาที่แขวนตรงผนังบ้านบอกเวลาว่าสิบโมงกว่าๆแล้ว  ลมร้อนๆพัดผ่านที่หัว หันไปดูก็เห็นว่าหนูกำลังนอนซบไหล่น้องแล้วน้องก็นอนซบหัวหนูอีกที  หนูตกใจเด้งตัวออกจากน้องจนผ้าห่มหล่นลงไปที่พื้นด้านล่าง  ทำให้น้องที่หลับอยู่ตื่นไปด้วย น้องสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะมองหนูด้วยสายตาสงสัย  หนูรีบลุกขึ้นจากโซฟา

“เดี๋ยว คุยกันก่อนสิโยเย” น้องรีบร้องบอก หนูหยุดเดิน สมองสั่งว่าให้เดินหนีไป ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย แต่อีกด้านก็สั่งว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นต้องหนี  นั่นสิ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องหนี

“มีอะไร” หันกลับไปถามน้อง

“พี่โกรธผมหรอ?” 

“...” หนูไม่ได้ตอบ ใช่หนูโกรธ โกรธมากเพราะน้องทำให้หนูไม่ได้มาทะเล  แต่น้องก็เป็นคนพาหนูมาทะเล จนหนูสับสนว่าหนูโกรธน้องอยู่รึเปล่า หนูก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก

“ผมก็พาพี่มาแล้วนี่ไง”  น้องพูดต่อเมื่อเห็นว่าหนูไม่พูดอะไร  หนูรู้สึกไม่ดีเลยที่น้องพูดแบบนี้ 

“ไม่ได้ขอให้พามา”  ลึกๆแล้ว ถ้าน้องพูดว่าขอโทษแบบจริงใจ หนูอาจจะยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรแทนที่จะตอบแบบนี้ก็ได้  น้องหน้าเจื่อนลง จริงๆต้องบอกว่าน้องลากหนูมาบังคับหนูมามากกว่าพาหนูมาจะถูกกว่ามั้ย

“งั้นจะให้ทำยังไง ไม่มาก็โกรธ มาก็ยังโกรธ ผมผิดมากเลยหรอ?”

“ถ้าอยากทำก็ทำให้เรื่องมันไม่ยุ่งตั้งแต่แรกสิ”  หนูกระแทกเสียงตอบน้องก่อนจะเดินฟึดฟัดออกจากบ้านมาที่หาด เห็นคุณยายกำลังทำกับข้าวอยู่  ตอนนี้หนูยังไม่อยากเข้าไปช่วยคุณยายเพราะเดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียใส่ลูกค้าไปอีก  เดินใกล้เข้าไปที่หน้าร้านก่อนจะหยิบห่วงยางอันใหญ่แล้วเดินลงไปทะเล  วางห่วงยางลงในน้ำก่อนจะพาตัวเองนอนลงบนห่วงยาง  หลับตาปล่อยให้ห่วงยางพัดไปตามกระแสคลื่น  หนูคิดเรื่องน้องว่าน้องเป็นคนผิดจริงๆหรอ  แล้วหนูก็คิดว่าทำไมหนูถึงโกรธน้องมากทั้งๆที่น้องก็พามาทะเลแล้ว  หนูอยากคุยกับคุณแม่ อยากคุยกับป๊ะป๊าว่าการที่หนูอยากมาทะเลมันเป็นเรื่องใหญ่มั้ย  หนูคิด  คิด คิด คิดจนปวดหัวไปหมด พยายามจะเลิกคิดแต่กลับยิ่งคิดมากไปกว่าเก่า  เส้นประสาทในสมองเต้นตุบๆ จนหนูกลัวว่ามันจะดันออกมาจนสมองแตก  หนูรู้สึกชีพจรหนูเต้นเร็ว อาจเป็นเพราะหนูกำลังโกรธ  หนูเป็นคนที่ไม่ชอบเถียง และก็ไม่ชอบอธิบาย แต่พอมาคุยกับน้องครั้งนี้มันรู้สึกเสียพลังงานไปมาก  หนูเหนื่อย...

...พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัวแล้ว  คงจะเที่ยง  แสงแดดสาดส่องจนผิวแทบจะไหม้  หนูก็ใช้มือ ใช้เท้าตีน้ำเพื่อบังคับให้ห่วงยางกลับเข้าฝั่งของตัวเอง  หนูใจเย็นลงแล้ว  และหนูก็ตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องโกรธไม่โกรธ  ผิดไม่ผิดกับน้องอีก  หนูตั้งใจจะไปขอบคุณน้องที่พามาทะเล ถึงแม้ความรู้สึกในใจหนูมันจะต่อต้านอยู่ลึกๆ  แต่...ไม่เป็นไร  หนูไม่อยากมีเรื่องกับคนในบ้านที่ต้องอยู่ร่วมกันอีกเกือบทุกวัน  ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณแม่กับป๊ะป๊าคงไม่สบายใจ

...พอถึงฝั่ง ก็ลากห่วงยางอันใหญ่มาเก็บทับไว้ที่เดิมเพื่อจะได้ให้ลูกค้ามาเช่า  เดินเข้าไปหาคุณยาย ก็ยังเห็นว่าคุณยายทำกับข้าวอยู่เหมือนเดิม แต่มีเพิ่มคือ น้องปังปอนด์  หนูยืนมองน้องที่คอยเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยคุณยายเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า  น้องยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนพระอาทิตย์ตอนเช้า  พอเห็นน้องยืนขึ้น น้องตัวเกือบสูงเท่าลูกค้าชาวต่างชาติเลย  น้องอายุแค่ 16 เองนะ ทำไมน้องถึงได้สูงเอาๆจังเลย 

“ยืนตากแดดอยู่เดี๋ยวก็เป็นลมแดดหรอก”  เสียงแหบๆของคุณยายดังขึ้น  หนูสะดุ้ง กำลังมองน้องเพลินๆ รีบเข้ามากอดคุณยายจากด้านหลังคุณยายละมือจากตะหลิวมาตีแขนหนูเบาๆ

“หูย กอดหน่อยก็ไม่ได้”

“โยเยตัวเปียกๆยังมายืนกอดอีก เดี๋ยวก็ฟาดเลยทีนี้”  คุณยายหันมาดุ  ทำท่าจะฟาดแขน  แต่หนูกลับหัวเราะแทน  รีบเอาหัวไปไถแขนคุณยาย แถมด้วยเสื้อเปียกๆ ไปแกล้งคุณยายอีก

“หอมจัง ทำอะไรกินอะ”  ถามพลางชะโงกหน้าเข้าไปดูในกระทะ

“ผัดฉ่าทะเล  ของลูกค้า ...เสร็จแล้ว เอาไปเสิร์ฟด้วยนะ”  บอกแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบจานตักผัดฉ่าในกระทะใส่ ตกแต่งอีกเล็กน้อยเพื่อให้อาหารดูน่าทาน เสร็จแล้วเอาใส่ถาดยื่นให้หนูเดินเอาไปเสิร์ฟ  เดินสวนกับน้องที่กำลังเปิดตู้แช่หยิบโค้กอยู่  หนูแอบมองหน้าน้องแต่น้องก็ยังทำไม่สนใจ  ...ก็แล้วแต่  หนูก็ไมได้อยากจะอะไรมากหรอก

“หนูกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วย”  บอกคุณยายที่กำลังล้างกระทะ เตรียมทำเมนูใหม่ ก่อนจะเดินกลับมาทางบ้าน แดดนี่ร้อนไม่ใช่เล่นๆเลยแฮะ ถึงจะไม่กลัวดำแต่หนูก็กลัวมะเร็งผิวหนังนะ

...พอถึงบ้าน ก็ถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อปรากฏว่าบ้านล็อค  ลืมไปว่าไม่ได้ออกบ้านเป็นคนสุดท้ายเลยไม่ได้ถือกุญแจไว้อย่างทุกครั้งที่มา  หมุนตัวจะเดินกลับแต่ก็เห็นน้องวิ่งมาซะก่อน  พอถึงหน้าประตูน้องก็คลำหากุญแจที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง  น้องดูลนเมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแต่ไม่เจอลูกกุญแจ

“ลืมว่าเอาใส่ไว้ในผ้ากันเปื้อน เดี๋ยวมา  รออยู่นี่แหละ”  บอกเองก็เออเอง  ไม่รอให้หนูพูดอะไร น้องก็รีบวิ่งไปหาดใหม่  ไม่นานก็วิ่งกลับมาที่บ้าน คราวนี้น้องยืนพักแปปนึงก่อนจะไขกุญแจเข้ากับแม่กุญแจ เปิดประตูบ้านเข้าไป  น้องทิ้งตัวนั่งลงโซฟาแบบหมดสภาพ  ทางไปหาดกับตัวบ้านไม่ไกลกันมากแต่ แดดทำให้น้องคงจะเหนื่อยพอสมควร  หน้าน้องแดง มีเหงื่อผุดขึ้นมาจากขมับเต็มไปหมด  หนูเห็นแล้วก็นึกสงสารปนขำ  ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา  แต่ขาสั้นๆของหนูก็เดินไปหยิบขวดน้ำในครัวแล้วเอาไปยื่นให้น้อง  น้องรับมาหน้างงๆก่อนจะเปิดฝา ยกขวดขึ้นกระดกดื่มอึ้กๆ   แล้วหนูก็เดินหนีขึ้นบันใดมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า 
.
.
.
...หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันหนูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปช่วยคุณยายที่หาดต่อ  เย็นแล้ว  ทุกคนเก็บของที่ชายหาดเสร็จก็เดินกลับมาบ้าน  วันนี้เก็บของเร็วเพราะคุณยายบอกว่าน้ำขึ้นเร็ว 
วันนี้คุณยายบอกว่าจะทำผัดไข่ปลาหมึก  ต้มยำทะเล และยำหอยแครงให้กินกัน  หนูเป็นลูกมือคอยล้างผัก ล้างปลาให้คุณยายอยู่ห่างๆ เพราะทำอาหารไม่เป็น  แตกต่างกับน้อง  คอยหั่นนู่น จับนี่ลงไปในหม้อในกระทะช่วยคุณยาย  หนูมองน้องเพลินไปจนพอน้องหันมามองกลับบ้างก็สะดุ้ง  ทำไมน้องทำอะไรได้เยอะจัง  ตั้งแต่กินเหล้า  ขับรถ  ทำอาหาร  บริการลูกค้า  แถมน้องยังดูคล่องตัว ไม่เหมือนหนูที่ขนาดแค่ล้างกุ้งล้างปลาก็ยังเงอะงะไปหมด
พออาหารเย็นที่เราช่วยกันทำเสร็จ ก็พากันยกมาที่โต๊ะกินข้าว คุณยายยังขยันตักนู่น ตักนี่ใส่จานข้าวหนูจนพูนจาน  ในขณะที่น้องกินข้าวเป็นจานที่สองแล้ว

“ปังปอนด์มาอยู่กับยายมั้ย  ยายชอบคนกินข้าวเก่ง”  คุณยายพูด  ดูจะดีใจมากที่เห็นน้องกินข้าวเยอะ  แถมวันนี้ยังดูเจริญอาหารเป็นพิเศษ

“ก็อาหารคุณยายอร่อย” 

“จริงหรอ  ดูโยเยสิ ทำหน้ายังกับอาหารเป็นพิษ ยายก็นึกว่ายายทำไม่อร่อยซะอีก”

“พูนจานขนาดนี้ใครจะไปกินไหว” หนูพูดอ้อมแอ้มออกไป  ที่จริงถึงไม่พูนจานหนูก็กินข้าวไม่ค่อยหมดอยู่ดี เพราะเป็นคนกินน้อย  กินแปปๆก็อิ่มแล้ว  แต่ต้องกินบ่อยๆ

“ก็กินแค่นี้ไง ถึงไม่สูงสักที” คุณยายว่าแล้วก็หันไปพูด ถามไถ่กับหลานรักคนล่าสุดต่อ  หนูนี่โดนเตะทิ้งลงกระป๋องแล้ว

...กินข้าว  ล้างจานเสร็จหนูก็เดินมาห้องนั่งเล่น  เปิดทีวีดู  เปลี่ยนช่องไปมาเรื่อยๆ  จนไปหยุดช่องที่กำลังเป็นรายการเกี่ยวกับทะเล  พิธีกรสองคนสวมชุดดำน้ำ มีท่อออกซิเจน และตีนเป็ดพร้อมจะที่จะดำน้ำแล้ว  กล้องถ่ายภาพใต้น้ำแพนไปยังปะการังที่โบกไหวอยู่ใต้ทะเล พร้อมปลาเล็กปลาน้อยหลายชนิด 

“โยเย  พรุ่งนี้พาไปดำน้ำหน่อยดิ”  เสียงทุ้มดังขึ้น  หนูสะดุ้งหันไปมองคนพูดที่ไม่รู้มายืนดูทีวีข้างหลังหนูตั้งแต่เมื่อไหร่  พูดเสร็จเจ้าตัวก็ย้ายร่างมานั่งลงโซฟาด้านข้างหนู 

“ไปก็ไปสิ นั่งเรือเฟอร์รี่ไป เกาะใกล้ๆหาดเรานี่เอง”  หนูบอก สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี

“พาไปหน่อยนะ”

“เดี๋ยวไม่มีคนช่วยยาย”

“ก็ไปตอนเช้า ประมาณ 9 โมง กลับมาก็คงจะประมาณ 10 โมงกว่า ช่วงนั้นลูกค้ายังไม่เยอะ” 

“...”

“นะ”

“ไม่เอาหรอก ไม่ได้เอาชุดมา ชุดหมดแล้วเนี่ย”

“งั้นก็เดี๋ยวไปซื้อชุดด้วยเลย  อาทิตย์หน้าค่อยกลับกรุงเทพกัน”

“กลับช้าเดี๋ยวป๊ะป๊ากับแม่จะว่าเอา”

“...”  น้องไม่พูดต่อ  เดินขึ้นบันไดไปพร้อมสีหน้าสลดๆนั่นทำเอาหนูใจกระตุกวูบ  ก็...ก็ ที่จริงน้องก็ไปคนเดียวได้นี่ ไม่เห็นต้องเอาหนูไปด้วยเลย  แล้ว ทำไมน้องต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น  โอ้ยยย ก็แค่ไปดำน้ำ  แล้วนี่หนูเป็นอะไรเนี่ย 

...หนูใช้มือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ที่ไปขอยืมมาจากคุณยาย  กดหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปขึ้นเรือดำน้ำของเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากหาดนี้  ว่าจะไม่อะไรแล้วเชียว  แต่พอนึกถึงหน้าหงอยๆของน้องก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที  เลยต้องมานั่งหาข้อมูลอยู่นี่ไง  อ่านรีวิวจนเพลินกินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าๆแล้วก็ตกใจ  เวลาที่เราอยู่กับโทรศัพท์นี่เร็วจริงๆ  เสียไปโดยใช่เหตุ  หนูรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะแก่ขึ้นเมื่อไม่มีโทรศัพท์ใช้ เพราะไม่ได้หมกมุ่นอยู่ในโลกโซเชียลที่ทำให้จมอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง  แต่ก็ดี  ตัดขาดจากโลกโซเชียลมาสนใจสิ่งข้างๆบ้าง  จะเห็นว่า รอบตัวเรามันกว้างกว่าไอ้ที่อยู่ในโทรศัพท์เยอะเลย

...เดินเอาโทรศัพท์ไปคืนคุณยายก็ขึ้นบันไดไปบนห้อง  เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าน้องยังนอนอยู่ที่พื้นด้านล่างพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มเก่าๆ  คงจะเป็นหนังสือธรรมะ หรือไม่ก็หนังสือสุขภาพของคุณยายที่มันวางอยู่ในห้องตั้งหลายปีแล้วมั้ง  กลิ่นครีมอาบน้ำ ลอยปะทะจมูกขณะที่หนูเดินผ่านตัวน้องไปหยิบผ้าเช็ดตัว ...มันเป็นกลิ่นเย็นๆหอมๆ คล้ายกลิ่นแป้งเย็นแต่หนูกลับไม่ค่อบชอบเพราะแสบจมูก  น้องคงจะซื้อครีมอาบน้ำมาใหม่เมื่อช่วงกลางวันนี้

...แปรงสีฟันสองอันที่อยู่ในแก้ว มีอันนึงที่ถูกบีบยาสีฟันใส่แปรงไว้ให้แล้ว  เพื่อบ่งบอกว่านั่นคงเป็นแปรงของหนู...สีชมพูแป๋นเลย  เหลืบมองบนชั้นวางก็เห็นครีมอาบน้ำสองขวด ขวดนึงสีฟ้า ป้ายผลิตภัณฑ์เขียนว่าสูตรเย็น  นี่คงจะเป็นกลิ่นจากขวดนี้นี่แหละที่หนูได้กลิ่นจากตัวน้อง  ส่วนอีกขวด

...ครีมอาบน้ำสำหรับเด็ก จอนห์สันเบบี้ ท๊อปทูโทว

...หนูกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว  น้องซื้อมาให้หนู หรือหยิบๆมาใส่ตะกร้าไม่ดูยี่ห้อ  แต่นั่นแหละ หนูก็ใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้แหละ  หนูขำปนแปลกใจ เป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่านะ แม้กระทั่ง ยาสระผม ก็ยังเป็นสองขวด แน่นอนว่าหนูเดาว่าของน้องเป็นสูตรเย็น ขวดสีฟ้า ส่วนของหนู ก็ยังคงเป็นยาสระผมสำหรับเด็กอีกตามเคย  ตงิดในใจ หรือจริงๆแล้วน้องจะแกล้งหนูกันนะ 

...หนูแต่งตัวโดยใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงเล ที่ไม่รู้น้องหรือคุณยายไปมาหาจากไหนมาแขวนไว้ในตู้ให้ นึกอยากขอบคุณที่อย่างน้อย น้องก็ยังไม่ลืมว่าหนูไม่มีอะไรติดตัวมาด้วย แต่ทำยังไงดีหละ หนูมันเป็นพวกพูดไม่เป็น แถมฟอร์มก็เยอะซะด้วย

(ต่อ)

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

“ไหนบอกว่าปวดหลัง แล้วทำไมไม่ขึ้นมานอนบนเตียง” หนูถามน้องขณะที่ตัวเองนั่งอยู่บนเตียงเช็ดผมให้แห้ง

“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเบียดโยเย” น้องบอกอ้อมแอ้ม  ยังอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม

“ตามใจ อ่านหนังสือเสร็จแล้วก็ปิดไฟด้วยละกัน” บอกแล้วเดินเอาผ้าขนหนูไปตากก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง

“พี่จะนอนแล้วหรอ?”

“อือ”

“งั้นผมปิดไปแล้วนะ”

“อือ”  ทันทีที่บอกจบน้องก็ลุกขึ้นเดินไปปิดสวิตซ์ไฟ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดและความเงียบ  อากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศ คงหนาวสำหรับน้องที่มีแค่ผ้าห่มผืนบางๆ 

“โยเย”

“อือ”

“ปะ ป่าว”  น้องบอกเสียงละลักละล่ำ  เสียงพลิกตัวไปมาของน้องทำให้หนูพลอยอึดอัดไปด้วย  ไม่สิ ไม่เกี่ยวกับน้อง  หนูอึดอัดของหนูเอง

“ปังปอนด์”  หนูลองเรียกน้องดูบ้าง

“...”  น้องไม่ตอบ ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วรึยัง แต่หนูก็ยังอยากจะพูดต่อ

“ถ้า ...ถ้าพรุ่งนี้จะไปดำน้ำต้องตื่นเช้านะ  ต้องรีบไปจองตั๋ว แล้ว แล้วต้องเอาชุดไปเปลี่ยน อ้อเรื่อง”

“พี่จะไปด้วยใช่มั้ย?”  หนูยังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มๆของน้องก็ดังขึ้นมาแทรก

“...”
“...”


“อื้อ” 

“งั้น...ผม ผมจองตั๋วไว้รอเลยได้มั้ย เผื่อพรุ่งนี้มันเต็ม”

“อื้อ ก็เอาสิ”  ทันทีที่หนูพูดจบ ก็สังเกตเห็นเงาดำๆของน้องลุกขึ้นนั่ง  ไม่นานแสงไฟจากหน้าจอสมาร์ทโฟนก็สว่างขึ้น  หนูเหลือบมองน้องที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง เห็นทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็อดที่จะยิ้มตามออกมาไม่ได้  ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอยอยู่แท้ๆ 

...ถึงน้องจะตัวโตกว่าหนู น้องก็ยังเป็นเด็ก เด็กอายุ 16 ปีที่ยังต้องการให้มีคนตามใจอยู่

“โยเย เกาะไหนดี” น้องถามแล้วก็ยื่นสมาร์ทโฟนมาให้หนู หน้าจอเปิดค้างไว้ที่ทริปทัวร์ดำน้ำ ดูปะการังตามเกาะต่างๆใกล้กับชายหาดที่เราอยู่

“นี่ สวยดี” บอกแล้วยื่นสมาร์ทโฟนกลับไปให้น้องที่อยู่ด้านล่างดู  น้องดูแล้วก็พยักหน้า ไม่นานก็ทำหน้าขมวดคิ้วหันมาหาหนู

“มันเต็มแล้ว เลือกใหม่”  ยื่นสมาร์ทโฟนมาให้หนูอีกรอบ

“...”
“...”

“เกาะนี้ก็ได้”

“เต็ม”

“งั้นอันนี้ ไกลหน่อย แต่สวย”

“เต็มอ่ะ” 

“...” น้องยื่นสมาร์ทโฟนมาให้เลือกอีก  แต่คราวนี้คงจะรำคาญที่ต้องส่งสมาร์ทโฟนให้กันไปให้กันมา น้องเลยย้ายตัวเองขึ้นมาบนเตียงด้วย  หนูที่นอนเลือกๆดูรูปภาพอยู่ก็ขยับให้น้องตัวใหญ่เข้ามาใกล้  น้องใช้หัวพิงหัวเตียงทำให้อยู่สูงกว่าหนูเพื่อที่จะมองดูรูปด้วยกัน  แขนยาวๆของน้องก็โอบมาคล้ายกับจะให้หนูหนุนแขนไว้  แล้วเราก็เลือกเกาะด้วยกัน  ถ้าหนูเลือกเสร็จแล้วน้องก็จะกดเข้าไปดูข้อมูล ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆจนเราได้เกาะที่ถูกใจ 

...หนูไม่รู้ว่าหลงเผลอหนุนแขนน้องตอนไหน  แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าน้องเอื้อมมือมากอดไหล่หนูไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่  หนูไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ถึงหนูจะรู้  หนูก็ไม่อยากจะผลักออกอยู่ดี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อ้าว ปังปอนด์ โยเยหลับแล้วหรอลูก”

“ครับ คุณยายมีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”

“ยายพึ่งนึกออกว่าโยเยมันไปเล่นน้ำมา เลยเอายามาให้กินลัดไข้ไว้”

“?”

“ชอบเล่นน้ำแดดๆ แล้วก็มานอนตากแอร์ มาทะเลทีไรก็เลยป่วยก่อนกลับทุกที”

“งั้นเดี๋ยวผมเอาไปให้เอง  คุณยายไม่ต้องห่วง”

“ฝากพี่เค้าด้วยนะ”


“โยเย โยเย” แรงเขย่าเบาๆที่แขน ทำให้หนูที่กำลังเคลิ้มหลับลืมตาขึ้น  แต่ไม่ทันไรก็ต้องหยีตา เมื่อไฟในห้องสว่างจ้าจนอยากจะเอาผ้าห่มมาคลุมโปลง ถ้าไม่ติดว่าน้องดึงแขนให้ลุกขึ้นมานั่ง

“...” หนูหายใจแรงๆ ฟึดฟัดใส่ ทำท่าว่าไม่พอใจที่มารบกวนเวลานอน

“กินยาก่อน”

“...”

“เร็ว” หนูได้แต่นั่งจะหลับ ตาก็ยังไม่ลืม กินพรุ่งนี้ไม่ได้รึไงนะ  อยากจะพูดเถียงออกไปแต่ก็เหนื่อย ง่วงนอน ปากไม่ขยับ เปลืองพลังงานเหลือเกิน  มือสองข้างโดนน้องยัดแก้วน้ำกับยาใส่ แต่ไม่มีแรงถือ ฮือ หนูง่วง อย่ามายุ่งกับหนู

“ไม่” ขยับปากได้เท่านี้เพราะไม่มีแรงจะพูด พอจะล้มตัวลงนอนก็ถูกดึงขึ้นมาให้นั่งเหมือนเดิม

“อ้าปาก”

“...”  หนูรูสึกเหมือถูกบีบแก้ม จนปากเผยอขึ้น แล้วยาเม็ดขมๆก็ถูกส่งเข้ามา  อยากจะคายออก เพราะไม่มีอารมณ์จะกินแต่น้ำก็ตามเข้ามา  ดันเม็ดยาจากปลายลิ้นเข้าในโคนลิ้น ยิ่งทำให้ขมเข้าไปใหญ่

“กลืน  โยเยกลืน”  จำใจกลืนลงไปจนรู้สึกว่ายาลงไปค้างที่คอแล้ว น้ำก็ตามมาอีกหลายอึกใหญ่  จนหนูจะสำลักเพราะกลืนไม่ทัน นั่นแหละถึงได้หยุด  นั่งนิ่งจนจะหลับ ก็รู้สึกห้องมืดขึ้น  แรงยวบจากเตียงมาพร้อมกับแรงดึงที่แขนให้หนูล้มลงไปนอน

“...”

“ผมเลือกครีมอาบน้ำกับยาสระผมให้พี่ถูกใช่มั้ย”  เสียงทุ้มๆดังขึ้น พร้อมกับสัมผัสที่หัว ตามมาด้วยที่แก้ม และที่คอ

“อือ”  ตอบปัดรำคาญคนที่เอาแต่หัวเราะหึๆ  หนูรำคาญ หนูก็เลยตอบไปอย่างนั้นแหละ  ไม่เกี่ยวกับเลือกถูกเลือกผิดอะไรทั้งนั้น  ก็แค่ตอบๆไปให้อีกคนที่เอาแต่กดจมูกลงมาที่หัวเลิกทำสักที  หนูก็แค่รำคาญ  รำคาญจริงๆ  โว้ยย หนูไม่รู้แล้ว หนูง่วง หนูจะนอน

...หนูจะนอนจริงๆแล้ว  แล้วหนูก็ควรหยุดยิ้มได้แล้ว...





หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวราวกับหนึ่งนาที
หนูกำลังเก็บเสื้อผ้าที่ซักแล้วยัดใส่ตะกร้าหวายใบใหญ่  ส่วนที่ยังไม่ซักหนูเอาใส่ถุงพลาสติกแยกไว้ต่างหาก  เสื้อผ้าบางส่วนประมาณสองสามชุดหนูแขวนเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า  เผื่อต้องมาอีกรอบจะได้ไม่ต้องขนมาเยอะ  รวมถึงแปรงสีฟัน  ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ก็ยังอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม  และแน่นอนว่าหนูก็เก็บของของน้องให้ด้วย

“เสร็จยัง”  ประตูถูกเปิดเข้ามาตามด้วยตัวสูงๆของน้อง

“ยกตะกร้าลงไปใส่รถไว้ให้หน่อย” หนูบอก ผลักตะกร้าหวายไปให้น้อง  น้องพยักหน้าแล้วก็ยกตะกร้าออกไป

...ตั้งแต่วันที่ไปดำน้ำดูปะการัง ทำให้เราเริ่มคุยกันมากขึ้น  น้องพูดมาก พูดเยอะ ส่วนหนูเป็นฝ่ายฟัง  แต่หลังๆมาหนูรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะขึ้นตามน้อง พูดจนรู้สึกเหนื่อยเอง หนูกับน้องยังไปทำงานที่หาดช่วยคุณยาย มีบางวันที่แอบไปเที่ยวกับน้องบ้าง บางวันน้องก็อารมณ์ดีจนเกินไป ชวนหนูออกไปเที่ยวเดินตลาด เดินหาดตอนดึกๆ แต่นั่นก็ทำให้หนูได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้น  คืนก่อน คุณยายทำปาร์ตี้เล็กๆตอนเย็น มีบาร์บีคิวและอาหารทะเลเต็มไปหมด พร้อมแอลกอฮอล์เล็กน้อย  คุณยายไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้  กลับเป็นน้องซะอีกที่ซีเรียสแทนหนูเป็นพวกคออ่อน  กินเยอะไม่ได้  คืนนั้นพอคุณยายเข้านอนไปแล้ว หนูเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกับน้อง  มีทั้งคำถามที่ไร้สาระและดูเหมือนจะมีสาระอยู่บ้าง พร้อมแอลกอฮอล์ทำให้หนูพูดมากผิดปกติ หนูกับน้องผลัดกันถามผลัดกันตอบ

...หนูว่า หนูเริ่มสนิทกับน้องแล้วแหละ

...น้องปังปอนด์เป็นเด็กอายุ 16 ที่เรียนนานาชาติ น้องเป็นเด็กที่มีเพื่อนเยอะ และตามธรรมเนียมเพื่อนน้องทุกวันศุกร์จะมีปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนสักคน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป  และวันศุกร์ วันนั้นแหละที่น้องไม่ได้กลับบ้าน  วันที่ทำให้หนูไม่ได้มาทะเล  น้องปังปอนด์มีแฟนแล้วชื่อน้องมะปรางค์ ตัวเล็กๆ น่ารักจิ้มลิ้ม ดูแล้วใครๆก็คงชอบ  น้องบอกว่าคบกับมะปรางค์เพราะชอบแค่ช่วงแรกพอคบกันมาตอนหลังๆก็เริ่มเบื่อ เพราะน้องมะปรางค์เป็นแบบคุณหนูเกินไป ทำอะไรเองไม่เป็น หนูก็เลยจัดการฟาดแขนน้องไป 2 ที

“ปังปอนด์ แล้วแฟนทั้งคนทำให้ไม่ได้หรอ ถึงผู้หญิงไม่ดีก็อย่าเอาเค้ามาพูดแบบนี้ ผู้หญิงยังไงก็เป็นฝ่ายเสียหายวันยังค่ำ มีแฟนก็อยากให้แฟนดูแลเทคแคร์ แต่ปังปอนด์บอกว่าเค้าทำอะไรเองไม่เป็นเค้าจะรู้สึกยังไง...”  ตอนนั้นหนูจำเกือบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดเรื่องอะไรไปบ้าง  หนูพูดจนหอบ พูดเสร็จนั่งหายใจโกยออกซิเจนเข้าปอด  ไม่เคยเสียพลังงานไปเยอะขนาดนี้มาก่อน

“พูดเยอะจังหวะ พี่เมาปะเนี่ย?”  น้องถามแล้วก็นั่งขำหนู กระดกเบียร์กระป๋องเข้าปาก แล้วก็นั่งยิ้มมองหนู ขำหนูไม่เลิก  จนหนูต้องฟาดที่แขนเข้าอีก น้องไม่ได้มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดเลย  กลับหัวเราะเข้าไปใหญ่

“เมาบ้าอะไร กินยังไม่ถึงครึ่งกระป๋องเลย” หนูพูดจบ นิ้วใหญ่ๆก็เอามาเขี่ยแก้มหนูเล่น

“แก้มแดงขนาดนี้แล้ว เมาแล้วแน่ๆ”  หนูบอกตอนนั้นเลยว่าสติของหนูยังครบถ้วนสมบูรณ์ 100%   เดินตรงยิ่งกว่าไม่บรรทัดอีก  หนูยืนยันได้เลยว่าหนูไม่เมาแน่ๆ  แต่ที่แก้มของหนูมันขึ้นสีแดงนั้น  อาจเป็นเพราะ หนูกำลังโกรธมั้ง  โกรธน้องที่มาทำให้หนู   เขิน 

ไอ้เด็กบ้านี่...

“ขึ้นห้องเถอะ”  น้องบอก หนูพยักหน้าแล้วเดินนำน้องกลับเข้าไปในบ้าน เดินขึ้นห้อง น้องตามมาก็ปิดประตูก่อนจะผลักให้หนูล้มลงไปบนเตียงแล้วก็เอาตัวเองมาคร่อมทับไว้

“อะ อะไร?” น้องไม่ตอบ กลับยิ้มแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ สายตาที่ส่งมามันหวานฉ่ำจนหนูทนมองต่อไม่ไหว หนูหลับตา สัมผัสที่ปากจากน้องเจือกลิ่นแอลกอฮอล์หน่อยๆ ทำให้หนูใจเต้นแรง ตึกตักคล้ายหัวใจจะระเบิดออกมา  น้องเลียริมฝีปากหนูเบาๆ ชวนให้ในท้องมันหวิว ริมฝีปากน้องขบกัดแรงขึ้น ลิ้นร้อนเริ่มรุกไล้เข้ามาภายในริมฝีปาก 

“อ๊ะ...”  มือน้องปักผ่านบริเวณหน้าอก ทำเอาหนูเผลอร้องออกมา น้องดันลิ้นตัวเองเข้ามาในปากหนูก่อนจะเริ่มไล้ไปตามไรฟัน ดูดดึงไล่ต้อนลิ้นหนูที่ไม่รู้จะตอบสนองยังไง  หนูตื่นเต้นไปหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเองแอบกลั้นหายใจตั้งแต่ตอนไหน น้องเริ่มดูดลิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำลายเยิ้มออกมาตามมุมปาก ถอนจูบออกมาแล้วน้องก็ยิ้มให้หนูอีกครั้ง ก่อนจะก้มไปไล้เลียน้ำลายที่มุมปากของหนู

...หนูต้องเมาแน่ๆ  ใช่นั่นแหละ หนูเมาแน่ๆ

น้องก้มหน้าลงมาซับที่ริมฝีปากหนูอีกครั้ง ก่อนจะไล่ลงมาตามซอกคอ  ดูดดึงเนื้อหนูจนหนูเจ็บจี้ดๆ  เสื้อยืดของหนูถูกน้องเลิกขึ้นมากองไว้เหนือหน้าอก  นิ้วเรียวยาวของน้องสะกิดที่หัวนมหนู

“อื้อ” หนูเม้มปากแน่น กลั้นเสียงน่าอายไม่ให้ออกมา  แต่เหมือนน้องจะไม่พอใจ กลับบดขยี้จนมันแข็ง ยังไม่พอน้องก็ก้มลงดูดอีกข้าง ละเลงลิ้นรัว หนูบิดตัวเร่า มือพยายามดันหัวทุยของน้องออกไป แต่ก็กลับแอ่นอกให้น้องดูดดุนได้ถนัดขึ้น  ดูย้อนแย้งกันยังไงไม่รู้
น้องละริมฝีปากออกจากหน้าอกหนูกลับขึ้นมาบดจูบให้หนูอีกครั้ง มือน้องสอดเข้ามาใต้กางเกงชั้นใน สัมผัสกับส่วนอ่อนไหวที่เริ่มก่อตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ที่น้องเป็นคนสร้างให้

“โยเย เคยช่วยตัวเองมั้ย”  น้องกระซิบถามเสียงพร่า มือก็เริ่มขยับรูดรั้งแก่นกายของหนูช้าๆ หนูส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนจะหยิบหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้
น้องถอนมือออกมาจากส่วนอ่อนไหว แล้วดึงทั้งกางเกงสามส่วนทั้งกางเกงชั้นในของหนูลงมากองที่ข้อเท้า

“อ๊ะ อ๊า ... หยะ อย่า อื้อ ปังปอนด์” หนูสะดุ้ง ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งเมื่อน้องใช้โพรงปากครอบครองแก่นกาย ตวัดไล้เลียอย่างไม่รังเกียจ ขณะที่หนูเสียวแทบใจจะขาด

“เดี๋ยวผมทำให้นะ” ถอบปากออกมาบอก ผลักหนูให้นอนราบลงกับเตียงอีกครั้ง ก่อนจะครอบครองแก่นกายแล้วดูดขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“ฮึก อ๊ะ ปัง..ปังปอนด์”  หนูร้องเรียกชื่อน้องซ้ำๆ  หนูทรมาน รู้สึกอึดอัดที่กลางลำตัว อยากให้น้องทำเร็วกว่านี้แต่หนูก็เขินเกินกว่าจะบอก  น้ำตาไหลจากความทรมาน หนู.... หนูเสียว

“โยเย เรียกชื่อผม เร็วๆ” น้องผละออกมาจ้องหน้า คร่อมหนูไว้อย่างเดิม ก่อนจะใช้มือรูดรั้งแก่นกายที่ปริ่มน้ำของหนูให้เร็วขึ้น

“ปังปอนด์ ปัง...ปอนด์ ฮึก จะไปแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ...อ๊าส์”  หนูปลดปล่อยออกมาเต็มมือน้อง หอบหายใจมองหน้าน้องที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้  น้องก้มลงมาจูบอีกครั้ง

“นอนได้แล้ว”

“แล้ว ... แล้วปังปอนด์?”

“นอนเถอะนะ ผมจัดการเองได้” ว่าแล้วน้องก็ลูบหัวหนู ก้มลงมาจูบซ้ำ ย้ำๆอย่างนั้นหลายทีก่อนที่หนูจะผล็อยหลับไป



555555 สนองนี้ดตัวเองจัง (หมายถึงจังไร)

วันนี้คึกตั้งแต่เช้า ประชดชีวิตที่อาจารย์ให้เรียนชดเชยตั้งหกชั่วโมง

บอกอีกที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื่อเรื่องหลักนะคะ
อารมณ์ไหนไม่รู้ที่อยากเขียนพล็อตนี้ขึ้นมา

ถือเป็นเรื่องกากๆที่อ่านคั่นเวลารอพวกแฝดเนอะ

เอ้อ แล้วก็ เราจะอัพนิยายอาทิตย์ละสองตอน ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าแฝดด้วย แล้วก็น้องโยเยคนหน่อมแน้มด้วยเด้ออออ อุอิ


ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
นึกว่าจะได้เจอน้องไซน์ แต่ได้เจอน้องโยเยแทน อิอิ
คนเขียนเอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นก็ได้นะคะ
รอน้องไซน์นะคะ

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
5
Dating (alone)

“น้องไซน์ ดูอันนี้ๆ น่ารักเนอะ เหมาะกับน้องไซน์เลย”

“อันนั้นมันของผู้หญิงครับ”

“น้องไซน์ๆ อันนี้ก็เหมือนน้องไซน์เลยอ่ะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้นะ”

“มะ ไม่ต้องครับ ไซน์มีแล้ว”

“งั้น อันนี้ก็ได้ พี่ซื้อสองตัว ให้น้องไซน์อันนึง เดี๋ยวเราใช้คู่กัน”

“พี่เต๋าครับ ... ไหนบอกมาซื้อของให้เพื่อนไง?”

“ก็ ...เอ่อ ... ก็เดี๋ยวไปซื้อกันเลยป่ะ เดินไปโซนนู้นเนอะ”

เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของไอ้ไซน์ ถูกปลุกด้วยความน่ารำคาญของพี่เต๋า  ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ไอ้ไซน์ต้องตื่นมาแต่งตัวด้วยความงัวเงีย นึกแล้วก็หงุดหงิด แทนที่จะได้นอนอยู่ในห้อง เปิดแอร์ห่มผ้าฟิน ๆ กลับต้องลากสังขารมาทำเรื่องไร้สาระที่ดันไปรับปากกับพี่เต๋ามันว่าจะมาด้วย

...แม่งเอ้ย  นอนไม่พอแล้วหงิดชิบหาย

วันนี้พี่เต๋า มารับไอ้ไซน์ที่คอนโดตอนสองโมงเช้า พาไปกินข้าวเช้ารับอรุณที่แมคโดนัล ต่อด้วยเดินย่อยที่สวนสารธารณะ ที่พี่มันก็อุตสาห์ขับรถออกมาตั้งไกล แล้วถึงได้ฤกษ์ที่พี่เต๋านึกออกว่าจะต้องซื้อของให้เพื่อน ก็วนรถกลับเข้ามาในตัวเมือง มาเดินที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงอีก

พี่เต๋าเดินเข้าร้านนั้น เดินออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แต่แทนที่จะเลือกของให้เพื่อนอย่างที่บอกวันก่อน กลับบอกแต่ว่า อันนั้นน่ารัก เหมาะกับน้องไซน์ อย่างนี้  ตั้งแต่เดินเข้าห้างมานี่มีแต่เลือกของให้ไอ้ไซน์ทั้งนั้น มันหละรำ จะเทพี่มันก็กลัวว่าจะไปดรามาใส่กันที่คณะอีก อีกอย่างมาเดินเป็นเพื่อนพี่มันก็ถือเป็นสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆที่พี่เต๋าเอาขนมมาเซ่นมันทุกวันอีก

“น้องไซน์ เสื้อตัวนี้เป็นไงครับ?”  พี่เต๋าหยิบเสื้อออกมาจากราวแขวนแล้วโชว์ให้ไอ้ไซน์ดู

“เท่ห์ดีครับ เป็นแนวกราฟฟิก สวยดี” ไอ้ไซน์บอกแล้วเดินไปเลือกดูเสื้อแนวเดียวกันอีกด้านข้าง

“เอาสีอะไรดีอ่ะ มีสีดำ ขาว สีครีม น้ำเงิน น้ำตาล เลือดหมู แล้วก็สีเขียว”

“เพื่อนพี่ชอบสีอะไรอ่ะ”

“เออ ไม่รู้สิ งั้นน้องไซน์ชอบสีไหนก็เลือกสีนั้นเลย คงสไตล์เดียวกันนั่นแหละ” พอพี่เต๋าพูดจบ ไอ้ไซน์ก็หันมามอง ทำหน้าราวกับว่าแน่ใจนะว่าจะให้มันเลือก  พอพี่เต๋าพยักหน้ายิ้มโชว์ฟันสวย ไอ้ไซน์ก็มองเสื้อ สีหน้าครุ่นคิดจริงจังนั้นทำเอาพี่เต๋าที่มองอยู่ยิ้มอย่างเอ็นดู

...อ่า พี่เต๋าตกหลุมรักน้องไซน์ทุกวันเลย ตกหลุมรักน้องไซน์คนเดียว ซ้ำๆในทุกครั้งอีกแล้ว

“ไซน์ชอบสีน้ำเงิน” บอกแล้วยื่นเสื้อสีน้ำเงินที่ตัวเองเลือกไปให้ พี่เต๋ารับมาแล้วก็เอื้อมไปหยิบเสื้อแบบเดียวกัน มาอีกตัว จากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์  เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังดูเสื้ออยู่พี่เต๋าก็ถือวิสาสะจับข้อมือไอ้ไซน์พาเดินออกมาจากร้าน  ไอ้ไซน์ได้แต่ทำหน้าหมางงเดินตามออกมา

“จะเที่ยงแล้ว หิวมั้ย?”

“ยังครับ” บอกพลางพยายามขืนข้อมือตัวเองออกมาแบบไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป

“งั้นเราไปไหนต่อกันดี”

RRR

ไอ้ไซน์อยากจะขอบคุณคนที่โทรมาได้ถูกจังหวะพอดี  พี่เต๋ายอมปล่อยข้อมืออย่างเสียดาย

“ฮัลโหลว่าไงแทน”

‘ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ไปเดทสนุกมากมั้ง?’

“ไม่ใช่นะ! ไม่ได้เล่นโทรศัพท์ แล้วโทรมามีอะไร” ไอ้ไซน์ขึ้นเสียงใส่คนปลายสายที่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ดังออกมา

‘ฝากซื้อของเข้าบ้านด้วย กลัวกลับก่อนเลยโทรมาบอก’

“ซื้ออะไรหละ”

‘ส่งไปให้ดูในไลน์แล้ว ฝากหน่อยนะ’

“เออๆ งั้นแค่นี้ก่อน” ไอ้ไซน์พูดกับคนในสาย สายตาก็หันไปมองพี่เต๋าที่ตอนนี้เดินนำหน้าไปโซนตุ๊กตาแล้ว

‘นี่กูโทรมาขัดจังหวะพวกมึงหรอ’

“ถ้าจะโทรมาล้อก็วางไปเลยไป”

‘ฮ่าๆ ไม่ล้อๆ วางแล้วนะ อย่าลืมซื้อของด้วย’ พูดจบก็ตัดสาย แล้วเดินตามพี่เต๋าไปทันที
ในร้านมีตุ๊กตาหลายชนิด หลายขนาด ตั้งแต่ตัวเล็กเท่านิ้วก้อยไปจนถึงตัวใหญ่เท่าสองคนโอบ (เว่อร์ไปมั้ง) พี่เต๋าเลือกดูตุ๊กตาหมาสีขาวที่ตาโตๆ เอียงคอไปทางซ้ายหน่อยๆ ทำหน้าสงสัยเหมือนไอ้คนที่ยืนข้างไม่มีผิด  หยิบตุ๊กตาหมาขึ้นมาแล้วเทียบกับคนที่อยู่ด้านข้างแล้วก็หัวเราะออกมา

“หน้าเหมือนน้องไซน์เลย ดูดิ” 

“พี่ต๋าวววววว” ไอ้ไซน์เรียกชื่ออีกคนลากเสียงยานบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ แต่พี่เต๋ากลับยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก เสียงที่อีกคนเรียกยานๆนั่นมันน่ารักน้อยที่ไหนหละ  ไหนจะหน้าหมาๆของคนเรียกอีก นี่เค้าเอาไอ้ไซน์มาทำแบบตุ๊กตารึไงนะ

“ไม่ล้อแล้วๆ พี่ซื้อตัวนี้ให้เอาป่ะ” ชูตุ๊กตาหมางงขึ้นพร้อมถาม

“ไซน์จะเอาตัวเองไปทำไมหละ?” ถามประชดกลับคนเป็นพี่ แล้วทำหน้างอนใส่

...โอ้ย พี่เต๋าเป็นโรคหัวใจครับ รู้สึกหัวใจมันจะพองโตเกินขนาดมากไปแล้ว ถ้าน้องไซน์ทำหน้าอย่างนี้จะงอนร้อยรอบ พี่เต๋าก็ยินดีที่จะง้อร้อยรอบครับ พูดเลยยยย

“ฮ่าๆ นั่นสินะ เดี๋ยวแฝดที่บ้านตกใจแย่ว่าทำไมมีน้องไซน์สองคน”  พี่เต๋ายังไม่เลิกล้อ จนไอ้ไซน์เดินมาหยิบตุ๊กตาหมางงจากมืออีกคนไปจ่ายตัง พี่เต๋ายืนเอ๋อพักใหญ่ ทำหน้างงคล้ายตุ๊กตาหมา ก่อนจะอ๋อ เมื่อน้องไซน์ถือถุงแล้วยื่นมาให้เขา

“เอาไปเลย”

“...”

“ก็ ก็...เป็นค่าขอบคุณที่พี่เต๋าเอาขนมอร่อยๆมาให้ทุกวันไง”

“...”

“พี่เต๋า เป็นอะไรเล่า เงียบทำไม”

“คือพี่ น้องไซน์ คือ พี่ พี่ น้องไซน์ แบบ”

“ไม่ชอบหรอ งั้นไซน์เอาเอง”

“ไม่ๆๆๆ พี่ชอบ ชอบมากเลยครับ ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย เอ้อ นั่นแหละ ขอบคุณนะครับ” พี่เต๋ารีบละล่ำละลักบอก มือก็ดึงถุงตุ๊กตาเอามาถือไว้เอง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ เดินตามคนตัวเล็กที่กำลังยุ่งกับโทรศัพท์ตัวเองอยู่

...แค่นี้พี่เต๋าก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้วครับ พี่เต๋าตายตาหลับแล้วครับ แม่ครับ แม่ต้องมาขอน้องไซน์ให้ได้นะครับ คนนี้แหละครับลูกสะใภ้ของแม่

“งั้น...กลับกันเลยนะ” ไอ้ไซน์หันมาบอกพี่เต๋าที่ดูอารมณ์ดีอย่างมาก จนเหมือนคนเมากัญชามา

“ดะ ได้ครับ กลับก็ได้”

.

.

.

“พี่เต๋า ไปส่งไซน์ที่ซุปเปอร์ใกล้ๆนี่ก่อนนะ ไซน์จะซื้อของ” ไอ้ไซน์บอก ดึงเบลท์มาคาดไว้ ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัว

“ครับ เดี๋ยวเราแวะกินข้าวด้วยเลยเนอะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไซน์ซื้อของนาน เดี๋ยวไซน์กลับเอง”

“เฮ้ย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด”  พี่เต๋ายังคงบอกเสียงเข้ม

“ไซน์รบกวนพี่เต๋ามาทั้งเช้าแล้วอ่ะ เดี๋ยวไซน์กลับเอง ...นะครับ” ไอ้ไซน์บอกเสียงออดอ้อน กระพริบตาปริบๆใส่ ให้คนขับรถด้านข้าง  พี่เต๋านี่แทบหยุดหายใจ  รีบละสายตาจากไอ้ไซน์ออกไปมองถนนข้างหน้า กระแอมเรียกสติตัวเอง

“งั้น เอาอย่างนั้นก็ได้”  สิ้นเสียงพี่เต๋า ไอ้ไซนืได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ  ลูกอ้อนของมันยังใช้ได้ผล ไม่ว่าจะใช้กับคุณแม่ กับไอ้พวกแฝด หรือกับพี่เต๋า  ทุกคนต่างก็ต้องสยบอยู่ภายใต้อำนาจลูกอ้อนของมัน อิอิ

.

.

.

 “ถ้าถึงบ้านแล้วน้องไซน์ก็ส่งข้อความหรือโทรมาบอกพี่นะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”  พี่เต๋าบอกขณะที่ไอ้ไซน์ปลดเบลท์ออกจากตัว เตรียมจะลงจากรถไปยังซุปเปอร์เพื่อซื้อของที่ไอ้พี่แฝดโทรมาย้ำอีกรอบในรถ เพราะกลัวมันจะลืม

“ครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ไซน์ยิ้มบอกคนขับรถ ก่อนจะเปิดประตู

“เดี๋ยว น้องไซน์!”

“?”

“พี่ซื้อให้”  ยื่นถุงเสื้อลายกราฟฟิก ที่ช่วยกันเลือกให้กับไซน์ พร้อมกับเกาท้ายทอยตัวเอง

“พี่เต๋า พี่เต๋าซื้อให้เพื่อนไม่ใช่หรอ? ให้ไซน์ทำไม” 

“ที่จริง...พี่ พี่อยากซื้อให้น้องไซน์ต่างหาก รับไว้นะ เอาไว้ใส่คู่กัน” พูดเองก็เขินเอง ต่างจากไอ้ไซน์ที่ทำหน้าหมางงสุดชีวิต นึกเกลียดในความหัวช้าของตัวเอง ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแต่ก็รับถุงเสื้อที่พี่เต๋ายื่นมาให้แบบงงๆ

“...เอ่อ งั้นไซน์ไปนะ ขอบคุณนะครับ”  ค้อมหัวลงแล้วก็เดินเข้าซุปเปอร์ไปพร้อมกับความคิดในหัว

...เอ้า ตกลงนี่พี่เต๋าหลอกกูมาซื้อของให้ตัวเองหรอ เอ๊ะ นี่กูมาทำอะไร ทำไมกูต้องตื่นเช้าเพื่อทำการอันไร้สาระนี่ เอ๊ะ สรุปแล้วพี่เต๋านี่ได้ซื้อของให้เพื่อนรึเปล่า เอ๋า ทำไมกูงงจัง

ไอ้ไซน์หยุดคิดเรื่องพี่เต๋า แล้วเดินไปเอารถเข็นมาใส่ของ พลางหยิบโทรศัพท์ออกมาดูรายการที่ไอ้แฝดส่งมาให้

...อืม สั่งเยอะขนาดนี้ไม่คิดหรอว่ากูจะหอบกลับยังไง

RRR

ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์จะด่าพวกพี่แฝดของมันในใจจบ โทรศัพท์มือถือก็สั่น หน้าจอโชว์หราว่าเป็นเบอร์ไอ้แฝดคนกลางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ...ตายยากกันจริง

“ว่าไงคอส”

‘อยู่ไหนหนะ?’

“ซุปเปอร์ มาซื้อของเข้าบ้าน ฝากบอกไอ้แทนด้วยถ้าว่างก็ทำตัวเป็นพี่แฝดที่ดีมารับกูด้วย ห่า สั่งซื้อของเยอะขนาดนี้ กะจะไม่ออกมาเจอโลกภายนอกบ้างรึไง” บ่นกะปอดกะแปดให้คนปลายสายฟัง

‘เอ้า แล้วนี่กูผิดอัลไลลลลล’

“ไม่รู้แหละ แทนกับคอสอยู่ด้วยกันก็โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด มารับกูเลย” หลังไอ้ไซน์พูดจบก็ไอ้ยินเสียงปลายสายไปบ่นกับแฝดคนโต บอกว่า มึงไปแกล้งอะไรมันอีก

‘ไว้กลับมาค่อยด่าไอ้แทนมันเองละกัน เอ้อไซน์ นี่มึงนัดไอ้ไจ๋ไว้หรอ?’

“นัดอะไรอีก” พูดออกไปก็ทำหน้างง วันเสาร์นี่นัดกับพี่เต๋าคนเดียวนะว่าจะออกมาซื้อของเป็นเพื่อน แต่น้องไจ๋นี่มายังไงวะ

‘เอ้า น้องมันโทรมาหากู บอกว่ามึงนัดไว้จะคุยเรื่องเรียนพิเศษ แล้วมึงก็เสือกไม่ทิ้งเบอร์ไว้ แชทไปมึงก็ไม่ตอบ มันก็เลยโทรหากูเนี่ย’

“คิดไม่ออกอ่ะ ไปนัดน้องมันตอนไหนวะ งั้นคอสก็บอกให้น้องมันมาหากูที่ซุปเปอร์เลยก็ได้ เผื่อกูนึกออกว่านัดอะไรมันไว้”  ตอบส่งๆไป ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจใส่ ก็เบะปากใส่โทรศัพท์

‘มึงมันเป็นหมาสมองปลาทอง’

“วางไปเลย ไม่พูดด้วยละ รำคาญ”

‘เออ กูก็รำคาญมึงเหมือนกันเนี่ย’

“มึงมันแย่” ว่าให้คนปลายสายเสร็จก็รีบตัดสายโทรศัพท์  เป็นแบบนี้ประจำสำหรับพวกแฝด ไม่ใช่ว่าด่ากัน โกรธกันจริงจังหรอก ขอแค่ให้ได้กัดกันนิดๆหน่อยๆก็เอา พวกมันไม่ใช่ประเภทที่ต้องพูดหวานๆใส่กัน ลงท้ายด้วยรักนะครับ จุ๊บๆ อะไรเทือกนั้น  พวกแฝดเน้น การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ...เบยยยย
ไอ้ไซน์มองรายการของแล้วเข็นรถเข็นไปตามโซนต่างๆที่ไอ้แฝดคนโตสั่งมา  มีตั้งแต่อาหารแห้ง อาหารสด ของกินเล่น ของใช้ในบ้าน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไปจนกระทั่งสมุดจด กระดาษรายงานกระดาษเอสี่  ได้ของเกือบครบก็เข็นรถเข็นกลับไปโซนอาหารแช่แข็งอีกครั้ง  เลือกหยิบพวกไอศกรีมรสต่างๆมาหลายกล่อง เพราะพวกแฝดชอบกินตอนที่กลับมาจากมหาลัย  ร้อนๆ ก็มานั่งตากแอร์ เปิดหนังดูพร้อมกินไอศกรีมกัน... ชีวิตดี๊ดีย์

RRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับไอ้ไซน์ที่เริ่มรำคาญ วันนี้นี่ไอ้พวกพี่แฝดโทรมากวนมันทั้งวัน จนอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง  ตั้งแต่เช้าละที่ออกมาจากบ้านกับพี่เต๋า ไอ้แฝดคนโตนี่ก็โทรมาถามว่ากินข้าวเช้ารึยัง ดูตอแหลเป็นพิเศษ

“ครับ” พูดสุภาพ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก

‘พี่อยู่ไหน’ เสียงปลายสายถามมาห้วนๆ ไอ้ไซน์ละโทรศัพท์ออกจากหูมาดูหน้าจอก็งงหนัก ก็ไม่ขึ้นชื่อใครนี่

“ซื้อไอติมอยู่ นี่ใคร?” บอกคนปลายสายซื่อๆ

‘เคๆ เดี๋ยวเดินไปหานะ’ ว่าจบปลายสายก็ตัดไป ไอ้ไซน์ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันไม่รู้ แล้วก็เดินเลือกไอศกรีมรสโปรดต่อ สักพักหนุ่มน้อยรูปงามนามว่าน้องไจ๋ก็เดินมาสะกิดแขนจึ้กๆจากด้านหลัง พร้อมยิ้มแฉ่งโชว์ฟันสวย

“เห้ย มาได้ไง?”

“ก็พี่บอกว่าซื้อไอติมอยู่ ก็เดินมาหานี่ไง” ผิดมั้ยที่ไอ้ไซน์มองว่าน้องมันกำลังกวนตีนอยู่

“ไม่ๆ หมายถึง มึงมาที่นี่ได้ยังไง” ถามอีกคนแล้วก็เข็นรถเข็นไปยังแคชเชียร์

“พี่คอสบอก ว..”

“เอ้อ แล้วนี่กูไปนัดมึงตอนไหนอ่ะ กูลืม” ไม่ทันที่น้องไจ๋จะแถลงไขจบ ไอ้ไซน์ก็แทรกขึ้นมาถามก่อน  ใบหน้าซื่อๆที่ถามออกมาทำให้อีกฝ่ายรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วเปิดโปรแกรมแชทส่งให้อีกคนดู

...อ๋อออออออ จำได้ละ นัดน้องมันมาคุยเรื่องเรียนพิเศษเมื่อวันก่อนที่ไปกินปิ้งย่างกัน เออๆๆ กูจำได้ละ

“นึกออกยัง?” น้องไจ๋ตัวสูงโน้มหน้าลงมาถาม

“เออ จำได้ๆ โทษทีนะ ลืมเลยอ่ะ แล้วนี่เอาใบคะแนนมาป่ะ”  น้องไจ๋พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะรีบเปิดซิบกระเป๋า หยิบกระดาษยับๆ ออกมายื่นให้คนที่เข็นรถเข็นอยู่  ไอ้ไซน์รับกระดาษมาดู ปล่อยมือจากรถเข็น จนน้องไจ๋ต้องทำหน้าที่เป็นคนเข็นรถเข็นให้แทน

“คะแนนแย่มากป่ะ พี่อย่าเอาบอกใครนะ ผมอาย” บอกอีกคนที่กำลังวิเคราะห์คะแนนด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ ไอ้ไซน์วิเคราะห์มากไปไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าน้องไจ๋หยิบของจากรถเข็นวางไว้ที่แคชเชียร์ให้พนักงานคิดตังค์เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งหมด สองพันหนึ่งร้อยสี่สิบสามบาทค่ะ” เสียงพนักงานแคชเชียร์บอก ไอ้ไซน์จึงเงยหน้าขึ้นมามองเห็นว่าน้องไจ๋กำลังยื่นบัตรเครดิตตัวเองให้พนักงาน

“เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวจ่ายเอง” ไอ้ไซน์รีบบอก แย่งบัตรเครดิตจากพนักงานมาคืนให้น้องไจ๋  แล้วเอาบัตรเครดิตของตนยื่นให้แทน

“ก็เห็นทำหน้าเครียด เลยว่าจะจ่ายให้ก่อน”  คนเป็นน้องบอก

“ก็เรียกสิ เรื่องอะไรมาจ่ายแทน  เป็นคนดีหรอออ”  ทำหน้าตายียวนใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเซ็นต์ลายเซ็นในใบเสร็จ แล้วก็ยกถุงพะรุงพะรังไปไว้ในรถเข็นตามเดิม

“พี่มายังไงเนี่ย”

“พี่เต๋ามาส่ง”

“แนะ บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ไปรับไปส่งกันเนอะ”  น้องไจ๋แซว ไอ้ไซน์ก็หันไปทำตาขวางใส่ทันที

“ไม่ใช่ อย่าล้อได้มั้ยหละ มันอึดอัด”

“ฮ่าๆ ไม่ล้อๆ แล้วจะกลับยังไง ให้พี่เต๋าไปส่งหรอ?”

“ไม่ๆ กลับแท็กซี่” บอกพลางเข็นรถเข็นลงบันไดเลื่อนโดยมีน้องไจ๋คอยช่วยดึงรถเข็นไว้อีกแรง

“เดี๋ยวไปส่งละกัน จะได้คุยเรื่องเรียนด้วย”

“ที่จริงไจ๋ไม่ต้องถ่อมาถึงนี่ก็ได้นะ นัดที่อื่นก็ได้” ไอ้ไซน์พูดขึ้น

“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ พอดีผมออกข้างนอกด้วยแหละ นึกขึ้นได้ว่าพี่นัด แต่พี่ไม่ตอบแชทผมสักที ก็เลยโทรหาพี่คอส เห็นว่าพี่อยู่ใกล้ๆเลยมาหาเลย” น้องไจ๋บอกยาว ไอ้ไซน์พยักหน้าอ๋อ  ลงจากบันไดเลื่อนก็ตรงไปยังเคาท์เตอร์ของเคเอฟซี สั่งแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้น เฟรนส์ฟราย แปปซี แล้วก็ สลัดทูน่าอีกสองถ้วย

“กินที่นี่ป่ะ?” หันมาถามคนเป็นน้อง

“แล้วของหละ เอาไว้หน้าร้านหรอ เดี๋ยวหายนะพี่ไซน์”

“เอาไงดีอ่ะ หิว” ไอ้ไซน์บอกทำหน้าน่าสงสาร จนคนเป็นน้องอดห่วงไม่ได้

...นี่ไปเดทกับพี่เต๋ามายังไงไม่พากันไปกินข้าวกินปลา จะบ่ายสองอยู่ละ เดี๋ยวก็ได้เป็นกระเพาะกันพอดี

“เอาขึ้นไปกินบนรถก็ได้”

“เดี๋ยวกลิ่นมันติดรถนะ” ไอ้ไซน์ทัก เพราะไอ้พี่แฝดของมันไม่ค่อยชอบให้เอาของขึ้นไปกินในรถ เลยถามคนเป็นน้องก่อน

“ไม่เห็นเป็นไร” พอคนเป็นน้องพูดจบ ไอ้ไซน์ก็พยักหน้ายิ้มแป้น บอกพนักงาน พร้อมจ่ายตังเสร็จสรรพก็พากันเข็นรถเข็นออกมายังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ช่วยกันหิ้วถุงไปใส่ไว้ท้ายรถของน้องไจ๋จนหมดก็ขึ้นรถ ไอ้ไซน์รีบแกะห่อเบอร์เกอร์ของตัวเองเข้าปากอย่างกับคนอดอยากมาหลายเดือน

“กินมั้ย ซื้อมาสองอัน” หันมาถามคนขับรถทั้งๆที่ยังเคี้ยวไม่หมด

“พี่เต๋านี่ไม่พาพี่ไปกินข้าวรึไง จะบ่ายสองอยู่แล้วทำไมพึ่งมากิน” ขมวดคิ้ว ถามเสียงดุ หันมามองหน้ารุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็นึกหงุดหงิดให้พี่เต๋าอะไรนั่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดทำไม

“กลัวรบกวนพี่เต๋า” บอกเสียงอ่อนให้คนที่กำลังขับรถฟัง

“คาดเบลท์ด้วย” ไอ้ไซน์งงๆกับพฤติกรรมของน้องไจ๋ แต่ก็พยักหน้า แล้วคาบเบอร์เกอร์ไว้ในปาก ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงสายเบลท์มาคาดตัวเอง เสร็จแล้วก็แกะเบอร์เกอร์อีกห่อยื่นให้อีกคนด้านข้างที่ทำหน้าเครียด คิ้วจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว

“อร่อย กินดู” เมื่อเห็นว่าน้องไจ๋ไม่รับห่อเบอร์เกอร์ ก็เอาไปจ่อปากทรงกระจับนั่น ถึงได้อ้าปากงับเคี้ยวตุ้ยๆเข้าไป  ไอ้ไซน์หันมาสนใจเบอร์เกอร์ของตัวเองต่อ แอบอมยิ้มให้กับรุ่นน้องของไอ้แฝดคนกลาง ที่ถึงคิ้วจะขมวดกันเป็นโบว์แต่ปากก็กลับเคี้ยวเบอร์เกอร์ที่ถูกป้อนโดยไอ้คนทรงหัวเห็ด มันดูน่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้สิ หน้าตาเครียดๆแบบนั้นแต่ก็กลับเคี้ยวอย่างอร่อย ดูสวนทางกันจัง

“ยิ้มอะไร” น้องไจ๋ถาม หน้าก็ยังมองถนน ตั้งใจขับรถอยู่

“เบอร์เกอร์อร่อย” บอกอีกคนแล้วหันไปยิ้มตาหยีให้ น้องไจ๋เหลือบมามองก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

...แค่กินเบอร์เกอร์แล้วบอกว่ามันอร่อยนี่จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้มั้ย  บ้าหวะ

.

.

.

 กลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่ว ภายในร้านเบเกอรี่แถวๆ มหาลัย  คนทรงหัวเห็ดจ้องเค้กที่อยู่ในตู้กระจกอย่างละสายตาไม่ได้ ขณะที่คนตัวสูงนามว่าน้องไจ๋กำลังยืนคุยกับเจ้าของร้านที่ชื่อว่าพี่ปิงปิงอยู่ ไอ้ไซน์ทำยึกๆยักๆ จะสั่งขนมที่อยู่ในตู้แช่แต่ก็ไม่สั่งซักที อยากกินอันนี้ แต่อันนั้นก็น่ากิน  อันนู้นก็น่าอร่อยไปหมด  ทั้งๆที่พึ่งจัดการกับอาหารฟาสต์ฟู๊ดไปหมดเมื่อกี้

“เอามูสเค้กสตอว์เบอรี่ดิพี่ อร่อย” เสียงทุ้มๆดังข้างหู ไอ้คนหัวเห็ดหันไปมองก็ถอนหายใจใส่

“กรีนทีชีสเค้กก็น่าอร่อยนะ บราวนี่ฟัดจ์ก็ด้วย ฮืออออ เอาหมดเลยได้มั้ย”  หันมาเบะใส่คนเป็นน้อง ก่อนจะจ้องเค้กในตู้กระจกต่อ

“พึ่งกินเบอร์เกอร์ไปเองไม่ใช่หรอ เดี๋ยวก็ท้องแตกกันพอดี”  ปรามอีกคนที่ทำหน้าเลือกไม่ได้

“งั้นน เอา มูสเค้กสตอ์เบอรี่ก็ได้ครับ ไจ๋เอาป่ะ” บอกพนักงานแล้วก็หันมาถามอีกคน

“ไม่อ่ะ ผมไม่ค่อยชอบหวาน แต่เอาโกโก้เย็นแก้วนึงนะครับ” บอกพี่พนักงานเสร็จก็เดินนำคนหัวเห็ดมานั่งที่โต๊ะติดกำแพง แอร์เย็นฉ่ำๆกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆทำให้ไอ้ไซน์รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่นาน พี่ผู้หญิงที่น้องไจ๋บอกว่าเป็นเจ้าของร้านก็เดินเอาเค้กกับโกโก้มาเสิร์ฟ

“น้องไซน์ พี่ฝากเจ้าไจ๋มันด้วยนะคะ เรื่องภาษานี่มันไม่รอดจริงๆ” 

“ครับพี่ปิง อย่าห่วงเลย” บอกแล้วก็ยิ้มให้พี่ปิงปิง 

ร้านเค้กของพี่ปิงปิงเป็นร้านเค้กชื่อดังในย่านมหาวิทยาลัย เพราะเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ในร้านมีมุมน่ารักๆเอาไว้ถ่ายรูป จึงได้ใจของนักศึกษาสาวๆไปเต็มๆ  พี่ปิงปิงเป็นพี่สาวของน้องไจ๋ (พี่แท้ๆด้วยนะ)  น้องไจ๋บอกว่าเวลาจะติวก็มาติวที่ร้านพี่ปิงปิงได้ ใกล้มหาลัย อีกอย่างกินฟรี อิอิ  สิทธิพิเศษของคนสอนเพราะพี่ปิงบอกว่า น้องไจ๋ของเธอนั้นหัวช้าซะยิ่งกว่าหอยทาก กลัวไอ้คนทรงหัวเห็ดจะถอดใจไม่สอนซะก่อนเลยต้องเอาของฟรีมาล่อ ไอ้ไซน์นี่ตาเป็นประกายวิบวับเลยครับ คนหัวทรงเห็ดตักเค้กเข้าปากไปก็พูดอร่อยไม่หยุด รสชาติหวานๆของมูสตัดกับรสเปรี้ยวของสตอร์เบอรี่ทำให้ไม่เลี่ยน กินจนจะหมดถ้วย ก็หยิบกระดาษคะแนนของน้องไจ๋ออกมาดูอีกครั้ง แล้วก็เอาปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะมาเขียนยึกๆยือๆ

“เป็นไงมั่งอ่ะพี่ มันแย่มากใช่มั้ย”

“ก็ดีแล้วที่มันไม่แย่ไปกว่านี้ อือ อาจจะต้องทวนพื้นฐานอีกรอบนิดหน่อย คะแนนไจ๋ก็พอถูๆไถๆไปรอดนะ ที่จริง ไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มก็ผ่านอ่ะ”  ไอ้คนทรงเห็ดเงยหน้าขึ้นมาบอก

“ได้ไง ผมไม่ได้อยากให้มันพอผ่านนะเว้ย ถ้างั้นผมจะประกาศหาคนติวให้ทำไม” คนเป็นน้องว่า

“จะโมโหทำไม ก็ลองบอกไว้เฉยๆ” ไอ้ไซน์บอกเสียงอ่อน หลุบตาลงมองกระดาษคะแนนในมืออีกครั้ง มันก็แค่ตกใจที่น้องดูโมโหทั้งๆที่เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ได้ไซน์พูดในเชิงชมว่าคะแนนก็ไม่ได้แย่ แต่สงสัยน้องไจ๋คงแปลความหมายผิดไป

“...”
“...”

“ขอโทษครับ”  คนเป็นน้องบอกขอโทษเสียงอ่อน ดูตกใจกับตัวเองเหมือนกันที่เผลอขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่ตรงหน้า ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าบอกไม่เป็นไร

“งั้น เริ่มวันอังคารนี้เลยเนอะ” เงยหน้ามาพูดสบตากับอีกคน แต่ก็ต้องหลุบสายตาตัวเองก้มมองโต๊ะเมื่อเห็นว่าน้องไจ๋กำลังมองอยู่ก่อนแล้ว

“อืม” คนเป็นน้องรับคำเบาๆทั้งที่ยังมองหน้าเล็กๆของไอ้ไซน์ไม่เลิก

“งั้นกลับเถอะ เดี๋ยวไอติมละลาย”


“พี่แม่งต๊องหวะ” แล้วน้องไจ๋ก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ เพราะใบหน้าซื่อๆกับคำพูดที่เหมือนจะกวนตีน ของไอ้ไซน์  ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่าที่จะให้บรรยากาศมันกลับมาดี แต่นั่นแหละ บรรยากาศมันก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว

.

.

.

“ไหวแน่นะ”  น้องไจ๋ถามคนหัวเห็ดที่ถือถุงพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือเต็มไปหมด ไม่ยอมให้น้องไจ๋ถือขึ้นไปส่งที่คอนโดช่วย

“อื้อ กลับไปได้แล้ว ขับรถดีๆหละ”

“ไว้เจอกันนะพี่”

“บ๊ายบาย” ยกมือขึ้นโบกก่อนจะหอบหิ้วถุงสัมภาระขึ้นลิฟต์ไปยังห้องของตัวเอง พอถึงห้องก็ไม่วายโดนไอ้พวกพี่แฝดซักถามเกี่ยวกับเรื่องของพี่เต๋า ลามไปจนถึงเรื่องเรียนพิเศษของน้องไจ๋  ไอ้ไซน์ที่ตั้งใจว่าถ้ากลับมาจะมาเหวี่ยงใส่ไอ้พวกแฝดพี่ก็ลืมทันทีเพราะมัวแต่ยุ่งตอบคำถามไร้สาระกับพวกแฝด ลืมไปเลยว่าต้องโทรบอกพี่เต๋า ลืมๆๆๆ ลืมแม่งทุกอย่าง ไม่ลืมอยู่อย่างเดียวคือต้องเตรียมชีทเรียนพิเศษให้อีกคนที่ทำหน้าจริงจังตอนอยู่ในร้านพี่ปิงปิง สีหน้าที่บ่งบอกว่าจริงจังกับเรื่องเรียน จนเผลอขึ้นเสียงใส่ยังติดตาไอ้ไซน์อยู่จนมันไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากเข้ามานั่งในห้องอ่านหนังสือ ทวนความรู้ของตัวเองจะได้เอาไปถ่ายทอดให้อีกคนอย่างเต็มที่  มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าไอ้ไซน์เปลี่ยนหน้าเครียดๆของน้องไจ๋ เป็นหน้ายิ้มดีใจได้


...มันต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ


รักพวกแฝดเยอะๆนะะะะะะะะ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
น้องไซน์น่ารัก :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ชอบแฝด...น่ารักมาก โดยเฉพาะตอนอยู่ด้วยกัน ตอนอยู่บ้านคุณแม่กับคุณพ่อคงปวดหัวน่าดู

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องไจ๋เริ่มรูกสึกดีกับพี่ไซน์แล้วสินะครับ รีบๆ ลงมือจีบได้แล้ว เดี๋ยวพี่เต๋าก็งาบไปก่อนหรอก

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
6
Too Close


สองอาทิตย์ต่อมา

เช้าวันเสาร์เวลาเก้าโมงเช้า สามฝาแฝดยังคงนอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา  ภายในห้องนอนที่เย็นฉ่ำ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ ไอ้ไซน์ตื่นนอนแล้ว แต่ยังไม่ลุก นอนคิดเรื่อยเปื่อยไปมาด้านข้างขนาบด้วยไอ้คอส แฝดคนกลาง และไอ้แทน แฝดคนโต ที่บางครั้งก็พลิกหันเอาขาหนักๆมาก่ายมันบ้าง ดึงมันไปกอดมันบ้าง แต่ไอ้ไซน์ก็ไม่ผละออก

...อุ่นดี

วันนี้สามแฝดต้องทำตัวให้ว่าง เพราะคุณแม่โทรศัพท์มาบอกไว้ตั้งแต่คืนก่อนแล้วว่าจะมาหา เพราะพวกสามแฝดยังไม่ว่างไปกลับบ้านสักที คุณแม่เลยต้องถ่อมาดูความเป็นอยู่ของลูกชายถึงที่ ไอ้ไซน์ที่ควรจะไปสอนพิเศษตอนสี่โมงก็ต้องเป็นอันยกเลิกกับน้องไจ๋ไป  ส่วนไอ้คอสที่บอกว่าต้องไปคุยโปรเจคก็ต้องเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้ และไอ้แทนบอกว่าจะเข้าไปอ่านหนังสือที่คณะก็ต้องเก็บพับโครงการไว้ก่อน พอคุณแม่จะมา อะไรๆก็จะเปลี่ยนแปลงไปหมด

“twinkle twinkle little star, how I wonder what you are.”  ไอ้คนหัวเห็ดร้องเพลงเมื่อสมัยเป็นเด็กออกมาเบาๆ ตาก็จ้องมองเพดานห้องที่มีดาวเรืองแสงสีเขียวแปะอยู่ดวงเดียว (จริงๆมีหลายดวงแต่ดวงอื่นกาวมันหมดอายุเลยร่วงตกหมดแล้ว) ฮึมฮัมเพลงต่อไปเรื่อยๆก็พลิกตัวเข้าหาแฝดคนโต นิ้วชี้เล็กๆจิ้มลงไปที่จมูก เกาเบาๆ ให้จั้กจี้ พอไม่มีทีท่าว่าแฝดคนโตจะตื่นก็หันพลิกตัวไปแกล้งแฝดคนกลางอย่างไอ้คอสบ้าง ใช้นิ้วชี้อีกข้างวาดลงไปบนแผ่นหลังไอ้คอสที่นอนหันหลังให้จนเจ้าตัวรำคาญ พลิกตัวหันหน้าเข้าหาไอ้คนหัวเห็ดแล้วล็อกคออีกคนให้มาซุกใต้รักแร้ทั้งๆที่ยังหลับตา  ไอ้ไซน์ดิ้นยุกยิกพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักก่อนไอ้แฝดคนกลางจะปล่อย

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำดิ มาแกล้งคนอื่นอยู่ได้” ไอ้คอสพึมพำบอก

“ฮื่อ หนาว” ว่าแล้วก็มุดหน้าลงไปใต้ผ้าห่ม เขยิบไปซุกไอ้พี่แฝดคนโตมั่ง

“พอแม่จะมานี่ดี๊ด๊าเชียว” ไอ้แทนว่าเข้าก่อนจะจับหัวทุยที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่มโยกไปมา

“อื้อ ใครทำอะไรไว้จะฟ้องให้หมดเลย” ไอ้ไซน์โผล่หน้าออกจากผ้าห่มมาพูดเสียงแป้นแล้น พวกพี่แฝดอดหมั่นไส้ไม่ได้ บีบจมูกปิดปาก แกล้งไอ้ไซน์จนไอค่อกแค่ก หน้าดำหน้าแดงไปหมด

“กูก็จะฟ้องเหมือนกัน”  ไอ้คอสบอก

“เค้าไม่มีอะไรให้ฟ้องหรอก เค้าเป็นเด็กดี”

“ดีที่หน้าอะดิ เดี๋ยวนี้ผู้ชายมารับมาส่งไม่เว้นแต่ละวันเลยนะน้องไซน์”  ล้อคนเป็นน้องไปอีก ก็จริงอย่างที่ไอ้พี่แฝดพูด เดี๋ยวนี้เวลาจะไปไหนต้องมีพี่เต๋าคอยไปส่ง จะปฏิเสธพี่แกก็ทำหน้าเบะใส่ เอาบุญคุณที่สั่งสมมาตั้งแต่ปีหนึ่งขึ้นมาอ้างจนไอ้ไซน์ ไปก็ได้วะ ด้วย พอละจากพี่เต๋าก็จะเป็นเด็กไจ๋ ที่ทำเป็นว่าเลิกดึกแล้วอ้างไปส่งเพราะทางเดียวกัน  อย่าคิดว่าไอ้ไซน์ไม่รู้นะ ว่าบ้านมันกับบ้านน้องไจ๋อยู่คนละฟากเลย แต่ไอ้เด็กไจ๋นี่หนักหน่อยตรงที่ปฏิเสธไม่ได้ แม่มเอาขนมที่ร้านมาล่อให้กลับด้วย ไอ้ไซน์ไม่ได้เห็นแก่กินนะ ก็แค่ดีซะอีกที่ไม่ต้องเปลืองเงินค่าแท็กซี่กลับเอง หรือเปลืองน้ำมันรถตัวเองที่ต้องให้ไอ้พี่แฝดมารับ

“พี่น้องท้างน้านนนน นี่จะยัดเยียดให้น้องไซน์เป็นเกย์หรอ” ทำเป็นพูดเพราะ ปะเหลาะปะแหละ น้องไซน์อย่างนั้นน้องไซน์อย่างนี้  ดูหน้ามันดิ เจ้าเลห์ยิ่งกว่าอะไร บอกเลยว่าคนอย่างไอ้ไซน์ถ้าไม่มีผลประโยชน์ด้วย ไม่ยอมให้ใครมารับมาส่งวันเว้นวันขนาดนี้หรอก ติดพี่ยิ่งกว่าอะไร  แสดงว่าเรื่องนี้ต้องมีเงี่ยน เอ๊ย เงื่อนงำแน่ๆ...

“แล้วมึงเป็นปะหละ กูพูดตรงๆเลยนะ หน้ามึงหนะ เหมาะจะเป็นเมียมากกว่าเอาเมียอีกไอ้ไซน์”

“พี่แทนนนน ฟังพี่คอสมันพูดดิ สมองมันอ่ะก็คิดแต่เรื่องอกุศล ไม่ฉลาดใช้สมองแบบพี่แทนเลยเนอะ”  หันไปปะเหลาะกับแฝดพี่คนโตมั่ง รายนี้ท่าจะชอบให้ไอ้ไซน์อ้อน เอาแต่นอนยิ้ม พริ้ม มีความสุขเชียว

“หึหึ มึงโดนแล้วไงไอ้คอส บอกเลยนะวันนี้กูเข้าข้างน้องไซน์ของกู”

“เออ เทกูเลย เทกูเลยยยย พวกมึงมันแย่” ว่าแล้วก็เอื้อมมือยาวๆของตัวเองไปผลักหน้าผากไอ้คนที่นอนหัวเราะอารมณ์ดีอยู่กับพี่มัน ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำ ในขณะที่สองพี่น้องยังคงนอนคุยกันงุ้งงิ้งอยู่ อะไรมันจะขนาดนั้น พี่แทนว่าอย่างนั้น น้องไซน์ก็ว่าอย่างนี้

...เออ ในบ้านนี้คงมีแค่ไอ้คอสคนเดียวนั่นแหละที่แปลกพวก น่าหมั่นไส้ทั้งคู่ หนีออกจากบ้านแม่ง!

.

.

.

“น้องไซน์ ทำไมยังไม่อาบน้ำครับ พึ่งตื่นหรอ”  เสียงผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีเอ่ยทักเจ้าแฝดคนเล็กที่วิ่งปรี่เข้ามาหอมแก้มคนเป็นแม่ ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา

“วันนี้เป็นหนาวๆ สงสัยจะไม่สบาย อยากกอดแม่ทั้งวันเลย” ยิ้มออดอ้อน จนคนเป็นแม่อดเอ็นดูไม่ได้ ในบรรดาลูกชายทั้งสามคนเนี่ย ยอมรับเลยว่าคุณแม่จะค่อนข้างตามใจไอ้ไซน์สุดๆเพราะเป็นเด็กขี้อ้อน รู้ว่าควรทำอะไรให้ผู้ใหญ่รัก ผู้ใหญ่หลง ส่วนพวกพี่แฝดทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก ชอบพูดจากวนตีนไม่เว้นแม้กระทั่งแม่ตัวเอง จนคนเป็นแม่นี่อยากจะฟาดให้ลายเต็มหลังเลย

“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไปถือของช่วยพ่อเค้าเร็ว” คุณแม่ลูบหัวไอ้ไซน์แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางคุณพ่อที่กำลังเดินเข้าห้องพร้อมกับถุงใบใหญ่

“พ่อ กอดหน่อย” ไม่ได้สนใจที่คุณแม่สั่ง วิ่งโร่เข้าไปกอดคนเป็นพ่อพุงพลุ้ย จนคุณพ่อเซไปด้านหลัง

“สวัสดีสิไอ้เด็กนี่ ทักทายคนแก่แบบนี้ได้ไง”  ถึงจะว่าแต่ก็ยิ้มออกมา มองเจ้าแฝดคนเล็กของบ้าน

...เออตัดผมทรงกะลาครอบแล้วมันก็น่าหยิกไปอีกแบบนึงหวะ

  “รู้หน่าว่าชอบ ไม่ต้องมาดุกลบเกลื่อนเลยพ่อ ..คอส แทน มาช่วยพ่อถือของสิ ห่วงกินอยู่ได้” ยิ้มทะเล้นใส่คนเป็นพ่อแล้วก็หันไปตะโกนเรียกพี่แฝดที่นั่งค้นของกินในถุงอยู่บนโต๊ะอาหาร ขณะที่คุณแม่กำลังเก็บของเข้าตู้ให้
สมาชิกในบ้านอันประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ ไอ้สามแฝด แทน คอส ไซน์ กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว พูดคุยกันสัพเพเหระตามประสาพ่อแม่ลูก  แต่เสียงแจ้วๆมากกว่าใครเพื่อนก็คงเป็นเสียงจากไอ้ไซน์ที่ขยันเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้คนแก่สองคนฟัง  ไม่วายขุดเรื่องที่โดนทิ้งมาฟ้องคนเป็นพ่อกับแม่  เรื่องไหนที่พอจะทำให้ไอ้พวกพี่แฝดโดนด่านี่เล่าออกมาให้หมด

...จะได้รู้ว่าอย่ามารังแกคนอย่างไอ้ไซน์ แบล็คดีก็เงี้ยะ อุอิ

“เอ้อ น้องไซน์มีคนมาเรียนพิเศษเพิ่มด้วยแหละนะแม่ ชื่อน้องไจ๋ คุ้นๆเหมือนเคยเรียนพิเศษอยู่บ้านเราด้วย” นึกขึ้นได้ก็เล่า

“อ้อ ไจ๋ แล้วน้องไซน์สอนเยอะ เหนื่อยมั้ยหละ ถ้าเหนื่อยก็เลิกทำนะ พ่อกับแม่เป็นห่วง วันก่อนโทรไปก็บอกว่าเลิกดึก แม่หละกลัวว่าจะไม่มีคนไปรับ” คุณแม่บอก สายตาห่วงใยส่งผ่านมาให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไอ้ไซน์นี่นั่งน้ำตาคลอจะหยดแหมะลงมาอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่า

“โอ้ยแม่ เดี๋ยวนี้น้องไซน์มีสารถีขับรถมารับมาส่งทุกวันนั่นแหละ เนื้อหอมจะตาย” ไอ้คอสได้ทีพูดก็รีบแทรกเข้ามาทันที หันไปยักคิ้วจึ้กๆ ให้กับคนหัวเห็ดที่นั่งตาขวางมองอยู่

“หืม ? ใครหละ”  คุณพ่อเลิกคิ้วถาม

“เดี๋ยวก็พี่เต๋าเอย เดี๋ยวก็น้องไจ๋เอย ลืมคอสกับแทนที่นั่งรออยู่บ้านแล้วเนี่ย” เสี้ยมเข้าไป ใส่ไฟให้เผาจนไหม้ไปเลยยย

“น้องไซน์มีแฟนแล้วอ่ะดิ” คุณแม่หัวเราะ แกล้งแซวลูกชายตัวเองที่ทำหน้าหงิกหน้างอใส่ไอ้แฝดคนกลางอยู่

“น้องไซน์ยังไม่มีแฟน น้องไซน์ยังชอบเนยอยู่นะแม่” พูดเองก็เขินเอง คนเป็นพ่อได้แต่นั่งมองดูความแก่แดดแก่ลมของไอ้ไซน์ที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ไอ้แฝดคนเล็กนี่ก็เหมือนไม่โตขึ้นสักที

“วันหลังก็ชวนน้องเนยไปกินข้าวกับแม่บ้างสิ เห็นบอกว่าน่ารักนักหนา แม่ก็อยากเห็นหน้าแล้วเนี่ย”  พอคุณแม่พูดแบบนี้ไอ้ไซน์ยิ่งยิ้มแป้นเข้าไปใหญ่   มือไม้เกะกะ จนต้องยกขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง

“ไปกันใหญ่แล้วแม่ ชวนไปกินข้าวอะไร เคยคุยกันถึงสามประโยคมั่งมั้ยเถอะ” เสียงทุ้มของเจ้าแฝดคนโตพูดขึ้นมาถูกใจทุกคน เสียงหัวเราะก็ดัง ผิดกับเจ้าตัวที่ยิ้มแป้นได้ไม่ทันไรก็หุบแทบจะไม่ทัน

...ไอ้พี่แทน ไหนบอกวันนี้มึงบอกจะเข้าข้างกูไง  ใจหมาาาาาาาาาาา

“ทำเป็นแซวน้อง ว่าแต่เราเถอะ ไปแอบชอบสาวที่ไหนฮึพี่แทน บอกแม่มาเลยนะ”

“สาวที่ไหนหละแม่ วันๆนั่งอ่านหนังสือกับดูแลพวกแฝดนี่ก็ไม่ได้มองใครแล้ว” พอเป็นเรื่องของตัวเองนี่แทบจะปัดทิ้งทันที

“หูย อย่าพูดดี ดูลงดูแลอะไร ถามหาทีไรหมกอยู่แต่คณะ เนอะไซน์เนอะ” ไอ้คอสรีบพูดแย้งหาแนวร่วม หันมาเนาะมาเนอะกับไอ้ไซน์

“ใช่ๆ ช่วงนี้ติดรถด้วยนะพ่อ ไม่รู้ว่าแอบไปรับสาวที่ไหนมานั่งเป็นตุ๊กตาน่ารักอยู่บนรถรึเปล่า” ได้ทีแก้แค้นก็รีบฟ้อง ณ ตอนนี้คำว่าพี่น้องอะไรไม่มีแล้วหละ ใครเผาได้ต้องเผา

“ดีกรีคุณหมอ ใครก็อยากได้ ไอ้พวกที่ไม่มีนี่มันอิจฉา พ่ออย่าไปฟังพวกมันมาก”  ได้พูดแล้วก็อวยตัวเองซะ คนเป็นพ่อได้แต่นั่งหัวเราะคำพูดเจ้าแฝดคนโต ตบโต๊ะบอกไอ้นี่มันเสน่ห์แรงเหมือนพ่อตอนเป็นหนุ่ม แล้วคนแก่สองคนก็นั่งลำลึกความหลังมาเล่าให้ลูกฟัง ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเสียจริง อบอุ่นจนร้อน เพราะต่างคนต่างนั่งเผากัน

.

.

.

20.51 น.

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
หลังจากที่คุณแม่ไล่ไอ้ไซน์ไปอาบน้ำได้สำเร็จก็เตรียมตัวกลับบ้าน  ไอ้ไซน์งอแงบอกจะให้นอนค้างคืนนึง แต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้มีสอนพิเศษแต่เช้า  โครงการอ้อนก็ใช้ไม่ค่อยได้ผล ไอ้ไซน์จึงได้ยืดเวลาไว้ เอาแต่นอนหนุนตักซุกเอวคนเป็นแม่ ได้เวลาสมควรคุณพ่อ กับคุณแม่ก็ต้องลุกออกจากห้องของสามแฝดไป ทิ้งท้ายด้วยคำว่า รักกันนะ อย่าทะเลาะกัน พี่แทนดูน้องด้วยนะครับ แล้วก็จุ๊บแก้มลูกชายไปคนละที นั่นแหละ ไอ้ไซน์ก็นั่งเป็นหมาหงอยบนโซฟาทันที

“ทำหน้าเป็นหมาโดนทิ้งอยู่ได้ ลุกไปเอาไอติมออกมากินเร็ว” แฝดคนกลางนอนลงเบียดคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วออกคำสั่งให้ไอ้หมาหงอยไปหยิบไอติมมากิน

“ไซน์แปรงฟันแล้วไม่อยากกิน” บอกแล้วก็จ้องไปหน้าทีวี ทำเป็นสนใจหนังที่ฉายอยู่

“งั้นถ้ากูไปเอามาแล้วอย่ากินนะ”

“กินดิ” พูดจบก็โดนมือใหญ่ผลักหัวให้หงายหลัง ก่อนไอ้แฝดคนกลางจะลุกขึ้นไปหยิบกล่องไอศกรีมช็อกโกแลตมานั่งกินกับไอ้แฝดคนน้อง

 “ไซน์ โทรศัพท์” เสียงไอ้แฝดคนโตตะโกนบอกเสียงดังมาจากในห้องอ่านหนังสือ  ไอ้หมาไซน์คาบช้อนไอติมวิ่งดุ๊กดิ๊กไปตามเสียงเรียกเข้าของมือถือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือข้างแฝดพี่


‘Jai EN’

หน้าจอโทรศัพท์บอกชื่อของคนที่โทรเข้ามา 

“ว่าไง?”

‘พี่ไซน์ พรุ่งนี้เย็นๆไปดูละคณะวิศวะกัน’

“ห๊ะ ?” ไอ้ไซน์วางช้อนไอติมลงบนหนังสือสักเล่ม มือก็จับโทรศัพท์แนบหูอย่างตั้งใจฟังคนปลายสายอีกครั้ง

‘ไปดูละคร คณะผมไง ไปจิ๊กบัตรได้มาสองใบเนี่ย’

“ไปกับใครอะ”

‘ก็...เราสองคน’

“...” 

‘พี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ผมลองถามดูเฉยๆ’

“เห้ย ไม่ใช่ไม่ว่าง...เอาดิ ไปก็ไป ละครแนวไหนหละ” ถามปลายสายแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ หยิบดินสอขึ้นมาหมุนเล่น

‘ญี่ปุ่น ซามูไร ทำนองนี้แหละ’ เสียงทุ้มๆของน้องไจ๋จากปลายสายดังขึ้นอย่างร่าเริง

“อาฮะ กี่โมง”

‘ประมาณสี่โมงเย็น เดี๋ยวผมไปรับด้วยเลย’ 

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเจอกันที่คณะมึงเลยก็ได้ วันนี้ก็พึ่งโดนแซวมาว่ามีแต่ผู้ชายมารับมาส่ง กูนี่ดูเป็นคนใจแตกทันที”  บ่นให้คนปลายสายฟัง  แอบชำเลืองมองไปทางไอ้แฝดคนโต ก็เห็นว่าไอ้แทนกำลังแอบยิ้มอยู่

...อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะมึงแอบฟังกูอยู่  ทำเป็นอ่านหนังสือไปเถอะ

‘ฮ่าๆๆ เอางั้นก็ได้ วันนี้พี่ปิงบ่นหาพี่ตลอดเลย’ 

“บ่นว่าไงหละ”


‘คิดถึง’


“...”
‘...’ 

“อื้อ อยากกินเค้กเลยอะ ฮ่าๆ”  ไอ้ไซน์หัวเราะแห้งๆไปให้  รวนเปลี่ยนเรื่อง  มือข้างที่ถือดินสออยู่ก็ยกขึ้นมาเกาแก้ม ลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก  ก่อนที่จะพาตัวเองเดินมาห้องนอน ซุกตัวลงไปใต้ผ้าห่มผืนหนา

...บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว ทำไมต้องตื่นเต้นแค่น้องไจ๋พูดว่าคิดถึงด้วย

‘นอนแล้วหรอ’ 

“ยะ ยัง แล้วไจ๋หละ” 

‘ยัง รอพี่ตอบแชทอยู่ พี่ไม่ตอบสักทีก็เลยโทรมา’ น้ำเสียงน้อยใจนิดๆนั่น ทำไอ้ไซน์เผลอยิ้มออกมา ใครๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ ถ้าไม่ด่วนจริงๆก็อย่าหวังเลยว่าจะติดต่อมันได้

“โทษๆ กินไอติมกับไอ้คอสอยู่”

‘กินอะไรเอาป่านนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย’

“กูเป็นคนเหล็กไม่รู้รึไง ฮ่าๆๆ”


ไอ้ไซน์นอนคุยโทรศัพท์กับน้องไจ๋ตั้งแต่สี่ทุ่ม จนตอนนี้เที่ยงคืนจะครึ่งอยู่แล้ว  นึกแปลกใจที่มีเรื่องให้คุยกันได้ตลอด  แม้จะมีขัดๆกัน ด่ากันบ้างตามประสาที่คนเป็นน้องชอบกวนตีน แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากวางสายก่อน  เรื่องสัพเพเหระตั้งแต่สมัยมัธยมถูกขุดคุ้ยมาเล่าให้อีกคนฟังอย่างไม่รู้เบื่อ  จนกระทั่งไอ้ไซน์เริ่มสติหลุด ฟังเรื่องของน้องไจ๋ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้างนั่นแหละ น้องไจ๋ถึงไล่ให้คนเป็นพี่ไปกดวางสายไปนอนก่อน  ไอ้ไซน์บอกลาแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ทันทีที่วางสายก็จมดิ่งเข้าสู่นิทรา ริมฝีปากยกยิ้มทั้งๆที่ยังหลับอยู่ ...คืนนี้คงฝันดีแน่ๆ

.

.

.

เวลาบ่ายสามโมง  แสงแดดแรงกล้า ส่องลงมาจากฟากฟ้า ช่างสมกับเป็นวันอาทิตย์สีแดงจริงๆ  ไอ้ไซน์นั่งเหง็กอยู่ข้างผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่เหมือนหมี หน้าตาดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลานามว่าไอ้ยักษ์ ที่ห้องประชุมกลุ่มย่อยของคณะวิศวกรรมศาสตร์   ไอ้หมาไซน์ทำเป็นแอ๊บเนียนเล่นมือถือ ขณะที่สายตาก็แอบเหลือบมองไอ้ยักษ์ที่กำลังคลิ๊กเมาส์โน๊ตบุ๊คติ๊กๆ อยู่ด้านข้าง

...ไอ้คอส แม่มเทกูทิ้งไว้กลางทางอีกแล้ว

เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว พวกสามแฝดออกจากคอนโด เนื่องจากมีเหตุต่างกัน  ไอ้แทนไปสิงอยู่ห้องสมุดคณะแพทย์  ส่วนไอ้คอสมีคุยโปรเจคที่คณะและไอ้ไซน์ก็ติดสอยห้อยตามมาดูละครเวทีที่ได้นัดกับน้องไจ๋ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  พอมาถึงคณะวิศวะไอ้ไซน์ก็แชทไปถามน้องไจ๋ว่าอยู่ไหนทันที  น้องไจ๋ตอบเพียงแค่ว่า น้องไจ๋ช่วยเพื่อนจัดฉากอยู่ ยุ่งมากครับ เท่านั้นแหละ  ไอ้ไซน์ก็ได้มานั่งแหมะฟังพวกเด็กวิศวะคุยโปรเจคกัน  คุยกันไปสักพัก  พวกเด็กวิศวะก็บอกว่าจะไปทดสอบโปรแกรมที่อยู่อีกห้องนึง เหลือไว้แค่ไอ้ไซน์กับไอ้ยักษ์ที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ตอนนี้

‘คอส เมื่อไหร่จะกลับมา’

‘แปปนึง ทำงานอยู่’

โทรศัพท์ไอ้ไซน์สั่นครืดๆ โชว์แอพลิเคชั่นสีเขียวที่ขึ้นแจ้งเตือนข้อความจากแฝดคนกลาง

‘กูกลัวววววว T^T’ ส่งข้อความไปหาแฝดคนกลางอีกครั้ง พลางเหลือบมองหน้าไอ้ยักษ์ที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดกับเกมส์ที่มันกำลังเล่นอยู่

‘กลัวไร? ไอ้ยักษ์อ่อ มันใจดีจะตาย’  ข้อความที่ถูกส่งกลับมาทำเอาไอ้หมาไซน์แอบเบ้ปากใส่โทรศัพท์ 

...ดีที่หน้า?  มึงดูหน้าเพื่อนมึงมั่งมั้ย

‘รีบมา หิววววว’ พอส่งไปครั้งนี้ ก็ไม่ได้รับข้อความใดๆจากไอ้แฝดตอบกลับมาอีกเลย ไอ้ไซน์ถอนหายใจ เอนหลังไหลไปกับเก้าอี้ตัวใหญ่ มองดูเกมส์ที่ไอ้ยักษ์กำลังเล่น

...เดอะซิมส์ ..ไอ้ห่า เล่นเกมส์แม่งไม่เข้ากับหน้ามึงเล้ยยยย  ดูดิ เพิ่งเล่นภาคสองด้วย ไอ้ไซน์เนี่ยเล่นครบทุกภาคจนเลิกเล่นละ  ปัญญาอ่อนชิบหาย ไม่พอเสือกทำหน้าเครียดด้วย  นี่เดอะซิมส์กากๆเองนะเว้ยยยยย

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”  สงสัยไอ้หมามันจะคิดดังไป จนไอ้ยักษ์ได้ยินเลยหันหน้ามาถาม  เสียงทุ้มๆ ใหญ่ๆ เล่นเอาไอ้ไซน์สะดุ้ง

“แบบไหน?”

“เหมือนอยากเล่นด้วย  เล่นปะ เดี๋ยวสอน”

...หน้าเราบอกแบบนั้นหรอยักษ์หรออออ? กูกำลังนินทามึงในใจอยู่ มึงอย่าแปลผิด

“ไม่ๆๆ”  ละล่ำละลักบอกพร้อมส่ายหน้ารัวๆ ไอ้ยักษ์หันกลับไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ด้านข้าง ค้นๆ ข้างในแล้วก็หยิบซองๆนึงยื่นมาให้ไอ้ไซน์

“กินปะ เจลลี่แบร์ อร่อยนะ”

“เอ้อ ไม่เป็นไร พึ่งกินมา ขอบใจ”  บอกแล้วยิ้มโชว์ฟันสวย ไอ้ยักษ์พยักหน้าแล้วหันกลับไปสนใจเดอะซิมส์ของมันต่อ

...โถ่ ไอ้ยักษ์  นี่กูยังควรกลัวมึงอยู่มั้ยยยย?

.

.

.

สี่โมงโดยประมาณ ไอ้ไซน์ก็ออกมาจากห้องประชุมย่อยหลังจากที่น้องไจ๋ได้โทรตาม  ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ห้องโถง เป็นเก้าอี้สโลป คล้ายห้องเลคเชอร์ แต่กลับมีเวทีตรงกลาง และมีขนาดใหญ่  จุคนได้ประมาณสามร้อยกว่าคน

“ฉากสวยปะ นี่ผมทำเองกับมือเลยนะพี่ไซน์”  น้องไจ๋ชี้ให้ดูฉากหน้าเวที พร้อมอวดฝีมือตัวเอง

“อือ ไจ๋ทำฉากหรอ หน้าอย่างมึงนี่เหมาะจะเป็นพวกถูกใช้แรงงานมากกว่านะ” ไอ้ไซน์ว่า หัวเราะป้องปากเบาๆ ขณะที่คนนั่งข้างๆมันแอบเบะปากทำหน้างอนใส่  “แล้วนี่ไม่ไปช่วยเพื่อนหรอ?”

“ก็ช่วยตลอดนั่นแหละ แต่ส่วนของผมเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว” บอกแล้วก็อ้าปากหาวหวอดๆ เอนหลังลงกับพนักพิงของเบาะ

“เหนื่อยรึเปล่า ไอ้ยินไอ้คอสบอกว่ายุ่งทั้งวันเลย”

“อือ เหนื่อย แต่สนุก” คนถูกถามพยักหน้าขึ้นลง เมื่อยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จ พลันไฟในห้องโถงก็ค่อยๆ ดับลงทีละดวงจนมืดตึ้ดตื๋อ เหลือเพียงไฟบนเวที  เสียงปรบมือต้อนรับดังขึ้นพร้อมกัน 
หนังยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง  ไอ้ไซน์ดูจดจ่อกับเนื้อเรื่องที่มีทั้งฉากต่อสู้ระหว่างมิตรภาพ และความรัก ขณะที่น้องไจ๋นั้นตาปรือ พร้อมจะหลับอยู่แล้ว

“ง่วงก็นอนเลย ถ้าจบแล้วเดี๋ยวปลุก” ไอ้ไซน์กระซิบบอกคนด้านข้างเบาๆ  เห็นหน้าแล้วนึกขำปนสงสาร  สังขารตัวเองแทบไม่ไหวก็ยังอุตส่าห์ถ่างตาดู  เก่งมากมั้ง

“งั้นอิงหน่อยนะ” น้องไจ๋บอกแล้วก็เอนหัวซบมาตรงไหล่คนเป็นพี่  ไอ้ไซน์นั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับ ความรู้สึกคงจักกะจี้มั้งที่ผมน้องไจ๋โดนคอมัน 

...แต่จักกะจี้ มันต้องหัวเราะไม่ใช่หรอ งั้นสงสัยที่หัวใจเต้นแรงมันคงเป็นอาการข้างเคียงมั้ง

 แต่คงไม่ใชไอ้ไซน์ที่จักกะจี้คนเดียวหรอก  ดูเหมือนน้องไจ๋ก็คงจักกะจี้เหมือนกัน  กลิ่นหอมๆที่ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นตัวหรือกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม  ทำเอาจากที่กำลังเคลิ้มหลับ กลายเป็นตาสว่างแทบจะทันที หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าพี่ไซน์จะได้ยินเสียง  ทั้งๆที่เหนื่อยแสนเหนื่อย  อยากจะหลับเต็มทน แต่พอได้นอนซบไหล่พี่ไซน์แบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลาย  แถมยังซุกเข้าไปใกล้ซอกคอคนเป็นพี่ ทำเนียนขยับตัวดิ้นยุกยิก ไม่ได้คิดถึงใจคนตัวเล็กที่นั่งนั่งเกร็งอยู่เลย


...หอมดี





ก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องที่เนิบนาบบบบบ
เราเดินเรื่องเอื่อยๆ เพราะอยากให้น้องรักกันอยู่ในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม
ไม่ชอบกันเร็วเกินไปด้วย 555 อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน
แต่ก็อยากฝากเจ้าแฝดและน้องไจ๋ด้วยนะคะ

ขอให้พรุ่งนี้ได้ใช้วันหยุดอย่างมีความสุข  เจอกันอาทิตย์หน้าน้าาาาาาา
ป.ล. มันจะย้ายหน้าให้เองใช่มั้ย หรือเราต้องย้ายเองอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ชอบเวลาที่สามแฝดอยู่ด้วยกันมากๆ
ดูเหมือนน้องไจ๋กับพี่ไซน์จะเริ่มมีใจให้กันแล้วนะ
พี่แฝดจะยอมมั้ยหนอ
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จุดขายคือแฝดชัดๆ ฮา

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักอ่ะ 3แฝด
 :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ตอนที่คุณนักเขียนบอกว่าเนิบ ก็ไม่คิดอะไร แต่เจอ นาบบบบ (บ หลายตัวด้วย)ดันคิดดิ

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
7
Shake


“อันนี้เรียกว่า Negative question คือ การคาดหวังให้เห็นด้วย จะขึ้นต้นด้วยประโยคปฏิเสธ ง่ายๆเลย” เสียงใสๆของไอ้ไซน์ดังเจื้อยแจ้วภายในร้านเบเกอรี่ของพี่ปิงปิง ถิ่นประจำที่ติวเตอร์และนักเรียนวีไอพีมานั่งสอนพิเศษกันทุกวันที่มีเรียน  ช่วงค่ำวันอังคารนี้ร้านของพี่ปิงปิงมีคนน้อย เพราะเค้กหมดแล้ว (ไอ้ไซน์ไม่ได้แอบกินนะ) เหลือเพียงไอ้ไซน์กับน้องไจ๋และลูกค้าไม่กี่คนภายในร้านกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่

“...”

“แบบ เราไปเลือกเสื้อผ้ากัน แล้วพี่หยิบเสื้อมาตัวนึง แต่มึงบอกว่าไม่เหมาะกับพี่เลย พี่ก็จะถามมึงกลับด้วยเนกาทีพเควสชันว่า ที่จริงมันก็ดูดีนะ มึงไม่คิดแบบนี้หรอ It’s look so good, don’t you think? ประมาณนี้อ่ะ” อธิบายให้คนเป็นน้องฟังพร้อมยกตัวอย่าง  คำสรรพนามที่ใช้ในการเรียกชื่อน้องไจ๋ก็ยังเป็น มึง เหมือนเดิม  หากแต่แทนตัวเองว่า พี่ เพราะติดนิสัยแทนตัวเองเวลาสอนพิเศษให้กับน้องๆที่มาติวด้วย

“อ่อ อาฮะ” คนฟังอย่างน้องไจ๋พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ (ที่ไม่รู้เข้าใจจริงๆหรือแกล้งเข้าใจกันแน่)

“อือ แล้วไอ้ negative question เนี่ย มันใช้ได้หลายอย่าง จะถามความคิดเห็น ถามไอเดีย หรือเป็นคำถามที่ประหลาดใจก็ได้ แบบ อ้าวมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกหรอ อะไรประมาณนี้”

“ฮ่าๆๆ เออๆ เข้าใจๆ”  น้องไจ๋หัวเราะตาหยี หยิบชีทมาพร้อมกับหนังสือภาษาอังกฤษที่ใช้เรียนจริงๆ มาดูประกอบกัน

“อือ มันก็มีประมาณนี้ ง่ายๆ มึงลองอ่านเนื้อเรื่องกับตัวอย่างประโยคก่อนแล้วเดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังอีกที” พูดจบก็หยิบน้ำแดงมะนาวแก้วใหญ่ขึ้นมาดูดอึ้กๆ เพิ่มพลังเสียง ไม่ให้เสียงแหบ  มองดูคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม

...ช่างเป็นเด็กที่โง่ภาษาอังกฤษแต่เก่งสุดๆแล้วตั้งแต่เคยติวมา

น้องไจ๋เป็นเด็กหัวไว  ไม่ได้ติวแบบอธิบายให้ฟังทั้งหมด  แค่ทวนความรู้พื้นฐานให้ฟัง กับแนะนำนิดๆหน่อยๆ  ลองให้อ่านเอง แปลเอง ทำแบบฝึกหัดเองก็เข้าใจแล้ว ไอ้ไซน์นี่สบายยยยยเชียว

“พี่ไซน์”

“หืม ?”

“Don’t you think we should be a boyfriend too?”  (พี่ไม่คิดหรอว่าเราควรเป็นแฟนกัน?)

“...”

“...”

“...”

“ว่าไง ได้มั้ย?”

“อะ...อื้ม ดะ...ได้ดิ”

“ได้อะไร?”

“ก็...ก็ประโยคก็ถูกแล้วหนิ เข้าใจแล้วใช่ปะ งั้นผ่านเนอะ เดี๋ยววันเสาร์ค่อยมาทวนใหม่  เอ้อ นี่กี่ทุ่มแล้ว ... ทุ่มครึ่งแล้ว เดี๋ยวกู เอ้อ เดี๋ยวพี่ กู...กูโทรหาไอ้แทนให้มารับก่อนนะ”


“พี่จะเขินทำไมเนี่ย ผมก็พูดตามที่พี่สอนไง”


“กู กะ..กู ไม่ได้เขิน! ใครแม่งจะไปเขินเด็กกวนตีนแบบมึงลง” แก้ตัวแล้วก็ทำเป็นก้มหน้างุดๆ เล่นโทรศัพท์  ทั้งที่เมื่อครู่บอกว่าจะโทรหาแฝดคนโต

“เอ้าหรอ เห็นหูแดงๆ ก็นึกว่าเขิน  สงสัยกินน้ำแดงมะนาวแล้วน้ำแดงมันลามขึ้นหน้ามั้ง”

“บะ บ้าแล้ว มึงอ่ะ”


...ไจ๋ มึงแม่งเหี้ยยยยยย ฮือ  ไอ้แฝด ช่วยกูด้วย กูโดนเด็กมันล้อ


“พี่ไซน์ ติวเสร็จแล้วไปกินข้าวกัน”

“หืม? วันนี้จะกลับไปกินข้าวที่คอนโด พวกแฝดแชทมาบอกเมื่อกี้” โชว์หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองให้ดูยืนยันพร้อม กลัวว่าอีกคนจะไม่เชื่อ

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ เอาเค้กกลับไปกินด้วย” น้องไจ๋บอก มือก็เก็บชีทซ้อนกันใส่ลงในกระเป๋า

“อื้อ” ยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยส่งไปให้  บอกแล้วว่าอย่าเอาเค้กมาล่อไอ้ไซน์  แล้วก็ไม่ได้เห็นแก่กินนะพูดเลยยย


.

.

.

 “น้องไจ๋มาส่งหรอ ?” ทันทีที่เข้ามาในห้อง แฝดคนกลางก็ทักขึ้นมา  ไอ้ไซน์พยักหน้าให้ก่อนจะเอากระเป๋าเข้าไปเก็บภายในห้อง แล้วออกมายังห้องครัว ชะโงกหน้ามองหาเจ้าแฝดคนโต เห็นกำลังมุดอยู่แถวๆตู้เย็นก็เดินเข้าไปหา

“ทำไรกินอะแทน”

“ว่าจะทำข้าวต้มกุ้ง เนอะ” ไอ้แทนหันมาถามความเห็นจากแฝดน้อง ไอ้ไซน์ก็พยักหน้าหงึกหงัก

“ฝากเอาเค้กแช่ตู้เย็นด้วยดิ พี่ปิงปิงเอามาให้”

“เอามาแล้วก็กินไม่หมด เสียดายของ แทนที่จะได้ขาย บอกพี่ปิงปิงด้วยนะว่าไม่ต้องให้แล้ว”  บ่นยืดยาวตามไสตล์พ่อหนุ่มสุขุม  บ่นไปงั้นแหละ เอามาทีไรก็มีแต่ไอ้แทนนั่นแหละนั่งกินเค้กอยู่คนเดียว

“ค้าบบบ” ลากเสียงยาวแล้วก็หันไปทางเตาแก๊สไฟฟ้า เอาหม้อขนาดกลางมาต้มน้ำซุป พอน้ำเดือดได้ที่ก็หันไปรับเอากุ้งที่แกะเปลือกสำเร็จรูปจากไอ้แทนมาใส่ลงในหม้อ เมื่อกุ้งออกสีส้มๆก็ใส่ข้าวสวยตามลงไป  สงสัยกลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งจะลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องชวนให้หิว ไอ้แฝดคนกลางจึงเดินมาชะโงกหน้าดู แย่งทัพพีจากไอ้ไซน์ไปตักน้ำมาชิมๆดู

“ใส่เกลือด้วยนะนิดนึง” บอกแล้วก็เดินหนีไปหาถ้วยมาให้เจ้าแฝดคนน้องรอตักข้าวต้ม ไอ้ไซน์หยิบขวดเกลือมาโรยๆลงในหม้อข้าวต้ม รอพอเดือดปุดๆหน่อยก็ตักข้าวต้มกุ้งน่ารับประทานใส่ลงในถ้วยสำหรับสามคน  มีต้นหอม ผักชีโรยหน้าก็เป็นอันเสร็จ

“อร่อยป่ะ ?” ไอ้ไซน์ถามพวกแฝด ที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา

“ไม่อ่ะ กูหิวเฉยๆ” เสียงพร้อมหน้ากวนตีนๆจากไอ้แฝดคนกลางบอก

“เอ้อออ วันหลังไม่ช่วยทำแล้ว”

“มึงก็ชอบไปแกล้งมัน มึงนี่ก็ขี้ประชดจัง คุยกันดีๆ ไม่เป็นรึไง” ประโยคแรกหันไปบอกไอ้คอส แล้วก็หันมาบอกไอ้ไซน์ ตามด้วยบ่นให้คนทั้งคู่

  “ดีๆ”

“สัส ดีที่หน้า”  ยกช้อนขึ้นจะโขกหัวไอ้ไซน์ที่เดี๋ยวนี้รู้สึกอัพเลเวลความกวนตีนมาสู้กับพี่แฝดมัน  เจ้าแฝดยังกินข้าวต้มกุ้งฝีมือไอ้ไซน์พร้อมคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ  เมื่อกินเสร็จแล้วก็ย้ายมวลสารของตัวเองมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเค้กที่ได้เป็นของสัมนาคุณจากพี่ปิงปิง

“พวกมึง  เสาร์หน้ากูต้องไปค่ายที่ต่างจังหวัด อยู่กันไปสองคนนะ”

“ค่ายไร ไปนานมั้ย” ไอ้คนทรงหัวเห็นหันหน้าไปถามแฝดคนโต

“อาทิตย์นึง ไปเสาร์กลับศุกร์ ไปช่วยน้องมันจัดค่าย อยู่กันเองได้นะ” กำชับอีกที เน้นหนักเสียงไปทางไอ้คอส

“กูก็มีค่ายเหมือนกัน...”  พวกแฝดมองหน้ากัน สายตาของพวกแฝดพี่จ้องมาทางไอ้ไซน์

“เห้ย...ไม่เป็นไร กูอยู่คนเดียวได้” รีบบอกพร้อมพยักหน้าหงึกหงักส่งไปให้พวกแฝดพี่

“คอสมึงไปกี่วัน”

“กูไปแค่สามวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์กลับ”
   
“พวกมึงมองกูเหมือนเด็กอะ กูปีสามแล้ว อยู่คนเดียวได้หน่า รถกูก็ขับเป็น ... ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร” สายตามั่นใจในตัวเองถูกส่งไปให้พวกพี่แฝด แต่สายตาห่วงใยจากพี่แฝดก็ถูกส่งกลับมาให้ไอ้ไซน์อย่างปิดไม่มิด

“เอาตรงๆนะ กูเป็นห่วงมึง กูไม่เคยไปค่ายนานขนาดนี้ แล้วคราวนี้ไอ้คอสแม่งก็ไปด้วย กูรู้สึกไม่ดีหวะ”  แฝดคนโตพูดจบ พวกแฝดก็เงียบ

“เดี๋ยวกูโทรบอกให้แม่มาอยู่ด้วย” คราวนี้ไอ้แฝดคนกลางพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจังบ้าง

“บ้าดิ แม่มีสอน ก็บอกแล้วไงว่าอยู่คนเดียวได้” ย้ำอีกที

“งั้นมึงก็กลับไปอยู่บ้าน ยังไงเสาร์ อาทิตย์มึงก็ไม่มีสอนอยู่แล้วหนิ”

“ไม่เอา กลับบ้านทีไรไม่ได้ทำงานทุกที”

“...”

“...”

“งั้นระหว่างที่พวกกูไปเดี๋ยวจะโทรมาหาบ่อยๆ มึงก็รับโทรศัพท์ด้วยละกัน”

“รู้แล้วววว อย่าห่วงนะ ไซน์ดูแลตัวเองได้”  ไอ้หมาบอกเสียงอ่อนเสียงหวานกับพวกแฝด พลางซบหน้าลงไหล่ไอ้คอสที ไอ้แทนที อย่าออดอ้อน

.

.

.



ตัดภาพมาที่วันศุกร์ตอนเย็นเลยละกัน

ตอนนี้พวกแฝดมาส่งไอ้แทนอยู่ที่คณะแพทย์ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกลากไปกองรวมๆกันไว้ที่ลานคณะ

“ไปละ ดูแลตัวเองดีๆนะไซน์ มีอะไรก็โทรหากูเลย” ไอ้แฝดคนโตกำชับ

“รู้แล้วๆ ไปนะ จะได้ไปส่งคอสอีกเนี่ย เดี๋ยวมันตกรถ” ไอ้ไซน์บอกก่อนจะเข้าไปกอดแฝดพี่เต็มแรง

“มึงเนี่ยน้าาาา”
 
“เดินทางปลอดภัย บ๊ายบาย”

“ไซน์ ถ้ามึงจะไปไหน กับใครก็โทรมาบอกกูก่อน” เน้นย้ำอีกที สายตาที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงถูกส่งมาให้ไอ้คนหัวเห็ดที่ยืนยิ้มแป้นอยู่

“ครับบบบ”  ว่าแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถ ทิ้งให้ไอ้แฝดคนโตยืนมองละห้อยตามหลัง  ไอ้คอสขับรถออกจากคณะแพทย์ ประมาณห้านาทีก็ถึงคณะวิศวะ  สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตัวเองไว้ก่อนจะหันมาบอกแฝดน้อง

“ดูแลตัวเองดีๆ เดี๋ยวกูโทรหา”

“เออออ พูดมารอบที่ร้อยแล้วเนี่ย” ยิ้มขำๆให้ไอ้พี่แฝดที่ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักกันหนา  ไอ้ไซน์ก็เป็นผู้ชายนะเว้ย ดูแลตัวเองได้ ช่วยตัวเองได้ด้วย (หืม?)

“กูจะพูดจนกว่าจะกลับจากค่ายเลย”

“ไปๆ เดี๋ยวก็ตกรถหรอก” ไล่บอกไอ้คอส เปิดประตูรถ เปลี่ยนมาขับรถเอง
 
“ขับรถดีๆหละ” ยีหัวเห็ดๆส่งท้าย ก่อนไอ้แฝดคนกลางจะเดินเข้าไปในคณะ

ไอ้ไซน์เปิดเพลงบนรถ ร้องคลอไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

...สามวันนี้ ต้องใช้ให้คุ้มมมมมมม

.

.

.

เสียงดนตรีสดจังหวะหนักๆ กับไฟสลัว ชวนให้คนที่มานั่งดื่มลุกขึ้นโยกไปตามจังหวะเพลง แต่หากไม่ใช่กับกลุ่มไอ้ไซน์ที่นั่งคุยกันอย่างได้อารมณ์  ช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆที่พี่รหัสนัดเลี้ยงกันวันนี้ สายรหัสตั้งแต่ทริ้ปเปิ้ลทวด จนถึงน้องปีหนึ่งมารวมตัวกัน เม้ามอยถึงสารทุกข์สุกดิบ และแน่นอนว่า ถ้านัดเลี้ยงรวมสายรหัสแล้วต้องมีสายโค...

“ไอ้ไซน์มันดี มีคนดูแลไม่ห่างเลยนั่น” คุยกันอยู่ดีๆก็วกมาเรื่องไอ้ไซน์ สายรหัสหน้าหมาๆที่มีพี่เต๋าคอยดูแล ถามนั่นถามนี่อยู่ตลอด

“โอ้ยยย มากับสายรหัสนะคะพวกแก จะดูแลแต่สายโคหรออออ” เสียงโห่แซวดังขึ้น ไอ้ไซน์ยิ้มเจื่อนๆไปให้ ผิดกับพี่เต๋าที่แม่มยิ้มแป้นหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแล้ว

“อยากมีสายโคอีกคู่มั้ยหละพี่”  พี่เต๋าว่าก่อนเสียงแซวจะดังขึ้นมาอีกรอบ

...พี่มันก็ไม่คิดจะปฏิเสธห่าอะไรเล้ยยยย

“อ้าว ฉลองล่วงหน้าไว้เลยเฮ้ย ยกๆๆๆ”

แก้วน้ำที่บรรจุแอลกอฮอล์อยู่ด้านในถูกยกเข้าปากบางๆหลายแก้ว จนไอ้ไซน์เริ่มไม่ไหว ได้ให้พี่เต๋าขับรถมันมาส่งถึงคอนโด ดีที่ยังจำรหัสห้องได้อยู่ ไม่งั้นได้ไปนอนแหมะที่เตียงคนพามาส่งแน่ๆ
ไอ้ไซน์หอบร่างตัวเองมาทิ้งไว้บนเตียงนุ่มๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆในกระเป๋าออกมาดู แล้วกดรับโทรศัพท์

“หืมมม ว่าไงแทนน”

‘โทรหาตั้งหลายสาย ทำไมไม่รับ’

“โทษน้า เลี้ยงสายรหัส ไม่ได้โทรไปบอกก่อน แล้วนี่ถึงแล้วหรอ” เสียงยานๆบอกผ่านปลายสาย

‘ยัง โทรมาหากลัวว่าจะไปเถลไถลที่ไหน นี่มึงเมาปะ’

“หื้ม กรึ่มๆ ง่วงมากกว่าเมาอีก” บอกแล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคักไปตาม ไอ้แทนนึกห่วงก็ห่วง จะขำก็ขำ

...นี่กูจะอยู่ค่ายรอดถึงอาทิตย์นึงมั้ยเนี่ย กลัวใจตัวเองจะได้โดดค่ายมาดูไอ้เด็กเวรนี่จัง

‘เออ นอนเถอะ ปิดประตูล็อคห้องดีๆ’

“ค้าบบบ”  วางสายจากไอ้แฝดคนโตยังไม่ทันไร ก็ได้กดรับโทรศัพท์จากไอ้แฝดคนกลางต่อ

‘มึงกลับยัง เห็นรูปในเฟสไปกินเหล้ามา ทำไมไม่บอก นี่ไอ้แทนก็โทรมาบ่นกับกูจนจะโดดค่ายกันแล้วเนี่ย’ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดทักทาย เสียงเหวี่ยงๆจากปลายสายก็ดังขึ้นมาก่อน

“กลับแล้วๆ พวกมึงนี่อะไร กูไปกับสายรหัส ไม่ได้ไปคนเดียว” จากที่ง่วงๆอยู่เริ่มจะตาสว่างขี้นมาเพราะความรำคาญไอ้พวกพี่แฝดเต็มที

‘แล้วเมามั้ย’

“ม้ายยยยย กรึ่มๆเอง”

‘ใครมาส่ง อย่าบอกนะว่ามึงขับรถกลับเอง’

“ป่าว พี่ต๋าวมาส่ง แทนกูง่วงงง”

‘แทนเหี้ยอะไร กูคอส ไอ้หมา มึงนี่ ไปนอนไป’ พูดจบก็ตัดสายฉึ้บทันที ไอ้ไซน์วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง ก่อนจะพลิกหาท่านอนสบายๆ

RRR   

...โอ้ยยยย กูง่วง โทรมาอะไรกันนักกันหนา

“เอ้อออ จะนอนแล้วววว” กดรับโทรศัพท์อย่างไม่ได้ดูหน้าจอ วางแนบไว้กับหู

‘อ้าว นอนแล้วหรอ โทษนะพี่ เห็นพี่คอสบอกว่าพี่อยู่คนเดียวเลยคอลมาคุยเป็นเพื่อน’

“หือ?” ยกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็โชว์หน้าอีกคนโบกไม้โบกมือ ยิ้มแป้นมาให้

‘มืดจัง เปิดไฟหน่อยดิ’ เสียงทะเล้นพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันสวยผ่านหน้าจอโทรศัพท์มาให้ไอ้คนที่นอนตาปรืออยู่บนเตียง มือก็เอื้อมไปหมุน ปรับแสงโคมไฟให้สว่างขึ้น

“ไจ๋ ?”

‘ครับ ตอนนี้อยู่บนรถใกล้ถึงประจวบแล้วพี่ พี่คอสพึ่งหลับไปเมื่อกี้นี่เอง บ่นทั้งวันว่าพี่ไม่รับโทรศัพท์ พี่แทนก็โทรมาทั้งวันเลยวันนี้’ น้องไจ๋ร่ายยาว รายงานสถานการณ์ตลอดทั้งวันให้ไอ้หมารับรู้ ขณะที่ไอ้คนฟังก็ขมวดคิ้วใส่ เออ ออไปตามแบบงงๆ

...เอ้อ แล้วมันมาบอกกูทำไมวะ ไอ้พวกพี่แฝดแม่งยังไม่บอกกูสักคำว่าพวกมันไปไหน สัสนี่ ทำกูงงจนหายง่วงเลย

“อะ อ๋อออ หรอ แล้วมึงไม่นอน ?” ปรับเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคง เอาหมอนวางไว้ด้านข้างแล้วก็เอาโทรศัพท์ไปอิงหมอนอีกที  ตั้งไว้ให้ภาพส่งไปให้คนปลายสายได้เห็น

‘ไม่ง่วง นึกออกพอดีว่าพี่คอสบอกว่าพี่อยู่คนเดียว เลยโทรมาคุยด้วยเฉยๆ’

“กลัวกูเหงารึไง หรือว่ามึงเป็นสายสอดแนม คอยรายงานความประพฤติกูให้พวกแฝดฟัง” ตีหน้ายุ่งใส่อีกคนที่เอาแต่กลั้นขำ

‘ฮ่าๆ โทรมาเฉยๆ ก็ไม่ได้...นี่พี่ยังไม่อาบน้ำหรอ?’

“อือ ห้าวววว พึ่งกลับจากเลี้ยงสายรหัสด้วย ขี้เกียจ” ว่าให้อีกคนฟัง มือก็ป้องปากหาวหวอดๆ น้องไจ๋ขมวดคิ้วใส่ไอ้คนที่ตาปรือนอนบนเตียงแล้วก็ถาม

‘แล้วพี่เต๋าอะไรเนี่ยเป็นสายรหัสด้วยหรอ ทำไมเห็นมีแท็กรูปในเฟสบุ๊คพี่ด้วย’ ไอ้ไซน์ได้ยินน้องไจ๋พูดแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

...วันๆนี่แม่งกะจะส่องแต่เฟสคนอื่นสินะ กูเป็นเจ้าของเฟสกูยังไม่รู้เลยว่าเขาลงรูป แทกรูปอะไรกันตอน ไหน พวกมึงนี่ว่างมากมั้ง?

“อือ สายโค พี่รหัสพี่เต๋าเป็นแฟนกับพี่รหัสกูอีกที” บ่นในใจไปอย่างงั้น แต่ปากก็บอกคนเป็นน้องไปเหมือนเดิม

‘พี่ไซน์...’ ปลายสายเรียกเมื่อเห็นว่าไอ้หมานิ่งเงียบไป

“อื้อ”

‘หลับแล้วหรอพี่ ดูตาดิจะปิดอยู่แล้ว’

“ก็มึงโทรมาตอนกูจะนอนนี่ไง” 

...มึงก็กล้าถามกูเนอะ

‘พี่ไซน์...’

“อืออออ”

‘พี่ไซน์ อย่าพึ่งหลับดิ’

“เอ้อ ฟังอยู่ เรียกอยู่นั่น กลัวลืมชื่อไง๊?” ปากบ่นขมุบขมิบ ขึ้นเสียงสูงใส่น้องไจ๋เป็นเชิงรำคาญ

‘พี่เต๋ากับพี่รู้จักกันมากี่ปีแล้ว’ ไอ้ไซน์เขม็งตาใส่อีกคนที่ทำหน้าเครียด

...มึงไม่มีคำถามที่ดีกว่านี้แล้วหรอ?

“สามปี มั้ง”

‘งั้น...ผมถามอะไรอย่างดิพี่’

“อือ ว่ามา”

‘ระหว่างคนคุ้นเคยที่ทำให้พี่หวั่นไหวกับ คนใหม่ที่ทำให้ทำพี่ใจเต้นแรง พี่จะเลือกใคร?’

“...”

‘...’

“ยากหวะ แล้วเวลาเราหวั่นไหวนี่หัวใจเราไม่เต้นแรงหรอวะ” ขมวดคิ้วเข้มๆ ใส่น้องไจ๋ที่กำลังลุ้นอยู่ถอนหายใจเฮือกออกมา

‘...’

“อือ งั้น...ละ”

‘เดี๋ยว! เดี๋ยวพี่ คิดดีๆนะ’ น้องไจ๋รีบร้องเตือน ยกไม่ยกมือห้ามไอ้ไซน์ที่กำลังจะตอบคำถาม

“อือ ดีแล้ว...” ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงัก

‘...’

“กูน่าจะเลือกคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงหวะ หวั่นไหวมันน่าจะเป็นแค่อาการลังเล เกิดขึ้นแปปๆ มันอาจจะแค่ชอบ แต่ไม่ได้ชอบมาก แต่ถ้ามากกว่านั้น กูคิดว่าคงมีแค่คนๆเดียวที่จะทำให้หัวใจเราเต้นแรงได้มั้ง ...ฮ่าๆ ไม่รู้สิ” บอกผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องไจ๋มันยิ้มจนแก้มปริส่งมาให้ แสงไฟสีส้มๆ จากถนนข้างทางส่องเข้ามาในรถตกกระทบที่หน้าน้องไจ๋ ยิ่งทำให้รอยยิ้มของน้องมันดูดีขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

‘งั้นพี่ก็เลือกคนใหม่อะดิ’

“...บางที คนเก่ากับคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอาจเป็นคนๆเดียวกันก็ได้เว้ยยยย”

‘อือ ก็อาจใช่...พี่ไซน์ พี่ง่วงรึยังอะ’ ไอ้ไซน์ค้อนตาขวางใส่อีกคนที่กล้าถามออกมาหน้าซื่อๆ

“กูง่วงตั้งแต่มึงโทรมาแล้วมั้ย ตากูจะปิดอยู่แล้วมึงก็ชวนคุยอยู่นั่นแหละ ห้าววววววว” บอกแล้วก็อ้าปากหาวออกมาอีกหวอดใหญ่จนน้ำตาเล็ด

‘งั้นพี่นอนเลยก็ได้ ผมไม่ชวนคุยละ’

“อื้ม งั้นกูวางละนะ”

‘เฮ้ย! มะ ไม่ต้องวางได้มั้ย’

“อะไรของมึงอีกเนี่ยยยย ถ้ากูไม่ได้นอนหรือนอนไม่พอกูจะหงุดหงิดใส่มึงจริงๆด้วย”

‘เอ้า พี่ก็นอนไปดิ แค่...แค่ไม่ต้องวางสาย’

“เรื่องมากนะมึง จะแอบมองตอนกูนอนน้ำลายยืดแล้วแบลกเมล์หรอ ฝันเถอะ” ว่าแล้วก็พลิกตัวหันหลังหนีให้โทรศัพท์ ปล่อยให้น้องไจ๋แอบอมยิ้มกับแผ่นหลังเล็กๆนั่นอยู่คนเดียว

....ตอนนี้ผมอาจแค่หวั่นไหว แต่ต่อไป ถ้าผมใจเต้นแรงกับพี่แล้ว พี่ก็เตรียมเอาหัวใจมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกับผมได้เลย


‘ฝันดีนะ พี่ไซน์’





น่อวววววววววววว

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ฝันดีนะเจ้าหมาไซน์
อยู่คนเดียวเจ้แอบเป็นห่วงด้วยคน

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไซน์กินเด็กเถอะเชื่อพี่ :hao6:
#ทีมน้องไจ๋

ออฟไลน์ SPNamfone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
8
Happy Campus


เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใส๊ สดใสสสสสสสสสสสส
ไอ้หมาไซน์บิดขี้เกียจ พลิกไปพลิกมา นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง จะตื่นแล้วลุกขึ้นมาอาบน้ำก็ไม่  ขดตัวเองอยู่ใต้กองผ้าห่มหนาๆกับแอร์เย็นๆ โอ้ยยยย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกละ ฮาหะ อาหะ  มือเล็กๆเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงวางอิงหมอนอยู่สภาพเดิมขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอ
 
...อ้าว แบตหมด

ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ไปชาร์ตที่โต๊ะด้านข้าง  ไอ้คนหัวเห็ดๆฟูชี้โด่เด่ยุ่งไปหมด เสื้อนักศึกษาก็ยับยู่ยี่ กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตามตัวเล็กน้อยจากงานเลี้ยงสายรหัสเมื่อคืน ฉีกยิ้มให้ตัวเองในกระจกหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป  น่ารักมากมั้ง...
จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็พาตัวเองเข้าห้องครัว หยิบไข่ดาวกับไส้กรอกออกมาจากตู้เย็นทอดกิน เป็นอาหารเช้าของวัน ถือจานไส้กรอกกับไข่ดาวไม่สุกออกมากินยังโซฟาหน้าทีวีที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเปิดการ์ตูนดิสนีย์คลับตอนเช้าดู
เจ้าหญิงโซเฟียตัวน้อยในชุดสีม่วงวิ่งเต้นงุ้งงิ้งๆอยู่ในสวน  กับพวกเพื่อนสัตว์ หากแต่ไอ้คนหัวเห็ดไม่ได้ใส่ใจ ไอ้ไซน์ละสายตาจากทีวีแล้วเดินหลับเข้าไปในห้องนอน ดึงปลั๊กหัวชาร์ตออก เปลี่ยนที่เสียบจากในห้องนอนเป็นห้องนั่งเล่นแทน เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา รอไม่นาน แสงไปสว่างจากหน้าจอก็ขึ้นมา พร้อมกับแจ้งเตือนจากไลน์เด้งมาจนกลัวว่าเครื่องจะค้าง ไอ้ไซน์เห็นแล้วก็เบื่อไม่เข้าไปเช็คอะไรทั้งนั้น ขี้เกียจตอบ  วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างๆตัวแล้วก็จัดการอาหารเช้าจนหมด เก็บจานไปไว้ในซิงค์  เดี๋ยวค่อยล้าง แล้วก็... ทำอะไรดี

...วันเสาร์ที่ไม่มีเสียงพวกพี่แฝด ทำไมมันเป็นเงียบๆเหงาๆพิกล

RRR

นั่นไง !

ไม่น่านึกถึงเลย  เหลือบมองโทรศัพท์แล้วเบะปากทำหน้าหมาๆใส่ก่อนจะกดรับ

“กู้ดมอร์นิ่ง น้องไซน์คนหล่อกำลังพูดฮะ”

‘ตื่นไวดีแท้ หื้ม’ เสียงยานๆบ่งบอกว่าตาของคนที่โทรมายังไม่ลืมแน่ๆผ่านปลายสายมา

“ตื่นเร็วทุกวันนนน เป็นไง ถึงยั้งง?” ขึ้นเสียงสูงถามอย่างอารมณ์ดี

‘อื้อ ถึงแล้ว ทะเลที่ตราดสวยมาก กูอยากพามึงมาด้วยเลยหวะ’

“จ้าๆ เป็นหมอที่ดีต้องมีเวลาว่างให้ครอบครัวนะรู้ยัง”

‘หึหึ กูไปนอนต่อแล้วนะ’

“กู๊ดบาย ซี ยู อะเกน ทูไนท์” วางสายจากเจ้าแฝดคนโตก็ ต่อสายหาเจ้าแฝดคนกลางบ้าง ต้องรายงานพฤติกรรมให้ผู้ปกครองได้รับรู้ก่อน 

‘อือ’ รอสายไม่นาน เสียงง่วงๆก็กดรับโทรศัพท์

“ตื่นแล้ว กินข้าวแล้ว เดี๋ยวไปซักผ้าต่อ แค่นี้นะ”  ร่ายกิจกรรมของตัวเองให้ปลายสายได้ยินที่ไม่รู้ยังฟังอยู่มั้ย

‘อือ’ โอเค รู้เหลื่องงง ไอ้ไซน์ชาร์ตโทรศัพท์ต่อไป ลุกขึ้นเข้าห้อง เก็บผ้าเตรียมซักอย่างที่บอกไอ้แฝดไปเมื่อครู่
 
...เงียบ  เงียบเกินไป จะมีตัวอะไรโผล่ออกมาจากจินตนาการกูมั้ยเนี่ย

เดินไปเร่งเสียงทีวีให้ดังขึ้นอีก  เจ้าหญิงน้อยในชุดสีม่วงเสียงแหลมๆนั่นดังจนน่ารำคาญ

...เอ้อ ปิดแม่ม

กดปิดทีวีเครื่องใหญ่แล้วก็ผ้าไปหย่อนใส่เครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่ติดกับห้องครัว เทน้ำยาซักผ้าใส่ ตามด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วกดสตาร์ทเครื่องให้ทำงานอัตโนมัติ  มองดูนาฬิกา เจ็ดโมงกว่าแล้วก็เฟดตัวเองมาที่โต๊ะอ่านหนังสือ  หยิบวรรณกรรมภาษาอังกฤษเล่มโตติดมือออกมานั่งอ่านที่โซฟาด้านนอก

...มันเงียบจริงๆ นะ

“เฮ้อออ” ถอนหายใจเสียงดัง หยิบรีโมททีวีมากดเปิด คราวนี้ หน้าจอโทรทัศน์เปลี่ยนจากการ์ตูนเจ้าหญิงน้อยในชุดสีม่วงที่ฉายไปเมื่อครู่มาเป็นละครไทยในตำนาน  แนวจักรๆ วงศ์ๆ ที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่แทน  ลดเสียงลง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือวรรณกรรมเล่มโตต่อ

...ก็แค่ไม่ให้มันเงียบเท่านั้น

สองโมงเกือบสามโมงเช้า เสียงเครื่องซักผ้าอัตโนมัติก็ร้องดังติ๊ดๆ เตือนว่าทำงานเสร็จแล้ว  ไอ้ไซน์ลุกขึ้น หยิบตะกร้าใส่ผ้าไปตากที่ระเบียงด้านนอก เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดาและพวกชั้นในถูกตากทิ้งไว้ ไอ้ไซน์หันไปหยิบตะกร้าอีกใบที่แยกพวกชุดนักศึกษาและเสื้อช็อปออกไว้ คว้าคีย์การ์ดออกจากห้องลงไปยังร้านซักรีดชั้นล่างของคอนโด

“เอาผ้ามาซักหรอหนูไซน์ วางไว้เลยนะลูก” คุณป้าเจ้าของร้านร้องทักอย่างใจดีเมื่อเห็นไอ้ไซน์เดินมาหยุดพร้อมตะกร้าผ้า

“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ ไซน์แวะมาเอานะครับ” ยิ้มบอก ก่อนจะวางตะกร้าทิ้งไว้ แล้วก็เดินตัวปลิวกลับมายังห้อง พอเข้ามาเสียงโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้ก็ดังแจ้งเตือนตุ้งติ้งๆ ไอ้ไซน์เดินไปนั่งโซฟาแล้วหยิบมาเปิดดู

Jaijira: ตื่นยัง?  09.03

Jaijira: ผมตื่นแล้ว โคตรหิว กับข้าวที่ค่ายน่ากินมาก 09.05 (พร้อมส่งรูปข้าวผัดปูที่มีเนื้อปูเน้นๆมาให้ดู)

Jaijira: พี่ซายยยยยยยยยยน์ จะไม่ตอบจริงดิ 09.09

Jaijira: พี่ไซน์... 09.09

เอิ่ม ก็นั่นแหละ ข้อความจากน้องไจ๋  ไอ้ไซน์ยิ้มเอ็นดูในความน่ารักของน้องมัน

...ผู้ชายห่าไร ตัวใหญ่ยังกะหมี ทำตัวแบ๊ว

SineZai: ว่า? 09.12

Jaijira: ตื่นยัง 09.13

SineZai: อื้อ ตื่นแล้ว 09.17

Jaijira: เมื่อคืนโทรศัพท์พี่แบตหมดใช่ป่ะ คอลอยู่ดีๆดับเฉย 09.17

SineZai: เอ้อ โทษๆ พึ่งชาร์ทเมื่อเช้านี่เอง 09.20

Jaijira: ไปทำกิจกรรมต่อละครับบบบ 09.21

ไอ้ไซน์ยิ้มอ่อนให้โทรศัพท์  ตลกดี เด็กอะไร คอยรายงานตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ ไม่ใช่ว่าน่ารำคาญ แต่...ไม่รู้สิ  พวกแฝดไม่ใช่สไตล์แบบนี้ จะไปไหนก็บอกก่อนก็จริง แต่ไม่ได้บอกละเอียดเท่าน้องไจ๋ บางวันไอ้คอสบอกแค่ว่ากูออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะ ก็ไปเลย กลับคอนโดมาอีกทีตอนดึก ซึ่งพวกพี่น้องแฝดก็ไม่ได้ตามหรือถามอะไรอีกนอกจากนี้ ช่างเป็นครอบครัวที่อยู่กันแบบแมนๆ ดีแท้

Jaijira: ทะเลสวยมากกกกก 09.36

ไอ้ไซน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากน้องไจ๋พร้อมเปิดดูรูปภาพที่ถูกส่งมาพร้อมกัน ทะเลสีคราม กับหาดขาวๆทำให้ไอ้ไซน์นึกอยากจะไปตงิดๆ ไอ้แทนก็ไปทะเล ไอ้คอสก็ไปทะเล 

...แล้วทำไมกูได้นอนแหง็กอยู่บ้านคนเดียวเนี่ย

SineZai: เอ้อ สวยๆ ห่อเปลือกหอยมาฝากด้วยๆ 09.40

Jaijira: เดี๋ยวยกทะเลกลับไปฝาก ฮ่าๆ 09.42

ไอ้ไซน์ขำน้อยๆ กับข้อความของน้องไจ๋

...ยกมาได้จะเอาไปเก็บไว้ไหนหละเจ้าเด็กบ้า

.

.

.

บ่ายนี้ หลังจากที่ทำอาหารเที่ยงกินเองง่ายๆ ไอ้ไซน์ก็ขับรถคันเก่งที่พวกพี่แฝดทิ้งไว้ให้มายังห้างสรรพสินค้าใกล้มหาลัย เดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงโซนชุดกีฬา ก็แวะ นึกถึงเจ้าแฝดคนกลางทันที
 
...อือ ได้ของขวัญวันเกิดให้ไอ้คอสแล้วแหละ

เลือกเสื้อบอลอยู่นานสองนาน แถมยังได้รับคำแนะนำจากพี่พนักงาน ก็ตัดสินใจซื้อเสื้อบอลทีมโปรดให้เจ้าแฝดคนกลาง  พอถูกใจตัวเองแล้วก็ออกจากห้างสรรสินค้า ขับรถมายังร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่แถวหน้ามหาลัย และไอ้ไซน์ก็เลือกของขวัญสำหรับไอ้แทนได้แล้วเหมือนกัน

ปีนี้คงไม่ทำอะไรพิเรนทร์ๆเซอร์ไพรส์งานวันเกิดพวกพี่แฝดมันแล้วแหละ เพราะเดี๋ยวต้องมาสู้รบปรบมือกับการโดนแกล้งคืนอีก ...เหนื่อย

เวลาผ่านไปแป๊ปเดียวก็จวนจะห้าโมงเย็นอยู่รอมร่อ ไอ้ไซน์ก็ได้เวลากลับเข้าคอนโดซะที  กับข้าวกล่องอย่างง่ายๆ ถูกส่งเข้าไมโครเวฟ ไม่นานกลิ่นหอมฉุยก็ลอยแตะจมูกพร้อมสัญญาณดังว่าอาหารเวฟเสร็จแล้ว  ไอ้ไซน์ยกอาหารมากินที่โซฟาหน้าทีวีเช่นเดิม  ถ้าหากอยู่กับพวกพี่แฝดคงทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเจ้าคุณชายแทน แฝดคนโตชอบบ่นว่าเหม็นกลิ่น ไม่ชอบให้กลิ่นมันคลุ้งทั่วห้อง เวลากินจึงต้องกินเป็นที่เป็นทาง 

...คิดแล้วก็ขอว่าหน่อยเถอะ บอกว่าแต่ไอ้ไซน์หน้าเหมือนหมาๆ  ทีตัวเองจมูกไวนี่ไม่เหมือนหมาเลยเนอะ

Jaijira: กินข้าวยังอะพี่ อาหารอยู่ค่ายอร่อยจริงๆ นะ 18.52

ไอ้ไซน์ที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำชะงัก เดินกลับมามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือน เปิดดูข้อความพร้อมรูปภาพอาหารทะเลที่น่าตาน่ารับประทานอย่างที่เจ้าตัวว่า

SineZai: กูกินแล้ว เอ้อ อร่อยก็ห่อมา ฮ่าๆ 18.55

Jaijira: ผมนี่รีบหาถุงเลยครับบบบ 18.59

วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินไปอาบน้ำ  เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นย้วยๆถูกจับออกมาใส่เป็นชุดนอนตัวเก่งของไอ้ไซน์ ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหัวเห็ดๆของตัวเอง แล้วก็ถือโทรศัพท์ย้ายไปห้องอ่านหนังสือ เปิดเพลงสากลที่ชอบฟังแล้วก็เริ่มลงมือทำการบ้าน  เอซเซย์ที่มีมาให้ทำทุกอาทิตย์เพื่อฝึกทักษะในการเขียนทั้งการเรียงและแกรมมา ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไอ้ไซน์เท่าไหร่นักเพราะเริ่มจะคุ้นชิน เมื่อต้องใช้สอนพิเศษให้กับน้องๆ เกือบทุกวัน เขียนเอซเซย์ไปปากก็ฮึมฮำเพลงที่เปิดไป  หัวเห็ดๆนั่นก็โยกตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี

Jaijira: พี่ไซน์ๆ A-Z อ่านว่าอะไร 20.32

คนหัวเห็ดเงยหน้าจากเอซเซย์ขึ้นมาหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความ  เปิดอ่านก็ทำหน้าหมางงใส่โทรศัพท์

SineZai: เล่นอะไรของมึงอีกเนี่ย 20.37

Jaijira: A-Z อ่านว่าอะไร 20.38

SineZai: ก็เอถึงซีไง 20.44

Jaijira: งั้น คิด-นะ หละ อ่านว่าอะไร 20.48

...คิดถึงนะไง  หืม???

พิมพ์ข้อความค้างไว้ เกือบกดส่งไปแล้ววววว เกือบหลงกลไอ้เด็กไจ๋แล้ว ไอ้ไซน์รีบลบข้อความที่พิมพ์ออก ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วพิมพ์ข้อความอันใหม่ลงไปแทน

SineZai: คิดลบนะ ฮ่าๆๆๆ 20.57

Jaijira: โห่ นึกว่าจะตามไม่ทัน 21.00

SineZai: นี่มึงไม่มีการมีงานทำรึไง? 21.02

Jaijira: พี่ปีสูงดราม่าใส่น้องอยู่ เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีพิธีเทียนแล้วก็ร้องเพลงกันอีกต่อ 21.02

Jaijira: ไซน์หละ ทำอะไร 21.02

SineZai: ลามปามนะ กูพี่มึงงงง 21.08

Jaijira: เค้าบอกว่าเรียกแบบนี้จะได้สนิทกันเร็วไงไซน์ 21.11

SineZai: งั้นกูเรียกมึงไอ้สัสมั้ยหละไจ๋ 21.12

Jaijira: หูยยย สายโหดซะด้วย 21.12

SineZai: ทำงานต่อละ มึงนี่ กวนตีน 21.16

Jaijira: ครับบบบ ทะเลฝากมาบอกว่า ซู่ ซู่ ด้วยแหละ อิอิ 21.20

...อิอิพ่อง

พอรู้สึกปวดแก้มเท่านั้นแหละถึงได้รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างเกินไป ไอ้หมาไซน์รีบกระแอมไอเรียกสติตัวเอง ก้มหน้าเขียนเอซเซย์ต่อ  แต่ก็ไม่วาย เผลอยิ้มออกมาอยู่ดี


เวลาสี่ทุ่มกว่า ไอ้ไซน์เก็บชีทงานที่เตรียมสอนลงแฟ้มแยกออกกับงานที่ต้องส่งอาจารย์ ออกมาจากห้องอ่านหนังสือ เดินไปชงโอวัลตินร้อนๆมานั่งกินหน้าทีวี  เปิดหาหนังตามช่องเคเบิลดูไปเรื่อยๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องหาพวกแฝดก่อนนอนอีกรอบ

...จะโทรจนพวกมันรำคาญไปเลย ตัดปัญหาเป็นห่วงเกินเหตุ

ต่อสายไปหาไอ้แฝดคนโตคนแรกก่อน ไม่นานปลายสายก็รับ

‘ฮัลโหลไซน์’

“จะนอนแล้วนะครับบบบบ” ลากเสียงยาวบอกไอ้แฝดคนโตอย่างทะเล้น

‘นอนเร็วจังหวะ ไม่สบายเปล่า วันนี้ได้ออกไปไหนมั้ย ไม่เห็นโทรมาบอกเลย’ เสียงปลายสายถามรัว ๆ

...นี่แม่งก็กลัวเกินเหตุ ชีวิตนี้เจ้าลั้นลาไม่ทำงานรึไง

“เออ ไปเดินเล่นแถวๆม.แปปเดียวก็กลับเลยไม่ได้โทรบอก นี่ทำอะไรอยู่อะ” ไอ้ไซน์ตอบปัดๆ ก่อนจะถามแฝดคนโตคืนบ้าง

‘คุยเรื่องออกชุมชนอยู่ พรุ่งนี้ต้องเดินทางเข้าหมู่บ้านแถวๆนี้แหละ’

“เอ้อ ไม่กวนละ วางนะ”

‘เออ’ พอวางจากแฝดคนโตก็ต้องโทรไปรายงานกับเจ้าคนกลางต่อ (โทรไปก่อกวนมากกว่ามั้ง)

“อยากกินปู ห่อปูมาฝากหน่อยยยย” เสียงแจ๋นๆดังขึ้นก่อนที่ไอ้คอสจะได้พูดขึ้นด้วยซ้ำ

‘มาค่ายมั้ย ไม่ได้มาเที่ยว’

“ฮ่าๆ เก็บหอยมาก็ได้ ห่อน้ำทะเลมาด้วยๆ”

‘มีแต่หอยทาก กับน้ำลายกูเนี่ย เอาปะ’

“แหวะ ไม่คุยด้วยละ รำรำรำ”

‘แม่เป็นครูสอนนาฏศิลป์หรือจ๊ะ’

“ป่าว แม่สอนคณิต สัส ลามปามแม่นะมึง”

‘ฮ่าๆๆ’

“นอนละนะ”

‘เอ้อ ไอ้เด็กอนามัย นอนเร็วไปเถอะ ก็ไม่ได้ทำให้สูงขึ้น’

“มึงมันแย่”

‘จ๊ะ น้องไซน์คนดี’

“วางนะ บาย”  แยกเขี้ยว ยิงฟัน เบะปากใส่โทรศัพท์ทันทีที่วาง หวังว่าไอ้คอสมันคงจะรับรู้ความหมั่นไส้ที่คนหัวเห็ดส่งผ่านไปได้บ้าง

...กวนตีนไม่มีใครเกินก็ไอ้คอสนี่แหละ

ไอ้หมาไซน์ปิดทีวี ลุกขึ้นปิดไฟ เช็คความเรียบร้อยในห้องครัว ดูปลั๊กต่างๆว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็พาตัวเองเข้ามาห้องนอน  เปิดแอร์ ปรับอุณหภูมิให้ต่ำแล้วก็สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม  ดูโทรศัพท์ที่มีแจ้งเตือนจากแอพลิเคชันต่างๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจตอบกลับใครทั้งนั้น  กำลังจะกดล็อคโทรศัพท์ กลับมีสายเรียกเข้าที่เป็นวิดีโอคอลมาซะก่อน

‘Jai EN’

เอ้อ เอากับน้องมันสิ รู้สึกวันนี้จะคุยกันทั้งวันเลย คุยบ่อยกว่าพวกแฝดด้วยซ้ำมั้งเนี่ย  ดูซิจะโทรมาเล่นอะไรอีก

“...” ทันทีที่กดรับสาย เสียงเพลงพร้อมเสียงกรี้ดโหวกเหวกก็ดังเข้ามา จนไอ้ไซน์ต้องกดลดเสียง ภาพหน้าจอจากที่มืดสนิทก็เปลี่ยนเป็นหน้าน้องไจ๋ที่ยิ้มมาให้ แสงสีม่วง น้ำเงิน แดง สลับกันสาดส่องเข้าใบหน้าคมๆนั่น

‘อย่าพึ่งวางนะพี่’

น้องไจ๋บอกแล้วก็เอื้อมมือเหมือนวางโทรศัพท์ไว้กับชั้นอะไรสักอย่าง ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าตามหงึกๆ นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง รอดูว่าอีกคนจะทำอะไร  น้องไจ๋พร้อมกับกีต้าไฟฟ้าที่เห็นเพียงแค่ครึ่งตัวก็ส่งยิ้มาให้อีกรอบ พลันเสียงกรี้ดก็ดังขึ้นอีก พร้อมกับเสียงกีต้าใสที่น้องไจ๋กำลังดีดอยู่

‘ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอ รู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร’

 เสียงทุ้มๆ ของน้องไจ๋ทำเอาไอ้ไซน์ชะงัก ตาก็ตั้งใจมองอีกคนที่เล่นกีต้าร์ หูก็ตั้งใจฟังเนื้อร้อง ฟังความหมายของเพลง

“...”

‘เมื่อเราได้คุย ก็พอรู้และดูว่ามันก็คงมีความหมาย
ระหว่างสองเราต้องมีอะไร เชื่อมข้างในให้ถึงกัน’

ส่งสายตามาให้ไอ้ไซน์ที่มองกำลังมองอยู่

“...”

น้องไจ๋ทั้งดีดกีต้าและร้องเพลงมาเรื่อยๆ จนถึงท่อนฮุก ก็ปล่อยมืออกจากกีต้าร์ ดึงไมโครโฟนออกจากขาตั้ง แล้วเดินมายืนตรงหน้าโทรศัพท์

‘ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวาไม่ซ้ายไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือเอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา’

“...” ร้องเพลงไปก็ยิ้มไป  หากแต่ยิ้มให้ไอ้หัวเห็ดที่นั่งอยู่บนเตียงนี้ ไม่ใช่ยิ้มให้คนดูที่อยู่ด้านล่างเวที

‘ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่เร็ว ไม่ช้าไม่ร้ายเกินไป
แต่มีอะไรที่ดีกว่าใคร
ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี’

จบท่อนฮุกแรกก็ยิ้มกว้าง ตาหยีส่งมาอีกรอบ จนไอ้ไซน์ที่มองผ่านโทรศัพท์หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ  ก่อนไอ้ไซน์จะตายไปกับสายตาและรอยยิ้มของน้องไจ๋ก่อน เจ้าคนที่ร้องเพลงอยู่ก็หันหน้าออกไปเล่นกับคนดูด้านล่างเวที
จบเพลงเสียงกรี้ดก็ดังขึ้นอีกรอบ น้องไจ๋กล่าวขอบคุณและส่งเวทีให้วงต่อไปขึ้นมาร้อง

‘พี่ไซน์...’

“อะ...อื้อ” ไอ้ไซน์เบือนโทรศัพท์ออกจาหน้าตัวเอง ก่อนจะทำการเรียกสติตัวเองให้กลับมา มือเล็กๆถูจมูกตัวเองพลางกลั้นยิ้มไปด้วย

...เดี๋ยวหาว่าชอบแล้วจะได้ใจ

‘ผมร้องเพลงเพราะเนอะ’ ชมตัวเองก็เขินเอง น้องไจ๋เดินออกจากห้องกิจกรรมออกมายังริมทะเลด้านนอก น้ำทะเลขึ้นสูง แถมลมยังพัดแรงจนได้ยินเข้ามาในโทรศัพท์

“ไอ้คนหลงตัวเองเอ้ย” ว่าคนเป็นน้องเบาๆ กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มไว้

‘ฮ่าๆ เล่นกีต้าร์ก็เก่งเนี่ย หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะ’

“เกลื่อนเถอะ บ้านเมืองเค้าก็เล่นกีต้าร์ได้ทั้งนั้น”

‘ผม...ผมตั้งใจร้องให้พี่นะ’

“...” ไอ้ไซน์ชะงัก รู้สึกมือไม่อ่อน โทรศัพท์ที่จับไว้จะร่วง แอบเอามือทาบหน้าอกตัวเองตอนนี้รู้สึกได้ถึงจังหวะของหัวใจที่มันเต้น ตึกตักรัวๆ อย่างกับไปวิ่งมา

‘...’

“...”

‘พี่ไปนอนได้แล้วไป ดึกแล้ว’ น้องไจ๋ไล่ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเอง ทำเป็นไล่ไอ้ไซน์เสียงดุ กลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

“เออ...มึงก็เหมือนกัน กลับเข้าห้องได้แล้ว ออกมาเดินตากลม เดี๋ยวก็ไม่สบาย” บอกคนเป็นน้องเสียงอ่อน
 
‘ครับ’ ว่าแล้วก็ยกยิ้มให้ไอ้ไซน์ สายตาเยิ้มๆนั้นมองคนเป็นพี่อย่างชื่นชม

...วันนี้ไอ้ไซน์คงจะตายกับยิ้มของน้องไจ๋แน่ๆ

“วางแล้วนะ”

‘ไซน์!’

“?”

‘ฝันดีนะพี่’ บอกแล้วก็ยิ้มส่งท้าย ยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย

“อื้ม ฝันดีไจ๋” ส่งยิ้มกลับคืน ก่อนจะรีบกดวางวิดีโอคอล  เข้าหน้าเว็บกูเกิล นิ้วเล็กๆพิมพ์เนื้อเพลงที่จำได้คร่าวๆลงไปในช่องค้นหา ไม่นานเนื้อเพลง คำร้อง วิดีโอจากยูทูปก็ขึ้นมาให้พรึบ ไอ้ไซน์กดเข้าไปฟังเพลงในยูทูปอีกที มั่นใจว่าเป็นเพลงเดียวกันกับที่น้องไจ๋ร้องเมื่อกี้ ก็แชร์ลิ้งค์เพลงไปในเฟสบุ๊ค

‘ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี’

โพสต์เสร็จก็ล้อคเอาท์ออกจากเฟสบุ๊ค ปิดมือถือ วางไว้โต๊ะด้านข้างโคมไฟ ก่อนจะรีบมุดเข้าไปซ่อน(อะไร?)ในผ้าห่มผืนหนา แอบเช็คดูอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองอีกครั้ง



...ชิบหายแล้ว เต้นเร็วกว่าเดิมอีก







#เพลงเข้ากันดี ของสครับ
ไอ้หมาเริ่มหวั่นไหวละ ทำไงดีๆ

ฝากติดตามเจ้าแฝดด้วยนะคะะะ  รักแฝดเยอะๆด้วย
เป็นกำลังใจให้เราด้วยเราจะสอบมิดเทอมแล้ววววว  :katai1:
เลิ้บบบบบ

ออฟไลน์ mmello07

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขินอะไรเบอร์นั้นนน :-[
น้องไจ๋เริ่มรุกอิพี่แล้ววว

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด