หนังสือการ์ตูนโคนันมาถึงมือไอ้กวิ้นในวันต่อมา ทว่า...ไอ้กวิ้นรับมันมาจากพี่แต้วอีกที ไม่ใช่ว่าไอ้กวิ้นไม่กล้าเจออีกฝ่าย มันนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เจอกับคนที่ไม่ได้เจอมานานเกือบๆ สามเดือน พอเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวในชุดที่คิดว่าดูดีที่สุดเพื่อรอที่จะได้พบเจอ แต่อีกฝ่ายต่างหากที่ไม่อยากมาเจอกัน พี่สมัยเรียกพี่แต้วออกไปเอาหนังสือการ์ตูนที่หน้าประตูรั้วแล้วก็รีบขับรถออกไป ไอ้กวิ้นจึงทำเพียงแค่ยิ้มหยันให้กับตัวเอง
ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังตั้งความหวัง ทั้งๆ ที่ถูกทำให้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาตัดมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว...ยังจะโง่ปล่อยหัวใจให้รู้สึก... เพราะฉะนั้นก็สมแล้วที่ต้องเจ็บแบบนี้ นกโง่...มันก็ยังคงโง่อยู่วันยันค่ำ โง่ที่คิดอยากบิน โง่ที่เชื่อว่าเขาจะพามันบินไปด้วย แต่สุดท้ายในระหว่างที่กำลังบินขึ้นสูงก็กลับปล่อยมือให้มันร่วงลงสู่พื้น...
ไอ้กวิ้นใช้เวลาทบทวนตัวเองจนปรับอารมณ์ได้ตามปกติ คราวนี้มันไม่ได้เจ็บจนร้องไห้ แต่คงเป็นอาการผิดหวังจากการตั้งความหวังก็เท่านั้น เช้าวันจันทร์มันก็ไปเรียนตามปกติ และเริ่มปฏิบัติการตามหารักให้ไอ้เสือเกรียนเพื่อนยาก
“มึงๆ” ไอ้กวิ้นทำใจกล้าสะกิดแขนคนรูปหล่อที่นั่งเฉิดฉายโดดเดี่ยว ไอ้หล่อหน้านิ่งตวัดสายตาหลังแว่นกรอบดำหันมามอง ท่าทางหยิ่งผยองราวกับเทวดากำลังมองนกโง่ๆ ตัวหนึ่งนั้นทำเอาไอ้กวิ้นนึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน ไอ้หล่อนี่คงกำลังนึกสงสัยว่าทำไมไอ้กวิ้นมันถึงทำใจกล้าเข้ามานั่งใกล้ ทั้งๆ ที่ใครต่อใครต่างเว้นที่นั่งให้ไอ้หล่อมันนั่งเด่นอยู่คนเดียว เพราะรูปร่างหน้าตาของมันให้ความรู้สึกว่าหล่อจนไม่อาจเอื้อม หล่อจนไม่อาจเข้าใกล้ หล่ออันตรายมากไปจนกลัวจะโดนแผดเผาถ้าหากเข้าไปใกล้รัศมี แต่ไอ้กวิ้นมันเป็นนกเขตหนาว หอบหิ้วน้ำแข็งและความหน้าด้านมาเยอะพอสมควรจึงทนกับความหล่อเร่าร้อนของอีกฝ่ายได้
“ชื่อไรอ่ะ”
“ชนะ มึงล่ะ” ไอ้หล่อตอบ ทีแรกก็นึกว่ามันจะหยิ่ง แต่ความจริงก็ไม่ได้หยิ่งอย่างที่คิดนี่หว่า
“เพนกวิ้นอ่ะ”
“เอาชื่อจริงๆ ที่ไม่ได้มาเปลี่ยนตอนอยู่มหาลัยดิ” ไอ้หล่อพูดหน้านิ่ง แต่ไอ้กวิ้นงงตาแตก
“กูชื่อเพนกวิ้นจริงๆ” ไอ้กวิ้นยังคงยืนยัน “ตอนท้องกู แม่ชอบไปดูนกเพนกวิ้นที่สวนสัตว์ พ่อก็เลยตั้งชื่อให้ว่าเพนกวิ้น”
ไอ้หล่อพยักหน้า ท่าทางสนอกสนใจ “ชื่อจริงล่ะ”
“เหมันต์ พ่อบอกว่าเพราะนกเพนกวิ้นชอบอากาศหนาว ก็เลยให้ชื่อเหมันต์”
“เฮ้ย เท่ว่ะมึง”
“แน่นอนดิ ชื่อเล่นกูอาจจะแอ๊บแบ๊ว แต่ชื่อจริงก็เท่ไม่หยอกนะมึง”
ไอ้หล่อเห็นด้วย มันหมุนควางดินสอเล่นก่อนจะบอกเสียงเรียบ “แล้วทำไมมึงเข้ามาคุยกับกูล่ะ นอกจากผู้หญิงแล้วกูก็เห็นไอ้พวกผู้ชายหน้าตาขี้เหร่มันเขม่นกูทั้งนั้น”
“บังเอิญว่าหน้าตากูกับมึงคลาสเดียวกันอ่ะ กูเลยโดนพวกมันหมั่นไส้ด้วย”
ไอ้หล่อหัวเราะกับวาจาของไอ้นกเขตหนาว “กูเรียกมึงว่ากวิ้นได้ปะ ชื่อเพนกวิ้นมันยาวไป”
“งั้นกูเรียกมึงสั้นๆ ได้ใช่ไหม ชื่อมึงก็ยาวไปเหมือนกัน”
“ได้ดิ”
“ความจริงมึงก็ไม่เห็นหยิ่งอย่างที่คนอื่นเขาลือนะ”
“ข่าวลือมันจะไปจริงได้ยังไงล่ะ ความจริงกูเห็นมึงตั้งแต่รับน้องแล้ว แต่อยู่คนละกลุ่ม มึงก็ไม่มีใครคบใช่ไหม”
ไอ้หล่อมันเป็นคนพูดตรงไม่อ้อมค้อม ถามมาทีไอ้นกบื้อก็แทบหน้าหงาย นอกจากไอ้เหมอแล้วก็เพิ่งเจอคนเกรียนหน้ามึนอย่างมันนี่แหละ “ไม่ใช่ไม่มีใครคบ แต่กูเลือกคบเว้ย”
“แล้วมีสักคนหรือยังที่มึงเลือกได้”
“มีแล้ว แต่มันเรียนโรงเรียนนายร้อย นานๆ ถึงจะกลับบ้านมาสักที กูก็เลยอยู่คนเดียวอย่างนี้ไง”
“ไม่คิดหาเพื่อนคนอื่นบ้างเหรอวะ”
“บางคนก็เคมีไม่ตรงกันว่ะ แต่กูว่ากูคุยกับมึงได้นะ”
“ถามกูสักคำหรือยัง”
“เถอะน่า ยังไงมึงก็ไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว”
“กูไม่เดือดร้อนนะถ้ากูจะไม่มีเพื่อน”
“งั้นกรุณาเป็นเพื่อนกับกูเถอะ กราบขอร้อง” เพื่อจิ๊กซอว์และเลโก้ เอ้ย! เพื่อเสมอเพื่อนซี้ของกู
“หึหึ ถ้ามึงแบ่งข้าวกล่องที่พกมาด้วยให้กูกิน กูก็จะพิจารณา”
“เออๆ ก็ได้ กูยกให้มึงทั้งกล่องเลยก็ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก ยกให้กูหมดมึงก็ไม่ได้กินดิวะ แบ่งกัน เพื่อนกันก็ต้องแบ่งกันอยู่แล้ว”
ไอ้กวิ้นพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกเหมือนมันกำลังคุยกับเด็กน้อยที่กำลังชอบใจเพราะได้เจอเพื่อนใหม่ และหลังจากที่ได้เป็นเพื่อนกับไอ้หล่อชนะมาร่วมสองสัปดาห์ ไอ้กวิ้นก็ต้องปลงหนักเพราะมันเจอคนเอาแต่ใจมากกว่าไอ้เหมอเข้าให้แล้ว
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ไอ้เหมอ กูพูดก็อย่าหาว่ากูนินทา ไอ้นะแม่ง !#$@!#$@$%@#$%
Only Summer: เชี่ยกวิ้นมึงอย่าบ่น กูอยากเข้าสิงมึงใจแทบขาดแล้วววว
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: แล้วมึงจะกลับเมื่อไหร่วะ
Only Summer: ปีนรั้วหนีโรงเรียนได้ตอนนี้กูคงไปแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะงั้นศุกร์นี้เจอกันเว้ย เออไอ้กวิ้น พี่หมัยเอาเลโก้กับจิ๊กซอว์ไปให้ยัง
ไอ้กวิ้นนิ่งค้างไปกับคำถาม ก่อนมันจะพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ช้าๆ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ยังว่ะ
Only Summer: โทษทีนะเว้ย เดี๋ยวกูตามให้ กูไม่เบี้ยวมึงแน่ๆ อ่ะ ขอให้มึงทำดีต่อไปนะไอ้กวิ้น แล้วผลบุญจะทำให้มึงสมหวังกับสิ่งที่มึงอยากได้ เพราะงั้นอยากได้อะไรบอกพี่เหมอมา พี่จัดให้ไม่อั้น ถ้าเพื่อผู้ชายพี่ยอมจ่าย อิอิ
ถ้ากูอยากได้พี่ชายมึง...มึงจัดให้กูได้ไหมวะ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: มึงไม่ได้จ่ายเองซะหน่อยไอ้เหมอ
Only Summer: เงินพี่ชายกูก็เหมือนเงินกูแหละ อิอิ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: แล้วพี่มึงตอนนี้ยังไม่คิดแต่งงานมีลูกมีเมียอีกเหรอวะ เอาแต่มาตามดูแลน้องอย่างมึงเนี่ย
Only Summer: จะแต่งได้ไงวะ กูยังไม่เห็นว่าพี่กูคบใครเลยสักคน
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: มึงไม่รู้รึเปล่าว่าเขามี เขาอาจจะมีคนที่คบ คนที่คุยด้วยก็ได้
Only Summer: ที่คุยด้วยน่ะไม่รู้ว่ะ แต่ที่คบจนพามาที่บ้านก็ไม่เห็นมีนะ ไม่รู้เว้ย ช่างหัวพี่หมัยเถอะ มาพูดเรื่องสุดที่รักของกูดีกว่า
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ถามกูขนาดนี้ มึงไม่แอดเฟซเขาไปเลยวะ
Only Summer: แอดไปเขาก็อาจจะไม่รับ กูต้องสนิทกับเขาให้ได้ก่อนเว้ย กลยุทธ์ระดับชั้นเชิงน่ะมึงรู้จักไหมมมม
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: คนไม่เคยจีบสาวอย่างมึงอย่าทำมาพูดดี
Only Summer: ก็แน่สิวะ กูชอบผู้ชายนี่หว่า
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ชัดเจนสัดๆ
Only Summer: แน่นอนนน กูบอกท่านบิดาแล้วด้วยว่าอยากมีผัว อิอิ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ใจกล้ากว่ามึงไม่มีอีกแล้วไอ้เหมอ
Only Summer: กล้าพูดเพราะพี่หมัยเอาตัวบังกูอยู่หรอก ฮ่าๆๆๆ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ไอ้น้องทรพี มึงนี่น่าไปเกิดเป็นพี่ชายบ้าง จะได้รู้จักเสียสละ ไม่รู้สึกผิดบ้างไงวะที่พี่มึงแม่งทำเพื่อมึงทุกอย่างอ่ะ
Only Summer: จะรู้สึกผิดทำไมวะ? พี่ชายทำเพื่อน้องชายนี่มันผิดตรงไหน ตรรกะมึงเพี้ยนๆ นะไอ้กวิ้น ลูกคนเดียวอิจฉาอะดิ๊
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: มีพี่ชายเหมือนพี่มึงกูไม่อิจฉาหรอกไอ้สัดเหมอ แม่งเหมือนโรคจิต
Only Summer: นี่มึงแค้นอะไรพี่กูปะวะ แม่ง ด่าได้ด่าดี
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: *สัญลักษณ์นิ้วกลาง* ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า
Only Summer: นี่ขนาดไม่แค้นยังแจก... ซะขนาดนี้ กูต้องไปถามพี่หมัยละว่าเผลอไปเหยียบตาปลามึงตอนไหน
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: อย่านะเว้ย
Only Summer: ตุ๊ดว่ะไอ้กวิ้น ด่าเขาลับหลัง พอกูจะเอาไปฟ้องก็ป๊อด
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: คนขี้ฟ้องนั่นแหละตุ๊ด เชี่ย กูไปนอนแล้ว
Only Summer: อ้าว มัวแต่คุยเรื่องพี่หมัย แล้วเรื่องสุดที่รักของกูเล่า!!! ไอ้กวิ้นนนนเว้ยยย กลับมาก่อนนน
ปล่อยไอ้เหมอมันโวยวายในหน้าต่างสนทนา ส่วนไอ้กวิ้นก็กระโดดขึ้นเตียง มุดหน้าซุกตัวในผ้าห่มเป็นที่เรียบร้อย
ทำไมวะพี่หมัย ทำไมยังคิดถึงพี่วะ แค่เอ่ยชื่อ...หัวใจก็เจ็บแล้ว... อย่างนี้เมื่อไหร่ กวิ้นจะหายดีสักที************************************
ไอ้กวิ้นหน้ายุ่ง ยืนเกาหัวแกรกอยู่หน้าบ้านไอ้เหมอ ตัวสูงโย่งของมันพิงอยู่กับกำแพงสูงใหญ่ที่ล้อมรอบบ้านนายทหารระดับสูงไว้ ลังเลใจว่าจะลุยเดี่ยวเข้าไปหรือยืนตากแดดยามเย็นรอไอ้หล่อชนะมาสมทบดี
วันที่สามสิบเอ็ดกรกฎาคมเป็นวันเกิดของไอ้เสือเหมอ และปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ไอ้เสือมันกลับบ้าน คุณหญิงแม่ของมันจึงเอ่ยปากจะจัดงานเลี้ยงฉลองอายุครบ 19 ปีให้ลูกชายคนเล็ก ไอ้เหมอมันจึงล็อคตัวไอ้กวิ้นให้เป็นแขกคนสำคัญเพื่อเป็นสะพานเชื่อมไปถึงไอ้รูปหล่อชนะที่พวกมันเริ่มสนิทสนมกันตั้งแต่ที่ไอ้กวิ้นพาไปทำความรู้จักเมื่อหนึ่งเดือนก่อน แต่ไอ้เสือหัวเกรียนมันกลับชอบทำสะดิ้งมีจริต แสร้งเขินอายราวกับสาวน้อย เวลาอยากนัดเจอกับคนรูปหล่อจึงอ้างชื่อไอ้กวิ้นอยู่ร่ำไป ตอนนี้การอ้างของมันก็กำลังสร้างความลำบากใจให้ไอ้นกบื้อตัวนี้อยู่
ไอ้เหมอไม่ผิดที่ไม่รู้ว่าไอ้กวิ้นอกหักจากพี่ชายของมัน และไม่ผิดหากจะชวนเพื่อนมางานวันเกิดที่บ้าน แต่ที่ผิดก็คงเป็นไอ้กวิ้นเองที่ยังคงตัดใจจากพี่ชายของเพื่อนไม่ได้ แต่มาจนถึงวันนี้ ไอ้กวิ้นมันก็พอรู้ว่าถ้าเจอหน้าอีกฝ่ายจะต้องทำตัวแบบไหน จะต้องมีสีหน้ายังไงจึงจะไม่กระอักกระอ่วนใจต่อกัน แม้ในหลายๆ ครั้งจะพบว่าสายตาของมันมักจะไปหยุดอยู่ที่ร่างสูงใหญ่ของพี่สมัยอยู่ร่ำไป แต่มันก็ทำได้แค่มองเท่านั้น แค่มอง...และไม่คิดจะขยับเข้าไปใกล้อีก
ไอ้กวิ้นรู้แล้วว่าตัวมันควรอยู่ตรงไหนถึงจะไม่สร้างปัญหา
ปรี๊นๆ
เสียงแตรรถคันหรูดังขึ้นสั้นๆ สองครั้ง ไอ้กวิ้นจึงรีบก้าวเดินไปหาเพื่อนรูปหล่อของมันที่ลงจากรถมาทันที
“ดีที่มึงไม่เข้าไปก่อน” ชนะบอกเสียงเรียบ “ไม่งั้นกูคงไม่รู้จะเข้าไปยังไง”
“เออ กูก็เลยต้องยืนตากแดดรอมึงอยู่เนี่ย ปะ เข้าไปกัน” ไอ้กวิ้นทำตัวตามปกติ แม้น้ำเสียงของมันจะแอบสั่น หัวใจจะเริ่มเต้นแรงก็ตาม แต่ยังไม่ทันได้กดออดเรียกให้คนในบ้านของไอ้เหมอมาเปิดประตู ไอ้กวิ้นกับชนะก็แทบจะผงะหงายเมื่อประตูเล็กถูกเปิดผลัวะออกมาเสียก่อน และคนที่เปิดออกมานั้นคือไอ้เหมอหัวเกรียนที่เหงื่อแตกพลั่ก ท่าทางรีบร้อน มันกระแทกประตูปิดแล้วจับมือเพื่อนทั้งสองแล้วลากให้วิ่งตาม
“เฮ้ยยยย เดี๋ยวๆๆๆ มึงจะไปไหน”
“ไอ้เชี่ย อย่าเพิ่งถาม วิ่งตามกูมา คุณหญิงแม่กำลังพิโรธ”
“ห้ะ! แล้วงานเลี้ยงวันเกิดมึงล่ะวะ” ไอ้กวิ้นถามพลางลิ้นห้อย มันไม่ชอบวิ่ง แม้จะตัวสูงโย่ง แขนขายาวเหมาะสำหรับการเป็นนักวิ่ง แต่ไอ้กวิ้นมีปอดใหญ่ไว้เพื่อว่ายน้ำเท่านั้น
“ล่มดิวะมึง ถามได้ นะวิ่งไหวไหม ถ้าไม่ไหวขี่หลังเหมอได้นะ”
ชนะหัวเราะดังลั่น ตั้งแต่ที่เป็นเพื่อนกันมา เวลาชนะอยู่กับไอ้เหมอนั้นหัวเราะเสียงดังมากกว่าอยู่กับไอ้กวิ้นเสียอีก
“แล้วทำไมเราต้องวิ่งกันล่ะเหมอ”
“ไม่วิ่งเดี๋ยวคุณหญิงแม่ก็ตามทันดิ มาถึงตรงนี้คงปลอดภัยละ” ไอ้เหมอชะลอฝีเท้า มันไม่มีแม้แต่อาการเหนื่อยหอบแม้แต่น้อย มีแค่ไอ้กวิ้นที่หอบลิ้นห้อยเสียลุคสัตว์ปีก กับไอ้หล่อชนะที่เหงื่อผุดพรายเต็มหน้า แก้มขึ้นสีระเรื่อ น่ามองจนอยากเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับไอ้กวิ้นเสียจริงๆ
“ไอ้เหมอ... มึงไปทำอะไรให้คุณหญิงแม่โกรธวะ”
“ความจริงกูไม่ผิด” ไอ้เหมอเกริ่น แต่ไอ้กวิ้นกลอกตา เพราะรู้ว่าไอ้เหมอมันมักจะเริ่มประโยคกับเรื่องที่มันก่อด้วยประโยค ‘กูไม่ผิด’ เสมอ “กูแค่บอกท่านบิดาว่าเรียนจบกูจะทำนม ท่านบิดาก็ไล่เตะกูเฉย แล้วทีนี้ ก็เลยไปชนคุณหญิงแม่ที่กำลังยกเค้กไปตั้งที่โต๊ะ มันก็ตู้ม กลายเป็นโกโก้ครั้น”
“เชี่ยยยย เป็นกูกูก็โกรธ กลับไปขอโทษคุณหญิงแม่มึงเลย”
“ไม่ไป พี่หมัยอุตส่าห์จับคุณหญิงแม่ไว้ให้แล้ว กูจะกลับไปตายให้โง่เหรอวะ ปะๆ ไปฉลองวันเกิดกันสามคนดีกว่า ไอ้กวิ้นมึงออกเงินก่อนนะ กูวิ่งออกมาไม่ได้หยิบกระเป๋าตังค์มาด้วยอ่ะ”
ไอ้กวิ้นอยากจะร้องไห้เสียจริงๆ ที่เกิดมาเป็นเพื่อนกับตัวยุ่งอย่างไอ้เหมอ แต่มันก็พยักหน้าเออออไปตามเรื่องตามราว ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้ที่มันสะพายแล้วยัดของขวัญใส่มือไอ้หัวเกรียน
“ปีนี้มึงให้ไรวะ” ไอ้เหมอถามพลางมองถุงกระดาษในมือ “ปีก่อนให้น้ำมันมวย ปีนี้อย่าบอกกูนะว่ามึงให้ชุดปฐมพยาบาล”
“ไม่ใช่เว้ย กูบินไปญี่ปุ่นเพื่อซื้อให้มึงโดยเฉพาะเลยนะ”
“อะไรวะ”
“เครื่องนวดแบบพกพา เวลามึงฝึกหนักๆ ตอนกลางคืนก็เอามานวด”
ไอ้เหมอยิ้มแฉ่ง แม้ไอ้กวิ้นมันจะเป็นนกโง่ แต่มันก็ห่วงใยและใส่ใจไอ้เหมอเป็นอย่างดี “ความจริงไอ้เครื่องนวดนี่ของแถม มึงแค่บินไปติ่งงานเหี้ยไรสักอย่างที่ญี่ปุ่นก็บอกกูมาเถอะ”
“รู้ทันว่ะ”
ไอ้กวิ้นหัวเราะเอิ้กอ้าก ก่อนจะตาโตกับของขวัญที่ไอ้หล่อชนะมันให้ไอ้เหมอ “ไอ้นะ ทำไมมึงให้ของแพงวะ อย่างไอ้เหมอไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ ให้มันหรอก ผงวิเศษซองสิบบาทก็พอแล้ว”
ไอ้หล่อทำหน้างง “มันก็ไม่แพงนะมึง ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนมาก่อน มึงบอกว่าซื้อของที่มีประโยชน์กูก็เลยให้คนที่บ้านช่วยคิดให้ มัน...ใช้ไม่ได้เหรอ”
“ไอ้กวิ้น มึงเงียบปากดิ๊ นะ ไม่เป็นไรอ่ะ นะให้อะไรเหมอก็ดีใจทั้งนั้นแหละ”
ของที่ชนะให้ไอ้เหมอนั้น เป็นชุดครีมบำรุงผิวครบเซ็ต กับอาหารเสริมที่ไอ้กวิ้นคิดว่าไอ้เหมอกินทั้งชาติก็คงไม่หมด ไอ้หล่อมันจัดใส่กล่องคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่และผูกโบว์สีแดงเป็นอย่างดี มีการ์ดแนบให้พร้อม ต่างจากไอ้กวิ้นที่ยื่นถุงที่ใส่สินค้าให้ไปทั้งอย่างนั้น
“อาหารเสริมไว้บำรุงร่างกาย แล้วครีมพวกนี้เหมอก็ใช้ทาผิวนะ จะได้ขาวๆ”
“ขอบใจมากเลยชะน้า ใจดีจัง” ไอ้เหมอพูดเหมือนน้ำตาคลอเบ้า แต่ไอ้กวิ้นเพื่อนซี้รู้ดีว่าไอ้เหมอน้ำตาแทบไหลกับการที่ไอ้หล่อของมันว่ามันดำทางอ้อม
สามเพื่อนซี้เดินคุยกันได้ไม่นานก็มีรถเล็กซัสมาจอดตรงหน้า ไอ้กวิ้นจำได้ดีว่าเป็นรถของใคร ยิ่งกระจกถูกเลื่อนลงให้เห็นใบหน้าของคนขับ หัวใจของไอ้กวิ้นก็ยิ่งเต้นระส่ำ
“น้องเหมอ พาเพื่อนขึ้นรถเร็วครับ” เสียงทุ้มที่ไอ้กวิ้นไม่ได้ยินมานานดังก้องอยู่ในหู
“พี่หมัยยยยย โอยย ดีใจ นึกว่าจะต้องเดินไปจนถึงหน้าปากซอยซะแล้ว ไปเร็วขึ้นรถ” ไอ้เหมอยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าพี่ชาย ก่อนจะรีบเข้ามากระซิบไอ้กวิ้น “กวิ้นเพื่อนรัก มึงไปนั่งเบาะหน้า กูจะนั่งกับชนะสุดที่รักของกู”
“ไม่เว้ย” ไอ้กวิ้นปฏิเสธเสียงแข็ง
“วันนี้วันเกิดกูนะมึง ให้กูได้อยู่กับสุดที่รัก พี่เหมอกราบขอร้อง”
“ไอ้เชี่ยนี่ เป็นเพื่อนของมึงนี่มันบาปกรรมกูจริงๆ”
ไอ้กวิ้นจำต้องไปนั่งเบาะหน้าเคียงข้างพี่สมัย โดยที่น้องชายหัวเกรียนของเจ้าของรถนั้นกระดี๊กระด๊านั่งเคียงข้างคนรูปหล่อที่เบาะหลัง
พอทุกคนขึ้นนั่งประจำที่ พี่สมัยก็ออกรถ ไอ้กวิ้นนั่งเงียบ ตามองตรง ในขณะที่ไอ้เหมอก็ชวนชนะคุยไม่หยุดจนไม่ได้สังเกตว่าระหว่างไอ้กวิ้นกับพี่ชายของมันนั้น มีบรรยากาศที่น่าอึดอัดมากแค่ไหน
“น้องเหมอ เลือกร้านเลยนะครับ พี่จะพาไปฉลองวันเกิด”
“แล้วคุณหญิงแม่กับท่านบิดาอ่ะ”
“จะตามไปทีหลังครับ ถ้าน้องเหมอเลือกร้านได้แล้ว เราค่อยโทรไปบอกพวกท่าน”
“คุณหญิงแม่หายโกรธเหมอรึยังพี่หมัย” ไอ้เหมอทำเสียงอ่อย “ไม่ใช่ว่าเจอหน้าแล้วจะตีเหมอนะ”
“ไม่ตีหรอกครับ วันนี้เป็นวันเกิดน้องเหมอ พี่ไม่ให้ใครมาทำอะไรน้องน้อยของพี่หรอก”
ไอ้กวิ้นแอบเบ้ปาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ทนฟังคำว่าน้องน้อยไม่ได้ทุกที เพราะไอ้เหมอมันยิ่งห่างไกลจากความเป็นน้องน้อยมากกว่าตอนที่มันเรียนเตรียมทหารเสียอีก
“งั้น... นะอยากกินอะไรอ่ะ”
“ผมกินอะไรก็ได้ เหมอถามไอ้กวิ้นดูดีกว่า มันกินยาก”
“มึงนี่ไม่กินยากเลยไอ้หล่อ” ไอ้กวิ้นอดแขวะไม่ได้ “ผักนั่นก็ไม่กิน ผักนี่ก็ไม่กิน แถมยังมาแย่งข้าวกล่องกูกินประจำ”
“ก็กับข้าวบ้านมึงอร่อย พี่แต้วเขาก็ทำเผื่อมาให้กูด้วย ไม่กินก็คงเสียน้ำใจ”
“จิ๊ งั้นไปกินชาบู”
ไอ้เหมอรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ถือว่ามึงรู้ใจกูไอ้กวิ้น กูอยากกินอยู่พอดี พี่หมัย ไปกินชาบูกันนะ”
“ครับ”
ไอ้กวิ้นเผลอสบตากับพี่สมัยแล้วก็เบือนหน้าหนี อีกฝ่ายทำหน้าหงุดหงิดใส่มัน ราวกับว่ามันมานั่งผิดที่ผิดทาง ไอ้กวิ้นก็อยากจะบอกไปเหลือเกินว่ามันก็ไม่ได้อยากจะนั่งตรงนี้นักหรอก แต่เพราะไอ้เหมอเพื่อนซี้มันอยากนั่งกับผู้ชายที่มันแอบรัก ไอ้กวิ้นถึงต้องมานั่งกับผู้ชายที่หักอกมันอย่างนี้ไงล่ะ เป็นไปได้...ใครมันจะอยากมาอยู่ใกล้คนที่ทำให้เจ็บวะ เพราะยิ่งเห็น...ก็ยิ่งเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มตำตลอดเวลา
ครืด...ครืด...ครืด...
‘สมายด์’
ไอ้กวิ้นเกร็งตัวขึ้น มันแค่เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของพี่สมัยที่กำลังสั่นอยู่บนที่วางมือถือในรถเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะมองเลยจริงๆ
“ว่าไงเหม่ง อืม กำลังพาน้องเหมอไปที่ร้าน อ้าว...มาไม่ได้แล้วเหรอ โอเค ยังไงก็โทรมาละกัน จะไปรับ เออน่า กลับคนเดียวได้ไง เป็นห่วงไม่รู้ไงวะ เออ ไม่ต้องดื้อ ครับ เค้กเหรอ กินเยอะอ้วนเป็นหมูนะ อืม ไว้ซื้อไปให้ เอาไรอีกไหมคุณนาย หึหึ ครับๆ รู้ละ อย่าลืมโทรมาด้วยล่ะ อืม เออ คิดถึง แค่นี้แหละ พูดมาก”
พี่สมัยวางสายแล้ว โทรศัพท์มือถือก็ถูกวางกลับที่เดิม ในขณะที่ไอ้กวิ้นได้แค่นั่งตัวแข็งทื่อ ผินใบหน้าออกด้านข้าง
ได้ยินชัดทุกคำจนนึกอยากให้ตัวเองหูหนวก ได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขเวลาคุยกับคนสำคัญจนนึกอยากให้ตัวเองตาบอด
ไม่ได้อยากมีใครที่เขาพูดในตอนนั้น...มันคงเป็นแค่คำโกหก ที่ไอ้กวิ้นก็หาคำตอบไม่ได้...ว่าจะโกหกกันไปเพื่ออะไร ไหนๆ ก็ไม่รับความรักจากมันอยู่แล้ว
กลับบ้านไปคืนนี้...อาจจะต้องนอนร้องไห้ไปยันสว่างก็เป็นได้ ไม่น่ามาเลยจริงๆ แต่เพราะเป็นวันเกิดของไอ้เหมอเพื่อนรัก... เจ็บเพราะพี่ชายของมันมากแค่ไหน ไอ้กวิ้นก็ต้องยิ้มสู้แล้วบอกกับตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร’
“พี่หมัย คุณหญิงแม่โทรมาเหรอ” ไอ้เหมอคงไม่ได้ยินที่พี่ชายมันคุยโทรศัพท์ถึงได้ถามคำถามโง่ๆ อย่างนี้ ไอ้กวิ้นมองเพื่อนหัวเกรียนของมันอย่างหมั่นไส้ เพราะพออยู่กับไอ้นะทีไร ไอ้เหมอไม่สนใจอะไรอย่างอื่นรอบตัวเลยจริงๆ ตอนนี้พวกมันก็ใส่หูฟังคนละข้าง ฟังเพลงกันอยู่สองคน ปล่อยไอ้กวิ้นนั่งเป็นนกบื้ออยู่กับพี่ชายของมัน
“เปล่าครับ”
ได้ยินคำตอบจากพี่ชาย ไอ้เหมอมันก็ไม่สนใจอะไรอีก มันหันกลับไปชักชวนชนะของมันดูวิดีโอในยูทูปกันต่อ ในขณะที่ไอ้กวิ้นอยากหายไปจากที่ที่มันนั่งเสียเหลือเกิน เพราะที่นั่งตรงนี้ไม่ใช่ของมัน ...พื้นที่ตรงนี้...เว้นที่ไว้ให้คนสำคัญของเขา คนสำคัญที่คงทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มอย่างมีความสุขได้ ไม่เหมือนไอ้กวิ้น...ที่ทำได้แค่มองใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขาเท่านั้น..
....................................................................TBC...............................................................
อย่าเบื่อกันเลยนะคนดี นกบื้อมันก็บินหนีไปไกลๆ ไม่ได้ ได้แต่เดินเตาะแตะหนีเท่านั้น คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ามันจะหนีพ้นความเจ็บปวดไปได้
ขอโทษที่เมื่อคืนไม่ได้มานะคะ พอดีว่างานเข้า ฮาา