กว่าจะเข้ากันได้ โดย เขมกันต์ [บทที่ 23 จบ] หน้า 4 - 31/05/2559 -- ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กว่าจะเข้ากันได้ โดย เขมกันต์ [บทที่ 23 จบ] หน้า 4 - 31/05/2559 -- ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 58818 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
สนุกมากครับ. ติดตามอ่านอยู่นะ

ออฟไลน์ monoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

บทที่ 5 สัญญา




   "สวัสดีครับ บดินทร์พูดครับ"


   "สวัสดีค่ะ ภูสิตาเองค่ะ จำกันได้มั้ยเอ่ย..." บดินทร์นิ่งอึ้งด้วยไม่คาดฝันว่าคนที่กำลังตามหาจะโทรหาเขาเสียเอง


   "จำได้สิครับ ขอเวลาผมสักครู่นะครับ" ชายหนุ่มบอกกำลังปลายสายไป แล้วหันไปทางบริพัตร


   "พี่กลับก่อนนะพัต พอดีมีสายสำคัญเข้ามา" ไม่รอคำตอบจากน้องชาย พอพูดจบก็รีบลุกออกจากที่นั่งทันที แต่บริพัตรยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ลุกไปไหน


   "ครับ ยังอยู่มั้ยครับ คุณภูสิตา" หลังจากที่รีบวิ่งกลับเข้ามาในรถได้ ชายหนุ่มก็รีบพูดออกไปทันที


   "ไปทำอะไรมาคะ ดูน้ำเสียงกระหืดกระหอบเชียวค่ะ" ภูสิตาพูดติดตลก


   "วิ่งมาที่รถน่ะครับ เมื่อตะกี้เสียงดังมากเลยมาที่เงียบๆ ครับ" บดินทร์ตอบเพียงเท่านั้น ปลายสายต่างก็เงียบทั้งคู่


   "สิตาได้เบอร์มาจากเพื่อนค่ะ คุณบดินทร์เป็นถึงผู้บริหารใหญ่บริษัทชื่อดัง เบอร์โทรก็เลยหาได้ไม่ยาก จริงๆ แล้วที่สิตาโทรมา คุณคงพอจะทราบแล้วใช่มั้ยคะว่าเรื่องอะไร"


   "เรื่องอะไรเหรอครับ"


   "แหม แกล้งสิตาอยู่เปล่าคะเนี่ย สิตาบอกให้ก็ได้ค่ะ เรื่องของน้องภู ภูบดินทร์ค่ะ"


   "ครับ ผมกำลังตามหาคุณอยู่พอดีเลย" เรื่องที่ภูสิตาโทรมาทำให้บดินทร์รู้สึกโล่งใจขึ้น


   "ค่ะ เหมือนใจจะตรงกัน ยังไงมาเจอกันหน่อยมั้ยคะ"



   "มานานหรือยังคะ" ภูสิตาเดินมาถึงโต๊ะที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ก็เอ่ยทัก


   "สักครู่นี้เองครับ เชิญนั่งก่อนครับ" บดินทร์ยืนขึ้นระหว่างที่หญิงสาวนั่งลง เมื่อเห็นว่าภูสิตานั่งเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงนั่งลงตาม "แล้วคุณภูสิตามาคนเดียวเหรอครับ"


   "อ่อ ค่ะ สิตาฝากน้องภูไว้กับเพื่อนน่ะค่ะ คุยธุระกับคุณเสร็จแล้วก็จะไปรับ"


   "นึกว่าจะพามาด้วยซะอีก" บดินทร์อดเสียดายไม่ได้ คิดว่าวันนี้จะได้พบกับภูบดินทร์เสียอีก ภูสิตาไม่ตอบอะไร หญิงสาวมอบรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มเพียงเท่านั้น


   "คุณบดินทร์ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ" ภูสิตาพินิจรูปร่างและใบหน้าของคนตรงข้ามก่อนจะเปรยออกมา


   "คุณภูสิตาก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ ผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเถอะครับ ผมอยากจะรับผิดชอบเรื่องลูก"


   "แน่ใจหรือคะว่าน้องภูจะเป็นลูกของคุณจริงๆ" หญิงสาวหัวเราะเบาๆ


   "แกหน้าเหมือนผมมากเลย ไม่มีทางที่จะเป็นลูกคนอื่นไปได้หรอกครับ" บดินทร์ตอบอย่างมั่นใจ


   "ถึงสิตาจะแน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณ แต่สิตาก็ไม่อยากจะเอาเปรียบคุณแล้วก็กลัวว่าจะมีปัญหาทีหลัง ยังไงแล้ว พรุ่งนี้สิตาจะพาไปน้องภูไปตรวจ DNA เชิญคุณที่โรงพยาบาลด้วยนะคะ"


   "ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปแน่นอน"


   "แล้วที่ว่าจะรับผิดชอบเรื่องลูกนี่ จะรับผิดชอบยังไงเหรอคะ" หญิงสาวเอียงคอน้อยๆ มองชายหนุ่มตรงหน้า


   "ถ้าคุณภูสิตาไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอน้องภูไปเลี้ยงเองครับ"


   "แหม สิตาเป็นแม่เด็กนะคะ เลี้ยงน้องภูมาตั้งแต่เกิด" หญิงสาวส่งเสียงดัง แสร้งทำเป็นตกใจ


   "คุณภูสิตาจะไม่เหนื่อยเปล่าแน่นอนครับ คุณเรียกเท่าไหร่ ผมยินดีที่จะจ่ายให้"


   "ถ้าสิตาไม่ให้ละคะ คุณจะว่าอะไรมั้ยคะ"


   "ผมไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องบานปลาย จนถึงขั้นฟ้องร้องหรอกครับ"


   "คุณบดินทร์คิดว่าจะชนะคดีเหรอคะ สิตาเป็นแม่ เลี้ยงน้องภูมา ไม่เคยทิ้งขว้าง แต่คุณเพิ่งเข้ามา สิตามองไม่เห็นว่าคุณจะชนะได้ยังไงเลยค่ะ" หญิงสาวพูดด้วยความเป็นต่อ


   "แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง  ผมอยากเลี้ยงน้องภูจริงๆ และผมยังไม่แต่งงาน ไม่มีครอบครัว ผมยินดีครับ"


   "น้ำเสียงร้อนรนจังเลยนะคะ สิตาไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ"


   "10 ล้านบาทค่ะ"
   

   "อะไรนะครับ"


   "10 ล้านค่ะ คงไม่ลำบากเกินไปใช่มั้ยคะ"


   "ผมไม่มีเงินถึงขนาดนั้นหรอกครับ ถ้า 3 ล้าน น่ะพอได้อยู่หรอกครับ"


   "งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มี 10 ล้าน สิตาก็คงยกลูกชายให้ไม่ได้หรอกนะคะ แต่ถ้าคุณมี 10 ล้านเมื่อไหร่ แล้วสัญญาพร้อม สิตายินดีที่จะเซนต์ให้คุณเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวค่ะ สิตาและพี่ชายสามารถไปเยี่ยมน้องภูได้ทุกเมื่อค่ะ" ภูสิตาลุกยืนขึ้นท่าทางเตรียมพร้อมจะลุกออกไป


   "สิตาไปก่อนนะคะ" หญิงสาวกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากร้าน


   "10 ล้านเหรอ จะไปหามาจากไหนวะ" บดินทร์พึมพำกับตัวเองก่อนจะเรียกคิดเงินและออกจากร้านไปอีกคน


   "กลับมาแล้วเหรอครับ พี่ดิน" บริพัตรอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด


   "อือ" บดินทร์ตอบสั้นๆ แล้วนั่งลงข้างๆ อย่างหมดแรง


   "ไปทำไรมาครับ ดูท่าทางเครียด"


   "ก็เครียดเอาการอยู่"


   "เรื่องอะไรครับ ใช่งานที่บริษัทหรือเปล่า"


   "ไม่ใช่หรอก สำคัญกว่านั้นมาก" บดินทร์บอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


   "ถ้าสำคัญกว่างานมาก คงไม่ใช่เรื่องธรรมดา มีอะไรให้ผมช่วยพี่มั้ยครับ" ถึงภายนอกบริพัตรจะดูเหมือนคนเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่ถ้าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ชายหนุ่มสามารถทุ่มสุดตัวได้เลย


   "ถึงปล่อยให้เรื่องเงียบไป แต่วันนึง นายก็ต้องรู้อยู่ดี พี่เพิ่งรู้ว่าพี่มีลูกชายอยู่คนนึง"


   "ว่าอะไรนะครับ อำผมเล่นใช่มั้ย" บริพัตรถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู เพราะตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ชายหนุ่มไม่เคยเห็นลูกพี่ลูกน้องทำตัวไม่ดีเลยสักครั้ง


   "จริงๆ ไม่ได้อำอะไรทั้งนั้น"


   "พี่รู้ได้ยังไง" เมื่อเห็นสายตาของบดินทร์นั้นไม่มีแววตาหลอกลวงใดๆ บริพัตรจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง





   เรื่องลูกของบดินทร์ดูจะเป็นเรื่องแปลกใหม่มากๆ สำหรับครอบครัวเขา บดินทร์เลิกรากับแฟนสาวไปนานแล้ว และไม่มีแฟนใหม่ แต่ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของบดินทร์จริง ก็เท่ากับเป็นหลานของเขาด้วย



   "ไอ้พฤฒมันไปเจอมา เลยมาบอกพี่ ดูรูปสิ" บดินทร์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเปิดรูปภูบดินทร์ให้ดู


   "หน้าเหมือนพี่ดินตอนเด็กเลย หลานผมชื่ออะไรครับ" บริพัตรพูดจบก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนเจ้าของ


   "ภูบดินทร์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใช่ลูกพี่จริงมั้ย พรุ่งนี้แม่เด็ก เขานัดพี่ไปตรวจ DNA แล้วถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่จริงๆ พี่อยากพาลูกมาเลี้ยงเองที่บ้านเราน่ะพัต ได้มั้ย"


   "เอาสิพี่ หลานผมทั้งคน แต่แม่เด็ก จะยอมให้พี่เอามาเลี้ยงเหรอครับ"


   "นั่นล่ะ ปัญหาใหญ่ ภูสิตา แม่เด็กน่ะ ต้องการเงิน" บดินทร์ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง


   "เขาเรียกเท่าไหร่ พี่ก็ให้เงินเขาไปเลย เรื่องแค่นี้เอง ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอกน่า"


   "10 ล้านบาท" พูดจบบดินทร์ก็ถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง


   "ก็ไม่น้อยเลยนะ" นิ้วเรียวยาวของบริพัตรลูบคางที่สากไปด้วยไรหนวดที่เริ่มขึ้นมาบ้างแล้ว


   "ตอนนี้พี่มีแค่ 3 ล้าน ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหน"


   "ขาดอีก 7 ล้านสินะ อืมม เอาเงินผมไปสิ" บริพัตรพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา


   "อย่ามาแกล้งพี่คืนเวลานี้ได้มั้ย พัต เงิน 7 ล้านไม่ใช่เงินน้อยๆ" บดินทร์ยื่นมือไปเขกหัวน้องชายข้อหาเล่นไม่รู้จักเวลา


   "ผมพูดจริงนะ ไม่ได้แกล้ง แล้วอีกอย่างผมให้ยืม ไม่ได้ให้พี่เลยสักหน่อย"


   "นายไปเอาเงินมาจากไหนเยอะขนาดนี้"



   
   บ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันตอนนี้เป็นบ้านพ่อแม่ของบดินทร์ซื้อไว้ให้ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดตามประสาคนแก่ ส่วนพ่อแม่ของบริพัตรนั้นเสียไปตั้งแต่บริพัตรอยู่มัธยมต้น ทิ้งเงินประกันไว้ให้ชายหนุ่มมากพอจึงทำให้บริพัตรไม่ลำบากเงินเรื่องค่าเล่าเรียน



   หลังจากบริพัตรเรียนจบ ชายหนุ่มทำงานที่เดียวกันกับเขามาโดยตลอดเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนทั่วไป ดังนั้นเงินเดือนของชายหนุ่มไม่ได้สูงมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้




   "เงินที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ครับ" บริพัตรตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


   "เท่าที่ฉันรู้ คุณน้าไม่ได้ทิ้งเงินไว้เยอะขนาดนั้นนะพัต" ดวงตาบดินทร์ฉายแววแปลกใจ


   "มันก็ต้องมีเท่าที่พี่ไม่รู้บ้างสิครับ เอ้า สรุปจะเอามั้ย ไม่งั้นผมไม่ให้ยืมแล้วนะ ลูกก็ไม่ต้องเอามาเลี้ยง" ชายหนุ่มรีบตัดบททันที


   "เออๆ งั้นพี่ขอยืมนะ แล้วพี่จะหาเงินมาคืน"


   "ผมไม่ได้ใช้เงินส่วนนี้อยู่แล้ว มีเมื่อไหร่พี่ค่อยมาคืน" บริพัตรโบกมืออย่างไม่ใส่เท่าไหร่นัก แล้วจึงหยิบหนังสือที่เปิดค้างไว้ขึ้นมาอ่านต่อ


   "ขอบใจมากนะ พัตเตอร์" ถึงจะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจ แต่บดินทร์ก็ อดจะแกล้งคนข้างๆ ไม่ได้

   
   ผลตรวจ DNA บอกว่า ภูบดินทร์คือลูกชายของเขา



   วินาทีแรกที่เห็นภูบดินทร์ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในวัยเด็ก ไม่ว่าจะหน้าตา ท่าทางการเดิน หรือวิธีการกินนั้น ถอดแบบของเขามาไม่ผิดเพี้ยน ถ้าบอกว่าไม่ใช่ลูกของเขานั้น ผลการตรวจต้องผิดแน่นอน
   



   ภูสิตาเซนต์หนังสือสัญญามอบกรรมสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตรให้กับบดินทร์แต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้นจึงวางปากกาลงบนโต๊ะ บดินทร์หยิบสัญญายื่นให้ทนายผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อย




   หลังจากทนายตรวจสอบอยู่สักครู่หนึ่งจึงหันมาพยักหน้าให้กับบดิทร์เป็นเชิงว่าเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว บดินทร์จึงมอบเช็คเงินสดให้กับหญิงสาวทันที



   "ขอบคุณนะคะ อ้อ เดี๋ยวสิตาจะรีบเก็บของของน้องภูให้เรียบร้อยแล้วจะติดต่อคุณไปนะคะ ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ" หญิงสาวพูดจบพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินจากไป









Talk:.

มาต่อตอน 5 แล้วค่ะ รอกันนานมั้ยคะ ช่วงนี้ภารกิจเริ่มเข้ามารัดตัวผู้แต่งนะคะ แต่ก็ไม่ลืมผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ ^^ เรื่องเริ่มเดินทีละนิดๆ แล้วนะคะ

ลงมาหลายตอนแล้วนะคะ ขอเกริ่นแนะนำตัวกันเล็กน้อยนะคะ เขมกันต์ เป็นชื่อที่ผู้แต่งค่อนข้างชอบ เลยเอาชื่อนี้มาใช้ค่ะ ส่วนการแต่งและการเดินเรื่องนั้น

ต้องขอบอกว่า เขมกันต์ชอบสไตล์การเดินเรื่องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ให้ตัวละครมีเรื่องราว มีที่มาที่ไปสักหน่อยค่ะ หากเดินเรื่องที่ช้าบ้างบางจุด

ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ ติชมกันได้เลยนะคะ ใครเชียร์ทีมไหน เล่าให้ฟังได้เลยค่ะ อยากให้ใครทำอะไร อยากเห็นโมเมนท์ไหน บอกมาได้เลยค่ะ อ่านทุกคอมเมนท์เลยค่ะ ^___^

ถ้ามีคำไหนสะกดผิด แจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่า


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ด้วยรัก
เขมกันต์




ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ตรงหัวทอปปิคต้องเป็นหน้า2ป่ะคะ นี่ก็งงไปงมหาในหน้าหนึ่ง55555 สิตาทำแบบไม่มีถามพี่ชายสักคำเลยนะนี่ ใจสลายแน่นอนภูธนาเอ๋ย หวังว่าสิบล้านคงเอาไปให้หนี้นะ ขอละ สงสารพี่ชายเธอสักนิดก็ยังดี เห้อ สงสารลุงธนา T___T รอตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ตรงหัวทอปปิคต้องเป็นหน้า2ป่ะคะ นี่ก็งงไปงมหาในหน้าหนึ่ง55555 สิตาทำแบบไม่มีถามพี่ชายสักคำเลยนะนี่ ใจสลายแน่นอนภูธนาเอ๋ย หวังว่าสิบล้านคงเอาไปให้หนี้นะ ขอละ สงสารพี่ชายเธอสักนิดก็ยังดี เห้อ สงสารลุงธนา T___T รอตอนต่อไปน้าาา

จริงด้วยค่า มือใหม่ แก้หน้า 2 ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ  :z3:
อยากจะตียัยสิตา แรงๆ 5555

ออฟไลน์ monoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฝากตบยัยสิตาสามทีได้ม่ะ
อ่านแล้วอินอ่ะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สิบล้านนี่จะถูกแบ่งไว้ให้ใช้หนี้บ้างไหมนะ หรือว่านางจะเปิดตูดหนีไปสุขสบายอยู่คนเดียว
แต่ถ้าแบ่งให้ภูธนาก็คงไม่ดีใจหรอก ที่ได้เงินแต่ต้องเสียหลาน

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พ่อลูกจะได้เจอแล้ว
แล้งลุงล่ะจะเอาเข้าบ้านยังไงน่ะ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หวังว่านางคงเอาเงินไปใช้หนี้นะ  :ling3: :katai1:
 :pig4: :L2: ขอบคุณคนเขียนค่ะ มาต่อบ่อยๆน้า

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยค่า พรุ่งนี้จะมาลงตอน 6 นะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

บทที่ 6 ตัดใจ


   ภูสิตาหิ้วถุงหลายใบจากร้านค้าชื่อดัง  เดินเข้าห้องเช่า ฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดี สร้างความแปลกใจให้กับภูธนาเป็นอย่างมากว่าวันนี้น้องสาวของเขามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้น


   "ดูท่าทางอารมณ์ดีนะ" ภูธนาอดไม่ได้ที่จะถาม


   "นิดหน่อยค่ะ แล้วน้องภูล่ะคะ" ภูสิตาเห็นพี่ชายนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์คนเดียว


   "หลับอยู่ในห้องแน่ะ ว่าแต่ซื้ออะไรมาเต็มมือ ประหยัดๆ หน่อยสิ ยัยสิตา พี่ไม่ได้มีเงินมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ" เห็นข้าวของในมือของ   ภูสิตาเยอะขนาดนั้น ภูธนาเลยจำเป็นต้องตักเตือน


   "ต่อจากนี้ พี่ธนาไม่ต้องลำบากแล้วนะคะ สิตาช่วยพี่ได้แล้วค่ะ"   ภูสิตาไม่อารมณ์เสียที่โดนบ่น แต่กลับยิ้มแย้มแจ่มใสกลับมาแทน


   "ภูสิตา แกไปทำอะไรมาหรือเปล่า ท่าทางของแกทำให้พี่รู้สึกไม่ค่อยดีนะ" ชายหนุ่มวางมือจากแป้นพิมพ์แล้วหันมาสบตาน้องสาวอย่างจริงจัง


   "ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว งั้นสิตาไม่ปิดบังพี่แล้วละกันนะคะ" ภูธนาไม่ตอบอะไร กลับนั่งรอฟังภูสิตาอย่างใจจดใจจ่อ


   "พี่ธนาจำเรื่องพ่อของน้องภูได้มั้ยคะ"


   "ได้ ทำไม"


   "นั่นล่ะค่ะ สิตายกน้องภูให้เขาไปแล้วนะคะ" ภูสิตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร


   "แกว่าอะไรนะ!! ภูสิตา แกยกลูกตัวเองให้คนอื่นได้ยังไงกัน" ภูธนาถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยความโมโห ทำไมน้องสาวของเขาถึงยอมยกลูกให้คนอื่นได้ง่ายดายนัก คิดแล้วภูธนาแทบจะทนไม่ไหวกับการกระทำของน้องสาว


   "คนอื่นที่ไหนกันคะ ก็พ่อน้องภูแท้ๆ ค่ะ"


   "แกรู้ได้ยังไงสิตา ว่าเค้าเป็นพ่อจริงๆ"


   "สิตาพาน้องภูไปตรวจ DNA มาแล้วค่ะ คุณดินก็เห็นผลแล้วด้วยค่ะ"


   "จะให้พี่ทำยังไงดีกับแก หา!! สิตา พี่ไม่เคยโกรธที่แกทำตัวแบบนี้ แต่ครั้งนี้พี่โกรธแกจริงๆ แกไม่รักลูก ไม่คิดถึงลูกหรือไง ถ้าน้องภูต้องไปอยู่กับคนอื่น"


   "โอ้ย พี่ธนา น้องภูไปอยู่กับพ่อแกนะคะ คุณดินเค้าเลี้ยงน้องภูได้ดีกว่าเรา 2 คนแน่นอนค่ะ นี่ไงคะ เงินค่าเลี้ยงน้องภู" ภูสิตาหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเปิดหน้าตัวเลขคงเหลือที่มีอยู่ในบัญชีให้พี่ชายดู


   "เอาเงินไปคืนเค้าซะ พี่ไม่ให้หลานของพี่ไปอยู่กับคนอื่น ไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม พี่ก็ไม่ให้" ภูธนาลดเสียงลงต่ำ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ โมโหอย่างสุดความสามารถ


   "ไม่ได้หรอกค่ะ สิตาเซนต์สัญญายกน้องภูให้ไปแล้ว"


   "จะให้พี่ทำยังไงกับแก หา! สิตา แกนี่มัน ไม่ได้เรื่องที่สุด!"


   "หนูก็ไม่เคยได้เรื่องในสายตาพี่อยู่แล้วนี่คะ หนูก็เป็นของหนูแบบนี้ หนูเบื่อ หนูอยากเที่ยว อยากมีเงินใช้ หนูไม่อยากเลี้ยงลูก หนูไม่อยากมีภาระ" ภูสิตาระเบิดเสียงดังใส่พี่ชายไม่แพ้กัน เธอไม่ชอบการโดนต่อว่าทุกรูปแบบ แล้วนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ภูสิตาโดนพี่ชายต่อว่าอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เธอจะทำผิดมากน้อยแค่ไหน พี่ชายก็ไม่เคยพูดให้ได้ยินสักครั้ง


   "สิตา พี่ขอร้อง ไปบอกพ่อของน้องภู ขอให้น้องภูกลับมาอยู่กับเรา แล้วเค้าจะมาเยี่ยมน้องภูเมื่อไหร่ก็ได้ พี่จะไม่ห้าม" เมื่อเห็นว่าน้องสาวมีท่าทางเริ่มแข็งกร้าวขึ้นมา ภูธนาจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนเผื่อว่าจะเปลี่ยนใจภูสิตาได้


   "ไม่ล่ะค่ะ หนูจะไม่เอาลูกกลับมาเลี้ยงอีกค่ะ หนูอยากเป็นอิสระแล้ว" ภูสิตายืนกรานอย่างหนักแน่นกับความคิดของตนเอง


   "ภูสิตา พี่ขอร้อง" ภูธนาเอ่ยคำขอร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาอีกครั้ง


   "แล้วเรื่องหนี้ พี่เอาเงินที่ได้มาไปใช้หนี้หมดซะนะคะ หนูไม่อยากเจอพวกนั้นอีก" ภูสิตาไม่อยากพูดถึงเรื่องภูบดินทร์อีก หญิงสาวจึงเปลี่ยนหัวข้อที่จะคุยใหม่


   "สิตา..." ภูธนาเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่ภูสิตาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


   "พรุ่งนี้ หนูจะให้คุณดินมารับน้องภูไป แล้วพี่อยากไปหาน้องภูล่ะก็ ในสัญญาบอกว่าหนูกับพี่มีสิทธิ์ไปหาน้องภูได้ตลอดเวลาค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้เจอน้องภูอีกหรอกนะคะ" ภูธนาไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มกลับเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป




   นานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ นานแล้วที่ไม่ได้เสียน้ำตา ไม่ว่าจะเกิด     เรื่องยากลำบากขนาดไหน เจอพวกทวงหนี้มาคอยก่อกวนแค่ไหน หรือจะต้องวิ่งรอกหาเงินมาใช้มากแค่ไหน แต่ภูธนาก็ไม่เคยร้องไห้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำตาไม่ช่วยอะไร และยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วย แต่ครั้งนี้  ภูธนาทนไม่ไหวจริงๆ




   ภูบดินทร์ เด็กน้อย หน้าตาจิ้มลิ้ม ใบหน้าขาวอมชมพู แก้มกลมๆ น่าหยิก ผมสั้นตรง และนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดึงดูด  คนที่พบเห็นให้พา กันหลงใหลและเอ็นดู แต่อีกไม่นานภูธนาจะไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเด็กคนนี้อีกแล้ว




   เช้าวันรุ่งขึ้น ภูธนาตื่นขึ้นมาทำอาหารตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนนี้ชายหนุ่มนอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่าย เพราะความกังวลเรื่องของหลานชาย




   "ลุงธนาฮะ น้องภูหิวแล้ว" เด็กชายตัวน้อยตื่นแต่เช้าเช่นเดียวกัน  ภูบดินทร์เดินออกมาจากห้องนอนที่ภูธนาเปิดประตูทิ้งเอาไว้


   "หิวแล้วเหรอครับ เอ้าไปแปรงฟันกับลุงก่อนนะ เด็กดี แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาทานข้าวกันนะครับ ตกลงมั้ย" ภูธนาเดินเข้าไปอุ้มเด็กน้อยเพื่อพาไปห้องน้ำก่อนจะพาไปทานอาหารเช้า
   




   หลังจากอิ่มมื้อเช้าแล้ว ภูธนาใช้ทุกช่วงเวลาอยู่ใกล้ชิดและคอยดูแลหลานให้มากที่สุด เวลาที่จะได้อยู่กับหลานชายนี้เหลืออีกไม่มาก ชายหนุ่มอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้มากที่สุด
   

   ก๊อก ... ก๊อก ...


   เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภูธนาชะงักมือที่กำลังเล่นอยู่กับหลานชาย แต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นไปดูว่าใครมา ภูสิตากลับเดินออกไปเปิดประตูเรียบร้อยเสียแล้ว



   "สวัสดีค่ะ คุณดิน  เอ่อ คุณ" หญิงสาวเอ่ยทักทายบดินทร์เสียงใส


   "สวัสดีครับ แล้วนี่ลูกพี่ลูกน้องผมเองครับ ชื่อพัต" วันนี้บดินทร์ไม่ได้มาเพียงลำพัง เนื่องจากเจ้าตัวคิดว่าอาจจะมีสัมภาระค่อนข้างมาก จึงชักชวนบริพัตรให้ออกมาเป็นเพื่อนกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้อิดออดอะไร กลับยินดีด้วยซ้ำ


   "สวัสดีครับ"  บริพัตรส่งเสียงทักทายแผ่วเบา ใบหน้าชายหนุ่มก้มหน้าลง เส้นผมหนาปรกบังใบหน้าทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ชัด ภูสิตาลอบมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของบดินทร์ พบว่าบริพัตรสวมใส่เสื้อผ้า   ยับย่น ถึงจะไม่มีรอยเปรอะเปื้อนบนเสื้อผ้าแต่ก็รู้สึกกับชายหนุ่มไม่ค่อยดีนัก


   "เข้ามาก่อนสิคะ น้องภูนั่งเล่นกับคุณลุงอยู่ข้างในค่ะ" ภูสิตาเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเพื่อให้บดินทร์ได้เดินผ่านเข้าห้องไปได้โดยสะดวก และแทบกลั้นหายใจเมื่อบริพัตรเดินตามเข้ามา ถึงจะไม่ได้กลิ่นพึงประสงค์จากชายหนุ่ม แต่การกระทำของภูสิตาก็เป็นไปตามอัตโนมัติ





   ถึงจะไม่เคยพบเห็นหน้า แต่ภูธนาก็เดาได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากเห็นใบหน้าของบดินทร์และภูบดินทร์พร้อมกันก็ต้องย่อมเข้าใจได้ดีว่า คนทั้ง 2 คนต้องมีความเกี่ยวข้องกันเป็นแน่ แต่ชายหนุ่มที่เดินตามหลังบดินทร์มานั้น ทั้งที่ภูธนายังมองเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่กลับรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไหร่นัก แต่ไม่อาจหาเหตุผลได้ว่าเพราะอะไร


   "สวัสดีครับ ผมเป็นลุงของน้องภู ชื่อธนาครับ" ภูธนากล่าวทักทายตัวเองก่อน


   "สวัสดีครับ ผม บดินทร์ครับ ขอโทษครอบครัวของคุณด้วยนะครับ ที่ทำให้ต้องเกิดเรื่องราวแบบนี้" บดินทร์ไม่ได้อธิบายให้ละเอียดนั้น แต่ความหมายที่สื่อก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของภูบดินทร์


   "เรื่องมันผ่านมาแล้ว ช่างมันเถอะครับ เชิญนั่งก่อนสิครับ" ภูธนาบอกปัดไปอย่างไม่สนใจ ชายหนุ่มพยายามที่จะฝืนยิ้มให้กับอีกฝ่าย แต่ดูจะยากเย็นเต็มที


   "ขอบคุณครับ" บดินทร์ตอบรับคำเชิญก่อนจะย่อตัวลงนั่งพร้อมบริพัตร


   "พี่ดิน เรื่องนั้น" บริพัตรกระซิบบอกลูกพี่ลูกน้องเพื่อให้เข้าเรื่องที่มาวันนี้เสียที


   "วันนี้ผมมารับน้องภูไปอยู่ด้วยครับ และผมอยากให้คุณธนาและคุณภูสิตาไว้ใจผมว่าจะเลี้ยงน้องภูเป็นอย่างดี จะมอบการศึกษาให้เท่าที่น้องภูต้องการ และไม่ทอดทิ้งแกให้ต้องลำบากแน่นอนครับ" บดินทร์บอกให้อีกฝ่ายรับทราบเพื่อลดความกังวลใจ


   "สัญญากับผมนะครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คุณห้ามทิ้งน้องภูเด็ดขาด และถ้าวันนึงหากไม่รัก ไม่สนใจเด็กคนนี้แล้ว ช่วยพาเค้ากลับมาหาผม ผมจะดูแลเค้าเอง" ภูธนาสบตากับบดินทร์แล้วบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกไป


   "จะไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ คุณภูธนา ผมสัญญาได้ครับ" บดินทร์รับปากคำด้วยความจริงใจ


   "สิตาเก็บของน้องภูให้เรียบร้อยแล้วนะคะ อยู่ในห้อง เดี๋ยวรบกวนคุณเข้าไปยกกันเองนะคะ สิตาถือไม่ไหว มันหนักน่ะค่ะ" ภูสิตาส่งเสียงขึ้นแทรกก่อนจะชี้มือไปยังห้องนอนที่มีของวางอยู่



   บริพัตรลุกขึ้นเดินไปยังห้องนั้นทันที ชายหนุ่มหิ้วของพะรุงพะรังเต็ม 2 มือ ภูสิตาเปิดประตูห้องรอไว้อยู่แล้ว บริพัตรไม่พูดอะไรนอกจากหิ้วของนั้นออกไปจากห้องเพื่อไปเก็บที่รถ


   "ไปกันเถอะค่ะ คุณดิน เดี๋ยวสิตาจะพาน้องภูไปส่งพร้อมกับคุณเลยนะคะ พี่ธนาจะไปด้วยกันมั้ยคะ" ภูสิตาหันมาถามพี่ชาย แต่ภูธนากลับส่ายหน้าปฏิเสธ


   "น้องภู ไปกับแม่นะ เดี๋ยวคุณพ่อจะพาไปซื้อขนมอร่อยๆ นะครับ" ภูสิตาก้มลงอุ้มภูบดินทร์ขึ้นมา


   "แล้วลุงธนาจะไปด้วยมั้ยฮะ" เด็กน้อยถามด้วยความอยากรู้


   "ไม่หรอกครับ ลุงจะรอน้องภูอยู่ที่นี่แหละครับ น้องภูไปเที่ยวเถอะนะ แล้วห้ามดื้อ ห้ามซน เป็นเด็กดี เชื่อฟังนะครับ"


   "ได้ครับ น้องภูไปไม่นานเดี๋ยวน้องภูจะซื้อขนมมาฝากลุงธนานะฮะ" ภูธนาได้ยินคำพูดเจื้อยแจ้วของหลานชายแล้วอดที่จะก้มลงหอมแก้มกลมแรงๆ นั้นไม่ได้ด้วยความหมั่นเขี้ยว


   "น้องภูบ๊ายบายคุณลุงก่อนสิครับ ไปกันเถอะค่ะ คุณดิน"             ภูบดินทร์โบกมือให้กับคุณลุง ทำตามผู้เป็นแม่บอกโดยดี




   เด็กน้อยไม่รู้เลยว่าการโบกมือลาครั้งนี้ คือการที่จะไม่ได้พบเจอลุงธนา ลุงที่ใจดีของเด็กชายคนนี้อีกแล้ว




   ภูธนาจับมือที่โบกมืออยู่นั้น บีบมือแน่นๆ ก่อนจะปล่อยให้ภูสิตาพาเด็กน้อยออกจากห้องไป




   ทันทีที่ประตูปิดลง หัวใจของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  ภูธนากลับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย
 






Talk:.

มาตอน 6 ตามที่บอกไปเมื่อวานนี้นะคะ มาลงดึกหน่อย คงไม่ว่ากันโนะ >< พาร์ทนี้ยิ่งอยากจะโมโหสิตาสุดๆ ไปเลย
สงสารคุณลุงด้วย อาา


 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:



ด้วยรัก
เขมกันต์



ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยัยสิตา!!!! :katai1: บริพัตรคู่สิตาปะคะ55555
ลุ้นๆๆๆตอนต่อไปค่าา  :L2:  :pig4:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
เกลียดดดอดด ทำไมไร้หัวใจกับพี่ชายได้ขนาดนี้หืมมมม อยากรู้ว่าลุงธนาจะทำไงต่อ รอต่อนะคะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ใครคู่ใครนิ งงแล่ว ดูเอนเอียงไปที่พัต

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

บทที่ 7 ทุกข์ใจ


   ภูธนาไขกุญแจเข้าห้องพัก แล้วโยนกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ห้อง ที่ดูเงียบเหงาเกินไปเมื่อไม่มีภูบดินทร์คอยส่งเสียงเจื้อยแจ้วชวนภูธนาคุยไปตามประสา ห้องนี้ดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยเกินไป เมื่อไม่มีของเล่นของเด็กชายตัวน้อยวางระเกะระกะไปทั่วทุกพื้นที่ว่างภายในห้อง



   ผ่านไป 2 วัน แล้ว ภูธนาไม่รู้ว่าน้องภูจะเป็นอย่างไรบ้าง เด็กน้อยจะกินข้าวได้เยอะมั้ย งอแงหรือเปล่า นอนหลับสบายหรือไม่ ภูธนากังวลไปเสียทุกอย่าง และก็หยุดคิดถึงหลานชายไม่ได้สักที ไม่ว่าจะทำอะไร ชายหนุ่มก็พลอยที่จะนึกถึงแต่ใบหน้าน้อยๆ ที่น่าฟัดตลอดเวลา





   "เฮ้อ" ภูธนาถอนหายใจอีกครั้ง


   ถึงใจจะอยากไปหาภูบดินทร์เพียงใดแต่ภูธนาก็ต้องเข้มแข็งหักห้ามใจเอาไว้ หากว่าตัวเขาโผล่หน้าไปหาหลานชายตอนนี้ อาจจะเกิดปัญหาหรือความยุ่งยากใจให้กับพ่อของน้องภูก็เป็นได้



   ภูสิตา หลังจากที่นำเงินมาให้เขาไปใช้หนี้จนหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่พบหน้าตาของน้องสาวตัวดีคนนี้เลย ไม่มีแม้กระทั่งข้อความที่จะติดต่อกลับมาเช่นกัน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้ภูสิตาอยู่ที่ไหน แต่ภูธนาก็เหนื่อยและยังโกรธน้องสาวเกินกว่าที่จะติดต่อน้องสาว
   





   "ฮือ น้องภูจะกลับบ้าน น้องภูคิดถึงลุงธนา น้องภูอยากกลับบ้าน" ล่วงเข้าวันที่ 2 แล้วแต่ภูบดินทร์ก็ยังร้องไห้ไม่หยุด เด็กน้อยร้องไห้จนหลับ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้หาผู้เป็นลุงตลอดเวลา



   บดินทร์ปวดใจกับภาพที่เห็น เขาพยายามปลอบลูกให้หยุดร้องไห้ แต่ก็ไม่สำเร็จ นอกจากเด็กชายจะไม่หยุดร้องแล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าของเขากลับยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ภูบดินทร์ไม่ยอมให้บดินทร์ถูกเนื้อต้องตัว เด็กชายร้องไห้เสียงดังทุกครั้งที่    รู้ว่าบดินทร์พยายามที่จะเข้ามาหา



   ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ ใจหนึ่งก็เกรงใจหากจะต้องไปขอคำปรึกษาจากภูธนา แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารภูบดินทร์อย่างมาก เด็กชายร้องไห้จนเพลีย ไม่เพียงแต่บดินทร์ที่จะหนักใจ แม้กระทั่งบริพัตรเองก็หนักใจไม่แพ้กัน ชายหนุ่มพยายามหลอกล่อให้เด็กชายได้ทานข้าวบ้าง กว่าจะผ่านแต่ละคำก็เล่นเอาบริพัตรแทบกระอัก น้องภูทั้งพ่นข้าว ทั้งคายข้าว ทั้งปัดข้าวหก ครบทุกสูตรของเด็กดื้อ แต่บริพัตรก็อดทนเพราะเข้าใจได้ดีว่าเป็นเรื่องธรรมดา เด็กน้อยย่อมต้องคิดถึงผู้เป็นลุงที่เลี้ยงมา   



   "น้องภูหลับแล้วเหรอ พัต" บดินทร์นั่งกุมขมับอยู่ตรงโซฟา เมื่อเห็นบริพัตรออกมาจากห้องของเด็กชายแล้วปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ


   "ครับ ร้องไห้จนเหนื่อย"


   "พี่จะทำยังไงกับน้องภูดีล่ะ พัต" บดินทร์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน


   "ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ น้องภูอาจจะป่วยเอาก็ได้นะครับ"


   "นั่นสิ เมื่อวานก็เริ่มมีอาการไอแล้วด้วย พี่เองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กเท่าไหร่ จะพาแกไปหาหมอ หรือเราควรหาพี่เลี้ยงมาดูแลน้องภูก่อนดีมั้ย พัต" บดินทร์เริ่มมีความคิดว่าควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร


   "พี่เลี้ยงเหรอครับ"


   "ใช่ ถ้าเราหาพี่เลี้ยงที่เป็นงานหน่อย ก็น่าจะดูแลน้องภูได้ไม่ยาก"


   "แต่ว่า พี่เลี้ยงดีๆ นี่หายากมากเลยนะครับ ผมเห็นในเน็ต มีข่าวเยอะแยะที่พี่เลี้ยงทำร้ายเด็กในช่วงที่พ่อแม่เด็กไปทำงาน"


   "มันก็จริง แต่บ้านเราก็มีกล้องวงจรปิดติดไว้อยู่แล้วนี่นา คงไม่น่าเป็นห่วงอะไรมั้ง"


   "ถึงจะมีกล้องแต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจหรอกครับ ยิ่งน้องภูเป็นลูกของพี่ด้วย เราน่าจะต้องรอบคอบกว่านี้"


   "จริงของนาย พี่นี่ใช้ไม่ได้เลย" พอได้ฟังคำอธิบายจากบริพัตรแล้ว บดินทร์ถึงได้รู้ว่าความคิดของเขามันช่างเป็นการคิดตื้นๆ เสียจริง


   "แล้วจะเอาไงดีล่ะ ลาพักร้อนที่พี่ลาไว้ก็เหลืออีกไม่กี่วัน ถ้าหลังจากนี้ น้องภูจะอยู่กับใคร"


   "ถ้าพี่ดินไม่ว่าอะไร ผมอยากจะให้ลุงของน้องภูมาดูแลหลานเองดีกว่ามั้ยครับ ผมพอรู้มาว่า คุณภูธนาเพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานทำที่ไหน ถ้ายังไงแล้ว เราก็จ้างเค้ามาทำงานที่นี่เลยดีมั้ยครับ" บริพัตรลองเสนอความเห็นที่เจ้าตัวได้คิดมาตั้งแต่แรก


   "จะดีเหรอ ทางนั้นจะมองว่าเราไม่มีความสามารถหรือเปล่า เอาลูกมาเลี้ยงก็ยังเลี้ยงไม่ได้เลย" บดินทร์ไม่แน่ใจนักกับความคิดของบริพัตร เพราะก็ไม่อยากให้ภูธนามองตัวเขาเองในแง่ไม่ดี


   "ผมว่า น้องภูสำคัญที่สุดนะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราคงต้องยอมรับว่าเราเลี้ยงไม่ไหว แล้วน้องภูก็ติดคุณลุงมาก อีกอย่าง ถ้าลุงกับหลานผูกพันธ์กันจริง คุณภูธนาคงอยากมาดูแลน้องภูด้วยตัวเองอยู่แล้วครับ ผมว่านี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้"


   "เอาอย่างนั้นเหรอ พัต พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ" บดินทร์ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก


   "เอาอย่างนี้แหละครับ เราก็ไม่ได้ให้คุณภูธนามาเลี้ยงน้องภูเฉยๆ ก็จ้างคุณภูธนาทำงานเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนเรื่องที่พัก บ้านเราก็มีตั้งหลายห้อง ถ้าเค้าไม่รังเกียจจะนอนกับน้องภูหรือจะนอนที่ห้องอื่นก็ย่อมได้นะครับ"


   "เอา งั้นตกลงตามนี้ พรุ่งนี้พี่จะพาน้องภูไปหาคุณภูธนา ทางนั้นจะได้ยอมใจอ่อนกับเรา"


   "ดีครับ" บริพัตรตอบสั้นๆ แล้วจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่ยังอ่านค้างไว้ตรงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา


   "แล้วที่ทำงานเป็นไงบ้าง ยังมีปัญหาอยู่มั้ย" ช่วงนี้บดินทร์ไม่ค่อยได้ถามเรื่องส่วนตัวของบริพัตรมากนักเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของภูบดินทร์


   "ก็เหมือนเดิมครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ ชินแล้ว" บริพัตรตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเป็นเรื่องปกติ


   "จะชินได้ยังไงกันล่ะพัต ให้พี่ทำเรื่องย้ายนายไปแผนกอื่นดีมั้ย"


   "ไม่ต้องหรอกครับ ลำบากพี่ดินเปล่าๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ"


   "น้องชายคนที่ร่าเริง ไม่ยอมแพ้ใคร ของพี่หายไปไหนแล้ว" ในที่สุดบดินทร์ก็อดที่จะถามสิ่งที่คาใจมาโดยตลอด


   "เด็กคนนั้น ตายไปแล้วครับพี่ดิน เหลือแค่ผม ที่เป็นแบบนี้ครับ" บริพัตรทิ้งท้ายไว้เท่านี้ก็วางหนังสือลงและลุกเข้าห้องนอนของตัวเองไป




   บริพัตรเปลี่ยนไปมาก หลายต่อหลายครั้ง ที่บดินทร์รู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักน้องชายคนนี้มาก่อนเลย 1 ปีที่บริพัตรหายไประหว่างเรียนมหาวิทยาลัยในช่วงปี 4 ไม่มีใครติดต่อบริพัตรได้ ไม่มีใครรู้ว่าบริพัตรหายไปไหน ทุกคนรู้เพียงแค่ว่าบริพัตรดรอปเรียนปีสุดท้ายเอาไว้



   หลังจาก 1 ปี ที่หายไป บริพัตรกลับมาพร้อมแว่นตากรอบหนาอันใหญ่ ผมเผ้ารุงรัง ซ้ำยังไม่ใส่ใจดูแลตัวเองเท่าไหร่ และที่สำคัญรอยยิ้มและความสดใสของชายหนุ่มก็หายไปเช่นกัน ชายหนุ่มกลับมาเรียนต่อให้จบ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หากมีเวลาว่างชายหนุ่มก็จะเฝ้าอ่านแต่หนังสือ ไม่สนใจที่จะทำกิจกรรมอื่น



   เมื่อบริพัตรหางานทำไม่ได้สักที ในเวลานั้นบดินทร์ดำรงตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้จัดการแผนกจึงชักชวนให้ชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่บริษัทเดียวกับตนเอง บริพัตรก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรยอมมาทำโดยดี แต่บดินทร์ไม่เคยรู้เลยว่าการที่ชักชวนบริพัตรมาทำงานนั้น สร้างความหมั่นไส้ให้กับคนในแผนกเป็นอย่างมาก บริพัตรถูกกลั่นแกล้งให้ทำงานของคนอื่น หากมีการผิดพลาด บริพัตรก็จะถูกใส่ร้ายโยนความผิดมาให้ แต่บริพัตรก็อดทน ไม่เคยพูดให้บดินทร์ได้ฟังเลยสักครั้ง



   จนกระทั่งชายหนุ่มได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหาร บริษัทจึงแต่งตั้งหัวหน้าแผนกคนใหม่ซึ่งเป็นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับบดินทร์ ชายหนุ่มเลยค่อนข้างรู้จักนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ดี



   'มนัธญา' เป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่งเท่าที่บดินทร์เคยรู้จักมา รุ่นน้องคนนี้เป็นเด็กที่น่ารัก มีทั้งไหวพริบ ความฉลาดและมองเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ออกจะกวนหรือห้าวเกินไปหน่อยสำหรับนิสัยของผู้หญิง และด้วยความที่เป็นคนที่ค่อนข้างสังเกตอะไรได้ดี  เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบริพัตร จึงไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของมนัธญาได้




   บดินทร์จึงได้รู้เรื่องการกลั่นแกล้งจากมนัธญานั่นเอง แต่บริพัตรกลับขอร้องไม่ให้ทั้ง 2 คน ออกหน้าปกป้องเจ้าตัวมากนัก เพราะไม่ต้องการให้ใครหมั่นไส้หรือมีอคติกับเขามากไปกว่านี้ บดินทร์และมนัธญาเลยต้องคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ หากไม่นักหนาเกินไปนัก ทั้ง 2 คน ก็จะยังไม่แสดงตัวออกไป



   เผลอคิดเรื่องราวของบริพัตรเสียยืดยาว บดินทร์รีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้ชายหนุ่มจะพาน้องภูไปขอความช่วยเหลือจากภูธนา



   เสียงประตูห้องดังขึ้น ภูธนาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อยว่าใครมีธุระในเวลาเช้าขนาดนี้ ชายหนุ่มรีบเดินไปประตู ส่องตาแมวเพื่อดูว่าคนที่มาเคาะประตูคือใคร แต่เมื่อส่องตาแมวแล้วก็ยิ่งแปลกใจ และแฝงด้วยความกังวลใจไปพร้อมกัน


   ทำไมบดินทร์ ถึงมาตั้งแต่เช้า หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องภู ด้วยความตกใจ ภูธนาจึงรีบเปิดประตูทันที


   "คุณบดินทร์ครับ มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องภูหรือเปล่าครับ" เมื่อประตูถูกเปิดออก ภูธนาก็รีบถามออกไปโดยไม่รอช้า แต่ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีใครมากอดขาของเขาไว้ ภูธนาจึงก้มมอง


   "น้องภู น้องภู" ภูธนาละล่ำละลักเรียกหลานชายด้วยความจริง ร่างสูง    ของชายหนุ่มรีบย่อตัวลงเพื่อกอดหลานชาย ลุงกับหลานทักทายกันด้วยความรัก ผลัดกันหอมแก้มกันคนทีละ


   "อะ แฮ่ม คุณภูธนาครับ" เสียงกระแอมดังเตือนให้ภูธนารู้สึกตัวว่าเขากับน้องภูไม่ได้อยู่กันตามลำพัง


   "อ่ะ ขอโทษครับ มัวแต่ดีใจเพลินไปหน่อย เชิญเข้าห้องก่อนครับ" ภูธนาอุ้มภูบดินทร์พาเข้าไปในห้องและปล่อยให้บดินทร์เดินตามเข้ามาทีหลัง


   "มีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาแต่เช้า" ภูธนาจัดแจงหาของเช้าให้ภูบดินทร์นั่งทานที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะยกน้ำดื่มมาให้บดินทร์ที่นั่งอยู่ที่โซฟาสีขาวในห้อง


   "ขอโทษนะครับ ที่มารบกวน แต่ผมก็มีเรื่องรบกวนคุณภูธนาจริงๆ นั่นแหละครับ ตั้งแต่ที่พาน้องภูไปวันนั้น น้องภูก็เอาแต่ร้องไห้หาคุณภูธนาตลอดเวลาเลย ผมกลัวว่าแกจะไม่สบายเสียก่อน"


   "รู้สึกเหมือนตัวจะอุ่นๆ นิดหน่อย ให้นอนพักเยอะๆ ก็น่าจะดีขึ้นครับ" ภูธนาให้คำแนะนำกับคุณพ่อมือใหม่


   "ครับ น้องภูร้องไห้หาคุณภูธนาตลอดเวลา ข้าวก็ไม่ยอมทาน และถ้าไม่เหนื่อยจริงๆ ก็ไม่ยอมนอนหรอกครับ ผมเป็นห่วงจริงๆ"


   "น้องภูเด็กดื้อกับคุณพ่อเหรอครับ" ประโยคนี้ภูธนาหันไปถามเด็กชายที่กำลังตักซีเรียลเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ภูบดินทร์ไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับส่ายหน้าแรงๆ แล้วยิ้มหวานให้กับลุงธนา ยิ้มแบบนี้ใครไม่ใจอ่อนก็แปลกแล้ว


   "อ้อ เรียกผมว่า ธนาเฉยๆ ก็พอครับ ได้ยินคุณเรียกเต็มยศแล้วแปลกๆ น่ะครับ"


   "ได้ครับ งั้นก็เรียกผมว่า ดิน นะครับ ยังไงเราก็ครอบครัวเดียวกันแล้ว"


   "ครับ ว่าแต่คุณดินไม่น่าจะพาน้องภูมาหาผมด้วยเรื่องเพียงเท่านี้หรอกนะครับ"


   "ครับ ถูกแล้วล่ะครับ"


   "เข้าเรื่องเถอะ  ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ" เมื่อเห็นบดินทร์ทำท่าลำบากใจ ภูธนาจึงกระตุ้นให้บดินทร์กล้าที่จะพูดออกมา


   "เพราะว่าที่บ้านที่อยู่มีเพียงผมกับน้องชายที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วเราก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน ครั้นจะหาพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ เลี้ยงเด็กได้คล่อง พัต อ่อ บริพัตรน่ะครับ ก็เตือนว่าคนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ ผมก็เลยยิ่งกังวล ดังนั้นผมก็เลย อยาก .... อยากที่จะ.." บดินทร์ค่อนข้างจะลำบากใจที่จะพูดต่อ


   "อยากที่จะอะไรเหรอครับ พูดมาเถอะครับ ผมฟังอยู่"


   "อยากที่จะขอร้องให้ธนาไปดูแลน้องภูด้วยกันที่บ้านของผมครับ ขอโทษที่ผมเสียมารยาทแต่ทราบมาว่าคุณเพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานทำ ผมก็เลยอยากจ้างให้คุณมาช่วยดูแลน้องภู เพราะถ้าเป็นคุณแล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะดูแลน้องภูได้ดีกว่าใครทั้งหมดแน่ๆ ครับ"


   "คุณแน่ใจเหรอครับว่าอยากให้ผมไปเลี้ยงน้องภูจริงๆ"


   "ใช่ครับ ผมแน่ใจและแน่ใจมากด้วย" บดินทร์ตอบอย่างมั่นใจ


   "แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงครับ ว่าผมอยากจะเลี้ยงน้องภู" คำพูดนี้ทำเอาบดินทร์อึ้งไปทันที เพราะไม่คิดมาก่อนว่าชายหนุ่มจะคิดปฏิเสธ


   "เรื่องนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกครับ แต่ผมคิดว่าคุณคงผูกพันธ์กับน้องภู และคงอยากที่จะดูแลน้องภูให้เติบโตด้วยตัวเอง"


   "ถ้าคุณคิดว่าเลี้ยงเด็กคนเดียวไม่ได้ แล้วคุณจะมาเอาน้องภูไปทำไม" ชายหนุ่มเสียงดังขึ้น ภูธนาพยายามที่จะอดกลั้นความปวดร้าว แต่มันก็ยากเกินกว่าจะเก็บไว้ภายใน


   "ถึงคุณธนาจะมองว่าผมอาจจะไม่มีปัญญาเลี้ยงน้องภูได้ แต่อย่าลืมนะครับ ผมเป็นพ่อของน้องภู ผมก็มีสิทธิ์ในตัวภูบดินทร์พอๆ กับภูสิตาด้วยซ้ำ ถ้าผมรู้เรื่องก่อนหน้านี้ ปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิด ผมคงจัดการให้ถูกต้องแต่แรก" บดินทร์เองก็หนักใจมากพออยู่แล้วที่จะมาขอร้องให้ภูธนาไปช่วยเลี้ยงหลาน แต่เมื่อโดนตอกหน้ากลับมาชายหนุ่มจึงอยากจะขอพูดสิทธิที่ตนพึงมีเช่นเดียวกัน


   "วันนี้คุณให้น้องภูอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะคุยกับแกเอง แล้วเรื่องที่จะไปเลี้ยงน้องภู พรุ่งนี้ผมจะให้คำตอบละกันนะครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่วันนี้เชิญคุณกลับไปก่อนละกัน" ภูธนาไม่อยากจะเสียมารยาท แต่ชายหนุ่มไม่อยากจะฝืนตัวเองมากไปกว่านี้แล้ว ภูธนาเดินไปประตูห้องเพื่อเป็นการบอกบดินทร์ให้กลับไปก่อนอีกครั้ง









Talk:.

สวัสดีค่ะ ตอน 7 แล้วนะคะ น้องภูเด็กน้อยร้องไห้ตลอดเลย น่าสงสาร เดากันหน่อยมั้ยคะว่าคุณลุงจะไปหรือไม่ไปเอ่ย ^^



ด้วยรัก
เขมกันต์


ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
จะไม่ไปไหวหรือออออออ ธนาดูสติหลุดๆ อย่างว่าเรื่องหลานรัก ส่วนคุณพ่อกับคุณอานี่ก็มือใหม่ของแท้เลย แกะกล่อง 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ monoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao5: 
อู้ยยยยยยย  จะยังไงต่อเนี้ยะ มาต่อเร็วๆ นะ ลุ้น

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

บทที่ 8  ตกลง



   เช้าวันถัดมา บดินทร์มายืนรอหน้าห้องที่พักของภูธนา ชายหนุ่มสองจิตสองใจว่าจะยืนรอจนกว่าจะถึงเวลาสมควรดี หรือจะเคาะประตูห้องเลย เพราะเวลานี้แม้แต่ห้างสรรพสินค้าก็ยังไม่เปิดให้บริการด้วยซ้ำ แต่ ไม่ทันต้องคิดให้เสียเวลามากไปกว่านี้ จังหวะนั้นภูธนาเปิดประตูห้องออกมา ชายทั้ง 2 ต่างตกใจด้วยกันทั้งคู่เพราะไม่คาดคิด



   "มานานหรือยังครับ" ภูธนาเป็นฝ่ายถามออกไปก่อน


   "เพิ่งมาถึงครับ"


   "ลุงธนาฮะ น้องภูไม่ไปกับคนนี้นะ" ภูบดินทร์ปล่อยมือที่ถูกจับจากมือของภูธนา เด็กชายเคลื่อนตัวไปยืนด้านหลังของผู้เป็นลุง หวังจะช่วยปกป้องตัวเองได้


   "ครับๆ ออกมายืนดีๆ ก่อนครับ" ภูธนาพยายามจับมือน้องภูไว้อีกครั้ง


   "จะไปไหนกันเหรอครับ" บดินทร์สังเกตจากอีกมือของภูธนาที่ถือกระเป๋าสตางค์สีดำเอาไว้


   "ไปมินิมาร์ทข้างล่างน่ะครับ พอดีนมสดกับซีเรียลของน้องภูหมด"


   "งั้น ผมขอไปช่วยถือนะ" ภูธนายืนนิ่งไม่ตอบอะไร บดินทร์เลยเลิกคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบของอีกฝ่าย


   "ช่วยถอยออกไปหน่อยได้มั้ยครับ ยืนขวางแบบนี้ผมกับน้องภูออกจากห้องไม่ได้" บดินทร์เลยเข้าใจถึงความหมายที่ภูธนาบอกได้เป็นอย่างดี




   รอจนภูธนาลอคประตูห้องเรียบร้อย บดินทร์จึงค่อยๆ เดินตามหลังชายหนุ่มไป ส่วนภูบดินทร์น่ะเหรอ สะบัดมือที่ลุงจับมือไว้ รีบวิ่งไปยังลิฟท์ทันที ได้ยินแต่เสียงลุงธนาเอ็ดเสียงไม่ค่อยดังเท่าไหร่นักว่าให้ระวัง เดี๋ยวจะหกล้มไป


   ทั้งที่ตั้งใจจะลงไปซื้อแค่ 2 อย่าง แต่เมื่อถึงเวลาคิดเงินทำไมถึงมีของที่เกินความจำเป็นมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุ้กกี้เอย ขนมขบเคี้ยวเอย ลูกอมต่างๆ เอย และคนที่หยิบมานั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นบดินทร์ที่แย่งภูธนาไปจ่ายเงินคนนี้ต่างหาก


   "ขนมพวกนี้ คุณไม่ควรซื้อให้น้องภูทานบ่อยๆ นะครับ เด็กจะติดขนมและความหวานจะทำให้ไม่ค่อยทานข้าวได้นะครับ"  ภูธนาเตือนเสียงเบา ไม่กล้าพูดเยอะเกินไปนัก เพราะกลัวว่าบดินทร์จะเข้าใจว่าตนเองนั้นเข้าไปก้าวก่าย


   " ผมเองก็ไม่ค่อยรู้ครับ คิดแต่เพียงว่าอันนี้น้องภูน่าจะทานได้ ก็เลยซื้อไปทุกอย่างเลย เรื่องที่คุณธนาพูดมาเนี่ย คิดไม่ถึงจริงๆ ครับ ขอบคุณนะครับที่บอกกัน"


   "ไม่เป็นไรครับ อันไหนที่คุณไม่แน่ใจก็ถามผมได้นะครับ"
   



   หลังจากพากันกลับเข้าห้องของภูธนาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็จัดแจงทำอาหารเช้าให้น้องภูง่ายๆ นมและซีเรียลที่เด็กน้อยโปรดปรานเป็นอย่างมาก ภูธนาเพิ่มคุณค่าทางอาหารอีกนิดหน่อยโดยการใส่ผลไม้ที่หั่นออกเป็นชิ้นเล็กๆ มีแอปเปิ้ลกับกล้วยที่ใส่ลงไปด้วย เด็กน้อยจะได้ทานง่ายๆ



   "คุณภูสิตาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ" บดินทร์ถามด้วยความแปลกใจเพราะตัวเขาเองก็มาที่นี่หลายครั้ง แต่เคยเห็นภูสิตาอยู่ที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียวในวันที่มารับน้องภูไปอยู่ด้วย


   "ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมเองก็ไม่เห็นหน้าน้องสาวมา 3-4 วันแล้ว"


   "แบบนี้คงเป็นห่วงแย่สินะครับ"


   "ยัยสิตาเอาตัวรอดได้เสมอแหละ" ภูธนาตัดบทสนทนาเสียงห้วนเพราะเวลานี้ชายหนุ่มก็ยังเคืองภูสิตาไม่หาย จึงไม่อยากที่จะพูดถึงน้องสาวในเวลานี้ ทำให้บดินทร์ไม่กล้าถามอะไรเพิ่มอีก



   ภูธนาพาหลานชายไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เรียบร้อยแล้ว เด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งเล่นรถแข่งอยู่บนพื้น ภูธนามองภาพนั้นด้วยความรักและความเอ็นดูในตัวหลานชาย แต่ความจริงก็คือความจริง วันนี้คือวันสุดท้ายที่ภูบดินทร์จะอยู่กับเขา และเขาเองก็ตัดสินใจแล้ว



   "เรื่องที่จะให้ไปช่วยเลี้ยงน้องภูน่ะครับ" ภูธนาเปิดบทสนทนาเข้าเรื่องที่สำคัญ


   "ครับ ตกลงใช่มั้ยครับ" บดินทร์รอฟังคำตอบด้วยความหวัง แต่ก็ต้องผิดหวังกลับมาทันทีเช่นกัน เมื่อพบว่าภูธนาส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ


   "ทำไมล่ะครับ"


   "ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าหากผมจะไปดูแลน้องภูอยู่แบบนี้ ยังไงเสีย น้องภูก็อาจจะติดผมมากขึ้นไปอีกและทำให้ไม่ยอมอยู่กับคุณ" เหตุผลของภูธนานั้นก็ดูน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย


   "ลองคิดดูใหม่อีกสักครั้งมั้ยครับ ถ้าคุณลำบากใจ ผมยังไม่เร่งรัดตอนนี้ก็ได้"


   "ผมคิดมาทั้งคืนแล้วครับ และคำตอบที่ผมให้ไป คิดว่าถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแล้วครับ" ภูธนายังยืนกรานในความคิดตนโดยไม่เปลี่ยนใจ


   "น่าเสียดายนะครับที่คุณไม่อยากไปกับพวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงทำอะไรไม่ได้ ถ้าคุณคิดถึงน้องภูเมื่อไหร่ก็ตาม คุณมาหาน้องภูหรือจะโทรให้ผมพาน้องภูมาหาได้ตลอดเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจไปนะครับ"


   "ขอบคุณครับ ไปกันครับน้องภู กลับบ้านกับคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวลุงไปส่งนะลูก" ภูธนาตอบรับน้ำใจของบดินทร์แล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ หลานชาย


   "ไม่ไปฮะ" เด็กน้อยพูดโดยไม่เงยหน้าของเล่น


   "วางของเล่นลง แล้วมองหน้าลุงก่อนครับ" น้ำเสียงราบเรียบ  ไม่ได้ดุดัน แต่กลับทำให้ภูบดินทร์วางของเล่นลงทันที บดินทร์รู้สึกทึ่งในความสามารถนั้นไม่น้อย


   "ทำไม่ถึงไม่ไปครับ"


   "ลุงธนาไม่ไปด้วยฮะ" เด็กชายตอบคำถามของลุง ด้วยคำตอบที่ภูธนาตอบบดินทร์ ใครว่าเด็กๆ ยังไม่เข้าใจเรื่องผู้ใหญ่ เด็กตาแป๋วคนนี้เข้าใจได้ดีเลยทีเดียวล่ะ


   "ลุงไปด้วยไม่ได้จริงๆ ครับ"


   "น้องภูจะอยู่กับลุงธนา น้องภูรักลุงธนาฮะ" คำพูดแค่ 2 ประโยคของหลานชาย สร้างความรู้สึกให้ภูธนาอย่างมาก หยดน้ำตาที่คลอ อยู่ก่อนแล้วเกือบจะไหลรินลงมา ชายหนุ่มจำต้องฝืนกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบาก ภูธนาไม่อยากให้เด็กชายต้องมาเห็นน้ำตาในสถานการณ์ แบบนี้


   "ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้น้องภูมีคุณพ่อแล้ว ไปกับคุณพ่อนะ" ภูธนาเกลี้ยกล่อมเด็กชายอีกครั้ง


   ภูธนาอุ้มเด็กชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและลุกยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จะส่งน้องภูให้บดินทร์มารับช่วงต่อ ภูบดินทร์กอดคอผู้เป็นลุงเอาไว้แน่น ขาขาวอวบอ้วนของเด็กชาย ถีบสะบัดไปมาด้วยความงอแง


   "ไม่ไป น้องภูไม่ไป ไม่ไป น้องภูไม่ไป" เด็กชายเริ่มร้องไห้งอแงเสียงดังพูดคำซ้ำๆ วนไปมา


   "โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับๆ" ภูธนาลูบหลังเด็กชายเบาๆ พลางเขย่าร่างในอ้อมแขนนั้นเล็กน้อย


   "ไม่ไปนะ น้องภูไม่ไป" ภูบดินทร์ยังคงร้องไห้ส่งเสียงดังไม่หยุด ไม่ว่าชายหนุ่มจะปลอบอย่างไร แต่หลานชายก็ยังร้องไห้จ้า


   "น้องภูครับ ถ้าลุงธนาไปอยู่กับเราที่บ้านใหม่ น้องภูจะไปมั้ยครับ" บดินทร์ขยับเข้ามาประชิดตัวภูธนา และชะโงกหน้าเข้าไปพูดกับภูบดินทร์ใกล้ๆ หู มือหนาค่อยๆ ลูบหัวลูกชายอย่างเบามือ การกระทำทั้งหมดของบดินทร์ทำให้ภูธนาตกใจค่อนข้างมาก ทำให้เจ้าตัวยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ



   ใกล้เกินไปหรือเปล่านะ



   ภูบดินทร์ค่อยๆ หันมามองใบหน้าผู้เป็นพ่อ หยดน้ำตายังกลิ้ง ลงมาจากดวงตาคู่สวยมาสู่พวงแก้มชมพู ขนตาหนาเปียกชุ่มเกาะตัวกันเป็นกระจุก ปากอิ่มๆ ค่อยขยับพูดเบาๆ


   "ถ้าลุงธนาไปด้วย น้องภูก็ไปฮะ น้องภูจะอยู่กับลุงธนา" เด็กชายตอบเพียงเท่านั้นก็หันไปกอดคอลุงธนาอีกครั้ง ซบหน้าลงกับไหล่ของลุงเพื่ออ้อนให้ลุงใจอ่อน


   "ผมว่าคุณคงต้องไปอยู่ที่บ้านผมก่อนนะครับ ช่วงนี้ก็ถือซะว่าเป็นการสอนวิธีเลี้ยงเด็กให้กับผม และให้น้องภูค่อยๆ คุ้นกับผมด้วยนะครับ แล้วหลังจากนี้ เราค่อยว่ากันอีกทีดีมั้ยครับ" บดินทร์สบโอกาสเหมาะจึงยื่นข้อเสนอไปใหม่อีกครั้ง


   "ไปด้วยกันนะฮะ ลุงธนา น้องภูรักลุงธนา" คำพูดออดอ้อนของเจ้าตัวน้อย ทำเอาภูธนาใจอ่อนเสียได้ แถมแขนจ้ำม่ำยังรัดคอลุงแทบจะหายใจไม่ออก


   "ก็ได้ๆ งั้นลุงจะไปอยู่กับน้องภูก่อน แล้วน้องภูต้องไม่ดื้อ ไม่งอแงอีกนะครับ" ภูธนายอมแพ้กับความน่ารักของหลานชาย ชายหนุ่มกดจมูกลงพวงแก้มหอมดังฟอดด้วยความหมั่นเขี้ยวในตัวน้องภู ส่วนหลานชายก็ไม่ยอมน้อยหน้า ปากชมพูกดปากอิ่มลงบนแก้มของลุงเช่นเดียวกัน บดินทร์รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้านั้น   


   "ถ้างั้น คุณธนาไปเก็บของก่อนนะครับ เดี๋ยวระหว่างนี้ผมจะดูแลน้องภูให้เอง" บดินทร์ไม่รอช้า รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที ด้วยเกรงว่าภูธนาจะเปลี่ยนใจ





   ภูธนาวางหลานชายลงที่พื้นแล้ว เจ้าตัวจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเก็บของที่จำเป็นส่วนหนึ่ง ระหว่างนี้ชายหนุ่มคิดสิ่งที่ต้องทำออกมาในช่วงที่เขาจะต้องไปดูแลหลานชาย

   1. เก็บของส่วนที่จำเป็นก่อน ส่วนที่เหลือค่อยมาเก็บวันหลัง
   2. เขียนโน้ตบอกภูสิตา
   3. แจ้งลาออกจากร้านอาหาร
   4. อย่าลืมไปร้านโมเดลรถ เพราะต่อไปคงไม่ค่อยได้ไปแล้ว
   5. เรื่องโรงเรียนน้องภู ขาดเรียนหลายวันแล้ว
   6. ยังคิดไม่ออก





   เริ่มจากข้อที่ 1 ภูธนารีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นก่อน ถ้าหากขาดเหลืออะไร อาจจะซื้อหาเอาใหม่ หรือแวะมาที่ห้องทีหลัง  แต่เวลานี้ชายหนุ่มเกรงใจคนข้างนอกไม่อยากให้ต้องรอนาน


   ภูธนายกกระเป๋าใบไม่ใหญ่เกินไปนักออกมาจากห้องนอน บดินทร์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยถือ แต่ภูธนากลับปฏิเสธเพราะไม่ได้หนักหนาอะไร แค่กระเป๋าใบเดียวถือได้ไม่ลำบากอะไรอยู่แล้ว


   "ให้ผมถือแทนเถอะครับ เดี๋ยวคุณธนาต้องอุ้มน้องภูลงไปนะครับ เพราะแกคงไม่ยอมให้ผมอุ้มไปหรอกครับ" เหตุผลของบดินทร์ทำให้ภูธนาลังเลอยู่ แต่ไม่ทันจะท้วงออกไป กระเป๋าในมือก็ถูกเปลี่ยนมือคนถือเสียแล้ว


   ภูธนาจำใจต้องปล่อยเลยตามเลย ชายหนุ่มเดินไปเขียนข้อความลงกระดาษโน้ตและวางไว้บนโต๊ะอาหาร เมื่อภูสิตากลับมา หญิงสาวจะได้เห็นข้อความและเข้าใจได้ในทันที


   "เรียบร้อยแล้วครับ" ภูธนาบอกบดินทร์เมื่อชายหนุ่มจัดการสิ่งที่ต้องทำ 2 ข้อแรกเสร็จแล้วจึงก้มลงไปอุ้มเด็กชายที่ยังถือรถแข่งไว้ในมือ





   รถจอดสนิท เมื่อถึงที่หมายปลายทาง ภูธนาอุ้มเด็กชายลงจากรถทั้งที่ยังหลับอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง ภูธนามองบ้านเดี่ยวที่มีขนาดราว 70 ตร.วา ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก บ้านหลังนี้ดูท่าทางแล้วน่าจะมีอายุมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่คงได้รับการดูแลบำรุงรักษาอยู่เสมอ จึงดูไม่ค่อยทรุดโทรมเท่าไหร่นัก


   "ถึงแล้วครับ" บดินทร์พูดพลางลงจากรถไปเปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อนำรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านแล้วจึงพากันเข้าสู่ภายในตัวบ้านหลังนี้


   "เย็นสบายจังเลยนะครับ" ทั้งที่อากาศภายนอกค่อนข้างอบอ้าว  แต่วินาทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ภูธนารู้สึกความเย็นสบายภายในตัวบ้าน ทั้งที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศเลย


   "ครับ พอดีว่าคุณพ่อท่านเป็นคนออกแบบจัดการภายในตัวบ้านไว้เป็นอย่างดี ผมเลยพลอยสบายไปด้วย"


   "แล้วท่านไม่อยู่เหรอครับ"


   "พอจัดการบ้านหลังนี้เสร็จ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดน่ะครับ ท่านทั้ง 2 คนชอบธรรมชาติ เดี๋ยวไว้ว่างๆ ผมจะพาคุณกับน้องภูไปเยี่ยมท่านนะครับ น้องภูจะได้เจอคุณปู่คุณย่าด้วย"


   "ผมให้น้องภูนอนที่ไหนได้บ้างครับ ตอนนี้แขนล้าไปหมดแล้ว" ภูธนาไม่ได้ตอบรับเรื่องการไปต่างจังหวัดกับคนชวน แต่กลับพูดถึงเรื่องของน้องภูแทน


   "ผมลืมไปเลย มัวแต่เล่าเพลินไปหน่อย โทษทีนะครับ ผมจัดห้องไว้ให้น้องภู ทางนี้ครับ" บดินทร์เดินนำพาไปยังห้องของเด็กชายที่อยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน




   บ้านหลังนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ห้องนอน แต่ละห้องมีต่างก็   ห้องน้ำในตัวด้วยกันทั้งสิ้นเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ชั้นบน   ไม่มีอะไรมากนอกจากห้องนอนเท่านั้น พ้นบันไดขึ้นมาก็พบกับห้องนอนทั้งหมด 4 ห้องติดกันเป็นแนวนอน และมุมสุดของทางเดินเป็นโต๊ะหมู่บูชาวางพระพุทธรูปขนาดกลาง



   บดินทร์เดินนำภูธนาไปห้องนอน ที่ 2 นับจากซ้ายมือ ชายหนุ่มเปิดประตูกว้างเพื่อให้ภูธนาอุ้มเด็กเข้าไปได้โดยสะดวก เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ภูธนาตรงไปที่เตียงหลังใหญ่เพื่อวางหลานชายลงนอน จัดท่านอนเพื่อให้สบายตัวและห่มผ้าให้อย่างเบามือ หลังจากนั้นถึงสังเกตรอบๆ ห้อง อย่างรวดเร็ว เพราะบดินทร์ยังอยู่ในห้องด้วย 



   เตียงนอนที่ภูบดินทร์นอนนี้มีขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะที่จะเป็นของผู้ใหญ่มากกว่าของเด็ก 3 ขวบด้วยซ้ำ  ทางด้านซ้ายมือของห้องเป็นตู้บิวท์อินสีขาว  ความสูงจรดเพดานห้องกินพื้นที่ทั้งผนังด้านข้างของห้องทั้งแถบ  ส่วนนี้ไว้ใช้เก็บเสื้อผ้าต่างๆ รวมถึงของกระจุกกระจิกต่างๆ 



   ทางด้านขวามือของห้องมีอีกหนึ่งประตู ภูธนาเดาว่าคงจะเป็นประตูห้องน้ำ และบริเวณพื้นที่ว่างของห้องนั้น เต็มไปด้วยของเล่นต่างๆ ที่ไว้สำหรับฝึกพัฒนาการของเด็กน้อยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สารพัดอย่างที่จะนำมาต่อเป็นสิ่งของต่างๆ กล่องที่มีช่องหลายช่องสำหรับใส่รูปทรงต่างๆ ที่ตัดกระดาษ ก้อนไม้สีต่างๆ สำหรับจับคู่สี ของเล่นที่ใช่สร้างบ้าน ดินสอเทียน ดินสอสีไว้ระบายสมุด และอีกมากมายจนภูธนาตาลาย



   นับว่าบดินทร์ก็ใส่ใจและค้นหาเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพียงแต่จะมารับลูกไปเลี้ยงดูเท่านั้น คิดได้เท่านี้ ภูธนาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นค่อนข้างมาก



   หลังจากสำรวจห้องเสร็จแล้ว ภูธนาเดินออกมานอกห้องเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของหลานชาย บดินทร์เดินตามออกมาแล้วจึงงับประตูไว้ แต่ไม่ได้ปิดประตูจนสนิทเลยทีเดียว ชายหนุ่มแง้มประตูเอาไว้เล็กน้อย หากภูบดินทร์ตื่นจะได้รู้ตัว


   "เรื่องห้องนอน ผมจัดห้องที่เป็นห้องพักของแขกไว้ให้คุณธนานะครับ อยู่ตรงมุมสุดใกล้ๆ กับตรงโต๊ะหมู่ ห้องตรงนั้นนะครับ" บดินทร์ชี้มือไปห้องที่ว่านั้น


   "ปกติผมนอนกับน้องภูอยู่แล้ว ถ้าผมอยากจะขอนอนกับน้องภูเหมือนเดิมจะสะดวกมั้ยครับ"


   "ได้สิครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับ แล้วแต่ความต้องการของคุณธนาเลยครับ ส่วนห้องแรกที่ตอนขึ้นบันไดมา ทางซ้ายสุดจะเป็นห้องของเจ้าพัตนะครับ คุณธนาจำพัตได้มั้ย"


   "ผู้ชายที่มาด้วยวันนั้นใช่มั้ยครับ" ภูธนามีทีท่าว่าจำได้


   "ใช่ครับ ถัดมาคือห้องน้องภูและคุณธนา แล้วก็ติดกันเป็นห้องของผมเองครับ จริงๆ แล้วผมเองก็ลังเลอยู่นานว่าจะเลือกห้องไหนให้น้องภูดี แต่เจ้าพัตก็เสนอมาว่า หากน้องภูร้องไห้กลางดึก อย่างน้อยไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็คงได้ยินเสียงบ้างเพราะอยู่ห้องติดกัน"


   "ส่วนด้านล่างก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว สนามข้างบ้าน คร่าวๆ ประมาณนี้แหละครับ คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณธนาเองเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจทั้งผมและพัต เรา 2 คนอยู่กันแบบง่ายๆ ครับ" บดินทร์ยังคงทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อเนื่อง ชายหนุ่มเดินนำภูธนาลงมาชั้นล่างและพาเดินดูห้องต่างๆ และรอบๆ ตัวบ้าน


   "อยู่กันแค่ 2 คนเหรอครับ" ภูธนาเอ่ยถามขึ้นเพราะเท่าที่ฟังบดินทร์เล่ามาก็เหมือนมีแค่บดินทร์และบริพัตร


   "ใช่ครับ แต่ตอนนี้ 4 คนแล้วนะครับ รวมน้องภูและคุณด้วย ตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวโทรศัพท์เรื่องงานนิดหน่อย ลาพักร้อนหลายวันแล้ว งานคงกองเยอะแน่ๆ พรุ่งนี้ครบกำหนดวันลา ผมคงต้องไปทำงานแล้วนะครับ ยังไงก็ขอฝากน้องภูกับคุณด้วย"


   "ครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอออกไปทำธุระสักครู่นะครับ แล้วจะรีบกลับมาให้ทันก่อนน้องภูตื่น"


   "เชิญเลยครับ" บดินทร์ยิ้มให้ก่อนที่จะขึ้นไปชั้น 2 แล้วหายเข้าไปในห้องของตัวเอง



   ภูธนาตรวจดูกระเป๋าว่ามีของครบหรือไม่ กุญแจเอย กระเป๋าสตางค์เอย หรือโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อม ชายหนุ่มจึงรีบออกไปจัดการธุระโดยเร็ว





Talk:. 

ตอน 8 แล้วนะคะ คงไม่มาลงช้าจนเกินไปเนาะ  หนุ่มๆ มาอยู่ด้วยกันล้าวววว ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ต่อไป
รักน้องภู ^__^ บางทีเด็กงอแงก็มีประโยชน์เหมือนกันน้า


มาลุ้นตอนต่อไปด้วยกันนะคะ
  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


ด้วยรัก
เขมกันต์


ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
นั่นสิ งอแงถูกเวลามากลูก 5555

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
น้องภูมิเป็นสายรักให้แน่ๆๆๆ
ลุ้นต่อๆๆ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
บทที่ 9 เผชิญ


   ภูธนาทำสิ่งที่ต้องทำข้อที่ 3 ต่อทันที ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าร้านอาหารที่ตนเองทำงานอยู่ ตรงไปบริเวณห้องครัวที่ประกอบอาหารให้กับลูกค้า พนักงานในครัวต่างพากันแปลกใจเล็กน้อย ที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา



   "วันนี้ไม่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ" หัวหน้าพ่อครัวของร้านทักเสียงดังโดยไม่ได้หยุดมือที่กำลังผัดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อยู่


   "สวัสดีครับ พอดีผมมีธุระกับเจ้าของร้านน่ะครับ" ภูธนายกมือไหว้ทุกคนตามความเคยชินแล้วตnอบคำถามกลับไป


   "งั้นเหรอ แล้วมาทำไมที่นี่ ขึ้นไปบนห้องทำงานสิ" ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เสร็จพอดี พ่อครัวตักอาหารลงบนจานที่จัดไว้อย่างสวยงามแล้ว ก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟให้มายกอาหารออกไป



   แต่ทว่า ภูธนาก็ยังยืนละล้าละลังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน พ่อครัวใหญ่เลยเดินมาหาชายหนุ่ม "เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ" ภูธนาไม่ขยับไปไหน แต่หันมาสบสายตาพ่อครัวตรงๆ


   "คือผม มีเรื่องอยากจะพูดกับหัวหน้าครับ"


   "ได้สิ" พ่อครัวใหญ่พูดพลางเดินไปที่อ่างล้างจานเพื่อล้างมือ


   "วันนี้ผมมาลาออกครับ" สิ้นเสียงของภูธนา หัวหน้าพ่อครัวชะงักมือที่กำลังล้าง หนุ่มใหญ่รีบเช็ดมือที่ผ้าอย่างลวกๆ แล้วหันไปมองภูธนาอย่างจริงจัง


   "ทำไมล่ะ มีอะไรหรือเปล่า"


   "นิดหน่อยครับ แต่เรื่องมันยาวเลยไม่สะดวกที่จะบอกตอนนี้"


   "เรื่องในร้านหรือเปล่า ถ้ามีปัญหาอะไรบอกฉันได้เลยนะ นายเองก็ทำงานดี ฉันไม่อยากเสียคนทำงานดีๆ อย่างนายไป"


   "เรื่องที่ร้านดีทุกอย่างครับ แต่เพราะเรื่องครอบครัวน่ะครับ เรื่องนั้นเลยทำให้ผมมาทำงานที่นี่ต่อไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ" ภูธนายกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าเพื่อขอโทษตามความรู้สึกจริงๆ


   "ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเรื่องส่วนตัวล่ะก็นะ แต่ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ หรือถ้าพร้อมจะกลับมาทำงานที่นี่ต่อเมื่อไหร่ ก็มาบอกได้เลย ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปพูดกับเจ้าของร้านให้เอง" หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ภายนอกดูเป็นคนเคร่งขรึมและดุดัน เสียงดัง แต่จิตใจกลับเป็นคนที่ใจดี คอยช่วยเหลือคนรอบข้างตลอดเวลา ยิ่งทำให้ภูธนาเกรงใจเพิ่มขึ้นไปอีก


   "ขอบคุณครับ"


   "ถ้าผ่านมาแถวนี้ก็แวะเข้ามาหาบ้างนะ ฉันจะทำอาหารอร่อยๆ ให้นาย งั้นวันนี้เอาของไปทานหน่อยนะ หลายๆ อย่างหน่อย" พ่อครัวใหญ่ร้องสั่งลูกน้องในครัวให้จัดแจงอาหารให้ชายหนุ่ม


   "ขอบคุณอีกครั้งครับ"


   "เดี๋ยวจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบขึ้นไปหาเจ้าของร้านได้แล้ว เอ้านี่ไปทานให้อร่อยนะ" มือใหญ่หนายื่นถุงที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ให้กับภูธนา ในนั้นบรรจุด้วยอาหารหลายอย่างตามที่เปรยไปก่อนหน้านี้


   "ขอบคุณมากครับ งั้นผมลานะครับ สวัสดีครับ" ภูธนายกมือไหว้ลาหัวหน้าอีกครั้ง




   ภูธนาแจ้งลาออกกับเจ้าของร้าน แต่เพราะเป็นการลาออกกระทันหัน ทำให้ไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ทัน ชายหนุ่มจึงถูกต่อว่าเล็กน้อยแต่ไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก เนื่องจากปกติแล้วภูธนาเป็นคนทำงานดี แทบไม่เคยขาดงาน นอกจากเหตุสุดวิสัยจริงๆ  เวลาทำงานก็ไม่เคยเหลวไหล ช่วยหยิบจับอะไรต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้เจ้าของร้านค่อนข้างที่จะเอ็นดูชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย ถึงจะค่อนข้างเสียดายคนอย่างภูธนา แต่เมื่อภูธนามีความจำเป็นต้องลาออกนั้นก็ทำให้เจ้าของร้านเข้าใจ
   




   หลังจากลาออกเรียบร้อยแล้ว ภูธนาไม่ลืมสิ่งที่ต้องทำข้อที่ 4 ชายหนุ่มเดินก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองทีละก้าว ทีละก้าว มุ่งหน้าไปร้านโมเดลรถที่ตนเองนั้นชอบไปเป็นประจำ ถึงแม้ว่าโมเดลรถที่ภูธนานั้นถูกคนซื้อไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ขอแค่ไปยืนดูโมเดล แค่ได้เห็นก็มีความสุขแล้ว



   เสียงโมบายที่แขวนตรงหน้าประตูส่งเสียงดังกรุ้งกริ๊ง เมื่อชายหนุ่มผลักประตูเข้ามาในร้าน



   "ไม่มาเสียนานเลยนะคุณ" เจ้าของร้านเอ่ยทักเมื่อเงยหน้าจากเคาท์เตอร์โต๊ะแล้วพบว่าใครกันที่เดินเข้าร้านมา


   "สวัสดีครับ ขายดีมั้ยครับ" ภูธนาทักทายตามมารยาท


   "ก็เรื่อยๆ แหละนะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ถ้าคนที่ไม่ได้ชอบจริงๆ จังๆ ล่ะก็ คงไม่ค่อยมีใครมายอมซื้อไปง่ายๆ หรอกนะ เพราะว่า"


   "เพราะว่าอะไรเหรอครับ" ภูธนาเลิกคิ้วถามเมื่อเจ้าของร้านโมเดลรถทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น


   "เพราะว่ามันแพงยังไงล่ะ ฮ่าๆ" ถึงจะขายไม่ค่อยดีนักแต่เจ้าของร้านก็ยังมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ


   "อ่า อย่างนั้นเหรอครับ" ภูธนาไม่เคยคิดว่าโมเดลรถจะมีราคาแพงเพราะเจ้าตัวชื่นชอบและอยากสะสมด้วยใจจริง พอได้รับคำตอบกลับมาแบบนี้ ชายหนุ่มเลยไม่รู้ว่าจะต้องตอบรับว่าอะไรดี


   "นี่คุณ มาช้าไปนิดเดียว ตะกี้ตอนที่เข้ามา เห็นคนที่เดินสวนออกไปมั้ยล่ะ"


   "คนที่เดินสวนเหรอครับ ไม่นะครับ ไม่เห็นเลย ทำไมเหรอครับ" มือเรียวขาวที่กำลังลูบคลำโมเดลรถตามตู้โชว์อยู่ ถามกลับไปโดยไม่ละสายตาจากของที่ชอบ


   " คนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคนนั้นแหละ ที่เป็นคนซื้อโมเดลรถที่คุณเอามาขายให้ผมไปยังไงล่ะ"


   "จริงเหรอครับ เดี๋ยวผมรีบไปดูก่อน" ภูธนารีบเปิดประตูร้านออกไป แต่พบว่ามีคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเต็มไปหมด ชายหนุ่มยกนาฬิกาดู เวลาในตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนแล้ว ชายหนุ่มจึงตัดใจกลับเข้ามาในร้านดังเดิม


   "เจอมั้ย"


   "ไม่เจอหรอกครับ แต่จริงๆ คือไม่รู้คนไหนมากกว่าใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวหลายคนเลยล่ะครับ" ภูธนาเดินดูโมเดลรถต่ออีกไม่นานก็ขอลาเจ้าของร้านกลับไปเพราะกลัวว่าภูบดินทร์หลานชายจะตื่นเสียก่อน



   
   ในตอนนั้น ระหว่างทางที่ภูธนาได้นั่งรถมากับบดินทร์และมีหลานชายหลับอยู่ในอ้อมแขนนั้น พ่อของภูบดินทร์ได้คุยถึงเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้กับภูธนาเป็นที่เรียบร้อย จริงๆ แล้วภูธนาคิดว่าเงินเดือนที่ตนเองนั้นจะได้รับค่อนข้างสูงไปจึงขอปฏิเสธเพื่อลดเงินจำนวนนั้นลง แต่บดินทร์ไม่ตกลงและคิดว่าค่าตอบแทนที่ภูธนาควรจะได้รับนั้นเหมาะสมดีแล้ว ภูธนาจึงไม่ได้โต้แย้งอะไรอีก




   ภูธนากลับมาถึงบ้านของบดินทร์อีกครั้ง ชายหนุ่มไขกุญแจที่พ่อของหลานชายมอบไว้ให้ตั้งแต่แรก


   "กลับมาแล้วครับ" ภูธนาส่งเสียงบอกคนในบ้าน แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ชายหนุ่มเดินไปมุมครัวที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก กวาดสายตามองโดยรอบๆ เป็นครัวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกใช้งานมากนัก



   ภูธนาวางถุงอาหารที่ได้มาจากร้านอาหารลงบนโต๊ะกลางที่อยู่กลางห้องชายหนุ่มลองไล่เปิดตู้เพื่อหาจานชามที่เก็บไว้ หาไม่กี่ตู้ก็เจออุปกรณ์จานชาม ช้อนส้อมครบ มือเรียวสวยจึงแกะอาหารใส่ชามแล้วอุ่นให้เรียบร้อย



   มื้อเย็นวันนี้ อาหารของภูบดินทร์ตัวน้อยจะได้ทานเหมือนกับอาหารของผู้ใหญ่ หัวหน้าพ่อครัวรู้ว่าภูธนามีหลานตัวเล็กๆ อยู่ที่บ้าน จึงใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยนี้ เลยมีอาหารรสชาติไม่เผ็ดอยู่ในนี้ด้วย หัวหน้าพ่อครัวคนนี้ช่างเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ


   ภูธนาเหลือบไปเห็นหม้อหุงข้าววางอยู่ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้หุงข้าว ชายหนุ่มเปิดตู้ในครัวหาข้าวสารและก็หาได้ไม่ยากอีกเช่นกัน เพราะมีข้าวสารอยู่เต็มถุงใหญ่เลยทีเดียว ภูธนาสังเกตวัตถุดิบเครื่องปรุงที่วางเรียงรายใกล้บริเวณเตา พบว่าของทุกอย่าง ส่วนใหญ่แล้วยังไม่ถูกเปิดใช้  และถ้ามีการใช้งานก็พร่องลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ครัวที่นี่เหมือนเป็นครัวร้างอย่างแท้จริง ภูธนาหุงข้าวกะปริมาณให้พอทานกัน 3-4 คน แล้วชายหนุ่มจึงขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน เพื่อสำรวจดูว่าหลานชายตัวน้อยตื่นหรือยัง ช่วงเวลานี้ก็ค่อนข้างค่ำแล้ว หากยังนอนหลับยาว เดี๋ยวคืนนี้จะนอนไม่หลับ เอาได้



   ภูธนาเดินเข้าไปห้องนอนของหลานชาย แต่ไม่พบภูบดินทร์  ผู้เป็นลุงรู้สึกตกใจ เด็กชายหายไปไหน ชายหนุ่มพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนจะเห็นประตูห้องน้ำเปิดอยู่ ขายาว ภายใต้กางเกงยีนส์ได้รูปรีบเข้าไปดูใน   ห้องน้ำโดยเร็ว ในใจภาวนาขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในนั้น


   "ไม่มี" เสียงพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ระคนปนโล่งใจ ที่ไม่พบอุบัติเหตุอะไรในห้องน้ำ แต่ก็ไม่เห็นหลานชายเช่นกัน ภูธนาพยายามไม่คิดในแง่ร้าย เด็กน้อยอาจจะ  อยู่กับผู้เป็นพ่อก็เป็นได้ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เห็นบดินทร์เช่นกัน



   ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ภูธนาได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กน้อยดังออกมาจากข้างนอก ชายหนุ่มจึงเดินตามเสียงนั้นไป เสียงหัวเราะของเด็กน้อยสลับกับเสียงทุ้มของผู้ชายดังขึ้นเป็นจังหวะ และเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อภูธนาเข้าใกล้เสียงนั้น และพบว่าเสียงนั้นมาจากห้องที่ติดกัน



   ห้องของภูธนากับหลานชายตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างห้องของชายหนุ่มทั้ง 2 ของเจ้าของบ้านหลังนี้ ภูธนาคิดว่าเสียงนั้นน่าจะดังมาจากของบดินทร์  แต่ประตูบานใหญ่นั้นกลับปิดสนิทเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับดังมาจากห้องที่ติดกันอีกฝั่งต่างหากล่ะ



   ภูธนาเดินตรงไปห้องที่มีเสียงดังที่ว่านั้นโดยไม่รีบร้อนอะไรนัก เพราะรู้แล้วว่าตอนนี้ภูบดินทร์อยู่ที่ไหน และไม่ได้เป็นอะไร ชายหนุ่มก็โล่งใจ มีเพียงเรื่องเดียวที่ยังตะหงิดอยู่ภายในใจคือภูบดิทร์ไม่ได้ร้องไห้ แต่ยังหัวเราะเริงร่าท่าทางกำลังสนุกอยู่กลับผู้ชายในห้อง



   ภูธนายืนอยู่หน้าห้องดังกล่าว ประตูนั้นเปิดแง้มออกเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มมองเข้าไป เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ นั่งหลังตรงอยู่ที่พื้นห้อง หันหลังให้กับประตูห้อง ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและสวมกางเกงสแล็ค ส่วนเจ้าของเสียงหัวเราะนั้น นั่งเล่นอยู่ที่พื้นเช่นเดียวกัน มืออวบป้อมกำลังเล่นรถแข่งอยู่กับผู้ชายคนนั้นด้วยความสนุกสนาน



   ภูธนา เคาะประตูห้องเพื่อบอกการมาเยือนเป็นพิธี คนในห้องทั้ง 2 คนหันมามองผู้มาใหม่โดยเร็ว


   "ลุงธนา ลุงธนากลับมาแล้ว มาเร็วฮะ มาเล่นรถกับน้องภูกันเถอะ"
เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเคาะประตู ภูบดินทร์รีบลุกขึ้นวิ่งมาหาผู้เป็นลุงทันที เด็กน้อยคว้ามือเรียวของภูธนา หมายจะให้ไปเล่นด้วยกัน


   "ไม่ได้หรอกครับ ถึงเวลาทานข้าวของน้องภูแล้ว ถ้าทานไม่ตรงเวลา จะปวดท้องเอาได้นะครับ รู้มั้ย" ภูธนายกมือยีผมหลานชายด้วยความเอ็นดู




   ถึงจะมองหลานชายที่วิ่งมาหา แต่ภูธนาก็ทันสังเกตผู้ชายที่หันมามองภูธนาแวบเดียว ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบสวมแว่นสายตาที่คาดหัวเพื่อไม่ให้ปรกหน้าปรกตาระหว่างที่เล่นกับเด็กชายนั้นทันที ภูธนาจึงได้เห็นว่าที่แท้เป็นบริพัตรเจ้าของห้องนี้เล่นกับหลานชายนี่เอง



   เหมือนมีแรงดึงดูดของสายตานั้นเพียงสั้นๆ ก่อนที่บริพัตรจะรีบหลบสายตาแล้วรีบลุกขึ้นเอารถไปเก็บในตู้อีกที่ติดข้างผนังนั้น




   "ห้องของอาพัตเตอร์ มีของเล่นเต็มไปหมดเลยฮะ อาพัตเตอร์ใจดี๊ดี ให้น้องภูเล่นของเล่นเยอะแยะเลยฮะ" เด็กชายพูดเจื้อยแจ้วก่อนที่ภูธนาจะอุ้มหลายชายขึ้นมา เพื่อที่จะพาลงไปข้างล่าง



   "ใครเหรอครับ อาพัตเตอร์" ภูธนาแน่ใจว่าชายหนุ่มรู้จักบดินทร์หรือดิน และบริพัตรหรือพัตเท่านั้น แล้วพัตเตอร์ที่เพิ่มมาคือใครกัน


   "นี่ไงฮะ อาพัตเตอร์" มือป้อมๆ ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ภายในห้อง


   "อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ อาพัตเตอร์คนนี้นี่เองสินะ แล้วน้องภูเล่นซนมั้ยครับ" ประโยคแรกภูธนาตั้งใจเรียกล้อเลียนชื่อของบริพัตรด้วยความรู้สึกที่ยากเกินจะบรรยายว่าทำไมถึงทำแบบนั้น โดยปกติแล้วภูธนาไม่ได้มีนิสัยชอบล้อเลียนใครเสียด้วยซ้ำ



   "ไม่ฮะ อาพัตเตอร์บอกว่าต้องเล่นด้วยความทะยุถยอม ไม่ทำลายของฮะ"


   "ทะนุถนอมนะครับ"


   "ฮะ ทะยุถยอม" เด็กชายลองพูดอีกครั้งแต่เพราะคำคงยากไปจึงยังพูดไม่ค่อยชัด ภูธนาเอ็นดูเด็กชายเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ออกมา


   "ลงไปทานข้าวกับลุงนะ แล้วคนเก่ง ขอบคุณอาพาตตตเตอร์หรือยังครับ" ภูธนาเรียกเสียงยานคางคำว่าพัตเตอร์อย่างจงใจ แต่บริพัตรไม่โต้ตอบอะไร ชายหนุ่มยังนิ่งอยู่


   "ขอบคุณฮะ อาพัตเตอร์" บริพัตรยิ้มตอบรับคำขอบคุณของหลานชายตัวน้อย


   "ผมเอากับข้าวจากร้านอาหารมา ถ้าไม่รังเกียจลงไปทานด้วยกันสิครับ ป่านนี้ข้าวคงใกล้จะสุกแล้ว" ภูธนาชวนเจ้าบ้านลงไปทานอาหารพร้อมกัน


   "ก็ดีครับ ผมเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็น ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะไปปลุกพี่ดินไปทานด้วยกัน คงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ ลุงธนา" ประโยคแรกมาได้ดีแล้ว แต่ประโยคหลังนั่นมันจงใจล้อเลียนเขากลับคืนชัดๆ   






Talk:.

มาต่อตอน 9 ล้าววว รอกันนานมั้ยคะ แหะๆ เอาน่า พาร์ทนี้ หลายคนน่าจะพอเดาได้ อาพัตเตอร์ของเรื่องกันได้แล้วมั้ยน้า
ตอนก่อนหน้าๆ มีคนเดาถูกด้วยนะคะ อาพัตเราในเรื่องนี้ น่ารักนะคะ เค้ามีหลายมุมเลยล่ะค่ะ จะค่อยๆ เผยมาให้รักผู้ชายคนนี้เพิ่มขึ้นนะคะ ส่วนลุงธนา ก็จะมีอีกหลายโมเมนท์ ให้ได้รักลุงคนนี้เหมือนกันค่ะ รอติดตามกันเนาะ แต่ความรักของเรื่องนี้ คงไม่ได้หวือหวาสักเท่าไหร่ จะบอกว่าคนแต่งโรคจิตก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไป เนิบนาบ ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะ ถ้าแบบเรื่องเดินไม่ทันใจน้า

จุ๊บๆ เห็นยอดวิวอ่านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลย ยินดีต้อนรับคนใหม่ที่หลงเข้ามาในเรื่องนี้ด้วยนะคะ

มีคำแนะนำติชมตรงไหน แนะนำมาได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังทุกท่านเลยค่ะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ด้วยรัก
เขมกันต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-02-2016 07:19:27 โดย akanae »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
เห้ยยยยย คาดไม่ถีง แต่โอเคเลยค่ะ ชอบอาพัตเตอร์ ลึกลับดี ฮ่าๆๆๆๆ เค้าเคยเจอกันที่สนามแข่งด้วยนี่นา แล้วคนซื้อโมเดลของลุงธนาก็คงเป็นอาพาตตตตเตอร์นี่ละมั้ง 55555 น่ารักๆ หายไปนานเลยน้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด