ตอนที่ 2‘มึง...จะไปเรียนเตรียมทหารจริงเหรอวะ’
ไอ้กวิ้นใจแป้ว จำได้ว่าตอนนั้นมันซึมไปพักใหญ่ เพราะเพิ่งมารู้ว่าไอ้เหมอเพื่อนซี้เพียงคนเดียวจะต้องไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารที่ต่างจังหวัด มันเพิ่งมาบอกเอาตอนมอสามเทอมสอง บอกหลังสอบกลางภาคเสร็จ
‘เออดิ ท่านบิดากูบังคับ ไม่อยากไปก็ต้องไป แต่จะสอบได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ดูอีกที’
ไอ้กวิ้นรู้ว่าคนเก่งๆ อย่างไอ้เหมอ ไม่มีทางที่จะสอบไม่ติด หัวสมองเป็นเลิศ สมรรถภาพทางร่างกายก็พร้อม จากมอหนึ่งจนถึงมอสาม ไอ้เหมอตัวล่ำขึ้นมาก และผิวก็คล้ำยิ่งกว่าเดิม ผิดกับไอ้กวิ้นที่ยังคงผอมกะหร่องและขาวซีดอย่างคนที่มักจะเก็บตัวอยู่ในห้องมากกว่าออกกำลังกายกลางแจ้ง
ไอ้เหมอบอกว่าทุกเช้า ท่านบิดาของมันจะเคี่ยวเข็ญให้ตื่นไปวิ่งรอบหมู่บ้านสองห้ารอบ ดันพื้นอีกสามสิบครั้ง แล้วลงว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของบ้านอีกสองรอบเป็นอย่างต่ำ รูปร่างของไอ้เหมอจึงล่ำบึ้กเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวโรงเรียนข้างเคียง ยิ่งด้วยเรียนชายล้วนกางเกงดำด้วยแล้วยิ่งเป็นที่ปรารถนาของสาวๆ ในขณะที่ไอ้กวิ้นนั้นยังคงเป็นไอ้แว่นหัวโตที่ไม่มีใครมอง
‘กลัวสอบไม่ติดก็ให้พี่หมัยติวให้ดิ’
ไอ้กวิ้นบอกพลางเหลือบมองไอ้เหมอที่คงไม่ได้สังเกตว่าไอ้กวิ้นนั้นแอบถามถึงพี่ชายมันอย่างเนียนๆ
‘ไม่ได้หรอกว่ะ พี่หมัยเรียนปีสุดท้ายแล้ว ไม่ว่างหรอก ไม่กลับบ้านมาหลายเดือนแล้วด้วย กูเลยโดนคุณหญิงแม่จิกหัวใช้อยู่คนเดียว เซ็ง’
‘พี่หมัยไม่โทรหาเลยเหรอ’
‘อือ แต่ช่างเถอะ ศุกร์นี้มีงานวัด กูจะไปต่อยมวย มึงก็ต้องไปกับกูด้วยไอ้กวิ้น กูจะต้องไปเกาหลีก่อนเรียนจบให้ได้อ่ะ’
ไอ้กวิ้นพยักหน้าเซื่องๆ มันไม่เคยขัดใจไอ้เหมออยู่แล้ว ถูกไอ้เหมอสั่งให้ทำอะไรมันก็ทำตามไม่มีขัด ถึงจะโวยวายอยู่บ้าง แต่ไอ้เหมอก็เป็นเพื่อนคนแรกที่มันรักมาก และยังเป็นน้องชายของคนที่มันชอบอีกด้วย ไอ้กวิ้นจึงไม่เคยขัดใจ มันมักจะตามไอ้เหมอต้อยๆ ไอ้เหมอทำอะไรไอ้กวิ้นก็ทำด้วยอย่างเต็มใจ
‘ไอ้เหมอ แล้วถ้าพี่หมัยเรียนจบ ก็ติดยศเลยใช่ปะ’
‘ใช่ แล้วก็คงได้อยู่สังกัดเดียวกับท่านบิดาแหละ ตาลุงนั่นไม่ปล่อยพี่หมัยหรอก เลือกทุกอย่างในชีวิตให้ไม่เว้นแม้กระทั่งเมียอ่ะ เชื่อกูเถอะ’
‘น่าสงสารพี่หมัยเนอะ’
‘ไม่อ่ะ ถ้าพี่หมัยไม่โดนก็ซวยกูดิ’
‘มึงมันเป็นน้องที่ชั่วมากไอ้เหมอ พี่หมัยโคตรรักมึงอ่ะ เสียสละให้หลายอย่างเลย!’
‘แล้วไงอ่ะ พี่หมัยอยากเกิดก่อนทำไมล่ะ’
‘พี่หมัยไม่น่ามีน้องอย่างมึงอ้ะ!’
ไอ้กวิ้นเดือดดาลขึ้นมา และคงตั้งแต่วันนั้นที่มันมักจะเป็นนกคอยจิกกัดไอ้เหมออยู่ร่ำไป
‘อะไรว้า โกรธกูทำไมเนี่ย ไปๆ ไปซื้อโค้กมาถวายกูได้ละ’
‘เก่งแต่จิกหัวใช้กูไอ้สัดเหมอ’
‘มึงจะไปดีๆ หรือจะไปด้วยน้ำตาไอ้กวิ้น’
‘เกลียดมึงงงงง’
ไอ้กวิ้นเป็นนกที่มักจะถูกรังแก ก่อนมีไอ้เหมอเป็นเพื่อนก็เป็นเป้าหมายของเด็กเกเรรุมแกล้งเพราะมันอ่อนแอไม่สู้คน พอมารู้จักกับไอ้เหมอ ไม่มีใครกล้ารังแกมัน เพราะถ้ามีใครยื่นขาหน้ามาสะกิด ไอ้เหมอก็ซัดจนหมอบไม่กล้ามาแกล้งไอ้กวิ้นอีก แต่กลับเป็นไอ้เหมอเสียเองที่แกล้งไอ้กวิ้นอยู่ได้ทุกวี่วัน มันสารภาพว่าวันไหนไม่ได้แกล้งไอ้กวิ้น วันนั้นมันจะนอนไม่หลับ ไอ้กวิ้นจึงได้แต่สาปแช่งไอ้เหมออยู่ในใจ
ถึงอย่างนั้น วันเวลาที่ได้อยู่กับไอ้เหมอตลอดสามปีก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของไอ้กวิ้น แม้ว่าปลายเทอมสองของชั้นมอสามมันจะหงอยหนัก ด้วยเพราะต้องจากไอ้เหมอและคิดถึงพี่สมัยที่หายหน้าหายตาไปนานหลายเดือน มันอดทนรอการติดต่อจากพี่ชายไอ้เหมอ แต่ก็ไร้วี่แวว ข้อความที่ได้คุยกันครั้งล่าสุดก็คือเมื่อหลายเดือนก่อน เฟซบุ๊คก็ไม่มีการอัพเดท แต่ไอ้กวิ้นก็ยังคงรอ รอพี่สมัยที่หายไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย
จวบจนไอ้เหมอกับไอ้กวิ้นจบมอสาม ไอ้เหมอสอบเข้าเตรียมทหารได้อย่างที่พ่อของมันหวัง และก็เป็นปีที่พี่สมัยของไอ้เหมอจบการศึกษาและได้รับการติดยศเป็นร้อยตรี
ไอ้กวิ้นอยู่ร่วมแสดงความยินดีกับไอ้เหมอด้วย แต่กับพี่สมัยนั้น...มันรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้า มันไม่รู้จะต้องเริ่มพูดคุยยังไงกับคนที่หายไปไม่บอกไม่กล่าว ไม่รู้จะต่อบทสนทนาที่ค้างไว้เมื่อหลายเดือนก่อนอย่างไร แต่มันก็ตัดสินใจทักทายอีกฝ่ายไปก่อน เหมือนอย่างเช่นที่มันเคยทำทุกครั้ง
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย กวิ้นเองนะ
สมัยพี่ชายน้องเสมอ: ว่าไง?
คำตอบกลับที่ดูห่างเหินของพี่สมัยทำเอาไอ้กวิ้นถึงกับไปไม่เป็น มันไม่รู้จะต้องตอบอะไรกลับไป จึงค้างบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังไปรบกวนเวลาของอีกฝ่าย
ไอ้กวิ้นถอนหายใจ นอนมองเพดานห้องที่เต็มไปด้วยดาวเดือนเรืองแสงอย่างใจลอย มันกำลังคิด...ว่าเวลาหลายเดือนที่ได้พูดคุย ได้ทำความรู้จักกันนั้น ไม่มีค่าให้พี่สมัยคิดถึงมันเลยหรือ
ติ้ง!
Only Summer: ไอ้กวิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ไปเกาหลีกันนนนนนน!!
ไอ้กวิ้นถึงกับขมวดคิ้ว ความคิดของมันถูกดึงกลับเข้าร่างเมื่อได้อ่านแชทจากไอ้เหมอ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: เดี๋ยวๆ รางวัลต่อยมวยที่งานวัดได้แค่สองพัน แล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนไป!
Only Summer: พี่หมัยออกให้ ท่านบิดาเพิ่งให้ทรัพย์สมบัติกับเสด็จพี่เพราะเรียนจบได้ตามที่หวัง ตอนนี้พี่หมัยรวยแล้ว เป็น ATM ให้กูได้ วะฮ่าๆๆ
ไอ้กวิ้นถึงกับหลุดหัวเราะ พี่สมัยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงสปอยล์ไอ้เหมออย่างหนัก แต่ทำไมกับมัน ถึงรู้สึกว่าไม่เหมือนเดิม...หรือเพราะมันคาดหวังกับพี่สมัยมากไป... คาดหวังว่าจะมีคำอธิบาย คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะคิดถึงกันเหมือนที่มันคิด... คาดหวังว่าจะได้รับการทักทายจากคนที่จู่ๆ ก็หายไปและจู่ๆ ก็กลับมา คาดหวัง...แต่ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่หวังเลย
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: คือกูก็อยากไปนะเว้ย แต่กูไม่มีตังค์หรอก
Only Summer: เอ้า ทำไมอ่ะ มึงต้องไปกับกูนะเว้ยกวิ้น คุณหญิงแม่กูไม่ให้กูไปคนเดียวอ้ะ
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: แต่กูไม่มีตังค์ไอ้สัดเหมอ มึงเข้าใจไหมเนี่ย
Only Summer: มึงต้องมี บ้านมึงก็รวย พ่อมึงเป็นผู้จัดการธนาคาร บอกพ่อมึงปล้นแบงค์มา
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ไอ้เหี้ยเหมอ จะพาพ่อกูติดคุกไงวะ แสรดดด
Only Summer: เกลียดมึงไอ้กวิ้น มึงทิ้งกู
ไอ้เหมอเป็นคนดื้อด้านและหัวรั้น ทั้งยังเป็นประเภทไม่เคยเข้าใจอะไรง่ายๆ จนไอ้กวิ้นอยากตบหัวมันให้หลุดจากบ่า ที่มันเป็นคนแบบนี้ก็ต้องโทษพี่สมัยที่ตามใจไอ้เหมอจนมันเสียคน
นกเพนกวิ้นบินไม่ได้: ไอ้เหมอ มึงงอนเหรอวะ
ไอ้กวิ้นถึงกับเกาหัวแกรก ไม่รู้จะง้อไอ้เพื่อนบ้าอย่างไร เงินไอ้กวิ้นมันก็พอมี แต่จะให้ถอนออกจากธนาคารเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินบินไปเกาหลีกับไอ้เหมอก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล พ่อของไอ้กวิ้นสอนให้รู้จักประหยัดอดออมและทำบุญอยู่เสมอ จะให้เสียเงินไปกับเรื่องไร้สาระ ก็ไม่ใช่เรื่อง ไอ้กวิ้นได้แต่คิดอย่างหนักใจ มองเมินกองฟิกเกอร์การ์ตูน แผ่นการ์ตูน หนังสือการ์ตูน เลโก้ จิ๊กซอว์ ชุดคอสเพลย์และอีกสารพัดของไร้สาระที่มันเสียเงินซื้อไปจนสิ้น
กูยังอยากได้ฟิกเกอร์คอลเลคชั่นใหม่ที่กำลังออกที่ญี่ปุ่นอยู่เลยนะเว้ยไอ้เหมอ กูเตรียมการจะบินไปต่อคิวซื้อที่โน่น จะมีเงินไปเกาหลีกับมึงได้ไงวะ!
แต่ด้วยอำนาจของไอ้เหมอ เช้าของอีกวัน ไอ้กวิ้นก็ได้รับสาย...จากผู้ชายที่มันเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดหลายเดือน ทีแรกนั้น...ไอ้กวิ้นไม่รู้จะพูดอะไรกลับไป มันรับสายแล้วก็ได้แต่เงียบ
‘กวิ้น รับสายแล้วก็พูดดิ’น้ำเสียงที่แสนคิดถึงเหมือนน้ำเย็นมาชโลมจิตใจไอ้กวิ้นให้ชุ่มฉ่ำ มันฉีกยิ้มกว้างจนพี่แต้วที่ยืนจัดหนังสือการ์ตูนให้ที่มุมห้องถึงกับส่งยิ้มล้อมาให้
‘ครับพี่หมัย’
‘มึงแปลกไปนะ เป็นไรวะ เมื่อคืนก็ทักมาแล้วไม่พูดต่อ’‘อ๋อ ก็กวิ้นทักไปเฉยๆ พอพี่หมัยถามกลับมาอย่างนั้น ก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่ได้มีธุระอะไรอ่ะ แล้วพี่หมัยมีอะไรปะ’
ไอ้กวิ้นถามกลับ น้ำเสียงมันแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความน้อยใจ ซึ่งทำเอาพี่ชายไอ้เหมอเงียบไปนานเหมือนกัน
‘ตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีกับน้องเหมอ กูออกให้ น้องเหมอจองให้มึงแล้ว’‘เฮ้ย กวิ้นยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป ไอ้เหมอเผด็จการอีกแล้ว!’
‘หึหึ เอาเถอะ ไปเที่ยว เดี๋ยวน้องเหมอเรียนเตรียมทหารก็จะไม่ได้เที่ยวเล่นด้วยกันแล้ว’‘แต่กวิ้นไม่มีตังค์นะ’
‘กูออกให้’‘แต่มันต้องใช้เงินเยอะนะพี่หมัย’
‘เออน่า’‘เพื่อน้องนี่ทุ่มเต็มที่เลยเนอะ’
‘แน่นอนดิวะ น้องกูทั้งคน มึงก็ด้วย’ไอ้กวิ้นยิ้มค้าง ก่อนจะตอบเสียงเบากลับไปว่า ‘ขอบคุณนะพี่หมัย’
‘อืม แล้วมึงกินข้าวยัง’‘ตอนเช้าๆ อย่างนี้ไม่หิวหรอก’
‘ไปกินดิ มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ ไม่กินจะยิ่งโง่’‘กวิ้นไม่ได้อยากฉลาดซะหน่อย’
‘อยากเป็นนกสมองน้อยก็แล้วแต่มึง’‘แล้วพี่หมัยกินยังอ่ะ’
‘ยัง ออกมาวิ่งที่สวน นึกขึ้นได้เลยโทรหามึง’‘อ๋อ’ ไอ้กวิ้นลังเล แต่ปากมันไวกว่าสมองจนน่าตบ ‘พี่หมัย โจ๊กที่หน้าปากซอยบ้านกวิ้นอร่อยนะ ไปกินกันปะ’
ไอ้กวิ้นรอลุ้นคำตอบ ก่อนมันจะยิ้มกว้างเต็มหน้าเมื่อพี่สมัยบอกว่า
‘เอาดิ เดี๋ยวกูไปรับ’เพียงเท่านั้น ไอ้กวิ้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัว ทาแป้งเด็กจนหน้าขาวเหมือนตกถังแป้ง คิ้วเข้มของมันก็เป็นสีขาวจนน่าขัน พี่แต้วเห็นแต่ก็ทักไม่ทันเพราะไอ้กวิ้นมันรีบวิ่งไปยืนรอพี่ชายของไอ้เหมอที่หน้าบ้าน ไม่นานพี่สมัยก็ขับรถมาจอดตรงหน้า ไอ้กวิ้นรีบขึ้นรถ ตีปีกพั่บๆ ด้วยความดีใจ กระดี๊กระด๊าเสียจนพี่สมัยหัวเราะ
“เหมือนคนบ้าเลยมึง” มือใหญ่เลื่อนมาตรงหน้าไอ้กวิ้นแล้วเช็ดแป้งออกจากคิ้วให้ ไอ้กวิ้นหน้าแดงเรื่อ จ้องมองใบหน้าของพี่ชายไอ้เหมอนิ่งค้าง หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
พี่สมัยอยู่ในชุดกีฬา เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน กลิ่นโคโลญและกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ โชยมาแตะจมูก ใบหน้าหล่อเหลาดูตั้งอกตั้งใจยามที่นิ้วมือนั้นคลึงที่คิ้วของไอ้กวิ้น
“มึงนี่เด็กยิ่งกว่าน้องเหมออีก” พี่สมัยบ่น เช็ดแป้งออกให้เสร็จก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้ไอ้กวิ้น ใบหน้าที่เฉียดใกล้ยิ่งทำให้ไอ้กวิ้นหัวใจเต้นรัวแรง
“แล้ว...แล้วไอ้เหมอตื่นยังอ่ะพี่หมัย”
“น้องเหมอยังนอนอยู่เลย เมื่อคืนเล่นเกมจนดึก ตื่นไม่ไหว”
“ไอ้เหมอมันชอบตื่นสาย มาโรงเรียนก็สายด้วย” ไอ้กวิ้นฟ้อง เพราะไอ้เหมอมันเป็นขาประจำเรื่องมาสาย โดนทำโทษไปหลายครั้งมันก็ไม่เคยเข็ดหลาบ มันมักจะมาโรงเรียนด้วยใบหูที่แดงก่ำเพราะถูกคุณหญิงแม่บิดเป็นประจำ และมันก็ชอบแก้ตัวกับครูว่ามันทำการบ้านและทบทวนบทเรียนจนดึก แต่ความจริงที่ไอ้กวิ้นรู้คือไอ้เหมอมันกำลังตามหาใครบางคนอยู่ คงอยู่ส่องเฟซจนดึกจนดื่น มันบอกว่าเป็นเพื่อนชั้นประถมที่พอจบประถมก็แยกย้ายกันไป แล้วไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน มันจะไปเกาหลีก็เพราะจะไปตามหาเพื่อนของมัน
“แล้วทำไมเราไม่โทรปลุกล่ะ”
“กวิ้นผิดเหรอ”
“เออ”
ไอ้กวิ้นโดนผลักหัวหนึ่งที มันจึงได้แต่นั่งหน้าบึ้งจนมาถึงร้านโจ๊ก พี่สมัยพามันไปนั่งที่โต๊ะ ตะโกนสั่งโจ๊กให้เสร็จสรรพ พออาแปะมาเสิร์ฟโจ๊ก ไอ้กวิ้นจากที่หน้าบึ้งก็หูตาวาวทันที
“พี่หมัยรู้ได้ไงว่ากวิ้นไม่กินขิง รู้ใจอ่ะ” ไอ้กวิ้นเอ่ยชม ลืมความเคืองไปจนสิ้น
“มึงเคยบอก กูไม่ได้ตรัสรู้เอง”
ไอ้กวิ้นพยักหน้าหงึก แม้พี่สมัยจะพูดอย่างนั้นมันก็ดีใจ รีบตักโจ๊กขึ้นกินแต่ก็ถูกมือใหญ่ตีเข้าให้
“มันร้อน มึงไม่เห็นรึไง” พี่สมัยว่าเสียงดุ แล้วก็ดึงชามโจ๊กออกห่างไอ้กวิ้น “นกบื้อ เดี๋ยวก็ลวกปาก”
ถึงโดนด่าอย่างไรไอ้กวิ้นก็ยังคงยิ้ม เพราะตอนนี้หัวใจมันพองโต ตั้งอกตั้งใจมองพี่สมัยที่กำลังเป่าโจ๊กในชามของมันให้
“พี่หมัยใจดีเนอะ” ไอ้กวิ้นยิ้ม แว่นตาเป็นฝ้าเพราะไอร้อนจากโจ๊ก “กวิ้นเป่าเองก็ได้นะ ไม่ได้เป็นง่อยเหมือนไอ้เหมอหรอก”
“แต่ก็ไม่ฉลาดเหมือนน้องเหมอ เห็นอยู่ว่ามันร้อนก็ยังจะตักเข้าปาก เอ้า เอาไป”
ชามโจ๊กถูกเลื่อนมาตรงหน้า คราวนี้ความร้อนจัดกลับกลายเป็นอุ่นกำลังดี ไอ้กวิ้นจึงแสร้งพูดเกลื่อนความเขิน
“น้ำลายพี่หมัยตกลงไปในชามปะเนี่ย”
“กูตั้งใจถุยลงไปเอง”
“อี๋” ไอ้กวิ้นย่นจมูก แต่ก็ตักโจ๊กเข้าปากเป็นที่เรียบร้อย “อร่อยจัง”
“กินเยอะๆ ผอมจะแย่แล้วมึงอ่ะ” พี่สมัยไม่ว่าเปล่า ตักตับมาใส่ในชามของไอ้กวิ้นจนไอ้นกบื้อมันยิ้มแฉ่งรับแสงอาทิตย์ยามเช้าเป็นที่เรียบร้อย
“ขอบคุณครับ” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเบา “พี่หมัยอ่า กวิ้นไม่กินต้นหอม ไม่เอาาา”
“เลือกเยอะจริงมึง” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่พี่สมัยก็ตักออกไปใส่ชามตัวเอง ไอ้กวิ้นมันก็เลยยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก มันยิ้มจนเหงือกจะแห้งอยู่แล้วแต่ก็ยังหุบยิ้มไม่ลง รู้สึกราวกับได้พบพี่สมัยคนเดิมที่มันคิดถึง หรืออันที่จริงแล้วพี่สมัยไม่ได้เปลี่ยนไปเลยกันแน่... ก็ยังคงดูแลมันดีเหมือนเดิม ไม่ต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนเลย
“พี่หมัย”
“หืม”
“พี่หายไปไหนมาอ่ะ”
คำถามของไอ้กวิ้นทำให้พี่สมัยของมันเลิกคิ้วมองอย่างงงๆ “กูก็ไม่ได้หายไปไหน ก็อยู่ที่โรงเรียน ออกต่างจังหวัดบ้าง”
“ก็...กวิ้นหมายถึง พี่หมัยไม่โทรมาเลย เฟซก็ไม่ออน ไลน์ก็ไม่เล่น”
“ไม่มีเวลา”
คำตอบสั้นๆ ของพี่สมัยทำเอาไอ้กวิ้นหมดคำพูด ที่มันถามก็แค่อยากจะได้ยินคำขอโทษ อยากได้ยินคำอธิบายที่มากกว่าแค่ ‘ไม่มีเวลา’ เพราะความคิดถึงของมัน ทดแทนแค่คำพูดสั้นๆ ที่ได้ยินไม่ได้เลย พี่สมัย...คงไม่ทุรนทุรายเหมือนไอ้กวิ้น คงไม่รู้สึกอะไรเมื่อวันหนึ่งไอ้กวิ้นหายไป คงไม่...คิดถึงคนที่โทรคุยกันทุกวันแต่จู่ๆ ก็ไม่ได้คุยกันอย่างมัน
“อ๋อ...”
“อะไรของมึง กูพูดไปตั้งนานแล้วเพิ่งมาอ๋อ สมองช้าจริงๆ”
ไอ้กวิ้นไม่เถียง มันพยักหน้ายอมรับ แล้วตักโจ๊กกินไปเงียบๆ
“อิ่มยัง”
“อือ”
“งั้นรอเดี๋ยว กูไปสั่งโจ๊กใส่ถุงก่อน น้องเหมอคงตื่นแล้ว ตื่นมาคงร้องหิวข้าว”
“อือ”
ไอ้กวิ้นถูกขยี้ผมด้วยมือใหญ่ เล่นเอามันหัวใจกระตุกไปเป็นพักๆ พี่สมัยจะรู้ไหมว่า แค่สัมผัสเล็กน้อยจากพี่ ก็ทำเอาไอ้กวิ้นกลับมาร่าเริงได้แล้ว
หลังจากที่พี่สมัยส่งไอ้กวิ้นกลับบ้านวันนั้น มันก็ได้มีโอกาสพบพี่สมัยอีกบ่อยๆ หลายครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกัน หลายครั้งที่ไปดูหนังด้วยกัน และหลายครั้งที่ไอ้กวิ้นมักจะตามพี่สมัยไปที่สโมสรกอล์ฟ ซึ่งเป็นหลายครั้งที่ไอ้กวิ้นไม่เคยเล่าให้ไอ้เหมอรับรู้ ไม่เคยบอกถึงความสนิทสนมที่มันมีกับพี่ชายของไอ้เหมอ ไม่เคยบอกว่าทุกคืนมันจะโทรคุยกับพี่สมัย ไม่เคยบอกว่าแทบทุกชั่วโมงในแต่ละวันมันจะต้องไลน์ไปหาพี่ชายของเพื่อน
ไม่ได้ตั้งใจจะปิด แต่ไอ้กวิ้นก็ไม่รู้ ว่าที่มันเป็นอยู่นั้น...คือความสัมพันธ์แบบไหน คือคนรักไหม...หรือแค่เพื่อนน้องชาย ไอ้กวิ้นไม่เคยกล้าถาม และพี่สมัยก็ไม่ได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
มีแต่ความไม่รู้ แต่มันสุขใจ มีแต่ความสงสัย...แต่มันก็ยอมรับในที่ที่มันอยู่
ไอ้กวิ้นชอบ...เวลาที่พี่สมัยดูแล ชอบ...ที่ได้รับความเอาใจใส่ ชอบ...เวลาที่มือใหญ่นั้นขยี้หัวมัน ชอบ...เวลาที่ได้มองสบตากับพี่สมัย เป็นความบังเอิญของพี่สมัยแต่เป็นความตั้งใจของไอ้กวิ้น ชอบ...เวลาที่มือที่แสนอบอุ่นของพี่สมัยจับจูงมันไปในที่ต่างๆ และชอบ...เวลาที่ไม่สบายใจ เวลาที่เหงา เวลาที่เศร้าจนอยากร้องไห้ พี่สมัยจะอยู่กับมัน คอยกอดปลอบและรับฟังเรื่องทุกอย่างอย่างเงียบๆ อาจจะไม่มีคำปลอบใจที่หวานหู แต่ไอ้กวิ้นก็ชอบน้ำเสียงแข็งๆ ทื่อๆ นั้นเป็นอย่างมาก
“ไอ้กวิ้นๆ มึงมาช่วยเลือกดิว่ากูจะเอาเสื้อตัวไหนไปดี”
ก่อนไปเกาหลี ไอ้กวิ้นต้องมานอนค้างบ้านไอ้เหมอ เพราะจะได้ไม่ลำบากพี่สมัยไปรับที่บ้านเพื่อไปส่งที่สนามบิน
“มึงไม่ต้องเลือกมากเลยไอ้เหมอ เกาหลีหนาวจะตายห่า เอาเสื้อยืดไปก็ไม่มีใครเห็นว่ามึงใส่หรอก เอาเสื้อกันหนาวไปเยอะๆ ดิ”
“เสื้อกันหนาวมันหนักนี่หว่า ฝากในกระเป๋ามึงละกัน”
“ไอ้เหมอ ไอ้สันดานนน อย่ารื้อกระเป๋ากู!”
พี่แต้วเก็บเสื้อผ้าพับใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าถูกไอ้เหมอมันรื้อออกมา ไอ้กวิ้นก็คงยัดกลับเข้าไปไม่ถูกแน่ นอกจากจะบินไม่เก่งแล้ว ไอ้กวิ้นยังทำอะไรแทบไม่เป็น มันติดสบายมาตั้งแต่เด็กเพราะมีพี่แต้วคอยทำให้มาตลอด
“เอะอะอะไรกันเด็กๆ” พี่ชายของไอ้เหมอเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู สงสัยทำเป็นประจำเพราะก็ไม่เห็นไอ้เหมอเดือดร้อนอะไร กลับเป็นไอ้กวิ้นเสียอีกที่ขมวดคิ้วมอง
“พี่หมัยเข้าห้องคนอื่นไม่เคาะประตูเลย”
“อ้าว ห้องน้องกู บ้านก็บ้านกู กูต้องเคาะเหรอวะ” พี่ชายไอ้เหมอย้อนถามพร้อมกับเดินมาตบหัวไอ้กวิ้นไปหนึ่งที“น้องเหมอจัดกระเป๋าเสร็จยัง”
“ยังเลย พี่หมัยจัดให้หน่อย เหมอจะลงไปกินขนมที่คุณหญิงแม่ทำไว้ให้ ฝากด้วยนะ”
ไอ้เหมอมันพูดเสร็จก็รีบวิ่งตึงตังลงไปชั้นล่าง ได้ยินเสียงคุณหญิงแม่ของมันตะโกนด่าลั่นบ้านเพราะไอ้เหมอทำเสียงดัง ส่วนพี่สมัยของไอ้เหมอนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้า จัดกระเป๋าให้น้องชายอย่างไม่มีอิดออด เป็นไอ้กวิ้นเสียอีกที่ทนเห็นไม่ไหว ต้องมาช่วย เพราะจะให้พี่สมัยพับกางเกงในให้ไอ้เหมอก็เป็นภาพที่ไม่น่ามอง
แต่ไอ้กวิ้นมันก็ทำไม่เป็น จึงได้แต่เก้ๆ กังๆ แอบมองพี่สมัยพับแล้วก็ทำตาม “พี่หมัยพับเสื้อผ้าเก่งอ่ะ”
“ก็จัดกระเป๋าเองบ่อยๆ”
“ดีอ่ะ เก่งหลายอย่างเลย พี่หมัยๆ กวิ้นพับถูกปะ” ไอ้กวิ้นชื่นชมพร้อมกับเอ่ยถาม
“ถูก แต่ไม่สวย ทำดีๆ ดิ”
ไอ้กวิ้นมันก็ว่าง่าย พับไป ได้พี่สมัยสอนไป บางทีมันก็ได้ฟินเพราะถูกจับมือสอนตัวต่อตัว “มีพี่ชายอย่างพี่หมัยนี่สบายไปแปดอย่าง ไอ้เหมอมันถึงเป็นง่อยอย่างนี้”
พี่สมัยเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็ค ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไอ้กวิ้นยังไม่รู้เลยว่ามีสิ่งไหนที่พี่สมัยทำไม่ได้บ้าง พี่ชายของไอ้เหมอนั้นจัดเป็นบุคลากรที่หายากเพียงไม่กี่คนในประเทศเลยก็ว่าได้ ไอ้กวิ้นมันก็อาจจะชมมากไป แต่ความจริงก็ไม่ได้หนีห่างจากกันมากหรอก
“อย่าว่าน้องเหมอ” คงมีแต่เรื่องติดน้อง รักน้องหนักมากนี่แหละที่ทำให้พี่สมัยผิดปกติกว่าชาวบ้านทั่วไป
“แตะไม่ได้เลยนะ น้องของพี่อ่ะ”
“เออ”
“กวิ้นเป็นลูกคนเดียว แต่โชคดีที่มีพี่แต้ว พี่แต้วเหมือนพี่สาว”
“ก็ดีแล้ว”
“แต่ไม่เข้าใจฟิลลิ่งการมีพี่ชาย”
“มึงก็น้องกู”
ไอ้กวิ้นเอียงคอมอง หัวใจกระตุกไปเล็กน้อย ทั้งมือใหญ่ของพี่สมัยก็ขยี้หัวมันจนยุ่ง “แค่น้องเหรอ”
“เออ แล้วจะให้แค่ไหนวะ”
พี่สมัยหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่ไอ้กวิ้นได้แค่ยิ้มเจื่อน รู้สึกราวกับกำลังดิ่งเหว
“เป็นไร ง่วงแล้วเหรอ”
ไอ้กวิ้นส่ายหน้า มันถือวิสาสะพิงหัวกับไหล่ของพี่สมัยแล้วหลับตาลง
“ง่วงก็ไปนอนดีๆ”
“อยากนอนตรงนี้”
“มึงนี่ดื้อกว่าน้องเหมออีก นกบื้อเอ้ย” ถึงจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผลักไอ้กวิ้นออกห่าง ไอ้กวิ้นมันจึงได้โอกาสไถจมูกกับไหล่หอมๆ ของพี่สมัยที่บ่นใส่มันไม่จริงจังนัก
“พี่หมัย”
“หืม”
“พรุ่งนี้พาไปดูหนังหน่อย”
“เรื่องไรอีกวะ คราวก่อนพากูไปนั่งดูการ์ตูน แก่สุดในโรงเลยมั้งน่ะ”
คราวก่อนโคนันเดอะมูฟวี่ ไอ้กวิ้นตั้งตารอหลายเดือน พอเข้าโรงปุ๊บมันก็ลากพี่สมัยไปดูกับมันด้วย แม้เมื่อก่อนมันจะสามารถไปดูคนเดียวได้ แต่ตอนนี้ มันกลับอยากให้พี่สมัยได้เห็นในทุกสิ่งที่มันชอบ อยากให้รู้ว่าพี่สมัยนั้น...เหมือนคุโด้ ชินอิจิของมันมากแค่ไหน
“เป็นหนังรักอ่ะ”
“ไปดูกับแฟนมึงดิ”
“พี่หมัยก็รู้ว่ากวิ้นไม่มีแฟน”
“ใครบอกว่ากูรู้”
ไอ้กวิ้นหยิกเข้าที่แขนของพี่สมัย จนโดนอีกฝ่ายตบหน้าผากเข้าให้
“พี่หมัยต้องรู้ดิ กวิ้นคุยกับพี่หมัยคนเดียว คุยทุกวัน ทุกคืน จะเอาเวลาไหนไปคุยกับคนอื่น”
ไอ้กวิ้นตัดพ้อ น้ำเสียงมันน้อยใจจนโดนอีกฝ่ายจับหัวโยกไปมา “งั้นก็รีบๆ หาแฟน พี่ชายยังไงมันก็แทนแฟนไม่ได้อยู่แล้ว สักวันกูก็ต้องมีคนของกู จะมาอยู่คุยกับมึงแบบนี้ไม่ได้ตลอด โตได้แล้วกวิ้น มึงน่ะติดกูมากกว่าน้องชายกูเองซะอีก”
ไอ้กวิ้นเม้มริมฝีปาก ดวงตาแดงก่ำ รื้นไปด้วยน้ำ กับคำว่า ‘คนของกู’ ที่เสียดแทงใจ กับคำว่า ‘พี่ชาย’ ที่ไอ้กวิ้นไม่อยากได้รับเลยสักนิด แต่มันกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นไว้ แล้วถามเสียงแผ่ว “พี่หมัยรำคาญเหรอ”
“กูไม่ได้รำคาญ ฟังยังไงถึงตีความไปแบบนั้น มึงนี่มันเป็นไอ้นกบื้อจริงๆ บินก็ไม่เก่ง แต่เสือกคิดไปเองเก่ง”
ไอ้กวิ้นพยักหน้า ยอมรับจากใจจริง “กวิ้นรู้ว่าคิดไปเองเก่ง แต่ใครมันทำให้คิดล่ะ”
“เอ้า โทษกูอีก”
พี่สมัยหัวเราะ แต่ไอ้กวิ้นหัวเราะไม่ออก เพราะหัวใจของมันกำลังปวดหน่วง...ด้วยความคิดไปเองของมัน คิดไปเองข้างเดียวว่าอีกฝ่ายก็มีใจ...แต่ความจริง กลับไม่ใช่อย่างที่คิด
พี่สมัย...ไม่ได้คิดอะไรกับมันเลย
**************************************