บทที่ 20 เช้านี้ภูบดินทร์อาสาขับรถไปส่งภูธนาที่บ้านเพราะต้องไปส่งน้องภูที่โรงเรียนอยู่แล้ว ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน เมื่อถึงห้องพัก ภูธนาเอ่ยขอบคุณชายหนุ่ม เสร็จแล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงานต่อ
บริพัตรไม่ได้ไปทำงาน เขาขอลางาน 1 วัน นับว่าเป็นเรื่องแปลกหาได้ยาก แต่เพราะชายหนุ่มมีเรื่องที่ต้องจัดการ ถึงจะไม่ใช่เรื่องของเขาโดยตรงแต่เมื่อเป็นเรื่องของภูธนาและสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเขา ดังนั้นเขาจะทิ้งเรื่องนี้ไปไม่ได้ง่ายๆ
"ฮัลโหล พี่กันต์" บริพัตรต่อสายถึงผู้จัดการส่วนตัวคนรัก
"ว่าไงพัต"
"พี่อยู่กับธนาหรือเปล่า"
"อยู่ แต่ตอนนี้คุณธนากำลังซ้อมแข่งอยู่ในสนาม" ชนกันต์มองคนที่ถูกเอ่ยถึงในสนาม พลางตอบอีกฝ่าย
"ก็ดี"
"เรื่องนั้นเป็นไงบ้าง ครบ 3 วัน วันนี้พี่ต้องโทรหามัน"
"ผมจัดการแล้ว ขาดแค่การช่วยเหลือจากพี่นิดหน่อย"
"ว่ามาเลย จะให้ช่วยอะไรบ้าง"
"ผมวางไวรัสในคอมฯ มันเรียบร้อยแล้ว ตอนที่พี่เอาเชคให้มัน สั่งให้มันลบรูปในมือถือกับในกล้องให้หมดด้วยล่ะ"
"ได้ ไม่ต้องห่วง แล้วจะแน่ใจได้ไงว่ามันไม่ได้แบคอัพไว้ที่อื่นด้วย"
"ไม่ต้องกังวลหรอกพี่กันต์ ถ้ามันเปิดเครื่องคอมฯ แล้วเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดก็ตาม พังแหลกแน่นอน"
"เฮ้ย ทำได้ไงวะ พัต"
"เถอะน่า ไม่ต้องรู้หรอก พี่ให้มันลบรูปให้ได้ก็พอ"
"เออๆ แล้ว คุณธนา นายจริงจังใช่มั้ย"
"จริงจังสิ พี่ก็รู้จักผมมานาน เห็นผมเป็นคนเล่นๆ เหรอ"
"เออ ไอ้เสือ"
"ได้เรื่องยังไง พี่โทรหาผมด้วยล่ะ ถ้าไม่สำเร็จยิ่งรีบโทรเลยนะ"
"เชื่อมือพี่แกคนนี้บ้างเถอะน่า"
"อย่าให้ธนารู้นะพี่"
"ทำไมวะ" ชนกันต์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
"คนมันชอบคิดมาก เดี๋ยวจะคิดนั่นนี่เยอะ"
"ได้ ไม่บอกก็ไม่บอก"
"งั้นเท่านี้แหละพี่ อย่าลืมแจ้งข่าวด้วยล่ะ"
"ตกลง ขอบใจนายมาก พัต"
"เรื่องของธนาก็เป็นเรื่องของผมด้วยนั่นแหละ"
"จะอ้วกว่ะ"
"แพ้ท้องเหรอพี่ เดี๋ยวผมเรียกไอ้ดิศให้" บริพัตรล้อเลียนอีกฝ่าย
"ปากเสีย แค่นี้นะ" พูดจบชนกันต์ก็รีบวางหูทันที
ชนกันต์ยกนาฬิกาขึ้นดูเห็นว่าเข้าช่วงบ่ายพอดี อีกสักชั่วโมง กว่าธนาจะเลิกซ้อม ชายหนุ่มจึงถือโอกาสนี้จัดการปัญหานี้ให้เสร็จเสียที ถึงแม้ภูธนาจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด แต่คนตาไวอย่างชนกันต์มีหรือจะไม่สังเกตเห็นถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ภูธนาบางครั้งมีอาการเหม่อ ต้องเรียกหลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว ยิ่งการซ้อมแข่งรถวันนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าตัวยังไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ เข้าโค้งได้ไม่ดี แม้แต่การตัดสินใจก็ไม่เฉียบขาดเหมือนก่อน
"สวัสดีครับ"
"โอ๊ะ โอ นึกว่าจะเบี้ยวเสียแล้ว" เสียงตากล้องปลายสายก่อกวนโสตประสาทชนกันต์ทันที
"ผมพูดคำไหน ก็คำนั้น"
"ยังไงดีครับ"
"คุณช่วยออกมาเจอผมที่ร้านกาแฟ แถวสนามแข่ง xxx รู้จักใช่มั้ย"
"แน่นอนคร้าบ คุณธนา เอ๊ะว่าแต่ นี่ไม่ใช่เบอร์คุณเสียหน่อย เปลี่ยนเบอร์ หนีใครหรือเปล่าเอ่ย"
"เปล่าหรอก 15 นาทีนะครับ ช่วยรักษาเวลาด้วย"
"ได้เลยครับ คุณพระเอกนาทีทอง"
15 นาทีต่อมา ชนกันต์นั่งรออยู่ในร้านกาแฟ มุมในสุดของร้าน ที่ชายหนุ่มเลือกร้านนี้ เพราะเขารู้จักร้านนี้เป็นอย่างดี การตกแต่งหรือองค์ประกอบของที่นี่ ชนกันต์มาบ่อยจนนับไม่ถ้วน และทำให้รู้ว่า ในสุดมุมหนึ่งของร้าน หากมองจากด้านนอกแล้วล่ะก็ ลับสายตาผู้คนได้ดีทีเดียว เหมาะเจาะต่อการเจรจา
ชนกันต์เห็นผู้ที่เข้ามาใหม่ ยืนหันรีหันขวางอยู่ ก่อนเจ้าตัวจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก อุปกรณ์สื่อสารในมือชนกันต์สั่นเบาๆ ตามสายเรียกเข้า ชนกันต์เดินออกไปแสดงตัวแล้วพาช่างภาพคนนั้นมานั่งโต๊ะที่ตนเองได้จองเอาไว้แล้ว
"เอ๋? ไม่ใช่คุณธนานี่นา" เป็นช่างภาพที่เอ่ยทักขึ้นมาเสียก่อน
"ครับ ผมชื่อชนกันต์ เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณภูธนา" ชนกันต์แนะนำตัวอย่างสุภาพ
"เข้าเรื่องเลยนะ ผมมีธุระต่อ ตกลงว่า?"
"นี่ครับ ที่ตกลงกันไว้" ชนกันต์ยื่นกระดาษที่มีตัวเลขจำนวน 1 ล้านบาทเขียนอยู่บนเช็คแผ่นนั้น ช่างภาพเอื้อมมือหมายจะหยิบเช็คแผ่นนั้นไป แต่ก็ถูกชนกันต์ดึงกลับมาเสียก่อน
"จะตุกติกหรือไง ไม่ดีนะครับ ไม่ดี" ช่างภาพหรี่ตามองชนกันต์อย่างไม่ไว้ใจ
"เปล่า ผมไม่กล้าหรอก รูปอยู่มือคุณ ยังไงแล้วผมย่อมเป็นห่วงภาพพจน์ของศิลปินก่อนแน่นอน"
"แล้ว?"
"ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าคุณได้เช็คไปแล้วจะไม่โพสต์รูปพวกนี้บนอินเทอร์เน็ต"
"ผมรับปากแล้ว คำไหนคำนั่นน่าคุณผู้จัดการ"
"ผมคงเชื่อใจไม่ได้หรอกนะครับ เราคงไม่อยากเสียเวลากันไปมากกว่านี้ ยังไงแล้ว มายื่นหมูยื่นแมวกันหน่อยดีมั้ย"
"เรื่องเยอะจริงๆ" ช่างกล้องพูดด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญขึ้นมาบ้างแล้ว
"แล้วคุณไม่อยากได้เงินเหรอ จำนวน 1 ล้านนี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ"
"อะไร พูดมา เร็วๆ"
"ผมจะยื่นเช็คให้คุณ แต่มีข้อมูลคุณต้องลบรูปนั้นออกจากมือถือและกล้องของคุณ" จอมแบล็คเมลพอได้ยินเงื่อนไข ถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่อง เรื่องแค่นี้สบายมาก เพราะยังไงแล้ว เขาได้แบคอัพรูปพวกนั้นที่เครื่องคอมฯ ส่วนตัวที่บ้านไว้เรียบร้อยแล้ว
"เรื่องแค่นี้เอง ได้เลย" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลบรูปนั้นทันที ตามมาด้วยรูปภายในกล้องคู่ใจ ชนกันต์เห็นว่าชายหนุ่มลบเรียบร้อยแล้วก็ลอบถอนหายใจ
"เรียบร้อยแล้ว ไหนล่ะเช็ค" ตากล้องแบมือรอรับของที่ต้องการ ชนกันต์วางเช็คบนมือนั้นทันที
"หวังว่าเราคงไม่มีเหตุอะไรให้ต้องติดต่อกันอีกนะครับ" ชนกันต์เอ่ยลา แล้วลุกจากบริเวณที่แห่งนั้นทันที
"เรียบร้อยแล้วนะพัต ไอ้หมอนั่นมันลบรูปแล้ว ส่วนเช็คที่ให้ไปก็เช็คปลอม สักพักมันคงติดต่อกลับมาอีกแน่" ชนกันต์โทรหาบริพัตรหลังจากออกมาได้สักระยะ
"ขอบคุณมากพี่กันต์"
"พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจนาย ว่าแต่จะได้ผลจริงๆ ใช่มั้ย ถ้าพลาดมาล่ะก็ คุณธนาแย่แน่ๆ เลยนะเว้ย"
"ไม่ต้องกังวลน่า เชื่อมือเถอะ"
"เฮ้ย เจ้านั่นโทรมาโคตรเร็วอ่ะ มันเหาะไปขึ้นเงินหรือไงวะ พี่ไปหัวเราะใส่หน้ามันก่อน แค่นี้นะ"
"ครับ" บริพัตรวางสายลงด้วยความสบายใจ จริงๆ แล้วต่อให้รูปนั้นแพร่กระจายออกไป ชายหนุ่มก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพียงแต่ไม่อยากให้ภูธนาต้องมาคิดมาก
"ว่าไงครับคุณช่างภาพ" ชนกันต์กดรับสาย กรอกเสียงลงไปด้วยความสุภาพ
"เช็คนี่มันเป็นของปลอม มึงกล้ามากนะที่เอามาหลอกกู อยากให้รูปนั่นมันแพร่กระจายบนเน็ตใช่มั้ย" ช่างภาพตะคอกใส่ปลายสายด้วยความโมโห
"จุ๊ๆ ไม่เอาน่า ลดเสียงลงหน่อยครับ ผมไม่ค่อยชอบเสียงดัง" ชนกันต์รีบกดลดเสียงของโทรศัพท์แทบไม่ทัน
"จะเล่นกับกูใช่มั้ย"
"ผมไม่เคยเล่นกับคุณ หรือชอบล้อเล่นกับใคร"
"กูจะเอารูปนั่นไปโพสต์"
"คิดแล้วว่าต้องมีสำรอง งั้นเชิญเลยครับ"
"มึงไม่กลัว?" เสียงที่โมโหนั้นชะงัก เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจสักเท่าไหร่
"ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวนี่ครับ"
"มึงคอยดูละกัน"
"แล้วผมจะตั้งใจรอดูนะครับ โพสต์ที่เวบไหน ข้อความมาบอกผมด้วยนะครับ"
"มึง !!..." ได้ยินเท่านั้น ชนกันต์ก็กดตัดสายลง หมดธุระเสียที แต่ได้หวังว่าแผนของบริพัตรจะใช้ได้จริง ว่าไปแล้วก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย ปกติบริพัตรนิ่งอย่างกับอะไร พอเป็นเรื่องภูธนากับจัดการได้อย่างรวดเร็ว
ชนกันต์เดินกลับเข้าไปห้องพักรับรอง เปิดประตูเข้าไปก็พบภูธนานั่งหน้าเครียดอยู่ในนั้น ใบหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียดและดวงตาเหม่อลอย คงไม่พ้นเรื่องรูปนั่นแน่นอน
"คุณธนาครับ คุณธนา" เจ้าของชื่อไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินเสียงเรียก
"คุณธนา" ชนกันต์ตัดสินใจเดินเข้าไปหา พร้อมเขย่าไหล่คนที่นั่งอยู่พอให้ออกจากภวังค์
"คะ ครับ?" ได้ผล ภูธนาหันมามองชนกันต์
"เรื่องรูปนั่น ผมจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องคิดมากแล้วนะครับ"
"จัดการเหรอ? พี่กันต์จัดการด้วยวิธีไหนเหรอครับ"
"บอกไม่ได้ครับ พอดีคนที่ช่วยน่ะ เค้าไม่ได้บอกรายละเอียดมา"
"อย่างนั้นเหรอครับ ลำบากทุกคนแย่เลย ขอโทษด้วยนะครับ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก คุณธนาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" ชนกันต์ตบบ่าที่ไหล่งองุ้มนั้น 2-3 ทีอย่างเป็นกำลังใจ
"แล้วจะให้ผมตอบแทนพี่ยังไงดี"
"ไม่ต้องหรอก ขอแค่คุณธนาตั้งใจทำงาน และอย่าเป็นแบบนี้อีกก็พอ"
"แบบนี้? แบบไหนกันครับ" ภูธนาถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
"ก็ไอ้แบบที่เหม่อ ใจลอย เรียกก็ไม่ค่อยรู้สึกตัว แล้วก็ไม่มีสมาธินี่แหละครับ"
"ผมไม่ค่อยสบายใจเรื่องรูปนั่นน่ะครับ"
"ผมรู้ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วก็เลิกกังวลเถอะครับ"
"ครับ ขอบคุณพี่กันต์มากนะ ว่าแต่ใครที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผมอีกครับ ผมอยากขอบคุณ" ภูธนายกมือไหว้ชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้า ทำให้ชนกันต์รับไหว้เกือบไม่ทัน
"ไม่เป็นไรหรอกคุณธนา ถ้าเจ้าตัว เค้าอยากได้คำขอบคุณ เดี๋ยวเค้าก็มาบอกคุณเองแหละ ไม่ต้องห่วง"
"ผมรู้จักเค้าใช่มั้ยครับ" ภูธนาถามกลับด้วยความแปลกใจ
"ไม่รู้เหมือนกันนะ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นเลย วันนี้ซ้อมเป็นไงบ้างครับ" ชนกันต์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดในเวลานี้
"ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ พี่จอมบ่นใหญ่เลย"
"พรุ่งนี้มาซ้อมแบบเอาให้พี่จอม งงเป็นไก่ตาแตกไปเลยนะครับ" ชนกันต์พูดติดตลกให้เจ้าตัวได้ผ่อนคลายมากขึ้น
"แน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ต้องพลอยโดนดุไปด้วยแน่ๆ"
"ช่วงนี้คงต้องซ้อมเยอะๆ หน่อยนะครับ เพราะสัปดาห์หน้าก็จะแข่งแล้ว"
"ครับ ผมก็กังวลอยู่เหมือนกัน กลัวจะทำให้ผิดหวัง"
"คุณธนาครับ อย่าหาว่าผมสอนคุณเลยนะ แต่คุณต้องคิดให้น้อยๆ ลงหน่อย เรื่องทุกอย่างน่ะมันไม่สามารถเป็นได้อย่างใจของทุกคนได้หรอก มันก็ต้องมีสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา แค่คุณทำให้เต็มที่ก็พอแล้ว"
"ขอบคุณครับพี่กันต์ แล้วก็ขอโทษที่ต้องทำให้เป็นห่วงตลอด"
"ถึงเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมค่อนข้างถูกชะตากับคุณนะ มีอะไรก็อยากจะพูดตรงๆ หวังว่าคุณจะไม่โกรธ พี่ชายคนนี้นะ"
"ครับ ขอบคุณจริงๆ" ภูธนาส่งรอยยิ้มสดใสในรอบวันให้กับผู้จัดการส่วนตัว ชนกันต์เห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งอก อย่างน้อยคำพูดของเขาคงจะไม่เสียเปล่า
ภูธนากลับถึงที่พักใกล้เวลาพลบค่ำ ถือว่าวันนี้เขาได้เลิกงานเร็วที่สุดเลยก็ ว่าได้ เขาออกจากลิฟต์มาด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างผ่อนคลาย ปัญหาเรื่องรูปนั่นก็ถูกแก้ไขได้แล้ว แถมยังได้กลับมาพักผ่อนเร็ว เขาตั้งใจว่าเมื่อกลับมาถึงจะทำสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทานให้อิ่มท้องสักจาน ต่อด้วยผลไม้เย็นๆ สักลูก 2 ลูก หลังจากนั้นจะรีบอาบน้ำและเตรียมเข้านอน ตอนนี้คติของเขาคือมีเวลาให้รีบนอน เก็บแรงให้มากที่สุดเป็นดี
ความคิดที่กำลังคิดอยู่เพลินๆ ก็หยุดชะงักลงเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายใบหน้าคุ้นเคยยืนพิงประตู รอเขาอยู่ ภูธนามองบริพัตรในระยะไม่ไกลนักแต่ชายหนุ่มที่รออยู่นั้นยังไม่รู้สึกตัว ภูธนาคิดขำๆ ว่าถ้าคนตรงหน้านี้อยากจะเป็นดารา นายแบบอย่างเขา อาจเป็นได้ว่าเขาอาจจะตกงานแน่ๆ และถ้าการแสดงของชายหนุ่มไม่โหดร้ายหรือแย่จนเกินไป ยังไงแล้วบทพระเอกต้องมารอคิวให้ชายหนุ่มเลือกแน่ๆ
"ยิ้มอะไรครับ" เสียงทุ้มเรียกภูธนาทำให้ความคิดที่กำลังแล่นอยู่หยุดชะงักอีกรอบ
"เปล่าครับ" ปากตอบไปแต่สายตากลับมองไปที่อื่น
"โกหกไม่เก่งเลยนะครับ"
"มารอนานหรือยังครับ"
"ไม่นานหรอก เพิ่งมาถึงก่อนคุณสัก 10 นาทีนี่เอง"
"ว่าแต่คุณพัตมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาที่นี่ได้"
"จะมาห้องแฟนต้องมีธุระด้วยเหรอเนี่ย"
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แล้ววันนี้คุณพัตไม่ได้ไปทำงานเหรอ" ภูธนามองชุดที่บริพัตรสวมใส่อยู่ซึ่งผิดแผกจากชุดพนักงานบริษัทยิ่งนัก วันนี้บริพัตรสวมเสื้อโปโลปกสีขาว ตัวเสื้อสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบตามสมัยนิยม แปลกตากว่าทุกที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่า คนตรงหน้านั้นแต่งตัวได้ดีจริงๆ ผิดกับแรกเริ่มที่เจอหน้ากันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว
"ครับ วันนี้ผมมีธุระที่ต้องไปทำนิดหน่อย" บริพัตรมองตามสายตาของภูธนาที่มองชุดที่ตนสวมใส่นั้นก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงถามออกมาแบบนั้น
"แล้วเรียบร้อยแล้วเหรอครับ"
"ครับ เรียบร้อยดีมากๆ เลย" บริพัตรยิ้มให้คนตรงหน้ามีหรือภูธนาจะไม่ยิ้มตอบรอยยิ้มแบบนั้นได้
"กินอะไรมาหรือยังครับ" ภูธนาไขกุญแจเข้าห้อง พลางถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงคนที่มาหา
"ยังเลยว่าจะมาฝากท้องที่นี่สักมื้อ ไม่รู้เจ้าของห้องจะใจดีทำให้กินหรือเปล่า"
"อยากกินอะไรครับ เดี๋ยวโทรสั่งร้านมากินเลย" ภูธนาหันมาถามหน้านิ่งๆ กับคนที่เดินตามหลัง
"แค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้"
"ขี้ใจน้อยจริงๆ นะครับ คุณพัต ผมล้อเล่นน่ะ ผมตั้งใจจะทำสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาน่ะ คุณกินได้มั้ยล่ะ ถ้าไม่ได้ผมจะทำอะไรง่ายๆ สักอย่างให้แทน"
"ได้สิครับ คุณทำอะไรให้กิน ผมก็กินได้ทั้งนั้น"
"แน่นะ?"
"แน่สิครับ แต่ต้องไม่ใช่อะไรที่แปลกๆ นะ"
"ผมไม่แกล้งหรอกน่า" ภูธนาหยอกคนรักแล้วก็ขอตัวเข้าครัวไปทำมื้อเย็น
"มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย" บริพัตรเดินตามเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน
"ผมว่าคุณออกไปรอข้างนอกดีกว่าครับ แบบนี้ผมทำอาหารไม่ค่อยสะดวก"
"ไม่สะดวกยังไงหว่า เกะกะคุณเหรอ" บริพัตรทำหูทวนลม ทำเป็นไม่เข้าใจในความหมายที่สื่อของภูธนา
"ถ้าคุณมายืนซ้อนหลังผมแบบนี้ แล้วยังแกล้งผมอยู่แบบนี้ ผมจะทำอาหารได้ยังไงกันเล่า!" ภูธนาข่มความอาย พูดออกมาให้คนช่างแกล้ง
"อ้าวเหรอ ขอโทษที" เสียงทุ้มหัวเราะอย่างมีความสุขที่แกล้งภูธนาได้
"ออกไปได้แล้วครับ" ใบหน้าขาว มีสีเข้มขึ้น เมื่อรู้ว่าตนเองได้ถูกแกล้งโดยสมบูรณ์แบบ ภูธนาดันหลังบริพัตรออกจากห้องครัวไปนั่งรอด้านนอก
มื้อเย็นผ่านพ้นไปท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ของคน 2 คนภายในห้อง ภูธนาคิดว่านี่เป็นความสุขส่วนหนึ่งที่เขาเกือบจะไม่ได้พบกับมันเสียแล้ว ความสุขที่เป็นเพียงมื้ออาหารง่ายๆ แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกเหนือจากเรื่องของภูบดินทร์และภูสิตาแล้ว เห็นทีเรื่องนี้ก็เพียงพอแล้วที่ภูธนาปรารถนาในชีวิต หากว่าวันหนึ่งบริพัตรจะเปลี่ยนใจจากเขาไป แต่เขาก็จะจำความสุขนี้ตลอดไป
"ผมล้างจานเอง คุณไปอาบน้ำเถอะ" บริพัตรอาสาล้างจานในมื้อนี้เอง สปาเก็ตตี้จานนี้อร่อยมากจริงๆ ยิ่งมาจากคนที่รักด้วยแล้วดูจะอร่อยกว่าที่เคยทานมาทุกร้าน
"ขอบคุณครับ" ภูธนากล่าวขอบคุณเสร็จก็หายเข้าไปในห้องนอนเพื่อชำระล้างร่างกายให้สดชื่น
ภูธนาออกมาจากห้องนอนหลังอาบน้ำอีกสักพักใหญ่ ก็พบว่าบริพัตรนั่งหลับอยู่ที่โซฟานุ่มกลางห้องนี้เรียบร้อย ภูธนาขยับเข้าไปใกล้คนที่ยังหลับ หมายจะพินิจดูเครื่องหน้านี้ให้ชัด เขาไม่รู้ว่าวันนี้บริพัตรไปทำธุระที่ไหนมา และไม่คิดที่จะถามด้วย แต่ดูท่าทางแล้วชายหนุ่มคงจะเหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงได้หลับสนิทแม้กระทั่งเขาเข้ามาใกล้ก็ยังไม่รู้สึกตัว
"คุณพัต คุณพัตครับ" ภูธนาเรียกเสียงเบา มือขาวค่อยๆ ปลุกคนที่หลับอยู่อย่างเบามือ
"ครับ" บริพัตรตอบรับคำเรียกแต่ยังไม่ลืมตา
"ง่วงหรือครับ"
"เมื่อคืนผมนอนดึกน่ะครับ"
"อ่าว ทำไมล่ะครับหรือว่าคุณดินคุยด้วยจนดึกครับ"
"อ่า ครับ ประมาณนั้น" เมื่อวานนี้ บดินทร์เตรียมจะเข้ามาซักถามเรื่องของเขากับภูธนา แต่โดนเขาสกัดเอาไว้ก่อน ไม่งั้นคงได้นอนดึกกว่านี้แน่ เพราะเขาต้องเจาะระบบของตากล้องนั้นค่อนข้างนาน เพราะการที่ไม่ได้มีข้อมูลมาเบื้องต้น ชายหนุ่มจึงต้องเริ่มจากโทรศัพท์แล้วจึงค่อยๆ ไล่ตามไปเรื่อยๆ จนเจอต้นตอในที่สุด ดังนั้นกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าตรู่
"นี่ก็เริ่มดึก งั้นไม่กวนแล้ว คุณจะได้พักผ่อน"
"คุณพัตขับรถมาใช่มั้ย"
"ครับ ขับรถมา มีอะไรหรือเปล่า" บริพัตรหันมาถามด้วยความแปลกใจ
"ดูคุณเหนื่อยๆ ผมว่าคืนนี้ คุณนอนที่นี่ดีกว่ามั้ยครับ" บริพัตรมองภูธนา คนที่พูดออกมาอย่างไม่เชื่อตา
"ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าคุณจะหลับใน ก็เท่านั้น" ดาราหนุ่มเสมองไปที่อื่นเมื่อบอกเหตุผลที่ให้บริพัตรนั้นค้างที่นี่
"ผมยังไม่ได้ว่าเลย แต่ถ้าคุณเป็นห่วงผมขนาดนั้นจริงๆ งั้นก็ตกลงครับ" บริพัตรยิ้มให้ชายหนุ่ม แต่ดวงตาใสระยิบระยับเต็มไปด้วยเลศนัย
"ครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมที่นอนให้คุณก่อน"
"จะทำให้ยุ่งยากทำไมกันล่ะครับ ลุงธนา เกือบจะเคยนอนด้วยกันอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้อย่าไปลำบากเลย"
"คุณพัต!!" ภูธนาเดินกระแทกเท้ารีบเข้าห้องนอนไปด้วยความเขิน
สาบานให้ตายเถอะ เขาก็แค่เป็นห่วงคุณพัตเท่านั้นจริงๆ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลย------------------
อาพัตทำได้ยังไงกันเนี่ย ค่อยมาติดตามต่อตอนหน้าเนาะ
สำหรับเรื่องนี้เดินมาใกล้โค้งสุดท้ายของเรื่องแล้วค่า
จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่านานก็นานนะคะ ใกล้จะจบเสียแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านค่า
เขมกันต์ 