บทที่ 8 ตกลง เช้าวันถัดมา บดินทร์มายืนรอหน้าห้องที่พักของภูธนา ชายหนุ่มสองจิตสองใจว่าจะยืนรอจนกว่าจะถึงเวลาสมควรดี หรือจะเคาะประตูห้องเลย เพราะเวลานี้แม้แต่ห้างสรรพสินค้าก็ยังไม่เปิดให้บริการด้วยซ้ำ แต่ ไม่ทันต้องคิดให้เสียเวลามากไปกว่านี้ จังหวะนั้นภูธนาเปิดประตูห้องออกมา ชายทั้ง 2 ต่างตกใจด้วยกันทั้งคู่เพราะไม่คาดคิด
"มานานหรือยังครับ" ภูธนาเป็นฝ่ายถามออกไปก่อน
"เพิ่งมาถึงครับ"
"ลุงธนาฮะ น้องภูไม่ไปกับคนนี้นะ" ภูบดินทร์ปล่อยมือที่ถูกจับจากมือของภูธนา เด็กชายเคลื่อนตัวไปยืนด้านหลังของผู้เป็นลุง หวังจะช่วยปกป้องตัวเองได้
"ครับๆ ออกมายืนดีๆ ก่อนครับ" ภูธนาพยายามจับมือน้องภูไว้อีกครั้ง
"จะไปไหนกันเหรอครับ" บดินทร์สังเกตจากอีกมือของภูธนาที่ถือกระเป๋าสตางค์สีดำเอาไว้
"ไปมินิมาร์ทข้างล่างน่ะครับ พอดีนมสดกับซีเรียลของน้องภูหมด"
"งั้น ผมขอไปช่วยถือนะ" ภูธนายืนนิ่งไม่ตอบอะไร บดินทร์เลยเลิกคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบของอีกฝ่าย
"ช่วยถอยออกไปหน่อยได้มั้ยครับ ยืนขวางแบบนี้ผมกับน้องภูออกจากห้องไม่ได้" บดินทร์เลยเข้าใจถึงความหมายที่ภูธนาบอกได้เป็นอย่างดี
รอจนภูธนาลอคประตูห้องเรียบร้อย บดินทร์จึงค่อยๆ เดินตามหลังชายหนุ่มไป ส่วนภูบดินทร์น่ะเหรอ สะบัดมือที่ลุงจับมือไว้ รีบวิ่งไปยังลิฟท์ทันที ได้ยินแต่เสียงลุงธนาเอ็ดเสียงไม่ค่อยดังเท่าไหร่นักว่าให้ระวัง เดี๋ยวจะหกล้มไป
ทั้งที่ตั้งใจจะลงไปซื้อแค่ 2 อย่าง แต่เมื่อถึงเวลาคิดเงินทำไมถึงมีของที่เกินความจำเป็นมาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุ้กกี้เอย ขนมขบเคี้ยวเอย ลูกอมต่างๆ เอย และคนที่หยิบมานั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นบดินทร์ที่แย่งภูธนาไปจ่ายเงินคนนี้ต่างหาก
"ขนมพวกนี้ คุณไม่ควรซื้อให้น้องภูทานบ่อยๆ นะครับ เด็กจะติดขนมและความหวานจะทำให้ไม่ค่อยทานข้าวได้นะครับ" ภูธนาเตือนเสียงเบา ไม่กล้าพูดเยอะเกินไปนัก เพราะกลัวว่าบดินทร์จะเข้าใจว่าตนเองนั้นเข้าไปก้าวก่าย
" ผมเองก็ไม่ค่อยรู้ครับ คิดแต่เพียงว่าอันนี้น้องภูน่าจะทานได้ ก็เลยซื้อไปทุกอย่างเลย เรื่องที่คุณธนาพูดมาเนี่ย คิดไม่ถึงจริงๆ ครับ ขอบคุณนะครับที่บอกกัน"
"ไม่เป็นไรครับ อันไหนที่คุณไม่แน่ใจก็ถามผมได้นะครับ"
หลังจากพากันกลับเข้าห้องของภูธนาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็จัดแจงทำอาหารเช้าให้น้องภูง่ายๆ นมและซีเรียลที่เด็กน้อยโปรดปรานเป็นอย่างมาก ภูธนาเพิ่มคุณค่าทางอาหารอีกนิดหน่อยโดยการใส่ผลไม้ที่หั่นออกเป็นชิ้นเล็กๆ มีแอปเปิ้ลกับกล้วยที่ใส่ลงไปด้วย เด็กน้อยจะได้ทานง่ายๆ
"คุณภูสิตาไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ" บดินทร์ถามด้วยความแปลกใจเพราะตัวเขาเองก็มาที่นี่หลายครั้ง แต่เคยเห็นภูสิตาอยู่ที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียวในวันที่มารับน้องภูไปอยู่ด้วย
"ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมเองก็ไม่เห็นหน้าน้องสาวมา 3-4 วันแล้ว"
"แบบนี้คงเป็นห่วงแย่สินะครับ"
"ยัยสิตาเอาตัวรอดได้เสมอแหละ" ภูธนาตัดบทสนทนาเสียงห้วนเพราะเวลานี้ชายหนุ่มก็ยังเคืองภูสิตาไม่หาย จึงไม่อยากที่จะพูดถึงน้องสาวในเวลานี้ ทำให้บดินทร์ไม่กล้าถามอะไรเพิ่มอีก
ภูธนาพาหลานชายไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เรียบร้อยแล้ว เด็กชายตัวน้อยกำลังนั่งเล่นรถแข่งอยู่บนพื้น ภูธนามองภาพนั้นด้วยความรักและความเอ็นดูในตัวหลานชาย แต่ความจริงก็คือความจริง วันนี้คือวันสุดท้ายที่ภูบดินทร์จะอยู่กับเขา และเขาเองก็ตัดสินใจแล้ว
"เรื่องที่จะให้ไปช่วยเลี้ยงน้องภูน่ะครับ" ภูธนาเปิดบทสนทนาเข้าเรื่องที่สำคัญ
"ครับ ตกลงใช่มั้ยครับ" บดินทร์รอฟังคำตอบด้วยความหวัง แต่ก็ต้องผิดหวังกลับมาทันทีเช่นกัน เมื่อพบว่าภูธนาส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ
"ทำไมล่ะครับ"
"ผมว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าหากผมจะไปดูแลน้องภูอยู่แบบนี้ ยังไงเสีย น้องภูก็อาจจะติดผมมากขึ้นไปอีกและทำให้ไม่ยอมอยู่กับคุณ" เหตุผลของภูธนานั้นก็ดูน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย
"ลองคิดดูใหม่อีกสักครั้งมั้ยครับ ถ้าคุณลำบากใจ ผมยังไม่เร่งรัดตอนนี้ก็ได้"
"ผมคิดมาทั้งคืนแล้วครับ และคำตอบที่ผมให้ไป คิดว่าถูกต้องและเหมาะสมที่สุดแล้วครับ" ภูธนายังยืนกรานในความคิดตนโดยไม่เปลี่ยนใจ
"น่าเสียดายนะครับที่คุณไม่อยากไปกับพวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงทำอะไรไม่ได้ ถ้าคุณคิดถึงน้องภูเมื่อไหร่ก็ตาม คุณมาหาน้องภูหรือจะโทรให้ผมพาน้องภูมาหาได้ตลอดเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจไปนะครับ"
"ขอบคุณครับ ไปกันครับน้องภู กลับบ้านกับคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวลุงไปส่งนะลูก" ภูธนาตอบรับน้ำใจของบดินทร์แล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ หลานชาย
"ไม่ไปฮะ" เด็กน้อยพูดโดยไม่เงยหน้าของเล่น
"วางของเล่นลง แล้วมองหน้าลุงก่อนครับ" น้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้ดุดัน แต่กลับทำให้ภูบดินทร์วางของเล่นลงทันที บดินทร์รู้สึกทึ่งในความสามารถนั้นไม่น้อย
"ทำไม่ถึงไม่ไปครับ"
"ลุงธนาไม่ไปด้วยฮะ" เด็กชายตอบคำถามของลุง ด้วยคำตอบที่ภูธนาตอบบดินทร์ ใครว่าเด็กๆ ยังไม่เข้าใจเรื่องผู้ใหญ่ เด็กตาแป๋วคนนี้เข้าใจได้ดีเลยทีเดียวล่ะ
"ลุงไปด้วยไม่ได้จริงๆ ครับ"
"น้องภูจะอยู่กับลุงธนา น้องภูรักลุงธนาฮะ" คำพูดแค่ 2 ประโยคของหลานชาย สร้างความรู้สึกให้ภูธนาอย่างมาก หยดน้ำตาที่คลอ อยู่ก่อนแล้วเกือบจะไหลรินลงมา ชายหนุ่มจำต้องฝืนกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบาก ภูธนาไม่อยากให้เด็กชายต้องมาเห็นน้ำตาในสถานการณ์ แบบนี้
"ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้น้องภูมีคุณพ่อแล้ว ไปกับคุณพ่อนะ" ภูธนาเกลี้ยกล่อมเด็กชายอีกครั้ง
ภูธนาอุ้มเด็กชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและลุกยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จะส่งน้องภูให้บดินทร์มารับช่วงต่อ ภูบดินทร์กอดคอผู้เป็นลุงเอาไว้แน่น ขาขาวอวบอ้วนของเด็กชาย ถีบสะบัดไปมาด้วยความงอแง
"ไม่ไป น้องภูไม่ไป ไม่ไป น้องภูไม่ไป" เด็กชายเริ่มร้องไห้งอแงเสียงดังพูดคำซ้ำๆ วนไปมา
"โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับๆ" ภูธนาลูบหลังเด็กชายเบาๆ พลางเขย่าร่างในอ้อมแขนนั้นเล็กน้อย
"ไม่ไปนะ น้องภูไม่ไป" ภูบดินทร์ยังคงร้องไห้ส่งเสียงดังไม่หยุด ไม่ว่าชายหนุ่มจะปลอบอย่างไร แต่หลานชายก็ยังร้องไห้จ้า
"น้องภูครับ ถ้าลุงธนาไปอยู่กับเราที่บ้านใหม่ น้องภูจะไปมั้ยครับ" บดินทร์ขยับเข้ามาประชิดตัวภูธนา และชะโงกหน้าเข้าไปพูดกับภูบดินทร์ใกล้ๆ หู มือหนาค่อยๆ ลูบหัวลูกชายอย่างเบามือ การกระทำทั้งหมดของบดินทร์ทำให้ภูธนาตกใจค่อนข้างมาก ทำให้เจ้าตัวยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
ใกล้เกินไปหรือเปล่านะ
ภูบดินทร์ค่อยๆ หันมามองใบหน้าผู้เป็นพ่อ หยดน้ำตายังกลิ้ง ลงมาจากดวงตาคู่สวยมาสู่พวงแก้มชมพู ขนตาหนาเปียกชุ่มเกาะตัวกันเป็นกระจุก ปากอิ่มๆ ค่อยขยับพูดเบาๆ
"ถ้าลุงธนาไปด้วย น้องภูก็ไปฮะ น้องภูจะอยู่กับลุงธนา" เด็กชายตอบเพียงเท่านั้นก็หันไปกอดคอลุงธนาอีกครั้ง ซบหน้าลงกับไหล่ของลุงเพื่ออ้อนให้ลุงใจอ่อน
"ผมว่าคุณคงต้องไปอยู่ที่บ้านผมก่อนนะครับ ช่วงนี้ก็ถือซะว่าเป็นการสอนวิธีเลี้ยงเด็กให้กับผม และให้น้องภูค่อยๆ คุ้นกับผมด้วยนะครับ แล้วหลังจากนี้ เราค่อยว่ากันอีกทีดีมั้ยครับ" บดินทร์สบโอกาสเหมาะจึงยื่นข้อเสนอไปใหม่อีกครั้ง
"ไปด้วยกันนะฮะ ลุงธนา น้องภูรักลุงธนา" คำพูดออดอ้อนของเจ้าตัวน้อย ทำเอาภูธนาใจอ่อนเสียได้ แถมแขนจ้ำม่ำยังรัดคอลุงแทบจะหายใจไม่ออก
"ก็ได้ๆ งั้นลุงจะไปอยู่กับน้องภูก่อน แล้วน้องภูต้องไม่ดื้อ ไม่งอแงอีกนะครับ" ภูธนายอมแพ้กับความน่ารักของหลานชาย ชายหนุ่มกดจมูกลงพวงแก้มหอมดังฟอดด้วยความหมั่นเขี้ยวในตัวน้องภู ส่วนหลานชายก็ไม่ยอมน้อยหน้า ปากชมพูกดปากอิ่มลงบนแก้มของลุงเช่นเดียวกัน บดินทร์รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้านั้น
"ถ้างั้น คุณธนาไปเก็บของก่อนนะครับ เดี๋ยวระหว่างนี้ผมจะดูแลน้องภูให้เอง" บดินทร์ไม่รอช้า รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที ด้วยเกรงว่าภูธนาจะเปลี่ยนใจ
ภูธนาวางหลานชายลงที่พื้นแล้ว เจ้าตัวจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อเก็บของที่จำเป็นส่วนหนึ่ง ระหว่างนี้ชายหนุ่มคิดสิ่งที่ต้องทำออกมาในช่วงที่เขาจะต้องไปดูแลหลานชาย
1. เก็บของส่วนที่จำเป็นก่อน ส่วนที่เหลือค่อยมาเก็บวันหลัง
2. เขียนโน้ตบอกภูสิตา
3. แจ้งลาออกจากร้านอาหาร
4. อย่าลืมไปร้านโมเดลรถ เพราะต่อไปคงไม่ค่อยได้ไปแล้ว
5. เรื่องโรงเรียนน้องภู ขาดเรียนหลายวันแล้ว
6. ยังคิดไม่ออก
เริ่มจากข้อที่ 1 ภูธนารีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นก่อน ถ้าหากขาดเหลืออะไร อาจจะซื้อหาเอาใหม่ หรือแวะมาที่ห้องทีหลัง แต่เวลานี้ชายหนุ่มเกรงใจคนข้างนอกไม่อยากให้ต้องรอนาน
ภูธนายกกระเป๋าใบไม่ใหญ่เกินไปนักออกมาจากห้องนอน บดินทร์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยถือ แต่ภูธนากลับปฏิเสธเพราะไม่ได้หนักหนาอะไร แค่กระเป๋าใบเดียวถือได้ไม่ลำบากอะไรอยู่แล้ว
"ให้ผมถือแทนเถอะครับ เดี๋ยวคุณธนาต้องอุ้มน้องภูลงไปนะครับ เพราะแกคงไม่ยอมให้ผมอุ้มไปหรอกครับ" เหตุผลของบดินทร์ทำให้ภูธนาลังเลอยู่ แต่ไม่ทันจะท้วงออกไป กระเป๋าในมือก็ถูกเปลี่ยนมือคนถือเสียแล้ว
ภูธนาจำใจต้องปล่อยเลยตามเลย ชายหนุ่มเดินไปเขียนข้อความลงกระดาษโน้ตและวางไว้บนโต๊ะอาหาร เมื่อภูสิตากลับมา หญิงสาวจะได้เห็นข้อความและเข้าใจได้ในทันที
"เรียบร้อยแล้วครับ" ภูธนาบอกบดินทร์เมื่อชายหนุ่มจัดการสิ่งที่ต้องทำ 2 ข้อแรกเสร็จแล้วจึงก้มลงไปอุ้มเด็กชายที่ยังถือรถแข่งไว้ในมือ
รถจอดสนิท เมื่อถึงที่หมายปลายทาง ภูธนาอุ้มเด็กชายลงจากรถทั้งที่ยังหลับอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง ภูธนามองบ้านเดี่ยวที่มีขนาดราว 70 ตร.วา ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก บ้านหลังนี้ดูท่าทางแล้วน่าจะมีอายุมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่คงได้รับการดูแลบำรุงรักษาอยู่เสมอ จึงดูไม่ค่อยทรุดโทรมเท่าไหร่นัก
"ถึงแล้วครับ" บดินทร์พูดพลางลงจากรถไปเปิดประตูหน้าบ้าน เพื่อนำรถเข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านแล้วจึงพากันเข้าสู่ภายในตัวบ้านหลังนี้
"เย็นสบายจังเลยนะครับ" ทั้งที่อากาศภายนอกค่อนข้างอบอ้าว แต่วินาทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ภูธนารู้สึกความเย็นสบายภายในตัวบ้าน ทั้งที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศเลย
"ครับ พอดีว่าคุณพ่อท่านเป็นคนออกแบบจัดการภายในตัวบ้านไว้เป็นอย่างดี ผมเลยพลอยสบายไปด้วย"
"แล้วท่านไม่อยู่เหรอครับ"
"พอจัดการบ้านหลังนี้เสร็จ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัดน่ะครับ ท่านทั้ง 2 คนชอบธรรมชาติ เดี๋ยวไว้ว่างๆ ผมจะพาคุณกับน้องภูไปเยี่ยมท่านนะครับ น้องภูจะได้เจอคุณปู่คุณย่าด้วย"
"ผมให้น้องภูนอนที่ไหนได้บ้างครับ ตอนนี้แขนล้าไปหมดแล้ว" ภูธนาไม่ได้ตอบรับเรื่องการไปต่างจังหวัดกับคนชวน แต่กลับพูดถึงเรื่องของน้องภูแทน
"ผมลืมไปเลย มัวแต่เล่าเพลินไปหน่อย โทษทีนะครับ ผมจัดห้องไว้ให้น้องภู ทางนี้ครับ" บดินทร์เดินนำพาไปยังห้องของเด็กชายที่อยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน
บ้านหลังนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 4 ห้องนอน แต่ละห้องมีต่างก็ ห้องน้ำในตัวด้วยกันทั้งสิ้นเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ชั้นบน ไม่มีอะไรมากนอกจากห้องนอนเท่านั้น พ้นบันไดขึ้นมาก็พบกับห้องนอนทั้งหมด 4 ห้องติดกันเป็นแนวนอน และมุมสุดของทางเดินเป็นโต๊ะหมู่บูชาวางพระพุทธรูปขนาดกลาง
บดินทร์เดินนำภูธนาไปห้องนอน ที่ 2 นับจากซ้ายมือ ชายหนุ่มเปิดประตูกว้างเพื่อให้ภูธนาอุ้มเด็กเข้าไปได้โดยสะดวก เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ภูธนาตรงไปที่เตียงหลังใหญ่เพื่อวางหลานชายลงนอน จัดท่านอนเพื่อให้สบายตัวและห่มผ้าให้อย่างเบามือ หลังจากนั้นถึงสังเกตรอบๆ ห้อง อย่างรวดเร็ว เพราะบดินทร์ยังอยู่ในห้องด้วย
เตียงนอนที่ภูบดินทร์นอนนี้มีขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะที่จะเป็นของผู้ใหญ่มากกว่าของเด็ก 3 ขวบด้วยซ้ำ ทางด้านซ้ายมือของห้องเป็นตู้บิวท์อินสีขาว ความสูงจรดเพดานห้องกินพื้นที่ทั้งผนังด้านข้างของห้องทั้งแถบ ส่วนนี้ไว้ใช้เก็บเสื้อผ้าต่างๆ รวมถึงของกระจุกกระจิกต่างๆ
ทางด้านขวามือของห้องมีอีกหนึ่งประตู ภูธนาเดาว่าคงจะเป็นประตูห้องน้ำ และบริเวณพื้นที่ว่างของห้องนั้น เต็มไปด้วยของเล่นต่างๆ ที่ไว้สำหรับฝึกพัฒนาการของเด็กน้อยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สารพัดอย่างที่จะนำมาต่อเป็นสิ่งของต่างๆ กล่องที่มีช่องหลายช่องสำหรับใส่รูปทรงต่างๆ ที่ตัดกระดาษ ก้อนไม้สีต่างๆ สำหรับจับคู่สี ของเล่นที่ใช่สร้างบ้าน ดินสอเทียน ดินสอสีไว้ระบายสมุด และอีกมากมายจนภูธนาตาลาย
นับว่าบดินทร์ก็ใส่ใจและค้นหาเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ใช่เพียงแต่จะมารับลูกไปเลี้ยงดูเท่านั้น คิดได้เท่านี้ ภูธนาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นค่อนข้างมาก
หลังจากสำรวจห้องเสร็จแล้ว ภูธนาเดินออกมานอกห้องเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของหลานชาย บดินทร์เดินตามออกมาแล้วจึงงับประตูไว้ แต่ไม่ได้ปิดประตูจนสนิทเลยทีเดียว ชายหนุ่มแง้มประตูเอาไว้เล็กน้อย หากภูบดินทร์ตื่นจะได้รู้ตัว
"เรื่องห้องนอน ผมจัดห้องที่เป็นห้องพักของแขกไว้ให้คุณธนานะครับ อยู่ตรงมุมสุดใกล้ๆ กับตรงโต๊ะหมู่ ห้องตรงนั้นนะครับ" บดินทร์ชี้มือไปห้องที่ว่านั้น
"ปกติผมนอนกับน้องภูอยู่แล้ว ถ้าผมอยากจะขอนอนกับน้องภูเหมือนเดิมจะสะดวกมั้ยครับ"
"ได้สิครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกครับ แล้วแต่ความต้องการของคุณธนาเลยครับ ส่วนห้องแรกที่ตอนขึ้นบันไดมา ทางซ้ายสุดจะเป็นห้องของเจ้าพัตนะครับ คุณธนาจำพัตได้มั้ย"
"ผู้ชายที่มาด้วยวันนั้นใช่มั้ยครับ" ภูธนามีทีท่าว่าจำได้
"ใช่ครับ ถัดมาคือห้องน้องภูและคุณธนา แล้วก็ติดกันเป็นห้องของผมเองครับ จริงๆ แล้วผมเองก็ลังเลอยู่นานว่าจะเลือกห้องไหนให้น้องภูดี แต่เจ้าพัตก็เสนอมาว่า หากน้องภูร้องไห้กลางดึก อย่างน้อยไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็คงได้ยินเสียงบ้างเพราะอยู่ห้องติดกัน"
"ส่วนด้านล่างก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว สนามข้างบ้าน คร่าวๆ ประมาณนี้แหละครับ คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณธนาเองเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจทั้งผมและพัต เรา 2 คนอยู่กันแบบง่ายๆ ครับ" บดินทร์ยังคงทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อเนื่อง ชายหนุ่มเดินนำภูธนาลงมาชั้นล่างและพาเดินดูห้องต่างๆ และรอบๆ ตัวบ้าน
"อยู่กันแค่ 2 คนเหรอครับ" ภูธนาเอ่ยถามขึ้นเพราะเท่าที่ฟังบดินทร์เล่ามาก็เหมือนมีแค่บดินทร์และบริพัตร
"ใช่ครับ แต่ตอนนี้ 4 คนแล้วนะครับ รวมน้องภูและคุณด้วย ตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมขอตัวโทรศัพท์เรื่องงานนิดหน่อย ลาพักร้อนหลายวันแล้ว งานคงกองเยอะแน่ๆ พรุ่งนี้ครบกำหนดวันลา ผมคงต้องไปทำงานแล้วนะครับ ยังไงก็ขอฝากน้องภูกับคุณด้วย"
"ครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอออกไปทำธุระสักครู่นะครับ แล้วจะรีบกลับมาให้ทันก่อนน้องภูตื่น"
"เชิญเลยครับ" บดินทร์ยิ้มให้ก่อนที่จะขึ้นไปชั้น 2 แล้วหายเข้าไปในห้องของตัวเอง
ภูธนาตรวจดูกระเป๋าว่ามีของครบหรือไม่ กุญแจเอย กระเป๋าสตางค์เอย หรือโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อม ชายหนุ่มจึงรีบออกไปจัดการธุระโดยเร็ว
Talk:.
ตอน 8 แล้วนะคะ คงไม่มาลงช้าจนเกินไปเนาะ หนุ่มๆ มาอยู่ด้วยกันล้าวววว ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ต่อไป
รักน้องภู ^__^ บางทีเด็กงอแงก็มีประโยชน์เหมือนกันน้า
มาลุ้นตอนต่อไปด้วยกันนะคะ ด้วยรัก
เขมกันต์