- บทที่ 28 - รู้กัน - “มึงนี่นะ ไปไป้” พี่ฟ้าเดินเข้ามาช่วยแกะมือพี่เทออก ไล่ให้ผมออกจากห้อง
ผมหันมองตามมะนาวทันที เขาเดินไปไกลพอควร แบบนี้มันตั้งใจเดินหนีกันชัดๆ
“แม็ต เดี๋ยว” พี่ฟ้า จะเรียกทำไมตอนนี้ ผมกำลังรีบๆ แต่ผมก็ทำได้เพียงหยุดฟัง แต่ตายังมองไปที่ประตูที่ค่อยๆปิดลง
“ครับ?” คนยิ่งรีบๆ อยู่
“กุญแจห้อง” พี่ฟ้าเดินมาหา แบมือตรงหน้าผม
“อ๋อ นี่พี่ ผมไปละ”
ผมหยิบให้อย่างไว ไม่ต้องพูดอะไรต่อผมก็วิ่งทันที
“นาว นาว รอก่อน”
“อ้าว วิ่งทำไมเนี่ย”
ผมผงะเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเจอตาใสๆ สีหน้าสงสัยนิด เหรอหราไร้แววขุ่นหมอง แทบไม่มีความผิดปกติ แต่มันก็ผิดปกติอยู่ดีเพราะเขารีบหันไปทางงานเลี้ยงและยังมุ่งหน้าไปทางนั้นไม่หยุดเลย
“จะได้กลับไปที่โต๊ะพร้อมกันไง”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย ไรของมึง”
โอ้ย ผมควรจะเชื่อสิ่งที่เขาแสดงออก หรือเชื่อสัญชาตญาณตัวเองดีนะ เอาจริงๆ ผมไม่อยากเลือกเลย เพราะถ้าเลือกผิด จะกลายเป็นผมที่ซ้ำเติมให้ทุกอย่างมันแย่
“เอ่อน่า” ผมคว้าคอมะนาวเดินกลับไปหาพงศ์กับเม มะนาวไม่พูดอะไรอีก พ้นลมออกทางจมูกเบาๆ แบบตามแต่ใจผมเลย
แปลกที่เขาทำตัวปกติ แต่เอาจริงๆนะ ไงซะผมก็ไม่วางใจหรอก จะให้เชื่อว่าเขาไม่ได้คิดอะไรเลยเนี่ยนะ ไม่มั้ง ก็ในเมื่อเขาเห็นผมนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงข้างๆพี่เท ก้มๆเงยๆ แถมมือของผมก็ยังอยู่ที่ต้นแขนทั้งสองข้างของพี่รหัสมันซะอีก เรียกภาษาชาวบ้านก็คร่อมอยู่เลยล่ะ ถึงจะเป็นแค่แขนไม่ใช่ทั้งตัวก็เถอะ
ลองคิดภาพดูนะ ถ้าผมเลือกเชื่อว่าเขาไม่คิดอะไรทำตัวปกติต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจเขาดันคิดว่าผมกับพี่เทมีอะไรๆ อยู่ในช่วงรอดูท่าทีผม เจอผมที่นิ่งๆไม่แก้ตัวหรือพยายามอธิบายอะไร เขาคงจะคิดว่าผมมีอะไรแปลกๆ จริงๆ และที่สำคัญพยายามปกปิดอีกต่างหาก
หรืออีกทาง ถ้าเขาไม่คิดอะไรอย่างที่แสดงออกจริงๆ แล้วผมดันรีบร้อนไปบอกเขาว่ามันไม่มีอะไรนะ ผมบริสุทธิ์ใจนะ เกรงว่าผลที่ได้จะกลายเป็นผมร้อนตัว จนทำให้เขาคิดว่าผมมีอะไรแน่ๆ
ฮื้มมม ยากจัง ทางไหนก็เสี่ยง
“รัดแน่นขนาดนี้ กลัวมันไหลหายไปกลางทางรึไงค่ะ” พงศ์พูดขึ้นตั้งแต่ผมพวกผมยังเดินไม่ถึงโต๊ะ
“อ้าว แบกคนพี่ไป ทำไมมึงกลับมากับคนน้องวะ” เม มึงสงสัยได้ดี
“อ๊าว ก็ของกูคนนี้” ผมกระชับคอมะนาวจนหัวโคลง ตอบความจริงสุดๆ แต่ดูเหมือนเมจะคิดว่าผมแค่ล้อเล่น
“เชี้ย มึงอย่ามาเซอร์วิชแฟนคลับตรงนี้ ออร่าคู่จิ้นของพวกมึงไม่มีผลกับคนเมาหรอก” ผมมาหยุดตรงหัวโต๊ะ เมพยายามเอามือแทรกตรงแขนมะนาวกับตัวผมเพื่อแยกเราออกจากกัน
แต่เสียงที่ดังมาจากโต๊ะข้างๆทำให้เราหันไปมอง
“มี น้องเมอย่าพูดงั้นซี่ มาๆๆ แม็ตนาว หันมาทางนี้หน่อยพี่จะถ่ายรูป” ผมจะยกแขนออกจากคอมะนาว
“อ่ะๆๆๆ อย่าปล่อย กอดคอไว้งั้นแหละ” พี่ผู้หญิงคนนึงส่งเสียงและรีบรุดมาทางเรา พร้อมๆกับเพื่อนที่โต๊ะของเขาที่มองตามกันทั้งแผง รู้สึกโต๊ะนั้นจะเป็นโต๊ะหญิงล้วนที่พร้อมใจส่งสายตาวิบวับมาทางผมกับมะนาว
“ผมยังไงก็ได้ครับ แต่พี่ต้องถามมะนาวก่อนว่าจะให้พี่ถ่ายรูปไหมนะ” ผมบอกไปตรงๆ
“อะไรของมึงเนี่ย ทำไมต้องโบ้ย”
“ก็มึงกำลังอารมณ์ไม่ดีนี่”
“เอามาจากไหน กูเปล่า”
“แน่ใจ?” ผมเลิกคิ้ว
“เออ”
“ทำไมไม่รอล่ะ”
“รอ? รอไรวะ หมายถึงเมื่อกี้เหรอ?”
หรือเขาแค่อยากกลับเข้าวง? อืมมมมม
ถ้าผมจังเซ้าซี้ต่อ เขาจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆแล้วล่ะทีนี้
“งั้น จะให้พี่เขาถ่ายไหม?” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่จะกลายเป็นโชว์รสขม ตีกันให้เขาดู
“ถ่ายเสร็จแล้วล่ะ ขอบใจจ้า ฮ่าๆๆๆ” ผมหันกลับไปก็เจอพี่แกกำลังสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เช็ครูปที่ถ่ายเมื่อกี้ “แกๆๆ เห็นไหมถ่ายตรงๆดีกว่าไปแอบถ่ายไกลๆ เย้อะ”
เดึ๋ยวนะ
ถ่ายตอนไหน?
“อ้าว?” มะนาวเองก็หันไปเจอเหมือนที่ผมเห็น พี่สาววิ่งเริงร่าเอารูปไปอวดเพื่อน
“ไอ้บ้า เขาถ่ายตอนที่มึงยืนเถียงกันงุงิๆๆ นั่นแหละ” เมตอบความสงสัยของเรา
“เห้อ อีกนิดนึงปากมึงจะชนกันอยู่แล้วเชียว กูกำลังลุ้นเลย หื้ม กูคิดไม่ตกเลยว่าจะจิตนาการว่าตัวเองเป็นนาว หรือจินตะว่าปากกูเป็นแม็ตดี” พงศ์ทำปากจู๋ยกนิ้วแตะปากตัวเอง
“เพ้อเจ้อ!” เมพูดใส่หน้าพงศ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามแบบไม่ปราณี พงศ์เบะปากไม่สนใจ ขยับให้ผมกับมะนาวนั่งด้วยแล้วเริ่มชงเครื่องดื่มให้พวกผม
“กูว่ากูเป็นมึงดีกว่า อยากได้รุ่นใหญ่” พงศ์เปลี่ยนเป้าไปลงที่เมแทน
“ได้ห่าอะไรของมึง”
“โอ๊ย ไม่ได้ก็เหมือนได้อ่ะคะ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ขนาดนั้น”
“ยังไงๆ เล่าๆ”
“ตอนมารวมที่คณะก่อนออกมานี่อ่ะนะคะเมิง พี่ยีนส์ก็แวะมารับเมโดยอ้างว่าทำตามใบสั่งเจ้โนอาเหมือนปกติ๊ หรือถ้าเป็นฝั่งไอเมก็จะบอกว่าเพราะพี่สาวมันกำชับไว้ร็อกไม่มีอะไร๊ กูรู้ว่าพี่ยีนส์แกจะผ่านมากูเลยขอเกาะล้อเข้าคณะมาด้วย ทีนี้ตอนกูขึ้นไปเจอคือท่านประธานกับลูกสาวกำนันแกก็กำลังเถียงกันอยู่บนรถค่ะ ด้วยหัวข้อว่างานไม่เสร็จเดี๋ยวขับมอไซค์ตามไป ลูกสาวแกกลัวพ่อโดนสิบล้อเกี่ยวลงข้างทางให้มดแดกอ่ะค่ะ เลยไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม”
‘ขับกลับชลบุรีออกบ่อย ก็ไม่ต่างกัน’ พงศ์หรี่ตาลง ยกมือขึ้นทำท่าเหมือนคนกำลังขับรถ พูดออกมาด้วเสียงพี่ยีนส์
ก่อนจะหันไปอีกข้าง กอดอกทำแก้มป่องพูดด้วยเสียงบีบเล็กพยายามทำเสียงพี่โนอา
‘ไม่ต่างได้ไง นี่มันกลางคืน ไกลกว่าตั้งเยอะด้วย’
‘เชียงใหม่ก็ไปมาแล้ว ใกล้แค่นี้ชิลๆ น่า’
‘ขากลับอีกล่ะ เมาแน่ๆ จะทำไง’
‘เอาน่าพี่ขับได้’
“แค่กๆ แสบคอ มาถึงตรงนี้อยู่ๆ อิเมก็พูดขึ้นว่า อยากกินเค้ก”
‘ที่รีสอร์ทจะมีเค้กไหมนะ’ พงศ์เลียนเสียงและท่าทางของเมด้วยความเหมือน 90%
“หลังจากนั้น... กูก็เหนื่อยว่ะไม่เล่นละ” พงศ์เลิกแสดงบทบาทสมมุติ กลับมาเล่าแบบปกติ “พี่โนอาแกบอกเลยว่าไม่มี ถึงมีก็ปิดเพราะดึก มีแต่ในกรุงเทพเท่านั้นแหละที่จะหาเค้กได้ ถึงได้ไปมอไซค์ก็คงเละเทะไม่น่ากินบลาๆ แล้วเมมันพูดว่าไงรู้มะ”
‘เหรอ เสียดายจังอุตส่าห์เป็นห่วงเค้ก’
พงศ์มองแรงไปทางเมที่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“มึง ร้าย” มะนาวพูดทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเมจะพูดอย่างนั้นจริงๆ
“เออสิ อิดอก ร้ายมาก รู้ไหมผลคือ”
“พี่ยีนส์ขับรถยนต์มา” ผมเห็น เขามาถึงหลังพวกเราประมาณชั่วโมงนึง ทั้งที่ออกจากมหาลัยหลังพวกเราเกือบสามชั่วโมง
“ถูก มันได้แดกเค้กด้วย แม่ง ทำบุญด้วยอะไร พออยากจะเป็นผู้ชายก็หล่อจนตุ๊ดอย่างกูอยากได้เป็นผัว พอเผยความชะนีเข้าหน่อยก็มีผู้ชายมาติดพันเป็นถึงระดับของดีพรีเมียม ได้ทั้งคนได้ทั้งเค้ก”
“พูดดีๆ คนกูไม่อยากได้นะเว้ย”
“เดี๋ยวมึงก็ได้ กูขอสาปแช่ง”
“มึงบุญไม่พอ สาปใครไม่ได้หรอก”
“หน่อยๆๆ ปากมึงนี่”
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
อยู่เสียงกรี๊ดก็ดังมาจากหาด แทบทุกคนที่ยังมีสติดีอยู่หันไปมองเป็นตาเดียว
จังหวะที่ทุกคนกำลังงง พี่ยีนส์มาจากไหนไม่รู้ กระโดดข้ามเก้าอี้ที่แออัด วิ่งลงไปที่ชายหาดตามเสียงกรี๊ด
อ้อ นั่นมันเสียงพี่โนอา
พี่ยีนส์วิ่งตรงไปหาพี่โนอา ดึงมากอดทันทีที่คว้าตัวถึง พี่โนอาที่ซุกหน้ากับไหล่พูดไม่เป็นภาษา พี่ป้องที่กำลังเดินตามมาเห็นพี่ยีนส์แล้วจึงหยุด หันกลับไปมองในทะเลกับมองพี่โนอาสลับกัน
“เป็นอะไร โนอา ไม่เป็นไรแล้วๆ”
“ฮื้อๆๆ”
“เกิดอะไรขึ้นป้อง” พี่โนอาเอาแต่ร้องให้ พี่ยีนส์จึงหันไปถามพี่ป้องแทน
“คือ...” พี่ป้องยังคงเก้ๆกังๆ มองพี่โนอาสลับกับหันไปมองทางทะเล
“ผี ผี นั่นๆ ฮื้อๆ” พี่โนอาชี้ลงทะเลไปทั้งที่หันหลังให้ อาการสั่นกับความหวาดกลัวมันดูเกินกว่าคนตกใจกลัวผีทั่วไป
“ไม่เป็นอะไร พี่อยู่นี่ๆ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรนะเด็กดี”
คือว่า ผมมองพวกเขาอย่าง... ไม่เข้าใจ นั่นเหมือนไม่ใช่พี่โนอา
พี่ป้องเดินลุยน้ำลงทะเลไป ลงไปจนระดับน้ำสูงกว่าเข่า ก้มลงยื่นมือลงไปในน้ำ หยิบบางอย่างขึ้นมา
มันคือถุงพลาสติกใบใหญ่มากๆ คงแช่น้ำนานจนเริ่มเหลืองเก่า พี่ป้องยกโชว์สูง ส่ายหน้าเล็กน้อย พอๆ กับพี่ยีนส์ที่ถอยหายใจเฮือกใหญ่จนผมอยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้ถึงไหล่ที่ลู่ลง
“ไม่เป็นไรน่า ไม่เอา ไม่ร้อง พี่อยู่นี่แล้ว มันแค่ถุงพลาสติก ดูสิ”
“ไม่ ไม่ ฮื้อๆ”
แต่มันไม่ทำให้พี่โนอาหยุดร้อง เขากอดคอพี่ยีนส์ไว้ ซุกหน้ากับไหล่แล้วยังตัวสั่นและมีเสียงสะอื้น เหมือนเข้าไปอยู่ในภวังค์ความกลัวของตัวเอง
“ชิ้ แย่แล้วว่ะ”
“นั่นดิพี่ เมื่อกี้โนอาจ้องตรงนั้นนานมาก ผมน่าจะเรียก”
“ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก ไม่ให้น้องวิ่งลงทะเลก็พอแล้ว” พี่ยีนส์โอบแล้วยกพี่โนอาลอยในอากาศ แบกขึ้นไหล่ แล้วพาขึ้นมาข้างบน ไปอยู่ในอาคารโรงจัดเลี้ยงที่ไฟสว่างที่สุด หลายๆคนที่เห็นเหตุการณ์พากันเงียบและได้แต่มองตาม
“เอ้าๆ อย่าเงียบดิ จะกินจะเล่นก็ทำต่อไป ไม่ต้องสนใจเรื่องชาวบ้านเลยพวกมึง” พี่ป้องตบมือแปะๆ สลายความสอดรู้ของคนมากมาย มีโต๊ะผมเนี่ยแหละ ที่ปากดีกล้าเสือกต่อ
“พี่ป้อง พี่โนอาเป็นอะไรอ่ะ?” เมเป็นตัวแทนหมู่บ้านเผือกจังครับ
“ผวา”
“ทำไมต้องผวา?” ตามมาด้วยรองหัวหน้าหมู่บ้าน มะนาว
“มันเป็นเรื่องฝังใจตั้งแต่ยังเด็ก โนอาเคยพายเรือเล่นที่บ้านสวน แล้วมีศพลอยตามเรือมา พี่ยีนส์บอกว่าอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงกว่าจะมีคนมาเจอแล้วช่วยขึ้นจากเรือ เด็กสิบขวบ แต่เป็นซึมเศร้า คิดดู”
“กูเข้าใจพี่ยีนส์เลย” มะนาวกับเพื่อนๆ ผมถอนหายใจพร้อมกัน
ผมสิ นึกถึงน้องสาวของผมขึ้นมาเลย เดิมทีที่ไม่รู้เรื่องนี้ผมก็เข้าใจพี่ยีนส์อยู่แล้วนะ ว่าทำไมต้องหวงต้องห่วงน้องมากขนาดนั้น พอมารู้เรื่องนี้ โคตรซึ้งเลย
“พี่ยีนส์เลยกลายเป็นคนติดน้องตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ยอมให้โนอาอยู่คนเดียว เขาโทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่ไม่ดูน้อง”
“พี่ยีนส์เล่าให้พี่ป้องฟังเหรอ” เมยังคงสงสัยในหัวข้อนี้อย่างจริงจัง
“อื้ม เล่าตอนที่บอกว่าน้องจะมาเรียนที่นี่ ให้ช่วยเรื่องจับสายตอนนั้น”
“พี่ก็เลยยอมช่วย?”
“เขาไม่ได้ถามความเห็น บอกเหตุผลก็จริง แต่จริงๆก็คือบังคับนั่นแหละ”
“เพราะรู้อย่างนี้ พี่ป้องก็เลยไม่ยอมคบกับโนอา ทั้งๆที่รู้ว่าเขาชอบตัวเอง” เมเปลี่ยนสีหน้ากับน้ำเสียง เป็นการจับผิดพี่ป้อง
“เม ไม่เอาน่า”
“ชอบกันแท้ๆ ทำไมต้องแคร์ไอ้บ้านั่นด้วย”
“ไม่ใช่เพราะอย่างนั้น”
“แล้วจะหลบหน้าโนอาทำไม เวลาพี่เดินหนีโนอา รู้ไหมว่าคนโดนตีมันคือไอ้นี่” เมชี้หน้าตัวเอง สีหน้าเจ็บแค้นสุดๆ
เออ อย่างนี้นี่เองผมเชื่อแล้วว่าเมมันรู้ใจพี่ผมจริงๆ รู้ลึกรู้จริงชนิดไม่เป็นมันไม่รู้หรอก
มะนาวสะกิดผม แล้วเอียงหน้ามาหาหูผม
“เกิดอะไรขึ้นตอนกูไม่อยู่รึเปล่าวะ รู้สึกตามเรื่องไม่ทัน”
“ก็ นิดหน่อยนะ” เรื่องพี่เทพี่มึงก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้เนี่ยแหละ “เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ผมปิดท้ายอย่างเอาใจ รู้สึกมันจะสนใจเรื่องคนอื่นจนลืมทำมึนตึงใส่ผมไปแล้ว เลยถือโอกาสตามใจไปก่อน
หลังจากนั้นทุกคนก็ดูเงียบๆเหงาๆ ไม่เฮฮาโวยวายกันอีก ทั้งที่กำลังเมาได้ที่ พวกพี่ๆ ปล่อยพวกปีหนึ่งกลับห้องไปนอนได้ถ้าอยาก แถมกำชับห้ามทำอะไรพิเรน ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว ห้ามลองดี บางคนก็เริ่มเปิดเรื่องผีทั้งของในคณะและตามค่ายรับน้องมาเล่า
เราคุยเล่นกันไปสักพัก ก็มีคนเดินเข้ามาที่โต๊ะ
“พี่ป้องๆ พี่ยีนส์ให้ไปหา” พี่ปีสองคนหนึ่งเดินมาบอกพี่ป้อง ผมมองตามไป พี่โนอานั่งอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้า มีพี่ยีนส์นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วจับมือพี่โนอาไว้ พี่ผมยังดูไม่โอเคเลย
“แม็ต มึงไปอีกคนไป้ ครบสายเลย” เมแซวผม
“ถ้ากูไป มึงก็ต้องไปด้วย”
“เกี่ยวไร”
“โทษฐานรู้ดี คู่ควรตำแหน่งพี่สะใภ้”
“สัส”
รู้ดีจริงๆครับ สาวๆเขารู้กัน ไล่ต้อนพี่ป้องได้ ต่อรองกับพี่ยีนส์แบบอยู่หมัด พี่โนอาก็ดูรู้ใจอย่างกะกล้วยหอม B1 กับ B2 ส่วนผมถ้าขัดใจมันก็คงพร้อมกระโดดตบหัว โดนบงการทั้งสายแบบผูกขาดที่มนุษย์เมแค่คนเดียว คิดๆแล้วผมก็เบื่อหน้ามันครับ
“มึงก็สวยขึ้นนะเนี่ยช่วงนี้ มีความรักใช่ไหมบอกมา” พงศ์พูดขึ้นเสียงดัง เอาจริงๆ ช่วงสอบทุกคนโทรมมากกินเยอะนอนน้อยหัวฟูตาโหล ห่างไกลคำว่าสวยหล่อกันทุกคนครับ แต่ผมคิดว่าจุดประสงค์ของพงศ์ที่พูดแบบนั้นออกไป เพราะคนที่เดินมาไกลๆ ข้างหลังเมโน้น “ตาก็เยิ้ม ผมเผ้าก็ไม่สนใจเซต ไม่ตัดสั้นติดหนังหัวแล้วด้วย กะจะไว้ยาวแล้วใช่มะ?”
“หัวกูเรื่องของกู”
“แล้วถ้าผัวมึงอยากให้ไว้ยาวอ่ะ?”
“โอ้ย อิพงศ์ รอกูมีผัวก่อนแล้วกัน กูค่อยตัดสินใจว่าจะตามใจผัวดีไหม โอเคนะ เพราะงั้น ไม่เสือกดิ”
“ใช่ จะยาวจะสั้นพี่ก็โอเค” พี่ยีนส์มายืนกอดอกพูดอยู่หลังเม
“เฮ้ย มาเมื่อไหร่เนี่ย”
“ตั้งแต่ สวยขึ้นนะช่วงนี้ พิ้งค์พิ้งค์ เดี๋ยวมาเอารางวัลนะ”
“โฮ๊ะๆๆ ขอมงฯเล็กๆ เหมาะกับหนูค่า”
“ฮ่าๆๆ”
“พี่โนอาโอเคมั้ยพี่” ผมถาม ระหว่างที่พี่ยีนส์ชี้มือชี้ไม้สั่งให้เมชงเครื่องดื่มให้ รอบสองแล้วนะวันนี้ที่เห็นเมมันทำตามแบบไม่มีปากมีเสียงเถียงกลับ
“โอเค ที่งอแงก็แค่จะอ้อนพี่รหัสมันนั่นแหละ ไม่มีอะไรเลย”
“เขาเป็นงี้บ่อยเหรอครับ”
“ไม่เป็นมาสองสามปีแล้ว แต่มันไม่มีทางหาย มันเป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก”
“พี่ป้องบอกพวกเราแล้วพี่”
“เหรอ เออดี งั้นช่วยกูดูพี่พวกมึงด้วย” ผมกับมะนาวพยักหน้า
“แล้วมันเกี่ยวกับที่ไม่ยอมให้โนอามีแฟนตรงไหนเนี่ย” เมพูดขึ้น ไม่ยอมส่งแก้วให้ กำปากแก้วไว้ถามอย่างหาเรื่อง
“ไม่ใช่ไม่ยอม แต่คนที่เข้ามามันมีแต่พวกกะโหลกกะลานี่หว่า”
“ไม่ลองให้คบจะรู้ได้ไง”
“ยังไม่เจอคนเข้าท่า”
“ไม่เข้าท่าๆ” เมทำเสียงล้อเลียนจนผมรู้สึกว่าพงศ์เริ่มถอยหลังชิดพนักเก้าอี้
“เมเคยเห็นเวลาเจ้เฟอกหักแล้วไม่เป็นอันทำอะไรไหม? ผู้ชายเลวๆพวกนั้นเคยรับผิดชอบอะไรมั้ย ตอนจีบก็ให้ทุกอย่าง สักพักพอหาที่สวยกว่านมใหญ่กว่าได้ก็โยนทิ้ง เจ้ไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอขนาดนอนโรงบาลพะงาบๆไม่เคยเห็นหัวส่งแต่ข้อความไม่มีประโยชน์มา พวกแมงดาก็มี หลอกให้ดาวน์รถผ่อนบ้านที่เจ็บใจคือหลอกผู้หญิงหลายๆคนพร้อมกัน ควายไปสิ พวกเรายังเด็ก จะรู้อะไร”
“เป็นผู้ชาย เลยคิดว่ารู้จักผู้ชายทุกคนในโลกว่างั้น”
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่ว่า ถ้าเจอแบบนั้นไปรู้ตอนที่ถอนตัวไม่ขึ้น จะทำไง ผู้หญิงส่วนใหญ่บูชาความรัก ทุ่มจนเกิน โนอาก็จะเป็นอย่างนั้นถ้าไปรักใครเข้า ไม่อยากให้ไปรักคนที่ไม่ดี”
“แล้วพี่ป้องโอเคไหมพี่” มะนาวถามขึ้น
“เราคิดว่าไงล่ะ?”
“ผมไม่ค่อยรู้จักพี่ป้องอ่ะ แต่ดูเขาก็เป็นคนดี หล่อด้วย ใส่แว่น ดูใจดี พึ่งพาได้”
“มึงมีผู้ชายใส่แว่นเป็นของตัวเองแล้วค่ะ อย่าไประราญของคนอื่น” พงศ์ก้มลงมองลอดใต้คางผมโวยวายใส่มะนาวที่นั่งถัดจากผมไป
“กูชมใครไม่ได้หมายความว่าดูอยากได้เองเหมือนมึงนะ”
“ไม่ชมกูก็อยากได้ค่ะ กูอยากได้ผู้ชายทุกคนเป็นเรื่องปกติ”
“แล้วกูต้องเหมือนมึงด้วยรึไงเล่า มึงกลับเข้าประเด็นก่อนได้ไหม” พี่ยีนส์ไม่ค่อยสนใจพวกเราเท่าไหร่ ยังเหลียวหลังมองที่น้องสาวตัวเองไม่ให้คลาดสายตา
“ประเด็นอะไรวะ?” พงศ์ทำหน้าเอ่อ “อ้อ พี่ป้องโอเคนะพี่ หล่อ สุภาพ คุณชายๆ”
“พี่รู้จักพี่ป้องมานานสุด ในสายตาพี่ พี่ป้องเขาเป็นไงล่ะครับ” ผมถามพี่ยีนส์ เขาถอนหายใจแล้วยกแก้วขึ้นดื่มนิ่งๆ
“จนถึงตอนนี้ก็เป็นคนเดียว ที่จะยอมให้ไปรับไปส่งแทนละนะ”
พวกเราเอาแต่มองตามสายตาพี่ยีนส์ มองภาพคนสองคนที่นั่งข้างกันเงียบๆใต้แสงไฟ
ไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครเข้าใจว่าพี่โนอาเป็นแฟนพี่ยีนส์ ดูความหวง กับสายตาที่ไม่เคยมองไปที่อื่นเลยของเขาสิ นั่นขนาดนั่งหันหลัง ยังหันไปมองทุกสิบวิ มานั่งฝั่งนี้เลยไหมครับพี่
เดี๋ยว เดี๋ยวนะ แก้วที่เมชงใหม่เมมันยังกำอยู่ แล้วแก้วที่พี่ยีนส์กิน... มันแก้วเมนี่หว่า
หึ้?
“พิ้งคึ รวมตัวค่า” พี่มีมี่เรียกข้ามโต๊ะมา เปิดหมวกปีกกว้างบนหัวโบกไปมา ข้างๆก็มีเพื่อนสาวโบกผ้าพลิ้วๆเรียกด้วย
พงศ์เด้งตัวขึ้น พาตัวกลมๆไปตามเสียงหัวใจเรียกร้อง
ผมมองนั่นมองนี่ ทำเป็นมองไปทางทะเล หาเรื่องชิ่ง
“นาว ไปเดินเล่นที่หาดกัน ป่ะ”
“อื้ม” มะนาวเดินตามผมมาทันที ก็เราไม่อยากเป็น กขค นี่นา
ข้ออ้างนั่นครับ จริงแล้วผมอยากมีเวลาส่วนตัวกันสองคนบ้างต่างหาก
เราถอดรองเท้าไว้ เดินเท้าเปล่าลงไปที่หาด ชายเสื้อมะนาวปลิวไปมา ผมเขาก็โดนลมพัดจนลู่ไม่เป็นทรง
เขาเดินก้มหน้าไม่พูดอะไร มะนาวโหมดเม้มปากก็น่ารักไปอีกแบบ
ผมรู้เขามีอะไรอยากพูด แต่ยังไม่ยอมพูด เดินไปเดินมาอยู่กับความเงียบ เขาไม่พูดอะไร ผมก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
เสียงพูดคุยเริ่มห่างออกไป เสียงคลื่นซัดทรายชัดขึ้น ผมอยากเดินไปโอบไหล่เขา แต่ความจริงเรื่องเขากำลังอารมณ์ไม่ดีและตรงนี้มีคนมากเกินไปทำให้ผมได้แต่ยิ้มบางๆให้ด้านหลังของเขาในความมืด
“เห็นรอยตรงนี้ไหม?”
ผมชี้ให้เขาดูรอยทรายยุบเป็นรูปคน
“อะไร”
“เมื่อกี้พี่เทหลับอยู่ตรงนี้”
“อะไรนะ? ตรงนี้เหรอ ได้ไง” มะนาวมองกลับไปที่โต๊ะ แล้วมองตรงนี้ มันไกลกันมากพอควร
ผมหัวเราะ ไม่รู้จะเล่ายังไงต่อ
“บ้าป่ะ มานอนตรงนี้”
“พี่โนอาเมา หาเรื่องพี่ยีนส์ ก็เลยลากพี่เทมาตรงนี้แล้วตะโกนด่าใส่ทะเล เขาคุยกันเสร็จไปอยู่ไหนกันแล้วก็ไม่รู้ แต่พี่เทนอนจมคลื่นอยู่นี่” ช่วงนี้น้ำลด ดังนั้นรอยตรงนี้จึงยังชัดไม่มีอะไรมาลบไป
“แล้ว หลังจากนั้นล่ะ”
“กูก็แบกพี่เทกลับห้อง”
“อ๋อ เหรอ”
“ตอนนั้นกูก็คิดว่า คนที่กูแบกต้องเป็นมึงสิมันถึงจะถูก”
“...”
“ตอนที่กูเหม่อๆ เขาก็เตะก้านคอกู แล้วก็ใช้สันมือทุบไหล่กูแทบหัก”
“ฮ่าๆๆๆ จริงดิ สม”
“เฮ้ย เข้าข้างพี่มึงเหรอ”
“แน่อยู่ละ เออ มึงบอกพี่กูเมามากใช่ป่าว กูกลับไปดูหน่อยดีกว่า เดี๋ยวอ้วกใส่ที่นอน ซวยกันหมด”
“เฮ้ย ไม่ต้อง!”
“อ้าว ไมอ่ะ”
“ปล่อยเขาไปเถอะ กูอยากให้มึงอยู่นี่ กับกู” ผมพูดลอยหน้าลอยตา เป็นเขาซะอีกที่ต้องหันกลับมามองผมงงๆ
“เมาใช่ไหมเนี่ยมึง”
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้อยากจับมือมึงมากเลย”
มะนาวขมวดคิ้วย่นหน้าใส่ผม แล้วจับข้อมือผมไปวางไว้บนไหล่เขาแทน ผมยืนซ้อนหลังเขา ถ้ามองจากข้างบนคงจะไม่สะดุดตาเท่าไหร่
“เห้อ” หลังจากยืนเงียบๆมาสักพัก มะนาวก็สูดหายใจเข้าลึกมาก แล้วพ่นออกมาเฮือกใหญ่
“...” ผมมองข้างหลังมะนาว เขาถอนหายใจแล้วก้มหน้า สักพักก็สูดหายใจเข้าอีก แล้วถอนหายใจยาวกว่าเดิมซะอีก
“เห้ออออออ”
“เป็นอะไร?”
“มึงอยากแค่จับมือ กูดิ โอ้ยยยย!” มะนาวขยี้หัวจนผมเสียทรง แต่ผมเขาก็ตกลงมาทิ้งตัวตรงเหมือนเดิมอย่างกับโฆษณายาสระผม ผมมองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ
“อะไร ฮ่าๆๆ”
“กู อยากจูบมึงชิบหาย แต่แม่ง”
มะนาวกัดปากแล้วเริ่มเดินหนีผมออกไป ทิ้งแขนผมไว้ไปยืนก้มหน้ามองคลื่น มองเท้าตัวเอง
“ปวดฉี่จัง ไปห้องน้ำดีกว่า” ผมพูดเสียงดัง ก่อนหันหลังให้ทะเลแล้วออกเดิน
“เอ้า นึกจะไปก็ไป”
ผมหยุด หมุนกลับไปทางทะเลที่มะนาวยังยืนงงอยู่ หรี่ตาลง พูดเบาๆ หวังว่าเขาจะได้ยิน
“อย่าโทษกู กูกำลังตามใจมึงนะเนี่ย”
“อึก”
“ไง?” สนใจไปห้องน้ำด้วยกันไหม? ผมยืนกวนๆ รอคำตอบจากเขา
“เอ่อะ” เขาอึ้งไปสักพักกว่าจะตั้งหลักได้ แล้วทำปากบอก “เดี๋ยวตามไป”
ผมยืนพิงขอบประตูห้องน้ำห้องในสุด กอดอกเล่นมือถือบังหน้าไปงั้นๆ
ห้องน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทมีสองที่ ผมเดินเลยเข้าไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลหาดมากกว่าเพราะคิดว่าห่างไกลผู้คน คนคงไม่เดินมาถึง ในนี้มีโถ่ฉี่สามโถ ห้องน้ำที่เป็นห้องอาบน้ำในตัวสองห้อง ทุกอย่างสะอาดดี เว้นบนพื้นที่มีเม็ดทรายไปซะทุกที่
ผมไม่รู้มะนาวจะตามมาจริงไหม แถมไม่รู้ด้วยว่าจะมาเมื่อไหร่ แล้วยังต้องลุ้นว่าจะโก๊ะไปโพล่อีกห้องน้ำโน้นมั้ย น่าเป็นห่วงไปซะทุกอย่าง แต่ทำไมก็ไม่รู้ รู้สึกใจนิ่งและไม่ร้อนรนเลย มันเย็นวาบและพร้อมที่จะรอ
ตอนแรกผมพยายามไม่คิด เพราะมัวแต่อึ้งเรื่องห้องโดนยึด แต่พอเขาเผยความรู้สึกตัวเองออกมา ผมกลับมีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนเขาหรือมากกว่าเขาซะด้วยมั้ง แล้วทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสนองความรู้สึกเขาได้
อยากจูบ... ไปหัดพูดจาน่ารักแบบนี้มาจากไหนนะ
ผมไม่เคยรอคอยที่จะจูบเขามากขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกอยากจูบเขามากขนาดนี้
เขาไม่เคยบอก ไม่เคยเรียกร้องอะไรทำนองนี้ วันนี้เหมือนเขาจะมีเรื่องติดใจสงสัย
แต่ทำไมต้องน่ารักมากลบความขี้หึงของตัวเองด้วย ทำไมทำไม่รู้ไม่ชี้เก่งนัก
แกร็ก
ประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมๆกับผมที่เงยหน้าขึ้นมอง มะนาวสบตากับผม
ผมยิ้ม
มะนาวมาแล้ว เขายืนอยู่ใกล้แค่นี้เอง
------------------------------------------
TBC.
หายไปนาน ไม่ถึงกับตัน แค่เขียนไม่ออก เหอๆ (ต่างกันตรงไหน?)
ถ้าคนเขียนเผลอไปอ่านเรื่องของคนอื่น จน ติด จนเพ้อ จะมีความชิบหายตามมาคือเขียนเรื่องตัวเองไม่ออก ก็เลยกลายเป็นอย่างนี้แล ผมขอโต้ดก้าบบบ
แจ้งข่าวเรื่องแยกของ พี่ฟ้าเท
ไปจ้า ตามไปจ้า ➽ ลอง เจ็บซ้ำ... Try Again. ➽ เพิ่งลงได้ 2 ตอนเบาๆ
เบาๆ