พิมพ์หน้านี้ - The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: SPNamfone ที่ 06-02-2016 21:39:24

หัวข้อ: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 06-02-2016 21:39:24
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

พึ่งจะลองหัดแต่ง หัดลง  ผิดพลาดตรงไหนช่วยแนะนำด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (intro)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 06-02-2016 21:45:23
Intro

“ หื้ม ฮืม …ดาร์ลิ้ง โอเป้น อัพ ทู มี..”  เสียงฮึมฮัมเพลงสากลประกอบภาพยนตร์สุดฮิตของค่ายหนังอารมณ์ดีดังขึ้น “เลท มี วอค ยัว โฮมมม”  ไอ้ไซน์ นั่งเขียนกระดาษรายงานยุกยิกๆอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ  ปากบางๆก็ขยับพ่นเพลงสากลออกมาอย่างต่อเนื่อง
’21.08’   
ไอ้ไซน์ ตรวจดูความเรียบร้อยของเอซเซย์หรือเรียงความภาษาอังกฤษบนหน้ากระดาษรายงานอีกครั้ง อ่านทวนอีกรอบ จากนั้นก็เก็บกระดาษรายงานเข้าแฟ้ม จัดกระเป๋า เตรียมจะไปเรียนในพรุ่งนี้  มันทำอย่างนี้เป็นปกติตั้งแต่สมัยอนุบาล จนตอนนี้ เป็นหนุ่มมนุษย์อิ้งค์ปี 3 มาได้ประมาณสองอาทิตย์แล้ว  พอเก็บการบ้านที่ทำเสร็จก็เอาชีทอีกปึกนึงขึ้นมาอ่านก่อนจะใช้ปากกาไฮด์ไลท์สีเหลืองเน้นข้อความลงไปในชีท ที่จะ ‘เตรียมการสอนพิเศษ’ ในวันพรุ่งนี้  ใช่...เด็กกะโปกที่หน้าตาเหมือนจะโง่นี่แหละ รับสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้กับน้องนักเรียน นักศึกษาที่ด้อยทางด้านภาษา แต่ด้วยความที่น่าตาซื้อบื้อๆ ทำให้คนเรียนไม่ค่อยเยอะเท่าที่หวังเอาไว้ แต่ก็นั่นแหละ  ค่าสอนที่คิดเป็นชั่วโมงกับน้องๆที่มาเรียนด้วยประมาณ 3 คนก็ทำให้ไอ้ไซน์ไม่ต้องขอตังค์ค่าขนมพ่อกับแม่เพิ่มในแต่ละเดือนได้
  “ไซน์ ตอบไลน์แม่ด้วย” เสียงจากคนข้างๆดังขึ้นบอก  ไอ้ไซน์ขมวดคิ้วใส่  “ยังมาทำหน้าหมางงใส่อีก” ว่าให้แล้วก็ผลักหัวกลมๆนั่นเซไปข้างหน้า  ไอ้ไซน์เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงปล่อยเสียงเพลงออกมา กดเข้าไปดูแอพลิเคชั่นไลน์สีเขียวสุดฮิตก็เห็นแจ้งเตือนจากผู้เป็นแม่มาหลายข้อความ
เอ๊ะ... แล้วทำไมไลน์มันไม่แจ้งเตือนหละ
‘ไซน์ เข้าบ้านยัง’
‘อยู่ไหนลูก’
‘ตอบด้วยยยยยย’
‘โมโหแล้วนะ’ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์เจ้ากระต่ายตัวสีขาวกำลังถือระเบิดอยู่
‘สายไม่ได้รับจาก คุณแม่’
‘งอน’


“คอส ทำไมมันไม่แจ้งเตือนอ่ะ”  ว่าแล้วก็ยื่นสมาร์ทโฟนของตัวเองไปให้อีกคนดู  อีกฝ่ายรับไปกดจึ้กๆก็ส่งคืนมาให้
“มือมึงเผลอไปกดโดนปิดแจ้งเตือนมั้ง”
“อ๋อ แล้วแก้ได้ยัง” ตาแป๋วๆ มองกลับไปหาอีกฝ่าย
“เออ ทำให้แล้ว ปีสามแล้ว หัดสนใจอะไรที่มันเป็นพวกโลกาภิวัฒน์บ้างเถอะ” ว่าให้อีกคนแล้วก็อดที่จะตบหัวไม่ได้

... แม่งหมั่นไส้ ชอบทำหน้าซื้อบื้อใส่ เกิดมาเป็นน้องแฝดกูได้ไงเนี่ย

“แทน คอสชอบตบหัว สมองจะเสื่อมเร็วมั้ยอ่ะ” ไอ้ไซน์ใช้เท้าดันพื้นให้เก้าอี้หมุนไปหาอีกคนที่นั่งด้านหลัง
“เจ็บมั้ย?” คนที่ถูกถามหันมาถามกลับ
“ก็ไม่ค่อยเจ็บ”
“ไม่เจ็บก็ปล่อยให้คอสมันตบๆไปเถอะ ถอยไป จะอ่านหนังสือ มึงก็อีกคน ชอบไปแกล้งมัน ร้องไห้ขี้มูกโป่งเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”  บอกแล้วก็ถีบเก้าอี้ส่งกลับที่เดิม

.
.
.
‘จริยตั้งสกุล’ มีสมาชิก 5 คนอันประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ และแฝดสามเจ้าปัญหาอย่าง แทน คอส และ ไซน์

ไอ้แทน หรือบางครั้งที่อยู่กับคุณแม่จะเรียกว่าพี่แทน เป็นแฝดคนโต ตัวสูง 187 ซม. แต่ยังชอบบ่นบ่อยๆว่าเตี้ย ไอ้แทนเรียนหมอ ไม่ใช่มุกหมอลำ หรือหมอนวดอะไรทั้งนั้น แต่เรียนหมอจริงๆนี่แหละ เรียน 6 ปี กว่าจะจบพวกแฝดน้องก็คงแต่งเมียเข้าบ้านกันหมดแล้ว  ด้วยความที่(มโนเอาว่า)เป็นพี่ใหญ่สุด เลยต้องวางตัวนิ่งๆ ขรึมๆ น้องๆจะได้ฟังบ้าง แต่ก็ได้เท่านั้นแหละ ไอ้พวกแฝดน้องมันเชื่องซะที่ไหน โดยเฉพาะไอ้น้องคนกลางนี่ตัวต่อต้านโดยแท้

ไอ้คอส ถ้ากลับบ้านก็ต้องเรียกว่าพี่คอส นี่เป็นแฝดคนกลาง สูง 183 ซม. เรียนวิศวะไฟฟ้า ชอบเข้าฟิตเนต อัพกล้าม โชว์พาว  ขี้หลี ม่อไม่เลือก ปากหมา หน้าวอนโดนตีน แถมยังชอบแกล้งคนไม่มีทางสู้อย่างแฝดน้อง เพราะถ้าขืนไปเบ่งใส่ไอ้แฝดพี่มีหวังจะได้ตายจริงๆไม่อิงนิยาย ไอ้คอสนี่เพื่อนฝูงเยอะ ทั้งเพื่อนกิน(เหล้า)  เพื่อนเที่ยว  เพื่อนนอน  เยอะจนใช้เวลากับเพื่อนซะมากกว่าอยู่กับไอ้พี่น้องแฝด แต่เดี๋ยวนี้ เริ่มกลับตัวกลับใจมาให้เวลากับครอบครัวบ้างแล้วเนื่องจาก คุณแม่บอกว่าใช้ตังไปกับเพื่อนกับเหล้าเยอะแล้ว แม่เบื่อ งอน

ส่วนไอ้ไซน์  แฝดน้องสุดท้อง ส่วนสูงที่ได้รับก็เหลือเพียงแค่ 171 ซม. ตอนหยุดสูงก็เอาแต่โทษแฝดพี่ว่าแย่งส่วนสูงมันไปหมด  งอนไปจนถึงคุณแม่ที่คลอดไอ้แทนกับไอ้คอสออกมาก่อนทำให้สารอาหารที่ส่งมาให้มันมีเพียงน้อยนิดเท่าจู๋ไอ้ตรีโกณ หมาพันธุ์ปอมปอมที่คุณแม่เลี้ยงไว้ ไอ้ไซน์เรียนมนุษย์อิ้งค์ ด้วยทางพรสวรรค์และพรแสวงที่ฉายแววภาษาออกมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ตอนนี้คะแนนสูงสุดของสาขาตกอยู่ที่มัน  ไอ้ไซน์รับสอนพิเศษตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง จนตอนนี้ปีสามแล้วก็ยังสอนอยู่  เงินที่ได้จากการสอนพิเศษทำให้ไม่ลำบากครอบครัวนัก  และด้วยความที่เป็นแฝดคนน้อง แถมยังเตี้ยกว่าเพื่อนจึงตกเป็นเหยื่อในการแกล้งของพวกแฝดพี่อยู่บ่อยๆ  แต่ไอ้ไซน์มีแบล็กดีไง เวลาโดนแกล้งก็รีบทำหน้าอ้อนๆ หรือที่พวกพี่มันชอบบอกว่าทำหน้าเหมือนหมา วิ่งโร่ไปฟ้องคุณแม่ แถมยังเก่งเรื่องบีบน้ำตาอีกต่างหาก คุณแม่ก็ใจอ่อนยวบลงโทษไอ้แฝดพวกพี่ไปตามปริยาย
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (intro)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 06-02-2016 22:30:29
เริ่มเรื่องมาก็น่าสนใจแล้วค่ะ
ชอบเรื่องที่มีแฝดจัง เรารู้สึกว่าแฝดที่รักใคร่กันดีจะน่ารักเป็นพิเศษ
รอติดตามนะคะ มาต่อไวๆ นะ
 :L2: :3123: :pig2: :L1:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (1)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 07-02-2016 14:03:16
1
My family

ไอ้แทน ไอ้คอส ไอ้ไซน์  เป็นฝาแฝดไข่คนละใบกัน หน้าตาจึงไม่ค่อยเหมือนกัน ซึ่งนั่นก็คงดีแล้ว ไอ้ไซน์มันคงแอบหลอนถ้ามีสิ่งมีชีวิตที่หน้าเหมือนมันอีก 2 คน ตอนเด็กๆ คุณแม่ชอบซื้อเสื้อผ้าให้ใส่เหมือนกัน  เวลาซื้ออะไรก็ต้องซื้อเป็นอย่างละ 3 เซ็ท เพราะกลัวพวกแฝดจะแย่งกันเล่น  แต่โชคดีหน่อยที่พวกแฝดเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ไม่งอแงอยากได้ของเล่นแพงๆเหมือนเด็กวัยเดียวกัน  คุณแม่สอนเสมอว่าพี่แทนเป็นพี่คนโต ต้องแบ่งให้น้องเล่นด้วย พี่คอสก็เหมือนกันเป็นพี่ต้องดูแลน้อง ส่วนน้องไซน์ก็ต้องเชื่อฟังคนที่เป็นพี่ อย่าทำให้คุณแม่ลำบากใจ  พอพวกแฝดเริ่มโต คุณพ่อก็จ้างพี่เลี้ยงให้มาดูแลพวกแฝด เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เป็นคุณครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ทั้งคู่ ต้องไปทำงาน พอพวกแฝดโตเป็นหนุ่ม จะเข้ามัธยม คุณพ่อก็เริ่มสอนพิเศษที่บ้าน  คุณพ่อทำการต่อเติมห้องเป็นห้องเรียนพิเศษโดยเฉพาะออกมาอีกสองห้อง เพราะภาระค่าใช้จ่ายเริ่มหนักขึ้น  พวกแฝดเริ่มใช้เงินมากขึ้น  พอๆกับที่เริ่มแกล้งกันมากขึ้น  คงจะจริงที่ว่า ถ้าเลี้ยงลูกง่ายตอนเด็กจะมาเลี้ยงยากตอนโต เพราะแฝดพี่ชอบแกล้งแฝดน้อง  แรกๆคุณแม่ไม่ดุ เพราะเจ้าแฝดน้องมันตัวเล็ก หน้าตาก็น่ารักน่าแกล้ง  แต่หลังๆมานี่มันเริ่มไม่ใช่ ก่อนจะนอนคุณแม่จะต้องได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าแฝดน้องเพราะคนพี่ชอบแกล้งเป็นผี  ตอนเช้าตื่นนอนมาก็ต้องได้ยินเสียงร้องโวยวายของคนเป็นพี่ เพราะเจ้าคนเป็นน้องตื่นเช้า ชอบเข้าไปก่อกวนจนแฝดพี่นอนต่อไม่ได้  คุณพ่อเคยเรียกมาดุหลายครั้งแต่พวกแฝดก็ทำซ่า หูทวนลมกันไปทั้งพี่ทั้งน้อง  ยิ่งช่วงปิดเทอมยิ่งแล้วใหญ่  เสียงทะเลาะกันทั้งวันจนคุณแม่ปวดหัวไปหมด



   ครั้งหนึ่งคุณแม่ต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกับคุณพ่อ ทิ้งพวกแฝดไว้ที่บ้านกับพี่เลี้ยง  พอกลับมาจากสัมมนา ก็แปลกใจที่บ้านเงียบผิดปกติ ปรากฏว่าช่วงที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่เจ้าแฝดสามไม่สบาย ไข้ขึ้นหนักกันทุกคน คุณแม่กับคุณพ่ออดหลับอดนอนเพื่อดูแลเจ้าแฝดสาม ซ้ำยังต้องไปทำงานที่โรงเรียนจนซูบผอมไปหมด  แถมคุณแม่ยังร้องไห้จนตาบวมตาช้ำกับเจ้าแฝดคนน้องสุดท้องที่ร่างกายจะอ่อนแอกว่าเพื่อน เจ้าแฝดสามที่อาการดีขึ้นนั่นแหละถึงกับซ่าไม่ออกไปหลายวัน

กระทั่งพวกแฝดเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณแม่ก็ตัดสินใจซื้อคอนโดห้องชุด ใกล้มหาลัยไว้ให้หนึ่งห้อง แถมรถอีกหนึ่งคันไว้ให้พวกแฝดใช้ไปเรียน คอนโดห้องชุดใหญ่มาก มีครบทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น สองห้องนอน สองห้องน้ำ แถมระเบียงหลังห้องไว้มองวิวเพลินๆ  พวกแฝดตกลงว่าจะนอนรวมกันที่ห้องนอนใหญ่ห้องเดียว ส่วนอีกห้องจะเอาโต๊ะมาวางไว้ทำเป็นห้องอ่านหนังสือ จะได้ไม่รบกวนการนอนของคนอื่น พวกแฝดสัญญากับคุณแม่ว่าจะกลับบ้านเดือนละสองครั้งถ้าทำได้ เพราะไอ้แทนต้องเรียนหนัก คุณแม่ก็เข้าใจ กอดลูกชายทั้งสามน้ำตาไหลป้อยๆก่อนจะออกจากคอนโด

พวกแฝดสามใช้ชีวิตอยู่คอนโดจนกระทั่งปีสามแล้วนะ  ไอ้แทนก็ยังวางมาดนิ่งใส่พวกแฝดน้องเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือขี้บ่น เจ้าท่านหนะรักสงบ สะอาด สงัด แตกต่างจากแฝดกลาง ไอ้คอส รายนั้นหนะชอบโวยวาย ส่งเสียงดัง เชียร์บอล คุยโทรศัพท์ อาบน้ำ ดูหนัง ร้องเพลง ชอบให้คนอื่นรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ง่ายๆก็คือ แม่งเรียกร้องความสนใจ(จากตีน)  ส่วนไอ้ไซน์นะหรอ มันค่อนข้างเป็นคนขี้อาย(กับคนอื่น)  วันๆสนใจแต่รับจ้างสอนพิเศษไม่รู้จะอยากได้ตังไปทำอะไรนักหนา ทั้งๆที่ขอแม่ก็จบ  นอกจากจะโดนไอ้พวกพี่แฝดแกล้งแล้วยังโดนเพื่อนที่คณะแกล้งเหตุเพราะหน้ามันซื่อบื้อ เหมือนหมางง ตาก็ขีดๆ จมูกเล็กๆ  ปากบางๆ โคตรเข้ากับผมทรงเห็ดที่ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจจากไหนไปตัด แต่ก็นั่นแหละ ก็เข้ากับไอ้ไซน์ดี

“คอส แท็กอันนี้มาให้หรอ?”  หลังจากที่โทรคุยกับคุณแม่จบ ไอ้ไซน์ก็หันหน้ามาถามคนที่นั่งข้างๆพลางโชว์หน้าจอโทรศัพท์ตัวเองให้อีกคนดู
“อือ สนมั้ยจะได้บอกน้องมันให้” ไอ้คอสตอบ 

‘ในม.เรามีใครรับติวภาษาอังกฤษมั้ยครับ คือผมโง่มากๆเลย ขอแบบพื้นฐานง่ายๆไปจนยากเลยครับ เกรดตกต่ำมาก ราคาเท่าไหร่เท่ากัน ผมต้องการคนช่วยจริงๆ ถ้าสนใจอินบ็อคมาคุยกัยได้เลยนะครับ’ 

“สนๆ” พยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก     
“ไซน์ มีปัญหาเรื่องเงินรึเปล่า?” ไอ้แทนที่นั่งอยู่ด้านหลังใช้เท้าดันพื้นให้เก้าอี้หมุนเลื่อนมาชนไอ้ไซน์เสียงดังปั้ก!
“เจ็บนะ !!”  ขึ้นเสียงสูงแหวใส่ ไอ้คนทำหัวเราะน้อยๆไม่ได้สำนึกผิดเลยนะแม่ง
“ตอบดิ ไม่ตอบจับหัวเห็ดมึงโขกโต๊ะนะ”  คนแฝดพี่ที่นิ่งขรึมมาตลอดเริ่มแตก ออกอาการอยากแกล้งแฝดน้อง ดูหน้ามันสิ ตาขีดๆของมันมองยังไงแม่งก็เหมือนหมาอ่ะ
“ไม่ได้มีปัญหา!”
“แล้วทำไมต้องอยากรับจ้างสอนพิเศษอะไรขนาดนั้น”
“เออ นั่นดิ” พอคนนึงถาม อีกคนก็เกิดสงสัยขึ้นมาด้วย

...เอาเลย รุมเลยยย เป็นน้องอยู่แล้ว โดนแกล้งอยู่แล้วนี่ !

“อยากได้ตังซื้อของขวัญ” ไอ้ไซน์ตอบเบาๆ
“ห๊ะ ของขวัญอะไร?”  ไอ้คอสถาม ขมวดคิ้วใส่
“ของขวัญวันเกิด”
“วันเกิดใคร?”
“ก็วันเกิดพวกเราไง เจ้าพวกแฝดโง่ ! สิ้นเดือนก็จะถึงแล้วเนี่ย ยังเก็บตังไม่ได้เลย”   
“...”
“...”
“...”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“หะ หัวเราะอะไรเล่า”  เห็นสีหน้าที่ไอ้พวกแฝดพี่หัวเราะแล้วหูก็ร้อนขึ้นมา มันอายอ่ะ ทำไมไอ้ไซน์ต้องมาทำอะไรเซอร์ไพร์ มุ้งมิ้ง กิ้งก่องแก้วให้ไอ้แฝดเถื่อนพวกนี้ด้วยวะ
“โถ น้องไซน์หมาน้อยของพี่ ฮ่าๆ นี่มึงไม่เข็ดรึไง” ไอ้คอส ไอ้พี่ปากหมา ฮือออออ อย่าหยิกแก้มกูวว
“ทำดี มาดูกันว่าปีนี้มึงจะโดนอะไร” ไอ้แทน ไอ้โหด ไอ้สายเถื่อน อย่าบีบก้นนนน

.

.

.

ย้อนกลับไปเมื่อตอน ปี 1
‘คอส แทน เซอร์ไพรส์!!!!’ ไอ้ไซน์ถือถุงกระดาษที่มีโบว์แปะแบบลวกๆ ก่อนจะส่งไปให้พี่แฝดทั้งสอง แล้วหันมายิ้มแป้นโชว์ฟันขี้ยวแหลมซี่เล็กๆ
‘อะไรของมึง กางเกงในคิตตี้สีชมพู’
‘ของกู กางเกงในลายลูกเป็ดสีเหลือง’
‘ก็เห็นกกน.ของคอสกับแทนมันมีรูขาดๆตรงเป้าอ่ะ เลยซื้อมาให้ใหม่ นี่ มีคำอวยพรด้วยนะ ดูดีๆ’ บอกพวกแฝดพี่อย่างตื่นเต้น
‘ด้วยรักและสังคัง...’
‘ฮ่าๆๆๆ รักน้า’ บอกพวกแฝดด้วยเสียงทะเล้นก่อนจะเดินลอยลมไปหาของกินในครัว
‘ตายเถอะไอ้เตี้ยย!!!’ พูดจบแฝดพี่ทั้งสองก็พุ่งเข้าหาไอ้เตี้ย จับล็อคคอ ล็อคแขน ยัดกกน.ในตะกร้าที่ยังไม่ได้ซักโปะจมูกคนตัวเล็ก
‘อุแหวะ พวกเถื่อน ปล่อยยยยยยยยยยยยยยย’
‘อย่ามาหือกับพี่นะน้อง’

.

.

.

ปี 2
แควก!  แควก!
‘โอ้ยยยยยยยยยยย อิเหี้ย!!!’
‘พ่อมึง!!!’
‘สุขสันต์วันเกิดดดด!!!’  ไอ้ไซน์ตะโกนบอกก็รีบวิ่งหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง หลังจากทำภารกิจเซอร์ไพร์วันเกิดสำเร็จด้วยการตื่นมากลางดึก และแปะสก๊อตเทปสีน้ำตาลที่หน้าแข้งของพี่แฝดทั้งสอง ก่อนจะดึงออกมาเสียงดังแควก หน้าไอ้พวกแฝดนั่นสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตลกชิปหาย ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ยย ขำ ไม่ไหวๆ คิดได้ยังไงนะไอ้ไซน์ โคตรฉลาดอ่ะ
‘ออกมามอบตัวซะดีๆ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา’ เสียงตะโกนจากด้านนอกดังลอดเข้ามาในห้องน้ำ
‘ออกไปก็โง่ดิ’ ปากดีตะโกนกลับออกไป
‘ไม่ออกมามึงก็โง่ครับ’
แกร๊ก
‘หะ เห้ยยย’
‘มึงแสบมากนะเตี้ย ตายยยยยยย’
‘อย่าหือกับพี่ จำไว้’ นั่นแหละ ไอ้ไซน์ก็โดนไปตามระเบียบ




พาร์ทบรรยายหมดเลย เรื่องเนิบๆ อยากให้รู้จักชีวิตของสามแฝด จะได้รักพวกแฝดเยอะๆ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (2)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 07-02-2016 14:07:41
2
In to my world

“สอนเสร็จก็โทรหา เดี๋ยวมารับ”
“รู้หน่า พูดทุกครั้ง ไม่เบื่อรึไง” สิ้นเสียงคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถก็หันกลับมาเอื้อมมือตบหัวเห็ดๆของคนพูดดัง ผัวะ!  “มันเจ็บนะเว้ย!”
“พูดขอบคุณเพราะๆซิ”
“พ่อง!”  ทิ้งระเบิดไว้ก็เปิดประตูลงจากรถมาด้วยความเร็วแสง ไอ้คนหัวเห็ดหัวเราะคิกคักส่งท้ายสองแฝดที่ขับรถออกไปอย่างฟึดฟัด 

และจะเป็นแบบนี้ทุกเช้า ...  ไอ้แทนมีหน้าที่ขับรถมาส่งน้องแฝด โดยส่งไอ้ไซน์เป็นคนแรก เพราะคณะมนุษย์ใกล้กว่าเพื่อน  อีกอย่างจะได้ส่องสาวคณะมนุษย์มีกำลังใจก่อนไปเรียน  ต่อมาไอ้แทนก็จะวนรถไปส่งไอ้คอสที่คณะวิศวะ อยู่อีกฟากของมหาลัย  และขับรถต่อไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงคณะแพทย์ของไอ้แทน
ไอ้ไซน์เดินเข้าคณะมาอย่างอารมณ์ดี  หน้าหมาๆของมันทำให้เป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้หญิงในคณะ จนเพื่อนที่คบส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้นเลย  แรกๆไอ้ไซน์ก็เขินหรอกนะที่มีผู้หญิงรุมล้อม แต่หลังมานี่พวกผู้หญิงชอบหยิกแก้ม  บางคนจัญไรหน่อยก็ชอบจับนม  ยิ่งช่วงนี้ไอ้ไซน์ตัดผมเห็ด (เพราะแรงยุจากพวกนี้แหละ) พวกผู้หญิงก็ชอบมาเล่นผม ถักเปียให้ บางวันพวกผู้หญิงอ้างว่าเป็นประจำเดือน ก็ได้หัวเห็ดๆของไอ้ไซน์นี่แหละเป็นที่ลง 

...ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย กูนี่เป็นที่ระบายของพวกมึงหรอมสัส

ไอ้ไซน์ชอบเนย  ...เนยเป็นผู้หญิงในคณะนี่แหละ แต่เรียนเอกสเปน เนยตัวเล็กกว่าไอ้ไซน์ ผมยาว ตัวขาว ปากแดง พูดเพราะ แถมยังทำงานเก่งด้วย เนยทำงานอยู่สโมฯของคณะ ไอ้ไซน์จึงชอบไปป้วนเปี้ยนแถวสโมฯบ่อยๆ  แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกเพื่อนผู้หญิงบอกว่า
‘หน้าหมาๆอย่างไซน์ จะเอาอะไรไปจีบเนย’
‘หันมาชอบพี่เต๋าดีกว่า หล่อ รวย สปอต จีบมึงตั้งนานแล้วด้วย เลิกเล่นตัวซะที’ พี่เต๋าที่ว่านี่คือรุ่นพี่ในสาขา ปี 4 ที่ชอบซื้อขนมนมเนยมาให้ไอ้ไซน์ และอ้างว่า น้องไซน์เป็นสายรหัสโคกับพี่ พี่ก็ต้องซื้อให้ รับไว้เถอะ

...ใช่ ที่พี่เต๋าซื้อขนมมาให้ตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้ปีสามแล้ว ไม่เห็นจะแปลกซักนิดเลย

.

.

.

“เดินหน้าหมายิ้มมาเชียว”  เสียงแหลมๆทักขึ้น ไอ้ไซน์ที่ทำหน้าหมายิ้มก็หุบยิ้มลงทันที  กระแทกก้นงอนๆ ลงม้าหินอ่อนที่มีพวกผู้หญิงนั่งอยู่ก่อน และกำลังกัดข้าวเหนียวหมูปิ้งอย่างอร่อย

...กินเข้าไปเถอะไอ้หมูติดมันเยิ้มๆพวกนั้น ให้อ้วนตายไปเลย

“ทำหน้าแบบนั้น กำลังด่าอยู่รึไง”
“ป่าวนะ” รีบตอบกลับมาอย่างร้อนตัว
“อ่ะ ของเซ่นจากพี่เต๋า”  เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างดันถุงเซเว่นถุงใหญ่มาตรงหน้า ไอ้คนหัวเห็ดยิ้มกว้างก่อนจะเริ่มคุ้ยในถุงดู หยิบนมเมจิกลิ่นแคนตาลูปมาเจาะหลอดดูดอึกๆ
“อ๊า...”  ดูดเสร็จก็ส่งเสียงราวกับชื่นใจนักหนา ทำหน้าฟินใส่เพื่อน
“รำคาญ ชอบเค้าก็บอกมาเถอะ พูดอยู่ได้ว่าพี่น้องๆ”
“เอ้าก็พี่น้องจริงๆนี่ พี่เค้าเอามาให้เพราะเป็นสายโค”
“แกมันซื้อบื้อ ไอ้ไซน์  ไอ้หมาโง่” พูดจบก็ยีหัวเห็ดๆของไอ้ไซน์

...คือ มือแกกินข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้วยังไม่ได้ล้าง

คาบเช้าวันนี้เรียนแค่วิชาเดียว  ส่งเอซเซย์ที่ทำเมื่อคืนกับอาจารย์เสร็จ อาจารย์เริ่มสั่งงานวิเคราะห์วรรณกรรมคลาสสิค เรียนมนุษย์อิ้งใครว่าง่ายว่าชิลอยากให้ลองดู  ยิ่งเรียนยิ่งยากเพราะจะเจาะลึกเข้าไปแก่นแท้ของภาษาอีก ไหนจะต้องมี oral พูดปากเปล่า พรีเซนต์ต่างๆ  ยิ่งช่วงนี้เน้นนักย้ำหนาว่าเข้าสู่ยุค AEC เวคคัมทูอาเซียนยิ่งต้องให้เก่งให้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่เค้าพัฒนาเร็ว

... เฮ้อ...คิดแล้วไอ้ไซน์ก็เครียด  ปีหน้าก็ปี 4 แล้วนอกจากจะฝ่าฟันช่วงโปรเจ็คแล้วยังต้องยื่นสมัครฝึกงาน  ดีหน่อยที่ไอ้ไซน์มีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นชาวต่างชาติ คอยให้คำแนะนำดีมากเกี่ยวกับการศึกษาต่อ หรือหันไปทำงานต่างประเทศ หวังว่าอาจารย์คงสามารถช่วยมันได้ไม่มากก็น้อยละวะ
“OK, Everyone see you next week and don’t forget to send the essay. Goodbye.”  อาจารย์พูดจบก็เดินออกจากห้องลิ่วๆ  พวกนักศึกษาต่างพากันถอนหายใจ

...สั่งงานนนน สั่งงานอีกแล้วววว 

ไอ้ไซน์นั่งรอพวกผู้หญิงแต่งหน้าทาปาก เช็คความแรดของตัวเองเสร็จก็เดินออกจากห้องไปหมกตัวกันอยู่ที่สมุดกลางของมหาวิทยาลัย  ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเด็กเรียนหรืออะไร  แต่ต้องรีบไปแย่งชิงหนังสือวรรณกรรมที่มีน้อยนิดมาดองไว้ก่อน  จะอ่านตอนไหนก็ค่อยว่ากันอีกที  ลำพังไอ้หนังสือวรรณกรรมของคณะมันไม่เพียงพอต่อความต้องการ บางเล่มนี่อย่างกับถูกปลวกแทะ กระดาษเปื่อยยุ่ย เปิดแรงก็ไม่ได้ หาซื้อก็ยาก  ถ้าได้เล่มไม่ถูกใจนี่ก็เป็นความลำบากอีก บ่นไปก็เท่านั้นเพราะตอนนี้ไอ้ไซน์และผองเพื่อนกำลังยืนเลือกหนังสือวรรณกรรมที่สนใจกันอยู่
“ไซน์  เรื่องนี้แกอ่านแล้วใช่มั้ย เป็นไงมั่งอ่ะ”  เจ้าของเสียงแหลมๆเมื่อเช้าชูหน้าปกหนังสือขึ้น
“อือ” พยักหน้า “ก็...มันเป็นแนวสอบสวน เราไม่คุ้นศัพท์ มันก็เลยไม่โอเคเท่าไหร่”  อีกฝ่ายพยักหน้าตาม ไอ้ไซน์ที่เลือกหนังสือได้แล้ว เป็นเรื่อง The great Gatsby หอบหนังสือมานั่งที่โต๊ะ  เปิดอ่านผ่านๆก็เก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเป้ใบเก่ง
“เอ้า จะไปสอนแล้วหรอคุณครู”
“อื้อ สอนน้องทรายคณะวิทย์”  ยิ้มกว้างตาหยีบอก
“หน้าเป็นหมาได้กระดูกเชียว หางสั่นดิ๊กๆแล้ว เก็บด้วยไอ้หมาไซน์” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปผลักทรงหัวเห็ดที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ  นี่มันไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ว่าหน้าหมาๆแบบมัน (หมายถึงน่ารักแบบหมา) ไม่ได้ดึงดูดเพศตรงข้ามให้มาทำพันธุ์ด้วย  มีแต่จะดึงไม้ป่าเดียวกันเข้ามาให้ได้เรื่อง
“น้องทรายน่ารัก สอนง่าย” บรรยายสรรพคุณของลูกค้าให้พวกผู้หญิงฟัง มือก็รูดซิบกระเป๋า ลุกจากโต๊ะเตรียมตัวไปสอน “ไปนะ” 
“เออ ไปดี”  ได้รับคำอวยพรจากพวกผู้หญิงก็เดินลอยลมออกจากห้องสมุดไปยังร้านกาแฟหน้ามหาลัย คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก เปิดให้นักศึกษาละแวกนั้นไปติวไปอ่านหนังสือกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง คนจึงเยอะกว่าร้านอื่นๆละแวกนั้น
ไอ้ไซน์นั่งรอน้องทราย (?) พร้อมชาเขียวปั่น ประมาณ 15 นาทีได้ น้องทรายก็วิ่งเข้ามาในร้านมองซ้ายมองขวา  พอเจอหน้าคนทรงหัวเห็ดก็เดินตรงเข้ามานั่งด้านข้าง
“พี่ไซน์สวัสดีค่ะ รอนานป่าว ขอโทษนะเขียนแลปเพลินไปหน่อย”  ยกมือไหว้ทั้งสวัสดีทั้งขอโทษ 
“กินไรมั้ย หน้าแดงหมดแล้ว” เอาชีทที่เตรียมสอนของตัวเองพัดให้คนด้านข้างระบายความร้อน
“ไม่ค่ะ วันนี้มีนัด”
“อ๋อออ โอเค งั้นเรียนเลยมั้ย  พร้อมยัง?”
“เอาเลยๆ เออ วันนี้อาจารย์สั่งงานด้วย พี่ไซน์ช่วยสอนหน่อยนะ”
“ได้ งั้นจากคราวที่แล้วแกรมม่าถึงเรื่อง....”   ไอ้ไซน์ตั้งใจสอนน้องทรายเป็นพิเศษเพราะความลำเอียงล้วนๆ เอ้ย สอนน้องทรายแล้วสอนสนุก น้องทรายเป็นเด็กที่เข้าใจง่าย  แต่หัวช้า เวลาสอนถึงจะใช้เวลาหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะสอนไหลลื่น ต่อหลายเรื่องได้ง่าย ไอ้ไซน์จึงยกให้น้องไซน์เป็นนักเรียนดีเด่น

... โอ้ย ให้สอนฟรียังได้  แต่ช่วงนี้บังเอิญต้องใช้ตัง

ไอ้ไซน์สอนน้องทรายตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงสี่โมงเย็น  ต่างคนก็ต่างหมดพลังงานไปตามๆกัน  พอสอนเสร็จน้องทรายก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีนัด ส่วนไอ้ไซน์ก็นั่งเหง็กรอไอ้แทนมารับหลังจากโทรสั่งมันเรียบร้อยแล้ว   
ไอ้แทนมารับน้องแฝดที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัยเป็นประจำ  วันนี้ก็เช่นกัน  หลังจากที่น้องแฝดโทรมาหาบอกว่าสอนพิเศษเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวที่กำลังนอนตีพุงตากแอร์อยู่ที่ห้อง small group ในคณะแพทย์ก็บึ่งตัวจากคณะไปยังหน้ามหาลัย เห็นไอ้น้องแฝดทำหน้าหมางงอยู่ในร้านกาแฟก็นึกเอ็นดู อยากแกล้งตบหัวมันให้หงายหลังขึ้นมาตงิดๆ 

...คิดว่าน่ารักมากมั้งไอ้หมาอ้วน

เอาจริงๆ ถึงจะเป็นแฝดกัน อายุเท่ากัน  เพียงแค่เกิดห่างกันไม่กี่นาที แต่ไอ้แทนก็รู้สึกราวกับตัวเองเป็นพี่คนโตจริงๆ  ดูอย่างไอ้คอส ทำตัวอย่างกับนักเลงประถม เป็นหัวโจกวอนมือวอนเท้าชาวบ้านเขาไปทั่ว ไหนจะไอ้ไซน์ไอ้นั่นยิ่งแล้วใหญ่ ขี้ฟ้อง อยากได้อะไรก็ทำหน้าหมาอ้อนใส่ ตัวก็เตี้ย

...โอ้ยนี่กูมีแฝดเป็นเด็กอายุสมองอนุบาลรึไง




รู้สึกว่าสำนวนตัวเองยังไม่สวยเลย  จะพยายามมากขึ้นนะ
เอาใจช่วยเราด้วย  ช่วงนี้เราแปลเปเปอร์หนักมาก  :mew6:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (2)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-02-2016 16:25:14
สำนวนดีแล้วล่ะค่ะ อย่ากังวล
เขียนอย่างที่อยากเขียนนั่นแหละค่ะ
ครอบครัวนี้น่ารัก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
สู้ๆ มาต่อไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (2)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-02-2016 18:26:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (3)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 12-02-2016 15:57:41
3
OK, I will go with you


แปะ!

โพสต์อิทแผ่นสีเหลืองถูกแปะ(จริงๆแล้วต้องบอกว่าตบ)เข้ากลางหน้าผากของไอ้หมาไซน์ที่กำลังนั่งฮึมฮัมร้องเพลงสากลพร้อมกับอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนา  เจ้าตัวละหน้ามามองคนที่แปะโพสต์อิทไว้ ขมวดคิ้วใส่

“วันนี้มึงโคฟเวอร์เป็นหมาพุดเดิ้ลรึไง?”  หน้าม้าที่ปล่อยไว้ถูกรวบขึ้นมัดเป็นจุกต้นมะพร้าวอยู่กลางหัวเห็ดๆ  ทำให้คนที่เป็นแฝดพี่อย่างไอ้คอสล้อเลียนขึ้นมา
“ยุ่ง” ตวัดหางตาใส่ มือก็ดึงแผ่นสีเหลืองที่หน้าผากของตัวเองออกมาอ่าน


‘FB: Jaijaii Jirathiphat
ID Line: 0305jaiii
TW: @jaijira
IG: @jaijira
E mail: jai_Jaijira


“ทำดีกับกูหน่อย นี่กูหาลูกค้าเรียนพิเศษให้มึงอยู่นะไอ้หมา”  เจ้าของโพสต์อิทบอก เอื้อมมือจะแย่งโพสต์อิทคืน แต่ไอ้ไซน์เร็วกว่า รีบกำกระดาษในมือแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมด
“ไปได้เหยื่อที่ไหนมาหละ”  แฝดพี่คนโตเอ่ยถาม
“รุ่นน้องที่คณะ แม่งโง่อิ้งค์มาทั้งชีวิต เลยสงเคราะห์มันหนะ” 
“ชื่ออะไร?”
“ไจ๋”
“...ไจ๋ ที่มาเรียนพิเศษกับแม่ คนเดียวกันป่าววะ?” ไอ้หมาไซน์ที่โคฟเวอร์เป็นพุดเดิ้ลนึกหน้ารุ่นน้องที่ตอนสมัยม.ปลายมาเรียนพิเศษบ่อยๆ เขาจำชื่อนี้ได้ค่อนข้างดีเพราะแม่ชอบบ่นกับพ่อแล้วไอ้ไซน์ไปแอบได้ยินมาว่า  ไจ๋เป็นเด็กหัวดี แต่ชอบโดดเรียน แต่หน้าตานี่ไม่คุ้น เพราะเด็กที่มาเรียนกับแม่เยอะเหลือเกิน
“ไม่รู้ดิ ไม่เคยถามมัน ปกติท้าตีกันอย่างเดียว” เรื่องชกต่อยนี่ปล่อยให้เป็นงานถนัดของแฝดคนกลางเลยเถอะ 
“พวกเถื่อน”  ไอ้ไซน์คิดว่ามันแอบคิดในใจแล้ว  แต่มันคงคิดดังไปหน่อยไอ้คอสเลยได้ยินเข้าตบหัวดังผัวะ! คว่ำไปทางด้านหน้า  “ชอบใช้กำลัง!”
“น้องไซน์ครับ มันเป็นสไตล์ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาวิจารณ์”
“มันกำลังจะบอกมึงว่า อย่าเสือก หวะไอ้หมา”

...พวกมึงมันใจสกปรก โสมม โสโครก ซกมก อกุศลเข้าสิงจิต เห็นผิดเป็นชอบ รุมกูเลย ด่ากูเลยย  กูจะเก็บทุกเม็ดแล้วเอาไปฟ้องแม่  ถึงคราวนั้นพวกมึงอย่าหวังว่าจะได้รับกรุณาความเมตตาปราณีจากกู ไอ้พวกพี่แฝด

.

.

.

เมื่อคืนหลังจากที่ไอ้ไซน์สงบปากสงบคำกับพวกไอ้แฝดพี่แล้วก็จัดการแอดเฟสบุ๊ค แอดไลน์ แอดอีเมลล์  ฟอลทวิตเตอร์ และฟอลไอจีน้องไจ่ไจ๋ (ชื่อแม่งก็อ่านยากชิบหาย ลำบากกูต้องมานับนิ้วผันวรรณยุกต์สะกดชื่อน้องมันเนี่ย) ครบทุกช่องทางการติดต่อแล้ว ก็ทิ้งข้อความเอาไว้


‘สวัสดีครับ พี่ชื่อไซน์เรียนมนุษย์อิ้งค์ปี 3
ไอ้คอส (เอ่อแฝดพี่เอง) บอกว่าน้องอยากเรียนภาษาอังกฤษ
ก็เลยแชทมาถามดูว่าน้องสนใจจะเรียนกับพี่มั้ย ค่าเรียนพี่ถูกนะ
ป.ล.พี่สอนดีมากจริงๆ ’


รอการตอบกลับจากไอ้น้องไจ่ไจ๋อะไรนั่นจนตอนนี้ มานั่งกินข้าวกับพวกผู้หญิงที่โรงอาหารในคณะน้องไจ่ไจ๋ก็ยังไม่ตอบกลับมา

...ตอบรับตอนนี้ ฟรีชีทเรียนนะมึง โปรโมชั่นสุดพิเศษไม่มีใครได้มาง่ายๆ นะบอกเลย (ยกเว้นน้องทราย อุอิ)

จนแล้วจนรอด นั่งรอทั้งวันก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาจากไอ้น้องไจ่ไจ๋ ไอ้หมาไซน์ถอนหายใจดังเฮือก  หน้าบอกบุญไม่รับ จนพวกผู้หญิงมอง

“เป็นไร ทำหน้ายังกะหมา” ฝ่ายเสริม
“เออ เกิดเป็นคนไม่ชอบ ชอบทำเป็นหมา” ฝ่ายสนับสนุน
“เอ๊ะ แต่ปกติก็เป็นหมาอยู่แล้วหนิ” ฝ่ายเสี้ยม ว่าจบก็พากันหัวเราะคิกคักจนไอ้หมาไซน์หันควับ ไปมองค้อน
“อ้าว หมาโกรธละเว้ย”
“ไอ้ไซน์ เป็นไร บอก!” พอไอ้ไซน์ไม่ตอบ ก็เค้นเอาคำตอบกันใหญ่
“น้องยังไม่ตอบเรื่องเรียนพิเศษเลยอ่ะ”  บอกไปหน้าหงอยๆของมันก็ก้มมองลงมือถืออีกครั้ง 
“น้องไหน น้องทราย?”
“ไม่ใช่ น้องคนใหม่อ่ะ เพิ่งทักไปเมื่อคืนนี้” 
“โถ่ ไอ้หมา รอสิรอออออ”  พวกผู้หญิงเลิกสนใจไอ้ไซน์แล้วก็หันไปเม้าท์มอยกันต่อ  ปล่อยให้ไอ้ไซน์กลายเป็นวิญญาณหมาเฝ้าแชทอยู่นั่นแหละ  ช่างแม่ง

.

.

.

“คอส มารับหน่อย อยู่คณะ”
‘ไม่ว่าง’
“เอ้า แล้วจะให้กลับยังไง แทนก็ไม่วางเนี่ย”
‘กลับพร้อมกูนี่แหละ รถอยู่กับกู’
“งั้นก็มารับสิ”
‘เอ้าไอ้หมา บอกว่าไม่ว่าง’
“อย่ากวนตีนดิ ร้อนเนี่ย”
‘มึง กูคุยงานของคณะอยู่ มารอที่คณะกู ถ้าผ่านร้านป้าแว่นซื้อกาแฟมาให้ด้วยนะ’
“ตลกมั้ย คณะอยู่คนละฝั่งกัน ถ้าไม่ว่างมารับเดี๋ยวกลับเองก็ได้”
‘นั่งชัทมา แปปเดียว เร็วๆนะ หิวน้ำ’ สิ้นเสียง สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดดัง ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...

...สัส

ไอ้ไซน์ตัดสินใจเดินไปหน้าคณะ รอไม่นาน รถบัสคันเล็กหรือที่นักศึกษาเรียกกันว่ารถชัทเทิลบัสไว้คอยบริการนักศึกษาก็มาจอดเทียบคณะ  ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากคณะมนุษย์ศาสตร์ก็มายังคณะวิศวกรรมศาสตร์  ถึงจะอยู่อีกฟากของมหาลัยก็จริง แต่เส้นทางก็โล่งทำให้มาถึงเร็ว  ไอ้ไซน์ลงจากรถ เดินข้ามฝั่งไปซื้อกาแฟร้านป้าแว่นให้แฝดพี่คนกลางแล้วข้ามถนนกลับมาอีกรอบ  เดินต่อเข้าไปนิดหน่อยก็เห็นนักศึกษาคณะวิศวะในเสื้อปฏิบัติงานสีน้ำเงินเข้มวิ่งกันให้วุ่น

...สงสัยจะยุ่งทั้งคณะจริงๆ

“ไซน์ ไซน์ ทางนี้ๆ” เสียงร้องตะโกนเรียกทำให้ชาววิศวะหันมาสนใจคนตัวเล็กที่ใส่ชุดนักศึกษาสีขาว แตกต่างกับชาวคณะวิศวะ ยิ่งทำให้ไอ้ไซน์ดูเด่นขึ้นมาทันตา
“อ่ะ” เดินไปหาไอ้แฝดคนที่สั่งซื้อกาแฟแล้วก็ยื่นแก้วกาแฟให้  ไอ้คอสยิ้มหน้าระรื่นรับแก้วกาแฟมาดูดสามอึกใหญ่ๆแล้วก็เอามือมายีหัวเห็ดๆ
“ดีมากไอ้หมา นั่งรอตรงนู้นแปปนึงนะ”  ชี้มือไปทางโต๊ะไม้ที่เต็มไปด้วยเศษโฟม  เศษไม้อัดและกองกระเป๋า
“ทำไมแทนไม่ว่าง แล้วทำไมได้เอารถมาเองใช้หละ”
“เอ้า แทนมันไม่ได้บอกมึงหรอ”  คนหัวทรงเห็ดส่ายหน้า “วันนี้มันคุยสมอลกรุ๊ปอะไรไม่รู้ กูมีธุระข้างนอกเลยไปเอารถมาใช้ก่อน”
“แล้วรอนานมั้ยอ่ะ”
“อีกแปปนึง สั่งงานพวกปีสองไว้ก่อน ไปนั่งรอไป”  คนหัวทรงเห็ดพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเดินไปเก็บเศษไม้ เศษโฟมออกแล้วหาที่นั่งให้ตัวเอง  หยิบหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษเล่มหนาที่ค้างไว้วันก่อนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา

...ร้อนก็ร้อน วันนี้อุตส่าห์เลิกเรียนเร็วแทนที่จะได้กลับไปนั่งทำงานตากแอร์ กลับต้องมานั่งเฝ้าไอ้แฝด ชีวิตไอ้ไซน์นี่ทำกรรมอะไรไว้กับไอ้พวกนี้นะ
 
.

.

.

“พี่ไซน์ครับ  พี่ไซน์” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ไอ้ไซน์ลืมตาเงยหน้าขึ้นมามอง 

...งงเลย หลับลงไปได้ไงวะ ร้อนชิบหาย แถมยังปวดคอปวดหลัง  หนังสือนี่ยังคาที่มืออยู่เลย

“ห๊ะ หืม อะไร”
“พี่คอสบอกให้พี่ไซน์กลับก่อนเลยครับ ตอนนี้พี่คอสเข้าประชุมอยู่”  เสียงทุ้มๆกับหน้าคมๆบอกอีกครั้ง  ไอ้ไซน์มองไปรอบๆตอนนี้ก็ยังคงมีคนวิ่งวุ่นวายอยู่ แต่กลับไม่เห็นเงาของไอ้พี่แฝด

...คือมึง มึงทำไมพึ่งมาบอกตอนนี้  ไอ้สัสคอส กลับบ้านกูจะฟ้องแม่ว่ามึงทิ้งกูไว้กลางคณะคนเดียว กาแฟก็ซื้อมาให้ รอก็ได้มานั่งรอ ไอ้ตัวดีกลับหนีไปประชุม แม่งเอ้ย !

“...” ถอนหายใจใส่คนที่มาบอก เก็บหนังสือเล่มหนาเข้ากระเป๋าเป้ ก่อนลุกขึ้นเดินยีหัวเห็ดๆของตัวเองออกจากลานคณะ
“เห้ยพี่ จะไปไหน”  อีกฝ่ายเดินตามมาถาม
“กลับดิ”  ไอ้หัวทรงเห็ดตอบ ก่อนจะเดินต่อ
“ทางนี้” ชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางด้านขวาตัวเอง
“?” ไอ้ไซน์ทำหน้าหมางงใส่ตามสเต็ป  อีกคนแอบอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะขยายความให้ไอ้คนที่ทำหน้าหมางงเข้าใจ

...แม่งหน้า(รัก)เหมือนลูกหมาจริงด้วย

“พี่คอสบอกให้ผมไปส่ง” 
“เดี๋ยวกลับเอง ฝากบอกไอ้คอสด้วยว่ากูโกรธ โกรธมากๆ”
“เฮ้ยพี่ เดี๋ยวดิ ถ้าผมไม่ไปส่งพี่ ผมนี่แหละยิ่งจะโดนโกรธมากๆมากกว่าอ่ะ” บอกแล้ววิ่งไปขวางหน้าไอ้ไซน์ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากหมางง เป็นหมาหน้าบึ้งแทน
“ถอยไป ไม่งั้นกูจะโกรธมึงมากๆอีกคน บอกพี่มึงด้วยว่ากูขอค่ากาแฟคืน”  ผลักอีกคนให้หลีกทางก่อนที่จะเดินลิ่วๆออกไปทางหน้าคณะ
“ถ้าพี่ให้ผมไปส่ง ผมยอมเรียนพิเศษกับพี่เลยเอ้า!” 
“...”  ไอ้ไซน์ชะงักกึก

...ห๊ะ ?

“ผมพูดจริงนะ”
“...”
“ผม...ผมชื่อไจ๋ไง ที่พี่ทักผมมาเมื่อคืน”

.

.

.

แล้วไอ้ไซน์ก็ได้มานั่งแหมะอยู่บนรถออดี้คันหรู  เวลาบ่ายสี่โมงแก่ๆ น้องไจ๋ ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถออกมาจากหน้าคณะ  เอื้อมมือไปกดเล่นเพลงสากลไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป  คนขับรถเหลือบไปมองคนด้านข้าง ก็เห็นกดโทรศัพท์อยู่ยิกๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าคนขับรถจะพาตัวเองไปไหน

...ถ้าหลอกไปขายแม่งก็คงจะไม่รู้เรื่อง

“อ้าว ไปไหน” พอเงยหน้ามาจากโทรศัพท์เห็นว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโดของตัวเองก็ร้องทักออกมา
“ไปซื้อของก่อน” คนขับรถบอก
“...” พอไอ้ไซน์ไม่ได้พูดต่อ น้องไจ๋ ก็แอบหันไปมอง เห็นทำหน้าหมางง เฮ้อออ รู้สึกอะไรก็ฉายออกมาทางสีหน้าซะหมด  คิ้วเนี่ยขมวดกันจนจะเป็นโบว์อยู่แล้ว  น้องไจ๋ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเรียนพิเศษแล้วเจอพี่ไซน์ จะต้องเห็นพี่ไซน์ทำหน้าหมางงไปกี่ครั้ง

...คิดว่าน่ารักแล้วจะทำอะไรก็น่ารักหรอ

“ไหนๆก็มาละ ผมไม่อยากตีรถกลับไปกลับมาอ่ะ ไปซื้อของช่วยหน่อยนะ” 
“อ๋อ” ไอ้คนทรงหัวเห็ดพยักหน้ารับรู้ 
“...”
“ที่บอกว่าจะเรียนพิเศษด้วยจะเรียนจริงๆใช่มั้ย?”  หันไปถามคนที่กำลังขับรถ 
“ขอคิดก่อน”
“อ้าว ได้ไงอ่ะ” ไอ้ไซน์แหวใส่เสียงแหลม คนขับรถหัวเราะตาหยี

...โอ้ยแสบตา  ออร่าน้องมันทะลุ

“โธ่ พี่ไซน์ ตอนแรกที่ผมโพสต์อ่ะ มีคนมาทักผมตั้งเยอะ หนึ่งในนั้น มีพี่ลูกหยีด้วยนะเว้ย พี่ลูกหยีที่เป็นดาวคณะคุรุศาสตร์อ่ะ  ผมก็เลยตอบรับไปแล้วด้วย”  น้องไจ๋บอก  สีหน้าท่าทางนี่ดูภูมิใจนักภูมิใจหนา ที่มีดาวคณะมาขอสอนพิเศษ  ไอ้คนที่นั่งฟังได้แค่นขอดอยู่ในใจ
“...”  น้องไจ๋เหลือบมองคนที่นั่งด้านข้างอีกครั้ง  เดาไม่ยาก กำลังแอบด่าเขาอยู่แหง๋ๆ
“แต่เดี๋ยวผมจะไปปฏิเสธนี่ไง  ผมบอกว่าจะเรียนกับพี่แล้วนี่” บอกสีหน้าจริงจัง  ไอ้ไซน์ได้ยินอย่างนั่นก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย แอบฮึมฮัมตามทำนองของเพลงสากลที่ถูกเปิดเอาไว้อย่างอารมณ์ดี

ตลาดผ้า มีผ้าหลากหลายชนิดให้เลือก  มีทั้งขายปลีกและขายส่ง  แต่ละร้านติดป้ายราคาไว้เด่นชัด  ไอ้ไซน์ค่อนข้างจะแปลกใจที่ของที่จะมาซื้อคือผ้า  คณะวิศวะผู้หญิงก็เยอะ ทำไมไม่ให้ผู้หญิงมาซื้อ  คนที่มาซื้อกลับเป็นไอ้เด็กผู้ชายตัวโตๆ ดูห่ามๆ ไม่น่าจะซื้อของไปถูกตามที่สั่ง
...แต่ไอ้ไซน์กลับคิดผิด

น้องไจ๋ เดินเลือกผ้า เข้าร้านนู้น  ออกร้านนี้  จับดูเนื้อผ้า ถามรายละเอียดกับคนขายแบบละเอียดยิบ จนไอ้ไซน์อดทึ่งไม่ได้

...เออ เวลาจะดูคนนี่ดูที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ นะ

ถุงพลาสติก 4 ถุงใหญ่ ที่บรรจุด้วยผ้าต่างชนิดต่างสีถูกหิ้วโดยไอ้ไซน์ 1 ถุงและอยู่กับน้องไจ๋อีก 3 ถุงที่เหลือ  ซื้อผ้าเสร็จ ก็เดินหอบของไปใส่ไว้ท้ายรถคันหรู  แล้วพาร่างของตัวเองมานั่งอยู่บนรถ  ถึงจะเย็นแล้ว แต่แดดก็ยังแรงดีไม่มีตกอยู่  เหงื่อของไอ้ไซน์นี่เต็มขมับเลย  น้องไจ๋ก็พอๆกัน เหงื่อนี่ชื้นเต็มหน้าเต็มหลัง  เร่งแอร์ในรถแล้วคนขับรถจำเป็นก็เริ่มเคลื่อนตัวกลับเข้าไปยังเขตของมหาลัย และไปส่งไอ้ไซน์ที่คอนโด

“ขอบใจ”  บอกคนขับรถขณะปลดเบลท์ออก
“ครับ เอ้อ เดี๋ยวผมส่งตารางเรียนให้พี่ดูละกันนะ แล้วพี่ก็นัดมาเลยว่าจะสอนวันไหน”
“แน่ใจนะว่าจะเรียน  ไม่ใช่อีกวันมาไปหาพี่ลูกหยีแล้วนะ”
“อื้อ เรียนกับพี่ไซน์นี่แหละ เวลาโดดจะได้ขอโดดง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ” 
“มะเหงกนี่!” คนทรงหัวเห็ดบอกแล้วเอื้อมมือทำท่าว่าจะเคาะหัวอีกฝ่าย  เห็นสีหน้าระรื่นของมันแล้วหมั่นไส้ตงิดๆ  พวกวิศวะนี่เป็นพวกวอนมือวอนเท้ากันทุกคนรึเปล่านะ  “ไปละ  ขับรถดีๆ บอกไอ้คอสด้วยว่าเรื่องนี้ถึงหูครูอังคณา แม่มันแน่ๆ” คาดโทษไอ้แฝดให้อีกคนฟังก่อนจะเปิดประตูรถออกมา
“แม่มันก็แม่พี่ด้วยปะวะครับ ฮ่าๆ” ว่าแล้วก็ออกรถออกจากหน้าคอนโดไป  ปล่อยให้ไอ้คนทรงหัวเห็ดก่นด่าอยู่ในใจตามหลัง

...สมกับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันจริงๆไอ้พวกนี้





เจอกันแล้ววววววว   :hao5:
พรีเซนต์งานและแปลเปเปอร์ตัวแรกผ่านไปแล้ว เราเลยได้มีเวลาว่างอัพนิยายลง
แต่ อาทิตย์หน้าก็ต้องพรีเซนต์งานอีก ...  o22
ฝากติดตามเจ้าแฝด  ช่วยรักช่วยเอ็นดูพวกมันด้วยนะคะะะะะะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (4)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 14-02-2016 22:40:42
4
(Add men) to part of Life

เพี้ยะ! เพี้ยะ!

“โอ้ย มึงตีกูทำไม ...โอ๋ น้องไซน์ พี่คอสขอโทษนะครับ”  ไอ้แฝดพี่ที่นอนอยู่ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาโดยฝ่ามือเล็กๆที่ระดมตีแขนจนแสบไปหมด
“ไม่ต้องมากอดเลย เหม็นเหล้า” ไอ้ไซน์ทั้งผลัก ทั้งตบ ทั้งถีบ ไอ้แฝดคนกลางที่ทำตัวรุ่มร่าม ทำเป็นมากอดมาโอ๋
ย้อนกลับไป ไอ้ไซน์นั่งทำการบ้าน ทำงาน อ่านหนังสือรอไอ้คอสทั้งคืน (ที่จริงก็รอไอ้แทนด้วย) กะว่ากลับมาแล้วจะอาละวาดให้หนัก รอจนแล้วจนเล่า ไอ้พวกแฝดพี่ก็ไม่มาสักที จนไอ้ไซน์หนีไปนอนก่อน  พอตื่นเช้ามาเห็นไอ้พวกแฝดพี่นอนอุตุ กอดก่ายมันอยู่ก็นึกโมโห  ชุดนักศึกษาที่ยังไม่ได้เปลี่ยนติดกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าไอ้พวกแฝดพี่ไปไหนกันมา

“พวกมึงอ่ะ ชอบทิ้งกู  โดยเฉพาะมึงอ่ะคอส มึงปล่อยกูไว้คณะคนเดียวได้ยังไง มึงมันนิสัยไม่ดี” ปากก็ว่า มือก็ยังพยายามทำร้ายร่างกายไอ้แฝดอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไซน์ อย่างอแง กูไม่อยากให้มึงไปด้วยเพราะกูเป็นห่วง” ไอ้แฝดพี่คนโต พึมพำบอกอยู่ด้านข้าง ทั้งที่ตายังไม่ลืม
“ไม่ต้องมาพูดเลย กูโกรธแล้ว พวกมึงมันนิสัยไม่ดีอ่ะ นิสัยไม่ดี นิสัยแม่งไม่ดีชิบหาย”
“โอ๋...กูขอโทษนะ มาๆกูโอ๋แล้วเนี่ย”  ไอ้แฝดคนกลางรวบตัวคนที่ทุบตีร่างกายอยู่มากอด
“มึงมันแย่ มึงทิ้งกูไว้ที่คณะได้ไงอ่ะ กูนี่หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นมาอีกทีมึงไปประชุม แล้วมึงก็บอกให้กูกลับเองเนี่ยนะ แล้วพวกมึงก็หนีไปกินเหล้ากันอ่ะ พวกมึงมันนิสัยไม่ดี”  ก่นด่าไม่หยุด ฝ่ามือก็ทุบอกคนที่กอดอยู่อั่กๆ 
“มึงให้น้องกลับเองหรอคอส ไหนบอกมึงไปส่งมันแล้วไง” แฝดคนโตถามเสียงดุ  ลุกขึ้นนั่งจ้องไอ้คอสที่กอดไอ้ไซน์ไว้ ด้วยสายตาสงสัย
“ไหนไอ้ไจ๋บอกว่ามาส่งมึงแล้วไง”  คราวนี้ไอ้คอสหันมาถามไอ้ไซน์ที่กอดอยู่จมอกบ้าง
“เออ น้องมันมาส่ง แต่..แต่มันถูกแล้วหรอที่ให้กูไปรอที่คณะมึง แล้วให้ใครที่ไหนไม่รู้ไปส่งอ่ะ มึงเอากูไปทิ้งชัดๆอ่ะ”
“เออ ก็กูไม่ว่างจริงๆ กูขอโทษนะ” บอกเสียงอ่อน ลูบหัวลูบหางปลอบไอ้คนหัวเห็ดจนอารมณ์เย็น
“ไปอาบน้ำไป สายแล้วเนี่ย” ไอ้แฝดคนโตบอกแล้วลุกออกจากเตียงบิดขี้เกียจ  ไอ้ไซน์ผละออกจากไอ้คอส รีบกระโดดไปขี่หลังไอ้แทน ตุ๊บ! จนคนเป็นพี่รับแทนไม่ทัน

“มึงคิดว่าตัวเองเบามากหรอ ไอ้หมาอ้วน”  ว่าให้แต่ไอ้คนบนหลังไม่สน กลับหัวเราะชอบใจแทน
“อาบด้วยยยยยย” บอกเสียงดัง มือก็กอดคอ ขาก็เกี่ยวเอวสอบแน่น
“หึหึ ร้อยวันพันปีกูชวนอาบไม่อาบ วันนี้มึงคึกอะไรแต่เช้าฮะน้องไซน์”  ว่าแล้วก็กระชับคนบนหลังพาเดินไปหยิบผ้าขนหนู
“อยากอวด ไซน์จูเนียร์มันโตขึ้นเยอะแล้วนะ พวกมึงจะได้ไม่ต้องล้อกูอีก”  บอกแล้วก็ก้มหน้างุดๆซบไหล่แฝดพี่อย่างออดอ้อน
“ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ย ไอ้ไซน์ ไอ้เงาะ กูอาบด้วยละกัน กูก็อยากเห็นพัฒนาการของน้องไซน์มึงเหมือนกัน ที่ว่าโตเนี่ย โตขึ้น หรือโตลง”

ว่าแล้วไอ้แฝดคนกลางก็กระโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ

“ไอ้พวกจัญไร” แฝดคนโตด่า แล้วเดินกระเตงไอ้คนหัวเห็ดเข้าห้องน้ำ  ตามไอ้คอสไป

.

.

.

“วันนี้กูมีสมอล์กรุ๊ป ไอ้ไซน์ถ้าเลิกเรียนแล้วก็ไปรออยู่กับไอ้คอสที่คณะมัน ไอ้คอสมึงก็อย่าเทมัน เข้าใจ๊?” แฝดคนพี่สั่งเสีย(?) ไอ้พวกแฝดน้องขณะที่ขับรถมาส่ง ถึงหน้าคณะมนุษย์ศาสตร์อย่างเช่นทุกวัน
“ไม่เข้าใจ  ทำไมต้องไปรออยู่ที่คณะคอสหละ” แสลนหน้าหมาๆ จากเบาะหลัง ยื่นมาถามคนที่ขับรถอยู่
“เพราะคณะกูกับคณะไอ้คอสใกล้กัน และกูขี้เกียจวนรถมารับมึง เก๊ทยังน้องไซน์”  บอกแล้วตบหน้าผากไอ้คนหัวเห็ด แปะๆ  ไอ้คนฟังก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะลงจากรถเดินเข้าคณะไป


วันนี้ ไอ้แทนบอกว่าจะพาพวกแฝดไปกินปิ้งย่างกัน เหตุเพราะไอ้ไซน์อยากกิน  ฟังดูงงๆ  แต่ถ้าไอ้ไซน์อยากไปคือต้องไป และถ้าไม่ได้ไปก็ต้องรบเร้า ตบตีกันจนกว่าจะตายไปข้าง  ไอ้ไซน์เป็นเด็กช่างเลือกกิน กินก็ยาก เวลามันอยากกินอะไรพวกพี่แฝดจึงค่อนข้างจะตามใจ เพราะนานๆมันจะอยากกินนู่นกินนี่ แตกต่างกับไอ้พวกพี่แฝด ขอแค่อะไรที่กินแล้วไม่ตาย พวกมันก็กินได้หมด
“อ้าว น้องไซน์”  เสียงทุ้มทักขึ้น ไอ้ไซน์หันไปทางซ้ายตามเสียงที่เรียก  หน้าตี๋ๆ ตัวสูงๆ กับผมทองๆ ยิ้มเห็นฟันมาแต่ไกล  นี่แหละ...พี่เต๋า
“พี่เต๋า หวัดดีครับ”  ยกมือขึ้นไหว้ หยุดรอพี่เต๋า
“อ่ะ”  บอกแล้วยื่นถุงเซเว่นให้  ข้างในก็คงเป็นพวกของเซ่น (ที่พวกผู้หญิงชอบเรียกอย่างนั้น) เหมือนที่ฝากมาทุกวัน
“ให้ทุกวันเลย ขอบคุณนะครับ” รับมาแล้วส่งยิ้มตาหยีให้

...โอ้ย พี่เต๋าหละชอบยิ้มแบบนี้ของน้องไซน์จัง ฮือออ อยากได้น้องไซน์

“อื้อ ก็สายโคกัน พี่เห็นน้องไซน์ชอบพี่ก็ดีใจ”  สกิลการต้อยเด็กของพี่เต๋ายังเป็นเหมือนเดิมมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสาม  ให้ขนมทีไรก็อ้างแต่ว่าสายโคๆ  (ที่โคจริงๆคงจะเป็นพี่เต๋าคนเดียวมากกว่า หมายถึง โคกระบืออะไรเทือกนั้น) พี่เต๋าไม่อยากสารภาพรักกับน้องไซน์เลย จะสารภาพก็กลัวโดนปฏิเสธ ยังทำใจไม่ได้ เพราะน้องไซน์มองพี่เต๋าแค่พี่ คนรู้กันทั้งคณะแล้วว่าพี่เต๋าชอบน้องไซน์  คงจะมีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ทำซึน ไม่ยอมรู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเขาเลย  พี่เต๋าหละจะบ้าตาย อยากให้น้องไซน์รับรู้ซะทีว่า พี่เต๋าจีบอยู่... แต่ถึงจะไม่บอกก็ไม่เป็นไร เพราะพี่เต๋าแค่ได้เห็นน้องไซน์อยู่ในสายตา ไม่มีคนมาจีบ มาตอม ก็โอเคแล้วแหละ 
“วันหลังพี่เต๋าไม่ต้องซื้อมาให้แล้ว ไซน์เกรงใจ”
“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจซื้อให้ ว่าแต่ น้องไซน์เรียนเสร็จแล้วจะไปไหนต่อครับ”
“ไปคณะวิศวะ”
“หืม ?” 
“ไปหาคอส เย็นนี้จะไปกินข้าวกัน” บอกแล้วก็นั่งหมับลงม้าหินอ่อนใต้ลานคณะ  เริ่มค้นของในถุงเซเว่นดู  หยิบขวดนมเมจิกลิ่นแคนตาลูป มาเจาะหลอดดูดอึ้กๆตามเคย

...ดูสิ ขนาดท่าดูดนมยังน่ารักเลย พี่เต๋าจะไปไหนรอด โอ้ย พี่เต๋าอยากเกิดเป็นหลอดให้น้องไซน์มาดูดจังเลยครับแม่

“งั้นวันเสาร์น้องไซน์ว่างมั้ย”  พี่เต๋านั่งมองหน้าน้องไซน์เพลิน ในใจก็ชวนหาเรื่องที่จะอยู่กับน้องไซน์สองต่อสอง
“วันเสาร์นี้หรอ...ว่างครับ ทำไมหรอ”  ทำหน้าหมางงใส่  หน้าหมางงที่ผู้พบเห็นต้องเอ็นดู มันคือหน้าที่ไอ้ไซน์ถนัดที่สุดแล้วมั้ง
“พาพี่ไปเลือกของหน่อยสิ  คือเพื่อนพี่เป็นคนสไตล์คล้ายๆน้องไซน์หนะ เลยอยากให้น้องไซน์ไปช่วยเลือก เผื่อคนน่ารักๆจะชอบอะไรที่มันน่ารักๆเหมือนกัน” โกหกคำโต พร้อมหยอดไอ้คนหัวเห็ดที่นั่งตรงข้ามอีก
“เอ่อ ไซน์ไม่เก่งเรื่องพวกนี้หรอกครับ ไปอย่างอื่นแทนได้มั้ย” 

..ถ้าน้องไซน์บอกแบบนี้ พี่เต๋าก็จะขอถามคืนว่าพาน้องไซน์ไปทำมิดีมิร้ายได้มั้ย

“ไม่เป็นไร ก็แบบ ไปช่วยๆพี่หน่อยนะครับ” 
“งั้นก็ได้ครับ”
“งั้นเดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ ขอบคุณนะน้องไซน์ พี่ไปก่อนนะ” พี่เต๋าบอกแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะม้าหินอ่อน วิ่งไปทางห้องน้ำ

...จะให้น้องไซน์รู้ไม่ได้ว่าพี่เต๋าเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เยสสสสสสส ได้ไปเดทกับน้องไซน์แล้วแม่   

.

.

.

“น้องซายยยยยน์ รอ รอพี่ด้วย แฮกๆๆ”  สี่โมงเย็นหลังจากเลิกเรียน ไอ้ไซน์ก็เดินออกมาหน้าคณะ รอรถชัทเทิลบัส อยู่ก็ได้ยินเสียงทุ้มๆร้องเรียกมาแต่ไกล  ไอ้ไซน์หันกลับไปดู ก็เห็นพี่เต๋าวิ่งหอบแฮกๆหน้าตั้งมา
“ครับ ?”
“เดี๋ยวพี่ – เดี๋ยว แฮกๆ ให้พี่ไปส่งนะ” พูดจบก็วิ่งกลับไป พูดเองเออเอง ให้ไอ้ไซน์ได้ทำหน้าหมางงไล่หลัง
ประมาณห้านาทีได้ ไอ้ไซน์ที่ยืนรออยู่หน้าคณะ ก็ได้ขึ้นไปนั่งตากแอร์เย็นๆอยู่บนรถคันหรู (แบบงงๆ) ผิดกับพี่เต๋าที่ยิ้มแป้นราวกับถูกหวย ทำหน้าที่ขับรถอ้อมโลก  แวะนั่นแวะนี่จนไอ้ไซน์ชักจะรำคาญ พออ้อมมหาลัยได้ประมาณสามรอบครึ่ง ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคณะวิศวะกรรมศาสตร์ พี่เต๋าหาที่จอดรถ ทั้งสองคนลงมาจากรถแล้วพี่เต๋าเดินเข้าคณะวิศวะไปพร้อมน้องไซน์
“พี่เต๋าส่งแค่นี้ก็ได้”  ไอ้ไซน์บอกเสียงเรียบ แต่พี่เต๋ากลับส่ายหน้า ยิ้มแป้น
“ให้พี่เดินไปส่งข้างในเถอะ พี่ไม่ค่อยไว้ใจผู้ชายคณะนี่อ่ะ”

...จะว่ายังไงดีหล่ะ คือพี่เต๋าไม่อยากให้คนอื่นเห็นความน่ารักของน้องไซน์ พี่เต๋าไม่ไว้ใจผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ผู้ชายคณะนี้  อีกอย่าง มันคือการแสดงความเป็นเจ้าของกลายๆไง

“ไซน์เป็นผู้ชายนะ” วันนี้ไอ้ไซน์บอกเลยว่ารำคาญพี่เต๋าเข้าแล้วจริงๆ  รู้สึกเจอหน้ากันบ่อยจนเบื่ออ่ะ แล้วยิ่งหงุดหงิดตอนที่พี่เต๋ามาโอบไหล่ โอบเอวไอ้ไซน์เอาไว้ ทำให้มันต้องเอาตัวออกห่างบ่อยๆ
“ก็อย่างน้อย ให้พี่นั่งรอเป็นเพื่อนน้องไซน์จนกว่าน้องคอสจะมารับแล้วกันนะ” พูดเสียงสงสาร ไอ้ไซน์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งลงโต๊ะไม้ แกล้งวางกระเป๋าเสียงดังไม่พอใจ

...เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป

“อ้าวเห้ยพี่ไซน์! มาทำไรพี่”  นั่งยังไม่ทันติดเก้าอี้ เสียงทักก็ดังขึ้นอีก ไอ้ไซน์เงยหน้ามองคนตัวสูงที่เดินเข้ามาหา ก่อนจะนั่งแหมะลงข้างๆ
“มารอคอส ไจ๋เห็นมันป่าว”  คนถูกถามส่ายหน้า พลางเหลือบมองไปยังผู้ชายอีกคนที่นั่งตรงข้าม ทำหน้ายังกะจะกินเลือดกินเนื้อ “นี่พี่เต๋า รุ่นพี่ที่คณะ พี่เต๋าครับ นี่รุ่นน้องไซน์ ชื่อไจ๋” ไอ้ไซน์แนะนำ
“หวัดดีครับ”  น้องไจ๋บอก ส่วนอีกคนที่แก่กว่าก็พยักหน้ารับส่งๆ “เอ้อ พี่ไซน์ นี่ตารางเรียน ผมว่าจะส่งให้ทางแชท แต่เจอกันพอดีพี่ก็เอาไปเลยละกัน” น้องไจ๋พูดพลางรูดซิปกระเป๋าเป้ หยิบกระดาษขนาดครึ่งเอสี่แผ่นยับๆออกมายื่นให้คนที่นั่งด้านข้าง

...นี่อะไร มีตารางรง ตารางเรียน ส่งให้ทางแชท พี่เต๋าจีบน้องไซน์มาสามปีละ ยังไม่เคยทักแชทไปหา แล้วไอ้ไจ๋นี่มันเป็นใครรรรร     

“เรียนเยอะจัง...นอกจากตามตารางแล้วมีอะไรนอกเวลามั้ย”
“...ไม่นะพี่ แต่บางเสาร์ – อาทิตย์ต้องทำโปรเจค คุยงานงี้”
“งั้นเดี๋ยวขอดูเวลาก่อน แต่ถ้าติดอะไรก็บอกก่อน ผะ”
“น้องไซน์ งั้นพี่กลับนะ” คนแก่กว่าที่นั่งฝั่งตรงข้ามจู่ๆ ก็ลุกจากโต๊ะไม้บอกไอ้ไซน์เสียงแข็ง

...คุยกันไปสองคนเลย น้องไซน์ไม่สนใจพี่เต๋า พี่เต่าจะงอนน้องไซน์แล้ว

“อ๋อ ครับ ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”   

...บางทีพี่เต๋าก็อยากให้น้องไซน์รั้งไว้บ้าง ฮือออออ


“พี่ไซน์ แฟนหรอ?”  น้องไจ๋ทำหน้าสลอนถาม ไอ้ไซน์ได้แต่ยกมือทำท่าจะฟาด
“บ้าดิ รุ่นพี่”  บอกแล้วก็เก็บตารางเรียนอีกคนเข้ากระเป๋า
“รุ่นพี่อะไรหละ เมื่อกี้จ้องผม ทำหน้ายังกะจะฆ่ากัน” 
“คิดไปเองป่ะ? หืม” ไอ้ไซน์บอกพลางขำน้อยๆ
“โธ่พี่ ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน ใครก็ดูออกว่าเขากำลังจีบพี่ ตอนเดินเข้ามาแอบเห็นนะว่ามีโอบเอวโอบไหล่กัน เนี่ย เค้าหวงพี่ชัดๆ”
“ไม่ม้างงง”  บอกคางยานแล้วฟุบหน้าลงไปกระเป๋าบนโต๊ะ ไอ้ไซน์หาวออกมาฟอดใหญ่ ก่อนจะหลับตา ไม่ได้สนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยว่าเขาจะแอบมองตัวเองยังไง

...น่ารัก

“มีคนบอกป่ะว่าพี่เหมือนหมา”
“อือ เยอะเลย”

เพี้ยะ!

“โอ้ย!”
“บอกแล้วก็โดนเหมือนมึงเนี่ย”  ลืมตาขึ้นมาฟาดแขนไอ้คนที่บอกว่ามันเหมือนหมาแล้วก็หลับตาลงต่อ แอบเห็นหน้าน้องไจ๋ตอนมับลูบแขนตัวเองป้อยๆแล้วตลกดี ผู้ชายอะไร ตัวใหญ่อย่างกะควาย โดนตีนิดหน่อยทำหน้าจะร้องไห้
“พี่คอส มาดูแฝดพี่เลย ชอบใช้กำลัง” ทันทีที่น้องไจ๋พูดจบ ไอ้ไซน์ก็ลืมตา ลุกขึ้นนั่งมองหาคนที่กำลังรอ เห็นไอ้แฝดคนกลางเดินยิ้มหน้าบานมาแต่ไกล  ไอ้น้องไจ๋นี่ก็แสล๋นเหลือเกิน วิ่งโร่ไปหาพี่มัน โชว์แขนที่ขึ้นรอยฝ่ามือจางๆให้ดู
“แล้วมึงไปทำอะไรให้ถูกมันตีหละ” ไอ้แฝดคนกลางถาม เดินมานั่งแหมะตรงข้ามไอ้ไซน์ ที่มองคนขี้ฟ้องตาขวาง
“ผมแค่บอกว่าพี่ไซน์เหมือนหมา”
“ฮ่าๆๆๆๆ ทำดีๆ” 
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่ ลามปามนะมึงอ่ะ”  ชี้หน้าคาดโทษไอ้ไจ๋ ขณะที่ไอ้แฝดคนกลางก็ยังหัวเราะไม่เลิก

...ทำแมะ หน้าหมาๆแบบกูมันทำแมะ

“ผมป่าวลามปาม ผมพูดจริงๆนะพี่ไซน์ แบบ หน้าหมาๆ หน้าหมาน่ารักๆอ่ะพี่” น้องไจ๋ยังคงบอกเสียงเครียด หลบหลังไอ้แฝดคนกลาง กลัวว่าจะโดนประทุษร้ายอีกรอบ
“พวกมึงมันแย่ นิสัยไม่ดี” ก่นด่าทั้งต่อหน้าและลับหลัง
“ป่ะ ไอ้แทนโทรมาบอกว่าให้ออกไปรอหน้าคณะเลย” ไอ้แฝดคนกลางบอกก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าไอ้หมาไซน์มาถือไว้ให้ด้วย
“พวกพี่จะไปไหนกันอ่ะ ผมไปด้วยได้ป่ะ”
“เรื่องของคนในครอบครัว ไม่เสือกดิ” ไอ้แฝดคนกลางบอกน้องไจ๋ที่ทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะลากแขนไอ้หมาไซน์ออกมายังหน้าคณะ
จะว่ายังไงดีหละ คณะวิศวะ ผู้ชายเถื่อนๆเยอะก็จริง แต่ไอ้ประเภทได้หลังแล้วลืมหน้าก็มีเยอะ ไอ้คอสเห็นจนชินที่รุ่นเพื่อนรุ่นน้องของมันควงเด็กผู้ชายหน้าหวาน ตัวขาวๆ เล็กๆ มาอวดว่ากำลังกินตับกันอยู่ แถมไอ้ไซน์มันเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าก็ออกหวานๆเหมือนแม่  พูดเลย สเปคแบบไอ้ไซน์นี่สเปคเกย์หื่นชัดๆ  แล้วผู้ชายหื่นๆเหมือนกันมันมักจะดูกันออกเว้ย  อารมณ์ ผีเห็นผี ไอ้คอสมันก็คงจะดูออกแหละว่าใครหวังจะมาเคลมน้องแฝดของมัน  แต่ถ้าจะให้บอกเจ้าตัว ก็กลัวว่าจะเจ้ากี้เจ้าการชีวิตมันนัก  เลยได้แต่ตามห่างๆอย่าง หวงๆ แบบนี้ต่อไป  ยิ่งเมื่อวานที่มันมารออยู่คณะ ผู้ชายจัญไรๆก็เอาน้องแฝดของมันมาพูดอย่างสนุกปาก  ไอ้คอสยิ่งหงุดหงิดใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปด่า

 แล้วไอ้คอสขอแก้ตัวตรงนี้เลยว่าทำไมถึงกล้าปล่อยให้ไอ้น้องแฝดของมันอยู่คนเดียว ที่จริง ก่อนเข้าประชุม ไอ้คอสก็เห็นอยู่หรอกว่าไอ้หมามันหลับ ไม่อยากปลุกเพราะคิดว่าประชุมแปปเดียวคงเสร็จ ก็เลยทิ้งแค่เสื้อชอปไว้บนโต๊ะ

...เสื้อชอปคณะวิศวะก็เหมือนแสดงความเป็นเจ้าของไม่ต่างจากเกียร์เท่าไหร่หรอก

เพียงแค่ว่า ทิ้งไว้ใกล้ๆไอ้หมา เวลาคนจะเข้ามาหามัน จะได้รู้ว่า แบล็คมันเป็นใคร แฝดพี่มันใหญ่แค่ไหนในดงวิศวะ จะได้ไม่กล้าแหยม

...เห็นมั้ยหละ ไอ้คอสมันก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำทิ้งน้องแฝดของมันไว้กลางคณะหรอก

.

.

.

“กินเข้าไป ให้สมกับที่กูพามานะ”
“เงินก็เงินแม่ จะบ่นอะไรนักหนา”
“มึงแหละ อย่าเยอะ กินก็ยากยังจะมาพูดมากอีก เดี๋ยวโดนๆ” 

พวกแฝดนั่งอยู่ในร้านปิ้งย่างแนวเกาหลี ปากก็ด่าก็ว่ากันไปตามประสาพวกชอบแกล้ง แถมยังกวนตีนไม่มีลูกบ้านไหนเกิน  พวกแฝดก็เป็นกันซะอย่างนี้ เป็นพวกชอบด่ากันแรงๆ ชอบใช้กำลัง ทำซึน พวกปากแข็ง แต่จริงๆนะรักกันซะยิ่งกว่าอะไร  ดูอย่างตอนนี้สิ ไอ้ไซน์คีบหมูที่สุกได้ที่แล้วไปใส่ในจานให้พวกแฝดพี่ ส่วนไอ้พวกแฝดพี่ก็คีบหมูในจานตัวเองขึ้นมาเป่า ผลัดกันป้อนแฝดน้องคืน  แล้วก็ถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล แท็กไปให้คุณหญิงแม่ที่บ้านดู พร้อมแคปชั่น

‘พาน้องไซน์มากินข้าวนอกบ้าน น้องดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ วันหลังก็ขอตังเยอะๆ จะได้พาน้องออกมากินบ่อยๆนะครับ’

จากนั้นพวกแฝดก็กินใครกินมัน หมูมีเท่าไหร่ คีบมาใส่จานตัวเองให้หมด  หวังดีให้คนอื่นกินผักเยอะๆ ...แหม ช่างรักกันเสียจริงๆ

“แทน มึงอย่าลืมหาวันว่างกลับบ้านนะ”  ไอ้แฝดคนกลางเอ่ยบอก ปากก็เคี้ยวหมูตุ้ยๆ
“เออ เกือบลืม ไอ้ไซน์ด้วย” ทำท่านึกขึ้นได้แล้วก็หันไปกำชับแฝดน้องที่เริ่มอมอาหารไว้ในปาก เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า อาหารมื้อนี้จะยุติลงแล้ว
“?” ถึงจะไม่พูดแต่หน้าหมางงก็ถูกส่งออกมาใส่คนถามทันที
“เสาร์-อาทิตย์ อย่านัดสอนพิเศษเพิ่ม เดี๋ยวชนกับกลับบ้าน”  แฝดพี่คนโตพูดย้ำอีกที ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักขึ้นลง ในขณะที่ยังอมอาหารไว้ในปาก เคี้ยวช้าๆ อยู่เหมือนเดิม

ป๊อก !

ตะเกียบเหล็กถูกเคาะลงบนหัวกลมๆของแฝดคนน้อง
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าอม”  บอกพลางใช้ตะเกียบชี้หน้า ไอ้ไซน์ตวัดหางตาขีดๆของมันไปให้ไอ้แฝดคนกลางที่ใช้ตะเกียบเคาะลงบนหัวมันเมื่อกี้
“...”
“เคี้ยวไม่ไหวก็ไปคายทิ้ง”
“มึงอ่ะชอบตามใจมัน มันเลยติดนิสัยอมข้าวอย่างงี้ไง” ไอ้คอสบ่นให้แฝดคนโตกะปอดกะแปดตามประสา เรื่องชอบตามใจนี่ต้องยกให้ไอ้แทนเป็นที่หนึ่งเลย ตั้งแต่เด็กจนโต โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินนี่แหละ พอไอ้ไซน์ไม่กิน ไอ้แทนก็อาสากินเอง  บางทีก็บอกให้เอาไปทิ้ง ทั้งๆที่ของกินบางอย่างมันไม่ใช่ถูกๆแถมยังมีประโยชน์  อย่างอมข้าวเมื่อกี้  ไอ้คอสคิดว่ามันเป็นพฤติกรรมที่มีเฉพาะในเด็กชัดๆ แต่มันยังติดอยู่ในนิสัยของไอ้ไซน์จนโต เพราะมีไอ้แฝดพี่คนโตให้ท้าย พออมข้าวหน่อยก็บอกให้คายทิ้งละ ไม่มีบังคับว่าควรกินข้าวให้หมด ขนมที่เจ้าตัวบอกว่ารุ่นพี่ซื้อมาให้ถูกยัดเข้าตู้เย็นทุกวัน แล้วก็ไม่ยอมกิน จนมันจะหมดอายุ ก็เป็นหน้าที่ของพวกแฝดพี่นี่แหละที่จัดการกินให้มันประจำ

...นี่ไอ้คอสไม่ได้อิจฉาหรอกนะ  มันละเป็นห่วงไอ้ไซน์ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวแล้วไปอมข้าวแบนี้ คนอื่นมันจะมองยังไง ลำพังหน้าตาซื่อบื้อๆ ของมันก็เหมือนหมาเด๋อพอแล้ว เฮ้อออ

.

.

.

‘นัดเรียนวันอังคาร กับวันพฤหัส หกโมงเย็นถึงสองทุ่ม วันเสาร์จะทำแค่แบบฝึกหัด นัดสี่โมงเช้าถึงเที่ยง แต่บางเสาร์อาทิตย์อาจโดดเพราะต้องกลับบ้าน ถ้าวันเวลาไม่โอเคก็รีบบอกจะได้เปลี่ยนให้ แต่ถ้าโอเคแล้วเสาร์นี้ก็มาคุยกันเรื่องที่จะเรียน เอาคะแนนมาดูด้วย’

ส่งข้อความใส่ทางอินบล็อกของน้องไจ๋เสร็จก็ล็อคเอาท์ออกจากเฟสบุ๊ค และเฟสบุ๊ค คงจะเป็นสื่อชนิดเดียวที่ไอ้ไซน์ใช้คล่องที่สุดแล้ว เพราะต้องเอาไว้ติดต่อกับน้องที่เรียนพิเศษ นอกนั้น ไอ้คอสก็จัดการสมัครให้ จะได้มีพอเอาไว้ไถๆดูเวลาเบื่อ และคุยงานกับเพื่อน 

...ชีวิตของไอ้ไซน์ตอนนี้ ก็คงมีคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน  นอกจากพ่อ แม่ ไอ้แฝด เพื่อนผู้หญิง น้องทราย เนย พี่เต๋า ก็คงจะเป็นน้องไจ๋ ที่ไอ้ไซน์ต้องเอาเวลาแบ่งไปให้ 

...หวังว่ามันจะเป็นคนที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตไอ้ไซน์สงบราบเรียบดังเช่นที่เป็นมา

(ทุกวันนี้เค้าเรียกว่าสงบ ราบเรียบแล้วหรอ)



555 มาแบบงงๆ  เป็นนิยายที่เนิบมาก ชีวิตนี้ไม่มีอะไรนอกจากอยู่กับพี่แฝด
ตอนแรกอยากลงสเปเชียลวาเลนไทน์ แต่คนลงเยอะแล้ว เลยไม่ลงดีกว่า
...เราต้องแตกต่างงงงงงง อิอิ
(หรือถ้าว่างอาจมาลงสเปเชียลอื่นๆย้อนหลัง)

เขียนกากๆแบบนี้แต่เห็นคนเข้ามาอ่านก็รู้สึกดีแบบประหลาดๆ
ไม่รู้ว่าสนุกถูกใจคนอ่านมั้ย  แต่เราเขียนสนองนี้ดตัวเองแล้วรู้สึกมีความสุข
บ่นเยอะอ่ะ  พรุ่งนี้วันจันทร์  :katai1:

ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าพวกแฝดด้วยนะะะะะะ  เรารักน้องไซน์ เพราะน้องไซน์มีพี่ชายหล่อ
อุอิ เลิ้บ

หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (4)
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 16-02-2016 19:20:51


รอติดตามค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (4)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 16-02-2016 20:07:17
ชอบสามแฝดจัง
 :mew1: :mew1:
ปล. คนเขียนช่วยบอกวันที่เวลาอัพด้วยได้มั้ยคะ จะได้ง่ายเวลาเข้ามาอ่าน
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (นอกเรื่อง)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 19-02-2016 00:03:34
หนูชื่อโยเย

เนื้อหาของตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ

หนูชื่อโยเย คุณแม่บอกว่าตอนคลอดหนูออกมาคุณหมอตีก้นให้หนูร้องไห้เพื่อเช็คดูว่าหนูยังมีชีวิตรอดอยู่รึเปล่า  หลังจากที่คุณหมอตีหนูก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดเลย  จนคุณพยาบาลต้องเอ็ดคุณแม่ เพราะเสียงดังรบกวนห้องด้านข้าง

...หนูไม่มีคุณพ่อจริงๆ  คุณพ่อจริงๆเสียตอนหนูอายุเก้าขวบ คุณพ่อเป็นตำรวจ วันนั้นคุณพ่อบอกว่าจะไปจับผู้ร้ายที่ขายยาบ้า หนูกอดคุณพ่อ บอกว่าไม่อยากให้คุณพ่อไป หนูกลัวคุณพ่อจะโดนยิง คุณพ่อหัวเราะ แล้วก็ลูบหัวหนู บอกว่า ไม่เห็นต้องกลัวเลย คุณพ่อก็มีปืนเหมือนกัน ถ้าผู้ร้ายมาพ่อจะยิงให้เกลี้ยงเลย 

...คุณลุงตำรวจที่คุณแม่บอกว่าเป็นเจ้านายของคุณพ่อเข้ามาขอโทษหนู บอกว่า คุณลุงขอโทษนะครับที่พาคุณพ่อกลับมาหาหนูไม่ได้  หนูส่ายหัวบอกว่าไม่โกรธครับ ทั้งๆที่น้ำตานองหน้า  ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะเมื่อคืนหนูฝันเห็นคุณพ่อ ในฝัน คุณพ่อบอกว่า คุณพ่ออยู่นี่สบายดี คุณพ่อบอกว่ารักหนูมาก แล้วคุณพ่อก็บอกว่าอย่าลืมคิดถึงพ่อบ่อยๆนะครับ ก็ได้

...ตอนหนูอายุสิบสอง คุณแม่กับหนูก็ไปอยู่ที่บ้านเดียวกันกับคุณลุงตำรวจ หนูสงสัยเลยถามไปว่าทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่น ในเมื่อบ้านของเราก็มี คุณแม่ยิ้ม แล้วบอกว่า ต่อไปนี้ก็เรียกคุณลุงตำรวจว่า ป๊ะป๊า นะครับ

...น้องชายวัยสิบขวบของหนูชื่อน้องปังปอนด์ ตัวอ้วนๆกลมๆ  ไม่ชอบยิ้ม แต่น้องใจดี น้องแบ่งของเล่นให้หนูเล่นตลอด  แต่ถึงอย่างนั้นเราก็นั่งเล่นกันเงียบๆ  หนูไม่พูด น้องก็ไม่พูด หนูอาจจะยังไม่ชินที่มีน้องชาย และน้องชายก็อาจจะยังไม่ชินที่มีพี่ชาย
 
...หนูอายุสิบห้าปีแล้ว คุณแม่บอกว่าหนูโตเป็นหนุ่มแล้ว แต่ป๊ะป๊าบอกว่าหนูยังตัวเล็กเหมือนน้องปังปอนด์อยู่เลย คงใช่มั้ง ตอนนี้น้องปังปอนด์ตัวสูงเท่าหนูแล้วทั้งๆที่อายุน้อยกว่าหนูตั้งสองปี  ตอนไปโรงเรียนหนูก็ต้องตั้งแถวอยู่ด้านหน้าเพราะตัวเล็กกว่าเพื่อนผู้ชายในห้อง  คุณครูที่โรงเรียนบอกว่าหนูยังสูงได้อีก และต้องกินนมเยอะๆ  แต่นมที่คุณแม่ซื้อมาใส่ตู้เย็นที่บ้านมีแต่นมจืดที่น้องปังปอนด์ชอบ  ไม่มีนมช็อคโกแลตที่หนูชอบ  หนูก็เลยไม่ได้กินนมเยอะๆ

...ตอนเย็นกลับมาจากโรงเรียน คุณแม่กับป๊ะป๊าเรียกหนูเข้าไปคุยด้วยเรื่องเรียนต่อม.ปลาย ป๊ะป๊าแนะนำว่าเรียนสายวิทย์-คณิตสิ มีโอกาสเลือกได้เยอะกว่า คุณแม่ก็เลยเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งๆที่ตอนนั้นหนูบอกคุณแม่ว่าหนูอยากเรียนสายภาษาคุณแม่ก็ยังบอกว่า เรียนสิคุณแม่สนับสนุน


...หนูเลือกสายวิทย์-คณิต


...ตอนนี้หนูอายุสิบแปดแล้ว  หนูกลับมาจากโรงเรียนดังเช่นทุกวัน ป๊ะป๊าเรียกหนูเข้าไปนั่งด้วยถามหนูว่าหนูอยากเป็นอะไร  หนูตอบไปว่า หนูอยากเป็นนักเคมี ป๊ะป๊าบอกว่าเป็นหมอก็ดีนะ หนูบอกว่า หนูเลือกคณะและยื่นผลสอบไปให้ทางคณะแล้ว  ป๊ะป๊าพยักหน้าทำเหมือนว่าเข้าใจ


...เหมือนว่าจะเข้าใจ



“โยเย หนูอยากไปบ้านคุณยายมั้ยครับ?” เสียงคุณแม่ถามขึ้นขณะที่หนูนั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์มือถือในห้องนอน

“อยาก ขอไปค้างด้วยได้มั้ย” หนูกดพอสเกมส์ เงยหน้าถามคุณแม่  คุณแม่พยักหน้าลูบหัวแล้วก็ยิ้มให้บอกว่าเก็บเสื้อผ้าไปเผื่อสักสองสามวันด้วยเลยนะ

“ครับ”  หนูรับปาก ก่อนจะละออกจากโทรศัพท์แล้วหันมายัดๆเสื้อผ้าลงในเป้ 

...หนูชอบบ้านคุณยายมาก เพราะบ้านคุณยายอยู่ใกล้ทะเล  หนูชอบเล่นน้ำทะเล  ชอบเอาตัวเองไปนอนในห่วงยางแล้วปล่อยให้น้ำทะเลพัดไปตามกระแสคลื่น  หนูชอบอาหารทะเลด้วยนะ หนูชอบกินปูที่สุด โดยเฉพาะปูผัดผงกะหรี่  หนูอยากให้ถึงบ้านคุณยายเพียงแค่กระพริบตาเดียวจัง

“โยดูตื่นเต้นมากเลยนะที่จะได้ไปบ้านคุณยาย” ป๊ะป๊าทักทันที่ที่หนูสะพายเป้วิ่งลงมาจากบันใด

“ครับ” 

“วานไปตามน้องให้ป๊าทีสิ น้องตื่นช้าโยก็ได้ไปช้านะ”  ป๊ะป๊าบอก  หนูเดินกลับขึ้นไปบนบันใดอีกรอบ เคาะห้องน้องปังปอนด์แต่เคาะเท่าไหร่น้องก็ไม่เปิดประตู  หนูถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป

...น้องไม่อยู่ห้องนี่   

“ไม่เห็นน้องอยู่ห้องเลย ไม่ใช่ลงมาแล้วหรอ” หนูเดินกลับลงมาชั้นล่างเหมือนเดิมพลางส่งเสียงบอกป๊ะป๊าที่หน้าทีวี  ป๊ะป๊าเลิกคิ้วสงสัย เดินขึ้นบันใดไปห้องของน้อง

...หนูไม่ได้ไปทะเล

...น้องปังปอนด์กลับมาบ้านตอนค่ำพร้อมกลิ่นเหล้า ป๊ะป๊าขึ้นเสียงใส่น้อง ว่าน้องใหญ่เลย แล้วน้องปังปอนด์กับป๊ะป๊าก็ทะเลาะกัน ป๊ะป๊าไล่น้องออกจากบ้าน  คุณแม่ร้องไห้  ป๊ะป๊าเขามากอดหนูบอกว่าขอโทษ ที่ทำให้วันนี้อดไปทะเลเลย  แต่คราวนี้ หนูโกรธ

...หนูออกมานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน 

“ลุก” หนูเงยหน้าขึ้นมองเสียงของคนที่พูด  น้องเอื้อมมือมาจับมือหนูแล้วออกแรงดึงให้หนูลุกขึ้น

“ไม่ไป” หนูบอกเสียงแข็ง ขืนตัวไว้กับโต๊ะ หนูโกรธน้องที่ทำให้หนูไม่ได้ไปทะเล  พาลไปถึงโกรธป๊ะป๊าที่เป็นป๊ะป๊าของน้อง  โกรธคุณแม่ที่บอกให้หนูเตรียมชุดไว้  โกรธตัวหนูด้วยที่จู่ๆก็ร้องไห้

...หนูโกรธทุกคน โกรธมาก โกรธจนร้องไห้ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
น้องกระชากแขนหนู จนตัวหนูเซล้มจากโต๊ะม้าหินอ่อน  หนูเห็นคุณแม่เปิดประตูออกมาดูพร้อมวิ่งเข้ามาหาหนู หนูรู้สึกว่าตัวลอยหวือขึ้นไปบนอากาศ แล้วก็ถูกวางตุบลงที่นั่งตามด้วยเสียงปิดประตู และเสียงสตาร์ทรถ 

...หนูร้องไห้จนหลับ


...หนูพยายามลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมีผ้าเย็นวางทับอยู่เปลือกตา  หยิบมันออก มองดูรอบๆ

...บ้านคุณยาย

...หนูคิดว่าหน้าหนูคงตลกแน่ๆเพราะในใจหนูรู้สึกสงสัย ตกใจ แต่หนูก็ยิ้มออกมา มันค่อนข้างย้อนแย้งกัน หนูดีใจจนไม่รู้ว่าหายโกรธทุกคนรึยัง  แต่หนูก็แปลกใจว่าน้องพามาหรือหนูมากับคุณแม่กับป๊ะป๊า หรือหนูฝัน?  แล้วน้องพามาบ้านคุณยายได้ยังไง แล้วหนูนั่งบื้ออยู่ทำไม
 
“โอ้ยยยย” รีบชักเท้ากลับทันทีที่รู้สึกว่าเหยียบโดนอะไรเข้า ก้มลงมองดูด้านล่างเตียงเห็นน้องปังปอนด์นอนอยู่ คงไปเหยียบแขนน้องเข้า น้องลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงีย

“ขอ ขอโทษ ไม่เห็น” หนูบอก ก่อนจะลุกข้ามตัวน้องออกไปจากห้อง  ใช่ บ้านคุณยายจริงๆด้วย

...หนูวิ่ง หนูเดินไปรอบบ้าน เห็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียงนั่นคือหมาพันธุ์โกลเด้นตัวใหญ่เท่าหนูป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
 
“ตื่นแล้วหรอโยเย?”  เสียงแหบๆดังมาจากหน้าบ้าน  หนูรีบวิ่งออกไปดู เห็นคุณยายหิ้วถุงเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วกระโจนเข้ากอดคุณยายทั้งๆที่ยังไม่วางของ

“คิดถึงจังครับ” พร่ำบอกคนแก่ที่ดันหนูออกแล้วเดินเข้าครัวไป

“ทำไมไม่สูงขึ้นเลยหละ”  คนแก่ๆถามพลางอมยิ้ม หนูเดินเข้าไปกอดคุณยายแน่นๆจนคุณยายตีแขนบอกหายใจไม่บอกถึงยอมปล่อย

“สูงกว่าตอนมาครั้งก่อนตั้งเยอะนะ วัดดูมั้ยหละ”

“แบบปังปอนด์สิ  แบบนั้นถึงเรียกว่าสูง” หนูชะงักเมื่อคุณยายพูดถึงคนที่เผลอเหยียบไปเมื่อเช้า

“คุณยาย ...น้องพามาได้ยังไง”

“ก็โทรถามทางจากแม่เรานั่นแหละ เก่งนะ ขับรถมาแปปๆก็หาบ้านยายเจอ” แอบเบะปากใส่อีกคนที่คุณยายพูดถึง

“คุณยายดุน้องรึเปล่า?”

“ดุ ว่าไปว่าใจร้อน เอาแต่ใจตัวเองเกินไป  ไม่นึกถึงพ่อกับแม่ที่เป็นห่วง เฮ้อ เด็กสมัยนี้” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็หันหน้ามาทางหนู เอื้อมมือที่มีรอยเหี่ยวย่นตามวัยลูบเปลือกตาของหนูเบาๆ

“น้องทำให้หนูไม่ได้มาหาคุณยาย”

“ก็มาแล้วนี่  แถมยังดูแลเราเช็ดตัวเปลี่ยนผ้า หาผ้าเย็นมาประคบตาให้เราอีก” 

“น้องเถลไถล ทำให้มันเป็นเรื่องเอง” หนูเถียงกลับ  คุณยายได้ยินก็หันมาหยิกแขน

“สอนให้โทษคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าให้ได้ยินอีกนักเชียว”

“งั้นจะเพราะใครหละ”

“ก็ตัวเรานั่นแหละ พอไม่ได้ดั่งใจก็โทษทุกอย่าง ปล่อยๆมันบ้าง ใช้ชีวิตให้มันถูกทางได้แล้ว” สอนเสร็จก็หันกลับไปจัดการเครื่องครัวที่อยู่ด้านหน้า

...กลิ่นหอมของเครื่องแกงลอยมาจากในครัว  หนูไม่ต้องถามก็พอจะเดาออกว่าวันนี้คุณยายทำปูผัดผงกะหรี่  หนูชอบมาก  ชอบจนคิดว่าถ้าได้กินปูผัดผงกะหรี่ฝีมือคุณยายคงจะหายโกรธน้องแน่ๆ  ...เช้านี้หนูอารมณ์ดีมากเลย

“โยเย ไปปลุกปังปอนด์ลงมากินเข้าเร็ว”  คุณยายบอกหนูขณะที่เรากำลังยกกับข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว หนูถอนหายใจใส่ ใครไม่ตื่นคนนั้นก็ไม่ต้องกินสิ  ถ้าหิวเดี๋ยวก็คงลงมาหาอะไรกินเองแหละ  น้องตัวโตกว่าหนูตั้งเยอะ คงไม่ปล่อยให้ตัวเองอดตาย

“ถ้าหิวเดี๋ยวน้องก็ลงมาเองแหละ”

“ไม่สงสารเค้ารึไง อุตส่าห์ขับรถพาเรามาหายายทั้งคืน” คนแก่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงน้องจนหนูรู้สึกผิด  ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นห้องไปปลุกน้องที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงแทนหนู

“ปังปอนด์ คุณยายให้มาตามลงไปกินข้าว” สะกิดคนที่หลับอยู่  แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงส่องเข้ามา น้องหยีตาสู้แสงก่อนจะพยักหน้าสะลืมสะลือ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป  หนูควรรอน้องมั้ยนะ ลงไปก่อน หรือ ควรลงไปพร้อมน้องดี

...หนูนั่งรอน้องในห้อง

...ไม่นานน้องก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าที่ตื่นเต็มที่แล้ว  หนูจึงเดินนำน้องลงมาชั้นล่าง  คุณยายกำลังคดข้าวใส่จานให้สำหรับสามคน

“เป็นไง หลับสบายมั้ยปังปอนด์”  ทันทีที่นั่งลง คุณยายก็เอ่ยปากถามน้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ครับ แต่ปวดหลังนิดหน่อย”

“งั้นคืนนี้ก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่เค้าละกันนะ เตียงกว้าง คงไม่เบียดกันเท่าไหร่”

“ครับ”  น้องรับปากสุภาพ แต่หนูรู้สึกไม่ค่อยพอใจ  ไม่รู้สิ หนูกำลังโกรธน้องอยู่มั้ง

“แล้วพากันแอบมาแบบนี้พ่อกับแม่เราว่ายังไงบ้างหละ”  หนูชะงัก ตกใจ ลืมไปเลยมาถูกน้องลากมา ยังไม่ได้โทรไปบอกคุณแม่กับป๊ะป๊าเลย แต่ก็ลืมไปอีกว่าหนูไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย เสื้อผ้า กระเป๋า โทรศัพท์ไม่มี  ตังสักบาทติดกระเป๋าก็ยังไม่มีเลย

“โทรไปหาที่บ้านแล้วครับ ก็ดุนิดหน่อยที่ผมพาโยเยออกมา”  หนูที่จ้องหน้าน้องอยู่แล้ว รีบหันหน้าหนีทำทีเป็นไม่สนใจเมื่อน้องเหลือบมามอง  หนูยังโกรธน้องอยู่ ถึงแม้จะกินปูผัดผงกะหรี่ไปครึ่งจานแล้วก็ตาม

...คุณยายขยันตักอาหารบนโต๊ะให้หนูจนพูนจานไปหมด  บอกให้หนูกินเยอะๆเหมือนน้องจะได้ตัวสูงๆบ้าง  กินเยอะแล้วจะตัวสูงจริงเหรอ ? 

...คงใช่มั้ง ที่น้องตัวสูงคงเป็นเพราะน้องกินเยอะนั่นแหละ นั่นก็ปาไปสองจานแล้ว


...หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ คุณยายออกไปดูลูกค้าที่หาด หนูจะตามไปด้วย แต่คุณยายบอกให้อยู่เป็นเพื่อนน้องก่อน แต่ถ้าจะไปก็พาน้องไปด้วย หนูรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วเดินมาเปิดทีวีดูหนังช่องเคเบิ้ลที่ห้องนั่งเล่น  ถึงแม้อากาศจะดีแต่คุณยายบอกว่าให้เปิดแอร์เพราะลมทะเลมันจะทำให้เหนียวตัว และพัดฝุ่นเข้าบ้าน  อากาศเย็นๆกับที่พึ่งกินอาหารอิ่มๆไปทำให้หนูอยากจะหลับ แต่ก็สะดุ้งตื่นเพราะแรงยวบจากโซฟาตัวเดียวกัน  น้องมานั่งดูหนังข้างๆหนูพร้อมผ้าห่มผืนบางพอให้อุ่น

...เรานั่งดูหนังกันเงียบๆ

...จากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อกี้เริ่มเคลิ้มจะหลับอีกรอบ  ทั้งๆที่หนังเป็นหนังต่อสู้บู๊เลือดสาดแท้ๆ แต่หนูกลับไม่ตื่นเต้นกับภาพที่กำลังฉายในจอสี่เหลี่ยม หนังตาหนูเริ่มปิดลงเรื่อยๆจนหนูหลับ

...หนูลืมตาขึ้นมา สายตาเริ่มปรับโฟกัส เห็นนาฬิกาที่แขวนตรงผนังบ้านบอกเวลาว่าสิบโมงกว่าๆแล้ว  ลมร้อนๆพัดผ่านที่หัว หันไปดูก็เห็นว่าหนูกำลังนอนซบไหล่น้องแล้วน้องก็นอนซบหัวหนูอีกที  หนูตกใจเด้งตัวออกจากน้องจนผ้าห่มหล่นลงไปที่พื้นด้านล่าง  ทำให้น้องที่หลับอยู่ตื่นไปด้วย น้องสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะมองหนูด้วยสายตาสงสัย  หนูรีบลุกขึ้นจากโซฟา

“เดี๋ยว คุยกันก่อนสิโยเย” น้องรีบร้องบอก หนูหยุดเดิน สมองสั่งว่าให้เดินหนีไป ไม่เห็นมีอะไรต้องคุย แต่อีกด้านก็สั่งว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นต้องหนี  นั่นสิ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องหนี

“มีอะไร” หันกลับไปถามน้อง

“พี่โกรธผมหรอ?” 

“...” หนูไม่ได้ตอบ ใช่หนูโกรธ โกรธมากเพราะน้องทำให้หนูไม่ได้มาทะเล  แต่น้องก็เป็นคนพาหนูมาทะเล จนหนูสับสนว่าหนูโกรธน้องอยู่รึเปล่า หนูก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก

“ผมก็พาพี่มาแล้วนี่ไง”  น้องพูดต่อเมื่อเห็นว่าหนูไม่พูดอะไร  หนูรู้สึกไม่ดีเลยที่น้องพูดแบบนี้ 

“ไม่ได้ขอให้พามา”  ลึกๆแล้ว ถ้าน้องพูดว่าขอโทษแบบจริงใจ หนูอาจจะยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรแทนที่จะตอบแบบนี้ก็ได้  น้องหน้าเจื่อนลง จริงๆต้องบอกว่าน้องลากหนูมาบังคับหนูมามากกว่าพาหนูมาจะถูกกว่ามั้ย

“งั้นจะให้ทำยังไง ไม่มาก็โกรธ มาก็ยังโกรธ ผมผิดมากเลยหรอ?”

“ถ้าอยากทำก็ทำให้เรื่องมันไม่ยุ่งตั้งแต่แรกสิ”  หนูกระแทกเสียงตอบน้องก่อนจะเดินฟึดฟัดออกจากบ้านมาที่หาด เห็นคุณยายกำลังทำกับข้าวอยู่  ตอนนี้หนูยังไม่อยากเข้าไปช่วยคุณยายเพราะเดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียใส่ลูกค้าไปอีก  เดินใกล้เข้าไปที่หน้าร้านก่อนจะหยิบห่วงยางอันใหญ่แล้วเดินลงไปทะเล  วางห่วงยางลงในน้ำก่อนจะพาตัวเองนอนลงบนห่วงยาง  หลับตาปล่อยให้ห่วงยางพัดไปตามกระแสคลื่น  หนูคิดเรื่องน้องว่าน้องเป็นคนผิดจริงๆหรอ  แล้วหนูก็คิดว่าทำไมหนูถึงโกรธน้องมากทั้งๆที่น้องก็พามาทะเลแล้ว  หนูอยากคุยกับคุณแม่ อยากคุยกับป๊ะป๊าว่าการที่หนูอยากมาทะเลมันเป็นเรื่องใหญ่มั้ย  หนูคิด  คิด คิด คิดจนปวดหัวไปหมด พยายามจะเลิกคิดแต่กลับยิ่งคิดมากไปกว่าเก่า  เส้นประสาทในสมองเต้นตุบๆ จนหนูกลัวว่ามันจะดันออกมาจนสมองแตก  หนูรู้สึกชีพจรหนูเต้นเร็ว อาจเป็นเพราะหนูกำลังโกรธ  หนูเป็นคนที่ไม่ชอบเถียง และก็ไม่ชอบอธิบาย แต่พอมาคุยกับน้องครั้งนี้มันรู้สึกเสียพลังงานไปมาก  หนูเหนื่อย...

...พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัวแล้ว  คงจะเที่ยง  แสงแดดสาดส่องจนผิวแทบจะไหม้  หนูก็ใช้มือ ใช้เท้าตีน้ำเพื่อบังคับให้ห่วงยางกลับเข้าฝั่งของตัวเอง  หนูใจเย็นลงแล้ว  และหนูก็ตั้งใจว่าจะไม่พูดเรื่องโกรธไม่โกรธ  ผิดไม่ผิดกับน้องอีก  หนูตั้งใจจะไปขอบคุณน้องที่พามาทะเล ถึงแม้ความรู้สึกในใจหนูมันจะต่อต้านอยู่ลึกๆ  แต่...ไม่เป็นไร  หนูไม่อยากมีเรื่องกับคนในบ้านที่ต้องอยู่ร่วมกันอีกเกือบทุกวัน  ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณแม่กับป๊ะป๊าคงไม่สบายใจ

...พอถึงฝั่ง ก็ลากห่วงยางอันใหญ่มาเก็บทับไว้ที่เดิมเพื่อจะได้ให้ลูกค้ามาเช่า  เดินเข้าไปหาคุณยาย ก็ยังเห็นว่าคุณยายทำกับข้าวอยู่เหมือนเดิม แต่มีเพิ่มคือ น้องปังปอนด์  หนูยืนมองน้องที่คอยเป็นเด็กเสิร์ฟช่วยคุณยายเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า  น้องยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนพระอาทิตย์ตอนเช้า  พอเห็นน้องยืนขึ้น น้องตัวเกือบสูงเท่าลูกค้าชาวต่างชาติเลย  น้องอายุแค่ 16 เองนะ ทำไมน้องถึงได้สูงเอาๆจังเลย 

“ยืนตากแดดอยู่เดี๋ยวก็เป็นลมแดดหรอก”  เสียงแหบๆของคุณยายดังขึ้น  หนูสะดุ้ง กำลังมองน้องเพลินๆ รีบเข้ามากอดคุณยายจากด้านหลังคุณยายละมือจากตะหลิวมาตีแขนหนูเบาๆ

“หูย กอดหน่อยก็ไม่ได้”

“โยเยตัวเปียกๆยังมายืนกอดอีก เดี๋ยวก็ฟาดเลยทีนี้”  คุณยายหันมาดุ  ทำท่าจะฟาดแขน  แต่หนูกลับหัวเราะแทน  รีบเอาหัวไปไถแขนคุณยาย แถมด้วยเสื้อเปียกๆ ไปแกล้งคุณยายอีก

“หอมจัง ทำอะไรกินอะ”  ถามพลางชะโงกหน้าเข้าไปดูในกระทะ

“ผัดฉ่าทะเล  ของลูกค้า ...เสร็จแล้ว เอาไปเสิร์ฟด้วยนะ”  บอกแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบจานตักผัดฉ่าในกระทะใส่ ตกแต่งอีกเล็กน้อยเพื่อให้อาหารดูน่าทาน เสร็จแล้วเอาใส่ถาดยื่นให้หนูเดินเอาไปเสิร์ฟ  เดินสวนกับน้องที่กำลังเปิดตู้แช่หยิบโค้กอยู่  หนูแอบมองหน้าน้องแต่น้องก็ยังทำไม่สนใจ  ...ก็แล้วแต่  หนูก็ไมได้อยากจะอะไรมากหรอก

“หนูกลับไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วย”  บอกคุณยายที่กำลังล้างกระทะ เตรียมทำเมนูใหม่ ก่อนจะเดินกลับมาทางบ้าน แดดนี่ร้อนไม่ใช่เล่นๆเลยแฮะ ถึงจะไม่กลัวดำแต่หนูก็กลัวมะเร็งผิวหนังนะ

...พอถึงบ้าน ก็ถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อปรากฏว่าบ้านล็อค  ลืมไปว่าไม่ได้ออกบ้านเป็นคนสุดท้ายเลยไม่ได้ถือกุญแจไว้อย่างทุกครั้งที่มา  หมุนตัวจะเดินกลับแต่ก็เห็นน้องวิ่งมาซะก่อน  พอถึงหน้าประตูน้องก็คลำหากุญแจที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง  น้องดูลนเมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแต่ไม่เจอลูกกุญแจ

“ลืมว่าเอาใส่ไว้ในผ้ากันเปื้อน เดี๋ยวมา  รออยู่นี่แหละ”  บอกเองก็เออเอง  ไม่รอให้หนูพูดอะไร น้องก็รีบวิ่งไปหาดใหม่  ไม่นานก็วิ่งกลับมาที่บ้าน คราวนี้น้องยืนพักแปปนึงก่อนจะไขกุญแจเข้ากับแม่กุญแจ เปิดประตูบ้านเข้าไป  น้องทิ้งตัวนั่งลงโซฟาแบบหมดสภาพ  ทางไปหาดกับตัวบ้านไม่ไกลกันมากแต่ แดดทำให้น้องคงจะเหนื่อยพอสมควร  หน้าน้องแดง มีเหงื่อผุดขึ้นมาจากขมับเต็มไปหมด  หนูเห็นแล้วก็นึกสงสารปนขำ  ไม่รู้จะรีบอะไรนักหนา  แต่ขาสั้นๆของหนูก็เดินไปหยิบขวดน้ำในครัวแล้วเอาไปยื่นให้น้อง  น้องรับมาหน้างงๆก่อนจะเปิดฝา ยกขวดขึ้นกระดกดื่มอึ้กๆ   แล้วหนูก็เดินหนีขึ้นบันใดมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า 
.
.
.
...หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันหนูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปช่วยคุณยายที่หาดต่อ  เย็นแล้ว  ทุกคนเก็บของที่ชายหาดเสร็จก็เดินกลับมาบ้าน  วันนี้เก็บของเร็วเพราะคุณยายบอกว่าน้ำขึ้นเร็ว 
วันนี้คุณยายบอกว่าจะทำผัดไข่ปลาหมึก  ต้มยำทะเล และยำหอยแครงให้กินกัน  หนูเป็นลูกมือคอยล้างผัก ล้างปลาให้คุณยายอยู่ห่างๆ เพราะทำอาหารไม่เป็น  แตกต่างกับน้อง  คอยหั่นนู่น จับนี่ลงไปในหม้อในกระทะช่วยคุณยาย  หนูมองน้องเพลินไปจนพอน้องหันมามองกลับบ้างก็สะดุ้ง  ทำไมน้องทำอะไรได้เยอะจัง  ตั้งแต่กินเหล้า  ขับรถ  ทำอาหาร  บริการลูกค้า  แถมน้องยังดูคล่องตัว ไม่เหมือนหนูที่ขนาดแค่ล้างกุ้งล้างปลาก็ยังเงอะงะไปหมด
พออาหารเย็นที่เราช่วยกันทำเสร็จ ก็พากันยกมาที่โต๊ะกินข้าว คุณยายยังขยันตักนู่น ตักนี่ใส่จานข้าวหนูจนพูนจาน  ในขณะที่น้องกินข้าวเป็นจานที่สองแล้ว

“ปังปอนด์มาอยู่กับยายมั้ย  ยายชอบคนกินข้าวเก่ง”  คุณยายพูด  ดูจะดีใจมากที่เห็นน้องกินข้าวเยอะ  แถมวันนี้ยังดูเจริญอาหารเป็นพิเศษ

“ก็อาหารคุณยายอร่อย” 

“จริงหรอ  ดูโยเยสิ ทำหน้ายังกับอาหารเป็นพิษ ยายก็นึกว่ายายทำไม่อร่อยซะอีก”

“พูนจานขนาดนี้ใครจะไปกินไหว” หนูพูดอ้อมแอ้มออกไป  ที่จริงถึงไม่พูนจานหนูก็กินข้าวไม่ค่อยหมดอยู่ดี เพราะเป็นคนกินน้อย  กินแปปๆก็อิ่มแล้ว  แต่ต้องกินบ่อยๆ

“ก็กินแค่นี้ไง ถึงไม่สูงสักที” คุณยายว่าแล้วก็หันไปพูด ถามไถ่กับหลานรักคนล่าสุดต่อ  หนูนี่โดนเตะทิ้งลงกระป๋องแล้ว

...กินข้าว  ล้างจานเสร็จหนูก็เดินมาห้องนั่งเล่น  เปิดทีวีดู  เปลี่ยนช่องไปมาเรื่อยๆ  จนไปหยุดช่องที่กำลังเป็นรายการเกี่ยวกับทะเล  พิธีกรสองคนสวมชุดดำน้ำ มีท่อออกซิเจน และตีนเป็ดพร้อมจะที่จะดำน้ำแล้ว  กล้องถ่ายภาพใต้น้ำแพนไปยังปะการังที่โบกไหวอยู่ใต้ทะเล พร้อมปลาเล็กปลาน้อยหลายชนิด 

“โยเย  พรุ่งนี้พาไปดำน้ำหน่อยดิ”  เสียงทุ้มดังขึ้น  หนูสะดุ้งหันไปมองคนพูดที่ไม่รู้มายืนดูทีวีข้างหลังหนูตั้งแต่เมื่อไหร่  พูดเสร็จเจ้าตัวก็ย้ายร่างมานั่งลงโซฟาด้านข้างหนู 

“ไปก็ไปสิ นั่งเรือเฟอร์รี่ไป เกาะใกล้ๆหาดเรานี่เอง”  หนูบอก สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี

“พาไปหน่อยนะ”

“เดี๋ยวไม่มีคนช่วยยาย”

“ก็ไปตอนเช้า ประมาณ 9 โมง กลับมาก็คงจะประมาณ 10 โมงกว่า ช่วงนั้นลูกค้ายังไม่เยอะ” 

“...”

“นะ”

“ไม่เอาหรอก ไม่ได้เอาชุดมา ชุดหมดแล้วเนี่ย”

“งั้นก็เดี๋ยวไปซื้อชุดด้วยเลย  อาทิตย์หน้าค่อยกลับกรุงเทพกัน”

“กลับช้าเดี๋ยวป๊ะป๊ากับแม่จะว่าเอา”

“...”  น้องไม่พูดต่อ  เดินขึ้นบันไดไปพร้อมสีหน้าสลดๆนั่นทำเอาหนูใจกระตุกวูบ  ก็...ก็ ที่จริงน้องก็ไปคนเดียวได้นี่ ไม่เห็นต้องเอาหนูไปด้วยเลย  แล้ว ทำไมน้องต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้น  โอ้ยยย ก็แค่ไปดำน้ำ  แล้วนี่หนูเป็นอะไรเนี่ย 

...หนูใช้มือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ที่ไปขอยืมมาจากคุณยาย  กดหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปขึ้นเรือดำน้ำของเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากหาดนี้  ว่าจะไม่อะไรแล้วเชียว  แต่พอนึกถึงหน้าหงอยๆของน้องก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที  เลยต้องมานั่งหาข้อมูลอยู่นี่ไง  อ่านรีวิวจนเพลินกินเวลาไปสองชั่วโมงกว่าๆแล้วก็ตกใจ  เวลาที่เราอยู่กับโทรศัพท์นี่เร็วจริงๆ  เสียไปโดยใช่เหตุ  หนูรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะแก่ขึ้นเมื่อไม่มีโทรศัพท์ใช้ เพราะไม่ได้หมกมุ่นอยู่ในโลกโซเชียลที่ทำให้จมอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง  แต่ก็ดี  ตัดขาดจากโลกโซเชียลมาสนใจสิ่งข้างๆบ้าง  จะเห็นว่า รอบตัวเรามันกว้างกว่าไอ้ที่อยู่ในโทรศัพท์เยอะเลย

...เดินเอาโทรศัพท์ไปคืนคุณยายก็ขึ้นบันไดไปบนห้อง  เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าน้องยังนอนอยู่ที่พื้นด้านล่างพร้อมกับอ่านหนังสือเล่มเก่าๆ  คงจะเป็นหนังสือธรรมะ หรือไม่ก็หนังสือสุขภาพของคุณยายที่มันวางอยู่ในห้องตั้งหลายปีแล้วมั้ง  กลิ่นครีมอาบน้ำ ลอยปะทะจมูกขณะที่หนูเดินผ่านตัวน้องไปหยิบผ้าเช็ดตัว ...มันเป็นกลิ่นเย็นๆหอมๆ คล้ายกลิ่นแป้งเย็นแต่หนูกลับไม่ค่อบชอบเพราะแสบจมูก  น้องคงจะซื้อครีมอาบน้ำมาใหม่เมื่อช่วงกลางวันนี้

...แปรงสีฟันสองอันที่อยู่ในแก้ว มีอันนึงที่ถูกบีบยาสีฟันใส่แปรงไว้ให้แล้ว  เพื่อบ่งบอกว่านั่นคงเป็นแปรงของหนู...สีชมพูแป๋นเลย  เหลืบมองบนชั้นวางก็เห็นครีมอาบน้ำสองขวด ขวดนึงสีฟ้า ป้ายผลิตภัณฑ์เขียนว่าสูตรเย็น  นี่คงจะเป็นกลิ่นจากขวดนี้นี่แหละที่หนูได้กลิ่นจากตัวน้อง  ส่วนอีกขวด

...ครีมอาบน้ำสำหรับเด็ก จอนห์สันเบบี้ ท๊อปทูโทว

...หนูกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว  น้องซื้อมาให้หนู หรือหยิบๆมาใส่ตะกร้าไม่ดูยี่ห้อ  แต่นั่นแหละ หนูก็ใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้อนี้แหละ  หนูขำปนแปลกใจ เป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่านะ แม้กระทั่ง ยาสระผม ก็ยังเป็นสองขวด แน่นอนว่าหนูเดาว่าของน้องเป็นสูตรเย็น ขวดสีฟ้า ส่วนของหนู ก็ยังคงเป็นยาสระผมสำหรับเด็กอีกตามเคย  ตงิดในใจ หรือจริงๆแล้วน้องจะแกล้งหนูกันนะ 

...หนูแต่งตัวโดยใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงเล ที่ไม่รู้น้องหรือคุณยายไปมาหาจากไหนมาแขวนไว้ในตู้ให้ นึกอยากขอบคุณที่อย่างน้อย น้องก็ยังไม่ลืมว่าหนูไม่มีอะไรติดตัวมาด้วย แต่ทำยังไงดีหละ หนูมันเป็นพวกพูดไม่เป็น แถมฟอร์มก็เยอะซะด้วย

(ต่อ)
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (โยเย)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 19-02-2016 00:04:48

“ไหนบอกว่าปวดหลัง แล้วทำไมไม่ขึ้นมานอนบนเตียง” หนูถามน้องขณะที่ตัวเองนั่งอยู่บนเตียงเช็ดผมให้แห้ง

“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเบียดโยเย” น้องบอกอ้อมแอ้ม  ยังอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม

“ตามใจ อ่านหนังสือเสร็จแล้วก็ปิดไฟด้วยละกัน” บอกแล้วเดินเอาผ้าขนหนูไปตากก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง

“พี่จะนอนแล้วหรอ?”

“อือ”

“งั้นผมปิดไปแล้วนะ”

“อือ”  ทันทีที่บอกจบน้องก็ลุกขึ้นเดินไปปิดสวิตซ์ไฟ ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดและความเงียบ  อากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศ คงหนาวสำหรับน้องที่มีแค่ผ้าห่มผืนบางๆ 

“โยเย”

“อือ”

“ปะ ป่าว”  น้องบอกเสียงละลักละล่ำ  เสียงพลิกตัวไปมาของน้องทำให้หนูพลอยอึดอัดไปด้วย  ไม่สิ ไม่เกี่ยวกับน้อง  หนูอึดอัดของหนูเอง

“ปังปอนด์”  หนูลองเรียกน้องดูบ้าง

“...”  น้องไม่ตอบ ไม่รู้ว่าหลับไปแล้วรึยัง แต่หนูก็ยังอยากจะพูดต่อ

“ถ้า ...ถ้าพรุ่งนี้จะไปดำน้ำต้องตื่นเช้านะ  ต้องรีบไปจองตั๋ว แล้ว แล้วต้องเอาชุดไปเปลี่ยน อ้อเรื่อง”

“พี่จะไปด้วยใช่มั้ย?”  หนูยังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มๆของน้องก็ดังขึ้นมาแทรก

“...”
“...”


“อื้อ” 

“งั้น...ผม ผมจองตั๋วไว้รอเลยได้มั้ย เผื่อพรุ่งนี้มันเต็ม”

“อื้อ ก็เอาสิ”  ทันทีที่หนูพูดจบ ก็สังเกตเห็นเงาดำๆของน้องลุกขึ้นนั่ง  ไม่นานแสงไฟจากหน้าจอสมาร์ทโฟนก็สว่างขึ้น  หนูเหลือบมองน้องที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง เห็นทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็อดที่จะยิ้มตามออกมาไม่ได้  ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอยอยู่แท้ๆ 

...ถึงน้องจะตัวโตกว่าหนู น้องก็ยังเป็นเด็ก เด็กอายุ 16 ปีที่ยังต้องการให้มีคนตามใจอยู่

“โยเย เกาะไหนดี” น้องถามแล้วก็ยื่นสมาร์ทโฟนมาให้หนู หน้าจอเปิดค้างไว้ที่ทริปทัวร์ดำน้ำ ดูปะการังตามเกาะต่างๆใกล้กับชายหาดที่เราอยู่

“นี่ สวยดี” บอกแล้วยื่นสมาร์ทโฟนกลับไปให้น้องที่อยู่ด้านล่างดู  น้องดูแล้วก็พยักหน้า ไม่นานก็ทำหน้าขมวดคิ้วหันมาหาหนู

“มันเต็มแล้ว เลือกใหม่”  ยื่นสมาร์ทโฟนมาให้หนูอีกรอบ

“...”
“...”

“เกาะนี้ก็ได้”

“เต็ม”

“งั้นอันนี้ ไกลหน่อย แต่สวย”

“เต็มอ่ะ” 

“...” น้องยื่นสมาร์ทโฟนมาให้เลือกอีก  แต่คราวนี้คงจะรำคาญที่ต้องส่งสมาร์ทโฟนให้กันไปให้กันมา น้องเลยย้ายตัวเองขึ้นมาบนเตียงด้วย  หนูที่นอนเลือกๆดูรูปภาพอยู่ก็ขยับให้น้องตัวใหญ่เข้ามาใกล้  น้องใช้หัวพิงหัวเตียงทำให้อยู่สูงกว่าหนูเพื่อที่จะมองดูรูปด้วยกัน  แขนยาวๆของน้องก็โอบมาคล้ายกับจะให้หนูหนุนแขนไว้  แล้วเราก็เลือกเกาะด้วยกัน  ถ้าหนูเลือกเสร็จแล้วน้องก็จะกดเข้าไปดูข้อมูล ทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆจนเราได้เกาะที่ถูกใจ 

...หนูไม่รู้ว่าหลงเผลอหนุนแขนน้องตอนไหน  แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าน้องเอื้อมมือมากอดไหล่หนูไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่  หนูไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ถึงหนูจะรู้  หนูก็ไม่อยากจะผลักออกอยู่ดี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“อ้าว ปังปอนด์ โยเยหลับแล้วหรอลูก”

“ครับ คุณยายมีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”

“ยายพึ่งนึกออกว่าโยเยมันไปเล่นน้ำมา เลยเอายามาให้กินลัดไข้ไว้”

“?”

“ชอบเล่นน้ำแดดๆ แล้วก็มานอนตากแอร์ มาทะเลทีไรก็เลยป่วยก่อนกลับทุกที”

“งั้นเดี๋ยวผมเอาไปให้เอง  คุณยายไม่ต้องห่วง”

“ฝากพี่เค้าด้วยนะ”


“โยเย โยเย” แรงเขย่าเบาๆที่แขน ทำให้หนูที่กำลังเคลิ้มหลับลืมตาขึ้น  แต่ไม่ทันไรก็ต้องหยีตา เมื่อไฟในห้องสว่างจ้าจนอยากจะเอาผ้าห่มมาคลุมโปลง ถ้าไม่ติดว่าน้องดึงแขนให้ลุกขึ้นมานั่ง

“...” หนูหายใจแรงๆ ฟึดฟัดใส่ ทำท่าว่าไม่พอใจที่มารบกวนเวลานอน

“กินยาก่อน”

“...”

“เร็ว” หนูได้แต่นั่งจะหลับ ตาก็ยังไม่ลืม กินพรุ่งนี้ไม่ได้รึไงนะ  อยากจะพูดเถียงออกไปแต่ก็เหนื่อย ง่วงนอน ปากไม่ขยับ เปลืองพลังงานเหลือเกิน  มือสองข้างโดนน้องยัดแก้วน้ำกับยาใส่ แต่ไม่มีแรงถือ ฮือ หนูง่วง อย่ามายุ่งกับหนู

“ไม่” ขยับปากได้เท่านี้เพราะไม่มีแรงจะพูด พอจะล้มตัวลงนอนก็ถูกดึงขึ้นมาให้นั่งเหมือนเดิม

“อ้าปาก”

“...”  หนูรูสึกเหมือถูกบีบแก้ม จนปากเผยอขึ้น แล้วยาเม็ดขมๆก็ถูกส่งเข้ามา  อยากจะคายออก เพราะไม่มีอารมณ์จะกินแต่น้ำก็ตามเข้ามา  ดันเม็ดยาจากปลายลิ้นเข้าในโคนลิ้น ยิ่งทำให้ขมเข้าไปใหญ่

“กลืน  โยเยกลืน”  จำใจกลืนลงไปจนรู้สึกว่ายาลงไปค้างที่คอแล้ว น้ำก็ตามมาอีกหลายอึกใหญ่  จนหนูจะสำลักเพราะกลืนไม่ทัน นั่นแหละถึงได้หยุด  นั่งนิ่งจนจะหลับ ก็รู้สึกห้องมืดขึ้น  แรงยวบจากเตียงมาพร้อมกับแรงดึงที่แขนให้หนูล้มลงไปนอน

“...”

“ผมเลือกครีมอาบน้ำกับยาสระผมให้พี่ถูกใช่มั้ย”  เสียงทุ้มๆดังขึ้น พร้อมกับสัมผัสที่หัว ตามมาด้วยที่แก้ม และที่คอ

“อือ”  ตอบปัดรำคาญคนที่เอาแต่หัวเราะหึๆ  หนูรำคาญ หนูก็เลยตอบไปอย่างนั้นแหละ  ไม่เกี่ยวกับเลือกถูกเลือกผิดอะไรทั้งนั้น  ก็แค่ตอบๆไปให้อีกคนที่เอาแต่กดจมูกลงมาที่หัวเลิกทำสักที  หนูก็แค่รำคาญ  รำคาญจริงๆ  โว้ยย หนูไม่รู้แล้ว หนูง่วง หนูจะนอน

...หนูจะนอนจริงๆแล้ว  แล้วหนูก็ควรหยุดยิ้มได้แล้ว...





หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวราวกับหนึ่งนาที
หนูกำลังเก็บเสื้อผ้าที่ซักแล้วยัดใส่ตะกร้าหวายใบใหญ่  ส่วนที่ยังไม่ซักหนูเอาใส่ถุงพลาสติกแยกไว้ต่างหาก  เสื้อผ้าบางส่วนประมาณสองสามชุดหนูแขวนเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า  เผื่อต้องมาอีกรอบจะได้ไม่ต้องขนมาเยอะ  รวมถึงแปรงสีฟัน  ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ก็ยังอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม  และแน่นอนว่าหนูก็เก็บของของน้องให้ด้วย

“เสร็จยัง”  ประตูถูกเปิดเข้ามาตามด้วยตัวสูงๆของน้อง

“ยกตะกร้าลงไปใส่รถไว้ให้หน่อย” หนูบอก ผลักตะกร้าหวายไปให้น้อง  น้องพยักหน้าแล้วก็ยกตะกร้าออกไป

...ตั้งแต่วันที่ไปดำน้ำดูปะการัง ทำให้เราเริ่มคุยกันมากขึ้น  น้องพูดมาก พูดเยอะ ส่วนหนูเป็นฝ่ายฟัง  แต่หลังๆมาหนูรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะขึ้นตามน้อง พูดจนรู้สึกเหนื่อยเอง หนูกับน้องยังไปทำงานที่หาดช่วยคุณยาย มีบางวันที่แอบไปเที่ยวกับน้องบ้าง บางวันน้องก็อารมณ์ดีจนเกินไป ชวนหนูออกไปเที่ยวเดินตลาด เดินหาดตอนดึกๆ แต่นั่นก็ทำให้หนูได้รู้จักน้องเพิ่มขึ้น  คืนก่อน คุณยายทำปาร์ตี้เล็กๆตอนเย็น มีบาร์บีคิวและอาหารทะเลเต็มไปหมด พร้อมแอลกอฮอล์เล็กน้อย  คุณยายไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้  กลับเป็นน้องซะอีกที่ซีเรียสแทนหนูเป็นพวกคออ่อน  กินเยอะไม่ได้  คืนนั้นพอคุณยายเข้านอนไปแล้ว หนูเล่นเกมส์ยี่สิบคำถามกับน้อง  มีทั้งคำถามที่ไร้สาระและดูเหมือนจะมีสาระอยู่บ้าง พร้อมแอลกอฮอล์ทำให้หนูพูดมากผิดปกติ หนูกับน้องผลัดกันถามผลัดกันตอบ

...หนูว่า หนูเริ่มสนิทกับน้องแล้วแหละ

...น้องปังปอนด์เป็นเด็กอายุ 16 ที่เรียนนานาชาติ น้องเป็นเด็กที่มีเพื่อนเยอะ และตามธรรมเนียมเพื่อนน้องทุกวันศุกร์จะมีปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนสักคน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป  และวันศุกร์ วันนั้นแหละที่น้องไม่ได้กลับบ้าน  วันที่ทำให้หนูไม่ได้มาทะเล  น้องปังปอนด์มีแฟนแล้วชื่อน้องมะปรางค์ ตัวเล็กๆ น่ารักจิ้มลิ้ม ดูแล้วใครๆก็คงชอบ  น้องบอกว่าคบกับมะปรางค์เพราะชอบแค่ช่วงแรกพอคบกันมาตอนหลังๆก็เริ่มเบื่อ เพราะน้องมะปรางค์เป็นแบบคุณหนูเกินไป ทำอะไรเองไม่เป็น หนูก็เลยจัดการฟาดแขนน้องไป 2 ที

“ปังปอนด์ แล้วแฟนทั้งคนทำให้ไม่ได้หรอ ถึงผู้หญิงไม่ดีก็อย่าเอาเค้ามาพูดแบบนี้ ผู้หญิงยังไงก็เป็นฝ่ายเสียหายวันยังค่ำ มีแฟนก็อยากให้แฟนดูแลเทคแคร์ แต่ปังปอนด์บอกว่าเค้าทำอะไรเองไม่เป็นเค้าจะรู้สึกยังไง...”  ตอนนั้นหนูจำเกือบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดเรื่องอะไรไปบ้าง  หนูพูดจนหอบ พูดเสร็จนั่งหายใจโกยออกซิเจนเข้าปอด  ไม่เคยเสียพลังงานไปเยอะขนาดนี้มาก่อน

“พูดเยอะจังหวะ พี่เมาปะเนี่ย?”  น้องถามแล้วก็นั่งขำหนู กระดกเบียร์กระป๋องเข้าปาก แล้วก็นั่งยิ้มมองหนู ขำหนูไม่เลิก  จนหนูต้องฟาดที่แขนเข้าอีก น้องไม่ได้มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดเลย  กลับหัวเราะเข้าไปใหญ่

“เมาบ้าอะไร กินยังไม่ถึงครึ่งกระป๋องเลย” หนูพูดจบ นิ้วใหญ่ๆก็เอามาเขี่ยแก้มหนูเล่น

“แก้มแดงขนาดนี้แล้ว เมาแล้วแน่ๆ”  หนูบอกตอนนั้นเลยว่าสติของหนูยังครบถ้วนสมบูรณ์ 100%   เดินตรงยิ่งกว่าไม่บรรทัดอีก  หนูยืนยันได้เลยว่าหนูไม่เมาแน่ๆ  แต่ที่แก้มของหนูมันขึ้นสีแดงนั้น  อาจเป็นเพราะ หนูกำลังโกรธมั้ง  โกรธน้องที่มาทำให้หนู   เขิน 

ไอ้เด็กบ้านี่...

“ขึ้นห้องเถอะ”  น้องบอก หนูพยักหน้าแล้วเดินนำน้องกลับเข้าไปในบ้าน เดินขึ้นห้อง น้องตามมาก็ปิดประตูก่อนจะผลักให้หนูล้มลงไปบนเตียงแล้วก็เอาตัวเองมาคร่อมทับไว้

“อะ อะไร?” น้องไม่ตอบ กลับยิ้มแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ สายตาที่ส่งมามันหวานฉ่ำจนหนูทนมองต่อไม่ไหว หนูหลับตา สัมผัสที่ปากจากน้องเจือกลิ่นแอลกอฮอล์หน่อยๆ ทำให้หนูใจเต้นแรง ตึกตักคล้ายหัวใจจะระเบิดออกมา  น้องเลียริมฝีปากหนูเบาๆ ชวนให้ในท้องมันหวิว ริมฝีปากน้องขบกัดแรงขึ้น ลิ้นร้อนเริ่มรุกไล้เข้ามาภายในริมฝีปาก 

“อ๊ะ...”  มือน้องปักผ่านบริเวณหน้าอก ทำเอาหนูเผลอร้องออกมา น้องดันลิ้นตัวเองเข้ามาในปากหนูก่อนจะเริ่มไล้ไปตามไรฟัน ดูดดึงไล่ต้อนลิ้นหนูที่ไม่รู้จะตอบสนองยังไง  หนูตื่นเต้นไปหมด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเองแอบกลั้นหายใจตั้งแต่ตอนไหน น้องเริ่มดูดลิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำลายเยิ้มออกมาตามมุมปาก ถอนจูบออกมาแล้วน้องก็ยิ้มให้หนูอีกครั้ง ก่อนจะก้มไปไล้เลียน้ำลายที่มุมปากของหนู

...หนูต้องเมาแน่ๆ  ใช่นั่นแหละ หนูเมาแน่ๆ

น้องก้มหน้าลงมาซับที่ริมฝีปากหนูอีกครั้ง ก่อนจะไล่ลงมาตามซอกคอ  ดูดดึงเนื้อหนูจนหนูเจ็บจี้ดๆ  เสื้อยืดของหนูถูกน้องเลิกขึ้นมากองไว้เหนือหน้าอก  นิ้วเรียวยาวของน้องสะกิดที่หัวนมหนู

“อื้อ” หนูเม้มปากแน่น กลั้นเสียงน่าอายไม่ให้ออกมา  แต่เหมือนน้องจะไม่พอใจ กลับบดขยี้จนมันแข็ง ยังไม่พอน้องก็ก้มลงดูดอีกข้าง ละเลงลิ้นรัว หนูบิดตัวเร่า มือพยายามดันหัวทุยของน้องออกไป แต่ก็กลับแอ่นอกให้น้องดูดดุนได้ถนัดขึ้น  ดูย้อนแย้งกันยังไงไม่รู้
น้องละริมฝีปากออกจากหน้าอกหนูกลับขึ้นมาบดจูบให้หนูอีกครั้ง มือน้องสอดเข้ามาใต้กางเกงชั้นใน สัมผัสกับส่วนอ่อนไหวที่เริ่มก่อตัวขึ้นตามแรงอารมณ์ที่น้องเป็นคนสร้างให้

“โยเย เคยช่วยตัวเองมั้ย”  น้องกระซิบถามเสียงพร่า มือก็เริ่มขยับรูดรั้งแก่นกายของหนูช้าๆ หนูส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนจะหยิบหมอนที่หนุนอยู่ขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้
น้องถอนมือออกมาจากส่วนอ่อนไหว แล้วดึงทั้งกางเกงสามส่วนทั้งกางเกงชั้นในของหนูลงมากองที่ข้อเท้า

“อ๊ะ อ๊า ... หยะ อย่า อื้อ ปังปอนด์” หนูสะดุ้ง ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งเมื่อน้องใช้โพรงปากครอบครองแก่นกาย ตวัดไล้เลียอย่างไม่รังเกียจ ขณะที่หนูเสียวแทบใจจะขาด

“เดี๋ยวผมทำให้นะ” ถอบปากออกมาบอก ผลักหนูให้นอนราบลงกับเตียงอีกครั้ง ก่อนจะครอบครองแก่นกายแล้วดูดขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“ฮึก อ๊ะ ปัง..ปังปอนด์”  หนูร้องเรียกชื่อน้องซ้ำๆ  หนูทรมาน รู้สึกอึดอัดที่กลางลำตัว อยากให้น้องทำเร็วกว่านี้แต่หนูก็เขินเกินกว่าจะบอก  น้ำตาไหลจากความทรมาน หนู.... หนูเสียว

“โยเย เรียกชื่อผม เร็วๆ” น้องผละออกมาจ้องหน้า คร่อมหนูไว้อย่างเดิม ก่อนจะใช้มือรูดรั้งแก่นกายที่ปริ่มน้ำของหนูให้เร็วขึ้น

“ปังปอนด์ ปัง...ปอนด์ ฮึก จะไปแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ...อ๊าส์”  หนูปลดปล่อยออกมาเต็มมือน้อง หอบหายใจมองหน้าน้องที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้  น้องก้มลงมาจูบอีกครั้ง

“นอนได้แล้ว”

“แล้ว ... แล้วปังปอนด์?”

“นอนเถอะนะ ผมจัดการเองได้” ว่าแล้วน้องก็ลูบหัวหนู ก้มลงมาจูบซ้ำ ย้ำๆอย่างนั้นหลายทีก่อนที่หนูจะผล็อยหลับไป



555555 สนองนี้ดตัวเองจัง (หมายถึงจังไร)

วันนี้คึกตั้งแต่เช้า ประชดชีวิตที่อาจารย์ให้เรียนชดเชยตั้งหกชั่วโมง

บอกอีกที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเนื่อเรื่องหลักนะคะ
อารมณ์ไหนไม่รู้ที่อยากเขียนพล็อตนี้ขึ้นมา

ถือเป็นเรื่องกากๆที่อ่านคั่นเวลารอพวกแฝดเนอะ

เอ้อ แล้วก็ เราจะอัพนิยายอาทิตย์ละสองตอน ในช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าแฝดด้วย แล้วก็น้องโยเยคนหน่อมแน้มด้วยเด้ออออ อุอิ

หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (โยเย)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 19-02-2016 01:38:22
นึกว่าจะได้เจอน้องไซน์ แต่ได้เจอน้องโยเยแทน อิอิ
คนเขียนเอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นก็ได้นะคะ
รอน้องไซน์นะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (5)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 20-02-2016 15:56:55
5
Dating (alone)

“น้องไซน์ ดูอันนี้ๆ น่ารักเนอะ เหมาะกับน้องไซน์เลย”

“อันนั้นมันของผู้หญิงครับ”

“น้องไซน์ๆ อันนี้ก็เหมือนน้องไซน์เลยอ่ะ เดี๋ยวพี่ซื้อให้นะ”

“มะ ไม่ต้องครับ ไซน์มีแล้ว”

“งั้น อันนี้ก็ได้ พี่ซื้อสองตัว ให้น้องไซน์อันนึง เดี๋ยวเราใช้คู่กัน”

“พี่เต๋าครับ ... ไหนบอกมาซื้อของให้เพื่อนไง?”

“ก็ ...เอ่อ ... ก็เดี๋ยวไปซื้อกันเลยป่ะ เดินไปโซนนู้นเนอะ”

เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของไอ้ไซน์ ถูกปลุกด้วยความน่ารำคาญของพี่เต๋า  ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ไอ้ไซน์ต้องตื่นมาแต่งตัวด้วยความงัวเงีย นึกแล้วก็หงุดหงิด แทนที่จะได้นอนอยู่ในห้อง เปิดแอร์ห่มผ้าฟิน ๆ กลับต้องลากสังขารมาทำเรื่องไร้สาระที่ดันไปรับปากกับพี่เต๋ามันว่าจะมาด้วย

...แม่งเอ้ย  นอนไม่พอแล้วหงิดชิบหาย

วันนี้พี่เต๋า มารับไอ้ไซน์ที่คอนโดตอนสองโมงเช้า พาไปกินข้าวเช้ารับอรุณที่แมคโดนัล ต่อด้วยเดินย่อยที่สวนสารธารณะ ที่พี่มันก็อุตสาห์ขับรถออกมาตั้งไกล แล้วถึงได้ฤกษ์ที่พี่เต๋านึกออกว่าจะต้องซื้อของให้เพื่อน ก็วนรถกลับเข้ามาในตัวเมือง มาเดินที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงอีก

พี่เต๋าเดินเข้าร้านนั้น เดินออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แต่แทนที่จะเลือกของให้เพื่อนอย่างที่บอกวันก่อน กลับบอกแต่ว่า อันนั้นน่ารัก เหมาะกับน้องไซน์ อย่างนี้  ตั้งแต่เดินเข้าห้างมานี่มีแต่เลือกของให้ไอ้ไซน์ทั้งนั้น มันหละรำ จะเทพี่มันก็กลัวว่าจะไปดรามาใส่กันที่คณะอีก อีกอย่างมาเดินเป็นเพื่อนพี่มันก็ถือเป็นสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆที่พี่เต๋าเอาขนมมาเซ่นมันทุกวันอีก

“น้องไซน์ เสื้อตัวนี้เป็นไงครับ?”  พี่เต๋าหยิบเสื้อออกมาจากราวแขวนแล้วโชว์ให้ไอ้ไซน์ดู

“เท่ห์ดีครับ เป็นแนวกราฟฟิก สวยดี” ไอ้ไซน์บอกแล้วเดินไปเลือกดูเสื้อแนวเดียวกันอีกด้านข้าง

“เอาสีอะไรดีอ่ะ มีสีดำ ขาว สีครีม น้ำเงิน น้ำตาล เลือดหมู แล้วก็สีเขียว”

“เพื่อนพี่ชอบสีอะไรอ่ะ”

“เออ ไม่รู้สิ งั้นน้องไซน์ชอบสีไหนก็เลือกสีนั้นเลย คงสไตล์เดียวกันนั่นแหละ” พอพี่เต๋าพูดจบ ไอ้ไซน์ก็หันมามอง ทำหน้าราวกับว่าแน่ใจนะว่าจะให้มันเลือก  พอพี่เต๋าพยักหน้ายิ้มโชว์ฟันสวย ไอ้ไซน์ก็มองเสื้อ สีหน้าครุ่นคิดจริงจังนั้นทำเอาพี่เต๋าที่มองอยู่ยิ้มอย่างเอ็นดู

...อ่า พี่เต๋าตกหลุมรักน้องไซน์ทุกวันเลย ตกหลุมรักน้องไซน์คนเดียว ซ้ำๆในทุกครั้งอีกแล้ว

“ไซน์ชอบสีน้ำเงิน” บอกแล้วยื่นเสื้อสีน้ำเงินที่ตัวเองเลือกไปให้ พี่เต๋ารับมาแล้วก็เอื้อมไปหยิบเสื้อแบบเดียวกัน มาอีกตัว จากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์  เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังดูเสื้ออยู่พี่เต๋าก็ถือวิสาสะจับข้อมือไอ้ไซน์พาเดินออกมาจากร้าน  ไอ้ไซน์ได้แต่ทำหน้าหมางงเดินตามออกมา

“จะเที่ยงแล้ว หิวมั้ย?”

“ยังครับ” บอกพลางพยายามขืนข้อมือตัวเองออกมาแบบไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป

“งั้นเราไปไหนต่อกันดี”

RRR

ไอ้ไซน์อยากจะขอบคุณคนที่โทรมาได้ถูกจังหวะพอดี  พี่เต๋ายอมปล่อยข้อมืออย่างเสียดาย

“ฮัลโหลว่าไงแทน”

‘ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ไปเดทสนุกมากมั้ง?’

“ไม่ใช่นะ! ไม่ได้เล่นโทรศัพท์ แล้วโทรมามีอะไร” ไอ้ไซน์ขึ้นเสียงใส่คนปลายสายที่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ดังออกมา

‘ฝากซื้อของเข้าบ้านด้วย กลัวกลับก่อนเลยโทรมาบอก’

“ซื้ออะไรหละ”

‘ส่งไปให้ดูในไลน์แล้ว ฝากหน่อยนะ’

“เออๆ งั้นแค่นี้ก่อน” ไอ้ไซน์พูดกับคนในสาย สายตาก็หันไปมองพี่เต๋าที่ตอนนี้เดินนำหน้าไปโซนตุ๊กตาแล้ว

‘นี่กูโทรมาขัดจังหวะพวกมึงหรอ’

“ถ้าจะโทรมาล้อก็วางไปเลยไป”

‘ฮ่าๆ ไม่ล้อๆ วางแล้วนะ อย่าลืมซื้อของด้วย’ พูดจบก็ตัดสาย แล้วเดินตามพี่เต๋าไปทันที
ในร้านมีตุ๊กตาหลายชนิด หลายขนาด ตั้งแต่ตัวเล็กเท่านิ้วก้อยไปจนถึงตัวใหญ่เท่าสองคนโอบ (เว่อร์ไปมั้ง) พี่เต๋าเลือกดูตุ๊กตาหมาสีขาวที่ตาโตๆ เอียงคอไปทางซ้ายหน่อยๆ ทำหน้าสงสัยเหมือนไอ้คนที่ยืนข้างไม่มีผิด  หยิบตุ๊กตาหมาขึ้นมาแล้วเทียบกับคนที่อยู่ด้านข้างแล้วก็หัวเราะออกมา

“หน้าเหมือนน้องไซน์เลย ดูดิ” 

“พี่ต๋าวววววว” ไอ้ไซน์เรียกชื่ออีกคนลากเสียงยานบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ แต่พี่เต๋ากลับยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก เสียงที่อีกคนเรียกยานๆนั่นมันน่ารักน้อยที่ไหนหละ  ไหนจะหน้าหมาๆของคนเรียกอีก นี่เค้าเอาไอ้ไซน์มาทำแบบตุ๊กตารึไงนะ

“ไม่ล้อแล้วๆ พี่ซื้อตัวนี้ให้เอาป่ะ” ชูตุ๊กตาหมางงขึ้นพร้อมถาม

“ไซน์จะเอาตัวเองไปทำไมหละ?” ถามประชดกลับคนเป็นพี่ แล้วทำหน้างอนใส่

...โอ้ย พี่เต๋าเป็นโรคหัวใจครับ รู้สึกหัวใจมันจะพองโตเกินขนาดมากไปแล้ว ถ้าน้องไซน์ทำหน้าอย่างนี้จะงอนร้อยรอบ พี่เต๋าก็ยินดีที่จะง้อร้อยรอบครับ พูดเลยยยย

“ฮ่าๆ นั่นสินะ เดี๋ยวแฝดที่บ้านตกใจแย่ว่าทำไมมีน้องไซน์สองคน”  พี่เต๋ายังไม่เลิกล้อ จนไอ้ไซน์เดินมาหยิบตุ๊กตาหมางงจากมืออีกคนไปจ่ายตัง พี่เต๋ายืนเอ๋อพักใหญ่ ทำหน้างงคล้ายตุ๊กตาหมา ก่อนจะอ๋อ เมื่อน้องไซน์ถือถุงแล้วยื่นมาให้เขา

“เอาไปเลย”

“...”

“ก็ ก็...เป็นค่าขอบคุณที่พี่เต๋าเอาขนมอร่อยๆมาให้ทุกวันไง”

“...”

“พี่เต๋า เป็นอะไรเล่า เงียบทำไม”

“คือพี่ น้องไซน์ คือ พี่ พี่ น้องไซน์ แบบ”

“ไม่ชอบหรอ งั้นไซน์เอาเอง”

“ไม่ๆๆๆ พี่ชอบ ชอบมากเลยครับ ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย เอ้อ นั่นแหละ ขอบคุณนะครับ” พี่เต๋ารีบละล่ำละลักบอก มือก็ดึงถุงตุ๊กตาเอามาถือไว้เอง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างห้ามไม่อยู่ เดินตามคนตัวเล็กที่กำลังยุ่งกับโทรศัพท์ตัวเองอยู่

...แค่นี้พี่เต๋าก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้วครับ พี่เต๋าตายตาหลับแล้วครับ แม่ครับ แม่ต้องมาขอน้องไซน์ให้ได้นะครับ คนนี้แหละครับลูกสะใภ้ของแม่

“งั้น...กลับกันเลยนะ” ไอ้ไซน์หันมาบอกพี่เต๋าที่ดูอารมณ์ดีอย่างมาก จนเหมือนคนเมากัญชามา

“ดะ ได้ครับ กลับก็ได้”

.

.

.

“พี่เต๋า ไปส่งไซน์ที่ซุปเปอร์ใกล้ๆนี่ก่อนนะ ไซน์จะซื้อของ” ไอ้ไซน์บอก ดึงเบลท์มาคาดไว้ ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัว

“ครับ เดี๋ยวเราแวะกินข้าวด้วยเลยเนอะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไซน์ซื้อของนาน เดี๋ยวไซน์กลับเอง”

“เฮ้ย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คอนโด”  พี่เต๋ายังคงบอกเสียงเข้ม

“ไซน์รบกวนพี่เต๋ามาทั้งเช้าแล้วอ่ะ เดี๋ยวไซน์กลับเอง ...นะครับ” ไอ้ไซน์บอกเสียงออดอ้อน กระพริบตาปริบๆใส่ ให้คนขับรถด้านข้าง  พี่เต๋านี่แทบหยุดหายใจ  รีบละสายตาจากไอ้ไซน์ออกไปมองถนนข้างหน้า กระแอมเรียกสติตัวเอง

“งั้น เอาอย่างนั้นก็ได้”  สิ้นเสียงพี่เต๋า ไอ้ไซนืได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ  ลูกอ้อนของมันยังใช้ได้ผล ไม่ว่าจะใช้กับคุณแม่ กับไอ้พวกแฝด หรือกับพี่เต๋า  ทุกคนต่างก็ต้องสยบอยู่ภายใต้อำนาจลูกอ้อนของมัน อิอิ

.

.

.

 “ถ้าถึงบ้านแล้วน้องไซน์ก็ส่งข้อความหรือโทรมาบอกพี่นะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”  พี่เต๋าบอกขณะที่ไอ้ไซน์ปลดเบลท์ออกจากตัว เตรียมจะลงจากรถไปยังซุปเปอร์เพื่อซื้อของที่ไอ้พี่แฝดโทรมาย้ำอีกรอบในรถ เพราะกลัวมันจะลืม

“ครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ไซน์ยิ้มบอกคนขับรถ ก่อนจะเปิดประตู

“เดี๋ยว น้องไซน์!”

“?”

“พี่ซื้อให้”  ยื่นถุงเสื้อลายกราฟฟิก ที่ช่วยกันเลือกให้กับไซน์ พร้อมกับเกาท้ายทอยตัวเอง

“พี่เต๋า พี่เต๋าซื้อให้เพื่อนไม่ใช่หรอ? ให้ไซน์ทำไม” 

“ที่จริง...พี่ พี่อยากซื้อให้น้องไซน์ต่างหาก รับไว้นะ เอาไว้ใส่คู่กัน” พูดเองก็เขินเอง ต่างจากไอ้ไซน์ที่ทำหน้าหมางงสุดชีวิต นึกเกลียดในความหัวช้าของตัวเอง ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแต่ก็รับถุงเสื้อที่พี่เต๋ายื่นมาให้แบบงงๆ

“...เอ่อ งั้นไซน์ไปนะ ขอบคุณนะครับ”  ค้อมหัวลงแล้วก็เดินเข้าซุปเปอร์ไปพร้อมกับความคิดในหัว

...เอ้า ตกลงนี่พี่เต๋าหลอกกูมาซื้อของให้ตัวเองหรอ เอ๊ะ นี่กูมาทำอะไร ทำไมกูต้องตื่นเช้าเพื่อทำการอันไร้สาระนี่ เอ๊ะ สรุปแล้วพี่เต๋านี่ได้ซื้อของให้เพื่อนรึเปล่า เอ๋า ทำไมกูงงจัง

ไอ้ไซน์หยุดคิดเรื่องพี่เต๋า แล้วเดินไปเอารถเข็นมาใส่ของ พลางหยิบโทรศัพท์ออกมาดูรายการที่ไอ้แฝดส่งมาให้

...อืม สั่งเยอะขนาดนี้ไม่คิดหรอว่ากูจะหอบกลับยังไง

RRR

ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์จะด่าพวกพี่แฝดของมันในใจจบ โทรศัพท์มือถือก็สั่น หน้าจอโชว์หราว่าเป็นเบอร์ไอ้แฝดคนกลางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ...ตายยากกันจริง

“ว่าไงคอส”

‘อยู่ไหนหนะ?’

“ซุปเปอร์ มาซื้อของเข้าบ้าน ฝากบอกไอ้แทนด้วยถ้าว่างก็ทำตัวเป็นพี่แฝดที่ดีมารับกูด้วย ห่า สั่งซื้อของเยอะขนาดนี้ กะจะไม่ออกมาเจอโลกภายนอกบ้างรึไง” บ่นกะปอดกะแปดให้คนปลายสายฟัง

‘เอ้า แล้วนี่กูผิดอัลไลลลลล’

“ไม่รู้แหละ แทนกับคอสอยู่ด้วยกันก็โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด มารับกูเลย” หลังไอ้ไซน์พูดจบก็ไอ้ยินเสียงปลายสายไปบ่นกับแฝดคนโต บอกว่า มึงไปแกล้งอะไรมันอีก

‘ไว้กลับมาค่อยด่าไอ้แทนมันเองละกัน เอ้อไซน์ นี่มึงนัดไอ้ไจ๋ไว้หรอ?’

“นัดอะไรอีก” พูดออกไปก็ทำหน้างง วันเสาร์นี่นัดกับพี่เต๋าคนเดียวนะว่าจะออกมาซื้อของเป็นเพื่อน แต่น้องไจ๋นี่มายังไงวะ

‘เอ้า น้องมันโทรมาหากู บอกว่ามึงนัดไว้จะคุยเรื่องเรียนพิเศษ แล้วมึงก็เสือกไม่ทิ้งเบอร์ไว้ แชทไปมึงก็ไม่ตอบ มันก็เลยโทรหากูเนี่ย’

“คิดไม่ออกอ่ะ ไปนัดน้องมันตอนไหนวะ งั้นคอสก็บอกให้น้องมันมาหากูที่ซุปเปอร์เลยก็ได้ เผื่อกูนึกออกว่านัดอะไรมันไว้”  ตอบส่งๆไป ได้ยินเสียงปลายสายถอนหายใจใส่ ก็เบะปากใส่โทรศัพท์

‘มึงมันเป็นหมาสมองปลาทอง’

“วางไปเลย ไม่พูดด้วยละ รำคาญ”

‘เออ กูก็รำคาญมึงเหมือนกันเนี่ย’

“มึงมันแย่” ว่าให้คนปลายสายเสร็จก็รีบตัดสายโทรศัพท์  เป็นแบบนี้ประจำสำหรับพวกแฝด ไม่ใช่ว่าด่ากัน โกรธกันจริงจังหรอก ขอแค่ให้ได้กัดกันนิดๆหน่อยๆก็เอา พวกมันไม่ใช่ประเภทที่ต้องพูดหวานๆใส่กัน ลงท้ายด้วยรักนะครับ จุ๊บๆ อะไรเทือกนั้น  พวกแฝดเน้น การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ...เบยยยย
ไอ้ไซน์มองรายการของแล้วเข็นรถเข็นไปตามโซนต่างๆที่ไอ้แฝดคนโตสั่งมา  มีตั้งแต่อาหารแห้ง อาหารสด ของกินเล่น ของใช้ในบ้าน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไปจนกระทั่งสมุดจด กระดาษรายงานกระดาษเอสี่  ได้ของเกือบครบก็เข็นรถเข็นกลับไปโซนอาหารแช่แข็งอีกครั้ง  เลือกหยิบพวกไอศกรีมรสต่างๆมาหลายกล่อง เพราะพวกแฝดชอบกินตอนที่กลับมาจากมหาลัย  ร้อนๆ ก็มานั่งตากแอร์ เปิดหนังดูพร้อมกินไอศกรีมกัน... ชีวิตดี๊ดีย์

RRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับไอ้ไซน์ที่เริ่มรำคาญ วันนี้นี่ไอ้พวกพี่แฝดโทรมากวนมันทั้งวัน จนอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง  ตั้งแต่เช้าละที่ออกมาจากบ้านกับพี่เต๋า ไอ้แฝดคนโตนี่ก็โทรมาถามว่ากินข้าวเช้ารึยัง ดูตอแหลเป็นพิเศษ

“ครับ” พูดสุภาพ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก

‘พี่อยู่ไหน’ เสียงปลายสายถามมาห้วนๆ ไอ้ไซน์ละโทรศัพท์ออกจากหูมาดูหน้าจอก็งงหนัก ก็ไม่ขึ้นชื่อใครนี่

“ซื้อไอติมอยู่ นี่ใคร?” บอกคนปลายสายซื่อๆ

‘เคๆ เดี๋ยวเดินไปหานะ’ ว่าจบปลายสายก็ตัดไป ไอ้ไซน์ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันไม่รู้ แล้วก็เดินเลือกไอศกรีมรสโปรดต่อ สักพักหนุ่มน้อยรูปงามนามว่าน้องไจ๋ก็เดินมาสะกิดแขนจึ้กๆจากด้านหลัง พร้อมยิ้มแฉ่งโชว์ฟันสวย

“เห้ย มาได้ไง?”

“ก็พี่บอกว่าซื้อไอติมอยู่ ก็เดินมาหานี่ไง” ผิดมั้ยที่ไอ้ไซน์มองว่าน้องมันกำลังกวนตีนอยู่

“ไม่ๆ หมายถึง มึงมาที่นี่ได้ยังไง” ถามอีกคนแล้วก็เข็นรถเข็นไปยังแคชเชียร์

“พี่คอสบอก ว..”

“เอ้อ แล้วนี่กูไปนัดมึงตอนไหนอ่ะ กูลืม” ไม่ทันที่น้องไจ๋จะแถลงไขจบ ไอ้ไซน์ก็แทรกขึ้นมาถามก่อน  ใบหน้าซื่อๆที่ถามออกมาทำให้อีกฝ่ายรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วเปิดโปรแกรมแชทส่งให้อีกคนดู

...อ๋อออออออ จำได้ละ นัดน้องมันมาคุยเรื่องเรียนพิเศษเมื่อวันก่อนที่ไปกินปิ้งย่างกัน เออๆๆ กูจำได้ละ

“นึกออกยัง?” น้องไจ๋ตัวสูงโน้มหน้าลงมาถาม

“เออ จำได้ๆ โทษทีนะ ลืมเลยอ่ะ แล้วนี่เอาใบคะแนนมาป่ะ”  น้องไจ๋พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะรีบเปิดซิบกระเป๋า หยิบกระดาษยับๆ ออกมายื่นให้คนที่เข็นรถเข็นอยู่  ไอ้ไซน์รับกระดาษมาดู ปล่อยมือจากรถเข็น จนน้องไจ๋ต้องทำหน้าที่เป็นคนเข็นรถเข็นให้แทน

“คะแนนแย่มากป่ะ พี่อย่าเอาบอกใครนะ ผมอาย” บอกอีกคนที่กำลังวิเคราะห์คะแนนด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ ไอ้ไซน์วิเคราะห์มากไปไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าน้องไจ๋หยิบของจากรถเข็นวางไว้ที่แคชเชียร์ให้พนักงานคิดตังค์เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งหมด สองพันหนึ่งร้อยสี่สิบสามบาทค่ะ” เสียงพนักงานแคชเชียร์บอก ไอ้ไซน์จึงเงยหน้าขึ้นมามองเห็นว่าน้องไจ๋กำลังยื่นบัตรเครดิตตัวเองให้พนักงาน

“เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวจ่ายเอง” ไอ้ไซน์รีบบอก แย่งบัตรเครดิตจากพนักงานมาคืนให้น้องไจ๋  แล้วเอาบัตรเครดิตของตนยื่นให้แทน

“ก็เห็นทำหน้าเครียด เลยว่าจะจ่ายให้ก่อน”  คนเป็นน้องบอก

“ก็เรียกสิ เรื่องอะไรมาจ่ายแทน  เป็นคนดีหรอออ”  ทำหน้าตายียวนใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเซ็นต์ลายเซ็นในใบเสร็จ แล้วก็ยกถุงพะรุงพะรังไปไว้ในรถเข็นตามเดิม

“พี่มายังไงเนี่ย”

“พี่เต๋ามาส่ง”

“แนะ บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแต่ไปรับไปส่งกันเนอะ”  น้องไจ๋แซว ไอ้ไซน์ก็หันไปทำตาขวางใส่ทันที

“ไม่ใช่ อย่าล้อได้มั้ยหละ มันอึดอัด”

“ฮ่าๆ ไม่ล้อๆ แล้วจะกลับยังไง ให้พี่เต๋าไปส่งหรอ?”

“ไม่ๆ กลับแท็กซี่” บอกพลางเข็นรถเข็นลงบันไดเลื่อนโดยมีน้องไจ๋คอยช่วยดึงรถเข็นไว้อีกแรง

“เดี๋ยวไปส่งละกัน จะได้คุยเรื่องเรียนด้วย”

“ที่จริงไจ๋ไม่ต้องถ่อมาถึงนี่ก็ได้นะ นัดที่อื่นก็ได้” ไอ้ไซน์พูดขึ้น

“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ พอดีผมออกข้างนอกด้วยแหละ นึกขึ้นได้ว่าพี่นัด แต่พี่ไม่ตอบแชทผมสักที ก็เลยโทรหาพี่คอส เห็นว่าพี่อยู่ใกล้ๆเลยมาหาเลย” น้องไจ๋บอกยาว ไอ้ไซน์พยักหน้าอ๋อ  ลงจากบันไดเลื่อนก็ตรงไปยังเคาท์เตอร์ของเคเอฟซี สั่งแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้น เฟรนส์ฟราย แปปซี แล้วก็ สลัดทูน่าอีกสองถ้วย

“กินที่นี่ป่ะ?” หันมาถามคนเป็นน้อง

“แล้วของหละ เอาไว้หน้าร้านหรอ เดี๋ยวหายนะพี่ไซน์”

“เอาไงดีอ่ะ หิว” ไอ้ไซน์บอกทำหน้าน่าสงสาร จนคนเป็นน้องอดห่วงไม่ได้

...นี่ไปเดทกับพี่เต๋ามายังไงไม่พากันไปกินข้าวกินปลา จะบ่ายสองอยู่ละ เดี๋ยวก็ได้เป็นกระเพาะกันพอดี

“เอาขึ้นไปกินบนรถก็ได้”

“เดี๋ยวกลิ่นมันติดรถนะ” ไอ้ไซน์ทัก เพราะไอ้พี่แฝดของมันไม่ค่อยชอบให้เอาของขึ้นไปกินในรถ เลยถามคนเป็นน้องก่อน

“ไม่เห็นเป็นไร” พอคนเป็นน้องพูดจบ ไอ้ไซน์ก็พยักหน้ายิ้มแป้น บอกพนักงาน พร้อมจ่ายตังเสร็จสรรพก็พากันเข็นรถเข็นออกมายังลานจอดรถชั้นใต้ดิน ช่วยกันหิ้วถุงไปใส่ไว้ท้ายรถของน้องไจ๋จนหมดก็ขึ้นรถ ไอ้ไซน์รีบแกะห่อเบอร์เกอร์ของตัวเองเข้าปากอย่างกับคนอดอยากมาหลายเดือน

“กินมั้ย ซื้อมาสองอัน” หันมาถามคนขับรถทั้งๆที่ยังเคี้ยวไม่หมด

“พี่เต๋านี่ไม่พาพี่ไปกินข้าวรึไง จะบ่ายสองอยู่แล้วทำไมพึ่งมากิน” ขมวดคิ้ว ถามเสียงดุ หันมามองหน้ารุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็นึกหงุดหงิดให้พี่เต๋าอะไรนั่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะหงุดหงิดทำไม

“กลัวรบกวนพี่เต๋า” บอกเสียงอ่อนให้คนที่กำลังขับรถฟัง

“คาดเบลท์ด้วย” ไอ้ไซน์งงๆกับพฤติกรรมของน้องไจ๋ แต่ก็พยักหน้า แล้วคาบเบอร์เกอร์ไว้ในปาก ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงสายเบลท์มาคาดตัวเอง เสร็จแล้วก็แกะเบอร์เกอร์อีกห่อยื่นให้อีกคนด้านข้างที่ทำหน้าเครียด คิ้วจะผูกกันเป็นโบว์อยู่แล้ว

“อร่อย กินดู” เมื่อเห็นว่าน้องไจ๋ไม่รับห่อเบอร์เกอร์ ก็เอาไปจ่อปากทรงกระจับนั่น ถึงได้อ้าปากงับเคี้ยวตุ้ยๆเข้าไป  ไอ้ไซน์หันมาสนใจเบอร์เกอร์ของตัวเองต่อ แอบอมยิ้มให้กับรุ่นน้องของไอ้แฝดคนกลาง ที่ถึงคิ้วจะขมวดกันเป็นโบว์แต่ปากก็กลับเคี้ยวเบอร์เกอร์ที่ถูกป้อนโดยไอ้คนทรงหัวเห็ด มันดูน่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้สิ หน้าตาเครียดๆแบบนั้นแต่ก็กลับเคี้ยวอย่างอร่อย ดูสวนทางกันจัง

“ยิ้มอะไร” น้องไจ๋ถาม หน้าก็ยังมองถนน ตั้งใจขับรถอยู่

“เบอร์เกอร์อร่อย” บอกอีกคนแล้วหันไปยิ้มตาหยีให้ น้องไจ๋เหลือบมามองก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

...แค่กินเบอร์เกอร์แล้วบอกว่ามันอร่อยนี่จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้มั้ย  บ้าหวะ

.

.

.

 กลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่ว ภายในร้านเบเกอรี่แถวๆ มหาลัย  คนทรงหัวเห็ดจ้องเค้กที่อยู่ในตู้กระจกอย่างละสายตาไม่ได้ ขณะที่คนตัวสูงนามว่าน้องไจ๋กำลังยืนคุยกับเจ้าของร้านที่ชื่อว่าพี่ปิงปิงอยู่ ไอ้ไซน์ทำยึกๆยักๆ จะสั่งขนมที่อยู่ในตู้แช่แต่ก็ไม่สั่งซักที อยากกินอันนี้ แต่อันนั้นก็น่ากิน  อันนู้นก็น่าอร่อยไปหมด  ทั้งๆที่พึ่งจัดการกับอาหารฟาสต์ฟู๊ดไปหมดเมื่อกี้

“เอามูสเค้กสตอว์เบอรี่ดิพี่ อร่อย” เสียงทุ้มๆดังข้างหู ไอ้คนหัวเห็ดหันไปมองก็ถอนหายใจใส่

“กรีนทีชีสเค้กก็น่าอร่อยนะ บราวนี่ฟัดจ์ก็ด้วย ฮืออออ เอาหมดเลยได้มั้ย”  หันมาเบะใส่คนเป็นน้อง ก่อนจะจ้องเค้กในตู้กระจกต่อ

“พึ่งกินเบอร์เกอร์ไปเองไม่ใช่หรอ เดี๋ยวก็ท้องแตกกันพอดี”  ปรามอีกคนที่ทำหน้าเลือกไม่ได้

“งั้นน เอา มูสเค้กสตอ์เบอรี่ก็ได้ครับ ไจ๋เอาป่ะ” บอกพนักงานแล้วก็หันมาถามอีกคน

“ไม่อ่ะ ผมไม่ค่อยชอบหวาน แต่เอาโกโก้เย็นแก้วนึงนะครับ” บอกพี่พนักงานเสร็จก็เดินนำคนหัวเห็ดมานั่งที่โต๊ะติดกำแพง แอร์เย็นฉ่ำๆกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆทำให้ไอ้ไซน์รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่นาน พี่ผู้หญิงที่น้องไจ๋บอกว่าเป็นเจ้าของร้านก็เดินเอาเค้กกับโกโก้มาเสิร์ฟ

“น้องไซน์ พี่ฝากเจ้าไจ๋มันด้วยนะคะ เรื่องภาษานี่มันไม่รอดจริงๆ” 

“ครับพี่ปิง อย่าห่วงเลย” บอกแล้วก็ยิ้มให้พี่ปิงปิง 

ร้านเค้กของพี่ปิงปิงเป็นร้านเค้กชื่อดังในย่านมหาวิทยาลัย เพราะเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงดึก ในร้านมีมุมน่ารักๆเอาไว้ถ่ายรูป จึงได้ใจของนักศึกษาสาวๆไปเต็มๆ  พี่ปิงปิงเป็นพี่สาวของน้องไจ๋ (พี่แท้ๆด้วยนะ)  น้องไจ๋บอกว่าเวลาจะติวก็มาติวที่ร้านพี่ปิงปิงได้ ใกล้มหาลัย อีกอย่างกินฟรี อิอิ  สิทธิพิเศษของคนสอนเพราะพี่ปิงบอกว่า น้องไจ๋ของเธอนั้นหัวช้าซะยิ่งกว่าหอยทาก กลัวไอ้คนทรงหัวเห็ดจะถอดใจไม่สอนซะก่อนเลยต้องเอาของฟรีมาล่อ ไอ้ไซน์นี่ตาเป็นประกายวิบวับเลยครับ คนหัวทรงเห็ดตักเค้กเข้าปากไปก็พูดอร่อยไม่หยุด รสชาติหวานๆของมูสตัดกับรสเปรี้ยวของสตอร์เบอรี่ทำให้ไม่เลี่ยน กินจนจะหมดถ้วย ก็หยิบกระดาษคะแนนของน้องไจ๋ออกมาดูอีกครั้ง แล้วก็เอาปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะมาเขียนยึกๆยือๆ

“เป็นไงมั่งอ่ะพี่ มันแย่มากใช่มั้ย”

“ก็ดีแล้วที่มันไม่แย่ไปกว่านี้ อือ อาจจะต้องทวนพื้นฐานอีกรอบนิดหน่อย คะแนนไจ๋ก็พอถูๆไถๆไปรอดนะ ที่จริง ไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มก็ผ่านอ่ะ”  ไอ้คนทรงเห็ดเงยหน้าขึ้นมาบอก

“ได้ไง ผมไม่ได้อยากให้มันพอผ่านนะเว้ย ถ้างั้นผมจะประกาศหาคนติวให้ทำไม” คนเป็นน้องว่า

“จะโมโหทำไม ก็ลองบอกไว้เฉยๆ” ไอ้ไซน์บอกเสียงอ่อน หลุบตาลงมองกระดาษคะแนนในมืออีกครั้ง มันก็แค่ตกใจที่น้องดูโมโหทั้งๆที่เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ได้ไซน์พูดในเชิงชมว่าคะแนนก็ไม่ได้แย่ แต่สงสัยน้องไจ๋คงแปลความหมายผิดไป

“...”
“...”

“ขอโทษครับ”  คนเป็นน้องบอกขอโทษเสียงอ่อน ดูตกใจกับตัวเองเหมือนกันที่เผลอขึ้นเสียงใส่รุ่นพี่ตรงหน้า ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าบอกไม่เป็นไร

“งั้น เริ่มวันอังคารนี้เลยเนอะ” เงยหน้ามาพูดสบตากับอีกคน แต่ก็ต้องหลุบสายตาตัวเองก้มมองโต๊ะเมื่อเห็นว่าน้องไจ๋กำลังมองอยู่ก่อนแล้ว

“อืม” คนเป็นน้องรับคำเบาๆทั้งที่ยังมองหน้าเล็กๆของไอ้ไซน์ไม่เลิก

“งั้นกลับเถอะ เดี๋ยวไอติมละลาย”


“พี่แม่งต๊องหวะ” แล้วน้องไจ๋ก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ เพราะใบหน้าซื่อๆกับคำพูดที่เหมือนจะกวนตีน ของไอ้ไซน์  ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่าที่จะให้บรรยากาศมันกลับมาดี แต่นั่นแหละ บรรยากาศมันก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว

.

.

.

“ไหวแน่นะ”  น้องไจ๋ถามคนหัวเห็ดที่ถือถุงพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือเต็มไปหมด ไม่ยอมให้น้องไจ๋ถือขึ้นไปส่งที่คอนโดช่วย

“อื้อ กลับไปได้แล้ว ขับรถดีๆหละ”

“ไว้เจอกันนะพี่”

“บ๊ายบาย” ยกมือขึ้นโบกก่อนจะหอบหิ้วถุงสัมภาระขึ้นลิฟต์ไปยังห้องของตัวเอง พอถึงห้องก็ไม่วายโดนไอ้พวกพี่แฝดซักถามเกี่ยวกับเรื่องของพี่เต๋า ลามไปจนถึงเรื่องเรียนพิเศษของน้องไจ๋  ไอ้ไซน์ที่ตั้งใจว่าถ้ากลับมาจะมาเหวี่ยงใส่ไอ้พวกแฝดพี่ก็ลืมทันทีเพราะมัวแต่ยุ่งตอบคำถามไร้สาระกับพวกแฝด ลืมไปเลยว่าต้องโทรบอกพี่เต๋า ลืมๆๆๆ ลืมแม่งทุกอย่าง ไม่ลืมอยู่อย่างเดียวคือต้องเตรียมชีทเรียนพิเศษให้อีกคนที่ทำหน้าจริงจังตอนอยู่ในร้านพี่ปิงปิง สีหน้าที่บ่งบอกว่าจริงจังกับเรื่องเรียน จนเผลอขึ้นเสียงใส่ยังติดตาไอ้ไซน์อยู่จนมันไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากเข้ามานั่งในห้องอ่านหนังสือ ทวนความรู้ของตัวเองจะได้เอาไปถ่ายทอดให้อีกคนอย่างเต็มที่  มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าไอ้ไซน์เปลี่ยนหน้าเครียดๆของน้องไจ๋ เป็นหน้ายิ้มดีใจได้


...มันต้องรู้สึกดีมากแน่ๆ


รักพวกแฝดเยอะๆนะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (5)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 20-02-2016 17:42:11
น้องไซน์น่ารัก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (5)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-02-2016 19:49:02
ชอบแฝด...น่ารักมาก โดยเฉพาะตอนอยู่ด้วยกัน ตอนอยู่บ้านคุณแม่กับคุณพ่อคงปวดหัวน่าดู
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (5)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-02-2016 23:47:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (5)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-02-2016 13:55:48
น้องไจ๋เริ่มรูกสึกดีกับพี่ไซน์แล้วสินะครับ รีบๆ ลงมือจีบได้แล้ว เดี๋ยวพี่เต๋าก็งาบไปก่อนหรอก
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (6)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 21-02-2016 18:44:03
6
Too Close


สองอาทิตย์ต่อมา

เช้าวันเสาร์เวลาเก้าโมงเช้า สามฝาแฝดยังคงนอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา  ภายในห้องนอนที่เย็นฉ่ำ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานเบาๆ ไอ้ไซน์ตื่นนอนแล้ว แต่ยังไม่ลุก นอนคิดเรื่อยเปื่อยไปมาด้านข้างขนาบด้วยไอ้คอส แฝดคนกลาง และไอ้แทน แฝดคนโต ที่บางครั้งก็พลิกหันเอาขาหนักๆมาก่ายมันบ้าง ดึงมันไปกอดมันบ้าง แต่ไอ้ไซน์ก็ไม่ผละออก

...อุ่นดี

วันนี้สามแฝดต้องทำตัวให้ว่าง เพราะคุณแม่โทรศัพท์มาบอกไว้ตั้งแต่คืนก่อนแล้วว่าจะมาหา เพราะพวกสามแฝดยังไม่ว่างไปกลับบ้านสักที คุณแม่เลยต้องถ่อมาดูความเป็นอยู่ของลูกชายถึงที่ ไอ้ไซน์ที่ควรจะไปสอนพิเศษตอนสี่โมงก็ต้องเป็นอันยกเลิกกับน้องไจ๋ไป  ส่วนไอ้คอสที่บอกว่าต้องไปคุยโปรเจคก็ต้องเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้ และไอ้แทนบอกว่าจะเข้าไปอ่านหนังสือที่คณะก็ต้องเก็บพับโครงการไว้ก่อน พอคุณแม่จะมา อะไรๆก็จะเปลี่ยนแปลงไปหมด

“twinkle twinkle little star, how I wonder what you are.”  ไอ้คนหัวเห็ดร้องเพลงเมื่อสมัยเป็นเด็กออกมาเบาๆ ตาก็จ้องมองเพดานห้องที่มีดาวเรืองแสงสีเขียวแปะอยู่ดวงเดียว (จริงๆมีหลายดวงแต่ดวงอื่นกาวมันหมดอายุเลยร่วงตกหมดแล้ว) ฮึมฮัมเพลงต่อไปเรื่อยๆก็พลิกตัวเข้าหาแฝดคนโต นิ้วชี้เล็กๆจิ้มลงไปที่จมูก เกาเบาๆ ให้จั้กจี้ พอไม่มีทีท่าว่าแฝดคนโตจะตื่นก็หันพลิกตัวไปแกล้งแฝดคนกลางอย่างไอ้คอสบ้าง ใช้นิ้วชี้อีกข้างวาดลงไปบนแผ่นหลังไอ้คอสที่นอนหันหลังให้จนเจ้าตัวรำคาญ พลิกตัวหันหน้าเข้าหาไอ้คนหัวเห็ดแล้วล็อกคออีกคนให้มาซุกใต้รักแร้ทั้งๆที่ยังหลับตา  ไอ้ไซน์ดิ้นยุกยิกพร้อมทั้งหัวเราะคิกคักก่อนไอ้แฝดคนกลางจะปล่อย

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำดิ มาแกล้งคนอื่นอยู่ได้” ไอ้คอสพึมพำบอก

“ฮื่อ หนาว” ว่าแล้วก็มุดหน้าลงไปใต้ผ้าห่ม เขยิบไปซุกไอ้พี่แฝดคนโตมั่ง

“พอแม่จะมานี่ดี๊ด๊าเชียว” ไอ้แทนว่าเข้าก่อนจะจับหัวทุยที่มุดอยู่ใต้ผ้าห่มโยกไปมา

“อื้อ ใครทำอะไรไว้จะฟ้องให้หมดเลย” ไอ้ไซน์โผล่หน้าออกจากผ้าห่มมาพูดเสียงแป้นแล้น พวกพี่แฝดอดหมั่นไส้ไม่ได้ บีบจมูกปิดปาก แกล้งไอ้ไซน์จนไอค่อกแค่ก หน้าดำหน้าแดงไปหมด

“กูก็จะฟ้องเหมือนกัน”  ไอ้คอสบอก

“เค้าไม่มีอะไรให้ฟ้องหรอก เค้าเป็นเด็กดี”

“ดีที่หน้าอะดิ เดี๋ยวนี้ผู้ชายมารับมาส่งไม่เว้นแต่ละวันเลยนะน้องไซน์”  ล้อคนเป็นน้องไปอีก ก็จริงอย่างที่ไอ้พี่แฝดพูด เดี๋ยวนี้เวลาจะไปไหนต้องมีพี่เต๋าคอยไปส่ง จะปฏิเสธพี่แกก็ทำหน้าเบะใส่ เอาบุญคุณที่สั่งสมมาตั้งแต่ปีหนึ่งขึ้นมาอ้างจนไอ้ไซน์ ไปก็ได้วะ ด้วย พอละจากพี่เต๋าก็จะเป็นเด็กไจ๋ ที่ทำเป็นว่าเลิกดึกแล้วอ้างไปส่งเพราะทางเดียวกัน  อย่าคิดว่าไอ้ไซน์ไม่รู้นะ ว่าบ้านมันกับบ้านน้องไจ๋อยู่คนละฟากเลย แต่ไอ้เด็กไจ๋นี่หนักหน่อยตรงที่ปฏิเสธไม่ได้ แม่มเอาขนมที่ร้านมาล่อให้กลับด้วย ไอ้ไซน์ไม่ได้เห็นแก่กินนะ ก็แค่ดีซะอีกที่ไม่ต้องเปลืองเงินค่าแท็กซี่กลับเอง หรือเปลืองน้ำมันรถตัวเองที่ต้องให้ไอ้พี่แฝดมารับ

“พี่น้องท้างน้านนนน นี่จะยัดเยียดให้น้องไซน์เป็นเกย์หรอ” ทำเป็นพูดเพราะ ปะเหลาะปะแหละ น้องไซน์อย่างนั้นน้องไซน์อย่างนี้  ดูหน้ามันดิ เจ้าเลห์ยิ่งกว่าอะไร บอกเลยว่าคนอย่างไอ้ไซน์ถ้าไม่มีผลประโยชน์ด้วย ไม่ยอมให้ใครมารับมาส่งวันเว้นวันขนาดนี้หรอก ติดพี่ยิ่งกว่าอะไร  แสดงว่าเรื่องนี้ต้องมีเงี่ยน เอ๊ย เงื่อนงำแน่ๆ...

“แล้วมึงเป็นปะหละ กูพูดตรงๆเลยนะ หน้ามึงหนะ เหมาะจะเป็นเมียมากกว่าเอาเมียอีกไอ้ไซน์”

“พี่แทนนนน ฟังพี่คอสมันพูดดิ สมองมันอ่ะก็คิดแต่เรื่องอกุศล ไม่ฉลาดใช้สมองแบบพี่แทนเลยเนอะ”  หันไปปะเหลาะกับแฝดพี่คนโตมั่ง รายนี้ท่าจะชอบให้ไอ้ไซน์อ้อน เอาแต่นอนยิ้ม พริ้ม มีความสุขเชียว

“หึหึ มึงโดนแล้วไงไอ้คอส บอกเลยนะวันนี้กูเข้าข้างน้องไซน์ของกู”

“เออ เทกูเลย เทกูเลยยยย พวกมึงมันแย่” ว่าแล้วก็เอื้อมมือยาวๆของตัวเองไปผลักหน้าผากไอ้คนที่นอนหัวเราะอารมณ์ดีอยู่กับพี่มัน ก่อนจะลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำ ในขณะที่สองพี่น้องยังคงนอนคุยกันงุ้งงิ้งอยู่ อะไรมันจะขนาดนั้น พี่แทนว่าอย่างนั้น น้องไซน์ก็ว่าอย่างนี้

...เออ ในบ้านนี้คงมีแค่ไอ้คอสคนเดียวนั่นแหละที่แปลกพวก น่าหมั่นไส้ทั้งคู่ หนีออกจากบ้านแม่ง!

.

.

.

“น้องไซน์ ทำไมยังไม่อาบน้ำครับ พึ่งตื่นหรอ”  เสียงผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีเอ่ยทักเจ้าแฝดคนเล็กที่วิ่งปรี่เข้ามาหอมแก้มคนเป็นแม่ ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา

“วันนี้เป็นหนาวๆ สงสัยจะไม่สบาย อยากกอดแม่ทั้งวันเลย” ยิ้มออดอ้อน จนคนเป็นแม่อดเอ็นดูไม่ได้ ในบรรดาลูกชายทั้งสามคนเนี่ย ยอมรับเลยว่าคุณแม่จะค่อนข้างตามใจไอ้ไซน์สุดๆเพราะเป็นเด็กขี้อ้อน รู้ว่าควรทำอะไรให้ผู้ใหญ่รัก ผู้ใหญ่หลง ส่วนพวกพี่แฝดทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นหรอก ชอบพูดจากวนตีนไม่เว้นแม้กระทั่งแม่ตัวเอง จนคนเป็นแม่นี่อยากจะฟาดให้ลายเต็มหลังเลย

“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไปถือของช่วยพ่อเค้าเร็ว” คุณแม่ลูบหัวไอ้ไซน์แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางคุณพ่อที่กำลังเดินเข้าห้องพร้อมกับถุงใบใหญ่

“พ่อ กอดหน่อย” ไม่ได้สนใจที่คุณแม่สั่ง วิ่งโร่เข้าไปกอดคนเป็นพ่อพุงพลุ้ย จนคุณพ่อเซไปด้านหลัง

“สวัสดีสิไอ้เด็กนี่ ทักทายคนแก่แบบนี้ได้ไง”  ถึงจะว่าแต่ก็ยิ้มออกมา มองเจ้าแฝดคนเล็กของบ้าน

...เออตัดผมทรงกะลาครอบแล้วมันก็น่าหยิกไปอีกแบบนึงหวะ

  “รู้หน่าว่าชอบ ไม่ต้องมาดุกลบเกลื่อนเลยพ่อ ..คอส แทน มาช่วยพ่อถือของสิ ห่วงกินอยู่ได้” ยิ้มทะเล้นใส่คนเป็นพ่อแล้วก็หันไปตะโกนเรียกพี่แฝดที่นั่งค้นของกินในถุงอยู่บนโต๊ะอาหาร ขณะที่คุณแม่กำลังเก็บของเข้าตู้ให้
สมาชิกในบ้านอันประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ ไอ้สามแฝด แทน คอส ไซน์ กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว พูดคุยกันสัพเพเหระตามประสาพ่อแม่ลูก  แต่เสียงแจ้วๆมากกว่าใครเพื่อนก็คงเป็นเสียงจากไอ้ไซน์ที่ขยันเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้คนแก่สองคนฟัง  ไม่วายขุดเรื่องที่โดนทิ้งมาฟ้องคนเป็นพ่อกับแม่  เรื่องไหนที่พอจะทำให้ไอ้พวกพี่แฝดโดนด่านี่เล่าออกมาให้หมด

...จะได้รู้ว่าอย่ามารังแกคนอย่างไอ้ไซน์ แบล็คดีก็เงี้ยะ อุอิ

“เอ้อ น้องไซน์มีคนมาเรียนพิเศษเพิ่มด้วยแหละนะแม่ ชื่อน้องไจ๋ คุ้นๆเหมือนเคยเรียนพิเศษอยู่บ้านเราด้วย” นึกขึ้นได้ก็เล่า

“อ้อ ไจ๋ แล้วน้องไซน์สอนเยอะ เหนื่อยมั้ยหละ ถ้าเหนื่อยก็เลิกทำนะ พ่อกับแม่เป็นห่วง วันก่อนโทรไปก็บอกว่าเลิกดึก แม่หละกลัวว่าจะไม่มีคนไปรับ” คุณแม่บอก สายตาห่วงใยส่งผ่านมาให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไอ้ไซน์นี่นั่งน้ำตาคลอจะหยดแหมะลงมาอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่า

“โอ้ยแม่ เดี๋ยวนี้น้องไซน์มีสารถีขับรถมารับมาส่งทุกวันนั่นแหละ เนื้อหอมจะตาย” ไอ้คอสได้ทีพูดก็รีบแทรกเข้ามาทันที หันไปยักคิ้วจึ้กๆ ให้กับคนหัวเห็ดที่นั่งตาขวางมองอยู่

“หืม ? ใครหละ”  คุณพ่อเลิกคิ้วถาม

“เดี๋ยวก็พี่เต๋าเอย เดี๋ยวก็น้องไจ๋เอย ลืมคอสกับแทนที่นั่งรออยู่บ้านแล้วเนี่ย” เสี้ยมเข้าไป ใส่ไฟให้เผาจนไหม้ไปเลยยย

“น้องไซน์มีแฟนแล้วอ่ะดิ” คุณแม่หัวเราะ แกล้งแซวลูกชายตัวเองที่ทำหน้าหงิกหน้างอใส่ไอ้แฝดคนกลางอยู่

“น้องไซน์ยังไม่มีแฟน น้องไซน์ยังชอบเนยอยู่นะแม่” พูดเองก็เขินเอง คนเป็นพ่อได้แต่นั่งมองดูความแก่แดดแก่ลมของไอ้ไซน์ที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ไอ้แฝดคนเล็กนี่ก็เหมือนไม่โตขึ้นสักที

“วันหลังก็ชวนน้องเนยไปกินข้าวกับแม่บ้างสิ เห็นบอกว่าน่ารักนักหนา แม่ก็อยากเห็นหน้าแล้วเนี่ย”  พอคุณแม่พูดแบบนี้ไอ้ไซน์ยิ่งยิ้มแป้นเข้าไปใหญ่   มือไม้เกะกะ จนต้องยกขึ้นมาพัดหน้าตัวเอง

“ไปกันใหญ่แล้วแม่ ชวนไปกินข้าวอะไร เคยคุยกันถึงสามประโยคมั่งมั้ยเถอะ” เสียงทุ้มของเจ้าแฝดคนโตพูดขึ้นมาถูกใจทุกคน เสียงหัวเราะก็ดัง ผิดกับเจ้าตัวที่ยิ้มแป้นได้ไม่ทันไรก็หุบแทบจะไม่ทัน

...ไอ้พี่แทน ไหนบอกวันนี้มึงบอกจะเข้าข้างกูไง  ใจหมาาาาาาาาาาา

“ทำเป็นแซวน้อง ว่าแต่เราเถอะ ไปแอบชอบสาวที่ไหนฮึพี่แทน บอกแม่มาเลยนะ”

“สาวที่ไหนหละแม่ วันๆนั่งอ่านหนังสือกับดูแลพวกแฝดนี่ก็ไม่ได้มองใครแล้ว” พอเป็นเรื่องของตัวเองนี่แทบจะปัดทิ้งทันที

“หูย อย่าพูดดี ดูลงดูแลอะไร ถามหาทีไรหมกอยู่แต่คณะ เนอะไซน์เนอะ” ไอ้คอสรีบพูดแย้งหาแนวร่วม หันมาเนาะมาเนอะกับไอ้ไซน์

“ใช่ๆ ช่วงนี้ติดรถด้วยนะพ่อ ไม่รู้ว่าแอบไปรับสาวที่ไหนมานั่งเป็นตุ๊กตาน่ารักอยู่บนรถรึเปล่า” ได้ทีแก้แค้นก็รีบฟ้อง ณ ตอนนี้คำว่าพี่น้องอะไรไม่มีแล้วหละ ใครเผาได้ต้องเผา

“ดีกรีคุณหมอ ใครก็อยากได้ ไอ้พวกที่ไม่มีนี่มันอิจฉา พ่ออย่าไปฟังพวกมันมาก”  ได้พูดแล้วก็อวยตัวเองซะ คนเป็นพ่อได้แต่นั่งหัวเราะคำพูดเจ้าแฝดคนโต ตบโต๊ะบอกไอ้นี่มันเสน่ห์แรงเหมือนพ่อตอนเป็นหนุ่ม แล้วคนแก่สองคนก็นั่งลำลึกความหลังมาเล่าให้ลูกฟัง ช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเสียจริง อบอุ่นจนร้อน เพราะต่างคนต่างนั่งเผากัน

.

.

.

20.51 น.

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
หลังจากที่คุณแม่ไล่ไอ้ไซน์ไปอาบน้ำได้สำเร็จก็เตรียมตัวกลับบ้าน  ไอ้ไซน์งอแงบอกจะให้นอนค้างคืนนึง แต่คุณแม่บอกว่าพรุ่งนี้มีสอนพิเศษแต่เช้า  โครงการอ้อนก็ใช้ไม่ค่อยได้ผล ไอ้ไซน์จึงได้ยืดเวลาไว้ เอาแต่นอนหนุนตักซุกเอวคนเป็นแม่ ได้เวลาสมควรคุณพ่อ กับคุณแม่ก็ต้องลุกออกจากห้องของสามแฝดไป ทิ้งท้ายด้วยคำว่า รักกันนะ อย่าทะเลาะกัน พี่แทนดูน้องด้วยนะครับ แล้วก็จุ๊บแก้มลูกชายไปคนละที นั่นแหละ ไอ้ไซน์ก็นั่งเป็นหมาหงอยบนโซฟาทันที

“ทำหน้าเป็นหมาโดนทิ้งอยู่ได้ ลุกไปเอาไอติมออกมากินเร็ว” แฝดคนกลางนอนลงเบียดคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วออกคำสั่งให้ไอ้หมาหงอยไปหยิบไอติมมากิน

“ไซน์แปรงฟันแล้วไม่อยากกิน” บอกแล้วก็จ้องไปหน้าทีวี ทำเป็นสนใจหนังที่ฉายอยู่

“งั้นถ้ากูไปเอามาแล้วอย่ากินนะ”

“กินดิ” พูดจบก็โดนมือใหญ่ผลักหัวให้หงายหลัง ก่อนไอ้แฝดคนกลางจะลุกขึ้นไปหยิบกล่องไอศกรีมช็อกโกแลตมานั่งกินกับไอ้แฝดคนน้อง

 “ไซน์ โทรศัพท์” เสียงไอ้แฝดคนโตตะโกนบอกเสียงดังมาจากในห้องอ่านหนังสือ  ไอ้หมาไซน์คาบช้อนไอติมวิ่งดุ๊กดิ๊กไปตามเสียงเรียกเข้าของมือถือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือข้างแฝดพี่


‘Jai EN’

หน้าจอโทรศัพท์บอกชื่อของคนที่โทรเข้ามา 

“ว่าไง?”

‘พี่ไซน์ พรุ่งนี้เย็นๆไปดูละคณะวิศวะกัน’

“ห๊ะ ?” ไอ้ไซน์วางช้อนไอติมลงบนหนังสือสักเล่ม มือก็จับโทรศัพท์แนบหูอย่างตั้งใจฟังคนปลายสายอีกครั้ง

‘ไปดูละคร คณะผมไง ไปจิ๊กบัตรได้มาสองใบเนี่ย’

“ไปกับใครอะ”

‘ก็...เราสองคน’

“...” 

‘พี่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ผมลองถามดูเฉยๆ’

“เห้ย ไม่ใช่ไม่ว่าง...เอาดิ ไปก็ไป ละครแนวไหนหละ” ถามปลายสายแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ หยิบดินสอขึ้นมาหมุนเล่น

‘ญี่ปุ่น ซามูไร ทำนองนี้แหละ’ เสียงทุ้มๆของน้องไจ๋จากปลายสายดังขึ้นอย่างร่าเริง

“อาฮะ กี่โมง”

‘ประมาณสี่โมงเย็น เดี๋ยวผมไปรับด้วยเลย’ 

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวเจอกันที่คณะมึงเลยก็ได้ วันนี้ก็พึ่งโดนแซวมาว่ามีแต่ผู้ชายมารับมาส่ง กูนี่ดูเป็นคนใจแตกทันที”  บ่นให้คนปลายสายฟัง  แอบชำเลืองมองไปทางไอ้แฝดคนโต ก็เห็นว่าไอ้แทนกำลังแอบยิ้มอยู่

...อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะมึงแอบฟังกูอยู่  ทำเป็นอ่านหนังสือไปเถอะ

‘ฮ่าๆๆ เอางั้นก็ได้ วันนี้พี่ปิงบ่นหาพี่ตลอดเลย’ 

“บ่นว่าไงหละ”


‘คิดถึง’


“...”
‘...’ 

“อื้อ อยากกินเค้กเลยอะ ฮ่าๆ”  ไอ้ไซน์หัวเราะแห้งๆไปให้  รวนเปลี่ยนเรื่อง  มือข้างที่ถือดินสออยู่ก็ยกขึ้นมาเกาแก้ม ลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก  ก่อนที่จะพาตัวเองเดินมาห้องนอน ซุกตัวลงไปใต้ผ้าห่มผืนหนา

...บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว ทำไมต้องตื่นเต้นแค่น้องไจ๋พูดว่าคิดถึงด้วย

‘นอนแล้วหรอ’ 

“ยะ ยัง แล้วไจ๋หละ” 

‘ยัง รอพี่ตอบแชทอยู่ พี่ไม่ตอบสักทีก็เลยโทรมา’ น้ำเสียงน้อยใจนิดๆนั่น ทำไอ้ไซน์เผลอยิ้มออกมา ใครๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ ถ้าไม่ด่วนจริงๆก็อย่าหวังเลยว่าจะติดต่อมันได้

“โทษๆ กินไอติมกับไอ้คอสอยู่”

‘กินอะไรเอาป่านนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย’

“กูเป็นคนเหล็กไม่รู้รึไง ฮ่าๆๆ”


ไอ้ไซน์นอนคุยโทรศัพท์กับน้องไจ๋ตั้งแต่สี่ทุ่ม จนตอนนี้เที่ยงคืนจะครึ่งอยู่แล้ว  นึกแปลกใจที่มีเรื่องให้คุยกันได้ตลอด  แม้จะมีขัดๆกัน ด่ากันบ้างตามประสาที่คนเป็นน้องชอบกวนตีน แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากวางสายก่อน  เรื่องสัพเพเหระตั้งแต่สมัยมัธยมถูกขุดคุ้ยมาเล่าให้อีกคนฟังอย่างไม่รู้เบื่อ  จนกระทั่งไอ้ไซน์เริ่มสติหลุด ฟังเรื่องของน้องไจ๋ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้างนั่นแหละ น้องไจ๋ถึงไล่ให้คนเป็นพี่ไปกดวางสายไปนอนก่อน  ไอ้ไซน์บอกลาแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ทันทีที่วางสายก็จมดิ่งเข้าสู่นิทรา ริมฝีปากยกยิ้มทั้งๆที่ยังหลับอยู่ ...คืนนี้คงฝันดีแน่ๆ

.

.

.

เวลาบ่ายสามโมง  แสงแดดแรงกล้า ส่องลงมาจากฟากฟ้า ช่างสมกับเป็นวันอาทิตย์สีแดงจริงๆ  ไอ้ไซน์นั่งเหง็กอยู่ข้างผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่เหมือนหมี หน้าตาดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลานามว่าไอ้ยักษ์ ที่ห้องประชุมกลุ่มย่อยของคณะวิศวกรรมศาสตร์   ไอ้หมาไซน์ทำเป็นแอ๊บเนียนเล่นมือถือ ขณะที่สายตาก็แอบเหลือบมองไอ้ยักษ์ที่กำลังคลิ๊กเมาส์โน๊ตบุ๊คติ๊กๆ อยู่ด้านข้าง

...ไอ้คอส แม่มเทกูทิ้งไว้กลางทางอีกแล้ว

เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว พวกสามแฝดออกจากคอนโด เนื่องจากมีเหตุต่างกัน  ไอ้แทนไปสิงอยู่ห้องสมุดคณะแพทย์  ส่วนไอ้คอสมีคุยโปรเจคที่คณะและไอ้ไซน์ก็ติดสอยห้อยตามมาดูละครเวทีที่ได้นัดกับน้องไจ๋ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  พอมาถึงคณะวิศวะไอ้ไซน์ก็แชทไปถามน้องไจ๋ว่าอยู่ไหนทันที  น้องไจ๋ตอบเพียงแค่ว่า น้องไจ๋ช่วยเพื่อนจัดฉากอยู่ ยุ่งมากครับ เท่านั้นแหละ  ไอ้ไซน์ก็ได้มานั่งแหมะฟังพวกเด็กวิศวะคุยโปรเจคกัน  คุยกันไปสักพัก  พวกเด็กวิศวะก็บอกว่าจะไปทดสอบโปรแกรมที่อยู่อีกห้องนึง เหลือไว้แค่ไอ้ไซน์กับไอ้ยักษ์ที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ตอนนี้

‘คอส เมื่อไหร่จะกลับมา’

‘แปปนึง ทำงานอยู่’

โทรศัพท์ไอ้ไซน์สั่นครืดๆ โชว์แอพลิเคชั่นสีเขียวที่ขึ้นแจ้งเตือนข้อความจากแฝดคนกลาง

‘กูกลัวววววว T^T’ ส่งข้อความไปหาแฝดคนกลางอีกครั้ง พลางเหลือบมองหน้าไอ้ยักษ์ที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดกับเกมส์ที่มันกำลังเล่นอยู่

‘กลัวไร? ไอ้ยักษ์อ่อ มันใจดีจะตาย’  ข้อความที่ถูกส่งกลับมาทำเอาไอ้หมาไซน์แอบเบ้ปากใส่โทรศัพท์ 

...ดีที่หน้า?  มึงดูหน้าเพื่อนมึงมั่งมั้ย

‘รีบมา หิววววว’ พอส่งไปครั้งนี้ ก็ไม่ได้รับข้อความใดๆจากไอ้แฝดตอบกลับมาอีกเลย ไอ้ไซน์ถอนหายใจ เอนหลังไหลไปกับเก้าอี้ตัวใหญ่ มองดูเกมส์ที่ไอ้ยักษ์กำลังเล่น

...เดอะซิมส์ ..ไอ้ห่า เล่นเกมส์แม่งไม่เข้ากับหน้ามึงเล้ยยยย  ดูดิ เพิ่งเล่นภาคสองด้วย ไอ้ไซน์เนี่ยเล่นครบทุกภาคจนเลิกเล่นละ  ปัญญาอ่อนชิบหาย ไม่พอเสือกทำหน้าเครียดด้วย  นี่เดอะซิมส์กากๆเองนะเว้ยยยยย

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”  สงสัยไอ้หมามันจะคิดดังไป จนไอ้ยักษ์ได้ยินเลยหันหน้ามาถาม  เสียงทุ้มๆ ใหญ่ๆ เล่นเอาไอ้ไซน์สะดุ้ง

“แบบไหน?”

“เหมือนอยากเล่นด้วย  เล่นปะ เดี๋ยวสอน”

...หน้าเราบอกแบบนั้นหรอยักษ์หรออออ? กูกำลังนินทามึงในใจอยู่ มึงอย่าแปลผิด

“ไม่ๆๆ”  ละล่ำละลักบอกพร้อมส่ายหน้ารัวๆ ไอ้ยักษ์หันกลับไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ด้านข้าง ค้นๆ ข้างในแล้วก็หยิบซองๆนึงยื่นมาให้ไอ้ไซน์

“กินปะ เจลลี่แบร์ อร่อยนะ”

“เอ้อ ไม่เป็นไร พึ่งกินมา ขอบใจ”  บอกแล้วยิ้มโชว์ฟันสวย ไอ้ยักษ์พยักหน้าแล้วหันกลับไปสนใจเดอะซิมส์ของมันต่อ

...โถ่ ไอ้ยักษ์  นี่กูยังควรกลัวมึงอยู่มั้ยยยย?

.

.

.

สี่โมงโดยประมาณ ไอ้ไซน์ก็ออกมาจากห้องประชุมย่อยหลังจากที่น้องไจ๋ได้โทรตาม  ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ห้องโถง เป็นเก้าอี้สโลป คล้ายห้องเลคเชอร์ แต่กลับมีเวทีตรงกลาง และมีขนาดใหญ่  จุคนได้ประมาณสามร้อยกว่าคน

“ฉากสวยปะ นี่ผมทำเองกับมือเลยนะพี่ไซน์”  น้องไจ๋ชี้ให้ดูฉากหน้าเวที พร้อมอวดฝีมือตัวเอง

“อือ ไจ๋ทำฉากหรอ หน้าอย่างมึงนี่เหมาะจะเป็นพวกถูกใช้แรงงานมากกว่านะ” ไอ้ไซน์ว่า หัวเราะป้องปากเบาๆ ขณะที่คนนั่งข้างๆมันแอบเบะปากทำหน้างอนใส่  “แล้วนี่ไม่ไปช่วยเพื่อนหรอ?”

“ก็ช่วยตลอดนั่นแหละ แต่ส่วนของผมเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว” บอกแล้วก็อ้าปากหาวหวอดๆ เอนหลังลงกับพนักพิงของเบาะ

“เหนื่อยรึเปล่า ไอ้ยินไอ้คอสบอกว่ายุ่งทั้งวันเลย”

“อือ เหนื่อย แต่สนุก” คนถูกถามพยักหน้าขึ้นลง เมื่อยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีเสร็จ พลันไฟในห้องโถงก็ค่อยๆ ดับลงทีละดวงจนมืดตึ้ดตื๋อ เหลือเพียงไฟบนเวที  เสียงปรบมือต้อนรับดังขึ้นพร้อมกัน 
หนังยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง  ไอ้ไซน์ดูจดจ่อกับเนื้อเรื่องที่มีทั้งฉากต่อสู้ระหว่างมิตรภาพ และความรัก ขณะที่น้องไจ๋นั้นตาปรือ พร้อมจะหลับอยู่แล้ว

“ง่วงก็นอนเลย ถ้าจบแล้วเดี๋ยวปลุก” ไอ้ไซน์กระซิบบอกคนด้านข้างเบาๆ  เห็นหน้าแล้วนึกขำปนสงสาร  สังขารตัวเองแทบไม่ไหวก็ยังอุตส่าห์ถ่างตาดู  เก่งมากมั้ง

“งั้นอิงหน่อยนะ” น้องไจ๋บอกแล้วก็เอนหัวซบมาตรงไหล่คนเป็นพี่  ไอ้ไซน์นั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับ ความรู้สึกคงจักกะจี้มั้งที่ผมน้องไจ๋โดนคอมัน 

...แต่จักกะจี้ มันต้องหัวเราะไม่ใช่หรอ งั้นสงสัยที่หัวใจเต้นแรงมันคงเป็นอาการข้างเคียงมั้ง

 แต่คงไม่ใชไอ้ไซน์ที่จักกะจี้คนเดียวหรอก  ดูเหมือนน้องไจ๋ก็คงจักกะจี้เหมือนกัน  กลิ่นหอมๆที่ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นตัวหรือกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม  ทำเอาจากที่กำลังเคลิ้มหลับ กลายเป็นตาสว่างแทบจะทันที หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าพี่ไซน์จะได้ยินเสียง  ทั้งๆที่เหนื่อยแสนเหนื่อย  อยากจะหลับเต็มทน แต่พอได้นอนซบไหล่พี่ไซน์แบบนี้ก็รู้สึกผ่อนคลาย  แถมยังซุกเข้าไปใกล้ซอกคอคนเป็นพี่ ทำเนียนขยับตัวดิ้นยุกยิก ไม่ได้คิดถึงใจคนตัวเล็กที่นั่งนั่งเกร็งอยู่เลย


...หอมดี





ก็บอกแล้วว่าเป็นเรื่องที่เนิบนาบบบบบ
เราเดินเรื่องเอื่อยๆ เพราะอยากให้น้องรักกันอยู่ในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม
ไม่ชอบกันเร็วเกินไปด้วย 555 อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน
แต่ก็อยากฝากเจ้าแฝดและน้องไจ๋ด้วยนะคะ

ขอให้พรุ่งนี้ได้ใช้วันหยุดอย่างมีความสุข  เจอกันอาทิตย์หน้าน้าาาาาาา
ป.ล. มันจะย้ายหน้าให้เองใช่มั้ย หรือเราต้องย้ายเองอ่ะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (6)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-02-2016 19:03:24
ชอบเวลาที่สามแฝดอยู่ด้วยกันมากๆ
ดูเหมือนน้องไจ๋กับพี่ไซน์จะเริ่มมีใจให้กันแล้วนะ
พี่แฝดจะยอมมั้ยหนอ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (6)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-02-2016 19:14:56
จุดขายคือแฝดชัดๆ ฮา
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (6)
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 21-02-2016 22:16:34
น่ารักอ่ะ 3แฝด
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (6)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-02-2016 23:41:00
 :L2: :pig4:

ตอนที่คุณนักเขียนบอกว่าเนิบ ก็ไม่คิดอะไร แต่เจอ นาบบบบ (บ หลายตัวด้วย)ดันคิดดิ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (7)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 26-02-2016 19:39:25
7
Shake


“อันนี้เรียกว่า Negative question คือ การคาดหวังให้เห็นด้วย จะขึ้นต้นด้วยประโยคปฏิเสธ ง่ายๆเลย” เสียงใสๆของไอ้ไซน์ดังเจื้อยแจ้วภายในร้านเบเกอรี่ของพี่ปิงปิง ถิ่นประจำที่ติวเตอร์และนักเรียนวีไอพีมานั่งสอนพิเศษกันทุกวันที่มีเรียน  ช่วงค่ำวันอังคารนี้ร้านของพี่ปิงปิงมีคนน้อย เพราะเค้กหมดแล้ว (ไอ้ไซน์ไม่ได้แอบกินนะ) เหลือเพียงไอ้ไซน์กับน้องไจ๋และลูกค้าไม่กี่คนภายในร้านกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่

“...”

“แบบ เราไปเลือกเสื้อผ้ากัน แล้วพี่หยิบเสื้อมาตัวนึง แต่มึงบอกว่าไม่เหมาะกับพี่เลย พี่ก็จะถามมึงกลับด้วยเนกาทีพเควสชันว่า ที่จริงมันก็ดูดีนะ มึงไม่คิดแบบนี้หรอ It’s look so good, don’t you think? ประมาณนี้อ่ะ” อธิบายให้คนเป็นน้องฟังพร้อมยกตัวอย่าง  คำสรรพนามที่ใช้ในการเรียกชื่อน้องไจ๋ก็ยังเป็น มึง เหมือนเดิม  หากแต่แทนตัวเองว่า พี่ เพราะติดนิสัยแทนตัวเองเวลาสอนพิเศษให้กับน้องๆที่มาติวด้วย

“อ่อ อาฮะ” คนฟังอย่างน้องไจ๋พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ (ที่ไม่รู้เข้าใจจริงๆหรือแกล้งเข้าใจกันแน่)

“อือ แล้วไอ้ negative question เนี่ย มันใช้ได้หลายอย่าง จะถามความคิดเห็น ถามไอเดีย หรือเป็นคำถามที่ประหลาดใจก็ได้ แบบ อ้าวมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกหรอ อะไรประมาณนี้”

“ฮ่าๆๆ เออๆ เข้าใจๆ”  น้องไจ๋หัวเราะตาหยี หยิบชีทมาพร้อมกับหนังสือภาษาอังกฤษที่ใช้เรียนจริงๆ มาดูประกอบกัน

“อือ มันก็มีประมาณนี้ ง่ายๆ มึงลองอ่านเนื้อเรื่องกับตัวอย่างประโยคก่อนแล้วเดี๋ยวพี่อธิบายให้ฟังอีกที” พูดจบก็หยิบน้ำแดงมะนาวแก้วใหญ่ขึ้นมาดูดอึ้กๆ เพิ่มพลังเสียง ไม่ให้เสียงแหบ  มองดูคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม

...ช่างเป็นเด็กที่โง่ภาษาอังกฤษแต่เก่งสุดๆแล้วตั้งแต่เคยติวมา

น้องไจ๋เป็นเด็กหัวไว  ไม่ได้ติวแบบอธิบายให้ฟังทั้งหมด  แค่ทวนความรู้พื้นฐานให้ฟัง กับแนะนำนิดๆหน่อยๆ  ลองให้อ่านเอง แปลเอง ทำแบบฝึกหัดเองก็เข้าใจแล้ว ไอ้ไซน์นี่สบายยยยยเชียว

“พี่ไซน์”

“หืม ?”

“Don’t you think we should be a boyfriend too?”  (พี่ไม่คิดหรอว่าเราควรเป็นแฟนกัน?)

“...”

“...”

“...”

“ว่าไง ได้มั้ย?”

“อะ...อื้ม ดะ...ได้ดิ”

“ได้อะไร?”

“ก็...ก็ประโยคก็ถูกแล้วหนิ เข้าใจแล้วใช่ปะ งั้นผ่านเนอะ เดี๋ยววันเสาร์ค่อยมาทวนใหม่  เอ้อ นี่กี่ทุ่มแล้ว ... ทุ่มครึ่งแล้ว เดี๋ยวกู เอ้อ เดี๋ยวพี่ กู...กูโทรหาไอ้แทนให้มารับก่อนนะ”


“พี่จะเขินทำไมเนี่ย ผมก็พูดตามที่พี่สอนไง”


“กู กะ..กู ไม่ได้เขิน! ใครแม่งจะไปเขินเด็กกวนตีนแบบมึงลง” แก้ตัวแล้วก็ทำเป็นก้มหน้างุดๆ เล่นโทรศัพท์  ทั้งที่เมื่อครู่บอกว่าจะโทรหาแฝดคนโต

“เอ้าหรอ เห็นหูแดงๆ ก็นึกว่าเขิน  สงสัยกินน้ำแดงมะนาวแล้วน้ำแดงมันลามขึ้นหน้ามั้ง”

“บะ บ้าแล้ว มึงอ่ะ”


...ไจ๋ มึงแม่งเหี้ยยยยยย ฮือ  ไอ้แฝด ช่วยกูด้วย กูโดนเด็กมันล้อ


“พี่ไซน์ ติวเสร็จแล้วไปกินข้าวกัน”

“หืม? วันนี้จะกลับไปกินข้าวที่คอนโด พวกแฝดแชทมาบอกเมื่อกี้” โชว์หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองให้ดูยืนยันพร้อม กลัวว่าอีกคนจะไม่เชื่อ

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งนะ เอาเค้กกลับไปกินด้วย” น้องไจ๋บอก มือก็เก็บชีทซ้อนกันใส่ลงในกระเป๋า

“อื้อ” ยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยส่งไปให้  บอกแล้วว่าอย่าเอาเค้กมาล่อไอ้ไซน์  แล้วก็ไม่ได้เห็นแก่กินนะพูดเลยยย


.

.

.

 “น้องไจ๋มาส่งหรอ ?” ทันทีที่เข้ามาในห้อง แฝดคนกลางก็ทักขึ้นมา  ไอ้ไซน์พยักหน้าให้ก่อนจะเอากระเป๋าเข้าไปเก็บภายในห้อง แล้วออกมายังห้องครัว ชะโงกหน้ามองหาเจ้าแฝดคนโต เห็นกำลังมุดอยู่แถวๆตู้เย็นก็เดินเข้าไปหา

“ทำไรกินอะแทน”

“ว่าจะทำข้าวต้มกุ้ง เนอะ” ไอ้แทนหันมาถามความเห็นจากแฝดน้อง ไอ้ไซน์ก็พยักหน้าหงึกหงัก

“ฝากเอาเค้กแช่ตู้เย็นด้วยดิ พี่ปิงปิงเอามาให้”

“เอามาแล้วก็กินไม่หมด เสียดายของ แทนที่จะได้ขาย บอกพี่ปิงปิงด้วยนะว่าไม่ต้องให้แล้ว”  บ่นยืดยาวตามไสตล์พ่อหนุ่มสุขุม  บ่นไปงั้นแหละ เอามาทีไรก็มีแต่ไอ้แทนนั่นแหละนั่งกินเค้กอยู่คนเดียว

“ค้าบบบ” ลากเสียงยาวแล้วก็หันไปทางเตาแก๊สไฟฟ้า เอาหม้อขนาดกลางมาต้มน้ำซุป พอน้ำเดือดได้ที่ก็หันไปรับเอากุ้งที่แกะเปลือกสำเร็จรูปจากไอ้แทนมาใส่ลงในหม้อ เมื่อกุ้งออกสีส้มๆก็ใส่ข้าวสวยตามลงไป  สงสัยกลิ่นหอมของข้าวต้มกุ้งจะลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องชวนให้หิว ไอ้แฝดคนกลางจึงเดินมาชะโงกหน้าดู แย่งทัพพีจากไอ้ไซน์ไปตักน้ำมาชิมๆดู

“ใส่เกลือด้วยนะนิดนึง” บอกแล้วก็เดินหนีไปหาถ้วยมาให้เจ้าแฝดคนน้องรอตักข้าวต้ม ไอ้ไซน์หยิบขวดเกลือมาโรยๆลงในหม้อข้าวต้ม รอพอเดือดปุดๆหน่อยก็ตักข้าวต้มกุ้งน่ารับประทานใส่ลงในถ้วยสำหรับสามคน  มีต้นหอม ผักชีโรยหน้าก็เป็นอันเสร็จ

“อร่อยป่ะ ?” ไอ้ไซน์ถามพวกแฝด ที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา

“ไม่อ่ะ กูหิวเฉยๆ” เสียงพร้อมหน้ากวนตีนๆจากไอ้แฝดคนกลางบอก

“เอ้อออ วันหลังไม่ช่วยทำแล้ว”

“มึงก็ชอบไปแกล้งมัน มึงนี่ก็ขี้ประชดจัง คุยกันดีๆ ไม่เป็นรึไง” ประโยคแรกหันไปบอกไอ้คอส แล้วก็หันมาบอกไอ้ไซน์ ตามด้วยบ่นให้คนทั้งคู่

  “ดีๆ”

“สัส ดีที่หน้า”  ยกช้อนขึ้นจะโขกหัวไอ้ไซน์ที่เดี๋ยวนี้รู้สึกอัพเลเวลความกวนตีนมาสู้กับพี่แฝดมัน  เจ้าแฝดยังกินข้าวต้มกุ้งฝีมือไอ้ไซน์พร้อมคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ  เมื่อกินเสร็จแล้วก็ย้ายมวลสารของตัวเองมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเค้กที่ได้เป็นของสัมนาคุณจากพี่ปิงปิง

“พวกมึง  เสาร์หน้ากูต้องไปค่ายที่ต่างจังหวัด อยู่กันไปสองคนนะ”

“ค่ายไร ไปนานมั้ย” ไอ้คนทรงหัวเห็นหันหน้าไปถามแฝดคนโต

“อาทิตย์นึง ไปเสาร์กลับศุกร์ ไปช่วยน้องมันจัดค่าย อยู่กันเองได้นะ” กำชับอีกที เน้นหนักเสียงไปทางไอ้คอส

“กูก็มีค่ายเหมือนกัน...”  พวกแฝดมองหน้ากัน สายตาของพวกแฝดพี่จ้องมาทางไอ้ไซน์

“เห้ย...ไม่เป็นไร กูอยู่คนเดียวได้” รีบบอกพร้อมพยักหน้าหงึกหงักส่งไปให้พวกแฝดพี่

“คอสมึงไปกี่วัน”

“กูไปแค่สามวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์กลับ”
   
“พวกมึงมองกูเหมือนเด็กอะ กูปีสามแล้ว อยู่คนเดียวได้หน่า รถกูก็ขับเป็น ... ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร” สายตามั่นใจในตัวเองถูกส่งไปให้พวกพี่แฝด แต่สายตาห่วงใยจากพี่แฝดก็ถูกส่งกลับมาให้ไอ้ไซน์อย่างปิดไม่มิด

“เอาตรงๆนะ กูเป็นห่วงมึง กูไม่เคยไปค่ายนานขนาดนี้ แล้วคราวนี้ไอ้คอสแม่งก็ไปด้วย กูรู้สึกไม่ดีหวะ”  แฝดคนโตพูดจบ พวกแฝดก็เงียบ

“เดี๋ยวกูโทรบอกให้แม่มาอยู่ด้วย” คราวนี้ไอ้แฝดคนกลางพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจังบ้าง

“บ้าดิ แม่มีสอน ก็บอกแล้วไงว่าอยู่คนเดียวได้” ย้ำอีกที

“งั้นมึงก็กลับไปอยู่บ้าน ยังไงเสาร์ อาทิตย์มึงก็ไม่มีสอนอยู่แล้วหนิ”

“ไม่เอา กลับบ้านทีไรไม่ได้ทำงานทุกที”

“...”

“...”

“งั้นระหว่างที่พวกกูไปเดี๋ยวจะโทรมาหาบ่อยๆ มึงก็รับโทรศัพท์ด้วยละกัน”

“รู้แล้วววว อย่าห่วงนะ ไซน์ดูแลตัวเองได้”  ไอ้หมาบอกเสียงอ่อนเสียงหวานกับพวกแฝด พลางซบหน้าลงไหล่ไอ้คอสที ไอ้แทนที อย่าออดอ้อน

.

.

.



ตัดภาพมาที่วันศุกร์ตอนเย็นเลยละกัน

ตอนนี้พวกแฝดมาส่งไอ้แทนอยู่ที่คณะแพทย์ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกลากไปกองรวมๆกันไว้ที่ลานคณะ

“ไปละ ดูแลตัวเองดีๆนะไซน์ มีอะไรก็โทรหากูเลย” ไอ้แฝดคนโตกำชับ

“รู้แล้วๆ ไปนะ จะได้ไปส่งคอสอีกเนี่ย เดี๋ยวมันตกรถ” ไอ้ไซน์บอกก่อนจะเข้าไปกอดแฝดพี่เต็มแรง

“มึงเนี่ยน้าาาา”
 
“เดินทางปลอดภัย บ๊ายบาย”

“ไซน์ ถ้ามึงจะไปไหน กับใครก็โทรมาบอกกูก่อน” เน้นย้ำอีกที สายตาที่บ่งบอกว่าเป็นห่วงถูกส่งมาให้ไอ้คนหัวเห็ดที่ยืนยิ้มแป้นอยู่

“ครับบบบ”  ว่าแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถ ทิ้งให้ไอ้แฝดคนโตยืนมองละห้อยตามหลัง  ไอ้คอสขับรถออกจากคณะแพทย์ ประมาณห้านาทีก็ถึงคณะวิศวะ  สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตัวเองไว้ก่อนจะหันมาบอกแฝดน้อง

“ดูแลตัวเองดีๆ เดี๋ยวกูโทรหา”

“เออออ พูดมารอบที่ร้อยแล้วเนี่ย” ยิ้มขำๆให้ไอ้พี่แฝดที่ไม่รู้จะห่วงอะไรกันนักกันหนา  ไอ้ไซน์ก็เป็นผู้ชายนะเว้ย ดูแลตัวเองได้ ช่วยตัวเองได้ด้วย (หืม?)

“กูจะพูดจนกว่าจะกลับจากค่ายเลย”

“ไปๆ เดี๋ยวก็ตกรถหรอก” ไล่บอกไอ้คอส เปิดประตูรถ เปลี่ยนมาขับรถเอง
 
“ขับรถดีๆหละ” ยีหัวเห็ดๆส่งท้าย ก่อนไอ้แฝดคนกลางจะเดินเข้าไปในคณะ

ไอ้ไซน์เปิดเพลงบนรถ ร้องคลอไปด้วยอย่างอารมณ์ดี

...สามวันนี้ ต้องใช้ให้คุ้มมมมมมม

.

.

.

เสียงดนตรีสดจังหวะหนักๆ กับไฟสลัว ชวนให้คนที่มานั่งดื่มลุกขึ้นโยกไปตามจังหวะเพลง แต่หากไม่ใช่กับกลุ่มไอ้ไซน์ที่นั่งคุยกันอย่างได้อารมณ์  ช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆที่พี่รหัสนัดเลี้ยงกันวันนี้ สายรหัสตั้งแต่ทริ้ปเปิ้ลทวด จนถึงน้องปีหนึ่งมารวมตัวกัน เม้ามอยถึงสารทุกข์สุกดิบ และแน่นอนว่า ถ้านัดเลี้ยงรวมสายรหัสแล้วต้องมีสายโค...

“ไอ้ไซน์มันดี มีคนดูแลไม่ห่างเลยนั่น” คุยกันอยู่ดีๆก็วกมาเรื่องไอ้ไซน์ สายรหัสหน้าหมาๆที่มีพี่เต๋าคอยดูแล ถามนั่นถามนี่อยู่ตลอด

“โอ้ยยย มากับสายรหัสนะคะพวกแก จะดูแลแต่สายโคหรออออ” เสียงโห่แซวดังขึ้น ไอ้ไซน์ยิ้มเจื่อนๆไปให้ ผิดกับพี่เต๋าที่แม่มยิ้มแป้นหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแล้ว

“อยากมีสายโคอีกคู่มั้ยหละพี่”  พี่เต๋าว่าก่อนเสียงแซวจะดังขึ้นมาอีกรอบ

...พี่มันก็ไม่คิดจะปฏิเสธห่าอะไรเล้ยยยย

“อ้าว ฉลองล่วงหน้าไว้เลยเฮ้ย ยกๆๆๆ”

แก้วน้ำที่บรรจุแอลกอฮอล์อยู่ด้านในถูกยกเข้าปากบางๆหลายแก้ว จนไอ้ไซน์เริ่มไม่ไหว ได้ให้พี่เต๋าขับรถมันมาส่งถึงคอนโด ดีที่ยังจำรหัสห้องได้อยู่ ไม่งั้นได้ไปนอนแหมะที่เตียงคนพามาส่งแน่ๆ
ไอ้ไซน์หอบร่างตัวเองมาทิ้งไว้บนเตียงนุ่มๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆในกระเป๋าออกมาดู แล้วกดรับโทรศัพท์

“หืมมม ว่าไงแทนน”

‘โทรหาตั้งหลายสาย ทำไมไม่รับ’

“โทษน้า เลี้ยงสายรหัส ไม่ได้โทรไปบอกก่อน แล้วนี่ถึงแล้วหรอ” เสียงยานๆบอกผ่านปลายสาย

‘ยัง โทรมาหากลัวว่าจะไปเถลไถลที่ไหน นี่มึงเมาปะ’

“หื้ม กรึ่มๆ ง่วงมากกว่าเมาอีก” บอกแล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคักไปตาม ไอ้แทนนึกห่วงก็ห่วง จะขำก็ขำ

...นี่กูจะอยู่ค่ายรอดถึงอาทิตย์นึงมั้ยเนี่ย กลัวใจตัวเองจะได้โดดค่ายมาดูไอ้เด็กเวรนี่จัง

‘เออ นอนเถอะ ปิดประตูล็อคห้องดีๆ’

“ค้าบบบ”  วางสายจากไอ้แฝดคนโตยังไม่ทันไร ก็ได้กดรับโทรศัพท์จากไอ้แฝดคนกลางต่อ

‘มึงกลับยัง เห็นรูปในเฟสไปกินเหล้ามา ทำไมไม่บอก นี่ไอ้แทนก็โทรมาบ่นกับกูจนจะโดดค่ายกันแล้วเนี่ย’ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดทักทาย เสียงเหวี่ยงๆจากปลายสายก็ดังขึ้นมาก่อน

“กลับแล้วๆ พวกมึงนี่อะไร กูไปกับสายรหัส ไม่ได้ไปคนเดียว” จากที่ง่วงๆอยู่เริ่มจะตาสว่างขี้นมาเพราะความรำคาญไอ้พวกพี่แฝดเต็มที

‘แล้วเมามั้ย’

“ม้ายยยยย กรึ่มๆเอง”

‘ใครมาส่ง อย่าบอกนะว่ามึงขับรถกลับเอง’

“ป่าว พี่ต๋าวมาส่ง แทนกูง่วงงง”

‘แทนเหี้ยอะไร กูคอส ไอ้หมา มึงนี่ ไปนอนไป’ พูดจบก็ตัดสายฉึ้บทันที ไอ้ไซน์วางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียง ก่อนจะพลิกหาท่านอนสบายๆ

RRR   

...โอ้ยยยย กูง่วง โทรมาอะไรกันนักกันหนา

“เอ้อออ จะนอนแล้วววว” กดรับโทรศัพท์อย่างไม่ได้ดูหน้าจอ วางแนบไว้กับหู

‘อ้าว นอนแล้วหรอ โทษนะพี่ เห็นพี่คอสบอกว่าพี่อยู่คนเดียวเลยคอลมาคุยเป็นเพื่อน’

“หือ?” ยกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็โชว์หน้าอีกคนโบกไม้โบกมือ ยิ้มแป้นมาให้

‘มืดจัง เปิดไฟหน่อยดิ’ เสียงทะเล้นพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันสวยผ่านหน้าจอโทรศัพท์มาให้ไอ้คนที่นอนตาปรืออยู่บนเตียง มือก็เอื้อมไปหมุน ปรับแสงโคมไฟให้สว่างขึ้น

“ไจ๋ ?”

‘ครับ ตอนนี้อยู่บนรถใกล้ถึงประจวบแล้วพี่ พี่คอสพึ่งหลับไปเมื่อกี้นี่เอง บ่นทั้งวันว่าพี่ไม่รับโทรศัพท์ พี่แทนก็โทรมาทั้งวันเลยวันนี้’ น้องไจ๋ร่ายยาว รายงานสถานการณ์ตลอดทั้งวันให้ไอ้หมารับรู้ ขณะที่ไอ้คนฟังก็ขมวดคิ้วใส่ เออ ออไปตามแบบงงๆ

...เอ้อ แล้วมันมาบอกกูทำไมวะ ไอ้พวกพี่แฝดแม่งยังไม่บอกกูสักคำว่าพวกมันไปไหน สัสนี่ ทำกูงงจนหายง่วงเลย

“อะ อ๋อออ หรอ แล้วมึงไม่นอน ?” ปรับเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคง เอาหมอนวางไว้ด้านข้างแล้วก็เอาโทรศัพท์ไปอิงหมอนอีกที  ตั้งไว้ให้ภาพส่งไปให้คนปลายสายได้เห็น

‘ไม่ง่วง นึกออกพอดีว่าพี่คอสบอกว่าพี่อยู่คนเดียว เลยโทรมาคุยด้วยเฉยๆ’

“กลัวกูเหงารึไง หรือว่ามึงเป็นสายสอดแนม คอยรายงานความประพฤติกูให้พวกแฝดฟัง” ตีหน้ายุ่งใส่อีกคนที่เอาแต่กลั้นขำ

‘ฮ่าๆ โทรมาเฉยๆ ก็ไม่ได้...นี่พี่ยังไม่อาบน้ำหรอ?’

“อือ ห้าวววว พึ่งกลับจากเลี้ยงสายรหัสด้วย ขี้เกียจ” ว่าให้อีกคนฟัง มือก็ป้องปากหาวหวอดๆ น้องไจ๋ขมวดคิ้วใส่ไอ้คนที่ตาปรือนอนบนเตียงแล้วก็ถาม

‘แล้วพี่เต๋าอะไรเนี่ยเป็นสายรหัสด้วยหรอ ทำไมเห็นมีแท็กรูปในเฟสบุ๊คพี่ด้วย’ ไอ้ไซน์ได้ยินน้องไจ๋พูดแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

...วันๆนี่แม่งกะจะส่องแต่เฟสคนอื่นสินะ กูเป็นเจ้าของเฟสกูยังไม่รู้เลยว่าเขาลงรูป แทกรูปอะไรกันตอน ไหน พวกมึงนี่ว่างมากมั้ง?

“อือ สายโค พี่รหัสพี่เต๋าเป็นแฟนกับพี่รหัสกูอีกที” บ่นในใจไปอย่างงั้น แต่ปากก็บอกคนเป็นน้องไปเหมือนเดิม

‘พี่ไซน์...’ ปลายสายเรียกเมื่อเห็นว่าไอ้หมานิ่งเงียบไป

“อื้อ”

‘หลับแล้วหรอพี่ ดูตาดิจะปิดอยู่แล้ว’

“ก็มึงโทรมาตอนกูจะนอนนี่ไง” 

...มึงก็กล้าถามกูเนอะ

‘พี่ไซน์...’

“อืออออ”

‘พี่ไซน์ อย่าพึ่งหลับดิ’

“เอ้อ ฟังอยู่ เรียกอยู่นั่น กลัวลืมชื่อไง๊?” ปากบ่นขมุบขมิบ ขึ้นเสียงสูงใส่น้องไจ๋เป็นเชิงรำคาญ

‘พี่เต๋ากับพี่รู้จักกันมากี่ปีแล้ว’ ไอ้ไซน์เขม็งตาใส่อีกคนที่ทำหน้าเครียด

...มึงไม่มีคำถามที่ดีกว่านี้แล้วหรอ?

“สามปี มั้ง”

‘งั้น...ผมถามอะไรอย่างดิพี่’

“อือ ว่ามา”

‘ระหว่างคนคุ้นเคยที่ทำให้พี่หวั่นไหวกับ คนใหม่ที่ทำให้ทำพี่ใจเต้นแรง พี่จะเลือกใคร?’

“...”

‘...’

“ยากหวะ แล้วเวลาเราหวั่นไหวนี่หัวใจเราไม่เต้นแรงหรอวะ” ขมวดคิ้วเข้มๆ ใส่น้องไจ๋ที่กำลังลุ้นอยู่ถอนหายใจเฮือกออกมา

‘...’

“อือ งั้น...ละ”

‘เดี๋ยว! เดี๋ยวพี่ คิดดีๆนะ’ น้องไจ๋รีบร้องเตือน ยกไม่ยกมือห้ามไอ้ไซน์ที่กำลังจะตอบคำถาม

“อือ ดีแล้ว...” ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงัก

‘...’

“กูน่าจะเลือกคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงหวะ หวั่นไหวมันน่าจะเป็นแค่อาการลังเล เกิดขึ้นแปปๆ มันอาจจะแค่ชอบ แต่ไม่ได้ชอบมาก แต่ถ้ามากกว่านั้น กูคิดว่าคงมีแค่คนๆเดียวที่จะทำให้หัวใจเราเต้นแรงได้มั้ง ...ฮ่าๆ ไม่รู้สิ” บอกผ่านหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องไจ๋มันยิ้มจนแก้มปริส่งมาให้ แสงไฟสีส้มๆ จากถนนข้างทางส่องเข้ามาในรถตกกระทบที่หน้าน้องไจ๋ ยิ่งทำให้รอยยิ้มของน้องมันดูดีขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

‘งั้นพี่ก็เลือกคนใหม่อะดิ’

“...บางที คนเก่ากับคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอาจเป็นคนๆเดียวกันก็ได้เว้ยยยย”

‘อือ ก็อาจใช่...พี่ไซน์ พี่ง่วงรึยังอะ’ ไอ้ไซน์ค้อนตาขวางใส่อีกคนที่กล้าถามออกมาหน้าซื่อๆ

“กูง่วงตั้งแต่มึงโทรมาแล้วมั้ย ตากูจะปิดอยู่แล้วมึงก็ชวนคุยอยู่นั่นแหละ ห้าววววววว” บอกแล้วก็อ้าปากหาวออกมาอีกหวอดใหญ่จนน้ำตาเล็ด

‘งั้นพี่นอนเลยก็ได้ ผมไม่ชวนคุยละ’

“อื้ม งั้นกูวางละนะ”

‘เฮ้ย! มะ ไม่ต้องวางได้มั้ย’

“อะไรของมึงอีกเนี่ยยยย ถ้ากูไม่ได้นอนหรือนอนไม่พอกูจะหงุดหงิดใส่มึงจริงๆด้วย”

‘เอ้า พี่ก็นอนไปดิ แค่...แค่ไม่ต้องวางสาย’

“เรื่องมากนะมึง จะแอบมองตอนกูนอนน้ำลายยืดแล้วแบลกเมล์หรอ ฝันเถอะ” ว่าแล้วก็พลิกตัวหันหลังหนีให้โทรศัพท์ ปล่อยให้น้องไจ๋แอบอมยิ้มกับแผ่นหลังเล็กๆนั่นอยู่คนเดียว

....ตอนนี้ผมอาจแค่หวั่นไหว แต่ต่อไป ถ้าผมใจเต้นแรงกับพี่แล้ว พี่ก็เตรียมเอาหัวใจมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกับผมได้เลย


‘ฝันดีนะ พี่ไซน์’





น่อวววววววววววว
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (7)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 26-02-2016 22:08:18
ฝันดีนะเจ้าหมาไซน์
อยู่คนเดียวเจ้แอบเป็นห่วงด้วยคน
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (7)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 26-02-2016 23:53:31
ไซน์กินเด็กเถอะเชื่อพี่ :hao6:
#ทีมน้องไจ๋
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (8)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 27-02-2016 22:42:16
8
Happy Campus


เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใส๊ สดใสสสสสสสสสสสส
ไอ้หมาไซน์บิดขี้เกียจ พลิกไปพลิกมา นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง จะตื่นแล้วลุกขึ้นมาอาบน้ำก็ไม่  ขดตัวเองอยู่ใต้กองผ้าห่มหนาๆกับแอร์เย็นๆ โอ้ยยยย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกละ ฮาหะ อาหะ  มือเล็กๆเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงวางอิงหมอนอยู่สภาพเดิมขึ้นมาปลดล็อคหน้าจอ
 
...อ้าว แบตหมด

ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ไปชาร์ตที่โต๊ะด้านข้าง  ไอ้คนหัวเห็ดๆฟูชี้โด่เด่ยุ่งไปหมด เสื้อนักศึกษาก็ยับยู่ยี่ กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตามตัวเล็กน้อยจากงานเลี้ยงสายรหัสเมื่อคืน ฉีกยิ้มให้ตัวเองในกระจกหนึ่งที ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป  น่ารักมากมั้ง...
จัดการธุระส่วนตัว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็พาตัวเองเข้าห้องครัว หยิบไข่ดาวกับไส้กรอกออกมาจากตู้เย็นทอดกิน เป็นอาหารเช้าของวัน ถือจานไส้กรอกกับไข่ดาวไม่สุกออกมากินยังโซฟาหน้าทีวีที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเปิดการ์ตูนดิสนีย์คลับตอนเช้าดู
เจ้าหญิงโซเฟียตัวน้อยในชุดสีม่วงวิ่งเต้นงุ้งงิ้งๆอยู่ในสวน  กับพวกเพื่อนสัตว์ หากแต่ไอ้คนหัวเห็ดไม่ได้ใส่ใจ ไอ้ไซน์ละสายตาจากทีวีแล้วเดินหลับเข้าไปในห้องนอน ดึงปลั๊กหัวชาร์ตออก เปลี่ยนที่เสียบจากในห้องนอนเป็นห้องนั่งเล่นแทน เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา รอไม่นาน แสงไปสว่างจากหน้าจอก็ขึ้นมา พร้อมกับแจ้งเตือนจากไลน์เด้งมาจนกลัวว่าเครื่องจะค้าง ไอ้ไซน์เห็นแล้วก็เบื่อไม่เข้าไปเช็คอะไรทั้งนั้น ขี้เกียจตอบ  วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างๆตัวแล้วก็จัดการอาหารเช้าจนหมด เก็บจานไปไว้ในซิงค์  เดี๋ยวค่อยล้าง แล้วก็... ทำอะไรดี

...วันเสาร์ที่ไม่มีเสียงพวกพี่แฝด ทำไมมันเป็นเงียบๆเหงาๆพิกล

RRR

นั่นไง !

ไม่น่านึกถึงเลย  เหลือบมองโทรศัพท์แล้วเบะปากทำหน้าหมาๆใส่ก่อนจะกดรับ

“กู้ดมอร์นิ่ง น้องไซน์คนหล่อกำลังพูดฮะ”

‘ตื่นไวดีแท้ หื้ม’ เสียงยานๆบ่งบอกว่าตาของคนที่โทรมายังไม่ลืมแน่ๆผ่านปลายสายมา

“ตื่นเร็วทุกวันนนน เป็นไง ถึงยั้งง?” ขึ้นเสียงสูงถามอย่างอารมณ์ดี

‘อื้อ ถึงแล้ว ทะเลที่ตราดสวยมาก กูอยากพามึงมาด้วยเลยหวะ’

“จ้าๆ เป็นหมอที่ดีต้องมีเวลาว่างให้ครอบครัวนะรู้ยัง”

‘หึหึ กูไปนอนต่อแล้วนะ’

“กู๊ดบาย ซี ยู อะเกน ทูไนท์” วางสายจากเจ้าแฝดคนโตก็ ต่อสายหาเจ้าแฝดคนกลางบ้าง ต้องรายงานพฤติกรรมให้ผู้ปกครองได้รับรู้ก่อน 

‘อือ’ รอสายไม่นาน เสียงง่วงๆก็กดรับโทรศัพท์

“ตื่นแล้ว กินข้าวแล้ว เดี๋ยวไปซักผ้าต่อ แค่นี้นะ”  ร่ายกิจกรรมของตัวเองให้ปลายสายได้ยินที่ไม่รู้ยังฟังอยู่มั้ย

‘อือ’ โอเค รู้เหลื่องงง ไอ้ไซน์ชาร์ตโทรศัพท์ต่อไป ลุกขึ้นเข้าห้อง เก็บผ้าเตรียมซักอย่างที่บอกไอ้แฝดไปเมื่อครู่
 
...เงียบ  เงียบเกินไป จะมีตัวอะไรโผล่ออกมาจากจินตนาการกูมั้ยเนี่ย

เดินไปเร่งเสียงทีวีให้ดังขึ้นอีก  เจ้าหญิงน้อยในชุดสีม่วงเสียงแหลมๆนั่นดังจนน่ารำคาญ

...เอ้อ ปิดแม่ม

กดปิดทีวีเครื่องใหญ่แล้วก็ผ้าไปหย่อนใส่เครื่องซักผ้าอัตโนมัติที่ติดกับห้องครัว เทน้ำยาซักผ้าใส่ ตามด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วกดสตาร์ทเครื่องให้ทำงานอัตโนมัติ  มองดูนาฬิกา เจ็ดโมงกว่าแล้วก็เฟดตัวเองมาที่โต๊ะอ่านหนังสือ  หยิบวรรณกรรมภาษาอังกฤษเล่มโตติดมือออกมานั่งอ่านที่โซฟาด้านนอก

...มันเงียบจริงๆ นะ

“เฮ้อออ” ถอนหายใจเสียงดัง หยิบรีโมททีวีมากดเปิด คราวนี้ หน้าจอโทรทัศน์เปลี่ยนจากการ์ตูนเจ้าหญิงน้อยในชุดสีม่วงที่ฉายไปเมื่อครู่มาเป็นละครไทยในตำนาน  แนวจักรๆ วงศ์ๆ ที่ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่แทน  ลดเสียงลง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือวรรณกรรมเล่มโตต่อ

...ก็แค่ไม่ให้มันเงียบเท่านั้น

สองโมงเกือบสามโมงเช้า เสียงเครื่องซักผ้าอัตโนมัติก็ร้องดังติ๊ดๆ เตือนว่าทำงานเสร็จแล้ว  ไอ้ไซน์ลุกขึ้น หยิบตะกร้าใส่ผ้าไปตากที่ระเบียงด้านนอก เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดาและพวกชั้นในถูกตากทิ้งไว้ ไอ้ไซน์หันไปหยิบตะกร้าอีกใบที่แยกพวกชุดนักศึกษาและเสื้อช็อปออกไว้ คว้าคีย์การ์ดออกจากห้องลงไปยังร้านซักรีดชั้นล่างของคอนโด

“เอาผ้ามาซักหรอหนูไซน์ วางไว้เลยนะลูก” คุณป้าเจ้าของร้านร้องทักอย่างใจดีเมื่อเห็นไอ้ไซน์เดินมาหยุดพร้อมตะกร้าผ้า

“ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ ไซน์แวะมาเอานะครับ” ยิ้มบอก ก่อนจะวางตะกร้าทิ้งไว้ แล้วก็เดินตัวปลิวกลับมายังห้อง พอเข้ามาเสียงโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้ก็ดังแจ้งเตือนตุ้งติ้งๆ ไอ้ไซน์เดินไปนั่งโซฟาแล้วหยิบมาเปิดดู

Jaijira: ตื่นยัง?  09.03

Jaijira: ผมตื่นแล้ว โคตรหิว กับข้าวที่ค่ายน่ากินมาก 09.05 (พร้อมส่งรูปข้าวผัดปูที่มีเนื้อปูเน้นๆมาให้ดู)

Jaijira: พี่ซายยยยยยยยยยน์ จะไม่ตอบจริงดิ 09.09

Jaijira: พี่ไซน์... 09.09

เอิ่ม ก็นั่นแหละ ข้อความจากน้องไจ๋  ไอ้ไซน์ยิ้มเอ็นดูในความน่ารักของน้องมัน

...ผู้ชายห่าไร ตัวใหญ่ยังกะหมี ทำตัวแบ๊ว

SineZai: ว่า? 09.12

Jaijira: ตื่นยัง 09.13

SineZai: อื้อ ตื่นแล้ว 09.17

Jaijira: เมื่อคืนโทรศัพท์พี่แบตหมดใช่ป่ะ คอลอยู่ดีๆดับเฉย 09.17

SineZai: เอ้อ โทษๆ พึ่งชาร์ทเมื่อเช้านี่เอง 09.20

Jaijira: ไปทำกิจกรรมต่อละครับบบบ 09.21

ไอ้ไซน์ยิ้มอ่อนให้โทรศัพท์  ตลกดี เด็กอะไร คอยรายงานตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ ไม่ใช่ว่าน่ารำคาญ แต่...ไม่รู้สิ  พวกแฝดไม่ใช่สไตล์แบบนี้ จะไปไหนก็บอกก่อนก็จริง แต่ไม่ได้บอกละเอียดเท่าน้องไจ๋ บางวันไอ้คอสบอกแค่ว่ากูออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะ ก็ไปเลย กลับคอนโดมาอีกทีตอนดึก ซึ่งพวกพี่น้องแฝดก็ไม่ได้ตามหรือถามอะไรอีกนอกจากนี้ ช่างเป็นครอบครัวที่อยู่กันแบบแมนๆ ดีแท้

Jaijira: ทะเลสวยมากกกกก 09.36

ไอ้ไซน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความจากน้องไจ๋พร้อมเปิดดูรูปภาพที่ถูกส่งมาพร้อมกัน ทะเลสีคราม กับหาดขาวๆทำให้ไอ้ไซน์นึกอยากจะไปตงิดๆ ไอ้แทนก็ไปทะเล ไอ้คอสก็ไปทะเล 

...แล้วทำไมกูได้นอนแหง็กอยู่บ้านคนเดียวเนี่ย

SineZai: เอ้อ สวยๆ ห่อเปลือกหอยมาฝากด้วยๆ 09.40

Jaijira: เดี๋ยวยกทะเลกลับไปฝาก ฮ่าๆ 09.42

ไอ้ไซน์ขำน้อยๆ กับข้อความของน้องไจ๋

...ยกมาได้จะเอาไปเก็บไว้ไหนหละเจ้าเด็กบ้า

.

.

.

บ่ายนี้ หลังจากที่ทำอาหารเที่ยงกินเองง่ายๆ ไอ้ไซน์ก็ขับรถคันเก่งที่พวกพี่แฝดทิ้งไว้ให้มายังห้างสรรพสินค้าใกล้มหาลัย เดินเล่นไปเรื่อยๆจนถึงโซนชุดกีฬา ก็แวะ นึกถึงเจ้าแฝดคนกลางทันที
 
...อือ ได้ของขวัญวันเกิดให้ไอ้คอสแล้วแหละ

เลือกเสื้อบอลอยู่นานสองนาน แถมยังได้รับคำแนะนำจากพี่พนักงาน ก็ตัดสินใจซื้อเสื้อบอลทีมโปรดให้เจ้าแฝดคนกลาง  พอถูกใจตัวเองแล้วก็ออกจากห้างสรรสินค้า ขับรถมายังร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่แถวหน้ามหาลัย และไอ้ไซน์ก็เลือกของขวัญสำหรับไอ้แทนได้แล้วเหมือนกัน

ปีนี้คงไม่ทำอะไรพิเรนทร์ๆเซอร์ไพรส์งานวันเกิดพวกพี่แฝดมันแล้วแหละ เพราะเดี๋ยวต้องมาสู้รบปรบมือกับการโดนแกล้งคืนอีก ...เหนื่อย

เวลาผ่านไปแป๊ปเดียวก็จวนจะห้าโมงเย็นอยู่รอมร่อ ไอ้ไซน์ก็ได้เวลากลับเข้าคอนโดซะที  กับข้าวกล่องอย่างง่ายๆ ถูกส่งเข้าไมโครเวฟ ไม่นานกลิ่นหอมฉุยก็ลอยแตะจมูกพร้อมสัญญาณดังว่าอาหารเวฟเสร็จแล้ว  ไอ้ไซน์ยกอาหารมากินที่โซฟาหน้าทีวีเช่นเดิม  ถ้าหากอยู่กับพวกพี่แฝดคงทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเจ้าคุณชายแทน แฝดคนโตชอบบ่นว่าเหม็นกลิ่น ไม่ชอบให้กลิ่นมันคลุ้งทั่วห้อง เวลากินจึงต้องกินเป็นที่เป็นทาง 

...คิดแล้วก็ขอว่าหน่อยเถอะ บอกว่าแต่ไอ้ไซน์หน้าเหมือนหมาๆ  ทีตัวเองจมูกไวนี่ไม่เหมือนหมาเลยเนอะ

Jaijira: กินข้าวยังอะพี่ อาหารอยู่ค่ายอร่อยจริงๆ นะ 18.52

ไอ้ไซน์ที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำชะงัก เดินกลับมามองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือน เปิดดูข้อความพร้อมรูปภาพอาหารทะเลที่น่าตาน่ารับประทานอย่างที่เจ้าตัวว่า

SineZai: กูกินแล้ว เอ้อ อร่อยก็ห่อมา ฮ่าๆ 18.55

Jaijira: ผมนี่รีบหาถุงเลยครับบบบ 18.59

วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินไปอาบน้ำ  เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นย้วยๆถูกจับออกมาใส่เป็นชุดนอนตัวเก่งของไอ้ไซน์ ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหัวเห็ดๆของตัวเอง แล้วก็ถือโทรศัพท์ย้ายไปห้องอ่านหนังสือ เปิดเพลงสากลที่ชอบฟังแล้วก็เริ่มลงมือทำการบ้าน  เอซเซย์ที่มีมาให้ทำทุกอาทิตย์เพื่อฝึกทักษะในการเขียนทั้งการเรียงและแกรมมา ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไอ้ไซน์เท่าไหร่นักเพราะเริ่มจะคุ้นชิน เมื่อต้องใช้สอนพิเศษให้กับน้องๆ เกือบทุกวัน เขียนเอซเซย์ไปปากก็ฮึมฮำเพลงที่เปิดไป  หัวเห็ดๆนั่นก็โยกตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี

Jaijira: พี่ไซน์ๆ A-Z อ่านว่าอะไร 20.32

คนหัวเห็ดเงยหน้าจากเอซเซย์ขึ้นมาหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความ  เปิดอ่านก็ทำหน้าหมางงใส่โทรศัพท์

SineZai: เล่นอะไรของมึงอีกเนี่ย 20.37

Jaijira: A-Z อ่านว่าอะไร 20.38

SineZai: ก็เอถึงซีไง 20.44

Jaijira: งั้น คิด-นะ หละ อ่านว่าอะไร 20.48

...คิดถึงนะไง  หืม???

พิมพ์ข้อความค้างไว้ เกือบกดส่งไปแล้ววววว เกือบหลงกลไอ้เด็กไจ๋แล้ว ไอ้ไซน์รีบลบข้อความที่พิมพ์ออก ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วพิมพ์ข้อความอันใหม่ลงไปแทน

SineZai: คิดลบนะ ฮ่าๆๆๆ 20.57

Jaijira: โห่ นึกว่าจะตามไม่ทัน 21.00

SineZai: นี่มึงไม่มีการมีงานทำรึไง? 21.02

Jaijira: พี่ปีสูงดราม่าใส่น้องอยู่ เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีพิธีเทียนแล้วก็ร้องเพลงกันอีกต่อ 21.02

Jaijira: ไซน์หละ ทำอะไร 21.02

SineZai: ลามปามนะ กูพี่มึงงงง 21.08

Jaijira: เค้าบอกว่าเรียกแบบนี้จะได้สนิทกันเร็วไงไซน์ 21.11

SineZai: งั้นกูเรียกมึงไอ้สัสมั้ยหละไจ๋ 21.12

Jaijira: หูยยย สายโหดซะด้วย 21.12

SineZai: ทำงานต่อละ มึงนี่ กวนตีน 21.16

Jaijira: ครับบบบ ทะเลฝากมาบอกว่า ซู่ ซู่ ด้วยแหละ อิอิ 21.20

...อิอิพ่อง

พอรู้สึกปวดแก้มเท่านั้นแหละถึงได้รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างเกินไป ไอ้หมาไซน์รีบกระแอมไอเรียกสติตัวเอง ก้มหน้าเขียนเอซเซย์ต่อ  แต่ก็ไม่วาย เผลอยิ้มออกมาอยู่ดี


เวลาสี่ทุ่มกว่า ไอ้ไซน์เก็บชีทงานที่เตรียมสอนลงแฟ้มแยกออกกับงานที่ต้องส่งอาจารย์ ออกมาจากห้องอ่านหนังสือ เดินไปชงโอวัลตินร้อนๆมานั่งกินหน้าทีวี  เปิดหาหนังตามช่องเคเบิลดูไปเรื่อยๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องหาพวกแฝดก่อนนอนอีกรอบ

...จะโทรจนพวกมันรำคาญไปเลย ตัดปัญหาเป็นห่วงเกินเหตุ

ต่อสายไปหาไอ้แฝดคนโตคนแรกก่อน ไม่นานปลายสายก็รับ

‘ฮัลโหลไซน์’

“จะนอนแล้วนะครับบบบบ” ลากเสียงยาวบอกไอ้แฝดคนโตอย่างทะเล้น

‘นอนเร็วจังหวะ ไม่สบายเปล่า วันนี้ได้ออกไปไหนมั้ย ไม่เห็นโทรมาบอกเลย’ เสียงปลายสายถามรัว ๆ

...นี่แม่งก็กลัวเกินเหตุ ชีวิตนี้เจ้าลั้นลาไม่ทำงานรึไง

“เออ ไปเดินเล่นแถวๆม.แปปเดียวก็กลับเลยไม่ได้โทรบอก นี่ทำอะไรอยู่อะ” ไอ้ไซน์ตอบปัดๆ ก่อนจะถามแฝดคนโตคืนบ้าง

‘คุยเรื่องออกชุมชนอยู่ พรุ่งนี้ต้องเดินทางเข้าหมู่บ้านแถวๆนี้แหละ’

“เอ้อ ไม่กวนละ วางนะ”

‘เออ’ พอวางจากแฝดคนโตก็ต้องโทรไปรายงานกับเจ้าคนกลางต่อ (โทรไปก่อกวนมากกว่ามั้ง)

“อยากกินปู ห่อปูมาฝากหน่อยยยย” เสียงแจ๋นๆดังขึ้นก่อนที่ไอ้คอสจะได้พูดขึ้นด้วยซ้ำ

‘มาค่ายมั้ย ไม่ได้มาเที่ยว’

“ฮ่าๆ เก็บหอยมาก็ได้ ห่อน้ำทะเลมาด้วยๆ”

‘มีแต่หอยทาก กับน้ำลายกูเนี่ย เอาปะ’

“แหวะ ไม่คุยด้วยละ รำรำรำ”

‘แม่เป็นครูสอนนาฏศิลป์หรือจ๊ะ’

“ป่าว แม่สอนคณิต สัส ลามปามแม่นะมึง”

‘ฮ่าๆๆ’

“นอนละนะ”

‘เอ้อ ไอ้เด็กอนามัย นอนเร็วไปเถอะ ก็ไม่ได้ทำให้สูงขึ้น’

“มึงมันแย่”

‘จ๊ะ น้องไซน์คนดี’

“วางนะ บาย”  แยกเขี้ยว ยิงฟัน เบะปากใส่โทรศัพท์ทันทีที่วาง หวังว่าไอ้คอสมันคงจะรับรู้ความหมั่นไส้ที่คนหัวเห็ดส่งผ่านไปได้บ้าง

...กวนตีนไม่มีใครเกินก็ไอ้คอสนี่แหละ

ไอ้หมาไซน์ปิดทีวี ลุกขึ้นปิดไฟ เช็คความเรียบร้อยในห้องครัว ดูปลั๊กต่างๆว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็พาตัวเองเข้ามาห้องนอน  เปิดแอร์ ปรับอุณหภูมิให้ต่ำแล้วก็สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม  ดูโทรศัพท์ที่มีแจ้งเตือนจากแอพลิเคชันต่างๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจตอบกลับใครทั้งนั้น  กำลังจะกดล็อคโทรศัพท์ กลับมีสายเรียกเข้าที่เป็นวิดีโอคอลมาซะก่อน

‘Jai EN’

เอ้อ เอากับน้องมันสิ รู้สึกวันนี้จะคุยกันทั้งวันเลย คุยบ่อยกว่าพวกแฝดด้วยซ้ำมั้งเนี่ย  ดูซิจะโทรมาเล่นอะไรอีก

“...” ทันทีที่กดรับสาย เสียงเพลงพร้อมเสียงกรี้ดโหวกเหวกก็ดังเข้ามา จนไอ้ไซน์ต้องกดลดเสียง ภาพหน้าจอจากที่มืดสนิทก็เปลี่ยนเป็นหน้าน้องไจ๋ที่ยิ้มมาให้ แสงสีม่วง น้ำเงิน แดง สลับกันสาดส่องเข้าใบหน้าคมๆนั่น

‘อย่าพึ่งวางนะพี่’

น้องไจ๋บอกแล้วก็เอื้อมมือเหมือนวางโทรศัพท์ไว้กับชั้นอะไรสักอย่าง ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าตามหงึกๆ นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง รอดูว่าอีกคนจะทำอะไร  น้องไจ๋พร้อมกับกีต้าไฟฟ้าที่เห็นเพียงแค่ครึ่งตัวก็ส่งยิ้มาให้อีกรอบ พลันเสียงกรี้ดก็ดังขึ้นอีก พร้อมกับเสียงกีต้าใสที่น้องไจ๋กำลังดีดอยู่

‘ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอกับวันที่ดี ที่เราอยู่ตรงนี้
แค่เพียงแรกเจอ รู้สึกทันที เหมือนว่ามีอะไร’

 เสียงทุ้มๆ ของน้องไจ๋ทำเอาไอ้ไซน์ชะงัก ตาก็ตั้งใจมองอีกคนที่เล่นกีต้าร์ หูก็ตั้งใจฟังเนื้อร้อง ฟังความหมายของเพลง

“...”

‘เมื่อเราได้คุย ก็พอรู้และดูว่ามันก็คงมีความหมาย
ระหว่างสองเราต้องมีอะไร เชื่อมข้างในให้ถึงกัน’

ส่งสายตามาให้ไอ้ไซน์ที่มองกำลังมองอยู่

“...”

น้องไจ๋ทั้งดีดกีต้าและร้องเพลงมาเรื่อยๆ จนถึงท่อนฮุก ก็ปล่อยมืออกจากกีต้าร์ ดึงไมโครโฟนออกจากขาตั้ง แล้วเดินมายืนตรงหน้าโทรศัพท์

‘ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวาไม่ซ้ายไม่สมบูรณ์ไป
ไม่มองแง่ร้าย หรือเอาแต่ใจ แต่มีอะไรไม่ธรรมดา’

“...” ร้องเพลงไปก็ยิ้มไป  หากแต่ยิ้มให้ไอ้หัวเห็ดที่นั่งอยู่บนเตียงนี้ ไม่ใช่ยิ้มให้คนดูที่อยู่ด้านล่างเวที

‘ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่เร็ว ไม่ช้าไม่ร้ายเกินไป
แต่มีอะไรที่ดีกว่าใคร
ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี’

จบท่อนฮุกแรกก็ยิ้มกว้าง ตาหยีส่งมาอีกรอบ จนไอ้ไซน์ที่มองผ่านโทรศัพท์หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ  ก่อนไอ้ไซน์จะตายไปกับสายตาและรอยยิ้มของน้องไจ๋ก่อน เจ้าคนที่ร้องเพลงอยู่ก็หันหน้าออกไปเล่นกับคนดูด้านล่างเวที
จบเพลงเสียงกรี้ดก็ดังขึ้นอีกรอบ น้องไจ๋กล่าวขอบคุณและส่งเวทีให้วงต่อไปขึ้นมาร้อง

‘พี่ไซน์...’

“อะ...อื้อ” ไอ้ไซน์เบือนโทรศัพท์ออกจาหน้าตัวเอง ก่อนจะทำการเรียกสติตัวเองให้กลับมา มือเล็กๆถูจมูกตัวเองพลางกลั้นยิ้มไปด้วย

...เดี๋ยวหาว่าชอบแล้วจะได้ใจ

‘ผมร้องเพลงเพราะเนอะ’ ชมตัวเองก็เขินเอง น้องไจ๋เดินออกจากห้องกิจกรรมออกมายังริมทะเลด้านนอก น้ำทะเลขึ้นสูง แถมลมยังพัดแรงจนได้ยินเข้ามาในโทรศัพท์

“ไอ้คนหลงตัวเองเอ้ย” ว่าคนเป็นน้องเบาๆ กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มไว้

‘ฮ่าๆ เล่นกีต้าร์ก็เก่งเนี่ย หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะ’

“เกลื่อนเถอะ บ้านเมืองเค้าก็เล่นกีต้าร์ได้ทั้งนั้น”

‘ผม...ผมตั้งใจร้องให้พี่นะ’

“...” ไอ้ไซน์ชะงัก รู้สึกมือไม่อ่อน โทรศัพท์ที่จับไว้จะร่วง แอบเอามือทาบหน้าอกตัวเองตอนนี้รู้สึกได้ถึงจังหวะของหัวใจที่มันเต้น ตึกตักรัวๆ อย่างกับไปวิ่งมา

‘...’

“...”

‘พี่ไปนอนได้แล้วไป ดึกแล้ว’ น้องไจ๋ไล่ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเอง ทำเป็นไล่ไอ้ไซน์เสียงดุ กลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง

“เออ...มึงก็เหมือนกัน กลับเข้าห้องได้แล้ว ออกมาเดินตากลม เดี๋ยวก็ไม่สบาย” บอกคนเป็นน้องเสียงอ่อน
 
‘ครับ’ ว่าแล้วก็ยกยิ้มให้ไอ้ไซน์ สายตาเยิ้มๆนั้นมองคนเป็นพี่อย่างชื่นชม

...วันนี้ไอ้ไซน์คงจะตายกับยิ้มของน้องไจ๋แน่ๆ

“วางแล้วนะ”

‘ไซน์!’

“?”

‘ฝันดีนะพี่’ บอกแล้วก็ยิ้มส่งท้าย ยกมือขึ้นมาโบกบ๊ายบาย

“อื้ม ฝันดีไจ๋” ส่งยิ้มกลับคืน ก่อนจะรีบกดวางวิดีโอคอล  เข้าหน้าเว็บกูเกิล นิ้วเล็กๆพิมพ์เนื้อเพลงที่จำได้คร่าวๆลงไปในช่องค้นหา ไม่นานเนื้อเพลง คำร้อง วิดีโอจากยูทูปก็ขึ้นมาให้พรึบ ไอ้ไซน์กดเข้าไปฟังเพลงในยูทูปอีกที มั่นใจว่าเป็นเพลงเดียวกันกับที่น้องไจ๋ร้องเมื่อกี้ ก็แชร์ลิ้งค์เพลงไปในเฟสบุ๊ค

‘ลงตัวกับใจอยู่กันได้พอดี’

โพสต์เสร็จก็ล้อคเอาท์ออกจากเฟสบุ๊ค ปิดมือถือ วางไว้โต๊ะด้านข้างโคมไฟ ก่อนจะรีบมุดเข้าไปซ่อน(อะไร?)ในผ้าห่มผืนหนา แอบเช็คดูอัตราการเต้นของหัวใจตัวเองอีกครั้ง



...ชิบหายแล้ว เต้นเร็วกว่าเดิมอีก







#เพลงเข้ากันดี ของสครับ
ไอ้หมาเริ่มหวั่นไหวละ ทำไงดีๆ

ฝากติดตามเจ้าแฝดด้วยนะคะะะ  รักแฝดเยอะๆด้วย
เป็นกำลังใจให้เราด้วยเราจะสอบมิดเทอมแล้ววววว  :katai1:
เลิ้บบบบบ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (8)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 28-02-2016 01:15:10
เขินอะไรเบอร์นั้นนน :-[
น้องไจ๋เริ่มรุกอิพี่แล้ววว
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (8)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 28-02-2016 03:55:51
 :o8:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (8)
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 28-02-2016 09:28:57
ง่อวววววววววว
ใจเต้นอะไรขนาดนั้นอ่ะ
 :-[
น้องไจ๋รุกแรงงงงงง
 o13
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (9)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 05-03-2016 00:19:22
9
Exams Festival

เทศกาลการสอบมิดเทอมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว  สามแฝดเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือจากในคอนโดมาเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี ที่อยู่เกือบนอกเมือง ไม่รู้ไอ้แทนมันไปสรรหาร้านมาจากไหน ไกลก็ไกล แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะร้านตกแต่งอย่างมีกลิ่นอายของหนังสือ จะว่าเหมือนห้องสมุดก็ไม่เชิง ชั้นวางหนังสือจัดเป็นล็อคๆ แบ่งหมวดหมู่ประเภทสัดส่วน มีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบราวกับอยากให้ผู้ที่ได้เข้ามาในร้านได้บรรยากาศของนักอ่านจริงๆ กินกาแฟแก้วเดียวนั่งอ่านตั้งแต่เย็นยันดึก คุ้มจริงๆ

...สมกับค่ากาแฟแก้วละร้อยกว่าบาท แต่ไม่เป็นไร เพราะไอ้แทนจ่าย อิอิ กรรม

ไอ้ไซน์ก้มหน้าห้มตาอ่านเท็กที่มีแต่ภาษาอังกฤษเล่มโต ข้างกายมีทั้งดิกชันนารี ทั้ง ทอล์คกิงดิก ทั้งมือถือ เอาไว้หาคำศัพท์ที่ยากรู้หยั่งถึง  ส่วนไอ้คอสนั่งสรุปสูตรที่มีตัวเลขเยอะๆ กับตัวอักษรหน้าตาประหลาดๆ ลงในสมุดอย่างตั้งใจ (หมายถึงตั้งใจสรุปห้านาที แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นต่ออีกสิบนาที) ส่วนไอ้แทน ก็อ่านชีทที่มีแต่รูปภาพกล้ามเนื้ออย่างตั้งใจ หากเพียงมันไม่ได้เร่งอ่านหนังสือ การเรียนหมอของมันเรียนเป็นบล็อคๆ พอเรียนจบก็สอบ จึงไม่ต้องตาลีตาเหลือกอ่านแบบคนอื่น แต่ต้องอ่านแม่มทุกวัน  ขยันชิบหาย
ไอ้ไซน์เงยหน้าขึ้นมาจากเท็กซ์เล่มหนาก็ฟุบหน้าหมาๆ ลงโต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อน เอาเท็กซ์เคาะหัวตัวเองเบาๆราวกับจะให้เนื้อหาซึมเข้าไปในสมอง ปากก็ท่องพึมพำๆ เป็นภาษาอังกฤษรัวๆ จนไอ้คอสหันมามอง

“นี่ถ้ามึงกำลังแอบด่ากูอยู่ กูบอกเลยกูฟังไม่ออกนะ” ว่าไอ้ไอ้หมาที่ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูด ซ้ำยังพูดเสียงดังขึ้นเร็วเรื่อยๆ ไอ้คอสพอเห็นว่าอีกคนเล่นด้วยก็หันกลับไปสรุปเนื้อหาของตัวเองต่อ

“ไซน์ หิวมั้ย?” ไอ้แทนเบือนหน้าจากชีท เอามือเคาะเท็กซ์ที่อยู่บนหัวหมาป๊อกๆ แล้วถาม

“กูหิวววววว” แต่ไอ้คนที่ไม่ได้โดนถามกลับแส๋นแหล๋นตอบขึ้นมาก่อน

“มึงพึ่งแดกเค้กไปสามชิ้น” แฝดคนโตว่าไอ้คอส ก่อนจะตวัดตาคมๆมองอย่างเอาเรื่อง

“ไม่อิ่มอะ” ไอ้คอสบอกพลางยู่ปากใส่แฝดคนโต ไอ้แทนไม่ได้ตอบกลับทันที เพียงแต่ทำหน้าพยักเพยิดมาทางไอ้ไซน์ที่ยังคงฟุบหน้าบ่นเสียงงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว

...เออ หมาแปลงร่างเป็นยุงก็ได้เว้ย

 “ไซน์” ไอ้แทนเรียก มือก็เก็บชีทสอดไว้กับหนังสือ

“...”

“ไซน์” เรียกอีกครั้ง พร้อมสะกิดไหล่แคบๆนั่นด้วย

“ห๊ะ ?” ยกเทกซ์ออกจากหัวแล้วก็เงยหน้าขึ้นถาม

“กลับเหอะ ดึกแล้ว”

“อ๋อ เออๆ หิวอีกแล้วอะ” ช้อนตาบอกไอ้แทนอย่างอ้อนๆ

“อื้อ เดี๋ยวไปกินข้าวด้วย” ยกยิ้มมุมปากบอกอย่างอ่อนโยน

...ก็ไอ้หมามันน่ารักน้อยที่ไหนหละ

“ทีกูบอกหิวหละทำหน้าดุใส่ มึงมันสองมาตรฐาน” ไอ้คอสพูดกระแทกเสียง เก็บสมุดหนังสือยัดใส่กระเป๋า ประชดประชันไอ้แฝดคนโตอย่างนั้น

“กูมาตรฐานเดียว...มาตรฐานไอ้ไซน์ หึหึ” ได้ยินอย่างนั้นไอ้คอสยิ่งหน้าหงิกเข้าไปใหญ่ ผิดกับไอ้ไซน์ที่ส่งยิ้มกว้างตาหยีมาให้
 
...โลกสดใสเชียวนะมึง ไอ้คอสคนนี้ควรหนีไปอยู่ป่า ฮืออออออ

เวลาห้าทุ่มเกือบจะครึ่ง สามแฝดแห่ง จริยตั้งสกุล ยังคงนั่งโซ้ยบะหมี่ข้างทางอยู่ ปราศจากการพูดคุยกันใดๆ อาจเป็นเพราะใช้พลังงานอย่างหนักกับการอ่านหนังสือไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ ต่างคนจึงต่างต้องเก็บสะสมพลังงานให้ได้มากที่สุด
ไอ้แทนยังคงทำหน้าที่เป็นสารถีให้พวกน้องแฝดเหมือนเดิม ถนนค่อนข้างโล่ง การจราจรไม่ติดขัด ทำให้ไอ้แทนขับรถอย่างอารมณ์ดี กดเปิดเพลงในยูเอสบีที่เสียบเข้ากับตัวรถฟัง มือก็เคาะพวงมาลัยไปตามจังหวะ เหลือบมองกระจกหลังก็เห็นไอ้แฝดคนน้องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ มือก็กดยิกๆ  ทั้งๆที่เมื่อก่อนโทรศัพท์แทบจะไม่แตะ

“ไซน์ ช่วงนี้มึงติดโทรศัพท์นะ” เอ่ยปากบอก ไอ้ไซน์สะดุ้ง ยิ้มเก้อพลางเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง

“เออ จริง คุยกับใครวะ” ไอ้คอสบอกเสริม จริงๆไอ้แฝดคนกลางสังเกตมาตั้งแต่กลับจากค่ายแล้วแหละว่าไอ้หมามันทำตัวเหมือนรอข้อความ พอเสียงโทรศัพท์ดัง ติ้งๆ ก็รีบวิ่งไปหยิบมากดยิกๆส่งกลับ บางวันนี่นั่งขลุกอยู่กับโทรศัพท์อยู่ประมาณชั่วโมงนึงแล้วก็อมยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง บางครั้งก็ยกไม้ยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเหมือนกำลังเขินอะไรสักอย่าง ทำตัวอย่างกับเด็กน้อยมีความรัก

...มีความรักงั้นหรอ?

“ป่าววว คุยกับน้องไจ๋ เรื่องเรียนนี่แหละ”  ตอบแบบอ้อมแอ้มๆ จริงๆส่วนมากไม่ได้คุยเรื่องเรียนหรอก คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป น้องมันกวนตีนมา ไอ้ไซน์ก็กวนตีนกลับ ถึงจะยังไม่อัพเลเวลความกวนตีนไปงัดสู้กับมันได้ แต่ก็ขอให้ได้ด่ากลับคืนบ้าง
 
...ไม่ได้โกหกพวกแฝดนะ แค่บอกไม่หมดเฉยๆ

“แหนะ น้องมันจีบมึงหรอ” ไอ้คอสเอี้ยวคอหันมาถาม ทำหน้ายักษ์ใส่ไอ้ไซน์เบาะหลัง 

“จีบเจิบไรเล่า เพ้อและมึงหนะ” มือเล็กๆรีบดันหน้าไอ้คอสที่จ้องเขม็งคาดคั้นจะเอาคำตอบให้หันกลับไปด้านหน้าเหมือนเดิม หากแต่เจ้านั่นก็ยังดึงดันขืนหน้าไว้

“กูบอกไว้ก่อนนะ ประวัติไอ้ไจ๋ไม่ใช่เล่นๆ”

“เออ กูไม่ได้คิดไรสักหน่อย” ไอ้ไซน์พูดจบ ไอ้คอสก็ยกยิ้มมุมปาก เสียงหัวเราะหึหึของมันกับคำบอกเล่าเมื่อกี้ทำเอาไอ้ไซน์หน้าเจื่อนลง

...ตอนนี้ยังไม่คิดอะไรสักหน่อย

.

.

.

เย็นวันพฤหัสบดีสีส้ม อากาศครึ้มๆทั้งวันอย่างกับฝนจะตก ทั้งๆที่ยังอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แท้ๆ ไอ้ไซน์นั่งดูดชาเขียวปั่น รอน้องไจ๋ทำแบบฝึกหัดที่มันปริ้นออกมาให้ ดวงตาขีดๆเหมือนลูกหมาเหม่อลอยออกทางด้านนอกร้านของพี่ปิงปิง  ค่ำขนาดนี้ รถก็ยังติดอยู่เป็นช่วงๆ  อีกสองอาทิตย์ก็จะเริ่มสอบมิดเทอมแล้วทั้งไอ้ไซน์ทั้งน้องไจ๋ต่างก็เร่งอ่านหนังสือจนไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยเท่าเมื่อก่อน  จะว่าไม่คุยกันก็คงไม่ใช่ เพราะไอ้ไซน์เป็นฝ่ายที่ไม่คุยกับน้องไจ๋ฝ่ายเดียวต่างหาก
วันนั้นหลังจากที่ไอ้คอสบอกว่าน้องไจ๋ประวัติไม่ใช่เล่นๆ ไอ้คอสก็มาบอกต่ออีกว่า น้องไจ๋ตอนอยู่มัธยมชอบควงผู้หญิงไปฟัน ประมาณว่าเป็นพวกล่าแต้มแข่งกับเพื่อน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหรอก ผู้ชายด้วยกันก็ไม่เว้น ยิ่งช่วงมาปีหนึ่งตอนเข้ามหาลัยใหม่ๆ ด้วยความที่หน้าตาดีก็ยิ่งมีผู้หญิงมาติดพันเยอะ ทั้งน้องไจ๋ยังชอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์ไม่เว้นแต่ละวัน เป็นที่รู้จักกันดีในดงวิศวะ แต่ด้วยความที่เป็นลูกหลานเชื้อสายจีนละมั้ง ทางบ้านค่อนข้างจะเข้มงวด เลยทำให้เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ข่าว ‘คาว’ ของไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้า

...เวลาเรารู้สิ่งใหม่ๆกับคนคนนึงมากขึ้น มันก็ทำให้เรามองเค้าไม่เหมือนเดิม

“พี่ไซน์”

“...”

ไม่ใช่ว่าไอ้ไซน์มองน้องไจ๋ไม่เหมือนเดิม เพียงแค่ลองห่างๆออกมา ถอยออกมา ให้มันมีที่ว่างระหว่างคำว่าพี่น้องมากั้นบ้าง ไม่คุย ไม่ตอบแชท เจอหน้าเฉพาะตอนเรียนพิเศษ ไม่ได้ให้น้องขับรถไปส่งบ่อยๆเหมือนเคย แต่ก็ไม่ถึงกับหลบ

“พี่ไซน์”

“...”

ถอยออกมาบ้างนั่นแหละดีแล้ว  เพราะถ้าเข้าใกล้กว่านี้ ไอ้ไซน์กลัว...

“พี่ไซน์ !”

“...”

กลัวใจตัวเองจะคิดอะไรกับคนตรงหน้าเข้าสักวัน


“พี่ไซน์!!”

“เห้ย! อะไร” สะดุ้งเอนหลังติดพนักเก้าอี้ เมื่อหันกลับมาจากมองวิวด้านนอกร้านแล้วเจอหน้าน้องไจ๋อยู่ห่างแค่คืบ

“เป็นไรวะ เหม่ออะไร” ถามคนพี่ หน้ายังไม่ถอยหนี มือยาวๆก็เอื้อมมาแตะหน้าผากแตะแก้ม ไอ้ไซน์รีบปัดออกก่อนที่มือหนาๆนั่นจะลามลงมาแตะต้นคอ

“มาจับทำไมเล่า”

“ไม่สบายปะ? ตัวรุมๆ”

“ป่าวนี่ กูแข็งแรงดี กูเป็นคนเหล็ก” พูดติดตลก แต่น้องไจ๋กลับไม่ตลกด้วย ขมวดคิ้วใส่ สายตาคมๆจ้องอย่างจับผิด

“ช่วงนี้พี่แปลกๆ” จ้องคนเป็นพี่ไม่วางตาก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาให้ใกล้ขึ้นอีก

“ไม่แปลก กูปกติดี” บอกแล้วก็ใช้มือดันหน้าผากอีกคนให้ถอยออกไป น้องไจ๋รวบมือไอ้ไซน์ให้วางไว้บนหน้าขาเล็กๆ ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกเมื่อไอ้ไซน์เบือนหน้าหลบ

“พี่ไม่ตอบแชท ไม่ค่อยคุย พี่หลบผม?”

“หื้อ ไม่ได้หลบ ก็ช่วงนี้จะสอบกูก็อ่านหนังสือ มึงก็อ่านหนังสือ” ส่ายหน้าเบาๆ บอกเสียงอ่อน พลางขืนมือออกจากการเกาะกุม

“งั้นวันนี้ให้ผมไปส่งที่คอนโด”

“...” น้องไจ๋ยิ่งบีบกระชับข้อมือเล็กๆแน่นขึ้นอีกเมื่อเห็นคนเป็นพี่ไม่ตอบแถมยังทำท่าทางอึกอัก

“พี่ไซน์...พี่เป็นไรพี่ก็บอกดิ พี่เป็นแบบนี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกนะเว้ย ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดรึเปล่า หรือผมพูดลามปามกับพี่ พี่ไม่ชอบพี่ก็บอกดิวะ ผมจะได้ปรับปรุง” น้องไจ๋ว่า ถอนหายใจอย่าเหนื่อยอ่อน ในเมื่อพี่ไซน์หลบตา ไม่อยากบอกมันก็จะไม่คาดคั้น ปล่อยข้อมือเล็กๆให้เป็นอิสระแล้วถอยกลับมานั่งที่ของตัวเอง แต่ในใจมันเป็นหนึบๆ หน้าอกบีบรัดเหมือนจะหายใจไม่ออก มันไม่ชอบที่ให้พี่ไซน์เป็นแบบนี้ เหมือนเย็นชาใส่ เหมือนกำลังปิดอะไรอยู่

“...”

“...”

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน กูกลับละนะ”  เมื่อบรรยากาศระหว่างคนสองคนเริ่มอึมครึมตามสภาพอากาศด้านนอกร้าน ไอ้ไซน์ก็กวาดชีทสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋า ลุกขึ้นบอกน้องไจ๋ละลักละล่ำ เดินไปหน้าเคาท์เตอร์ไหว้ลาพี่ปิงปิงที่ทำหน้างงๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากร้าน ไปรอโบกแท็กซี่

...ไม่ไหว อึดอัดแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ ขอถอยมาตั้งหลักก่อนละกัน

จะโทรไปบอกพวกแฝดให้มารับก็ต้องรออีก เพราะตอนนี้ทุ่มนิดๆ เอง ยังไม่ถึงเวลาเลิกติวด้วยซ้ำ ยิ่งอากาศครึ้มๆเหมือนฝนจะตกก็ยิ่งทำให้จิตใจมันหมองขึ้นอีก
ยังดีที่รอไม่นาน แท็กซี่ก็มาจอดรับ พอไอ้ไซน์ปิดประตูแท็กซี่ปุ๊ป ฝนก็ตกปั๊ป  อดเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีเลย

...ฝนยิ่งตก รถยิ่งติด

แม้จะเป็นช่วงค่ำ แต่แท็กซี่คันสีเหลืองเขียวที่ไอ้ไซน์นั่งกลับยังไม่ขยับเขยื้อนพ้นช่วงเขตมหาลัยดีด้วยซ้ำ นั่งเหม่อก็แล้ว ถอนหายใจก็แล้ว รถก็ขยับได้ทีละติ้ดเท่านั้นเอง

“สงสัยข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุมั้งน้อง คงนานหน่อย” พี่คนขับแท็กซี่บอก ไอ้ไซน์ได้แต่พยักหน้าปลงๆ ออกมาจากร้านได้นิดหน่อยเองแต่ฝนกลับยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อยๆ


RRR

โทรศัพท์สั่นครืดๆอยู่ในกระเป๋าเป้ ไอ้ไซน์ความหาอยู่พักใหญ่ก่อนจะเจอหน้าจอที่มีแสงไปกระพริบปริบๆ โชว์ชื่อคนโทรเข้า

‘Jai EN’

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

...นี่แค่รับโทรศัพท์ยังยากเลยห่า กูเป็นอะไรของกูเนี่ย ไม่รับแล้วแม่งงงงง

.

.

.

ไอ้ไซน์มันเป็นหมาโง่ หมาโง่ที่ปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดช่วงสอบจนได้ แถมยังโหมอ่านหนังสือหนักจนดึกดื่นเที่ยงคืนก็ไม่ยอมนอน บางวันอ่านโต้รุ่งจนถึงเช้า อาบน้ำไปสอบได้ตามปกติเฉยเลย

“ฮัดชิ้ว !”

“บอกให้ใส่แมสๆ เชื้อโรคทั้งนั้นเลยมึงเนี่ย” ไอ้แทนบ่นก่อนปัดมือกลางอากาศไปมา ทำหน้าราวกับรังเกียจนักหนาใส่ไอ้แฝดคนน้อง

“แค่จามเอง เว่อร์หน่าแทน”

“ถ้ากูติดหวัดจากมึงนะ สอบเสร็จก็ไม่ต้องไปไหนกันเลย”

“เออ มันแค่คัดจมูกเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” ว่าให้แฝดคนโตแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ

“ฮัดชิ้ว ! ฮัดชิ้ว !” ยังไม่ทันไรเจ้าแฝดคนโตก็จามออกมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกๆของไอ้ไซน์  ไอ้แทนได้แต่ทำตาขวางส่งมาให้แฝดน้อง ลุกขึ้นออกจากห้องอ่านหนังสือไปพักนึง กลับเข้ามาด้วยผ้าปิดปากสองอัน โยนให้ไอ้ไซน์อันนึง  ส่วนอีกอันนึงก็คาด ปิดปากปิดจมูกตัวเองไว้

...ร่างกายบอบบางจริงนะคุณหมอออออออออ



23.41 น.

ไอ้ไซน์นั่งมองกระดาษหน้าเดิม มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  สายตาเหม่อลอยมองตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ แต่หากไม่ได้โฟกัส มือขวาก็ยังกำดินสอกดเอาไว้ ส่วนมือซ้ายถือโทรศัพท์ตัวเองที่หน้าจอเปิดค้างเป็นฟีดข่าวอยู่บนทามไลน์
รูปนิ้วเรียวยาวที่มีรอยปากกาวาดเป็นหน้าเศร้า พื้นหลังมีแก้วชาเขียวปั่นที่วางอยู่ข้างชีทภาษาอังกฤษ พร้อมแคปชั่น

‘อยู่ไม่ไหวลำพัง อ่อนแอเกินไป อ้างว้างแปลกๆ...’ 
256 คนถูกใจสิ่งนี้ พร้อมคอมเมนต์อีก 19 ความคิดเห็น

ไอ้ไซน์กดปิด ล็อคหน้าจอโทรศัพท์ ถอนหายใจแรง ปิดหนังสือ

“แทนนนนนนนน” ยกขาดันเก้าอี้ให้เลื่อนไปชนอีกคนดังปึ้ก ! ลากเสียงยาวๆ กระพริบตาปริบๆใส่ ไอ้คนถูกเรียกใช้หางตาตวัดมองแล้วหันกลับไปสนใจหนังสือต่อ

...วันนี้ไอ้ไซน์มันดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยุกยิกๆกวนคนอื่นมาทั้งวัน ไอ้แทนหละรำคาญ อยากจะตบกะโหลกให้สติกลับมาสักป้าบ

“...”

“พาไปร้านพี่ปิงปิงหน่อย”

“หืม?” ขมวดคิ้วหนาๆ ใส่แฝดน้อง หรี่ตาจ้องมองเค้นกะจะให้ไอ้หมาตัวนี้บอกความจริงออกมา

“ก็...ก็อยากกินเค้กกะทันหัน นะ พาไปหน่อย”

“ตอนนี้?”

“เอ้อ ตอนนี้แหละ นะ ปะ เดี๋ยวร้านปิดก่อน” ว่าไม่พอยังพับเก็บหนังสือออกจากมือไอ้แทน ดึงให้คนตัวสูงกว่าลุกขึ้น คว้ากุญแจรถไปให้เสร็จสรรพเรียบร้อย

.

.

.

“ร้านปิดแล้วนะคะ ...อ้าว น้องไซน์ เป็นไงมั่ง ไม่เจอตั้งนาน คิดถึงจังเลย นี่ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา บ้านพี่ทำอาหารไว้ตั้งเยอะ พี่บอกเจ้าไจ๋ว่าให้ชวนน้องไซน์มาด้วย แต่เจ้านั่นก็ดันลืมซะงั้น น่าตีจริงๆ แล้วนี่ไซน์มาทำอะไร” พี่ปิงปิง เจ้าของร้านคนสวยิ้มกว้าง เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกับไอ้ไซน์ราวกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี ถ้ากระโดดกอดได้ก็คงจะทำไปแล้ว  ติดที่เคาทน์เตอร์กั้นอยู่นี่แหละ

“ใครอะเจีย?” เสียงทุ้มตะโกนแทรกถามก่อนไอ้ไซน์จะได้ตอบพร้อมกับเจ้าของร่างสูงโปร่ง เลื่อนบานประตูกระจกออกมา

“...”

“หวะ หวัดดี มาซื้อเค้กให้ไอ้แทน มันอยากกินหนะ” ไอ้ไซน์ทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบบอกลนๆ อ้างชื่อไอ้แฝดคนโตที่บอกว่าจะนั่งรออยู่ในรถที่ด้านหน้าร้าน พร้อมกับยิ้มเจื่อนให้อีกคนที่แสดงสีหน้าตกใจใส่ พี่ปิงปิงยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ เดินไปยังตู้เค้ก เลือกหยิบเค้กมาประมาณสามสี่ชิ้นจัดใส่กล่องไม่ให้เค้กล้ม ก่อนจะติดเทปใสปิดกล่องใส่ถุงให้เสร็จ ในขณะที่ไอ้คู่กรณีสองคนนั่นยังไม่ได้ขยับไปไหนมาไหนเลย ได้แต่อึกอัก จ้องหน้ากันไป หลบตากันมาอยู่นั่น

“เสร็จแล้วค่ะ นี่” ดันถุงเค้กไปให้  ไอ้ไซน์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋าตังขึ้นมา

“เท่าไหร่ครับ”

“ไม่คิดเงิน สำหรับลูกค้าวีไอพี” พี่ปิงปิงบอกเสียงใส

“พี่ปิงปิงให้ฟรีบ่อยเกินไปแล้ว คราวนี้ให้จ่ายบ้างเถอะ” โอดครวญเสียงละห้อยอย่างรู้สึกผิด

“ถือเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าละกันนะไซน์” ยิ้มอ่อนใส่ ไอ้ไซน์พยักหน้าน้อยๆ รับถุงเค้กมาถือไว้

“งั้น ไซน์กลับก่อนนะ ขอบคุณนะครับพี่ปิงปิง เอ่อ...ไปนะ”  ค้อมหัวไหว้ขอบคุณพี่ปิงปิงก่อนประโยคหลังจะหันไปบอกคนเป็นน้องที่สีหน้าตอนนี้ทำท่าทีเรียบเฉย ไอ้ไซน์ยืนอึกอักเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกจากร้าน

...ที่จริง มาหาน้องไจ๋ ตอนแรกก็แค่คิดถึง ไม่แน่ใจว่าอยากเจอด้วยรึเปล่า  พอเจอแล้วถึงแน่ใจว่า ทั้งคิดถึง ทั้งอยากเจอเลย

.

.

.

“เชร้ดดดด ไอ้ไซน์ แกทำพาร์ทของมิสเตอร์ชาส์ลได้ปะ เล่นให้วิเคราะห์ตัวละคร โต้งๆกันอย่างนี้เลย ดีนะอ่านหลักวิเคราะห์มาบ้าง เลยพอตอบถูๆไถๆไปบ้าง”

“ไอ้ไซน์มันเจ๋งอยู่แล้ว ตอนฉันเดินออกมาส่งข้อสอบ ฉันเห็นมันเขียนออกมาเป็นข้อๆเลย งี้แหละ มันอ่านพวกวรรณกรรมเยอะ มันเลยทำได้ เก่งนะเนี่ยไอ้หมา”

“เออ คะแนนสูงสุดของสาขาก็คงไม่พ้นไอ้หมาอีกแน่ๆ” 

วันสอบวันสุดท้าย กับสอบวิชาสุดท้าย เมื่อหมดเวลาเสียงออดดังเตือน เหล่านักศึกษาก็พากันเดินอิดอออดออกมาจากห้องสอบ ด้วยสภาพที่ต่างกันมากนัก เสียงซุบซิบ บ่น นินทา แชร์คำตอบกันสนั่นหวั่นไหวทำให้ไอ้ไซน์อยากอ้วก  ปวดหัวตึ้บๆ ไปหมด รวมทั้งพวกเพื่อนผู้หญิงที่แง้วๆ กันอยู่ล้อมหน้าล้อมหลังไอ้ไซน์ก็ยังไม่วายพูดถึงข้อสอบกัน พร้อมเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าตึกเพื่อตั้งหลักว่าจะไปไหนกันต่อ

“สอบเสร็จไปไหนกัน”

“ดูหนังงง”

“ช๊อปปิ้งงง”

“แกหละ” หันหน้ามาถามไอ้ไซน์ที่สูดขี้มูกฟืดๆอยู่ ด้วยใบหน้าเอือมระอา

“กลับห้อง” ไอ้ไซน์บอกเสียงเรียบ

...ไม่ไหวๆ ต้องกลับไปนอน ร่างกายอ้อนแอ๋มาเป็นอาทิตย์แล้ว

“เออ ควรนอนค่ะ สภาพอย่างกะผีจีน กินข้าวกินยาซะมั่ง เป็นหวัดมาตั้งแต่สอบวันแรกแล้ว นี่ยังไม่หายอีก”

“เออ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ไอ้ไซน์บอก ส่งยิ้มตาหยีไปให้

“ไม่ได้ห่วง นี่รำคาญ สูดน้ำมูกฟีดๆอยู่นั่น รกหูรกตา แพร่เชื้อๆ” พวกผู้หญิงทำท่าปิดจมูกโบกมือไล่ไอ้หมาไปไกลๆ แล้วก็หัวเราะกันคิกๆ ไอ้ไซน์นี่เบะปากให้แทบไม่ทัน

“เอ้อออ ไปละนะ เจอกันวันจันทร์” โบกมือลา พร้อมเดินไปยังลานจอดรถอีกฝั่งของคณะ ไอ้คอสสอบเสร็จตั้งแต่สองวันที่แล้วแล้ว ส่วนไอ้แทนที่พึ่งสอบบล็อกกล้ามเนื้อไปก็ได้หยุดเมื่อ 3 วันที่แล้ว มีแต่ไอ้ไซน์นี่แหละที่สอบเสร็จทีหลังชาวบ้าน ทั้งๆที่วิชาสอบน้อยกว่า

ใช้เวลาขับรถจากคณะมายังคอนโดของตัวเองประมาณ 15 นาทีก็ถึง รถไม่ติดเพราะเพิ่งเป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคนส่วนใหญ่  เอารถจอดไว้ชั้นใต้ดินของคอนโดก็ขึ้นลิฟต์มายังห้อง แตะคีย์การ์ดจนเสียงประตูดังตี๊ดๆก็ผลักเข้าไป  วางกระเป๋าสัมภาระทิ้งไว้โซฟา ถอดถุงเท้าโยนใส่ตะกร้าซัก เข้าห้องน้ำล้างเท้า เปลี่ยนชุดจากชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดกางเกงบอลของไอ้คอสก็เข้ามาในห้องนอน
เครื่องปรับอากาศอุณหภูมิ 25 องศา ทำให้ไอ้ไซน์รู้สึกหนาวไป เอื้อมมือไปกดรีโมทมาเพิ่มอุณหภูมิขึ้นอีก แล้วก็มุดตัวแทรกกลางระหว่างไอ้สองแฝด ดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาจนชิดคอ นอนยาววววววว


...ไม่อยากจะบอก ตอนนี้สองแฝดได้ติดไข้จากไอ้ไซน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบ่งกันเป็นคนละนิดคนละหน่อย ช่วยกันเป็น จะได้หายเร็วๆ


ช่วงนี้เราก็มีสอบมิดเทอมเหมือนพวกแฝด
พฮือออ หนังสือก็จะอ่าน นิยายก็จะอัพ ชีวิตดูตีกันเหลือเกิน
ตอนนี้เขียนแข็งๆยังไงไม่รู้ เพราะเราเครียดกับไซน์ด้วยมั้ง 555
เดี๋ยวตอนหน้าก็ดีแล้ว...
รักพวกแฝดเยอะๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (9)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 05-03-2016 09:17:01
อยากอาสาไปดูแลเจ้าแฝดตอนป่วยจัง
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (9)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 05-03-2016 13:06:44
สนุกดีคะ มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 07-03-2016 01:00:28
10
Recognize and Adaptation


เช้ามืดพระอาทิตย์เกือบขึ้นแล้วในวันเสาร์ หลังจากผ่านมรสุมมิดเทอมไปเมื่อวาน  สามแฝดยังคงนอนซมกองกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาชิดจนถึงคอกันทุกคน ไอ้ไซน์นอนกระสับกระส่าย พลิกไปมาอย่างไม่สบายตัว จนเป็นเหตุให้พวกพี่แฝดที่นอนอยู่ด้านข้างสะลึมสะลือ ตื่นขึ้นมาดู

“ตัวร้อนหวะ” ไอ้คอสพูดเสียงขึ้นจมูก มือก็ทาบหน้าผากเล็กๆวัดอุณหภูมิ

“อือ งั้นเดี๋ยวเอาผ้ามาเช็ดตัวก่อนละกัน” ไอ้แทนงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง สายตามองผ้าห่มอุ่นๆอย่างแสนเสียดาย จำใจเดินไปหากะละมังเล็กกับผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ไอ้คนป่วยที่นอนซมอยู่
ยื้อผ้าห่มออกจากแฝดน้อง ก่อนจะปลดกระดุมชุดนอนแล้วเริ่มเช็ดตัวจากใบหน้า ลงมาซอกคอ แล้วไล้ตามแผ่นอกและหน้าท้องแบนๆ ไอ้ไซน์ตัวสั่นน้อยๆเมื่อผิวกายออกมาสัมผัสกับอุณหภูมิห้อง มือก็ปัดป่ายออก ราวกับบอกให้หยุด

“ฮื่อ หนาว” เสียงแหบๆละเมอครางออกมา แล้วพลิกตัวหนี ไอ้พี่พวกพี่แฝดถอนหายใจใส่ ติดกระดุมเสื้อ แล้ววกกลับมาเช็ดแขนเช็ดหน้าอีกรอบ พร้อมกับคืนผ้าห่มอุ่นๆให้ไอ้หมาที่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งแม้ตอนหลับ

“มึงมันตัวแพร่เชื้อ กูนอนทั้งวันไม่ได้ทำห่าไรเลยเนี่ย” แฝดคนกลางว่า ผลักหัวไอ้ไซน์ให้อย่างนึกหมั่นไส้

...โปรเจคกูต้องเสนอหลังสอบนี้ ว่าจะปั่นก็โดนหวัดแดก นอนซมไปตั้งแต่สอบเสร็จแล้ว มึงนะมึง

.

.

.

“ไซน์ เดี๋ยวกูจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ มึงจะเอาอะไรมั้ย” ไอ้แทนว่า คว้ากุญแจที่วางอยู่โต๊ะข้างโซฟาขึ้นมาถือไว้ ถามไอ้หมาที่นั่งหน้าอึนๆดูการ์ตูนช่องบูมเมอร์แรงอยู่

...เอากับมันสิ ป่วยแค่ไหนก็ตื่นขึ้นมาดูการ์ตูน นี่มันกี่ขวบบบบบ?

“ไปด้วยยยย” ช้อนตามองคนถามบอกเสียงยาน

“นอนเจียมตัวอยู่นี่แหละมึงอะ” ไอ้คอสชี้หน้าบอกเสียงดุ ไม่ยอม มันจะมาลูกอ้อนไหนก็จะไม่ให้มันไปเด็ดขาด เกิดไปตากลมตากแอร์เจอฝุ่นเจอควัน แล้วเป็นหนักกว่าเดิมอีก

“ไปด้วย ไม่ดื้อ นะ...” 

“...”

“...”

“จะไปก็ลุก!” หนึ่งในพวกพี่แฝดบอก ไอ้ไซน์ยิ้มกว้างตาหยีมาให้

“เดี๋ยวไปเปลี่ยนกางเกงก่อน” ลุกขึ้นบอกแล้วรีบแจ้นเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ไอ้พวกพี่แฝดยืนมองตากับปริบๆอยู่สองคน

“มึงมันอ่อน แค่ไอ้ไซน์กระพริบตาปริบๆใส่ก็ยอมละ” แฝดคนกลางว่าเสียงขุ่น ไอ้คนโดนแขวะไปแต่ถอนหายใจ

“งั้นมึงทำไมไม่ห้ามหละ เงียบทำไม มึงก็แพ้ลูกอ้อนมันเหมือนกันแหละ” ว่ากลับ ไอ้คอสได้แต่ส่งเสียงเหอะขึ้นลำคอ หันหน้าเบือนหนีไปทางอื่น แล้วก็หันกลับมามองหน้าแฝดคนโตใหม่ ก่อนพวกแฝดพี่จะอมยิ้มแล้วก็บอกพร้อมกัน

“ก็มันน่ารัก”



ภายในห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนที่มาเดินช๊อปปิ้งในวันหยุดกัน สามแฝดมีแมสปิดปากคนละผืนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเพิ่ม ไอ้ไซน์วันนี้ที่โคฟเวอร์เป็นหมาพุดเดิ้ล (อีกครั้ง) มัดจุกขึ้น แล้วก็มีคูลฟีเวอร์แปะไว้บนหน้าผาก เดินตามหลังพวกพี่แฝดต้อยๆอย่างเป็นคุณชาย อยากกินอะไรก็ชี้นิ้วบอกพวกพี่แฝด แม้บางอย่างพวกพี่แฝดจะไม่สนับสนุนให้ซื้อ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังลูกอ้อนของไอ้หมาได้ รู้ตัวอีกทีมือก็หยิบของที่ไอ้ไซน์อยากได้เข้ารถเข็นซะแล้ว จะทำได้ก็เพียงแค่

‘ถ้ากูซื้อไปแล้วไม่เห็นมึงแตะหละโดน’

...ขู่ไปงั้น

“คอส แทน วันนี้เรากินชาบูกันเถอะ รู้สึกอยากซดน้ำร้อนๆอะ” ไอ้หมาพุดเดิ้ลพูดขึ้นขณะที่กำลังเข็นรถเข็นมาจ่ายตังที่แคชเชียร์ ไอ้คอสเลิกคิ้วหันไปถามไอ้แทนต่อ

“...ก็เอาดิ อยากกินเหมือนกัน” พูดจบไอ้ไซน์ยิ้มกว้าง ไม่เห็นหรอกว่ามันยิ้มกว้างแค่ไหน เพราะถูกแมสปิดปากเอาไว้ จะเห็นก็เพียงแค่ตาขีดๆที่ปิดกันเป็นเส้นโค้งนั่นแหละ ถึงพอจะดูออกว่ามันดีใจ



“สามที่นะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”  พนักงานในร้านบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผายมือ เชิญพวกให้เดินเข้าไปตามพนักงานอีกคนเข้าไปยังโต๊ะด้านในติดกำแพง คนค่อนข้างเยอะ ถึงแม้จะเป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้ว พวกแฝดสั่งรายการอาหารจากพนักงานเยอะพอสมควร แต่รอไม่นาน อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ นั่นแหละ พวกแฝดก็ไม่รอช้า รุมโยน (?) พวกผัก พวกเนื้อลงไปในหม้อแล้วก็แย่งกันกินอย่างสนุกสนาน วิดีโอคอลไปหาคุณแม่ ที่กำลังจะเข้าสอนพิเศษแล้วฟ้องกันใหญ่ ทั้งเรื่องสอบ เรื่องหวัด เรื่องกิน เรื่องตัง จนคุณแม่ปวดหัว อยากจะตัดสายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสามทิ้งเต็มที

คุณแม่หละยอมใจ กับลูกชายของเธอจริงๆ  ไอ้นิสัยขี้ฟ้อง ไม่ยอมกันนี่ไปได้ใครมา จะว่าเกเรจนทำให้เสียใจมั้ย? ก็ไม่ แต่จะว่าภูมิใจมั้ย? ก็ไม่เชิง อารมณ์คงจะเป็นแบบหน่วงๆ เหมือนเพลงของ room 39 ที่จะสุขก็สุขไม่สุด ต้องให้มีเรื่องปวดหัวกับพวกเด็กชายพวกนี้อยู่ตลอด เห้อออ ก็ดี ชีวิตแก่ๆของคุณแม่จะได้มีสีสันให้พอไปเม้าท์กับเหล่าแม่บ้านได้ขำๆ

“คอส !”

“อ้าว ไอ้ยักษ์ มาตอนไหนวะ” ไอ้แฝดคนกลางหันไปตามเสียงเรียก ก็เจอเพื่อนยักษ์ตัวโต ที่นั่งอยู่ถัดไปอีกสองโต๊ะ ด้านในสุดพร้อมโบกมือทักทาย

“มาได้สักพักละ พาน้องรหัสมากิน ช่วงนี้มันซึมๆ สงสัยไม่ได้กินตีนนาน” ไอ้ยักษ์บอกพร้อมยักคิ้วทำหน้านิ่งเผื่อแผ่มาให้ไอ้ไซน์
 
...จ้า ภาพลักษณ์มึงหมดไปตั้งแต่เล่นเดอะซิมส์กับกินเจลลี่แบร์แล้วจ้า

“ไอ้ไจ๋อะนะ?” ทันทีที่ไอ้แฝดคนกลางถามกลับ บุคลที่สามที่โดนกล่าวถึงก็หันควับ ยกมือหวัดดีไอ้คอส มองมาทางไอ้ไซน์แล้วชะงัก ก่อนจะยกมือขึ้นหวัดดี แล้วหันหน้าไปกินต่อ

“เออ ทำหน้ายังกะคนจะตาย ตอนสอบนี่เล่นไม่นอน พึ่งมาสำนึกได้วันนี้ว่าหิว กูเลยใจดี พาออกมาเลี้ยง” ไอ้ยักษ์บอก แล้วบ่นอุบอิบกับน้องรหัสมันอีกต่อนึง

“ฮ่าๆๆ เออๆ ถ้าว้อนท์มากเดี๋ยวกูจัดให้ ไว้ค่อยคุยกันมึง” ไอ้คอสบอกตัดบท กลับมากินต่อ

“เพื่อนมึงหรอ?” แฝดคนโตถาม

“เออ ทำโปรเจคก็กลุ่มเดียวกับมันนี่แหละ” บอกแล้วก็คีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“เห็นมันทำหน้านิ่งๆมาให้ไอ้ไซน์ กูกลัว”

“ฮ่าๆ มันใจดีจะตาย แต่ขี้แกล้งไปหน่อย ไอ้ไซน์ก็รู้จัก”

“เออ ตอนแรกก็กลัว แต่วันนั้นมันยื่นเจลลี่แบร์มาให้ กูก็หายกลัวเลย” ไอ้ไซน์เล่าขำๆ ทำให้พวกพี่แฝดพลางหัวเราะไปด้วย



ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถอยู่ชั้นใต้ดิน ไอ้ไซน์ก็แวะเข้าห้องน้ำ ให้พวกแฝดไปรอที่รถ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินมาล้างมือที่อ่างล้างมือ เสร็จแล้วกำลังจะผลักประตูออกจากห้องน้ำก็มีแรงดันเบียดเข้ามาก่อน เกือบทำหน้ายุ่งใส่แล้ว แต่ก็ชะงักถอยห่างออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนเป็นใคร

“...ไจ๋” เรียกชื่อคนเป็นน้องแล้วก็เบี่ยงหลบออกมา แต่ข้อมือเล็กกลับถูกคว้าไว้ให้กลับมายืนสบตากันอยู่ที่เดิม

“เคลียร์กันหน่อยมั้ย?” น้องไจ๋ว่า ขมวดคิ้วหนาๆเป็นเชิงคำสั่งมากกว่าคำถาม

“ตอนนี้ไม่ว่าง พวกแฝดรออยู่” บอกพร้อมขืนมือออก

“โทรไปบอกว่าจะให้ผมไปส่งที่คอนโด”

“ไจ๋ !”

“งั้นก็ยืนคุยกันอยู่แบบนี้แหละ คุยจนกว่าจะรู้เรื่อง” แววตาจริงจังกว่าทุกครั้งส่งผ่านมาให้อีกคนที่เผลอขึ้นเสียงใส่รับรู้ว่าน้องไจ๋มันเอาจริงแน่ๆ ไอ้ไซน์ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง หยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์แฝดคนโต รอเสียงสัญญาณไม่นานปลายสายก็กดรับ

‘ว่า?’ เสียงทุ้มๆดังผ่านปลายสาย พร้อมกับเสียงจากไอ้แฝดคนกลางมาว่า ขี้หรอน้องไซน์ทำไมนานจัง ล้อแทรกขึ้นมา

“คอสกับแทนกลับก่อนเลย มีธุระต้องทำอีกนิดหน่อย” ไอ้ไซน์บอกปัด

‘ทำอะไร’

“ธุระ”

‘ธุระอะไร’

“เออหน่า กลับก่อนเลย”

‘ไซน์ มึงอยู่กับใคร’ น้ำเสียงจริงจังจนคนฟังยังเกร็งที่จะตอบ เหลือบมองดูหน้าน้องไจ๋พร้อมกับแรงบีบที่ข้อมือเพิ่มขึ้นอีก

“กู...กูจะคุยกับน้องไจ๋เรื่องเรียน”

‘กูรอก็ได้นี่ หรือจะให้กูไปรับไปส่งที่ไหน’ ไอ้แฝดคนโตยังไม่ยอมเข้าใจ ถามเค้นเอาคำตอบจริงๆกับไอ้ไซน์

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับเอง”

‘แน่ใจนะ’

“อื้อ วางนะ”

‘อือ รีบกลับด้วย เดี๋ยวไข้ขึ้น’ ก่อนสายสัญญาณจะถูกตัดไปก็ยังไม่วายส่งน้ำเสียงเป็นห่วงอาการไม่สบายของไอ้ไซน์ขึ้นเตือน ไอ้ไซน์กดวางแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม เหลือบมองหน้าน้องไจ๋ที่ยังจับที่ข้อมือไม่ปล่อย

“ไปคุยที่อื่น”

“ไปไหน”

“แถวนี้แหละ” บอกแล้วก็กระตุกข้อมือคนเป็นพี่เบาๆให้เดินออกไปด้วยกัน  รถน้องไจ๋จอดอยู่ลานจอดรถชั้นบน ต้องเดินกลับเข้าไปในห้างอีกรอบ พอถึงชั้นสาม ก็เดินออกมายังบริเวณลานจอดรถ น้องไจ๋ปลดล็อคกุญแจรถเปิดประตูดันไอ้ไซน์ให้เข้าไปนั่ง

“เดี๋ยวๆ” ไอ้ไซน์รีบร้อง ยื่นมือจับขอบประตูรถดันออก แต่

ปัง!

“เห้ย!”

ประตูรถถูกปิดทับเข้ากับมือไอ้ไซน์อย่างจัง น้องไจ๋นั่งคุกเข่าลงกับพื้น รีบจับมือสั่นๆเข้ามาเป่า ไม่รู้ว่าช่วยอะไร แต่ก็ดีกว่ายืนมองเฉยๆ เงยหน้าขึ้นมามองคนพี่เป็นระยะๆ

“เห้ย ร้องไห้ทำไม?” น้องไจ๋ลนลานเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาจากดวงตาเล็กๆ มือใหญ่ทั้งเช็ดน้ำตาให้ ทั้งคอยประคองมือที่โดนประตูหนีบอย่างเป็นห่วง

...โอ้ย ไอ้ไจ๋ สติๆ

“เจ็บ” ร้องบอกคนเป็นน้อง มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวกๆ

“ไปหาหมอมั้ย?” แววตาที่บอกว่าเป็นห่วง และรู้สึกผิดไปพร้อมๆทำเอาไอ้ไซน์ยิ้มออกมา ก่อนส่ายหน้าบอก

“ไม่เป็นไร ไปคุยกันเหอะ” พอคนเป็นพี่พูดแบบนั้น น้องไจ๋ก็ได้แต่ถอนหายใจ ลุกขึ้นปิดประตูรถ ย้ายตัวเองมาเป็นสารถี สตาร์ทรถ เคลื่อนออกไปยังสถานที่ที่ต้องการ

น้องไจ๋บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ตอนนี้เป็นแบบไหน มันตีรวนกันไปหมด ทั้งรู้สึกผิด อยากขอโทษ เป็นห่วง ทั้งอยากคุย แต่ลึกๆก็โกรธ ไม่เข้าใจ สับสน วุ่นวายอยู่ภายในใจ

...ทำไมต้องอยากเคลียร์ขนาดนั้น ทำไมไม่ห่วงตัวเองก่อน เคลียร์ๆจะได้จบๆไปใช่มั้ย ?

.

.

.

ขับรถ 20 นาที รถยนต์คันหรูก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านจัดสรรหลังใหญ่ น้องไจ๋กดรีโมทคอนโทรล แล้วรั้วบ้านก็ค่อยๆเปิดออก ขับรถเคลื่อนเข้าไปจอดที่โรงรถข้างตัวบ้าน เมื่อมีอาการหน้าหมางงเข้ามาแทรก อาการเจ็บเมื่อครู่ก็พอทุเลาลงไปบ้าง เปิดประตูรถลงออกมาตามคนน้อง

“ผมอยู่บ้านหลังนี้นี่แหละ ใกล้มหาลัยดี ป๊าก็เลยซื้อไว้เลย” น้องไจ๋บอกก่อนที่ไอ้ไซน์จะได้ถาม จับมือเล็กให้เดินเข้ามาในบ้านด้วยกัน ก่อนจะดันให้คนพี่นั่งลงที่โซฟา แล้วตัวเองก็นั่งลงกับพื้นด้านล่าง สำรวจมือข้างที่เจ็บ

“โอ๊ะ” ร้องออก พร้อมชักมือกลับเมื่อน้องไจ๋เผลอไปโดนส่วนที่ช้ำเข้า

“ไม่ได้หนีบเล็บใช่มั้ย” เงยหน้าขึ้นถาม มือใหญ่ก็รวบมือไอ้ไซน์ที่เริ่มขึ้นสีเขียวๆ เป็นรอยยาวไว้

“อื้อ ไม่โดน”

“ไปหาหมอเหอะ” บอกอีกครั้ง สายตาเป็นห่วงถูกส่งออกไปให้คนที่ตรงหน้า แต่ไอ้ไซน์ก็ส่ายหน้า

“เดี๋ยวถ้ามันไม่หายค่อยไป” จะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจกับความดื้อรั้นของคนเป็นพี่ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในตัวบ้าน เสียงดังกุกกักๆ ทำเอาไอ้ไซน์เผลอชะโงกหน้าเข้าไปดู  น้องไจ๋เดินกลับออกมาพร้อมกล่องยาสามัญประจำบ้าน กับกะละมังน้ำแข็ง มีผ้าบางผืนเล็กอีกหนึ่งผืน แล้วก็มานั่งขัดสมาธิลงกับพื้น จับมือเล็กมาเป่าเบาๆ อีกรอบ ก่อนจะหันไปหยิบน้ำแข็งในกะละมังมาห่อในผ้า หมุนๆให้ผ้าเป็นก้อน แล้วค่อยๆประคบลงที่มือของไอ้ไซน์ ปากก็คอยเป่าลมใส่ด้วย

“ไม่สบายตั้งแต่วันไหน” ถามทั้งที่ก้มหน้าประคบน้ำแข็งอยู่

“ช่วงสอบนั่นแหละ” ไอ้ไซน์บอก มองจมูกโด่งๆ กับคิ้วเข้มที่ขะมักเขม้นประคบน้ำแข็งให้อย่างเบามือ

...มุมก้มนี่ก็วิวดีเหมือนกัน

“...”

“ไจ๋...”

“...หื้ม?”

“ถ้า...ถ้ามึงได้ฟังเรื่องไม่ดีของคนคนนึงมา แล้วมึงจะมองเค้าแบบเดิมได้อยู่มั้ยวะ”  น้องไจ๋เงยหน้าขึ้นสบตากับไอ้ไซน์ที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“พี่ตัดสินคนจากคำพูดคนอื่นหรอ?”

“...”

“...”

“กู...คือ...คือ คนอื่นมันพูดเรื่องไม่ดีของมึงให้กูฟัง กูก็เลย”

“ถอยห่างจากผม?” น้องไจ๋ต่อประโยค มองตาคนเป็นพี่ด้วยแววตาตัดพ้อ ผิดหวัง

“...” ไอ้ไซน์พยักหน้ายอมรับ ก้มหน้าหลุบตามองพื้น

“อือ เข้าใจแล้ว” น้องไจ๋ว่า หันกลับไปสนใจมือเล็ก เอาก้อนผ้าน้ำแข็งที่ประคบออกก่อนจะหยิบหลอดยาแก้ฟกช้ำในกล่องมาบีบเนื้อยาสีขาวลงปลายนิ้วมือตัวเองแล้วค่อยๆแตะลงมือไอ้ไซน์

“เข้าใจอะไร ?”

“ก็พี่ไม่อยากยุ่งกับคนไม่ดีแบบผม”

“มะ ไม่ใช่” ไอ้ไซน์รีบปฏิเสธบอก

“ใช่ดิ แค่พี่ฟังเค้ามาพี่ก็ตัดสินผมแล้ว” น้องไจ๋ยังยืนยันคำพูดตัวเองเสียงเรียบ ทายาลงบนรอยสีเขียวๆบนมือเล็กอยู่อย่างแผ่วเบา

“กู กูขอโทษ”

“พี่ไม่ถามผมสักคำ ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด”

“ก็... ก็ กูกลัว”

“ผมเป็นฝ่ายถูกเมิน ผมควรกลัวมากกว่าปะวะ?” คนเป็นน้องก็ยังคงสวนกลับเสียงเรียบ เงยหน้าเลิกคิ้วขึ้นถามคนเป็นพี่ แล้วก็หันกลับไปบีบเนื้อยามาทาลงมืออีกครั้ง

“ขอโทษ...กูผิดเอง” ไอ้ไซน์บอกเสียงอ่อน จนใจจะอธิบายกับสิ่งที่มันกำลังรู้สึก รู้แค่ตอนนี้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนั้น อยากพูด อยากปฏิเสธข้อกล่าวหาที่น้องมันบอก แต่ก็ยอมรับว่าที่น้องมันพูดมาก็ถูก

“ไม่หรอก ผมนี่แหละที่ผิด ผิดเองที่คงเข้าไปวุ่นวายกับพี่มากเกินไป ขอโทษนะพี่ไซน์”

“ไจ๋...” เรียกคนตรงหน้าอย่างแผ่วอ่อน เหมือนก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ กลืนน้ำลายก็ยาก หายใจก็ลำบาก คำขอโทษจากน้องไจ๋ทำเอาใจอ่อนยวบ หมดแรงจะพูดต่อ เกิดมาไม่เคยรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อรู้ว่าน้ำตาเม็ดโตที่คลออยู่ในหน่วยตาจะตกลงมาแล้ว ในขณะที่น้องไจ๋ยังทำเป็นสนใจแค่มือที่เกิดรอยช้ำเท่านั้น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองไอ้หมาขี้แยเลยสักนิด


หารู้ไม่ว่า ... มันกำลังแอบอมยิ้มอยู่

“โอ๋...มากอดมา” น้องไจ๋ลุกขึ้นจากพื้นเปลี่ยนไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับไอ้ไซน์ แล้วรวบตัวไอ้หมาที่สะอื้นฮึกๆ มาซุกไว้ที่หัวไหล่ตัวเอง มือก็ลูบหลังลูบหัว โยกตัวไปมา ปลอบโยน

“ฮึก ฮึก ขอโทษ ก็กูได้ยินเรื่องมึง แล้ว ฮึก กูมองมึงไม่เหมือนเดิม ฮึก กูกลัวกูเกลียดมึงอะ” บอกเสียงอู้อี้พร้อมเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ บอกเลยถ้าน้องไจ๋มันเมินต่อไปเรื่อยๆ ไอ้ไซน์จะมีน้ำตาแค่หยดเดียว  แต่ไม่ใช่ไง น้องมันมากอดมาปลอบแบบนี้ พัง ต่อมน้ำตานี่พัง แตกยับเยินเลย

...แต่ก็รู้สึกโล่งขึ้น

“ผมไม่รู้ว่าพี่ไปได้ยินอะไรมา แต่ผมขอให้พี่มองผมใหม่ มองในมุมของพี่คนเดียว อย่าตัดสินผมแค่เพราะคนอื่นบอก แค่พี่คนเดียว พูดออกมาพี่ไซน์ ผมพร้อมจะปรับตัว ได้มั้ยครับ?” คำพูด และน้ำเสียงจริงจังที่รับรู้ผ่านการกอด ทำเอาไอ้หมาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“อือ” พยักหน้าหงึกๆลงกับลาดไหล่แข็งแรง แอบเช็ดทั้งขี้มูกทั้งน้ำตาลงกับเสื้อน้องไจ๋ด้วยแหละ

“พี่ไซน์ เรามาทำข้อตกลงกันเหอะ”

“ตกลงอะไร”

“ถ้าอยากให้รู้ ก็บอก ถ้าอยากได้คำตอบ ให้ถาม โอเคมั้ย? ห้ามคิดไปเอง”

“อื้ม ได้” นิ้วก้อยของไอ้ไซน์ที่วางบนตักถูกเกี่ยวเข้ากับนิ้วก้อยของน้องไจ๋ราวกับทำพันธะสัญญากัน ไอ้ไซน์อมยิ้มน้อยๆ มุดหน้าซบไหล่คนเป็นน้องอย่างออดอ้อน เสียงสูดขี้มูกฟึดฟัดยังดังขึ้นอยู่

“ไหน มามองหน้าดิ๊ ไม่สบายแล้วอ้วนขึ้นปะเนี่ย” ผละตัวออก แซวคนเป็นพี่ที่ทำตาขวางใส่ทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องไห้เป็นเด็กน้อยอยู่เลย

“มึงมันปากเสีย” ค้อนตาว่าให้น้องไจ๋ที่นั่งจ้องหน้าไอ้ไซน์แล้วหัวเราะหึหึอย่างเจ้าเล่ห์ มือใหญ่ๆก็เอื้อมมาที่หน้าผาก ค่อยๆแกะแผ่นคูลฟีเวอร์ที่แปะอยู่ออกให้

“เจ็บมั้ย”

“แกะออกทำไม?” ไอ้ไซน์ไม่ตอบ หากแต่ถามคำถามกลับคืน

“ไอ้แผ่นเนี่ย มันไม่ช่วยลดไข้หรอก พี่ต้องกินยาแล้วก็เช็ดตัวบ่อยๆ” แกะคูลฟีเวอร์ออกแล้วก็โยนแผ่นเจลสีฟ้าๆนั่นลงไปในถังน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่าง เขยิบตัวเข้าหาคนเป็นพี่แล้วยื่นหน้าเข้าไป ไอ้ไซน์ตกผละออกห่าง แต่น้องไจ๋ก็จับกรอบหน้าให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะเอาหน้าผากแตะ แนบลงไปกับส่วนเดียวกันของอีกคน

“ทำ ทำอะไร” ไอ้ไซน์หรี่ตาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือดันหน้าอกคนเป็นน้องไว้ไม่ให้ชิดกันเกิน

“วัดอุณหภูมิร่างกายที่ถูกต้อง” บอกเบาๆ ตาก็จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสั่นไหวอีกคน

“ไม่ ไม่ถูกแล้วมั้ง”

“พี่ไซน์...” เสียงกระซิบเรียกชื่อ ทำให้หัวใจหวิวๆชอบกล

“อือ”

“ผมว่า...”

“...”

“...ผมชอบพี่” ไอ้ไซน์หายใจติดขัดทันทีที่ได้ยิน อยากจะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วบอกว่า มึงอย่ามาอำกูหน่า แต่สายตาของน้องไจ๋ตอนนี้มีแต่แววตาจริงจัง ไม่ได้ล้อเล่น ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มที่ขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อเพราะพิษไข้หรือพิษเขินก็ไม่อาจรู้ จมูกโด่งๆเข้ามาคลอเคลีย ถูวนกับจมูกไอ้ไซน์ ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ที่ท้องแปลกๆ ไอ้ไซน์หลับตาเมื่อน้องไจ๋เลื่อนริมฝีปากมาแตะที่ส่วนเดียวกัน

แตะแล้วผละออก แล้วกลับมาแตะใหม่ ทำย้ำอยู่อย่างนั้น

“ฮื่อออออออ” ไอ้ไซน์ผละตัวออกมา หอบหายใจ เม้มปากแน่น มือสองข้างก็ยกขึ้นมากอบกุมหน้าอกตัวเองเอาไว้

...หัวใจเต้นตึกตักรัว เร็ว ไปหมด

“ผมชอบพี่” น้องไจ๋ยิ้มกว้างย้ำบอกราวกับจะแกล้งคนตรงหน้าให้ตาย ละลายไปกับโซฟายังไงอย่างงั้น ดึงคนเป็นพี่รวบมากอดอีก

...การกอด เป็นการที่ทำให้หัวใจได้ใกล้กัน

“มึง มึงอาจแค่หวั่นไหว” ไอ้ไซน์หาเหตุผลมาขัด

“ไม่ ผมชอบพี่” น้องไจ๋ก็ยังยืนยันคำเดิม เน้นเสียงหนักมั่นใจในคำพูดของตัวเอง

“มึง มึงแค่สับสน”

“เปล่า ผมรู้ตัวเองดี ผมรู้ว่าผมชอบพี่” กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ซบหน้าลงกับซอกคอร้อน แอบสูดดมกลิ่นตัวหอมๆของคนเป็นพี่เต็มฟอด

“ไจ๋ มะ มึงเป็นหรอ?”

“ถ้าผมชอบพี่แล้วแปลว่าผมเป็น ก็คงใช่” ละกอดออกแล้วสบตาบอกกับไอ้ไซน์

“ไจ๋...”

“วันนั้นพี่ไปหาผมที่ร้านทำไม” น้องไจ๋เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นพี่ดูอึดอัด

“ไปซื้อเค้กหรอก”

“...” น้องไจ๋ไม่ตอบกลับ หากเพียงแต่ส่งสายตาเยิ้มๆจ้องมองคนเป็นพี่อย่างคาดคั้นเอาคำตอบ

“ก็ คิดถึง...พี่ปิงปิงไง” ไอ้ไซน์ใช้มือดันหน้าผากให้หงายไปด้านหลัง หัวเราะคิกๆกับท่าทีโอเวอร์แอคติ้งของน้องไจ๋ที่ทำราวกับเจ็บนักเจ็บหนา

“เหอะ ปะกลับ อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวโดนผีจับกินตับ”

“เก็บไว้ไปกินตับเด็กหญิงมึงเถอะ” เบะปากบอกประชดประชัน

“อ้าวๆ อย่าลองดีนะครับ ยิ่งเด็กชายตัวเล็กๆขาวๆ มันยิ่งชอบ ไม่รู้หรอ” น้องไจ๋นี่ก็ขี้แกล้งเหลือเกิน ยื่นหน้าเข้ามากระซิบบอกเสียงแหบพร่าใกล้หูคนเป็นพี่ที่ทำหน้าเหลอหลา

“ผีเหี้ยอะไรของมึง บ้าแล่ว”

“ไม่ใช่ผีเหี้ย ผีทะเล”

“มึง มึงไปส่งกูเลย!” เอาเสียงดังขู่กลบเกลื่อน พร้อมกับลุกขึ้นเดินตึงตังออกไปจากบ้าน  น้องไจ๋อมยิ้ม เดินเอากะละมังเข้าไปเก็บ แล้วควงกุญแจรถเดินตามไอ้หมาพุดเดิ้ลออกไป อย่างอารมณ์ดี




...บางที การทะเลาะกัน ก็อาจทำให้เข้าใจกันมากขึ้น
 



หนอยยยย นังน้องไจ๋มันร้ายนะคะหัวหน้า อิอิ
ให้ความสัมพันธ์มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนอะ อย่าคาดหวังกับเรา และอย่าเร่งรัดมันมาก 5555

อาทิตย์หน้าเรามีสอบ เราขอเลื่อนการอัพนิยายไปอีกหนึ่งอาทิตย์ละกันนะคะ

ฝากติดตามพวกแฝด บวกน้องไจ๋ แล้วก็รักพวกแฝดมากๆด้วยนะคะ
บอกเลย งานนี้พี่แฝดไม่อยู่เฉยแน่ๆ เลิ้บบบบ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 07-03-2016 01:44:47
รังสีความละมุนฟุ้งกระจาย
เขาพัฒนาไปอีกขั้นแล้วแหละเธออออ :-[
หวังว่าพี่แฝดจะออมแรง  :impress2:
จะตั้งหน้าตั้งตารอนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: maixmix ที่ 07-03-2016 04:44:24
โอ๊ยยยยยยย เราชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะคนเขียน  o13 o13 :-[ :o8:
อ่านรวดเดียว 10 ตอนเลย  :L1: อยากจะบอกว่าขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆแบบนี้มาให้อ่าน มันดีต่อใจเรามากๆ
แบบว่าใช่มากๆ เนื้อเรื่องชวนอ่าน ทำเรายิ้มและขำตลอด เราชอบการบรรยายแบบบุคคลที่ 3 แบบนี้มากๆ
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้นะคะ ทำให้เราเห็นพัฒนาการ นิสัย และความสัมพันธ์ของตัวละครได้ชัดเจน
และทำให้เราผูกพันกับตัวละครมากขึ้น ตัวละครน่ารักดีค่ะ ชอบที่มีการบรรยายความคิดตัวละครนั้นๆเสมอ
ชอบ 3 แฝดมากเลย ชอบไจ๋ด้วย ฮืออออออ อยากอ่านตอนต่อๆๆไปเร็วแล้ว รอค่ะ  :ling1: :ling1:
ป.ล. เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไป สู้ๆกับการสอบนะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-03-2016 08:49:32
ชอบบบบ สามแฝด ไซน์ คอส แทน  (ไร้ทเตอร์ สงสัยชอบวิชาคณิต ทำให้นึกถึงตอนเรียนชั้นมัธยม) น่ารัก พี่น้องรักกัน ห่วงกัน  :mew1:        ชอบไซน์ กับไจ๋  :katai2-1:  จะมีเรื่องของแทน คอส พี่ยักษ์มุ้งมิ้ง มั้ยน้า  :hao3: อยากอ่าน  มาต่อบ่อยๆ นะ คิดถึงงงงง
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-03-2016 16:15:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (10)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 09-03-2016 18:24:59
พี่แฝดจะยอมมั้ยคะเนี่ย
เชียร์ให้แทนกะคอสกีดกัน อิอิ
แบบว่าหวงหมาน้อยไซน์
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 27-03-2016 22:14:41
11
Triplets


หลังจากเหตุการณ์วันนั้น น้องไจ๋ก็ยังทำตัวเหมือนปกติ โทรหาไอ้ไซน์เหมือนเดิม บางวันก็ไปรับไปส่งเหมือนเดิม ก็ยังเรียนพิเศษเหมือนเดิม และยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น  จะมีก็เพียงแค่ไอ้ไซน์นี่แหละ ที่ไม่เหมือนเดิม เวลามองหน้าน้องไจ๋ทีไร ใจเจ้ากรรมมันก็ดันเต้นแปลกๆ จังหวะผิดแปลกไป หายใจไม่ค่อยจะสะดวก ยิ่งเวลาโดนน้องไจ๋จ้องยิ่งทำอะไรไม่ค่อยถูก เวลาพูดลิ้นมันก็พันกันมั่วไปหมด

...เฮ้อมมมมม นี่ไอ้ไซน์เป็นอัลไลลลล  จะถามใครก็ไม่มีคนรู้ แม้แต่สาวยาคูลท์ยังตอบไม่ได้

“ไซน์ เป็นไร นั่งถอนหายใจทั้งวัน” พวกผู้หญิงในภาคถามขึ้น ไอ้ไซน์ส่ายหน้าปัดว่าไม่มีอะไร พวกผู้หญิงก็เลิกสนใจ หันไปวาดการ์ตูน ลงในชีทวิชาวัฒนธรรมต่อ

...อาจารย์ยืนสอนอยู่หน้าห้องมั้ยบางที?

“พรุ่งนี้วันเกิดนี่ ไปฉลองที่ไหน กับพวกแฝดหรอ?” เพื่อนผู้หญิงอีกคนถามเสียงเบา มือก็จดโน๊ตข้อมูลต่างๆที่อาจารย์พูดลงในชีท

“ไม่รู้ดิ คงงั้นมั้ง” บอกเนือยๆ พลางเคาะปากกาลงกับชีท

“เอ้า ไม่รู้ไม่ได้ ว่างไม่ว่าง จะไปไหนก็บอกมาเลยยย” เพื่อนผู้หญิงยังคงคะยั้นคะยอเอาคำตอบ

“ทำไมต้องถามมากขนาดนี้ด้วยเล่า” ไอ้ไซน์ยู่ปากบอกจนเพื่อนผู้หญิงอดหมั่นไส้ไม่ได้ เอื้อมมือมาบีบปากเล็กๆนั่นให้หายหมั่นเขี้ยวก่อนจะบอก

“จะได้บอกพี่เต๋าถูกนะสิ ช่วงนี้พี่แกยิ่งบ่นอยู่ว่าไม่ค่อยได้เจอหน้าน้องไซน์ โทรไปหาน้องไซน์ก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์”

“ฝากขอโทษพี่เต๋าด้วยละกัน ช่วงนี้ยุ่งๆ”

“ไม่รับฝาก อยากให้พี่เค้ารู้ก็ไปบอกเองดิ” เพื่อนผู้หญิงพูดจบก็หันไปทำเป็นตั้งใจเรียนต่อ ไอ้ไซน์ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูกใส่

จบชั่วโมง เหล่านักศึกษาก็พากันทยอยเดินออกจากห้อง พร้อม topic ว่าด้วยเรื่องการสั่งงานที่ต้องส่งแบบเร่งรัดกะทันหัน ไอ้ไซน์หละเหนื่อยหน่ายใจ เห็นว่าคณะมนุษย์ไม่ได้เรียนเต็มวันแบบคณะอื่นก็สั่งเอาๆ  ใครจะรู้เล่าว่างานในภาคที่ต้องทำแต่ละอย่างนี่ต้องใช้ทั้งสกิลและสมองล้วนๆ ความจำก็ต้องเป็นเลิศ ภาษาก็ต้องแม่น โครงสร้างแกรมม่านี่เรียนมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงปีสามบางตัวยังผิดแล้วผิดอีก ไหนจะทักษะการพูด ต้องใช้ความดัดจริต มีจริตจะก้านเพื่อนให้สำเนียงเป๊ะๆแค่ไหน ลองคิดดูวววววว

...บ่นไปก็เท่านั้น

ไอ้หมาเดินเตาะแตะออกมาหน้าคณะ รอพวกพี่แฝดมารับอย่างเช่นทุกวัน พวกแฝดคุยกันว่าจะกลับไปกินข้าวฝีมือคุณแม่ที่บ้าน ฉลองวันเกิดเล็กๆ ล่วงหน้าหนึ่งวัน เพราะวันเกิดจริงๆ ไอ้คุณหมอแทนไม่ว่าง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเลื่อนขั้นไปชั้นพรีคลินิกแล้ว ส่วนไอ้คอสก็มีคุยงานโปรเจ็คกับโปรเฟสเซอร์  และไอ้ไซน์ ว่าง...

รอไม่นาน รถคันคุ้นตาก็เลื่อนมาเทียบฟุตบาทหน้าคณะ ไอ้ไซน์ยิ้มแป้นให้พวกแฝดอย่างอารมณ์ดี เป็นปกติที่จะได้เจอคุณแม่ ลูกรักลูกแหง่ อยากได้อะไรก็อ้อนเอา ไอ้แฝดคนโตรับหน้าที่เป็นสารถีดังเดิม ไอ้คอสก็นั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนเบาะหลังเป็นของไอ้หมาแต่เพียงผู้เพียงและไม่มีอำนาจอื่นใดมาลบล้างได้  ช่วงเวลาสี่โมงเย็น หลังเลิกงาน รถติด กว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมง ไอ้ไซน์เปิดประตูรถวิ่งแจ้นเข้าไปกอดคนเป็นพ่อก่อนเพื่อน  ไม่วายโดนเอ็ดเบาๆว่าไม่รู้จักสวัสดีอย่างเคย พวกพี่แฝดเดินตามแฝดน้องเข้าบ้าน ถือถุงขนมเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว คุณแม่เดินเข้ามากอดลูกชายทั้งสาม มองดูอย่างปลื้มปริ่ม
เหล่าลูกชายของเธอโตเป็นหนุ่มขึ้นอีกปีแล้วสินะ

“แม่ทำอะไรกิน น้องไซน์หิ้ววววววหิวววววว” น้ำเสียงประเหลาะประแหละ ทำเอาคนในบ้านหมั่นไส้ โดยเฉพาะพวกพี่แฝด

“มันจะหิวอะไรขนาดนั้น ขึ้นรถมาก็กินขนมหมดคนเดียวตั้งสองห่อ” ไอ้คอสทำหน้าเอือมระอา

...ไม่ให้ว่าได้ไงหละ พอขึ้นรถปุ๊ป เจ้าตัวก็บ่นหิวปั๊บ แวะเซเว่นให้ก็ไปหอบขนมเหมามาทั้งร้านเลยรึเปล่าไม่รู้ ซื้อเสร็จก็กินเคี้ยวเข้าปากหงับๆ ตั้งแต่ออกจากมหาลัยจนทางเข้าบ้านยังไม่หยุดกินเลย

“แม่ดูสิ คนอะไรขี้หวงแม้กระทั่งขนม แม่บอกว่าน้องไซน์กินเก่งก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”

“ดีแล้ว จะดีมากกว่านี้ถ้าไม่เลือกกิน คอสก็อย่าว่าน้องหน่า เลิกเรียนมาเหนื่อยๆก็ต้องหิวเป็นธรมดา ปะน้องไซน์ มาจัดโต๊ะช่วยคุณแม่เร็วเข้า พี่แทนมายกกับข้าว พี่คอสไปเตรียมน้ำ” คุณแม่สั่งแล้วเดินเข้าครัว ไอ้หมาไซน์หันหน้ามายิ้มอย่าผู้มีชัยให้ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ ตามคุณแม่ไป

“เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม่รักไอ้ไซน์มากกว่ามึง จำวั้ยยยยย” ไอ้แฝดคนโตตบบ่าแฝดคนกลางปุๆ ก่อนจะเดินตามสองแม่ลูกไป

...แบล็คดี มีชัยไปกว่าครึ่ง จำวั้ยยยยยยยยยยย

.

.

.

“นอนค้างสักคืนมั้ยลูก พรุ่งนี้ค่อยกลับแต่เช้า”  คุณพ่อพูดขึ้นขณะนั่งมองลูกชายทั้งสามกินข้าว ไอ้คุณหมอของบ้านดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ กินข้าวหมดไปสองจานแล้วยังนั่งกินกับเล่นต่อได้อีก  ส่วนไอ้คอสกับไอ้ไซน์ก็ชอบเถียงกันราวกับเด็กๆ ประชดกันไป กวนกันมาอยู่นั่น แต่ก็ยอมรับเลยว่าบ้านมีสีสัน มีเสียงหัวเราะเพราะเจ้าพวกนี้แหละ

“แล้วแต่เลย ไซน์ยังไงก็ได้”

“พรุ่งนี้คอสมีเรียนเช้า มึงหละ?” ไอ้แฝดคนกลางบอกแล้วพยักเพยิดหน้าไปถามไอ้แฝดคนโต

“แทนก็เรียนเช้า เดี๋ยวกลับวันนี้แหละ ดึกๆหน่อยก็ได้ ขับรถไหว” ไอ้แทนว่า คุณพ่อพยักหน้าเบาๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ แต่ไม่นาน คุณแม่ก็เดินออกมาพร้อมกับแสงสว่างน้อยๆจากเทียนที่ปักอยู่บนหน้าเค้กวุ้นก้อนโต

...เค้กวุ้นมะพร้าวอ่อนธรรมดาๆ ที่มีคุณค่าทางจิตใจ

‘สุขสันต์วันเกิด สุดหล่อของแม่’

“แฮปปี้เบิร์ด เดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ด เดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ดเดย์  แฮปปี้เบิร์ดเดย์
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู” สิ้นเสียงคุณพ่อกับคุณแม่ที่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ พวกแฝดก็นั่งหลับตา อธิฐาน แล้วเป่าเทียนวันเกิดพร้อมกัน

“โตเป็นหนุ่มแล้ว มีความรับผิดชอบให้มากขึ้นนะลูก ตั้งใจเรียน ทุกคนเป็นความหวังของพ่อนะ” พ่อบอก ตบบ่าไอ้คอสกับไอ้แทนคนละสองที ส่วนไอ้ไซน์พ่อต้องเดินเข้าไปกอด

...ลูกแหง่ก็เงี้ย

“แม่ก็จะขอให้เรารักกัน ดูแลกันเหมือนทุกปีนั่นแหละ พี่แทน พี่คอสก็ดูแลน้อง น้องไซน์ก็อย่าดื้อนะลูก อย่าทิ้งกันนะครับ” คุณแม่ว่า วางเค้กลงบนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปกอดไปจุ๊บพวกแฝดคนละที  มองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสามของเธอแล้วยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ  น้ำตาไหลป้อยๆ

...ดูสิ ไอ้แทนสูงขึ้นตั้งเยอะ ไรหนวดสีเขียวจางๆนั่นก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว ดวงตาติดจะคล้ำหน่อยๆเพราะต้องอ่านหนังสือหนัก ชอบวางภูมิ วางมาดขรึมเหมือนพ่อเจ้าตัวนั่นแหละ ไม่รู้จะทำหล่ออะไรนักหนา แต่อนาคตจะต้องหวังพึ่งลูกคนนี้ยามแก่เฒ่า ยามไม่สบายนี่แหละน้า

เจ้าคอส ก็สูงขึ้นเกือบเท่าไอ้แทนแล้ว แอบมีกล้ามพอสมส่วนเพราะชอบออกกำลังกายและเข้าฟิตเนส ไอ้คอสได้ผิวขาวเหมือนแม่ แต่ตอนนี้ผิวเริ่มกร้าน คล้ำแดดเพราะบอกว่าต้องทำโปรเจคที่ต้องใช้แรงงาน ตากแดด ตากลมอยู่บ่อยๆ เจ้าคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเอง ถึงจะแปลกบ้าน ประหลาดเมืองไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าดี เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ การงานในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองแน่ๆ ขุ่นแม่ฟันเฟิร์ม

น้องไซน์ แก้มกลมน่ารักน่าหยิก ใบหน้าเหมือนคุณแม่ตอนสาวๆนี่ก็ดูจะไม่สูงขึ้นเลย กล้ามก็ไม่มีเหมือแฝดพี่เค้า ผมเผ้าเริ่มยาวขึ้นจากที่เห็นครั้งก่อนยังเป็นทรงเห็ดอยู่เลย ตาตี่ๆช่างรับกับจมูกเล็กๆ ได้ลงตัว เวลายิ้มเวลาอ้อนทำให้อยากตามใจ ถ้าเป็นลูกสาวนะจะจับแต่งตัวเป็นตุ๊กตาเชียวหละ เห็นหน้าน้องไซน์แล้วก็คิดถึงเจ้าตรีโกณ หมาที่คุณแม่เลี้ยงไว้ เกิดมาพร้อมพวกแฝดนี่แหละ ดูจะชอบน้องไซน์มาเป็นพิเศษ เวลานอนก็กอดกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน ติดกันยิ่งกว่าแฝดซะอีก อาจจะเพราะเหตุนี้ก็ได้เลยทำให้น้องไซน์หน้าเหมือนหมา

...ตอนเด็กๆ คุณแม่ไม่มีเวลาให้กับพวกแฝดได้เต็มที่  แต่พวกแฝดเป็นเด็กดีกันทุกคน  อาจจะซนๆ มึนๆ อยากรู้อยากลองบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย แต่ก็ไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้คุณแม่เสียใจ แค่นี้คุณแม่ก็ภูมิใจมากแล้ว ภูมิใจในตัวลูก ภูมิใจในตัวเองที่ทำหน้าที่เป็นทั้งคุณแม่ เป็นทั้งคุณครูที่ดีให้กับเด็กชายของคุณแม่จนโตมาได้จนถึงขนาดนี้

.

.

.

สามแฝดกลับมาถึงคอนโดในเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ก็ผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ เปิดแอร์ นอนแผ่อยู่บนเตียง ความสุขทางใจที่ได้รับมาเมื่อเย็นจากครอบครัวเปรียบเสมือนได้ชาร์ตแบตให้ร่างกายหายเหนื่อย

ไอ้ไซน์ยังคงนอนตรงกลางระหว่างพี่แฝดเหมือนเดิม  ดึงผ้าห่มปิดขึ้นมาจนถึงคอ ซุกหน้าลงไปกับไหล่ไอ้แทนบ้าง ไอ้คอสบ้าง แกล้งบีบจมูกบ้าง แกล้งจักกะจี้คอบ้าง พอพวกพี่แฝดทำเสียงรำคาญใส่ ก็กลับหัวเราะคิกคัก สนุกอยู่คนเดียว แกล้งคนอื่นพอใจก็หลับตาลงทำทีเป็นว่านอนหลับ เมื่อลมหายใจของพี่แฝดผ่อนเข้าออก อย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่ไซน์ก็ลืมตาขึ้นในความมืด เลิกผ้าห่มออกจากตัวเอง และค่อยๆลุกออกจากเตียงเบาๆ เดินมาที่ห้องอ่านหนังสือแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก วางไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือของพวกพี่แฝดคนละกล่อง พร้อมแปะโน้ตเล็กๆทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอน ยัดตัวเองลงไปในผ้าห่มตามเดิม

00.10 น.
‘สุขสันต์วันเกิดนะเจ้าแฝด’

.

.

.

เช้านี้ไอ้แทนตื่นก่อนใครเพื่อน ว่าที่คุณหมอลุกขึ้นอย่างสะลืมสะลือ ยืดแขนไล่ความขบเมื่อยออกจากตัว แล้วเดินคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป คุณหมอเจ้าสำอางอาบน้ำประมาณ 15 นาทีก็พันผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำ มาสะกิดแฝดคนกลางให้ตื่น  ไอ้คอส ลุกขึ้นงัวเงียเดินเข้าห้องน้ำไป  วันนี้ไอ้ไซน์บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าไม่มีเรียน สองพี่แฝดจึงไม่ต้องเสียแรงปลุกไอ้ไซน์ที่ตื่นยากยิ่งกว่าเจ้าชายนิทราซะอีก  พอแต่ตัวเสร็จ สองพี่แฝดก็เดินเข้าไปเอากระเป๋าที่ห้องอ่านหนังสือ สะดุดตากับกล่องที่วางบนโต๊ะพร้อมโน้ตยาวๆอีกหนึ่งใบแปะไว้  ทั้งที่ต่างคนต่างอ่าน แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มเหมือนกัน ไอ้คอสแปะกระดาษโน้ตแผ่นเล็กสีชมพูจ๋าไว้กับบอร์ดบนโต๊ะอ่านหนังสือ แล้วก็เปิดกล่องสี่เหลี่ยมนั่นดู

...เสื้อฟุตบอลตัวสีแดงทีมโปรด

ยิ้มแก้มปริพอใจกับของขวัญที่ไอ้รับแล้วก็หันไปมองไอ้แฝดคนโต แอบชะโงกไปดูในกล่อง แต่ในกล่องกลับว่างเปล่า

“อยู่นี่” ไอ้แฝดคนโตพูดขึ้น  ชี้ที่ใบหูบอกตำแหน่งของ ของขวัญที่ได้รับ

...สเตทสำหรับฟังเสียงหัวใจ

พวกพี่แฝดเก็บของขวัญไว้ในกระเป๋าอย่างดี แล้วเดินออกจากห้อง วันนี้คงไปเรียนแบบมีความสุข แถมยิ้มแก้มแตกแน่ๆ

.

.

.

“เห็นของขวัญแล้วใช่ปะ” ไอ้ไซน์ถามเสียงแจ๋นทันทีที่พวกแฝดกลับมาถึงคอนโด

“อะไร?” ไอ้แทนว่า ตีหน้าขรึม ขมวดคิ้วขึ้นถามแฝดคนน้อง

“รู้หรอกน่าว่าเห็นแล้ว ชอบใช่มั้ยหล่า” ยังทำเสียงเล็กเสียงน้อยแซวพวกพี่แฝด หน้าตาทะเล้นๆเหมือนหมาได้กระดูกนั่นอยากจะเอามือไปเขกกะโหลกให้หายหมั่นเขี้ยวสักทีสองที

“เห็นอะไรอ้วน นอนเยอะแล้วฝันหรอ” ไอ้คอสผลักหัวให้คว่ำไปด้านหน้า  เดินไปหยิบกล่องไอศกรีมออกจากตู้เย็นมานั่งกินที่โซฟาหน้าทีวี ไอ้ไซน์เริ่มหน้าบูด ทั้งโมโห ทั้งสงสัย เดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ แล้วก็วิ่งตึงตังออกมาโวยวายใหญ่

“เอ้า กล่องของขวัญ วางไว้ให้บนโต๊ะอะ ยังไม่เห็นหรอ”

“ไม่เห็น เมื่อเช้ากูเข้าไปเอากระเป๋าก็ไม่เห็น” ไอ้แทนว่า หยิบรีโมทขึ้นมาเพิ่มเสียงทีวีให้ดังขึ้น

“กูก็ไม่เห็น อย่ามาหลอกกู ปีนี้มึงลืมซื้อของขวัญแล้วมาเนียนว่ามันหายหรอจ๊ะน้องไซน์”

“กูวางไว้บนโต๊ะพวกมึงตั้งแต่เมื่อคืน มันจะหายไปได้ยังไง” เริ่มขึ้นเสียงดังใส่พวกแฝดพี่ ยืนกรานคำพูดของตัวเอง

“เอ้า จะไปรู้หรอ ก็กูไม่เห็นอะ มึงมโนไปเองรึเปล่าว่าซื้อมาแล้ว”

“กูซื้อมาแล้ว!!”

“งั้นของข้างในเป็นอะไรหละ?”

“หูฟังหมอกับเสื้อบอลไง”

“...”

“...”

“...”

“อ๋ออออ กูก็นึกว่าของใคร กูชอบกูก็เก็บเข้ากระเป๋าหมดอะ ที่แท้ก็ของขวัญมึงนี่เอง” ไอ้คอสว่า พยักพเยิดหน้าไปทางไอ้แทน

“เออๆ เหมือนกัน เห็นแล้วอยากได้ ก็เลยแอบเอามาเลย” ไอ้แทนนี่ก็เป็นฝ่ายสนับสนุนดีเหลือเกิน เออ ออไปกับเค้าหมด

“กวนตีนนนน พวกมึงมันแย่ ฮึ้ยยยย !” ทำหน้าบูดใส่พวกแฝดพี่ ตีแขนไปคนปั้กสองปั้ก ข้อหาโกหก หลองลวงคนอื่นให้เสียใจเล่น หากแต่พวกพี่แฝดไม่ได้สะทกสะท้าน กลับหัวเราะใส่ไอ้แฝดคนสุดท้องด้วยความเอ็นดู

...ก็ไอ้ไซน์มันน่ารักน้อยที่ไหนหละ

“ฮ่าๆ ขอบคุณนะไอ้หมา”

“ปีนี้ทำดีนะอ้วน”

“ไม่อ้วนเว้ย!”

“มีแต่กินแล้วก็นอน ดูดิ๊แก้มย้วยแล้วมึงอะ ไอ้หมาอ้วน” ไอ้คอสว่า ดึงแก้มย้วยๆของไอ้ไซน์ยืดไปยืดมา

“พูดมาก ก็เอาของขวัญคืนมาเลยนะ”

“เรื่องไรจะคืน” ไอ้แทนบอกหน้าตาย เดินหนีเข้าห้องครัวไปหาอะไรกินตามประสา ปล่อยให้ไอ้แฝดกัดกันต่อ

.

.

.

‘ลงมาหน้าคอนโดเร็วพี่ไซน์ บอกพี่คอสกับพี่แทนด้วยนะว่าจะกลับดึก’

“อะไร จะไปไหน”

‘เร็วดิพี่’

“เออๆ สั่งอย่างกะพ่อ” ไอ้ไซน์ตัดสายจากน้องไจ๋ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าตังในห้องอ่านหนังสือแล้วก็เดินมาบอกพวกพี่แฝด

“ไปไหน ค่ำแล้วนะ” ไอ้แทนละหน้าจากจอทีวี หันมาถามไอ้น้องแฝด

“เดี๋ยวออกไปหาน้องไจ๋ กูกลับดึกหน่อยนะ” ไอ้ไซน์ว่า ยังไม่ทันที่พวกพี่แฝดจะได้ถามอะไรต่อ ไอ้ไซน์ก็ใส่รองเท้า เดินออกจากห้อง ลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างก็เห็นน้องไจ๋ยืนโบกไม้โบกมือให้อยู่แถวๆหน้าเคาท์เตอร์

“ทำไมใส่กางเกงขาสั้นจัง” คนเป็นน้องถามขมวดคิ้วหน้ายุ่งให้

“เอ้า วันนี้กูอยู่แต่ห้องไม่ได้ออกไปไหน จะให้ไปเปลี่ยนมั้ยหละ” น้องไจ๋ขมวดคิ้วมา ไอ้ไซน์ก็ขมวดคิ้วถามกลับ ไม่โกง

“ไม่เป็นไร ปะ” ถือวิสาสะจับมือคนพี่ดึงให้เดินตามไปด้วยกัน

“เดี๋ยวๆ ไปไหน” ขืนแรงไว้ ถามคนเป็นน้อง น้องไจ๋หันมายิ้มกว้างตาหยีมาให้ ไม่ได้ตอบกลับอะไร ดึงไอ้ไซน์ให้ไปขึ้นรถที่จอดไว้ข้างๆคอนโดแล้วเริ่มขับรถออกไปด้วยกัน

...สะพานพระราม 8

ไอ้ไซน์กับน้องไจ๋ กำลังเดินเล่น กินลมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ที่สะพานพระราม 8 พอแสงจากธรรมชาติหมดลง แสงจากมนุษย์สร้างก็ทำงาน สายเคเบิ้ลเป็นสีเหลืองทองจากหลอดสปอร์ตไลท์สีส้มยิ่งทำให้สะพานดูสวย แปลกตา ดูโดดเด่นยิ่งกว่าสะพานไหนเข้าไปใหญ่ และแม้จะเป็นเวลาค่ำลงแล้ง แต่ก็ยังมีผู้คนรักสุขภาพจำนวนไม่น้อยที่มาวิ่งออกกำลังกายกัน ไอ้ไซน์เกาะราวสะพาน ยื่นหน้าอกไปรับลมให้พัดโกรกเข้าใบหน้า ผมเห็ดที่เริ่มยาวยุ่งไม่เป็นทรงแล้ว น้องไจ๋ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอื้อมมือไปจัดทรง เกลี่ยปอยผมให้มันกลับเข้าที่เดิม

“ทำไมพามาที่นี่อะ” ถามคนเป็นน้อง ขณะที่หลับตารับลมพริ้ม

“ผมชอบ”

“หืม ? แค่เนี้ยะ” ไอ้ไซน์หันหมางงมาถามน้องไจ๋ น้องไจ๋พยักหน้าน้อยๆยกยิ้มมุกปาก

...เท่ห์มากมั้ง

“ก็ ผมไม่รู้จะให้อะไรในวันเกิดพี่ดีอะ ก็เลยให้ในสิ่งที่ผมชอบก่อนละกัน”

“...”

“...”

“...”

“พี่ไซน์ ผมชอบพี่” น้องไจ๋เขยิบเข้ามาใกล้ไอ้ไซน์ น้ำเสียงอ่อนโยนทว่าจริงจังกระซิบบอก คนเป็นพี่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำเป็นมองรถ มองเรือ กลบอาการแปลกๆ

“ระ รู้แล้ว”

“แล้วพี่รู้ปะ ว่าผมกำลังจีบพี่อยู่” ใส่มาอีกหนึ่งดอก ไอ้ไซน์กัดปากแน่น ทำหน้าไม่ถูก ไอ้เด็กน้องไจ๋นี่มันยังไง ถามมาโต้งๆแบบไม่อายได้ด้วยหรอ แล้วทำไมคนที่อาย คนที่เขินแทนกลับเป็นไอ้ไซน์เองซะงั้น ใบหน้าร้อนผะผ่าว วูบวาบไปหมด ยิ่งมองหน้าน้องไจ๋ยิ่งรู้สึกหายใจติดขัดเข้าไปอีก

...ฮืออออ ทำไงดี รู้สึกเหมือนจะตายเลยอะแม่

“ถะ ถ่ายรูปกัน” ไอ้ไซน์เปลี่ยนเรื่อง ลนลานหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง ปลดล็อคหน้าจอแล้ว กดเข้าไปที่กล้องถ่ายรูปแล้วยื่นให้น้องไจ๋

“?”

“ก็มึงแขนยาว เลาถ่ายจะได้เห็นวิวชัดๆไง” ไอ้ไซน์อธิบาย น้องไจ๋พยักหน้าอ๋อ ก่อนจะรับโทรศัพท์มา ถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยกัน

...น้องไจ๋จะจำไว้ว่าวันเกิดพี่ไซน์เป็นวันที่ถ่ายรูปคู่ด้วยกันวันแรกกกกกกก

“มา เดี๋ยวผมถ่ายให้พี่ไซน์เอง” สลับโหมดเป็นกล้องหลัง ดันให้คนเป็นพี่ไปยืนด้านหน้าตัวเอง แล้วกดถ่าย ทั้งสองสลับถ่ายรูปให้กันไปเรื่อยๆจนเหนื่อยก็ชวนกันกลับ

น้องไจ๋ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถข้างคอนโด ส่งสายตาละห้อยให้คนเป็นพี่ราวกับไม่อยากให้ไอ้ไซน์ลงจากรถ

“ทำหน้าหงอยอย่างกะหมา เดี๋ยวเรียนพิเศษก็เจอกันแล้ว” ไอ้ไซน์ว่าขำๆ ปลดเบลท์ออก

“เจออยากเจอพี่บ่อยๆ”

"เจอหน้ากันบ่อยๆ เดี๋ยวก็เบื่อหรอก"

"ผมไม่เคยเบื่อนะ"

“แต่กูเบื่อ ฮ่าๆๆ ไปแล้วนะ ขอบคุณที่พาไปเที่ยว” ไอ้ไซน์ยิ้มบอก มือเอื้อมไปยีหัวของน้องไจ๋

“พี่ไซน์ครับ”

“ว่ะ...” ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์พูดจบ น้องไจ๋ก็รีบชิงจุ๊บริมฝีปากบาง ดวงตาพราวระยิบระยับของคนเป็นน้องส่งมาให้อีฝ่ายอย่างปิดไม่มิด

“จูบนะ”

พูดจบมือใหญ่ก็ดันท้ายทอยของคนเป็นพี่ให้เข้ามาชิด ริมฝีปากขบเน้น ไล้เลียจนไอ้ไซน์เผลอเผยอปากออก ลิ้นร้อนของน้องไจ๋ก็ถือโอกาสสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวลิ้นเล็ก เก็บเกี่ยวความหอมหวานจากโพรงปาก ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกไม่พอ น้องไจ๋ดูดดึงริมฝีปากอิ่มจนไอ้ไซน์หายใจไม่ทัน เอามือทุบไหล่คนเป็นน้องไปหลายที เจ้าตัวถึงได้ยอมถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง เอื้อมมือเช็ดน้ำใสที่ไหลเยิ้มลงมาจากมุมปากออกให้

“ฮือออออออ เอาลิ้นเข้ามาทำไม” ไอ้ไซน์ได้สติก็เริ่มเบะปากร้องครวญคราง ซบหน้าผากลงกับไหล่กว้าง ระดมตีมือใส่แขนน้องไจ๋เบาๆ

“ผู้ใหญ่เค้าก็จูบกันแบบนี้แหละหน่า ฮ่าๆ โอ้ย เจ็บนะพี่ไซน์” กอดคนเป็นพี่ไว้หลวมๆ ลูบหลังปลอบโยน แอบซุกหน้าลงกับซอกคอหอมด้วย ทำเสียงร้องโอดโอยตอนที่ไอ้ไซน์ตีแขน

...นี่เขินจนคอแดงเลยอะ

“ไอ้เด็กบ้านี่”

“ผมชอบพี่มากจริงๆนะ” ย้ำคำพูดของตัวเอง บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ ผละตัวออก แล้วมองหน้าไอ้ไซน์อีกครั้ง

...เวลาหน้าแดงแล้วน่ารักหวะ

“ปล่อยได้แล้ว” ไอ้ไซน์บอกเสียงดุ แต่น้องไจ๋เอาแต่หัวเราะชอบใจ  มีเรื่องอะไรให้ตลกนักหนา

“ยังไม่หายคิดถึงเลยอะ ขออีกทีได้ปะ” เสียงทะเล้นกับแววตาแพรงพราวจ้องไปที่ริมฝีปากคนเป็นพี่อีกครั้ง แหม๋ ไม่ได้เก็บความต้องการของตัวเองเลย

“ทะลึ่ง!”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกด้านข้างดังขึ้น ทั้งสองที่นั่งอยู่ในรถผละออกจากกัน แล้วหันไปมองผู้มาเยือน(?)

“คอส/พี่แทน”

...จย้าาาาาา






มาแล้ววววว อาทิตย์นี้ลงให้ตอนนึงไปก่อน ช่วงหลังสอบมีเรื่องให้เคลียร์นิดๆ

เอาเป็นว่าถ้าเราว่าง แล้วจะขยันอัพบ่อยๆให้นะคะ
รักพวกแฝดเยอะๆนะคะ รักคนอ่านเหมียนกัลลลล

 
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 28-03-2016 00:35:42
หมาไซน์เสียจูบแว้ววว
พี่แฝดจัดการน้องใจ๋เลย
 :hao3: :hao7:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 28-03-2016 14:08:14
 :katai5: หึหึ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-03-2016 18:10:16
สองพี่แฝด หวงน้องไซน์ ลงมาเฝ้ารอสินะ เลยเห็นฉากจูบเลย  :กอด1:
จะโกรธไหมนะ  :katai1:
รอตอนใหม่ มาไวๆ นะ  :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-03-2016 16:34:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (11)
เริ่มหัวข้อโดย: screamingoose ที่ 31-03-2016 19:21:38
เรื่องนี้น่ารักจริงๆ อ่านไปรู้สึกเหมือนตัวเองนอนกลิ้งอยู่บนเตียงนุ่มๆ fluffๆ  เขินแทนไซน์ไปหลายตลบ ชอบพวกแฝดมาก ไซน์นี่เหมือนน้องคนเล็กอายุห่างกันหลายปี น่ารักน่าเอ็นดู -///- อยากรับมาเลี้ยง
แล้วนี่ทำไง ซวยแล้ววไซน์ แฝดพี่ยิ่งขี้หวงอยู่ มาต่อเร็วๆน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (12)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 11-04-2016 23:47:23
12
ทะเลอะกัน

“คอส/พี่แทน”  เรียกขานชื่อพวกพี่แฝดเสียงดัง น้องไจ๋ก็ลดกระจกรถลง ยกมือไหว้ทำความเคารพพวกแฝด
 
...ใจน้องไจ๋นี่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม พึ่งทำมิดีมิร้ายพี่ไซน์ไปหมาดๆ นึกว่าจะโดนซะแล้ว พึ่งนึกได้ว่ารถตัวเองก็ติดฟิล์มทึบกันสายตาจากคนข้างนอกอยู่ โล่งไปที

“เห็นมาถึงตั้งนานแล้วทำไมไม่ลงสักที” ไอ้คอสถาม ยกมือขึ้นค้ำกับประตูรถ

“ก็...ก็ คะ คุยกันอยู่ แล้วพวกมึงลงมารอข้างล่างหรอ?” ไอ้ไซน์บอกเสียงตะกุกตะกัก ถามพวกแฝดกลับคืน

“เออดิ ไปไหนกันมา” ไอ้คอสยิงคำถามต่อ มองไปที่น้องไจ๋ สานตาที่ส่งให้กันนี่ถ้ามีเอฟเฟคก็คงดัง เปรี๊ยะ เปร๊ยะ ไปแล้ว

“คอสเดี๋ยวขึ้นไปคุยกันบนห้อง ไซน์มึงลงมาได้แล้ว แล้วมึงก็กลับบ้านได้ละไอ้ไจ๋”  คำสั่งจากแฝดคนโตถือเป็นที่สิ้นสุด ไอ้ไซน์บอกลาน้องไจ๋รอบสุดท้ายก่อนจะเปิดประตูรถออกมา เดินตามแฝดคนโตขึ้นคนโดต้อยๆ

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้จักนิสัยมึง” ไอ้คอสเอ่ยเสียงเข้ม ตาคมจ้องไปที่น้องไจ๋เขม็งแล้วก็เป็นฝ่ายเดินออกจากตัวรถ ขึ้นคอนโดไป น้องไจ๋หลับตาถอนหายใจยาว แล้วตีรถกลับบ้าน

...เอาชนะใจพี่ไซน์ไม่พอ ต้องเอาชนะใจพี่แฝดด้วย ไม่ง่ายแล้วสิงานนี้

.

.

.

“ไปไหนมา” จับไอ้หมานั่งลงโซฟา แล้วพวกพี่แฝดก็ยืนกันคนตัวเล็กหนีไว้

“พระราม 8” <ไอ้ไซน์

“ไปทำอะไร”  < ไอ้แทน

“เดินเล่น ถ่ายรูปเล่น” <ไอ้ไซน์

“แค่นี้?” <ไอ้คอส

“เอ้าก็แค่นี้ดิ จะให้ไปทำอะไร ว่ายน้ำหรอ?” <ไอ้ไซน์

“กวนตีน เดี๋ยวจะได้ตีน” <ไอ้คอส

“พวกมึงเป็นไรเนี่ยยยยยย” <ไอ้ไซน์

“ป๊าววว ก็แค่ถามดูเฉยๆ” <ไอ้คอส

“ไม่เฉยมั้ง ปกติไปไหนมาไหนไม่เห็นถาม” <ไอ้ไซน์

“ก็รอบนี้มันไม่ปกติไง” <ไอ้แทน

“ไม่ปกติยังไง” <ไอ้ไซน์

“มึงไปกับไอ้ไจ๋” <ไอ้แทน

“ไอ้ไจ๋แล้วมันยังไง” <ไอ้ไซน์

“มึงไม่รู้หรอว่ามันจีบมึงอยู่”

“เออรู้ แล้วไง”

“ไซน์!”

ไอ้แทนตะคอกเสียงดัง ยกมือขึ้นนวดขมับ ขณะที่ไอ้ไซน์ยังตกใจ ตั้งแต่เกิดมา จะทะเลาะกัน จะโกรธกันหนักแค่ไหน พี่แฝดมันก็ไม่เคยตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงแบบนี้

...อะไรวะ แค่นี้คุยกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องโมโห แล้วนี่ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ไซน์หงิดดดดดด

“แทน” เป็นไอ้คอสที่ดันไอ้แทนให้ถอยห่างจากแฝดน้อง ไอ้ไซน์กัดปากแน่นจนริมฝีปากห้อเลือดจางๆ ไม่ทันไรไอ้ไซน์ก็ลุกขึ้นตึงตัง เดินเข้าห้องปิดประตูใส่ เหลือพวกพี่แฝดให้มองหน้ากันอยู่สองคน

“ไซน์มันไม่เคยเป็นอย่างนี้” ไอ้แทนถอนหายใจออกมาอีกรอบ ทิ้งตัวลงไปกับโซฟา พึมพำกับไอ้แฝดคนกลางอย่างอ่อนแรง

“มึงก็ไม่เคยเป็นแบบนี้” ไอ้คอสว่า ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตาม

“กู...ไม่รู้หวะ เข้าไปหามันตอนนี้เลยดีมั้ยวะ” ขอความเห็นจากไอ้คอสอย่างจนปัญญา

“ไม่ดี มึงขึ้นเสียงใส่มันขนาดนั้น คงจะคุยกันรู้เรื่องหรอก”

“เฮ้อออออ”


ไอ้ไซน์เดินเข้าห้องแล้วก็หยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำทันที สายน้ำจากฝักบัวเย็นๆ ค่อยๆชะอารมณ์คุกกรุ่นให้ออกไปบ้าง แช่อยู่ในห้องน้ำจนตัวจะเปื่อยแล้วค่อยพันผ้าขนหนูออกมา ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงบ๊อกเซอร์ ทาแป้งจนตัวหอมก็เดินมานั่งที่ปลายเตียง

...อยากจะแยกห้องก็ตอนนี้แหละแม่ง

นั่งถอนหายใจเป็นว่าเล่น ไอ้คอสก็เปิดประตูเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ

“เป็นหมาหงอยเชียว” 

“จะเข้าข้างใคร มึงพูดมาเลย”  ไอ้ไซน์ไม่ตบมุกที่แฝดคนกลางส่งมาให้ หันหน้า ตวัดหางตาถาม

“ไม่เข้าข้างใครทั้งนั้นอะ พวกมึงทะเลาะอะไรกัน ไร้สาระ ไม่รู้จักพูดกันดีๆ”

“เหอะ” ทำเสียงสูงขึ้นจมูกใส่

“ไอ้แทนมันผิดที่มันตะคอก ใจร้อนไปหน่อย แต่มึงก็ผิดนะ ไอ้หมา มึงชอบไปประชดมัน”

“...”

“พวกกูเป็นห่วงมึงนะ มึงนะหัวอ่อน อ่อนต่อโลก โลกของมึงก็มีแค่พวกกู เรียน สอนพิเศษ วนซ้ำไปมาแค่นี้ แต่โลกของไอ้ไจ๋มันอีกแบบนึงนะ ก็อย่างที่กูบอกไป เหล้า เพื่อน ผู้หญิง มันต่างกันนะไซน์” ไอ้แฝดคนกลางอธิบายเสียงอ่อน มือก็โยกหัวเห็ดไปมา
 
“แต่น้องมันก็ไม่ได้แย่”

“ก็เหมือนตอนมึงชอบเนยนั่นแหละ มึงอยากให้เนยเห็นด้านแย่ๆของมึงหรอ?” ไอ้ไซน์ส่ายหัวช้าๆ เงยหน้ามองเจ้าแฝดคนกลางที่วันนี้ดูหล่อเป็นพิเศษ

...คำพูดคมๆก็เปลี่ยนคนให้ดูดีขึ้นได้

“...”

“นั่นแหละ หายโกรธไอ้แทนแล้วเนอะ” พอเห็นว่าไอ้ไซน์เริ่มคล้อยตาม ไอ้คอสก็เปลี่ยนเรื่องทันที

“อือ...ห๊ะ? เดี๋ยวๆๆ” ไอ้หมาพยักหน้าตาม พึ่งจะคิดได้แล้วค่อยเบิกตาตี่ๆมามองได้แฝด ยกมือขึ้นปัดป่ายเป็นพัลวัน

“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้แทน กูรู้มึงแอบฟังอยู่ เพราะกูไม่ได้ปิดประตูห้อง”  ไอ้คอสหัวเราะร่วน ตะโกนบอกไอ้แฝดคนโตเสียงดัง พอไอ้แฝดคนโตได้ยินก็ได้แต่เดินหน้าตึงเข้ามา

“อะไร กูไม่ได้แอบฟังซะหน่อย”

“อะไรนะไซน์ เมื่อกี้มึงยังไม่หายโกรธไอ้แทนใช่ปะ”

“เออ ยังไม่หาย”

“ได้ไงอะ เมื่อกี้ตอนไอ้คอสถามมึงตอบ อือแล้วนี่” แฝดคนโตโวยวายใหญ่ จนไอ้ไซน์หลุดขำออกมา

“อ้าว ไหนบอกไม่ได้แอบฟังไง”

“กูบังเอิญได้ยินเฉยๆ”

“จ้า”

...อุตสาห์คีพลุคมาตั้งนาน โถ่

“สรุป หายโกรธกูนะ” ไอ้แทนถามเสียงนิ่ง ใบหน้าที่ปกติก็เก็กขรึมอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดูจริงจังไปใหญ่ คิ้วเนี่ยขมวดพันกันจนผูกได้อยู่แล้ว

“อือ”

“หายโกรธแล้วก็ยิ้มดิ”

“ฮี่” ไอ้ไซน์แยกเขี้ยว ยิงฟันให้แทนที่จะยิ้ม พวกพี่แฝดอดไม่ได้ จับไอ้หมามาขย้ำ มาฟัดจนเหนื่อยหอบกัน นอนหมดแรงอยู่บนเตียง

“จะไปไหนมาไหนบอกกูนะ” ไอ้คอสพูดขึ้น เงยหน้ามองเพดานสีขาวสะอาด ถึงแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่ไอ้หมาไซน์ก็รู้ตัว พยักหน้าหงึกหงัก เอียงหัวไปถูไถกับแขนไอ้แฝดคนกลางอย่างออดอ้อน

“พวกกูเป็นห่วง รู้ใช่มั้ย?” ไอ้แทนย้ำอีกที

“รู้ครับ”
 
“ยิ่งกับไอ้ไจ๋ยิ่งห่วง รู้มั้ย?”

“รู้แล้ว”

“แล้วรู้มั้ยว่าน้องมันชอบ”

“ก็...ก็รู้”

“แล้วน้องมันจีบนี่รู้ตัวบ้างมั้ย?”

“...ระ รู้มั้ง”

“แล้วพวกกูจะทำยังต่อไป รู้มั้ย?”

“...ไม่รู้”

“หึหึ”



พวกแฝด โกรธกันได้ไม่นานหรอก...


สั้นมากอะ
เรามาแล้ววว เรามีวันหยุดแล้ว หลังจากที่เราเตรียมพรีเซนต์งานเป็นเดือน หลังสอบ ขอโทษษษษ
เราเขียนฉากโกรธๆไม่เป็นอะ มันดูตลกมากกว่าจะดราม่า 5555
เพราะว่าไม่อยากให้พวกแฝดโกรธกันจริงๆ เลยตั้งชื่อตอนว่าทะเลอะกัน ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด
ฝากพวกแฝด รักพวกแฝดเยอะๆนะคะะะะะะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (12)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-04-2016 23:10:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (13)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 17-04-2016 23:31:11
13
ลัก


หนึ่งสัปดาห์เวียนมาอีกหน ไอ้ไซน์และน้องไจ๋สองคนนั่งติวอยู่ร้านพี่ปิงปิง ที่เก่า เวลาเดิม เพิ่มเติมคือพวกแฝดที่อ้างว่าช่วงนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านหนังสือที่อื่นบ้าง มันจะไม่อะไรมากหรอกถ้าพวกพี่แฝดไม่ขี้ขัด ขี้แซะ จนไม่เป็นอันเรียน อันติวกันเนี่ย

“จำเป็นต้องใกล้กันขนาดนี้ปะ” ไอ้คอสพูดลอยๆ (ซึ่งมากระทบน้องไจ๋นี่แหละ) ตาจ้องมองน้องไจ๋ ยักคิ้วกวนๆไปให้ทีนึง พอไอ้ไซน์ตวัดหางตาใส่ ก็ทำเป็นยักไหล่ เนียนเล่นโทรศัพท์ต่อไป น้องไจ๋ถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านของวัน ก่อนจะเขยิบตัวออกมา เพื่อเว้นให้มีช่องว่างระยะห่าง ก่อนไอ้ไซน์จะได้อธิบายต่อ

...นี่ขนาดนั่งอยู่คนละโต๊ะมันก็ยังแขวะกันได้เว้ยเห้ย

“มา คราวนี้ลองมาทำอันนี้พร้อมกันดู” ไอ้ไซน์ยื่นกระดาษแบบฝึกหัดที่ถ่ายเอกสารให้น้องไจ๋ เผลอเขยิบตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างลืมตัว ก้มหน้ามองน้องไจ๋ที่กำลังตั้งทำแบบฝึกหัด ขีดเขียนคำตอบลงบนกระดาษยุกยิกๆ

“ถูกปะ?”

“อื้อ ถูกแล้ว” ไอ้ไซน์พยักหน้าบอก อมยิ้มน้อยๆให้ น้องไจ๋ก็ยิ้มตาม ลงมือทำแบบฝึกหัดต่อไปเรื่อยๆ

“พี่ไซน์ๆ อันนี้คืออะไร” น้องไจ๋ใช้ดินสอกดจิ้มชี้ลงตำแหน่งที่สงสัยให้คนเป็นพี่ดู ไอ้ไซน์ชะโงกหน้ามาดูอีกนิดจนคางแหลมๆนั่นเกยอยู่บนลำแขนแกร่ง กลิ่นหอมอ่อนๆของยาสระผมลอยมาแตะจมูกของคนเป็นน้อง

...หวานเหมือนกลิ่นสายไหมเลย

“เรียนวิศวะน่าจะรู้เรื่องนี้ดีเลยนะ” เสียงไอ้ไซน์ดงสติของน้องไจ๋ให้กลับมา แต่ไม่ทันไร มือเล็กๆขาวๆของไอ้ไซน์ก็กอบกุมข้อมือใหญ่ที่กำลังจับดินสอของน้องไจ๋ไว้ พร้อมกับออกแรงขยับเบาๆให้มือใหญ่ขีดลากดินสอตาม

“...”

“นี่รูปสะพานกำลังจะตก แต่เพราะมันมีแรงหลายแรงช่วย มันก็ก็เลยยังไม่ขาด ทีนี้เค้าก็เลยบอกให้เราหาแรงที่ทำกับสะพานนี้  คราวนี้ดูรูปนะ”

“...”

“อันนี้ลูกศรชี้ลง แสดงว่าแรงกด แรงอัดลงมา ซึ่งก็คือ compression ต่อมาเชือกที่มันห้อยโตงเตงอยู่ตรงนี้ก็คือ แรงสวนใช่ปะ ซึ่งแรงสวนก็คือ tension อันนี้แรงบิด torsion...”

“...” เสียงไอ้ไซน์ยังคงอธิบายเจื้อยแจ้ว ฉะฉาน ให้ฟัง ขณะที่มือก็ยังบังคับทิศทางการเขียนของคนเป็นน้องอยู่ น้องไจ๋หูอื้อไปชั่วขณะ พี่ไซน์ของมันพูดอะไรก็ไม่รู้แต่มันกลับไม่อยากให้หยุดพูด อยากฟังเสียงอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตาคมก็แอบลอบมองใบหน้าหวานใสของคนด้านข้าง แก้มย้วยๆขยับไปตามคำพูด น่าจับมาบีบ มาฟัดซะให้จมเขี้ยว ปากเล็กๆสีแดงระเรื่อ ที่เวลาพูดแล้วก็เผลอเลียริมฝีปากจนวาวฉ่ำนั่นก็น่ากิน น่าชิม น่าขบกัดไปหมด

...โอ้ย เกิดเป็นพี่ไซน์ต้องน่ารักขนาดนี้มั้ยครับ?

“เข้าใจยัง?” ไอ้ไซน์อธิบายจบก็หันหน้ามาถามน้องไจ๋ พลันต่างฝ่ายต่างก็ชะงักค้าง ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

ตึง!!!

พวกพี่แฝดทั้งสองหันมายังโต๊ะไอ้ไซน์กับน้องไจ๋แล้วกระแทกแก้วน้ำลงกับโต๊ะแรงๆ จนทั้งสองคนสะดุ้งแล้วรีบผละออกจากกัน

“อ้าวโทษๆ มือมันลั่น”

“กูเบื่อโต๊ะนั้นแล้วอ่ะ ขอนั่งโต๊ะนี้ด้วยละกัน” ไอ้แทนว่า หันไปหยิบหนังสือ หยิบปากกามาวางกองเต็มโต๊ะของแฝดน้องหน้าตาเฉย น้องไจ๋ที่สีหน้าเรียบนิ่งก็หันไปทำแบบฝึกหัดต่อ ส่วนไอ้ไซน์ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเอือมระอา

...หน่องไซน์เหนื่อยใจจังครับบบบ








RRR

เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยของไอ้ไซน์ร้องแผดดังลั่นห้อง ในช่วงดึกวันศุกร์ ไอ้คอสเดินมาตามเสียงก่อนจะพบว่าปลายสายที่โทรเข้ามาเป็นรุ่นน้องที่คณะของตน ไม่รอช้า ไอ้แฝดคนกลางก็ถือวิสาสะกดรับโทรศัพท์แทนเจ้าของเครื่อง

“ว่าไงไอ้ไจ๋น้องรักกกกก”

“ขอคุยกับพี่ไซน์ครับ”

“มันหลับแล้ว”  พูดโกหก เหมือนจะแอบได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนปลายสายส่งมาให้

...ทำมาเป็นถอนหายใจใส่ กดวางแม่ง รำ รำ รำ

“ใครโทรมา” ไอ้แฝดคนน้องถามขึ้น มือก็ลูบพุงป่องๆของตัวเองเบาๆ

“มึงแอบไปกินอะไรมาอีกอ้วน” แฝดคนกลางเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“กินนมก่อนนอน ไม่อ้วน เอาโทรศัพท์ไซน์คืนมาเลยนะ” แบมือขอรับโทรศัพท์จากไอ้คอส แต่กลับได้เป็นมะเหงกลงที่กลางหัวเห็ดๆแทน

“ไปนอนไป”

“เอาโทรศัพท์มาดิ”

“กูขอยืมเล่นเกมส์หน่อย”

“ของมึงก็มี”

“กูขอยืมแอคเคาท์มึงไปแข่งก่อน เดี๋ยวกูเอามาคืน ไปนอนนะน้องไซน์ ปะ พี่คอสจะส่งเข้านอน” ไม่ว่าเปล่ายังลากไอ้แฝดน้องเข้าไปในห้องนอน จับยัดลงไปใต้ผ้าห่ม ลูบหัวตบหลังแปะๆ

“อะไรของมึงเนี่ย” ไอ้ไซน์ฝืนตัวลุกขึ้นนั่งขมวดคิ้วถาม แต่ก็ไม่วายโดนดันไหล่ให้นอนลงไปเหมือนเดิม

“อะไร๊ กูอยากให้มึงนอนเร็วๆ นอนดิ หลับตาๆ นอนไปนะ เดี๋ยวกูออกไปคุยกับไอ้แทนก่อน” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปพร้อมกับโทรศัพท์ของไอ้ไซน์

...พวกแฝดนี่ต้องรวมหัวกันวางแผนอะไรแน่ๆ

.

.

.

สี่โมงเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใส ไอ้ไซน์เดินหน้าหงิกมานั่งแหมะอยู่ที่โซฟาร้านพี่ปิงปิง ผิดกับพวกพี่แฝดที่เดินแจกรอยยิ้มพิมพ์ใจให้กับคนนั้นคนนี้ สั่งเครื่องดื่มที่เคาท์เตอร์แล้วก็เดินมานั่งข้างไอ้ไซน์ทันที

“ไม่ดีหรอ มีคนหล่อๆ ตั้งสองคนมานั่งรอมึงเนี่ย” ไอ้คอสพูดแซว ดังแก้มย้วยๆของไอ้แฝดน้องออกให้ยืดออกก่อนจะรีบปล่อยเมื่อเห็นว่าไอ้แฝดน้องไม่เล่นด้วย มิหนำซ้ำจะแยกเขี้ยวกัดอีกต่างหาก

“มึงก็สอนไปดิ พวกกูแค่มานั่งเฉยๆ” ไอ้แทนพูดขึ้นบ้าง หน้าตาเก็กๆ นิ่งๆของมันนั้นทำให้ไอ้ไซน์อยากจะเข้าไปตะปบสักทีข้อหาหมั่นไส้ พูดออกมาได้ไงว่านั่งเฉยๆ

...เหอะ ถ้าวันนี้ยังมาทำตัวป้วนเปี้ยนจนไอ้ไซน์ไม่มีสมาธิสอนนะจะโกรธ แล้วกลับบ้านไปฟ้องคุณแม่เลย

รอไม่นาน เครื่องดื่มที่สั่งไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟโดยน้องไจ๋ เสื้อยือคือกลมสีสว่าง กับยีนสีซีด พร้อมกับผ้ากันเปื้อนลายน่ารักๆ ทำเอาคนใส่ดูน่ารักไปด้วย

“เดี๋ยวผมมานะ ไปถอดผ้ากันเปื้อนก่อน วันนี้ช่วยพี่ปิงปิงทำขนมหนะ” น้องวางเครื่องดื่มให้พวกพี่แฝด แล้วบอกกับไอ้ไซน์ ก่อนรีบวิ่งเข้าหลังร้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับชีทเรียน

“วันนี้ทำแค่แบบฝึกหัดทบทวนก็พอ” ไอ้ไซน์บอก น้องไจ๋นั่งลงตรงข้ามกับไอ้แฝดคนโต แล้วเริ่มลงมือทำแบบฝึกหัดทันที
และคงเป็นวันที่น้องไจ๋ทำแบบฝึกหัดเร็วกว่าทุกครั้งเพราะรู้สึกกดดันจากสายตาที่จ้องมา ไม่ใช่สายตาจากพี่ไซน์ของมัน แต่กลับเป็นสายตากดดันจากแฝดพี่อย่างไอ้คอส และไอ้แทนต่างหาก  พอทำเสร็จก็ยื่นเอาไปให้พี่ไซน์ของมันตรวจ ไอ้คนตรวจก็ตรวจไป ส่วนสามคนที่เหลือก็นั่งจ้องหน้ากันไปอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับจะทำสงครามประสาท

“ปวดฉี่ ไปฉี่ก่อนนะ” ไอ้ไซน์ลุกขึ้นบอก ก่อนจะได้สังเกตสิ่งผิดปกติว่าทำไมมันเงียบผิดปกติ ไอ้แทน ไอ้คอส รวมถึงน้องไจ๋ ก็ส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้ ไอ้ไซน์พยักหน้าเดินออกไปเข้าห้องน้ำที่หลังร้านแบบงงๆ

“มึงรู้ใช่มั้ยว่าพวกกูไม่ชอบมึง”

“ครับ”

“รู้แล้วก็ถอยออกจากไอ้ไซน์ซะ”

“เอ้า เกี่ยวไรวะพี่ ผมชอบพี่ไซน์  ไม่ได้ชอบพวกพี่” ยักไหล่บอกด้วยท่าทางสบายๆ หน้าตาน้องไจ๋มันอ้อนมืออ้อนตีนก็วันนี้แหละเว้ย

“ไอ้ไจ๋ มึงลองพิจารณาตัวเองดูว่ามีอะไรดีนอกจากปากมั่ง”

“มึงสนใจไอ้ไซน์มันแค่ไหน แค่ควง กะเอาแล้วก็จบๆกันแบบที่มึงทำเหมือนที่ผ่านมา? ไอ้ไจ๋ กูไม่ได้อยากยุ่งเลยนะเว้ย ถ้าคนคนนั้นไม่ใช้ไอ้ไซน์ มันเป็นคนดีมากกว่าที่จะสนิทกับคนอย่างมึงด้วยซ้ำ”

“แล้วทำไมพวกพี่ต้องเอาอดีตของผม มาตัดสินผมในตอนนี้วะ รู้จักผมดีแค่ไหนถึงมองว่าผมเป็นคนแบบนั้นแบบนี้”

“ก็ดูสิ่งที่มึงทำเมื่อก่อนสิ จะให้กูมองมึงใหม่ก็คงยากหวะ”

“...ผมจะทำให้พวกพี่เห็น ว่าสิ่งที่พวกพี่พูดวันนี้ มันผิด”

“พวกกูจะรอดูละกัน”

จบประโยคสุดท้าย ไอ้ไซน์ก็เดินกลับเข้ามาทันที หน้าเอ๋อๆนี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขาเล้ยยย นั่งลงแล้วก็ตรวจแบบฝึกหัดของน้องไจ๋ต่อไป  ไม่นาน ไอ้ไซน์ก็ยื่นใบแบบฝึกหัดคืนให้น้องไจ๋ น้องไจ๋รับมา ดูคะแนน ยกยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อผลคะแนนเป็นที่น่าพอใจ

...ไม่ได้จะอวด ก็แค่ได้เต็ม นี่ไม่ได้ไบแอสจากพี่ไซน์นะบอกเลย ความสามารถล้วนๆ

น้องไจ๋เก็บของใส่กระเป๋าสะพายลวกๆ เดินไปหาพี่ปิงปิงคนสวยที่อยู่เคาท์เตอร์ พูดกระซิบอะไรกันนิดหน่อยก่อนน้องไจ๋จะเปิดประตูเดินออกจากร้านไป หลังจากนั้นไม่นาน พี่ปิงปิงก็เดินมาหาเจ้าพวกสามแฝดที่กำลังนั่งเล่น นั่งกินขนมอยู่

“น้องไซน์ ไปช่วยชิมขนมที่หลังร้านหน่อยสิ” รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ไอ้ไซน์ ไอ้หมายิ้มตาหยี พยักหน้าเดินตามกลิ่นขนมเข้าไปหลังร้านต้อยๆ ขณะที่พวกพี่แฝดก็ยังเอาแต่จ้องโทรศัพท์กันอยู่

“หอมจังเลยย พี่ปิงปิงทำสูตรใหม่อีกแล้วหรอครับ” ไอ้ไซน์หันซ้ายหันขวา มองสำรวจห้องครัวที่ใช้เป็นที่ผลิตขนมอร่อยๆ พี่ปิงปิงหัวเราะหน่อยๆกับท่าทางซื่อราวกับเด็กน้อยของไอ้ไซน์ อดไม่ได้ที่จะเอามือไปขยี้หัวเห็ดๆนั่นอย่างถือวิสาสะ

“ค่ะ เนี่ยน้องไซน์ได้เห็นหน้าตาขนมคนแรกเลยนะ”

“หูยยยยยยย สิทธิพิเศษเหนือใครในโลก” คำพูดคำจา กับท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของไอ้ไซน์ทำเอาพี่ปิงปิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
 
...เด็กอะไร ช่างน่ารัก น่าหยิกอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้มาเป็นน้องชายจริงๆ จะตามใจให้เสียคนไปเลย

พี่ปิงปิงใส่ถุงมือกันร้อน แล้วยกถาดขนมที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆ ออกมาจากเตาอบเครื่องโต กลิ่นหอมของขนมลอยตลบอบอวลทั่วครัวหลังร้าน ไอ้ไซน์จ้องตาม ตาไม่กระพริบ กลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึ้กๆ  พี่ปิงปิงจัดแจงหยิบขนมใส่กล่องขนาดกลาง ปิดด้วยเทปใส แล้วใส่ถุงหูหิ้วอีกที จึงยื่นให้ไอ้ไซน์

“วานฝากไปให้เจ้าไจ๋มันชิมด้วยนะน้องไซน์”

“ครับ ?”

“เจ้าไจ๋รออยู่หน้าร้านค่ะ”

“ครับ ขอบคุณนะครับพี่ปิงปิง” ไอ้ไซน์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ เดินออกมาจากหลังร้านแบบงงๆ

“ไปไหนไซน์” แฝดคนโตถามเมื่อเห็นไอ้ไซน์เดินผ่านโต๊ะ เปิดประตูหน้าร้านออกไป ไอ้ไซน์เพียงแค่ทำปากบอกว่า เดี๋ยวมา ออกมายังหน้าร้าน ก็เห็นน้องไจ๋นั่งรออยู่บนรถ กวักมือเรียก

“เร็วดิพี่ ผมร้อน”

“ไปไหน?”

“ไปเที่ยว” ทันทีที่น้องไจ๋พูดจบ ตาตี่ๆนั่นก็เบิกกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายตื่นเต้นนักหนา หันซ้ายหันขวาลนลานทำอะไรไม่ถูก

“เดี๋ยวนะ บอกพวกแฝดก่อน”

“ไม่ต้องบอก ขึ้นมาเลย” น้องไจ๋รีบพูดแทรก  ไอ้ไซน์ลังเล มือข้างนึงกำถุงกล่องขนม อีกข้างนึงก็จับประตูไว้แน่น

...ถ้าบอกว่าไปกับน้องไจ๋ พวกแฝดนี่ต้องไม่ให้ไปแน่ แต่ถ้าไม่บอก กลับคอนโดไปก็กลัวจะโดนพวกแฝดเล่นงานอีก

ไอ้ไซน์ตัดสินใจ ผลักประตูเข้าไปนิดนึงก่อนจะตะโกนบอกพี่แฝด

“พวกมึงกลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวกูให้น้องไจ๋ไปส่ง” พูดจบพอดีกับที่ไอ้ไซน์โดนลากยัดเข้าไปนั่งในรถโดยน้องไจ๋  พวกพี่แฝดรีบลุกขึ้นไปหน้าร้านตาม ก็เห็นว่ารถได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว

“กลับคอนโดเมื่อไหร่หละได้คุยกันยาวแน่”

...เฉียดฉิว

.

.

.

หัวใจไอ้ไซน์เต้นระส่ำยังไม่เป็นจังหวะปกติ เมื่อเกิดการลักพาตัวกันเกิดขึ้น (?) น้องไจ๋ดูจะมีความสุขที่สุดกับภารกิจครั้งนี้ที่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขณะที่ตัวประกันอย่างไอ้ไซน์นั่งหน้าเครียดเป็นตูดหมาอยู่ด้านข้าง

RRR

หน้าจอโทรศัพท์เครื่องสวยในกระเป๋ากางเกงของไอ้ไซน์สั่นครืดๆ พอเอาออกมาดูก็พบว่าเป็นไอ้แทน แหงหละ โดนฉุดมาดื้อๆแบบนี้ พวกพี่แฝดของมันคงไม่อยู่เฉยแน่ๆ

“ห้ามรับนะ ถ้ารับผมจะส่งพี่ไปขายเลยคอยดูดิ” น้องไจ๋รีบบอกดัก ก่อนจะเอื้อมมือยาวๆมาฉกโทรศัพท์โยนไปไว้เบาะหลัง

...สัส ถนอมหน่อยก็ได้ โทรศัพท์กูมั้ยบางที

“มึงยิ่งทำแบบนี้ เรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่นะไจ๋”

“พี่อยากไปเที่ยวไหน” ไอ้ไซน์ถอนหายใจใส่กับอาการเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง อยากจะงับแขนไอ้คนขับรถซะให้จมเขี้ยว ข้อหาหน้ามึน ทำให้หมั่นไส้จนเกินเหตุ

“แล้วมึงจะพาไปไหนหละ”

“ไปเที่ยวบ้านผมนี่แหละ”

“มึงบ้าปะ ! ไปเที่ยวบ้านเค้าไม่เรียกเที่ยว แม่ง...กูอุตสาห์หนีตามมา” ไอ้ไซน์โวยวาย ปากบางๆบ่นขมุบขมิบ ด่าน้องไจ๋บ้าง ด่าตัวเองบ้าง ไม่วายหันมาทำตาขวางใส่คนที่ขับรถอยู่

“ฮ่าๆ งั้นไปไหนกันดี บางแสนมั้ยใกล้ๆ หรือพัทยา ?” น้องไจ๋อดหัวเราะกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของคนเป็นพี่ไม่ได้

“ไม่ไปไหนแล้ว ร้อน”

“งั้นไปบ้านผมละกัน ผมซื้อหนังไว้ตั้งหลายเรื่อง ยังไม่ได้ดูเลย”

“ไม่ไปแล้ว กลับไปส่งที่คอนโดเลย”

“ไม่”

“งั้นก็จอดนี่แหละ กูกลับเองก็ได้”

“ไม่”

“กวนตีน เดี๋ยวจะได้ตีน”

“แล้วถ้ากวนใจ จะได้ใจปะครับ” น้องไจ๋ไม่ว่าเปล่า เอื้อมมือใหญ่มาสอดประสานกับมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าตัก แอบชำเลืองดูสีหน้าคนเป็นพี่ก็เห็นว่าแก้มย้วยๆนั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ ลามไปถึงใบหู

“...”

“พี่ไซน์ อ้วนขึ้นนะ แก้มย้วยเชียว”

...ไอ้เด็กเวรนี่! เกลียดแม่งงงงงงงงงง






ฝากติดตามพวกแฝด แล้วก็รักพวกแฝดเยอะๆนะคะ
สงสัยคงต้องเปลี่ยนเวลาลงเป็นอาทิตย์ละตอนแล้วละคะ งานรุมเร้าละเกินนน

ป.ล. พรุ่งนี้วันจันทร์ อิจฉาเด็กๆที่กำลังปิดเทอมจังงงงงง

เลิ้บบบบบบ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (13)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-04-2016 00:00:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-04-2016 00:27:52
แฝดพี่ แทน คอส หวงแฝดน้อง ตามมานั่งเฝ้า :m16:
แต่น้องโดนขโมย ลกพาตัวไปซึ่งๆ หน้า :katai1:
ชอบ สนุก รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rabity ที่ 19-04-2016 03:37:14
เพิ่งตามอ่านค่ะ เรื่องนี้น่ารักและสนุกมาก เอาใจช่วยนะคะ^^
รอตอนต่อไปจ้าา
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (13)
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 22-04-2016 14:53:52
 :L1: :z10:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (14)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 07-05-2016 14:07:18
14
Status



   ถึงบ้านน้องไจ๋ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ น้องไจ๋ก็อาสาเข้าครัว ทำข้าวผัดไข่เจียวง่ายๆสองจานสำหรับตัวเองและไอ้ไซน์ นั่งกินข้าวเสร็จ ก็ขึ้นมาชั้นสองของบ้าน น้องไจ๋พาไอ้ไซน์เดินมาที่ห้องที่ถูกออกแบบสำหรับดูหนังโดยเฉพาะ โซฟานุ่มตัวใหญ่ที่สามารถทั้งนั่งทั้งนอนดูก็ได้ตั้งอยู่กลางห้องชิดกับผนัง ตรงข้ามเป็นจอโปรเจคเตอร์ ขนาบข้างด้วยชุดเครื่องเสียงสเตอริโอ น้องไจ๋เดินไปเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศให้ทำงาน จากนั้นก็นั่งจมปุ๊กลงด้านหน้าชุดสเตอริโอ แล้วเริ่มหยิบตะกร้าแผ่นหนังขึ้นมาเลือก

“พี่ไซน์ ช่วยเลือกหน่อย” น้องไจ๋ร้องบอกคนเป็นพี่ที่ยืนเด๋อด๋าอยู่กลางห้อง ไอ้ไซน์เดินตามไปนั่งลงข้างๆน้องอย่างว่าง่าย หยิบแผ่นหนังขึ้นมาดูทีละเรื่อง

“ดูนี่ก็ได้ ยังไม่ได้ไปดูเลย” เลือกได้แล้วก็ยื่นแผ่นไปให้อีกคน

“ซูโทเปีย? เค ได้ๆ เลือกอะไรได้เข้ากับตัวเองดี ฮ่าฮ่า” แซวคนเป็นพี่แล้วก็หยิบรีโมทเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์  ยัดเจ้าแผ่นหนังการ์ตูนเข้าไปที่เครื่องเล่นวิดีโอ ก่อนจะกดเล่น

“เดี๋ยวลงไปเอาขนมก่อนนะ”

“เอาผ้าห่มในห้องผมมาด้วยนะ ห้องข้างๆกันนี่แหละ” ถือโอกาสก็ใช้คนเป็นพี่ซะเลย ไอ้ไซน์วิ่งตึกตักลงบันไดไปเอาขนมของพี่ปิงปิงที่วางไว้โต๊ะกลางห้องนั่งเล่น แล้วก็วิ่งไปห้องครัว หยิบน้ำในตู้เย็นมาอีกขวด วิ่งขึ้นบันได แวะเข้าไปที่ห้องน้องไจ๋  ดึงเอาผ้าห่มหอบกระเตงมายังห้องดูหนังข้างๆ  น้องไจ๋เห็นก็หัวเราะใหญ่ กับของที่ถือพะรุงพะรัง ขวดน้ำที่หนีบไว้ก็จะตกอยู่แล้ว ไม่ได้เข้าไปช่วยคนเป็นพี่สักนิด

“หัวเราะทำไม?”

“ก็พี่ตลกอะ ถือมาทีละอย่างก็ได้นี่ มานั่งนี่เร็ว” ตบที่นั่งด้านข้างตัวเองปุๆ คนเป็นพี่เอาผ้าห่มที่หอบมาโปะใส่หัวแล้วนั่งลงด้านข้าง แกะกล่องขนมที่พี่ปิงปิงห่อมาให้ออก แล้วก็หยิบเข้าปาก ตาแป๋วๆก็จ้องไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายทีเซอร์ของหนังเรื่องอื่นๆ

“ไจ๋ปิดไฟเร็ว หนังมาแล้ว” หันหน้าไปบอกน้องไจ๋ มืออีกข้างก็ดันไหล่กว้างๆให้ลุกขึ้นไปปิดไฟเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการดูหนัง

“กินด้วยดิ” ปิดไฟเสร็จน้องไจ๋ก็เดินมานั่งลงข้างๆไอ้ไซน์ ยื่นหน้าอ้าปากรอรับขนมจากคนเป็นพี่

“เป็นง่อยหรอ” ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นแต่มือเล็กๆก็กลับหยิบขนมในกล่องส่งเข้าปากคนเป็นน้องอยู่ดี น้องไจ๋ยิ้มร่าทั้งๆที่เคี้ยวขนมอยู่ ไอ้ไซน์แอบมองไปก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น จัดการใช้มือเล็กๆหยิกแขนแกร่งเข้าไปหนึ่งที

“อะไร อารมณ์ดีก็ไม่ได้” น้องไจ๋บอกขำๆ แล้วจับมือไอ้ไซน์ข้างที่หยิกแขนน้องมันมากุมไว้ มือเล็กก็ขยับยุกยิก ขืนมือออก น้องไจ๋ปล่อยมือแล้วเปลี่ยนจากกุมมือเป็นประสานมือเข้าด้วยกันแทน

“หงะ เหงื่อออก” เอ่ยปากบอกน้องไจ๋เสียงแผ่ว น้องไจ๋ก็ยอมปล่อยมือคนเป็นพี่ออกให้เป็นอิสระ ด้วยความรู้สึกที่เฟลนิดๆ พอดีกับที่หนังเริ่มฉายต่างฝ่ายจึงต่างดูหนัง ไม่มีการพูดกัน

ไอ้ไซน์ขยับมือยุกยิกอยู่ใต้ผ้าห่ม แอบเช็ดเหงื่อชื้นที่ฝ่ามือของตัวเองเข้ากับกางเกงอย่างลวกๆ แล้วก็เอื้อมมือไปสอดประสานเข้ากับมือใหญ่อีกครั้ง น้องไจ๋ชะงักจากการดูหนังแล้วหันมามองหน้าคนเป็นพี่แทน ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งนึงก่อนจะบีบมือกลับคืน

...พี่ไซน์ของมันนะ น่ารักที่สุดแล้ว

.

.

.

“พี่ไซน์...นอนนี่เหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”

“มึงอยากโดนพวกแฝดตามมาเผาบ้านหรอ?” ไอ้ไซน์พูดจบ น้องไจ๋ที่ทำหน้าออดอ้อนก็เบะปากใส่ กระทืบเท้าปึงปังยังกะเด็กสามขวบ แล้วล้มลงไปนอน หันหน้าเข้าโซฟา

...เออ เอากับมันสิ

“...”

“เอ้า งอนกูอีก กูควรเป็นฝ่ายที่งอนมากกว่ามั้ง อยู่ๆก็ฉุดกูมา นี่กูกลับคอนโดไปจะโดนด่าอะไรอีก กูควรฆ่ามึงทิ้งแทนพวกแฝดเลยมั้ยเนี่ย” ไอ้ไซน์บ่นกะปอดกะแปด ลุกขึ้นจากโซฟา ไปปิดเครื่องสเตอริโอ และจอโปรเจ็คเตอร์ ก่อนจะกลับมาดึงแขนน้องไจ๋ตัวดีให้ลุกขึ้นจากโซฟา

“งั้นไปเดินเล่นพัทยากัน เดี๋ยวดึกๆค่อยกลับ” หันหน้ามาหาคนเป็นพี่พร้อมกับจับข้อมือขาวไว้ ไอ้ไซน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความเอาแต่ใจของไอ้เด็กไจ๋ ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกแตะกับแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“ไจ๋ ไปส่งไซน์นะ พรุ่งนี้ไซน์มีเรียนแต่เช้า ไว้ว่างๆแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันนะครับ”

“ครับ”  น้องไจ๋ว่าง่าย คล้อยตามคนเป็นพี่ ถือโอกาสเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากแนบชิดกัน

โป๊ก!!

“ฉวยโอกาสตลอดมึงอะ” หลังจากเอาหัวโขกกับหน้าผากอีกคนก็ขืนตัวออกมา มองดูไอ้คนเป็นน้องที่เอามือลูบหน้าผากป้อยๆ สำออย เจ็บนักเจ็บหนา

“เจ็บนะไซน์”

“สมน้ำหน้ามั้ยหละ ลุกขึ้นมาได้แล้ว”

“มาเป่าให้ก่อน”

...ยัง ยังลีลาอีก

“ไม่ อย่ามางอแง ลุกขึ้นเร็วๆ”

“ใจร้าย เป่าแค่นี้ก็ไม่ได้” น้องไจ๋พูดตัดพ้อ มือก็ยังคลำหน้าผากตัวเองที่เริ่มขึ้นสีแดงอ่อนๆ ไอ้ไซน์เดินเข้าไปใกล้ จับมือคนเป็นน้องที่ลูบหน้าผากตัวเองออก แล้วค่อยๆเป่าลมร้อนๆลงบนหน้าผาก

“เพี้ยงๆ หาย” เป่าเสร็จก็ผละหน้าออกมา แอบบีบจมูกโด่งๆของน้องไจ๋ไปอีกทีด้วยความหมั่นไส้

...ดูมันสิ ยิ้มแป้นแล้น ทำหน้าเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น มันจะดื้ออะไรอีก

ไอ้ไซน์คิดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้คนเจ้าเล่ห์ก็รวบเอวคนเป็นพี่ให้ล้มลงมานอนทับตัวเอง ก่อนจะพลิกขึ้นคร่อมมาอยู่ด้านบน ขโมยจูบที่แสนเอาแต่ใจจากไอ้ไซน์ที่นอนอยู่ใต้ร่าง ขบเม้มริมฝีปากบางเป็นการลงโทษ

“เหี้ย อย่ากัด อื้อ อ๊ะ...” พอคนเป็นพี่เปิดปากก็สอดแทรกปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปไล่ต้อน  รสหอมหวานจากขนมที่กินเข้าไปยิ่งทำให้น้องไจ๋ดูดดึงรุนแรงขึ้น จนคนใต้ร่างหายใจไม่ทัน เอามือดันไหล่หนาให้ผละออก ก่อนจะนอนหอบหายใจแฮกๆ

“ปากบวมเลยอะ”

“เพราะมึงนั่นแหละ” ว่าให้พร้อมตวัดหางตาใส่ไอ้คนเป็นน้องที่ยังคร่อมอยู่ด้านบน

“หูยยย เป็นเพราะผมหรอ ดีใจจัง”

...ดีใจจังกับพี่แฝดกูสิ

.

.

.

“จะเอ๋ เค้ากลับมาแล้ววววว”

“ตลกมั้ยไอ้ไซน์ กูโทรหามึงเป็นร้อยๆรอบ ทำไมไม่รับ แล้วไอ้เหี้ยไจ๋ไปไหน มันพามึงไปไหน ทำไมกลับเอาป่านนี้” ไอ้ไซน์ยืนยิ้มแห้งใส่ไอ้แฝดคนกลาง ที่รัวถาม พร้อมเหวี่ยงใส่นิดๆ

“ไปดูหนัง ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ นี่ซื้อโรตีกล้วยมาฝากด้วยนะ แล้วแทนไปไหนอะ” ชูถุงโรตีขึ้นให้ไอ้แฝดคนกลางดูแล้ว ก็หันซ้ายหันขวามองหาไอ้แฝดคนโต

“แทนไปอ่านหนังสือที่คณะ ฝากกูจัดการมึงเนี่ย” พูดจบก็ผลักหัวเห็ด แล้วดึงถุงขนมมาไว้กับตัวเอง นั่งลงโซฟา ก่อนไอ้ไซน์จะตามมานั่งข้างๆ

“จัดการอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ไอ้ไซน์บ่นเสียงเบา เอนหัวเห็ดๆไปถูไถกับไหล่ของไอ้แฝดคนกลาง ก่อนจะโดนผลักออกไป

“ไซน์ กูถามจริง มึงชอบน้องมันแล้วใช่มั้ย ?”

“ชอบ เชิบอะไร มึงมั่วแล้ว” บอกปัดแล้วหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเร่งเสียง ทำท่าเป็นสนใจสิ่งที่ฉายอยุ่หน้าจอนักหนา

“เหอะ จำคำของมึงไว้ดีๆ เอ้อ ไอ้แทนบอกว่าให้มึงโทรหามันด้วย”

“กูลืมโทรศัพท์ไว้บนรถไอ้ไจ๋อะ แหะๆ”   

“วอนหาเรื่องจริงๆเลยมึงเนี่ย แล้วไม่ต้องไปเอาโทรศัพท์กับมันเองนะ เดี๋ยวกูจะไปเอามาให้”

“คร้าบบบบบ”

ไอ้ไซน์รับโทรศัพท์จากไอ้คอสแล้วกดโทรออกหาไอ้แฝดคนโต ก่อนปลายสายจะโวยวายใส่ และโดนบ่นอีกตามประสาคนหวงลูก (?) ไอ้ไซน์ได้แต่เงียบ ฟังคำให้โอวาท นึกแล้วก็สงสารคนไข้ของไอ้หมอในอนาคต ได้หมอโหดขนาดนี้นี่จะกล้ามาโรงบาลอีกรึเปล่าก็ไม่รู้  ปิดท้ายด้วยคำพูดออดอ้อนออเซาะจากไอ้ไซน์ แค่ทำเสียงเศร้าๆเหมือนคนจะร้องไห้หน่อย ไอ้คนปลายสายก็พร้อมจะกลับคอนโดมาโอ๋อยู่แล้ว

...แค่นี้ก็เรียบร้อย

.

.

.

“น้องไซน์ครับ น้องไซน์!”

“พี่เต๋า สวัสดีครับ” ไอ้ไซน์หยุดยืนรอพี่เต๋าที่กำลังวิ่งหน้าตั้ง ตะโกนเรียกชื่อมันลั่นคณะ ขมวดคิ้วเอียงคอทำหน้าหมางงใส่

“น้องไซน์โทรศัพท์หายหรอ?”

“ป่าวนี่ครับ เอ้อ แต่โทรศัพท์ไซน์ลืมเอาไว้กับรุ่นน้อง” ไอ้ไซน์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะนึกออกได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองตกอยู่บนรถน้องไจ๋

“อ้อ พี่ก็นึกว่าหายซะอีก เมื่อคืนพี่โทรไปหาน้องไซน์แล้วมีคนรับ เค้าบอกว่าอย่าโทรมาอีก เจ้าของเบอร์นี่มีแฟนแล้ว พี่ก็เลยงง นึกว่าเราไปทำหาย หรือคนที่ไหนมาขโมยไป”

“...”

...เอิ่ม คงไม่ใช่น้องไจ๋ใช่มั้ย

“แล้วนี่จะไปไหนครับ วันนี้ไม่มีสอนพิเศษใช่มั้ย? นัดรวมสายไปกินชาบูดีมั้ย?”

“สายไซน์ต้องนัดล่วงหน้าก่อนนะพี่เต๋า ถ้างั้นมันว่างไม่ตรงกัน”

“งั้นเราไปกินกันแค่สองคนก่อนก็ได้” พี่เต๋ายกยิ้มโชว์ฟันสวยมาให้ ส่งสายตาพราวระยับเค้นเอาคำตอบจากไอ้ไซน์ จะปฏิเสธนี่เดี๋ยวก็เอาเรื่องขนมมาทวงบุญคุณอีก ไอ้พี่นี่มันดันรู้ด้วยว่ามันนี้ไม่มีสอนพิเศษ

...ไอ้ไซน์หละอยากจะเปิดโหมดวาร์ปหายไปจากคนตรงหน้านี่จริงๆ

“...”

“ว่าไงครับ หื้ม?” พี่เต๋ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ เลิกคิ้วขึ้นเสียงสูงถามอย่างเท่ห์ๆก็ได้

...เออ เท่ห์ก็ได้นั่นแหละถูกแล้ว

“งั้นไปก็ได้ครับ” ไอ้ไซน์บอกอย่างปลงๆ เออ อย่างน้อยก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆละกันที่ได้มาหากินข้าวนอกบ้าน ดีไม่ดี พี่เต๋าอาจจะเลี้ยงด้วยซ้ำ ฟรีไปอีก




ถึงห้างสรรสินค้าใจกลางกรุงที่อยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปไม่ไกลนัก สองพี่น้องสายโค ก็พากันเดินจ้ำมาที่ชั้น 4 เพื่อหาอาหารกินอย่างที่ได้คุยกันไว้ พี่เต๋าผู้ขยันพูดตั้งแต่ขึ้นรถจนนั่งจมปุ๊กลงบนเก้าอี้ของร้านอาหารก็ยังไม่หยุดพูด พูดได้พูดดี ตั้งแต่เรื่องแนะนำการเรียนในคณะ จนถึงเรื่องประสบการณ์ผีที่ตนเองได้ไปพบเจอมา

“...แล้วพี่เกิดพุธกลางคืน มักจะมีเซนส์ด้านนี้ใช่มั้ยน้องไซน์ ไปเข้าค่ายคืนแรกนี่ก็เจอเลยครับ”

“เจอผี?”

“ใช่ครับ แล้วผีนะ เป็นผีผู้ชาย บอกว่าจะเอาพี่ไปอยู่ด้วยเพราะชาติก่อนเคยเป็นแฟนกัน พี่ก็บอก เห้ย พี่เป็นรุกนะ แล้วผีมันตอบกลับว่าอะไรรู้มั้ยครับ”

“ว่าอะไรครับ”

“งั้นกูยอมให้มึงขย่มก็ได้ หูยเสียวสันหลังวูบวาบเลย นึกแล้วยังขนลุกไม่หาย พี่นี่ท่องชิณบัญชรรัวเลย...”

...สาระมีอยู่จริง หรอ? ใครก็ได้พากูออกไปจากที่นี่ที พลีสสสสสสสสส


หนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ยาวนานราวกับหนึ่งชาติเศษๆ พี่เต๋าก็ได้หยุดรถลงที่หน้าคอนโด พร้อมกับเดินเข้ามาส่งไอ้ไซน์ด้านใน ขอบคุณสวรรค์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้หูของไอ้ไซน์ยังมีสภาพปกติดีอยู่ นอกจากจะฟังเรื่องราวประสบการณ์ชวนขนตาลุกของพี่เต๋าแล้ว ตอนขากลับนี่พี่มันยังอุตส่าห์อินดี้ เปิดเพลงสากล พร้อมโชว์เสียงสำเนียงบริทิชที่แม้แต่เจ้าของเพลงยังต้องอายออกมาให้ไอ้ไซน์ได้ฟังเป็นบุญหู

“ขอบคุณนะครับที่เลี้ยวข้าวแถมยังพามาส่งด้วย ไว้งานพี่บัณฑิตปีหน้าไซน์จะซื้อของไปตอบแทนเยอะๆเลยนะครับ”

“ครับ วันนี้พี่ทำให้น้องไซน์มีความสุข พี่ก็พอใจแล้วครับ”

 ...เอ่อ มีก็มี

“งั้น ไซน์ขึ้นห้องแล้วนะ” ไอ้ไซน์ว่า ก่อนจะค้อมหัวลงให้พี่เต๋าเล็กน้อย แล้วหันหลังกลับจะขึ้นลิฟต์ที่อยู่ด้านตรงข้าม

“...”

“ไจ๋ มาได้ไงอะ” ชะงักกึก ใส่คนตรงหน้า ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังหน้านิ่ว ขมวดคิ้วใส่ให้ไอ้ไซน์ แล้วมองผ่านไหล่คนตัวเตี้ยไปยังด้านหลังอีก  ไอ้ไซน์มองตามก็เห็นว่าพี่เต๋ายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แหม๋ ถ้ามีเอฟเฟคแบบในการ์ตูนก็คงจะเกิดประกายไฟสีแดงขึ้นแน่ๆ

“เอาโทรศัพท์มาให้” น้องไจ๋บอก ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ของอีกคนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยื่นให้ ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงึกรับมา ก่อนจะรีบร้องบอก

“เอ้อ นี่พี่เต๋า พี่สายรหัส พี่เต๋า นี่น้องไซน์ครับ เป็นรุ่นน้องของไอ้คอสอีกทีหนะ เคยเจอกันแล้วครั้งนึงที่คณะวิศวะ จำได้มั้ยครับ”

“อ้อ รุ่นน้องคอสนี่เอง” พี่เต๋าบอกพร้อมยิ้มกว้างส่งมาให้ไอ้ไซน์

“เอ้อ งั้นพี่เต๋ากลับได้แล้วหละครับ เดี๋ยวค่ำ ขับรถมันอันตราย”

“เป็นห่วงพี่ใช่มั้ย?”

“ก็ห่วงสิ ไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะพี่เต๋า” ไอ้ไซน์รีบบอก พี่เต๋าเอื้อมมือมายีหัวก่อนจะเดินยิ้มกว้างออกไป ไอ้ไซน์หันกลับมาหาน้องไจ๋ที่อยู่ด้านหลัง ก็พอว่าโดนทำหน้าดุใส่ซะแล้ว

“ไปไหนกันมา”

“กินชาบู พี่เต๋าเลี้ยง”

“ไปกับสายรหัสหรอ?”

“ป่าว ไปกันสองคน” ไอ้ไซน์บอก มือก็กดโทรศัพท์ยุกยิกๆ เช็คโซเชียลเน็ตเวิร์คที่มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นหลายรายการ

“...”  พอเห็นว่าคนเป็นน้องเงียบนานกว่าปกติก็เงยหน้าขึ้นมาดู น้องไจ๋ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก

“เอ้อ แล้วนี่มาได้ไง ไอ้คอสบอกกูว่าจะไปเอาโทรศัพท์กับมึงเองนี่” ไอ้ไซน์ยิ้มตาใสส่งไปให้ พยายามบิ้วให้บรรยากาศอึดอัดนี่ออกไปเร็วๆสักที

“อยากเจอพี่ ก็เลยเอามาให้เอง”

“พึ่งแยกกันเมื่อวะ..”

“พี่ไซน์!” ยังไม่ทันที่ไอ้ไซน์จะพูดจบ น้องไจ๋เรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเข้ม

“สะ เสียงดังทำไมเล่า ตกใจหมด”

“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ?”

“ห๊ะ?” ไอ้ไซน์ทำหน้างงกับคำถามที่ได้รับ ยังไม่ทันที่จะได้คิดทวน ก็โดนน้องไจ๋ลากแขนไปยังทางซอกเล็กใกล้กับบันไดหนีไฟ แล้วถามคำถามเดิมย้ำอีกครั้ง

“ผมเป็นแค่รุ่นน้องพี่คอสหรอ”

“ก็...ก็ใช่ไง มึงสับสนอะไรเนี่ย”

“งั้นผมถามใหม่ เราเป็นอะไรกัน”

“...”  คนถูกถามได้แต่กระพริบตาปริบๆ

...เออ นั่นสิ กูกับมึงเป็นอะไรกันวะ แล้วทำไมน้องไจ๋มันถามแบบนี้ คือมันตามจีบเขาอยู่ไม่ใช่รึไง จะให้ตอบว่ายังไงอ่ะ กูกำลังถูกมึงจีบอยู่งี้หรอ ไอ้สัส มันจะดูสำคัญตัวเองไปมั้ยอะ แล้วคนตามจีบที่ไหนมาชอบทำตัวรุ่มร่ามใส่กันวะ เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมบ้างหละ เอ้อ นี่เราอยู่ในสถานะไหนกัน

“...”

“...พี่น้อง” ไอ้ไซน์ก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว

“ที่ผมทำอยู่ มันไม่ชัดเลยใช่มั้ยครับ”

...ชัดของน้องมันแปลว่าอะไรวะ กอดกัน จูบกัน คุยกันทุกคืน เจอหน้ากันทุกวัน แต่ทุกอย่างอยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้อง หรือนักเรียนกับติวเตอร์ หรือรุ่นน้องของไอ้แฝด ไอ้ไซน์ไม่รู้จริงๆว่าจะนิยามสถานะนี้ว่าอะไร

“...”

“สถานะเรา เป็นอะไรกับครับไซน์” น้องไจ๋หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติที่กำลังเดือดพลุ่งพล่าน ก่อนจะถามคนที่ทำหน้าเครียดอยู่ตรงหน้าออกมาอย่างใจเย็น

“พี่น้อง” และไอ้ไซน์ก็ยังคำตอบเดิม...

“...”

“...”

“ไม่เป็นเว้ย พี่น้องเหี้ยอะไรเค้าจูบกันวะพี่”

“!!!”



.....จย้า
เรามีสอบจนถึงสิ้นเดือนเลยอ่ะ ไม่รู้จะว่างตอนไหนมั่ง  :katai1:

ฝากติดตามน้องไจ๋ แล้วก็พวกสามแฝดด้วยนะ

หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (14)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 07-05-2016 19:04:33
เอ๊ะ เจ้าใจ๋
ไม่อยากเป็นพี่น้องก็ขอเค้าเป็นเเฟนซี่ :hao7:
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (14)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-05-2016 02:49:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (14)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-05-2016 06:51:48
ไม่เป็นแค่รุ่นน้อง งั้น ไจ๋ ก็ขอเป็น แฟนกับซายน์ ซะเลยสิ  :mew1:
รอ :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (15)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 15-05-2016 19:18:24
15
ชอบมากมั้ย? ถามใจดู



“!!!”

ไอ้ไซน์เบิกตากว้าง นิ่งค้างงันกับคำตอบที่ได้รับ ตาตี่กระพริบปริบๆมองคนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา สมองตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก

“บอกผมสิว่ามันเป็นเรื่องปกติที่พี่น้องเค้าทำกัน” น้องไจ๋พูดเสียงแผ่วอย่างตัดพ้อ แววตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

“...”

“...”

“แล้วมึงตอบได้มั้ยว่าเราเป็นอะไรกัน”

“...” คราวนี้เป็นฝ่ายน้องไจ๋เองบ้างที่นิ่งเงียบ ตาคมจ้องคนตรงหน้า คิ้วหนาขมวดกันแน่น

“มันไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วไจ๋ มึงบอกจีบกู กูโอเค แต่พอมาวันนี้มึงถามว่าเราเป็นอะไรกัน กูก็ต้องตอบว่าพี่น้อง มันก็ไม่ได้ผิดนี่ กูไม่เคยบอกว่าชอบมึง มึงก็ยังไม่ได้ขอกูเป็นแฟน ทุกอย่างที่มึงทำ มันอยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้องทั้งนั้น ใช่ กูไม่เคยจูบไอ้คอส แต่กูกับมึงก็อยู่ในกรอบของคำว่าพี่น้องอยู่ดี”

“งั้นปัญหาของเรามันอยู่ที่ผมยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟน ?”

“มึงแน่ใจหรอว่าถ้ามึงขอแล้วกูจะตอบตกลง” 

“เราสองคนไม่ได้ชอบกันอยู่หรอกหรอวะ” น้องไจ๋ถามอย่างหัวเสีย มันเองก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่พี่ไซน์ย้ำคำว่าพี่น้องๆ น้องไจ๋นี่ก็หงุดหงิดจนแทบอยากจับคนตัวเล็กมาจูบปิดปากให้หยุดพูดคำนั้นออกมาเสียที

“ชอบ...แต่กูไม่ได้ชอบมึงมากขนาดนั้น”

“...”

“...”

ถ้าอยากให้รู้ก็บอก ถ้าอยากได้คำตอบก็ให้ถาม กฎที่มันเองสร้างมาแท้ๆ ยังดันไม่ทำตามกฎซะได้

...คนที่คิดไปเอง มันก็สมควรที่จะได้คำตอบแบบนี้แหละ

“โอเค เข้าใจแล้ว”

.

.

.



ไม่ได้ชอบมากเหี้ยอะไรหละ

...ฮืออออ ไอ้ไซน์อยากจะร้องไห้ หลังจากวันนั้นที่ไอ้ไซน์บอกว่าไม่ได้ชอบน้องมันมากขนาดนั้น น้องไจ๋แม่งก็เดินคอตกออกไปจากคอนโด แล้วก็ไม่มาหาไอ้ไซน์อีกเลย ไม่โทร ไม่คุย ไม่มาเรียนพิเศษ ไม่ๆๆๆ จนฝ่ายที่จะใจขาดตายเองกลายเป็นไอ้ไซน์ที่ลากพวกพี่แฝดมากินเหล้าในคืนวันเสาร์แบบนี้

“มึงหมกอยู่แต่ในห้องมาเกือบเดือน เพื่อรอระเบิดวันนี้ใช่มั้ย”

“อือ”

ไอ้แทนส่ายหน้าอย่างระอา สามอาทิตย์มานี้ไอ้ไซน์ก็เอาแต่หมกอยู่ในห้อง อ่านหนังสือเป็นวรรคเป็นเวร วันๆนี่พูดกันอยู่ไม่กี่คำ ไม่อืม ก็อือ กินข้าวก็น้อยจนต้องดุ ต้องบังคับให้กินอยู่หลายครั้ง จนตอนนี้ตัวผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

“มีอะไรก็พูดมา ระบายมาให้พวกกูฟัง ยิ่งมึงเป็นแบบนี้ พวกกูยิ่งเป็นห่วงรู้มั้ย”  ไอ้คอสบอก เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมทรงเห็ดที่ยาวขึ้นแล้วเบาๆ ทำไมมันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับน้องแฝดมัน ทั้งคณะเค้าลือกันทั่วว่าน้องไจ๋อกหัก อาการแม่งก็ไม่ได้ต่างกันกับไอ้หมานักหรอก แต่รายนั้นหนักกว่าเพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก ไอ้คอสฟังจากเค้าเล่ามาอีกที มันก็เลยยังไม่กล้าพูดมาก รอให้ไอ้ไซน์มันพูดให้ฟังเองดีกว่า

“...”

“...”

“กูว่า กูชอบน้องมันแล้วหวะ”  ทันทีที่ไอ้ไซน์พูดจบ พวกแฝดพี่ก็ถอนหายใจพรูออกมา ไอ้แทนถึงกับเอามือขึ้นมานวดขมับ ยกแก้วน้ำสีอำพันกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด

“อือ ก็ดี พูดตรงๆแบบนี้ก็ดี แล้วสาเหตุที่ทำให้มึงเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ก็เพราะไอ้ไจ๋ใช่มั้ย”

“อือ” พยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็ซบหน้าลงกับไหล่ไอ้แฝดคนโต น้ำตาหยดแหมะลงเสื้อ พร้อมกับเสียงสูดน้ำมูกดังฟืดๆ ไอ้แฝดคนโตดึงคนเป็นน้องออกจากไหล่แล้วมองหน้า ก็ยิ่งหัวเสียเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดโต หล่นออกจากดวงตาใสอย่างไม่ขาดสาย

...เกินไปแล้ว ไม่เคยมีใครทำไอ้ไซน์ร้องไห้เป็นเด็กๆแบบนี้เลยสักคน แต่มาร้องไห้ให้ไอ้ไจ๋นี่ มันเกินไปแล้ว

“เฮ้ย เบาๆเว้ย” ไอ้คอสปราม ดันแก้วแอลกอฮอล์ออกจากมือเล็กที่ยกดื่มอึ้กๆอย่างกะเป็นน้ำเปล่า ไอ้ไซน์ตวัดหางหาใส่อย่างเคืองๆ

...แหนะ ไอ้ลูกหมานี่ กูเป็นพี่มึงนะเว้ย ถ้าไม่ติดว่าเฮิร์ทนี่จะโบกให้หัวหลุดเลย

“พวกมึงคงดีใจที่กูเป็นแบบนี้อะดิ พวกมึงไม่ชอบน้องมันอยู่แล้วนี่” น้ำเสียงตัดพ้อกับตาช้ำๆถูกส่งมาให้พวกพี่แฝด พวกพี่แฝดก็ต่างถอนหายใจ

เออ ไม่ชอบน้องไจ๋ก็จริง แต่ใครมันจะไปยิ้มหน้าระรื่นวะที่เห็นไอ้หมามันเป็นแบบนี้ คิดแล้วก็อยากตบกะโหลกให้หายหมั่นไส้สักที อธิบายให้คนเมาฟังก็คงไม่มีประโยชน์ รอมันส่างก่อนละกันค่อยจับมาเขย่าๆๆ ให้สติมันกลับมาแล้วค่อยด่ามัน สะใจกว่า

“เอ้าๆ จะไปไหนอีก”

“ไปเยี่ยว ไปเฝ้ามั้ยหละ”

ไอ้ไซน์บอกแล้วก็เดินเซๆ ไปห้องน้ำ เออ เอากับมันสิ อย่าที่เค้าบอกจริงๆหละว่า เวลาเมามันอยากจะพูดอะไร มันก็พูด ไม่ได้เห็นหัวใครพี่ใครน้อง ถึงจะเป็นแฝดกันก็เถอะ

“ปะกลับเหอะ มึงไม่ไหวละ” แฝดคนโตบอกทันทีที่ไอ้ไซน์เดินมึนๆกลับมาที่โต๊ะ ไอ้ไซน์ส่ายหน้า นั่งจมปุ๊กลง ยกแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกรวดเดียวต่อ

“ไอ้ไซน์ ลุก!” แฝดคนโตสั่งเสียงดัง ไอ้ไซน์ได้แต่มองหน้าอย่างน้อยใจ กระแทกแก้วลงกับโต๊ะ ก่อนจะลุกยืนขึ้น พาร่างเซๆเดินออกมาลานจอดรถ ตามมาด้วยไอ้คอสและไอ้แทน

สามแฝดขึ้นรถโดยมีไอ้แฝดคนโตเป็นสารถีเจ้าประจำ รถเคลื่อนตัวออกมาได้สักพัก ได้ไซน์ก็ทำท่าพะอืดพะอม

“จะอ้วกอะ”

“เหี้ยๆ กลืนลงไปก่อน กูจะจอดรถเดี๋ยวนี้แหละ” ไอ้แทนผู้หวงรถยิ่งกว่าอะไรรีบบอก ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง ก่อนจะหยุดรถนิ่งให้ไอ้ตัวดีลงมาปลดปล่อยสิ่งปฏิกูลด้านนอกรถ

...ไม่ได้ดิ  รถนี่ต้องเอาไปรับสาวอีกตั้งหลายคน ถ้ากลิ่นติดรถขึ้นมานี่มันคงไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่

ไอ้คอสลงมาลูบหลังแฝดคนน้องอย่างเป็นห่วง จนไอ้ไซน์อ้วกออกมาอย่างหมดไส้หมดพุงเจ้าตัวก็ยื่นน้ำให้ล้างปาก พยุงตัวให้ยืนขึ้น

“อย่ามายุ่ง! ฮึก จะอยู่คนเดียว” ไอ้ไซน์สะบัดตัวออก นั่งลงข้างๆกองอ้วกตัวเองก่อนจะเริ่มโวยวาย ร้องไห้สะอื้นฮึกๆออกมา

...เป็นไรอีกหละเนี่ย  โอ้ยยยย กูละอนาท ละเหี่ยใจกับมึงแท้

 “อยู่คนเดียวได้ไง นี่มันข้างทาง กลับบ้านเราเร็ว” ไอ้คอสบอกอย่างใจเย็น

“ไอ้ไซน์ลุกขึ้น อย่าเป็นเด็ก ไม่งั้นกูปล่อยมึงไว้ข้างทางแน่ๆ”

“ปล่อยกูไว้นี่แหละ ฮึก กูจะอยู่คนเดียว ปล่อยกู ฮึก ปล่อยกูอยู่คนเดียวเลย ฮืออออ ฮึก ฮือออ” เอาแล้ววววว ไอ้ไซน์ต่อมน้ำตาแตก ร้องไห้ออกมาเป็นเด็กๆ พูดตัดพ้อทันทีที่ไอ้แฝดคนโตขู่ ไอ้คอสได้แต่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ปากหมาๆของไอ้แทน

...ไอ้สัสแทนนี่ ยืนอยู่เงียบๆก็ไม่ได้มีใครว่าหรอก มึงพูดทำไม ลำบากกูเนี่ย ลำบากกูวววววว

“อยู่คนเดียวไม่ได้ มันค่ำแล้วเนี่ย วันนี้กลับบ้านก่อน”

“ม่ายยยยยย ฮึก ไม่กลับบ้าน ฮือออ”

“ไม่กลับบ้านงั้นจะไปไหนครับ หื้ม?”

“ไปหาไจ๋ อยากไปหาไจ๋ ฮือออออ ไจ๋”

“ไม่ให้ไปเว้ย!”

“ฮืออออออออออออออออ”

“ไอ้สัสแทน เงียบปากไปมึง”  ไอ้คอสหันไปว่าแฝดคนโตอีกรอบ ไอ้แฝดที่โดนว่าได้แต่ส่งเสียงฮึดฮัด ไม่พอใจ

...ไปไหนก็ได้กูพาไปได้หมด ขอแค่ไม่ไปหาได้เด็กนั่น แทนหงิดดดดดดด

“ไปหาไจ๋อะ อยากหาไจ๋ ฮึก ฮือออ คอส พาไปหน่อยนะ ฮืออออ อึก ฮือออ” ส่งเสียงอ้อนคนเป็นพี่ปานจะขาดใจ ร้องไห้หนักแค่ไหนจนเจ้าตัวสะอึกออกมา ไอ้คอสเห็นแฝดน้องทรมานก็อดสงสารใจอ่อนไม่ได้ ตั้งแต่โตมาด้วยกันยังไม่เคยเห็นมันร้องไห้ขนาดนี้ ดูดิ ตาขีดๆช้ำบวมไปหมดแล้ว สภาพตอนนี้ยิ่ง แม่ง ดูไม่ได้เข้าไปใหญ่  ไอ้คอสส่งสายตาไปหาไอ้แฝดคนโตราวกับขอความเห็น

.

.

.


ติ้งต่อง ติ้งต่อง

แล้วตอนนี้ก็ได้มายืนกดออดอยู่หน้าบ้านน้องไจ๋เนี่ยแหละ ไอ้ตัวดีที่บ่นอยากมาๆ สะอื้นฮึกๆหลบอยู่ด้านหลัง
ไฟตามทางเดินค่อยๆเปิดทีละดวงพร้อมกับน้องไจ๋ที่เดินออกมา ถ้าสมมติน้องไจ๋ถือมีดมาด้วยคาดว่าเรื่องนี้คงเป็นนิยายฆาตกรรมแหงๆ แต่ไม่ใช่ไง น้องไจ๋เดินมาเปิดรั้วบ้าน ด้วยท่าทางเฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีตกใจ อะไรทั้งนั้น  ออกแนวเมินคนตัวเล็กที่หลบอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำ

“มาทำไรพี่”

“...” ไอ้คอสสะกิดแขนคนที่หลบอยู่ด้านหลังให้ออกมา แต่ไอ้คนด้านหลังก็กำเสื้อแฝดคนพี่ไว้แน่น

“ไม่มีอะไรผมเข้าบ้านละนะ พรุ่งนี้ผมต้องไปช่วยทำคัทเอาท์ที่คณะแต่เช้า”

“...”

“งั้นผมขอตัวนะพะ...”

“จะ ไจ๋...” เสียงสั่นๆร้องเรียก ไอ้คนที่หลบอยู่หลังแฝดพี่ค่อยๆเขยิบออกมาเผชิญหน้ากับน้องไจ๋

“อีกครึ่งชั่วโมงกูจะมารับ”

“ห๊ะ? คุยอะไรกันนานขนาดนั้น ห้านาทีพอ!” ไอ้แฝดคนโตที่ยืนฟังอย่างสงบปากสงบคำอยู่เงียบๆส่งเสียงประท้วงขึ้นมา ไอ้คอสแทบจะกระโดดไปปิดปากไม่ทัน ลากไอ้แฝดคนโตยัดเข้าไปในรถ ก่อนตัวเองจะรีบวิ่งไปฝั่งคนขับ เป็นสารถีขับรถออกไปจากหน้าบ้านน้องไจ๋แทน

เมื่อได้อยู่กันสองคน ความเงียบเริ่มก็ก่อตัว ไอ้ไซน์อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมพูดสักที น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วก็พาลจะรื้นขึ้นมาอีก

“เข้าบ้านมั้ย?”

“อือ” บอกคนเป็นน้องแล้วก็เดินตามต้อยๆเข้าบ้าน นั่งก้มหน้าลงกับโซฟาตัวใหญ่

“กินเหล้ามาหรอ”

“อือ” พยักหน้าบอกช้าๆ น้องไจ๋ก็เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับชาร้อนๆที่ยังมีไอฟุ้งขึ้นมาจากแก้ว วางไว้ตรงหน้า

“...”

“ทำไม...ทำไมไม่ไปเรียนพิเศษ”

“...ผมต้องทำงานช่วยที่คณะ ยุ่งมากๆก็เลยไม่ได้ไป”

“...”

“...”

“แล้วทำไมไม่โทรมา”

“พี่น้องกันเค้าไม่คุยโทรศัพท์กันบ่อยๆทุกวันหรอกหน่าพี่” น้องไจ๋พูดติดตลก แต่คนฟังกลับไม่ตลกด้วย ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาถึงกระบอกตาจนน้ำตาเม็ดโตหล่นลงมาอาบแก้ม เจ้าตัวรีบใช้หลังมือเช็ดอย่างลวกๆ กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็น แต่ก็ไม่ทันสายตาน้องไจ๋หรอก

“ไม่ชอบ ฮึก ไม่ชอบแล้วใช่มั้ย” ก้มหน้าถามเสียงสั่น พร้อมกลั้นสะอื้น ใจจริงอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหู ไม่อยากฟังคำตอบ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายถามแท้ๆ แต่ก็ต้องใจแข็ง นั่งรอฟัง รอคำตอบที่จะตอบกลับมา นี่ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนนะ

“...”

“...”



“อื้อ กำลังเลิกชอบอยู่”

“...ฮึก”


“...แต่แม่งแย่หวะพี่”

“...”

“ยิ่งพยายามเลิก ยิ่งชอบ ยิ่งพยายามไม่นึกถึง ยิ่งคิดถึง ยิ่งพยายามไม่ไปเจอหน้า ก็ยิ่งอยากเจอ ขอโทษนะ แต่เดี๋ยวผมจะพยายามมากกว่านี้”

“ไม่... ฮึก ฮืออออ ไม่เอา” ส่ายหัว น้ำตานองหน้า ยิ่งได้ฟังคำตอบของน้องไจ๋ยิ่งร้องไห้เข้าไปใหญ่

...ความรู้สึกตอนคนที่ชอบบอกว่าจะเลิกชอบนี่มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก มันปวดหนึบ มันจุก มันทรมานไปหมด
แต่ก็ใช่ว่าไอ้ไซน์จะเป็นฝ่ายทรมานอยู่ฝ่ายเดียว

“แบบนี้แหละ ดีแล้ว”


...ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก

อยากจะเข้าไปกอด เข้าปลอบ ไปเช็ดน้ำตาให้แทบตาย แต่ก็ต้องทนไว้ อย่าถลำลึกเกินไปกว่านี้

“จะดีได้ไง ในเมื่อตอนนี้...ฮึก”

“...”


“ตอนนี้...กูชอบมึงมากๆ ไปแล้ว ฮือออออ” 

“...พี่ไซน์”

“ไจ๋ ... ฮึก มึงอย่าเพิ่ง ...เลิกชอบกูเลยนะ”

“...”

“กูใจจะขาดตายอยู่แล้ว”  สิ้นเสียงต่อมน้ำตาก็แตกออกมาอีกยกใหญ่ ตาที่บวมอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงช้ำเข้าไปใหญ่ มือเล็กๆก็พยายามเช็ดน้ำมูกน้ำตาตัวเอง จนมันเลอะหน้าเลอะตา ปนกันไปหมด

น้องไจ๋เดินมานั่งลงคุกเข่าลงตรงหน้าไอ้ไซน์พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าไปกอดไว้ กอดปลอบอยู่นานแสนนาน จนไอ้ไซน์หยุดร้องไห้ มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะ

ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร

แต่ก็รับรู้ได้

ว่าอ้อมกอดนี้มันช่างแสนอบอุ่น

“พี่เป็นแบบนี้”

“...”

“แล้วผมจะเลิกชอบได้ไงวะ”

“ไจ๋...”

“...”

“เป็นแฟ....”

“อย่าพึ่งพูดนะพี่ไซน์ !”

“...?”

“ให้สถานะของเราเป็นพี่น้องแบบนี้ก่อน ดีแล้ว”

“...”

“ให้ผมพิสูจน์ตัวเอง ให้พวกพี่แฝดเห็น ว่าผมพร้อมจะดูและพี่ ว่าผมจะไม่ทำให้พี่เสียใจ”

“...”

“ให้พี่แฝดเห็นว่า ผมเหมาะที่คบกับพี่ไซน์  ว่าผมไม่ใช่ไอ้ไจ๋คนเดิม”

“...”

“ให้ระหว่างเรา...มันเป็นคำว่ารัก ไม่ใช่แค่คำว่าชอบ”

“...”

“วันนั้น ผมจะเป็นคนถามพี่ไซน์เองนะครับ”

“...”


“ถ้าถึงวันนั้นแล้ว พี่ก็ต้องตอบผม อย่างไม่ลังเลด้วยนะ”

“...”


“รอก่อนนะพี่ไซน์”

“อื้อ กูจะรอ”





รอเราด้วยนะ เราก็กำลังสอบอยู่ สอบเสร็จสิ้นเดือน 5555
ฝากติดตามพวกสามแฝดแล้วก็เป็นกำลังใจให้เจ้าไจ๋ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆนานาด้วยนะคะ
เลิ้บบบบบ :mew1:

พรุ่งนี้วันจันทร์ ใครเปิดเทอมแล้วก็รีบนอนนะตัวเอง
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (15)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 15-05-2016 21:13:51
รอดูคนพิสูจน์ตัวเอง อิอิ
 :katai3:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (15)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-05-2016 22:21:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (16)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 05-06-2016 14:53:23
16
พิเศษใส่ไข่



กล้ามาก ...

ไอ้เด็กไจ๋กล้ามากที่มายืนดักรอไอ้แฝดคนโต แถมทำหน้ากวนตีนอยู่ที่หน้าคณะแพทย์ตอนเลิกเรียน เสื้อช็อบสีน้ำเงินเข้มๆ ตัดกับสีเสื้อกาวน์ขาวๆจนเป็นที่สังเกตของนักศึกษา เจ้าแฝดคนโตเดินหน้านิ่งเข้าไปหาอีกคนพร้อมถาม

“มึงมาทำอะไร?”

“ผมพาพี่ปิงปิงมาโรงพยาบาล เลยแวะมารอพี่ ฝากเค้กไปให้พี่ไซน์ด้วย” น้องไจ๋พูดจบก็ยื่นถุงเค้กไปให้คนตรงหน้าที่ทำหน้าดุ ขมวดคิ้วใส่

“แล้วทำไมมึงไม่เอาไปให้ไอ้ไซน์เอง แต่ก่อนแสล๋นไปหากันบ่อยนักนี่” วาจาเหน็บแนมเอื้อยเอ่ยมากระทบ

“วันนี้ผมอยู่โรงบาลทั้งวัน ไม่ได้มีเวลาออกไปหาพี่ไซน์ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะหาครับ”

“บอกกูทำไม?”

เอ้า

น้องไจ๋เป็นฝ่ายขมวดคิ้วใส่ไอ้แฝดคนโตบ้าง แต่ไม่ทันไรไอ้แฝดคนโตก็ดึงถุงเค้กในมือไปก่อนจะเดินออกไปอีกทาง ทิ้งให้น้องไจ๋ยืนงงๆกับคำถามของพี่แฝด

...ก็พี่ถามกูไม่ใช่หรอวะ กูก็ตอบ เอ๊ะ หรือนี่ตอบไม่ตรงคำถาม

.

.

.


“ถุงเค้กอยู่เบาะหลัง เด็กมึงเอามาให้”

“หืม?”

“น้องไจ๋หรอ”  ไอ้แทนขับรถมารับไอ้ไซน์กลับบ้านอย่างเช่นทุกวัน พอไอ้หมาขึ้นรถเรียบร้อยแฝดคนโตก็พยักเพยิดหน้าไปทางเบาะหลัง ไอ้คอสมีท่าทีแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยถามแฝดพี่

“วันนี้กูไม่เห็นมันที่คณะ แล้วมึงไปเจอมันได้ไง”

“มันพาพี่ปิงปิงไปโรงบาล เลยฝากกูเอาเค้กมาให้ไอ้ไซน์” ไอ้ไซน์ที่นั่งอยู่เบาะหลังคนเดียวเปิดถุงเค้กออกมาก่อนจะพบการ์ดเล็กๆ เขียนด้วยลายมือตวัดๆที่คุ้นตา ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาทันทีที่อ่านจบ


‘ผมไม่รู้ว่าพี่แฝดชอบกินอะไร เลยบอกให้พี่ปิงเอามารวมๆกัน ฝากให้พี่แฝดพี่กินด้วยนะ ส่วนพี่ไซน์ไม่ต้องกินหรอก อ้วนนนนนน #คิดถึงจังครับ :p’ 


...น้องไจ๋ของมันน่ารักเสมอแหละหน่า

“เก็บอาการมั่งเถอะ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูอยู่ละ” ไอ้แทนเหลือบมองกระจกหลังก่อนจะว่าเข้าให้

“อะไรเล่า”

“ป๊าววว ยิ้มให้ตลอดเถอะอย่าให้กูเห็นมึงมานั่งร้องไห้ งอแงน้ำตาตกใน กูจะสมน้ำหน้าให้”  ไอ้แทนพูดจบก็หันไปแท๊กมือกับไอ้คอสที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ส่วนไอ้หมาไซน์ได้แต่เบะปากใส่อยู่ด้านหลังเงียบๆคนเดียว

...เดี๋ยวรู้เลยยย




RRR

‘Jai EN’

“ฮัลโหลว อิสมี ไอ้ไซน์ไม่ว่าง แต่ถึงมันว่างกูก็ไม่ให้คุย” เจ้าคอสถือวิสาสะรับโทรศัพท์เครื่องสวย แล้วรัวคำพูดดักทางของคนปลายสายไว้

‘...พี่ไซน์ทำอะไรอยู่ครับ’

“กินขนม หน้างี้บานแข่งกับจานดาวเทียม อ้วนก็อ้วน นี่มึงชอบมันไปได้ไง โอ้ยยยย”

“อะไร รับโทรศัพท์เค้าแล้วก็มานินทาเค้า เอามานี่เลยนะ” เสียงเจื้อยแจ้วดังเข้ามา ปลายสายที่ฟังอยู่ถึงกับหลุดยิ้มออกมา

...อา ชักจะหนักขึ้นทุกวัน นี่แค่ได้ยินเสียงพี่ไซน์แม่งก็อารมณ์ดีละ

“ฮัลโหลๆ”

‘อ้าว ทะเลาะกันเสร็จแล้วหรอครับ ฮ่าๆๆ’

“เออ คอสแม่ง ชอบยุ่งกับของส่วนตัว ทำตัวจู้จี้อย่างกับผู้หญิง”

‘ไม่เอาหน่าพี่ไซน์ เค้าเป็นห่วงพี่ไง’

“กูโตแล้วววว”

‘โตแล้วก็อย่าทำตัวให้เป็นห่วงสิครับ’ เสียงทุ้มๆของน้องไจ๋ทำเอาไอ้ไซน์หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ ยกมืออีกข้างขึ้นมาเกาแก้มอย่างเขินๆ ริมฝีปากบางๆนั่นก็กลั้นยิ้มเอาไว้ ทำหน้าตลกอะไรเบอร์นั้น

“มะ มึงก็จะเป็นพ่อกูอีกคนไง๊”

‘โอ้ยยย ไม่อยากมีลูกแบบพี่หรอก’

“ทำแมะ แบบกูมันทำแมะ”

‘อ้าว จับลูกทำเมียมันผิดนะพี่’

...ตึ้งโป๊ะ ไอ้ไซน์เหมือนจะเป็นลม มันเป็นวิ้งๆที่หัว เต็มไปหมดเลยครับ ฮืออออ

“...”

‘พี่ยิ้มอยู่แน่ๆ’

“เพ้อเจ้อ กูวางละ” บอกปลายสายเสียงดังพลางมือก็จับแก้มร้อนๆของตัวเองอีกครั้ง

‘เนี่ย พี่ก็เป็นแบบนี้ทุกที เขินแล้วชอบหนี’

“กูไม่ได้หนี กูง่วง มึงไม่รู้หรอว่ากูนอนไม่พอแล้วมันหงิด”

‘แล้วพอเขินหนักๆเข้าพี่ก็ชอบโวยวาย เฮ้อออ’ น้องไจ๋ยังคงพูดแกล้งอีกคนไม่เลิก พนันได้เลยว่าตอนนี้น้องมันต้องยิ้มปากกว้างอยู่แน่ๆ

“ฮื่อออออ วางไปเลยยย”

‘ฮ่าๆๆ ไม่แกล้งแล้ว งั้นผมวางละนะ’

“อื้อ บ๊ายบาย”

‘ฝันดีนะครับ’

“ฝันดีฮับ” บอกน้องไจ๋เสียงหวานก่อนจะวางสาย ยังไม่ทันไรเสียงข้อความจากแอพลิชันสีเขียวก็ดังตุ้งติ้ง เด้งขึ้นมา ไอ้ไซน์หยิบโทรศัพท์ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วเปิดดูข้อความ


Jaijira: พรุ่งนี้ไปกินข้าวกันนะ

SineZai: กูไม่แน่ใจว่าพวกแฝดจะให้ไปมั้ยนะ

Jaijira: งั้นไปกันหมดทั้งสามคนเลย เดี๋ยวผมก็จะพาพี่ปิงไปด้วย

SineZai: อือ เดี๋ยวชวนๆให้

Jaijira: แล้วพี่แพ้อาหารอะไรมั้ย?

SineZai: ไม่นะ กูก็กินได้เกือบหมด แต่กูเลือกกินอะ

Jaijira: งั้นพี่ชอบกินอะไร

SineZai: อืมม...ไข่เจียวก็ชอบ ข้าวต้ม ผัดผักบุ้งไฟแดงก็ชอบนะ พวกต้มยำงี้ก็ชอบนะ มาม่ากูยังชอบเลย ถ้ามันอร่อย 555

Jaijira: เอาที่ชอบเป็นพิเศษสิ



SineZai: ที่ชอบเป็นพิเศษหรอ .... ชอบมึงไง :)




03.12 น.

RRRR

‘Jai EN’

“อือ ไรวะ”

‘พี่ไซน์ ผมนอนไม่หลับอะ’

“เอ้า แต่กูหลับแล้ว”

‘พี่แม่ง หลับได้ไงวะ พี่มาวางระเบิดผมด้วยมุกกากๆแบบนั้นหรอ พี่คิดว่าผมจะเขินใช่มั้ย ผมแข็งแกร่ง ผมไม่สะทกสะท้าน ฮึ่ยยยย พี่รู้ปะใจผมมันพองจนจะแตกอยู่แล้วอะ ถ้าผมตายขึ้นมาพี่จะทำยังไงฮะ พี่ไซน์พี่ตื่นขึ้นมาคุยเป็นเพื่อนผมเดี๋ยวนี้เลยนะ’

“...”

‘พี่ซายยยยยยยยยยยยยยยยยยน์’

“อือ พูดจบแล้ว ก็ไปนอนไป๊”

‘พี่ไซน์อะ มารับผิดชอบเลยนะเว้ย’

ตู้ด ตู้ด ตู้ด ...

.

.

.


เจ้าน้องไจ๋ยอมรับเลยว่าตอนแรกที่บอกว่าจะพิสูจน์ตัวเอง จะดูแล ปกป้องพี่ไซน์ จะไม่ใช่ไอ้ไจ๋คนเดิมที่เมาเหล้าเอาแต่เที่ยว ที่บอกไว้กับพวกพี่แฝดนั้น พูดไปเพราะอารมณ์ล้วนๆ คือมีความตั้งใจจริงๆที่จะทำ แต่ดันลืมคิดไปเสียนี่ว่าจะทำโดยวิธีไหน ไอ้น้องไจ๋เลยต้องมานั่งแหง็กใช้สมองเล็กๆคิดอยู่เนี่ย  อาจงอาจารย์สอนอะไรก็ไม่เข้าหัวละตอนนี้

ช่วงนี้น้องไจ๋ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ฟันผู้หญิง ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะ ชกต่อยกับใครแล้วแล้วก็จริง แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้พี่แฝดเห็นว่า น้องไจ๋มันจะดูแลพี่ไซน์ของมันได้ ถ้าจะทำดีกับพี่ไซน์ก็ทำได้ แต่ถ้าหลังจากนี้ ไม่มีเวลาให้พี่ไซน์ เดี๋ยวก็จะหาว่าตอแหล ทำดีแค่ช่วงโปรโมชั่นมั้ย? โอ้ย เนี่ย ยิ่งคิดยิ่งเครียด  ลักพาตัวพี่ไซน์หนีไปอยู่เกาะเหมือนหมอวรรษแม่งเลย
หน้าหล่อๆของน้องไจ๋ฟุบลงกับโต๊ะ พลางมือก็แอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เปิดเข้าแอพลิเคชันสีเขียว แล้วกดเข้าไปดูข้อความเมื่อคืน

‘ที่ชอบเป็นพิเศษหรอ .... ชอบมึงไง :) ’

พอเห็นข้อความแล้วมุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้น ข้อความของพี่ไซน์ตัวดีที่ทำเอามันนอนไม่หลับ กลัวว่าพอลืมตาตื่นแล้วข้อความจะหายไป

...แล้วไอ้ความรู้สึกหัวใจพองโตนี่มันอะไร


Jaijira:  คิดถึงงงงงง

ส่งข้อความไปหาคนเป็นพี่ก็เลื่อนขึ้นไปดูบทสนทนาเก่าๆที่เคยคุยกัน  สักพักโทรศัพท์ก็สั่นครืดๆ ข้อความตอบกลับมา

SineZai:  กูคิดถึงมากกว่าอีก :p

น้องไจ๋ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง

...โดนอีกหนึ่งดอก


“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มึงเลิกอกหักแล้วหรอ?” ไอ้ทีร์ เพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างถามขณะที่มือก็จดตามสไลด์อาจารย์

“อือ”

“ถุ้ยย โถ่กูก็กะจะรอดูว่าเสืออย่างมึงจะเศร้าได้กี่วัน นี่ก็คนคุยใหม่ใช่มั้ยหละ”

“ป่าว คนเดิม”

“เหยดดดดดด แสดงว่าพี่ติวเตอร์คนนี้แม่งเด็ดจริง”

“สัส ลามปามพี่ไซน์กู”

“ฮั่นน่อววว ล้อไม่ได้ด้วยเว้ยเห้ย” ไอ้ทีร์พูดจบ น้องไจ๋ก็ทำท่าจะต่อยเข้าให้ จนอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องหันมามองนั่นแหละ ทั้งสองถึงได้เลิกคุยกัน


พอหมดคาบเรียนน้องไจ๋ก็เก็บชีทเข้ากระเป๋า เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่งโมงกว่าๆ พี่ไซน์ถึงจะเลิกเรียน  น้องไจ๋จึงใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยเข้าห้องสมุด ไปตากแอร์ (?) เลือกนั่งมุมที่ชั้นหนังสือบังไว้ เวลานอนหลับ ได้ไม่มีคนเห็น อิอิ


“นี่ไง ไซน์มันส่งมาให้ดู”

“แล้วมันไปกับใคร”

“พี่เต๋าอะไรนั่นแหละ ที่ชอบซื้อขนมมาให้มันบ่อยๆ”

“แล้วไปนานแค่ไหน”

“ไม่รู้ มันฝึกงานช่วงปีสี่เทอมแรก สามเดือนกว่าๆมั้ง แต่มันบอกจะไปก่อน”  เสียงบทสนทนาเบาๆ แต่ก็ดังมากพอที่น้องไจ๋จะได้ยินดังขึ้น ภายในห้องสมุดที่เงียบกริบ น้องไจ๋ลุกออกจากโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่ เดินมาอีกฝั่งที่ชั้นหนังสือกั้นไว้ ค่อยๆชะโงกหน้ามองดูบุคคลที่พูดคุยกันเมื่อครู่นี้

“นี่ไง มันโทรมาละ ว่าไงไซน์ มึงจะไปจริงๆหรอ”

...พี่คอส และพี่แทน

“สถานทูตอังกฤษเลยนะ มึงร้องไห้กลับบ้านกลางคันไม่ได้นะ”

...อะไร พี่ไซน์จะไปไหน แล้วทำไมต้องไปกับไอ้พี่รหัสอะไรนั่น

“แล้วนี่โทรไปบอกแม่ยัง เออๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที” เจ้าแฝดคนโตกดวางโทรศัพท์แล้วก็หันหน้าไปคุยกับเจ้าคอสต่อ แต่น้องไจ๋ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว สติหลุดลอย เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ มือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาอีกคนที่อยากคุยด้วยอย่างร้อนรน แต่เจ้าตัวกลับไม่รับโทรศัพท์


...ห่างกันสามเดือนอะไร  แค่สามวันก็จะบ้าตายอยู่แล้ว




----------------------------------
ฮัลโหวทุกคนนนนน เรากลับมาแล้วววววว
ไม่ได้เข้ามาตั้งนาน คิดถึงน้องไซน์กันมั่งมั้ย
ช่วงนี้คงได้อัพบ่อยขึ้นเพราะปิดเทอมแล้ว
ยังไงก็ฝากติดตามพวกสามแฝดและเป็นกำลังใจให้น้องไจ๋สู้ๆด้วยนะฮะ  เลิ้ฟฟฟฟ :katai3:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (16)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-06-2016 19:23:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (17)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 11-06-2016 23:29:38
17
ไปละนะ



“ไม่อร่อยหรอ?”

“ป่าวครับ”  น้องไจ๋บอกปฏิเสธแล้วก็หยิบส้อมขึ้นมาเขี่ยๆข้าวในจานเหมือนเดิม  ไอ้ไซน์ที่วันนี้ไม่มีพวกพี่แฝดคอยตามประกบเห็นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้


...บอกป่าวๆ แต่หน้าอย่างกะเด็กถูกบังคับให้กิน


“ไม่รีบกินระวังกูแย่งนะ”

“อ้วน”

“เดี๊ยะๆ” ใช้ส้อมชี้หน้าอีกคนแล้วก็กินต่อ ในขณะที่น้องไจ๋ก็ยังคงเขี่ยข้าวในจานเล่นพลางมองคนที่กินข้าวท่าทางดูอร่อยนั่นเงียบๆ

อาทิตย์นึงผ่านไปแล้วหลังจากที่น้องไจ๋ได้ยินเรื่องไปฝึกงานที่ต่างประเทศของไอ้ไซน์  แต่เจ้าตัวกลับยังไม่ปริปากพูดออกมาให้ได้ยินสักคำ    

“พี่ไซน์...พี่มีอะไรจะบอกผมมั้ย?”

“หือ ? ไม่นี่” ไอ้ไซน์พูดเคี้ยวข้าวตุ้ยๆเต็มแก้ม น้องไจ๋ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ 
กินข้าวเสร็จ  ไอ้ไซน์ก็ได้มานอนตีพุงอยู่บนโซฟาบ้านน้องไจ๋


...โถ่ น้องมันบอกให้มาดูหนังเป็นเพื่อน ก็ไม่ได้เต็มใจมาซะหน่อยยยย


“พี่ดูไปเลยนะ ผมไปแก้รายงานก่อน เดี๋ยวผมตามมา”  น้องไจ๋เดินเข้ามาบอกไอ้ไซน์ที่กำลังนั่งเลือกแผ่นหนังอยู่ แล้วเดินออกจากห้องดูหนังไป ไอ้ไซน์ขมวดคิ้วก่อนจะไม่สนใจ เลือกแผ่นหนังต่อ พอเลือกได้แล้วก็เปิดเข้าเครื่องสเตอริโอ


สิบนาทีผ่านไป
น้องไจ๋ก็ยังไม่เข้ามา



สิบห้านาทีผ่านไป
น้องไจ๋ก็ยังไม่เข้ามาอีก


ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ไอ้ไซน์กดปิดหนังแล้วเคลื่อนย้ายก้นกลมๆ ไปยังห้องข้างๆ  เคาะประตูสามทีพอเป็นมารยาทก่อนจะเปิดประตูเข้าไป  เห็นน้องไจ๋นั่งทำหน้าคร่ำเครียดอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊ค ไอ้ไซน์ก็เข้าไปบีบๆนวดๆหัวไหล่ให้

“พี่ไปดูหนังเลย เดี๋ยวผมก็แก้เสร็จแล้ว”

“กูปิดไปแล้ว”

“อ้าว หนังไม่สนุกหรอ งั้นผมไปส่งที่คอนโดปะ” น้องไจ๋กดเซฟงานก่อนจะลุกขึ้นหยิบกุญแจรถที่วางข้างโน๊ตบุ๊คขึ้นมา ไอ้ไซน์กดไหล่ของคนตัวสูงกว่าไว้ให้นั่งลงที่เดิม จับหน้าน้องไจ๋ไว้ไม่ให้หันหนี แล้วยื่นหน้าเข้าไป

“เป็นไรก็บอกดิ วันนี้ทั้งวันมึงไม่สนใจกูเลยอะ”

“ผมเหนื่อยๆหนะ ขอโทษนะ”  น้องไจ๋พูดจบ ไอ้ไซน์ก็หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดริมฝีปากนิ่มลงไปที่เดียวกันของอีกคน  ง้างงับ ดูดคลึงริมฝีปากน้องไจ๋ แล้วค่อยๆรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอีกคนอย่างเก้ๆกังๆ  น้องไจ๋ โอบเอวคนเป็นพี่ไว้แน่นก่อนจะดึงลงมาให้นั่งตัก แล้วเป็นฝ่ายรุกกลับคืนบ้าง ลิ้นร้อนๆเกี่ยวตวัดช่วงชิงความหวาน ดูดเอาพลังงานจากอีกคนมาเป็นของตัวเอง พอรู้สึกว่าอีกฝ่ายหายใจไม่ทันก็ค่อยถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้าๆ แล้วเลื่อนลงมาคลอเคลียยังซอกคอหอม

“พะ พอแล้ว ฮื่อ จะ ไจ๋”  ร้องครางเสียงกระเส่าเมื่อคนเป็นน้องลากริมฝีปากที่ร้อนผ่าวกลับขึ้นมายังใบหู  น้องไจ๋อุ้มไอ้ไซน์ ลุก
ขึ้นจากเก้าอี้เปลี่ยนมายังเตียงนอน ดันลงพี่ลงไปนอนด้านล่าง กดแขนทั้งสองข้างไว้เหนือหัว ก่อนจะเริ่มระดมจูบต่อ

“พี่มีอะไรจะบอกผมมั้ย?”

“มะ ไม่มี อ๊ะ ไม่มีนี่ อย่า...” ไอ้ไซน์บอก น้องไจ๋ก็กดจูบลงที่ปากอีกที จูบย้ำๆราวกับจะให้คนที่ร้องครวญครางอยู่ด้านล่างเปิดปากพูดออกมาซักที

“พี่จะไม่บอกผมใช่มั้ย?”

“แล้วมันเรื่องอะไรเล่า อ๊ะ หยุด แล้วมาคุยกันให้รู้เรื่องนะไจ๋”

“อีกเดือนนึง พี่จะไปฝึกงานที่อังกฤษ พี่คิดจะบอกผมตอนไหนพี่ไซน์” น้องไจ๋สบตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาตัดพ้อ น้ำเสียงทุ้มๆเจือไปด้วยความผิดหวัง และเสียใจทำเอาไอ้ไซน์ใจหล่นวูบ

“...กู กูไปแปปเดียวเอง ปีสี่มันก็ต้องฝึกงานอยู่แล้ว กูก็เลยคิดว่าไม่สำคัญ”

“อะไรที่เกี่ยวกับพี่มันก็สำคัญหมดนั่นแหละ”

“ขอโทษ กูไม่คิดว่ามึงจะจริงจังขนาดนี้ กู ไปแค่สามเดือนเองไจ๋”

“แค่สามเดือน พี่ใช้คำว่าแค่หรอวะ แค่สามวันผมก็จะตายแล้วนะเว้ย แล้วนี่อะไร ไปกับไอ้พี่เต๋าอีก รู้ทั้งรู้ว่าพี่เต๋ามันชอบพี่ พี่ก็ยังจะไปกับมัน  พี่เป็นห่วงความรู้สึกผมบ้างปะ คิดว่าผมแค่เล่นๆหรอ หรือพี่กะจะปั่นหัวให้ผมหึง เหอะ งั้นมันก็ได้ผลแล้วหละพี่ไซน์”

“ไจ๋...”  เรียกชื่อคนเป็นน้องเสียงอ่อน


...รู้สึกผิดแล้ว พี่ไซน์รู้สึกผิดแล้วจ้า


“อธิบายมา ก่อนที่ผมจะโมโหหึงมากกว่านี้ แล้วจับพี่ปล้ำแม่งตอนนี้แหละ”

“แล้วนี่ใครเล่าให้มึงฟัง”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะไซน์ อธิบายมา นับหนึ่ง”

“เออๆ ขอเวลาเรียบเรียงแปปนึงดิ”

“สอง”

“เออๆๆ ก็ปีสี่เทอมแรกกูไปฝึกงานที่สถานทูตที่อังกฤษสามเดือนกว่าๆ แต่ว่าจะไปก่อนประมาณสองอาทิตย์เพราะกูอยากไปเที่ยวด้วย กะว่าให้สอบไฟนอลเสร็จก่อนแล้วกูค่อยบอกมึง มึงจะได้ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องกู พอใจยัง?”

“แล้วทำไมต้องไปกับพี่เต๋า”

“ก็ตอนส่งเรซูเม่ไป กูกับพี่มันสมัครกันแค่สองคน ก็เลยได้ไปกันสองคน”

“แน่ใจนะ”  น้องไจ๋ถามเสียงแข็ง มองคนเป็นพี่อย่างจับพิรุจน์  ไอ้ไซน์รีบพยักหน้าขึ้นลงดุ๊กดิ๊กก่อนบอก

“กูไปฝึกงานนนนนน ไม่ได้มีเวลาว่างไปสวีทกิ๊กกั๊กกันนะเว้ย”

“แสดงว่าถ้าว่างก็จะทำใช่ปะ”

“เพ้อเจ้อละไจ๋ กูรอให้มึงขอกูเป็นแฟนอยู่นะ กูจะไปทำกับคนอื่นทำไม แต่ไม่แน่นะ ถ้ามึงช้ากูอาจจะใช้เวลาสามเดือนเนี่ยสานสัมพันธ์กับพี่เต๋า จากคู่ฝึกงานจะกลายเป็นคู่ฮันนีมูนไม่รู้ อื้อออ” น้องไจ๋กดริมฝีปากลงมาอีกก่อนที่ไอ้ไซน์จะพูดจบ แอบขบเบาๆเป็นการลงโทษคนเป็นพี่ที่พูดจาไม่เข้าหู ง้างงับดูดดึงริมจนริมฝีปากอีกคนบวมเจ่อไปหมด ก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นไล่ต้อนลิ้นน้อยๆอย่างอ่อนละมุน แล้วค่อยละออกมามองตาคนที่นอนอยู่ใต้ร่างอย่างช้าๆ

“ลองดูสิ ผมจะตามไปเผาสถานทูตเลย”

“โห เก่งจังครับ อ๊ะ ไจ๋ มึง ยะ หยุดดดดด อ๊ะ อืมมม” แล้วไอ้ไซน์ก็โดนน้องไจ๋ระดมจูบซ้ำๆย้ำๆอีกหลายครั้ง ข้อหาปากเก่ง พูดจาน่าหมั่นเขี้ยว ท้าทายอำนาจเด็ก หรืออาจจะไม่มีข้อหาอะไรเลยก็ได้

ก็แค่...หาเรื่องจูบ


.

.

.

สัปดาห์สอบไฟนอลนรกผ่านไปแล้ว  สงครามจบ เก็บศพน้องไจ๋ด้วย  ช่วงนี้น้องไจ๋รู้สึกห่อเหี่ยวเหลือเกิน  ปิดเทอมอุตส่าห์จะได้มีเวลาว่างอยู่กับพี่ไซน์ของมัน แต่ไอ้หมาดันไม่ว่างซะนี่  วิ่งวุ่นอยู่กับเอกสารเดินทางต่างประเทศและเอกสารฝึกงานจากทางมหาลัย  แชทก็ไม่ตอบ โทรหาทีไรก็มีแต่พวกพี่แฝดรับแทนตลอด

...ห่อเหี่ยวละเกิ๊นนน


SineZai: ออกมาหน้าบ้านเร็ว

นั่น นึกถึงก็มาพอดี  ข้อความจากรุ่นพี่ตัวเล็กเด้งขึ้นเตือน  น้องไจ๋เปิดอ่านแล้วก็ยิ้มกว้างดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งหน้าตั้งออกไปหน้าบ้าน  เห็นพี่ไซน์หัวเห็ดถือของพะรุงพะรังก็เข้าไปช่วยถือ ก่อนจะเดินหลบแดดร้อนๆเข้าบ้านกัน

“วันพี่นี้ว่างหรอ”

“อื้อ เอกสารครบหมดละ เหลือแค่เดินทาง” คนตัวเล็กว่า เดินเข้าไปในครัวแล้ววางถุงต่างๆลงบนเคาท์เตอร์  น้องไจ๋ก็วางถุงที่ถือมาช่วย ก่อนจะทำหน้าบูด เดินเข้าไปคลอเคลียใกล้ๆ

“ไม่ไปไม่ได้หรอ”

“อย่าพูดอะไรที่มันทำไม่ได้หน่า ถอยไป จะทำกับข้าว นี่ยังไม่อาบน้ำใช่มั้ย?” ว่าเสียงดุแล้วผลักอกคนเป็นน้องให้ถอยออกห่างๆ ก่อนจะค้นๆผ้ากันเปื้อนในถุงออกมาใส่ แล้วเดินไปล้างมือ

“ฮ่าๆ น่ารักหวะ เลือกลายเองหรอ”

“มันมีสีเดียวหรอกหน่า ไปอาบน้ำได้แล้ว”  ทำตาดุใส่คนเป็นน้องแล้วก็หันไปหยิบจับของที่ตัวเองซื้อออกมา

“จะทำอะไรกินอะ” น้องไจ๋ไม่ได้สนที่ไอ้ไซน์บอกสักนิด  หนำซ้ำยังยังมายืนซ้อนหลัง เอาหน้าเกยหัวไหล่อีกคนไว้

“ไข่เจียว แกงจืด ผัดเปรี้ยวหวานสับปะรด  มึงอยากกินอะไรเพิ่มมั้ย?”

“หึ พี่ทำอะไรมาผมก็กินได้หมดนั่นแหละ”

“หึหึ ให้มันแน่”

“เดี๋ยวๆ พี่ทำกับข้าวเป็นมั้ยเนี่ย”

“ระดับเทพ คอยดูเลย”



“ไจ๋!  กูพลิกไข่ไม่ได้ มันจะขาด เร็วดิ เดี๋ยวไหม้”

“ไจ๋! กูว่าแกงจืดมันเค็มไปอ่ะ ใส่น้ำตาลเพิ่มดีมั้ย?”

“ไจ๋! กูปอกสับปะรดไม่เป็น แหะๆ”



นั่นแหละ ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงกับการวิ่งวุ่นอยู่ในครัว แต่หากคนที่วิ่งวุ่นกลับเป็นน้องไจ๋  คอยดูพี่ไซน์ของมันว่าจะใส่อะไรแปลกๆ ลงไปในกระทะ อ้างว่าเป็นเมนูประยุกต์ เห็นอะไรพอมีเหลือในตู้เย็นนี่จะจับโยนลงกระทะหมดเลย


...เหนื่อยจังครับ อย่างกับเลี้ยงเด็กประถม


“ยืนนิ่งๆก่อน เดี๋ยวถอดผ้ากันเปื้อนออกให้” จับคนเป็นพี่ให้หันหน้าเข้ามาหาตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือโอบรอบเอวเล็กไปปลดเชือกออกให้

“มึงรู้มั้ย ที่จริง...กูก็ทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นหรอก”

“หึ จากที่เห็นก็พอจะรู้อยู่แล้วครับ”

“แต่ก็อวดเก่งไปงั้น เพราะรู้ว่ามึงจะต้องเข้ามาช่วย”

“...”

“กูก็แค่เรียกร้องความสนใจ อยากให้มึงอยู่กับกูตลอดเวลา  แค่นั้นเอง”

“...”

“ชักไม่อยากไปฝึกงานแล้วอะ”  บอกคนเป็นน้องด้วยเสียงหงอยเหมือนลูกหมากำลังจะโดนทิ้ง น้องไจ๋ดึงไอ้ไซน์เข้ามากอด ลูบหัวลูบหลัง โยกตัวไปมาคล้ายกับจะปลอบคนเป็นพี่

...ไม่เป็นไรนะ พี่ไซน์ ไม่ต้องกังวล

“ผมอยู่กับพี่ตลอดเวลานั่นแหละพี่ไซน์” 


สองพี่น้องโอ๋กันเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ได้ยามลองชิมอาหารที่ตัวเองทำซักที  ไอ้ไซน์เอาแต่โม้ว่ามันอร่อยเพราะตัวเองเป็นคนทำอย่างนั้นอย่างนี้  น้องไจ๋หละหมั่นไส้ อยากบีบแก้มย้วยๆนั่นสักที  คนที่ทำจริงนะมันเขาต่างหาก  พี่ไซน์หนะ แค่มีหน้าที่เอาวัตถุดิบออกมาจากถุงแล้วก็เรียกร้องหาแต่ไจ๋ๆ อยู่นั่น

แต่ก็นั่นแหละ น้องไจ๋มันชอบชื่อตัวเองมากๆก็วันนี้ เสียงหวานๆร้องเรียกชื่อไจ๋ตลอดทั้งวัน ไม่อยากจะคิดว่าเวลาร้องเรียกชื่อไจ๋บนเตียงมันจะน่าฟังยิ่งกว่านี้อีกมั้ย

....ให้ตาย  คิดอกุศลจนได้


.

.

.

ณ สนามบิน

สามแฝด น้องไจ๋ พี่เต๋า และเพื่อนอีกประมาณ 8-9 คน ต่างก็ยืนกอด ยืนบอกลาสั่งเสียไอ้ไซน์  โดยเฉพาะพวกพี่แฝด ที่จะย้ำนักย้ำหนาเรื่องทะเล่อทะล่า กลัวไอ้หมาไอ้หลง หายอยู่อังกฤษที่ไหน  หน้าหมาๆแบบนี้ยิ่งหายากอยู่  ไอ้ไซน์และพี่เต่าลากกระเป๋าใบโตประมาณสามสี่ใบไปโหลดใต้ท้องเครื่องก่อน จะขึ้นเครื่องอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ไอ้ไจ๋ที่พ่วงมาด้วยยิ่งทำหน้าเครียดหนักเข้าไปใหญ่

...ก็ดูไอ้พี่เต๋านั่นสิ ทำอย่างกะสนิทกับพี่ไซน์มาเป็นสิบปี พี่ช่วยนะน้องไซน์ หิวมั้ย ไปห้องน้ำมั้ย ทำตัวติดกับพี่ไซน์ จนน่าหมั่นไส้  แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือพวกพี่แฝดทำไมยังเฉยๆ อยู่ได้ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะกีดกันเลย ทีเขาเข้าหาพี่ไซน์หน่อย ชวนคุยนิดเดียวมองอย่างกะจะฆ่ากันยังไงอย่างนั้น เหอะ!


“ไป เข้าเกทได้แล้วหละ”  เจ้าแฝดคนโตบอก ตบไหล่ไอ้ไซน์ปุๆ ไอ้หมานี่ก็ขยันทำหน้าหงอยใส่เหลือเกิน ใช่ว่าอยู่ห่างกันคนละซีกโลกลแล้วจะติดต่อกันไม่ได้เสียหน่อย

“พี่เต๋าครับ ฝากดูไอ้ไซน์ด้วยนะครับ”

“ครับ จะดูแลอย่างดีเลย”

“ไปนะ” ไอ้ไซน์บอกเสียงอ่อนพร้อมเดินเข้าไปกอดไอ้แฝดคนกลาง

“อื้อ ถึงแล้วก็บอกกูด้วย”  ไอ้หมาพยักหน้าหงึกๆ ผละออกก่อนเพื่อนที่มาส่งจะเข้ามากอดพร้อมบอกให้เดินทางดีๆ ครบทุกคนแล้วพี่เต๋าก็ถือวิสาสะขับข้อมือไอ้ไซน์กระตุกเบาเป็นเชิงบอกให้เข้าไปในเกทได้แล้ว  ไอ้ไซน์ค่อยๆบิดข้อมือออกไม่ให้ดูน่าเกลียดก่อนจะเดินเข้าไปหาน้องไจ๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มเพื่อน

“กูไปแล้วนะ”

“ครับ เดินทางดีๆ อย่าไปหลงที่ไหนนะ ตั้งใจทำงานด้วยนะครับ”

“ไจ๋...กูไม่อยู่ก็อย่าทำตัวเกเรนะ”

“ครับ รีบๆกลับมานะ แล้วก็อย่าให้ไอ้พี่เต๋ามันเต๊าะมากนักหละ แค่นี้ผมก็หวงแทบไม่ไหวแล้ว” ประโยคหลังกระซิบบอกคนเป็นพี่ก่อนจะดึงเข้ามากอด  กอดอุ่นๆแชร์ความรู้สึกที่มีต่อกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ 

“ไปจริงๆละนะ” ผละออกแล้วก็เดินทำหน้าหงอยๆ โบกมือบ๊ายๆพวกพี่แฝด เพื่อนๆ และน้องไจ๋ แล้วเดินเข้าเกทพร้อมพี่เต๋าไป


เพื่อนๆที่มาส่งต่างก็ทยอยกลับหมดแล้ว  เหลือเพียงแค่พี่แฝด และน้องไจ๋ที่ยังยืนประจันหน้ากันอยู่

“มึงเล่นกีฬาอะไรเป็นบ้าง”  เจ้าแทนเปิดคำถามถามน้องไจ๋ด้วยท่าทางกวนๆ

“เทนนิส เทควันโด”

“หึ พรุ่งนี้สักสี่โมงเย็นเจอกันที่สนามเทนนิสหลังมอหน่อยมั้ย แข่งกันสักสองเกมส์เป็นไง”

“เอาสิครับ”

“เตรียมตัวมาดีๆนะไอ้น้อง กูอยากเล่นนานๆ”  เจ้าแฝดคนกลางพูดจบก็ตบไหล่น้อไจ๋แรงๆสองที ก่อนจะเดินออกไป พร้อมกับแฝดคนโตที่ยักคิ้วกวนประสาทส่งมาให้

เหมือนพวกแฝดจะมั่นใจเหลือกเกิน มั่นใจจนน้องไจ๋รู้สึกว่าถ้าแข่งกันครั้งนี้แล้วมันแพ้ มันจะไม่ได้รับการยอมรับ และเป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกว่า


อยากเอาชนะให้ได้




สู้เค้านะไจ๋  พี่ไซน์รอเป็นแฟนด้วยไม่ไหวแล้ววว

ฝากติดตามพวกแฝดด้วยนะคะะะ รักกกกก
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (17)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-06-2016 23:54:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (17)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-06-2016 01:31:28
 :L2: :pig4:
ดีใจที่กลับมา รออออออออพี่ไซน์
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (17)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 12-06-2016 09:26:45
เจ้าใจ๋จะทนไหวเร้อ
ตั้งสามดือนกะอีกสองอาทิตย์
คงได้มีคนลงแดง อิอิ  :mew1:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (18)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 18-06-2016 20:12:48
18
ยิ่งแข่ง ยิ่งแพ้ ภาค1



“40 - 15”



“เกมส์! ไอ้แทนนำ 2-1 เซต”


“เซตที่สามไอ้ไจ๋เป็นฝ่ายเสิร์ฟ”  ไอ้แทนบอกก่อนจะโยนลูกเทนนิสสีเขียวๆไปฝั่งทางน้องไจ๋ที่ยืนหอบแหกๆอยู่ท้ายคอร์ด น้องไจ๋รับลูกเทนนิสมา ก่อนจะตั้งท่าเสิร์ฟ


...เล่นเสียไปแล้วสองเซต ทั้งที่จริงพี่แทนก็ชนะแล้ว แต่พี่มันบอกอยากชนะขาดลอย ก็เลยต่ออีกเซตนึง  แม่ง โคตรหยามกัน
ลูกเทนนิสดังกระทบไม้ไปตกที่คอร์ดฝั่งของไอ้แทน ไอ้แทนก็รับ ตีโต้กลับไปหาน้องไจ๋ด้วยท่าทางสบายๆ ขณะที่น้องไจ๋วิ่งรับลูกไปมา ด้านซ้ายบ้าง ด้านขวาบ้างจนหอบแหกๆ วิ่งตามลูกไม่ทัน ปล่อยให้ลูกตกที่คอร์ดกลิ้งออกจากสนาม

“0 - 15”

“อ่อนหวะ มึงจะเสียเกมส์เสิร์ฟตัวเองหรอ” ไอ้แทนหัวเราะในลำคอ ก่อนจะล้วงลูกเทนนิสในกระเป๋ากางเกงของตัวเองโยนไปให้น้องไจ๋อีก น้องไจ๋รับมาก่อนจะเริ่มเสิร์ฟอีกครั้ง  เสียงลูกเทนนิสตกกระทบกับไม้แรกเกตและพื้นสนามดังขึ้นสลับกันไปมา  สองคนที่แข่งกันอยู่ผลัดกันได้แต้ม เสียแต้มบ้างจนกระทั่ง

“40 เท่า ดิวซ์สองลูก” น้องไจ๋ยกยิ้มมุมปากอย่างมีหวังว่าตัวเองจะได้เป็นผู้ชนะบ้าง แม้จะเซตเดียวก็ตาม ก่อนจะเริ่มโยนลูกเทนนิสขึ้นเสิร์ฟไปคอร์ดไอ้แทน

“มึงลองคิดดูดีๆไอ้ไจ๋ สิ่งที่มึงทำ มันชัดเจนพอรึยังที่จะทำให้กูเห็นว่ามึงจริงจังกับไอ้ไซน์มากแค่ไหน”

“...”

“ไอ้ไซน์มันก็เป็นแค่หมาโง่ๆ ใครพูดอะไรมันก็คล้อยตามไปหมด มึงอาจจะแค่สนุก ที่ได้เห็นมันเดินตามเกมส์มึง” 

ป๊อก!

“เอ้าท์! เสียเปรียบ 0-1” น้องไจ๋หายใจหอบหายใจแรง จากทั้งความเหนื่อยและแรงอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ในใจเมื่อแฝดคนโตพูดกระแทกแดกดันด้วยประโยคเมื่อกี้ขึ้นมาจนเผลอลงแรง ฟาดไม้แรกเกตกระทบลูกเทนนิสจนออกขอบสนามไป ไอ้คอสโยนลูกเทนนิสสีเขียวกลับเข้าไปในสนามให้น้องไจ๋เริ่มเสิร์ฟอีกครั้ง

...มากไปแล้ว  จะดูถูกความรู้สึกของมันที่มีให้กับพี่ไซน์มากเกินไปแล้ว

“เพราะถ้ามึงชัดเจนเมื่อไหร่ มึงก็จะรู้ ว่าควรรู้สึกยังไงต่อ” ไอ้แทนบอกพร้อมตบลูกเทนนิสลงไปฝั่งตรงข้ามอย่างแรงและเร็วจนน้องไจ๋รับไม่ทัน

ป๊อก!

“เกมส์ 3 – 0 เซต ไอ้แทนชนะ”

“มึงจะนัดล้างตากูก็ได้นะ กูพร้อมเสมอ”

“...”

“มึงเคยได้ยินคำนี้มั้ย? อ่อนแอก็แพ้ไป คนไหวเค้าจะยืน” ไอ้แทนบอกแล้วเดินเลี่ยงไปขอบสนาม หยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึ้กๆ ก่อนจะเก็บไม้แร็กเกตใส่กระเป๋าและสะพายออกจากสนามไป  ส่วนไอ้คอสก็รีบลงมาจากนั่งร้าน  เดินเข้ามาหาน้องไจ๋ที่แสดงสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ตบไหล่แรงๆสองที

“มึงแพ้ก็ไม่แปลกหรอก ไอ้แทนมันเป็นถึงนักกีฬามหาลัย อาทิตย์หน้าลองมาแข่งเทควันโดกับกูสักตั้งสิ มึงอาจจะชนะก็ได้”

“ครับ” น้องไจ๋รับคำเนือยๆ แล้วไอ้คอสก็เดินสะพายเป้ออกไป ปล่อยให้น้องไจ๋ยืนคอตกอยู่คนเดียว 

...อย่างน้อยก็มีเวลาเตรียมตัวอีกหนึ่งอาทิตย์หละว้า

.

.

.


‘ฮัลโหลวววว มึงจะโทรมาทำไม โทรข้ามประเทศมันเปลือง รวยหรออออ’ เสียงแหบๆขึ้นจมูกของคนปลายสายพอรับโทรศัพท์จากน้องไจ๋แล้วก็รีบบ่นให้ทันที น้องไจ๋ส่ายหน้าเบาๆ เสียงขึ้นจมูกแบบนี้คงจะโดนหวัดเล่นงานแล้วแน่ๆ อดคิดภาพตามไม่ได้ แก้มย้วยนั่นคงจะแดงเพราะอากาศที่เย็นจัด จมูกก็คงจะแดงไม่แพ้กัน เห้อ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ทำตัวให้เป็นห่วงทุกทีสิน้า


“ก็พี่ไม่ตอบแชทไม่ตอบไลน์อะไรสักอย่างเลยอะ บอกว่าถ้าถึงแล้วก็ให้บอกด้วยก็ไม่บอกสักที ผมนี่คิดไปไกลแล้วนะ กลัวพี่จะเป็นอะไรไปอีกเนี่ย”

‘หูยยย ขอโทษ นี่กำลังสมัครสไกป์อยู่ เดี๋ยวลองก็สไกป์คุยกัน จะได้ไม่เปลืองเนอะ’

“ครับ”

‘เป็นไร เสียงฟังดูไม่ดีเลยอะ’

“ก็เป็นห่วงพี่ไง เป็นหวัดใช่มั้ยหละนั่น เสียงแหบเชียว”

‘มันหนาว น้ำมูกก็เลยไหล กำลังปรับตัว เดี๋ยวคงชินแหละ อย่าห่วงเล้ยยย กูเคยบอกแล้วไงว่ากูเป็นคนเหล็ก ฮ่าๆๆ’ ไอ้ไซน์บอกผ่านปลายสายมาอย่างอารมณ์ดี จนคนฟังเองก็อดที่ยิ้มตามไม่ได้ ...พลังความรักนี่มันมหาศาลจริงๆ แค่ได้ยินเสียงเค้ามีความสุข ตัวเองก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วยแล้ว

“คิดถึงจัง”

‘...อื้อ คิดถึงเหมือนกัน’

“...”

‘...’

“พี่ไซน์...พี่จะยังแข่งอยู่อีกมั้ย ในเมื่อก็รู้ว่าถึงแข่งไปก็จะแพ้อยู่ดี”

‘แข่งก็แพ้ ไม่แข่งก็แพ้ งั้นก็แข่งเหอะ จะได้ไม่ค้างคาใจ’

“...ผมกลัวหวะ”

‘ถ้ามึงแพ้กูก็จะดูแลมึงเอง จะกลัวอะไรอีก’

“...อือ เนอะ” น้องไจ๋ยิ้มออกมาเบาๆ

...อือ จะต้องกลัวอะไรอีก

.

.

.


“ไปไหนมาครับวันนี้”

‘เที่ยวภูเขา titlis มา สวยมากเลยไจ๋ แล้วก็ไปหัดเล่นสกีกับพี่เต๋า ล้มหน้าคว่ำไปตั้งหลายครั้งแหนะ ฟืด เสียอย่างเดียวเดินทางไกล ฟืด แปปนะ หยิบทิชชูก่อน’ คนตัวเล็กในเสื้อโค้ทตัวใหญ่พร้อมด้วยผ้าพันคอผืนหนาลุกขึ้นไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูมาวางไว้ข้างๆโน้ตบุ๊ค น้องไจ๋แอบเบะปากใส่นิดหน่อยเมื่อคนเป็นพี่พูดถึงพี่เต๋าอีกละ
 
“พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องออกไปไหนแล้วนะ นอนพักอยู่ห้องนั่นแหละ”

‘หูย อีกไม่กี่วันก็จะได้ไปทำงานแล้ว นี่ก็ต้องไปเที่ยวให้มันหนำใจดิ’ ทำปากยู่ส่งผ่านหน้าจอโน้ตบุ๊คมาให้ ก่อนจะหันไปหยิบอะไรอีกสักอย่างออกมาอวดคนเป็นน้อง

“?”

‘วันก่อนไปเดินเล่นแถวๆ South Kensington มา เดินเข้าร้านนึง เห็นมันน่ารักดี เลยซื้อมา’

“จิว?”

‘อื้อ กูเห็นมึงใส่สไตล์ประมาณนี้ ไม่รู้จะชอบรึเปล่า’

“พี่ซื้อให้ผมหรอ?”

‘อื้อ...ก็ รอก่อนนะ เดี๋ยวกลับไทยแล้วจะรีบเอาไปให้...จะได้ใส่คู่กัน’ บอกน้องไจ๋พร้อมกับเอามือทัดผมทรงเห็ด โชว์จิวสีเงินรูปค้อน เรียบๆง่ายๆ แต่ดูดีเมื่ออยู่บนใบหูนิ่มของคนตัวเล็ก น้องไจ๋ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของมันแค่ไหน

“พี่ไซน์...”

‘อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้มั้ยหละ กูไปต่อไม่ถูกนะ...ชอบมั้ย’

“ชอบดิ แต่ว่า มันแพงรู้มั้ย จิวหูกลับมาซื้อที่กรุงเทพก็ด้ายยยยย”

‘ฮ่าๆๆ ไม่รู้แหละ กูคิดถึงมึงจนต้องหาอะไรมาเป็นตัวตายตัวแทนมึงแล้วเนี่ย’

“พี่แม่ง...”  คุยกันต่อสักพัก ไอ้ไซน์ก็ต้องไล่น้องไจ๋ให้ไปนอน เพราะเวลาที่ไทยมันดึกมากแล้ว น้องไจ๋อิดออด ก่อนจะกดปิดหน้าจอโน้ตบุ๊ก วันนี้มันเองก็เหนื่อยใจเหลือเกิน ที่แข่งเทนนิสกับพี่แฝดคนโตแพ้อีกแล้ว  และเดี๋ยวก็ต้องไปแข่ง ไม่สิ ต้องเรียกว่าคงต้องไปเป็นกระสอบทรายให้พี่แฝดคนกลางซ้อมเทควันโดอีก แต่ถึงยังไง พอกลับมาบ้านได้สไกป์คุยกับพี่ไซน์ เห็นหน้าหวานๆกับเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยเล่าว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนมา น้องไจ๋ก็แทบจะลืมความเหนื่อยล้าไปหมด พอได้มีแรงใจไปต่อสู้กับพวกพี่แฝดได้อีกวัน

...เชื่อสิ ต้องมีสักวันแหละที่น้องไจ๋มันจะต้องชนะบ้าง ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวันนนน


.

.

.


ตุ้บ! พลั่ก! ตุ้บ! ตุ้บ! พลั่กกก!

“พอเหอะ ดูสภาพตัวเองมั่ง”  ไอ้คอสบอกแล้วโยนหน้ากากป้องกันออกทิ้งไปอย่างแรง มองดูสภาพน้องไจ๋ที่น้องล้มลงกับเบาะ หน้าช้ำๆที่ถึงแม้จะมีเครื่องป้องกันแต่เวลาโดนหมัดโดนเท้านี่ก็กระแทกได้แรงได้เจ็บกว่าเดิมอีก เรียกได้ว่าแข่งเทนนิสกับไอ้แทนนี่ดูเด็กๆไปเลยเมื่อเทียบกับความเจ็บที่ได้รับจากการแข่งเทควันโดกับไอ้คอส

...ครั้งที่สาม ครั้งที่สามที่แข่งเทควันโดกันแล้วไอ้ไจ๋มันแพ้

“พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ผมจะมาแข่งใหม่”

“เหอะ! บอกตรงๆ กูไม่อยากรังแกเด็ก”

“ผมจะพยายามไปฝึกซ้อมมาใหม่ จะแข่งจนกว่าจะชนะ”

“ปากดี เอาสิ ถ้ามึงมากูก็มา” ไอ้แฝดคนกลางบอกพร้อมกระชับสายคาดเอวเส้นสีดำให้แน่นกว่าเดิมแล้วเดินจากไป

น้องไจ๋ลุกขึ้นจากเบาะ เดินไปเอากระเป๋าเป้ที่อยู่ด้านข้างมาสะพาย แล้วเข้าไปในห้องน้ำของยิม เห็นสภาพหน้าตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ คิ้วแตก หน้าก็เริ่มช้ำขึ้นมา ถกเสื้อขึ้นดูสีข้างของตัวเองก็ยิ่งถอนหายใจหนักเข้าไปอีกเพราะมีรอยช้ำที่เริ่มขึ้นสีเขียวๆม่วงๆแล้ว น้องไจ๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ออกมาจากยิมแล้วก็ขับรถตรงดิ่งไปที่สนามเทนนิส ถือไม้แรกเกตพร้อมลูกเทนนิสออกมาน็อคบอร์ดคนเดียว และนี่แหละ กิจวัตรประจำวันของน้องไจ๋ที่ทำมาได้เดือนกว่าๆแล้ว ตื่นเช้ามาก็ต้องออกไปวิ่ง เสร็จแล้วก็ไปเรียน กลับมาช่วงเย็นหน่อยออกมาซ้อมเทควันโดที่ยิม บางทีครูฝึกก็ให้แข่งกับเด็กที่อยู่ในชมรมเทควันโดเป็นการเพิ่มทักษะ แต่ถึงยังไง พอไปแข่งกับไอ้แฝดคนกลางก็แพ้อยู่ดี  บางวันก็จะเปลี่ยนจากยิมไปที่สนามเทนนิส น็อคบอร์ดคนเดียวบ้าง หรือขอแข่งกับรุ่นพี่ที่มีฝีมือดีๆบ้าง เพื่อจะได้แข่งกับแฝดคนโตให้ชนะ ให้พี่แฝดคนโตเห็นความพยายามในการฝึกซ้อมของมัน


‘ทำไมมันมืด?’

“ผมแต่งตัวอยู่ พี่อยากเห็นผมโป๊หรอ” น้องไจ๋โกหกคำโตออกไป

...ใครมันจะกล้าไปให้พี่ไซน์เห็นหน้าวะ หน้าช้ำๆบวมๆ ถ้าพี่ไซน์เห็นเดี๋ยวก็ได้เป็นเรื่องอีก ก็เลยต้องหาอะไรมาปิดกล้องโน๊ตบุ๊คไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้านี่ไง

‘กูอยากเห็นหน้ามึงอะ ช่วงนี้มึงไม่ค่อยรับสายกูเลย พอคุยกันก็เอาแต่บอกว่าแต่งตัวบ้าง จะนอนแล้วบ้าง มึงซ่อนอะไรไว้’

“เปล่า ช่วงนี้ผมเปิดเทอมแล้วนะ เรียนหนักหน้ามันเลยโทรม มันไม่หล่อ เลยไม่อยากให้พี่เห็น”

‘โกหก! ให้กูเห็นหน้าเดี๋ยวนี้เลยนะไจ๋’

“...ไม่ได้” น้องไจ๋บอกเสียงอ่อน พลางมองดูหน้าแดงๆของคนเป็นพี่ผ่านหน้าจอโน๊ตบุ๊ค

...อยู่อังกฤษยังไม่ทันไร แก้มย้วยขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ น่าจับมาฟัดให้จมเขี้ยวเลยจริงๆ

‘อยู่ไกลกันขนาดนี้ กูคิดถึงมึงขนาดนี้ มึงยังไม่ยอมให้เห็นหน้าอีก ใจร้ายหวะ’

“พี่ไซน์...”

‘อือ’

“ช่วงนี้พี่ยังไม่ต้องโทรหาผมนะ...ไว้ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวผมจะเป็นฝ่ายโทรหาพี่เอง”

‘...’

“...”

‘อือ’

.

.

.


“พรุ่งนี้ แฮกๆ พรุ่งนี้ผมจะมาแข่งใหม่”

“สัส  มึงจะมาให้ได้อะไร! ในเมื่อมึงยังพยายามไม่พอ แข่งไปเท่าไหร่มึงก็แพ้” ไอ้แฝดคนกลางผลักน้องไจ๋ให้ล้มลงกับพื้นเมื่อแข่งเทควันโดเสร็จ และน้องไจ๋แพ้อีก เป็นครั้งที่สี่

“ผมกำลังพยายามอยู่ พรุ่งนี้ ผมจะชนะ”

ผลั้วะ!

“ไอ้คอส! ทำอะไรของมึง” ไอ้แทนที่วันนี้ก็มาด้วยรีบเข้าไปห้าม ดึงไอ้คอสที่กำลังจะปล่อยหมัดใส่หน้าน้องไจ๋อีกหนึ่งหมัดออกมา

“ปล่อยกู! สักตั้งมั้ยมึง สัสแทน ปล่อย!”

“เหี้ยไจ๋ มึงรีบออกไปเลย อยากตายคาตีนมันหรอ”

“เอาดิพี่” น้องไจ๋เช็ดเลือดที่มุมปากออกลวก ลุกขึ้นจากพื้นตรงดิ่งเข้าไปหาไอ้คอส ไอ้คอสก็สะบัดตัวออกมาจากการเกาะกุมของไอ้แทน

ผลั้วะ!

ต่อยไปอีกหนึ่งหมัดที่หน้าของน้องไจ๋จนเซ น้องไจ๋ก็ไม่ยอมแพ้ ปล่อยหมัดใส่หนักๆใส่เข้าคางไอ้คอส  ต่างฝ่ายต่างแลกหมัดกัน ผลักกันล้ม ผลัดกันยืน ไอ้แทนที่คอยยืนดูอยู่ใกล้ๆ ถึงกับกุมขมับในความบ้าระห่ำของทั้งสองคน

...นี่คือแข่งเทควันโดมันตีกันไม่สะใจ ยังเหนื่อยไม่พอใช่มั้ย เลยต้องมาตีกันนอกรอบอีก

ทั้งไอ้คอสและทั้งน้องไจ๋ต่อยกัน ตีกันจนกระทั่งไอ้คอสฝากหมัดสุดท้ายลงบนใบหน้าของน้องไจ๋ ก่อนที่ทั้งสองจะนอนแผ่ลงไปกับพื้น แข่งกันหอบหายใจโกยเอาออกซิเจนเข้าปอด

...หมดสภาพทั้งคู่

“หน้ามึงช้ำงี้ มึงก็เอาไปฟ้องไอ้ไซน์ได้เลยว่าโดนกูเล่นงาน”

“ผมไม่ได้คุยกับพี่ไซน์เป็นเดือนแล้วพี่...ไม่ใช่จะเปลี่ยนใจนะ...แต่ไม่อยากให้พี่ไซน์เห็นหน้าบวมๆ ช้ำๆ ของผมอะ มันไม่หล่อเลยหวะ”

“หึ กูว่าแล้ว ไอ้ไซน์มันโทรมาง้องแง้งกับกูบอกอยากกลับไทยจะเป็นจะตาย ที่แท้มึงก็ไม่คุยกับมันนี่เอง”

“...” น้องไจ๋ยิ้มออกมาทันทีเมื่อไอ้แฝดคนกลางพูดจบ

...พี่ไซน์ง้องแง้งหรอ อยากเห็นชะมัด

“แม่ง มึงคิดว่ากูไม่เหนื่อยหรอ แข่งกับมึงทุกวันๆเนี่ย”

“...”

“ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ชนะ กูไม่แข่งกับมึงละนะ”

“...”

“...”

“ครับ”


.

.

.


“ชีจั๊ก!” สิ้นเสียงกรรมการบอกว่าเริ่มแข่งได้ ทั้งน้องไจ๋และไอ้คอสก็ตั้งท่า ไอ้คอสเริ่มรุกก่อน ขายาวๆเตะไปที่หน้าของน้องไจ๋ที่สวมเฮดการ์ดไว้ แต่น้องไจ๋หลบออกมาได้ แล้วเตะคืนไปที่สีข้าง ไอ้คอสผงะออกไปด้านข้างเล็กน้อย น้องไจ๋ได้นำไปก่อน 1 คะแนน ทั้งสองกลับมาตั้งหลักใหม่ ไอ้คอสเริ่มรุกอีกครั้งหนึ่ง ใช้ขาเตะไปที่สีข้าง น้องไจ๋เซไปด้านข้าง ไอ้คอสใช้ช่วงที่น้องไจ๋เซ เตะที่ใบหน้าอีกครั้ง จนน้องไจ๋ล้มลง ได้ไป 2 คะแนน

ช่วงที่สอง น้องไจ๋เริ่มรุกกลับบ้าง หมัดหนักๆต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของไอ้คอส บวกกับใช้เท้าเตะซ้ำเข้าไปอีกทีนึง ไอ้คอสผงะถอยหลังล้มลงไป น้องไจ๋ได้คะแนนขึ้นนำไปอีก

ช่วงที่สาม ไอ้คอสกลับมารุก เตะเข้าที่ขาของน้องไจ๋ น้องไจ๋เตะคืนเข้าที่ช่วงลำตัว ไอ้คอสใช้เท้าเตะขึ้นมาระดับใบหน้า แต่น้องไจ๋หลบทัน เตะขาไอ้คอส ไอ้คอสหมุนตัวเข้าจะต่อยใบหน้า แต่น้องไจ๋ชิงเตะเข้าไปที่ช่วงตัวก่อน ไอ้คอสเซล้มลงไป

...และการแข่งครั้งที่ห้านี้ น้องไจ๋ชนะ

“กือมาน” กรรมการพูดจบ ทั้งสองคนก็ถอดเฮดการ์ดออก ก่อนจะหันหน้าเข้าหากัน โค้งให้กัน แล้วต่อด้วยโค้งให้กรรมการ

“กูอ่อนให้มึงเฉยๆหรอก” ไอ้คอสบอกหน้ามึน ปรับลมหายใจให้อยู่ในช่วงปกติ ก่อนจะตบไหล่น้องไจ๋ปุๆ พร้อมกับยิ้มให้

“โถ่พี่ ความพยายามของผมล้วนๆเถอะ” น้องไซน์ร้องโอดครวญบอก

“เย็นนี้ไปกินเหล้าฉลองกัน เดี๋ยวกูเลี้ยง”

“ไปไม่ได้ พรุ่งนี้ผมมีเรียน”

“เอ้าเรียนเสร็จแล้วค่อยไปไงไอ้ห่า”

“ผมต้องไปซ้อมเทนนิสอีก ผมไม่ได้แข่งกับพี่คนเดียวนะเว้ย นู่น พี่แทนขาโหดผมยังเคยชนะสักเกมส์เลย” บุ้ยปากไปทางพี่แฝดคนโตที่ยืนรอกำลังเดินเข้ามาจากหน้าโรงยิม  ไอ้คอสหัวเราะร่วนก่อนจะบอก

“อือ ขานั้นท่าจะชนะลำบาก พยายามเข้าละกัน”

“เดี๋ยวๆพี่คอส”

“?”

“...ผม ... ผมคบกับพี่ไซน์ได้ยัง”

“มึงฟังไว้ดีๆ และจำให้ขึ้นใจเลยนะไจ๋ พวกกูไม่เคยทำให้ไอ้ไซน์เสียใจ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ถ้ากูเห็นว่ามันคบกับมึงแล้วมีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว วันนั้นแหละ ชะตามึงขาดแน่” พูดเสียงเข้มจริงจัง ตบไหล่น้องไจ๋อีกทีพร้อมกับเดินไปหาไอ้แฝดคนโตที่รออยู่ด้านหน้าโรงยิม  น้องไจ๋ชะงักคิดก่อนยิ้มกว้างออกมาพร้อมตะโกนบอกไล่หลัง

“ผมจะไม่ทำพี่ไซน์เสียใจแน่ ขอบคุณนะเว้ยพี่ !!!”



-------------------------
ผ่านด่านเจ้าคอสแล้วก็เหลือเจ้าแทน
เป็นกำลังใจให้น้องไจ๋ของเราด้วยยยย
ยังไงก็ฝากติดตามเจ้าพวกสามแฝดด้วยนะคะ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจบแล้วหละ อิอิ
รักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (18)
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 18-06-2016 23:17:40
น้องใจ๋สู้ๆ นะ
หมาไซน์คิดถึงแย่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (18)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-06-2016 23:36:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (19)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 02-07-2016 13:47:16
19
ยิ่งแข่ง ยิ่งแพ้ ภาค2



“เกมส์ 3-2 เซต ไอ้แทนชนะ”  น้องไจ๋ถอนหายใจแรง

...แพ้อีกแล้วววว แข่งกันกี่รอบๆก็แพ้พี่แทนมันอีกแล้ว

“เล่นดีขึ้นนี่ เอาซะกูเหงื่อท่วมเลย”

“ผมจะพยายามให้มากขึ้น”

“อ่อนหัด มีความพยายามแต่ก็ยังอ่อนหัด”

“พรุ่งนี้มาแข่งกันอีกนะครับ”  น้องไจ๋ตะโกนบอกไอ้แทนที่หันหลังเดินลิ่วๆออกจากสนาม ไอ้แทนหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับมาบอก

“ช่วงนี้กูต้องอ่านหนังสือสอบ NL หวะ คงแข่งกับมึงไม่ได้”

“...”

“ถ้ากูสอบเสร็จแล้ว กูจะนัดมึงอีกทีละกัน”

“ขอบคุณครับ” จากที่ทำหน้าสลดๆเมื่อกี้ก็กลับมายิ้มกว้าง บอกขอบคุณเจ้าแฝดคนโต ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มเดินไปยังน็อคบอร์ด เริ่มน็อคลูกเทนนิสคนเดียว  ไอ้แฝดคนกลางเดินตามมา ก่อนจะเริ่มน็อคบอร์ดอยู่ด้านข้างด้วย

“มึงรู้มั้ย มันสอบ NL เสร็จวันที่เท่าไหร่” พูดไปพลางมือก็ตีลูกเทนนิสเข้ากระแทกกับบอร์ดเขียวๆ

“ไม่รู้ครับ”

“อีกอาทิตย์นึง มึงมีเวลาซ้อมให้หนักกว่านี้ แล้วต้องแข่งให้ชนะ ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสได้แข่งกับไอ้แทนอีก”

“ผมต้องชนะก่อนพี่ไซน์กลับมาให้ได้” พูดอย่างจริงจังแล้วก็ตั้งใจน็อคเทนนิส จนกระทั่งเหงื่อเริ่มท่วมตัว ไอ้คอสก็ชวนให้น้องไจ๋มาตีเทนนิสด้วยกัน ทั้งสองคนเล่นเทนนิสจนถึงค่ำจึงได้พากันกลับ น้องไจ๋อาบน้ำอาบท่าจนกลิ่นตัวหอมฉุยแล้วก็มานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง  มือใหญ่เช็คโซเชียลมีเดียต่างๆของตนเองเสร็จแล้วก็เข้าไปส่องเฟสบุ๊คของไอ้ไซน์บ้าง


‘อยู่ที่อังกฤษตอนนี้มันหน้าหนาว แต่อยู่กับน้องไซน์นี่มันหน้ารักชัดๆ’



แคปชันเสี่ยวๆที่มาโพสต์กับรูปไอไซน์กำลังนั่งยิ้มแป้นแล้น ด้านหน้ามีอาหารหน้าตาน่ารับประทานวางเต็มโต๊ะ ที่สำคัญ คนโพสต์ไม่ใช่ไอ้ไซน์ แต่กลับเป็นไอ้พี่เต๋าที่ได้ไปฝึกงานด้วยกันโพสต์ลงหน้าฟีดของเจ้าตัวพร้อมแท็กคนน่ารักนั่น

...อืม จำนวนคนกดไลค์ จำนวนคนมาคอมเมนต์แซวเยอะซะด้วย

น้องไจ๋เลื่อนลงไปดูไทม์ไลน์ของคนเป็นพี่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีโพสต์ของพี่เต๋าหยอดมาเยอะแค่ไหน แต่ก็ไม่เห็นว่าพี่ไซน์ของมันจะมากดไลค์หรือตอบโต้คืนสักโพสต์ อย่างน้อยมันก็ทำให้น้องไจ๋แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่ไซน์ของมันไม่ได้หวั่นไหวไปกับพี่เต๋า แค่นี้น้องไจ๋มันก็สบายใจแล้วววววว



หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
น้องไจ๋กำลังวอร์มร่างกายให้พร้อมที่จะลงแข่งเทนนิสนัดสำคัญกับพี่แฝดคนโตในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้  กรรมการที่จะช่วยดูให้เป็นรุ่นพี่ในสนามที่เล่นมานานแล้วนั่นแหละ  ส่วนเจ้าแฝดคนกลางอย่างไอ้คอสก็มาให้กำลังใจน้องไจ๋ด้วย  น้องไจ๋น็อคบอร์ดอุ่นเครื่องได้สักพัก ไอ้แทนก็เดินเข้าสนามมา

“ใครชนะสองเซตก่อนก็ชนะไป เซตละหกเกมส์” เสียงทุ้มๆดังขึ้นบอกน้องไจ๋อย่างเรียบๆแต่สัมผัสได้ถึงความมีพลัง  น้องไจ๋พยักหน้ารับก่อนจะเลือกด้านแข่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อมรับมือกับลูกเทนนิสสีเขียวๆที่จะลอยมาจากเจ้าแฝดคนโต
ลูกเทนนิสถูกโยนขึ้นกลางอากาศ และถูกตีให้ไปตกกระทบที่พื้นฝั่งตรงข้าม น้องไจ๋วิ่งมารับลูกเทนนิสแล้วตีโต้กลับ สลับกันไปมา

“เอาท์!15 - 0” กรรมการขานบอกคะแนนเมื่อลูกเทนนิสที่น้องไจ๋ตีกลับลอยลิ่วออกเขตสนามไป ไอ้แทนได้แต้มแรกไปก่อน

 
.

.

.


“จบเกมส์ไทรเบรก ไจ๋ชนะ”

“ไอ้เหี้ยยยย กว่าจะจบเกมส์ ทำกูเหนื่อยนะมึงวันนี้”  ไอ้แทนเดินยิ้มมาตบไหล่น้องไจ๋ ทั้งสองไหว้ขอบคุณกรรมการแล้วไอ้คอสก็เดินตามมาสมทบ

“เจ๋งงงง”  บอกพร้อมยกนิ้วโป้งให้ 

“ป่ะ ไปฉลองกันนนน”

“คืนนี้อีกยาวไกล เพื่อมึงเลยไอ้ไจ๋ ว่าที่น้องเขยกูวววว”

“เยอะไปๆ  แข่งชนะกูก็จริงก็ใช่ว่ามึงจะทำอะไรก็ได้นะ กูจะตามจิกพวกมึงทุกฝีก้าวอยู่ดีนั่นแหละ” ไอ้แทนหันไปตบหัสแฝดคนกลางเบาๆก่อนจะหันมาบอกน้องไจ๋หน้าดุ  น้องไจ๋พยักหน้ายิ้ม ไม่ตอบอะไร รู้สึกแค่ดีใจไปหมด ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ความพยายามของมันที่มันตั้งใจซ้อม ตั้งใจฝึก พวกพี่แฝดก็ได้เห็นแล้ว คราวนี้ก็หวังว่าจะมั่นใจในตัวมันให้ได้ดูและพี่ไซน์สักที

“ไม่ไปได้มั้ยพี่ ผมอยากนอนยาวๆสักวัน”

“...แล้วแต่ ถ้าอยากมาก็ตามมา สามทุ่มที่ร้านแฮงค์ละกัน”

“ครับ งั้นผมกลับละนะ หวัดดีพี่”  น้องไจ๋ยกมือไหว้ แล้วเดินออกจากสนาม ที่จริงมันไม่ได้ง่วงนอนอะไรหรอก เพียงแค่อยากคุย อยากสไกป์ อยากเห็นหน้าพี่ไซน์ของมันมากกว่า


...ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ป่านนี้คนตัวเล็กนั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ หรือจะบินไปเซอร์ไพรส์ดีวะ


ขับรถกลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุด หยิบโน๊ตบุ๊คออกมาเปิด เช็คเวลาแล้วที่อังกฤษก็คงจะประมาณเที่ยงคืนนิดๆ  ว่าแล้วมือใหญ่ก็กดเข้าโปรแกรมแชทสีฟ้า รอเสียงสัญญาณไม่นานหน้าจอก็โชว์สีหน้าหงอยๆของคนเป็นพี่

“พี่ไซน์ ได้ยินมั้ยพี่” น้องไจ๋ถามออกไปแล้วก็รีบหยิบหูฟังมาต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊ค ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกๆ ตาปรือ นั่นจะหลับเต็มที่แล้ว

“ไจ๋ มึงหายไปไหนมา”

“พี่ไซน์ขอโทษนะที่ ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้คุยด้วยเลย ผมฝึกเล่นเทนนิส แข่งกับพี่แทน แข่งเทควันโดกับพี่คอส ชนะด้วยนะพี่  กลับไทยเมื่อไหร่พี่ต้องให้รางวัลผมด้วยนะ”  น้องไจ๋ยิ้มบอกอย่างดีใจ ไอ้ไซน์ก็ยิ้มตาม นึกดีใจที่อย่างน้อยน้องไจ๋ก็ไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีอย่างที่มันแอบคิดไว้

“อยากได้อะไรหละ จะซื้อไปฝาก จะกลับอาทิตย์หน้านี้แล้วนะ”

“พี่กลับมาก่อนละกันผมค่อยขอ” 

“อือ อย่าขออะไรที่กูให้ไม่ได้หละมึง”

“พี่ให้ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าพี่จะให้รึเปล่า”  พูดจบก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ สื่อสายตาไปหาอีกคนที่อยู่กันคนละขั้วโลก ไอ้ไซน์เสตามองไปทางอื่น ขมุบขมิบปากบ่น

“ง่วงละ  จะคุยก็ไม่ดูเวล่ำเวลาเลยนะมึงอ่ะ”

“ฮ่าๆๆ ก็ไม่ได้คุยกันตั้งนาน คิดถึงหวะ”

“อือ...คิดถึงเหมือนกัน”

“อยากกอด อยากจูบด้วย”

“มึงก็คิดแต่เรื่องนี้อ่ะ ไอ้หื่น” โวยวายผ่านหน้าจอมาให้คนเป็นน้องแต่มีหรือที่น้องไจ๋จะสะทกสะท้าน เจ้าตัวหัวเราะร่า ก่อนจะทำปากจู๋ ส่งจูบเสียงจ๊วบๆอย่างตลกให้

“รีบกลับมานะพี่ไซน์ คิดถึงจริงๆ”

“อือ อยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย จะซื้อไปฝาก”

“ให้พี่กลับมากอดผมแรงๆ ผมก็ดีใจแล้ว”

“ด้ายยยยยยย  กูวางละนะ ง่วงมากกก”

“ครับ ฝันดีนะพี่ไซน์”

“ไจ๋...”

“...?”

“ที่จริงมึงไม่ต้องไปแข่งอะไรกับใครก็ได้”

“...”

“เพราะแค่กูชอบมึง  มึงก็ชนะทุกคนแล้ว”


.

.

.


สามทุ่มประเทศไทย

“ไซน์ ทางนี้ๆ” พวกพี่แฝดโบกมือหยอยๆ เรียกคนตัวเล็กพี่เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า ไอ้ไซน์เห็นก็รีบลากกระเป๋าใบโตวิ่งเข้ามาหา กระโดดกอดพวกพี่แฝดจนแน่น ก่อนจะโผเข้ากอดน้องไจ๋ 

“อ้วนขึ้นหวะ” น้องไจ๋พูดแซวคนเป็นพี่ก่อนจะกระชับอ้อมกอด ลูบหัวเล็กเบาๆ

“แน่หละ พี่เต๋าเลี้ยงดี”  พูดประชดน้องไจ๋ แต่ไม่ทันไรก็โดนน้องมันกอดรัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ทุบหลังอั้กๆ จนน้องไจ๋ยอมปล่อย

“เดี๋ยวจะโดนๆ”

“หูยยยย อยากโดนจนตัวสั่นหมดแล้วเนี่ย” ไอ้ไซน์ว่าพร้อมทำท่าประกอบ น้องไจ๋ละได้แต่ส่ายหัว พี่ไซน์ของมันไปหัดพูดคำพวกนี้มาจากไหน ดูยั่ว ดูแก่นขึ้น

“พ่อกับแม่อยู่หน้าสนามบิน พึ่งมาถึง เดินออกไปด้วยเลยป่ะ”  เจ้าแทนบอก พวกสองแฝดน้องก็พยักหน้าแล้วลากกระเป๋าเดินตาม พอถึงหน้าสนามบิน คุณแม่เห็นไอ้ไซน์ก็เดินเข้ามาหากอดลูกชายสุดที่รัก หอมแก้มซ้ายขวาอย่างคิดถึง ไอ้ไซน์ผละตัวออกแล้วยกมือไหว้ทั้งสอง

“ขวัญเอ้ย ขวัญมานะลูก กลับบ้านเรากันนะ”

“ไหนของฝากพ่อ” คุณพ่อที่พึ่งเดินเข้ามาพูดติดตลก ถามหาของฝากก่อนเพื่อน ไอ้ไซน์ทำหน้ายู่ใส่ก่อนจะแกล้งบอกส่ายหัว

“ไม่เอาตังค์มาให้จะซื้อได้ไง ของทีมฟุตบอลราคาแพงอย่างงี้เลย” ขยายมือออกกว้างบอกราคาของฝาก

“นิสัยหวะ” คนเป็นพ่อบอกพลางตบหลังไอ้ไซน์ พอพูดคุยกันได้สักพัก คุณพ่อกับคุณแม่ก็บอกให้พวกสามแฝดรีบกลับบ้าน น้องไซน์จะได้พักผ่อน ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ก็จะกลับไปเตรียมการสอนอีกเหมือนกัน เมื่อล่ำล่าคุณพ่อกับคุณแม่เสร็จแล้ว ไอ้ไซน์ก็งอแง อ้อนพี่แฝดว่าอยากไปคุยกับน้องไจ๋ก่อน พี่แฝดก็ตามใจ  น้องไจ๋แอบดีใจที่อย่างน้อยพี่ไซน์มันก็ยังอยากอยู่ด้วยกันอีก

“พวกพี่กลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่งพี่ไซน์ที่คอนโดเองครับ” พวกพี่แฝดพยักหน้าตามนั้น ปล่อยให้เด็กสองคนได้คุยกันบ้าง ก่อนจะลากกระเป๋าของไอ้ตัวดีกลับไปให้ด้วย




“เราจะไปไหนดี”

“อยากไปเที่ยว ไม่รู้ดิ ไปไหนก็ได้ แค่มึงไปด้วย”  ไอ้ไซน์บอกขณะที่นั่งอยู่บนรถน้องไจ๋ พลางมือก็ค้นของในกระเป๋าใบเล็กไปด้วย

“หืม? ใครสอนให้พี่พูดคำแบบนี้เนี่ย”  น้องไจ๋มีโอกาสก็ถามคำถามที่ค้างคาใจ  ไอ้ไซน์ไม่ตอบเพียงแค่หัวเราะหน่อยๆ ก่อนจะเขยิบตัวให้เข้ามาใกล้ๆน้องไจ๋ที่กำลังขยับรถอยู่  เอื้อมมือไปถอดจิวอันเดิมที่น้องไจ๋ใส่อยู่ออกจากใบหู แล้วก็ใส่จิวอันใหม่กลับเข้าไปให้

“เจ็บปะ?” ถามน้องไจ๋ขณะที่ค่อยๆใส่จิวเข้าไป น้องไจ๋ส่ายหน้า แอบเกร็งนิดหน่อยที่ลมร้อนๆของพี่ไซน์โดนใบหู หน้าใกล้กันขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ พี่ไซน์ของมันก็คงไม่รอดอะ

...จิวรูปค้อนสีเงิน จิวคู่ที่อุตส่าห์ไปซื้อมาตอนอยู่อังกฤษ เอาไว้ใส่คู่กันนะไจ๋

ฟอดดดด


ใส่จิวให้เสร็จก็แอบขโมยหอมแก้มคนที่กำลังขับรถ แล้วก็กลับมานั่งที่ตัวเองดีๆ น้องไจ๋ยิ้มกว้าง ไม่นึกว่าพี่ไซน์ของมันจะกล้าเริ่มก่อน
 
“หอมแค่ข้างเดียว เดี๋ยวอีกข้างมันก็น้อยใจหรอก”

“บ้าแล้ว ขับรถไปเลยมึงอะ”  พูดแล้วก็หันหน้าหนี ทำเป็นดูลมชมวิวไม่สนใจเสียงหัวเราะหึหึของน้องไจ๋

“พี่ไซน์ ...”

“หื้ม?”

“เป็นแฟนกันนะ”

“...”

“...”


“กว่าจะพูดได้นะมึง กูนึกว่าต้องเป็นฝ่ายขอมึงเองซะแล้ว”

“เออหน่า ตอบมาดิ เขินนะเว้ย”

“ไอ้สัสไจ๋ ขอเป็นแฟนเหี้ยไร ไม่ได้โรแมนติกเลยหวะ”

“โห่ พี่ไซน์ ก็ผมขับรถอยู่อะ แล้วผมอยากเป็นแฟนกับพี่เร็วๆ ไม่ต้องโรแมนติกมากหรอก ยังไงพี่ก็ต้องตอบตกลงอยู่ดี” น้องไจ๋บอกพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือเล็กของไอ้ไซน์ แต่ไอ้ไซน์สะบัดออก

“หลงตัวเองหวะ”

“ตอบดิวะ”

“ไม่ตอบ”  พูดยักคิ้วยียวน น้องไจ๋หน้าหงอยไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะขับรถไปให้ถึงบ้านของตัวเองเร็วๆ



พอถึงบ้านไม่พูดพร่ำทำเพลง น้องไจ๋เปิดประตูรถ ดึงคนตัวเล็กให้ลงมาจากรถ รีบไขกุญแจบ้านแล้วระดมจูบคนตัวเล็กรัวๆ

“เป็นแฟนกันนะ โรแมนติกพอยัง”

“ไม่”  พอไอ้ไซน์พูดจบน้องไจ๋ก็ปิดปาก จูบอีกที แต่คราวนี้เป็นจูบที่อ่อนโยน ลิ้นร้อนกวาดไล่ต้อนลิ้นเล็ก ดูดดุนลิ้นหยอกล้อไปมา มือน้องไจ๋ก็บีบเค้นเอวบางก่อนจะสอดเข้าไปสัมผัสกับผิวนุ่มๆ ลูบไล้วนขึ้นจนถึงตุ่มไต่เล็ก บีบขยี้จนมันเริ่มแข็ง

“เป็นแฟนกันนะพี่ไซน์” ละหน้าออกมาถามคนเป็นพี่อีกครั้ง ขณะที่มือก็ยังสอดเล่นกับตุ่มไตใต้เสื้อ

“หึ ไม่” ในเมื่อไอ้ไซน์ยังดึงดันที่จะบอกว่าไม่ น้องไจ๋ก็ผลักอีกคนให้ชิดผนังบ้าน ใช้เข่าแทรกเข้าไปหว่างขา แอบเสียดสีกับจุดสำคัญจนไอ้ไซน์สะดุ้งร้องครวญครางเสียงหวานออกมา

“คราวนี้ผมไม่หยุดแล้วนะ” กระซิบบอกแล้วก็จูบอีกที  พอคนเป็นพี่เริ่มใช้มือผลักออกบอกว่าหายใจไม่ทันน้องไจ๋ก็ผละออกมา ดูดเม้มลงมาแถวซอกคอ สูดกลิ่นหอมประจำตัวมือทั้งสองข้างก็เลิกเสื้อขึ้นจนถึงหน้าอก แล้วก็เริ่มชิม ไล้เลียตุ่มไตจนเกิดสีแดงเข้ม

“ไจ๋...ฮื่อ ยะ ...ยืน ไม่ไหว” ร้องบอกเสียงแผ่ว แต่น้องไจ๋กลับไม่ได้สนใจฟัง ลากลิ้นต่อลงมาจนถึงหน้าท้องที่แอบมีพุงกะทิน้อยๆอยู่ มือก็ถอดกระดุมกางเกง ปลดซิบ ดึงกางเกงพร้อมทั้งชั้นในสีขาวลงมาคาไว้ที่เข่า น้องไจ๋นั่งคุกเข่า ดูดเม้ม ทำรอยรักไว้ตามซอกขาขาว ก่อนจะมองส่วนอ่อนไหวที่ปริ่มน้ำใสๆของคนเป็นพี่

“ขอนะ”

“ขอ ขออะไร”

“ตรงนี้” พูดจบก็แกล้งแตะลิ้นไปที่แกนกายเล็กพอดีตัว

“ฮะ ฮื่อ”  ครางออกมา มือทั้งสองข้างก็ขยุ้มหัวไหล่น้องไจ๋ไว้แน่น น้องไจ๋มองใบหน้าแดงเถือกของไอ้ไซน์แล้วก็ก้มลงไปใช้ปากครอบครอง ดูดเล่นราวกับไอติม ไอ้ไซน์กัดปากแน่นกลั้นเสียงครางน่าอาย น้องไจ๋เห็นสีหน้าแบบนั้นก็ยิ่งอยากแกล้ง ละปากออกยืนขึ้นให้เสมอคนตัวเล็ก รีบถอดกางเกงของตัวเองออก ดันให้คนตัวเล็กนั่งลงแล้วจ่อแกนกายใหญ่ของตัวเองให้ตรงกับปากเล็ก

“ทำให้หน่อย”

“กูทำไม่เป็น”

“แค่ดูดแรงๆพี่ไซน์ อ่า เร็วๆอีก” ครางเสียงทุ้มเมื่อพี่ไซน์ของมันไล่เลียช้าๆตั้งแต่ส่วนโคนจนถึงส่วนปลายมน แถมยังดูดเน้นที่ส่วนปลายตามที่น้องไจ๋บอก

“อะ แคก แค่กๆ” ไอ้ไซน์สำลักเมื่อคนเป็นน้องเผลอดันของตัวเองเข้ามาลึกเกินกว่าที่ปากเล็กจะรับได้ น้องไจ๋ดึงแขนคนเป็นพี่ให้ลุกขึ้นมา ประกบจูบอีกรอบเพื่อปลอบโยน ผละจูบ เลื่อนลงมาแถวหน้าอกอีกครั้ง แล้วก็สอดนิ้วเรียวยาวของตัวเองเข้าปากคนเป็นพี่ ไอ้ไซน์ไล้เลียนิ้วอย่างที่ทำเมื่อสักครู่จนนิ้วฉ่ำเยิ้มน้องไจ๋ก็ถอนนิ้วออกจากปาก หมุนตัวไอ้ไซน์ให้หันหน้าเข้าหากำแพง กดเอวเล็กลงให้สะโพกกลมๆลอยเด่น  แล้วก็สอดนิ้วเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังแทน

“ฮื่อ จะ ไจ๋...อื้อ ฮึก...”

“เจ็บหน่อยนะ”

“อ๊า อ๊ะ ฮึก ไจ๋ ...ไม่เอา ฮึก อ๊ะ” ร้องเสียงหลงเมื่อน้องไจ๋ถอนนิ้วยาวออกแล้วเอาแก่นกายของตัวเองสอดใส่เข้าไป  ช่องทางด้านหลังตอดรัดแน่นขณะที่เข้าไปได้เพียงครึ่งลำ น้องไจ๋เอื้อมมือไปบดขยี้ตุ่มไตของไอ้ไซน์เพื่อเบนความสนใจ พอช่องทางรักเริ่มคลายตัวน้องไจ๋จึงดันของตัวเองเข้าไปจนสุด

“อ่า...ซี้ดส์”

“อึก...จะ ไจ๋ เจ็บอะ ฮึก...” น้องไจ๋โน้มตัวไล่จูบลงตามแนวไขสันหลัง แล้วดันหน้าคนตัวเล็กให้หันมารับจูบ แช่แกนกายไว้สักพักก็เริ่มขยับตัวเข้าออกช้าๆเป็นจังหวะ

“พี่ไซน์”

“อ๊ะ อือ”

“เป็นแฟนกันได้ยัง” ถามพร้อมกับกระแทกเข้าที่จุดกระสันของคนตัวเล็ก

“อ๊า อ๊ะ หะ เหี้ยไจ๋ อ๊ะ อ๊ะ”

“ตอบเร็ว จะแตกอยู่แล้วเนี่ย” ไม่พูดเปล่า เริ่มเด้งเอวเข้าออกเร็วขึ้น

“เบาๆ อ๊ะ อ๊ะ ฮื่อ มึงรีบหรอ สัส กูยืนไม่ไหวแล้ว...จะ ไจ๋ อ๊ะ อื้อ”  น้องไจ๋ถอนแกนกายออกมาจนเกิดเสียง ก่อนจะจูงมือคนเป็นพี่มาที่โซฟา นั่งลงเสร็จก็รวบเอวไอ้ไซน์ให้นั่งตัก

“เอาใส่ให้ดูหน่อย” น้องไจ๋บอกพลางยกสะโพกไอ้ไซน์ขึ้น ไอ้ไซน์จับส่วนแข็งขืนของน้องไจ๋ไว้แล้วค่อยๆนั่งทับลงไป
 
“อื้อ อ๊ะ ฮึก”

“อ่า ลึกหวะ”  จับเอวคนเป็นพี่ให้ยกขึ้นลง พลางตัวเองก็กระแทกสวนขึ้นไป ไอ้ไซน์ร้องครางเสียงหวาน เชิดหน้าขึ้น แอ่นหน้าอกให้คนเป็นน้องได้ดูดชิมอีกครั้ง

“ไจ๋ ไม่ไหวแล้ว อ่า”

“เป็นแฟนกันนะครับ พี่ไซน์”

“อื้อ อ๊ะ อ๊า ...ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อื้อ”

“ฮืมมม” น้องไจ๋กอดคนเป็นพี่แน่น แล้วขยับเอวซอยเข้าออกถี่รัว ร้องครางต่ำในลำคอ มือก็คอยรูดรั้งส่วนหน้าของไอ้ไซน์เร็วๆ จนไอ้ไซน์หวีดเสียง กระตุก ปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเลอะหน้าท้อง

“อ๊ะ อ๊า...”  น้องไจ๋รีบซอยสะโพกที่เต้นตุบๆอีกสองสามทีก่อนจะถอนแกนกายออกมาใช้มือรูดรั้ง แล้วปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นตามมา

“อืมมม อ่า...” ทั้งคู่หอบหายใจ มองหน้ากันด้วยสายตาหวานฉ่ำ  ทั้งคิดถึง ทั้งรัก ทั้งโหยหา  น้องไจ๋จูบคนเป็นพี่จนริมฝีปากเริ่มบวมแดง ไล่ลงมาทำรอยคิสมาร์กที่คอ  กอดตระกองไว้อย่างหวงแหนแล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟา ดึงคนเป็นพี่ให้ลงมานอนทับอยู่ข้างบนตัวเอง ทั้งๆที่อะไรต่อมิอะไรก็ยังเสียดสีกันอยู่อย่างนั้น

“เจ็บ...” ไอ้ไซน์เบะปาก เริ่มงอแง พร้อมทั้งออดอ้อน น้องไจ๋ลูบสะโพกเบาๆ

“ขอโทษนะครับ แต่ถ้าทำบ่อยๆจะไม่เจ็บนะ  โอ้ยๆ ฮ่าๆๆ”  พูดยังไม่ทันขาดคำก็เจอฝ่ามือพิฆาตจากไอ้ไซน์เข้าที่ไหล่หนาๆของตัวเอง

“ทำบ่อยก็ได้แหกกันพอดี” บ่นอุบอิบ ซบแก้มลงกับอกกว้าง กอดเอวน้องไจ๋ไว้

“พี่ไซน์”

“อือ”

“ได้ผมแล้ว อย่าทิ้งผมนะ”

“หึหึ กูสิต้องพูดคำนั้น” เงยหน้ามายิ้มให้น้องไจ๋ แล้วจุ๊บเบาๆที่ปลายคาง ก่อนจะซบลงที่อกน้องไจ๋อีกครั้ง  หลับตาลงซึมซับความสุขที่สุขมากจนแทบจะลำสักออกมา อยากจะป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าน้องไจ๋เป็นของไอ้ไซน์แค่คนเดียว

“ผมรักพี่” น้องไจ๋กระซิบบอกเบาๆ ไอ้ไซน์พยักหน้าหงึกหงักรับรู้ ยังไม่ทันที่น้องไจ๋จะได้ถามอะไรอีก ก็รู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าคนตัวเล็กตรงหน้าได้หลับไปเรียบร้อยแล้ว  น้องไจ๋ยกยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ  ก่อนจะหลับตาลง  หลับตามคนเป็นพี่ไปด้วยความเหนื่อยอ่อน






ใสย ใสย แต่งเอ็นซีไม่เป็น

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ยังไงก็ฝากติดตามพวกสามแฝดเยอะๆนะค้า ให้ความรักกับน้องไจ๋ของเราด้วยยยย
เลิ้บบบบบ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 11-07-2016 00:19:37
20
มีแต่เรา โคตรจะดี



Jai’s part



วันเวลาผ่านไปอย่างเร็วมาก เร็วจนคิดว่าเวลาที่ผมอยู่กับพี่ไซน์มันไม่พอให้หายคิดถึง  ผมกับพี่ไซน์คบกันมาได้เกือบสามเดือนแล้ว  พี่ไซน์กำลังเร่งทำธีสิสจบ ส่วนผมก็ยังเรียนไปเรื่อยๆ  ปีสามเทอมสองนู่นแหละ กว่าจะได้ฝึกงาน  และช่วงนี้ผมลักพาตัวพี่ไซน์มานอนที่บ้านผมบ่อยๆ  แหงหละ  เวลาปกติ พวกพี่แฝดเคยอยู่ห่างจากพี่ไซน์ที่ไหน  เวลาที่จะสวีทกันก็ไม่ค่อยจะมี  ผมก็เลยต้องแอบบังคับ ขู่เข็ญ  อ้อนวอน ทำไปจนถึงลักพาตัวพี่ไซน์มานอนบ้านนี่แหละ  ฮ่าๆๆ 

“ไจ๋...”  นั่นพอนินทาก็เหมือนเจ้าตัวจะรู้  ขยับตัวที่นอนหนุนแขนผมอยู่ไปมายุกยิก  บิดขี้เกียจจนเสื้อนอนเลิกขึ้นโชว์เอวขาวๆ  ก่อนจะหันหลังให้ผมแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อตัวเองไว้ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ จนผมคิดว่าเจ้าตัวคงจะหลับต่ออีกรอบนั่นแหละ

“ตื่นได้แล้ว ไหนบอกอยากไปหาพี่ปิง”

“ฮื่อ...”

“ขี้เกียจตัวเป็นหมา”  ผมว่าให้คนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะรวบก้อนผ้าห่มมากอดก่ายทับไว้ กดจมูกลงไปยังต้นคอของคนตัวเล็กกว่า  แอบงับเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กวนคนตัวเล็กให้ตื่นสักที

“หมาไจ๋”

“หมาไซน์ อ้วน”

“ฮื่อ...สายๆค่อยไปไม่ได้หรอ”

“จะเอาสายแค่ไหนอีก นี่ก็สายแล้วนะครับบบ”  ผมพูดจบ พี่ไซน์ก็ยังคงนิ่งเงียบ นี่จะหลับให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย  ผมแอบขำเบาๆ เป็นแบบนี้ทุกที  เมื่อคืนก่อนจะนอนก็ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแท้ๆว่าให้ปลุกเลย ปลุกจนกว่าจะตื่น แต่พอตอนเช้าขึ้นมาพอเขาปลุกพี่ไซน์ก็ชอบงัวเงีย ขอนอนต่ออีกห้านาที สามนาที ตลอด เล็กๆน้อยๆก็เอา ขอแค่ให้ได้นอน

“กอดหน่อย หนาว” นั่นลูกอ้อนเขาแหละครับ  พอรู้ว่าผมจะพูดมากเขาก็มาไม้นี้แหละ น้ำเสียงง่วงๆอ้อนๆนะใช้ได้ผลเสมอ และนี่แหละที่ให้ได้ไปเรียนสายกันตลอด  ผมดึงผ้าห่มที่ห่อพี่ไซน์ออก แล้วค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้เสื้อ วนลูบเอวบางๆ ก่อนจะเลื่อนไปลูบหน้าท้องแบนๆ เขยิบตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่ยังนอนนิ่ง แอบขบเม้มใบหูเบาๆก่อนจะกระซิบบอก

“ถ้าไม่ลุกจากเตียงตอนนี้ ก็ไม่ต้องลุกทั้งวันเลยนะ”  ที่จริงผมก็แกล้ง ผมก็ขู่ไปอย่างนั้นแหละครับ  ไม่ได้คิดจะทำจริงๆหรอก (แต่ถ้าได้ก็โอเค) แต่ผมพูดยังไม่ทันไร พี่ไซน์ก็พลิกตัวหันหน้าเข้าหาผม มือเล็กๆแสนซนนั่นก็สอดเข้ามาใต้เสื้อ ลูบซิกแพคอ่อนๆ เลียนแบบที่ผมกำลังทำกับเขาอยู่ตอนนี้พร้อมลืมตาปรือๆขึ้นบอก

“ทำเลย ยอมมม”

“หืม?  ใครสอนให้พูดจาแบบนี้ มือนี่ด้วย ซนมากระวังจะโดน” 

“ใครจะสอน กูก็ลอกเลียนแบบมาจากมึงนั่นแหละ”  ปากเล็กพูดเถียงปาวๆ  จนผมหมั่นไส้ โน้มหน้าเข้าไปจุ๊บเบาๆ พี่ไซน์ละมือออกจากหน้าท้องผมแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงใหม่ นี่แหละ พอเขินแล้วก็ชอบหนีทุกที  ยัยแมวยั่วสวาทปากดีเมื่อกี้หายไปไหนแล้วหละ 

ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเวลาผมพูดกวนตีน พูดขู่ บังคับ ทำอะไรฮาร์ดคอ แสดงออกแบบฮาร์ดคอ หยอกล้อ ถีบกัน เตะกัน จับมาจูบแรงๆ อะไรแบบนี้ พี่ไซน์จะไม่ค่อยกลัว ไม่ค่อยเขิน แถมยังเล่นกับผม ตอบสนองผม อารมณ์เหมือนชินแล้วอะไรประมาณนี้  แต่ถ้าผมทำอะไรหวานๆให้เมื่อไหร่  ทำอะไรที่โรแมนติก  แบบจุ๊บปาก จุ๊บแก้มเบาๆเหมือนเมื่อครู่นี้ เจ้าตัวจะเขิน แก้มนี่แดง หูแดง แล้วโวยวาย ชอบเปลี่ยนเรื่อง ชอบหนีทุกที ทั้งๆที่ไม่มีอะไรหวือหวา แต่ผมรู้ว่าพี่ไซน์ชอบให้ทำแบบนี้ ผมเลยเดาเอาว่า พี่ไซน์คงจะชินกับการที่อยู่กับพวกพี่แฝดแบบแมนๆ เล่นกันรุนแรง พอผมทำด้วยเลยชิน ไม่เขิน มีภูมิคุ้มกันเยอะ คงจะเหมือนเล่นกับพี่ตัวเองละมั้ง


“ไซน์ตื่น วันนี้จะพาไปหาปันปันด้วย เร็วๆ”

“จริงนะ! มึงอะชอบโกหก”

“อือ ไม่โกหกแล้ว ไปอาบน้ำเร็ว”

“ไจ๋ไปอาบก่อน เดี๋ยวพี่ไซน์จะอาบทีหลัง”

“อย่ามา ผมอาบเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว นอนมองหน้าพี่ได้เป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย”

“โรคจิตหรอ”

“เอ้า มองหน้าแฟนตัวเองมันผิดตรงไหนครับ” ผมว่าให้ พี่ไซน์ลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาคลุมผมไว้ ก่อนจะเอาหมอนมาปิดหน้าผม กระโดดลงมาทับตัวอีกที แล้วรีบลุกวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไป มันน่าตีจริงๆเลย


น้องปันปันที่พูดถึงก็คือลูกสาวของพี่ปิงปิง  ไม่อยากจะโม้เลยว่าโคตรน่ารัก  ช่วงที่ผมไปโรงบาลแล้วเจอพี่แฝดคนโตนั่นแหละครับ คือพาพี่ปันปันไปตรวจครรภ์  แล้วน้องก็พึ่งคลอดช่วงที่พี่ไซน์ไปฝึกงานนี่เอง ตอนนี้ก็อายุประมาณห้าเดือนได้แล้ว  พี่ไซน์กับน้องนี่สนิทกันยิ่งกว่าอะไรดี ฟังไม่ผิดหรอกครับ สองคนนั่นนะสนิทกันยิ่งกว่าอะไรซะอีก  พอเจอหน้ากันเจ้าตัวเล็กเหมือนจะรู้ ยิ้มอารมณ์ดีตลอด  พี่ไซน์พาทำอะไร เล่นอะไรด้วยก็หัวเราะ น่ารัก น่าหยิก  ผมนี่กลายเป็นหมาเลยครับ


.

.

.


“ปันนนนนน ไซน์มาแล้ววว” เสียงคนตัวเล็กร้องเรียกหาน้องปันปันตั้งแต่หน้าประตูบ้าน  ช่วงนี้พี่ปิงปิงไม่ค่อยได้เข้าร้านเพราะต้องอยู่ดูและเจ้าตัวเล็กก่อน  แต่ก็ยังทำขนมไปให้พนักงานที่ขายอยู่เหมือนเดิม  ที่บ้านผมรู้เรื่องที่ผมคบกับพี่ไซน์แล้ว  ตอนแรกพ่อกับแม่เฉยๆ  ออกแนวโกรธผมด้วยซ้ำ แต่ก็ได้พี่ปิงปิงนี่แหละ สารธยายความดี ความน่ารักของพี่ไซน์ กล่อมหูให้พ่อกับแม่ผมฟังทุกวัน จนตอนนี้ท่านทั้งสองก็เริ่มเปิดใจมากขึ้นแล้ว  ส่วนพ่อกับแม่ของพี่ไซน์รายนั้นตอนแรกผมคิดว่าน่าจะหนักอยู่เหมือนกัน  แต่พอได้พูดคุยกันจริงๆแล้วกลับกลายเป็นว่าท่านทั้งสองสนับสนุนด้วยซ้ำ บอกเหตุผลกับผมอีกว่า ถ้าผ่านเจ้าพี่แฝดทั้งสองมาได้ พ่อกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไรอีกแล้วหละ ฮ่าๆ ผมนี่โล่งเลยครับ 

“แอ๊ะ แอ๊ะ”  นั่นไง เจ้าตัวเล็กพอได้ยินเสียงแจ๋วๆ ก็ยกตัว คลานกระดึ๊บๆมาหา ส่งเสียงร้องอ้อแอ้ อยู่ ชูไม้ชูมือ อยากให้อุ้ม
“พี่ปิง หวัดดีครับ วันนี้ไจ๋พามาหาเจ้าตัวเล็ก คิดถึง”  บอกพร้อมกับอุ้มน้องขึ้นมากอด มาหอม ฟัดแก้มย้วยๆนั่น เจ้าตัวเล็กก็ชอบใจ ยิ้มร่าเชียว

“ไจ๋นี่ ถ้าน้องไซน์ไม่อยากก็จะไม่กลับบ้านเลยใช่มั้ย น่าตีจริงๆเจ้าเด็กคนนี้”

“โถ่ เรียนหนักไง วันนี้ว่างก็มาแล้วนี่”

“ก็อ้างเรียนหนักตลอดนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าไปเถลไถลที่ไหนใช่มั้ยน้องไซน์”

“ช่วงนี้ออกไปกับเพื่อนบ่อยมากพี่ปิง  จัดการเจ้าไจ๋เลยเนอะปันปัน”  หันไปตอบพี่ปิงปิง แล้วหาแนวร่วม เนาะเนอะกับเจ้าตัวเล็ก รุมเลยยยย รุมผมเลยครับ

“ฮ่าๆ แล้วน้องไซน์เป็นไงมั่ง ทำไมผอมลงตั้งเยอะ”

“ไซน์ทำธีสิสอยู่ อดข้าวด้วยแหละ ผอมลงจริงหรอพี่ปิง ทำไมไจ๋ยังบอกอ้วนตลอดเลย”  พี่ไซน์ปล่อยเจ้าตัวเล็กลงกับเบาะ  นั่งลงคุยกับพี่ปิงปิง  ผมค่อนข้างจะตกใจนิดหน่อย พึ่งรู้ว่าพี่ไซน์ไม่ค่อยกินข้าว งั้นแสดงว่าที่บอกว่าไม่หิว กินไม่ลงนี่คือพี่ไซน์อดอาหาร ลดความอ้วนแค่เพราะผมเรียกว่าอ้วนหรอ?  อยากจับคนตัวเล็กนั่นมาถาม แต่ก็ต้องเก็บเงียบไว้ก่อน พี่ไซน์ยังคงไม่นึกว่าผมได้ยินมั้งเนี่ย  เดี๋ยวคอยดูนะ จะจับมาขุนให้อ้วนเหมือนเดิมเลย

“เจ้าไจ๋มันก็แกล้งไปอย่างนั้น อย่าอดข้าวนะ แก้มตอบลงตั้งเยอะเนี่ย” 

“เจ้าไจ๋นี่นิสัยไม่ดีเลยเนอะปันปัน ชอบแกล้งคนอื่นอยู่ได้ ปันปันโตขึ้นมาแล้วต้องจัดการเจ้าไจ๋ให้ไซน์นะ ตีแรงๆให้เจ็บๆเลย”

“แอ้!”

“ฮ่าๆ เอ้อ สองคนไม่รีบกลับใช่มั้ย พี่ว่าจะเข้าไปดูที่ร้านสักแปปนึง ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว อยากฝากเจ้าตัวเล็กไว้หน่อยหนะ”

“ได้ครับบบบ ปันปัน อยู่กับไซน์นะ เล่นด้วยกันสองคนเนอะ”

“พี่ให้นมก่อนพวกเราจะมาแล้ว เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็นอนแล้วหละ ยังไงพี่ฝากด้วยนะ”

“อือ ให้ผมไปส่งมั้ย หรือยังไง”

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวแฟนมารับ จะไปซื้อของให้ลูกด้วย ฝากด้วยนะน้องไซน์ ฝากด้วยนะไจ๋”

“คร้าบบบบ”  พี่ไซน์ยิ้มบอกอย่างอารมณ์ดี  หันหน้าไปเล่นไปคุยกับเจ้าตัวเล็กอยู่  เดี๋ยวก็หัวเราะตลกเมื่อเจ้าตัวเล็กพลิกคว่ำ พยายามจะคลานโชว์  พี่ปิงปิงคว้ากระเป๋าสะพาย พร้อมบอกถ้าน้องจะนอนก็พาขึ้นไปนอนบนห้องก็ได้ เพราะเจ้าตัวเล็กติดแอร์ ต้องนอนที่เย็นๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป  เอาหละ ถึงเวลาที่ผมจะต้องคุยกับพี่ไซน์สักที


“พี่ไซน์...อดข้าวทำไม”

“หะ หือ?...ไม่ได้อด มันกินไม่ลง”

“ก็พี่บอกเมื่อกี้ว่าอดข้าว อย่าบอกนะว่าลดความอ้วน”  คนตัวเล็กทั้งสองที่หัวเราะคิกๆคักๆกันอยู่เมื่อกี้ก็เงียบทันทีที่ผมเริ่มทำเสียงดุ

“ไจ๋...อือ”

“ลดทำไม? แล้วทำไมต้องอดข้าว วิธีอื่นไม่มีหรอครับ”

“แอะ แอ๊!”

“ไม่ต้องเข้าข้างกันเลยนะปันปัน”  ผมบอกเหมือนเจ้าตัวเล็กจะฟังรู้เรื่อง  แต่เพราะน้ำเสียงผมมันดังมั้งเลยทำให้ปันปันเริ่มเบะปาก

“อย่าดุสิ”

“ว่าไงพี่ไซน์ ทำไมต้องอดข้าว”

“...ก็ไจ๋ชอบเรียกเราว่าอ้วน แถมช่วงนี้ยังออกไปกับเพื่อนบ่อยๆ เรากลัวไจ๋ไม่ชอบที่อ้วน ก็เลยอดข้าว...”  ผมถอนหายใจยกใหญ่  นึกขำที่คนตัวเล็กดูจะคิดมากไปรึเปล่า พยายามเรียบเรียงคำพูดมาอธิบายให้คนตัวเล็กฟัง


“...”

“...”

“แง๊ แง้”

“ฮึก โกรธหรอ”

 “เอ้า ร้องไห้ทำไม ทั้งสองคนเลย”  ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไร เจ้าตัวเล็กก็ร้องงอแง เบะปากคว่ำ  พี่ไซน์ก็เหมือนกัน น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นจากดวงตาเล็กๆ  ร้องไห้เบะปากตามเจ้าตัวเล็กไปอีกคน

“ก็ไจ๋ดุทำไม ฮึก”

“ไม่ได้ดุ ชู่ว ปันปัน หยุดร้อง เดี๋ยวพาขึ้นไปนอน เปิดแอร์เย็นๆเนอะ”  ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา หยิบจุกของเล่นติดมือมาด้วย  พร้อมกับเอื้อมมือไปจับพี่ไซน์ที่เช็ดน้ำตาป้อยๆให้ลุกขึ้น จูงมือเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน  เข้าไปในห้องตัวเอง เปิดแอร์เอาใจคุณหนูตัวน้อย ก่อนจะวางลงบนเตียง  ยื่นจุกนมให้เจ้าตัวเล็กดูดเล่น จนผล็อยหลับไป  แล้วก็หันมาดูคนตัวเล็กอีกคนที่ร้องไห้เงียบๆอยู่ข้างง 


“โกรธพี่ไซน์รึเปล่า”

“โกรธ...โกรธที่ทำไมพี่ไซน์ไม่ห่วงตัวเอง อดข้าวแบบนั้นถ้าเป็นลมไปจะทำยังไง อีกอย่างที่ผมออกไปกับเพื่อน ผมไม่ได้เถลไถล ผมไปคุยงาน เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรอเรื่องนี้...”

“...”

“พี่ไซน์ ที่ผมเรียกพี่ว่าอ้วน ผมมองว่ามันน่ารัก เห็นคนอื่นเรียกแฟนตัวเองว่าอ้วน มันก็น่ารักดี ผมเลยเรียกบ้าง ... ถ้าผมจะไม่ชอบพี่เพราะพี่อ้วน ผมก็คงจะไม่ชอบตั้งนานแล้วปะ?”

“ฮืออ ไจ๋...ไอ้บ้า หลอกด่ากันนี่”

“ฮ่าๆๆๆ อ้วนๆก็น่ารัก มีแต่คนมาจีบจนผมหึงไม่ไหวแล้ว อย่าผอมเลยนะ”  ผมบอก เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้พี่ไซน์  ก่อนจะดึงเข้ามากอด

“อือ”

“หรือถ้าจะลดก็ออกกำลังกาย ไม่ใช่อดข้าว เข้าใจรึเปล่า...หืม?”

“อื้อ รู้แล้วครับ” พยักหน้าหงึกหงัก พูดอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของผม  ผมเอนตัวลงนอนกับเตียง ดึงพี่ไซน์ให้ล้มลงมานอนตรงกลาง ระหว่างผมกับปันปันด้วย

“ขอโทษนะพี่ไซน์ วันหยุดทั้งทีไม่ได้พาไปเที่ยวไหนเลย”

“กูชอบ”

“หือ?”

“ก็ชอบแบบนี้  ได้นอนกับมึง ทำตัวติดมึง อยู่กับมึงแค่สองคนทั้งวันเลย ชอบกว่าไปเที่ยวอีก”

“ผมก็ชอบ ดีเนอะ”

“อือ โคตรจะดีเลย...ไจ๋...” 

“ครับ” พี่ไซน์พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาหาผม มือเล็กนั่นจับมือผมไปนาบกับแก้มนุ่มๆ พี่ไซน์ชอบทำแบบนี้  ชอบเอามือผมไปเล่น ไปนอนกอด เอาไปแนบแก้ม แนบหน้า ไปหอมบ้าง บอกว่ามือผมอุ่นดี 

“มึงอยากมีลูกมั้ย”

“...อยากมีดิ มีเด็กมาวิ่งเล่น ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วในบ้าน ครอบครัวในฝันผมเลยนะพี่ไซน์”

“...”

“...”


“...ขอโทษนะที่กูมีให้มึงไม่ได้”

“พี่ไซน์”  เรียกชื่อคนตัวเล็กที่หลับตาซึมซับสัมผัสที่มือของผมเสียงแผ่ว 

“ถ้าในอนาคต มึงเจอคนที่ใช่กว่ากู มึงบอกกูนะ ไม่ต้องกลัวกูเสียใจ กูจะปละ..”

“นอกจากพี่ ผมก็ไม่อยากมีลูกกับใครที่ไหนอีกแล้ว  ผมอยากสร้างครอบครัวกับพี่” ผมโน้มหน้าไปใกล้พี่ไซน์จนหน้าผากของเราทั้งคู่ชนกัน  กระซิบพูดชิดริมฝีปากคนตัวเล็กก่อนที่เขาจะพูดจบเสียอีก  ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จะเจอใครที่ดีกว่ามั้ย แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า พี่ไซน์คือคนเดียวที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย  อยากดูแล อยากอยู่ด้วยตลอดเวลา  อยากนอนหลับไปพร้อมๆพี่ไซน์  ตอนเช้าก็อยากตื่นมาเจอพี่ไซน์ อยากให้ทุกๆอย่างที่ผมทำเกิดขึ้นพร้อมกับพี่ไซน์  ผมอยากสร้างครอบครัว ผมอยากเป็นหัวหน้าครอบครัว แค่เรื่องลูกไม่ใช่ปัญหา  ผมว่าเราสองคนสามารถเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้มีชีวิตที่พร้อม มีพ่อแม่ มีครบเหมือนคนอื่นได้ แน่นอน

“ตะ แต่”

“งั้น เรามาทำกันจนกว่าพี่จะท้องเลยดีมั้ย”

“มึง บ้าแล้ว ชาตินี้กูก็ไม่ท้องให้มึงหรอก”

"ทำบ่อยๆ ได้ทั้งลูก ได้ทั้งออกกำลังกายเลยนะพี่"

"..."

“พี่ลองคิดดูดิ ทำทุกวันๆ พี่อาจจะท้องก็ได้นะ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยมา” ไม่ว่าเปล่า ผมเริ่มจูบคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนจะเริ่มรุนแรงขึ้น สอดลิ้นเข้าไปไล้เลีย หยอกล้อกับลิ้นพี่ไซน์  มือก็บีบเค้นสะโพกกลม  ไล่ขึ้นไปยังเอวบาง สอดมือเข้าไปใต้เสื้อ จงใจปัดผ่านยอดอกที่ตั้งชูชันรอรับสัมผัสจากผม  ในขณะที่ปากก็ละออกมา เลื่อนลงมาที่ซอกคอหอม กลิ่นแป้งเด็กของน้องปันปันติดตัวพี่ไซน์ยิ่งทำให้ผมอารมณ์เตลิด ดูดดึงเนื้อนิ่มจนเกิดรอยแดงช้ำทั่วคอ

“อ๊ะ อ๊า”  พี่ไซน์ร้องเสียงหลงเมื่อผมบีบขยี้ยอดอกจนแข็งเป็นไต  ถอดเสื้อคนตัวเล็กออก ขึ้นคร่อมแล้วก็เลี้ยเลียยอดอกแดงๆนั่นอย่างหิวกระหาย มือก็ปลดกระดุมกางเกงขาสั้น ก่อนจะดึงออกพร้อมทั้งชั้นในโยนทิ้งไว้ข้างเตียง จับส่วนอ่อนไหว นวดคลึงไปมาเบาๆ พี่ไซน์ร้องครางออกมาอย่างลืมตัว ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเชิดหน้าขึ้นเมื่อถูกเล้าโลมทั้งส่วนล่างและส่วนบน

“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวปันปันตื่น” 
     
“ฮื่อ พอ...พอแล้ว อายน้อง” 

“ไปทำในห้องน้ำมั้ย”

“ไม่ อ๊ะ พอ เดี๋ยวพี่ปิงปิงมาแล้ว อะ อา ...ไจ๋” พี่ไซน์เรียกชื่อผมเสียงกระเส่าเมื่อผมรูดรั้งส่วนล่างแรงขึ้น มือทั้งข้างกำเสื้อตรงหัวไหล่ผมแน่น  กัดปากตัวเองกลั้นเสียงครางไว้ไม่ให้หลุดออกมา เหี้ย เอ็กซ์โคตร ผมละมือออกจากส่วนอ่อนไหวของพี่ไซน์มาถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองออกให้เหลือเพียงแค่บ็อกเซอร์  จับขาเล็กของพี่ไซน์ให้ยกขึ้นชิดหน้าอก ก้มหน้าลงไปเล่นกับช่องทางรักสีแดงสด ตวัดไล้เลียช่องทางที่ตอดตุบๆ เชิญชวนให้สอดใส่แรงๆ

“ฮึก อ๊ะ อ๊ะ...” พอไล้เลียจนช่องทางชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลาย ก็เริ่มสอดนิ้วเข้าไปสำรวจ พี่ไซน์ร้องครวญครางเสียวจัด ผมจึงเลื่อนหน้าขึ้นไปปรนจูบปิดเสียงครางดังๆนั่นไว้ แล้วค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเป็นสามนิ้ว  วนช่องทางคับแคบเป็นวงกลม สอดกระแทกขยับเข้าออกบ้างสลับกันไป จนรู้สึกว่าช่องทางของพี่ไซน์เริ่มผ่อนคลายค่อยถอนนิ้วออกมา  ตรงนั้นของผมแทบไม่ต้องแตะมันก็ตั้งขึ้นมาเพียงเพราะมีอารมณ์กับพี่ไซน์ ผมดึงบ๊อกเซอร์ลงให้กองอยู่หน้าขา ก่อนจะค่อยๆสอดแก่นกายใหญ่เข้าไปในช่องที่เบิกทางไว้แล้วเมื่อกี้

“ฮื่อออ เดี๋ยว อ๊า... อ๊ะ ค่อยๆ...อื้อ ไจ๋..อ่ะ แฮกๆ” ดันของตัวเองเข้าไปจนสุดแล้วแช่ไว้สักพักให้คนตัวเล็กได้พักหายใจ

“แอ๊” ผมที่กำลังจะขยับหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กร้องขึ้นมา ปันปัน ยกตัวขึ้นมาก่อนจะพลิกตัวขยับท่านอนของตัวเองแล้วล้มลงไปนอนต่อ

“อ่า ...ซี้ดดส์” ผมร้องเสียงกระเซ่าเมื่อแรงตอดรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ  พี่ไซน์กำลังตื่นเต้น.... ผมรู้ พี่ไซน์ตื่นเต้นกลัวน้องตื่นมาเห็นแน่ๆช่องทางถึงได้บีบขนาดนี้ ให้ตายสิ อ่าส์

“อื้อ จะ ...ไจ๋ ช้าๆ” ร้องบอกเมื่อผมเริ่มขยับตัวรัวและถี่เร็ว 

“ช้าได้ที่ไหน พี่รัดผมจนจะแตกอยู่แล้วเนี่ย อื้อ...”

“เหี้ยไจ๋...อ๊ะ อ๊า อ๊า”  ผมดันตัวเข้าตัว กระแทกเข้าไปจนสุด เข้าคงไปโดนจุดกระสันของคนตัวเล็กเข้ามั้ง พี่ไซน์ถึงได้ร้องเสียงหลง และตอดรัดเข้าไปใหญ่  ผมดึงพี่ไซน์ขึ้นมาให้นั่งบนตัก กอดเอวบางไว้อย่างหลวมๆ ก่อนจะยกสะโพกพี่ไซน์ให้ขยับขึ้นลงเองบ้าง

“ทำสิ อยากได้เร็วได้ช้าแค่ไหนก็ทำเอาเอง” ผมบอก พี่ไซน์เอื้อมมือจับไหล่ผมไว้แน่น ก่อนจะเริ่มเขยิบด้วยตัวเอง บดเบียดสะโพกลงช้าๆอย่างยั่วยวน แล้วค่อยเริ่มจัวหวะเร็วขึ้น  ผมโน้มหน้าลงไปชิมยอดอกสีแดงฉ่ำที่แอ่นขึ้นตามแรงอารมณ์ ตาปรือของพี่ไซน์ก็มองผมอย่างออดอ้อน ก่อนพี่ไซน์จะซบหน้าลงกับบ่าผม หอบหายใจแรง

“เหนื่อย ทำไมไหวแล้ว” ผมกดจูบลงไปที่ขมับ  ขบกัดใบหู วนมาปรนเปรอจูบให้อีกครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายสวนสะโพกขึ้นไปแทน

“อื้อ ไจ๋ อ่า มะ...ไม่ไหวแล้ว”

“อีกนิดนึง ไปพร้อมกันนะ” ผมบอกก่อนจะเร่งสะโพก ขยับถี่รัว พี่ไซน์ปล่อยมือที่จับไหล่ผมออก แล้วเอื้อมมือไปรูดรั้งแกนกายของตัวเองแทน  เงยหน้าขึ้นมาจูบผมจนน้ำลายใสไหลเปรอะออกมาตามมุมปาก ยิ่งพี่ไซน์รูดรั้งส่วนล่างของตัวเองเร็วเท่าไหร่  ช่วงล่างของพี่ไซน์ก็ยิ่งตอดรัดเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

“อ๊ะ อ๊าส์...”  ปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาเต็มือเล็กของตัวเอง ซบหน้าลงกับไหล่ผมกอดเอวสอบของผมแน่น ช่องทางด้านหลังยังคงรัด ตอดตุบๆอยู่  ผมรีบกระแทกเอวสวนขึ้นไปอย่างแรงอีกสองสามที  ก็ปล่อยน้ำขาวขุ่นเข้าไปในตัวพี่ไซน์จนมันไหลออกมาทางเดิม

“อืม อ่า... เก่งมากเจ้าหมาอ้วน”  ผมบอกพร้อมกอดคนตัวเล็กไว้แน่น ลูบหัว ลูบหลังให้ทั้งชมและปลอบโยน แช่แก่นกายของตัวเองอยู่อย่างนั้นไม่ถอนออก

“ไจ๋...” พี่ไซน์หอบหายใจหนัก ก่อนจะปรับลมหายใจให้อยู่ในจังหวะปกติ  ร้องเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว  ลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ ไม่ต้องก้มหน้าไปดูก็รู้แล้วว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดสิ้นฤทธิ์  หลับไปเรียบร้อยแล้ว


“ท้องยัง...ถ้ายังไม่ท้องต้องตื่นมาทำอีกนะ...ผมรักพี่นะพี่ไซน์”


END 



จบแล้วววววว
ฮ่าๆ จบแบบ งงๆ ทั้งสองคนอาจจะรักกันง่ายไป
พล็อตตลาดๆที่หาอ่านได้ทั่วไป
แต่ก็นั่นแหละ สำหรับมือใหม่อย่างเรา ก็อยากให้มันง่ายไว้ก่อน

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเจ้าพวกสามแฝด และน้องไจ๋นะคะ

ขอบคุณจริงๆ สำนวนเราอาจจะไม่ดี  เนื้อเรื่องอาจจะไม่กินใจเท่าเรื่องอื่นๆ

ไว้จะปรับปรุงแก้ไขกันต่อไปเนอะ 

ขอบคุณจริงๆนะคะที่หลงกดเข้ามาเรื่องนี้ ฮ่าๆๆๆ

รักทุกคน  :hao5:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-07-2016 07:13:55
ไจ๋ ไซน์   :ling1: :ling1: :ling1:
ไซน์ น่ารัก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อยากอ่านคู่ของ แทน คอส ด้วย :mew1: :mew1: :mew1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊าบก๊าบ ที่ 27-08-2016 15:06:39
แปะป้าบไว้ก่อน เดียวมาอ่านนะครับบบ. 
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 28-08-2016 07:29:50
ตกลงคะแนนภาษาอังกฤษน้องไจ๋ดีขึ้นไหมหว่า 555

เรนแอบสงสารพี่เต๋าล่ะ จากมุมมองไซน์ พี่เต๋าอาจจะดูน่ารำคาญ แต่อย่าลืมว่าไซน์ไม่เคยปฎิเสธพี่เต๋าเลยนะ ซื้ออะไรมาให้ก็รับ พาไปไหนก็ไป เหมือนให้ความหวังกัน  :m15:

ยินดีด้วยค่ะที่แต่งได้จนจบ สำหรับมือใหม่ คงไม่ใช่เรื่องง่าย ฝึกปรือต่อไปน้าาาา

:pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 28-08-2016 17:47:15
แล้วพี่เต๋าอ่ะ หายไปเลย น่าจะมีตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-08-2016 13:27:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-09-2016 15:51:07
เสียใจกับตัวเองจังค่ะ. ที่มาอ่านเรื่องนี้ช้าไป
ไม่อย่างนั้นคงได้มาตามเม้นท์ทถกตอนแล้ว
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ. หลงรักแฝดทั้งสามคนเลย อ่าแล้วสัมผัสได้ถึงความรักของแฝดเลยนะคะ
ส่วนน้องไจ๋ น่ารักปนแอบหื่นนะเนี่ย โดยเฉพาะสองตอนสุดท้าย.  :hao3:
ยอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-09-2016 18:23:11
ขอบคุณคนเขียนค่ะ ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านเลย พอมาเห็นอีกทีก็จบแล้ว...

ปล. อยากรู้เรื่องของพี่เต๋าเหมือนกันค่ะ
เห็นด้วยกับเม้นท์บนนะว่าซายน์ทำเหมือนให้ความหวังพี่เต๋า ไม่ว่าจะเพราะไม่รู้จริง ๆ หรือทำเป็นไม่รู้ก็เถอะ
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-09-2016 16:08:48
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (20) จบแล้วฮะ ย้ายได้เล้ยยยยยยยยย
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 09-09-2016 07:08:50
เรื่องน่ารักมากกกกก ชอบฝาแฝดมาก ๆ น่ารัก
แต่ก็คิดว่าพี่เต๋าหายไปเหมือนกันค่ะ
อย่าลืมตอนพิเศษนะคะ  :impress:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: SPNamfone ที่ 18-09-2016 14:43:14
Special Part



“ไซน์!  จะแอบย่องไปไหนหนะ?” คนถูกทักที่แอบซ่อนอยู่หลังโซฟาตัวใหญ่ภายในคอนโดค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมายิ้มแป้นให้พี่แฝดคนโต พร้อมบอกเสียงอ้อมๆแอ้มๆ

“เอ่อ...ไปหาไจ๋”

“แล้วทำไมต้องแอบไป ทำไมไม่บอกกูดีๆ จะไปไหนกัน แล้วนั่นกระเป๋าอะไร?” สายตาคมๆเลื่อนไปที่กระเป๋าเป้ที่พื้น แล้วตวัดมามองหน้าไอ้ไซน์ตัวดีอย่างเค้นเอาคำตอบ

“ถ้ากูขอ มึงก็ไม่ยอมให้ไปนะสิ” ไอ้คนตัวเล็กเถียงข้างๆคูๆ แอบขึ้นเสียงใส่แฝดพี่

...เดี๋ยวนี้พูดอะไรก็ไม่เคยฟังกันแล้วสิ มีน้องไจ๋คอยสนับสนุน อะไรที่ว่าดีก็ดีไปหมด กูจะคอยดูวันที่มันหมดโปรโมชันกับมึง แล้วกูนี่แหละจะเป็นคนซ้ำเติมมึงเอง หึหึ

“ไปเที่ยวหรือว่าไปอะไร?”

“...ไปติวให้ไจ๋... เอ่อ ไปนอนค้างคืนด้ว-”

“ไม่ให้ไป!!!” 

“นั่นไง...พอกูขอมึงก็ไม่ให้ไป” ยังพูดไม่ทันขาดคำ เจ้าแฝดคนโตก็แทรกขึ้นมา  ไอ้ไซน์ทำหน้าหมาใส่ พูดด้วยน้ำเสียงประชดน้อยๆ

ไอ้ไซน์เองก็ไม่ได้อยากจะแอบออกมานักหรอก ที่จริงบอกว่าจะไปติวกับน้องไจ๋ พี่แทนก็ให้ไปแล้ว แต่มันอินไง ข้อความที่น้องไจ๋ส่งมามันบอกว่า


‘พี่ไซน์ ผมมารับแล้ว ถึงใต้คอนโดแล้ว หนีออกมาเลย’


ไอ้ไซน์ก็บ้าจี้ หนีตามน้องไจ๋บอกออกมา อินไง มันอินนน

“ไปติวได้ แต่ค้างคืนกูไม่ให้ไป”

“ทำไมอะ”

“แล้วทำไมต้องไปนอนบ้านเค้า ห้องตัวเองก็มี” เจ้าแฝดพี่เริ่มหงุดหงิด ขมวดคิ้วยืนกอดอกทำหน้าดุใส่

“ก็คิดถึง...”

“เหอะ!  ไม่เจอกันไม่กี่วันบ่นคิดถึง  แล้วกูนี่ขึ้นวอร์ดเป็นอาทิตย์ ไม่เจอหน้าพวกมึงเลย มึงไม่คิดถึงกูบ้างหรอ”

“ก็อยู่ด้วยกันแล้วนี่งายยยย”

“แล้วไง ต้องรอให้กูตายก่อนหรอ ให้กูไม่อยู่กับมึงก่อนหรอถึงจะคิดถึงกู”

“แทน...” ไอ้ไซน์เรียกชื่อแฝดคนพี่  จากใบหน้าที่ทำออดอ้อนเมื่อครู่ หงอยลงมาในพริบตา ยืนนิ่ง ก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าสบตากับคนเป็นพี่

“...”

“ไซน์ไม่ไปแล้ว...ไม่ไปหาไจ๋แล้วก็ได้”  น้ำเสียงแผ่วๆปนสำนึกผิดถูกเปล่งออกมาจากไอ้หมาไซน์  ส่วนแฝดคนโตได้แต่ถอนหายใจ บ่นจิ๊จ๊ะในลำคอ เดินเข้าห้องนอน สักพักก็กลับออกมาหยุดอยู่ข้างๆไอ้หมา  หยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา รูดซิปออก แล้วใส่กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆเข้าไป

“กูขอโทษที่พูดแรงไป กูเหนื่อยๆ มึงไปก็ดี จะได้ไม่มีคนกวนเวลากูนอน แล้วเนี่ย เวลามีอะไรก็อย่าลืมป้องกัน ถึงจะรักกันมากแค่ไหนแต่เรื่องโรคก็ควรระวังไว้ กันไว้ดีกว่าแก้ เลิกทำหน้าหมาหงอยได้แล้ว เห็นละหงุดหงิดกว่าเดิม” พูดจบก็ยื่นกระเป๋าเป้คืนให้เจ้าแฝดคนน้องเป็นคนถือเอง พลางผลักหัวกลมๆนั่นเบาๆ ข้อหาหมั่นไส้

...ดูมันทำหน้าดิ หน้าหมาหงอยของมันเห็นแล้วก็อยากตามใจให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาเลย  นี่สินะ อิทธิพลของไอ้ไซน์

“ไซน์ไม่ไปแล้วจริงๆ อยากอยู่กับคอสกับแทนขึ้นมาทันทีเลยง่ะ”

“ไม่มีคนว่างมาเล่นกับมึงหรอก ใครๆเค้าก็มีกานมีงานทำทั้งนั้น ไปกวนแฟนมึงนู่นไป๊”

“งั้นไม่ค้างคืนแล้วก็ได้  เดี๋ยวไปติวให้ไจ๋เสร็จแล้วจะรีบกลับเลย เนอะ”

“ถ้ามันดึกมากก็นอนค้างนั่นแหละ ขับรถดึกๆ มันอันตราย ไปได้แล้วไป”

“อือ...แทน  กอดหน่อยดิ”

“หึหึ”

“...”

“มึงไม่เคยมีแฟน มึงตัวติดกับพวกกูตลอด พอมึงออกไปจากสายตาที่กูดูแลมึงไม่ได้ตลอดแล้ว กูก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา กูขอโทษถ้าพูดแรงไป แต่ต่อจากนี้มีอะไร จะไปไหนก็บอกกูด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมึง กูไม่อยากรู้เป็นคนสุดท้าย พูดตรงๆ กูไม่อยากให้มึงนึกถึงไอ้ไจ๋เป็นคนแรกในทุกเรื่อง มึงยังมีกู มีไอ้คอส มีพ่อ มีแม่อยู่ข้างๆ ตลอด อย่าลดระดับความสำคัญของครอบครัวเราลงนะไอ้หมา เข้าใจมั๊ย?”

“อื้อ เข้าใจแล้ว”


.

.

.


“พี่ไซน์  อ่ะ เสร็จแล้ว” 

“อือ”  ไอ้ไซน์รับกระดาษจากน้องไจ๋มาด้วยท่าทีเฉื่อยๆ  ดูเหมือนไอ้หมายังไม่หายนอยด์เรื่องที่พี่แฝดคนโตของมันพูด ขนาดมานั่งติวภาษาอังกฤษให้น้องไจ๋ยังเป็นหน่วงอยู่เลย 

“เอาโทรศัพท์มาเล่นหน่อย ของผมชาร์ตอยู่”  น้องไจ๋ตีหน้าใสซื่อ แบมือขอโทรศัพท์จากคนเป็นพี่  พอไอ้ไซน์ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาให้ น้องไจ๋มันก็ยิ้มแผล่  แสกนลายนิ้วมือตัวเองลง พร้อมกับเข้าแอพลิเคชั่นสีเขียวสุดฮิต 

“พี่ไซน์...”

“หื้ม?”  ขานในลำคอ แต่ใบหน้าหวานก็ยังคงดูกระดาษที่น้องไจ๋เขียนคำตอบมาให้อยู่ 

“ใครเนี่ยทักมาเยอะแยะเลย” น้องไจ๋ขมวดคิ้วถาม ไอ้ไซน์เงยหน้าขึ้นมาแล้วชะโงกดูหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง ส่ายหัวน้อยๆเป็นเชิงบอกว่าไม่รู้เรื่อง

“กูก็ไม่ได้ตอบเค้านี่ ยังไม่ได้แอดด้วย”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”

งั่ม!

“โอ้ยยย”

“สมน้ำหน้า”  ฟันขาวๆ กัดลงบนหัวไหล่หนาแรงๆ หนึ่งที ข้อหาหมั่นไส้ไอ้เด็กตรงหน้า
 
...มาทำเป็นขอเล่นโทรศัพท์หน่อย อ้างนู่นนี่ แต่จริงๆก็อยากเช็คโทรศัพท์เขานั่นแหละ เจ้าเด็กนี่

“เดี๋ยวโดนกัดคืนแล้วจะได้ร้องครางแทนนะ ..เดี๋ยว เดี๋ยวจะโดน”

“เหอะ ปากเก่งจริ้งง อื้อออ.. ไจ๋!”  คนเป็นน้องอย่าน้องไจ๋เองก็อดหมั่นไส้ปากเล็กๆนั่นไม่ได้  กดจูบงับริมฝีปากล่างเบาๆลงไปให้ไอ้ไซน์ตกใจ  ก่อนจะผละออกมาแล้วยิ้มกว้างให้

“ค้าบบบบ”

“ไปอ่านหนังสือเลยไป!”

“เขินแล้วก็ชอบเสียงดังใส่ ไล่ตลอด เปลี่ยนเรื่องตลอด” น้องไจ๋เดินบ่นงุบงิบให้ไอ้ไซน์ที่แยกเขี้ยวใส่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว





“คุยอะไร ทำไมไม่กินข้าวก่อน” น้องไจ๋ถามเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์  ยังไม่กินข้าวที่วางอยู่ตรงหน้าสักคำ

“คุยกับพวกสายรหัสอ่ะ งานเลี้ยงส่งพี่บัณฑิต”

“วันไหน?”

“สายเค้าว่างวันนี้กัน แต่กูไม่อยากไปวันนี้อ่ะ อยากอยู่กับมึง” ไอ้หมาไซน์ตอบคำถามด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่คนฟังกลับอมยิ้มจนแก้มตุ่ย  น้องไจ๋ไม่ได้ตอบ เพียงแค่ยิ้มแล้วก้มลงไปกินข้าวต่อ   

“...”

“แล้วกูกำลังจะขอมึงไปนี่ไง”

“อ้าว” จากใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อสักครู่ กลับกลายเป็นน้องไจ๋หน้าเหวอ เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าที่กระพริบตาปริบๆ

“นะไจ๋  มีกูคนเดียวในสายที่ไม่ว่างเนี่ย นะ นะ นะ...”

“ทำไมเค้าไม่นัดล่วงหน้ากันเนี่ย”

“ก็บังเอิญมันว่างตรงกันวันนี้ไง ก็เลยไปเลย”

“แล้วรวมสายโคด้วยมั้ย?”

“อื้อ รวมด้วย”

“ไปร้านไหน?”

“หลังมอคับ”

“ไปกี่โมง?”

“สองทุ่มครึ่งคับ”

“กินข้าวให้หมด แล้วเดี๋ยวไปส่ง”

“ด้ายยคับบบบ”  ไอ้ไซน์ยิ้มแป้นแล้น ลงมือกินข้าวที่อยู่ตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ขัดกับอีกคนที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

...มีพี่ไซน์เหมือนมีลูก  ถึงจะโตแค่ไหนก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี


.

.

.


“ไปเปลี่ยนเสื้อเอาสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว ใส่กางเกงขายาว หยิบเสื้อกันหนาวผมไปด้วย”

“เสร็จแล้ว”


“อย่ากินเยอะ จะเบียร์ เหล้า ไวน์ สไปร์ ก็อย่ากินเยอะ”

“อื้อ กูไม่ได้อ่อนด๋อยเหมือนที่มึงคิดนะ”

“คนเป็นห่วง ยังจะมาดื้อ อย่าให้รู้นะว่าเมา”

“ค้าบบบบ”



“จะกลับตอนไหนก็โทรมา  หรือถ้าผมโทรไปก็รับด้วย”

“รู้แล้วววว”



“อย่าไปอ่อยใครด้วย”

“โอ้ยยย กูจะไปอ่อยใคร มีแต่สายรหัสกันทั้งนั้น”

“ที่เป็นสายโคก็เพราะได้กันเองในสายไม่ใช่รึไง ...โดยเฉพาะพี่เต๋านะตัวดีเลย”

“ห๊ะ อะไรนะ? ไม่ได้ยิน”

“ป่าว ดูแลตัวเองดีๆด้วย”

“ไปนั่งกับกูมั้ยหละ”

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวพี่ไม่สนุก” 

“ฮะๆ แฟนใครเนี่ย น่ารักจังเล้ยยย”  ไอ้ไซน์เขย่งตัวขึ้นไปขยี้ผมน้องไจ๋เบาๆ  หยิกแก้มตอบๆออกด้วยความหมั่นเขี้ยว 

...ก็น้องไจ๋น่ารัก  ยิ่งรู้จักกันมากขึ้นยิ่งน่ารักขึ้น  ยิ่งรักมากขึ้น


.

.

.



เสียงเพลงจากวงดนตรีสดช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในร้านให้น่านั่งชิวกันเข้าไป  ลูกค้าต่างร้องเพลง โยกตัวเต้นตามจังหวะดนตรี  รวมถึงไอ้ไซน์ด้วย  ที่ถึงไม่จะไม่ค่อยฟังเพลงไทยสักเท่าไหร่ แต่ก็โยกตัวไปตามจังหวะ  ด้านข้างของไอ้ไซน์ติดหัวโต๊ะ เป็นพี่น็อต พี่บัณฑิตในสายของมัน  อีกด้านหนึ่งเป็นรุ่นน้องปีสาม ปีสอง และปีหนึ่งตามลำดับ ที่ตรงข้าม ก็เป็นส่วนของสายโค และตรงข้ามไอ้ไซน์คือ ... พี่เต๋า  ที่ดูวันนี้ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยจา  ถามคำตอบคำ  เน้นยกแก้วน้ำสีอำพันเข้าปากอย่างเดียว

“เห้ยพี่เต๋า พูดอะไรหน่อยดิพี่”

“ใช้ชีวิตให้คุ้มในรั้วมหาวิทยาลัยให้คุ้มกันนะครับ พอจะจบแล้วมันโคตรใจหายเลย”

“ฮ่าๆ วันนี้พี่แม่งเป็นแปลกๆหวะ สงสัยเมาแล้ว พี่ไซน์ดูแลดิ๊”

“ไม่เมาๆ ไปเข้าห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา”  พี่เต๋าคนหล่อของสายพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไป  พี่ๆน้องๆในสายยังคงคุยกัน
เรื่อยๆ  มีเสียงหัวเราะบ้างเป็นระยะเมื่อพูดถึงอาจารย์ในคณะกัน

...พวกบาปนี่

สักพักพี่เต๋าก็เดินกลับเข้ามา


ครืด ครืด

โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของไอ้ไซน์สั่น เจ้าตัวล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดู พบว่าเป็นข้อความของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม  ไอ้ไซน์เงยหน้ามองพี่เต๋าแล้วขมวดคิ้วให้  แต่พี่เต๋าไม่ตอบ มองหน้าไอ้ไซน์นิ่งๆ


‘พี่เคยบอกรึยังว่าพี่ชอบน้องไซน์’


ไอ้ไซน์ละหน้าออกจากหน้าจอโทรศัพท์  ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีกกับข้อความของคนตรงหน้าที่ส่งมา กำลังจะพิมพ์ข้อความส่งกลับคืน  แต่ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาก่อน


‘ถ้ายัง...พี่ขอบอกวันนี้เลยนะ
พี่ชอบน้องไซน์นะครับ  ชอบมาก’


‘ชอบมากกว่าแบบพี่น้อง’


‘ตลอดเวลาที่พี่เอาขนมมาให้หรือทำอะไรให้ พี่ชอบเอาแต่คำว่าสายโคมาอ้าง ไซน์เลยอาจคิดว่ามันเป็นมิตรภาพของพี่น้อง แต่มันไม่ใช่’


‘ที่พี่ทำให้ เพราะพี่ชอบเรานะ’


‘พี่ก็พอรู้ว่าน้องไซน์รำคาญ หรืออึดอัดเวลาเราอยู่ด้วยกัน พี่ขอโทษ’


‘น้องไซน์ไม่ต้องคิดมากนะ พี่แค่อยากบอกเฉยๆ ดีกว่าไม่ได้บอก เรายังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้’



‘ไม่ต้องคิดมาก พี่ไม่เป็นไร’


รออีกสักพัก ก็ไม่มีข้อความอะไรส่งมาอีกแล้ว  ไอ้ไซน์เงยหน้ามองพี่เต๋าที่ตอนนี้ยิ้มให้มันอย่างจริงใจ พร้อมพยักหน้าให้


‘พี่โอเค’




“คนหนึ่งยังทำทุกทาง เพื่อความรักจึงคอยทุ่มเททุกอย่าง
อยากเป็นคนสำคัญอยู่ในสายตา ยังหวังรอสักวัน
แต่อีกคนกลับไม่สนใจ ทำอะไรก็เหมือนว่าไม่ต้องการ
ยังไม่เคยเห็นใจ ไม่เคยหันมา เฉยชาอยู่อย่างนั้น”



เสียงทุ้มๆจากนักร้องที่เล่นดนตรีอยู่บนเวทีดังขึ้น ไอ้ไซน์และพี่เต๋าก็ยังคงมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น  ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ท่ามกลางพี่น้องสายรหัสที่ฮึมฮัมไปกับเพลง  คุยกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง


“ยิ่งใกล้เธอแค่ไหน ก็ยิ่งเหมือนเป็นแค่ลมพัด
ยิ่งฝันและยิ่งฝืน ก็ยิ่งจะทรมาน”



‘ขอบคุณที่เลือกไปฝึกงานกับพี่ ให้พี่รู้จักเรามากขึ้น ให้พี่ได้ใกล้เรามากขึ้น’



“เหนื่อยพอแล้วที่พยายามทำให้เธอรัก แต่ไม่ได้...
ให้รักเธอ ทั้งหัวใจ คงไม่พอ
รู้แล้วว่ารักไม่มีความหมาย
เพิ่งเข้าใจ...คนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี”



‘ถ้าคนที่น้องไซน์ชอบเป็นพี่ ก็คงจะดีไม่น้อย’
‘แต่ไม่เป็นไร พี่โอเคจริงๆ’



“เหี้ย! พี่ไซน์ร้องไห้ทำไม”

“อ้าว อินเว้ย มันอินกับเพลงไง ฮ่าๆๆ อ่อนไหวนะมึงเนี่ย”  พี่น็อตที่นั่งอยู่ด้านข้างกับรุ่นน้องปีสามหันมามองไอ้ไซน์พลางทำหน้าตกใจ  ไอ้ไซน์รีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

...จะบอกยังไง ว่าเห็นน้ำตาของพี่เต๋ามันไหลก่อน  มันเลยไหลตาม


“ไม่เป็นไร กูแสบตาเฉยๆ” ไอ้ไซน์บอกปัดรุ่นน้องไป ยกแก้วน้ำของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง


...พัง 

...รับรู้  แต่ทำเหมือนไม่รู้เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ของคนสองคนเอาไว้  ไม่ใช่ให้ความหวัง  ไม่ใช่กั๊ก  แต่รักษาความรู้สึก เพราะรู้ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้  ไซน์ไม่ได้ชอบพี่เต๋าแบบนั้น  ถ้าบอกตรงๆแล้วจะโอเคจริงๆหรอ?  มาบอกว่าชอบ แล้วบอกว่าไม่ชอบตอบก็ไม่เป็นไร  เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้  ไอ้ได้หนะ มันได้...แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม  เราจะกล้าพูดอย่างสนิทใจกันเหมือนเดิมจริงหรอ?  เราจะกล้ามองหน้ากันเหมือนเดิมจริงมั้ย? 


.

.

.



“จ๋ายยย ฮึก ฮือออ” เที่ยงคืนกว่าๆ น้องไจ๋ก็ได้แบกร่างไอ้ไซน์ขึ้นมาบนห้อง 

...ก็บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ แล้วไงทีนี้ เมากลับมาแล้วก็งอแง พูดไม่รู้เรื่อง พี่ไซน์นี่มันจริงๆเลย


“ชู่วว ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรหื้ม?”

“พี่เต๋า...ฮึก พี่เต๋า ชอบ” คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงพูดเป็นคำๆ ปะติดปะต่อไม่ค่อยจะเข้าใจ  แต่น้องไจ๋ก็หัวเราะ เอื้อมมือเขกหัวเหม่งๆนั่นเบาๆ

“อะไร พึ่งรู้หรอว่าพี่เค้าชอบ”

“ไจ๋...”

“ครับ”

“ถ้า กูชอบพี่เต๋าคืน ฮึก ก็จบ”

“พูดอะไรหนะพี่ไซน์  หยุดพูดเลยนะ  ตื่นมาได้มีเรื่องแน่”

“แต่กูชอบมึงไปแล้ว...”

 “ดีมาก” น้องไจ๋ยิ้มกว้าง  จุ๊บลงไปที่แก้มใสทั้งสองข้าง ก่อนจะเช็ดตัว เปลี่ยนชุดให้เจ้าแฟนอ้วนของเขาได้นอนสบายตัว

...พี่ไซน์...ชอบแล้วเลิกชอบไม่ได้นะครับ


ว้า...อดใช้ถุงยางที่พี่แทนฝากมาให้เลยอ่ะ



END

จริงๆวางพล็อตพี่เต๋าไม่ให้จบเศร้าขนาดนี้ อยากให้พี่เต๋าเป็นพวกแบบเต๊าะเล่นๆ
แต่เพลงในยูทูปมันเปิดออโต้แล้วมันเล่นมาเพลงนี้พอดีอ่ะ  เลยอิน
5555 จบไปแล้วสำหรับพาร์ทสเปเชียลนะฮะ  ขอบคุณนะคะที่ขนาดจบแบบกากๆ ก็ยังมีคนคอยติดตาม

ขอบคุณนะคะะะ   :mew1:

*เพลง คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2016 21:58:51
 :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-08-2019 19:31:16
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 07-08-2019 22:45:46
กรี๊ดดดด เรื่องนี้ คือ ดี เขียนได้สนุก อ่านไม่เบื่อเลย ไฟซด์น่ารักสุดๆ ใน 3 โลก
หัวข้อ: Re: The Tutor Eng - พี่ครับช่วยติวรักให้ผมด้วย (special)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:12:58
 :pig4: