ไอ้กวิ้นตัดการติดต่อจากพี่ชายของไอ้เหมอตั้งแต่วันนั้น มันหันกลับมาให้เวลากับตัวเองเต็มที่ เข้าทำกิจกรรมชมรมของโรงเรียนเพื่อไม่ให้มีเวลาว่าง ชมรมว่ายน้ำกับชมรมบาสเป็นเป้าหมายของคนร่างสูงเก้งก้างอย่างมัน แต่เพราะพ่อไม่อยากให้เล่นกีฬาที่ต้องปะทะกับคู่แข่ง กลัวจะเกิดอันตรายต่อลูกกวิ้นสุดที่รัก ไอ้กวิ้นมันจึงเลือกจะเข้าชมรมว่ายน้ำ พ่อกับแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ หาครูฝึกสอนมาให้ถึงบ้าน ด้วยเพราะนิสัยเนิร์ดที่ทำอะไรก็มักจะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นของมัน ไอ้กวิ้นจึงตั้งอกตั้งใจฝึกฝนจนได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน มันเลิกใส่แว่นตาที่ทำให้หน้ามันเหมือนนกฮูก เริ่มสนใจการแต่งตัวและหน้าตาของตัวเอง มันเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนรสนิยมการแต่งกาย จากไอ้แว่นโอตาคุจึงเปลี่ยนมาเป็นนักกีฬาของโรงเรียนที่มีแต่สาวๆ เมียงมอง มันเริ่มมีกล้ามแขนกล้ามท้อง แต่ก็คงไม่ฟิตปั๋งล่ำบึ้กเหมือนอย่างไอ้เหมอที่นานๆ จะกลับมาหามันสักที
"ไอ้กวิ้น มึงจะเลิกแชทได้รึยัง แม่งเอ้ย กูกลับมาทั้งที เอาแต่แชทกับแฟน" ไอ้เหมอถีบขาไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ของมันหลายทีด้วยความหมั่นไส้ "หน้าตาไม่ดีเท่ากูแต่เสือกมีแฟนก่อนกู กล้ามากไอ้นกโง่"
ไอ้กวิ้นหัวเราะเยาะใส่ไอ้เหมอ "หัวเกรียนตัวดำ หน้าเป็นสิวอย่างมึงนี่พูดว่าหน้าตาดีกว่ากูได้เหรอวะ โอ้ยย ไอ้เหมอ มึงจะตบให้หัวกูหลุดเลยไหมวะ"
"ก็มึงปากดี แล้วแฟนมึงชื่อไร"
"แค่คุยกันเฉยๆ ไม่ใช่แฟนเว้ย" ไอ้กวิ้นเถียง ก่อนจะโชว์รูปในโทรศัพท์ที่ถ่ายคู่กับสาวน้อยน่ารักและบอกชื่อเสียงเรียงนามให้ไอ้เหมอเพื่อนซี้ได้รับรู้ "ชื่อแพร"
"โรงเรียนไหน"
"แถวชิดลม"
"เล่นของสูงนี่หว่า"
ไอ้กวิ้นยักคิ้วทำหน้าเหนือใส่จนโดนไอ้เหมอตบหัวเข้าให้อีกรอบ "แล้วมึงล่ะ ได้เป็นเทพีในกองร้อยรึยัง"
คำถามของไอ้กวิ้นทำให้ไอ้เหมอหัวเกรียนทำหน้าเซ็ง
"เป็นเหี้ยไร มีแต่คนเรียกกูเสือเหมอเนี่ย เอลงเอเลนไม่ได้เป็นมันละ งงหนักมากทั้งๆ ที่กูออกจะบอบบางและแสนสวยอย่างนี้"
"ถุ้ยยยยยย"
"อย่าหยาบคายกับพี่เหมอ เดี๋ยวมึงจะโดน"
ไอ้กวิ้นไม่แปลกใจกับฉายาของไอ้เกรียนตัวล่ำ จะแปลกใจมากกว่าซะอีกถ้ามีใครยกให้มันเป็นเอเลนของพวกหัวเกรียน
"แล้วมึงคุยกับแพรนานยังวะ"
"ก็หลายเดือนแล้วว่ะ คุยสนุกดี" ไอ้กวิ้นบอกตามจริง มันเริ่มคุยกับแพรตั้งแต่ขึ้นมอห้า เรื่อยมาจนถึงมอห้าเทอมสอง ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกดี แต่ไม่ได้มากมายถึงขั้นที่จะพูดได้เต็มปากว่าคบกัน เพราะลึกๆ แล้ว...หัวใจของไอ้กวิ้น ไม่มีที่ว่างเหลืออยู่เลย
"แล้วมึงจึ้กๆ เขายัง" ไอ้เหมอขยับเข้าใกล้ กระซิบถามด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
"บ้านมึงดิ กูยังเวอร์จิ้นเว้ย ความบริสุทธิ์ของกูจะเก็บไว้ให้โมริ รันเท่านั้น" ไอ้กวิ้นไม่เคยคิดบอกไอ้เหมอ...ว่าแท้จริงแล้ว คนที่มันหลงรักและอยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้...ก็คือพี่ชายของไอ้เหมอต่างหาก ไม่ใช่ โมริ รัน
"นี่มึงยังไม่เลิกคลั่งผู้หญิงไม่มีตัวตนคนนั้นอีกไงวะ น้องแพรมีให้แดกตรงหน้า เสือกจะจำศีลอยู่ได้" ไอ้เหมอทำหน้าราวกับไอ้กวิ้นพลาดโอกาสทองในชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวไอ้เกรียนเองก็ยังเวอร์จิ้นอยู่จนทุกวันนี้
"กับคนที่จีบหญิงไม่เป็น แฟนสักคนก็ยังไม่มีอย่างมึงไม่ต้องมาปากดี"
ไอ้เหมอตบหัวไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ของมันสองทีซ้อน "หัวใจกูมีรักแรก รักเดียวและจะเป็นรักสุดท้ายเว้ย"
"หนักแน่นจนเหมือนคนโง่เลยว่ะมึง เอาแต่รักคนที่หายไปอย่างนี้ ระวังเถอะ เกาะคานไปจนแก่แน่"
"อย่างน้อย...หัวใจก็ได้รักล่ะวะ หายไป...สักวันก็ต้องเจอ กูเชื่อว่าเขาเป็นเนื้อคู่กู"
"มึงเอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น"
"เพราะกูรักเขามาก แค่นี้พอไหมวะ"
"แค่มึงรักมาก ไม่ใช่ว่าเขาจะรักมึงหรอกนะเว้ยไอ้เหมอ โลกมโนของมึง...มันไม่ใช่โลกความจริง" ไอ้กวิ้นเอ่ยเตือนอย่างที่คนอย่างมันรู้ดี... รู้ว่าโลกที่เอาแต่เพ้อฝันไปเองนั้น ไม่อาจเป็นความจริงได้ และไม่อยากให้ไอ้เหมอ เพื่อนที่มันรักมากต้องมารู้สึกเจ็บปวดเหมือนอย่างมัน
"ไอ้กวิ้น มึงไม่เคยรักใคร มึงไม่เข้าใจหรอกว่ะ" ไอ้เหมอหลับตาทำหน้าเพ้อ โดยไม่ได้มองใบหน้าของเพื่อนซี้มันเลยสักนิด "ถ้ามึงได้รักใครสักคน มึงจะรู้...ว่าแค่ได้รัก ได้หวังดี ได้เห็นเขามีความสุข มันก็คุ้มค่าแล้วที่หัวใจดวงนี้ได้รู้สึก แม้ว่า...เขาอาจจะไม่ได้ตอบรับเราเลยก็ตาม"
"น้ำเน่าว่ะมึง" ไอ้กวิ้นผลักหัวไอ้เหมอ แต่หัวใจของมัน...ก็รู้สึกไม่แตกต่างจากไอ้เหมอเลย เพราะคนบางคน...ก็คุ้มค่าที่จะตกหลุมรักจริงๆ
ก๊อกๆๆๆ
แอ๊ด...
ไอ้กวิ้นรู้สึกว่าตัวมันชะงักนิ่ง และเผลอกลั้นหายใจ ราวกับรับรู้ได้เอง...ว่าคนที่เคาะประตูและเปิดเข้ามานั้นเป็นใคร
"น้องเหมอพาเพื่อนลงไปกินข้าวได้แล้วครับ คุณแม่ให้มาตาม" เสียงที่ไอ้กวิ้นไม่ได้ยินมาตลอดหลายเดือนดังขึ้น มันไม่เคยติดต่อกับพี่ชายของไอ้เหมอเลย มันบล็อคทุกช่องทางการติดต่อ และไม่เคยคิดที่จะรับรู้ความเป็นไปของพี่สมัย เวลาที่มาค้างกับไอ้เหมอก็ไม่เจอพี่ชายของมัน เพิ่งมารู้เมื่อหลายเดือนก่อนว่าพี่สมัยไปประจำการที่ต่างจังหวัด นานๆ ทีถึงจะกลับมาที่กรุงเทพ แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะต้องเจอ
"พี่หมัยกลับมาเมื่อไหร่อ่ะ ไม่เห็นบอก" ไอ้เหมอมันรีบวิ่งไปกอดพี่ชายสุดที่รักของมันทันที "คิดจะมาเซอร์ไพรส์ปะเนี่ย"
"พี่อยากกลับมาเจอน้องน้อยของพี่น่ะครับ ก็เลยขอลากลับ"
ไอ้กวิ้นมองภาพพี่ชายที่ทั้งกอดทั้งหอมน้องน้อยที่ตัวล่ำหัวเกรียนของตัวเองด้วยความรู้สึกหมั่นไส้อย่างรุนแรง ถ้าไอ้เหมอมันคือน้องน้อย ในโลกนี้ก็คงไม่มีคนตัวใหญ่ดำถึกหลงเหลืออยู่ในโลกแล้วล่ะวะ
"ไอ้กวิ้น มึงหยุดคุยกับแฟนก่อน ไอ้ห่านี่ไม่มีมารยาท ไหว้พี่กูรึยัง" ไอ้เหมอพอได้อ้อนพี่ชายตัวเองแล้วก็หันกลับมาพูดอ้อนตีนไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ทันที
ไอ้กวิ้นทำหน้ายุ่ง ยกมือไหว้พี่ชายเพื่อนอย่างเสียไม่ได้ "หวัดดีครับ"
สมัยรับไหว้ จ้องมองมา แต่ไอ้กวิ้นเบือนหน้าหนี เพราะครั้งล่าสุดที่ได้คุย จบลงด้วยความรู้สึกแย่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไอ้กวิ้นไม่อยากเป็นนกโง่เหมือนเมื่อก่อน ที่แค่ตีปีกดีใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พี่ชายของไอ้เหมอทำให้ ไม่อยากต้องหลงคิดไปเองทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดอะไรกับมัน ยอมรับ...ว่ายังลืมไม่ได้ ยอมรับว่ายังคงรักมากมาย ยอมรับว่ายังนึกถึงสิ่งดีๆ ที่เขาเคยทำให้ แต่...เพราะยอมรับ จึงไม่อาจเข้าไปใกล้ได้อีกแล้ว
"พี่หมัยอย่าไปถือสา ไอ้กวิ้นมันเป็นนกโง่ ติดคนเขาไปทั่วแหละ มันขี้เหงา" ไอ้เหมอนินทาเพื่อนในระยะเผาขน จนไอ้กวิ้นแทบจะตีปีกบินไปจิกหัวมัน
"บ้านมึงดิไอ้เหมอ"
"เออ ก็ที่นี่บ้านกูอ่ะ" ไอ้เหมอยียวนกลับ "ลงไปกินข้าวนะเว้ย มึงรีบตามไปล่ะ"
แล้วไอ้เกรียนมันก็รีบวิ่งลงบันไดไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะโดนคุณหญิงแม่ของมันตะโกนด่าแต่ไอ้เหมอไม่เคยจำได้สักทีว่าควรต้องเดินลงบันไดอย่างเงียบๆ
ไอ้กวิ้นลุกจากเตียง เดินไปที่ประตู มันจะตามลงไปบ้าง แต่มันก้าวออกไปไม่ได้ เพราะพี่ชายของไอ้เหมอยืนขวางทาง
"ขอทางด้วยครับ" ไอ้กวิ้นบอกเสียงแข็ง มันขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ
"มึงบล็อคเบอร์กูทำไม" ประโยคคำถามจากคนตรงหน้าทำให้ไอ้กวิ้นนิ่งเงียบ "ทั้งเฟซทั้งไลน์ มึงบล็อคหมด กูไปหาที่บ้าน ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ให้คนในบ้านมาโกหกว่าไม่อยู่ ออกไปทำธุระ ทั้งๆ ที่มึงหลบอยู่ในบ้าน"
"ขอทางด้วย" ไอ้กวิ้นพูดซ้ำอีกรอบ มันทำหูทวนลมไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่าย
สมัยขมวดคิ้ว มองไอ้นกบื้อด้วยสายตาดุจัด "กูไม่ให้ไป"
"ไอ้พี่หมัย!"
"วันนี้มึงต้องเคลียร์กับกูให้รู้เรื่อง"
"ไม่มีอะไรจะเคลียร์เว้ย!"
ไอ้กวิ้นเผลอขึ้นเสียง เพิ่งมาสำนึกเอาทีหลังว่าไม่ควร เพราะในบ้านไม่ได้มีแค่มันกับพี่ชายของไอ้เหมอเพียงลำพัง
"ขอโทษครับ" ไอ้กวิ้นลดเสียงลง ก่อนจะก้าวถอยหลังเมื่อสมัยสาวเท้าเข้าใกล้ ต้อนมันเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย "ไอ้พี่หมัย มึงเป็นบ้าเหรอ กูจะลงไปกินข้าว"
"เดี๋ยวนี้มึงกล้าพูดอย่างนี้กับกูเหรอวะกวิ้น!"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ ทีพี่หมัยยังไม่เคยพูดดีๆ เลยสักครั้ง"
ไอ้กวิ้นเห็นอีกฝ่ายยกมือเสยผม ท่าทางหงุดหงิดเต็มทีแล้วมันก็กลัวว่าจะโดนปิดประตูตีแมว ยิ่งตัวใหญ่ยักษ์ยืนขวางประตูไว้ มันก็หมดทางหนี
"พี่หมัย เปิดประตูเถอะ จะลงไปกินข้าว"
พี่ชายของไอ้เหมอ อ่อนข้อให้เฉพาะน้องตัวเองเท่านั้น เรื่องนี้ไอ้กวิ้นรู้ดี จึงต้องยอมอ่อนข้อให้ก่อน เพราะให้สาดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
"จนกว่ามึงจะให้เหตุผล กูถึงจะเปิดประตูให้"
ไอ้กวิ้นเม้มริมฝีปาก มองพี่ชายเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ "ต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว พี่หมัยจะกลับมาพูดอย่างนี้อีกทำไม"
"นั่นเพราะกูไม่เข้าใจว่ากูทำอะไรผิด มึงเป็นน้องที่กูรัก แต่อยู่ๆ มาทำเหมือนเกลียดกัน มึงคิดว่ากูควรสบายใจใช่ไหม"
ไอ้กวิ้นแสยะยิ้ม ยักคิ้วยียวน "ก็นึกว่าจะสบายใจซะอีก"
"ไอ้กวิ้น!"
"พี่หมัยไม่ต้องเสียงดังหรอก บอกแล้วนะว่าไม่ได้โง่" ไอ้กวิ้นก้าวเข้าหาพี่ชายของไอ้เหมออย่างไม่เกรงกลัว "ถ้าพี่จะถามหาเหตุผลจากผม พี่ก็ควรบอกมาก่อน ว่าที่ผ่านมา...พี่รู้สึกยังไงกับผมกันแน่"
คำถามของไอ้กวิ้นไม่ได้รับคำตอบ ไอ้นกบื้อมันจึงทำแค่หัวเราะเสียงแห้ง ปีนเกลียวตบไหล่คนที่อายุมากกว่ามันเกือบสิบปีเบาๆ "ผมรู้ว่าพี่รำคาญผมมากนะพี่หมัย เพราะบางครั้งผมก็วุ่นวายกับพี่มากไป ล้ำเส้น...และหวงพี่มากไป แต่พี่บอกผมตรงๆ ก็ได้ ลำบากไหม...กับการที่จะต้องปิดทุกอย่างไม่ให้ผมรู้ ตอนที่พี่หายไป ผมก็เอาแต่เป็นห่วง ติดต่อพี่ไม่ได้สักทาง เฟซไม่ออน ไลน์ไม่ตอบ โทรหาก็มีแต่เสียงสัญญานที่บอกให้รู้ว่าติดต่อไม่ได้ แต่ผมมารู้เอาทีหลังว่ามันไม่ใช่ บอกตรงๆ ว่ามันโคตรเจ็บเลยว่ะพี่"
ไม่อยากที่จะต้องรื้อฟื้นขึ้นมาอีก ทั้งๆ ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะบรรเทาความเจ็บลงได้ แต่เมื่อพี่สมัยมายืนอยู่ตรงหน้า...ไอ้กวิ้นก็พบว่า... เวลาไม่ได้ช่วยอะไร เวลา...ไม่ได้ทำให้หัวใจของมันแข็งแรงเลยสักนิด
"ขอโทษ" คำขอโทษจากคนตรงหน้า ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ทั้งๆ ที่คิด...ว่าคงไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้อีกแล้ว แต่ไอ้กวิ้นก็ทรนงตนมากไป เพราะมันยังคงเป็นแค่นกโง่...ที่เดินเตาะแตะไม่พ้นวังวนความปวดร้าวเสียที
ก๊อกๆๆๆๆ
"ไอ้กวิ้นนนน มึงจะแดกข้าวไหมมม ไม่แดกกูจะเก็บโต๊ะแล้วนะเว้ย เหี้ยนี่ล็อคห้องทำไมวะ" เสียงไอ้หัวเกรียนตัวดำทุบประตูเมื่อรู้ว่าถูกล็อคไว้ "ไอ้กวิ้นนน เปิดประตูดิวะ แม่งแอบว่าวในห้องกูเหรอออออ คุยกับแฟนแล้วเงี่ยนสิท่า"
"ไอ้เหี้ยเหมอ ความคิดมึงนี่เสื่อมจริงๆ" ไอ้กวิ้นตะโกนตอบกลับไปหูแดงก่ำ มันมองเมินพี่ชายเพื่อน ก่อนจะเดินไปที่ประตู เกือบปลดล็อค แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ควร เพราะพี่ชายของไอ้เกรียนมันยังอยู่ในห้อง ไม่อยากให้ไอ้เหมอมันคิดว่าไอ้กวิ้นแอบมาทำอะไรกับพี่ชายของมันในที่ลับตาคนแบบนี้ "มึงเก็บโต๊ะเลย ขอกูว่าวต่อแป๊บ"
"ไอ้แสรดดดด อย่าให้เลอะเตียงกูนะมึง เดี๋ยวให้พี่เจ้ยทำแซนวิชขึ้นมาให้ละกัน แต่เพลาๆ มือนะเว้ย หนอนมึงยิ่งเล็กอยู่ ทำแรงแล้วหลุดติดมือไม่รู้ด้วย"
"กูจะเลิกเป็นเพื่อนกับมึงก็เพราะปากแบบนี้แหละไอ้ห่า กวนตีน"
ไอ้เหมอหัวเราะเอิ้กอ้ากแล้วรีบวิ่งลงบันไดไป ไอ้กวิ้นมันจึงเดินกลับมาหาพี่ชายของไอ้เหมอตามเดิม "พี่รีบออกจากห้องไปก่อนไอ้เหมอมันจะกลับมาดีกว่า"
แต่พี่สมัยไม่ทำตาม กลับดึงมือไอ้กวิ้นไปกุมไว้ "กวิ้น"
"ไร"
"กูขอโทษ"
ไอ้กวิ้นยักคิ้ว ใบหน้ามันเรียบเฉย "ไม่ได้โกรธแล้ว ผมลบเรื่องของพี่ออกจากสมองไปนานละ รีบๆ ออกจากห้องไปเถอะ ก่อนไอ้เหมอมันจะคิดทะลึ่งว่าพี่กับผมมาทำเรื่องสัปดนในห้องมัน"
"กูมาพูดเอาตอนนี้ก็เหมือนแก้ตัว แต่กูไม่ได้ปิดเพราะรำคาญ ไม่เคยมีสักครั้งที่กูคิดว่ามึงน่ารำคาญ"
"แล้วมันเพราะอะไร"
ไอ้กวิ้นสบตากับพี่สมัย แววตาจริงจังที่ไม่ได้โกหกทำให้หัวใจมันสั่นไหว จนมันต้องรีบตัดบท "ช่างเถอะ ผมไม่อยากรู้หรอก"
เพราะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์...รู้...ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้... ต่อให้รู้ยังไง... มันก็เป็นได้แค่น้องชายเท่านั้น
*************************
หลังจากวันนั้น ไอ้กวิ้นก็ยังคงใช้ชีวิตของมันไปตามปกติ เรียนและทำกิจกรรมเป็นบ้าเป็นหลัง กับคนที่คุยด้วยก็ไปเที่ยวกันบ้าง แต่นานๆ ครั้งถึงจะเจอกันสักที และเมื่อผ่านพ้นการสอบกลางภาคของมอห้าเทอมสอง ไอ้กวิ้นก็ต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างเพราะคะแนนกลางภาคของมันแทบจะดิ่งลงเหว สุดท้ายพ่อกับแม่ก็บอกให้มันไปเรียนพิเศษ แต่ไอ้นกบื้อมันดื้อ ให้ไปเรียนก็ไปยืนอ่านหนังสือการ์ตูนฆ่าเวลาในร้านหนังสือเสียอย่างนั้น คุณแม่ที่แสนใจดีของมันจึงให้เลิกเรียนแล้วบอกจะหาครูสอนพิเศษมาสอนที่บ้านแทน และนั่น...จึงเป็นเหตุให้หัวใจของไอ้กวิ้นกลับมาทำงานหนักอีกครั้ง
"ทำไมเป็นพี่วะ เงินเดือนทหารมันไม่พอกินรึไง" ไอ้กวิ้นหน้าบึ้งตึง เมื่อมันกลับจากโรงเรียนแล้วเห็นครูสอนพิเศษที่แม่บอกจะหามาให้นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น
"น้องกวิ้น ทำไมพูดกับพี่หมัยแบบนั้นล่ะคะลูก ไม่เอานะคะ ไม่ดีเลย เราเป็นเด็ก" คุณแม่ผู้อ่อนหวานของไอ้กวิ้นท้วงด้วยสีหน้าไม่สบายใจ "ไหว้พี่หมัยก่อนค่ะ"
ไอ้กวิ้นยกมือไหว้อย่างไม่เต็มใจ "แม่ ไหนแม่บอกจะหาครูเก่งๆ มาสอนไง"
"ก็นี่ไงคะ เก่งแล้ว ตอนพี่หมัยติวให้น้องกวิ้น น้องกวิ้นก็บอกแม่ว่าเข้าใจง่าย แถมเกรดก็ดี เคยสอนน้องกวิ้นมาแล้วด้วย น่าจะรู้ว่าน้องกวิ้นอ่อนตรงไหน" คุณแม่พูดช้าๆ เนิบๆ ตามสไตล์ผู้หญิงใจเย็น แต่ไอ้นกบื้อมันตีปีกพั่บๆ เตรียมจะโวยวายอย่างเด็กที่ถูกขัดใจ “กวิ้นไม่เรียน กวิ้นอ่านเองได้”
"ตรงนี้ให้ผมจัดการเองครับคุณแม่" สมัยบอกพลางตวัดสายตาดุมองไอ้นกบื้อที่ตอนนี้กำลังพยศยิ่งกว่าม้า
"ขอบใจจ้า งั้นแม่ไปดูงานในครัวก่อนนะ"
"เชิญเลยครับ"
"น้องกวิ้น อย่าดื้อนะลูก"
ไอ้กวิ้นหน้ายุ่ง มันสะบัดหน้าแล้วหันหลังเดินออกจากห้องนั่งเล่น ก้าวขาขึ้นบันได แต่พี่ชายของไอ้เหมอก็ยังเดินตามมันมาติดๆ
"ไอ้พี่หมัย จะตามไปถึงไหน"
"กูรับเงินมาแล้ว ยังไงก็ต้องติวให้มึง"
"เอาไปคืนดิ"
"กูใช้ไปแล้ว"
ไอ้กวิ้นอยากจะยกเท้ายันโครมให้พี่ชายไอ้เหมอตกบันไดนัก แต่ก็กลัวว่าทำไปแล้วไอ้เหมอมันจะตามมาฆ่าล้างตระกูลจึงยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
"แม่ง เวรกรรมอะไรของกูวะ" ไอ้กวิ้นบ่นเบาๆ มันกระแทกเท้าตึงตังขึ้นบันไดไปจนถึงห้อง เปิดประตูแล้วตวัดเสียงห้วนใส่คนที่เดินตามหลัง "เข้ามา"
สมัยยิ้มขำกับท่าทางของไอ้กวิ้น "มึงนี่เมื่อไหร่จะโต"
"โตแล้วเว้ย"
"โตแล้วก็ต้องรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แล้วน้ำเสียงแบบนี้เหรอที่มึงใช้คุยกับผู้ใหญ่" สมัยมองอย่างตำหนิ แต่ไอ้กวิ้นมันลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทจนน่าตี
"จะใช้เสียงยังไงก็เรื่องของผมไหม"
"นี่มึงอยู่ในวัยต่อต้านรึไงวะ"
สมัยส่ายหน้าอย่างระอา แย่งรีโมทแอร์มาจากไอ้นกเขตหนาวที่ชอบเปิดแอร์จำลองอุณหภูมิราวกับอยู่ขั้วโลกเหนือ
"ไอ้พี่หมัย เอารีโมทมา" ไอ้กวิ้นแยกเขี้ยว จากนกขาสั้นกำลังจะกลายร่างเป็นหมา
"ค่าไฟบ้านมึงเดือนละเป็นหมื่น ช่วยพ่อแม่ประหยัดบ้าง"
"ไม่จำเป็นอ่ะ พ่อรวย"
ปึก!
รีโมทแอร์เคาะลงบนหัวไอ้นกโง่แต่พ่อรวยอย่างแรง จนมันยกมือขึ้นกุมหัวน้ำตาเล็ด
“ไอ้พี่หมัย เจ็บนะเว้ยไอ้บ้า”
"ปล่อยให้ห่างหูห่างตาหน่อย นิสัยแย่ๆ กลับมาอีกแล้วเหรอวะ"
ไอ้กวิ้นมองค้อน เบะปากใส่ จึงโดนมือของพี่ชายไอ้เหมอดึงเข้าให้ "อื้ออออออออออออออออออ อ่อยยยยย"
"ต่อไปถ้าทำหน้าแบบนี้ใส่กูอีก พ่อจะดึงให้หลุดเลยเอาสิ"
"ไอ้อำแอ้ว" (ไม่ทำแล้ว)
"ดี"
พอถูกปล่อยเป็นอิสระ ไอ้กวิ้นก็รีบขยับออกห่างทันที มันหน้าบึ้งตึง ถอดถุงเท้าออกแล้วปาไปมุมห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา กระดิกเท้าอย่างสบายใจ
“จะสอนอะไรก็รีบสอน มีหนังสือการ์ตูนต้องรีบอ่านให้จบอีก รับเงินไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ ต้องเรียนเพื่อไม่ให้แม่เสียเงินไปฟรีๆ ละกัน”
"ไอ้เด็กนี่" สมัยขึงตามอง "ไปเก็บเดี๋ยวนี้"
"ถุงเท้าเหรอ เดี๋ยวพี่แต้วก็มาเก็บ"
"อะไรที่ทำเองได้ก็ต้องทำ มึงนี่มันเคยตัว ถ้าไม่มีพี่แต้ว แล้วใครจะทำให้"
ไอ้กวิ้นตีปีกพั่บๆ ดิ้นเร่าเพราะถูกจับข้อเท้า ลากลงโซฟา โชคดีที่พื้นเป็นพื้นพรม และโซฟาก็ไม่ได้สูงมาก ไม่งั้นไอ้กวิ้นคงได้เป็นนกหลังหัก
"ไอ้พี่หมัยจะอะไรหนักหนา ไม่มีพี่แต้วเดี๋ยวแม่ก็หาแม่บ้านคนใหม่มาเองแหละ แม่ง อะไรของพี่วะ"
"บอกกูว่าโตแล้ว แต่มึงยังคิดไม่ได้เลยสักเรื่อง คนที่โตแล้วคือคนที่ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่โตแต่ตัวแต่สมองยังเหมือนเด็กอนุบาลแบบนี้"
ไอ้กวิ้นเม้มริมฝีปาก มันกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ "เรื่องของกู"
เพียะ!
น่องขาวๆ ของไอ้กวิ้นถูกฟาดโดยแรง ใบหน้าของพี่ชายเพื่อนก็ดุจัดจนไอ้กวิ้นได้แค่มองด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะไหลอาบแก้มเมื่อถูกตะคอก
"ปากดีใส่กูอีกดิ๊ พ่อจะตีให้น่องแตก"
"ฮึก..."
"ห้ามร้อง" ใบหน้าของสมัยยังคงกระด้าง น้ำเสียงก็เยียบเย็น "มึงดื้อ ก็ต้องโดนทำโทษบ้าง พ่อแม่ไม่กล้าตี พี่เลี้ยงไม่กล้าว่า นิสัยก็เลยเสียแบบนี้"
"แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรมาตี มีสิทธิ์อะไรมาตะคอก พ่อแม่ยังไม่เคยทำเลยนะ" ไอ้นกบื้อเสียงสั่น มันเบนหน้าหลบมือใหญ่ที่กำลังจะเช็ดน้ำตาให้แต่ก็หลบไม่พ้น มันไม่เคยถูกตี พ่อแม่ก็ไม่เคยตะคอก ไม่เคยดุด่า ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง ไอ้กวิ้นเป็นลูกรัก เป็นลูกคนเดียวที่ได้ทุกอย่างที่มันต้องการ แต่กับผู้ชายตรงหน้า ไม่เคยให้ในสิ่งที่มันต้องการเลยสักครั้ง ทั้งยังมาตะคอกมาตีกัน ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะไม่ให้ไอ้กวิ้นบ่อน้ำตาแตกได้อย่างไร
"สิทธิ์ของคนที่หวังดีกับมึง" น้ำเสียงที่เคยแข็งกร้าว อ่อนลงจนคนฟังหวั่นไหว "กูเป็นห่วง ไม่ห่วงไม่ดุไม่ด่าแบบนี้หรอก อย่าดื้อเลยเพนกวิ้น"
กี่ครั้งแล้ว...ที่มันหวั่นไหวเพราะผู้ชายคนนี้ กี่ครั้งแล้วที่ไม่จำว่าเจ็บเพราะเขามากขนาดไหน...
“อย่าดื้อเลยนะ”
ไอ้กวิ้นเผลอพยักหน้า ทั้งๆ ที่มันก็ยังไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากผู้ชายแข็งทื่อ ไม่มีความโรแมนติกอย่างพี่ชายของไอ้เหมอ
"ต่อจากนี้มาคุยกันดีๆ ได้ไหม มึงบอกไม่โกรธ แต่ก็ยังบล็อคกูทุกทาง บอกว่าลบเรื่องของกูออกจากสมองแล้ว แต่ก็ยังใช้น้ำเสียงเหมือนมีเรื่องขุ่นข้องใจกันแบบนี้ กวิ้น เป็นแบบนี้มันดีแล้วเหรอวะ"
ไอ้กวิ้นหลบสายตาที่จ้องมองมา ไม่ว่าอย่างไรก็ให้คำตอบกลับไปไม่ได้ มันไม่โกรธแล้วก็จริง...แต่ก็ยังเสียใจ บอกว่าลบเรื่องของอีกฝ่ายออกจากสมองแล้วก็คงใช่... แต่หัวใจของมัน...กลับลบความรู้สึกที่มีให้คนตรงหน้าไม่ได้เลย แล้วจะให้...กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไรกัน
รู้...ว่าหนีไปตลอดไม่ได้ แต่ถ้าให้กลับไปตอนนี้...มันก็อาจจะหนีไม่ได้อีกเลย
.............................................................TBC...........................................................
เรื่อง นตท. ยืนยันว่ารุ่นของน้องเหมอ น้องใช้วุฒิมอสามเข้านะคะ ดังที่ชี้แจงไปในคอมเม้น